txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# Spotify ไตรมาส 3/2020 มีผู้ใช้เพิ่มขึ้น 29%, ผลประกอบการพลิกขาดทุนจากการลดราคาดึงดูดผู้ใช้หน้าใหม่
Spotify ออกผลประกอบการไตรมาส 3 ประจำปีนี้อย่างเป็นทางการแล้ว โดยยอดผู้ใช้ยังคงเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Spotify รายงานว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งานแอคทีฟต่อเดือนบนแพลตฟอร์มอยู่ที่ 320 ล้านคน เติบโตขึ้น 29% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ส่วนผู้สมัครสมาชิกในไตรมาสนี้อยู่ที่ 144 ล้านคน เติบโตขึ้น 27% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าสูงกว่าที่ทางบริษัทคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยจุดสำคัญของไตรมาสนี้คือ Spotify เปิดให้บริการในประเทศรัสเซียอย่างเป็นทางการ
ส่วนรายได้ในรูปแบบตัวเงิน Spotify เติบโตขึ้น 1.98 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 14% แต่มีผลประกอบการขาดทุน 101 ล้านยูโรแม้ว่าในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วมีผลประกอบการเป็นกำไร โดยทางบริษัทให้เหตุผลว่าเนื่องจากลดค่าบริการแบบครอบครัวในบางประเทศเพื่อดึงดูดผู้ใช้ใหม่ ทำให้รายได้ต่อผู้ใช้ลดลง
ในด้านคอนเทนต์ Spotify มีพอดคาสท์บนแพลตฟอร์มแล้วกว่า 1.9 ล้านตอน เพิ่มขึ้น 19% ส่วนเพลงมีเปิดตัวบนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว โดยมีอัลบั้ม Folklore ของ Taylor Swift ทำสถิติสตรีมมิ่งสูงที่สุดของศิลปินหญิง
ที่มา - Engadget, Spotify
ภาพจาก Spotify
|
# สรุปรีวิว Nvidia Geforce RTX 3070 FE ประสิทธิภาพสูสี 2080Ti แต่กินไฟน้อยกว่า ราคาต่ำกว่าเกินครึ่ง
สื่อหลายเจ้าเปิดเผยผลรีวิว Nvidia Geforce RTX 3070 Founder Edition การ์ดจอตัวรองท็อปของ Nvidia ออกมาแล้ว โดยเป็นการจอที่ Nvidia ระบุว่าแรงกว่า 2080 Ti ในราคา 499 เหรียญ มาพร้อม 5,888 CUDA Cores ความเร็ว 1,500 MHz บูสต์ได้ถึง 1,725 MHz แรม GDD6 8GB แบนด์วิธหน่วยความจำ 448GB/s และ TDP ที่ 220W (ใช้พาวเวอร์ซัพพลาย 650W ขึ้นไป)
ด้านการเล่นเกม
ผลการทดสอบโดยรวมออกมาใกล้เคียงกับ 2080Ti แบบผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ มีเฟรมเรตเฉลี่ยจาก 9 เกมที่ทดสอบโดย Tom’s Hardware ชนะไปในระดับความละเอียด 1440p แต่ในความละเอียด 1080p กับ 4K แพ้ไปประมาณ 1 เฟรมหรือต่ำกว่าเท่านั้น
Ars Technica ก็โชว์ผลการทดสอบที่คล้ายคลึงกัน RTX 3070 FE ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะกับ 2080Ti และ Arstechnica ระบุว่า 3070 FE ไม่ได้เป็นการ์ดจอที่จะมาฆ่า 2080Ti แบบที่หลายๆ คนหวัง แต่มีประสิทธิภาพเพียงแค่ พอๆ กันเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า RTX 3070 FE มีแรมอยู่ที่ 8GB เมื่อเทียบกับ RTX 2080Ti ที่มีแรม 11GB ทำให้ผลที่ออกมาก็ยังถือว่าน่าพอใจอยู่ดี เพราะทำเฟรมเรตได้ใกล้เคียงกัน แม้จะมีแรมที่น้อยกว่าถึง 3GB แต่สำหรับในเกมที่ค่อนข้างกินแรมการ์ดจอ RTX 2080 Ti อาจได้เปรียบในด้านนี้
ผลการทดสอบจาก Ars Technica
การทดสอบสังเคราะห์
ในด้านการทดสอบสังเคราะห์ เว็บ Techradar ทำการทดสอบบนโปรแกรม 3D Mark ความละเอียด 4K ในการทดสอบ Timespy Extreme, RTX 3070 FE ทำคะแนนได้ 6,990 คะแนน ชนะ 2080Ti ที่ได้ 6,986 คะแนนไป 4 คะแนนเท่านั้น
ใน Fire Strike Ultra, RTX 3070 FE ทำได้ 8,532 คะแนน เอาชนะ 2080Ti ที่ทำได้ 8,177 ไปแค่ 354 คะแนน แต่แพ้ไปในการทดสอบ Port Royal ที่เป็นการทดสอบเน้นหนักในด้าน Raytracing โดย RTX 3070 FE ทำได้ 8,137 คะแนน ขณะที่ RTX 2080 Ti ทำได้ 8,748 คะแนน
แต่โดยรวม Techradar ประทับใจ RTX 3070 อย่างมาก ด้วยราคาและการกินไฟที่น้อยลงกว่า 2080 Ti จนถึงกับพาดหัวว่าเป็น “หนึ่งในการ์ดจอที่ดีที่สุด” และให้คะแนนไปถึง 10/10 เลยทีเดียว
ส่วนในการทดสอบแบบสังเคราะห์ของเว็บไซต์ [Ars Technica] บน 3D Mark ความละเอียด 4K เช่นเดียวกัน แต่เปรียบเทียบกับ RTX 2080 Ti เวอร์ชั่นโอเวอร์คล็อกแทน ผลออกมาปรากฎว่า RTX 2080 Ti แบบโอเวอร์คล็อก ชนะไปในทุกการทดสอบแบบไม่น่าแปลกใจเท่าไร
ด้านอุณหภูมิและพลังงาน
จุดเด่นของ RTX 3070 FE ที่เอาชนะ 2080Ti ไปได้ ไม่ใช่ในด้านประสิทธิภาพ แต่น่าจะเป็นการกินไฟน้อยกว่า จากการทดสอบเกม Metro Exodus ที่ความละเอียด 1440p แบบลูปของ Tom’s Hardware การ์ดจอ RTX 3070 FE ใช้พลังงานเฉลี่ยประมาณ 195.5W เทียบกับ RTX 2080Ti FE ที่ใช้พลังงาน 259.3W
การใช้พลังงานที่ต่างกันประมาณ 60W ทำให้แม้มีประสิทธิภาพของการ์ดจอสองรุ่นจะใกล้เคียงกัน แต่เมื่อคิดอัตราส่วนประสิทธิภาพต่อพลังงาน (วัตต์) แล้ว RTX 3070 FE ทำได้ดีกว่า
ส่วนในด้านอุณหภูมิจากการทดสอบเดียวกัน RTX 3070 FE มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 65.7 องศา เย็นกว่า RTX 2080Ti ที่อุณหภูมิ 70.3 องศาอยู่ประมาณ 4 องศานิดๆ ไม่แตกต่างกันมากจนต้องถือเป็นจุดแข็งแต่อย่างใด
สรุป
RTX 3070 FE เป็นการ์ดจอที่น่าสนใจสำหรับการเล่นเกมในระดับความละเอียด 1440p และอยู่ในระดับที่พอเล่นเกมความละเอียด 4K ได้ แม้อาจไม่สามารถทำเฟรมเรทเกิน 60FPS ขณะเปิด Ray tracing และมี DLSS ช่วยแล้วก็ตาม
ในด้านประสิทธิภาพ RTX 3070 อาจไม่แตกต่างกับ RTX 2080 Ti มากนัก แต่ด้วยราคา 499 เหรียญที่เป็นหนึ่งในสามเท่านั้นเมื่อเทียบกับราคา 1,400-1,700 เหรียญของ 2080 Ti ในปัจจุบัน บวกกับการกินไฟที่น้อยลงและอุณหภูมิที่เย็นกว่า ที่อาจเปิดโอกาสให้ OEM เจ้าอื่นโอเวอร์คล็อก RTX 3070 ได้มากกว่าเดิม ก็ทำให้ RTX 3070 เป็นการ์ดจออีกรุ่นที่น่าสนใจมากๆ ในตอนนี้ อย่างน้อยก็ก่อนจะมีผลการทดสอบจริงของ Radeon RX 6000 Big Navi ออกมา
คะแนนจากสื่อเจ้าต่างๆ
The Verge - 8 / 10
Engadget - 91 / 100
Techradar - 10 / 10
IGN - 8 / 10
|
# Samsung รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2020 กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นถึง 59%
ซัมซุงรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2020 ซึ่งเป็นข้อมูลเพิ่มเติมจากตัวเลขเบื้องต้นที่รายงานไปเมื่อต้นเดือน ยอดขาย 66.96 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสที่ 3 ปี 2019 กำไรจากการดำเนินงาน 12.35 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้น 58.9% และมีกำไรสุทธิ 9.36 ล้านล้านวอน
ซัมซุงระบุว่ากำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นมาก มาจากกลุ่มธุรกิจชิปหน่วยความจำ ที่มีความต้องการสูงทั้งจากลูกค้าโทรศัพท์มือถือและพีซี แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากราคาต่อหน่วยที่ลดลงก็ตาม
ธุรกิจสมาร์ทโฟนก็มีรายได้เพิ่มขึ้นสูง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2020 จากการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ทั้ง Note 20 และ Z Fold 2 ส่วนกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า มียอดขายโทรศัพท์ที่เพิ่มขึ้นมากจากเทรนด์อยู่บ้าน และมียอดขายโทรทัศน์ขนาดจอใหญ่ความละเอียดระดับพรีเมียมที่เพิ่มขึ้นมากด้วยเช่นกัน
ที่มา: ซัมซุง
|
# ศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง FTC หลังกลับคำตัดสินศาลชั้นต้นว่า Qualcomm ไม่ได้ผูกขาดชิปโมเด็ม
เมื่อเดือนมิถุนายน Qualcomm ถูกศาลตัดสินว่าผูกขาดชิปโมเด็มจากคำร้อง FTC ซึ่ง Qualcomm ก็ได้ยื่นอุทธรณ์ ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะกลับคำตัดสิน โดยระบุว่า FTC พิสูจน์ไม่ได้ว่า Qualcomm ผูกขาดจริง นอกจากแค่พยายามทำกำไรให้ได้สูงสุดตามกรอบกฎหมาย
คำตัดสินของศาลอุทธรณ์ครั้งนั้น มีคณะผู้พิพากษา 3 ท่าน และมีมติแบบเอกฉันท์ ซึ่ง FTC ก็ยื่นเรื่องให้ศาลพิจารณาอีกครั้งโดยเพิ่มจำนวนผู้พิพากษา และล่าสุดศาลอุทธรณ์ก็ปัดตกคำร้องนี้ของ FTC โดยไม่มีผู้พิพากษาสักท่านยกเรื่องนี้ขึ้นมาโหวตเลยด้วยซ้ำ
FTC ยื่นฟ้อง Qualcomm มาตั้งแต่ปี 2017 ฐานผูกขาดชิปโมเด็ม ซึ่งเคสนี้กระทรวงยุติธรรม (ที่มีอำนาจจัดการเรื่องการผูกขาดเช่นเดียวกับ FTC) เคยให้การเข้าข้าง Qualcomm ในชั้นศาลมาแล้วด้วย (ซึ่งก็ถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองของรัฐบาลทรัมป์ ที่กลัวว่า Qualcomm จะอ่อนกำลังลง ท่ามกลางสงครามการค้ากับจีน)
ที่มา - WSJ
|
# ผู้กำกับ Halo Infinite ลาออกจากโปรเจคต์ แต่ยังไม่ออกจากไมโครซอฟท์
ปัญหาของเกม Halo Infinite สร้างความเสียหายอย่างมากต่อไมโครซอฟท์ นอกจากต้องเลื่อนวางขาย จนไม่มีเกมเด่นของตัวเองมาช่วยเปิดตัว Xbox Series X ล่าสุดผู้กำกับ Chris Lee ก็ลาออกจากโปรเจคต์แล้วเช่นกัน
Chris Lee ทำงานกับไมโครซอฟท์มาตั้งแต่ปี 2003 และหลังไมโครซอฟท์ตั้งสตูดิโอ 343 Industries ในปี 2007 เขาก็ย้ายมาช่วยในปี 2008 กับเกม Halo 3: ODST และ Halo Reach
Lee ยืนยันว่าเขาออกจากโปรเจคต์ Halo Infinite ด้วยเหตุว่าต้องการหาโอกาสใหม่ๆ แต่ก็มั่นใจว่าทีมงานจะสามารถพัฒนาเกมจนเสร็จได้ จึงมองว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม Lee ยังมีสถานะเป็นพนักงานของไมโครซอฟท์อยู่ ไม่ได้ลาออกจากบริษัทแต่อย่างใด
แนวทางของไมโครซอฟท์ตอนนี้คือ ใช้วิธีดึงตัวบุคลากรจากโปรเจคต์อื่นๆ เข้ามาช่วยทำ Halo Infinite รวมถึงใช้บริการสตูดิโอภายนอกอย่างน้อย 3 แห่งเข้ามาช่วยพัฒนา ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้กันแพร่หลายกับเกม AAA ในยุคปัจจุบัน
กำหนดการวางขาย Halo Infinite ยังระบุคร่าวๆ แค่ปี 2021 โดยไม่ระบุช่วงเดือน
ที่มา - Gamespot
|
# [ลือ] Windows 10 จะยกเครื่อง UI ครั้งใหญ่ โค้ดเนม "Sun Valley" ออกปลายปี 2021
เว็บไซต์ Windows Central รายงานถึงโครงการยกเครื่อง UI ของ Windows 10 ที่มีโค้ดเนมว่า "Sun Valley" คาดว่าจะมาพร้อม Windows 10 เวอร์ชัน 21H2 ปลายปีหน้า
ตามข่าวของ Windows Central บอกว่าโครงการนี้มี Panos Panay เป็นหัวหอก ผลักดันให้ Windows มีหน้าตาสดใหม่หลังไม่ได้อัพเกรดใหญ่มานาน 5 ปี (นับตั้งแต่ Windows 10 รุ่นแรก)
โครงการ Sun Valley ประกอบด้วยการดีไซน์ UI ใหม่ทั้งหน้าตา และการเขียนโค้ด UI ข้างใต้ใหม่ให้ใช้เฟรมเวิร์คที่ทันสมัยมากขึ้น (WinUI) ตัวอย่างสิ่งที่น่าจะมาใน Sun Valley ได้แก่
หน้าตา Start Menu และ Action Center ใหม่ ที่อิงจากดีไซน์ของ Windows 10X
Taskbar เขียนโค้ดใหม่
File Explorer ตัวเดิม ปรับปรุงหน้าตาใหม่
ปรับปรุงแอนิเมชันของโหมดแท็บเล็ตให้ลื่นขึ้น
แอพรุ่นเก่าๆ หลายตัวถูกปรับมาใช้ WinUI ส่งผลให้รองรับ Dark Mode ในตัว
กำหนดการพัฒนาจะเสร็จภายใน "เทอม" การพัฒนา Windows รอบครึ่งปีแรก ที่จะจบในเดือนมิถุนายน 2021 (โค้ดเนม "Cobalt") และปล่อยให้คนทั่วไปใช้งานในช่วงปลายปี 2021
ที่มา - Windows Central, ZDNet
|
# Google ตั้งชื่อปุ่ม Caps Lock บน Chromebook ว่า “Everything Button”
ตำแหน่งของปุ่ม Caps Lock บน Chromebook ส่วนใหญ่ จะถูกแทนที่ด้วยปุ่มที่ใช้เข้าสู่การค้นหาผ่าน Google หรือค้นหาไฟล์ แอป และอื่นๆ บนเครื่อง คล้ายคลึงกับฟีเจอร์ค้นหาบน Macbook และหากต้องการกด Caps Lock จะต้องกด Alt พร้อมกันกับปุ่มนี้แทน
ก่อนหน้านี้ปุ่มนี้ไม่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ และถูกผู้ใช้เรียกแตกต่างกันไปว่าปุ่ม “Search” หรือ “Launcher” แต่ล่าสุด Google โพสต์ในฟอรั่มคอมมิวนิตี้ของ Chromebook ตั้งชื่อให้ปุ่มนี้อย่างเป็นทางการว่า “Everything Button” แล้ว
Google กล่าวว่าการตัดสินใจตั้งชื่อนี้มาจากฟีดแบ็คของผู้ใช้งาน และเพื่อไฮไลต์ปุ่มนี้บน Chromebook ว่าทำการค้นหาได้หลายอย่าง จนแทบจะเป็น “ปุ่มสารพัดนึก” แต่อย่างไรก็ตาม ระบบปฏิบัติการของ Chromebook เอง อาจยังหลงเหลือคำอธิบายที่เรียกปุ่มนี้ด้วยชื่อเดิมว่าปุ่ม “Launcher” อยู่บ้าง แต่คงมีการแก้ไขในการอัปเดตต่อๆ ไป
ที่มา - Chromebook Community forums
|
# LinkedIn ทดสอบ Career Explorer แสดงทักษะที่คนหางานควรเสริม เชื่อมไปยังคอร์สเรียน
LinkedIn กำลังทดสอบเครื่องมือตัวใหม่ Career Explorer เป็นฟีเจอร์แสดงให้คนหางานเห็นว่าทักษะของพวกเขาสามารถหางานได้ในตำแหน่งใดบ้าง และทักษะใดที่พวกเขายังต้องสร้างเพิ่ม เมื่อกดที่รายชื่อทักษะเสริมระบบจะเชื่อมต่อไปยังคอร์สเรียนออนไลน์เพื่อเสริมทักษะและรีสกิลตัวเองใหม่
ไมโครซอฟท์ประเมินว่าในปีนี้อาจมีการสูญเสียตำแหน่งงาน 250 ล้านตำแหน่งทั่วโลก COVID-19 ทำให้คนตกงาน 140 ล้านราย และอีก 1.6 พันล้านคนตกอยู่ในความเสี่ยง มีคนจำนวนมากใช้ LinkedIn เพื่อเข้ามาหางาน ในไตรมาสที่ผ่านมามีคนเข้าใช้งาน LinkedIn มากกว่า 15 ล้านคน แม้จะเห็นการจ้างงานกลับมาเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถกลับไปเหมือนเดิมได้เร็ว
LinkedIn ยังคาดการณ์ด้วยว่าจะมีงานด้านเทคโนโลยีใหม่ 150 ล้านตำแหน่งในปีหน้า งานที่เป็นที่ต้องการสูงสุด ได้แก่ วิศวกรซอฟต์แวร์, ตัวแทนขาย, ผู้จัดการโครงการ และผู้ดูแลระบบไอที
ที่มา - LinkedIn
|
# League of Legends: Wild Rifts เปิดให้บริการแบบ Open Beta ในประเทศไทยแล้ว
หลังจากเปิดตัวไปในงานฉลองครบรอบ 10 ปีของ League of Legends เมื่อปีที่แล้ว ขณะนี้ Riot Games ก็ได้เปิดให้บริการ League of Legends: Wild Rift เกม LOL ฉบับเล่นบนมือถือ แบบ Open Bea ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกเหนือจากประเทศไทย เกมนี้ยังได้เปิดระบบในประเทศอินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ พม่า สิงคโปร์ และเกาหลีใต้อีกด้วย โดยจะเปิดให้บริการในภูมิภาคอื่นๆ ในปี 2020 และ ต้นปี 2021 พร้อมเปิดให้ประเทศอื่นๆ ในอาเซียนอย่าง บรูไน กัมพูชา ลาว พม่า และติมอร์ตะวันออก สามารถเข้ามาร่วมเล่นเกมได้อีกด้วย
ผู้เล่นที่สนใจสามารถดาวน์โหลดมาเล่นได้ฟรีทั้งบน App Store และ Google Play Store
ที่มา: จดหมายข่าวประชาสัมพันธ์
|
# Marriott จับมือกับ Grab ในอาเซียนรวมไทย สั่งอาหารจากร้านและบาร์ในเครือได้ผ่าน Grab Food
Marriott International ประกาศเป็นพาร์ทเนอร์กับ Grab ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 6 ประเทศคือสิงคโปร์, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์และไทย เพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์โควิดที่ไม่มีนักท่องเที่ยว
ดีลนี้ทำให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารจากร้านอาหารและบาร์ในเครือของ Marriott ได้ผ่านทาง Grab Food นอกจากนี้คะแนนใน loyalty program ของทั้ง Grab และ Marriott สามารถแลกเปลี่ยนข้ามแพลตฟอร์มกันได้ด้วย
ที่มา - TechCrunch
|
# Google กำลังทดสอบฟีเจอร์ เปรียบเทียบแอปประเภทเดียวกันให้บน Play Store
Android Police ค้นพบว่า Google กำลังทดสอบแถบ Compare Apps ใน Play Store ที่นำเอาแอปประเภทเดียวกันมาเทียบคุณสมบัติต่าง ๆ ให้
แถบ Compare Apps นี้จะอยู่ด้านล่างใต้คอมเมนท์และคะแนนของแอป โดยตอนนี้ Google แสดงผลการเปรียบเทียบเฉพาะแอปเล่นวิดีโอก่อนเท่านั้น ขณะที่การเปรียบเทียบก็มีความง่ายในการใช้งาน (ease of use) การเล่นออฟไลน์ การเล่นแบบสตรีมมิ่ง/แคสต์ติ้ง เป็นต้น
ดูตัวอย่างแถบ Compare Apps ได้จากที่มา
ที่มา - Android Police
|
# ถล่มทลาย คาดการณ์รายได้ Genshin Impact เดือนแรก 245 ล้านเหรียญสหรัฐ
Sensor Tower บริษัทข้อมูลการตลาดของแอปมือถือ ประมาณการว่า Genshin Impact ทำรายได้ในเดือนแรกสูงถึง 245 ล้านเหรียญสหรัฐ ขึ้นแท่นเกมมือถือบน App Store และ Google Play Store ที่ทำรายได้สูงสุดตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน ถึง 27 ตุลาคม เอาชนะ Honor of Kings เกม MOBA จาก Tencent ที่ทำรายได้ 216 ล้านเหรียญ และ PUBG ที่ทำรายได้ 195 ล้านเหรียญ ในช่วงเดียวกัน
ถือว่า Genshin Impact เปิดตัวได้อย่างถล่มทลาย แพ้ไปเพียงแค่ Pokemon Go ที่ทำรายได้รายได้ 30 วันแรก ได้ถึง 283 ล้านเหรียญเท่านั้น ปัจจุบันประเทศจีนยังเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของ Genshin Impact มีสัดส่วนรายได้เดือนแรกถึง 82 ล้านเหรียญ คิดเป็น 33.5% และญี่ปุ่นตามมาเป็นอันดับสอง ที่ 59 ล้านเหรียญ คิดเป็น 24% และสหรัฐอเมริกา 45 ล้านเหรียญ คิดเป็น 18.3%
แม้จะเป็นเกมมือถือที่ทำรายได้สูงสุดในโลก บน App Store และ Google Play Store แต่ถ้านับประเทศจีนอย่างเดียว ยังแพ้ Honor of Kings และ PUBG ส่วนในประเทศญี่ปุ่น เป็นอันดับ 4 แพ้พัซเซิล Monster Strike, Professional Baseball Spirits A จาก Konami, และ Dragon Quest Walk ของ Square Enix อยู่
Daniel Ahmad นักวิเคราะห์ตลาดเกมประเทศจีนจาก Niko Partners กล่าวว่าเกมนี้เป็นอีกก้าวของการพัฒนาเกมจากประเทศจีน ที่สามารถตีตลาดโลกได้โดยไม่เสียตลาดในบ้านตัวเอง และมีคุณภาพเทียบเคียงได้กับเกมคอนโซล จากความสำเร็จครั้งนี้ อาจทำให้ผู้พัฒนารายอื่นในประเทศจีนหันมาทำเกมที่มีคุณภาพคล้ายคลึงกันและเล่นแบบ cross-platform ได้มากขึ้น
ที่มา - Sensor Tower
|
# Cyberpunk 2077 เลื่อนเพราะปัญหาบน PS4, Xbox One, ทีมงานส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเลื่อน
เก็บตกกับประเด็นการเลื่อนวางจำหน่ายครั้งที่ 3 ของ Cyberpunk 2077 อีกเล็กน้อย โดยเดิม CD Projekt Red ให้เหตุผลว่าเพราะการพอร์ทเกม 9 เวอร์ชัน ทำให้การส่งมอบต้องดีเลย์ออกไป
ล่าสุดมีรายงานว่าในการประชุมระหว่างผู้บริหารและผู้ถือหุ้น มีการเปิดเผยว่าสาเหตุที่ทำให้ต้องเลื่อน เป็นเพราะผลการทดสอบ Cyberpunk บนคอนโซลยุคปัจจุบันอย่าง PS4 และ Xbox One เป็นหลักที่ยังมีปัญหา ขณะที่บนพีซี, Xbox Series X และ PS5 มีความพร้อมที่จะให้เล่นแล้ว
นอกจากนี้การเลื่อนครั้งนี้ ทีมพัฒนา Cyberpunk ส่วนใหญ่แทบไม่มีใครรู้เรื่องมากก่อน โดยผู้บริหารของ CDPR ให้เหตุผลว่า เกรงว่าหากข้อมูลหลุดไปอาจส่งผลต่อราคาหุ้นของ CDPR ซึ่งในท้ายที่สุดอาจผิดกฎหมาย ดังนั้นทีมงานหลายคนจึงรู้พร้อม ๆ กับการประกาศเมื่อวานซืน
นอกจากนี้ทางผู้บริหารยังมองว่าการเลื่อนครั้งนี้ บริษัทจะไม่สูญเสียยอดพรีออเดอร์ไปมากเท่าไหร่ด้วย
ที่มา - vg247, Kotaku
|
# พบหลักฐาน Apple กำลังซุ่มพัฒนาเสิร์ชเอนจินของตัวเอง เริ่มแสดงผลเสิร์ชบน iOS 14
Google กำลังมีคดีการผูกขาดเสิร์ชกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมคาดว่า Google จ่ายเงินให้ Apple เพื่อเป็นเสิร์ชเอนจินดีฟอลต์บน iPhone ประมาณปีละ 8 - 12 พันล้านเหรียญ
แต่ล่าสุด Financial Times ระบุพบการเปลี่ยนแปลงจากการพิมพ์ข้อความเพื่อค้นหาข้อมูลบนแถบเสิร์ชในหน้าโฮมของ iOS 14 (ปาดขวาหน้า Today View) ที่ Apple เริ่มแสดงผลการค้นหาของตัวเองขึ้นมาผ่านการแสดงเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับผลเสิร์ชโดยตรง รวมถึงการแสดงผล autocomplete ของผลเสิร์ชที่มาจากแอปเปิลเองด้วย
การเปลี่ยนแปลงนี้สอดคล้องกับที่ก่อนหน้านี้ Apple ประกาศตำแหน่งงานเกี่ยวกับเสิร์ชเอนจิน รวมถึงการดึง John Giannandrea อดีตหัวหน้าฝ่ายเสิร์ชและ AI มาจาก Google อย่างไรก็ตามแม้ Apple จะเป็นเพียงไม่กี่บริษัทที่มีศักยภาพพอจะพัฒนาเสิร์ชเอนจินให้ขึ้นมาทัดเทียม Google แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าก็ยังคงไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี
ที่มา - FT
|
# Google Drive ให้แก้เอกสาร Microsoft Office ได้ตรงๆ โดยกดดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์
Google เผยฟีเจอร์ใหม่ ที่ช่วยให้แก้ไขเอกสารของ Microsoft Office ได้จาก Google Drive เลย จากเดิมที่ต้องกดเพื่อแสดงตัวอย่าง แล้วจึงกดแก้ไขได้ จากนี้ไป ผู้ใช้สามารถกดดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ .docx, .doc, .ppt, .pptx, .xls, .xlsx, .xlsm แล้วเข้าเอกสารเพื่อทำการแก้ไขได้เลย
Google ยังเผยคีย์ลัดด้วย เช่น กด P ที่คีย์บอร์ด พร้อมกับดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ เพื่อดูตัวอย่างเอกสารแบบ preview และไฟล์ Office ที่ป้องกันด้วยรหัสผ่านจะไม่เปิดโดยตรงในโหมดแก้ไขโดยตรงได้ แต่แสดงโหมด preview ได้ และหากผู้ใช้งานติดตั้งส่วนขยาย Office Editing for Docs, Sheets & Slides ระบบจะเชื่อมไปยังตัวแก้ไขดังกล่าว โดยแสดงหน้าต่าง Open with ให้เห็น
ที่มา - Google
|
# Sony อัพเดตแอพ PlayStation บนมือถือ เตรียมรับ PS5, สั่งดาวน์โหลดเกมจากมือถือได้
Sony ออกอัพเดตแอพ PlayStation บนมือถือ เพื่อเตรียมรับการมาถึงของ PS5 (แอพสามารถใช้ได้กับทั้ง PS4 และ PS5)
การอัพเกรดครั้งนี้ถือเป็นการปรับ UI ครั้งใหญ่ของแอพ PlayStation นอกจากนี้ยังเพิ่มฟีเจอร์ Messages คุยกันระหว่างเพื่อน (เดิมแยกเป็นแอพคนละตัวกัน), สร้างปาร์ตี้พร้อม voice chat, หน้าจอ PlayStation Store แบบเนทีฟ (ของเดิมเป็นเว็บที่โหลดช้า), สั่ง remote download เกมบนเครื่อง PS4/PS5 จากระยะไกลได้
เมื่อ PlayStation 5 เริ่มวางขาย แอพตัวนี้จะสามารถสั่งเปิดเกมและจัดการสตอเรจของ PS5 จากมือถือได้ด้วย
แอพเปิดให้อัพเดตแล้วทั้งบน Android และ iOS
ที่มา - PlayStation Blog
|
# [New York Times] ข่าวปลอมการเมืองไม่ได้อยู่แค่ในโซเชียลมีเดีย แต่แพร่มายัง SMS ด้วย
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีวิดีโอจากกลุ่ม American Principles Project เผยแพร่ว่า Joe Biden ผู้สมัครท้าชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯจากเดโมแครต สนับสนุนการแปลงเพศในเด็ก โดยใช้ฟุตเทจจากงานทาวน์ฮอลล์ของ ABC เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ซึ่งเป็นการนำคำพูดของ Biden มาบางส่วนทำให้เกิดความเข้าใจผิด จริงๆ แล้ว Biden พูดว่าเด็กข้ามเพศไม่ควรถูกเลือกปฏิบัติ แต่เขาไม่ได้บอกว่าเด็กมีสิทธิ์ในการแปลงเพศ
วิดีโอดังกล่าวก็ถูกเผยแพร่ไปแล้วยังโซเชียลมีเดียหลักทั้ง Facebook และ Twitter มีคนรับชมไปแล้วกว่า 15,000 ครั้ง และมีวิดีโอที่คล้ายกันปรากฏบน Facebook มากถึง 100,000 ครั้งโดยส่วนใหญ่อยู่ในรัฐมิชิแกนซึ่งเป็น swing state นอกจากโซเชียลมีเดียแล้ว ข้อความและลิงค์วิดีโอยังถูกส่งไปยัง SMS ทางกลุ่ม American Principles Project ยังไม่ตอบข้อซักถามว่า ข้อความถูกส่งไปยังเบอร์โทรศัพท์ต่างๆ ได้อย่างไร และเก็บข้อมูลเบอร์โทรมาจากไหน
Robokiller ผู้ให้บริการจัดการข้อความสแปมอัตโนมัติ เผยว่า ชาวอเมริกันได้รับข้อความ SMS ที่มีเนื้อหาทางการเมือง 2.6 พันล้านข้อความในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 400% นับจากเดือนมิถุนายน และมีแนวโน้มว่าพรรครีพับลิกัน ส่งข้อความมากกว่าพรรคเดโมแครตประมาณ 6 เท่า
นักวิจัยจาก University of Texas ชี้ว่า เมื่อโซเชียลมีเดียพยายามยกระดับการตรวจสอบข้อเท็จจริงมากขึ้น ทำให้ข้อมูลเหล่านี้จึงถูกเผยแพร่ผ่านช่องทางอื่นแทน เช่น Signal, Telegram และ WhatsApp รวมถึงข้อความ SMS ที่ตรวจสอบได้ยากกว่า
ที่มา - The New York Times
|
# ไมโครซอฟท์แจก "ตู้เย็น Xbox Series X" เครื่องสุดท้ายที่เหลือ สุ่มให้ผู้โชคดีบนทวิตเตอร์
ต่อจากข่าว ตู้เย็น Xbox Series X ไมโครซอฟท์ผลิตมันขึ้นมา 3 เครื่อง โดยส่งให้แรปเปอร์ Snoop Dogg และยูทูบเบอร์ iJustine คนละเครื่อง
หลายคนอาจสงสัยว่าอีกเครื่องที่เหลือเอาไปทำอะไร คำตอบออกมาแล้วคือไมโครซอฟท์จะ "แจก" ให้กับผู้โชคดี ที่แค่เพียงรีทวีตแล้วติดแท็ก #XSXFridgeSweeps แล้วรอลุ้นว่าจะสุ่มมาเจอหรือไม่
น่าเสียดายว่า แคมเปญการตลาดนี้แจกเฉพาะผู้โชคดีในประเทศที่มี Xbox Live ให้บริการอย่างเป็นทางการเท่านั้น คนไทยอดตามเคย
ที่มา - GameInformer
|
# US-CERT แจ้งเตือนแฮกเกอร์กลุ่ม Trickbot กำลังไล่โจมตีโรงพยาบาลด้วย Ransomware
US-CERT ออกรายงานแจ้งเตือนว่ากลุ่มคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังมัลแวร์ Trickbot กำลังไล่โจมตีโรงพยาบาลและสถานพยาบาลอื่นด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ Ryuk โดยล่าสุดพบว่ากลุ่มแฮกเกอร์นี้พัฒนา Anchor_DNS เครื่องมือสร้าง tunel ขโมยข้อมูลออกโลกภายนอกด้วย DNS
ทาง CNN อ้างเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลโดยไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่ามีโรงพยาบาลหลายแห่งถูกโจมตีในช่วงสองวันที่ผ่านมา และทาง FBI กำลังเข้าไปสอบสวนเรื่องนี้ โดยก่อนหน้านี้กลุ่มโรงพยาบาล Universal Health Services ก็ถูกโจมตีไปก่อนแล้ว และตอนนี้กลุ่มโรงพยาบาล St. Lawrence Health Systems และศูนย์การแพทย์ Sky Lakes ก็เพิ่งถูกโจมตีไป
ทาง US-CERT เตือนให้หน่วยงานทางการแพทย์อัพเดตระบบปฎิบัติการเสมอ, ใช้การล็อกอินแบบหลายขั้นตอน, ปิดบริการ remote desktop ที่ไม่ได้ใช้งาน, แยกเน็ตเวิร์คออกจากกัน และไม่แนะนำให้จ่ายค่าไถ่เพราะไม่ได้รับประกันว่าจะได้ไฟล์คืนมา แต่แนะนำให้สำรองข้อมูลเสนอ รวมถึงมีข้อมูลสำรองที่แยกออกไปแบบ air gap
ที่มา - US-CERT, CNN
ภาพโดย Parentingupstream
|
# ซิสโก้รวบโครงการพาร์ทเนอร์เหลือ 4 รูปแบบแยกตามฟังก์ชั่นงาน
ซิสโก้ประกาศรวบโครงการพาร์ทเนอร์ที่ช่วยอิมพลีเมนต์โซลูชั่นให้ลูกค้า โดยจัดเป็น 3 ระดับเหมือนเดิมแต่เหลือ 4 โครงการหลัก ได้แก่
Integrators บริษัทที่วางระบบให้ลูกค้าและแก้ไขปัญหาหน้างาน
Providers บริษัทที่ส่งมอบสินค้าในกลุ่ม managed service และ SaaS โดยตอนนี้ยังมีแค่ระดับ Select และ Premier ส่วนระดับ Gold จะเพิ่มมาในปีหน้า
Developers บริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์เพิ่มเติมใหลูกค้า ใช้ API กับแพลตฟอร์มของซิสโก้ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มพัฒนาหรือการจัดการเน็ตเวิร์ค
Advisors ผู้ให้คำปรึกษาที่หลายครั้งเป็นคนทำงาน pre-sale วางแผนการนำโซลูชั่นเข้าไปแก้ปัญหา
นอกจากการจัดกลุ่มพาร์ทเนอร์ใหม่แล้วซิสโก้ยังเปิดตัว Partner Experience Platform (PXP) แพลตฟอร์มให้พาร์ทเนอร์เข้ามาจัดการระดับพาร์ทเนอร์ของบริษัท หรือจัดการสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อให้เห็นแนวทางว่าจะเตรียมตัวขายสินค้าต่างๆ ได้อย่างไร
ที่มา - Cisco
|
# ซิสโก้รวบสินค้ากลุ่มความปลอดภัยเข้า SecureX อินทิเกรตกับสินค้าตัวอื่นๆ ได้มากขึ้น จัดพอร์ตสินค้ากลุ่มความปลอดภัยใหม่
ซิสโก้เปิดตัว SecureX แพลตฟอร์มความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ในงาน Partner Summit ปีนี้บริษัทก็ประกาศขยายความสามารถพร้อมกับอินทิเกรตกับสินค้าตัวอื่นๆ ของซิสโก้เอง ได้แก่ ระบบยืนยันตัวตน Duo, Cisco Secure Cloud Analytics, Cisco SD-WAN, และ Secure VPN
ความสามารถของตัว SecureX เองเพิ่มฟีเจอร์ Extended Detection and Response (XDR) รองรับ workflow สำหรับตอบสนองต่อเหตุการณ์ความมั่นคงปลอดภัยเน็ตเวิร์คได้ในตัว โดยมี workflow สำเร็จรูปมาแล้วบางส่วน และสามารถสร้างใหม่ได้ด้วยหน้าจอแบบ drag-and-drop ไม่ต้องเขียนโค้ด
ช่วงหลังซิสโก้ลงทุนกับสินค้าด้านความมั่นคงปลอดภัยเยอะขึ้นมาก ตอนนี้บริษัทจึงประกาศรวบแบรนด์ย่อยๆ เข้ามาอยู่ใต้แบรนด์ Cisco Secure แทบทั้งหมด พร้อมกับระบุว่าตอนนี้ลดชื่อสินค้าย่อยๆ ลงไปแล้วถึง 50%
ที่มา - Cisco
|
# ประชุมสภาจากที่บ้าน ซิสโก้เปิดตัว Webex Legislate ระบบประชุมออนไลน์เหมือนสภาจริง หันไปคุยกันเองได้ ลงคะแนนลับได้
ซิสโก้เปิดตัว Webex Legislate ระบบประชุมออนไลน์เฉพาะทางที่ขยายมาจาก Webex แต่เน้นการประชุมสำคัญ เช่นการประชุมสภาเพื่อผ่านกฎหมายของรัฐบาลระดับต่างๆ พร้อมระบบลงคะแนนที่แต่ละรัฐจะมีเงื่อนไขต่างกันไป
Webex Legislate มีระบบยืนยันตัวตนมากกว่า เช่น รองรับการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน, มีระบบห้องล็อบบี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ยืนยันตัวตนก่อนเข้าประชุม, มีระบบตรวจสอบย้อนกลับ (chain of custody) การลงคะแนน รวมถึงการลงคะแนนแบบลับไม่เปิดเผยตัวตน และระบบลงคะแนนเฉพาะทาง (customized voting)
บริการนี้ซิสโก้พัฒนาร่วมกับบริษัท Davra ที่เป็น systems integrator ในไอร์แลนด์ โดยซิสโก้โชว์ว่าสินค้าตัวนี้เป็นผลจากการใช้ Webex SDK ไปต่อยอดบริการใหม่
ที่มา - Cisco
|
# Pinterest รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2020
Pinterest รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2020 รายได้เพิ่มขึ้น 58% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 442.616 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนแบบ GAAP 97 ล้านดอลลาร์ ตัวเลขผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) เพิ่มขึ้นเป็น 442 ล้านบัญชี
ซีอีโอ Ben Silbermann กล่าวว่าผู้คนยังคงเข้ามาที่ Pinterest เพื่อหาแรงบันดาลใจใหม่สำหรับการใช้ชีวิต อย่างช่วงนี้ก็มีทุกอย่างตั้งแต่การจัดงานฮาโลวีนแบบ social distance ไปจนถึงการจัดพื้นที่ให้ลูกเรียนหนังสือจากที่บ้าน
รายได้หลักของ Pinterest มาจากโฆษณา ซึ่งบริษัทเผยว่าพบการใช้จ่ายโฆษณาที่เพิ่มขึ้น โดยมาจากลูกค้าที่ตัดสินใจประท้วงไม่ลงโฆษณาในโซเชียลมีเดียบางแห่ง แต่ไม่ยืนยันว่าแนวโน้มนี้จะเป็นตลอดไปหรือไม่
ที่มา: Pinterest และ CNBC
|
# FBI แจ้งเตือนหน่วยงานรัฐหลายแห่งทำซอร์สโค้ดหลุดเพราะคอนฟิก SonarQube ผิด
FBI ออกหนังสือเวียนแจ้งเตือนว่าคนร้ายกำลังไล่สแกนหา SonarQube อย่างต่อเนื่องจนสามารถเข้าถึงซอร์สโต้ดขององค์กรรัฐและเอกชนได้แล้วหลายแห่ง โดย FBI เริ่มพบคดีซอร์สโค้ดหลุดตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และมีการนำซอร์สโค้ดมาเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อเดือนสิงหาคมจนทาง SonarQube ต้องออกมาแจ้งเตือน
SonarQube เป็นซอร์ฟแวร์สแกนหาช่องโหว่ความปลอดภัยแบบโอเพนซอร์สที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นในช่วงหลัง ตัวเซิร์ฟเวอร์ SonarQube จะเก็บซอร์สโค้ดทั้งหมดของโครงการที่มันสแกนเอาไว้ หาก SonarQube ถูกเจาะจึงเท่ากับคนร้ายเห็นซอร์สโค้ดทั้งโครงการ
กระบวนการสแกนของคนร้ายอาศัยการค้นพอร์ต 9000 แล้วลองล็อกอินด้วยรหัสผ่านเริ่มต้น (admin:admin) เพื่อเข้า SonarQube
FBI แนะนำให้ผู้ดูแลระบบ เปลี่ยนรหัสผ่านและชื่อผู้ใช้แอดมิน, ย้ายพอร์ตเซิร์ฟเวอร์, ตรวจสอบ API key ในระบบที่เข้าถึง SonarQube ได้และยกเลิกกุญแจที่ไม่ใช้แล้ว, และติดตั้ง SonarQube ไว้หลังไฟร์วอลล์
ที่มา - BleepingComputer
|
# OpenShift 4.6 ออกแล้ว: ใช้ Kubernetes 1.19, Istio 1.6, ติดตั้งบนเครื่อง bare metal ง่ายขึ้น
Red Hat ประกาศอัพเดตเวอร์ชัน OpenShift 4.6 เข้าสู่สถานะ GA อย่างเป็นทางการ โดย OpenShift เวอร์ชันนี้จะใช้ Kubernetes 1.19 เป็นแกน
สำหรับของใหม่ในเวอร์ชัน 4.6 คือระบบติดตั้ง OpenShift บน bare metal ที่เป็นระบบติดตั้งอัตโนมัติแบบ full-stack เข้าสู่สถานะ GA แล้ว หมายความว่าผู้ใช้ OpenShift สามารถติดตั้งบนโฮสต์แพลตฟอร์มใดก็ได้ ไม่ต้องใช้ cloud provisioning, VM hosting หรือเทคโนโลยีตัวกลางอื่น ๆ
ตัว Bare Metal Operator ใหม่จะทำการ expose ตัวโหนดที่เป็น physical ไปยังตัวติดตั้ง OpenShift เพื่อให้ตัวติดตั้งสามารถจัดการตัวโหนดต่อไปได้ ซึ่ง Red Hat ระบุว่าฟีเจอร์นี้ใช้ Metal3 เป็นแกนในการจัดการโฮสต์แบบ base metal
ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น
รองรับ Government Cloud ของ AWS และ Azure
OpenShift Compliance Operator เพื่อจัดการความปลอดภัยบนคลัสเตอร์ด้วยการอธิบายคอนฟิกและโปรไฟล์เพื่อให้ operator ทำการสแกนโปรไฟล์ของแต่ละโหนดในคลัสเตอร์
Open Virtual Network ระบบ Kubernetes CNI เข้าสู่สถานะ GA แล้ว ซึ่ง Red Hat มีโร้ดแมประยะยาวสำหรับ OVN และจะพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ทั้งหมดบน OVN-Kubernetes
OpenShift Service Mesh เวอร์ชัน 2.0 ใช้ Istio 1.6 เป็นแกนหลักในการพัฒนา
ที่มา - OpenShift
|
# AMD เปิดตัว Radeon RX 6000 Big Navi ประสิทธิภาพทัดเทียม GeForce 30 ในราคาถูกกว่า
AMD เปิดตัว Radeon RX ซีรีส์ 6000 "Big Navi" ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 2 ตามกำหนดการ
สินค้าแบ่งออกเป็น 3 รุ่นคือ
Radeon RX 6900 XT รุ่นใหญ่ที่สุด compute unit 80 ตัว, แคช 128MB, แรม GDDR6 16GB, กินพลังงาน 300 วัตต์, ราคา 999 ดอลลาร์ วางขาย 8 ธันวาคม
Radeon RX 6800 XT พี่กลาง compute unit 72 ตัว, แคช 128MB, แรม GDDR6 16GB, กินพลังงาน 300 วัตต์, ราคา 649 ดอลลาร์ วางขาย 18 พฤศจิกายน
Radeon RX 6800 น้องเล็กในชุด compute unit 60 ตัว, แคช 128MB, แรม GDDR6 16GB, กินพลังงาน 250 วัตต์, ราคา 579 ดอลลาร์ วางขาย 18 พฤศจิกายน
ตัวสถาปัตยกรรม RDNA 2 พัฒนาขึ้นให้มีประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มขึ้น 54% จากสถาปัตยกรรม RDNA รุ่นแรก, มีฟีเจอร์ Infinity Cache ที่ทำให้แบนด์วิดท์เพิ่มขึ้น 2.17 เท่า ในอัตราพลังงานลดลง 0.9 เท่า, Rage Mode สั่งบูสต์คล็อค และฟีเจอร์ Smart Access ที่ต้องใช้คู่กับซีพียู Ryzen ซีรีส์ 5000 เพื่อให้ซีพียูเข้าถึงแรมของจีพียูได้โดยตรง ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้นอีกเล็กน้อย
AMD เปรียบเทียบ Radeon RX 6000 กับคู่แข่งฝั่ง GeForce ว่ามีประสิทธิภาพในระดับเดียวกัน ทั้งการเล่นเกมที่ความละเอียด 4K และ 1440p แต่ขายในราคาที่ถูกกว่า
Radeon RX 6900 XT (999 ดอลลาร์) vs GeForce RTX 3090 (1,499 ดอลลาร์)
Radeon RX 6800 XT (649 ดอลลาร์) vs GeForce RTX 3080 (699 ดอลลาร์)
Radeon RX 6800 (579 ดอลลาร์) vs GeForce RTX 2080 Ti (สังเกตว่าจะไม่เทียบกับ RTX 3070 ที่ราคา 499 ดอลลาร์ซึ่งถูกกว่า)
ทั้งนี้ เบนช์มาร์คบางตัวที่ AMD นำมาโชว์ ต้องเปิดใช้ฟีเจอร์ Smart Access ซึ่งต้องใช้กับซีพียู Ryzen 5000 (เช่นกรณีของ Radeon RX 6800 และ 6900 XT, มีแต่ 6800 XT ที่ไม่ได้ใช้) การอ่านเบนช์มาร์คต้องสังเกตดีๆ นิดนึงด้วยครับ
คลิปงานเปิดตัวฉบับเต็ม
|
# Audible เปิดให้บริการพอดคาสท์แบบฟรี เน้นดึงดูดผู้ใช้มาสู่แพลตฟอร์ม
Audible บริการหนังสือเสียงภายใต้ Amazon เตรียมให้บริการพอดคาสท์เพิ่มเติม โดยในเบื้องต้นจะมีพอดคาสท์กว่า 100,000 รายการ รวมแล้ว 5 ล้านตอน ให้บริการฟรีทั้งสมาชิก Audible และไม่ใช่สมาชิก (ปัจจุบันพอดคาสท์ของ Audible เป็นพรีเมียมคอนเทนต์ มีให้ฟังเฉพาะสมาชิกเท่านั้น)
ทางบริษัท Audible ระบุว่าเป้าหมายของแพลตฟอร์มคือการเป็นพื้นที่สำหรับบอกเล่าเรื่องราวและความบันเทิงผ่านเสียง ซึ่ง TechCrunch ให้ความเห็นว่า Audible น่าจะใช้โปรแกรมพอดคาสท์ฟรีเหล่านี้เป็นทางผ่านให้คนสมัครสมาชิกแบบเสียค่าบริการต่อไป
ปัจจุบัน พอดคาสท์เป็นเทรนด์ที่ค่อนข้างมาแรงเนื่องจากผู้ให้บริการสตรีมมิ่งทั้ง Spotify, SiriusXM หรือแม้แต่ Apple เองก็ลงทุนในคอนเทนต์พอดคาสท์ทั้งสิ้น และ Audible เองก็จะทยอยนำคอนเทนต์มาลงพอดคาสท์เรื่อย ๆ
ที่มา - TechCrunch
เว็บไซต์ Audible Podcasts
|
# Bravely Default II เลื่อนวันวางขายเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2021
การเลื่อนวันวางขายเกมดูจะเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไปในปี 2020 ล่าสุดนินเทนโดและ Square Enix ประกาศเลื่อนวันวางขายเกม Bravely Defaults ที่เดิมมีกำหนดลง Switch ภายในปีนี้ ไปเป็นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2021 โดยให้เหตุผลสั้นๆ ว่าต้องการเวลาเพิ่มขึ้นในการพัฒนาเกมให้ดีที่สุด
ซีรีส์ Bravely Default เป็นเกมแนว J-RPG ผลงานของ Silicon Studio โดยมีเกมออกมาแล้ว 2 ภาคคือ Bravely Default: Flying Fairy ภาคแรกในปี 2012 (3DS) และ Bravely Second: End Layer ในปี 2015 (3DS) ซีรีส์นี้ได้ Square Enix เป็นผู้จัดจำหน่ายในญี่ปุ่น และนินเทนโดจัดจำหน่ายนอกประเทศญี่ปุ่น
ชื่อเกม Bravely Default II อาจชวนให้สับสน เพราะมีเลข 2 แต่จริงๆ แล้วเป็นเกมลำดับที่ 3 โดยเกมภาคนี้ใช้คาแรกเตอร์ เนื้อเรื่อง และโลกในเกมที่แตกต่างจาก 2 ภาคแรก
ที่มา - Gamespot
|
# Phil Spencer บอกฐานลูกค้า Xbox Game Pass เยอะขึ้น เราก็ต้องซื้อสตูดิโอเพิ่มอีก
Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์เกม GameReactor ประเด็นที่โดนถามมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่อง "จะซื้อสตูดิโอเกมอีกหรือเปล่า"
Spencer เล่าย้อนไปถึงยุคช่วงปลาย Xbox 360 ถึงต้น Xbox One ว่าตอนนั้นไมโครซอฟท์ลงทุนกับสตูดิโอพัฒนาเกมน้อยเกินไป และตัวเขาเองในฐานะหัวหน้าสตูดิโอของไมโครซอฟท์ก็รู้สึกเสียใจ ที่ตอนนั้นไม่สามารถลงทุนได้อย่างต้องการ เมื่อเขาขึ้นมารับผิดชอบงานด้านเกมทั้งหมด เขาจึงผลักดันเรื่องนี้อย่างจริงจัง
เขายังบอกว่าการซื้อสตูดิโอเกมต้องใช้เวลาคัดเลือกหาพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสม อีกทั้งเกมยุคนี้ใช้เวลาสร้างนาน ดังนั้นไม่ใช่แค่ 1-2 ปีแล้วจะเห็นผล แต่อาจต้องรอ 3-5 ปีกันเลยทีเดียว
ส่วนประเด็นคำถามว่าเขาจะซื้อสตูดิโอเกมอีกหรือไม่ คำตอบคือเมื่อฐานลูกค้า Game Pass เยอะขึ้น ไมโครซอฟท์จำเป็นต้องหาคอนเทนต์เกมใหม่ๆ มาหล่อเลี้ยงสมาชิกเหล่านี้ และด้วยอัตราการเติบโตของ Game Pass ที่เห็นในปัจจุบัน เขาก็คาดว่าจะซื้อสตูดิโอเกมเพิ่มอีกเรื่อยๆ ในจังหวะแบบเดียวกัน
ที่มา - GameReactor, ภาพจาก Microsoft
|
# ทวิตเตอร์ล่มหลายประเทศแถบเอเชีย โหลดทวีตไม่ได้แม้หน้าเว็บขึ้น
ทวิตเตอร์ล่มในหลายประเทศทั่วโลกแม้จะสามารถเข้าหน้าเว็บได้ก็ตาม โดยรีเควสแบบ XHR ล้มเหลวแทบทั้งหมด เหลือบางส่วนที่เป็นคอนฟิกเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถแสดงทวีตได้
รายงานจากเว็บ Down Detector ระบุว่าทวิตเตอร์เริ่มมีปัญหาตั้งแต่ช่วง 21:45 ที่ผ่านมา โดยผู้ใช้ส่วนมากรายงานปัญหาจากแถบเอเชีย แต่เว็บ API Status ของทวิตเตอร์เองกลับระบุว่าไม่มีปัญหา
|
# TikTok เอาด้วย ร่วมมือกับ AP แสดงผลและข้อมูลเลือกตั้งสหรัฐฯ เรียลไทม์
TikTok ประกาศขยายชุดข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งสหรัฐฯ 2020 ทั้งผลการเลือกตั้งเรียลไทม์แยกตามรัฐซึ่งได้ร่วมมือกับ AP, ข้อมูลการเข้าถึงหน่วยเลือกตั้ง, ขั้นตอนการลงคะแนนเสียง โดยผู้ใช้งานสามารถดูข้อมูลทั้งหมดนี้ได้จากแอป TikTok เลย
ในวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง TikTok จะเพิ่มแหล่งข้อมูลใหม่ๆ เล่น คำถามเกี่ยวกับสถานที่เลือกตั้ง, เวลาทำการข้อกำหนดในการลงทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้งของรัฐ และเพิ่มการเข้าถึงเว็บไซต์ทางการ US Election Assistance Commission (EAC) และเบอร์โทรศัพท์ฮอตไลน์ตอบคำถามการเลือกตั้งในภาษาต่างๆ
ก่อนหน้านี้ Google ยังประกาศว่าร่วมมือกับ AP เพื่อให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเข้าถึงช้อมูลผลการเลือกตั้งที่ถูกต้อง แบนโฆษณาการเมืองที่อ้างชัยชนะการเลือกตั้ง ด้าน Facebook ก็ทำศูนย์ข้อมูลเลือกตั้งและโปรโมทในช่องทางต่างๆ ตั้งเป้าจะให้ประชาชนเข้ามาลงทะเบียนโหวตให้มากที่สุด
สาเหตุที่โซเชียลมีเดียมีความตื่นตัวเรื่องข้อมูลเลือกตั้ง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะโซเชียลมีเดียถูกวิจารณ์หนักเรื่องเป็นแหล่งเผยแพร่ข้อมูลปลอม และเป็นพื้นที่ให้นักการเมืองลงโฆษณาเผยแพร่ข้อมูลผิด โจมตีฝั่งตรงข้าม ดังที่เป็นกรณีโด่งดังมาแล้วตอนเลือกตั้งปี 2016 ที่มีการใช้ Facebook แทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ
ที่มา - TechCrunch
|
# Fedora 33 ออกแล้ว เปลี่ยนมาใช้ระบบไฟล์ Btrfs แทน Ext4 เป็นค่าดีฟอลต์
Fedora ออกเวอร์ชัน 33 มีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละรุ่นย่อยดังนี้
Fedora Workstation GNOME 3.38, เปลี่ยนมาใช้ระบบไฟล์ Btrfs แทน ext4 เป็นค่าดีฟอลต์
Fedora IoT สำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็ก รองรับ Platform AbstRaction for SECurity (PARSEC) แพลตฟอร์มพื้นฐานสำหรับระบบความปลอดภัยบน IoT
Fedora CoreOS ระบบปฏิบัติการสำหรับคอนเทนเนอร์ อัพเดตอัตโนมัติ ตอนนี้ใช้ฐานจาก Fedora 33
Fedora บอกว่าย้ายมาใช้ Btrfs เพราะเป็นระบบไฟล์ที่มีฟีเจอร์สมัยใหม่ครบครัน เช่น compression, data integrity (checksum ทุกการอ่านข้อมูล), writable snapshot และใช้ดิสก์แค่พาร์ทิชันเดียว ไม่ต้องแยกพาร์ทิชันแบบในอดีต ซึ่งเป็นกำแพงสำคัญของคนใช้ลินุกซ์หน้าใหม่
Btrfs เป็นระบบไฟล์ที่เริ่มโดย Chris Mason นักพัฒนาของ Oracle ในปี 2008 ภายหลังเขาย้ายไปอยู่กับ Facebook ทำให้ระบบลินุกซ์ที่ใช้ภายใน Facebook หันมาใช้ Btrfs ตามไปด้วย ส่วนดิสโทรที่ใช้ Btrfs อยู่ก่อนแล้วคือสายของ SUSE ซึ่ง Fedora ก็ชี้ว่าเป็นสัญญาณว่า Btrfs เสถียรมากพอแล้ว
ที่มา - Fedora, Fedora (เรื่อง Btrfs)
|
# ยอดขาย PS4 แตะ 113.5 ล้านเครื่อง ยังขายได้แม้อยู่ในช่วงท้ายเจนแล้ว
ในงานแถลงผลประกอบการ Q3/2020 ของ Sony บริษัทเปิดเผยตัวเลขยอดขายรวมของ PS4 ที่ 113.5 ล้านเครื่อง
ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจาก 110 ล้านเครื่อง ที่ประกาศในเดือนพฤษภาคม 2020 ไม่เยอะนัก (ในไตรมาสที่ผ่านมาขายได้เพิ่มอีก 1.5 ล้านเครื่อง) ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะถือเป็นไตรมาสสุดท้ายก่อน PS5 วางขายแล้ว และบริษัทก็ยังขายเมได้เยอะมาก โดยในไตรมาสที่ผ่านมาขายได้ 80.9 ล้านชุด (เพิ่มขึ้น 10 ล้านชุดจากปีก่อน) และยอดสมาชิก PlayStation Plus ก็เพิ่มเป็น 45.9 ล้านคน
ปัจจุบัน PS4 ถือเป็นคอนโซลตามบ้านที่ขายดีเป็นอันดับสองตลอดกาล เป็นรองแค่ PS2 ที่ทำยอดขายไว้ราว 155 ล้านเครื่อง หากนับเครื่องเล่นเกมพกพาด้วยก็มี Nintendo DS (154 ล้านเครื่อง) และ Game Boy & Game Boy Color (118 ล้านเครื่อง) ที่ขายดีกว่า
ที่มา - Destructoid
|
# Loon เผยสถิติใหม่ บอลลูนอัตโนมัติสามารถลอยได้นานสุด 312 วัน
Loon บริษัทพัฒนาระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในพื้นที่ระยะไกลภายใต้ Alphabet ประกาศความสำเร็จอีกครั้งหลังจากบอลลูนที่ส่งขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์สามารถลอยอยู่ได้นานสูงสุดถึง 312 วัน
บอลลูนรหัส HBAL703 เริ่มปล่อยจาก Pueto Rico ในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วและกำหนดเส้นทางไปยังเปรู ทดสอบบริการ 3 เดือน จากนั้นใช้เวลาในการเดินทางรอบโลกราว 7 เดือน และไปลงจอดที่ Baja ประเทศเม็กซิโกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ตัวบอลลูนที่พัฒนาขึ้นมาเป็นบอลลูนอัตโนมัติ ระบบจะทำการมอนิเตอร์ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพ และจัดการควบคุมปัจจัยต่าง ๆ เพื่อให้บอลลูนยังคงเดินทางต่อไปได้อย่างปลอดภัย และเมื่อลงสู่พื้นดินแล้ว ทีมวิจัยได้ทำการเก็บข้อมูลจากตัวบอลลูนเพื่อนำไปทำเป็นดาต้าเซ็ทสำหรับวิเคราะห์และปรับปรุงคุณภาพต่อไป
ตามเป้าหมายของ Loon คือทางบริษัทต้องการจะพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตให้เข้าถึงพื้นที่ระยะไกลให้ได้มากที่สุด ดังนั้นการทำให้บอลลูนอยู่บนชั้นบรรยากาศให้ได้นานที่สุดจะช่วยกดต้นทุนต่อชั่วโมงการบินให้ต่ำ เพื่อให้ทางบริษัทบรรลุวัตถุประสงค์หลักก็คือการกระจายสัญญาณให้คนทั่วโลกไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตามสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยง่าย
ที่มา - Loon (Medium), VentureBeat
|
# เอกสารระบุ iPhone 12 อาจรองรับการชาร์จไร้สายให้อุปกรณ์เสริมได้ด้วย (แต่ตอนนี้ยังใช้ไม่ได้)
FCC หน่วยงานกำกับดูแลโทรคมนาคมในสหรัฐ ได้เผยแพร่เอกสารที่แอปเปิลยื่นต่อหน่วยงานเกี่ยวกับการทำงานของ iPhone 12 ซึ่งมีผู้พบข้อมูลน่าสนใจ ว่า iPhone 12 อาจรองรับการเป็นตัวชาร์จไร้สายให้อุปกรณ์อื่นได้ด้วย
ข้อมูลในเอกสารตอนหนึ่งระบุว่า "นอกจากสามารถชาร์จด้วยอุปกรณ์ชาร์จบนโต๊ะแบบไร้สายได้แล้ว iPhone รุ่นปี 2020 ยังรองรับการชาร์จไฟแบบไร้สายให้กับอุปกรณ์เสริมได้ด้วย" โดยเอกสารระบุว่ากำลังไฟสูงสุดอยู่ที่ 5 วัตต์
ฟีเจอร์ที่สมาร์ทโฟนเป็นตัวชาร์จไฟไร้สายได้ ไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใดเพราะมีมาตั้งแต่ Huawei Mate 20 แล้ว
อย่างไรก็ตามคุณสมบัตินี้น่าจะถูกจำกัดอุปกรณ์ เพราะในเอกสารก็ระบุว่า "อุปกรณ์ที่จะใช้ชาร์จไร้สายผ่าน iPhone ได้ในตอนนี้ มีเฉพาะอุปกรณ์เสริมของแอปเปิลที่จะออกมาในอนาคตเท่านั้น"
Mark Gurman จาก Bloomberg เดาว่าอุปกรณ์เสริมที่ว่าคือ AirPods รุ่นใหม่ ซึ่งจะรองรับการชาร์จไร้สายแบบติดหลัง iPhone
ที่มา: The Verge
|
# Sony รายงานผลประกอบการไตรมาส ธุรกิจเกมรายได้เพิ่มถึง 52% แม้ PS5 ยังไม่วางขาย
โซนี่รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2020 (กรกฎาคม-กันยายน) รายได้รวม 2.1135 ล้านล้านเยน ลดลงเล็กน้อย (ประมาณ 0%) เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว และมีกำไรสุทธิ 0.36782 ล้านล้านเยน
ถึงแม้โซนี่ยังไม่เริ่มจำหน่าย PS5 แต่กลุ่มธุรกิจเกมก็เป็นกลุ่มที่ทำเงินให้โซนี่มากที่สุดในไตรมาส รายได้เพิ่มขึ้นถึง 52.2% (5.066 พันล้านเยน) ตามด้วยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้น 11.2% (5.047 พันล้านเยน) ขณะที่ธุรกิจภาพยนตร์รายได้ลดลง 68.3% (1.923 พันล้านเยน)
โซนี่ระบุว่ารายได้จากธุรกิจเกมเพิ่มขึ้นสูงมาจากยอดขายเกม และบริการ PS Plus แม้ว่า PS4 จะมียอดขายลดลงก็ตาม ส่วนธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์มาจากยอดขายโทรทัศน์ที่เพิ่มมากขึ้น
โซนี่ยังปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์กำไรตลอดปีการเงิน 2020 เป็น 7 แสนล้านเยน จากเดิม 6.7 แสนล้านเยน โดยมองว่ายอดขายเกมแบบดาวน์โหลดที่มีอัตรากำไรสูงกว่าแบบแผ่น และการสมัคร PS Plus ยังมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น
ที่มา: โซนี่ (pdf) และ Reuters
|
# LINE รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2020
LINE รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2020 จำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือนเฉพาะ 4 ประเทศหลัก (MAUs) เพิ่มขึ้นเป็น 167 ล้านบัญชี โดยเป็นผู้ใช้ในญี่ปุ่น 86 ล้านบัญชี และในไทย 47 ล้านบัญชี มีอัตราส่วน DAU/MAU ที่ 80% สะท้อนพฤติกรรมที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวันสูง
รายได้รวมเพิ่มขึ้น 12.4% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 62,894 ล้านเยน รายได้จากนอกประเทศญี่ปุ่นคิดเป็น 27% ของรายได้รวม รายได้จากธุรกิจโฆษณาเพิ่มขึ้น 16.3% เป็น 35,551 ล้านเยน คอนเทนต์เพิ่มขึ้น 0.5% เป็น 17,961 ล้านเยน (+5.3%)
ส่วนธุรกิจใหม่ตามกลยุทธ์เพิ่มขึ้น 27.8% เป็น 9,479 ล้านเยน โดย LINE Pay มีผู้ใช้งาน 5.64 ล้านบัญชี เฉพาะญี่ปุ่น 2.63 ล้านบัญชี มูลค่าการใช้จ่ายผ่านระบบ (GMV) 4.59 แสนล้านเยน
ที่มา: LINE
|
# Uplay+ เปลี่ยนชื่อเป็น Ubisoft+ เล่นเกม Ubisoft แบบสตรีมมิ่ง บน Luna และ Stadia ได้ด้วย
หลัง Ubisoft ผนวก Uplay รวมกับ Ubisoft Connect แต่ยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสมาชิก Uplay+ หรือบริการสมัครเล่นเกมแบบรายเดือนของ Ubisoft ที่คล้ายคลึงกับ Xbox Game Pass
ล่าสุด มีอัปเดตเพิ่มเติมว่า Uplay+ จะเปลี่ยนชื่อเป็น Ubisoft+ และจะสามารถเล่นเกมของ Ubisoft แบบสตรีมมิ่งได้บน Amazon Luna และ Stadia ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกจากค่ารายเดือนของ Ubisoft+ ราคา 14.99 เหรียญสหรัฐ (ราว 470 บาท)
Ubisoft+ จะเปิดให้บริการแบบเบต้าบน Luna วันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ โดยจะเปิดให้เล่นเกมเช่น Watch Dogs Legion, Assassin’s Creed Valhalla, และ Immortals Fenyx Rising เมื่อเกมเหล่านี้วางจำหน่าย ส่วนการเปิดให้บริการบน Stadia จะตามมาภายในสิ้นปี
ผู้เล่นจะสามารถเล่นเกมอย่างต่อเนื่องและใช้เซฟเกมเดียวกัน ได้ทั้งบน PC, Stadia และ Luna ถ้าเกมนั้นรองรับฟีเจอร์ Crossplay ของ Ubisoft Connect โดยยังไม่มีการระบุว่าจะมีจำนวนเกมที่รองรับมากแค่ไหน หรือจะย้อนกลับไปรองรับเกมเก่าๆ ด้วยหรือไม่ ส่วนในบ้านเรา Ubisoft+, Stadia หรือ Luna ก็ยังไม่เปิดให้บริการแต่อย่างใด
ที่มา - Ubisoft
|
# เข้าตัวอีกแล้ว สื่อเกาหลีรายงาน เรือธงรุ่นต่อไปของ Samsung อาจไม่แถมที่ชาร์จเหมือน iPhone 12
ChosunBiz เว็บไซต์ข่าวธุรกิจของเกาหลี อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยที่มาภายใน Samsung ว่ามือถือเรือธงรุ่นต่อไป (อาจชื่อ Galaxy S21 หรือไม่ก็ S30) อาจไม่มีที่ชาร์จมาในกล่อง เช่นเดียวกับ iPhone 12 ที่ Samsung เพิ่งแซวบนโซเชียลไปเมื่อไม่นานมานี้
ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Samsung ออกมาแซว Apple หรือ iPhone ก่อนที่จะทำตามทีหลัง เมื่อครั้งที่ iPhone ตัดรูหูฟังออก Samsung ก็เคยถึงกับทำโฆษณาออกมาแซว ก่อนจะแอบลบไป ช่วง Galaxy Note 10 ที่ตัดรูหูฟังออกเช่นกันวางจำหน่าย คงต้องมาติดตามกันว่า Samsung จะแอบลบโพสต์ที่แซว iPhone ก่อน Galaxy S21/S30 ออกอีกหรือเปล่า
ที่มา - ChosunBiz via Unilad, SamMobile
|
# ซัมซุงเปิดตัว Galaxy Tab Active 3 แท็บเล็ต Rugged สำหรับองค์กร
ซัมซุงเปิดตัว Galaxy Tab Active 3 แท็บเล็ตในกลุ่ม Rugged Device สำหรับองค์กรรุ่นใหม่
ในแง่ฟีเจอร์ก็ถูกออกแบบมารองรับการใช้งานในกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นหลัก ทั้งกล้องหลังที่ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับการถ่ายบาร์โค้ดหรือเอกสาร, รองรับ ARCore ของ Google , ปุ่มลัดด้านขวาสำหรับเปิดแอปที่ใช้หรือจำหรือสำหรับ Push to Talk, รองรับการสัมผัสผ่านถุงมือ หรือกระทั่ง S Pen ที่รองรับ IP68 ในตัวเอง
ในแง่ความถึกทน Tab Active 3 ผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H ของกองทัพสหรัฐ สำหรับการทำงานในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัดหรือสั่นสะเทือน รองรับการกระแทกที่ความสูง 1.5 เมตร และกันน้ำกันฝุ่น IP68 แบตเตอรี่ 5,050mAh แบบถอดเปลี่ยนได้
ระบบความปลอดภัยนอกจากซอฟต์แวร์ Knox ยังมีชิปความปลอดภัยแยกสำหรับเก็บกุญแจดิจิทัลแยกต่างหากด้วย
|
# Instagram ขยายเวลาไลฟ์ได้สูงสุด 4 ชั่วโมง จากเดิม 1 ชั่วโมง
Instagram ประกาศขยายเวลาไลฟ์สดได้เต็มที่ 4 ชั่วโมง จากเดิมทำได้เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น เท่ากับว่าสามารถทำไลฟ์คอนเสิร์ต, เปิดคอร์สสอนต่างๆ , เปิดพูดคุย Q&A บน Instagram ได้แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถเก็บวิดีโอไลฟ์บน archive ได้สูงสุด 30 วันก่อนจะถูกลบออก
Instagram Live ถือเปแ็นอีกแพลตฟอร์มที่คนนิยมใช้ช่วงล็อกดาวน์ เช่นดีเจมาจัดรายการเพลง, เปิดคอร์สสอนโยคะ โดยมีการใช้งานไลฟ์สดบน Instagram ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 70% เมื่อเทียบกับก่อนมีโรคระบาด COVID-19 นอกจากนี้ Instagram ยังเพิ่มเซกชั่นใหม่ Live Now บน IGTV ด้วย
สำหรับการไลฟ์บน Facebook นั้น หากเป็นบนมือถือ สามารถทำได้ยาวนานสูงสุด 4 ชั่วโมงเช่นกัน และถ้าไลฟ์ผ่านเดสก์ท็อปทำได้สูงสุดถึง 8 ชั่วโมง
ที่มา - TechCrunch
|
# กรมสรรพากรเปิดตัว ระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ e-Withholding Tax ลดขั้นตอนทำเอกสาร
กรมสรรพากรเปิดตัว ระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Withholding Tax ผู้หักภาษี(ผู้จ่ายเงิน) และผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย (ผู้รับเงิน) สามารถเข้าไปตรวจสอบหลักฐานที่เว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องจัดเก็บเอกสารหลักฐานในรูปแบบกระดาษ
ผู้หักภาษี ณ ที่จ่าย (ผู้จ่ายเงิน) ส่งข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่ายของผู้รับเงินเข้าไปในระบบ e-Withholding Tax พร้อมโอนเงินไปยังธนาคารผู้ให้บริการได้ จากเดิมที่ผู้จ่ายจะต้องทำหนังสือรับรอง การหักภาษี ณ ที่จ่าย (มาตรา 50 ทวิ) ให้ผู้รับเงินและจัดเก็บสำเนาเอกสารไว้เป็นหลักฐาน ระบบใหม่นี้จะมีธนาคารเป็นตัวกลางในการดำเนินการให้ และจะนำส่งข้อมูลและภาษีที่หักไว้ไปยังกรมสรรพากรภายในเวลาไม่เกิน 4 วันทำการ ถัดจากวันที่ธนาคารได้รับเงิน
ธนาคารที่เปิดให้บริการ e-Withholding Tax มีจำนวน 11 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารมิซูโฮ สาขากรุงเทพฯ, ธนาคารกรุงศรี, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารซูมิโตโม มิตซุย, ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด , ธนาคารทหารไทย , ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์
นอกจากนี้ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย (ผู้รับเงิน) ผ่าน e-Withholding Tax จะได้รับการลดอัตราภาษี จาก 3% เป็น 2% (1 ตุลาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2564)
ที่มา - กรมสรรพากร, ไทยรัฐ
|
# ซีอีโอ PlayStation เผย ยอดจอง PS5 12 ชม. แรกในสหรัฐ เทียบเท่า 12 สัปดาห์ของ PS4
กระแสไฮป์ของคอนโซลยุคใหม่นี้ค่อนข้างชัดว่ามากกว่ารุ่นก่อนหน้าตอนเปิดตัว แต่ก็ยังไม่มีตัวเลขมายืนยันเพราะยังไม่วางขายจริง แต่อย่างน้อยยอดพรีออเดอร์ก็ออกมาแล้วจากปากของ Jim Ryan ซีอีโอ Sony Interactive Entertainment
Jim บอกว่ายอดจอง PS5 มหาศาลมาก ๆ เฉพาะ 12 ชั่วโมงแรกในสหรัฐก็ได้จำนวนเทียบเท่ายอด PS4 ที่ขายไป 12 สัปดาห์ด้วยซ้ำ และวันวางขายจริงอาจจะมีเครื่องไม่พอขายสำหรับทุกคนที่ต้องการซื้อ
ที่มา - GameIndustry.biz
|
# Cyberpunk 2077 ต้องเข้าชิง Game of the Year ของงาน The Game Awards ปีหน้าแทน
จากการเลื่อนวางจำหน่ายรอบล่าสุดของ Cyberpunk 2077 เป็นวันที่ 10 ธันวาคม Geoff Keighley ผู้จัดงาน The Game Awards เลยระบุว่าเกมนี้จะต้องไปเข้าชิงตำแหน่ง Game of the Year ในปีหน้าแทน
เหตุการณ์นี้คล้าย ๆ กับ Super Smash Bro. ที่ขาย 7 ธันวาคม 2018 และได้เข้าชิง Game of the Year ในปี 2019 แทน ขณะที่งานในปีนี้จะจัดขึ้นวันที่ 10 ธันวาคมวันเดียวกับที่ Cyberpunk 2077 วางจำหน่าย (ถ้าไม่เลื่อนอีก)
ที่มา - @geoffkeighley
|
# มือถือตระกูล iPhone 12 จะปล่อย Hotspot ผ่าน Wi-Fi คลื่น 5GHz เป็นค่าเริ่มต้น
Aaron Zollo บล็อกเกอร์สายเทค ทวิตยืนยันข้อสังเกตของ Steve Moser จากเว็บไซต์ MacRumors ว่า iPhone 12 ทุกรุ่น ปล่อย Hotspot ผ่าน Wi-Fi แบบ 5GHz เป็นค่าเริ่มต้น และจะมีปุ่มให้ติ้กสำหรับการปรับกลับไปเป็น Wi-Fi แบบ 2.4Ghz ในการตั้งค่า Hotspot แทน โดยจะระบุไว้ว่า “Maximize Compatibility”
คำว่า “Maximize Compatibility” ในกรณีนี้ น่าจะแปลว่าเป็นการทำให้อุปกรณ์เก่าๆ ที่ไม่รองรับ Wi-Fi 5GHz ใช้งาน Hotspot ของ iPhone 12 ได้ แต่ก็มีระบุไว้ใต้ตัวเลือกว่าประสิทธิภาพอินเทอร์เน็ตอาจจะลดลง ถือเป็นครั้งแรกของ iPhone ที่ปล่อย Wi-Fi แบบ 5GHz ได้ และ Apple ก็ไม่ได้พูดถึงฟีเจอร์นี้ในงานเปิดตัวเลย
ทั้งนี้ Wi-Fi แบบ 5GHz ที่ทำความเร็วได้ดีกว่า แต่ก็ครอบคลุมพื้นที่น้อยกว่ากว่า และความสามารถในการทะลุผ่านวัตถุน้อยกว่า น่าจะเหมาะกับการใช้งาน Hotspot ที่สามารถนำมือถือไปวางไว้ใกล้ๆ กับอุปกรณ์ที่ใช้งานได้เลย ไม่เหมือนกับเร้าท์เตอร์ที่ต้องอยู่กับที่ และอาจเกิดปัญหาการทะลุผ่านผนังห้องหลายๆ ห้องในบ้านได้
ที่มา - Macrumors
|
# ไมโครซอฟท์ออกอัพเดตเพื่อลบ Flash Player ออกจาก Windows แล้ว
ไมโครซอฟท์ออกอัพเดต KB4577586 ถอด Adobe Flash Player ออกจาก Windows อย่างถาวร ตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อเตรียมรับการหมดระยะซัพพอร์ตของ Flash วันสิ้นปี 2020
ตอนนี้ช่องทางการอัพเดตยังผ่าน Microsoft Update Catalog หรือดาวน์โหลดแยกต่างหากเท่านั้น ส่วนการปล่อยผ่าน Windows Update สำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะตามมาในช่วงต้นปี 2021 หลังวันตายของ Flash แล้ว
อัพเดตตัวนี้ใช้ได้กับ Windows รุ่นเก่าย้อนไปถึง Windows 8 และ Windows Server 2012 หลังติดตั้งแล้วจะไม่สามารถนำ Flash กลับมาได้อีกเลย
ที่มา - Microsoft, Neowin
|
# Microsoft Teams มีผู้ใช้ 115 ล้านคนต่อวัน เติบโต 53% ภายใน 6 เดือน
ไมโครซอฟท์รายงานตัวเลขผู้ใช้งาน Microsoft Teams ที่ 115 ล้านคนคนต่อวัน เพิ่มขึ้น 53% จากตัวเลข 75 ล้านคนต่อวันที่รายงานเมื่อเดือนเมษายน และมีลูกค้าสถาบันการศึกษาจำนวน 270,000 รายแล้ว
ไมโครซอฟท์อธิบายว่า Teams เป็นโซลูชันเดียวที่มีครบทั้งแชท คอลล์ ประชุมออนไลน์ แก้เอกสารร่วมกัน และเวิร์คโฟลว์ทางธุรกิจ เมื่อออฟฟิศจำนวนมากย้ายกระบวนการทำงานมาเป็นออนไลน์ จึงทำให้ Teams (รวมถึง Microsoft 365) ประสบความสำเร็จอย่างมาก
จำนวนลูกค้า Microsoft 365 ฝั่งคอนซูเมอร์เติบโต 27% เป็น 45.7 ล้านราย และลูกค้า Office 365 ฝั่งธุรกิจเติบโตขึ้น 15% ส่วนรายได้โต 21%
ตัวเลขอื่นที่น่าสนใจคือจำนวนผู้ใช้งาน Power Platform อยู่ที่ 10 ล้านคนต่อเดือน
ที่มา - Microsoft, VentureBeat
|
# Work from Home ดัน Surface โต 37%, Windows เชิงพาณิชย์ลด 22% แต่คอนซูเมอร์โต 31%
เก็บตกรายละเอียดผลประกอบการไมโครซอฟท์ Q3/2020 ฝั่งของ Surface และ Windows
ยอดขาย Surface ในไตรมาสนี้เติบโตถึง 37% จากปีก่อน มีรายได้รวม 1,553 พันล้านดอลลาร์ แม้น้อยกว่าตัวเลขของไตรมาสที่แล้ว 1,724 พันล้านดอลลาร์ จากปัจจัย Work from Home ที่คนเริ่มทำงานอยู่บ้านกันในไตรมาส 2
ไมโครซอฟท์อธิบายว่ายอดขาย Surface ที่เพิ่มขึ้นมาจากปัจจัยความต้องการพีซีที่พุ่งขึ้น และการปรับรอบการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ นั่นคือ Surface Go 2 และ Surface Laptop 3 ที่เริ่มวางขายในช่วงเดือน พ.ค. และขายต่อเนื่องต่อมาในไตรมาส 3 นั่นเอง (แปลว่าสินค้ากลุ่มนี้ขายดีพอสมควร แม้ว่าไมโครซอฟท์ไม่ได้เปิดเผยยอดขายแยกตามรุ่นก็ตาม)
ส่วนยอดขายไลเซนส์ Windows ก็น่าสนใจ เพราะปัจจัย Work from Home ทำให้ยอดขายไลเซนส์เชิงพาณิชย์ลดลงถึง 22% จากปีก่อน (เพราะบริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ ชะลอการซื้อพีซีใหม่) แต่ไลเซนส์ฝั่งคอนซูเมอร์กลับเติบโตถึง 31% เพราะคนซื้อพีซีมาใช้ส่วนตัวกันมากขึ้นแทน แนวโน้มนี้ไปในทิศทางเดียวกับรายงานของ IDC และ Gartner ที่บอกว่ายอดขายพีซีเพิ่มสูงขึ้นที่สุดในรอบ 10 ปี
ที่มา - VentureBeat, Microsoft
|
# ช่วงท้ายเจนแล้ว ยอดขายฮาร์ดแวร์ Xbox ลดลง 27% แต่ยอดขายเกมยังโตได้ 30%
เก็บตกรายละเอียดผลประกอบการไมโครซอฟท์ Q3/2020 ในฝั่งของธุรกิจเกม ไมโครซอฟท์รายงานว่ารายได้หมวด Gaming ทั้งหมดในไตรมาสนี้เติบโต 22% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ยอดขายฮาร์ดแวร์ Xbox ลดลง 27% เนื่องจากเป็นไตรมาสสุดท้ายก่อน Xbox Series X|S วางขาย แถมตอนนี้มีฮาร์ดแวร์ขายอยู่รุ่นเดียวคือ Xbox One S (แต่ไตรมาสที่แล้วโตถึง 49% จากปัจจัยคนอยู่บ้านเล่นเกม)
แต่ยอดขายเกมและคอนเทนต์ Xbox สามารถโตได้ถึง 30% จากปัจจัยยอดขายเกมของไมโครซอฟท์เอง, ยอดสมาชิก Game Pass (ตอนนี้ 15 ล้านคนแล้ว) และยอดขายสินค้าในเกมของ third party
ไมโครซอฟท์คาดว่าในไตรมาสหน้า ยอดขายฮาร์ดแวร์จะเติบโต 40% จากปัจจัยการวางขายคอนโซลรุ่นใหม่ แต่ผลประกอบการส่วนเกมจะขาดทุน ซึ่งเป็นปกติของช่วงการขายคอนโซลใหม่อยู่แล้ว
ที่มา - Microsoft, Gamespot
|
# Apple ซื้อกิจการ Vilynx ผู้เชี่ยวชาญ AI สำหรับข้อมูล Media
มีรายงานว่าแอปเปิลได้เข้าซื้อกิจการ Vilynx สตาร์ทอัพจากสเปน ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ข้อมูลของ Vilynx ระบุว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ในการเพิ่มข้อมูล metadata สำหรับภาพและวิดีโอ ซึ่งทำให้กระบวนการค้นหามีความสะดวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยตรวจสอบวิดีโอว่าจุดใดเป็นส่วนสำคัญของเนื้อหาทั้งหมดอีกด้วย โดยคาดว่าแอปเปิลจะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้กับ Siri และระบบเสิร์ชในการค้นหาภาพและวิดีโอบนอุปกรณ์
ที่ผ่านมาแอปเปิลซื้อกิจการที่พัฒนาด้าน AI มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ Turi, Tuplejump, Laserlike และ Xnor․ai
ที่มา: Apple Insider ภาพ Pixabay
|
# AMD รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2020 รายได้รวมทำสถิติสูงสุดต่ออีกไตรมาส
AMD รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ปี 2020 รายได้เพิ่มขึ้น 56% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเป็น 2,801 ล้านดอลลาร์ หากเทียบกับไตรมาส 2/2020 รายได้ก็เพิ่มขึ้น 45% ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 390 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Lisa Su กล่าวว่าความต้องการสินค้าที่แข็งแกร่งทั้งจากพีซี, เกมมิ่ง และศูนย์ข้อมูล ทำให้ AMD ในไตรมาสที่ผ่านมามีรายได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ และเป็นไตรมาสที่รายได้เติบโตมากกว่า 25% ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 แล้ว และบริษัทจะยังรักษาการเติบโตด้วยผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ที่เตรียมออกมาทั้ง Ryzen, Radeon และสินค้า EPYC
กลุ่มธุรกิจ Computing and Graphics รายได้เพิ่มขึ้น 31% จากยอดขาย Ryzen ที่เพิ่มสูง ส่วนกลุ่ม Enterprise รายได้เพิ่มถึง 116% จากยอดขายทั้ง Semi-Custom และ EPYC
นอกจากนี้ AMD ยังประกาศเข้าซื้อกิจการ Xilinx อีกด้วย
ที่มา: AMD
|
# Microsoft รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส - Azure รายได้โต 48%
ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2021 (กรกฎาคม-กันยายน) รายได้รวมเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 37,154 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 13,893 ล้านดอลลาร์
รายได้แยกตาม 3 กลุ่มธุรกิจของไมโครซอฟท์มีการเติบโตในทุกกลุ่ม โดยกลุ่มธุรกิจ Productivity and Business Processes รายได้เพิ่มขึ้น 11% จาก Office 365 Commercial รายได้เพิ่ม 21%, Microsoft 365 Consumer มีผู้สมัครใช้งาน 45.3 ล้านบัญชี และ LinkedIn รายได้เพิ่มขึ้น 16%
กลุ่มธุรกิจ Intelligent Cloud รายได้เพิ่มขึ้น 20% เฉพาะ Azure รายได้เพิ่มขึ้น 48% และกลุ่มธุรกิจ More Personal Computing รายได้เพิ่มขึ้น 6% โดย Windows Commercial มีรายได้เพิ่มขึ้น 13%, Surface รายได้เพิ่มขึ้น 37%
ที่มา: ไมโครซอฟท์
|
# Next.js ออกเวอร์ชั่น 10: รองรับ React 17, ออปติไมซ์ภาพอัตโนมัติ, วัดความเร็วการเรนเดอร์
Next.js เฟรมเวิร์คเว็บ React แบบ server side render (SSR) ออกเวอร์ชั่น 10.0 โดยมีฟีเจอร์ใหม่เพิ่มขึ้นหลายอย่าง เช่น
Image Component: ทำ lazy loading ให้อัตโนมัติ พร้อมปรับภาพตามขนาด responsive ได้เอง พร้อมย่อภาพตามอุปกรณ์ที่ใช้งานจริง ไปจนถึงแปลงฟอร์แมตเป็นภาพฟอร์แมตใหม่ๆ เช่น WebP
Internationalized Routing: สร้าง URL สำหรับหลายภาษา เลือกสร้าง routing ได้ทั้งแบบ subpath หรือแบบโดเมน พร้อมตรวจสอบภาษาของผู้ใช้จากเบราว์เซอร์
Next.js Analytics; เก็บข้อมูลประสิทธิภาพเว็บจากเบราว์เซอร์ ตรวจจับว่าหน้าใดโหลดช้า
Next.js Commerce: ไม่เกี่ยวกับเฟรมเวิร์คโดยตรงแต่เป็นชุดเริ่มต้นทำเว็บอีคอมเมิร์ชที่ปล่อยออกมาพร้อมกัน
ในเวอร์ชั่นนี้รองรับ React 17 โดยไม่พบจุดที่ทำให้เข้ากันไม่ได้แต่อย่างใด แม้จะมีฟีเจอร์ใหม่หลายอย่างแต่ตัวจาวาสคริปต์ที่ฝั่งเบราว์เซอร์ก็เล็กลง 16%
ที่มา - Next.js
|
# เสร็จแล้วก็ยังเลื่อน Cyberpunk 2077 เลื่อนอีกรอบเป็น 10 ธค. จากปัญหาพอร์ทเกมหลายเวอร์ชัน
หลังจากเลื่อนแล้วเลื่อนอีก จนกระทั่งเกมพัฒนาเสร็จสิ้นแล้ว ก่อนกำหนดวางจำหน่าย 19 พฤศจิกายนนี้ ทำให้แฟน ๆ ใจชื้นว่าได้เล่นเกมนี้เดือนหน้าแน่ ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่แคล้วเลื่อนอีกจนได้
CD Projekt Red ประกาศเลื่อนการวางจำหน่ายเกมไปอีก 21 วันเป็นวันที่ 10 ธันวาคมพร้อมคำขอโทษ โดยทีมงานให้เหตุผลว่าต้องพอร์ทเกมทั้งหมด 9 เวอร์ชัน (Xbox One, Xbox One X, Xbox Series X, Xbox Series S, PS4, PS4 Pro, PS5, Stadia และพีซี) ประกอบกับการทำงานที่บ้านจากปัญหาโควิด ทำให้ทีมงานไม่สามารถส่งมอบเกมได้ตามกำหนดเวลา
แน่นอนทีมงานให้เหตุผลเช่นเดิมว่าต้องการให้เกมทุกเวอร์ชันรันได้อย่างไหลลื่น ไม่มีปัญหา ขณะเดียวกันก็บอกด้วยว่าแม้เกมจะ gone gold ไปแล้ว แต่ทีมงานก็ยังคงปรับปรุงแก้ปัญหาต่าง ๆ ในแพทช์ Day-0 อยู่ด้วยเช่นกัน
ที่มา - Cyberpunk 2077
|
# Netflix จับมือ Ubisoft นำ Assassin's Creed ทั้งมาสร้างไลฟ์แอ็คชันและแอนิเมชัน
Netflix ประกาศเซ็นสัญญากับ Ubisoft ในการเอาเกมเด่นของค่ายอย่าง Assassin's Creed มาสร้างคอนเทนต์ ซึ่งในดีลนี้หมายรวมถึงการสร้างหนังและซีรีส์ ทั้งแบบไลฟ์แอ็คชันและแอนิเมชัน โดยตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดใด ๆ ออกมา
Assassin's Creed เคยถูกนำมาสร้างเป็นหนังแล้วเมื่อปี 2016 นำแสดงโดย Michael Fassbender ซึ่งก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จทั้งในแง่คำวิจารณ์และรายได้ โดยนอกจาก Ubisoft แล้วตอนนี้ Netflix ก็กำลังร่วมมือกับ Capcom สร้างซีรีส์ Resident Evil ฉบับคนแสดง ขณะที่ฝั่ง Sony เองก็กำลังสร้างหนังจากเกม Uncharted อยู่ด้วยเช่นกัน
ที่มา - Variety
|
# Waymo ประกาศร่วมมือกับ Daimler พัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับสำหรับรถบรรทุก
Waymo และ Daimler ประกาศร่วมมือกันพัฒนารถบรรทุกเป็นระบบรถยนต์ไร้คนขับ Level 4 หรือเป็นระบบไร้คนขับเต็มรูปแบบภายใต้เงื่อนไขบางประการ
สำหรับโครงการรถบรรทุกที่จะพัฒนาร่วมกัน คือทาง Daimler จะนำรถยนต์ Freightliner Cascadia มาปรับแต่งโดยใส่ Waymo Driver เพื่อนำทางเข้าไป โดยรถบรรทุกคันแรกจะพร้อมเดินรถในสหรัฐฯ ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ดีลระหว่าง Waymo กับ Daimler ถือเป็นดีลที่ค่อนข้างสำคัญเนื่องจากตอนนี้ Waymo เริ่มทดสอบรถบรรทุกไร้คนขับมาสักระยะแล้ว และการได้ร่วมมือกับผู้ผลิตรถบรรทุกรายใหญ่ของโลกน่าจะช่วยให้การพัฒนาของบริษัทเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยเป้าหมายสูงสุดของทั้งสองบริษัทคือต้องการทำให้ถนนปลอดภัยและทำให้ระบบขนส่งมีประสิทธิภาพ ซึ่งในอนาคตทางบริษัทจะขยายตลาดและแบรนด์รถยนต์ที่จะทำรถบรรทุกไร้คนขับต่อไป
ที่มา - PR Newswire, Engadget
|
# ยอมลองยา ดีกว่าไม่มีเน็ต Starlink ประกาศราคา ค่าแรกเข้า 15,600 บาท ค่าบริการรายเดือน 3,100 บาท
Starlink เริ่มส่งอีเมลเชิญผู้ใช้ทดสอบใช้อินเทอร์เน็ตดาวเทียมในชื่อโครงการ "ยอมลองยา ดีกว่าไม่มีเน็ต" (Better Than Nothing Beta) โดยมีค่าใช้จ่ายแยกเป็นค่าอุปกรณ์ 499 ดอลลาร์ หรือประมาณ 15,600 บาท และค่าบริการรายเดือน 99 ดอลลาร์หรือ 3,100 บาท โดยอีเมลเชิญชวนระบุว่าความเร็วโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 50-150Mbps ขณะที่ความหน่วงอยู่ที่ 20-40ms โดยคาดว่าปีหน้าจะลดลงจนถึง 16-19ms ได้
ก่อนหน้านี้ Starlink มีโครงการทดสอบแบบเบต้าแบบปิดเป็นความลับมานาน โดยข้อตกลงการใช้งานห้ามไม่ให้ผู้ใช้เล่าถึงประสบการณ์การใช้งานแก่บุคคลภายนอก แม้จะมีผู้ใช้ทดสอบความเร็วจนมีการรวบรวมผลออกมาสู่สาธารณะก็ตาม สำหรับโครงการทดสอบแบบเก็บค่าบริการครั้งนี้ไม่มีข้อตกลงความลับอีกต่อไป
ทาง SpaceX เพิ่งยิงดาวเทียม Starlink เพิ่มเติมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้จำนวนดาวเทียมรวมถึง 895 ดวงแล้ว นับว่ามากกว่าสองเท่าของจำนวนที่บริษัทเคยระบุว่าจะเริ่มให้บริการได้บางพื้นที่ ตัวแอป Starlink ที่แนะนำการติดตั้งเสาอากาศและอุปกรณ์ยังยืนยันว่าจะบริการแบบทดสอบวงเปิด (public beta) ภายในปีนี้ ในพื้นที่สหรัฐฯ และแคนาดา
ที่มา - The Verge, Reddit
|
# Microsoft ปล่อยแอป Lobe เวอร์ชันพรีวิว สำหรับสร้างโมเดล Machine Learning ที่ง่ายกับผู้ใช้
ไมโครซอฟท์ปล่อยแอป Lobe เวอร์ชัน public preview ฟรีสำหรับผู้ใช้ Windows และ Mac ซึ่ง Lobe เป็นโปรแกรมสำหรับเทรนชุดข้อมูล เพื่อสร้างโมเดล Machine Learning โดยผู้ใช้งานไม่ต้องมีพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) มาก่อน
Lobe เป็นสตาร์ทอัพที่พัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับทำ Machine Learning ที่ง่ายกับผู้ใช้งาน ซึ่งไมโครซอฟท์ซื้อกิจการมาเมื่อปี 2018
ในการทำงานนั้นไมโครซอฟท์บอกว่า Lobe จะเลือกโครงสร้างทำโมเดล Machine Learning ให้อัตโนมัติ และเรียนรู้ชุดข้อมูลโดยไม่ต้องผู้ใช้ไม่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติม ที่ต้องทำคือการประเมินความถูกต้องเพื่อให้โมเดลทำงานดีขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นสามารถ export โมเดลที่ได้เพื่อนำไปประยุกต์ใช้งานต่อ ที่น่าสนใจคือการเทรนข้อมูลนั้นจะทำบนเครื่องผู้ใช้งาน ไม่มีการอัพโหลดไว้บนคลาวด์แต่อย่างใด
ในช่วงแรก Lobe จะรองรับเฉพาะการจำแนกข้อมูลรูปภาพก่อน (image classification) และจะรองโมเดลและชุดข้อมูลอื่นต่อไปในอนาคต
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ Lobe
ที่มา: ไมโครซอฟท์ ผ่าน ZDNet
|
# Uber ถูกฟ้องเรื่องการให้ดาวคนขับ มีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ขับขี่ที่ไม่ใช่คนผิวขาว
Uber กำลังถูกฟ้องในข้อหาเลือกปฏิบัติต่อผู้ขับขี่ที่ไม่ใช่คนผิวขาว ตัวคำฟ้องเน้นที่ระบบจัดเรตติ้งให้ดาวคนขับที่มีตั้งแต่ 1-5 ดาว ซึ่งถ้าคนขับได้เรตติ้งไม่ดีนานๆ เข้าจะนำไปสู่การระงับไม่อนุญาตให้มาขับ Uber อีกต่อไป ซึ่งคนขับที่ไม่ใช่คนขาวมักถูกระงับอยู่เรื่อยๆ จึงเป็นสาเหตุนำมาสู่การฟ้องเรื่องเลือกปฏิบัติ และเหยียดเชื้อชาติ สีผิว
ในคำฟ้องระบุว่า การใช้ระบบให้ดาวของ Uber ในการยุติสถานะผู้ขับขี่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีผลกระทบที่แตกต่างกันต่อผู้ขับขี่ที่ไม่ใช่คนผิวขาว และ Uber ทราบดีว่าผู้โดยสารมีแนวโน้มที่จะเลือกปฏิบัติในการประเมินผู้ขับขี่แต่ก็ยังคงใช้ระบบนี้ต่อไป
การฟ้องร้องนี้มีทนายนำคือ Shannon Liss-Riordan ทนายความที่เคยสู้กับบริษัทไอทีเรื่องการเลือกปฏิบัติต่อพนักงานมาหลายครั้ง และเป็นการฟ้องร้องในนาม Thomas Liu อดีตคนขับ Uber ซึ่งก่อนหน้านี้เขาได้ร้องเรียนไปยัง US Equal Employment Opportunity Commission มาแล้ว Liu มีเชื้อสายเอเชีย อาศัยที่ฮาวาย ถูกระงับเพราะได้เรตติ้งคนขับไม่ถึงเกณฑ์ (4.6)
โฆษก Uber กล่าวว่าบริษัท ได้ดำเนินการเพื่อลดอคติบนแพลตฟอร์ม เช่น ขอข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ขับขี่หากได้คะแนนน้อยกว่า 5 ดาว และไม่พิจารณาเหตุผลการจัดอันดับที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของคนขับ เช่น รถติด และยังยืนยันว่า ธุรกิจเรียกรถช่วยให้คนสามารถเข้าถึงงาน และเข้าถึงการขนส่งที่เป็นธรรมและเท่าเทียม
ที่มา - CNET
|
# นักวิจัยเผย ฟีเจอร์พรีวิวลิงก์ในแอปแชทส่งผลเรื่องความเป็นส่วนตัว, ความปลอดภัย, แบตเตอรี่และดาต้า
ปัจจุบันน่าจะแทบทุกแอปแชทที่มีฟีเจอร์แสดงพรีวิวของลิงก์ที่สูงส่งผ่านแชท เช่นรูป, พาดหัว, ข้อมูลเบื้องต้น ในแง่นึงก็ถือว่าค่อนข้างสะดวก แต่นักวิจัย 2 คนที่ชื่อ Talal Haj Bakry และ Tommy Mysk ออกรายงานการค้นพบที่ชี้ว่า ฟีเจอร์พรีวิวลิงก์ของหลายแอปแชท ส่งผลลบมากกว่าผลบวก
การพรีวิวลิงก์หลัก ๆ มีอยู่ 3 วิธีที่แต่ละแอปจะเลือกใช้คือ
ผู้ส่งเป็นคนสร้างพรีวิว แอปฝั่งผู้ส่งจะเป็นคนเข้าไปดึงรูปและรายละเอียดของลิงก์มาแสดงเป็น attachment และส่งไปยังผู้รับ
ผู้รับเป็นคนสร้างพรีวิว ปัญหาของวิธีนี้จะเกิดเมื่อได้รับลิงก์จากคนแปลกหน้า เพราะตัวแอปจะเข้าไปดึงข้อมูลด้วยรีเควสท์ GET (โดยที่ผู้อ่านไม่ทันได้ทำอะไร ไม่มีสิทธิปฏิเสธ) ซึ่งจะส่งหมายเลขไอพีของผู้รับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของลิงก์ รวมถึงหากลิงก์นั้นเป็นไฟล์ขนาดใหญ่ บางแอปจะโหลดไฟล์ทั้งหมดมาเพื่อพรีวิว ผู้รับจะต้องเสียดาต้าอินเทอร์เน็ตและแบตเตอรี่
ส่งไปให้เซิร์ฟเวอร์กลางสร้างพรีวิว กรณีนี้อาจปลอดภัยกับผู้รับมากกว่าข้อ 2 แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเป็นส่วนตัวหากลิงก์นั้นเป็นลิงก์จาก Dropbox หรือ Google Drive ที่มีไฟล์ส่วนตัวอยู่ เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์จะต้องเก็บแคชไฟล์ (หรือไฟล์ทั้งหมด) เอาไว้ ไม่รวมกรณีที่หากแชทนั้นเป็นแชทแบบ end-to-end การพรีวิวลิงก์วิธีนี้ก็เท่ากับทำลายความเป็น end-to-end นั้นทันที
Talal Haj Bakry และ Tommy Mysk พบว่าแอปส่วนใหญ่เลือกใช้วิธีที่ 3 โดยที่หนักที่สุดคือ Facebook Messenger และ Instagram ที่ดาวน์โหลดไฟล์ทั้งหมดมาเพื่อพรีวิว (ทั้งสองคนทดสอบส่งไฟล์ขนาด 2.6GB) ขณะที่ LINE แม้จะมีการเข้ารหัส end-to-end (เข้าใจว่าหมายถึงโหมด Letter Sealing) แต่ตัวแอปก็จะส่งลิงก์และ IP ไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ LINE เองเพื่อดึงข้อมูลมาสร้างพรีวิวอยู่ดี
นอกจากนี้ในการพรีวิวแบบที่ 3 นักวิจัยทั้ง 2 คนยังเจอกรณีที่ Instagram และ LinkedIn รัน Javascript ที่ฝังอยู่ในเซิร์ฟเวอร์ของลิงก์ที่ส่งไปในกระบวนการดึงข้อมูลเพื่อพรีวิว
นักวิจัยทั้ง 2 คนแจ้งเรื่องนี้ไปยังผู้ให้บริการแอปแชทเจ้าใหญ่ ๆ เกือบทั้งหมด ส่วนใหญ่ก็ตอบกลับว่าจะพยายามแก้ไขปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะ LINE ที่แก้ไขเรื่องการเก็บหมายเลข IP แล้ว ขณะที่ Facebook และ Instagram ระบุว่าตั้งใจให้เป็นแบบนี้แต่แรกอยู่แล้ว (ทั้งเรื่องดาวน์โหลดไฟล์เต็มและรัน Javascript)
อ่านรายงานฉบับเต็มได้จากที่มา
ที่มา - mysk.blog
|
# Google ร่วมมือกับ AP รายงานผลการเลือกตั้ง ปธน. สหรัฐฯ บน Search เรียลไทม์
Google ร่วมมือกับ AP สร้างเซกชั่นแยกบน Search เพื่อดูผลและข้อมูลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พ.ย. นี้ แบบเรียลไทม์ ระบบแสดงแบนเนอร์เพื่อให้ดูผลในแต่ละรัฐได้ หรือใช้คำสั่งเสียงเรียก Google Assistant เพื่อให้ AI อ่านผลการเลือกตั้งให้ฟังผ่าน Smart Displays เช่น “Hey Google, what are the current election results?”
สำหรับผู้ใช้งาน YouTube จะมองเห็นข้อความพร้อมลิงค์ให้ดูข้อมูลเลือกตั้ง ซึ่งจะลิงค์กลับมายังแหล่งข่าวเป็นทางการบน Google Search ด้าน Google Maps ระบบจะแสดงสถานที่เพื่อไปโหวตในรูปแบบต่างๆ เช่น สถานที่สำหรับลงแคะแนนก่อนกำหนด, จุดรับลงคะแนนที่อยู่ใกล้ฉัน เป็นต้น
ที่มา - Google
|
# AMD ประกาศเข้าซื้อ Xilinx มูลค่า 35,000 ล้านดอลลาร์ ด้วยการแลกหุ้น, Lisa Su นั่งซีอีโอทั้งสองฝั่ง
AMD ประกาศควบรวมกับ Xilinx ผู้ผลิต FPGA รายใหญ่ด้วยการแลกหุ้น มูลค่า 35,000 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นบริษัทที่มีพนักงานรวม 13,000 คน งบวิจัยปีละ 2,700 ล้านดอลลาร์ โดย Lisa Su จะเป็นซีอีโอของทั้งสองฝั่ง และ Victor Peng ซีอีโอของ Xilinx จะดำรงตำแหน่งประธาน (president) รับผิดชอบกิจการ Xilinx ต่อไป
Xilinx มีสินค้าหลักคือ FPGA ที่ใช้ออกแบบวงจรเฉพาะทางลงไปในชิปได้ ทำให้สามารถสร้างฮาร์ดแวร์เฉพาะทางเพื่อเร่งความเร็วประมวลผล นอกจากนี้บริษัทยังมีสินค้าอื่น เช่น วงจรเร่งความเร็ว และโซลูชั่นการ์ดเน็ตเวิร์ค
การใช้ FPGA เพื่อเร่งความเร็วสำหรับงานเฉพาะทางได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลัง Intel นั้นซื้อ Altera ที่เป็นคู่แข่งสำคัญของ Xilinx มาตั้งแต่ปี 2015 บริการคลาวด์อย่าง AWS ก็มีเครื่อง EC2 F1 มาหลายปีแล้ว
ราคาหุ้นของ Xilinx ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 115 ดอลลาร์ต่อหุ้น การแลกหุ้นกับ AMD ครั้งนี้จะแลกที่มูลค่า 143 ดอลลาร์ต่อหุ้น โดยผู้ถือหุ้น Xilinx เดิมจะกลายเป็นผู้ถือหุ้น AMD รวม 26% ข้อตกลงนี้ได้รับอนุมัติจากกรรมการทั้งสองบริษัทเรียบร้อยแล้ว และเตรียมนำเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป
ที่มา - AMD
|
# Humankind เกมแนว Civilization จากผู้สร้าง Endless Space และ Endless Legend
เกม Humankind เปิดตัวมาได้สักพักแล้ว ในฐานะเกมแนว 4X (Explore, Expand, Exploit, Exterminate) ที่หน้าตาคล้ายกับเกม Civilization มากที่สุด ล่าสุดเกมเปิดให้ทดสอบบนแพลตฟอร์ม Stadia ของกูเกิลแล้ว (เกมมีกำหนดลงพีซีด้วยในเดือนเมษายน 2021 แต่ยังเปิดทดสอบเฉพาะบน Stadia)
สิ่งที่ทำให้เกม Humankind น่าจับตามองอย่างมากคือสตูดิโอผู้พัฒนา Amplitude Studios เป็นบริษัทเกมที่เชี่ยวชาญเกมแนว 4X turn-based strategy เป็นอย่างมาก และผลงานที่ผ่านมาทั้ง Endless Space ธีมอวกาศ (2012) และ Endless Legend ธีมแฟนตาซี (2014) ก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก เมื่อ Amplitude ลงมาทำเกมสร้างอารยธรรมมนุษย์ชนกับ Civilization ตรงๆ ทำให้ถูกจับตาไม่น้อย
ถึงแม้เป็นเกมแนวเดียวกัน แต่ Humankind ก็มีระบบของตัวเองที่แตกต่างจาก Civilization เช่น
สร้างอารยธรรมของตัวเองได้ โดยผสมจากอารยธรรมที่มีให้ประมาณ 60 แบบ
ระบบ fame ที่สะสมคะแนนจากความสำเร็จในเกม ทั้งสงครามและความสำเร็จด้านอื่นๆ
ระบบ morale ที่ท้าทายให้ผู้เล่นต้องเลือกสิ่งที่ตัดสินใจยากในเชิงจริยธรรม
ปัจจุบัน Amplitude Studios เป็นบริษัทลูกของ Sega (ซื้อกิจการในปี 2016) การมาอยู่ใต้ร่มบริษัทใหญ่แบบ Sega ทำให้สามารถทำเกมในสเกลที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมได้ และผลลัพธ์คือเกม Humankind นั่นเอง
|
# ดีไซน์บาดตา ขอบบาดมือ มีรายงานผู้ใช้ iPhone 12 ในจีน ถูกขอบเครื่องบาดมือหลายราย
Gizchina รายงานว่ามีผู้ใช้ iPhone 12 หลายรายในประเทศจีน เริ่มโพสต์รูปภาพมือที่ได้รับบาดเจ็บจากการใช้งาน iPhone 12 ดีไซน์ใหม่ บน Weibo หลังจากที่ Apple กลับไปทำขอบเหลี่ยมคล้ายคลึงกับ iPhone 4-5s อีกครั้ง ในข่าวไม่ได้ระบุว่าอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น เกิดจากการใช้งานรุ่นธรรมดาหรือรุ่น Pro และมีทั้งในระดับเป็นรอยแดง ไปจนถึงเป็นแผลเลือดออก จากขอบที่คมจนเกินไป
ในบ้านเราคงต้องรอเปิดราคาและส่งมอบเครื่องจริงกันก่อน ถึงจะรู้ได้ว่าดีไซน์เครื่องที่บาดตานี้ จะมีขอบที่คมจนบาดมือได้ด้วยหรือไม่ แต่จากพฤติกรรมผู้ใช้บ้านเราที่มักนำมือถือใส่เคส แม้ขอบจะคมจริง ก็อาจไม่ใช่ปัญหาที่ร้ายแรงเท่าไร และยังไม่มีข่าว หรือข้อติแบบเดียวกันนี้จากผู้ใช้ หรือสื่อจากฝั่งยุโรปและอเมริกาแต่อย่างใด
ที่มา - Gizchina
|
# Acer เปิดตัวมอนิเตอร์รุ่นใหม่สามรุ่น เน้นถนอมสายตา รองรับ HDR และขอบบาง
Acer เปิดตัวมอนิเตอร์ใหม่สามรุ่น เริ่มที่รุ่น Acer B248Y มอนิเตอร์ IPS ความละเอียด FullHD เน้นถนอมสายตาสำหรับคนทำงาน มาตรฐาน TÜV/Eyesafe มีฟีเจอร์ Acer LightSense และ Acer ColorSense ปรับอุณหภูมิสีและความสว่างหน้าจอให้เข้ากับสภาพแวดล้อม ขาตั้ง Ergostand ปรับหมุน 90 องศา เอียง และก้มเงยได้ มีพอร์ต RJ45 (แลน) และจ่ายไฟผ่านพอร์ต USB Type-C 100W PD มีกล้องเว็บแคม FHD ในตัว รองรับ Windows Hello
รุ่นที่สองคือ Acer CBL272U มอนิเตอร์ 27 นิ้ว มาตรฐานถนอมสายตา TUV/Eyesafe ความละเอียด QHD (2560x1440 พิกเซล) รองรับ HDR10 แสดงผลมาตรฐานสี sRGB ได้ 99% มุมมองหน้าจอ 178 องศา มีฟีเจอร์ BlueLightShield Pro ลดแสงสีน้ำเงิน, ComfyView ลดแสงสะท้อน ลดความสว่างหน้าจอได้ต่ำสุด 15% เพื่อการใช้งานตอนกลางคืน ระยะเวลาตอบสนอง 1ms
รุ่นสุดท้าย Acer BL270 มอนิเตอร์ 27 นิ้ว มาตรฐานถนอมสายตา TÜV/Eyesafe เช่นเดียวกัน ความละเอียด Full HD (1920x1080 พิกเซล) จุดขายคือขอบบาง เชื่อมต่อกับแอป Acer Smart Console บนมือถือเพื่อ mirror หน้าจอได้ และตั้งค่ามอนิเตอร์ได้
Acer CBL272U และ BL270 วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเดือนมกราคม ปี 2021 ในราคา 299.99 เหรียญสหรัฐเท่ากัน (ราว 9,400 บาท) ส่วน B248Y วางจำหน่ายเดือนกุมภาพันธ์ ในราคา 329.99 เหรียญสหรัฐ (ราว 10,320 บาท)
ที่มา - Acer
Acer เปิดเผยรูปภาพแค่รุ่น BL270
|
# [ลือ] Apple กำลังพัฒนา AirPods และ AirPods Pro รุ่นใหม่ อาจเปิดตัวปีหน้า
Bloomberg อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตน รายงานว่า Apple กำลังวางแผนเปิดตัว AirPods รุ่นที่สาม และ AirPods Pro รุ่นที่สองในปีหน้า พร้อมกับกำลังพิจารณาเตรียมพัฒนาลำโพงอัจฉริยะที่จะเป็นรุ่นกลางระหว่าง HomePod mini และ HomePod รุ่นธรรมดา
ตัว AirPods รุ่นที่สาม จะมีดีไซน์ใหม่ คล้ายคลึงกับ AirPods Pro รุ่นปัจจุบัน มีก้านสั้นลง จุกหูฟังเปลี่ยนได้ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น แต่จะไม่มี ANC กำหนดวางจำหน่ายที่กำลังถูกถกภายใน Apple คือช่วงครึ่งปีแรกของปี 2021
ส่วน AirPods Pro รุ่นใหม่ Apple กำลังพยายามทำให้กะทัดรัดขึ้น โดยจะตัดก้านออกไปจนหมด ดีไซน์ที่กำลังทดสอบเป็นทรงกลม คล้ายกับหูฟังไร้สายของบริษัทอื่นที่ไม่มีก้านมากขึ้น แหล่งข่าวกล่าวว่าการใส่ฟีเจอร์ ANC เสาสัญญาณไร้สาย และไมโครโฟน ใน AirPods Pro ที่มีขนาดเล็กลง เป็นไปได้อย่างยากลำบากในขั้นตอนการพัฒนา สุดท้ายแล้วดีไซน์ที่ออกมาอาจเป็นดีไซน์ที่ “ไม่หวือหวานัก” (“less ambitious design”)
นอกจาก AirPods, Apple ยังวางแผนออก HomePod อีกรุ่นที่จะมีขนาด คุณภาพเสียง และราคา อยู่ตรงกลางระหว่าง HomePod และ HomePod mini แต่ยังไม่แน่ชัดว่า Apple จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่จริงๆ หรือจะแค่ลดราคา HomePod รุ่นใหญ่กันแน่
ส่วนหูฟัง over-ear มี noise-cancelling ที่ลือกันก่อนหน้านี้ Bloomberg รายงานจากแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องแต่ไม่เปิดเผยตัวตน ว่ามีปัญหาพอสมควรในกระบวนการพัฒนา ถูกเลื่อนมาหลายครั้ง และแม้มีกำหนดเข้าสู่กระบวนการผลิตเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนหน้า ก็มีการพบปัญหาที่คาดหัวบีบแน่นจนเกินไป จนต้องมีการเลื่อนออกไปอีก
ในการออกแบบช่วงแรก Apple อยากให้มีทัชแพดขนาดใหญ่บนตัวหูฟัง รวมทั้งเปลี่ยนสายคาดหัวและฟองน้ำที่หูได้ แต่ในเวอร์ชั่นล่าสุดมีการลดขนาดทัชแพดลง ยกเลิกการทำให้สายคาดปลี่ยนได้ แต่อาจยังเปลี่ยนฟองน้ำได้อยู่
AirPods กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดของ Apple ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ทำรายได้กว่า 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสล่าสุดที่ผ่านมา มากขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับสองปีที่แล้ว แม้กำลังถูกตีตลาดจากหูฟัง TWS เจ้าอื่น เช่น Xiaomi แต่ยอดขายของตระกูล AirPods ก็อาจเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต เนื่องจาก Apple เลิกแถมหูฟัง EarPods มากับมือถือตระกูล iPhone 12 แล้ว
ที่มา - Bloomberg
|
# Enyware อุปกรณ์ค้ำตัวบนเก้าอี้ มีเซ็นเซอร์เตือนให้นั่งถูกท่า พัฒนาโดยคนไทย
ในยุคที่คนเป็นโรค office syndrome กันเยอะ สาเหตุหลักย่อมมาจากการนั่งท่าที่ไม่ถูกต้องตามหลัก ergonomic เป็นเวลานานๆ ซึ่งทางออกมักเป็นการซื้ออุปกรณ์ต่างๆ มาช่วยให้ทำงานในท่าที่ถูกต้องมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน เก้าอี้ ฐานรองคอมพิวเตอร์-จอภาพ แม้กระทั่งเมาส์-คีย์บอร์ด
Enyware เป็นโครงการแปลกใหม่น่าสนใจที่พยายามแก้ปัญหานี้ มันคืออุปกรณ์ค้ำตัวตอนนั่งทำงาน ที่ต้องวางไว้บนเก้าอี้อีกที (ทีมงานเรียกมันว่าเป็น Smart Seat) โดยมีเซ็นเซอร์คอยวัดว่าเรานั่งในท่าที่เหมาะสมหรือไม่เพื่อแจ้งเตือนผ่านสมาร์ทโฟน ตัวอุปกรณ์มีน้ำหนัก 2.6 กิโลกรัม และระบุว่าสามารถนำไปใช้กับเก้าอี้ได้หลากหลายประเภท
โครงการนี้พัฒนาโดยทีมคนไทย Astride Bionix (แต่ออฟฟิศอยู่สิงคโปร์) ที่เคยทำอุปกรณ์ Lex ซึ่งเป็นเก้าอี้รองนั่งแบบ exoskeletion ที่สวมใส่ได้ โดยระดมทุนผ่าน Kickstarter เมื่อปี 2018 (ข่าวเก่าใน Blognone)
ผมมีโอกาสสอบถามทีมงาน Astride Bionix เรื่องโครงการ Lex ว่าบทสรุปเป็นอย่างไร คำตอบคือมีผู้สนับสนุนประมาณ 500 ตัว โดยประสบความสำเร็จมากในตลาดญี่ปุ่น สินค้าล็อตที่สั่งผ่าน Kickstarter ส่งมอบครบหมดแล้วตั้งแต่ปี 2019 แถมเคยไปปรากฏตัวในซีรีส์ Silicon Valley ของ HBO ด้วย (ดูได้จากคลิปด้านล่าง)
หลังจากนั้นทางทีม Astride มีโอกาสทำงานกับ Airbus เพื่อพัฒนาเก้าอี้แบบ Lex ไปใช้ในโรงงาน แต่ติดปัญหา COVID-19 ก่อน จึงนำเทคโนโลยีเดิมมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่คือ Enyware ตัวนี้แทน
โครงการ Enyware เปิดระดมทุนผ่าน Kickstarter เช่นกัน ในราคาตัวละ 139 ดอลลาร์ มีกำหนดส่งมอบในเดือนสิงหาคม 2021 ผู้สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Kickstarter
|
# ศาลอุทธรณ์สหรัฐปัดตกคำร้องเรื่องแบน WeChat ระบุรัฐบาลพิสูจน์ไม่ได้ว่าได้รับผลกระทบ
ต่อเนื่องจากคำสั่งคุ้มครองของศาลแคลิฟอร์เนียห้ามรัฐบาลแบน WeChat ในสหรัฐเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งครั้งนั้นโจทก์คือกระทรวงพาณิชย์ ก่อนที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐจะยื่นอุทธรณ์เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
ล่าสุดศาลอุทธรณ์ (the Ninth Circuit Court of Appeals) ปฏิเสธคำร้องของกระทรวงยุติธรรมแล้ว โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ว่า รัฐบาลได้รับผลกระทบหรือได้รับความเสียหายที่ร้ายแรงและแก้ไขไม่ได้
แม้สถานการณ์ตอนนี้ WeChat จะยังคงสามารถดาวน์โหลดและใช้งานได้ แต่ก็มีรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังหาช่องทางในการแบนการทำธุรกรรมผ่าน WeChat Pay (รวมถึง Alipay) อยู่ด้วย
ที่มา - Reuters, Bloomberg
ภาพจาก Shutterstock
|
# หลุดข้อมูล RTX 3060 และ 3060Ti ราคาราว 7,000 - 14,000 บาท คาดเปิดตัวเดือนหน้า
ร้านค้าบน Taobao ของจีนได้อัพข้อมูลของการ์ดจอ RTX 3060 และ 3060Ti บนหน้าร้านและระบุราคาอยู่ที่ช่วงประมาณ 1,499 ถึง 2,998 หยวน (ราว 7,000 - 14,000 บาท) พร้อมระบุว่าจะวางขายหลังเดือนหน้า ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า NVIDIA อาจเปิดตัวการ์ดจอรุ่นเล็กภายในเดือนหน้า (ถ้าข้อมูลหน้าร้านนี้เชื่อได้)
ขณะเดียวกันมีข้อมูลสเปคของ RTX 3060Ti บน GPU-Z หลุดออกมาว่ามี CUDA คอร์ที่ 4,864 วีแรม GDDR6 8GB คล๊อก 1.4GHz บูสต์ 1.6GHz โดยข้อมูลของเวนเดอร์การ์ดจอตัวนี้คือ HP คาดว่าอาจจะเป็นการ์ดจอบนโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง
ที่มา - Notebookcheck, Tom's Hardware
*ภาพจาก TechPowerup
|
# Google เผยฝาหลัง Pixel 5 ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100%, ทุกผลิตภัณฑ์ต้องใช้อย่างน้อย 50% ในปี 2025
ปี 2019 Google ประกาศว่าจะใช้วัสดุรีไซเคิลเข้ามาในผลิตภัณฑ์ Made By Google ให้ได้ทุกตัวภายในปี 2022 ล่าสุด Google เผยว่าเริ่มใกล้สู่เป้าหมายบางส่วนแล้ว โดยฝาหลัง Pixel 5 ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% แล้ว และผลิตภัณฑ์ Nest ใช้พลาสติกรีไซเคิล 70% และ Nest Thermostat ตรงส่วนที่ยึดกับผนัง ใช้พลาสติกรีไซเคิลเช่นกัน
พร้อมกันนี้ยังประกาศเป้าหมายใหม่ ใช้วัสดุรีไซเคิลเข้ามาเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ Made By Google ให้ได้อย่างน้อย 50% ภายในปี 2025 และประกาศจะได้รับการรับรอง UL 2799 Zero Waste to Landfill ให้ได้ภายในปี 2022 หรือวัสดุจากผลิตภัณฑ์ Google จะต้องนำไปใช้ต่อได้ ไม่เป็นขยะลงดิน และจะไม่ใช้พลาสติกในการบรรจุภัณฑ์เลยภายในปี 2025
ที่มา - Google
|
# Epson เปิดตัวโปรเจคเตอร์เลเซอร์รุ่นใหม่ รองรับ Android TV และ Chromecast ในตัว
Epson เปิดตัวโปรเจคเตอร์เลเซอร์รุ่นใหม่สามรุ่น คือ Epson EpiqVision Ultra LS300 รองรับคอนเทนต์ถึง 4K ฉายภาพได้ถึงขนาด 120 นิ้ว Epson EpiqVision Mini EF12 ฉายได้ถึง 150 นิ้ว
ทั้งสองรุ่นมาพร้อม Android TV และ Chromecast ในตัว สามารถสั่งงานจากมือถือให้ขึ้นจอโปรเจคเตอร์ได้เหมือนจอทีวี ใช้ระบบเสียง Dolby Audio จูนโดยระบบ AudioEngine DSP ของ Yamaha และเทคโนโลยีเสียงของ Dolby Digital
อีกรุ่นคือ EpiqVision EF11 ที่ไม่มี Android TV แต่มีพอร์ต HDMI สามารถต่ออุปกรณ์พ่วงสำหรับใช้งานสมาร์ททีวีอื่นๆ เช่น Apple TV, Roku, Amazon FireTV, หรือใช้ Chromecast ได้
ทั้งสามรุ่นรองรับมาตรฐานสี RGB 100% วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ในราคาดังนี้
Epson EpiqVision Ultra LS300 ราคา 1,999 เหรียญ (ราว 62,500 บาท)
Epson EpiqVision Mini EF12 ราคา 999 เหรียญสหรัฐ (ราว 32,000 บาท)
Epson EpiqVision EF11 ราคา 799 เหรียญ (ราว 25,000 บาท)
ที่มา - Epson
Epson EpiqVision Ultra LS300
Epson EpiqVision Mini EF12
|
# Instagram ปรับกฎภาพนู้ด หลังไปแบนรูปนางแบบผิวดำพลัสไซส์จนถูกวิจารณ์หนักว่าเลือกปฏิบัติ
Instagram ปรับนโยบายเรื่องภาพนู้ดของผู้หญิง อนุญาตให้มีภาพที่มีลักษณะกอด หรือจับหน้าอกได้ สาเหตุจากมีกลุ่มผู้ใช้งานคนผิวดำ และกลุ่มชายขอบกล่าวว่า Instagram มีการใช้นโยบายภาพนู้ดแบบเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มผู้หญิงที่ไม่ใช่คนขาว
เรื่องราวเริ่มต้นจากเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา Instagram ลบชุดภาพถ่ายแบบของ Nyome Nicholas-Williams สาวผิวดำพลัสไซส์ ใช้มือปกปิดหน้าอกและเป็นลักษณะเปลือยท่อนบน ซึ่ง Nyome บอกว่า Instagram ลบภาพของเธอ ในขณะที่รูปของคนอื่นที่ถ่ายแบบเดียวกัน แต่เป็นคนผอมและผิวขาวกลับไม่โดนลบ ทำให้เธอไม่เข้าใจว่า การที่ผู้หญิงผิวดำพลัสไซส์จะอวดรูปร่างของตัวเองนั้นเป็นการผิดกฎอย่างไร เหตุใดจึงโดนแบน เรื่องนี้ถูกวิจารณ์มาก จนเกิดเป็นแฮชแท็ก #IWantToSeeNyome
โฆษกของ Instagram บอกว่า ทางแพลตฟอร์มทำพลาดเองเรื่องลบรูปของ Nyome ออก ไม่ได้พิจาณาให้ถี่ถ้วนและไม่ได้บังคับใช้นโยบายเรื่องการบีบเต้านมอย่างเหมาะสม และจะใช้เวลาสักพักเพื่อปรับปรุงนโยบายส่วนนี้ให้ถูกต้อง
ที่มา - Engadget, The Guardian
|
# ไมโครซอฟท์เปิดศูนย์ข้อมูล Azure ในไต้หวัน, ตั้งเป็นศูนย์พัฒนาฮาร์ดแวร์ Azure
ไมโครซอฟท์ประกาศตั้งศูนย์ข้อมูลในไต้หวัน โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผน Reimagine Taiwan ที่เพิ่มการลงทุนในไต้หวันมากขึ้น
ศูนย์ข้อมูลแห่งนี้จะเริ่มให้บริการ Azure ในเขตพื้นที่ (region) ใหม่ที่เป็นไต้หวัน และในขั้นถัดไปจะให้บริการ Microsoft 365, Dynamics 365, Power Platform ให้กับลูกค้าในไต้หวันต่อไป นอกจากการตั้งศูนย์ข้อมูลแล้ว ไมโครซอฟท์ยังระบุว่าจะผลักดันให้ทีมวิศวกรรมที่ไต้หวัน (Taiwan Azure Hardware Systems and Infrastructure) เป็นศูนย์กลางพัฒนาฮาร์ดแวร์ของ Azure สำหรับงานคลาวด์, IoT, Edge, AI อีกด้วย
ในงานเปิดตัวมีประธานาธิบดี Tsai Ing-wen เข้าร่วม โดยระบุว่าการลงทุนของไมโครซอฟท์ครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไต้หวันและสหรัฐอเมริกา จุดเด่นของไต้หวันคือมีธุรกิจด้านฮาร์ดแวร์จำนวนมาก และเป็นพันธมิตรที่ดีกับสหรัฐมาโดยตลอด
ไมโครซอฟท์ถือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ที่มาเปิดศูนย์ข้อมูลในไต้หวันเป็นรายที่สอง ต่อจาก Google Cloud ที่นำร่องไปก่อนแล้ว ในขณะที่ AWS ยังไม่มีศูนย์ข้อมูลในไต้หวัน
ไมโครซอฟท์มีศูนย์ข้อมูลในเอเชียตะวันออกหลายประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง และสิงคโปร์
ที่มา - Microsoft, Microsoft Taiwan, The Register
|
# YouTube บนมือถือย้ายปุ่มบางฟังก์ชั่นเข้าไปในหน้าจอ Play, ปัดขึ้นเพื่อเล่นคลิปเต็มหน้าจอ
YouTube ประกาศฟีเจอร์ใหม่บนแอปมือถือทั้ง Android และ iOS และรีดีไซน์หน้าจอ Play ใหม่ด้วย โดยย้ายปุ่มฟังก์ชั่น CC หรือเปิดโหมดคำบรรยายอัตโนมัติ และ Autoplay ขึ้นไปไว้ที่หน้าจอเล่นคลิปเลย ปุ่ม CC อยู่ที่ฝั่งขวาบนของหน้าจอ และ Autoplay อยู่ตรงกลางหน้าจอเล่นคลิป โดย YouTube ให้เหตุผลว่าช่วยให้ปุ่มใช้งานเหล่านี้เข้าถึงง่ายขึ้นและเร็วขึ้นกว่าเดิม และจะขยายฟังก์ชั่นใหม่นี้ไปยังเดสก์ท็อปด้วย
ปรับแต่ง Gesture ใหม่ ให้สามารถปัดขึ้นและลงเพื่อเข้าสู่โหมดเล่นคลิปเต็มหน้าจอได้ โดยปัดขึ้นเพื่อเล่นเต็มจอ กับปัดลงเพื่อเล่นครึ่งจอ จากเดิมที่ต้องกดหยุดถึงจะออกจากหน้าจอ Fullscreen ได้
ก่อนหน้านี้ YouTube เผยฟังก์ชั่น Video Chapters กดที่แถบเวลา Timestamp เพื่อดูเนื้อหาที่ต้องการได้รวดเร็ว ล่าสุดเพิ่ม list view หรือหน้าจอ thumbnail ของแต่ละ Video Chapters ให้เราเห็นระหว่างที่กดดูแต่ละ Chapters ได้ด้วย
นอกจากนี้ YouTube จะเพิ่มคำแนะนำระหว่างดูคลิป เช่น หากเปิดโหมดเต็มจอ หรือ VR จะให้ประสบการณ์การรับชมที่ดีขึ้น และเพิ่มโหมดเตือนว่าถึงเวลานอน ลดการเสพติดการใช้งาน
ที่มา - YouTube
|
# เบนช์มาร์ค Ryzen 9 5950X รุ่นท็อปมาแล้ว คะแนนเพิ่มจาก 3950X เจนก่อนถึง 34%
ก่อนหน้านี้เพิ่งมีคะแนนเบนช์มาร์คของ Ryzen 5 5600X รุ่นเล็กสุดของซีรีส์ 5000 (ในตอนนี้) ออกมาสร้างความฮือฮา ล่าสุดมีเบนช์มาร์คของ Ryzen 9 5950X รุ่นใหญ่ที่สุด (16 คอร์) ออกมาในฐานข้อมูลของ PassMark แล้ว
คะแนนแบบเธร็ดเดียว 3,693 คะแนน ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแทน Ryzen 5 5600X ที่ได้ 3,455 คะแนน
คะแนนรวม 45,564 คะแนน ชนะรุ่นพี่เจนก่อนคือ Ryzen 9 3950X ที่ได้ 39,297 คะแนน ถึง 34%
คะแนนรวมของ Ryzen 9 3950X ถือเป็นซีพียู 16 คอร์ที่แรงที่สุดในตลาด ณ ตอนนี้ โดยซีพียูที่ได้คะแนนเยอะกว่ามีแค่กลุ่ม Epyc และ Threadripper ของ AMD ด้วยกันเองที่มีจำนวนคอร์มากกว่า (24-64 คอร์) และราคาแพงกว่ากันหลายเท่าตัว
ส่วนซีพียูฝั่งอินเทลที่ทำคะแนนได้ดีที่สุด ฝั่งคอนซูเมอร์คือ Intel Core i9-10980XE (18 คอร์) ได้ 34,092 คะแนน และฝั่งเซิร์ฟเวอร์คือ Xeon Gold 6248R (24 คอร์) ได้ 38,521 คะแนน ถือว่าตามหลัง Ryzen 9 5950X อยู่ไกล
ที่มา - PassMark (single-thread), PassMark (high-end), Tom's Hardware
|
# Twilio รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2020
Twilio ผู้ให้บริการ API การติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์และ SMS รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2020 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 52% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเป็น 448.0 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 7.3 ล้านดอลลาร์ ดีกว่าปีก่อนที่ขาดทุน
จำนวนลูกค้าที่ใช้ Twilio ก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 208,000 ราย โดยมีจำนวนลูกค้ารายใหญ่ที่สุด 10 อันดับ ทำเงินคิดเป็น 14% ของรายได้รวมทั้งหมด
Jeff Lawson ซีอีโอ Twilio กล่าวว่าการสร้าง engagement ในช่องทางดิจิทัลกลายเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นในแง่ประสบการณ์ของลูกค้า ซึ่งธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรมก็เลือกใช้ Twilio ในการพัฒนาโซลูชันของตนเอง
เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา Twilio ประกาศเข้าซื้อกิจการ Segment เพื่อเสริมธุรกิจให้ครอบคลุมด้านการติดต่อสื่อสารมากขึ้น
ที่มา: Twilio
|
# นักพัฒนาเคอร์เนลยืนยัน การคุยอีเมลแบบข้อความล้วนไม่ลำบากเกินไป ทุกวันนี้ยังมีคนส่งโค้ดมากขึ้นเรื่อยๆ จนขาดคนรีวิว
Greg Kroah-Hartman ผู้ดูแลเคอร์เนลลินุกซ์ในสาย stable branch ตอบคำถามในงาน Open Source Summit Europe ถึงแนวทางการพูดคุยของกลุ่มนักพัฒนาเคอร์เนลที่ยังใช้อีเมลแบบข้อความล้วน (plaintext) ว่าเป็นอุปสรรคต่อการหานักพัฒนาหน้าใหม่หรือไม่ โดยเขายืนยันว่าทุกสามเดือนที่เป็นรอบออกเวอร์ชั่นใหม่ของลินุกซ์ มีนักพัฒนาหน้าใหม่เข้ามาเรื่อยมากกว่า 200 คน
เขายอมรับว่าการตั้งค่าอีเมลไคลเอนต์[ให้ทำงานแบบ plaintext] อาจจะยุ่งยากไปบ้างแต่ทางโครงการเคอร์เนลก็มีเอกสารให้ครบ พร้อมกับชี้ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่นักพัฒนาไม่ส่งโค้ดแต่กลับเป็นมีโค้ดส่งเข้าไปมากจนรีวิวไม่ทัน
Greg ระบุว่ามีคนส่งโค้ดเข้าเตอร์เนลลินุกซ์สัปดาห์ละกว่า 700 แพตช์และกระบวนการรีวิวกลายเป็นคอขวด พร้อมกับเรียกร้องให้นักพัฒนาช่วยกันตรวจโค้ด โดยเทียบกับการแต่งเพลงว่าคนเราไม่ควรข้ามไปแต่งเพลงทันที แต่ควรฟังเพลงและวิจารณ์เพลงเสียก่อน
ที่มา - The Register
Greg Kroah-Hartman เมื่อปี 2011 โดย Sebastian Oliva
|
# ยังขับเองไม่ได้แต่สอนได้ โรงเรียนขับรถในญี่ปุ่นใช้เทคโนโลยีรถไร้คนขับวัดความสามารถนักเรียน
โรงเรียนสอนขับรถ Minami Fukuoka ในเมืองฟุกุโอะกะ ประเทศญี่ปุ่นหันมาใช้เทคโยโลยีรถไร้คนขับมาวิเคราะห์ความสามารถในการขับขี่ของนักเรียนแทน โดยใช้ทั้งเซ็นเซอร์ LIDAR ตรวจจับวัตถุรอบรถ และปัญญาประดิษฐ์วิเคราะห์หาจุดบกพร่องพร้อมคำแนะนำ
ตัวรถที่ใช้เรียนจะติดตั้งกล้องไว้ภายในรถเพื่อจับใบหน้าและดวงตาของนักเรียนไปพร้อมกัน ขณะที่ปัญญาประดิษฐ์จะวิเคราะห์ทั้งวัตถุรอบรถ, การเปลี่ยนเลน, ความเร็วรถ ประกอบการให้คะแนน ทั้งนี้ขณะที่นักเรียนกำลังฝีกจะมีครูนั่งไปด้วย แต่ปัญญาประดิษฐ์จะลดภาระครูในการประเมินนักเรียนแต่ละรอบ หันไปให้คำปรึกษาในการขับขี่แทน โดยญี่ปุ่นมีกำหนดเรียกผู้ถือใบขับขี่สูงอายุกลับมาสอบใบขับขี่ใหม่ในปี 2022 ทำให้ภาระของโรงเรียนสอนขับรถจะหนักขึ้นมาก
ปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้งานครั้งนี้พัฒนาโดยบริษัท Tier IV และ Brain IV ที่เป็นบริษัทพัฒนารถไร้คนขับอยู่ทั้งคู่
แม้เทคโนโลยีรถไร้คนขับจะพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่การปรับแก้กฎหมายให้สามารถใช้งานได้จริง เช่น ผู้ขับขี่ไม่รับผิดชอบในการควบคุมรถ หรือแม้แต่ไม่ต้องมีใบขับขี่เลยนั้นต้องใช้เวลาอีกพอสมควร การนำเทคโนโลยีเดียวกันมาใช้ฝึกคนขับขี่เป็นแนวทางการใช้งานที่ใช้ได้ทันที
ที่มา - Japan Times
ภาพกูเกิลทดสอบรถไร้คนขับเมื่อปี 2011 โดย Steve Jurvetson
|
# นักวิจัยพบช่องโหว่ Lightning Network เปิดทางแฮกเกอร์ขโมยเงินระหว่างการโอน
โครงการ Lightning Network รายงานถึงช่องโหว่สองรายการ ได้แก่ CVE-2020-26895 และ CVE-2020-26896 โดยช่องโหว่แรกเปิดทางให้แฮกเกอร์สามารถยกเลิกรายการโอนเงินผ่าน Lightning Network ไปได้ ทำให้โหนด Lightning ที่ให้บริการโอนเสียเงินของตัวเองไป
Lightning Network เป็นบริการโอนเงินแบบ off-blockchain ที่พยายามแก้ปัญหาระยะเวลาหน่วงในการโอนเงินของบล็อคเชนต่างๆ ที่นานเกินกว่าจะใช้งานจริงได้ เช่น บิตคอยน์นั้นอาจจะต้องใช้เวลา 20 นาทีเพื่อยืนยันรายการโอนเงิน แต่การโอนเงินบน Lightning จะใช้เวลาระดับมิลลิวินาทีเท่านั้น
ช่องโหว่ทั้งสองตรวจพบโดย Antoine Riard นักพัฒนา Bitcoin Core และ Rust-Lightning ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และเมื่อทางต้นเดือนตุลาคมทาง Lightning ได้แจ้งเตือนผู้ตั้งโหนดให้อัพเกรดเป็นเวอร์ชั่น 0.11.0 ขึ้นไป และหลังจากนี้จะมีการตั้งโครงการให้รางวัลการรายงานช่องโหว่ (bug bounty) ต่อไป
ที่มา - Bleeping Computer. Lightning Network 1, 2, 3
|
# Arduino เปิดตัว Oplà IoT Kit ชุดเรียนรู้การพัฒนา IoT ราคา 114 ดอลลาร์
Arduino เปิดตัวชุดพัฒนาใหม่ในชื่อ Oplà IoT Kit โดยมีบอร์ดเสริม MKR IoT Carrier เพื่อให้ติดต่อกับผู้ใช้ได้คล้ายตัวควบคุมความร้อนในบ้านอย่าง Nest แต่เชื่อมต่อกับ Arduino IoT Cloud แทน
บอร์ด MKR IoT Carrier ประกอบไปด้วย ปุ่มแบบสัมผัส 5 จุด, หน้าจอ OLED วงกลม, เซ็นเซอร์แสง/อุณหภูมิ/ความชื้น/ความดันอากาศ, relay แบบ 24V ควบคุมอุปกรณ์ภายนอก, ช่องเสียบ SD, พอร์ตต่อเซ็นเซอร์ภายนอก, เซ็นเซอร์ความเคลื่อนไหว, ช่องใส่แบตเตอรี่แบบ Li-Ion, ไฟ RGB อีก 5 ดวง โดยในชุด Oplà IoT Kit จะมีเคสใสมาให้ด้วย
ตัวบอร์ดในชุดเป็น Arduino MKR WiFi 1010 และมีเซ็นเซอร์ความชื้นสำหรับปักดิน และเซ็นเซอร์ความเคลื่อนไหวมาให้ต่อเพิ่มได้ มีเนื้อหาการเรียนการสอนเป็นบทเรียน 2 ชุดสำหรับเรียนรู้ IoT และโครงการสำเร็จรูปอีก 8 โครงการ
ราคา 114 ดอลลาร์ไม่รวมภาษี ในชุดแถม Arduino Create Maker Plan ให้ฟรีอีก 1 ปี แต่บังคับใส่เลขบัตรเครดิตและจะถูกคิดเงินอัตโนมัติเดือนละ 5.99 ดอลลาร์หลังครบกำหนด
ที่มา - Arduino Blog
|
# Acer เปิดตัวเดสก์ท็อป ConceptD 300 และโน้ตบุ๊ก ConceptD 7, 7 Pro สำหรับครีเอเตอร์
Acer เปิดตัวเดสก์ท็อปพีซี ConceptD 300 สำหรับครีเอเตอร์ ใช้งาน CAD หรือเรนเดอร์ภาพ 3D มาพร้อมซีพียู Intel Core Gen 10th การ์ดจอสูงสุด Nvidia Geforce RTX 3070 แรม DDR4 ความเร็ว 2666 MHz สูงสุด 64GB ฮาร์ดดิสก์จานหมุนสูงสุด 4 TB HDD และ SSD PCIe M.2 SSD สูงสุด 1 TB มาพร้อมพอร์ต USB 3.2 ตัวอ่าน SD card และพอร์ต USB Type-C
ConceptD 300 วางจำหน่ายในยุโรป เดือนพฤศจิกายนนี้ ราคาเริ่มต้น 1299 ยูโร (ราว 48,000 บาท)
นอกจากนี้ยังมีโน้ตบุ๊กสำหรับครีเอเตอร์ ConceptD 7 และ ConceptD 7 Pro ซีพียู Intel Core 10th Gen การ์ด Intel Wi-Fi 6 (Gig+), พอร์ต Thunderbolt 3 และหน้าจอ IPS 4K ขนาด 15.6 นิ้ว ผ่านมาตรฐานการทดสอบของ PANTONE รองรับมาตรฐานสี Adobe RGB 100% ค่าความถูกต้องสี Delta E < 2 (ยิ่งน้อยแปลว่าค่าสียิ่งตรงกับการรับสีของสายตามนุษย์ ตามข้อมูลจาก Acer)
ConceptD 7 ตัวเลือกการ์ดจอสูงสุดเป็นตระกูล Geforce RTX (ยังไม่ระบุรุ่น) ส่วนรุ่น 7 Pro ตัวเลือกการ์ดจอสูงสุดเป็น Quadro RTX 5000 วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเดือนธันวาคมนี้ ConceptD 7 Pro ราคาเริ่มต้น 3,499.99 เหรียญสหรัฐ (ราว 109,500 บาท) ส่วน ConceptD 7 ราคาเริ่มต้น 3,299.99 เหรียญสหรัฐ (ราว 103,250 บาท)
ที่มา - Acer
|
# เบราว์เซอร์ของคุณเก่าเกินไปแล้ว ไมโครซอฟท์จะ redirect บางเว็บใน IE ไปเปิดด้วย Edge
เอกสารซัพพอร์ตของไมโครซอฟท์ระบุว่า ใน Microsoft Edge 87 รุ่นเสถียรรุ่นหน้า จะมีอัพเดตที่เปลี่ยนค่าของ Internet Explorer ในเครื่อง ให้การใช้ IE เปิดเว็บบางเว็บที่อยู่ใน incompatibly list จะกลายเป็น redirect มาเปิดด้วย Edge แทน
เว็บไซต์ที่อยู่ใน incompatibly list เหล่านี้ถือว่าเป็นเว็บสมัยใหม่ที่ไม่รองรับ IE แล้ว ในรายการตอนนี้มีทั้งหมด 1,156 เว็บ ตัวอย่างได้แก่ Facebook, Instagram, Twitter, Google Drive, Microsoft Teams, Yahoo Mail, ESPN เป็นต้น
เทคนิคที่ไมโครซอฟท์ใช้คือติดตั้งส่วนขยายของ IE ชื่อว่า IEToEdge BHO (ย่อมาจาก Browser Helper Object) คอยดักการทำงานของ IE ว่าเปิดเว็บที่ใช้งานกับ IE ไม่ได้ ตามรายชื่อที่กำหนดไว้หรือไม่ หากพบก็ให้เปิด Edge ขึ้นมาแทน ซึ่งผู้ใช้สามารถสั่งปิดการ redirect นี้ได้ถ้าต้องการ
ที่มา - Microsoft, Bleeping Computer
|
# Facebook Gaming เปิดบริการเล่นเกมผ่านคลาวด์ เล่นฟรี ยังมีแต่เกมมือถือ ไม่รองรับ iOS
Facebook เป็นบริษัทล่าสุดที่เข้าสู่ธุรกิจคลาวด์เกมมิ่ง โดยเปิดตัวบริการเล่นเกมแบบสตรีมผ่านคลาวด์ ภายใต้ส่วนหนึ่งของบริการ Facebook Gaming ที่มีอยู่แล้ว
จุดเด่นของ Facebook Gaming ที่แตกต่างจากคู่แข่งในท้องตลาดอย่าง Microsoft xCloud, Amazon Luna หรือ Google Stadia คือ "เล่นฟรี" อย่างไรก็ตาม เกมชุดแรกยังไม่ใช่เกมบิ๊กเนมมากนัก เป็นเกมที่มีอยู่แล้วบนสมาร์ทโฟนอย่าง Asphalt 9, Mobile Legends: Adventure, PGA Tour Golf Shootout, Solitaire: Arthur’s Tale, WWE SuperCard, Dirt Bike Unchained
ก่อนหน้านี้ Facebook มีเปิดให้เล่นเกมแบบง่ายๆ (ที่เรียกว่า Instant Games เขียนด้วย HTML5) อยู่บ้างแล้ว การเพิ่มเกมมือถือเข้ามาให้เล่นแบบสตรีมมิ่ง แสดงให้เห็นความจริงจังของ Facebook ในตลาดเกมมากขึ้น โดยบริษัทระบุว่ารองรับการ cross play ระหว่างเกมเวอร์ชันปกติ (ดาวน์โหลดมาในเครื่อง) กับเวอร์ชันสตรีมมิ่งด้วย
การเล่นเกมผ่าน Facebook Gaming สามารถทำได้ผ่านแอพ Facebook Gaming บน Android (เท่านั้น ไม่มี iOS และ Facebook บอกว่ายังไม่ทำในตอนนี้ เหตุผลก็คงรู้ๆ กันอยู่) และผ่านหน้าเว็บของ Facebook Gaming ตอนนี้บริการยังเปิดให้ทดสอบแบบ Beta เฉพาะบางรัฐในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
Facebook บอกว่าจะขยายจำนวนเกมเพิ่มขึ้นในปี 2021 โดยเพิ่มเกมแนวแอคชั่นและผจญภัยเข้ามา รวมถึงจะหารายได้ผ่าน in-app purchase และโฆษณาในเกมด้วย
ที่มา - Facebook
|
# OnePlus แตกไลน์มือถือราคาถูกด้วย OnePlus Nord N10 และ N100 ราคาเริ่มต่ำหมื่น
OnePlus แตกไลน์สมาร์ทโฟนราคาถูก 2 รุ่นโดยยังคงแบรนด์ Nord เอาไว้ในชื่อรุ่น OnePlus Nord N10 5G ที่เป็นรุ่นแพงกว่าประมาณหมื่นต้น ๆ และ N100 ที่เป็นรุ่นต่ำหมื่น
OnePlus Nord N10 5G (น่าจะเป็นรุ่น 5G ที่ถูกที่สุดตอนนี้) หน้าจอขนาด 6.49 นิ้ว FHD+ รีเฟรชเรท 90Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 690 โมเด็ม 5G เป็น Snapdragon X51 รองรับเฉพาะคลื่น sub-6 แรม 6GB ความจุ 128GB (รองรับ microSD) แบต 4,300mAH รองรับ Warp Charge 30T สแกนลายนิ้วมือด้านหลังและได้ลำโพงคู่ รัน Android 10 มีรูหูฟัง
กล้องหลัง 4 ตัว กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล, กล้องอัลตร้าไวด์ 119 องศา 8 ล้านพิกเซล, เลนส์มาโครและเลนส์วัดระยะลึก กล้องหลัก 16 ล้านพิกเซล ราคา 329 ปอนด์ (ราว 13,400 บาท) ถูกกว่า OnePlus Nord ที่ราคา 379 ปอนด์
ส่วน OnePlus Nord N100 หน้าจอ 6.52 นิ้ว ความละเอียด 1600x720 ชิปเซ็ต Snapdragon 460 แรม 4GB ความจุ 64GB เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือด้านหลัง แบตเตอรี่ 5,000mAh แต่รองรับกระแสไฟแค่ 18W มีรูหูฟัง ลำโพงคู่ รัน Android 10
กล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยกล้องมาโครและกล้องวัดระยะลึกอีกตัวละ 2 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล ราคา 179 ปอนด์ (ราว 7,300 บาท)
ที่มา - The Verge, GSMArena
|
# Samsung และ Stanford ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีจอ OLED ความละเอียด 10,000 ppi
Samsung โดย Samsung Advanced Institute of Technology (SAIT) และ Stanford University ประกาศความสำเร็จร่วมกันในการพัฒนาเทคโนโลยี OLED ความละเอียดสูงสุดถึง 10,000 พิกเซลต่อนิ้ว (ppi) โดยนำเทคโนโลยีมาจากเทคโนโลยีที่ใช้ผลิตแผงโซลาร์แบบบางมาก ๆ
สำหรับวิธีการพัฒนาจอ OLED นี้ คือทีมพัฒนาใช้ฟิล์มเพื่อกำจัดแสงขาวระหว่างเลเยอร์ที่มีการสะท้อนกลับ โดยหนึ่งชิ้นเป็นเงินและอีกชิ้นทำมาจากวัตถุสะท้อนที่มีพื้นผิวเป็นลูกฟูกระดับนาโน เรียกว่า optical metasurface ที่สามารถเปลี่ยนคุณสมบัติการสะท้อนและทำให้แสงสะท้อนผ่านพิกเซลได้ ดีไซน์ลักษณะนี้ทำให้ใส่พิกเซลความหนาแน่นสูงเข้าไปได้มากกว่าในจอ RGB OLED บนมือถือ แต่ไม่ส่งผลต่อแสงในระดับเดียวกับที่เห็นจากทีวี OLED บางรุ่น
จอความละเอียดระดับ 10,000 ppi นี้ถือเป็นอุปกรณ์ที่เข้าใกล้ความเป็นอุดมคติของเทคโนโลยี VR และ AR เนื่องจากการใช้งานเทคโนโลยีประเภทนี้มักจะต้องนำจอเข้ามาใกล้ตามาก ๆ และด้วยเทคโนโลยีจอปัจจุบันที่ยังไม่ละเอียดมากพอ ผู้ใช้งานอาจพบอาการ screen door effect หรือแม้กระทั่งพิกเซลเป็นเม็ด ๆ ได้
ขั้นตอนต่อไป Samsung จะนำเทคโนโลยีนี้มาใส่ในหน้าจอเต็มรูปแบบ และจะทำให้เทคโนโลยีนี้สามารถผลิตเป็นอุตสาหกรรมเพื่อใช้งานจริงได้ในอนาคต
ที่มา - Stanford, Engadget
|
# LG เปิดตัวหูฟังไร้สาย Tone Free รุ่นใหม่ พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ANC ในตัว
LG เปิดตัวหูฟังไร้สาย Tone Free รุ่นใหม่ HBS-FN7 โดยเพิ่มฟีเจอร์ใหม่คือระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟหรือ ANC เข้ามาในตัว
LG Tone Free รุ่นใหม่ยังคงดีไซน์เหมือนกับ FN6 แต่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่อย่าง active noise cancellation หรือ ANC ซึ่งตัวหูฟังจะมีไมโครโฟน 3 ตัวที่คอยฟังเสียงรอบข้างและนำมาหักล้างกันเพื่อลดเสียงรบกวนจากทุกทิศทาง
นอกจาก ANC แล้ว ฟีเจอร์ด้านเสียงยังคงเหมือนเดิม คือใช้ระบบประมวลผลสัญญาณจาก Meridian Audio, ปรับ EQ ผ่านแอป Tone Free บน Android หรือ iOS และตัวเคสก็ยังคงมาพร้อมแสงยูวีนาโนที่กำจัดแบคทีเรีย E. coli และ S. aureus ได้ถึง 99.9% เหมือนรุ่นก่อนหน้า
ส่วนแบตเตอรี่ ตามสเปคแล้วจะใช้งานได้นานสุดเมื่อไม่ใช้ ANC เฉพาะตัวหูฟัง 7 ชั่วโมง ส่วนหูฟัง+เคส 21 ชั่วโมง และเมื่อเปิดใช้งาน ANC เฉพาะตัวหูฟัง 5 ชั่วโมง ส่วนหูฟัง+เคส 15 ชั่วโมง
LG Tone Free HBS-FN7 เริ่มวางจำหน่ายในเกาหลีใต้แล้ววันนี้ และจะวางขายในประเทศอื่นภายในไตรมาสสุดท้ายของปี 2020
ที่มา - Engadget, XDA Developers
ภาพจาก LG
|
# Ant Group ธุรกิจการเงินของ Alibaba เตรียม IPO เข้าตลาดหุ้น ระดมทุนได้สูงสุดที่เคยมีมา
Ant Group กลุ่มธุรกิจการเงินของ Alibaba ประกาศราคาหุ้นไอพีโออย่างเป็นทางการ ทำให้บริษัทจะระดมทุนเพิ่มอีก 34,500 ล้านดอลลาร์ และเป็นไอพีโอเพื่อเข้าตลาดหุ้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ทั้งนี้มูลค่ากิจการของ Ant Group ตามราคาไอพีโอจะอยู่ที่ 313,370 ล้านดอลลาร์
Ant Group จะนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นสองแห่ง (dual listing) คือตลาดหุ้นฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ โดยมีจำนวนหุ้นเพิ่มทุนเท่ากัน
ธุรกิจในเครือ Ant Group มีหลายอย่าง ที่เด่นได้แก่ Alipay บริการจ่ายเงินผ่านมือถือ, Yu'e Bao บริการซื้อกองทุนรวมผ่าน Alipay, Huabei บริการสินเชื่อรายย่อย และ MYbank ธนาคารออนไลน์
ที่มา: CNBC
|
# Acer เปิดตัว Aspire 5 รุ่นใหม่ ซีพียู Intel Core 11th Gen ตัวเลือก Geforce MX450
Acer เปิดตัว Acer Aspire 5 รุ่นใหม่ ขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว, 15.6 นิ้ว และ 17.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD แบบทัชสกรีน สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 80% ซีพียู Intel Core 11th Gen ตัวเลือกจีพียู Iris Xe และ Geforce MX450 แรม DDR4 สูงสุด 24GB, SSD M.2 PCIe สูงสุด 1TB หรือแบบจานหมุนสูงสุด 2TB รองรับ Wi-Fi 6 ด้วยการ์ด Intel Wi-Fi 6 (Gig+)
รุ่น 14 และ 15.6 นิ้ว วางจำหน่ายเดือนธันวาคมนี้ในสหรัฐอเมริกา ราคาเริ่มต้น 499 เหรียญสหรัฐเท่ากัน (ราว 15,700 บาท) รุ่น 17.3 นิ้ว เริ่มวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา เดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 ราคาเริ่มต้น 549 เหรียญ (ราว 17,200 บาท)
ที่มา - Acer
|
# WHO ร่วมกับ Wikimedia ทำข้อมูล COVID-19 ทั้งอินโฟกราฟิก, ภาพ ให้ใช้งานฟรี
องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ร่วมกับ Wikimedia Foundation เจ้าของวิกิพีเดีย ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับ COVID-19 สามารถใช้งานอินโฟกราฟิก, ข้อมูลตัวอักษร, ภาพและวิดีโอ ออกไปได้ไม่ติดลิขสิทธิ์ เพราะอยู่ภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-ShareAlike
ในบล็อกเปิดตัวความร่วมมือระบุว่า ข้อมูลเกี่ยวกับ COVID-19 ตอนนี้มีบรรณาธิการอาสาสมัครกว่า 250,000 คนเข้ามาร่วมสร้างและแปลข้อมูลเป็นภาษาต่างๆ ปัจจุบันมีบทความเกี่ยวกับ coronavirus มากกว่า 5,200 บทความใน 175 ภาษา นอกจากนี้ยังมีแหล่งรวบรวมภาพข้อมูลปลอมเกี่ยวกับ COVID-19 เอาไว้ด้วย เช่น 5G มีผลต่อ COVID-19 เป็นภาพสำเร็จรูปให้เอาไปใช้เผยแพร่ฟรี ป้องกันการแพร่ระบาดของข่าวปลอม และจะทำงานเพื่ออัพเดตข้อมูลใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ
สามารถเข้าไปสำรวจข้อมูลได้ที่ Wikimedia Foundation
ที่มา - WHO
|
# CAT รุกเทคโนโลยีดิจิทัล พลิกโฉมจัด CAT Network Showcase 2020 แบบ Virtual Event รับไลฟ์สไตล์ยุค New Normal
บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เตรียมจัดงาน CAT Network Showcase 2020 (CNS2020) ปีที่ 11 ในรูปแบบ Virtual Event เป็นครั้งแรก เพื่อแสดงศักยภาพการให้บริการโทรคมนาคม ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและดิจิทัล โดยเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานสู่ออนไลน์ สมทบด้วยการสัมมนาอัปเดตเทรนด์ดิจิทัลจากผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองแห่งยุค New Normal ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง กับ CNS2020 งานที่สายเลือดคนพันธุ์ดิจิทัล ไม่ควรพลาด วันที่ 5 - 6 พฤศจิกายนนี้
พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เปิดเผยว่า “CAT ได้จัดงาน CAT Network Showcase ติดต่อกันเป็นปีที่ 11 แล้ว และในปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานจาก ONGROUD มาสู่ ONLINE ในรูปแบบ VIRTUAL EVENT เต็มรูปแบบเพื่อตอบรับ NEW NORMAL การจัดงานครั้งนี้ CAT มุ่งมั่นและตั้งใจนำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ด้วยการรวบรวมทุกออนไลน์เทคโนโลยี ทั้งเครือข่ายและนวัตกรรมด้านดิจิทัลใหม่ล่าสุด เข้าไว้ด้วยกันภายในงาน ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Now Normal ก้าวสู่วิถีใหม่ด้วย Now Technology, Now Perspective, Now Experience โดยภายในงานจะแบ่งออกเป็น ส่วนต่าง ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ส่วนของงานสัมมนาที่ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล ทั้งในและต่างประเทศมาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ ตลอดจนการอัปเดต เมกะเทรนด์ดิจิทัล และเน็ตเวิร์กปี 2020 โดยมีหัวข้อสัมมนาที่น่าสนใจมากมาย โดยหัวข้อวันแรก : WHAT IS NOW? เทคโนโลยีอะไรบ้างที่ถูกนำมาใช้และพัฒนาต่อยอดในยุค NOW NORMAL อาทิ CAT NOW NORMAL, What is now เมื่อทั้งโลกอยู่บนคลาวด์, NOW APPLICATION, VIRTUAL REALITY พาเราไปได้ไกลแค่ไหน, The Next New Norm สำหรับหัวข้อวันที่ 2 : NOW NORMAL PLATFORM รูปแบบธุรกิจ ที่เกิดขึ้นในยุคนี้เป็นแบบไหนและเกิดขึ้นมาได้อย่างไร อาทิ Real Time Behavior Trend, Immerse Virtual & Real, New way of Work, Now Normal of Business, Collaboration for more opportunities รวมถึงหัวข้อดิจิทัลที่กำลังเป็นที่สนใจในปัจจุบันแบบจัดเต็มตลอดทั้ง 2 วัน
ส่วนการจัดนิทรรศการการสาธิตนำเสนอเทคโนโลยี และนวัตกรรม ทั้งเน็ตเวิร์กโซลูชัน ตลอดจนแอปพลิเคชันต่าง ๆ อาทิ การโชว์เคสบริการทั้งหมดของ Normal Lifestyle เพื่อเป็นการตอกย้ำทิศทางของ CAT ในการพัฒนาโซลูชันแห่งอนาคต ด้วยเทคโนโลยีภาพ 3D ในรูปแบบมัลติมีเดีย อินเตอร์แอคทีฟ 360 องศา เพื่อสร้างประสบการณ์เสมือนจริง และอีกไฮไลท์ที่น่าสนใจในปีนี้ที่ไม่ควรพลาดนั้นก็คือ การพาชม CAT SHOWCASE TOUR กับศูนย์ปฏิบัติการสำคัญของ CAT ได้แก่ Security Operation Center (SOC) และ Network Operation Center (NOC) ที่จะพาไปชมเบื้องลึกเบื้องหลังการปฏิบัติงานแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ในรูปแบบ 360 องศา Office Tour
นอกจากนี้ ทาง CAT ยังได้มีการเพิ่มกิจกรรมความบันเทิง ได้แก่ โชว์มินิคอนเสิร์ต แบบ (Virtual Concert) จากศิลปินคุณภาพ เบน ชลาทิศ และการแข่งขัน VIRTUAL REALITY CREATOR ภายใต้แนวคิด Now Normal City เมืองแห่งวิถีชีวิตใหม่ เพื่อให้กลุ่มนิสิตนักศึกษานำเสนอผลงาน โดยแบ่งการแข่งขันเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภท 360 VR การประกวดผลงานวีดีโอ และประเภท MOBILE AR/VR นำเสนอผลงานที่สร้างสรรค์ อาทิ เกมดิจิทัลแบบโต้ตอบ (Interactive Digital Games), การจำลองในระบบสามมิติ (3D Simulation), การผสมเทคโนโลยี 2D, 3D ร่วมกับเทคโนโลยี VR ชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่าแสนบาท”
งาน CAT Network Showcase 2020 (CNS2020) จึงเป็นงานใหญ่แห่งปี ที่คนพันธุ์ดิจิทัลไม่ควรพลาด
สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมงานสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าร่วมงาน
ได้ที่ www.catcns2020.com
|
# อินเทลเปิดตัว Iris Xe Max (DG1) จีพียูแยกรุ่นแรกของบริษัท ยังมีใช้แค่ในโน้ตบุ๊ก
อินเทลเปิดตัวจีพียูแบบ discrete (dGPU) รุ่นแรกของตัวเองมาแบบเงียบๆ ในชื่อทางการค้าว่า Iris Xe Max ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแรงขึ้นจาก Iris Xe รุ่นมาตรฐานที่เป็นจีพียูออนบอร์ด (iGPU) ของ Tiger Lake
ก่อนหน้านี้ อินเทลเคยประกาศทำจีพียูแยกไว้อยู่แล้ว แต่ใช้ชื่อรหัสว่า DG1 โดยยังมีเฉพาะรุ่นสำหรับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ OEM ใช้งานในโน้ตบุ๊กเท่านั้น ส่วนโน้ตบุ๊กรุ่นแรกที่ใช้ Iris Xe Max คือ Acer Swift 3x ที่เปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ตอนนี้เรายังรู้ข้อมูลทางเทคนิคของ Iris Xe Max น้อยมาก รู้แค่ว่ามีจำนวนคอร์ (execution unit หรือ EU) จำนวน 96 คอร์, สัญญาณนาฬิกา 1.5GHz และแรม 3GB คาดว่าอินเทลจะจัดงานแถลงข้อมูลของ Iris Xe Max เพิ่มเติมในเร็วๆ นี้
ในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส 3/2020 ซีอีโอ Bob Swan ยังเปิดเผยว่าเริ่มทดสอบ DG2 ในห้องแล็บแล้ว โดยมันจะเป็นจีพียูรุ่นที่ใหญ่ขึ้นจาก DG1 และอิงอยู่บนสถาปัตยกรรม Xe-HPG สำหรับเกมมิ่งโดยเฉพาะ (DG1 มาจากสถาปัตยกรรม Xe-LP รุ่นที่เล็กกว่า Xe-HPG)
ที่มา - HotHardware, Notebookcheck, AnandTech
|
# Acer เปิดตัว Spin 5, Spin 3 โน้ตบุ๊ก 2-in-1 ซีพียู Intel Core Gen 11th มีปากกาในตัว
Acer เปิดตัวโน้ตบุ๊ก 2-in1 สองรุ่นใหม่ Acer Spin 5 และ Acer Spin 3 รุ่น Acer Spin 5 มาพร้อมซีพียู Intel Core Gen 11th จีพียู Iris Xe หน้าจอ IPS ขนาด 13.2 นิ้ว อัตราส่วน 3:2 มีตัวเลือกกระจก Gorilla Glass แบบเคลือบสารป้องกันแบคทีเรียทั้งบนหน้าจอและทัชแพด แบตเตอรี่อยู่ได้ 15 ชั่วโมง น้ำหนักเครื่อง 1.2 กิโลกรัม มีพอร์ต USB Type-C Thunderbolt 4.0 สองพอร์ต และ USB 3.0 Type-A สองพอร์ต, HDMI หนึ่งพอร์ต มาพร้อมปากกาและที่เก็บปากกาในตัวเครื่อง
Acer Spin 3 เป็นรุ่นหน้าจออัตราส่วน 16:10 ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล มาพร้อมซีพียู Intel Core Gen 11th และจีพียู Iris Xe เช่นกัน มาพร้อมปากการองรับระดับแรงกด 4,096 ระดับ พอร์ต USB 3.0 Type-A สองพอร์ต, USB Type-C Thunderbolt 4.0 สองพอร์ต พอร์ต HDMI และรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร แบตเตอรี่ชาร์จ 30 วินาที ใช้งานได้ 90 นาที แต่ Acer ยังไม่เปิดเผยความจุแบตและเวลาใช้งานแบบเต็ม
ที่มา - Acer
|
# SCB มอง Robinhood เป็นโครงการ CSR ช่วยร้านอาหารรายย่อย จึงไม่เก็บ GP
SCB จัดงานเปิดตัวแอปส่งอาหาร Robinhood เปิดให้ดาวน์โหลดแบบพับลิกแล้วทั้ง Google Play และ App Store แต่พื้นที่ใช้งานยังเปิดทดสอบเฉพาะ กรุงเทพและปริมณฑลเท่านั้น และจะเปิดใช้งานเต็มที่ในปี 2021
จากการเปิดทดสอบใช้งานมา 5 เดือน มีร้านอาหารอยู่บนระบบแล้ว 16,000 ร้าน มีคนขับ 10,000 คน ตั้งเป้าภายในปีนี้มีร้านอาหาร 30,000 ร้าน และคนขับ 15,000 คน และคาดหวังยอดใช้งาน 20,000 transaction ต่อวัน ตัวแอปดำเนินการภายใต้ชื่อ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด (อยู่ในเครือ SCB10X) โดยมีคุณ ธนา เธียรอัจฉริยะ เป็นประธานกรรมการบริหาร และ สีหนาท ล่ำซำ เป็น กรรมการผู้จัดการ
คุณธนาและคุณสีหนาทย้ำจุดยืนของแอป Robinhood ว่าเน้นช่วยร้านอาหารรายย่อย ที่อยากนำร้านอาหารขึ้นระบบ food delivery แต่ไม่อยากจ่ายค่า GP และเน้นช่วยร้านอาหารให้สามารถเข้าถึงลูกค้าเดลิเวอรี่ในช่วง off-peak หรือช่วงนอกเหนือจากมื้อกลางวันและมื้อเย็น โดยมีแคมเปญลดราคาอาหาร 8% ในช่วง off-peak ซึ่งเชื่อว่าร้านอาหารจะสามารถเข้าร่วมแคมเปญได้ เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องค่า GP
ซึ่ง SCB10X มอง Robinhood เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ CSR ไม่เน้นแข่งกับรายใหญ่ และไม่เน้นที่ร้านอาหาร chain มากนัก เพราะมีกำลังในการลงทุนส่งอาหารอยู่แล้ว แต่เน้นร้านอาหารรายย่อยตามตรอกซอกซอย ให้สามารถดำเนินธุรกิจในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ร้านอาหารสามารถรับเงินได้ทันทีภายใน 1 ชั่วโมง และคนขับจะได้ค่าขับในวันถัดไป ไม่ต้องสำรองจ่ายค่าอาหารไปก่อน เพราะตัดเงินลูกค้าผ่าน transaction ออนไลน์อยู่แล้ว
การใช้จ่ายไม่สามารถใช้เงินสดได้ เน้นจ่ายผ่านแอป SCB Easy หรือตัดผ่านบัตรเดบิตและเครดิตได้ โดยในอนาคตจะทำวอลเลต Robinhood ด้วย ด้านฟีเจอร์ในอนาคตที่จะตามมาคือ multiple order ที่ให้ลูกค้าสามารถทำการสั่งอาหารจากหลายร้านค้าได้โดยไม่ต้องรอให้ออเดอร์แรกเสร็จสมบูรณ์ , multiple pick up ลูกค้าสามารถสั่งอาหารจากหลายร้านค้าในบริเวณใกล้เคียงกันในออเดอร์เดียว และ การนำคะแนนสะสมในบัตรเครดิตมาใช้ในการชำระเงิน
ด้านการนำร้านอาหารรายย่อยขึ้นระบบนั้น ใช้ทีมพนักงานธนาคาร SCB ตามสาขาที่รีสกิลใหม่ จากเป็นพนักงานให้บริการการเงินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายรูป เข้าไปช่วยสอนร้านอาหาร และถ่ายรูปอาหารสวยๆ ทำเป็นโปรไฟล์ร้านบน Robinhood ได้
ธนา บอกว่า Robinhood ถือเป็น CSR ของ SCB เพราะไม่มีรายได้โดยตรงใดๆ จากบริการนี้ แต่ผลพลอยได้ระยะยาวคือคนสนใจโหลดแอป SCB Easy มากขึ้น หรือการทำสินเชื่อปล่อยกู้แก่ร้านค้ารายย่อย
ที่มา - งานแถลงข่าว
|
# ไมโครซอฟท์ลดราคา Surface Duo ลง 200 ดอลลาร์ หลังวางขายไม่ถึง 2 เดือน
ไมโครซอฟท์ลดราคาของ Surface Duo ลงมา 200 ดอลลาร์ โดยรุ่นความจุ 128GB ลดจากเดิม 1,399 ดอลลาร์ ลงมาเหลือ 1,199 ดอลลาร์ และรุ่น 256GB ลดจากเดิม 1,499 ดอลลาร์ เหลือ 1,299 ดอลลาร์
การลดราคาครั้งนี้เกิดขึ้นหลังวันเริ่มวางขาย 10 กันยายน ประมาณ 1 เดือนครึ่ง แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าเป็นการลดราคาชั่วคราวหรือถาวร
รีวิวของ Surface Duo ออกมาไม่ดีนัก ถึงแม้ได้รับคำชมเรื่องแนวคิดจอคู่ที่แปลกใหม่ แต่ก็โดนวิจารณ์เรื่องราคาที่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับสเปก และฟีเจอร์ฮาร์ดแวร์ที่ขาดหายไปหลายอย่าง
ที่มา - Android Community
|
# Bloodstained: Ritual of the Night เตรียมลงมือถือทั้ง iOS, Android แบบขายขาด
NetEase บริษัทพัฒนาและจัดจำหน่ายเกมจากจีนประกาศเตรียมวางจำหน่าย Bloodstained: Ritual of the Night เกม side-scrolling platform บนมือถือทั้ง iOS และ Android โดยยังไม่ประกาศวันวางจำหน่าย หลังจากตัวเกมลงพีซีและคอนโซลเมื่อปีที่แล้ว
Bloodstained: Ritual of the Night ถูกพัฒนาโดย Koji Igarash ผู้สร้างและผู้กำกับ Castlevania โดยตัวเกมดึงเอาเอกลักษณ์ เกมเพลย์และคุณลักษณะของ Castlevania ภาค Symphony of the Night มาเป็นรูปแบบในการพัฒนาตาตัวเกม
Bloodstained บนมือถือจะถูกปรับแต่ง UI ใหม่ให้เหมาะสมมากขึ้น ขณะที่การกดคอมโบปุ่มเพื่อใช้สกิลก็จะถูกเปลี่ยนแมคคานิคให้เหมาะสมกับบนมือถือมากขึ้นด้วย
ที่มา - NetEase via Gematsu
|
# Acer เปิดตัว Swift 3x โน้ตบุ๊ก Intel Core 11th Gen จีพียู Intel Xe Max ราคาเริ่มต้น 899 เหรียญ
Acer Swift 3x (SF314-510G) มาพร้อมหน้าจอ IPS FHD 14 นิ้ว สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 84% แสดงสีมาตรฐาน NTSC ได้ 72% ซีพียูมีตัวเลือก Intel Core i7-1165G7 และ Core i5-1135G7 พร้อมจีพียู Intel Xe Max
ตัวเครื่องมีพอร์ต USB Type-C แบบ Thunderbolt 4 หนึ่งพอร์ต, USB 3.2 Gen2 สองพอร์ต, HDMI หนึ่งพอร์ต รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ด้วยการ์ด Intel Wi-Fi 6 (Gig+) แบตเตอรี่ใช้งานได้ 17 ชั่วโมงครึ่ง พร้อมชาร์จเร็ว ชาร์จ 30 นาที ใช้งานได้ 4 ชั่วโมง น้ำหนัก 1.37 กิโลกรัม
Acer Swift 3x มี 2 สี คือ Safari Gold และ Steam Blue วางจำหน่ายเดือนธันวาคมนี้ในสหรัฐอเมริกา ราคาเริ่มต้น 899 เหรียญสหรัฐ ราว (28,200 บาท)
ที่มา - Acer via Notebookcheck
|
# วิเคราะห์ แผนการแยก IBM เป็น 2 บริษัทขาดจากกัน ก้าวต่อเนื่องจากการซื้อ Red Hat
ข่าวสำคัญในวงการไอทีรอบเดือนนี้คือ IBM ประกาศแยกเป็น 2 บริษัท ที่หลายคนอาจยังงงๆ อยู่ว่าจะทำไปเพื่ออะไร และข่าวการแยกบริษัทอาจไม่น่าสนใจนักเมื่อเทียบกับข่าวการซื้อบริษัท อย่างการทุ่มเงินซื้อ Red Hat ในปี 2018
แต่จริงๆ แล้ว การแยกบริษัทครั้งนี้ถือเป็นแผนย่อยในแผนปรับตัวครั้งใหญ่ของ IBM ต่อจากการซื้อ Red Hat และมีความเกี่ยวโยงกันอย่างแนบแน่น
IBM เป็นบริษัทที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี ผ่านการปรับตัวให้อยู่รอดตามยุคสมัยอยู่หลายครั้ง มีทั้งการซื้อกิจการดาวรุ่งและการขายกิจการที่เติบโตช้าออกไปอยู่ตลอดเวลา การปรับตัวของ IBM รอบนี้จึงประกอบด้วยยุทธศาสตร์ทั้งสองด้าน นั่นคือการซื้อกิจการ Red Hat เข้ามา และการแยกธุรกิจออกไปตามข่าวนี้นั่นเอง
บทความนี้เป็นภาคต่อของ บทวิเคราะห์ เพราะเหตุใด IBM ถึงต้องซื้อกิจการ Red Hat ด้วยมูลค่าสูงถึง 1.1 ล้านล้านบาท
การปรับตัวรอบใหม่ของ IBM
ในอดีต IBM ต้องปรับตัวเองอยู่หลายครั้ง การปรับตัวครั้งที่มีชื่อเสียงที่สุดคือสมัยของซีอีโอ Louis Gerstner ระหว่างปี 1993-2002 ที่พลิกฟื้นความตกต่ำของ IBM ในยุค 80s และ 90s กลับมาได้สำเร็จ
รอบ 30 ปีที่ผ่านมา เราเห็น IBM ขายธุรกิจเดิมของบริษัทออกไปเยอะพอสมควร โดยเฉพาะธุรกิจฝั่งฮาร์ดแวร์
ปี 1991 แยกธุรกิจเครื่องพิมพ์ออกไปเป็นบริษัท Lexmark
ปี 2005 ขายธุรกิจพีซี Think ให้ Lenovo
ปี 2014 ขายธุรกิจเซิร์ฟเวอร์ x86 ให้ Lenovo
ซีรีส์การขายกิจการชุดนี้ ทำให้ปัจจุบัน IBM เหลือธุรกิจฮาร์ดแวร์เพียงเล็กน้อย คือ กลุ่มเซิร์ฟเวอร์ตระกูล Power, เมนเฟรมตระกูล Z และฮาร์ดแวร์สตอเรจเท่านั้น
การเปลี่ยนผ่านของ IBM ที่เริ่มในยุคของ Gerstner และต่อเนื่องมายังทศวรรษ 2000s (ที่นำโดย Samuel J. Palmisano ผู้สืบทอดของ Gerstner) มีแกนกลางคือ การเปลี่ยนจากธุรกิจขายฮาร์ดแวร์ มาเป็นขายบริการ-ให้คำปรึกษา สะท้อนภาพการเปลี่ยนแปลงของโลกไอทีองค์กรในยุคนั้น ที่ไม่ได้ต้องการแค่ซื้อเซิร์ฟเวอร์มาใช้งาน แต่ต้องการบริการโซลูชันครบวงจร ทั้งบำรุงรักษาฮาร์ดแวร์ พัฒนาซอฟต์แวร์ ฯลฯ ซึ่ง IBM มีคนและความเชี่ยวชาญ สามารถให้บริการเหล่านี้ได้
ธุรกิจบริการของ IBM มีหน่วยธุรกิจ IBM Services (ชื่อเดิมคือ IBM Global Services) กลายเป็นธุรกิจหลักของ IBM ในยุคปี 2000s ที่สร้างรายได้ให้บริษัทเป็นจำนวนมหาศาล
IBM ยุคนั้นไล่ซื้อบริษัทที่ปรึกษาด้านไอทีเข้ามาหลายราย ที่สำคัญคือ PWC Consultings ในปี 2002 (ด้วยมูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ ถือว่าสูงมากในยุคนั้น) นอกจากนั้นยังมีธุรกิจไอทีของบริษัทน้ำมัน Schlumberger ในปี 2004, Network Solutions ของอินเดียในปี 2005, Global Value Solutions ในปี 2006 ยังไม่รวมบริษัทสายซอฟต์แวร์องค์กรอีกเป็นจำนวนมาก (เช่น Informix, Rational, FileNet, Cognos, SPSS) ที่นำมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มในธุรกิจที่ปรึกษาของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม พอมาถึงยุคทศวรรษ 2010s ที่ยุคสมัยของคลาวด์เริ่มต้นขึ้น องค์กรไม่จำเป็นต้องมีศูนย์ข้อมูลของตัวเองอีกต่อไป ทุกอย่างเช่าเอาได้หมด ยุทธศาสตร์ที่ชูเรื่อง "บริการ" เป็นหัวหอกของ IBM จึงเริ่มใช้ไม่ได้ผลเหมือนยุคก่อนหน้า
IBM เองยังปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจคลาวด์ช้ากว่าที่ควร การซื้อบริษัทคลาวด์อย่าง SoftLayer (2013) หรือการสร้างบริการคลาวด์ของตัวเอง Bluemix (2014) ไม่ได้ช่วยให้แข่งขันกับเจ้าตลาดอย่าง AWS ได้ดีขึ้นมากนัก (เพื่อความแฟร์ก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่แค่ IBM เพราะในวงการไอทีเอง ก็หาบริษัทมาเป็นคู่ต่อสู้กับ AWS ได้ยาก ขนาด Google Cloud ก็ยังอยู่อันดับสามที่มีส่วนแบ่งตลาดตามหลังอยู่ไกล)
สัญญาณความเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นจากผลประกอบการของ IBM ช่วงหลัง จะเห็นว่ารายได้ต่อปีขึ้นไปสูงสุดที่ 1 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2011 แล้วลดลงมาตลอดติดต่อกันเกือบ 10 ปีแล้ว รายได้ปีล่าสุด 2019 อยู่ที่ประมาณ 7.7 หมื่นล้านดอลลาร์
ตารางจาก Wikipedia
IBM จึงถูกบีบให้ต้องปรับตัวอย่างหนัก ทั้งในแง่การบริหาร ที่เพิ่งเปลี่ยนตัวซีอีโอ Ginni Rometty มาเป็น Arvind Krishna เมื่อต้นปี 2020 และในแง่ยุทธศาสตร์ธุรกิจ ที่แสดงให้เห็นจากการซื้อ Red Hat และการประกาศแยกบริษัทในรอบนี้
รู้จักโครงสร้างธุรกิจของ IBM
การจะเข้าใจยุทธศาสตร์ใหม่ของ IBM ได้ ต้องเข้าใจโครงสร้างธุรกิจของ IBM ในปัจจุบันก่อน
IBM เป็นบริษัทใหญ่ที่มีรายได้มหาศาล (ต่อให้ลดลงจากเดิมแล้ว ก็ยังทำเงินได้ 2.4 ล้านล้านบาทต่อปี เกือบเท่ารายได้ของรัฐบาลไทยในปี 2563 ที่ 2.7 ล้านล้านบาท) มีธุรกิจหลากหลาย แต่สามารถจัดกลุ่มได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ตามรายงานทางการเงินของ IBM ดังนี้
Cloud & Cognitive Software ธุรกิจด้านคลาวด์และซอฟต์แวร์
Global Business Services (GBS) ธุรกิจด้านบริการแอพพลิเคชัน
Global Technology Services (GTS) ธุรกิจด้านบริการเครื่องและระบบ
Systems ธุรกิจฮาร์ดแวร์และ OS
IBM มีธุรกิจด้านบริการ 2 ส่วนคือ GBS ที่เป็นธุรกิจที่ปรึกษาและแอพพลิเคชันเชิงธุรกิจ กับ GTS ที่เป็นธุรกิจด้านโครงสร้างพื้นฐาน ดูแลเครื่อง ซัพพอร์ตระบบไอที (ทั้งสองหน่วยธุรกิจอยู่ใต้แบรนด์ IBM Services เหมือนกัน แต่ลงบัญชีผลประกอบการแยกส่วนกัน)
หากเราดูข้อมูลรายได้ของ IBM ในปี 2019 (ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19) จะพบแนวโน้มการเติบโตของแต่ละหน่วยธุรกิจอย่างชัดเจน นั่นคือธุรกิจคลาวด์และซอฟต์แวร์เติบโตสูง ในขณะที่ธุรกิจด้านบริการ GBS เติบโตน้อย แถมธุรกิจบริการ GTS และธุรกิจฮาร์ดแวร์ กลับหดตัวลงด้วยซ้ำ
ที่มา - IBM
ถ้าลองดูตัวเลขผลประกอบการไตรมาสล่าสุด Q3/2020 ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และวิกฤตเศรษฐกิจโลกเข้าเต็มๆ จะเห็นแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน (แต่แรงกว่าเดิม) นั่นคือธุรกิจคลาวด์และซอฟต์แวร์เป็นเพียงธุรกิจเดียวที่เติบโต ในขณะที่ธุรกิจอื่นๆ รายได้ลดลง และธุรกิจ Systems ลดลงมากที่สุด
ที่มา - IBM
ด้วยแนวโน้มธุรกิจที่ไปในทิศทางนี้ จึงอธิบายได้ว่าทำไม IBM จำเป็นต้องแยกธุรกิจออกเป็น 2 ส่วนคือ ธุรกิจที่โตเร็ว (คลาวด์และซอฟต์แวร์) กับธุรกิจที่โตช้า (บริการ) เพราะมีธรรมชาติทางธุรกิจแตกต่างกัน ไม่เหมาะในการบริหารภายใต้โครงสร้างเดียวกัน
IBM กำลังจะทำอะไร
สิ่งที่ IBM ประกาศทำคือแยกธุรกิจบริการแค่ส่วนเดียวคือ เฉพาะก้อน Infrastructure Services ที่เป็นการรับจ้างดูแลเครื่องของลูกค้า ออกมาจากหน่วยธุรกิจ GTS เท่านั้น (ไม่ได้แยก GTS ออกมาทั้งก้อนด้วยซ้ำ)
ธุรกิจก้อนนี้มีรายได้ประมาณ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี มีพนักงานเยอะระดับ 90,000 คน บริษัทใหม่นี้ยังไม่มีชื่อ ตอนนี้เรียกด้วยชื่อเล่นว่า NewCo กระบวนการแยกธุรกิจจะเสร็จในช่วงสิ้นปี 2021
ส่วนธุรกิจบริการอื่นคือ GBS ทั้งก้อน, ส่วนที่เหลือของ GTS ที่ดูแลคลาวด์ และธุรกิจ Systems จะยังอยู่กับ IBM ต่อไป แม้ในภาพรวมเป็นธุรกิจที่ถือว่าเติบโตช้าแล้วก็ตาม แต่ในมุมมองของ IBM ยังมองว่ามันยังใช้เสริมกับธุรกิจคลาวด์และซอฟต์แวร์ได้อยู่
IBM ร่างเดิมที่ประกอบด้วยธุรกิจคลาวด์และซอฟต์แวร์, GBS, GTS ที่เหลือ, ธุรกิจฮาร์ดแวร์ จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจไฮบริดคลาวด์ที่ยังเติบโตสูง (เป็นทางออกของบริษัทที่พ่ายแพ้ในสงคราม Public Cloud ทุกราย) โดยเกาะกระแสการย้ายแอพพลิเคชันขึ้นคอนเทนเนอร์ (containerization) และยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐานไอทีเข้าสู่ยุคใหม่ (modernization of IT infrastructure)
IBM ยุคใหม่จะใช้ซอฟต์แวร์ของ Red Hat เป็นแกนกลาง ตามที่ซีเอฟโอเพิ่งอธิบายเอาไว้ ทั้งก้อนที่เป็นระบบปฏิบัติการพื้นฐาน (RHEL) และซอฟต์แวร์ด้านคอนเทนเนอร์ (OpenShift)
ภาพแผนผังนี้แสดงให้เห็นยุทธศาสตร์ใหม่ของ IBM หลังควบรวม Red Hat เสร็จแล้ว ชิ้นส่วนสีน้ำเงินคือธุรกิจของ IBM เดิม ประกอบด้วยโครงสร้างพื้นฐานคือ IBM Systems (ขายเครื่อง), IBM Public Cloud (ให้เช่าคลาวด์) บวกกับซอฟต์แวร์และบริการ (GBS) ผนวกเข้ากับแพลตฟอร์มตรงกลางของ Red Hat ที่เป็นสีแดงในภาพ
เราจะเห็นว่าชิ้นส่วนสีน้ำเงิน (IBM) เชื่อมต่อกับชิ้นส่วนสีแดง (Red Hat) ได้พอดี เมื่อทางยุทธศาสตร์ส่งเสริมกันแล้ว ที่เหลือก็คือเดินหน้าผลักดันให้ได้ตามแผนที่คิดไว้
ส่วนบริษัท NewCo ที่แยกตัวออกมา ถึงแม้เป็นธุรกิจที่เติบโตช้าแล้ว แต่ก็ยังถือว่ามีขนาดใหญ่มาก (รายได้ 6 แสนล้านบาทต่อปี ประมาณ 3 เท่าของ AIS) มีลูกค้าเป็นองค์กรขนาดใหญ่ในหลายประเทศ ภาพรวมแล้วยังอยู่ต่อได้อีกนาน ขอเพียงแค่ปรับตัวให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น (IBM ใช้คำว่า operation efficiency แปลว่าลดต้นทุนหรือลดคน เพื่อเพิ่มอัตรากำไร)
การแยกธุรกิจ 2 ส่วนยังไม่ได้มีเฉพาะประเด็นเรื่องรายได้-การเงิน (โตช้า-โตเร็ว) เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องความคล่องตัวในการบริหาร และอิสระในการเลือกพาร์ทเนอร์ด้วย นั่นแปลว่าหากเราต้องการซื้อเครื่องหรือซอฟต์แวร์ของ IBM ก็ไม่จำเป็นต้องจ้าง IBM GTS มาดูแลระบบให้
ในทางกลับกัน IBM GTS ที่กลายร่างเป็น NewCo ก็สามารถไปรับงานดูแลระบบของบริษัทอื่นๆ (เช่น HPE, Dell หรือ VMware ที่กลายเป็นคู่แข่งของ Red Hat) ได้เช่นกัน
ในภาพรวมแล้ว สิ่งที่ IBM กำลังทำคือตัดส่วนบริการที่เติบโตช้า (ดูแลเครื่องที่เป็นของลูกค้า) ออกมาเป็นอีกบริษัทเพื่อให้บริหารงานแยกขาดจากกัน มีนโยบายหรือสวัสดิการต่อพนักงานแตกต่างกัน และมีอิสระในการเลือกพาร์ทเนอร์กับคู่แข่งของ IBM ได้
ส่วนธุรกิจที่เหลืออยู่ จะโฟกัสที่ซอฟต์แวร์คลาวด์ของ Red Hat เป็นแกนกลาง แล้วเสริมด้วยธุรกิจอื่นของ IBM เช่น ฮาร์ดแวร์ (ที่ขนาดเล็กลงเรื่อยๆ) IBM Cloud (ที่ยังสู้ต่อไป โดยหันไปโฟกัสเฉพาะบางอุตสาหกรรม เช่น การเงิน) ซอฟต์แวร์ธุรกิจ (ยกเครื่องใหม่ จัดชุดใหม่เป็น Cloud Pak) และบริการที่ปรึกษา GBS
ในอนาคตอันใกล้ IBM น่าจะเคลื่อนตัวไปในทิศทางเดียวกันนี้ ดังนั้นก็มีโอกาสสูงที่เราจะเห็น IBM ไล่ซื้อบริษัทด้านคลาวด์เพิ่มเติมอีก และอาจแยกส่วนธุรกิจด้านที่ปรึกษา GBS/GTS ออกมาได้อีกเช่นกัน
ที่มา - IBM (PDF)
|
# ถ้าบัญชี Facebook ที่ใช้ล็อกอิน Oculus ถูกลบหรือถูกแบน เกมในบัญชี Oculus จะหายไปด้วย
ก่อนหน้านี้ Oculus ที่ถูก Facebook ซื้อไป มีข่าวว่าจะเตรียมบังคับให้ผู้ใช้ใช้บัญชี Facebook เพื่อล็อกอิน ภายในเดือนมกราคม ปี 2023 ล่าสุด เว็บไซต์ Upload VR รายงานเพิ่มเติมว่าหากคุณไม่มีบัญชี Oculus และลบบัญชี Facebook ที่เป็นช่องทางเดียวในการเชื่อมต่อกับ Oculus ออก หรือถ้าบัญชี Facebook ของคุณถูกแบน เกมทั้งหมดที่คุณซื้อบน Oculus ก็จะถูกลบไปด้วย
หากคุณยังไม่ได้เชื่อมต่อบัญชี Facebook กับ Oculus ตอนนี้ยังสามารถลบบัญชี Facebook ได้โดยไม่สงผลกับบัญชี Oculus ของคุณ จนถึงมกราคมปี 2023 ที่ Oculus จะบังคับใช้บัญชี Facebook เพื่อล็อกอินเท่านั้น และสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการใช้บัญชี Facebook ล็อกอิน ทาง Oculus แจ้งไว้เพียงแค่ว่า “ทางบริษัทจะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมให้กับผู้ใช้เดิม เมื่อใกล้ถึงเวลาที่จะเลิกซัพพอร์ตบัญชี Oculus ในปี 2023” เท่านั้น
นี่เป็นอีกครั้งที่ความต้องการเก็บข้อมูลเพื่อใช้ในการโฆษณาของ Facebook อาจกำลังสร้างปัญหาให้กับผู้ใช้ หลังกรณี ข้อมูล Cambridge Analytica หลุด ในปี 2018 แถมคราวนี้ส่งผลกระทบกับสิ่งที่ผู้ใช้จ่ายเงินซื้ออย่างถูกต้อง และไม่มีความจำเป็นจะต้องเกี่ยวข้องกับบัญชี Facebook เลย การบังคับให้ใช้บัญชี Facebook เพื่อเข้าล็อกอินเป็นเพียงความต้องการของ Facebook ที่จะเก็บข้อมูลการใช้งานอุปกรณ์ VR เพิ่มเติมเท่านั้น คงต้องติดตามอัปเดตต่อไปว่าผู้ใช้ที่ไม่ต้องการเชื่อมบัญชี จะทำอย่างไรได้บ้าง
ที่มา - Upload VR via Kotaku
|
# The Last of Us Remastered บน PS4 ได้รับอัพเดต ลดเวลาโหลดลงเกือบ 70%
แม้จะเป็นเกมเก่าแล้วแต่ Naughty Dogs เพิ่งปล่อยอัพเดตแพตช์ 1.11 ให้กับ The Last of Us Remastered บน PS4 ช่วยลดระยะเวลาในการโหลดเกมทั้งหมดลงได้กว่า 70% โดยในแพตช์โน้ตไม่มีระบุถึงการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้เลย
แอคเคาท์ YouTube ElAnalistaDeBits ได้อัพโหลดวิดีโอเปรียบเทียบเวลาโหลดของ The Last of Us Remastered เวอร์ชันเก่าเทียบกับเวอร์ชันใหม่ เวลาโหลด New Game ต้นเรื่องในเวอร์ชันใหม่ใช้เวลาไป 0:13.86 นาที ส่วนเวอร์ชันเก่าใช้ไป 1:30 นาที ขณะที่การโหลดเซฟเกม เวอร์ชันใหม่ใช้เวลา 0:13.86 นาที เวอร์ชันเก่า 2:03 นาที
ที่มา - Kotaku
|
# Acer เปิดตัว acerpure cool พัดลมพร้อมเครื่องกรองอากาศในตัว วางขายในไทย
AcerPure บริษัทลูกของ Acer ที่ทำธุรกิจเรื่องอากาศเปิดตัว acerpure cool พัดลมที่มีฐานเป็นเครื่องกรองอากาศด้วยฟิลเตอร์ HEPA (H13) ที่สามารถดักจับฝุ่นขนาด 0.3μm ได้ 99.97% รวมถึงสามารถดักจับแบคทีเรียได้ด้วย
ตัวกรองอากาศสามารถกรองอากาศในห้องขนาด 27 ตารางเมตรได้ในประมาณ 3 นาที มีเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นอัตโนมัติ ตัวใบพัดสามารถตั้งขึ้นไปได้ 90 องศา วางขายในไต้หวัน, อินเดีย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, มาเลเซียและไทย ราคาต้องติดตามกันต่อไป
ที่มา - Acer
|
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.