txt
stringlengths 202
53.1k
|
---|
# มาแรงแซงโค้ง Redmi K30 Pro Zoom Edition ทำคะแนน DxOMark ชนะ iPhone 11 Pro Max
Redmi K30 Pro Zoom Edition มือถือรุ่นท็อปกล้องเทพของ Xiaomi ที่มีกล้องหลังหลัก 64MP + กล้องเทเลโฟโต้ 8MP ซูมออพติคัล 3x ซูมไฮบริดได้ 30x + กล้องอัลตร้าไวด์ 13MP + และ depth sensor 2MP ทำคะแนน DxOMark รวม 120 คะแนน ชนะ OnePlus 8 Pro ที่ได้ 119 คะแนน, Samsung Galaxy S20+ 118 คะแนน รวมถึงชนะ iPhone 11 Pro Max ที่ได้ 117 คะแนน อีกด้วย
เมื่อแยกดูตามหมวด หมวดภาพนิ่ง Redmi K30 Pro Zoom Edition ได้ไป 129 คะแนน ชนะ OnePlus 8 Pro ที่ได้ 126 คะแนน S20+ ที่ได้ 127 คะแนน และ iPhone 11 Pro Max 124 คะแนน เช่นเดิม แต่ในหมวดวิดีโอ ได้ K30 Pro Zoom ทำได้ 101 คะแนน ชนะแค่ S20+ ที่ได้ 100 คะแนนเท่านั้น และแพ้ iPhone 11 Pro Max ที่ได้ 102 คะแนน กับ OnePlus 8 Pro ที่ได้ 103 คะแนนไปเล็กน้อย
ถึงทั้งสามรุ่นนี้จะคะแนนกล้องทิ้งห่างกันไม่มาก แต่ในด้านราคา แม้ Samsung Galaxy S20+ กับ iPhone 11 Pro Max จะมีราคาโปรโมชั่นที่ลดลงมาพอสมควรแล้ว แต่ Redmi K30 Pro Zoom Edition ก็น่าจะยังถูกกว่าอยู่ดี โดยมีราคาตามเว็บออนไลน์ของไทยอยู่ที่ประมาณ 17,000-19,000 บาท ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับผู้ที่ชอบมือถือแอนดรอยด์กล้องดี มี GMS
ส่วนอันดับ 1 ยังเป็น Huawei P40 Pro ที่ได้ 128 คะแนน อยู่เช่นเคย รองลงมาเป็น Honor 30 Pro+ ที่ 125 คะแนน (ซึ่งเป็นอีกตัวเลือกที่ดี แต่แพงกว่าเล็กน้อย) และ Oppo Find X2 Pro ที่ 124 คะแนนตามลำดับ
ที่มา - DxOMarks via Notebookcheck
|
# [ไม่ยืนยัน] SoftBank เข้าหา Apple เพื่อเสนอขาย Arm แต่ Apple ไม่สนใจ
นอกจาก NVIDIA ที่สนใจจะซื้อ Arm มีอีกบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีรายงานจากแหล่งข่าวใกล้ชิดว่ามีการพูดคุยกันเรื่องนี้คือ Apple เพียงแต่ว่าไม่ใช่ Apple ที่แสดงความสนใจแต่เป็น SoftBank เข้าหา Apple เพื่อเสนอขายแทน
Bloomberg อ้างอิงคนใกล้ชิดกับการเจรจานี้ ระบุว่ามีการพูดคุยกันแต่ Apple ไม่สนใจเพราะมองว่าธุรกิจไลเซนส์ของ Arm ไปด้วยกันไม่ได้กับโมเดลธุรกิจที่เน้นฮาร์ดแวร์ของ Apple ไม่รวมประเด็นที่อาจถูกภาครัฐเพ่งเล็งหาก Apple ครอบครองไลเซนส์ที่ซัพพลายให้คู่แข่ง
ที่มา - Bloomberg
|
# Lenovo เปิดตัว Legion Phone Duel สมาร์ทโฟนเกมมิ่งตัวแรก ราคาเริ่มราว 16,000 บาท
Lenovo เปิดตัวมือถือไลน์เกมมิ่งตระกูล Legion ในชื่อ Legion Phone Duel หน้าจอ AMOLED FHD+ ขนาด 6.59 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 รีเฟรชเรต 144Hz อัตราตอบสนองต่อการสัมผัส 240Hz กล้องหน้าแบบโผล่ขึ้นมาจากด้านข้างของตัวเครื่อง แสกนลายนิ้วมือใต้จอ และมีสเปกดังนี้
ชิป Snapdragon 865+
มีรุ่น 8GB + 128GB, 12GB + 128GB, 12GB + 256GB และ 16GB + 512GB (แรม LPDDR5 + หน่วยความจำ UFS 3.1)
กล้องหน้า 20MP f/2.2
กล้องหลังหลัก 64MP f/1.89
กล้องไวด์ 16MP 120 องศา f/2.2
รองรับ Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0, NFC
มีช่อง USB Type-C สองช่อง (ด้านล่าง กับด้านข้าง)
แบตเตอรี่ 5,000 mAh ชาร์จเร็ว 90W (0 ถึง 50% ใน 10 นาที ชาร์จเต็ม 30 นาที)
รันบน Android 10 ครอบทับด้วย ZUI 12/Legion OS
Lenovo Legion Phone Duel มีสองสี คือแดงกับน้ำเงิน วางจำหน่ายเดือนนี้ ในประเทศจีน มีราคาดังนี้
รุ่น 8GB + 128GB: 3,499 หยวน (ประมาณ 15,800 บาท)
รุ่น 12GB + 128GB: 3,899 หยวน (ประมาณ 17,600 บาท)
รุ่น 12GB + 256GB: 4,199 หยวน (ประมาณ 18,950 บาท)
รุ่น 16GB + 512GB: 5,999 หยวน (ประมาณ 27,100 บาท)
หลังจากนั้นจะวางจำหน่ายในเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และละตินอเมริกา โดยไม่วางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ส่วนราคาและวันวางจำหน่ายในบ้านเราอย่างเป็นทางการ ต้องติดตามกันต่อไป
ที่มา - XDA Developers
|
# Apple ขึ้นหน้าเว็บสาขาใหม่ Central World พร้อมโลโก้กรุงเทพ เปิดตัวเร็วๆ นี้
Apple ประกาศสาขาใหม่ในไทยอย่างเป็นทางการในชื่อ Apple Central World ที่เป็นโดมบริเวณลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยวันเปิดตัวระบุเป็น "เร็วๆ "นี้ หลังจากเมื่อคืนมีกระแสข่าวลือว่าจะเปิดตัววันที่ 25 กรกฎาคมนี้
นอกจากนี้ Apple ยังมีโลโก้ใหม่ลายกรุงเทพ (เหมือนกับที่เปิดตัวโลโก้ตัว อ ตอน Icon Siam) ที่ตัวหนังสือทั้งหมดอยู่ภายใต้โลโก้ Apple
ที่มา - Apple
|
# Facebook ทดสอบ Page หน้าตาใหม่บนมือถือ รูปโปรไฟล์ใหญ่ขึ้น ปุ่มไลค์หายไป
Facebook ทดสอบหน้าตาใหม่ของเพจบนแอปมือถือ ดันรูปโปรไฟล์มาไว้ตรงกลางและมีขนาดใหญ่ขึ้น ปุ่มกดไลค์เพจหายไป ไม่แสดงจำนวนคนกดไลค์ แต่ยังคงแสดงจำนวนผู้ที่ติดตามเพจ แท็บเมนูย่อยต่างๆ ในเพจก็หายไปด้วย เปิดทดสอบกับเจ้าของเพจไม่กี่ราย
การออกแบบหน้าตาเพจใหม่เพื่อลดความซับซ้อน ให้เรียบง่ายและสะอาดตามากขึ้น ช่วยให้คนที่เข้ามาดูเห็นข้อมูลสำคัญๆ ไปเลยอย่างเช่น เจ้าของเพจเป็นใคร มีคนติดตามเท่าไร
นอกจากนี้ เจ้าของเพจยังเห็นโปรไฟล์เพจของตัวเองด้วยหน้าตาใหม่เช่นกัน มีปุ่มเพิ่ม Stories และปุ่มดูการเข้าถึงเพจได้ที่ด้านล่างติดกับรูปโปรไฟล์ตัวเอง ลดความซับซ้อนของหน้าจอ Edit Access ที่เจ้าของเพจสามารถตั้งค่าเปิดปิดการเข้าถึงของบุคคลอื่นได้ง่ายเพียงเลื่อนนิ้วซ้าย-ขวา เพิ่มข้อมูล Insights มากขึ้น และได้รับการแจ้งเตือนจากเพจน้อยลง
ที่มา - TechCrunch
|
# [ไม่ยืนยัน] กลุ่มนักลงทุนในสหรัฐฯ วางแผนอาจซื้อ TikTok ให้แยกออกมาจากจีนชัดเจน
หลังจากทำเนียบขาวออกมาแนะทางออกของแอป TikTok ในสหรัฐ ว่าถ้าจะให้เปิดบริการได้ ก็ควรแยกออกมาจากบริษัทแม่ในจีนหรือ ByteDance ให้ชัดเจน
ล่าสุดจึงมีรายงานอ้างอิงจากบุคคลในวงพูดคุยบอกว่ากลุ่มนักลงทุนในสหรัฐ นำโดยกลุ่มกองทุน General Atlantic และ Sequoia Capital หารือกับกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ ร่วมพูดคุยหาทางออกและซื้อ TikTok ออกมาให้แยกจากจีนเสียเลย
ประเด็นที่รัฐบาลกังวลเกี่ยวกับ TikTok คือ แอปเหล่านี้จะส่งข้อมูลกลับไปให้รัฐบาลจีน สหรัฐฯจึงพิจารณาแบนแอปแบบที่อินเดียทำ (เหตุผลความขัดแย้งระหว่างประเทศ)
General Atlantic ถือเป็นกองทุนที่มีผลงานการลงทุนเด่นในบริษัทเทคโนโลยีมามากมาย อาทิ Airbnb, Alibaba, Ant Financial, Box, ByteDance (เจ้าของ TikTok), Facebook, Slack, Snapchat และ Uber
ทั้ง General Atlantic, กระทรวงการคลัง ยังไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆ เพิ่มเติมต่อกรณีซื้อ TikTok ด้าน TikTok บอกว่า ตั้งแต่มีประเด็นขึ้นมา ในองค์กรก็มีการพูดคุยเรื่องปรับโครงสร้างธุรกิจ และมีคำแนะนำมากมายจากบุคคลภายนอก ขอไม่แสดงความเห็นเกี่ยวกับข่าวลือและยังคงมั่นใจในความสำเร็จของ TikTok ในระยะยาว
ที่มา - Ars Technica
|
# [ลือ] NVIDIA สนใจซื้อ Arm ต่อจาก SoftBank
จากข่าวลือว่า SoftBank อยากขายกิจการ Arm เพื่อเพิ่มเงินสดในมือ ล่าสุดสำนักข่าว Bloomberg รายงานว่ามีผู้สนใจซื้อแล้วคือ NVIDIA
Bloomberg อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า NVIDIA เริ่มเข้าไปเจรจากับ SoftBank แล้ว แต่อาจมีผู้สนใจรายอื่นด้วย และ SoftBank เองก็อาจเลือกเส้นทางพา Arm ขายหุ้น IPO กลับเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้เช่นกัน
NVIDIA ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะกิจการเติบโตดีสวนกระแสตลาดโลกช่วง COVID-19 ราคาหุ้นสูงเป็นประวัติการณ์ และบริษัทเองก็มีซีพียูตระกูล Arm ของตัวเองโค้ดเนม Denver/Carmel ที่ใช้กับผลิตภัณฑ์สายอุปกรณ์ฝังตัว-รถยนต์ไร้คนขับ (Jetson) และอุปกรณ์พกพา-คอนโซล (Tegra/Shield) อยู่แล้ว
ที่มา - Bloomberg
ภาพจาก NVIDIA
|
# ไม่ใช่เพียงแอปแชท WhatsApp เตรียมเปิดบริการเข้าถึงสินเชื่อประกันภัยในอินเดีย
WhatsApp ถือเป็นแอปแชทที่เข้าถึงคนอินเดียมหาศาล มีฐานผู้ใช้งานร่วม 400 ล้านราย ล่าสุดได้จับมือกับธนาคาร ICICI, Kotak Mahindra และ HDFC เพื่อมองหาช่องทางให้คนอินเดียเข้าถึงบริการการเงิน โดยเฉพาะคนชนบท และรายได้น้อย
Abhijit Bose ประธาน WhatsApp ในอินเดียกล่าวในการแถลงออนไลน์ว่าได้ร่วมมือกับธนาคารดังกล่าวตั้งแต่ปีที่แล้ว พบว่าธนาคารสามารถใช้ประโยชน์จาก WhatsApp ในการเข้าถึงประชากรเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ WhatsApp กำลังร่วมมือกับพันธมิตรรายอื่นเพิ่มเติมเพื่อเตรียมเปิดตัวบริการการเงิน, สินเชื่อให้กับผู้มีรายได้น้อยภายใน 1 ปีครึ่ง
ทุกวันนี้ WhatsApp มีบริการ WhatsApp Pay ในอินเดีย แต่ด้วยข้อจำกัดทางกฎหมายท้องถิ่นทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ทั่วถึง แต่ล่าสุดทางบริษัทได้ระบุว่าได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมดที่ได้รับคำสั่งจากธนาคารกลางของอินเดีย เป็นการส่งสัญญาณบวกเรื่องบริการการเงินและเป็นไปได้ว่าผู้ใช้งานในอินเดียจะได้ใช้ WhatsApp Pay อย่างทั่วถึง ก่อนหน้านี้ก็มีการทดลองระบบซื้อสินค้าผ่านแอป ที่ร้าน JioMart เฉพาะในบางเมืองของอินเดียด้วย
ที่มา - TechCrunch
|
# ไมโครซอฟท์โต้ Slack บอกไม่มีฟีเจอร์ประชุมแบบวิดีโอ คนเลยไม่นิยม
ไมโครซอฟท์ออกมาตอบโต้ Slack ที่ร้องเรียนคณะกรรมการยุโรปกรณี Microsoft Teams แข่งขันไม่เป็นธรรม ว่า Teams มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง COVID-19 เป็นเพราะตลาดตอบรับฟีเจอร์ประชุมผ่านวิดีโอ ซึ่ง Slack ไม่มีฟีเจอร์ลักษณะนี้
ไมโครซอฟท์ยังบอกว่ารอเข้าไปชี้แจงและส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้คณะกรรมการยุโรปด้วย
หมายเหตุ: Slack มีฟีเจอร์วิดีโอคอลล์แต่เฉพาะกลุ่มเล็กๆ และมีฟีเจอร์ไม่มากนัก โดย Slack เพิ่งจับมือเป็นพันธมิตรกับ Amazon เพื่อนำระบบวิดีโอคอลล์ Amazon Chime มาใช้งาน
ที่มา - Windows Central
|
# นิวยอร์กผ่านกฎแบนการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าในโรงเรียนทั่วรัฐไปถึงปี 2022
นิวยอร์ก ประกาศแบนการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า และไบโอเมตริกซ์ในรูปแบบอื่นๆ ในโรงเรียนไปจนถึงปี 2022 โดยตอนนี้รอผู้ว่าการรัฐ Andrew Cuomo ลงนาม
เดือนมกราคมที่ผ่านมา เขตการศึกษา Lockport City School District ในนิวยอร์กได้ประกาศใช้การจดจำใบหน้าในโรงเรียนอย่างชัดเจน โดยมีจุดประสงค์เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียน ตรวจจับคนไม่หวังดีรวมถึงผู้กระทำความผิดทางเพศหรือผู้ที่ถูกสั่งห้ามตามคำสั่งของศาล แต่กลุ่มสิทธิมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิและความเป็นส่วนตัวเด็ก รวมถึงมีความกังวลว่าจะเก็บมีการเก็บข้อมูลเซนซิทีฟของเด็กหรือไม่
New York Civil Liberties Union หรือกลุ่มสิทธิที่เคยยื่นฟ้องเขตการศึกษาเมื่อเดือนที่ผ่านมา แสดงความเห็นชื่นชมที่ทางการนิวยอร์กออกประกาศแบนเทคโนโลยีจดจำใบหน้าในโรงเรียน และยังบอกด้วยว่าระบบจดจำใบหน้ายังไม่แม่นยำ โดยเฉพาะเมื่อต้องนำมาใช้กับผู้หญิงและคนดำ นอกจากนี้ หน้าตาของนักเรียนก็จะเปลี่ยนไปตามการเจริญเติบโตซึ่งเป็นคำถามว่าระบบจะทำงานได้ถูกต้องหรือไม่ หรือจะนำไปสู่การลงโทษทางวินัยผิดคนหรือไม่
ภาพจาก Facebook Lockport City School District
ที่มา - Venture Beat
|
# แอปเปิลเตรียมส่งมอบไอโฟนรุ่นพิเศษให้นักวิจัยความปลอดภัย ห้ามใช้งานส่วนตัว
แอปเปิลประกาศโครงการส่งมอบอุปกรณ์สำหรับนักวิจัยความปลอดภัย (Security Research Device - SRD) ที่คล้ายไอโฟนรุ่นปกติ แต่เปิดให้เข้า shell ของ iOS ได้ทำให้นักวิจัยเห็นข้อมูลภายในระหว่างการทดสอบความปลอดมากขึ้น
นักวิจัยที่จะขอใช้ SRD ได้ต้องมีประวัติการวิจัยความปลอดภัยของแพลตฟอร์มแอปเปิลหรือระบบปฎิบัติการอื่นมาก่อน, เป็นสมาชิก Apple Developer Program, และไม่อาศัยอยู่ในประเทศที่สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีห้าม
การใช้ SRD นักวิจัยต้องยอมรับข้อตกลงว่าจะใช้เฉพาะผู้ได้รับอนุญาตและใช้งานในสถานที่ของตัวเองเท่านั้น โดยนักวิจัยจะรีบรายงานช่องโหว่หลังพบในทันทีหากพบช่องโหว่จาก SRD เอง และไม่สามารถเผยแพร่ข้อมูลช่องโหว่ให้กับผู้อื่นก่อนวันที่แอปเปิลกำหนด โดยแอปเปิลไม่ระบุว่าช่องโหว่ที่พบผ่าน SRD จะมีสิทธิ์ได้รางวัลตามโครงการรายงานช่องโหว่ตามปกติหรือไม่ แต่ระบุเพียงว่าหากไม่ได้ใช้ SRD เพื่อหาช่องโหว่ นักวิจัยผู้นั้นยังคงได้รับรางวัลตามปกติ
ที่มา - Apple
|
# Facebook Messenger ออกอัพเดต เพิ่มฟีเจอร์ล็อกแอป ปลดล็อกได้ด้วยใบหน้าหรือลายนิ้วมือ
Facebook ออกอัพเดตแอป Messenger ใหม่ โดยรอบนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ล็อกแอปที่ทดสอบมาสักระยะหนึ่งแล้ว
ฟีเจอร์ล็อกแอปของ Facebook Messenger คือจะกำหนดให้ผู้ใช้ที่จะเข้าแอปต้องยืนยันตัวตนด้วยหน้าหรือลายนิ้วมือก่อน เพื่อเป็นการเสริมความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง โดย Facebook ระบุว่าฟีเจอร์นี้พร้อมให้ใช้งานแล้วเฉพาะใน iOS ส่วนบน Android จะตามมาในภายหลัง
วิธีเปิด App Lock ให้กดรูปโปรไฟล์ เลือกเมนู Privacy จะเห็นตัวเลือก App Lock อยู่ในหน้านี้
ส่วนฟีเจอร์ด้านความเป็นส่วนตัวอื่น ๆ เช่น กำหนดว่าจะให้ใครส่งข้อความเข้าอินบ็อกซ์โดยตรง และใครที่ส่งข้อความแล้วให้ไปลงโฟลเดอร์ Message Request เพื่อให้กล่องข้อความของ Messenger เป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น, ฟีเจอร์เบลอภาพจากผู้ส่งที่ไม่รู้จักโดยอัตโนมัติ เป็นต้น ซึ่ง Facebook จะทยอยทดสอบฟีเจอร์เหล่านี้ต่อไป
ที่มา - Facebook, TechCrunch, Engadget
ภาพจาก Facebook
|
# Slack ร้องเรียน EU แข่งขันไม่เป็นธรรม เพราะ Microsoft Teams แถมพ่วง Office
Slack ประกาศว่ายื่นคำร้องไปยังคณะกรรมการยุโรป (European Commission) ในประเด็นการแข่งขันไม่เป็นธรรมจาก Microsoft Teams ที่แถมพ่วงไปกับ Office ที่เป็นเจ้าตลาดอยู่แล้ว จึงบิดเบือนโครงสร้างราคาและทำให้ Slack แข่งขันได้ยาก
Slack ระบุว่ามั่นใจในคุณภาพผลิตภัณฑ์ของตัวเอง แต่ยอมรับพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายไม่ได้ ไมโครซอฟท์ทำผลิตภัณฑ์เลียนแบบ Slack แล้วนำไปผูกกับ Office ซึ่งเป็นพฤติกรรมแบบเดียวกับที่เคยใช้ตอนทำ IE แล้วพ่วงไปกับ Windows
ขั้นต่อไปคือ European Commission จะรับคำร้องเรียนของ Slack ไปพิจารณาว่าจะสอบสวนไมโครซอฟท์อย่างเป็นทางการหรือไม่
ที่มา - Slack
|
# Google Meet เพิ่มฟีเจอร์จัดการผู้เข้าร่วมประชุม บล็อคอัตโนมัติ ห้ามแชท-แชร์หน้าจอได้
Google Meet ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย และการควบคุมคนเข้าห้องประชุมได้ละเอียดกว่าเดิมมาก
เจ้าของห้องสามารถแบนผู้เข้าร่วมประชุมได้ และบุคคลนั้นไม่สามารถมาขอเข้าห้องประชุม (knocking หรือเคาะห้อง) ได้อีกถาวร
ผู้ใช้ที่ถูกแบนบ่อยๆ จะถูกบล็อกไม่ให้มีสิทธิขอเข้าห้องประชุมได้ด้วย
เจ้าของห้องสามารถเลือกวิธีคัดกรองผู้เข้าร่วมได้ เช่น ต้องมาจากการเชิญผ่านปฏิทินนัดหมายเท่านั้น
บล็อคผู้ใช้ที่ไม่ล็อกอิน (anonymous) ไม่ให้เข้าห้องประชุมได้เลย หรือตั้งค่าให้เจ้าของห้องประชุมต้องเข้าห้องก่อนเสมอ (host joins first)
ปิดไม่ให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถแชทหรือพรีเซนต์ (แชร์หน้าจอ) ในห้องประชุมได้ เพื่อไม่ให้รบกวนการประชุม
นอกจาก Google Meet แล้ว แอพแชท Google Chat ก็ได้ฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มเช่นกัน
ตรวจสอบลิงก์ในห้องแชทว่าเป็น phishing โดยใช้เอนจิน Google Safe Browsing
เพิ่มระบบ report/block ห้องแชทที่น่าสงสัยว่าไม่ปลอดภัย
ตรวจสอบคำเชิญเข้าห้องแชทว่าเป็นสแปม และบล็อคคำเชิญให้อัตโนมัติ
ที่มา - Google
|
# Adobe จับมือ IBM นำ CMS รันบน OpenShift, บุกตลาดลูกค้าสายการเงินของ IBM
IBM และ Red Hat ประกาศความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับ Adobe โดยแบ่งออกเป็น 3 เรื่องดังนี้
Adobe Experience Manager ซอฟต์แวร์จัดการคอนเทนต์ (CMS) ของ Adobe จะสามารถรันบน Red Hat OpenShift ได้ เพื่อให้ทำงานบนคลาวด์ได้หลากหลายประเภท
Adobe จะกลายมาเป็นพาร์ทเนอร์ของ IBM Cloud for Financial Services บริการคลาวด์ของ IBM ที่ออกแบบมาสำหรับภาคการเงินโดยเฉพาะ (ข่าวเก่า) โดย IBM จะนำเสนอ Adobe Experience Manager ให้กับลูกค้าในภาคการเงินใช้ด้วย
IBM iX ทีมดีไซเนอร์ของ IBM ที่รับงานออกแบบ UX/UI ให้ลูกค้า (ข่าวเก่า) เดิมทีใช้งาน Adobe XD สำหรับออกแบบอยู่แล้ว จะขยายผลไปยังผลิตภัณฑ์อื่นของ Adobe ทั้ง Creative Cloud, Experience Cloud, Document Cloud
ที่มา - IBM
|
# Toshiba เผยโฉมแบตเตอรี่พลังเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนขนาด 1 เมกะวัตต์
Toshiba Energy Systems & Solutions เปิดตัวระบบแบตเตอรี่พลังเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนขนาด 1 เมกะวัตต์ ภายในประกอบด้วยเซลล์เชื้อเพลิงขนาด 100 กิโลวัตต์ราว 10 ตัว แบตเตอรี่ชุดนี้เพียงพอจะจ่ายไฟฟ้าให้ทั้งโรงงาน, โรงพยาบาล (ที่ใช้กำลังไฟฟ้าราว 1-2 เมกะวัตต์) หรือครัวเรือนกว่า 1,000 ครัวเรือน โดย Toshiba จะเริ่มขายชุดแบตเตอรี่นี้อย่างเร็วที่สุดภายในปีงบประมาณนี้ (ปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนมีนาคม)
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีนโยบายผลักดันการใช้พลังงานไฮโดรเจนอย่างจริงจังและอยู่ระหว่างการขยายโครงสร้างพื้นฐานของเชื้อเพลิงไฮโดรนเจนทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีการทดลองผลิตไฮโดรเจนขึ้นอย่างจริงจังแล้วในฟุกุชิมะ ซึ่งตั้งเป้าจะผลิตไฮโดรเจนให้ได้ 900 ตันต่อปีเพื่อลดต้นทุน ที่เป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญของพลังงานไฮโดรเจนลง
ที่มา - Nikkei Asian Review
|
# Microsoft เผยแนวทางพัฒนา Microsoft 365 ในอนาคต ดีไซน์ใหม่ เพิ่ม AI เข้ามาช่วย
Jon Friedman หัวหน้าทีมดีไซน์ของ Microsoft Office แถลงวิศัยทัศน์ในการพัฒนาชุดโปรแกรม Microsoft 365 ในอนาคต โดยพูดถึงดีไซน์ใหม่แบบ flexible ที่ไม่ได้สะท้อนแค่ภาพการทำงานในยุคปัจจุบัน แต่จะรวมถึงการใช้ชีวิตในปัจจุบันด้วย หลังงานและชีวิตส่วนตัวเริ่มหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงทำงานจากบ้าน
Friedman กล่าวว่าทีมต้องการลดสิ่งที่ดึงความสนใจไปจากเนื้องาน และช่วยให้ผู้ใช้มีสมาธิมากขึ้น โดยการทำให้หน้าตาแอปเรียบง่าย เช่น ลดความเข้มของสีบน Header ใช้แถบคำสั่งที่จะแสดงขึ้นมาเมื่อผู้ใช้งานต้องการเท่านั้น และอื่นๆ นอกจากนี้ยังจะพัฒนาฟังก์ชั่น Search ของชุดโปรแกรม Microsoft 365 ให้ทำงานร่วมกับ Fluid Frameworks (ระบบการทำงานข้ามแอปและการทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ของ Microsoft) ได้ดีขึ้น
อีกส่วนที่ Friedman บอกว่า Microsoft เตรียมโฟกัสมากขึ้น คือการนำ AI มาใช้ร่วมกับแอปต่างๆ โดยจะมีการยกเครื่อง Cortana (ผู้ช่วยสั่งการด้วยเสียงของ Microsoft) ใหม่ ร่วมกับระบบ Project Cortex เช่นการวิเคราะห์และแนะนำเมื่อผู้ใช้ใส่สูตร Formular ผิด บน Excel
นอกจากนี้ยังเตรียมเพิ่มการใช้งานที่มี “ความเป็นมนุษย์” มากขึ้นในแอปต่างๆ เช่น การให้ผู้ใช้คอมเม้นต์งานเป็นวิดีโอสั้นๆ ได้ และเตรียมเพิ่มภาพพื้นหลังที่สวยงามขึ้น พร้อมกับเพิ่มการปรับแต่งที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้แสดงออกถึงตัวตน ทั้งวัฒนธรรม เพศ หรืองานอดิเรกได้มากขึ้นอีกด้วย
ที่มา - Jon Friedman’s Medium via Windows Central
|
# Galaxy Note 20 Ultra หลุดอีก รอบนี้ภาพชัด พร้อมสเปคเต็ม
Sammobile รายงานข่าวเว็บไซต์ภาษาเยอรมัน Winfuture ปล่อยภาพหลุดและข้อมูล Galaxy Note 20 แบบชัดๆ จัดเต็มมาอีก ว่า Galaxy Note 20 Ultra จะมาพร้อมกับ S Pen แบบ ultra-low latency ตอบสนองดีเลย์แค่ 9 ms เท่า Apple Pencil แล้ว จากเดิมที่เคยช้ากว่าใน Note 10 และมีสเปกภายในดังนี้
ชิป Exynos 990
แรม 12GB
หน่วยความจำ UFS 3.1 ขนาด 256GB/512GB รองรับ micro SD card
สแกนลายนิ้วมือใต้จอ
ลำโพงคู่ปรับแต่งโดย AKG
กล้องหลังหลัก 108MP F 1.8 มี dual-pixel AF และ laser AF ถ่ายวิดีโอ 8K 30fps ได้
กล้องอัลตร้าไวด์ 12MP F 2.2
กล้องซูม Periscope 12MP ซูมออพติคัลได้ 5x (แต่ตัดซูมไฮบริด 100x ออก เหลือแค่ 50x)
กล้องหน้า 10MP F2.2 มี dual pixel AF
ใส่ซิมคู่ได้ รองรับ eSIM รองรับ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.0, NFC
แบต 4,500mAh ชาร์จเร็ว 45W ผ่าน USB Type-C (USB 3.2)
รองรับชาร์จไร้สาย และชาร์จไร้สายให้อุปกรณ์อื่นได้ (reverse wireless charging)
กันน้ำกันฝุ่น IP68
มีสองสี Mystic Black (ดำ) และ Mystic Bronze (สีบรอนซ์)
Galaxy Note 20 Ultra เปิดตัวอย่างเป็นทางการ 5 สิงหาคมนี้ ในงาน Galaxy Unpacked แต่ยังไม่มีข้อมูลเรื่องราคา และการวางจำหน่ายในประเทศไทย
ที่มา - Winfuture.de via SamMobile
|
# ไมโครซอฟท์เปิดพรีวิว Azure Stack HCI วินโดวส์รุ่นพิเศษสำหรับเชื่อมต่อคลาวด์
ไมโครซอฟท์เปิด Azure Stack HCI เป็นสถานะพรีวิวแบบทั่วไป สำหรับองค์กรที่ต้องการสร้างคลาวด์ในองค์กร (on-premise cloud) ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงมากนัก
ตัว Azure Stack HCI เป็นวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์รุ่นพิเศษ ที่มีบริการ Hyper-V, Storage Space Direct, และ Software Defined Network มาด้วย โดยโมเดลการคิดค่าบริการจะจ่ายเป็นรายเดือนตามจำนวนซีพียูไม่สามารถซื้อขาดแบบวินโดวส์ปกติ และจะต้องซื้อไปพร้อมกับฮาร์ดแวร์ที่ได้รับการรับรองเท่านั้น โดยระหว่างที่ยังอยู่ในสถานะพรีวิวจะไม่มีค่าไลเซนส์
ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์มีสินค้ากลุ่มคลาวด์ในองค์กรคือ Azure Stack Hub ที่พยายามจำลองคลาวด์ Azure มาอยู่ในองค์กรโดยไม่ต้องเชื่อมต่อไปยัง Azure แต่ Azure Stack HCI จะอาศัยการควบคุมผ่านคอนโซลของ Azure ที่ต้องเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ต โดยตัวมันเองมีหน้าที่เป็น Hyper-V host เป็นหลัก และมีบริการภายในเพียงเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับบริการอื่นๆ จะต้องสร้างเป็น virtual machine อยู่ภายในอีกที โดยสามารถใช้งานได้ทั้งการสร้างเซิร์ฟเวอร์ หรือไคลเอนต์อย่างบริการ virtual desktop ก็รันได้เช่นกัน
ฮาร์ดแวร์เริ่มต้นสำหรับ Azure Stack HCI ต้องใช้ 2 โหนดเริ่มต้นไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์ ทำให้องค์กรสามารถสร้างคลาวด์เริ่มต้นในต้นทุน 20,000 ดอลลาร์เท่านั้น
ที่มา - Microsoft
|
# สหรัฐประกาศจับแฮกเกอร์ 2 ราย อ้างรัฐบาลจีนหนุน ขโมยงานวิจัยวัคซีน COVID-19
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐแถลงการประกาศจับแฮกเกอร์ชาวจีน 2 รายคือ Li Xiaoyu และ Dong Jiazhi ว่าได้รับการสนับสนุนโดยกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของจีนในการแฮกระบบอาวุธและระบบป้องกัน รวมถึงงานวิจัยและทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ว่าจะด้านเทคโนโลยี การผลิตไปจนถึงการแพทย์ ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนและยาฆ่าเชื้อ COVID-19
ข้อกล่าวหาระบุว่าแฮกเกอร์ทั้ง 2 พยายามจะขโมยความลับทางการค้า ไม่ว่าจะดีไซน์เทคโนโลยี, กระบวนการการผลิต, กลไกการทำงานเครื่องจักร, ซอสโค้ดและงานวิจัยโครงสร้างทางเคมีของยา โดยบริษัทที่เป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ 2 รายนี้มีทั้งในสหรัฐ, ออสเตรเลีย, เบลเยียม, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, ลิทัวเนีย, เนเธอร์แลนด์, เกาหลีใต้, สเปน, สวีเดนและสหราชอาณาจักร และทำมานานกว่าทศวรรษ
ก่อนหน้านี้ FBI เคยออกมาเตือนด้วยว่ามีแฮกเกอร์ชาวจีนพยายามจะแฮกและขโมยงานวิจัยที่เกี่ยวกับ COVID-19 โดยเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีน การรักษาและการทดสอบต่าง ๆ
ที่มา - Bloomberg
|
# AC Odyssey เดิมมี Kassandra ให้เล่นได้ตัวละครเดียว ก่อนถูกสั่งเพิ่ม Alexios เพราะแนวคิดชายเป็นใหญ่ของผู้บริหาร
นับตั้งแต่ Ubisoft สั่งพักงานผู้บริหาร 2 คน จากพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก่อนผู้บริหารและหัวหน้า HR ตบเท้าลาออกตามกัน โดยไม่ได้มีการเปิดเผยสาเหตุหรือประเด็นปัญหา
ล่าสุด Bloomberg Businessweek ปล่อยบทความสัมภาษณ์ที่แฉวัฒนธรรมองค์กรของ Ubisoft โดยเฉพาะที่สำนักงานใหญ่ในกรุงปารีส ว่ามีวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่, กดขี่ขมเหง, harassment และรังเกียจผู้หญิง (misogyny) โดยเฉพาะในระดับผู้บริหาร หนึ่งในนั้นคือ Serge Hascoët ตำแหน่ง Chief Creative Officer ที่ดูแลงานครีเอทีฟของเกม และที่ลาออกไปเมื่อต้นเดือน จนทำให้ออฟฟิศปารีสถูกเรียกเล่น ๆ จากพนักงานหญิงว่า frat house (frat รากศัพท์ละติน ความหมายสื่อถึงความเป็นชาย เช่น fraternity)
วัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ของ Ubisoft ไม่ใช่แค่ส่งผลต่อสภาพแวดล้อมในการทำงาน แต่ยังส่งผลถึงการพัฒนาเกมด้วย ไล่มาตั้งแต่ Assassin's Creed Unity ที่ผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟเคยออกมาบอกว่าจะไม่มีตัวละครหญิงในการเล่นออนไลน์ เพราะเพิ่มงานในกระบวนการโปรดักชัน, Assassin's Creed Syndicate ที่สคริปต์ชุดแรก ตัวละครหลักอย่าง Jacob และ Evie มีบท (screen time) พอ ๆ กันก่อนจะถูกแก้ให้ Jacob มีบทเด่นมากกว่า
หรือภาคที่ใหม่ขึ้นมาหน่อยอย่าง Assasin's Creed Origin ที่บทแรกคือตัวละครชายอย่าง Bayek จะถูกฆ่าหรือทำให้บาดเจ็บในช่วงแรกและเราจะได้เล่น Aya ก่อนจะถูกแก้ให้ Aya มีบทเสริมจาก Bayek เท่านั้น และภาคเกือบล่าสุดอย่าง Odyssey ที่ดำเนินเรื่องด้วยตัวละครหลักเป็นผู้หญิงครั้งแรก ซึ่งแผนเดิมก็คือ Kassandra จะเป็นเพียงตัวละครเดียวที่ให้เล่น ทว่าก็ถูกสั่งให้แก้จนท้ายที่สุดก็มีตัวละครชาย Alexios เพิ่มขึ้นมาอีกตัวละคร
ส่วนสาเหตุที่ถูกสั่งให้เปลี่ยนหรือลดบทบาทตัวละครหลักที่เป็นผู้หญิงก็มาจาก Hascoët เป็นหลักที่อ้างเหตุผลด้านการตลาดว่าตัวละครหญิงขายไม่ได้ ทำให้ทีมงานต้องประนีประนอมกับ Hascoët อย่างหนัก ไม่เช่นนั้นก็เสี่ยงที่โปรเจ็คจะถูกแคนเซิล เพราะตัว Hascoët มีความใกล้ชิดกับพี่น้องตระกูล Guillemo ผู้ก่อตั้ง Ubisoft และมีสิทธิขาดในการให้ไฟเขียว สั่งพักหรือแคนเซลทุกโปรเจ็ค (Hascoët นี่แหละที่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่การร้องเรียนเรื่อง harassment ไปยัง HR แล้วเรื่องเงียบ)
ที่มา - Bloomberg Businessweek, ภาพจาก Life at Ubisoft
|
# CD Projekt Red เปิดเวอร์ชวลทัวร์ออฟฟิศผ่าน Street View บน Google Maps
CD Projekt Red สตูดิโอสัญชาติโปแลนด์ผู้พัฒนาเกมซีรีส์ The Witcher และ Cyberpunk เปิดเวอร์ชวลทัวร์ให้คนภายนอกชมออฟฟิศที่กรุงวอร์ซอผ่าน Street View ใน Google Maps
อย่างไรก็ตามทางสตูดิโอเปิดให้ชมแค่พื้นที่ส่วนออฟฟิศ ห้องประชุมและห้องนั่งเล่นชั้นเดียวเท่านั้น ส่วนพื้นที่ที่เป็นโปรดักชันไม่สามารถเข้าไปชมได้
ที่มา - VG247
|
# OnePlus Buds หูฟังไร้สาย รองรับ Dolby Atmos กันน้ำ IPX4 ราคา 79 เหรียญ
นอกจาก OnePlus Nord แล้ว OnePlus ยังเปิดตัวหูฟัง true wireless สีสันสดใส OnePlus Buds แบตเตอรี่ 7 ชั่วโมง รวมเคสชาร์จได้ 30 ชั่วโมง เคสมีระบบชาร์จเร็ว ผ่าน USB-C ชาร์จแค่ 10 นาทีสามารถนำไปชาร์จหูฟังต่อได้ 10 ชั่วโมง และชาร์จจนเต็มได้ใน 80 นาที
ตัวหูฟังใช้ไดนามิกไดรเวอร์ ขนาด 13.4 มม รองรับ Dolby Atmos และมีระบบตัดเสียงรบกวนเข้าไมค์ เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 รองรับระบบ Fast Pair และกันน้ำ IPX4 การควบคุมเป็นแบบสัมผัส โดยใช้การแตะที่ด้านหลังหูฟังเบาๆ
มีวางจำหน่ายสามสีคือ สีขาว เทา และฟ้าอมเขียว ราคา 79 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,500 บาท) แต่ยังไม่มีกำหนดวางจำหน่ายในไทย
ที่มา - OnePlus, The Verge
|
# Gmail จะแสดงภาพโพรไฟล์ของผู้ส่งเมล ต้องยืนยันตัวตนตามมาตรฐานใหม่ BIMI ก่อน
ปกติแล้วอีเมลใน Gmail จะแสดงภาพโพรไฟล์ของผู้ส่ง ซึ่งเป็นภาพที่เราตั้งเองในสมุดที่อยู่เท่านั้น (แปลว่าถ้าไม่ตั้งค่าภาพเอาไว้ ก็จะแสดงเป็นรูปหัวคนสีเทาๆ)
ล่าสุดกูเกิลประกาศฟีเจอร์แสดงภาพโพรไฟล์ของแบรนด์ใน Gmail แล้ว โดยจะแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัย-การปลอมแปลงตัวตน ด้วยมาตรฐานใหม่ที่เรียกว่า Brand Indicators for Message Identification (BIMI) ที่กูเกิลร่วมกับพาร์ทเนอร์หลายราย เช่น LinkedIn, Fastmail, Twilio Sendgrid, Yahoo (ปัจจุบันอยู่ในเครือ Verizon) พัฒนาขึ้นมา
มาตรฐาน BIMI เป็นการต่อยอดจาก Domain-based Message Authentication, Reporting, and Conformance (DMARC) ที่ปัจจุบันใช้กันอยู่แล้วเพื่อยืนยันตัวตนอีเมลว่าไม่ใช่สแปม โดยแบรนด์จะต้องผ่านการยืนยัน DMARC กับผู้ให้บริการอีเมลก่อน จากนั้นตั้งค่าใน DNS ชี้ไปยังโลโก้ (ที่ผ่านการตรวจสอบจากผู้ให้บริการอีเมล) อีกทีหนึ่ง - รายละเอียด
ตอนนี้ BIMI ถูกใช้งานแล้วใน Yahoo Mail และ Gmail กำลังจะเป็นผู้ให้บริการอีเมลยักษ์ใหญ่อีกรายที่รองรับฟีเจอร์นี้ กูเกิลบอกว่าจะเริ่มทดสอบ BIMI ในวงจำกัดในเร็วๆ นี้
ที่มา - Google Cloud Blog
|
# Netflix ทดสอบราคาใหม่ในอินเดีย 148 บาท ดู HD ได้, ดูได้ทุกอุปกรณ์ยกเว้นทีวี
เว็บไซต์ Android Pure ไปเจอว่า Netflix กำลังทดสอบแพ็กเกจใหม่ในอินเดียหรือ Mobile+ ราคา 349 รูปี เทียบกับราคาไทยประมาณ 148 บาทต่อเดือน สามารถดูได้ทั้งบนมือถือ, แท็บเล็ต, คอมพิวเตอร์ และดูแบบ HD ได้ด้วย แต่ไม่รวมทีวี และดูได้ครั้งละ 1 อุปกรณ์
ปัจจุบันแพ็กเกจราคาถูกสุดในอินเดียอยู่ที่ 199 รูปี (85 บาท) แต่ดูได้ที่ความละเอียดแบบ SD เท่านั้น แพ็กเกจใหม่ที่ Netflix กำลังทดสอบถือว่าราคาถูกลงมาอีกเมื่อเทียบกับแพ็กเกจเดิมที่มีอยู่แล้วคือ Basic Plan 499 รูปี (211 บาท) ดูได้ทุกอุปกรณ์แต่จำกัดความละเอียดที่ SD, Premium Plan 799 รูปี (338 บาท) ดูได้พร้อมกัน 4 อุปกรณ์ ความละเอียด 4K
อินเดียถือเป็นอีกตลาดใหญ่สำหรับ Netflix ในเอเชีย มีการสร้างออริจินัลคอนเทนต์ในอินเดียมากมาย อินเดียยังเป็นหมุดหมายสำคัญของผู้ให้บริการสตรีมมิ่งรายอื่นอย่าง Amazon Prime, Hotstar ของดิสนีย์ เป็นต้น
ภาพจาก Netflix Media Center
ที่มา - Android Pure
|
# พร้อมดูซีรีส์ตอนทำกับข้าว หน้าจออัจฉริยะ Google Nest Hub รองรับ Netflix แล้ว
กูเกิลประกาศว่าหน้าจออัจฉริยะทั้ง Nest Hub และ Nest Hub Max รองรับการดู Netflix แล้ว
การรองรับ Netflix ทำให้ Nest Hub ที่ได้รับความนิยมสูงในครัว (เพราะใช้ดูวิดีโอทำอาหาร) กลายเป็นอุปกรณ์บันเทิงที่สมบูรณ์มากขึ้น สามารถดูซีรีส์ไประหว่างทำอาหารหรือทำงานบ้านอย่างอื่นได้ กูเกิลยังรองรับการเปิดซีรีส์ด้วยเสียงพูด (Hey Google, play Queer Eye) ทำให้ไม่ต้องใช้มือที่อาจเปื้อนอยู่มาสั่งงานเลย
ปัจจุบัน Nest Hub รองรับแอพดูวิดีโอหลายตัว เช่น Disney+, Hulu, HBO Max, Showtime, Peacock เป็นต้น
ที่มา - Google
|
# เกม Rocket League เปิดให้เล่นฟรี, ย้ายจาก Steam มา Epic
เกมรถยนต์เตะฟุตบอล Rocket League ประกาศปรับรูปแบบเกมเป็น free-to-play เปิดให้ทุกคนเล่นฟรี (ของเดิม 20 ดอลลาร์) พร้อมย้ายช่องทางการดาวน์โหลดเวอร์ชันพีซี จาก Steam มาสู่ Epic Games Store (โดยยังคง cross-platform play เล่นกับแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้อยู่)
ผู้เล่น Rocket League บน Steam ที่มีตัวเกมอยู่แล้วยังสามารถเล่นเกมได้ต่อไป แต่ผู้เล่นหน้าใหม่จะต้องดาวน์โหลดจาก Epic Games Store เท่านั้น
ประกาศนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะ Epic Games ซื้อกิจการ Psyonix สตูดิโอเจ้าของ Rocket League มาตั้งแต่ปี 2019
ที่มา - Epic Games, Kotaku
|
# Microsoft 365 เพิ่มฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับองค์กร: ป้องกันพนักงานสำเนาข้อมูลออกจากเครื่อง, ตรวจสอบแชต, เข้ารหัสข้อมูลสองชั้น
ไมโครซอฟท์เพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยให้กับบริการ Microsoft 365 (หรือ Office 365) เปิดทางให้องค์กรสามารถควบคุมการใช้งานบริการภายในได้มากขึ้น
บริการแรกคือ Microsoft Endpoint Data Loss Prevention (DLP) สำหรับการป้องกันพนักงานนำเอกสารออกไปจากองค์กรผ่านการเซฟลงไดรฟ์ USB หรือพิมพ์เอกสารออกมา โดยตัว Endpoint DLP จะทำงานร่วมกับแอปในชุด Office, Microsoft Edge, และ Windows 10 เพื่อควบคุมนโยบายว่าข้อมูลอะไรสามารถทำอะไรได้บ้าง
ระบบจัดการความเสี่ยง Insider Risk Management เพิ่มข้อมูลจาก Windows 10 อีกหลายอย่าง เช่น การสำเนาไฟล์ออกจากเครื่อง, หรือการส่งข้อมูลออกทางเน็ตเวิร์ค เชื่อมต่อกับ Office 365 Activity Management API เพื่อให้ระบบจัดการความปลอดภัยดึงข้อมูลออกไปได้ ฟีเจอร์ Communication Compliance ตรวจสอบการสื่อสารของพนักงานในช่องทางต่างๆ ตอนนี้ระบบปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบให้ฉลาดขึ้นและสามารถตรวจสอบแชตได้เพิ่มเติม เช่น Bloomberg Message หรือ ICE Chat
ข้อมูลบน Microsoft 365 รองรับฟีเจอร์ Double Key Encryption ที่ไมโครซอฟท์จะเข้ารหัสข้อมูลด้วยกุญแจของตัวเอง และลูกค้าสามารถเข้ารหัสซ้ำด้วยกุญแจของตัวเองอีกชั้น เพื่อความมั่นใจว่าไมโครซอฟท์จะอ่านข้อมูลไม่ได้จริงๆ โดยทั่วไปแล้วข้อมูลที่ต้องใช้ความปลอดภัยระดับนี้จะมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้น
ฟีเจอร์ทั้งหมดรวมอยู่ใน Microsoft 365 ระดับ E5 ราคา 57 ดอลลาร์ต่อคนต่อเดือนเมื่อสมัครรายปี
ที่มา - Microsoft
|
# ไมโครซอฟท์ปล่อยตัวอย่าง Power Apps ช่วยองค์กรปรับตัวหลังเปิดเมือง จัดการความเสี่ยง COVID-19
ไมโครซอฟท์ปล่อยตัวอย่างแอปในเอกสารของ Power Apps แต่เป็นแอปที่มีความซับซ้อนเพิ่มเติมสำหรับใช้งานจริงเมื่อองค์กรกำลังนำพนักงานกลับมาทำงานหลังเปิดเมืองจาก COVID-19 ทั้งสี่แอปได้แก่
Location Readiness จัดการความพร้อมของสำนักงาน สำรวจว่าพื้นที่แต่ละแห่งยังมีอัตราการติดเชื้อสูงเกินไปหรือไม่
Employee Health and Safety Management แอปสำรวจสุขภาพพนักงาน, แจ้งสำนักงานที่เปิดใช้งาน, และบริการ check-in เมื่อพนักงานเข้าทำงาน
Workplace Care Management แอปจัดการสำนักงานว่ามีพนักงานมีอาการป่วยเข้ามาทำงานหรือไม่ และประเมินความเสี่ยงของสำนักงาน พร้อมการจัดการข้อมูลเป็น dashboard
Location Management แอปจัดการพื้นที่สำนักงานว่ามีการใช้งานหนาแน่นเกินกำหนดหรือไม่, มีอุปกรณ์ทำความสะอาดเพียงพอ, และแนวทางการปฎิบัติที่ดีอื่นๆ ตอนนี้แอปนี้ยังไม่ปล่อยออกมา
แอปทั้ง 4 ในตัวอย่างอยู่ใน Power Apps องค์กรที่ใช้ Office 365 อยู่เดิมและใช้งาน Power Apps อยู่แล้วน่าจะดึงมาใช้งานได้ทันที ใน 3 แอปแรก
ที่มา - Microsoft
|
# ไมโครซอฟท์เพิ่มฟีเจอร์ให้ Teams: แสดงแอปขณะประชุม, Walkie-Talkie, เขียนแชตบอตแบบ low-code
งาน Microsoft Inspire ที่เป็นงานสำหรับพันธมิตรของไมโครซอฟท์ปีนี้ไมโครซอฟท์ประกาศฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Microsoft Teams ออกมาอีกชุดใหญ่ ทั้งการปรับปรุงการจัดประชุมให้รองรับแอปภายนอกขณะประชุมมากขึ้น, รองรับฟีเจอร์สำหรับคนทำงานหน้างาน (firstline), และการพัฒนาแอปแบบ low-code ให้เข้าถึงข้อมูลองค์กร
การประชุมเปิดให้ใช้แอปในการประชุมที่เตรียมไว้ก่อนหน้า โดยเป็น adaptive card ที่เป็นการแสดงแอปของ Microsoft Teams อยู่แล้ว นักพัฒนาสามารถกำหนดพฤติกรรมแอปตามประเภทผู้เข้าร่วม เช่น ผู้บรรยาย, หรือผู้เข้าร่วมประชุม ตัวแอปแสดงเป็นแถบข้างหรือลอยบนจอประชุมก็ได้ และข้อมูลในตัวแอปยังแสดงหลังประชุมได้ด้วย ตอนนี้มีแอปจากพันธมิตรเช่น Polly และ Open Agora ทำโพลขณะประชุม, Miro ทำไวต์บอร์ด, iCIMS และ HireVue ทำโซลูชั่นจ้างงาน
หน้าจอแอปเมื่อลอยอยู่บนการประชุมวิดีโอ
ฟีเจอร์สำหรับคนทำงานหน้างานสำคัญคือฟีเจอร์ Walkie-Talkie สำหรับการกดเพื่อพูด (push-to-talk) ได้ทันที สามารถใช้ร่วมกับชุด headset ที่รองรับ หรือจะใช้กับโทรศัพท์ Samsung Galaxy XCover Pro ก็ได้, Shift ระบบจัดการกะเข้างานสามารถช่วยเตือนเมื่อตารางชนกัน และเพิ่มการลงเวลาทำงานบนเว็บและเดสก์ทอปจากเดิมที่รองรับเฉพาะโทรศัพท์
อุปกรณ์เสริมสำหรับใช้ฟีเจอร์ Walkie-Talkie
ฟีเจอร์สุดท้ายคือ Microsoft Dataflex ที่เป็นแพลตฟอร์มพัฒนาแบบ low-code ใช้ร่วมกับ Microsoft Power Apps และ Microsoft Power Virtual Agents ตัว Dataflex ทำหน้าที่เก็บข้อมูลและรักษาความลปลอดภัย ฟีเจอร์นี้จะเพิ่มให้กับองค์กรที่ใช้ Microsoft 365 เดิมอยู่แล้วโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ที่มา - Microsoft 1, 2, 3, 4
|
# OnePlus Nord เปิดตัว Snapdragon 765G, จอ 90Hz, กล้อง 4 ตัว, ราคา 399 ยูโร (ราว 14,500 บาท)
หลังจากขยันปล่อยข่าวมานานนับเดือน วันนี้ OnePlus Nord มือถือราคาถูกซีรีส์ใหม่ของ OnePlus เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วในราคา 399 ยูโร (ประมาณ 14,500 บาท ยังไม่ได้ทำตลาดสหรัฐอเมริกาจึงไม่มีราคาเป็นดอลลาร์)
หน้าจอ 6.44 นิ้ว AMOLED 2400x1080 ความถี่ 90Hz, ปรับความสว่างอัตโนมัติ 2,048 ระดับ
หน่วยประมวลผล Snapdragon 765G, จีพียู Adreno 620
กล้องหน้า 2 ตัว กล้องหลัก 32MP Sony IMX616, กล้องมุมกว้าง 8MP
กล้องหลัง 4 ตัว กล้องหลัก 48MP Sony IMX586 มี OIS, กล้องมุมกว้าง 8MP, กล้องระยะลึก 5MP, กล้องมาโคร 2MP
แบตเตอรี่ 4115 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว Warp Charge 30T 30 วัตต์
ระบบปฏิบัติการ OxygenOS (Android 10) การันตีอัพเดตใหญ่ 2 ปี และแพตช์ความปลอดภัย 3 ปี
มีให้เลือก 2 สีคือ ฟ้า Blue Marble และเทา Gray Onyx
OnePlus Nord แยกออกเป็น 3 รุ่นย่อยตามความจุ
แรม 6GB+64GB (เฉพาะอินเดีย) ราคา 24,999 รูปี (ประมาณ 10,500 บาท)
แรม 8GB+128GB ราคา 399 ยูโร (ประมาณ 14,500 บาท)
แรม 12GB+256GB ราคา 499 ยูโร (ประมาณ 18,500 บาท)
หากเทียบสเปกของ OnePlus Nord กับเรือธง OnePlus 8 ที่เปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน จุดต่างสำคัญคือหน่วยประมวลผลของ OnePlus 8 เป็น Snapdragon 865, หน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 6.55" (2400x1080, 90Hz เท่ากันสำหรับรุ่นไม่ Pro), แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเป็น 4,300 mAh แต่ Nord กลับมีกล้องหลังเยอะกว่าคือ 4 ตัว (OnePlus 8 รุ่นธรรมดามี 3 ตัว ขาดกล้องระยะลึก) โดยราคาของ OnePlus 8 รุ่นแรม 8GB+128GB ขายอยู่ที่ 699 ยูโร หรือต่างกันถึง 300 ยูโร
ที่มา - OnePlus, Android Police
|
# AMD เปิดตัว Ryzen 4000G แกน Zen 2 สำหรับเดสก์ท็อป OEM ไส้ใน Ryzen 4000 Mobile
AMD เปิดตัวหน่วยประมวลผล (APU) ตระกูล Ryzen 4000G สำหรับเดสก์ท็อป OEM (ไม่ได้ขายเป็นกล่องแยกมาประกอบเอง) โดยไส้ในเป็นแกน Zen 2 โค้ดเนม Renoir (โค้ดเนม Zen 2 บนเดสก์ท็อปคือ Mattisse) ดังนั้นใส้ในจึงเป็นตัวเดียวกับ Ryzen 4000 Mobile รองรับแรมถึง DDR4-3200 และ PCIe 3.0 8 เลน และมาพร้อมกับชิปกราฟิค Vega เหมือนกัน
จุดแตกต่างของ Ryzen 4000G และ Ryzen 4000 Mobile จึงมีแค่ความเร็วสัญญาณนาฬิกาและค่า TDP เท่านั้น มาครบทั้ง Ryzen 3/5/7 โดยแต่ละรุ่นจะมีรุ่นย่อย GE ที่ปรับค่า TDP ลงจาก 65W เหลือ 35W และปรับสัญญาณนาฬิกาลง รวมถึงมีรุ่น Pro สำหรับสายธุรกิจที่มีสเปคเหมือนกัน แต่เพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเข้าไป
นอกจากนี้ AMD ยังเปิดตัวซีพียูราคาถูกตระกูล Athlon 3000G ที่แกนเป็น Zen+ (Athlon 3000 ยังเป็น Zen) สำหรับโน้ตบุ๊กราคาถูก มาพร้อมชิปกราฟิค Radeon ในตัว
ที่มา - Notebookcheck
|
# eBay ขายธุรกิจคลาสสิฟายด์ให้ Adevinta มูลค่าดีล 9,200 ล้านดอลลาร์
eBay ประกาศบรรลุข้อตกลงในการขายธุรกิจโฆษณาแบบคลาสสิฟายด์ ให้กับ Adevinta โดยจะได้ผลตอบแทนเป็นเงินสด 2,500 ล้านดอลลาร์ และหุ้นของ Adevinta อีก 44% คิดเป็นมูลค่าดีลราว 9,200 ล้านดอลลาร์
Adevinta เป็นบริษัทด้านการทำคลาสสิฟายด์แบบออนไลน์ที่ดำเนินงานอยู่ใน 15 ประเทศ ขณะที่ธุรกิจคลาสสิฟายด์ของ eBay ก็ดำเนินงานใน 13 ประเทศ ภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ รวม 12 แบรนด์ หลังการควบรวมนี้ทำให้ eBay จะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดใน Adevinta ขณะเดียวกันก็จะเป็นบริษัทด้านคลาสสิฟายด์ออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดำเนินงานใน 20 ประเทศ
ก่อนหน้านี้มีแรงกดดันจากนักลงทุนใน eBay ให้ขายธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่มาร์เก็ตเพลสออกไป ซึ่งก็มีอยู่ 2 ธุรกิจ โดย eBay ขายธุรกิจจำหน่ายตั๋ว StubHub ไปเมื่อปีก่อน และอีกกลุ่มธุรกิจก็คือคลาสสิฟายด์นั่นเอง
ที่มา: eBay
|
# ผู้สร้าง Monument Valley เผยโปรเจกต์ใหม่ Alba: a Wildlife Adventure ยังไม่เผยเนื้อหา
Ustwo Games สตูดิโอผู้พัฒนาเกม Monument Valley เกมพัซเซิลเน้นงานอาร์ตเผยโปรเจกต์เกมใหม่ Alba: a Wildlife Adventure แต่ทางสตูดิโอยังไม่เผยเนื้อหาเกมโดยรายละเอียด
จากตัวอย่างคลิปเกมจะเห็นขวดแก้วบนชายหาด, แซนด์วิชที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่ง, แลปทอป, กระเป๋าแบ็คแพ็ค, กล้อง DSLR, ภาพถ่าย, หนังสือเกี่ยวกับนก ฯลฯ และเด็กผู้หญิงที่นำสิ่งของที่ว่านี้มาวางบนพื้นทราย และฉากภูเขาทะเลสีสันสดใส
ตัวเกมสามารถเล่นได้บน iOS, MacOS, tvOS, PC และคอนโซล (ยังไม่รู้ว่าตัวไหนบ้าง)
ภาพจาก Alba: a Wildlife Adventure
ที่มา - Engadget
|
# บริษัทหยุดจ้างงาน กระทบ LinkedIn จนต้องปลดพนักงาน 960 ราย
จากวิกฤตโรคระบาดส่งผลให้บริษัทปลดพนักงานออกเพื่อลดค่าใช้จ่าย และระงับการจ้างงาน ซึ่งกระทบ LinkedIn แพลตฟอร์มหางานและรับสมัครงานเต็มๆ ล่าสุดทางบริษัทออกมาประกาศว่าต้องปลดพนักงานออก 960 ราย คิดเป็น 6% ของพนักงานทั้งหมด
Ryan Roslansky ซีอีโอ ระบุว่าจะจ่ายเงินชดเชยให้ 10 สัปดาห์รวมถึงการประกันสุขภาพสำหรับพนักงานในสหรัฐฯ 1 ปี และถ้ามีการจ้างงานใหม่ จะเริ่มพิจารณาจ้างจากกลุ่มพนักงานที่ถูกปลดก่อน
ภาพจาก LinkedIn
ที่มา - The Strait Times
|
# ญี่ปุ่นประกาศแผนปฏิรูปโครงสร้างดิจิทัลภาครัฐครั้งใหญ่ รับมือโรคระบาดและภัยธรรมชาติในอนาคต
ญี่ปุ่นประกาศนโยบายปฏิรูปรัฐบาลให้มีความเป็นดิจิทัลครั้งใหญ่ เพื่อรับมือกับโรคระบาดและความท้าทายอื่นๆ ในอนาคต ในชื่อแผนว่า "Most Advanced Digital Nation Declaration and Public-Private Data Utilization Promotion"
ในเอกสารแถลงนโยบายระบุว่า โรคระบาดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการใช้งานดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น ทำให้รัฐบาลต้องกลับมาคิดใหม่เรื่องโครงสร้างพื้นฐานทางข้อมูล เพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติรูปแบบอื่นๆ ในอนาคต และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือ เมื่อโรคระบาดและภัยธรรมชาติเกิดขึ้นในระยะเวลาเดียวกัน
ตัวแผนมีเนื้อหาครอบคลุมการสร้าง API สำหรับบริการของรัฐ, e-Health, การแบ่งปันข้อมูลภาครัฐและเอกชน, การขยายพื้นที่ให้บริการไร้สายในพื้นที่ชนบทและภูมิภาค และการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบเปิด รวมถึงการปฏิรูปซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมต่างๆ ให้มีความเป็นดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการใช้ AI และหุ่นยนต์มาแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน เป็นต้น
ภาพจาก Shutterstock
ที่มา - The Register
|
# ไมโครซอฟท์จะออกเกมให้ Xbox One ต่อ เพราะเศรษฐกิจแย่ บางคนไม่มีเงินซื้อคอนโซลใหม่
ก่อนหน้านี้ไม่นาน Phil Spencer เพิ่งออกมาบอกว่า เกมใหม่ที่ Xbox Game Studios พัฒนาจะไม่ใช่ Xbox Series X เอ็กคลูซีฟ
ล่าสุดเขาให้สัมภาษณ์กับ Polygon ขยายความประเด็นนี้ว่าแนวทางของ Xbox ในตอนนี้ต่างจากธรรมเนียมของวงการคอนโซลที่ผ่านมาที่มักทิ้งคอนโซลเดิมทันทีเมื่อออกเครื่องรุ่นใหม่ แต่ไมโครซอฟท์ต้องการใช้แนวทางอัพเกรดของวงการมือถือ พีซี หรือทีวี ที่อัพเกรดเครื่องแล้วยังใช้งานเกม คอนเทนต์ อุปกรณ์เสริมเก่าได้หมด
เขายังบอกว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้ อาจไม่ใช่ทุกคนที่มีเงินอัพเกรดคอนโซลใหม่ (Not every family will be in a financial position to spend or want to spend hundreds of dollars on a new console this year) ดังนั้นคนที่ลงทุนกับ Xbox One ไปแล้วก็ควรยังเล่นเกมที่ออกใหม่ๆ ได้ต่อไปโดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่อง ส่วนคนที่ซื้อ Xbox Series X ก็ควรเล่นเกมเก่าๆ ที่ลงทุนซื้อไว้ได้ทั้งหมด ไม่ใช่ต้องเริ่มลงทุนซื้อเกมใหม่อีกครั้ง
Spencer ยังพูดถึงประเด็นเกมเปิดตัว Xbox Series X ว่าจะหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม จากผลงานของสตูดิโอใหม่ๆ ที่ไมโครซอฟท์ไปซื้อกิจการหรือตั้งใหม่ในช่วง 2-3 ปีมานี้ เช่น Ninja Theory, Obsidian, Undead Labs, inXile ในขณะที่เกมแฟรนไชส์เก่าๆ อย่าง Halo, Gears of War, Forza, Minecraft, Age of Empires, Flight Sim ก็ออกภาคใหม่ด้วยเช่นกัน
ไมโครซอฟท์จะแถลงข่าวเกมของ Xbox Series X ชุดใหญ่ในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้
ที่มา - Polygon
|
# Unbox เราท์เตอร์ WiFi6 ใหม่ ความแรงจัดเต็มระดับ Giga ที่ลูกค้า 3BB คู่ควร
คงต้องบอกว่าหมดยุค Wireless AC (Wi-Fi 5) เราเตอร์แบบเดิมๆ ที่เคยใช้งานกันมาหลายปีแล้ว เพราะตอนนี้มีเทคโนโลยีไร้สายถูกอัพเกรดเป็นไวไฟเจเนอร์เรชั่นใหม่ คือ Wireless AX หรือ Wi-Fi 6 นั่นเอง ที่เกิดมาเพื่อให้รองรับอุปกรณ์เชื่อมต่อที่สมัยนี้เป็น AX กันหมดแล้ว เพื่อให้สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi ได้ความเร็วเต็มประสิทธิภาพแตะระดับ 1 Gbps นับว่า 3BB เป็นผู้ให้บริการรายแรกในไทยที่มอบเราเตอร์รุ่นใหม่ให้กับลูกค้าโดยไม่คิดค่าบริการเพิ่ม
ทำไมต้อง Wi-Fi 6
รองรับ MU-MIMO ในขาดาวน์โหลดเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์พร้อมกันได้
ขยายแบนด์วิดท์ให้กว้างขึ้นสูงสุด 160MHz
ลด Latency จากการย่นระเวลาในการรับส่งด้วย OFDMA
สปีดเร็วขึ้น 25% ด้วยมาตรฐาน 1024QAM
Wi-Fi 6 เป็นมาตรฐานใหม่ที่พัฒนาจากข้อด้อยของ Wi-Fi 5 โดยเพิ่มฟังก์ชั่นรองรับ MU-MIMO ทำให้สามารถรับส่งข้อมูลไปหลายอุปกรณ์พร้อมกันได้ ลดปัญหาเน็ตสะดุดจากการดึงสัญญาณ ความเร็วเพิ่มขึ้น 25% จากเดิม ทำให้สามารถทำความเร็วได้ใกล้เคียงแพ็กเกจระดับกิกกะบิตโดยไม่ต้องใช้สายแลน นอกจากนี้ยังช่วยขยายแบนด์วิดท์ให้กว้างขึ้นตั้งแต่ 40MHz/80MHz/160MHz เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน ตอบรับอุปกรณ์ไร้สายที่ทันสมัยที่จะมีมากขึ้นในอนาคต
แกะกล่องเราท์เตอร์ Huawei OptiXstar Wi-Fi 6 Pro ONT
เราเตอร์ 2x2 Huawei OptiXstar Wi-Fi 6 Pro ONT รุ่นนี้มี 2 เสา มีไฟบอกสถานะอินเทอร์เน็ตด้านหน้า เมื่อมาดูด้านหลังจะมีช่องเสียบสายโทรศัพท์ พร้อมกับช่องเสียบสาย LAN ถึง 4 ช่อง พร้อมช่องระบายอากาศด้านหลัง มี Port USB, DC Adaptor และสวิตซ์เปิดปิดเราเตอร์และช่องเสียบสายไฟเบอร์ ซึ่งสเปคค่อนข้างเพียงพอกับการใช้งานของลูกค้าทั่วไปโดยไม่ต้องซื้อเราเตอร์ตัวอื่นมาทำ Bridge Mode ให้ยุ่งยาก โดยจะมีสีขาวและสีดำ และในบางพื้นที่จะได้รับเป็น Fiber Home รุ่น HG6245N ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกัน
การทำ Speed Test โดยใช้เราเตอร์ Wi-Fi 6 จะทดสอบโดยใช้อินเทอร์เน็ต GIGA Fiber ความเร็ว 1Gbps/100 Mbps โดยการทดสอบความเร็วจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ การทดสอบระยะทางในการกระจายสัญญาณ กับการทดสอบกับรูปแบบการเชื่อมต่อจากอุปกรณ์เชื่อมต่อที่แตกต่างกัน ดังนี้
จากการทดสอบจะเห็นว่าความเร็วที่ได้จะใกล้เคียงกันคือเทียบเท่า 1 Gbps ทั้งดาวน์โหลดและอัพโหลด ทั้งนี้นอกจากจะมีตัวส่งสัญญาณ Wi-Fi 6 ที่ดีแล้ว ต้องมีตัวรับสัญญาณที่ดีด้วย ทั้งคอมพิวเตอร์ หรือ โทรศัพท์มือถือก็ควรรองรับ Wi-Fi AX เพื่อให้ได้ความเร็วที่สูงขึ้น บอกแล้วว่า Wi-Fi 6 นี้เป็นเราเตอร์จัดเต็มระดับ GIGA ที่ลูกค้า 3BB คู่ควรจริงๆ โดย 3BB นำเราเตอร์ Wi-Fi 6 มาให้บริการฟรีกับทุกแพ็กเกจแล้วเพื่อที่ลูกค้าสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับลูกค้าที่ใช้ เราเตอร์รุ่นเก่าและต้องการจะเปลี่ยนเป็นเราเตอร์ Wi-Fi 6 สามารถติดต่อ 3BB Shop หรือ 3BB Contact Center 1530 ได้โดยไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม
|
# Chrome บน Android จะสามารถตั้งเวลาดาวน์โหลดหรือรอโหลดตอนต่อ Wi-Fi ได้แล้ว
หลังจากอัพเดทเป็นเวอร์ชั่น 64-bit ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ล่าสุด Chorme บน Android จะสามารถตั้งเวลาดาวน์โหลดหรือเลือกให้ดาวน์โหลดเมื่อต่อ Wi-Fi ได้แล้ว
ฟีเจอร์นี้เพิ่งปล่อยบน Chrome Canary และสามารถเปิดได้ที่ตัวเลือก Enable Download Late ใน flags หรือเปิดตัวเลือกดาวน์โหลดไฟล์ภายหลังแม้จะต่อ Wi-Fi อยู่ก็ได้เช่นกันที่ตัวเลือก Show download later dialogue on WiFi
ที่มา - Android Police
|
# Xiaomi เตรียมปล่อยอัพเดท MIUI 12 ให้มือถือ 23 รุ่นในเดือนสิงหาคมนี้
Xiaomi เตรียมปล่อยอัพเดท MIUI เวอร์ชั่น 12 ให้กับสมาร์ทโฟน 23 รุ่นในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ โดยจะเริ่มในอินโดนีเซียเป็นที่แรก และคาดว่าภูมิภาคอื่นๆจะตามมาภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์บางอย่างสามารถใช้งานได้ในเฉพาะบางรุ่นเท่านั้น เช่น Super Wallpapers จะสามารถใช้งานได้ในเฉพาะ Mi10 และ POCO F2 Pro ในขณะที่ Floating Windows และฟีเจอร์กล้องแบบใหม่ จะมีเพียง 12 รุ่นที่มี่เครื่องหมาย * เท่านั้นที่สามารถใช้งานได้ (ยกเว้น POCO F2 Pro รุ่นเดียวที่จะไม่ได้ฟีเจอร์กล้องแบบใหม่)
รายชื่อรุ่นที่จะได้อัพเดทมีดังนี้
Mi 10*
Mi Note 10*
Mi Note 10 Pro*
Mi 8 Lite*
POCO F2 Pro*
Pocophone F1*
Redmi Note 9*
Redmi Note 9 Pro*
Redmi Note 8 Pro*
Redmi Note 8
Redmi Note 7*
Redmi Note 6 Pro
Redmi Note 5
Redmi 9*
Redmi 8
Redmi 8A
Redmi 8A Pro
Redmi 7*
Redmi 7A
Redmi 6A
Redmi 6
Redmi 6 Pro
Redmi S2
ที่มา - MIUI Indonesia via Notebookcheck
|
# หลุดภาพ Galaxy Z Fold 2 ความละเอียดต่ำ เพิ่มขนาดจอเล็ก กล้องหน้าเจาะรู
Ice Universe แอคเคาท์ทวิตเตอร์สายข่าวลือ Samsung ที่เคยปล่อยข่าวว่า Galaxy รุ่นปี 2019 จะชื่อ Galaxy S20 มาแล้ว ล่าสุด ปล่อยภาพเรนเดอร์แบบความละเอียดต่ำของ Galaxy Z Fold 2 ให้ได้ชมกัน
Galaxy Z Fold 2 จะอยู่ในไลน์แยก Galaxy Z ของ Samsung ที่จะเป็นไลน์มือถือจอพับได้ เช่น Galaxy Z Flip และ Galaxy Fold รุ่นแรก (ที่บนหน้าเว็บ Samsung US ขายรวมอยู่ในหมวด Galaxy Z) มีหน้าจอด้านนอกที่ใหญ่ขึ้น กล้องหน้าเปลี่ยนจากแบบเว้ากินหน้าจอลงมา เป็นแบบเจาะรูแล้ว และมีสี Striking Bronze หรือสีทองแดง เช่นเดียวกับภาพโปรโมต Galaxy Note 20
Galaxy Z Fold2 จะเป็น 1 ใน 5 รายการอุปกรณ์ ที่ Samsung แถลงว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Galaxy Unpacked วันที่ 5 สิงหาคมนี้ โดยอุปกรณ์อื่น อาจจะประกอบด้วย Galaxy Note 20, Galaxy Note 20 Ultra (ไม่แน่ใจว่าจะนับเป็น 2 ชิ้นหรือไม่) Galaxy Watch 3, Galaxy Buds และหากนับ Galaxy Note 20 ทั้งสองรุ่นเป็นชิ้นเดียว อาจมีแท็บเล็ตแอนดรอยด์รุ่นใหม่ หรือ Galaxy Z Flip เวอร์ชั่น 5G ด้วย
ที่มา - Ars Technica
|
# Diebold Nixdorf แจ้งเตือนแฮกเกอร์เจาะตู้เอทีเอ็มต่อตรงกล่องจ่ายธนบัตรสั่งปล่อยเงินหมดตู้
Diebold Nixdorf ผู้ผลิตตู้เอทีเอ็มรายใหญ่ออกประกาศเตือนลูกค้าถึงการโจมตีถอนเงินออกจากตู้เอทีเอ็ม หรือ Jackpotting ว่ากำลังพบการโจมตีแบบใหม่ที่คนร้ายสามารถส่งคำสั่งตรงเข้าตู้จ่ายธนบัตรเพื่อสั่งจ่ายเงินออกมาได้
การสำรวจความเสียหายพบว่าสาย USB ระหว่างเครื่องพีซีและกล่องจ่ายธนบัตรภายในตู้เอทีเอ็มถูกถอดออก โดยคนร้ายต่อตู้จ่ายธนบัตรเข้ากับพีซีของตัวเอง หรือเรียกว่า Black Box เพื่อสั่งให้กล่องจ่ายธนบัตรออกมาโดยตรง
ทางบริษัทระบุว่า Black Box นั้นเป็นพีซีที่รันซอฟต์แวร์แบบเดียวกับเอทีเอ็มจริงๆ โดยตอนนี้ยังระบุไม่ได้ว่าคนร้ายได้ซอฟต์แวร์ในตู้ไปได้อย่างไร ความเป็นไปได้อย่างหนึ่งคือสำเนาออกไปจากฮาร์ดดิสก์เครื่องเอทีเอ็มที่ไม่ได้เข้ารหัส
คำแนะนำของบริษัทมีตั้งแต่การแพตช์เฟิร์มแวร์ตู้จ่ายธนบัตรและคอนฟิกมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม, เข้ารหัสดิสก์ทั้งหมดป้องกันคนร้ายเข้าถึงรหัสผ่าน, และหมั่นตรวจสอบความปลอดภัยของตู้
ที่มา - ZDNet
ภาพจาก Diebold Nixdorf
|
# บริษัทเทคโนโลยีเริ่มหนีออกจากฮ่องกง, Naver ย้ายข้อมูลผู้ใช้ไปสิงคโปร์
หลังกฎหมายความมั่นคงฮ่องกงมีผลบังคับใช้ส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีต้องสำรวจว่าจะมีผลต่อตลาดอย่างไรบ้าง โดยบริษัทขนาดใหญ่ๆ มักระบุว่ากำลังสำรวจผลกระทบแต่บริษัทท้องถิ่นหรือบริษัทเล็กลงมาก็เริ่มเดินหน้าย้ายออกจากฮ่องกงแล้ว
รายใหญ่ที่สุดคือ Naver จากเกาหลีใต้ที่ก่อนหน้านี้เคยใช้ฮ่องกงเป็นศูนย์ข้อมูลสำรองร่วมกับสิงคโปร์ได้ตัดสินใจย้ายข้อมูลส่วนบุคคลไปสิงคโปร์ แม้ว่าจะยืนยันว่ารัฐบาลฮ่องกงยังไม่เคยขอข้อมูลมายังบริษัท
บริษัทขนาดเล็กกว่านั้นอย่างบริษัทซอฟต์แวร์ Oursky ระบุว่าหากบริษัททำตามกฎหมายฮ่องกงอาจจะกลายเป็นการละเมิดระเบียบในชาติอื่นที่เป็นลูกค้า ทำให้ตอนนี้เตรียมแผนเปิดสำนักงานในลอนดอนและญี่ปุ่นเพิ่มเติม ขณะที่บริษัท Measurable AI ที่ลูกค้ากว่าครึ่งอยู่ในสหัฐฯ ก็เตรียมย้ายธุรกิจบางส่วนไปสิงคโปร์และนิวยอร์ค
ก่อนหน้านี้ Structure Research เคยคาดว่าฮ่องกงจะมีรายได้จากศูนย์ข้อมูลถึงห้าหมื่นล้านบาทในปี 2023
ที่มา - Nikkei Asian Review, Japan Times
ภาพจาก Shutterstock
|
# [ลือ] Ant Financial เตรียมเข้าตลาดหุ้นฮ่องกงด้วยมูลค่าบริษัท 6.2 ล้านล้านบาท
สำนักข่าว Bloomberg อ้างแหล่งข่าวไม่ระบุตัวตนว่า Ant Financial ที่กำลังจะขายหุ้นต่อสาธารณะ (IPO) ในตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้และฮ่องกง หวังว่าจะขายหุ้นที่มูลค่าบริษัทสองแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 6.2 ล้านล้านบาท โดยหากประสบความสำเร็จปริมาณเงินทุนที่ระดมได้อาจจะสูงกว่าเก้าแสนล้านบาทที่ Saudi Aramco ทำได้ก่อนหน้านี้
Ant Financial เป็นบริษัทที่เริ่มมาจากการแยก Alipay ออกมาจาก Alibaba ในปี 2010 เพื่อให้บริการทางการเงินเป็นการทั่วไป และขยายธุรกิจออกไปอีกหลายอย่าง ตั้งแต่การประกันภัย, บริการกู้ยืมเงิน, บริการธนาคาร, การจัดการความมั่งคั่ง, ไปจนถึงแพลตฟอร์มยืนยันตัวตน
การระดมทุนรอบล่าสุดบริษัทระดมทุนที่มูลค่า 150,000 ล้านดอลลาร์
ที่มา - Strait Times
ประตูทางเข้ารถไฟในเสิ่นเจิ้นที่รับจ่ายด้วย Alipay เมื่อปี 2019
|
# สหราชอาณาจักรหันพึ่งญี่ปุ่น หวังใช้อุปกรณ์ 5G จาก NEC, Fujitsu แทน Huawei
หลังรัฐบาลอังกฤษสั่งแบน Huawei และถอดอุปกรณ์ 5G แล้วอย่างเป็นทางการไปแล้ว รัฐบาลก็เริ่มมองหาซัพพลายเออร์ตัวแทนซึ่ง Nikkei รายงานว่าอังกฤษหันไปหารัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งรายหลังก็ตอบรับและอยู่ระหว่างการพูดคุยแล้ว
ซัพพลายเออร์จากญี่ปุ่นที่รัฐบาลอังกฤษหวังจะพึ่งคือ NEC และ Fujitsu ที่มีส่วนแบ่งอุปกรณ์โทรคมนาคมในตลาดโลกไม่ถึง 1% โดยเป้าหมายของรัฐบาลอังกฤษก็เพื่อให้ NEC และ Fujitsu เข้ามาช่วยเร่งให้เกิดการแข่งขันกับ Ericsson และ Nokia (ที่อังกฤษก็ใช้งานอยู่แล้ว) โดยมีเป้าหมายคือลดราคาอุปกรณ์โทรคมนาคมให้ต่ำลง
รัฐบาลญี่ปุ่นเองก็พยายามผลักดันให้ญี่ปุ่นพัฒนาเทคโนโลยีด้านนี้ให้ทัดเทียมหรือพอแข่งขันได้มากขึ้นในตลาดโลก โดยให้เงินสนับสนุนไปแล้วกว่า 7 หมื่นล้านเยน ขณะที่ตัวแทนของ NEC ระบุว่าเริ่มพูดคุยกับตัวแทนจากอังกฤษแล้ว
ที่มา - Nikkei Asian Review
|
# Rocket Arena เกมชูตติ้งใหม่ราคา 30 เหรียญของ EA ในยุคที่เกม Free to Play เต็มตลาด
Rocket Arena (ไม่เกี่ยวกับ Rocket League) เกมยิงแนว arena shooter ใหม่ของ EA ที่เน้นอาวุธประเภทปืนยิงจรวด และเกมการเล่นแบบ 3v3 ออกวางจำหน่ายด้วยราคาเริ่มต้น 30 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 950 บาท) และยังมีสกินและของตกแต่งต่างๆ ขายในเกมเช่นเคย ตามสไตล์ EA แม้ของตกแต่งส่วนใหญ่จะสามารถใช้เงินในเกมซื้อได้ แต่การที่ EA ยังเก็บเงิน 30 เหรียญเป็นค่าแรกเข้า ในช่วงที่ตลาดมีทั้งเกม Fortnite, Apex Legends และ Hyper Scape ที่เป็นเกมฟรีอยู่เต็มไปหมด ก็ดูจะเป็นการตัดสินใจที่แปลกประหลาด
Rocket Arena เป็นเกมที่มีภาพแนวการ์ตูน คล้ายคลึงกับ Fortnite แต่จะเน้นการต่อสู้ในพื้นที่จำกัดแบบ 3v3 โดยมีโหมดเดิมๆ ของเกมยิง เช่น Deathmatch ฆ่ากันตามปกติ, โหมด King of The Hill ยึดพื้นที่, โหมด Rocketball พาบอลไปเข้าประตูฝ่ายตรงข้าม และโหมด Treasure Hunt ที่ต้องยึดหีบสมบัติสลับกับวิ่งเก็บเหรียญในแผนที่ ระบบต่อสู้เน้นการทำแดเมจ การเก็บไอเท็มเพิ่มพลัง และการยิงให้กระเด็นตกแผนที่เป็นหลัก โดยสามารถทำ Rocket Jump ยิงตัวเองให้กระเด็น โดยไม่มีเสียพลังชีวิตได้ แต่ความเร็วก็ไม่ต่างจากการกระโดดสามต่อตามปกติในเกม
เกมมีตัวละครให้เลือก 10 ตัว ที่มีอาวุธเป็นปืนยิงจรวดและความสามารถต่างกัน โดยตัวละครบางตัวก็เหมาะสำหรับแค่บางโหมด เช่นตัวละคร Plink ที่ทำแดเมจได้เยอะ แต่ขาดความสามารถในการเคลื่อนที่ อาจไม่เหมาะสำหรับโหมด Rocketball ซึ่งในเกมยิง Hero Shooter อื่นๆ ตัวละครในทีม อาจทำหน้าที่แตกต่างกัน แต่ต้องรวมพลังกันแบบเป็นทีม แต่เกมเพลย์ของ Rocket Arena เน้นการทำแดเมจและเก็บไอเท็มเพิ่มพลังของตัวเองเป็นหลัก ตัวละครที่แตกต่างกันแบบไม่สมดุล อาจจะไม่เวิร์คนัก
Rocket Arena อาจเป็นเกมที่เล่นกับเพื่อนได้เพลินๆ แต่การเก็บค่าแรกเข้า 30 เหรียญ แถมยังไม่รวมอยู่ในระบบจ่ายรายเดือน EA Access อาจหาเพื่อนมาเล่นได้ยาก แถมในเกมยังไม่มีการชี้จุดบอกตำแหน่ง (ping) หรือพิมพ์แชท โดยต้องใช้การคุยเสียงผ่านไมค์เพื่อสื่อสารเท่านั้น ทำให้การเล่นกับคนแปลกหน้าทำได้ยากยิ่งขึ้น คงต้องติดตามกันต่อไปว่าเกมนี้จะประสบความสำเร็จแค่ไหน ส่วนใครที่อยากลองซื้อมาเล่น ตัวเกมก็มีทั้งเวอร์ชั่น PC (Origin), PS4 และ Xbox One
ที่มา - Ars Technica
|
# ไมโครซอฟท์ถูกฟ้องกลุ่ม ฐานเอาข้อมูลลูกค้าธุรกิจ Office 365 ไปให้เฟซบุ๊กและพาร์ทเนอร์
ไมโครซอฟท์ถูกยื่นฟ้องแบบกลุ่มในศาลแขวงซานฟรานซิสโก ฐานแอบเอาข้อมูลลูกค้า Office 365 Business ไปให้เฟซบุ๊ก, พาร์ทเนอร์และซับคอนแทรคเตอร์ ซึ่งผิดจากสัญญาที่ให้ไว้ว่ารักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่ให้ไว้
เอกสารคำร้องระบุว่า ไมโครซอฟท์สัญญาว่าจะมอบข้อมูลให้ซับคอนแทรคเตอร์เฉพาะเท่าที่จำเป็น และสัญญาว่าจะไม่แบ่งปันข้อมูลให้กับบริษัทอื่น (3rd-party) แต่ในความเป็นจริงคือไมโครซอฟท์แบ่งปันข้อมูลลูกค้าให้กับซับคอนแทรคเตอร์แม้ตอนที่ไม่มีความจำเป็น รวมถึงให้กับเฟซบุ๊กและบริษัทอื่น ๆ อยู่เรื่อย ๆ แม้ลูกค้าจะไม่ยินยอมก็ตาม
ความผิดที่ไมโครซอฟท์ถูกฟ้องคือละเมิดกฎหมายดังฟัง (Wiretap Act), กฎหมายว่าด้วยการเก็บข้อมูลการสื่อสาร (Stored Communications Act - SCA) และกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของรัฐวอชิงตัน (ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ไมโครซอฟท์)
โฆษกไมโครซอฟท์ยืนยันว่า บริษัทมีประวัติเรื่องความโปร่งใสและการรักษาความเป็นส่วนตัวที่เข้มแข็ง และบริษัทมั่นใจว่าการใช้ข้อมูลลูกค้าของไมโครซอฟท์ เป็นไปตามข้อตกลงและสัญญาที่ให้ไว้
ที่มา - The Register
|
# บริษัทวิจัยชี้ ตลาดมือถือ Q2 ยังแย่ แต่เริ่มฟื้น, iPhone SE ดึงผู้ใช้แอนดรอยด์ได้
Counterpoint Research เปิดรายงานวิจัยตลาดมือถือในไตรมาสที่สองของปี 2020 พบว่ายอดขายโดยรวมของมือถือรวมสามเดือนยังไม่เท่าปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกสัปดาห์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และกลับมาชนะปีก่อนได้ในเดือนมิถุนายน แสดงสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดมือถือ โดย Apple ยังได้รับผลกระทบอยู่ แต่มี iPhone SE ช่วยดึงยอดขายไว้ตลอดไตรมาส
เมื่อเทียบกับ Q2 ปีที่แล้ว Samsung มียอดขายลดลงน้อยสุด ที่ 10% รองลงมาเป็น Alcatel (แบรนด์มือถือของ Nokia และ TCL) ลดลง 11% ส่วน Apple ลดลง 23% โดยมี iPhone SE เป็นพระเอกที่ยอดขายเพิ่มขึ้นตลอดไตรมาส และแม้ผู้ใช้ 30% จะเปลี่ยนมาจาก iPhone รุ่นเก่า ที่มีอายุ 4 ปีขึ้นไป เช่น iPhone 6S แต่ก็มีผู้ใช้กว่า 26% ย้ายค่ายมาจาก Android เช่นกัน และผู้ที่ซื้อ iPhone SE จะไม่แย่งส่วนแบ่งตลาดกับ iPhone 12 ช่วงปลายปีอีกด้วย เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าคนละส่วน ที่เน้นเรื่องราคา ไม่ได้ต้องการ 5G และไม่ติดเรื่องหน้าจอที่เล็กกว่า
ส่วน Samsung ถึงจะยอดขายลดลงน้อยที่สุด แต่ Counterpoint ก็ชี้ว่า ยอดขายตระกูล Galaxy S20 ช่วงเปิดตัว ทำได้ไม่ดีนัก โดยช่วงสี่เดือนแรกที่วางขาย ทำยอดขายได้น้อยกว่าตระกูล Galaxy S10 ในช่วงเดียวกันถึง 38% แม้ยอดขายบางส่วนอาจเพิ่มขึ้นได้ใน Q3 แต่ก็จะสูญเสียโอกาสทำยอดขายไปพอสมควร (เนื่องจาก COVID-19)
ส่วนค่ายอื่นๆ LG ยอดขายลดลง 35%, OnePlus 60%, Motorola 62% และ ZTE โดนหนักสุด ที่ 68%
ที่มา - 9to5Mac
|
# [ลือ] Windows 10 จะลดเหลืออัพเดตปีละครั้ง, ออกสลับกับ Windows 10X
นอกจากข่าวลือ Windows 10X จะไม่รองรับแอพ Win32 จากเว็บไซต์ Windows Central ยังมีข่าวลือเรื่องกำหนดการออก Windows 10/10X ในอนาคตจาก ZDNet ที่เกี่ยวโยงกัน
ZDNet รายงานว่า ไมโครซอฟท์จะออก Windows 10X สำหรับอุปกรณ์จอเดี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ 2021 และจะออกเวอร์ชันสำหรับอุปกรณ์จอคู่ในฤดูใบไม้ผลิ 2022 โดยช่วงแรกจะเน้นตลาดองค์กรและตลาดการศึกษาเป็นหลัก (กลุ่มเดียวกับ Chrome OS ในปัจจุบัน)
ข้อมูลนี้ค่อนข้างตรงกับข่าวของ Windows Central ที่บอกว่าไมโครซอฟท์พัฒนาเทคโนโลยี VAIL สำหรับรัน Win32 ในคอนเทนเนอร์ไม่ทัน และจะออกตามมาในภายหลังเมื่อ Windows 10X รองรับอุปกรณ์จอคู่แล้ว
Start Menu แบบใหม่ ที่อาจได้ใช้กันปลายปี 2021 โน่นเลย
นอกจากนี้ ZDNet ยังให้ข้อมูลว่ามีโอกาสที่ Windows 10 รุ่นปกติจะเปลี่ยนรอบการอัพเดต จากปีละ 2 ครั้งในปัจจุบัน ลดเหลือปีละ 1 ครั้ง ด้วยเหตุผลว่าไมโครซอฟท์ต้องการโยกทรัพยากรไปทำ Windows 10X
หากทั้งสองข่าวนี้เป็นจริง เท่ากับว่าเราจะได้เห็นแผนใหม่ของไมโครซอฟท์คือ ครึ่งปีแรก (H1) ไมโครซอฟท์จะออก Windows 10X และครึ่งปีหลัง (H2) ไมโครซอฟท์จะออก Windows 10 รุ่นปกติ
เราสามารถสรุปแผนการของไมโครซอฟท์ได้ดังนี้
ปลายปี 2020: ออก Windows 10 20H2 ซึ่งเป็นอัพเดตเล็กไม่เน้นฟีเจอร์ในช่วงปลายปีนี้
ต้นปี 2021: Windows 10X ออกครั้งแรก รอบต้นปี (21H1)
ปลายปี 2021: Windows 10 อัพเดตตัวหน้า (21H2)
ต้นปี 2022: Windows 10X เวอร์ชันจอคู่ (22H1)
ที่มา - ZDNet
|
# [ข่าวลือ] Windows 10X จะไม่รองรับแอพ Win32 ใช้วิธีสตรีมผ่านคลาวด์แทน
ปีที่แล้ว ไมโครซอฟท์เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows 10X ที่ใช้กับแท็บเล็ตจอคู่ Surface Neo โดยเน้นความเป็นระบบปฏิบัติการขนาดเบา ประหยัดแบตเตอรี่ ดูแลรักษาง่าย และรองรับเฉพาะแอพแบบ UWP เท่านั้น โดยรันแอพ Win32 แบบดั้งเดิมในคอนเทนเนอร์แทน มีกำหนดออกช่วงปลายปี 2020
อย่างไรก็ตาม เดือนพฤษภาคมปีนี้ Surface Neo ประกาศเลื่อนไม่มีกำหนด และ Windows 10X ปรับโฟกัสมาเน้นอุปกรณ์จอเดียวไปก่อน จากนั้นข่าวของ Windows 10X ก็เงียบหายไปหลายเดือน
ล่าสุดเว็บไซต์ Windows Central รายงานข่าวลือว่า ไมโครซอฟท์จะตัดฟีเจอร์ Win32 ออกจาก Windows 10X อีกทอดหนึ่งด้วย เหตุเพราะเทคโนโลยีคอนเทนเนอร์ (มีชื่อเรียกว่า VAIL) มีประสิทธิภาพและการใช้พลังงานไม่ดีพอตามที่คาดไว้ตอนแรก
อีกปัจจัยที่มีผลคือ เดิมทีไมโครซอฟท์วางกลุ่มลูกค้าของ Windows 10X เป็นแท็บเล็ตสองจอแบบพรีเมียม มีพลังประมวลผลสูง แต่พอต้องปรับโฟกัส Windows 10X มาเป็นอุปกรณ์หน้าจอเดียว ทำให้มันกลายมาเป็นคู่แข่งของ Chrome OS ที่เป็นอุปกรณ์ราคาถูกแทน พอตลาดเปลี่ยน ฮาร์ดแวร์มีสมรรถนะน้อยลงจากเดิม จึงไม่เหมาะกับฟีเจอร์ VAIL สักเท่าไรนัก ทำให้ Windows 10X จะเน้นการใช้แอพที่เป็น Web/UWP เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การไม่ซัพพอร์ตแอพ Win32 ที่เป็นจุดแข็งของวินโดวส์มายาวนาน อาจซ้ำรอยความล้มเหลวในอดีตอย่าง Surface RT, Windows 10S หรือ Surface Pro X ได้ ไมโครซอฟท์จึงหาทางแก้ด้วยเทคนิคการสตรีมแอพ Win32 ผ่านคลาวด์แทน ลักษณะเดียวกับบริการ Windows Virtual Desktop ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ การที่ไมโครซอฟท์ถอด VAIL ออกไป ทำให้ Windows 10X ไม่จำเป็นต้องอิงกับสถาปัตยกรรม x86 ในการรัน virtualization เราจึงมีโอกาสเห็น Windows 10X บนอุปกรณ์ตระกูล ARM ด้วยเช่นกัน
แหล่งข่าวของ Windows Central ยังบอกว่าฟีเจอร์ VAIL ยังจะตามมาในอนาคตระยะยาว เมื่อไมโครซอฟท์สามารถพัฒนาอุปกรณ์จอคู่แบบ Surface Neo ได้เสร็จตามแผน ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นหลังปี 2021
ที่มา - Windows Central
|
# SoftBank ตั้งราคาขาย Treasure Data ธุรกิจ IoT ที่ดึงมาจาก ARM 1 พันล้านเหรียญ
ต้นเดือนมีรายงานว่า SoftBank บริษัทแม่ ARM ดึงเอาธุรกิจฝั่ง IoT 2 ธุรกิจจาก ARM คือ IoT Platform และ Trasure Data มาอยู่ใต้บริษัทตั้งใหม่
ล่าสุด Bloomberg รายงานอ้างอิงคนวงในว่า SoftBank ได้ว่าจ้าง Golman Sachs มาช่วยดูแลการขายธุรกิจ Trasure Data พร้อมปักป้ายราคาที่ราว 1 พันล้านเหรียญ ซึ่งสูงกว่าที่ ARM ซื้อมาที่ 600 ล้านเหรียญเมื่อปี 2018 อย่างไรก็ตามแผนการนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
ปัญหาของ SoftBank ช่วงนี้คือเงินสดขาดมือหลังผลประกอบการรายปีขาดทุนเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี ส่วนหนึ่งจาก COVID และการขาดทุนจากบริษัทที่ลงทุนอย่าง Uber, Slack และที่หนักที่สุดคือการขาดทุนในกองทุน Vision Fund จากการลงทุนมหาศาลใน WeWork ทำให้ SoftBank พยายามลดหนี้และเพิ่มเงินสดในมือให้ได้มากที่สุด
ที่มา - Bloomberg
|
# สตูดิโอบอก Spider Man: Miles Morales จะมี Performance Mode รัน 4K 60FPS
เรื่องประสิทธิภาพของการรันเกมฝั่ง PlayStation 5 ไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก ว่าสามารถรันเกมได้สูงสุดที่ 4K 60FPS ได้หรือไม่ ล่าสุด Insomniac Games โพสต์ทวิตเตอร์ว่า Spider Man: Miles Morales จะมีโหมด Performance ที่สามารถรันเกมที่ 4K 60FPS ได้
อย่างไรก็ตามคาดว่าตัวเกมน่าจะต้องปิดการแสดงผลที่ไม่จำเป็นอื่น ๆ อย่าง Ray Tracing ลงไปเพื่อเอาศักยภาพจีพียูมาใช้เรนเดอร์ด้านนี้แทน ขณะเดียวกันก็เป็นไปได้ว่าอย่างน้อย ๆ เกมเอ็กคลูซีฟของโซนี่ก็น่าจะทำได้ที่ 4K 60FPS เช่นกัน
ที่มา - @insomniacgames
|
# Facebook แบน Group ต้านการใส่หน้ากากอนามัย มีสมาชิกถึงกว่า 9,600 ราย
Facebook แบน Group Unmasking America ซึ่งเป็นกลุ่มต้านการใส่หน้ากากอนามัยด้วยเหตุผลว่าเป็นการเผยแพร่ข้อมูลปลอม โดยกลุ่มดังกล่าวมีสมาชิกถึงกว่า 9,600 ราย
กลุ่ม Unmasking America ได้อธิบายการมีอยู่ของกลุ่มว่า เผยความจริงเกี่ยวกับหน้ากาก ไม่ว่าจะเป็นขัดขวางการไหลเวียนของออกซิเจน, เป็นเครื่องมือในการปราบปรามและข่มเหงประชาชน และเมื่อใส่หน้ากากเท่ากับเป็นการมองว่ามนุษย์ทุกคนเป็นอันตราย เป็นต้น
อย่างไรก็ตามยังมีกลุ่มแบบนี้อีกหลายกลุ่ม และส่วนใหญ่ใช้คำว่า Unmask แสดงออกชัดเจนถึงความพยายามต่อต้านการใส่หน้ากากอนามัย โดยแนวทางของทุกกลุ่มเป็นแบบเดียวกันคือพยายามเผยแพร่ข้อมูลที่ขัดแข้งกับข้อมูลทางการจาก CDC บางกลุ่มมีสมาชิกถึงกว่า 7,000 ราย
ที่มา - The Verge
|
# Debian 9 "stretch" ออกเวอร์ชันสุดท้าย 9.13 ก่อนเข้าสถานะ LTS
ปัจจุบันโครงการ Debian มีนโยบายออกรุ่นใหญ่ (stable) ทุก 2 ปี หลังจากตกรุ่นแล้วจะเข้าสถานะ oldstable (ยังออกรุ่นย่อยที่อัพเดตแพตช์ความปลอดภัย) นาน 1 ปี แล้วจะเข้าสถานะ LTS ต่ออีก 2 ปีก่อนหมดอายุซัพพอร์ต
ล่าสุดโครงการ Debian ออก Debian 9.13 "stretch" ซึ่งเป็นเวอร์ชันย่อยสุดท้ายของ Debian 9 ที่เป็น oldstable
หลังจากนี้ Debian 9 จะเข้าสถานะ LTS (แทน Debian 8 ที่เพิ่งหมดอายุไป) โดยไม่ออกเวอร์ชันย่อยใหม่อีกแล้ว แต่อาจยังได้แพตช์ความปลอดภัยของบางแพ็กเกจ ไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2022
ทาง Debian แนะนำให้ผู้ที่อยากได้แพตช์สม่ำเสมอ อัพเกรดเป็น Debian 10 "Buster" ที่ออกเมื่อกลางปี 2019 ส่วนรุ่นเสถียรตัวถัดไป Debian 11 "Bullseye" จะออกช่วงกลางปี 2021
ที่มา - Debian
|
# Marc Levoy อดีตผู้นำพัฒนากล้องมือถือ Pixel ได้งานใหม่ที่ Adobe คาดเป็นงานพัฒนาแอปกล้อง
Marc Levoy อดีตวิศวกรพัฒนากล้องมือถือ Pixel ของกูเกิล ผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยีกล้องใน Pixel เช่น HDR+, Portrait Mode และ Night Sight ได้งานใหม่ที่ Adobe ซึ่งจากอีเมลบริษัทระบุว่าเป็นงานพัฒนาฟีเจอร์แอปพลิเคชั่นกล้องมือถือ แต่ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอปดังกล่าว
Marc Levoy ลาออกจากกูเกิลในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และเป็นหนึ่งในทีมพัฒนากล้อง Pixel ที่ลาออกหลายรายก่อนหน้านี้ เนื่องจากประสิทธิภาพยอดขาย Pixel 4 ไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไร
แม้จะยังไม่มความชัดเจนว่า Levoy จะมาเสริมทัพพัฒนาแอปกล้องของ Adobe ตัวไหน ซึ่งเขาอาจเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาต่อยอดแอปมือถือ Photoshop Camera แต่งรูปสไตล์ Pop Art ที่ Adobe เพิ่งเปิดตัวมาก็เป็นได้
Marc Levoy บนเวทีเปิดตัว Pixel 4
ที่มา - Android Police
|
# ไมโครซอฟท์ประกาศย้ายเซิร์ฟเวอร์ Minecraft จาก AWS มาสู่ Azure
ไมโครซอฟท์ซื้อกิจการ Minecraft มาตั้งแต่ปี 2014 แต่ยังคงปล่อยให้ Minecraft ใช้เทคโนโลยีที่ไม่ใช่ของไมโครซอฟท์มายาวนาน ทั้งโปรแกรมเวอร์ชัน Java และรันบนคลาวด์ AWS (ภายหลัง Minecraft ออกเวอร์ชัน C++ ที่เรียกว่า Bedrock Edition มาเพิ่มเติม แต่เวอร์ชัน Java ก็ยังอยู่)
ล่าสุดไมโครซอฟท์ประกาศย้ายเซิร์ฟเวอร์ของ Minecraft จาก AWS มาเป็น Azure แล้ว โดยให้ข้อมูลสั้นๆ แค่ว่าทยอยย้ายระบบมาสู่ Azure เป็นเวลาหลายปีแล้ว และจะย้ายเสร็จสิ้นภายในปีนี้
ก่อนหน้านี้มีกรณีคล้ายๆ กันคือ LinkedIn ที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 2016 ก็ทยอยย้ายมา Azure เสร็จในปี 2019
ที่มา - CNBC
|
# IBM รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/2020
ไอบีเอ็มรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2020 รายได้รวม 18,123 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน หรือลดลง 1.9% หากปรับปรุงรายการจากอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,361 ล้านดอลลาร์
กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคลาวด์ยังมีทิศทางเติบโตสูง รายได้เฉพาะกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นถึง 30% เป็น 6,300 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้จาก Red Hat เพิ่มขึ้น 17%
Arvind Krishna ซีอีโอไอบีเอ็มกล่าวว่า ลูกค้าของเราเห็นคุณค่าของแพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์จากไอบีเอ็ม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแบบเปิด และเข้ามามีบทบาทสูงในช่วงเวลาที่ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงสูงตอนนี้
ที่มา: ไอบีเอ็ม
|
# Ford จับมือ Mobileye นำเทคโนโลยีช่วยขับขี่มาใช้งาน เริ่มในกระบะ F-150 รุ่นหน้า
Ford ประกาศความร่วมมือกับ Mobileye บริษัทเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ (สถานะคือเป็นบริษัทลูกของอินเทลมาตั้งแต่ปี 2017) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสนับสนุนการขับขี่ (driver-assistance) ร่วมกัน
ภายใต้ข้อตกลงนี้ Mobileye จะนำเทคโนโลยีของตัวเองชื่อ EyeQ (ประกอบด้วยชิป SoC และซอฟต์แวร์ประมวลผลภาพ) มาใช้กับระบบช่วยขับขี่ Ford Co-Pilot360 โดยถือเป็นระบบช่วยขับขี่ระดับ 1 และ 2 ตามนิยาม advanced driver assistance systems (ADAS) อย่างการเบรกอัตโนมัติ คุมพวงมาลัย การรักษาเลน เป็นต้น
นอกจากนี้ Ford ยังจะแสดงโลโก้ของ Mobileye ตามจุดต่างๆ อย่างในหน้าจอ Ford Sync โดยรถยนต์ที่จะใช้งานระบบนี้เริ่มจากรถกระบะ F-150 และ Mustang Mach-E รุ่นหน้า
ที่มา - Ford, Intel
|
# Shin Megami Tensei V ประกาศวางขายปี 2021, รีมาสเตอร์ภาค III ลง Switch/PS4
ค่าย Atlus ประกาศข่าวคราวของเกม Shin Megami Tensei V ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2017 ว่าจะลง Nintendo Switch แล้วเงียบหายไปนาน ว่ามีกำหนดขายในปี 2021 โดยยังไม่ระบุช่วงเวลา
Shin Megami Tensei V ถือเป็นภาคหลักของซีรีส์ Megami Tensei จึงได้รับการจับตาอย่างมาก (แม้ช่วงหลังซีรีส์ย่อย Persona อาจได้รับความนิยมมากกว่า เพราะออกบ่อยกว่า) โดยเกมภาคก่อนหน้านี้คือ Shin Megami Tensei IV ออกขายตั้งแต่ปี 2013 บนเครื่อง Nintendo DS
Atlus ยังโชว์เทรลเลอร์ใหม่ของเกม ที่แสดงให้เห็นตัวละครหลักในโตเกียวยุคปัจจุบัน
ในโอกาสเดียวกัน Atlus ยังประกาศรีมาสเตอร์ Shin Megami Tensei III Nocturne HD Remaster ที่ออกในปี 2003 บน PS2 โดยมีกำหนดวางขายช่วงฤดูใบไม้ผลิ 2021 ลงเครื่อง Switch และ PS4
ที่มา - Kotaku
|
# มูลค่าประเมินก่อน IPO ของ Kakao Games พุ่งไปถึง 2.8 ล้านล้านวอน เพราะ COVID-19
มูลค่าก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ Kakao Games บริษัทลูกในฝั่งเกม ของ Kakao Corporation เจ้าของแอปแชทชื่อดังในเกาหลี พุ่งขึ้นถึง 2.8 ล้านล้านวอนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังยื่น IPO รอบสอง เมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่มูลค่า 1.7 ล้านล้านวอน โดยก่อนหน้านี้เคยยกเลิกแผน IPO ไปแล้วรอบหนึ่งในปี 2018 เพราะความล่าช้าในกระบวนการการตรวจสอบโดยสมาคมผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแห่งประเทศเกาหลี
ปีที่แล้ว บริษัททำรายได้สูงสุด ที่ 390.1 พันล้านวอน มีกำไรจากการดำเนินงาน 35 พันล้านวอน และกำไรสุทธิที่ 88.6 พันล้านวอน และหุ้นของบริษัทกระโดดจาก 17,500 วอน เมื่อ 2 มกราคม ขึ้นมาเป็น 50,500 วอนเมื่อวันศุกร์โดย Kakao Games แถลงว่า สาเหตุมาจาก “ความคาดหวังของตลาด ต่อธุรกิจที่ไม่ต้องมีการพบปะของผู้คน หลังเกิดการระบาดของโรค COVID-19”
ตลาดเกม ดูจะเป็นตลาดหนึ่ง ที่ได้รับผลกระทบในทางบวกจากการระบาดของโรค COVID-19 โดยล่าสุด ยอดใช้จ่ายต่อสินค้าประเภทเกมในสหรัฐอเมริกา เดือนมิถุนายน 2020 ก็ทำสถิติพุ่งสูงที่สุดในรอบ 10 ปี และยิ่งส่งผลดีต่อธุรกิจเกมของเกาหลี ที่ทำรายได้ทะลุสองแสนล้านบาท เมื่อปีที่ผ่านมา
ที่มา - The Korea Herald
|
# ซูเปอร์มาร์เก็ตออสเตรเลียเปิดบริการแชตกับลูกค้าผ่าน Google Search และ Maps
Woolworths ซูเปอร์มาร์เก็ตออสเตรเลียรายใหญ่เชื่อมบริการแชตกับลูกค้าผ่านทาง Google Search และ Google Maps หลังกูเกิลขยายบริการ Business Messages ไปเมื่อเดือนที่แล้ว โดยเปิดรับธุรกิจทุกประเภทรวมถึงบริการภาครัฐ
ตัว Woolworths เองมีแชตบอตของตัวเองที่ชื่อว่า Olive สำหรับให้บริการสอบถามข้อมูล ตำแหน่งของสินค้าในร้านค้า, ปริมาณสินค้าในสต็อก, ช่วงเวลาเปิดปิด, ไปจนถึงมาตรการเกี่ยวกับ COVID-19
อีกสองบริการที่ระบุว่ากำลังทดสอบ Business Messages อยู่คือห้าง Walmart ที่ให้บริการคล้ายกับ Woolworths และบริการ MyGov ของรัฐบาลอินเดีย ที่จะให้บริการสอบถามข้อมูลความช่วยเหลือ COVID-19 ไปจนถึงบอกตำแหน่งของจุดแจกอาหารและที่พักทั่วอินเดีย
ที่มา - ITNews
|
# Netflix หันมาเปิดบริการคลาวด์สำหรับเรนเดอร์กราฟิก เปิดให้พันธมิตรใช้ทำหนังป้อนแพลตฟอร์ม
Netflix ประกาศเปิดบริการ NetFX บริการเดสก์ทอปบนคลาวด์ (Desktop-as-a-Service - DaaS) เพื่อการสร้างสรรค์งานกราฟิกบนภาพยนตร์โดยเฉพาะ โดยแพลตฟอร์มนี้จะเป็นตัวเชื่อมผู้ผลิตซอฟต์แวร์ต่างๆ, ศิลปินทำกราฟิก, และผู้สร้างคอนเทนต์ให้ทำงานร่วมกันผ่านคลาวด์
แม้ Netflix จะเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ทำเงินจากผู้ชมเป็นหลักแต่ที่ผ่านมาบริษัทก็พยายามปรับปรุงกระบวนการทำงานของผู้สร้างคอนเทนต์ไปพร้อมกัน เช่น การสร้างเครื่องมือจัดการกองถ่าย Prodicle (ที่เพิ่งเลิกทำแบบ PWA ไปปีที่แล้ว) ตัว NetFX เองจะทำให้ศิลปินที่ทำงานกราฟิกสามารถเข้ามาทำงานกับข้อมูลที่อยู่บนคลาวด์ผ่านทางหน้าจอเสมือนได้ โดย Netflix ระบุว่าความสามารถเช่นนี้สำคัญมากในช่วง COVID-19 นี้
การเช่าใช้เครื่องเวิร์คสเตชั่นสำหรับงานกราฟิกบนคลาวด์ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะ AWS เองก็มีบริการ Amazon WorkSpaces ที่มีเครื่อง GraphicsPro ให้เช่าใช้เดือนละ 999 ดอลลาร์มานานแล้ว การที่ Netflix ลงมาให้บริการเองเช่นนี้ก็น่าจะทำให้สามารถจัดหาเครื่องมือได้ตรงกับมาตรฐานการผลิตของบริษัทยิ่งขึ้น โดยเมื่อต้นเดือนบริษัทก็เพิ่งประกาศแนวทาง Studio Engineering เพื่อการสร้างเครื่องมือทางเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยกระบวนการผลิตตั้งแต่การเสนอโครงการไปจนถึงการขั้นทำ post-production
ที่มา - Netflix Tech Blog, The Register
|
# [ลือ] TSMC จะเริ่มกระบวนการผลิต 3nm ปีหน้า ก่อนผลิตแบบแมสปี 2022
ขณะที่ TSMC กำลังอยู่ระหว่างการขยายการผลิตชิปขนาด 5 นาโนเมตร ล่าสุดมีข่าวลือว่า TSMC ที่กำลังเดินหน้ากระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร มีแผนจะเริ่มทดสอบและผลิตจริงแบบมีความเสี่ยง (risk production) ในปีหน้าแล้ว และเริ่มผลิตแบบแมสในปี 2022 ซึ่งก็เป็นไปตามแผนที่ออกมาก่อนหน้านี้
TSMC ระบุว่ากระบวนการผลิตแบบ 3 นาโนเมตรจะมีความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์มากกว่า 5 นาโนเมตรที่ 15%, ประสิทธิภาพดีขึ้น 10-15% และใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น 20-25%
ที่มา - mydriver via Apple Insider
|
# [ลือ] Google เตรียมปล่อย Nearby Share ฟีเจอร์ AirDrop ฉบับ Android ตัวจริงเดือนสิงหาคมนี้
Mishaal Rahman บรรณาธิการเว็บไซต์ XDA-Developers เผยว่า Nearby Share ฟีเจอร์แชร์ไฟล์ระหว่างมือถือ Android คล้าย AirDrop ที่ทดสอบเบต้าไปเมื่อต้นเดือน กำลังจะปล่อยให้ใช้งานจริงในเดือนสิงหาคมนี้ โดยจะรองรับมือถือที่รัน Android ตั้งแต่เวอร์ชั่น 6.0 Marshmallow ขึ้นไป
ที่มา - Twitter
|
# รายงานเผย ยอดใช้จ่ายสินค้าประเภทเกมในสหรัฐ ช่วงครึ่งปีแรกของ 2020 สูงสุดในรอบ 10 ปี
NPD บริษัทวิจัยตลาดชั้นนำ รายงานว่า ยอดใช้จ่ายกับสินค้าฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ อุปกรณ์เสริมและการ์ดเกม ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ก็พุ่งสูงถึง 6.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึง 19% จากปีที่แล้ว และสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2010 นอกจากนี้เฉพาะเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยอดใช้จ่ายสินค้าประเภทเกมในสหรัฐ พุ่งถึง 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากที่สุดในช่วงเดือนเดียวกันนับตั้งแต่ปี 2009 และมากกว่าเดือนมิถุนายนปีที่แล้วถึง 26%
ปัจจัยหลักมาจากการจำหน่ายเกม The Last of Us Part 2, Animal Crossing: New Horizons และ Call of Duty Modern Warfare ซึ่งNPD รายงานด้วยว่า Animal Crossing: New Horizons เป็นเกมที่ขายดีที่สุดในเดือนมิถุนายน และเกม Ring Fit Adventure ก็กระโดดจากเกมขายดีอันดับ 835 ในเดือนพฤษภาคม มาเป็นอันดับ 7 ในเดือนมิถุนายนอีกด้วย (ผู้เขียนคิดว่าน่าจะมาจากการที่อุปกรณ์เสริมเริ่มกลับมามีในสต๊อกแล้ว)
ส่วนยอดขายฮาร์ดแวร์ลดลงเล็กน้อย Nintendo Switch เป็นเครื่องเกมที่ขายดีที่สุด ส่วนอุปกรณ์เสริม จอย Xbox Elite Series 2 เป็นอุปกรณ์เสริมที่ขายดีที่สุด
ปัจจัยหลักๆ คือการระบาดของโรค COVID-19 ที่ทำให้คนโหยหาความบันเทิงภายในบ้านกันมากขึ้น โดย ก่อนหน้านี้ Sony ได้เตรียมเพิ่มกำลังการผลิต PS5 เพราะคาดการณ์ว่าดีมานด์จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ที่มา - Engadget
|
# [WSJ] รายใหญ่ขยับแล้ว ดิสนีย์ร่วมบอยคอต Facebook
รายใหญ่ขยับเมื่อ Wall Street Journal รายงานโดยอ้างอิงบุคคลผู้อยู่ใกล้ชิดกับสถานการณ์ว่า ดิสนีย์เข้าร่วมขบวนการบอยคอต ไม่ซื้อโฆษณาลง Facebook จากปัญหา Hate Speech
ข้อมูลจากสำนักวิจัย Pathmatics Inc. ระบุว่า ดิสนีย์เป็นบริษัทที่ลงทุนซื้อโฆษณาใน Facebook เป็นอันดับต้นๆ ในสหรัฐฯ โดยครึ่งปีแรกของปีนี้ ดิสนีย์ใช้เงินทุ่มโฆษณาโปรโมท Disney+บน Facebook ไป 210 ล้านดอลลาร์ และในปี 2019 ดิสนีย์เป็นผู้ลงทุนโฆษณาบน Facebook มากเป็นอันดับ 2 ในสหรัฐฯ รองจาก Home Depot Inc.
WSJ รายงานด้วยว่า ดิสนีย์ยังหยุดโปรโมท Disney+ และ Hulu บน Facebook, Instagram ซึ่งดิสนีย์ไม่ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการเหมือนบริษัทอื่นๆ ที่ร่วมบอยคอต และไม่ระบุระยะเวลาว่าการบอยคอตจะสิ้นสุดถึงเมื่อไร
ก่อนหน้านี้ผู้บริหาร Facebook หลายรายรวมถึงมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก เข้าเจรจากับกลุ่มแกนนำแคมเปญบอยคอต Facebook ทางวิดีโอคอล ผลปรากฏว่าทางกลุ่มบอยคอตยังคงไม่พอใจกับท่าทีของบริษัท และหลังจากนั้น Facebook ก็ออกรายงาน Civil Rights Audit หรือผลการตรวจสอบจากหน่วยงานภายนอกครอบคลุมนโยบายสำคัญของ Facebook เช่น สิทธิพลเมือง, ความเป็นส่วนตัว, ความโน้มเอียงของอัลกอริทึม, Free Speech & Hate Speech ซึ่งก็พบว่ายังมีปัญหาใหญ่คือให้ความสำคัญกับ Free Speech มากกว่า Hate Speech
ภาพจาก ดิสนีย์
ที่มา - WSJ
|
# [ไม่ยืนยัน] ญี่ปุ่นเล็งดึง TSMC หรือผู้ผลิตชิปอื่นมาร่วมลงทุนตั้งโรงงานในประเทศ
รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจระยะยาว กำลังมีแผนจะดึงผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกอย่าง TSMC หรืออาจจะเป็นบริษัทอื่น มาร่วมลงทุนและตั้งโรงงานในญี่ปุ่น เพื่อหวังว่าจะได้องค์ความรู้ด้านการพัฒนาชิปด้วย เพราะถือเป็นอุตสาหกรรมสำคัญแต่ญี่ปุ่นยังถือว่าตามหลังอยู่มาก
ในแผนนี้รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนจะให้เงินอุดหนุนหลายพันล้านเหรียญ ตลอดระยะเวลาหลายปี ให้กับผู้ผลิตชิปที่ตัดสินใจมาร่วมโปรเจ็ค ขณะที่ TSMC ปฏิเสธว่าตอนนี้ยังไม่มีแผนใดๆ ทั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ในอนาคต
ที่มา - SCMP
ภาพจาก Shutterstock
|
# Netflix เผย 10 อันดับหนังที่คนดูเยอะที่สุด: The Extraction แชมป์ที่ 99 ล้านคนดูใน 1 เดือนแรก
ในการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ผ่านมา Netflix ได้เปิดเผย 10 อันดับของหนังบนแพลตฟอร์มที่คนดูเยอะที่สุดในระยะเวลา 1 เดือนแรกหลังฉาย
อันดับ 1 คือ The Extraction นำแสดงโดย Chris Hemsworth ที่จำนวนคนดู 99 ล้านคน ตามมาด้วย Bird Box นำแสดงโดย Sandra Bullock ที่จำนวนคนดู 89 ล้านคน ส่วนอันดับ 3 คือ Spenser Confidential นำแสดงโดย Mark Wahlberg คนดู 85 ล้านคน
อันดับที่เหลือได้ที่
6 Underground 83M
Murder Mystery 73M
The Irishman 64M
Triple Frontier 63M
The Wrong Missy 59M
The Platform 56M
The Perfect Date 48M
ที่มา - Deadline
|
# Madden NFL 21 เปลี่ยนชื่อทีม Washington Redskins หลังปัญหาสีผิว และทีมยังไม่มีชื่อใหม่
ประเด็นเรื่องสีผิวในสหรัฐอเมริกาช่วงนี้ ส่งผลให้ซอฟต์แวร์หลายตัวเปลี่ยนคำว่า blacklist/whitelist และ master/slave เป็นคำอื่น ในแวดวงกีฬาก็มีประเด็นของทีมอเมริกันฟุตบอล Washington Redskins ที่ชื่อและโลโก้ของทีมหมายถึงอินเดียนแดง และโดนกดดันหนัก (โดยเฉพาะสปอนเซอร์) จนต้องยอมเปลี่ยนชื่อทีมแล้ว
ตอนนี้ Washington Redskins ยังไม่ประกาศชื่อใหม่ของทีม โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบเครื่องหมายการค้า และยังไม่บอกแผนการว่าจะประกาศชื่อใหม่เมื่อไร
แต่เรื่องแบบนี้อาจมีบางคนรอไม่ได้ เพราะเกมอเมริกันฟุตบอล Madden NFL 21 จำเป็นต้องวางขายตามกำหนดในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ทำให้ EA ต้องแก้ปัญหาแบบชั่วคราวไปก่อนด้วยการใช้ชื่อทีม "Washington" โดยไม่มีอะไรห้อยท้าย (ส่วนโลโก้ก็เปลี่ยนแต่ยังไม่เปิดเผยว่าใช้โลโก้ชั่วคราวอย่างไร)
เกมเวอร์ชันขายแบบแผ่นยังปั๊มแผ่นไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้คนที่เล่นแบบแผ่นจะยังเห็นชื่อ Washington Redskins อยู่ด้วย จากนั้นเมื่ออัพเดตเกมก็จะเห็นชื่อเปลี่ยนเป็น Washington แทน
ที่มา - Kotaku, ภาพจาก Redskins.com
|
# แท็ก #เยาวชนปลดแอก สร้างสถิติถูกพูดถึง 10 ล้านทวีต มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของไทย
แฮชแท็กยอดนิยมในทวิตเตอร์ #เยาวชนปลดแอก ที่พูดถึงเหตุการณ์ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยตั้งแต่เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.) ช่วงเย็น มาถึงวันนี้ช่วงเช้า มีคนพูดถึงมากเกิน 10 ล้านข้อความทวีต
ตัวเลขสูงสุดเท่าที่หาเจอคือ 10.8 ล้านข้อความตามภาพที่มีคนแคปหน้าจอไว้
หากเทียบกับสถิติเก่าของผู้ใช้ทวิตเตอร์ในไทย ที่รวบรวมโดยเว็บไซต์ Get Day Trends แฮชแท็กที่เป็นแชมป์อันดับหนึ่งคือ #กราดยิงโคราช ทำไว้ที่ 8.5 ล้านข้อความต่อวัน ซึ่งหมายความว่า #เยาวชนปลดแอก ขึ้นมาเป็นแชมป์รายใหม่แล้ว (สถิติในระบบของ Get Day Trends ยังเป็น 6 ล้านข้อความอยู่ในขณะที่เขียน)
ถ้าเทียบสถิติของแฮชแท็กยอดนิยมแบบทั่วโลก (world wide trends) แชมป์ที่เคยทำไว้คือ #AdvanceHBDPawanKalyan ซึ่งเป็นการฉลองวันเกิดให้ Pawan Kalyan นักแสดงชาวอินเดีย ทำไว้ที่ 10.5 ล้านข้อความ
ต้องรอดูกันว่าเมื่อ Get Day Trends อัพเดตข้อมูลแล้ว #เยาวชนปลดแอก จะขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของ world wide trends หรือไม่
หมายเหตุ: แท็ก #AdvanceHBDPawanKalyan ครองแชมป์แท็กยอดนิยมในอินเดียด้วย โดยมีสถิติสูงถึง 16.1 ล้านข้อความ แต่เหตุผลว่าทำไมตัวเลข India กับ World wide แตกต่างกัน คงมีแต่ทวิตเตอร์ที่ทราบ
ทวิตเตอร์ไม่เคยเผยอัลกอริทึมของอันดับ trend ซึ่งหลายครั้งแท็กที่ได้รับความนิยมสูงๆ อาจเห็นตัวเลขลดลงหรือหายไป
หมายเหตุ: ขอบคุณคุณ @leafsway ที่แนะนำให้รู้จัก Get Day Trends
|
# Metacritic ออกกฎใหม่ ต้องรอ 36 ชั่วโมงถึงรีวิวเกมได้ จากปัญหา The Last of Us Part 2
จากปัญหา The Last of Us Part 2 ถูกรีวิวถล่มใน Metacritic ตั้งแต่ช่วงเริ่มวางขาย ทำให้ตอนนี้ Metacritic ต้องประกาศกฎใหม่ ผู้ใช้ต้องรอเป็นเวลา 36 ชั่วโมงหลังเกมขาย จึงสามารถเริ่มรีวิวเกมได้ เพื่อป้องกันปัญหา review bomb จากคนที่ไม่ได้เล่นเกมจริงๆ แต่ไม่พอใจบางอย่างของเกมนั้น
ปกติแล้ว Metacritic แบ่งคะแนนเป็น 2 ส่วนคือจากนักวิจารณ์ (Critic Reviews) ที่เป็นค่าเฉลี่ยของนักวิจารณ์มืออาชีพของเว็บไซต์ต่างๆ และจากผู้ใช้ (User Reviews) ที่ผู้ใช้สามารถเข้ามาให้คะแนนได้โดยตรง
คะแนนของ The Last of Us Part 2 ขณะที่เขียนข่าวนี้คือ 94 (Critic Reviews) และ 5.5 (User Reviews) ซึ่งจะเห็นว่าคะแนนสองส่วนไปกันคนละทาง ในขณะที่เกม Persona 5 Royal ซึ่งได้คะแนน Critic Reviews ระดับใกล้เคียงกัน (95 คะแนน) ได้คะแนน User Score ที่ 8.1
กฎใหม่นี้เริ่มใช้งานแล้วกับเกมใหม่ๆ ที่เพิ่งวางขายในสัปดาห์นี้อย่าง Ghost of Tsushima และ Paper Mario: The Origami King ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีคะแนน User Review โดยขึ้นข้อความว่า "Please spend some time playing the game." แทน
ที่มา - Kotaku
|
# Phil Spencer ยอมรับ ไมโครซอฟท์ต้องฟื้นฟูความสัมพันธ์กับค่ายเกมญี่ปุ่นใหม่
Phil Spencer หัวหน้าทีม Xbox ให้สัมภาษณ์กับช่อง JeuxVideo ของฝรั่งเศส มีประเด็นทีน่าสนใจคือสายสัมพันธ์ของไมโครซอฟท์กับค่ายเกมฝั่งญี่ปุ่น ซึ่งรู้กันดีว่าค่อนข้างอ่อนแอเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
Spencer ยอมรับจุดอ่อนข้อนี้ และทราบดีว่าต้องสร้างสัมพันธ์กับค่ายเกมฝั่งญี่ปุ่นขึ้นมาใหม่ (rebuild trust) ปัจจุบันไมโครซอฟท์มีทีมงานในญี่ปุ่นที่ทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ รับฟังความต้องการของผู้พัฒนาเกมญี่ปุ่น และเขาค่อนข้างประทับใจในพัฒนาการของไมโครซอฟท์ในช่วงปีหลังๆ ที่ใกล้ชิดกับค่ายเกมญี่ปุ่นมากขึ้น
Spencer บอกว่าไมโครซอฟท์จะมีเกมจากค่ายญี่ปุ่นมาโชว์หลายเกมในงานแถลงข่าววันที่ 23 กรกฎาคมนี้
ที่มา - Windows Central
ภาพเกม Sword Art Online จาก Microsoft
|
# Coursera ประกาศรับเงินลงทุน Series F อีก 130 ล้านดอลลาร์
Coursera แพลตฟอร์มคอร์สออนไลน์จากสถาบันต่าง ๆ ยอดนิยม ประกาศรับเงินเพิ่มทุนซีรี่ส์ F อีก 130 ล้านดอลลาร์ ทำให้บริษัทได้เงินจากนักลงทุนรวมแล้วกว่า 300 ล้านดอลลาร์ โดยผู้นำในการลงทุนรอบนี้คือ NEA รวมทั้งเงินลงทุนเพิ่มจากผู้ลงทุนเดิม อาทิ Kleiner Perkins, SEEK Group, Learn Capital, SuRo Capital Corp และ G Squared
มีรายงานว่าเงินลงทุนซีรี่ส์ F นี้ ทำให้ Coursera มีมูลค่ากิจการเพิ่มขึ้นเป็น 2,500 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Jeff Maggioncalda ระบุว่าเงินลงทุนรอบนี้ จะนำไปลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงแพลตฟอร์มให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังใช้ในการรองรับตำแหน่งงานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้ทั้งผู้เรียน และผู้สอน ย้ายมาใช้บริการออนไลน์กันมากขึ้น
ที่มา: Coursera, Forbes
|
# Google ประกาศห้ามโฆษณาทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับ COVID-19 หากพบใครทำซ้ำ ๆ จะถูกแบนจากระบบโฆษณา
Google ประกาศมาตรการแบนโฆษณาที่ให้ข้อมูลผิด ๆ เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นในเดือนหน้า หากพบเว็บไซต์ใดพยายามโฆษณาข้อมูลซ้ำ ๆ จะถูกแบนจากแพลตฟอร์มโฆษณาของ Google
ปัจจุบัน Google มีมาตรการแบนข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพที่อันตรายบนโลกออนไลน์อยู่แล้ว และทางบริษัทก็จัดการลบโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข้อมูลผิด ๆ ลักษณะนี้ไปแล้วกว่า 200 ล้านรายการ ส่วนนโยบายใหม่ Google จะเข้มงวดมากขึ้น คอนเทนต์เกี่ยวกับไวรัสที่ขัดแย้งกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ส่วนมากที่เชื่อถือได้จะไม่ได้รับอนุญาตให้โฆษณา
คอนเทนต์ที่ Google จะไม่อนุญาตให้โฆษณาตามกฎใหม่ของบริษัท เช่น ไวรัสถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอาวุธชีวภาพ, สร้างโดย Bill Gates, รัฐบาลประเทศใดประเทศหนึ่งสร้างขึ้นมา หรือไวรัสเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงจะเข้าข่ายทั้งหมด ซึ่ง Google จะจัดการเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง ทางบริษัทจะใช้ทั้งคนและคอมพิวเตอร์ในการค้นหาโฆษณาที่เข้าข่ายดังกล่าว ถ้าพบเว็บไซต์ไหนกระทำในลักษณะที่ผิดกฎบ่อย ๆ จะถูกแบนจากแพลตฟอร์มโฆษณาของ Google
ที่มา - Engadget, Bloomberg
ภาพจาก PIRO4D/Pixabay
|
# ทวิตเตอร์สรุปเหตุถูกแฮก คนร้ายดาวน์โหลดข้อมูลทั้งหมด 8 บัญชี เปลี่ยนรหัส 45 บัญชี ยังไม่ยอมบอกว่า DM หลุดหรือไม่
ทวิตเตอร์เขียนบล็อกรายงานถึงเหตุถูกแฮกจนคนร้ายสามารถส่งทวีตแทนเจ้าของบัญชี โดยระบุว่าคนร้ายสามารถหลอกให้พนักงานหลายคนใช้รหัสล็อกอิน ไปจนถึงการล็อกอินสองขั้นตอน (น่าจะเป็นการหลอกให้เข้าเว็บภายในของปลอม แต่ไม่ได้ระบุตรงๆ) จนคนร้ายสามารถเข้าถึงระบบภายในได้สำเร็จ
บัญชีเป้าหมายของคนร้ายมีทั้งหมด 130 บัญชี โดยคนร้ายสั่งเปลี่ยนรหัสผ่าน 45 บัญชีแล้วล็อกอินเพื่อทวีตแทนเจ้าของบัญชี ในจำนวนนี้ยังมี 8 บัญชีที่คนร้ายพยายามดาวน์โหลดข้อมูลการใช้งานทั้งหมดผ่านบริการ "Your Twitter Data"
ทางบริษัทแจ้งว่าคนร้ายจะไม่เห็นรหัสผ่านเดิม แต่จะเห็นข้อมูลส่วนตัวเช่นอีเมล, หมายเลขโทรศัพท์ ขณะที่บัญชีที่คนร้ายยึดไปได้จะเห็นข้อมูลเพิ่มเติม โดยทวิตเตอร์ไม่ยอมยืนยันว่าคนร้ายเห็นข้อความส่วนตัว (direct message - DM) หรือไม่ แต่บอกเพียงว่ากำลังสอบสวน
ที่มา - Twitter
|
# ผู้กำกับบอก The Last of Us II มีฉากจบที่ดาร์กกว่านี้ แต่เปลี่ยนเพราะกลัวเสียคาแรคเตอร์
Neil Druckmann ผู้กำกับ The Last of Us Part II และ Halley Gross ผู้เขียนบทร่วมกับ Druckmann ได้ไปให้สัมภาษณ์ผ่านพ็อดแคสต์ของเว็บไซต์ Game Informer โดยทั้งคู่เล่าว่า ตอนแรกทีมพัฒนามีตอนจบอีกแบบที่ดาร์กกว่าอยู่ในแผนด้วย ก่อนจะตัดสินใจเปลี่ยนในท้ายที่สุด
(มีสปอยล์เนื้อเรื่อง)
Gross เล่าว่าตอนจบอีกแบบคือ Ellie ฆ่า Abby เพื่อเป็นการล้างแค้นในท้ายที่สุด ก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนเป็นแบบปัจจุบัน เพราะต้องการนำเสนอด้านสว่าง ด้านมนุษยธรรมและตอกย้ำว่าด้านดีที่ Ellie ได้รับมาจาก Joel ยังคงอยู่ในตัวเธอ ขณะที่ Druckmann เสริมว่าแม้การที่ Ellie จะให้อภัยและปล่อยให้ Abby มีชีวิต ค่อนข้างผิดที่ผิดทางในเชิงการเล่าเรื่อง (felt wrong thematically) แต่ทีมงานต้องการให้ตัวละครยังคงคาแรคเตอร์ของตัวเอง และคงจะดีกว่าถ้าทีมพัฒนารักษาความคงเส้นคงวา (consistant) ในการนำเสนอตัวละคร
หลังจากฟังสัมภาษณ์ผมมีแต่คำถามในหัวว่า นี่คือการรักษาคาแรคเตอร์ Ellie ของทีมงานแล้วจริงหรือ? เพราะผมรู้สึกว่าทั้ง Ellie และ Joel หลุดคาแรคเตอร์มากในภาคนี้
ที่มา - GameInformer
|
# แม้ SSD ช้ากว่า แต่ Xbox Series X มีเทคนิคเร่งความเร็ว ช่วยให้ I/O สูงกว่า PS5
จากข่าว Xbox เผยข้อมูล Xbox Velocity Architecture ระบบ I/O ใหม่บน Xbox Series X ถึงแม้ไมโครซอฟท์ไม่ได้พูดออกมาเองตรงๆ แต่ก็มีคนมาคำนวณให้แล้วว่าระบบ I/O โดยรวมของ Xbox Sereis X จะเร็วกว่า PS5
จุดเด่นด้านฮาร์ดแวร์ของ PS5 คือการออกแบบคอนโทรลเลอร์ของ SSD เอง ทำให้ความเร็วสตอเรจเหนือกว่า Xbox Series X ซึ่งสตูดิโอเกมหลายราย เช่น Epic, 2K, Insomniac, Guerilla ก็ออกมาสนับสนุนจุดเด่นอันนี้
หากเทียบ raw I/O throughput แล้ว PS5 เหนือกว่าจริงๆ เพราะทำได้ 5.5 GBps ในขณะที่ Xbox Series X ทำได้ 2.4 GBps หรือไม่ถึงครึ่งของ PS5 ด้วยซ้ำ (แม้เร็วขึ้นจาก Xbox One ถึง 40 เท่าแล้วก็ตาม)
แต่อาวุธเด็ดของไมโครซอฟท์คือเทคนิค Sampler Feedback Streaming (SFS) (ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรม Velocity Architecture) ที่ช่วยวิเคราะห์ว่าจีพียูจำเป็นต้องโหลด texture จากดิสก์เข้าหน่วยความจำจริงๆ แค่ไหน ไม่จำเป็นต้องโหลดทั้งหมด (ส่วนใหญ่คือประมาณ 1/3 ของทั้งหมด) ช่วยให้ปริมาณข้อมูลที่ต้องอ่านจากดิสก์ลดลงไปมาก ตัวเลขของไมโครซอฟท์คือ อัตรา I/O throughput จะดีขึ้น 2.5 เท่า
เว็บไซต์ MSpoweruser ลองคำนวณการโหลดไฟล์ขนาด 20GB
PS5 โหลดทั้งหมดภายใน 3.63 วินาที
Xbox Series X โหลดทั้งหมดภายใน 8.33 วินาที
แต่เมื่อมี SFS เข้ามาช่วย ทำให้จำเป็นต้องโหลดข้อมูลจริงๆ แค่ 8GB (ลดลง 2.5 เท่าจาก 20GB) ทำให้ Xbox Series X ใช้เวลาโหลดข้อมูล 3.3 วินาที
ตัวเลขข้างต้นเป็นตัวเลขทางทฤษฎีเท่านั้น ในทางปฏิบัติคงมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องนำมาคิดอีกมาก เพราะแม้แต่ Velocity Architecture เองยังมีเทคนิคอื่นๆ เข้ามาช่วยด้วย เช่น ชิปเฉพาะเร่งความเร็วการถอดรหัสไฟล์ (hardware accelerated compression) ที่ช่วยแตกไฟล์ texture ได้เร็วขึ้น และ DirectStorage API ตัวใหม่ที่เปิดให้นักพัฒนาเกมกำหนดคิวของ I/O ได้โดยตรง
ที่มา - Xbox, MSpoweruser
|
# GitHub นำโค้ดของมวลมนุษย์ไปฝังที่ขั้วโลกเหนือแล้ว ตั้งเป้าเก็บรักษานาน 1 พันปี
จากที่ประกาศไว้ว่า GitHub จะดึงโค้ดทั้งหมดใส่แผ่นฟิล์ม ฝังไว้ใต้ดินที่ขั้วโลกเหนือ ภายใต้โครงการ GitHub Arctic Code Vault เพื่อเก็บรักษาซอฟต์แวร์ของมนุษยชาติ (ตามเป้าหมายคือ 1 พันปี)
วันนี้ GitHub นำโค้ดไปฝังใต้ดินขั้วโลกเหนือเรียบร้อยแล้ว โดยดึงโค้ดจาก public repository ทั้งหมด ณ วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2020 คิดเป็นข้อมูล 21TB แล้วบันทึกลงฟิล์มเฉพาะ piqlFilm ของบริษัท Piql ที่ใช้เก็บรักษาข้อมูลเป็นระยะเวลานานๆ จำนวน 186 ม้วน
ตอนแรกทีมงาน GitHub จะบินไปที่นอร์เวย์เพื่อฝังม้วนฟิล์มเหล่านี้ที่ขั้วโลกเหนือด้วยตัวเอง แต่สถานการณ์ไวรัสระบาดทำให้เดินทางลำบาก จึงส่งฟิล์มให้พาร์ทเนอร์ที่นอร์เวย์ไปฝังในเหมืองเก่าบนเกาะ Svalbard บริเวณขั้วโลกเหนือ ฟิล์มเหล่านี้ถูกเก็บใน Arctic Code Vault สำเร็จเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2020
คนที่เป็นเจ้าของโค้ดโอเพนซอร์สบน repo ที่ถูกนำไปเก็บรักษาไว้ จะได้ป้าย Arctic Code Vault Contributor ที่ท้ายโพรไฟล์ใน GitHub เป็นที่ระลึกด้วย
ที่มา - GitHub Blog
|
# NASA/SpaceX เล็งนำนักบินอวกาศโครงการ Crew Demo-2 กลับสู่พื้นโลกต้นเดือนสิงหาคมนี้
เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา NASA และ SpaceX ได้ส่งนักบินอวกาศสองคนคือ Robert Behnken และ Douglas Hurley ขึ้นสู่สถานีอวกาศนานาชาติ หรือ ISS ด้วยจรวด Falcon 9 พร้อมยาน Dragon ของ SpaceX นับเป็นการส่งมนุษย์สู่อวกาศจากแผ่นดินอเมริกาครั้งแรกในรอบ 9 ปี
ในตอนนั้นมีข้อมูลออกมาว่านักบินอวกาศทั้งสองนายจะประจำการอยู่บน ISS เป็นเวลา 1 ถึง 4 เดือน ขึ้นอยู่กับภารกิจที่มีให้ทำบน ISS และล่าสุด Jim Bridenstine ผู้อำนวยการ NASA ได้ทวีตว่าขณะนี้ทีมงานอาจจะนำนักบินอวกาศสองนายเดินทางออกจาก ISS ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ และคาดว่าจะลงสู่โลกในวันที่ 2 สิงหาคม โดยจะประกาศวันที่แน่นอนอีกครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
หากเป็นไปตามกำหนดการนี้ ภารกิจ Crew Demo-2 จะมีระยะเวลาทั้งสิ้น 64 วัน โดยการกลับสู่โลกจะร่อนลงที่มหาสมุทรแอตแลนติกเหมือนภารกิจ Crew Demo-1 ที่ทดสอบไปเมื่อเดือนเมษายน 2019 ตามวิดีโอนี้
ภาพโดย Jim Bridenstine
ที่มา - @JimBridenstine
|
# Microsoft Flight Simulator มีขายแบบกล่อง ใช้ DVD 10 แผ่นยังจุเกมได้ไม่หมด
Microsoft Flight Simulator เวอร์ชันปี 2020 มีกำหนดวางขาย 18 สิงหาคมนี้ เกมชูจุดเด่นด้านความสมจริงของกราฟิก โมเดล สภาพแวดล้อมแบบสุดๆ และต้องใช้เนื้อที่ติดตั้งมากถึง 150GB
การดาวน์โหลดไฟล์เกมผ่านอินเทอร์เน็ตอาจใช้เวลานาน (เป็นปกติของเกมสมัยนี้) แต่ถ้ายังอยากได้เกมเวอร์ชันกล่องแบบดั้งเดิม ทางสตูดิโอผู้พัฒนาคือ Aerosoft ก็มีขายด้วย โดยเกมเวอร์ชันแพงที่สุด (Premium Deluxe Edition) จะมาใน DVD แบบสองเลเยอร์จำนวน 10 แผ่น! พร้อมคู่มือพิมพ์มาในกล่องสวยงามน่าสะสม
อย่างไรก็ตาม แผ่นเกมจำนวน 10 แผ่นไม่สามารถจุข้อมูลทั้งหมดในเกม โดยทีมงาน Aerosoft บอกว่าใส่มาได้แค่ 90GB เท่านั้น ยังไงก็ต้องดาวน์โหลดข้อมูลเพิ่มอยู่ดี เพียงแต่ไม่ใช่ข้อมูลสำคัญที่จำเป็นต้องใช้ในการเล่นเกม
ที่มา - Eurogamer
|
# Raspberry Pi 4 Compute Module อาจรองรับ NVMe ผ่าน PCIe
Eben Upton ให้สัมภาษณ์ถึง Raspberry Pi แบบ Compute Module รุ่นต่อไปว่าอาจจะรองรับสตอเรจประสิทธิภาพสูงขึ้น จากทุกวันนี้ที่รองรับ eMMC เท่านั้น
ชิป BCM2711 ที่ใช้งานใน Raspberry Pi 4 มี PCIe มาแต่แรก แต่ตัวบอร์ดก่อนหน้านี้ไม่ได้ต่อ I/O ออกมาบนตัวบอร์ดแต่ใช้สำหรับต่อ USB 3.0 ขณะที่พอร์ต CSI/DSI ที่มีอย่างละสองชุดแต่ก็ต่อออกมาบนบอร์ดแค่ชุดเดียว การเชื่อมต่อ PCIe ออกมาได้จะทำให้ Raspberry Pi รองรับอุปกรณ์เสริมประสิทธิภาพสูงอีกหลายอย่าง ซึ่งน่าจะเหมาะกับ Compute Module ที่ใช้งานสำหรับอุตสาหกรรมที่นำไปออกแบบฮาร์ดแวร์เพิ่มเติม และอาจจะไม่ต้องการเชื่อมต่อผ่าน USB เสมอไป
คาดว่า Compute Module รุ่นที่ 4 จะออกในปี 2021
ที่มา - Tom's Hardware
Raspberry Pi Compute Module 3
|
# Henry Cavill นักแสดง Superman, The Witcher ถ่าย IGTV โชว์ประกอบเกมมิ่งพีซี
หากใครพอตามข่าวฝั่งฮอลลีวูดอาจพอทราบว่า Henry Cavill (Man of Steel, The Witcher) เป็นฮาร์ดคอเกมเมอร์คนหนึ่ง จนถึงขนาดเกือบพลาดบทซูเปอร์แมนมาแล้ว เพราะตัวเองติด WoW อยู่และไม่ได้รับโทรศัพท์ หรือเสนอตัวเองขอไปเล่นเป็น Geralt ในซีรีส์ The Witcher เพราะเป็นแฟนเกม
ล่าสุดตัวเจ้าถ่าย IGTV โชว์การประกอบพีซีเกมมิ่งใหม่ ซึ่งก็ดูเสียเวลาในการจัดวางพัดลมฮีทซิงค์อยู่ไปค่อนวัน ไม่รวมต้องเสียเวลาสลับฮีทซิงค์ซีพียูเพราะติดกลับด้านอีก
ด้วยความที่วิดีโอที่ถ่ายไม่ใช่คลิปโฆษณา เจ้าตัวเลยพยายามเบลอโลโก้แบรนด์ต่าง ๆ บนอุปกรณ์ส่วนใหญ่ โดยสเปคและรุ่นเท่าที่หาได้ก็น่าจะมี (กล้อง GoPro พี่แกก็ชัดมาก)
เมนบอร์ด ROG Crosshair VIII Hero (Wi-Fi)
ซีพียู Ryzen 9 3900X
แรม DDR4 3600Mhz 32GB (16GBx2) G.SKILL Trident Z RGB
การ์ดจอ GeForce RTX 2080Ti O11G ของ ROG
SSD M.2 Samsung 970 Evo Pro 1TB
ชุดน้ำ 3 ตอน NZXT Kraken Z73
คีย์บอร์ดของ Razer น่าจะเป็นรุ่น Huntsman Elite
จอน่าจะ ROG Swift PG27UQ
ที่มา - henrycavill
|
# CDPR อยากให้ Cyberpunk เป็นมาตรฐานใหม่วงการเกม, เอาชนะตัวเองที่ทำไว้ใน Witcher 3
The Witcher 3 ของ CD Projekt Red ที่ออกในปี 2015 ประสบความสำเร็จจนถึงขนาดถูกยกให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการเกม จนมีหลายเกมพยายามทำตาม เลียนแบบหรือก้าวข้ามให้ได้
ขณะที่เกมล่าสุดที่กำลังจะวางจำหน่ายในปีนี้อย่าง Cyberpunk 2077 ก็ถูกแฟนเกมคาดหวังเอาไว้สูงจากความสำเร็จของเกมก่อนหน้า ซึ่งประเด็นนี้ได้กลายเป็นแรงผลักดันและเป้าหมายที่ทีมงานอยากจะเอาชนะ
Max Pears ดีไซเนอร์องค์ประกอบในเกม (level designer) ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า ทีมพัฒนาไม่ได้ต้องการแข่งขันกับใคร เพราะทุกสตูดิโอต่างช่วยกันผลักดันวงการเกม แต่ด้วยความสำเร็จของ The Witcher 3 นี่แหละที่ทีมงานใช้เป็นมาตรฐานว่าจะต้องทำ Cyberpunk ให้ได้ดีกว่า หรืออย่างน้อยต้องได้ระดับเดียวกัน รวมถึงมีเป้าด้วยว่าอยากทำเกมที่สร้างมาตรฐานและประเภทของเกมขึ้นมาใหม่ด้วย (genre-defining and groundbreaking games)
Cyberpunk 2077 เลื่อนจำหน่ายครั้งที่ 2 เป็นเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยสตูดิโอให้เหตุผลว่าเพราะเกมยังไม่เรียบร้อย และไม่อยากเร่งปล่อยออกมา
ที่มา - WCCFTech
|
# Apple ประกาศเลิกใช้ blacklist/whitelist เปลี่ยนเป็น allow list/deny list
Apple ออกแนวทางการเขียนโค้ดแบบใหม่ เน้นให้ใช้คำที่ไม่เลือกปฎิบัติต่อคนบางกลุ่ม บนอีโคซิสเต็มของแอปเปิล ไม่ว่าจะใน Xcode, APIs, เอกสารซอฟต์แวร์ หรือโปรเจ็คโอเพนซอร์ส โดยได้เริ่มเปลี่ยนคำในโปรแกรมเวอร์ชันเบต้าที่เปิดตัวไปในงาน WWDC 2020 ที่ผ่านมา
คำที่เปลี่ยนยกตัวอย่างเช่น blacklist/whitelist ให้เปลี่ยนไปใช้ deny list/allow list แทน หรือคำว่า master/slave ก็แนะนำให้เปลี่ยนเป็นคำอื่น เช่น primary/secondary เป็นต้น โดยนักพัฒนาสามารถดูการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดได้ที่ Apple Style Guide ฉบับล่าสุด
นอกจากนี้ หลังจาก Apple ประกาศใช้แนวทางดังกล่าวแล้ว หากนักพัฒนายังใช้คำเดิมในการเขียนโค้ดก็จะได้รับแจ้งเตือนให้ใช้คำใหม่อีกด้วย
ก่อนหน้านี้ Google ก็ออกแนวทางเลิกใช้โค้ดที่มีนัยยะเลือกปฎิบัติต่อคนบางกลุ่มใน Chrome เช่นกัน
ที่มา - Apple
|
# AWS เปิดเทคโนโลยีไลฟ์สตรีมมิ่ง Twitch ให้คนอื่นเช่าใช้งานผ่าน Amazon IVS
จุดเริ่มต้นของ Amazon Web Services คือการที่ Amazon ต้องการนำเทคโนโลยีเซิร์ฟเวอร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ภายใน มาหารายได้จากการให้องค์กรอื่น (ที่มีขีดความสามารถทางเทคโนโลยีเยอะไม่เท่า) มาเช่าใช้งานด้วย ภายหลังจึงค่อยพัฒนามาเป็นบริการคลาวด์อันดับหนึ่งของโลกในยุคปัจจุบัน
แต่แนวคิดการนำเทคโนโลยีภายในมาเปิดใช้งานยังคงอยู่ ล่าสุด Amazon เปิดเทคโนโลยีด้านไลฟ์สตรีมมิ่งที่เราคุ้นกันจาก Twitch มาให้องค์กรอื่นใช้งาน ในรูปบริการตัวใหม่ของ AWS ชื่อว่า Interactive Video Service (Amazon IVS)
Amazon IVS เป็นบริการโฮสต์ระบบสตรีมมิ่ง เพื่อใช้บนเว็บไซต์หรือแอพมือถือขององค์กรเอง มาพร้อมกับฟีเจอร์ระดับเดียวกับ Twitch เช่น การแชท โหวต โพล ตอบคำถาม ฯลฯ รวมถึงมีคุณภาพของบริการระดับเดียวกับ Twitch (latency น้อยกว่า 3 วินาที ซึ่งดีกว่าบริการสตรีมมิ่งในท้องตลาดที่อยู่ราว 20-30 วินาที) โดยไม่ต้องการลงทุนสร้างเอง สามารถฝัง SDK ของ IVS ลงในเว็บหรือแอพแล้วใช้งานได้ทันที
วิธีคิดเงิน แยกเป็นค่าวิดีโอขาเข้า (Video Input) ตามระยะเวลาเป็นชั่วโมง บวกกับค่าวิดีโอขาออก (Video Output) ตามจำนวนเวลาทั้งหมดที่รับชม โดยแยกราคาตามความละเอียดของวิดีโอ
คู่แข่งอย่าง Azure มีบริการลักษณะเดียวกันมาก่อนแล้ว โดยเป็นส่วนหนึ่งของบริการ Azure Media Services ที่โฮสต์วิดีโอทั้งได้แบบไลฟ์และออนดีมานด์
ที่มา - Amazon
|
# ยืนยันแล้ว Xbox Series X ไม่รองรับอุปกรณ์และเกมของ Kinect
อีกประเด็นที่น่าสนใจในประกาศเรื่อง Xbox ของไมโครซอฟท์ (แถม xCloud กับ Game Pass Ultimate, เกมไม่เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะเครื่อง Xbox Series X) คือชะตากรรมของอุปกรณ์เสริม Kinect ที่ไม่ได้ไปต่อกับ Xbox Series X แล้ว
ข่าวนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะไมโครซอฟท์ปรับทิศทางของ Xbox One โดยแยกขาย Kinect มาตั้งแต่ปี 2014 เพื่อให้ราคาเครื่องถูกลง แข่งขันกับ PS4 ได้ หลังจากนั้นความนิยมของ Kinect ก็ค่อยๆ ลดลงจนเลิกผลิตในปี 2017
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านจาก Xbox One มาสู่ยุค Xbox Series X การันตีเล่นเกมเก่าๆ ได้ "เกือบ" ทั้งหมด ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าไมโครซอฟท์จะยังซัพพอร์ตอุปกรณ์หรือเกมของ Kinect เดิมหรือไม่ ซึ่งคำตอบออกมาแล้วคือไม่ โดย Xbox Series X สามารถเล่นเกมเก่าของ Xbox One ได้ทุกเกม แต่ต้องไม่ใช่เกมที่บังคับใช้ Kinect นั่นเอง
ปัจจุบันไมโครซอฟท์ยังมีสินค้าแบรนด์ Kinect วางขายอยู่ แต่เป็น Azure Kinect Development Kit กล้องวัดระยะลึกสำหรับงาน AI ที่เน้นกลุ่มนักพัฒนา
ที่มา - Xbox, The Verge
|
# FBI และผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กเริ่มสอบสวนกรณี Twitter โดนแฮค
หลังการแฮกบัญชีคนดังบน Twitter ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง จบลงด้วยสาเหตุที่พนักงานซัพพอร์ทถูกหลอกแบบ social engineering
ล่าสุด FBI ในซานฟรานซิสโกเปิดเผยว่าเริ่มสอบสวนกรณีนี้แล้ว โดยขอยังไม่ให้รายละเอียดหรือคอมเมนท์ใด ๆ เช่นเดียวกับผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ที่ระบุว่าสั่งให้หน่วยงานด้านการบริการทางการเงินของมลรัฐเริ่มสอบสวนเรื่องนี้ด้วย เพราะการแฮกเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเงินเช่นนี้ อาจเป็นฝีมือของต่างชาติ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลปลอมและหวังผลทางการเมืองในช่วงใกล้เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐแบบนี้
ที่มา - New York State, The Next Web
|
# Ubisoft ปล่อยตัวอย่างแนะนำตัวละคร Assassin’s Creed Valhalla แบบพากย์ไทยเต็มรูปแบบ
Ubisoft เป็นค่ายเกมอีกค่ายที่เอาจริงเอาจริงกับการทำการตลาดในประเทศไทย โดยล่าสุดนอกจากจะปล่อยตัวอย่างเกม Watch Dogs: Legion แบบพากย์ไทยแล้ว ยังปล่อยตัวอย่างแนะนำตัวละคร Assassin’s Creed Valhalla แบบพากย์ไทย เมื่อวานนี้อีกด้วย
ตัวอย่างมีชื่อว่า ชะตากรรมของ Eivor (ในวิดีโอออกเสียงภาษาไทยว่า “เอวัวร์”) แสดงให้เห็นถึงปูมหลังของนักรบไวกิ้ง Eivor ตัวเอกของเกมภาคนี้ ที่สามารถเลือกให้เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ โชว์ตัวร้ายของเกม และฉากการต่อสู้ใหม่อีกเล็กน้อย
Assassin’s Creed Valhalla วางจำหน่าย 17 พฤศจิกายนนี้ บน PC (Uplay, Epic Games Store), PS4, PS5, Xbox One, Xbox Series X และ Stadia
ที่มา - Youtube Ubisoft Thailand
|
# บัตรประชาชนออนไลน์ ธนาคาร OCBC ในสิงคโปร์เปิดให้ล็อกอินธนาคารผ่าน SingPass ระบบยืนยันตัวตนของรัฐบาล
เมื่อวานนี้ธนาคาร OCBC ในสิงคโปร์ประกาศพัฒนาแอปให้รองรับการยืนยันตัวตนผู้ใช้ด้วยระบบ SingPass ของรัฐบาลสิงคโปร์ ลดความจำเป็นในการจดจำรหัสผ่านหลายๆ แอป แต่ใช้ SingPass รูปแบบเดียวกับที่ใช้บัตรประชาชนยืนยันตัวตนในสาขา
โครงสร้างของ SingPass บริหารโดยหน่วยงานที่ชื่อว่า GovTech โดยที่ผ่านมาให้บริการล็อกอินกลางสำหรับหน่วยงานรัฐรวม 60 หน่วยงานโดยไม่ต้องจดจำรหัสผ่านแยกกันแต่ละบริการ ขณะที่ตัวบริการเองก็ไม่ต้องพิสูจน์ตัวตนของผู้ที่เข้ามาลงทะเบียนว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ ขณะแผนการในอนาคตของ SingPass นั้นนอกจากการให้บริการล็อกอินแล้ว ยังเตรียมให้บริการเซ็นเอกสารสัญญาอื่นๆ ต่อไป อย่างไรก็ดีในปี 2018 ระบบ SingPass เคยมีปัญหาระบบล่มถึง 6 ชั่วโมง ก็น่าสนใจว่าในอนาคตหากระบบอื่นๆ พึ่งพิงกับ SingPass มากขึ้นแล้วระดูแลระบบให้มีเสถียรภาพได้เพียงใด
ตอนนี้บริการยังจำกัดอยู่ที่การล็อกอินแอปของ OCBC แต่ทางธนาคารกลางของสิงคโปร์ก็ระบุว่าโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของสิงคโปร์ ทั้ง SingPass ที่ใช้ล็อกอิน, MyInfo ที่ใช้แชร์ข้อมูลส่วนบุคคล, และ PayNow ที่ใช้จ่ายเงินทันที ก็จะทำให้ประชาชนสามารถเปิดบัญชี, เข้าถึงบริการต่างๆ, และจ่ายเงินค่าบริการผ่านระบบออนไลน์ได้ทั้งหมด
ที่มา - OCBC
|
# Google หยุดแสดงผลเสิร์ช Twitter แบบ Carousel ชั่วคราว หลังคนดังโดนแฮกทวิต
หลังจาก Twitter คนดังโดนแฮก ทวิตให้โอนเงินเข้า Bitcoin ไปเมื่อวันก่อน ล่าสุด Google ได้หยุดแสดงผลเสิร์ช Carousel จาก Twitter ชั่วคราว โดยเมื่อค้นหาจะพบเพียงลิงก์ไปยังบัญชี Twitter เท่านั้น
Google ยืนยันจะยังไม่แสดงผลเสิร์ชดังกล่าวจนกว่าจะได้ตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดจากข้อมูลเท็จ
ที่มา - Android Police
ภาพจาก @brodieseo บน Twitter
|
# เผยสาเหตุ Twitter ทรัมป์ไม่โดนแฮก เพราะมีการป้องกันการเข้าถึงมากกว่าแอคเคาท์อื่นๆ
เมื่อวานนี้ แอคเคาท์ Twitter ของคนดังๆ มากมาย เช่นอีลอน มัสก์ อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า และ บิล เกตส์ โดนแฮกและแฮกเกอร์ได้ทวิตหลอกให้คนส่งเงินบิตคอยน์ไปให้จนได้เงินไปกว่า 3.5 ล้านบาท แต่มีแอคเคาท์หนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นคนที่มีอิทธิพลและโด่งดังที่สุดในทวิตเตอร์ แต่กลับไม่โดนแฮก นั่นก็คือแอคเคาท์ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ
The New York Times ได้เขียนรายงานข่าวอย่างละเอียดครั้งนี้ และได้พูดถึงการที่แอคเคาท์ของทรัมป์รอดมาได้ โดยอิงจากสองแหล่งข่าว ที่ไม่เปิดเผยชื่อ หนึ่งในนั้นคือทีมงานของทำเนียบขาวเอง และอีกคนคือพนักงาน Twitter ซึ่งบอกว่าแอคเคาท์ของทรัมป์ มี “มาตรการพิเศษ” อีกชั้น ที่ป้องกันการเข้าถึงจาก admin tools ที่พนักงาน Twitter ใช้ในการลบหรือแบนแอคเคาท์ (แต่ทวิตแทนผู้ใช้ไม่ได้) อยู่ หลังมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ข้อความที่แฮกเกอร์ทวิตจากแอคเคาท์ของ บารัค โอบามา
บทความไม่ได้กล่าวว่าเป็นเหตุการณ์ใดก่อนหน้านี้ แต่ The Verge คาดว่าน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่บัญชีของทรัมป์ถูกพนักงานระงับไป 11 นาที ในปี 2017 และหลังจากนั้น Twitter ได้ออกมาแถลงว่าจะ “เพิ่มมาตรการป้องกัน เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อีก” ซึ่งอาจเป็นการจำกัดให้พนักงานไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถใช้ admin tools เข้าถึงแอคเคาท์ของทรัมป์ได้
คอลัมน์ Motherboard ของเว็บไซต์ Vice รายงานไว้ว่าแฮกเกอร์แชร์สกรีนช็อต admin tools ที่ได้รับ access มาจากการใช้ social engineering กับพนักงานก่อนหน้านี้ เพื่อเข้าถึงแอคเคาท์คนดังต่างๆ แต่ admin tools นี้เข้าถึงแอคเคาท์ทรัมป์ไม่ได้ ทำให้เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือด้านอื่นๆ ที่อาจทำให้เหตุการณ์แย่ไปกว่านี้ (แถมยังไม่ใช้แอคเคาท์ของอีลอน มัสก์ ทวิตปั่นหุ้น Tesla อีกด้วย)
ที่มา - The New York Times, Motherboard via The Verge
|
# ศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพของกูเกิลทดสอบแอป Shoploop เลือกซื้อสินค้าจากการดูวิดีโอสั้น
ศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพของกูเกิล Area 120 ทดสอบแอป Shoploop รวมประสบกาณณ์ความบันเทิงแบบดูวิดีโอสั้นที่กำลังเป็นที่นิยม กับการช้อปปิ้งออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน
Shoploop คือการที่ผู้ใช้งานเลื่อนดูคลิปสั้น 90 วินาทีจากผู้ขายไปเรื่อยๆ เมื่อถูกใจสินค้าก็สามารถกด save ไว้ก่อนหรือกดซื้อได้ที่เว็บไซต์ของผู้ขายนั้นๆ โดยตอนนี้สินค้าที่อยู่บน Shoploop จะจำกัดที่สินค้าความงาม เครื่องสำอาง สกินแคร์ ผลิตภัณฑ์ดูแลเล็บและเส้นผม เป็นต้น
ปัจจุบันแอปวิดีโอสั้นอย่าง TikTok หรือแม้แต่ Instagram Stories ก็มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้แบรนด์สินค้าขายของผ่านวิดีโอสั้นได้ เช่นการติดแท็กสินค้า การฝังลิงค์เชื่อมไปยังเว็บไซต์ เป็นต้น ก่อนหน้านี้ YouTube ยังทำหน้าร้านค้าออนไลน์ให้แบรนด์ใต้คลิปโฆษณา ช่วยกระตุ้นการซื้อ
ที่มา - CNET
|
# ที่ปรึกษาทำเนียบขาวแนะ ทางออกของ TikTok ในสหรัฐคือตัดขาดจาก Bytedance
หลัง TikTok ถูกเพ่งเล็งเรื่องความปลอดภัยมานานจนกระทั่งรัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาแบนแอปนี้ ล่าสุด Larry Kudlow ประธานสภาเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐและที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาวแสดงความเห็นว่า ทางออกของ TikTok กรณีที่ไม่ถูกแบน คือต้องปรับโครงสร้างองค์กร ตัดขาดจากบริษัทแม่อย่าง Bytedance และดำเนินงานในฐานะบริษัทเอกชนอเมริกันแทน
อย่างไรก็ตาม Kudlow ไม่ได้ให้รายละเอียดอื่น ๆ รวมถึงกรณีว่าจะมีบริษัทสหรัฐไหนสามารถซื้อ TikTok ได้หรือไม่ ด้านโฆษก TikTok ยืนยัน ByteDance กำลังประเมินและพิจารณาการเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรในส่วนของ TikTok อยู่ พร้อมยืนยันถึงการรักษาความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
ที่มา - Reuters
|
# เกมใหม่ที่ Xbox Game Studios พัฒนาจะไม่ใช่ Xbox Series X เอ็กคลูซีฟ
Phil Spencer หัวหน้าฝ่าย Xbox ของไมโครซอฟท์เขียนบล็อคเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ในภาพรวมของ Xbox หลังจากนี้ ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจและเป็นการตอกย้ำแนวทางของ Xbox ที่แตกต่างจาก PlayStation คือเกมที่พัฒนาโดยสตูดิโอภายในอย่าง Xbox Game Studios ที่จะออกในอีก 2-3 ปีข้างหน้า (เช่น Halo Infinite) จะไม่ใช่เกมเอ็กคลูซีฟบน Xbox Series X แต่จะเล่นได้บน Xbox One หรือแม้แต่ Xbox Game Pass ด้วย
แนวทางของ Xbox คือไม่ต้องการบีบให้ผู้เล่นย้ายไปซื้อคอนโซลใหม่ เพื่อเล่นเกมใหม่ ซึ่งก็สอดคล้องกับที่ Phil เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ว่า Xbox มองว่าการเล่นเกมจะไม่ได้จำกัดอยู่ที่คอนโซล แต่ต้องเล่นบนอุปกรณ์ไหนและเมื่อไหร่ก็ได้ เหมือนกับการที่เราดู Netflix จากเครื่องไหนที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น
แม้ Xbox Game Studios จะไม่ทำเกมเอ็กคลูซีฟลง Xbox Series X แต่อย่างน้อยตอนนี้คอนโซลเจนใหม่ก็มีเกมเอ็กคลูซีฟอยู่ 2 เกมจากสตูดิโอภายนอกคือ Scorn และ The Medium
ที่มา - Xbox Wire
Phil Spencer
|
# Zoom เปิดตัวแท็บเล็ต 27 นิ้วสำหรับใช้ในบ้าน ราคา 599 เหรียญ พร้อมแอป Zoom for Home
Zoom เป็นอีกบริษัทที่เติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงการระบาดของ COVID-19 และล่าสุด Zoom ก็เปิดตัว Zoom for Home แอปซูมเวอร์ชั่นพิเศษ ที่จะมาพร้อมกับอุปกรณ์แท็บเล็ตที่สร้างมาโดยเฉพาะ เริ่มต้นมีแท็บเล็ตที่รองรับเพียงรุ่นเดียวคือ DTEN ME แท็บเล็ตขนาดยักษ์ หน้าจอ 27 นิ้ว พร้อมกล้องมุมกว้างความละเอียดสูง ไมค์ 8 ตัว แล้ะหน้าจอสัมผัส รัน DTEN OS มาพร้อมแอป Zoom for Home และจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคมนี้ ในราคา 599 เหรียญ (ประมาณ 19,000 บาท)
Zoom for Home เป็นอุปกรณ์และแอปสำหรับใช้ในบ้าน ที่โฟกัสกลุ่มลูกค้าครอบครัวและคนทำงานจากบ้าน โดยจะสามารถใช้งานได้ทั้งกับ Zoom แบบฟรี หรือแบบเสียเงิน ต่างจากอุปกรณ์ที่ใช้แอป Zoom Room ที่จะต้องซื้อไลเซนส์แยกอีก 49 เหรียญ (ประมาณ 1,560 บาท) แต่ Zoomr for Home ก็จะสามารถใช้งานร่วมกับหน้าจอขนาดยักษ์ Neat Board และซาวด์บาร์ Neat Bar ของ Zoom ได้เช่นเดียวกัน
ที่มา - Zoom Blog via Venture Beat
|
# Xbox เผยข้อมูล Xbox Velocity Architecture ระบบ I/O ใหม่บน Xbox Series X
หลังการเปิดตัวคอนโซลเจนใหม่ทั้ง Xbox Series X และ PlayStation 5 มีแค่ฝั่งโซนี่เท่านั้นที่พยายามขายและชูจุดเด่นเรื่องความรวดเร็วในการโหลดเกมหรือเปลี่ยนฉาก จากระบบ I/O และ SSD ใหม่บน PlayStation 5
ทว่าฝั่งไมโครซอฟท์กลับแทบไม่พูดถึงประเด็นนี้เท่าไหร่นัก นอกจากการบอกว่าใช้ SSD รุ่นใหม่และรองรับ Quick Resume สลับเกมไปมาได้หลายเกมอย่างรวดเร็ว ไม่เสียเวลาโหลด แต่ล่าสุด Jason Ronald ผอ. ฝ่ายการจัดการโปรแกรมของ Xbox Series X เพิ่งเขียนบล็อคอธิบาย Xbox Velocity Architecture สถาปัตยกรรม I/O ใหม่บน Xbox Series X ที่เจ้าตัวบอกว่าหากหน่วยประมวลผลเป็น "หัวใจ" Xbox Velocity Architecture ก็เป็น "จิตวิญญาณ" (soul) ของคอนโซลรุ่นใหม่ก็ว่าได้
องค์ประกอบหลักของ Xbox Velocity Architecture มีอยู่ 4 อย่าง
NVMe SSD ที่ออกแบบเอง ความเร็ว I/O throughput ในการอ่านข้อมูลดิบอยู่ที่ 2.4GB/s มากกว่า Xbox One 40 เท่า โดยสเปคนี้รองรับไปยังการ์ดหน่วยความจำนอกที่เป็น expansion card ด้วย
ชิปเร่งความเร็วการถอดรหัสไฟล์ (Hardware Accelerated Decompression) ที่ใช้อัลกอริทึม LZ ร่วมกับ BCPack อัลกอริทึมใหม่ของไมโครซอฟท์ สำหรับบีบอัดหรือแตกไฟล์เท็กซ์เจอร์เกม ช่วยลดขนาดไฟล์และเวลาดาวน์โหลดโดยรวมลงได้เยอะ
DirectStorage API ตัวใหม่ เป็น API (ในกลุ่ม DirectX) สำหรับเข้าถึงระบบ I/O ใหม่ ให้นักพัฒนาเกมสามารถดึงศักยภาพ I/O ของฮาร์ดแวร์ออกมาได้มากที่สุด
Sampler Feedback Streaming (SFS) ระบบเรนเดอร์เท็กซ์เจอร์เกมใหม่ จากเดิมที่คอนโซลต้องโหลดเท็กซ์เจอร์ของทั้งฉากเอาไว้ในแรม GPU แม้จะเป็นเท็กซ์เจอร์ของแบ็คกราวด์ไกล ๆ ที่ความละเอียดต่ำ ก็ต้องโหลดมาทั้งหมด (แต่เรนเดอร์นิดเดียว) ทำให้โดยเฉลี่ยแล้ว GPU ได้เข้าถึงไฟล์เท็กซ์เจอร์ที่โหลดเอาไว้แค่ 1 ใน 3 เท่านั้น ซึ่งเปลืองพื้นที่และแบนด์วิธ ตัว SFS ถูกออกแบบมาแก้ปัญหานี้ ช่วยให้ GPU ดึงเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้มาเก็บเอาไว้ในแรม ช่วยให้การใช้งานแรมและ throughput ของ I/O มีประสิทธิภาพดีกว่าสเปคที่ระบุไว้ 2.5 เท่า
ในแง่ประสบการณ์เล่นเกมจริง ก็คงต้องรอการพิสูจน์ว่าสุดท้ายแล้วค่ายไหนทำออกมาได้ดีกว่ากัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าในแง่การตลาดไมโครซอฟท์ยังตามหลังโซนี่อยู่ไม่น้อย
ที่มา - Xbox Wire
|
# [ไม่ยืนยัน] กูเกิลอาจแบนกล้องถ่ายแล้วหน้าเนียนเป็นค่าตั้งต้นบน Android 11
กล้องมือถือรวมถึงซอฟต์แวร์กล้องเดี๋ยวนี้วิวัฒนาการไปไกลจนถ่ายรูปหน้าคนออกมาผิดจากความเป็นจริงไปมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีเอกสารหลุดออกมาว่า กูเกิลอาจแบนกล้องถ่ายแล้วผิวเนียนออกจาก Android 11 เป็นค่าตั้งต้นเลย
เว็บไซต์ XDA- Developers เผยแพร่เอกสาร Android Compatibility Definition Document (CDD) ของกูเกิล มีข้อเสนอเรื่องการห้ามใช้อัลกอริทึมปรับเปลี่ยนรูปภาพที่ถ่ายจากกล้องมือถือ โดยเฉพาะรูปถ่ายใบหน้า การห้ามในที่นี้เป็นการห้ามโดยค่าตั้งต้น ผู้ใช้งานยังคงมีอิสระที่จะปรับแต่งรูปภาพต่อได้
ส่วนหนึ่งในเอกสารระบุว่า อุปกรณ์แอนดรอยด์ และ API กล้องต้องได้รับการตรวจสอบให้แน่ใจว่า ภาพใบหน้าที่ได้จะไม่ถูกปรับเปลี่ยน ทั้งรูปทรงใบหน้า ควมเรียบเนียน สีผิว
Image by Mircea Iancu from Pixabay
ที่มา - MSPoweruser
|
# Facebook Messenger บนมือถือ รองรับการแชร์หน้าจอระหว่างวิดีโอคอลแล้ว
การแชร์หน้าจอระหว่างคุยวิดีโอคอล ถือเป็นฟีเจอร์สำคัญที่ไม่ว่าแอปไหนก็ต้องมีไว้ ล่าสุด Facebook Messenger ประกาศรองรับการแชร์หน้าจอบนแอปมือถือ iOS และแอนดรอยด์แล้ว สามารถใช้งานได้ทั้งแบบคุยวิดีโอคอล 1 ต่อ 1 ไปจนถึงคุยกลุ่มสูงสุด 8 คน
นอกจากนี้ Messenger Rooms บนเว็บก็สามารถใช้ฟีเจอร์แชร์หน้าจอได้แล้วด้วยเช่นกัน โดยสามารถใช้งานคุยได้สูงสุด 16 คน ทาง Facebook ยังบอกด้วยว่า จะเพิ่มความสามารถให้ผู้ควบคุมห้องวิดีโอคอลสามารถกำหนดได้ว่าใครสามารถแชร์หน้าจอได้บ้าง
ที่มา - Facebook Messenger
|
# ไมโครซอฟท์หยุดผลิต หยุดขาย Xbox One X แล้ว ส่วน Xbox One S ยังอยู่
ไมโครซอฟท์ยืนยันข่าวการหยุดผลิตและวางขายคอนโซลยุคปัจจุบัน 2 รุ่นย่อยคือ Xbox One X และ Xbox One S All-Digital Edition รุ่นไร้ช่องใส่แผ่นดิสก์ แต่ยังคงผลิตและวางขาย Xbox One S รุ่นปกติอยู่
ตอนนี้รายการสินค้า Xbox One X และ Xbox One S All-Digital Edition บนหน้าเว็บของไมโครซอฟท์ขึ้นว่า "sold out" เรียบร้อยแล้ว แต่คนที่อยากได้จริงๆ อาจยังซื้อจากร้านค้าอื่นที่ยังมีของได้อยู่
ประกาศนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะ Xbox Series X ใกล้วางขายเข้ามาทุกที สิ่งที่น่าสนใจคือไมโครซอฟท์ยังเก็บ Xbox One S รุ่นล่างไว้ ซึ่งเป็นไปได้ว่ารอ Xbox Series S หรือโค้ดเนม "Lockhart" ตามข่าวลือนั่นเอง
ที่มา - Eurogamer
|
# Netflix มองจำนวนสมาชิกครึ่งหลังปีนี้ ไม่เพิ่มสูงเท่าครึ่งแรกของปี - แต่งตั้งซีอีโอร่วมคนใหม่
Netflix รายงานผลการดำเนินงาน ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2020 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 24.9% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 6,148 ล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิอยู่ที่ 720 ล้านดอลลาร์
ในไตรมาสที่ผ่านมาจำนวนสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 10.09 ล้านคน รวมมีสมาชิก 192.95 ล้านคน อย่างไรก็ตาม Netflix ให้มุมมองว่าการเติบโตช่วงครึ่งปีแรกนั้นสูงกว่าปกติมาก เป็นผลจากสถานการณ์โลกช่วงที่ผ่านมา ทำให้มีสมาชิกเพิ่มขึ้น 26 ล้านคน เทียบกับช่วงเดียวกันปี 2019 ที่เพิ่มขึ้น 12 ล้านคน จึงมองว่าครึ่งหลังของปี ตัวเลขจะไม่สูงเท่านี้
สำหรับผลกระทบจากการโควิด-19 ต่อการผลิตคอนเทนต์ใหม่นั้น Netflix บอกว่าเนื้อหาใหม่ในปี 2020 ยังสามารถออกได้ตามแผน และตามแผนปัจจุบัน ปี 2021 จะมีออริจินัลออกมามากกว่าปีนี้ ขณะที่การผลิตเริ่มกลับมาทำงานแล้วในหลายประเทศ โดยยกตัวอย่างเกาหลี ที่ไม่เคยหยุดการถ่ายทำแบบทั้งหมดเลย
นอกจากนี้ Netflix ยังปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง โดย Ted Sarandos หัวหน้าฝ่ายคอนเทนต์ จะรับตำแหน่งเพิ่มเป็นซีอีโอร่วม ทำงานร่วมกับซีอีโอปัจจุบัน Reed Hastings
ที่มา: Netflix
|
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.