NewsTitle
stringlengths
11
31.5k
Detail
stringlengths
9
78.4k
NewsDate
stringlengths
3
5.77k
Region
stringclasses
48 values
Province
stringclasses
99 values
Department
stringclasses
211 values
Link_News
stringlengths
3
903
v
stringclasses
812 values
ทช. สืบพบเปิดเฟซบุ๊กซื้อ - ขายกัลปังหา สั่งเร่งตรวจสอบ จับ - ปรับ ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
นายอภิชัย เอกวนากุล รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (รรท.อทช.) กล่าวว่า สํานักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (ระยอง) โดยศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดตราด ได้รับแจ้งจากเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดตราดว่ามีการซื้อ - ขาย กัลปังหา ดอกไม้ทะเล ซากปะการัง ในพื้นที่จังหวัดตราด เบื้องต้นศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลจังหวัดตราด ได้ทําการสืบหาข้อเท็จจริงพบว่ามีการประกาศขายจริงในเพจเครื่องราง..ทนสิทธิ์ แปลก!! หายาก!! และเพจเครื่องรางของขลังจากธรรมชาติทุกชนิด กะลา กาฝาก ไม้ไผ่ฯ การซื้อ-ขาย กัลปังหา ดอกไม้ทะเล ซากปะการัง มีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 กรม ทช. ได้ประสานกับท้องถิ่นในพื้นที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ฝ่ายความมั่นคงอําเภอเขาสมิง งานสืบสวนสถานีตํารวจภูธรเขาสมิง และศูนย์รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดตราด เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบและได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดตราดในการเข้าตรวจค้นพร้อมจับกุม 2 ผู้ต้องหา รวมถึงของกลาง ประกอบด้วย ซากกัลปังหา แปรสภาพเป็นแหวน กําไร จํานวน 30 ชิ้น ซากกัลปังหา บรรจุกล่องพร้อมส่ง จํานวน 47 ชิ้น ซากกัลปังหา อยู่ในภาชนะ จํานวน 20 ชิ้น ซากกัลปังหา แข็ง จํานวน 6 ชิ้น ได้แจ้งข้อกล่าวหาและควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนําส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขาสมิง เพื่อดําเนินการตามกฎหมายต่อไป เจ้าหน้าที่ ทช. เฝ้าติดตามขบวนการนี้มาเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ ก่อนที่จะมีการร้องเรียนจากกลุ่มนักอนุรักษ์ว่ามีการประกาศขายกําไล และแหวนที่ทําจากกัลปังหาผ่านทางเฟซบุ๊ก หากพบว่ามีการค้าและมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่าคุ้มครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 จะมีโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ส่วนความผิดฐานค้าฯ มีโทษจําคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
23/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
หน่วยงานสำนักข่าว
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230323095526921
null
กอนช. เฝ้าระวังเกิดฝนตกในภาคตะวันออก ภาคอีสานตอนล่าง และภาคใต้ ขณะที่กรมทรัพยากรน้ำเร่งสูบน้ำเติมแหล่งน้ำดิบระบบประปาหมู่บ้านในนครสวรรค์
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังเกิดฝนตกในภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคใต้ ขณะที่กรมทรัพยากรน้ําเร่งสูบน้ําเติมแหล่งน้ําดิบระบบประปาหมู่บ้านในจังหวัดนครสวรรค์ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยการกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ําภาพรวมของประเทศวันนี้ (23 มี.ค.66) ว่า ความกดอากาศต่ําเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทําให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวันและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภาคตะวันออก ประกอบกับ ลมตะวันตกปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทําให้บริเวณดังกล่าวเกิดฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สําหรับลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทําให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกปานกลางถึงหนักบริเวณ จ.ยะลา , ราชบุรี และกาญจนบุรี ทั้งนี้ กอนช. ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดําเนินการตามมาตรการรองรับหน้าแล้งอย่างเคร่งครัด เช่น กรมทรัพยากรน้ํา และเทศบาลตําบลศาลเจ้าไก่ต่อ ร่วมกันติดตั้งเครื่องสูบน้ําขนาด 12 นิ้ว พร้อมอุปกรณ์ 1 เครื่อง เพื่อสูบน้ําเติมแหล่งน้ําดิบระบบประปาหมู่บ้าน บริเวณคลองแม่วงก์ บ้านศาลเจ้าไก่ต่อ ต.ศาลเจ้าไก่ต่อ อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนน้ําอุปโภค – บริโภค และรองรับภัยแล้ง มีประชาชนได้รับประโยชน์ 3 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 1 , 3 และ 4 จํานวน 1,000 ครัวเรือน รวม 3,200 คน ปัจจุบันอยู่ระหว่างดําเนินการ
23/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230323100517926
null
ภาคเหนือ ค่าฝุ่น PM 2.5 สูงหลายพื้นที่ โดยเฉพาะใน จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย และเชียงใหม่ พบสูงสุดบริเวณ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 182 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ภาคเหนือ ค่าฝุ่น PM 2.5 สูงหลายพื้นที่ โดยเฉพาะใน จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย และเชียงใหม่ พบสูงสุดบริเวณ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 182 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากต่อเนื่อง นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (23 มี.ค.66) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ปรับตัวสูงขึ้นหลายพื้นที่ เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 13 พื้นที่ และสีแดง 6 พื้นที่ บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย และเชียงใหม่ อยู่ที่ 93 - 182 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยพบสูงสุดบริเวณ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพราะยังพบการเผาในเขตป่าและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีผลต่อการสะสมของฝุ่น จึงขอความร่วมมือประชาชนงดการบริหารจัดการเชื้อเพลิงจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง ทั้งนี้ ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงบริเวณภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านต้องเฝ้าระวังพิเศษวันที่ 24 – 27 มีนาคม ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบค่าฝุ่น PM 2.5 ปรับตัวลดลง แต่ยังพบ เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 3 พื้นที่ บริเวณ จ. เลย บึงกาฬ และนครพนม อยู่ที่ 67 - 85 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากทุกพื้นที่ โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ทั้งนี้ ศูนย์แบบจําลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (24 มี.ค.66) มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่เปิดมากขึ้น เพดานการลอยตัวอากาศที่สูงขึ้น ประกอบกับ ลมทางใต้ที่กําลังแรงช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางแอปพลิเคชั่น Air4Thai
23/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230323101653933
null
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร พัฒนาศักยภาพการผลิตโคเนื้อครบวงจร เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ มุ่งสนับสนุนการพัฒนาและเชื่อมโยงระบบการบริหารจัดการฟาร์มโคเนื้อให้ได้มาตรฐานภายใต้โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดโคเนื้อสุรินทร์วากิวครบวงจรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้เกษตรกร ลดผลกระทบจากการจัดทําความตกลงการค้าเสรี หลายฉบับ ที่ผ่านมาได้สนับสนุนการยกระดับมาตรฐานและเพิ่มประสิทธิภาพของอุตสาหกรรมโคเนื้อของไทยตั้งแต่ต้นน้ํา กลางน้ํา จนถึงปลายน้ํา ให้เป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยขับเคลื่อนผ่านโครงการต่างๆ ที่ได้รับการอนุมัติงบประมาณจากกองทุน FTA ดังเช่น โครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตและการตลาดโคเนื้อสุรินทร์วากิวครบวงจรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้เกษตรกร โดยมีกรมปศุสัตว์ เป็นผู้กํากับดูแล มีเป้าหมายเพิ่มปริมาณการผลิตโคขุน ลดต้นทุนการผลิต เน้นถ่ายทอดเทคโนโลยี ภายใต้การจัดการฟาร์มมาตรฐาน GFM ในเบื้องต้น และพัฒนาไปสู่ฟาร์ม GAP เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้อลูกผสมไทยวากิวด้วยการบริหารจัดการเลี้ยงโคขุนรูปแบบคอกกลาง ตลอดจนเพิ่มช่องทางในการแข่งขันเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น จากลงพื้นที่ติดตามโครงการฯ พบว่า ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนโคขุนสุรินทร์โกเบครบวงจรตําบลสลักได จังหวัดสุรินทร์ สามารถผลิตโคขุนเป็นไปตามแผน ภาพรวมเกษตรกรมีต้นทุนการเลี้ยงโคขุนอยู่ที่ 75,000 - 80,000 บาท ต่อตัว จําหน่ายในราคา 100,000 - 105,000 บาทต่อตัว ทางกลุ่มวิสาหกิจฯ จะหักเงินรายได้จากการขายโคของเกษตรกรไว้ตัวละ 11,000 บาท เพื่อรวบรวมไว้สําหรับชําระหนี้กองทุน FTA ส่งผลให้เกษตรกร มีรายได้หลักหักค่าใช้จ่ายจากการจําหน่ายลูกโค เฉลี่ยที่ 25,000 บาทต่อตัว อย่างไรก็ตาม กองทุน FTA พร้อมขยายการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อ ผลักดันเกษตรกรให้มุ่งดําเนินธุรกิจ พัฒนากระบวนการเลี้ยงโคเนื้อให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ เพื่อให้คู่ค้าเอกชนและเครือข่ายกลุ่มในจังหวัดต่างๆ เกิดการยอมรับและขยายช่องทางการจําหน่ายผลิตภัณฑ์โคเนื้อวากิวทั้งตลาดภายในจังหวัดสุรินทร์และจังหวัดอื่นๆ ต่อไป
23/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230323105158946
null
จังหวัดกาญจนบุรี จัดกิจกรรม Kick off “กาญจนบุรีร่วมใจ หยุดเผาป่า ลด(PM2.5) ชาวประชาชื่นใจ”
จังหวัดกาญจนบุรี จัดกิจกรรม Kick off "กาญจนบุรีร่วมใจ หยุดเผาป่า ลด(PM2.5) ชาวประชาชื่นใจ" เพื่อเป็นการรณรงค์ป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันป้องกันปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM2.5) ให้ลดลงและสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน ให้เกิดความตระหนักถึงพิษภัยอันตรายจากไฟป่าและหมอกควัน วันนี้ (23 มีนาคม 2566) เวลา 09.00 น. ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานจัดกิจกรรม Kick off รณรงค์ป้องกัน แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ป้องกันปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ภายใต้ชื่อกิจกรรม "กาญจนบุรีร่วมใจ หยุดเผาป่า ลด (PM2.5) ชาวประชาชื่นใจ" โดยมี นายเชษฐ พวงจิตร ผู้อํานวยการสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมฯ พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรี ศุภมงคล บูชาถ่ายเทศ นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายเอกภพ จันทร์เพ็ญ ผู้อํานวยการศูนย์ ปภ. เขต 2 สุพรรณบุรี นายอุทัย ขันทอง รักษาราชการแทนหัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร ตํารวจ ประชาชนจิตอาสา อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าจากกรมอุทยานแห่งชาติฯ เข้าร่วมกิจกรรม จังหวัดกาญจนบุรี โดยสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี สํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี บูรณาการร่วมกับอําเภอเมืองกาญจนบุรี อําเภอไทรโยค อําเภอ ศรีสวัสดิ์ และอําเภอทองผาภูมิ จัดกิจกรรม Kick off รณรงค์ป้องกัน แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ป้องกันปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ภายใต้ชื่อกิจกรรม "กาญจนบุรีร่วมใจ หยุดเผาป่า ลด (PM2.5) ชาวประชาชื่นใจ" เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) สร้างการรับรู้ภาคประชาชนให้เป็นจุดเริ่มให้เกิดพฤติกรรมสอดส่องดูแล หมู่บ้าน ชุมชน ในการเผาแหล่งกําเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) อีกด้วย จากนั้น ได้มีกิจกรรมสาธิตการใช้เครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยในการดับไฟป่า และลด(PM2.5) ได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 2 สุพรรณบุรี ต่อจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีได้ร่วมปล่อยขบวนรณรงค์ของกิจกรรมฯ ซึ่งภายในกิจกรรมได้ดําเนินการพร้อมกันทั้ง 4 อําเภอ ได้แก่ อําเภอเมืองกาญจนบุรี ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี อําเภอศรีสวัสดิ์ ที่บริเวณด้านหน้าเทศบาลตําบลเอราวัณ อําเภอไทรโยค ที่บริเวณด้านหน้าที่ว่าการอําเภอไทรโยค และอําเภอทองผาภูมิ ที่บริเวณด้านในเขื่อนวชิราลงกรณ ทั้งนี้ เนื่องจาก ช่วงเดือนมกราคม - เมษายนของทุกปี สถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ของจังหวัดกาญจนบุรี มีแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สังเกตุจากการเกิดจุดความร้อน hotspot โดยเฉพาะเขตพื้นที่ป่า ส่งผลให้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) มีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานต่อเนื่อง และก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายของประชาชน โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจ จากข้อมูลของสํานักสาธารณสุขจังหวัด พบว่าจํานวนผู้ป่วยด้วยโรคที่เฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพจากมลพิษทางอากาศ ประกอบด้วย 4 กลุ่มโรค ได้แก่ กลุ่มโรคตาอักเสบ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ กลุ่มโรคหัวใจหลอดเลือด และกลุ่มโรคทางเดินหายใจ ซึ่งเดือนกุมภาพันธุ์ 2566 กลุ่มโรคทางเดินหายใจ มีจํานวนผู้ป่วยมากสูงขึ้นเป็นอย่างมาก สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี : ข่าว/ภาพ ฐิติพร ม่วงแก้ว-ข่าว /-พิมพ์-/ จิตริน มัชฌันติกะ-/ภาพนิ่ง พัชรพล เจริญสุข-/ภาพวีดีโอ-ส่งข่าว #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/3/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230323120618005
null
ผู้ว่าฯ กาญจนบุรี พร้อมด้วยส่วนราชการ ร่วม Kick Off การป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ภายใต้ชื่อ “กาญจนบุรีร่วมใจ หยุดเผาป่า ลด (PM2.5) ชาวประชาชื่นใจ”
ที่ ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ร้อยโท ทศพล ชัยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานในพิธีเปิด กิจกรรม “กาญจนบุรีร่วมใจ หยุดเผาป่า ลด (PM2.5) ชาวประชาชื่นใจ” โดยมี นายศักรินทร์ ทุมเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายปกรณ์ กรรณวัลลี ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี นายอุทัย ขันทอง รักษาราชการแทนหัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ตลอดจน ประชาชนจิตอาสา เข้าร่วมฯ ภายในงานมีการเชื่อมโยงสัญญาณไปยัง 3 อําเภอ ได้แก่ อําเภอศรีสวัสดิ์ อําเภอไทรโยค และอําเภอทองผาภูมิ เพื่อรับสัญญาณและเริ่มกิจกรรม Kick Off ไปพร้อมๆ กันผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ปัญหาสุขภาพของพี่น้องชาวจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนหนึ่งมาจากปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) มีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานต่อเนื่อง ซึ่งสาเหตุหลัก เช่น การเผาอ้อย การเผาภาคเกษตร การเผาภาคครัวเรือน และไฟป่า โดยลุกลามขยายเป็นวงกว้าง เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ จังหวัดกาญจนบุรีได้เน้นย้ําการบูรณาการทุกภาคส่วน และให้หน่วยงานที่มีอํานาจหน้าที่ตามกฎหมาย บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด ตลอดจนเข้าควบคุมแหล่งกําเนิด/หยุดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เน้นการสื่อสารเชิงรุกและสร้างการมีส่วนร่วมในระดับพื้นที่ ขอความร่วมมือประชาชน ตลอดจนภาคส่วนต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการสอดส่อง ดูแลหมู่บ้าน/ชุมชน โดยงดการเผาและงดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ให้ประชาชนทราบมาตรการ และผลการปฏิบัติของจังหวัดกาญจนบุรีในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และเพิ่มช่องทางในการช่วยเหลือพี่น้องชาวจังหวัดกาญจนบุรี เรื่องแนวทางการดูแลสุขภาพ อย่างต่อเนื่องทั้งนี้ จังหวัดกาญจนบุรีได้นําแนวทางและมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ตามที่รัฐบาลกําหนด มาขับเคลื่อนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย การสื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ และสร้างการมีส่วนร่วมสําหรับกิจกรรม “กาญจนบุรีร่วมใจ หยุดเผาป่า ลด (PM2.5) ชาวประชาชื่นใจ” ในวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) และสร้างการรับรู้ การมีส่วนร่วม ในการสอดส่อง ดูแลหมู่บ้าน/ชุมชน โดยงดการเผา และงดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ต่อไป #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/3/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สวท.กาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230323120939009
null
ททท.กาญจนบุรี ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร ร่วมกันทำแนวกันไฟ เพื่อร่วมฉลองในโอกาสครบรอบ 63 ปี ของการก่อตั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
นางสาวสรียา บุญมาก ผู้อํานวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสํานักงานกาญจนบุรี พร้อมด้วยหน่วยงานพันธมิตรด้านการท่องเที่ยว จัดกิจกรรมทําแนวกันไฟให้กับป่าชุมชน บ้านห้วยสะพานสามัคคี (ป่าสงวนแห่งชาติป่าหนองโรง) อําเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันสถาปนาครบ 63 ปี ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่มีพันธกิจการดําเนินงานด้านการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (CSR in process) ตามแนวคิด BCG ในการสร้างกระแสการท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ที่จะส่งผลดีต่อความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน รวมทั้งยังเป็นการสร้าง ความร่วมมือของเครือข่ายพันธมิตรด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรี ณัฏฐภัส เหลืองพฤกษชาติ / สวท.กาญจนบุรี#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/3/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สวท.กาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230323121228011
null
เกษตรอำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนกิจกรรมเลี้ยงด้วงสาคูของ Young Smart Farmer
นายธีรพงศ์ มนต์แก้ว เกษตรอําเภอหาดสําราญ มอบหมายให้นางสาวพัทธนันท์ บุญคง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ สํานักงานเกษตรอําเภอหาดสําราญ ร่วมกับ นางณัฏฐินี ชูดํา นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ สํานักงานเกษตรจังหวัดตรัง ติดตามเยี่ยมเยียน Young Smart Farmer นายเฉลิมชัย เอียดขํา ณ หมู่ที่ 1 ตําบลบ้าหวี อําเภอหาดสําราญ จังหวัดตรังโดยมีกิจกรรมเลี้ยงด้วงสาคูในกะละมัง ประมาณ 200 กะละมัง ใช้ระยะเวลาเลี้ยง 35 วัน ส่งจําหน่ายในพื้นที่จังหวัดตรัง และต่างจังหวัด เช่น สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ทั้งแบบสดและแบบแช่แข็ง จําหน่ายกิโลกรัมละ 200 บาท สามารถสร้างรายได้มากกว่า 20,000 บาท/เดือน และยังใช้วัสดุเศษเหลือจากการเลี้ยงด้วงสาคู มาใช้เป็นปุ๋ยมูลด้วงสาคูมาปลูกพริก สร้างรายได้ได้อีกทางหนึ่งด้วย ผู้ที่สนใจสั่งซื้อด้วงสาคูสามารถติดต่อได้ที่ คุณเฉลิมชัย เอียดขํา โทรศัพท์ 062-0698109 #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230323125813024
null
เกษตรจังหวัดตรัง ร่วมกับเกษตรอำเภอปะเหลียน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การเก็บเกี่ยวแตงโมเกาะสุกร รอบการผลิตปี 2566 (รอบการเพาะปลูกในนา) ในพื้นที่ตำบลเกาะสุกร
นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง มอบหมายให้นางกันยารัตน์ ก้านจันทร์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสํานักงานเกษตรอําเภอปะเหลียน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การเก็บเกี่ยวแตงโมเกาะสุกร รอบการผลิตปี 2566 (รอบการเพาะปลูกในนา) ในพื้นที่ตําบลเกาะสุกร อําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ซึ่งเกษตรกรได้เริ่มทยอยเก็บเกี่ยวแตงโมจําหน่ายทั้งจําหน่ายผู้บริโภคโดยตรงที่มาท่องเที่ยวบนเกาะและส่งจําหน่ายนอกแหล่งผลิต และจําหน่ายพ่อค้าคนกลางที่มาติดต่อรับซื้อในการลงติดตามสถานการณ์การเก็บเกี่ยวครั้งนี้ ได้สุ่มเก็บตัวอย่างแตงโมมาทดสอบความหวาน และดูลักษณะทางกายภาพความสุกแก่ของแตงโม โดยสุ่มเก็บตัวอย่างแตงโมสายพันธุ์โบอิ้ง อายุ 49 วัน, 53 วัน, 57 วัน สายพันธุ์เมญ่า อายุ 60 วัน วัดค่าความหวานได้ 11.9 บริกซ์, 14.9 บริกซ์, 13.9 บริกซ์ และ 12.9 บริกซ์ ตามลําดับ จากการผ่าดูลักษณะทางกายภาพเนื้อแตงโม พบว่า แตงโม อายุ 49 วัน เนื้อแตงโมยังไม่เป็นสีแดงเข้ม เมล็ดในแตงโมยังเป็นสีขาวทั้งหมด ส่วนแตงโมที่อายุมากกว่า 50 วัน จะมีเนื้อสีแดงเข้ม เมล็ดในมีสีดําร้อยละ 85 แตงโมอายุ 57 วันขึ้นไป เมล็ดในมีสีดําร้อยละ 95 แตงโมสายพันธุ์โบอิ้งเนื้อจะมีเนื้อกรอบ แตงโมสายพันธุ์เมญ่าจะมีเนื้อเนียนละเอียดทั้งนี้ การติดตามสถานการณ์การเก็บเกี่ยวและสุ่มเก็บตัวอย่างพิจารณาลักษณะทางกายภาพและทดสอบความหวานของแตงโม เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในฐานะเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาเกษตรกรได้ให้คําแนะนําเพื่อสร้างความเข้าใจและให้เกษตรกรผู้ปลูกแตงโมตระหนักถึงความสําคัญในการจัดการระบบการผลิตและการเก็บเกี่ยวในระยะที่เหมาะสม ซึ่งเป็นข้อกําหนดของมาตรฐานสินค้าเกษตร GAP พืชอาหาร เพื่อให้ได้ผลผลิตแตงโมที่มีคุณภาพดีและมีความปลอดภัย สร้างความน่าเชื่อถือแก่ผู้บริโภค#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230323141143066
null
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ สนับสนุนทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยนครพนม ในโครงการการถ่ายทอดนวัตกรรมและส่งเสริมพัฒนากลุ่มวิสาหกิจชุมชนต้นแบบผลิตโคเนื้อครบวงจร แบบพึ่งพาตนเองเชิงบูรณาการใน จ.มุกดาหาร
น.ส.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อํานวยการสํานักงานการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. กล่าวว่า วช. สนับสนุนโครงการวิจัยต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวชุมชน โดยเฉพาะภาคการเกษตรที่จําเป็นต้องอาศัยองค์ความรู้ในการพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อย่างเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อที่จังหวัดมุกดาหาร โดยทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยนครพนม ทั้งเรื่องวัตถุดิบที่ใช้เป็นอาหารสัตว์ การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตและผลตอบแทนในการเลี้ยงโคเนื้อ ทิศทางการพัฒนาและสร้างกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และเกษตรกรสู่ Smart farmer เตรียมพร้อมสร้างอาชีพเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต และการจัดทําคู่มือเนื้อหาทางการปฏิบัติที่ทําให้เกษตรกรเข้าใจได้ง่าย ตลอดจนการผลิตสื่อเผยแพร่ในช่องทางต่าง ๆ รวมถึงการจัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการให้แก่เครือข่าย และเกษตรกรที่สนใจนายพิชิต รอดชุม อาจารย์สาขาวิชาสัตวศาสตร์ คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม หัวหน้าโครงการวิจัย เปิดเผยว่า โครงการนี้ได้มีการพัฒนาบูรณาการร่วมกันระหว่างเกษตรกร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในจังหวัด สร้างชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงแบบพึ่งพาตนเอง มาช่วยพัฒนาการจัดการเพิ่มประสิทธิภาพภายในฟาร์มของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อ และโคขุน โดยผลการดําเนินงานในโครงการฯ จากการสํารวจ พบว่า ค่าเฉลี่ยหนี้สินครัวเรือนของกลุ่มเป้าหมาย และหลังการอบรมสามารถนําองค์ความรู้ไปพัฒนาเป็นอาชีพสามารถลดหนี้สินครัวเรือนได้ถึง 4,310.34 บาท/ราย คิดเป็นร้อยละ 4.33 ซึ่งจะมีการขยายผลโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมศักยภาพความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อให้ดีขึ้น สามารถนําวัตถุดิบในชุมชนมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ตอบส่งต่อ
23/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230323151627114
null
จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยสูงเกือบ 2,000 จุด พบมากในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์
สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยสูงเกือบ 2,000 จุด พบมากในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ ส่วนประเทศเพื่อนบ้านสูงสุดที่ สปป.ลาว กว่า 4,000 จุด สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (22 มี.ค.66) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศ 1,713 จุด พบมากที่สุดในพื้นป่าอนุรักษ์ 647 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 556 จุด // พื้นที่เกษตร 244 จุด // พื้นที่เขต สปก. 136 จุด // พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 121 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 9 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ แม่ฮ่องสอน 275 จุด , น่าน 158 จุด และกาญจนบุรี 139 จุด ทั้งนี้ จากการตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” พบพื้นที่หลายจังหวัดในภาคเหนือที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ คือ แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา ลําพูน ลําปาง เลย ตาก และชัยภูมิ ขณะที่ทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอยู่ในระดับดีมากต่อเนื่อง แต่ยังควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจจะตามมา สําหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านสูงสุดใน สปป.ลาว 4,284 จุด รองลงมาคือ เมียนมา 2,694 จุด // เวียดนาม 1,356 จุด // กัมพูชา 687 จุด และมาเลเซีย 11 จุด
23/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230323144445096
null
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ยกระดับมาตรการป้องกันไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปกป้องสุขภาพประชาชน
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ยกระดับมาตรการป้องกันไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปกป้องสุขภาพประชาชน พร้อมนํานวัตกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าตามแนวทางเครดิตคาร์บอน มาใช้กับ 14 หมู่บ้านนําร่องวันที่ 23 มีนาคม 2566 ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมคณะทํางานศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ครั้งที่ 8 ประจําปี 2566 มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมที่ประชุมได้รายงานผลการดําเนินงาน ระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 21 มีนาคม 2566 พบว่ามีจุดความร้อนสะสมทั้งหมด 3,342 จุด คิดเป็นร้อยละ 35.64 ของค่าเป้าหมายปี 2566 โดยปีนี้จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตั้งค่าเป้าหมายไม่เกิน 9,378 จุด ขณะที่อําเภอที่มีจุความร้อนมากที่สุดในขณะนี้ ได้แก่ อําเภอแม่สะเรียง อําเภอเมือง และอําเภอปาย ตามลําดับ สําหรับค่า Pm.25 เกินเกณฑ์มาตรฐาน จํานวน 31 วัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า สถานการณ์หลังจากนี้แม้จะมีแนวโน้มว่าจุดความร้อน และปริมาณฝุ่นPM2.5 จะเพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน และภาคประชาชน ยังคงบูรณาการความร่วมมือในการลดการเผา ลดฝุ่นควัน ตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไปป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองของจังหวัดแม่ฮ่องสอน อย่างเข้มข้น และต่อเนื่องขณะที่ปีนี้จังหวัดแม่ฮ่องสอนนํานวัตกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ด้วยการรับซื้อใบไม้ โดยไม่นําใบไม้ออกจากป่า ตามโครงการหมู่บ้านต้นแบบลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามแนวทางคาร์บอนเครดิต โดยบริษัท วี อีโค จํากัด มีหมู่บ้านนําร่อง อําเภอละ 2 หมู่บ้าน รวม 14 หมู่บ้าน มีพื้นที่เป้าหมายเป็นพื้นที่ถูกเผาไหม้ จํานวน 56,786 ไร่ ซึ่งจากนี้จะลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับหมู่บ้านนําร่องทั้ง 14 แห่งภายในสัปดาห์นี้ โดยกําหนดค่าตอบแทนตามหลักเกณฑ์เงื่อนไข และรายได้จากโครงการดังกล่าว จะกระจายสู่หมู่บ้านนําร่องเพื่อใช่ในการพัฒนาพื้นที่ต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/3/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230323153825120
null
กรมปศุสัตว์ เผย เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่งวงพอใจที่สามารถเชื่อมผู้ประกอบการรับซื้อไก่งวง เพื่อแก้ปัญหาด้านการตลาดอย่างยั่งยืน
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่าตามที่กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่งวงประสบปัญหาด้านการตลาด ทําให้ปัจจุบันมีไก่งวงที่แช่แข็งค้างสต็อกอยู่ในห้องเย็นน้ําหนักประมาณ 40 ตัน ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงเกษตรกรในกลุ่มเครือข่ายที่กําลังเลี้ยงและรอส่งเชือดชําแหละในหลายพื้นที่ กรมปศุสัตว์จึงได้ประสานไปยังผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเพื่อรับซื้อและวางแผนการตลาดร่วมกันในวันนี้ ซึ่งได้รับการตอบรับจากสมาคมการค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย ในการตกลงร่วมกันกับผู้แทนกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยง ไก่งวง จะรับซื้อไก่งวงที่ค้างสต็อกไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ส่วนของบริษัท ซีพีเอฟ (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) จะนําไก่งวงแช่แข็งไปแปรรูปเพื่อจําหน่ายให้ผู้บริโภค รวมถึงวางแผนการรับซื้อไก่งวงมีชีวิตที่รอเข้าโรงเชือด ส่งผลให้มีการระบายไก่งวงที่แช่แข็งค้างสต็อกออกไปได้ทั้งหมด เป็นการบรรเทาปัญหาของเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงไก่งวง ส่วนในระยะยาวได้ร่วมกันจัดทําแผนการผลิต การตลาด ให้เหมาะสมต่อความต้องการของตลาดในส่วนของกรมปศุสัตว์ได้ช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่งวง โดยการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดทํามาตรฐานให้กับเกษตรกร เพื่อให้สามารถได้รับการรับรองมาตรฐานฟาร์มไก่งวงแบบปล่อยอิสระ ประสานโรงฆ่าสัตว์เพื่อยกระดับการฆ่าสัตว์ให้ได้มาตรฐาน เพื่อการส่งออกไก่งวง เจรจาการเปิดตลาดต่างประเทศเพื่อขยายโอกาสการส่งออกเนื้อไก่งวงและผลิตภัณฑ์ รวมทั้งมีการฝึกอบรม ส่งเสริมให้มีการแปรรูปเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่า อาทิเช่น ไส้กรอก ไก่จ๊อ เป็นต้น นอกจากนี้กรมปศุสัตว์ยังได้ประสานไปยังกระทรวงพาณิชย์เพื่อขอให้ช่วยหาตลาดในประเทศและตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศอีกด้วยกรมปศุสัตว์ ยืนยันว่า พร้อมให้การสนับสนุนช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่งวงภายใต้นโยบาย ตลาดนําการผลิต ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์”
23/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230323162456165
null
“ครอบครัวปศุสัตว์อำนาจเจริญ ทำด้วยใจ ทำให้ไว ทำได้จริง” พื้นที่ อำนาจเจริญ
วันที่ 23 มีนาคม 2566 เวลา 08.30 น. นายสัตวแพทย์อภิชาติ ภะวัง ปศุสัตว์จังหวัดอํานาจเจริญพร้อมด้วยกลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์และสํานักงานปศุสัตว์อําเภอหัวตะพานร่วมปฏิบัติงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ครั้งที่ 2 ปีงบประมาณ 2566 ณ โรงเรียนหนองยอดู่ในวิทยา หมู่ 8 ตําบลจิกดู่ อําเภอหัวตะพาน จังหวัดอํานาจเจริญ โดยมีนายชนาส ชัชวาลวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอํานาจเจริญ เป็นประธานในพิธี ซึ่งคลินิกปศุสัตว์ ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 6 ตัว ผ่าตัดทําหมันสุนัข- แมว 20 ตัว ให้ยาถ่ายพยาธิภายในโค กระบือ สัตว์ปีก และสุกร แร่ธาตุก้อนสําหรับสัตว์ รักษาพยาบาลสัตว์เบื้องต้นและแจกเอกสารการด้านปศุสัตว์ พร้อมทั้ง ให้คําปรึกษาด้านการเลี้ยงสัตว์และการดูแลสุขภาพสัตว์ช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ประชาชนได้ให้ความสนใจเข้ารับบริการ จํานวน 62 ราย#สํานักงานปศุสัตว์จังหวัดอํานาจเจริญ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สวท.อำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230323232153284
null
เกษตรตรังประชุมติดตามสถานการณ์ผลไม้ระดับจังหวัด ปี 2566 ครั้งที่ 1
ที่ห้องประชุมสํานักงานเกษตรจังหวัดตรัง อ.เมืองตรัง นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง เป็นประธานการจัดทํา Focus Group และติดตามสถานการณ์ผลไม้ระดับจังหวัด ปี 2566 ครั้งที่ 1 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยผู้รับผิดชอบงานไม้ผลระดับจังหวัด ผู้รับผิดชอบโครงการ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานไม้ผลระดับอําเภอ ผู้แทนเกษตรกรแปลงพยากรณ์ไม้ผล ผู้แทนจากสํานักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 9 จังหวัดสงขลา ผู้แทนจากสํานักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง เพื่อประเมินสถานการณ์การผลิตไม้ผลและพยากรณ์ผลผลิตผลไม้เพื่อนําข้อมูลมาใช้ในการวางแผนกระจายผลผลิตผลไม้ออกจากแหล่งผลิต รวมถึงการเชื่อมโยงตลาดนอกแหล่งผลิต ตลอดจนการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์และมาตรฐานยกระดับราคาผลไม้ในฤดูกาลผลิต ปี 2566จากผลประชุมติดตามสถานการณ์ คาดว่าผลผลิตทุเรียนในปี 2566 จะมีประมาณ 1,582 ตัน ซึ่งมากกว่าผลผลิตปี 2565 และ 2564 ที่ผ่านมา เนื่องจากเกษตรกรให้ความสําคัญและมีราคาเป็นแรงจูงใจ จึงได้มีการจัดการเพื่อให้ได้ผลผลิตทุเรียนที่มีคุณภาพ สําหรับมังคุด เงาะ และลองกอง ผลผลิตคาดว่าจะมีปริมาณมากกว่าปี 2565 แต่น้อยกว่าปี 2564 #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324084512318
null
สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดอำนาจเจริญ จัดฝึกอบรมเกษตรกร หลักสูตร “การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่” ภายใต้โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน กิจกรรมส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566 เวลา 11.30 ที่หอประชุมศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์อํานาจเจริญ สํานักงานปศุสัตว์จังหวัดอํานาจเจริญ โดยกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ จัดฝึกอบรมเกษตรกร หลักสูตร “การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่” ภายใต้โครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน กิจกรรมส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมี นายสัตวแพทย์อภิชาติ ภะวัง ปศุสัตว์จังหวัดอํานาจเจริญ เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมและมอบวัสดุการเกษตรให้แก่ผู้เข้ารับการฝึกอบรม และมีวิทยากรจากหน่วยงานร่วมดําเนินการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้แก่ สํานักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอํานาจเจริญ, สํานักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัดอํานาจเจริญ, สํานักงานเกษตรจังหวัดอํานาจเจริญ, สถานีพัฒนาที่ดินอํานาจเจริญ, สํานักงานประมงจังหวัดอํานาจเจริญ และศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์อํานาจเจริญ โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในแนวคิดและหลักการของเกษตรทฤษฎีใหม่ตามลําดับขั้นของการพัฒนาและแนวคิดการทําเกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ เป้าหมายเป็นเกษตรกรที่ได้รับการพัฒนาศักยภาพผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน กิจกรรมส่งเสริมเกษตรทฤษฎีใหม่ จังหวัดอํานาจเจริญ จํานวน 161 ราย #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สวท.อำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324090801327
null
เกษตรกันตัง ร่วมต้อนรับและนำเสนอผลการดำเนินงานโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ กลุ่มแปลงใหญ่ต้นจาก ม.4 ต.บางหมาก
นางบุญญาพร กายเพ็ชร นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ ปฏิบัติราชการแทนเกษตรอําเภอ พร้อมด้วยนางสาวกรภัทร แซ่ฟู้ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ร่วมกับนายศรัทธาเทพ กาหยี ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ฯ ร่วมต้อนรับและนําเสนอผลการดําเนินงานโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ กลุ่มแปลงใหญ่ต้นจาก ม.4 ต.บางหมาก อ.กันตัง จ.ตรัง แก่นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมงและคณะตรวจราชการเขตตรวจราชการที่ 6 ณ วิสาหกิจชุมชนชายคลองโฮมสเตย์ ม.1ต.ย่านซื่อ อ.กันตัง จ.ตรัง สรุปและนําเสนอข้อมูล ดังนี้ 1.ต้นจากเป็นพืชเศรษฐกิจ ลําดับที่ 3 ของอําเภอกันตัง จัดตั้งแปลงใหญ่ฯ ตั้งแต่ ปี 2563-ปัจจุบัน มีสมาชิก 39 ราย พื้นที่ 276 ไร่ และดําเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายทั้ง 5 ด้าน ของโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ 2.มีการพัฒนาผลผลิตและผลิตภัณฑ์ ต่อยอดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น เกิดผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ ได้แก่ เกล็ดน้ําตาลจาก และจานใบจาก จานปงจาก(โคนทางจาก) 3.การบูรณาการร่วมกับกรมประมงในการอนุรักษ์พื้นที่ปลูกต้นจากและการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ําร่วมกับสมาชิกและชุมชนสองฝั่งแม่น้ําตรัง ซึ่งทําให้ปัจจุบันพื้นที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ สมาชิกในชุมชนทํามาหากิน มีรายได้จากการประมงอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ทั้งนี้ได้ร่วมปล่อยแม่พันธุ์กุ้งก้ามกราม จํานวน 99 ตัว และพันธุ์ปลาน้ําจืดลงสู่ลุ่มแม่น้ําตรัง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324085701322
null
สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ยังต้องเฝ้าระวัง ปภ.แนะหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่ออกจากบ้าน และหากมีอาการผิดปกติ ให้รีบพบแพทย์
นายทวีศักดิ์ บัวพา นายช่างโยธาอาวุโส รักษาราชการแทนหัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์ กล่าวถึง สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ขณะนี้สูงสุดอยู่ที่ อําเภอบัวเชด ในระดับ 42 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ต่ําสุดที่อําเภอรัตนบุรี ระดับ 37 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ค่าเฉลี่ยทั้งจังหวัดอยู่ที่ 39 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งคุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง โดยกรมควบคุมมลพิษ คาดการณ์คุณภาพอากาศช่วง 2-3 วันข้างหน้า วันที่ 25-26 มีนาคม 2566 ปริมาณฝุ่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นบางพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตรวจวัดได้ 34-84 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร จึงแนะนําให้ประชาชนทั่วไปและประชาชนกลุ่มเสี่ยง ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM 2.5 เมื่อจําเป็นต้องออกจากบ้าน หรือหากมีอาการผิดปกติ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324090215325
null
จังหวัดร้อยเอ็ดเตือนห้ามเผาในที่โล่งเด็ดขาดช่วงภัยแล้ง หลังพบฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เพิ่มขึ้น
นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่า จังหวัดร้อยเอ็ดได้มีประกาศกองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด ขอความร่วมมือประชาชนห้ามเผาในที่โล่งเด็ดขาดช่วงภัยแล้ง และให้ยึดถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ด้วยในช่วงนี้จังหวัดร้อยเอ็ด ได้เกิดฝุ่นละอองเกินเกณฑ์มาตรฐานในหลายพื้นที่ ค่าฝุ่นละอองเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ลมสงบส่งผลให้ระดับการลอยตัวของฝุ่นกระจายตัวอยู่ในระดับต่ํา การไหลเวียนและการถ่ายเทของอากาศไม่ดีเท่าที่ควร ตลอดจนเกิดการสะสมของฝุ่นละอองในชั้นบรรยากาศเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในตัวเมืองร้อยเอ็ด ซึ่งมีการขับขี่ยานพาหนะ มีควันพิษจากท่อไอเสียของรถยนต์ เกิดการสะสมควันพิษ ซึ่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของประชาชนเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ตลอดจนเพื่อรักษาคุณภาพในชั้นบรรยากาศในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดให้อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขอนามัยของประชาชนจึงขอประชาชนในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ห้ามเผาวัสดุต่างๆในที่โล่งเด็ดขาดในช่วงฤดูแล้งนี้ ห้ามเผาพื้นที่ริมทางหลวง และริมทางหลวงท้องถิ่น หากจําเป็นอย่างยิ่งต้องเผาพื้นที่เกษตรกรรมจะต้องทําแนวกันไฟและควบคุมการเผาอย่างใกล้ชิด รวมทั้งต้องขออนุญาตผู้นําชุมชนก่อนดําเนินการทุกครั้ง และให้ยึดถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อย่างเคร่งครัด#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDทีมข่าว สวท.รอ./รายงาน
24/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ร้อยเอ็ด
สวท.ร้อยเอ็ด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324093411336
null
กอนช. เฝ้าระวังตอนบนของประเทศเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกแรง ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือภัยแล้ง
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังตอนบนของประเทศเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกรรโชกแรง ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแผนบริหารจัดการน้ําเพื่อรับมือภัยแล้ง นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยการกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ําภาพรวมของประเทศวันนี้ (24 มี.ค.66) ว่า ความกดอากาศต่ําเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทําให้ตอนบนของประเทศมีอากาศร้อนโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวันและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ขณะที่ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก ทําให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด รวมถึง ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่เกิดขึ้นไว้ด้วย สําหรับลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทําให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.ยะลา , ตรัง และนครราชสีมา ทั้งนี้ กอนช. ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดําเนินการตามมาตรการรองรับหน้าแล้งอย่างเคร่งครัด เช่น กรมทรัพยากรน้ําบาดาล ได้ติดตามผลการเจาะบ่อบาดาลโครงการสํารวจและจัดทําแผนที่ศักยภาพน้ําบาดาลสําหรับบริหารจัดการน้ําบาดาลพื้นที่แล้งซ้ําซากแอ่งหนองฝ้าย บริเวณบ้านท่าเยี่ยม ตําบลหนองฝ้าย อําเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี และโครงการจัดหาน้ําบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดําริ บริเวณบ้านปากชัดหนองบัว ตําบลหนองฝ้าย อําเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ส่วนกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ปฏิบัติการฝนหลวง 3 หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก อุดรธานี หนองคาย กาฬสินธุ์ น่าน และพื้นที่เหนือเขื่อนสิริกิติ์
24/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324101149345
null
ภาคเหนือ ค่าฝุ่น PM 2.5 หลายพื้นที่ค่อนข้างวิกฤติ โดยเฉพาะใน จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน และเชียงใหม่อยู่ในระดับสีแดง พบสูงสุดบริเวณ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ถึง 301 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ภาคเหนือ ค่าฝุ่น PM 2.5 หลายพื้นที่ค่อนข้างวิกฤติ โดยเฉพาะใน จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน และเชียงใหม่อยู่ในระดับสีแดง พบสูงสุดบริเวณ ต.เวียงพางคํา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ถึง 301 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (24 มี.ค.66) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ยังปรับตัวสูงขึ้นหลายพื้นที่ เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 13 พื้นที่ และสีแดง 9 พื้นที่ บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน และเชียงใหม่ อยู่ที่ 93 – 301 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยพบสูงสุดบริเวณ ต.เวียงพางคํา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพราะยังพบการเผาในเขตป่า ผลกระทบจุดความร้อน (Hotspot) จากประเทศเพื่อนบ้าน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีผลต่อการสะสมของฝุ่น จึงขอความร่วมมือประชาชนงดการบริหารจัดการเชื้อเพลิงจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง ทั้งนี้ ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงบริเวณภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านต้องเฝ้าระวังพิเศษวันที่ 25 – 27 มีนาคม ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบค่าฝุ่น PM 2.5 ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยบางพื้นที่ พบเกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 4 พื้นที่ บริเวณ จ. เลย บึงกาฬ อุบลราชธานี และนครพนม อยู่ที่ 54 - 89 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากทุกพื้นที่ จากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ยกเว้นบริเวณริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม อยู่ที่ 56 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพราะสภาพการจราจรค่อนข้างหนาแน่นและมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ ศูนย์แบบจําลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (25 มี.ค.66) มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่เปิดมากขึ้น เพดานการลอยตัวอากาศที่สูงขึ้น ประกอบกับ ลมทางใต้ที่กําลังแรงช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางแอปพลิเคชั่น Air4Thai
24/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324102914353
null
แจ้งเตือนประชาชนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รับมือพายุฤดูร้อน 26 – 29 มีนาคม นี้
ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ในช่วงนี้ประเทศไทยยังมีอากาศร้อนจัด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 40 - 42 องศาเซลเซียส โดยเมื่อวานนี้ จังหวัดเพชรบูรณ์วัดอุณหภูมิได้ถึง 41.5 องศาเซลเซียส แต่หลังจากวันที่ 26 – 29 มีนาคม 2566 ประชาชนจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับมวลอากาศเย็นกําลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ทําให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนําความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน จะปะทะกับอากาศร้อนในพื้นที่ตอนบน จะทําให้เกิดพายุฤดูร้อนขึ้น โดยวันนี้(24 มี.ค.66) จะออกประกาศแจ้งเตือนพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตกบางแห่ง และอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ซึ่งจะเริ่มจากพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน จากนั้นจะกระทบไปยังภาคกลาง ภาคเหนือและภาคตะวันออก ขอให้ระวังไม่อยู่ใกล้ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง เกษตรกรไม่ควรอยู่ในพื้นที่กลางแจ้งและไม่ควรผูกสัตว์เลี้ยงใต้ต้นไม่ใหญ่อาจเกิดฟ้าฝ่าลงมาได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัดโดยเฉพาะผู้ที่ทํางานกลางแจ้งอาจเกิดฮีทสโตรก หรือโรคลมแดด และควรดื่มน้ําบ่อยๆ
24/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324101825347
null
กรมชลประทาน เน้นการบริหารจัดการน้ำอย่างรอบคอบ เพื่อสนับสนุนน้ำให้เพียงพอในทุกกิจกรรมตลอดทั้งปีนี้
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันอ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ํารวมกัน 49,923 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 65 ของความจุอ่างฯรวมกัน เป็นน้ําใช้การได้ 25,982 ล้าน ลบ.ม. ภาพรวมปริมาณน้ําต้นทุนอยู่ในเกณฑ์ดี จนถึงขณะนี้มีการจัดสรรน้ําในฤดูแล้งปี 65/66 ทั้งประเทศไปแล้ว 19,530 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 71 ของแผนฯ ด้านผลการเพาะปลูกข้าวนาปรัง ทั้งประเทศมีการเพาะปลูกไปแล้ว 9 ล้านไร่ ส่วนจากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ช่วงแล้งนี้จะมีปริมาณฝนต่ํากว่าค่าเฉลี่ย จึงได้กําชับให้สํานักงานชลประทานทั่วประเทศ ติดตามสถาณการณ์น้ําอย่างใกล้ชิดพร้อมบริหารจัดการน้ําอย่างประณีต เพื่อสนับสนุนใน 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่ อุปโภค บริโภค การเกษตร และอุตสาหกรรม ให้เพียงพอตลอดช่วงแล้ง พร้อมเตรียมแผนสํารองน้ําไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝนให้เพียงพอ ที่สําคัญให้ปฏิบัติตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้งที่กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กําหนดอย่างเคร่งครัด รวมทั้งขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมรณรงค์การใช้น้ําอย่างประหยัด เพื่อให้ปริมาณน้ําที่มีอยู่เพียงพอใช้ตลอดทั้งปี
24/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324102134351
null
อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ร่วมกิจกรรมการทำปุ๋ยหมักและปุ๋ยชีวภาพจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและสนับสนุนปัจจัยการผลิตโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปี 2566
กรมส่งเสริมการเกษตร สํานักงานเกษตรอําเภอด่านซ้าย โดย นางสาวนันหนิดย์ ม่านตา เกษตรอําเภอด่านซ้าย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอด่านซ้าย ร่วมกิจกรรมการทําปุ๋ยหมักและปุ๋ยชีวภาพจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรโดยมีหน่วยงานภาคีในพื้นที่ร่วมดําเนินการด้วย ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตําบลอิปุ่มหน่วยป้องกันรักษาไฟป่าที่ 4 (ด่านซ้าย) สํานักงานเกษตรอําเภอด่านซ้าย สํานักงานเกษตรจังหวัดเอยผู้นําชุมชน/เกษตรกรตําบลอิปุ่ม ซึ่งเป็นการฝึกปฏิบัติการนําวัสดุเหลือให้ทางการเกษตรมาทําเป็นปุ๋ยเพื่ออดการเผา เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ฌ องค์การบริหารส่วนตําบอิปุ่ม อําเภอด่านซ้าย จังหวัดเลยด้านนายสนายสุนิติ จิรวงศ์สวัสดิ์ ประมงจังหวัดเลย พร้อมด้วย นางสาวเบญจมาศ มุสิแก้ว หัวหน้ากลุ่มพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการประมง และนายชนาธิป รอดระรัง นักวิชาการประมงปฏิบัติการ ร่วมกับนายชาตรี ดิษโสภา ประมงอําเภอเมืองเลย และนายสายัน อาสาวัง ประมงอําเภอวังสะพุง ดําเนินกิจกรรมสนับสนุนปัจจัยการผลิตกิจกรรมสนับสนุนโครงการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ปี 2566 โครงการสนับสนุนด้านการประมงตามพระราชดําริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จํานวน 5 แห่ง ได้แก่ 1) โรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยเป้า 2) รร.ตชด.ฮิลมาร์พาเบิล 3) รร.ตชด.บ้านนานกปิด 4) รร. ตชด. บ้านนาปอ 5) รร.ตชด.บ้านวังชมภู โดยสนับสนุนพันธุ์ปลาดุกรวมจํานวน 5,800 ตัว พันธุ์ปลายี่สก จํานวน 1,000 ตัว พันธุ์ปลานิล จํานวน 2,000 ตัว และอาหารปลากินพืชเล็ก 4 กระสอบ อาหารปลาดุกเล็ก 16 กระสอบ อาหารปลาดุกกลาง 6 กระสอบ และอาหารปลาดุกใหญ่ 8 กระสอบ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เลย
สวท.ด่านซ้าย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324103514355
null
กษ.อำนาจเจริญ ร่วมให้บริการประชาชน โครงการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชนจังหวัดอำนาจเจริญ และโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ เพื่อให้บริการเกษตรกรในพื้นที่อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ
วันที่ 23 มีนาคม 2566 นายชาญวิทย์ ธานี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอํานาจเจริญ พร้อมด้วย หัวหน้ากลุ่มช่วยเหลือเกษตรกรและโครงการพิเศษ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สํานักงานฯ ออกหน่วยบริการโครงการบําบัดทุกข์ บํารุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน จังหวัดอํานาจเจริญ เดือนมีนาคม 2566 โดยมีนายชนาส ชัชวาลวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอํานาจเจริญ เป็นประธานทอดผ้าป่ากองทุนแม่ของแผ่นดิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดอํานาจเจริญ หน่วยแพทย์เคลื่อนที่ พอ.สว. เป็นประธานเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ โดยมี นายไพศาล แก้วบุตรดี เกษตรจังหวัดอํานาจเจริญ เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ในการจัดโครงการฯ ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เกษตรกรที่มีปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ห่างไกล สามารถเข้าถึงการบริการวิชาการ ได้รับการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรอย่างครบวงจรในคราวเดียวกัน เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อมาให้บริการสนับสนุนเกษตรกร และแก้ไขปัญหาทางการเกษตรภายใต้คลินิกเกษตรต่างๆ ได้แก่ คลินิกดิน คลินิกพืช คลินิกข้าว คลินิกปศุสัตว์ คลินิกประมง คลินิกชลประทานคลินิกสหกรณ์ คลินิกบัญชี คลินิกกฎหมาย คลินิกอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมรณรงค์ “หยุดเผาในพื้นที่การเกษตร อําเภอหัวตะพาน จังหวัดอํานาจเจริญ” การสาธิตการนําฟางข้าวมาทําปุ๋ยหมักแบบไม่กลับกอง การจัดนิทรรศการไม่เผาในพื้นที่การเกษตร การใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรกลทางการเกษตร และการจําหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร การจัดงานครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากทางอําเภอหัวตะพาน จังหวัดอํานาจเจริญ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นําท้องที่ ผู้นําท้องถิ่น และอาสาสมัครเกษตร ทั้งนี้ มีนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอํานาจเจริญ นายอําเภอหัวตะพาน หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด/อําเภอ หัวหน้ากลุ่ม สนง.เกษตรจังหวัด กลุ่มเกษตรกร และเกษตรกรมาร่วมโครงการฯ หลังจากที่ประธานได้กล่าวเปิดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่เป็นที่เรียบร้อย ประธานได้ลั่นฆ้องเปิดงาน มอบใบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้สนับสนุนการจัดงาน มอบพันธุ์ปลา รับมอบกระเช้า และเยี่ยมชมหน่วยงานที่ให้บริการทางการเกษตรในครั้งนี้ ณ โรงเรียนหนองยอดู่ใน ตําบลจิกดู่ อําเภอหัวตะพาน จังหวัดอํานาจเจริญสํานักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอํานาจเจริญ ได้จัดแสดงนิทรรศการองค์ความรู้ เรื่อง โครงการพระราชดําริฝนหลวง เกษตรพันธสัญญา กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร เกษตรกรรมยั่งยืน เกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรธรรมชาติ เกษตรผสมผสาน เกษตรอินทรีย์ วนเกษตร และได้ให้คําแนะนําแก่ประชาชนที่เข้ามารับบริการจากสํานักงานฯ เช่น ประชาสัมพันธ์กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืม แก่เกษตรกรและผู้ยากจน (อบก.) และบริการให้คําปรึกษาปัญหาในการไถ่ถอนที่ดินคืน ซึ่งมีประชาชนให้ความสนใจเข้าเยี่ยมชมและรับบริการจากสํานักงานฯ ในครั้งนี้ด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สวท.อำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324111455378
null
จังหวัดแม่ฮ่องสอนจัดกิจกรรมการบริหารจัดการเชื้อเพลิง “ชิงเก็บ ลดเผา” นำเศษใบไม้ไปแปรรูปให้เกิดประโยชน์เพื่อลดการเผา
วันนี้ (24 มี.ค.66) ที่สวนรุกชาติโป่งแข่ ตําบลจองคํา อําเภอเมืองแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกิจกรรมการบริหารจัดการเชื้อเพลิง “ชิงเก็บ ลดเผา” จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยศูนย์อํานวยการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ได้กําหนดแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภายใต้มาตรการ ชิงเก็บ ลดเผา โดยเน้นการลดปริมาณเชื้อเพลิงด้วยวิธีการ นําเชื้อเพลิง ทั้งในพื้นที่ป่าและพื้นที่การเกษตร ไปเพิ่มมูลค่าสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้บูรณาการกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรมการบริหารจัดการเชื้อเพลิง “ซิงเก็บ ลดเผา” ณ สวนรุกชาติโป่งแซ่ เพื่อนําเศษใบไม้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการอัดก้อน และจําหน่ายให้กับบริษัทภาคเอกชน เพื่อนําไปแปรรูปเป็นถ่านอัดแท่งต่อไป ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว เป็นเพียงหนึ่งในแปดมาตรการของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่จะดําเนินการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ ให้เกิดความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมุ่งเน้นที่จะทําให้เกิดความยั่งยืนในการระงับ ยับยั้ง การจุดไฟเผา ทั้งในเขตพื้นที่ป่า และในพื้นที่โล่งอื่นๆ เพื่อจะลดผลกระทบและความเสียหายที่เกิดจากการเผา ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสุขภาพของประชาชนสําหรับพื้นที่ป่าบริเวณสวนรุกชาติโป่งแข่ มีเชื้อเพลิงสะสมจํานวนมาก อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับสถานที่ที่มีความสําคัญ เช่น ศูนย์ราชการ สนามบิน โรงเรียน โรงพยาบาล ศาสนสถาน แหล่งท่องเที่ยว แหล่งสันทนาการ ชุมชน ตลาด ที่พัก และสถานประกอบการต่างๆ หากมีไฟป่าเกิดขึ้นในบริเวณนี้ จะส่งผลกระทบกับประชาชนจํานวนมาก ดังนั้น เพื่อป้องกันการเกิดปัญหา และผลกระทบดังกล่าวฯ จึงได้ร่วมกับสํานักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง และคณะทํางานศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดกิจกรรมการบริหารจัดการเชื้อเพลิง “ซึ่งเก็บ ลดเผา” เพื่อบริหารจัดการเชื้อเพลิง โดยนําเชื้อเพลิงไปเพิ่มมูลค่าสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้ เข้าใจ และเกิดความตระหนัก ในปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละออง โดยการนําเชื้อเพลิงไปใช้ประโยชน์ ลดการเผา ตลอดจนป้องกันและอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้จากการจุดไฟเผาป่า#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324114931394
null
จ.พิจิตร ยกระดับปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ขอความร่วมมือประชาชนงดเผาในที่โล่งและงดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กทุกประเภท
วันที่ 24 มีนาคม 2566 ที่ห้องประชุมสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิจิตร นายสิงหราช วงษ์เสงี่ยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ภาคเหนือประจําสัปดาห์ ศอ.ปกป. จังหวัด 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ผ่านระบบ video Conference ล่าสุด ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) วันนี้ (24 มี.ค.66) ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ที่ 49 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง ประชาชนสามารถทํากิจกรรมกลางแจ้งได้ตามปกติ ส่วนผู้ที่มีโรคประจําตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หากมีอาการเบื้องต้น เช่น ไอ หายใจลําบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาการทํากิจกรรมกลางแจ้ง ขณะที่ จํานวนจุดความร้อน (Hotspots) ล่าสุด ข้อมูล ณ วันที่ 23 มี.ค.2566 พบจุดความร้อน 13 จุด ในพื้นที่ อ.วังทรายพูน อ.เมืองพิจิตร และ อ.สากเหล็กรองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า กองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิจิตร ได้ยกระดับปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ของจังหวัดพิจิตร ตามมาตรการของกระทรวงมหาดไทย ขอความร่วมมือประชาชนงดการเผาในที่โล่ง และงดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กทุกประเภท รวมทั้ง ชะลอการอนุญาตการเผาในที่โล่งในพื้นที่เกษตร เพื่อลดจํานวนจุดความร้อน (Hotspots) และคุณภาพอากาศที่เกินเกณฑ์มาตรฐานต่อเนื่อง #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDส.ปชส.พิจิตร...ข่าว/ภาพ 24 มี.ค.66
24/3/2023
ภาคเหนือ
พิจิตร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิจิตร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324115238396
null
ครม.เห็นชอบมาตรการและโครงการช่วยเหลือเกษตรกรโครงการโคล้านตัว วงเงิน 5,000 ล้านบาท
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการดําเนินงานโครงการโคล้านครอบครัว วงเงินงบประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง มีกําหนดระยะเวลา 4 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้สมาชิกกองทุนที่เข้าร่วมโครงการฯ สามารถกู้ยืมเงินทุนสําหรับเลี้ยงโค ครอบครัวละ 2 ตัว ซึ่งคาดว่าตลอดทั้งโครงการจะสามารถจัดหาโคได้ 2 แสนตัว สําหรับ 100,000 ครอบครัว โดยประชาชนไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแก่ทางธนาคาร ทางรัฐจะชดเชยดอกเบี้ยธนาคารให้ตลอดระยะเวลา 4 ปีเต็ม ในอัตราคงที่ 4% ทั้งนี้ สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องชําระคืนเงินต้นให้กองทุนหมู่บ้านฯ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 4 ปี โดยในปีที่ 3 ให้ชําระคืนเงินต้นร้อยละ 50 ของวงเงินที่กู้ยืม และชําระคืนเงินต้นที่เหลือในปีที่ 4นายอนุชาฯ ย้ํา พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม มุ่งหวังให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ได้รับประโยชน์โดยตรง เตรียมลุยลงพื้นที่เปิดโครงการฯ สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ทั่วทุกภาคของประเทศไทย มุ่งหวังให้โครงการโคล้านครอบครัวเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากและพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ อย่างเป็นรูปธรรม มีแหล่งทุนหมุนเวียนสําหรับการกู้ยืมเพื่อการลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ บรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์สภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ที่เป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สถานการณ์อุทกภัย และเสริมสภาพคล่องให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ ผ่านการสนับสนุนการทําปศุสัตว์ คือ การเลี้ยงโค#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สวท.อำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324134641417
null
รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดงานรณรงค์ป้องกันโรคและเสริมสร้างสุขภาพสัตว์ ครอบครัวปศุสัตว์เคลื่อนที่ที่ จ.ประจวบฯ ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และแปรรูปผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ที่มีคุณภาพมาตรฐาน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ
(24 มี.ค.66) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงานรณรงค์ป้องกันโรคและเสริมสร้างสุขภาพสัตว์ ครอบครัวปศุสัตว์เคลื่อนที่ที่อาคารสัมมนาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จัดโดยกรมปศุสัตว์เพื่อรณรงค์ให้เกษตรกรตระหนักและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโดยการฉีดวัคซีนโดยเฉพาะโรคที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ เช่น โรคปากและเท้าเปื่อย โรคลัมปีสกิน การปฏิบัติตามหลักสุขาภิบาลฟาร์ม การเลี้ยงสัตว์ตามหลักการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) การดูแลสุขภาพสัตว์ขั้นต้นเมื่อสัตว์มีอาการเจ็บป่วย รวมถึงการนําผลิตผลจากการเลี้ยงสัตว์ไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างถูกสุขอนามัย สร้างความปลอดภัยต่อสุขภาพสัตว์ เกษตรกร และผู้บริโภค ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการส่งเสริมสุขภาพสัตว์ การผสมเทียมสัตว์ การส่งเสริมผลิตภัณฑ์แปรรูปปศุสัตว์ การส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาการเลี้ยงสัตว์ บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและทําหมันสุนัขและแมว โดยปัจจุบัน จ.ประจวบฯ มีเกษตรกรด้านปศุสัตว์ 32,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้เลี้ยงโคนมและโคเนื้อ สร้างรายได้ปีละ 4,900 ล้านบาท#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สำนักประชาสัมพันธ์เขต 8
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324133622413
null
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผย สถานการณ์ GDP เกษตร ไตรมาส 1 ระบุ น้ำดี อากาศอำนวย ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว จีดีพีขยายตัวร้อยละ 5.5
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตรไตรมาส 1 ปี 2566 ในช่วง มกราคม – มีนาคม นี้ ว่า สามารถขยายตัวร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 เนื่องจากปริมาณฝนตกสะสมตลอดปีที่ผ่านมา ทําให้มีปริมาณน้ําในอ่างเก็บน้ําและตามแหล่งน้ําธรรมชาติเพียงพอสําหรับการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดที่อยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง จูงใจให้เกษตรกรขยายพื้นที่เพาะปลูกและเพิ่มการผลิต ประกอบกับการสนับสนุนการนําแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจ BCG มาใช้ในการพัฒนา นอกจากนี้ ความต้องการสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากกิจกรรมการผลิต การค้า และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ยังเป็นส่วนสําคัญที่ทําให้การผลิตทางการเกษตรปรับตัวดีขึ้น โดยสาขาพืช ยังคงเป็นสาขาหลักที่ขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจการเกษตรในไตรมาสนี้ขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะข้าวนาปรังและอ้อยโรงงาน ซึ่งเป็นสินค้าสําคัญ ในไตรมาส 1 ขณะที่สาขาปศุสัตว์ สาขาบริการทางการเกษตร และสาขาป่าไม้ ขยายตัวเช่นกัน ส่วนสาขาประมง หดตัวเล็กน้อย เนื่องจากต้นทุนด้านราคาน้ํามันเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ส่งผลให้ผู้ประกอบการประมงออกเรือจับสัตว์น้ําลดลง และจากแนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2566 คาดว่าจะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 2.0 – 3.0 เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยทุกสาขาการผลิต มีแนวโน้มขยายตัว จากปัจจัยสนับสนุนด้านสภาพอากาศที่เอื้ออํานวยมากขึ้น ปริมาณน้ําในอ่างเก็บน้ําและตามแหล่งน้ําตามธรรมชาติที่มีเพียงพอสําหรับการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และทําประมง การดําเนินนโยบายของภาครัฐและความร่วมมือของภาคส่วนต่าง ๆ ในการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีการผลิต ยกระดับคุณภาพมาตรฐานสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับ ส่งเสริมการรวมกลุ่มในการผลิตและแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค เพิ่มช่องทางให้เกษตรกรเข้าถึงและใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ และบริหารจัดการสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด นอกจากนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มที่ดี ช่วยสนับสนุนให้ความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากความแปรปรวนของสภาพอากาศที่อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่เกษตร การระบาดของโรคพืชและสัตว์ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจากราคาปัจจัยการผลิตทั้งราคาน้ํามัน ปุ๋ยเคมี สารกําจัดศัตรูพืช และอาหารสัตว์ อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ความขัดแย้งทางระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ สงครามทางการค้า และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่อาจชะลอตัว
24/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324153701469
null
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เปิดตัวแอปพลิเคชัน บอกต่อ เพื่อเป็นแหล่งรวมศูนย์บริการ แอปเดียวจบ ครบทุกบริการด้านเกษตร
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน บอกต่อ เพื่อให้เกษตรกรและผู้สนใจสามารถเข้าถึงบริการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One stop service) โดยให้บริการด้วยชุดเมนูหลักต่างๆ ครอบคลุมมากกว่า 50 บริการ อาทิ รับปัจจัยการผลิตที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น สารเร่งซุปเปอร์ พด. น้ําหมักชีวภาพ ปุ๋ยชีวภาพ หญ้าแฝก พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ สารควบคุมแมลงศัตรูพืช วัสดุการเกษตร เป็นต้นด้านกองทุน การติดต่อขอคําปรึกษา ขอคําแนะนํา ทั้งกองทุน FTA กองทุนสงเคราะห์เกษตรกร กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจน เป็นต้น การขอรับบริการ เช่น การตรวจรับของ GAP อินทรีย์ทั้งพืช ปศุสัตว์ ประมง ตรวจรับรองมาตรฐานหม่อนไหม รวมถึงบริการคําแนะนํา ร้องเรียน ร้องทุกข์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น ทั้งนี้ ยังเป็นช่องทางการช่วยเหลือ เช่น การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งพืช ปศุสัตว์ ประมง การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยโรคใบด่างมันสําปะหลัง การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยโรค AFS ในสุกร มาตรการและนโยบายช่วยเหลือจากภาครัฐ มาตราการช่วยเหลือด้านการผลิต การประกันรายได้ เยียวยาเกษตรกร เป็นต้นนอกจากนี้ ยังมีข้อมูลราคาสินค้าเกษตรที่สําคัญ เป็นข้อมูลราคารายสัปดาห์ ภาวะเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่งมีสถานการณ์สินค้าผลิตและการตลาดสินค้าเกษตร รวมถึงมีข้อมูลการพยากรณ์สภาพอากาศให้เกษตรกรได้ใช้ในการวางแผนการเพาะปลูกอีกด้วย เชื่อมั่นว่าเเอปพลิเคชัน บอกต่อ จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่อํานวยความสะดวกให้กับเกษตรกร โดยเกษตรกรและทุกท่านที่สนใจ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันผ่านระบบ Android และระบบ IOS รวมถึงใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ทั่วไปได้แล้ว
24/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324153311465
null
ปศุสัตว์จันทบุรี มอบกรรมสิทธิ์แม่โค สนองพระราชดำริ โครงการธนาคารโค กระบือ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตเกษตรกร
(24 มี.ค.66) น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี พร้อมนายพงษ์ศักดิ์ เขื่อนเก้า นักวิชาการสัตวบาลปฏิบัติการ นายสุนทร บุญมีมาก เจ้าพนักงานสัตวบาลชํานาญงาน และ นายหาญ แก้วนุ่ม เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อ.แก่งหางแมว ลงพื้นที่ ม.4 ต.พวา อ.แก่งหางแมว มอบกรรมสิทธิ์แม่โค จํานวน 1 ตัว ให้แก่ นางสาวสรินทร์ภรณ์ ละออเอี่ยม พร้อมมอบยาปฏิชีวนะ วิตามิน แร่ธาตุก้อน เข้าคลังเวชภัณฑ์ประจํากลุ่ม เกษตรกรผู้รับมอบโค เป็นสมาชิกของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ต.พวา มีนายอาสิ มะลิซ้อน เป็นประธานกลุ่ม สมาชิก 10 ราย และเข้าร่วมโครงการธนาคารโค กระบือ เพื่อเกษตรกร ตามพระราชดําริ ได้ปฏิบัติครบถ้วนตามสัญญายืมเพื่อการผลิตของโครงการ โดยเริ่มต้นสัญญา เกษตรกรจะได้รับแม่โครายละ 1 ตัว มีเงื่อนไขให้ส่งคืนลูกโคตัวแรกที่มีอายุครบ 18 เดือนให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อจะนําไปให้เกษตรกรรายอื่นยืมไปเลี้ยงต่อไป ส่วนลูกโคที่เกิดใหม่ในลําดับถัดไป จะเป็นของเกษตรกร จากนั้นเมื่อเลี้ยงแม่โคครบ 5 ปี แม่โคจะตกเป็นกรรมสิทธิของเกษตรกรผู้ได้รับแม่โค เจ้าหน้าที่ได้ให้คําแนะนําการเลี้ยงสัตว์ และการบริหารจัดการกลุ่มให้เข้มแข็ง จากการตรวจเยี่ยมกลุ่มเกษตรกรที่ร่วมโครงการในหมู่บ้าน พบว่าเกษตรกรได้ลูกโคเกิดใหม่เพิ่มขึ้น ได้ใช้มูลโคเป็นปุ๋ยใส่สวนผลไม้ สวนยาง และยังเหลือมูลโคขายให้เกษตรกรที่ทําสวนรายอื่น ในราคาถุงละ 50 บาทได้อีกด้วย เป็นการสนองงานตามพระราชดําริ โครงการธนาคารโค กระบือ ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่เกษตรกร สําหรับผู้ที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการธนาคารโค กระบือ เพื่อเกษตรกร ตามพระราชดําริ สามารถติดต่อสอบถามหลักเกณฑ์ได้จากปศุสัตว์อําเภอใกล้บ้าน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคตะวันออก
จันทบุรี
สวท.จันทบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324142627437
null
เกษตรกรผู้เลี้ยงโค จ.ประจวบฯ เลี้ยงโคสายพันธุ์ต่างประเทศและสายพันธุ์ผสม สร้างรายได้นับล้านบาทต่อปี พร้อมเปิดให้ผู้สนใจศึกษาวิธีการเลี้ยง พัฒนาอาชีพการเลี้ยงโคเนื้อ
(24 มี.ค.66) นายวิทูรย์ จรูญรุ่ง อายุ 46 ปี ผู้ใหญ่บ้านหนองหูช้าง หมู่ที่ 2 ต.เกาะหลัก อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันตนเองเลี้ยงแม่พันธุ์โคสายพันธุ์ต่างประเทศ จํานวน 5 ตัว แยกเลี้ยงในคอกเดี่ยวที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และอีก 50 ตัว เป็นโคพันธุ์ต่างประเทศผสมกับพันธุ์พื้นเมืองที่เลี้ยงในสวน มีประสบการณ์การเลี้ยงมากว่า 20 ปี โดยแม่พันธุ์โค 5 ตัว ราคารวมกันกว่า 2 ล้านบาท เป็นโคสายพันธุ์บราห์มัน อเมริกันบราห์มัน ฮินดูบราซิล ชาโรเล่ห์ ตัวที่มีราคาสูงสุดตัวละ 5 แสน มี 2 ตัว ส่วนลูกโคอายุ 4 – 8 เดือน อีก 2 ตัว รอจําหน่ายในราคา 2 – 3 แสนบาท โดยการเลี้ยงแม่พันธุ์โคและลูกโค ต้องแยกเลี้ยงเป็นพิเศษ ต้องกันคอกไม้ไผ่แยก กางมุ้งป้องกันแมลง ให้กินหญ้าสด ฟางแห้ง เปลือกสับปะรดอบ ในช่วงเช้าจะพาไปเดินเล่นผ่อนคลายและช่วงบ่ายอาบน้ําให้ ส่วนคอกจะต้องทําความสะอาด ให้โคมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่เครียด ฉีดยาบํารุง ยาถ่ายพยาธิ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากเท้าเปื่อย ลัมปีสกิน ปัจจุบันที่ฟาร์มเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ให้ลูกบ้านมาดูวิธีการเลี้ยง ถือเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ได้เป็นอย่างดีโดยราคาซื้อขายโคสายพันธุ์ต่างประเทศขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ซื้อและผู้ขาย จึงสนับสนุนให้เกษตรกรหันมาเลี้ยงโคสายพันธุ์ผสม หรือสายพันธุ์ต่างประเทศมากขึ้นเพราะลักษณะตัวใหญ่ เนื้อมาก ได้ราคากว่าโคสายพันธุ์พื้นเมืองไม่ต่ํากว่า 2 เท่า ขณะนี้ที่ฟาร์มมีรายได้ไม่ต่ํากว่าปีละ 1 ล้านบาท ด้าน นายนิพล ทองเก่า อายุ 31 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงโครายเล็กในพื้นที่ตําบลอ่าวน้อย อ.เมืองประจวบฯ ที่หันมาเลี้ยงโคสายพันธุ์ต่างประเทศ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเลี้ยงโคพันธุ์พื้นเมืองมากว่า 10 ปี จึงสนใจหันมาเลี้ยงโคพันธุ์ผสมที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศและโรค เริ่มแรกเลี้ยงเพียง 1 ตัว ปัจจุบันมีอยู่ 5 ตัว และลูกโคอีก 2 ตัว ซึ่งการเลี้ยงสายพันธุ์ผสมนั้นมีราคาไม่แพงจนเกินกําลังเกษตรกรรายย่อย หากเลี้ยงโคที่เป็นสายพันธุ์ต่างประเทศ 100% ต้นทุนพ่อแม่พันธุ์หลายแสนบาท จึงค่อยๆ เลี้ยงและขยายพันธุ์ตามความพร้อม ในอนาคตจะขยับขยายไปเลี้ยงโคสายพันธุ์ต่างประเทศเพราะจํานวนโคที่เลี้ยงลดลงแต่สร้างรายได้เพิ่มขึ้น #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคตะวันตก
ประจวบคีรีขันธ์
สวท.ประจวบคีรีขันธ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324153023463
null
สำนักงานปศุสัตว์อำเภอด่านซ้าย ขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูล ในระบบทะเบียนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์รายครัวเรือน กรมปศุสัตว์
สํานักงานปศุสัตว์อําเภอด่านซ้าย นําโดยนายทวีพงศ์ สาระทัศนานันท์ ปศุสัว์อําเภอด่านซ้ายดําเนินการขึ้นทะเบียนเกษตรกรรายใหม่ ในระบบทะเบียนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์รายครัวเรือน กรมปศุสัตว์ จํานวน 1 ราย เป็นนางลําเอียง แพทย์ไชโย บ้านเลขที่ 3 บ้านปางคอม หมู่ที่ 8 ตําบลโป่ง เลี้ยงโคเนื้อ 3 ตัว ไก่พื้นเมือง 57 ตัว สุนัข 2 ตัว พร้อมให้คําแนะนําการเลี้ยง การดูแลสุขภาพสัตว์ การป้องกันโรคฯ แก่เกษตรกรที่มาขึ้นทะเบียนฯ ณ สํานักงานปศุสัตว์อําเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เลย
สวท.ด่านซ้าย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324133614412
null
จ.ลำปาง ขับเคลื่อนการพัฒนา ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาแม่น้ำจาง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลําปาง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนา ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาแม่น้ําจาง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2566 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องถิ่นเข้าร่วมประชุมฯ ที่ห้องประชุมเขลางค์นคร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดลําปาง เมื่อบ่ายวันที่ 23 มีนาคม 2566 ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการประชุมคณะกรรมการพัฒนา ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาแม่น้ําจาง เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2566 เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา นายกเทศมนตรีตําบลน้ําโจ้ อําเภอแม่ทะ ได้หารือกรณีฝายกั้นน้ํา บริเวณอ่างเก็บน้ําบ้านหนอง ม.4 ต.น้ําโจ้ อ.แม่ทะ มีสภาพชํารุด หากปล่อยทิ้งไว้จะมีโอกาสพังทลายและสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ท้ายฝาย ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดลําปางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ดังกล่าว เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2566 และมอบหมายให้สํานักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดลําปาง สํารวจและประมาณการเพื่อแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน โดยการประชุมครั้งนี้ เป็นการติดตามสภาพปัญหา และหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาฝายกั้นน้ํา บริเวณอ่างเก็บน้ําบ้านหนอง ม.4 ต.น้ําโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลําปาง เพื่อหาแนวทางการปรับปรุงอ่างเก็บน้ําในเบื้องต้น#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324132608408
null
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รณรงค์ป้องกันโรคและเสริมสร้างสุขภาพปศุสัตว์ เปิดให้บริการผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมว และฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยหลังเป็นประธานพิธีเปิดงานรณรงค์ป้องกันโรคและเสริมสร้างสุขภาพปศุสัตว์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่ากรมปศุสัตว์จัดขึ้นเพื่อรณรงค์ให้เกษตรกรตระหนักและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโดยการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะโรคที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ การให้อาหารสัตว์ที่ถูกต้องตามโภชนศาสตร์สัตว์ เพื่อให้สัตว์มีสุขภาพแข็งแรงและมีภูมิต้านทานโรคที่ดี รวมถึงการนําผลิตผลจากการเลี้ยงสัตว์ไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างถูกสุขอนามัย สร้างความปลอดภัยต่อสุขภาพสัตว์ เกษตรกร และผู้บริโภค โดยในครั้งนี้ มีกลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์จากทุกอําเภอของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาเข้ารับบริการไม่น้อยกว่า 750 ราย และมีเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติงาน โดยมาจากหน่วยงานของกรมปศุสัตว์ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในพื้นที่ปศุสัตว์เขต 7 ซึ่งงานรณรงค์ป้องกันโรคและเสริมสร้างสุขภาพปศุสัตว์ ที่จัดขึ้นในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในวันนี้เป็นที่แรก และจะมีการดําเนินโครงการอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าว นับได้ว่าเป็นโครงการที่ดีที่ให้กับเกษตรกรในพื้นที่ตระหนักและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค โดยการฉีดวัคซีนโดยเฉพาะโรคที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ ซึ่งพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นพื้นที่อันดับต้นๆ ของประเทศไทยในเรื่องอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว กรมปศุสัตว์จึงจัดกิจกรรมผ่าตัดทําหมัน และฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า โดยตั้งเป้าให้พื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีความปลอดภัยจากโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์เลี้ยง เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศในฤดูการท่องเที่ยวที่กําลังจะมาถึง ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
24/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324151129450
null
สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง จัดอบรมพัฒนาทักษะด้านการบริหารจัดการการผลิตสินค้าแปรรูป
นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง มอบหมายให้นางสาวจิรัตน์ติกาล สุวรรณวัฒน์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ และนางกนกกาญจน์ คงแก้ว นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอเมืองตรัง นําสมาชิกวิสาหกิจชุมชนข้าวแปลงใหญ่ตําบลนาพละ ตําบลนาพละ อําเมืองตรัง และสมาชิกวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตข้าวปลอดสารพิษ ตําท่าสะบ้า อําเภอวังวิเศษ รวม 20 ราย เข้าร่วมกิจกรรมอบรมพัฒนาทักษะด้านการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรแปรรูป เพื่อพัฒนาทักษะด้านการผลิตสินค้า ผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์และคุณภาพมาตรฐานสินค้าแปรรูปให้กับวิสาหกิจชุมชน ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกข้าวปลอดสารพิษ ตําบลท่าสะบ้า อําเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ทั้งนี้ กิจกรรมประกอบด้วยการบรรยายถ่ายทอดความรู้ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ สาธิตและฝึกปฏิบัติ การทําโลชั่นและยาสระผมจากน้ํามันรําข้าว การทําสบู่จากจากแป้งข้าว โดย นางสาวอภิสรา ดําคง Young Smart Farmer จังหวัดตรัง โทร.083 893 5493 และการแปรรูปข้าว เช่น การทําแป้งข้าว การทําขนมจากแป้งข้าวชนิดต่างๆ เช่น พายสับปะรด ขนมบ้าบิ่น เครป โดย สมาชิกวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกข้าวปลอดสารพิษ ตําบลท่าสะบ้า อําเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง โทร.090 175 8078#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324160410498
null
เกษตรตรัง ลงพื้นที่อำเภอนาโยงสำรวจแปลงพริกไทยเพื่อจัดทำแปลงต้นแบบระบบน้ำ โครงการสร้างมูลค่าเพิ่มพืชอัตลักษณ์ประจำถิ่น
นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง มอบหมาย นางสาวลีลา เที่ยงธรรม นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ ออกพื้นที่สํารวจแปลงพริกไทยเพื่อวางแผนจัดทําแปลงต้นแบบระบบน้ําชนิดพืชพริกไทยในโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มพืชอัตลักษณ์ประจําถิ่น งบพัฒนาจังหวัดตรัง ปีงบประมาณ 2566ทั้งนี้ ได้ลงพื้นที่สํารวจแปลงพริกไทยของ 1. สุนะ ชูพูล ตําบลละมอ มีพริกไทยค้างพื้นที่ประมาณ 2 งาน ให้ผลผลิตแล้ว 2.นายสมนึก ฉิมปลอด ตําบลช่อง มีพริกไทยพุ่มพื้นที่ประมาณ 2 งาน ให้ผลผลิตแล้ว โดยพื้นที่มีแหล่งน้ําเพียงพอและได้มีการสอบถามความต้องการเพื่อวางแผนจัดทําระบบน้ําแบบแบ่งโซน การตั้งเวลาให้น้ําแบบอัตโนมัติ โดยสํานักงานเกษตรจังหวัดร่วมกับสํานักงานเกษตรอําเภอจะร่วมคัดเลือกแปลงที่มีความพร้อมในการส่งเสริมและต่อยอดการบริหารจัดการน้ําในแปลงพริกไทย เพื่อให้ได้ผลผลิตพริกไทยดีมีคุณภาพและสามารถเป็นแปลงเรียนรู้ต้นแบบระบบน้ําให้กับเกษตรกรรายอื่นในพื้นที่ต่อไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324154602475
null
เกษตรย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ให้บริการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรประจำปี 2566 พื้นที่ตำบลในควน
นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอําเภอย่านตาขาว มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สํานักงานเกษ๖รอําเภอย่านตาขาว พร้อมด้วยนายสุชาติ หลงขาว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ตําบลในควน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน ลงพื้นที่ให้บริการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรประจําปี 2566 และเข้าร่วมโครงการจัดเวทีประชาคมระดับหมู่บ้านเพื่อรับฟังปัญหาและร่วมกันวางแผนพัฒนาท้องถิ่น ประจําปี พ.ศ.2566 โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการและรับบริการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรจํานวน 60 ราย ณ ศาลาอเนกประสงค์บ้านหนองขอน หมู่ที่ 9 ตําบลในควน อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง สําหรับการดําเนินงานขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร สํานักงานเกษตรอําเภอเมืองตรัง ได้เน้นให้เกษตรกรได้รับทราบข้อมูลและลงพื้นที่เชิงรุกเพื่อติดตามเกษตรกรให้แจ้งข้อมูลการเกษตรได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ครบถ้วน เพื่อเก็บข้อมูลการเพาะปลูกพืชนําไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเกษตร พร้อมทั้งประมวลผลข้อมูลการจัดทําสารสนเทศด้านการเกษตรในภาพรวมของประเทศที่ถูกต้อง สามารถนําข้อมูลไปเผยแพร่บูรณาการใช้ประโยชน์ได้ทั่วไปทั้งภาครัฐและเอกชน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324160726503
null
อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง จัดประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรอำเภอปะเหลียน
วันนี้ ( 24 มีนาคม 2566 ) สํานักงานเกษตรอําเภอปะเหลียน โดยนายสุภัทธ คงด้วง เกษตรอําเภอปะเหลียน เป็นประธานการประชุมคณะทํางานขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรอําเภอปะเหลียน ครั้งที่ 2/2566 ณ ห้องประชุมสํานักงานเกษตรอําเภอปะเหลียน หมู่ที่ 1 ตําบลท่าข้าม อําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ทั้งนี้ คณะทํางานขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรอําเภอปะเหลียน ได้ร่วมพิจารณารับรองผลการคัดเลือกอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน(เกษตรมูลค่าสูง) ได้แก่ นายเจษฎา ชุมเชื้อ และพิจารณาแผนพัฒนาการเกษตรระดับหมู่บ้าน บ้านป่าขวาง หมู่ที่ 5 ตําบลทุ่งยาว อําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ซึ่งบ้านป่าขวาง หมู่ที่ 5 ตําบลทุ่งยาว ได้รับคัดเลือกให้ดําเนินโครงการขับเคลื่อนการเกษตรระดับหมู่บ้านสู่การผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูงระดับอําเภอปะเหลียน สินค้าที่ได้รับการคัดเลือก คือ พริกไทย(พันธุ์ปะเหลียน) #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324162956510
null
เกษตรอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง นำเสนอผลการดำเนินงานโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ กลุ่มแปลงใหญ่ต้นจาก ม.4 ต.บางหมาก
นางบุญญาพร กายเพ็ชร นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ ปฏิบัติราชการแทนเกษตรอําเภอ พร้อมด้วยนางสาวกรภัทร แซ่ฟู้ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ร่วมกับนายศรัทธาเทพ กาหยี ประธานกลุ่มแปลงใหญ่ฯ ร่วมต้อนรับและนําเสนอผลการดําเนินงานโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ กลุ่มแปลงใหญ่ต้นจาก ม.4 ต.บางหมาก อ.กันตัง จ.ตรัง แก่นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมงและคณะตรวจราชการเขตตรวจราชการที่ 6 ณ วิสาหกิจชุมชนชายคลองโฮมสเตย์ ม.1ต.ย่านซื่อ อ.กันตัง จ.ตรังทั้งนี้ ได้นําเสนอข้อมูลเรื่องต้นจากเป็นพืชเศรษฐกิจ ลําดับที่ 3 ของอําเภอกันตัง จัดตั้งแปลงใหญ่ฯ ตั้งแต่ ปี 2563-ปัจจุบัน มีสมาชิก 39 ราย พื้นที่ 276 ไร่ และดําเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายทั้ง 5 ด้าน ของโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ มีการพัฒนาผลผลิตและผลิตภัณฑ์ ต่อยอดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น เกิดผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ ได้แก่ เกล็ดน้ําตาลจาก และจานใบจาก จานปงจาก(โคนทางจาก) การบูรณาการร่วมกับกรมประมงในการอนุรักษ์พื้นที่ปลูกต้นจากและการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ําร่วมกับสมาชิกและชุมชนสองฝั่งแม่น้ําตรัง ซึ่งทําให้ปัจจุบันพื้นที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ สมาชิกในชุมชนทํามาหากิน มีรายได้จากการประมงอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ทั้งนี้ ได้ร่วมปล่อยแม่พันธุ์กุ้งก้ามกราม จํานวน 99 ตัว และพันธุ์ปลาน้ําจืดลงสู่ลุ่มแม่น้ําตรังด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324163350513
null
เกษตรกรในอำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง เลี้ยงด้วงสาคูในกะละมัง ส่งจำหน่ายทั้งในและนอกพื้นที่ กิโลกรัมละ 200 บาท สามารถสร้างรายได้มากกว่า 20,000 บาทต่อเดือน
นายธีรพงศ์ มนต์แก้ว เกษตรอําเภอหาดสําราญ มอบหมายให้นางสาวพัทธนันท์ บุญคง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ สํานักงานเกษตรอําเภอหาดสําราญ ร่วมกับนางณัฏฐินี ชูดํา นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ สํานักงานเกษตรจังหวัดตรัง ติดตามเยี่ยมเยียน Young Smart Farmer นายเฉลิมชัย เอียดขํา หมู่ที่ 1 ตําบลบ้าหวี อําเภอหาดสําราญ จังหวัดตรังเกษตรกรรายดังกล่าว มีกิจกรรมเลี้ยงด้วงสาคูในกะละมัง ประมาณ 200 กะละมัง ใช้ระยะเวลาเลี้ยง 35 วัน ส่งจําหน่ายในพื้นที่จังหวัดตรัง และต่างจังหวัด เช่น สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ทั้งแบบสดและแบบแช่แข็ง จําหน่ายกิโลกรัมละ 200 บาท สามารถสร้างรายได้มากกว่า 20,000 บาท/เดือน และยังใช้วัสดุเศษเหลือจากจารเลี้ยงด้วงสาคู มาใช้เป็นปุ๋ยมูลด้วงสาคูมาปลูกพริก สร้างรายได้ได้อีกทางหนึ่งด้วย ผู้ที่สนใจสั่งซื้อด้วงสาคูสามารถติดต่อได้ที่ คุณเฉลิมชัย เอียดขํา โทรศัพท์ 062-0698109#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324163452516
null
อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ประชุมขับเคลื่อนการดำเนินงานศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเพื่อต่อยอดโครงการฝายคลองลิพังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง มอบหมายให้นางกนกกาญจน์ คงแก้ว นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการและนางสาวจิราณี คชภูมิ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการร่วมประชุมคณะกรรมการการประสานงานการขับเคลื่อนและขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริและหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ณ ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตําบลลิพัง ตําบลลิพัง อําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง โดยมี นายณัฐวุฒิ สังข์สุข นายอําเภอปะเหลียน เป็นประธาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ทั้งนี้ เพื่อวางแผนขับเคลื่อนการดําเนินการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านทุ่งปาหนัน หมู่ที่ 2 ตําบลลิพัง อําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดจากโครงการฝายคลองคลองลิพัง อันเนื่องมาจากพระราชดําริ ที่ประชุมได้ร่วมกับวางแผนกรอบระยะเวลาในการดําเนินงาน ปี 2566 และมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบในแต่ละกิจกรรม ในส่วนของสํานักงานเกษตรจังหวัดตรังและสํานักงานเกษตรอําเภอปะเหลียน รับผิดชอบในส่วนของกิจกรรมวางแผนการผลิตพืช โดยดําเนินการขอสนับสนุนพันธุ์พืช จากศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 2 จังหวัดตรัง และศูนย์วิจัยพืชสวนตรัง และขอสนับสนุนงบประมาณเพื่อดําเนินงานโครงการศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดําริ ตําบลลิพัง อําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ใน ปี 2568 #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324163628517
null
กรมการข้าว ชูศูนย์เรียนรู้ด้านข้าว สืบสานภูมิปัญญาข้าวไทย เปิดแหล่งท่องเที่ยวเกษตรใจกลางกรุง
นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยภายหลังการตรวจศูนย์เรียนรู้ด้านข้าวและการเกษตรตามแนวพระราชดําริ ว่ากรมการข้าว ดําเนินการจัดทําแหล่งเรียนรู้ด้านข้าว เพื่อเป็นศูนย์กลางในการให้บริการ ตลอดจนเป็นการถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้ที่สนใจในวิถีชีวิตชาวนา เทคโนโลยีด้านข้าว การปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล การเลี้ยงปลาชนิดต่างๆ รวมไปถึงการใช้ทรัพยากรในนาข้าวให้เกิดประโยชน์ เช่น การอัดฟางข้าว เพื่อเป็นการลดการเผาตอซังในนาข้าวที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกส่งผลกระทบต่อโลก ยกระดับข้าวรักษ์โลก ให้สอดคล้องกับ BCG Model เพื่อจะได้ให้เห็นถึงการลดต้นทุนการผลิต ลดการใช้ปุ๋ยและสารเคมี การใช้สารชีวภัณฑ์ ซึ่งจะส่งผลถึงการลดรายจ่ายได้ ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ ถือเป็นแหล่งความรู้แล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้คนทั่วไปได้แวะเวียนมาพักผ่อน แถมไม่ไกล สามารถเข้ามาได้ตลอดเวลา ไม่เว้นวันหยุดราชการ นอกจากนี้โรงเรียน หรือสถานศึกษา สามารถแจ้งความประสงค์เข้ามาเยี่ยมชมได้ ศูนย์แห่งนี้ยินดีต้อนรับ สําหรับพื้นที่บริเวณแปลงนาทดลอง จัดทําเป็นศูนย์เรียนรู้โครงการพระราชดําริ โรงเรียนข้าวและชาวนา ซึ่งได้แบ่งเป็นสถานีเรียนรู้ต้นแบบการสาธิตการปลูกข้าวตามหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการเกษตรตามแนวพระราชดําริ พื้นที่ต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสืบสาน รักษา และต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ เพื่อรําลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยและเผยแพร่ความรู้ข้อมูลด้านข้าวให้กับผู้ที่สนใจ ซึ่งนับเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับข้าวแห่งเดียวในกรุงเทพมหานคร
24/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324192243594
null
ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นห่วงสุขภาพประชาชน วอนเลิกเผาป่า เตรียมยกระดับปฏิบัติการฯ ห้ามเข้าพื้นที่ป่า
ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่เป็นห่วงสุขภาพประชาชน วอนเลิกเผาป่า เพื่อควบคุมปริมาณ PM2.5 ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชน หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น พร้อมแจ้งยกระดับปฏิบัติการฯ เน้นย้ํา ตั้งจุดสกัด ห้ามบุคคลเข้าพื้นที่หาของป่าในพื้นที่ป่าสงวน-ป่าอนุรักษ์ วันที่ 24 มีนาคม 2566 สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า กองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแพร่ แจ้งเวียนหนังสือ ด่วนที่สุด เรื่อง การยกระดับปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM 2.5) เนื่องจากจํานวนปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก(PM 2.5) เกินค่ามาตรฐาน(50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร) ต่อเนื่องจนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนชาวแพร่โดยเมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (24 มี.ค. 66) เครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ ที่ตําบลนาจักร อําเภอเมืองแพร่ วัดค่า PM 2.5 อยู่ที่ 62 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐานอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน จึงขอให้หน่วยที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือประชาชนตลอดจนภาคส่วนต่างๆ ร่วมสอดส่องดูแลหมู่บ้าน/ชุมชน ให้งดการเผาทุกชนิด เน้นย้ํายกระดับการสื่อสารประชาสัมพันธ์เชิงรุก สร้างความเข้าใจกับประชาชนถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ให้คําแนะนําแจ้งเตือนประชาชน ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ถ้ามีอาการไอ หายใจลําบาก ระคายเคืองตา ควรลดระยะเวลาทํากิจกรรมกลางแจ้ง หรือ สวมแมสป้องกันตัวเอง หากมีอาการแน่นหนาอก ปวดศีรษะ หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีนายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ถ้าคนยังไม่หยุดเผาป่า ก็น่าเป็นห่วงปัญหาสุขภาพของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเด็กเล็ก คนชรา และผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ แม้จะมีชุดปฏิบัติการดับไฟป่าทุกพื้นที่ แต่เนื่องจากพื้นที่ป่าของจังหวัดแพร่มีมาก คนจุดไฟเผาป่าเพียงไม่กี่คนแต่สร้างผลกระทบต่อคนทั้งจังหวัดทั้งด้านสุขภาพและเศรษฐกิจการท่องเที่ยว จึงอยากจะวอนขอให้ประชาชนทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน ช่วยกันสอดส่องดูแล และขอร้องไม่ให้มีการเผาในช่วงนี้ ที่อากาศที่ดีสําหรับพี่น้องคนเมืองแพร่”#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคเหนือ
แพร่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324164335525
null
กระทรวงพาณิชย์ อนุมัติเงินชดเชยส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวดที่ 24 เตรียมจ่ายเงินให้เกษตรกร 29 มีนาคมนี้
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกํากับดูแลและกําหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 24 สําหรับเกษตรกรที่แจ้งวันคาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 18–24 มีนาคม 2566 โดยข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ชดเชยส่วนต่างตันละ 408.90 บาท สูงสุดครัวเรือนละ 6,542.40 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ชดเชยส่วนต่างตันละ 110.28 บาท สูงสุดครัวเรือนละ 2,757.00 บาท และข้าวเปลือกเจ้า ชดเชยส่วนต่างตันละ 121.56 บาท สูงสุดครัวเรือนละ 3,646.80 บาท สําหรับข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องส่วนต่างชดเชยในงวดนี้ เนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าราคาประกันรายได้ ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว โดย ธ.ก.ส. จะจ่ายเงินให้เกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์งวดที่ 24 ในวันที่ 29 มีนาคม 2566สําหรับในงวดที่ 1-23 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรได้รับเงินส่วนต่างประกันรายได้แล้วกว่า 2.627 ล้านครัวเรือน วงเงิน 7,861.71 ล้านบาท และการช่วยเหลือไร่ละพันบาท เกษตรกรได้รับเงินแล้วกว่า 4.641 ล้านครัวเรือน วงเงิน 54,004.91 ล้านบาท สําหรับเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์แต่ยังไม่ได้รับเงิน ขอให้ ติดต่อ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน เพื่อให้ ธ.ก.ส. ตรวจสอบต่อไปด้านผู้แทนสมาคมค้าข้าวไทย ให้ข้อมูลว่า สถานการณ์การซื้อขายข้าวในตลาดช่วงนี้ เน้นไปที่ข้าวขาว เนื่องจากผู้ส่งออกยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของราคามีขยับขึ้นลงบ้างเล็กน้อย ยกเว้นข้าวเหนียวที่ราคาขยับขึ้นตามความต้องการของตลาด ขณะที่การส่งออก ล่าสุด สามารถส่งออกข้าวได้แล้วกว่า 1.8 ล้านตัน คาดว่าปีนี้จะส่งออกได้ถึง 8 ล้านตัน
24/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324192019590
null
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ผลไม้ที่จันทบุรี
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นําคณะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ และการบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออก พร้อมเยี่ยมชมกระบวนการผลิตและส่งออกผลไม้คุณภาพของเกษตรกรจังหวัดจันทบุรีบ่ายวันนี้ ( 24 มี.ค.66 ) ที่ห้องประชุมตากสิน ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นําคณะเดินทางมาติดตามสถานการณ์ และการบริหารจัดการผลไม้ภาคตะวันออกที่จันทบุรี โดย นายมนสิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นําหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนเกษตรกร ผู้แทนกลุ่มสหกรณ์ ผู้แทนผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ เกษตรกรและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ และสรุปผลการบูรณาการขับเคลื่อนและบริหารจัดการผลไม้ของเกษตรกรจังหวัดจันทบุรีในฤดูกาลผลิตปี 2566 ทั้งนี้ สถานการณ์ผลไม้จังหวัดจันทบุรี ทุเรียน มังคุด เงาะ และ ลองกอง คาดการจะให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ประมาณร้อยละ 3.12 เนื้อที่ผลผลิตรวมประมาณ 430,192 ไร่ โดยคาดการทุเรียน จะให้ผลิตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 5.12 ประมาณ 506,138 ตัน / มังคุดจะให้ผลผลิตลดลงจากปี 2565 คิดเป็นร้อยละ 3.07 โดยมีปริมาณออกสู่ตลาดประมาณ 112,437 ตัน เงาะคาดการว่าผลผลิตจะลดลงจากปีที่แล้วประมาณร้อยละ 2.56 ปริมาณผลผลิตรวมประมาณ 87,123 ตัน และลองกองคาดว่าปริมาณผลผลิตลดลงประมาณร้อยละ 8.55 ปริมาณผลผลิตรวมประมาณ 13,257 ตัน อย่างไรก็ตามจังหวัดจันทบุรีได้มีมาตรการในการควบคุมคุณภาพผลผลิตตั้งแต่ต้นน้ํา กลางน้ํา และปลายน้ําไว้แล้วอย่างครอบคลุม ส่งผลให้ผลผลิตที่เริ่มเก็บเกี่ยวในปัจจุบันมีราคาสูงเป็นที่พอใจของเกษตรกรโอกาสนี้ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมคณะได้เดินทางไปติดตามสถานการณ์ด้านการผลิตไม้ผลเศรษฐกิจที่ตําบลเขาบายศรี อ.ท่าใหม่ ติดตามสถานการณ์ด้านการส่งออกทุเรียน โรงคัดบรรจุที่ได้รับมาตรฐาน GMP ขั้นตอนการรวบรวม คัดแยก ตรวจสอบความปลอดภัยทางสุขอนามัย ก่อนบรรจุทุเรียนเพื่อส่งออก พบปะหารือเจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องในมาตรการป้อมปรามทุเรียนอ่อน ปี 2566 ณ สํานักงานเกษตรอําเภอท่าใหม่ ตรวจเยี่ยมจุดให้บริการตรวจก่อนตัด วัดเปอร์เซ็นต์น้ําหนักแห้งเนื้อทุเรียนที่ เทศบาลตําบลสองพี่น้อง อ.ท่าใหม่ #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคตะวันออก
จันทบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324194035619
null
กรมชลประทาน ขอความร่วมมือเกษตรกรลุ่มเจ้าพระยา งดการเพาะปลูกข้าวนาปรังต่อเนื่อง (นาปรัง 2) ลดความเสี่ยงขาดแคลนน้ำในอนาคต
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันกรมชลประทาน จัดสรรน้ําให้เกษตรกรเพาะปลูกข้าวนาปรังในช่วงแล้งปีนี้ ทั่วประเทศไปแล้ว 19,682 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 72 ของแผนฯ เฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการจัดสรรน้ําไปแล้วประมาณ 7,113 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 79 ของแผน จนถึงขณะนี้มีการเพาะปลูกพืชทั้งประเทศไปแล้วกว่า 9 ล้านไร่ จากแผนที่กําหนดไว้ 10 ล้านไร่ โดยมีพื้นที่ที่เก็บเกี่ยวแล้ว 2 ล้านไร่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การบริหารจัดการน้ําในช่วงแล้งนี้ เป็นไปตามแผนที่กําหนดไว้ กรมชลประทาน ขอความร่วมมือจากเกษตรกร โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ที่เพาะปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังแล้วเสร็จ ให้งดการเพาะปลูกข้าวนาปรังต่อเนื่อง(นาปรัง 2) เพื่อไม่ให้กระทบต่อแผนการจัดสรรน้ําช่วงแล้ง และเพื่อรักษาระดับน้ําเหนือเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม สามารถส่งน้ําเข้าระบบชลประทาน ส่งไปสนับสนุนการใช้น้ําอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี ลดความเสี่ยงต่อปัญหาการขาดแคลนน้ําที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต รวมไปถึงเพื่อควบคุมคุณภาพน้ําในแม่น้ําเจ้าพระยาตอนล่างให้อยู่ในเกณฑ์ที่กําหนดด้ว และประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือไปยัง เกษตร กลุ่มผู้ใช้น้ํา และทุกภาคส่วน ให้ช่วยกันประหยัดน้ํา เพื่อให้ปริมาณน้ําที่มีอยู่เพียงพอใช้ทุกกิจกรรมตลอดในช่วงแล้งนี้
24/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324193907617
null
บริษัท แมน คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จำกัด (ร้านเกษตรมั่นคง) กับสหกรณ์การเกษตรแม่สะเรียง จำกัด ร่วม MOU เพื่อลดต้นทุนให้ชาวบ้าน เพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้มีคุณภาพ
วันนี้ (24 มี.ค. 2566) เวลา 09.00 น. ที่ สหกรณ์การเกษตรแม่สะเรียง จํากัด อําเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน บริษัท แมน คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จํากัด ภายใต้การจดทะเบียนการค้า ชื่อร้านเกษตรมั่นคง กับสหกรณ์การเกษตรแม่สะเรียง จํากัด ร่วมบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โดย นายมัทนะ กําเหนิดงาม กรรมการผู้จัดการ ภายใต้การจดทะเบียนการค้า ชื่อร้านเกษตรมั่นคง ตั้งอยู่เลขที่ 73/13-14 ม.1 ตําบลแม่สะเรียง อําเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน กับ สหกรณ์การเกษตรแม่สะเรียง จํากัด อําเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดย นายตา บุญชุม ประธานกรรมการ โดยทั้งสองฝ่าย มีข้อตกลง และแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ มีรายละเอียดดังนี้ 1.บริษัท แมน คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จํากัด มีหน้าที่จัดหา ปุ๋ยเคมี เมล็ดพันธุ์พืช รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตรอื่น ๆ ให้กับสหกรณ์การเกษตรแม่สะเรียง จํากัด เพื่อให้สหกรณ์ฯ นําไปจัดจําหน่ายให้กับสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อใช้สําหรับปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2.บริษัท แมน คอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) มีอํานาจหน้าที่ บริหารจัดการรับซื้อผลผลิตของสมาชิกจากสหกรณ์ฯ ภายใต้เงื่อนไข ข้อตกลงระหว่าง บริษัท แมนคอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จํากัด กับสหกรณ์การเกษตรแม่สะเรียง จํากัด 3.ราคาของปุ๋ยเคมี เมล็ดพันธุ์พืช วัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตรอื่น ๆ ทางบริษัทฯ และทางสหกรณ์ฯ จะมีการยืนยันและตกลงราคา ที่จะซื้อและจัดจําหน่าย ให้กันและกัน ก่อนที่จะเปิดใบสั่งซื้อล่วงหน้า 1 อาทิตย์ 4.ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ บริษัท แมนคอมเมอร์เชียล (ประเทศไทย) จํากัด มีหน้าที่จัดหาปุ๋ยเคมี เมล็ดพันธุ์พืช ให้กับสหกรณ์ฯ และสหกรณ์ฯ จะเป็นผู้ชําระค่าสินค้าที่มีการสั่งซื้อผลผถิตของเกษตรกรที่เป็นสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการจะต้องได้คุณภาพตามมาตรฐานการซื้อขายของตลาด ณ เวลานั้นทั้งนี้ การลงนาม MOU ดังกล่าว เป็นความร่วมมือทางด้านการเกษตร เพื่อการทํางานที่ชัดเจน ลดต้นทุนให้ชาวบ้าน เช่น ปุ๋ย และวัสดุอุปกรณ์ทางการเกษตร เพิ่มผลผลิตการเพาะปลูก ผลผลิตดี มีคุณภาพ และยังสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324181920563
null
จังหวัดเพชรบุรี ประกาศผลการเลือกตั้ง สมาชิกสภาเกษตรกร อย่างไม่เป็นทางการ หลังพี่น้องเกษตรกร ชาวแก่งกระจาน เขาย้อย และชะอำ ไปใช้สิทธิออกเสียง
เมื่อเวลา 16.30 น. วันนี้ (24 มีนาคม 2566) นายภคพัส ส่งวัฒนายุทธ ปลัดจังหวัดเพชรบุรี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดเพชรบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และคณะอนุกรรมการ การขับเคลื่อนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ การเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดเพชรบุรี ร่วมประชุม ฯ ณ ห้องประชุม ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี นายภคพัส ส่งวัฒนายุทธ ปลัดจังหวัดเพชรบุรี กล่าวขอบคุณพี่น้องเกษตรกรทุกคนที่ออกไปใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ที่ได้ร่วมตัดสินใจ เลือกคนดี คนที่เราเชื่อมั่น ว่าจะเป็นผู้ที่ทําหน้าที่มาช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร แม้จะเป็นการเลือกตั้งสนามเล็ก แต่ผลที่จะเกิดขึ้นคือความยิ่งใหญ่ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกร ไปทําหน้าที่ เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการเกษตรทุกด้าน นอกจากนั้น ปลัดจังหวัดเพชรบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดเพชรบุรี ได้ดําเนินการจัดการการเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรกร เฉพาะ 3 อําเภอ คือ อําเภอแก่งกระจาน เขาย้อย และชะอํา ซึ่งมีผู้สมัครเป็นจํานวนมาก จึงต้องดําเนินการการเลือกตั้ง ในส่วนอําเภอเมืองเพชรบุรี,บ้านแหลม,หนองหญ้าปล้อง,บ้านลาด,และท่ายาง จะไม่มีการเลือกตั้ง เนื่องจากมีผู้สมัครครบตามจํานวน สําหรับผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ อําเภอเขาย้อย ได้แก่ นายธวัช เชื่อมชิต และนายวิโรจน์ บุญปลูก อําเภอชะอํา ได้แก่ นายประเชิญ หงษา และนายพิชัย กลิ่นหอม อําเภอแก่งกระจาน ได้แก่ นายประยูร จันทร์แสง และนายศุภชัย เทพบุตร ซึ่งจะได้นําเข้าคณะกรรมการเพื่อรับรองและออกประกาศต่อไป จามรี อนุรัตน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี รายงาน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคตะวันตก
เพชรบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324191318588
null
จังหวัดหนองคาย เทศบาลเมืองหนองคายพ่นละอองน้ำริมโขงลด PM 2.5
เทศบาลเมืองหนองคาย จับมือศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 14 อุดรธานี นําชุดอุปกรณ์ดับเพลิงควบคุมระยะไกล ฉีดพ่นละอองน้ําริมฝั่งแม่น้ําโขง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย โดยจะดําเนินการในระหว่างวันที่ 23 – 29 มีนาคม 66วานนี้ (23 มีนาคม 66) เทศบาลเมืองหนองคาย ได้ร่วมกับศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 14 อุดรธานี นําโดยนายอลงกรณ์ รัชตเมธี รองนายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย และนายสังวาลย์ ริมเขาใหญ่ รองนายกเทศมนตรีเมืองหนองคาย ได้นําชุดอุปกรณ์ดับเพลิงควบคุมระยะไกล มาฉีดพ่นละอองน้ํา เริ่มจากลานวัฒนธรรมริมฝั่งแม่น้ําโขง บริเวณชุมชนหายโศก ไปจนถึงลานวัฒนธรรม หน้าวัดลําดวน ซึ่งเป็นพื้นที่ของตลาดแคมของ ที่มีในทุกเย็นวันเสาร์การฉีดพ่นละอองน้ําครั้งนี้ เป็นโครงการรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย โดยมีวัตถุประสงค์สําคัญเพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 ภายในเขตเทศบาลเมืองหนองคายให้อยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย และเพื่อลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพของประชาชนภายในเขตเทศบาลเมืองหนองคายจากปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 โดยตั้งเป้าปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 ภายในเขตเทศบาลเมืองหนองคายอยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน หรือไม่เกิน 37 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยดําเนินการฉีดพ่นละอองน้ําในระหว่างวันที่ 23 มีนาคม 2566 – 29 มีนาคม 2566 อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวันสําหรับสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 ในจังหวัดหนองคาย จากรายงานสถานการณ์และคุณภาพอากาศประเทศไทย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศบรรยากาศ ของกรมควบคุมมลพิษ ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณสวนสาธารณะหนองถิ่น ต.มีชัย อ.เมือง จ.หนองคาย พบมีปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอนอยู่ในระดับเริ่มมีผลต่อสุขภาพติดต่อกันหลายวันแล้ว.จุมพล / หนองคาย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
หนองคาย
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองคาย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324185238577
null
เทศบาลนครตรัง ร่วมกับเครือข่ายสถานีวิทยุคนไทยหัวใจฟู จัดกิจกรรม“คนตรังหัวใจฟู สู้ภัยฝุ่น PM 2.5 ใส่ใจสิ่งแวดล้อม”
วันนี้ (24 มีนาคม 2566 ) ที่ ห้องประชุม ชั้น 1 อาคารเอนกประสงค์ เทศบาลนครตรัง ดร.สัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศมนตรีนครตรัง เป็นประธานเปิดกิจกรรม “คนตรังหัวใจฟู สู้ภัยฝุ่น PM 2.5 ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่แพร่กระจายครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กและมีปริมาณมาก สามารถทะลุขนจมูกแทรกซึมสู่ระบบทางเดินหายใจทะลุผนังปอดและเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างง่ายดาย มีผลกระทบกับร่ายกายและสุขภาพอย่างมาก เทศบาลนครตรัง ร่วมกับเครือข่ายสถานีวิทยุคนไทยหัวใจฟู เล็งเห็นถึงความสําคัญในเรื่องนี้ จึงได้กิจกรรม พัฒนาความรู้และการพัฒนาการสื่อสารให้กับ เครือข่ายจิตอาสา เพื่อสื่อสารเรื่องราวการส่งเสริมสุขภาวะสร้างคนไทยหัวใจฟูและรอบรู้สุขภาพจังหวัดตรัง โดยมีกลุ่มเป้าหมาย หน่วยงานที่เข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย ตัวแทนชุมชนในเขตเทศบาลนครตรัง อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) จิตอาสา นักจัดรายการวิทยุส่งเสริมสุขภาพ อาสาสมัครประชาสัมพันธ์หมู่บ้านและชุมชน (อปมช.) เจ้าหน้าที่จากสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง (ปภ.) อาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม (ทสม) อ.เมือง เจ้าหน้าที่จากศูนย์ศึกษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาช่อง อ.นาโยง เป็นผู้เข้าร่วมอบรมพัฒนาความรู้ในการป้องกันตนเองจากพิษภัย ฝุ่น PM 2.5 โดยมีวิทยากร นายวสันต์ ใจจ้อง นักวิชาการชํานาญการ จากกองงานอนามัยและสิ่งแวดล้อม สํานักงานสาธาณสุข จ.ตรัง และคุณรสสุคนธ์ รัตโน นักวิเคราะห์นโยบายและแผน จากหน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตรัง มาเป็นวิทยากร สําหรับการจัดกิจรรมในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสํานักงานสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สนับสนุนชุดความรู้ในการดูแลตัวเอง เพื่อให้ผู้เข้าอบรม สามารถนําไปประยุกต์ใช้ ป้องกันตนเองจากจากอันตรายของฝุ่นละอองขนาดเล็ก สามารถขยายผลข้อมูลความรู้สู่ชุมชน และเผยแพร่ผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ สร้างการมีส่วนร่วมและเตรียมการป้องกันในชุมชน ให้เกิดการเปลื่ยนแปลงพฤติกรรม ในการดูแลสุขภาพและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ ฝุ่น PM 2.5 ป้องกันตนเองจากมลพิษทางอากาศ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ป้องกันตนเองจากโรคภัยร้ายแรงต่างๆ ควบคู่กับป้องกันการระบาดของโควิด19 เตรียมการป้องกันแก้ไขปัญหา ประสานความร่วมมือกับ ภาคท้องถิ่น ภาคราชการ องค์กรธุรกิจ หน่วยงานด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม ให้ทุกภาคส่วนในสังคม เกิดความตระหนักในปัญหาฝุ่น PM 2.5 และร่วมมือกันป้องกันแก้ไขต่อไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324194043620
null
เกษตรนาโยง ร่วมเก็บน้ำผึ้งเดือน 5 ณ วิสาหกิจชุมชนบ้านไสใหญ่ ม.1 ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง
วันนี้ (24 มีนาคม 2566)? นางสาวรัชนี นิลละออ เกษตรอําเภอนาโยง มอบหมายให้ นางจรัสศรี แก้วนิลประเสริฐ และ นายนิติพล มากมูล นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ สํานักงานเกษตรอําเภอนาโยง เยี่ยมวิสาหกิจชุมชนบ้านไสใหญ่ ม.1 ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง ร่วมเก็บน้ําผึ้งเดือน 5 จากผึ้งโพรงที่เลี้ยงไว้ในสวนผสมข้างบ้าน ของนายทวี แก้วสรวล (ประธานวิสาหกิจชุมชนฯ)โดยมี นางจินดา ทหารไทย สมาชิกภายในกลุ่มร่วมเก็บน้ําผึ้งด้วย จะทยอยเก็บน้ําผึ้งของสมาชิกจนถึงปลายเดือน 5 เพื่อนํามาคั้นน้ําผึ้งบรรจุขวด โดยผึ้ง 1 รัง คั้นได้น้ําผึ้ง ประมาณ 3 ขวด ๆ ละ 750 ซีซี จําหน่ายขวดละ 500 บาท ซึ่งน้ําผึ้งเดือน 5 ถือเป็นสุดยอดน้ําผึ้งที่มีรสชาติหวาน หอม และดีที่สุดในรอบปี เนื่องจากมีสรรพคุณทางยา และเป็นที่ต้องการของลูกค้า สนใจติดต่อ คุณทวี โทร. 0626385565 และ 0950940573#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230324201612636
null
?สสจ.โคราชจับมือเครือข่ายตรวจประเมิน?และเยี่ยมเสริม?พลัง? ในการดำเนิ?นงานด้านอนามัย?สิ่งแวดล้อม?ในเรือนจำ?ประจำปี? พ.ศ. 2566?
วันนี้(24 มีนาคม 2566)? นายแพทย์?สุผล? ต?ติ?ย?น?ั?นท?พร? นายแพทย์?สาธารณสุข?จังหวัด?นครราชสีมา? อนุมัติ?ให้เจ้าหน้า?ที่กล?ุ?่มงาน?อนามัย?สิ่ง?แวดล้อม?และ?อาชีว?อนามัย? ร่วมกับ?เจ้า?หน้าที่จากกรมอนามัย? และศูนย์?อนามัย?ที่? 9 ?นครราชสีมา? เจ้าหน้า?ที่โรงพยาบาล?ปากช่องนานา ร่วม?ตรวจประเมิน?และเยี่ยมเสริม?พลัง? ในการดําเนิ?นงานด้านอนามัย?สิ่งแวดล้อม?ในเรือนจํา?ประจําปี? พ.ศ. 2566? ณ? ทัณฑสถาน?เกษตร?อุตสาหกรรม?เขา?พริก? จังหวัด?นครราชสีมา? โดยมี?นางสาวปรีย์ธิดา? สมจิตร? ผู้อํานวยการ?ทัณฑสถาน?เกษตร?อุตสาหกรรม?เขา?พริก? และ?คณะเจ้า?หน้าที่? ให้การต้อนรับ นําเสนอข้อมูล? และนําทีมตรวจประเมินพร้อม?ให้?คําแนะนําตามมาตรฐาน?งานด้านอนามัย?สิ่ง?แวดล้อม?ในเรือน?จํา ตามโครงการ?ราช?ทัณฑ์?ปัน?สุข? ทําความ?ดี? เพื่อ?ชาติ? ศาสน์? กษัตริย์#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325002245680
null
หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 24 มุกดาหาร จัดกำลังพล พร้อมเครื่องจักรขุดลอกหนองน้ำ เพื่อเป็นแหล่งเก็บกักน้ำให้ประชาชนใช้อุปโภค บริโภค
พันเอก สันทัด ชํานาญเวช ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 24 สํานักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า หน่วยได้จัดชุดปฏิบัติงานช่าง หน่วยช่างพัฒนา เข้าดําเนินการขุดลอกหนองถ้ําพระ ตั้งอยู่ในพื้นที่ตําบลน้ําเที่ยง อําเภอคําชะอี จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งเป็นแหล่งน้ําผิวดิน ที่สําหรับใช้ในการผลิตประปาให้กับชุมชน มีสภาพแห้งขอด ตื้นเขิน เกิดจากการทับถมของตะกอนเป็นเวลานานหลายปี เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะสั้น ให้สามารถรองรับน้ําในฤดูฝน ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาว ทางหน่วยได้เข้าประชาคมหมู่บ้าน พร้อมได้จัดทําแผนงานโครงการพัฒนา ช่วยเหลือประชาชน ประจําปีงบประมาณ 2568 แล้วในขณะเดียวกันทางหน่วย ได้มอบหมายให้ชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว พร้อมรถบรรทุกน้ํา และรถประปาสนาม ดําเนินการผลิตน้ําดื่มบรรจุชวด จํานวน 500 ขวด เติมน้ําในถังบรรจุให้กับประชาชนที่มารับบริการ เติมถังน้ํากลางซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดอัมพวันและเติมในถังประปาหมู่บ้าน บ้านน้ําเที่ยง ตําบลน้ําเที่ยง อําเภอคําชะอี ซึ่งกําลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ําอุปโภค-บริโภคในขณะนี้ เนื่องจากน้ําใต้ดินไม่พอสําหรับผลิตน้ําประปา เป็นการสํารองน้ําไว้ใช้บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจํานวน 31 ครัวเรือนสนิท ทองจํารัส สวท.มุกดาหาร รายงาน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มุกดาหาร
สวท.มุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325072600691
null
ทน.ยะลา เร่งเก็บ กวาดขยะบริเวณสะพานดำ
ระดมทีมงานสํานักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครยะลา เร่งเก็บกวาด ขยะ บริเวณสะพานดําทีมงานสํานักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครยะลา ได้ประสานงานและร่วมบูรณาการในการปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนจากขยะและเศษวัสดุตกค้างบริเวณปลายถนนอุตสาหกรรมคอสะพานรถไฟเพื่อทําการแก้ไข โดยมี เจ้าหน้าที่ผู้ร่วมปฎิบัติงานคือ สมาชิกสภาเทศบาลนครยะลา นายสถานีรถไฟยะลา ผู้ช่วยนายตรวจทางยะลา ผู้อํานวยการส่วนการโยธาสํานักช่างผู้อํานวยการส่วนบริการสาธารณสุข หัวหน้าฝ่ายบริการสิ่งแวดล้อม หัวหน้าฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแก้ไขปัญหาจนเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยทั้งนี้ ขอความร่วมมือ ผู้มาจับจ่ายซื้อสินค้าในตลาดสดรถไฟ ร่วมด้วยช่วยกันดูแลความสะอาดด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/3/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325075212693
null
ผบ.ฉก.ยะลา มอบน้ำดื่มพร้อมอินทผลัม แก่ประชาชน เพื่อใช้ในการละศีลอด
ผบ.ฉก.ยะลา มอบน้ําดื่มพร้อมอินทผลัม แก่ประชาชน เพื่อใช้ในการละศีลอด ห้วงเดือนรอมฎอน ฮ.ศ.1444ที่ด่านตรวจขุนไวย์ ตําบลสะเตง อําเภอเมือง จังหวัดยะลา พลตรี ธนัช ฉิมพาลี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา ลงพื้นที่มอบอินทผลัมและน้ําดื่มให้กับพี่น้องประชาชนชาวมุสลิม ที่สัญจรผ่านด่านได้นําอินทผลัมไปรับประทานในช่วงการละศีลอด (เปิดบวช) หลังพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งอินทผลัมนั้น ชาวมุสลิมถือว่าเป็นผลไม้ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ ชาวมุสลิมนิยมรับประทานอินทผลัมในช่วงเดือนถือศีลอด หรือ เดือนรอมฎอน เนื่องจากในคัมภีร์อัลกุรอานได้บัญญัติไว้ว่าสามารถละศีลอดด้วยการกินอินทผลัมแทนการดื่มน้ําได้เพื่อช่วยลดอาการอ่อนเพลียในช่วงอดอาหารสําหรับการมอบอินทผลัมในครั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนการประกอบศาสนกิจในห้วงเดือนรอมฎอน ของพี่น้องชาวไทยมุสลิม พร้อมทั้งอํานวยความสะดวกให้กับประชาชนใช้รถบนท้องถนน มีความปลอดภัย ตลอดจนเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดี สร้างรอยยิ้ม และความประทับใจให้กับประชาชนในพื้นที่ ที่สัญจรไป-มา เป็นอย่างมาก#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/3/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325075810696
null
เคล็ดไม่ลับฉบับการดูแลไม้ผลไม้ยืนต้น ก่อน-หลังพายุฤดูร้อนเข้าประเทศไทย ช่วง 26–28 มีนาคม นี้
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดํารง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาในช่วงวันที่ 26–28 มีนาคมนี้ บริเวณความกดอากาศสูงกําลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทําให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนําความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ลักษณะเช่นนี้ทําให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆ จะได้รับผลกระทบในระยะถัดไปกรมส่งเสริมการเกษตร ขอแจ้งเตือนเกษตรกร ให้เตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะในพื้นที่ไม้ยืนต้นและไม้ผลที่กําลังมีผลผลิตในขณะนี้ และขอแนะนําวิธีการหลีกเสี่ยงและบรรเทาความเสียหายในการดูแลป้องกันไม้ยืนต้นและไม้ผลในช่วงแล้งนี้ เช่น ปลูกต้นไม้บังลม เพื่อลดความรุนแรงของลมก่อนที่จะเข้าถึงสวนผลไม้หรือพื้นที่เพาะปลูก จะช่วยลดความสูญเสียจากพายุลมแรงได้ ตัดแต่งกิ่งที่แน่นทึบหรือกิ่งที่ไม่ให้ผลผลิตออก เพื่อให้ทรงพุ่มโปร่ง ไม่ต้านลม ทําเนินดินเพื่อป้องกันน้ําขังบริเวณโคนและทําระบบระบายน้ําเก็บผลผลิตที่แก่ออกไปบ่มหรือจําหน่ายก่อน เพื่อลดความเสียหายและลดน้ําหนักบนกิ่งและต้นลงกรณีพื้นที่เกษตรได้รับความเสียหายสิ้นเชิง เกษตรกรจะได้รับความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 คือ เป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรก่อนเกิดภัย โดยจะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละไม่เกิน 30 ไร่ แบ่งเป็น ข้าวไร่ละ 1,340 บาท พืชไร่และพืชผักไร่ละ 1,980 บาท ไม้ผลไม้ยืนต้นและอื่นๆ ไร่ละ 4,048 บาท ทั้งนี้เกษตรกรสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สํานักงานเกษตรอําเภอและสํานักงานเกษตรจังหวัดใกล้บ้าน
25/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325123208725
null
ภาคเหนือ ค่าฝุ่น PM 2.5 ยังวิกฤติ โดยเฉพาะใน จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย และเชียงใหม่อยู่ในระดับสีแดง พบสูงสุดบริเวณ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ถึง 351 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ภาคเหนือ ค่าฝุ่น PM 2.5 ยังวิกฤติ โดยเฉพาะใน จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย และเชียงใหม่อยู่ในระดับสีแดง พบสูงสุดบริเวณ ต.เวียงพางคํา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ถึง 351 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ควรงดกิจกรรมกลางแจ้งและกลุ่มเสี่ยงให้เฝ้าระวังอาการผิดปกติ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (25 มี.ค.66) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ยังปรับตัวสูงขึ้น เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 9 พื้นที่ และสีแดง 14 พื้นที่ บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน ลําปาง ลําพูน พะเยา และเชียงใหม่ อยู่ที่ 91 – 351 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยพบสูงสุดบริเวณ ต.เวียงพางคํา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพราะยังพบการเผาในเขตป่า ผลกระทบจุดความร้อน (Hotspot) จากประเทศเพื่อนบ้าน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีผลต่อการสะสมของฝุ่น จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง กลุ่มเสี่ยงให้เฝ้าระวังอาการผิดปกติ และปฏิบัติตามคําแนะนําของแพทย์อย่างเคร่งครัด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดการบริหารจัดการเชื้อเพลิงต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง ทั้งนี้ ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงบริเวณภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านต้องเฝ้าระวังพิเศษวันที่ 26 – 29 มีนาคม ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบค่าฝุ่น PM 2.5 ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน พบเกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 5 พื้นที่ และสีแดง 3 พื้นที่ บริเวณ จ. หนองคาย บึงกาฬ และนครพนม อยู่ที่ 109 - 139 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากทุกพื้นที่ จากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ยกเว้นบริเวณริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม อยู่ที่ 52 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพราะสภาพการจราจรค่อนข้างหนาแน่นและมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งนี้ ศูนย์แบบจําลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (26 มี.ค.66) มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่เปิดมากขึ้น เพดานการลอยตัวอากาศที่สูงขึ้น ประกอบกับ ลมทางใต้ที่กําลังแรงช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางแอปพลิเคชั่น Air4Thai
25/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325100944703
null
เปิดฤดูกาลผลไม้ตะวันออก ชูทุเรียนอัตลักษณ์ไทยหนึ่งเดียวในโลก
นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ทําการเปิดงานฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออก โดยภาพรวมของผลไม้ในภาคตะวันออกมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี ตลอดจนสถานการณ์ปัจจุบันมีการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว ทําให้ภาคเกษตรต้องมีการพัฒนาสินค้าเกษตรให้มีคุณภาพ สร้างความน่าเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค อีกทั้งต้องมีการปรับตัวโดยการผสมผสานการท่องเที่ยวเกษตรลงไปในสวนไม้ผล เพื่อดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวและยังคงเน้นคุณภาพมาตรฐานและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของผลไม้ไทย เพื่อรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคให้มากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงเกษตรฯ ที่มุ่งมั่นส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่มีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและชุมชนในพื้นที่ จึงได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตร สํานักงานเกษตรจังหวัดจันทบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร หรือการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ เพิ่มมูลค่าผลผลิต สร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรนอกจากนี้ ย้ําให้ฑูตเกษตรเน้นสร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์ ทุเรียนไทยทุเรียนคุณภาพ ในประเทศจีน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค โดยมุ่งเน้น คุณภาพ ความปลอดภัยและอัตลักษณ์ที่ไม่เหมือนชาติใด เนื่องจากทุเรียนไทยแต่ละจังหวัดมีอัตลักษณ์ที่ชัดเจน รสชาติอร่อย เพราะมีดินที่อุดมสมบูรณ์ ขอฝากให้พี่น้องเกษตรกรและผู้ประกอบการ ร่วมกันรักษาคุณภาพมาตรฐานของทุเรียนไทย ไม่ตัดทุเรียนอ่อน
25/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325123452730
null
กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดลำปาง เดินหน้าฟื้นฟูและช่วยเหลือเกษตรกร ซื้อทรัพย์คืนปลดหนี้เกือบล้านบาท
กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดลําปาง จัดประชุมคณะอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดลําปาง ครั้งที่ 3/2566 ณ ห้องประชุมกาสะลอง ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดลําปาง เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566 โดยมี นายกมล ถาน้อย ประธานอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดลําปาง เป็นประธานเปิดการประชุม และนางสาวสิริลักษณ์ อุตเถิน หัวหน้าสํานักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดลําปาง ทําหน้าที่อนุกรรมการและเลขานุการ โดยได้รับเกียรติจากนายจารึก บุญพิมพ์ ประธานกรรมการคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร สํานักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) และนายสมศักดิ์ โยอินชัย รองประธานคนที่ 1 ร่วมประชุมและมอบนโยบายประธานที่ประชุมได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบเรื่องรับรองรายงานการประชุมเรื่องที่เสนอให้ที่ประชุมทราบ รายงานผลการดําเนินงานของสํานักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดลําปางด้านต่างๆ รายงานความก้าวหน้าโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิก กฟก. ลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 22 มีนาคม 2565โอกาสนี้ ประธานกรรมการคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร สํานักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) พร้อมคณะ ได้มอบเช็คซื้อทรัพย์คืนเกษตรกร ธนาคารอาคารสงเคราะห์จํานวนเงิน 945,000 บาท จํานวน 1 ราย คือ นายเกรียงไกร พุทธมา เกษตรกรสมาชิกสํานักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดลําปาง ซึ่งได้เปิดเผยว่ารู้สึกดีใจที่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรจังหวัดลําปาง ได้ช่วยเหลือซื้อทรัพย์คืนปลดหนี้ให้เกือบ 1 ล้านบาท จึงเป็นกําลังใจในการประกอบอาชีพเกษตรกรต่อไป และอยากให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฯ ที่ประสบปัญหาเข้ามาปรึกษากับทางกองทุนฯ อีกทั้งอยากเชิญชวนเกษรกรที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกกองทุนฯ มาสมัครเป็นสมาชิก ซึ่งกองทุนฯ พร้อมที่จะให้คําปรึกษาและช่วยเหลือเกษตรกร#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/3/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325112154706
null
ปภ. ประสาน 50 จังหวัด เตรียมรับมือพายุฤดูร้อน ช่วง 26-29 มีนาคมนี้
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า จากการติดตามสภาวะอากาศ กับกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งมีประกาศฉบับที่ 2 แจ้งว่า บริเวณความกดอากาศสูงกําลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ขณะที่ประเทศไทย มีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ทําให้ประเทศไทยตอนบน จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ระหว่างวันที่ 26-29 มีนาคมนี้ โดยเริ่มมีผลกระทบในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงภาคเหนือ จะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป โดยมีพื้นที่เฝ้าระวัง สถานการณ์ฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง 50 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร กองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) จึงได้ประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือพายุฤดูร้อนที่อาจเกิดขึ้น โดยจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า ส่วนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอให้ติดตามสภาพอากาศและข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด โดยแนะนําว่า หากเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งก่อสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง แข็งแรง อีกทั้งงดใช้เครื่องมือสื่อสารและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนเกษตรกร ควรป้องกันผลิตผลทางการเกษตรที่อาจได้รับความเสียหายจากลมกระโชกแรง
25/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.จันทบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325194620802
null
จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยสูงถึง 3,000 จุด พบมากในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ ส่วนประเทศเพื่อนบ้านสูงสุดที่ สปป.ลาว เกือบ 10,000 จุด
สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยสูงถึง 3,000 จุด พบมากในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ ส่วนประเทศเพื่อนบ้านสูงสุดที่ สปป.ลาว เกือบ 10,000 จุด สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (24 มี.ค.66) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศสูงถึง 3,088 จุด พบมากที่สุดในพื้นป่าอนุรักษ์ 1,286 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 1,237 จุด // พื้นที่เกษตร 255 จุด // พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 156 จุด // พื้นที่เขต สปก. 140 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 14 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ แม่ฮ่องสอน 547 จุด // น่าน 280 จุด และ เชียงใหม่ 221 จุด ทั้งนี้ จากการตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” พื้นที่หลายจังหวัดช่วงตอนบนของประเทศในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดที่มีค่า PM 2.5 สูงสุด คือ เชียงราย พะเยา เชียงใหม่ ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจจะตามมา ขณะที่ทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอยู่ในระดับดีมากต่อเนื่อง สําหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านสูงสุดต่อเนื่องใน สปป.ลาว 9,748 จุด รองลงมาคือ เมียนมา 6,352 จุด // เวียดนาม 879 จุด // กัมพูชา 652 จุด และมาเลเซีย 27 จุด ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในรูปแบบของหมอกควันข้ามแดน
25/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325130610741
null
ก.ทรัพย์ คุมเข้มเฝ้าระวังสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัดตามมาตรการของรัฐบาล หลังพบการเผาป่าและจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้าน
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คุมเข้มเฝ้าระวังสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัดตามมาตรการของรัฐบาล หลังพบการเผาป่าและจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้าน นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือกลับมาทวีความรุนแรงจากไฟป่า การเผาในพื้นที่เกษตร การเผาในที่โล่งอื่นๆ และหมอกควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยพบจุดความร้อน (Hotspot) สูงในประเทศไทยบริเวณภาคเหนือส่วนเพื่อนบ้านในเมียนมาและ สปป.ลาว ประกอบกับ สภาพทางอุตุนิยมวิทยาที่ไม่เอื้อต่อการระบายของฝุ่นละออง สภาพอากาศนิ่ง และเพดานการลอยตัวต่ํา ส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ อ.แม่สาย จังหวัดเชียงราย สูงที่สุดติดต่อกันกว่า 300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดย กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและยกระดับการป้องกันและแก้ปัญหาต่อเนื่อง ทั้งแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองปี 2566 และนโยบายการป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือปี 2566 ทั้งนี้ ให้ทุกหน่วยงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดต่อเนื่องติดตามสถานการณ์ คาดการณ์ ลดจุดความร้อน ควบคุมไฟ และลดแหล่งกําเนิดฝุ่นละอองในพื้นที่อย่างเต็มกําลังความสามารถ โดย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัด คณะกรรมการ และคณะทํางานในจังหวัดอย่างใกล้ชิด สําหรับหมอกควันข้ามแดนประเทศไทยได้อาศัยการเจรจาในเวทีอาเซียนภายใต้ข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานสภาพปัญหา ตามข้อกําหนดของข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน และได้รายงานสถานการณ์ปัญหาต่อสํานักเลขาธิการอาเซียนเป็นประจําทุกวัน เพื่อให้ประเทศสมาชิกเข้มงวดลดจุดความร้อน ซึ่งไทยดําเนินการมาตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์มีหนังสือขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านควบคุมไฟป่าและการเผาในที่โล่ง โดยสํานักเลขาธิการอาเซียนได้ยกระดับการแจ้งเตือนสถานการณ์หมอกควันข้ามแดนในอาเซียนเป็นระดับ 3 ที่เป็นระดับสูงสุด เมื่อวันที 2 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง แต่ทุกอย่างยังต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน แม้ภาครัฐเฝ้าระวังสถานการณ์และยกระดับการดําเนินงานโดยตลอด แต่สถานการณ์ยังมีความรุนแรง เนื่องจากพบมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายลักลอบจุดไฟเผาป่า จึงขอความร่วมมือประชาชนร่วมเฝ้าระวังสถานการณ์ หากพบเห็นไฟในพื้นที่ใด ขอความร่วมมือแจ้งหน่วยงานในพื้นที่ สายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 และสายด่วนนิรภัย 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
25/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325133917748
null
คณะอนุกรรมการมรดกโลกทางธรรมชาติ มีมติเห็นชอบร่างเอกสารแหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันเป็นมรดกโลก พร้อมเตรียมนำเสนอคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกพิจารณา เม.ย.นี้
คณะอนุกรรมการมรดกโลกทางธรรมชาติ มีมติเห็นชอบร่างเอกสารแหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันเป็นมรดกโลก พร้อมเตรียมนําเสนอคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกพิจารณาเดือนเมษายนนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า คณะอนุกรรมการมรดกโลกทางธรรมชาติ ได้ติดตามความคืบหน้าการดําเนินงานในพื้นที่มรดกโลกกลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ กลุ่มป่าแก่งกระจาน และการเร่งจัดทําเอกสารข้อมูลแหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันเสนอเข้าสู่การพิจารณาเป็นมรดกโลก โดยมีมติเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) เอกสารนําเสนอ (Nomination Dossier) พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันเป็นมรดกโลก จากนี้ส่งให้ฝ่ายเลขานุการดําเนินการปรับปรุงรายละเอียดบางส่วนตามความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ และจัดส่ง (ร่าง) เอกสารนําเสนอฉบับภาษาอังกฤษให้กระทรวงการต่างประเทศช่วยพิจารณาถ้อยคําก่อนจัดส่งให้สํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในฐานะหน่วยประสานงานกลางอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก นําเสนอที่ประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกพิจารณาให้ความเห็นชอบช่วงเดือนเมษายนนี้ก่อนจัดส่งให้ศูนย์มรดกโลกต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้รับทราบความคืบหน้าการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) สําหรับแผนการจัดการแหล่งมรดกโลกกลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่ และรอยต่อพื้นที่ลุ่มน้ํา รวมถึง การประเมินสถานภาพทั่วไปในการอนุรักษ์กลุ่มป่าแก่งกระจาน โดยผู้เชี่ยวชาญจากสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ (IUCN Advisory Mission) และการนําคณะทูตและกงสุลต่างประเทศประจําประเทศไทย พร้อมคู่สมรสเข้าศึกษาดูงานพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน เพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้ และส่งเสริมการผลักดันการขึ้นทะเบียนแหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันเป็นมรดกโลกช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้
25/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325143431766
null
สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA ) ยกระดับหลักสูตรลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์ รณรงค์ปลุกจิตสำนึกการคุ้มครองสัตว์ ขับเคลื่อนการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566 สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) ร่วมกับ สโมสรลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดทําหลักสูตรวิชาพิเศษ ลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์ และการประชุมสามัญประจําปีสโมสรลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์ ณ โรงแรมแคนทารี อมตะ บางปะกง จังหวัดชลบุรีดร.สาธิต ปรัชญาอริยะกุล เลขาธิการและผู้อํานวยการสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) ในฐานะอุปนายกสโมสรลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์ เปิดเผยว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาหลักสูตรวิชาพิเศษลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์ใน 4 ประเภท ประกอบด้วย ลูกเสือสํารอง ลูกเสือสามัญ ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ และลูกเสือวิสามัญ ให้ได้เรียนรู้และมีความเข้าใจในหลักสวัสดิภาพสัตว์ 5 ประการ (5 FREEDOMES) และสามารถนําไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพสัตว์ รวมทั้งการเรียนรู้ กฎเกณฑ์ ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ในการสร้างสรรค์สังคม ชุมชน ประเทศชาติด้านการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ที่ดีต่อไป โดยผู้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการการจัดทําหลักสูตรวิชาพิเศษ ลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์ครั้งนี้ เช่น รศ.น.สพ. ปานเทพ รัตนากร อุปนายก TSPCA ดร.พลเดช วรฉัตร นายกสโมสรลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์ อาจารย์อมร ชุมศรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการลูกเสือแห่งชาติ อาจารย์สายัณห์ สันทัด อดีตผู้อํานวยการสํานักการลูกเสือแห่งชาติ ดร.ไพบูลย์ มันตะสูตร ชมรมลูกเสือสี่ท่อนแห่งประเทศไทย ดร.วรรยดา บุตรานนท์ ผู้ประสานงานประจําประเทศไทย โครงการ Messengers of Peace ขององค์การลูกเสือโลก ดร.บวรวิทย์ เลิศไกร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์สิริพงศ์ ลวสุต นายกสโมสรลูกเสือราชาธิวาส อาจารย์วัชรพล วัชรพาณิชย์ ผู้กํากับกลุ่มลูกเสือ อาจารย์ประสงค์ ชัยสาร อาจารย์มาลินี แย้มวจี รศ.ดร.น.สพ.ศิวะพงษ์ สังข์ประดิษฐ์ น.สพ.ณฐวุฒิ คณาติยานนท์ คุณธีระพนธ์ บุตรเหมรัศมิ์ และ คุณสุริยัน ผาฟองยุน เลขาธิการสโมสรลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์ เป็นต้นที่ผ่านมาสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA ) ก็เป็นอีกองค์กรหนึ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนากิจการลูกเสือ โดยเฉพาะการพัฒนาเกี่ยวกับลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์ โดยการริเริ่มของคุณธีระพงศ์ ปังศรีวงศ์ นายกTSPCA และคณะกรรมการบริหาร ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา โดยการนําหลักการสําคัญของกระบวนการลูกเสือ ที่มุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนได้รับการฝึกอบรมให้มีความเมตตากรุณาต่อสัตว์ ภายใต้กฎลูกเสือข้อ 6 “ลูกเสือมีความเมตตากรุณาต่อสัตว์” ซึ่งใช้ในการรณรงค์และจัดกิจกรรมต่างๆ เรื่อยมา จนกระทั่ง วันที่ 11 กันยายน 2557 มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกับสํานักงานลูกเสือแห่งชาติ (สลช.) กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อบูรณาการเกี่ยวกับการส่งเสริมสวัสดิภาพและป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ เข้าสู่ระบบการเรียนการสอนลูกเสือในระดับต่าง ๆ โดยในขณะนี้ TSPCA สโมสรลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์และคณะกรรมการขับเคลื่อนตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกิจกรรมลูกเสือเพื่อบูรณาการสวัสดิภาพและการป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ กําลังดําเนินการยกร่างหลักสูตรวิชาพิเศษลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์ ประเภทต่างๆ และจัดทําหลักสูตรฝึกอบรม ตามระเบียบและข้อบังคับของสํานักงานลูกเสือแห่งชาติ ดังนั้นการประชุมเชิงปฏิบัติการวิชาพิเศษลูกเสือสวัสดิภาพสัตว์ในครั้งนี้ จึงเป็นการดําเนินการอย่างต่อเนื่องในการออกแบบวิชาหนึ่งของลูกเสือที่จะทําให้ผู้เรียนได้เรียนรู้สู่การปฏิบัติจริง ด้วยกระบวนการด้านการศึกษาในระบบ ซึ่งจะเป็นการสร้างทักษะประสบการณ์ที่ดี ในอันจะปลูกฝังค่านิยมและจิตสํานึกการรักสัตว์อย่างรับผิดชอบ ทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่าในธรรมชาติ รวมถึงผู้เรียนจะได้เรียนรู้ถึงความสําคัญของหลักสวัสดิภาพสัตว์ การอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมทั้งความหลากหลายทางชีวภาพ ของการอยู่ร่วมกันระหว่างสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ของคนและสัตว์เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อไป โดยมีเป้าหมายสําคัญก็คือ “สวัสดิภาพสัตว์เพื่อสวัสดิภาพคน” อีกด้วย#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
หน่วยงานสำนักข่าว
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325162246776
null
เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่าเชียงใหม่ (หน่วยเสือไฟ) เข้าดับไฟป่าบริเวณดอยหลวงเชียงดาว พบมีพื้นที่เสียหายเพิ่ม 20 ไร่
เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่าเชียงใหม่ (หน่วยเสือไฟ) เข้าดับไฟป่าบริเวณดอยหลวงเชียงดาว พบมีพื้นที่เสียหายเพิ่ม 20 ไร่ ชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่าเชียงใหม่ (หน่วยเสือไฟ) ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าเชียงใหม่ ส่วนควบคุมไฟป่า สํานักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ไฟป่าและการสนันสนุนการควบคุมไฟป่าในพื้นที่อําเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ บริเวณที่ทําการเขตรักษาสัตว์ป่าเชียงดาว (ดอยหลวงเชียงดาว) จากการลาดตระเวนทางรถยนต์ตั้งแต่ที่ทําการเขตรักษาสัตว์ป่าเชียงดาวถึงเมืองคอง ต.เมืองคอง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พบจุดความร้อน (Hotspot) บริเวณบ้านหนองขะแตะ ต.เมืองงาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จึงได้เข้าไปตรวจสอบและควบคุมพบพื้นที่ได้รับความเสียหาย 20 ไร่
25/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325172154789
null
กรมอุทยานฯและกรมป่าไม้ สามารถจับกลุ่มผู้ลักลอบเผาป่าและแผ้วถางบุกรุกเขตป่าใหม่ได้ 2 คน พร้อมของกลางจำนวนมากในแม่ฮ่องสอน
กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชและกรมป่าไม้ สามารถจับกลุ่มผู้ลักลอบเผาป่าและแผ้วถางบุกรุกเขตป่าใหม่ได้ 2 คน พร้อมของกลางจํานวนมากในจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายนิกร แก้วโมรา หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ําป่า จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า วันนี้ (25 มี.ค.66) จ้าหน้าที่สายตรวจเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ําปาย อําเภอปางมะผ้า และเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ (แพร่) สํานักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ร่วมกันลาดตระเวนดับไฟป่าและติดตามการกระทําผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ พบผู้ชายและผู้หญิงกําลังสุมไฟเผาไม้และวัชพืช บริเวณป่าบ้านกึ๊ดสามสิบ หมู่ 6 ตําบลสบป่อง อําเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่บุกรุกใหม่ มีการโค่นไม้ใหญ่จํานวน 1 ต้น และเก็บริบสุมเผาไม้ แล้วยังพบอุปกรณ์กระทําความผิด คือ เลื่อยโซ่ยนต์ 1 เครื่อง // ไฟแช็ก 1 อัน // มีด 1 เล่ม และจักรยานยนต์ 1 คัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในโครงการแก้ปัญหาที่ดินทํากินในเขตป่าอนุรักษ์ จึงลงความเห็นเป็นการบุกรุกพื้นที่ใหม่กว่า 1 ไร่ จากนั้นได้นําตัวทั้ง 2 คนมาดําเนินคดีตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 55 ในฐานความผิดยึดถือครอบครองที่ดินก่อสร้างแผ้วถาง เผาป่า หรือทําด้วยประการใดให้เสื่อมสภาพหรือเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติเดิมในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาต // กระทําผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11 ในฐานความผิดทําไม้โดยไม่รับอนุญาต มาตรา 54 , ในฐานความผิดบุกรุกแผ้วถางป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 69 , ในฐานความผิดมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต // พระราชบัญญัติเลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ. 2545 มาตรา 4 ในฐานความผิดมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงนําตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสถานีตํารวจภูธรปางมะผ้า พร้อมบันทึกจับกุมและแจ้งสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทราบต่อไป สําหรับสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนยังพบจุดความร้อน (Hotspot) จํานวนมาก ภาพรวมจุดความร้อนสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 23 มีนาคม รวม 4,077 จุด สูงสุดที่อําเภอแม่สะเรียง 1,451 จุด โดยเกิดขึ้นสูงสุดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ถึง 2,446 จุด หากพบเห็นไฟไหม้ป่าเผาป่าไม่ได้รับอนุญาตแจ้งได้ที่สายด่วน 1362
25/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325171456788
null
เกษตรจังหวัดชัยนาทเผยเร่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยปี 2565 คาดแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้
นายสุชาติ อ่อนดํา เกษตรจังหวัดชัยนาท เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยเมื่อช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมามีเกษตรกรได้รับผลกระทบ จํานวน 2,447 ราย พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย 16,214 ไร่ ทางสํานักงานเกษตรจังหวัดชัยนาท และสํานักงานเกษตรอําเภอทุกแห่ง ได้ดําเนินการสํารวจตามระเบียบของทางราชการ มีวงเงินให้ความช่วยเหลือ 32 ล้านบาทเศษ ขณะนี้กําลังทยอยจ่ายให้เกษตรกรไปบางส่วนแล้วประมาณ 10 ล้านบาทเศษ สาเหตุที่มีการจ่ายเงินล่าช้า เนื่องจากเกิดอุทกภัยขึ้นในหลายจังหวัดและต้องใช้เงินเป็นจํานวนมาก สําหรับการสํารวจความเสียหายได้รับนโยบายจากผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท ในการดําเนินงานอย่างเร่งด่วน โดยมีฐานข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรอยู่แล้วจึงทําให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น สําหรับเงินก้อนแรกที่จ่ายไปแล้วกว่า 10 ล้านบาท เกษตรกรจํานวน 1,109 ราย พื้นที่ 4,958 ไร่ จ่ายไปแล้วเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยโอนเงินผ่านเข้าบัญชี ธ.ก.ส.ของเกษตรกรทุกราย จากนั้นประชาสัมพันธ์แจ้งไปยังเกษตรกรทราบ ส่วนเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงิน จํานวน 1,362 ราย พื้นที่เสียหายรวมกว่าหมื่นไร่ วงเงินช่วยเหลือ 22 ล้านบาทเศษ คาดว่าจะสามารถจ่ายได้ทั้งหมดในปลายเดือนมีนาคมนี้ สําหรับอัตราค่าเสียหาย นาข้าว 1,340 บาท/ไร่ พืชไร่-พืชผัก 1,980 บาท/ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้น 4,048 บาท/ไร่ เฉพาะเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ก่อนเกิดภัยเท่านั้น #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ชัยนาท
สวท.ชัยนาท
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325180858792
null
จังหวัดชัยนาทคุมเข้มการเผาในพื้นที่การเกษตร หากพบดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายสุชาติ อ่อนดํา เกษตรจังหวัดชัยนาท เปิดเผยว่า จากแนวความคิดที่เกษตรกรเร่งรีบจะเตรียมดินเพื่อปลูกข้าวต่อเนื่อง จึงมีการเผาตอซังฟางข้าวหลังเก็บเกี่ยว ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษ ซึ่งเรื่องนี้ส่วนราชการจังหวัดชัยนาทได้รณรงค์มาโดยตลอด เพราะส่งผลกระทบในหลายเรื่องทั้งเรื่องของฝุ่น PM2.5 รวมถึงเป็นสาเหตุไฟลุกลามไหม้บ้านเรือนประชาชน ซึ่งทางสํานักงานเกษตรจังหวัดชัยนาทได้ดําเนินการณรงค์ให้เกษตรกรนําฟางออกจากนา โดยใช้เครื่องอัดฟางก้อนเพื่อนําไปใช้ประโยชน์ได้อีก สําหรับปีนี้เป็นโอกาสดีของเกษตรกร เนื่องจากปีที่ผ่านมาเกิดน้ําท่วมในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทําให้อาหารสัตว์ประเภทฟางมีน้อย ทําให้ปีนี้ฟางราคาดี เกษตรกรหลายพื้นที่จึงสามารถขายฟางได้ ในราคาไร่ละ 80-100 บาท อีกวิธีการคือไม่นําฟางออกจากนาแต่หมักให้เป็นปุ๋ยอยู่ในนา ทางเกษตรจังหวัดแนะนําให้เกษตรกรใช้วิธีนี้ โดยต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10 วัน จึงไม่ค่อยได้รับความนิยม และอีกวิธีการคือ การขายคาร์บอนเครดิต ในจังหวัดชัยนาทเริ่มมีการทําสัญญาแล้ว วิธีการคือมีการทําสัญญาว่าให้ทํานาไม่มีการเผาฟาง โดยมีการติดตามตรวจสอบจุดความร้อนจากดาวเทียม เมื่อไม่มีการเผาครบ 1 ปีจะมีการจ่ายเงินกัน นี่เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะสามารถส่งเสริมเกษตรกรให้ลดการเผาลงได้ ทั้งนี้ เนื่องจากการเผา ทําให้เกิดมลพิษทางอากาศ PM2.5 จังหวัดชัยนาทได้ออกประกาศห้ามการเผา พร้อมกําชับให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ถึงประชาชนงดการเผาทุกชนิด ล่าสุดได้มีการดําเนินคดีผู้ที่เผาในพื้นที่การเกษตรแล้ว 2 ราย #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ชัยนาท
สวท.ชัยนาท
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325200441811
null
แม่ฮ่องสอน ค่าฝุ่นยังวิกฤติ นพค.36 ร่วมกับ อบต.แม่คะตวน ฉีดพ่นละอองน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ หลังค่า PM 2.5 สูงขึ้นต่อเนื่อง
ที่ถนนทางหลวงหมายเลข 105 (แม่สอด - แม่สะเรียง) บ้านคอนผึ้ง และบ้านผาผ่า ตําบลแม่คะตวน อําเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ชุดบรรเทาสาธารณภัยเคลื่อนที่เร็ว หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 36 สํานักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย จํานวน 4 นาย พร้อมรถบรรทุกน้ําอเนกประสงค์ ขนาด 9,000 ลิตร จํานวน 1 คัน ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตําบลแม่คะตวน ดําเนินการฉีดพ่นละอองน้ํา เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ ลดฝุ่นละออง PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานในพื้นที่ เพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รายงานสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ในวันที่ 25 มีนาคม 2566 พบจุดความร้อนจํานวน 433 จุด สูงสุดอยู่ที่อําเภอแม่สะเรียง 157 จุด อําเภอเมือง 90 จุด และอําเภอสบเมย 61 จุด ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ที่ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ ต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษ หากมีอาการไอ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก ควรรีบพบแพทย์โดยทันที#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/3/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325211910822
null
เกษตรย่านตาขาว ลงพื้นที่ตรวจวิเคราะห์ธาตุอาหารหลัก (N P K) และ pH ในดินให้แก่คณะกรรมการ ศดปช.เครือข่าย ตำบลเกาะเปียะ
วันที่ 25 มีนาคม 2566 นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอําเภอย่านตาขาว มอบหมายให้ นางแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ ลงพื้นที่ตรวจวิเคราะห์ธาตุอาหารหลัก (N P K) และ pH ในดินให้แก่คณะกรรมการ ศดปช.เครือข่ายโคกมะม่วง หมู่ที่ 4 ตําบลเกาะเปียะ อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรใช้เทคโนโลยีในการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน เป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรใส่ปุ๋ยตรงกับความต้องการของพืชแต่ละชนิด และที่สําคัญเพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกร #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325214907825
null
เกษตรจังหวัดตรัง เกษตรนาโยง ร่วมกับศพก.อำเภอนาโยง ขยายผลระบบน้ำอัจฉริยะให้แก่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดตรัง
วันที่ 25 มีนาคม 2566 นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นายญันยงค์ ปล้องอ่อน สํานักงานเกษตรจังหวัดตรัง นายนิติพล มากมูล นางจรัสศรี แก้วนิลประเสริฐ และน.ส.นงลักษณ์ เงารัตนพันธิกุล สํานักงานเกษตรอําเภอนาโยง ร่วมกับนายประกิจ จิตรใจภักดิ์ (ประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร; ศพก.อําเภอนาโยง) ขยายผลการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตร ระบบน้ําอัจฉริยะ (Internet of Things ; loT) สั่งงานเปิด-ปิดน้ําผ่านมือถือ ให้แก่เกษตรกรที่สนใจพื้นที่จังหวัดตรัง จํานวน 20 ตู้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนตู้ควบคุมระบบน้ําอัจฉริยะ จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายประกิจ จิตรใจภักดิ์ กล่าวว่า เมื่อปี 2564 สํานักงานเกษตรจังหวัดตรังร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง (มทร.ศรีวิชัย ตรัง) ภายใต้การนํางานวิจัยประยุกต์ใช้สู่พื้นที่จริง ได้รับการสนับสนุนการติดตั้งระบบน้ําอัจฉริยะในแปลงผักบุ้งแก้ว ผักยกแคร่และไม้ผล หลังจากได้นําเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ทําให้การดูแลแปลงเพาะปลูกมีความแม่นยํามากขึ้น ประหยัดน้ํา ประหยัดเวลา ลดการใช้แรงงาน ได้ผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตนเองได้ขยายผลไปสู่ ศพก.เครือข่าย ในพื้นที่อําเภอนาโยง ของนางจินดา ทหารไทย (ประธานศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนต.นาหมื่นศรี) ม.1 ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง ติดตั้งระบบน้ําอัจฉริยะ โดยการสนับสนุนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปี 2566 เช่นกัน ซึ่งแบ่งโซนการใช้น้ํา 3 โซน ได้แก่ ผัก มะนาว และทุเรียน เป็นต้น #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325215321826
null
“รายการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พบเกษตรกร” สำนักงานประมงจังหวัดอำนาจเจริญ ร่วมกับ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดอำนาจเจริญ ร่วมจัดราบการวิทยุ
“รายการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พบเกษตรกร” โดย สํานักงานประมงจังหวัดอํานาจเจริญ ร่วมกับ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ําจืดอํานาจเจริญ และ สํานักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอํานาจเจริญวันศุกร์ที่ 24 มีนาคม 2566 เวลา 09.10 - 10.00 น. นายชาญวิทย์ ธานี เกษตรและสหกรณ์จังหวัดอํานาจเจริญ มอบหมายกลุ่มสารสนเทศการเกษตร สํานักงานฯ ดําเนินรายการวิทยุ “รายการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พบเกษตรกร” ร่วมกับ นายกัณฑ์เอนก บรรลือ เจ้าหน้าที่ประมง กลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง สํานักงานประมงจังหวัดอํานาจเจริญ และ นายอนุสรณ์ แซ่ต่าง นักวิชาการประมง ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ําจืดอํานาจเจริญ ณ สวท.อํานาจเจริญ นําเสนอเรื่องราวข่าวสารโครงการ/กิจกรรม ดังต่อไปนี้ 1. โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ เพื่อให้บริการเกษตรกรในพื้นที่อําเภอหัวตะพาน จังหวัดอํานาจเจริญ วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2566 เวลา 08.30 น. นายชนาส ชัชวาลวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอํานาจเจริญ เป็นประธานฯ นายไพศาล แก้วบุตรดี เกษตรจังหวัดอํานาจเจริญ เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ในการจัดโครงการฯ ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เกษตรกรที่มีปัญหาด้านการเกษตร ในพื้นที่ห่างไกล สามารถเข้าถึงการบริการวิชาการ และได้รับการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร อย่างครบวงจรในคราวเดียวกัน เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อมาให้บริการสนับสนุนเกษตรกร และแก้ไขปัญหาทางการเกษตรภายใต้คลินิกเกษตรต่างๆ ได้แก่ คลินิกดิน คลินิกพืช คลินิกข้าว คลินิกปศุสัตว์ คลินิกประมง คลินิกชลประทานคลินิกสหกรณ์ คลินิกบัญชี คลินิกกฎหมาย คลินิกอื่นๆ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมรณรงค์ “หยุดเผาในพื้นที่การเกษตร อําเภอหัวตะพาน จังหวัดอํานาจเจริญ” การสาธิตการนําฟางข้าวมาทําปุ๋ยหมักแบบไม่กลับกอง การจัดนิทรรศการไม่เผาในพื้นที่การเกษตร การใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรกลทางการเกษตร และการจําหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร การจัดงานครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งจากทางอําเภอหัวตะพาน จังหวัดอํานาจเจริญ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นําท้องที่ ผู้นําท้องถิ่น และอาสาสมัครเกษตร ทั้งนี้ มีนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอํานาจเจริญ นายอําเภอหัวตะพาน หัวหน้าส่วนราชการในจังหวัด/อําเภอ หัวหน้ากลุ่ม สนง.เกษตรจังหวัด กลุ่มเกษตรกร และพี่น้องเกษตรกรมาร่วมโครงการฯ หลังจากที่ประธานได้กล่าวเปิดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ เป็นที่เรียบร้อย ประธานได้ลั่นฆ้องเปิดงาน มอบใบประกาศเกียรติคุณแก่ผู้สนับสนุนการจัดงาน มอบพันธุ์ปลา รับมอบกระเช้า และเยี่ยมชมหน่วยงานที่ให้บริการทางการเกษตร ในครั้งนี้อีกด้วย ณ โรงเรียนหนองยอดู่ใน ตําบลจิกดู่ อําเภอหัวตะพาน จังหวัดอํานาจเจริญ 2. โครงการธนาคารสินค้าเกษตรกิจกรรมสนันสนุนธนาคารผลผลิตสัตว์น้ําแบบมีส่วนร่วม แหล่งน้ํา : หนองสระ พื้นที่ 12 ไร่ พื้นที่ดําเนินการ : บ้านโพนเมือง หมู่ที่ 11 ต.ไม้กลอน อ.พนา จ.อํานาจเจริญ ปีงบประมาณที่ดําเนินงาน : ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566กิจกรรม : อนุบาลปลาเพื่อจําหน่าย และปล่อยลงในแหล่งน้ํา, สร้างอาหารธรรมชาติ จับผลผลิตโดยการเปิดทอดแห ในวันเสาร์ที่ 11 มีนาคม 2566 บัตร 300 บาท ฟรีเสื้อ 1 ตัว ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ําจืดอํานาจเจริญ ร่วมกับ สํานักงานประมงจังหวัดอํานาจเจริญ สํานักงานประมงอําเภอพนา คณะกรรมการธนาคารผลผลิต หนองสระ จัดกิจกรรมจับปลา ณ แหล่งน้ําหนองสระ ตําบลไม้กลอน อําเภอพนา จังหวัดอํานาจเจริญ ในการนี้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ําจืดอํานาจเจริญ คณะกรรมการฯ ร่วมประเมินผลจับสัตว์น้ําและมูลค่าสัตว์น้ําจืดที่จับใช้ประโยชน์ เก็บข้อมูลผลการจับสัตว์น้ําในแหล่งน้ําชุมชน โดย บันทึกชนิด จํานวน ปริมาณ ชั่งวัดขนาด น้ําหนัก ซึ่งจับด้วยวิธีการขายบัตรจับปลา ภายใต้การบริหารจัดการของคณะกรรมการแหล่งน้ําฯ โดยมีชาวประมงข้าร่วมประมาณ 200 ราย 3. ประมง แนะวิธีการดูแลสัตว์น้ําในช่วงฤดูร้อน โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ํา ต้องวางแผนการเลี้ยงสัตว์ให้เหมาะสม, การปล่อยปลา(คัดเลือกลูกพันธุ์สัตว์น้ํา) การให้อาหาร(เลือกใช้อาหารที่มีคุณภาพดีและให้ในปริมาณที่เหมาะสม) ลดความหนาแน่นในบ่อ การใช้เกลือลดความเครียด การให้อากาศเพื่อเพิ่มปริมาณ อ๊อกซิเจน หมั่นตรวจสุขภาพสัตว์น้ําสม่ําเสมอ “ระวังโรคปลาที่เกิดจากเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส” ฝากให้ติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศจากทางราชการ หากมีปัญหาในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ําสามารถขอคําปรึกษาได้ที่สํานักงานประมงจังหวัดอํานาจเจริญ/สํานักงานประมงอําเภอ และที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ําจืดอํานาจเจริญ 4 การขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ํา 5. การขึ้นทะเบียนผู้ทําการประมง 6. เตือนผู้ฝ่าฝืนใช้เครื่องมือทําการประมงที่ผิดกฎหมาย อาทิ ใช้กระแสไฟฟ้าช็อตปลา ใช้ยาเบื่อเมา ฯลฯ และเตือนผู้เลี้ยงสัตว์น้ําควบคุม ให้ดําเนินการมาขึ้นทะเบียนสัตว์น้ําคุมกับสํานักงานประมงอําเภออาทิ กุ้งก้ามแดง จระเข้ ปลาเรือนแสง ฯลฯ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สวท.อำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230325231000844
null
รอง ผวจ.แม่ฮ่องสอน ลงพื้นที่แม่สะเรียง-สบเมย กำชับ!! หน่วยงานควบคุมจุดความร้อน หลังค่า PM 2.5 พุ่งสูงขึ้น
วันที่ 25 มีนาคม 2566 ภายหลังจากที่สถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน แนวโน้มวิกฤตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ ตําบลแม่คง อําเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งพบจุดความร้อนสูงสุด นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้ นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย นายสุริยา คูสกุลรัตน์ ผู้อํานวยการสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายศักดา มณีวงศ์ ผู้อํานวยการสํานักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน และนายเรืองฤทธิ์ ผลดี หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน เดินทางลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและไฟป่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ร้วมประชุมหารือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับในการเข้าปฏิบัติการดับไฟป่า และการควบคุมจุดความร้อนโดยมี นายสุรเชษฐ์ พุ้ยน้อย นายอําเภอแม่สะเรียง นายพรเทพ เจริญสืบสกุล ผู้อํานวยการสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง นายติณณ์ วงรินยอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสาละวิน นายสงกรานต์ สันติกูล นายกองค์การบริหารส่วนตําบลแม่คง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้นําชุมชน ได้ร่วมประชุมหาแนวทางการป้องกันปัญหาหมอกควันและไฟป่านายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้กําชับเน้นย้ํา ให้ทุกหน่วยงานต้องบูรณาการทํางานร่วมกันโดยเข้าดับไฟทุกจุดที่เกิด เพื่อลดค่าจุดความร้อนในพื้นที่เป้าหมาย โดยเฉพาะพื้นที่อุทยานแห่งชาติสาละวิน และพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน เพื่อควบคุมจุดความร้อนไม่ให้เพิ่มขึ้น และในการวางแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่เกษตรกรรม หน่วยงานเจ้าของพื้นที่ต้องประชาสัมพันธ์ให้ชุมชนจัดการเชื้อเพลิงตามหลักวิชาการ คือ ต้องทําแนวกันไฟเพื่อป้องกันการลุกลาม กําหนดแผนการเผา และการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบบูรณาการอย่างเข้มงวด หลังจากการประชุมที่อุทยานแห่งชาติสาละวินเสร็จสิ้น คณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้เดินทางต่อไปยัง อุทยานแห่งชาติแม่เงา เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ อําเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วยนอกจากนี้ อําเภอแม่สะเรียง และอําเภอสบเมย ได้มีการระดมรถบรรทุกน้ําทําการพ่นละอองน้ํา เพื่อสร้างความชุ่มชื้นในอากาศ ลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก P.M 2.5 โดยสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจําวันที่ 25 มีนาคม เวลา 14.00 น.นั้น พบจุดความร้อน 433 จุด สูงสุดอยู่ที่ อําเภอแม่สะเรียง 157 จุด รองลงมา คือ อําเภอเมือง 90 จุด อําเภอสบเมย 61 จุด อําเภอปาย 46 จุด อําเภอแม่ลาน้อย 45 จุด อําเภอขุนยวม 25 จุด และอําเภอปางมะผ้า 9 จุด#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/3/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230326084920852
null
กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานการตรวจวัดอุณหภูมิของไทยวานนี้สูงสุด 41.3 องศาเซลเซียสที่จังหวัดหนองคาย และมุกดาหาร
กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดของกรมอุตุนิยมวิทยาในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงสุด หรืออากาศร้อนจัดวานนี้ (25 มี.ค.66) พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอุณหภูมิสูงสุดวัดได้ 41.3 องศาเซลเซียส ที่อําเภอเมือง จังหวัดหนองคาย และอําเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ภาคเหนือ วัดได้ 41.2 องศาเซลเซียส ที่อําเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ภาคกลางวัดได้ 40.2 องศาเซียส ที่ตําบลบัวชุม อําเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ภาคตะวันออกวัดได้ 39.8 ที่อําเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว กรุงเทพมหานครและปริมณฑล วัดได้ 38.5 ที่อําเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ขณะที่ภาคใต้ฝั่งตะวันออก วัดได้ 38 องศาเซลเซียสที่ตําบลหนองพลับ อําเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และภาคใต้ฝั่งตะวันตก วัดได้ 37.6 องศาเซลเซียส ที่อําเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่
26/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230326124820884
null
กอนช. เฝ้าระวังเกิดพายุฤดูร้อน พายุฝนฟ้าคะนอง และลมกรรโชกแรงในหลายพื้นที่ของประเทศ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือภัยแล้ง
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังเกิดพายุฤดูร้อน พายุฝนฟ้าคะนอง และลมกรรโชกแรงในหลายพื้นที่ของประเทศ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแผนบริหารจัดการน้ําเพื่อรับมือภัยแล้ง โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาหากเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จขอให้งดปลูกข่าวนาปรังรอบ 2 นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยการกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ําภาพรวมของประเทศวันนี้ (26 มี.ค.66) ว่า ความกดอากาศต่ําเนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทําให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนโดยทั่วไปกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวันและมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ ขณะที่ลมใต้และลมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันออก ทําให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่เกิดขึ้นด้วย สําหรับลมตะวันออกเฉียงใต้และลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทําให้ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกปานกลางบริเวณ จ.นครราชสีมา , เชียงใหม่ และสตูล สําหรับสภาพอากาศถึงวันที่ 29 มีนาคม บริเวณความกดอากาศสูงกําลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทําให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนําความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่วนบริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนทําให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึง อาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ด้านภาคอื่นๆจะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป ทั้งนี้ กอนช. ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดําเนินการตามมาตรการรองรับหน้าแล้งอย่างเคร่งครัด เช่น หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้นํากําลังพลจิตอาสาพระราชทาน 4 นาย , กําลังพลชุดเคลื่อนที่เร็ว 4 นาย , รถประปาสนามเคลื่อนที่ 1 คัน , รถบรรทุกน้ําขนาด 9,000 ลิตร 1 คัน และ รถบรรทุกขนาดเล็ก 1 คัน ดําเนินการแจกจ่ายน้ําบริโภค 6,000 ลิตร และน้ําอุปโภค 2 เที่ยว ปริมาณน้ํา 18,000 ลิตร ให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง บริเวณบ้านดงยาง ตําบลน้ําเที่ยง อําเภอคําชะอี จังหวัดมุกดาหาร // กรมชลประทาน ได้จัดสรรน้ําให้เกษตรกรเพาะปลูกข้าวนาปรังช่วงหน้าแล้ง ปี 65/66 ทั่วประเทศแล้ว 19,682 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยาจัดสรรน้ําไปแล้วประมาณ 7,113 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันเพาะปลูกพืชทั้งประเทศ 9.96 ล้านไร่ หรือร้อยละ 96 ของแผนฯ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยามีการเพาะปลูกแล้ว 6.31 ล้านไร่ หรือร้อยละ 95 ของแผนฯ ซึ่งเป็นไปตามแผนที่กําหนด โดยขอความร่วมมือจากเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาที่เพาะปลูกและเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังแล้วเสร็จให้งดการเพาะปลูกข้าวนาปรังต่อเนื่อง (นาปรังรอบ 2) เพื่อไม่ให้กระทบต่อแผนการจัดสรรน้ําหน้าแล้ง และรักษาระดับน้ําเหนือเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม สามารถส่งน้ําเข้าระบบชลประทานไปสนับสนุนการใช้น้ําอุปโภค-บริโภคและรักษาระบบนิเวศได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี ลดความเสี่ยงต่อปัญหาการขาดแคลนน้ําที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และควบคุมคุณภาพน้ําในแม่น้ําเจ้าพระยาตอนล่างให้อยู่ในเกณฑ์ที่กําหนด
26/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230326094826854
null
สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบึงกาฬ เตือนประชาชน เรื่องดัชนีคุณภาพอากาศและ pm 2.5 จังหวัดบึงกาฬ อยู่ในระดับสีแดงมีค่าความเข้มข้นของมลพิษที่สูงมาก
นายสายชล เหล่าภักดี ผู้อํานวยการส่วนสิ่งแวดล้อม สํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบึงกาฬ เตือนประชาชนเรื่องดัชนีคุณภาพอากาศและ pm 2.5 จังหวัดบึงกาฬ อยู่ในระดับสูงมาก ซึ่งในช่วงสัปดาห์นี้ดัชนีคุณภาพอากาศของจังหวัดบึงกาฬ อยู่ในระดับสีแดง มีค่าความเข้มข้นของมลพิษที่สูงมาก ล่าสุดวันนี้ (aqi = 270 และ PM 2.5 =160 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เนื่องมาจากอากาศแห้ง มีฝุ่นละอองจากการจราจรและการก่อสร้าง ประกอบกับ พบจุดความร้อนที่เกิดจากการเผาพื้นที่เกษตรเพิ่มมากขึ้น สภาพของอากาศนิ่ง ไม่มีการหมุนเวียน จึงทําให้เกิดการสะสมของมลพิษทางอากาศ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อยู่ในปริมาณที่เข้มข้นมากขึ้นสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบึงกาฬ จึงแจ้งเตือนและแนะนําให้ผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ ผู้สูงอายุ และผู้ที่ออกกําลังกายกลางแจ้ง ควรงดออกกําลังกายหรือออกไปทํางานในพื้นที่กลางแจ้ง และสวมใส่หน้ากากอนามัยในระหว่างการทํางานกลางแจ้ง และสําหรับเกษตรกรประชาชนทั่วไป ห้ามเผาขยะเผาพื้นที่ทําการเกษตร ทั้งนี้ประชาชนทั่วไปสามารถตรวจสอบคุณภาพอากาศประจําวันได้ที่ Application Air4Thai หรือ ในเว็บไซต์ Air4Thai.com#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บึงกาฬ
สวท.บึงกาฬ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230326111201861
null
ภาคเหนือ ค่าฝุ่น PM 2.5 ยังวิกฤติหลายพื้นที่ โดยเฉพาะใน จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน และเชียงใหม่อยู่ในระดับสีแดง พบสูงสุดบริเวณ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เกือบแตะ 500 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ภาคเหนือ ค่าฝุ่น PM 2.5 ยังวิกฤติหลายพื้นที่ โดยเฉพาะใน จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าน และเชียงใหม่อยู่ในระดับสีแดง พบสูงสุดบริเวณ ต.เวียงพางคํา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เกือบแตะ 500 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ควรงดกิจกรรมกลางแจ้งและกลุ่มเสี่ยงให้เฝ้าระวังอาการผิดปกติ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (26 มี.ค.66) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ปรับตัวสูงขึ้นเกือบทุกพื้นที่อยู่ในระดับวิกฤติ เกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 10 พื้นที่ และสีแดง 18 พื้นที่ บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย แพร่ น่าน ลําปาง ลําพูน พะเยา และเชียงใหม่ อยู่ที่ 97 – 476 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยพบสูงสุดบริเวณ ต.เวียงพางคํา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพราะยังพบการเผาในเขตป่า ผลกระทบจุดความร้อน (Hotspot) จากประเทศเพื่อนบ้าน และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีผลต่อการสะสมของฝุ่น จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง กลุ่มเสี่ยงให้เฝ้าระวังอาการผิดปกติ และปฏิบัติตามคําแนะนําของแพทย์อย่างเคร่งครัด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดการบริหารจัดการเชื้อเพลิงต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง ทั้งนี้ ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงบริเวณภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านต้องเฝ้าระวังพิเศษถึงวันที่ 2 เมษายน ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบค่าฝุ่น PM 2.5 ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน พบเกินมาตรฐานในระดับสีส้ม 3 พื้นที่ และสีแดง 3 พื้นที่ บริเวณ จ. หนองคาย บึงกาฬ และนครพนม อยู่ที่ 116 - 154 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากทุกพื้นที่ จากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ทั้งนี้ ศูนย์แบบจําลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (27 มี.ค.66) มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศที่เปิดมากขึ้น เพดานการลอยตัวอากาศที่สูงขึ้น ประกอบกับ ลมทางใต้ที่กําลังแรงช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางแอปพลิเคชั่น Air4Thai
26/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230326102233857
null
ปฏิบัติการฉีดพ่นละอองน้ำในพื้นที่อำเภอปาย เพื่อลดดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พร้อมช่วยเหลือประชาชน และนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ
วันที่ 25 มีนาคม 2566 ที่บริเวณลานจอดรถ ที่ทําการอําเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วย นายอําเภอปาย หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมดําเนินมาตรการเร่งด่วน ปฏิบัติการฉีดพ่นละอองน้ําในพื้นที่ สร้างความชุ่มชื้นในอากาศ เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ช่วยลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้ที่ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ ประชาชนทั่วไป ตลอดจนนักท่องเที่ยวในพื้นที่อําเภอปาย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/3/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สวท.แม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230326124216882
null
เทศบาลเมืองสตูล ออกประกาศห้ามประชาชนเผาขยะ กิ่งไม้ใบหญ้าทุกชนิดในที่โล่ง ฝ่าฝืนปรับสูงสุด 25,000 บาท
วันนี้ (26 มี.ค.66) นายวิเชียร ตันติอาภรณ์ นายกเทศมนตรีเมืองสตูล เปิดเผยว่า เพื่อให้ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสตูลมีส่วนร่วมในการลดพฤติกรรมการเผาขยะ ซึ่งส่งผลให้เกิดผลกระทบต่อสภาพอากาศและฝุ่นละอองในพื้นที่ จึงได้ออกประกาศห้ามประชาชนเผาขยะกิ่งไม้ใบหญ้าทุกชนิดในที่โล่ง หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ.2535 (มาตรา 27, 28 และ 74) ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 25,000 บาท หรือจําคุกไม่เกิน 3 เดือนหรือทั้งจําทั้งปรับทั้งนี้ประชาชนพบเห็นการเผาขยะแจ้งได้ทันที ที่เทศบาลเมืองสตูล โทร 0 7471 1012#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/3/2023
ภาคใต้
สตูล
สวท.สตูล
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230326124900886
null
ปฏิบัติการฉีดพ่นละอองน้ำ สร้างความชุ่มชื่นในอากาศ และลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
วันที่ 25 มีนาคม 2566 ที่ถนนปางล้อนิคม บริเวณหน้าศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) แม่ฮ่องสอน ตําบลปางล้อ อําเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน กองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย หน่วยเฉพาะกิจสิงหนาท (ร. 17) สถานีควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน ทางหลวงชนบทแม่ฮ่องสอน เทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน องค์การบริหารส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอน และแขวงทางหลวงแม่ฮ่องสอน ร่วมปฏิบัติการฉีดพ่นละอองน้ํา เพื่อสร้างความชุ่มชื่นในอากาศ และลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ลดผลกระทบกับสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ชุมชนปางล้อ ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาจากฝุ่นละออง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ผู้ที่ป่วยจากโรคระบบทางเดินหายใจ การจัดตั้งห้องปลอดฝุ่น การงดกิจกรรมในที่โล่ง การติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ําในพื้นที่อําเภอปาย อําเภอเมือง และอําเภอแม่สะเรียง เพื่อสร้างความชุ่มชื้นในอากาศ และลดปริมาณฝุ่นละออง มาตรการนําเศษใบไม้มาแปรรูปเพื่อลดปริมาณเชื้อเพลิงในพื้นที่#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/3/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สวท.แม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230326130942893
null
จ.แม่ฮ่องสอน จัดกิจกรรมการบริหารจัดการเชื้อเพลิง “ชิงเก็บ ลดเผา” นำเศษใบไม้ไปแปรรูปให้เกิดประโยชน์เพื่อลดการเผา
วันที่ 24 มีนาคม 2566 ที่สวนรุกชาติโป่งแข่ ตําบลจองคํา อําเภอเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานกิจกรรมการบริหารจัดการเชื้อเพลิง “ชิงเก็บ ลดเผา” จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยศูนย์อํานวยการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองได้กําหนดแนวทางการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภายใต้มาตรการ ชิงเก็บ ลดเผา เน้นการลดปริมาณเชื้อเพลิง นําเศษใบไม้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการอัดก้อน และจําหน่ายให้กับบริษัทภาคเอกชนเพื่อนําไปแปรรูปเป็นถ่านอัดแท่งต่อไป ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว เป็นเพียงหนึ่งในแปดมาตรการของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่จะดําเนินการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ ให้เกิดความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด มุ่งเน้นที่จะทําให้เกิดความยั่งยืนในการระงับ ยับยั้ง การจุดไฟเผาทั้งในเขตพื้นที่ป่า และในพื้นที่โล่งอื่นๆ เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่เกิดจากการเผา ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสุขภาพของประชาชนสําหรับพื้นที่ป่าบริเวณสวนรุกชาติโป่งแข่ มีเชื้อเพลิงสะสมจํานวนมาก อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับสถานที่ที่มีความสําคัญ เช่น ศูนย์ราชการ สนามบิน โรงเรียน โรงพยาบาล ศาสนสถาน แหล่งท่องเที่ยว ชุมชน ตลาด ที่พัก และสถานประกอบการต่างๆ หากมีไฟป่าเกิดขึ้นในบริเวณนี้จะส่งผลกระทบกับประชาชนจํานวนมาก ดังนั้น เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาและลดผลกระทบดังกล่าวฯ สํานักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 สาขาแม่ฮ่องสอน ร่วมกับสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง และคณะทํางานศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดกิจกรรมการบริหารจัดการเชื้อเพลิง “ชิงเก็บ ลดเผา” เพื่อบริหารจัดการเชื้อเพลิง รวมถึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้ เข้าใจ และเกิดความตระหนักในปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละออง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/3/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สวท.แม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230326131214894
null
จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยสูงกว่า 4,000 จุด พบมากในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ ส่วนประเทศเพื่อนบ้านสูงสุดที่เมียนมากว่า 12,000 จุด
สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยสูงกว่า 4,000 จุด พบมากในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ ส่วนประเทศเพื่อนบ้านสูงสุดที่เมียนมากว่า 12,000 จุด สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (25 มี.ค.66) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศสูงถึง 4,376 จุด พบมากที่สุดในพื้นป่าอนุรักษ์ 2,103 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 1,502 จุด // พื้นที่เกษตร 364 จุด // พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 196 จุด // พื้นที่เขต สปก. 193 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 18 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ แม่ฮ่องสอน 609 จุด , น่าน 439 จุด และกาญจนบุรี 322 จุดทั้งนี้ จากการตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” พื้นที่หลายจังหวัดช่วงตอนบนของประเทศในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดที่มีค่า PM 2.5 สูงสุด คือ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจจะตามมา ขณะที่ทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอยู่ในระดับดีมากต่อเนื่อง สําหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านสูงสุดต่อเนื่องในเมียนมา 12,581จุด รองลงมาคือ สปป.ลาว 8,535 จุด // กัมพูชา 744 จุด // เวียดนาม 720 จุด และมาเลเซีย 31 จุด ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในรูปแบบของหมอกควันข้ามแดน
26/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230326141940904
null
กรมอุทยานฯ จับกุมขบวนการลักลอบค้าไม้เถื่อนในเขตอุทยานแห่งชาติออบหลวง พร้อมยึดของกลางไม้ประดู่ 46 แผ่น โดยเตรียมขยายผลจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม
กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จับกุมขบวนการลักลอบค้าไม้เถื่อนในเขตอุทยานแห่งชาติออบหลวง พร้อมยึดของกลางไม้ประดู่ 46 แผ่น โดยเตรียมขยายผลจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม นายกริชสยาม คงสตรี ผู้อํานวยการสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 กล่าวว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติออบหลวง ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ , เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ , กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช , เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันตรวจยึดจับกุมไม้ประดู่แปรรูป บริเวณเกิดที่ถนนสายบ้านแปะ-ขุนแปะ ต.บ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติออบหลวง จากการตรวจสอบพบรถบรรทุกไม้ 2 คัน ซึ่งบรรทุกไม้ประดู่แปรรูป มีสิ่งปกปิดอําพราง และมี รถนําทาง 1 คัน สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คน และหลบหนีไป 1 คน พร้อมของกลางไม้ประดู่แปรรูป 46 แผ่นต่อเหลี่ยมปริมาตร 3.06 ลูกบาศก์เมตร กระสุนปืนขนาด 22 จํานวน 2 นัด และวิทยุมือถือแบบพกพา ยี่ห้อโมโตโรล่า 1 เครื่อง ทั้งนี้ จากพยานหลักฐานดังกล่าวพบผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เป็นผู้กระทําความผิดหรือมีส่วนร่วมกระทําความผิด จึงนําของกลา และหลักฐานทั้งหมดแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.จอมทอง เพื่อดําเนินคดีในข้อหามีไม้หวงห้ามแปรรูปชนิดอื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามตัวผู้ต้องหามาดําเนินคดี สําหรับพื้นที่ อุทยานแห่งชาติออบหลวง เป็นอีกพื้นที่ที่กลุ่มมอดไม้มีหลายกลุ่มมักจะลักลอบขนไม้เถื่อนเป็นประจําทุกคืน โดยมีเจ้าหน้าที่คอยเป็นหูเป็นตาให้และจับกุมค่อนข้างยาก จากนี้สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) จะประสานงานติดตามความคืบหน้าของคดีและการขยายผลติดตามผู้ต้องหาเพิ่มเติมต่อไป หากพบเห็นการกระทําผิดเกี่ยวกับตัดไม้ค้าไม้ผิดกฎหมายแจ้งสายด่วน 1362
26/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230326144953907
null
ค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ยังวิกฤติหลายพื้นที่อยู่ในระดับสีแดงถึง 18 พื้นที่ โดยเฉพาะ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ค่าฝุ่นยังพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องสูงกว่า 525 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ยังวิกฤติหลายพื้นที่อยู่ในระดับสีแดงถึง 18 พื้นที่ โดยเฉพาะ ต.เวียงพางคํา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ค่าฝุ่นยังพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องสูงกว่า 525 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้ติดตามสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ยังอยู่ในระดับวิกฤติต่อเนื่อง เกินมาตรฐานในระดับสีแดงถึง 18 พื้นที่ ใน จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย แพร่ น่าน ลําปาง ลําพูน พะเยา และเชียงใหม่ ส่วนใหญ่ค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นกว่า 109 – 525 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะ ต.เวียงพางคํา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ค่าฝุ่นยังพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องสูงกว่า 525 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เนื่องจากยังพบการเผาในเขตป่าจํานวนมาก , ผลกระทบจุดความร้อน (Hotspot) จากประเทศเพื่อนบ้านที่ค่อนข้างรุนแรง และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีผลต่อการสะสมของฝุ่น จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง กลุ่มเสี่ยงให้เฝ้าระวังอาการผิดปกติ และปฏิบัติตามคําแนะนําของแพทย์อย่างเคร่งครัด ขณะที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบค่าฝุ่น PM 2.5 ยังปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน พบเกินมาตรฐานในระดับสีแดง 3 พื้นที่ บริเวณ จ. หนองคาย บึงกาฬ และนครพนม อยู่ที่ 106 - 163 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางแอปพลิเคชั่น Air4Thai
26/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230326163119920
null
ผู้ว่าฯ มุกดาหาร กำชับทุกหน่วยงาน ต้องพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชน กรณีประสบภัยจากพายุฤดูร้อน
นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า จากการที่กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่า ในช่วงวันที่ 26-29 มีนาคม 2566 บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็น กําลังปานกลางจากประเทศจีน ได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย และทะเลจีนใต้ ส่งผลทําให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ พัดนําความชื้นจากอ่าวไทย และทะเลจีนใต้ เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ซึ่งจะทําให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะจังหวัดมุกดาหารอาจเกิดพายุฤดูร้อนขึ้น โดยมีลักษณะฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตก รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้ โดยในวันที่ 26-29 มีนาคม 2566 จะเกิดขึ้นที่บริเวณจังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง จึงขอให้ประชาชนชาวจังหวัดมุกดาหาร ระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้าง และป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง สําหรับเกษตรกร ควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ในช่วงวันดังกล่าวด้วย และให้ส่วนงานต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ในจังหวัดมุกดาหาร ที่มีภารกิจเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบเหตุภัยพิบัติขึ้น ขอให้เตรีมความพร้อมทั้งกําลังพล เครื่องมือ เครื่องจักร เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที และหากประชาชนชาวจังหวัดมุกดาหารประสบเหตุและได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนในครั้งนี้ ให้รีบแจ้งผู้นําในท้องที่ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ทันทีสนิท ทองจํารัส/สวท.มุกดาหาร รายงาน
26/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มุกดาหาร
สวท.มุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230326175458928
null
กอนช. เฝ้าระวังเกิดพายุฤดูร้อน พายุฝนฟ้าคะนอง และลมกรรโชกแรงในหลายพื้นที่ของประเทศ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแผนบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือภัยแล้ง
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังเกิดพายุฤดูร้อน พายุฝนฟ้าคะนอง และลมกรรโชกแรงในหลายพื้นที่ของประเทศ ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแผนบริหารจัดการน้ําเพื่อรับมือภัยแล้ง นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยการกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ําภาพรวมของประเทศวันนี้ (27 มี.ค.66) ว่า ช่วงนี้จนถึงวันที่ 29 มีนาคม บริเวณความกดอากาศสูงกําลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ส่งผลทําให้มีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนําความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ทําให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึง อาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ โดยจะเริ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคอื่นๆจะได้รับผลกระทบในระยะถัดไป ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลางบริเวณ จ.สตูล , พระนครศรีอยุธยา และยะลา จึงขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนถึงร้อนจัด ระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงที่เกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้ กอนช. ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดําเนินการตามมาตรการรองรับหน้าแล้งอย่างเคร่งครัด เช่น หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา จัดกําลังพลชุดปฏิบัติงานช่าง ชุดช่างพัฒนา ปฏิบัติงานตามแผนงานและโครงการประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ทําการขุดเจาะบ่อน้ําบาดาลในพื้นที่ประสบภัยแล้งบริเวณ บ้านนาคํา ตําบลห้วยยาง อําเภอเมือง จังหวัดสกลนครให้สามารถใช้น้ําเพื่ออุปโภค – บริโภค บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ มีประชาชนรับประโยชน์ 204 ครัวเรือน รวม 403 คน
27/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230327095925984
null
กรมประมง พร้อมผลักดันปลาสวยงาม ก้าวขึ้นประเทศผู้ส่งออกที่สำคัญในตลาดโลก
นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า จังหวัดราชบุรี จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตสัตว์น้ําที่สําคัญของประเทศไทย จากข้อมูลของสํานักงานประมงจังหวัดราชบุรี พบว่ามีพื้นที่เพาะเลี้ยงปลาสวยงามรวมกว่า 1,200 ไร่ มีเกษตรกรเพาะเลี้ยงกว่า 200 ฟาร์ม สามารถทํารายได้เข้าประเทศปีละประมาณ 400 - 600 ล้านบาท โดยมีตลาดส่งออกที่สําคัญ ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน เยอรมัน อเมริกา ออสเตรเลีย อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเพิ่มอํานาจการต่อรอง ในการซื้อปัจจัยการผลิตและจําหน่ายผลผลิตด้วยการรวมกันผลิตสัตว์น้ําสวยงามที่ได้มาตรฐาน สําหรับโครงการแปลงใหญ่ปลาสวยงามที่ได้ดําเนินการเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วพบว่า เกษตรกรมีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก สามารถผลิตปลาสวยงามเฉลี่ย 3 รุ่นต่อปี ผลผลิตก่อนเข้าร่วมโครงการ 5,782 ตัว/ปี หลังเข้าร่วมโครงการปีที่ 3 ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 7,179 ตัว/ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ทางจังหวัดจะเดินหน้าผลิตสัตว์น้ําสวยงามให้แปลกใหม่และเชื่อมโยงตลาดทุกรูปแบบ ตามแนวคิดการตลาดนําการผลิต เพื่อให้สอดรับกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งให้ความสําคัญกับการผลิตที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการใช้การตลาดสมัยใหม่ อันจะเป็นการเพิ่มช่องทางในการจําหน่ายสินค้าเพื่อลดปัญหาสินค้าล้นตลาด ตลอดจนเป็นการกระตุ้นให้ตลาดสัตว์น้ําคึกคักนํามาสู่การสร้างรายได้ที่ยั่งยืนและผลักดันให้ปลาสวยงามไทยก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับประเทศผู้ส่งออกปลาสวยงามที่สําคัญอันดับต้นๆ ในตลาดโลก พร้อมทั้งกระตุ้นธุรกิจปลาสวยงามควบคู่ไปกับการปลูกสร้างจิตสํานึกการอนุรักษ์สัตว์น้ําพื้นเมืองของไทยไม่ให้สูญพันธุ์ไปจากแหล่งน้ําธรรมชาติด้านนายกําพล สร้อยแสง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ําจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ทางกลุ่มฯ รู้สึกดีใจที่ได้เข้าร่วมโครงการฯ เนื่องจากได้รับความรู้ดีๆ มากมายจากทีมนักวิชาการของกรมประมง ทั้งการลงพื้นที่บรรยายให้ความรู้กับเกษตรกรในด้านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ําและที่สําคัญการผลิตอาหารปลาสวยงามเพื่อลดต้นทุน เพราะถือเป็นปัจจัยหลักในการเลี้ยงสัตว์น้ําที่การันตีเรื่องรายได้จากอัตราการรอดและคุณภาพของสัตว์น้ํา เชื่อมั่นว่า โครงการส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ (สัตว์น้ําสวยงาม) เป็นหนึ่งในโครงการสําคัญในการปฏิรูปภาคการเกษตรของประเทศไทย ได้อย่างยั่งยืน
27/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230327102424991
null
กรมประมง พอใจผลสำเร็จเกษตรกรเข้มแข็งหลังเข้าร่วมแสดงในงาน แปลงใหญ่ปลาสวยงาม จ.ราชบุรี พร้อมผลักดันปลาสวยงาม ก้าวขึ้นระดับประเทศผู้ส่งออกปลาสวยงามที่สำคัญอันดับต้นๆ ในตลาดโลก
นายประพันธ์ ลีปายะคุณ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า จังหวัดราชบุรี จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตสัตว์น้ําที่สําคัญของประเทศไทย จากข้อมูลของสํานักงานประมงจังหวัดราชบุรี พบว่ามีพื้นที่เพาะเลี้ยงปลาสวยงามรวมกว่า 1,200 ไร่ มีเกษตรกรเพาะเลี้ยงกว่า 200 ฟาร์ม สามารถทํารายได้เข้าประเทศปีละประมาณ 400 - 600 ล้านบาท โดยมีตลาดส่งออกที่สําคัญ ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน เยอรมัน อเมริกา ออสเตรเลีย อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเพิ่มอํานาจการต่อรองในการซื้อปัจจัยการผลิตและจําหน่ายผลผลิตด้วยการรวมกันผลิตสัตว์น้ําสวยงามที่ได้มาตรฐาน สําหรับโครงการแปลงใหญ่ปลาสวยงามที่ได้ดําเนินการเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วพบว่าเกษตรกรมีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก สามารถผลิตปลาสวยงามเฉลี่ย 3 รุ่นต่อปี ผลผลิตก่อนเข้าร่วมโครงการ 65,782 ตัว/ปี หลังเข้าร่วมโครงการปีที่ 3 ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 7,179 ตัว/ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ทางจังหวัดจะเดินหน้าผลิตสัตว์น้ําสวยงามให้แปลกใหม่และเชื่อมโยงตลาดทุกรูปแบบ ตามแนวคิดการตลาดนําการผลิต เพื่อให้สอดรับกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งให้ความสําคัญกับการผลิตที่ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการใช้การตลาดสมัยใหม่ อันจะเป็นการเพิ่มช่องทางในการจําหน่ายสินค้าเพื่อลดปัญหาสินค้าล้นตลาดตลอดจนเป็นการกระตุ้นให้ตลาดสัตว์น้ําคึกคักนํามาสู่การสร้างรายได้ที่ยั่งยืน และผลักดันให้ปลาสวยงามไทยก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับประเทศผู้ส่งออกปลาสวยงามที่สําคัญอันดับต้นๆ ในตลาดโลก พร้อมทั้งกระตุ้นธุรกิจปลาสวยงามควบคู่ไปกับการปลูกสร้างจิตสํานึกการอนุรักษ์สัตว์น้ําพื้นเมืองของไทยไม่ให้สูญพันธุ์ไปจากแหล่งน้ําธรรมชาติด้านนายกําพล สร้อยแสง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ําจังหวัดราชบุรี กล่าวว่า ทางกลุ่มฯ รู้สึกดีใจที่ได้เข้าร่วมโครงการฯ เนื่องจากได้รับความรู้ดีๆ มากมายจากทีมนักวิชาการของกรมประมง ทั้งการลงพื้นที่บรรยายให้ความรู้กับเกษตรกรในด้านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ํา และที่สําคัญการผลิตอาหารปลาสวยงามเพื่อลดต้นทุน เพราะถือเป็นปัจจัยหลักในการเลี้ยงสัตว์น้ําที่การันตีเรื่องรายได้จากอัตราการรอดและคุณภาพของสัตว์น้ํา เชื่อมั่นว่า โครงการส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ (สัตว์น้ําสวยงาม) เป็นหนึ่งในโครงการสําคัญในการปฏิรูปภาคการเกษตรของประเทศไทย ได้อย่างยั่งยืน
27/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230327124250056
null
ค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ยังวิกฤติหลายพื้นที่อยู่ในระดับสีแดงถึง 19 พื้นที่ โดยเฉพาะ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ค่าฝุ่นยังพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องสูงกว่า 550 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ยังวิกฤติหลายพื้นที่อยู่ในระดับสีแดงถึง 19 พื้นที่ โดยเฉพาะ ต.เวียงพางคํา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ค่าฝุ่นยังพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องสูงกว่า 550 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ควรงดกิจกรรมกลางแจ้งและกลุ่มเสี่ยงให้เฝ้าระวังอาการผิดปกติ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า วันนี้ (27 มี.ค.66) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ยังอยู่ในระดับวิกฤติต่อเนื่อง เกินมาตรฐานในระดับสีแดงถึง 19 พื้นที่ ใน จ.แม่ฮ่องสอน เชียงราย แพร่ น่าน ลําปาง ลําพูน พะเยา กําแพงเพชร และเชียงใหม่ ส่วนใหญ่ค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นกว่า 95 – 550 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยเฉพาะ ต.เวียงพางคํา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ค่าฝุ่นยังพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องสูงกว่า 550 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เนื่องจากยังพบการเผาในเขตป่าจํานวนมาก , ผลกระทบจุดความร้อน (Hotspot) จากประเทศเพื่อนบ้านที่ค่อนข้างรุนแรง และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีผลต่อการสะสมของฝุ่น จึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง กลุ่มเสี่ยงให้เฝ้าระวังอาการผิดปกติ และปฏิบัติตามคําแนะนําของแพทย์อย่างเคร่งครัด พร้อมขอความร่วมมือประชาชนงดการบริหารจัดการเชื้อเพลิงต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง ทั้งนี้ ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มฝุ่นละอองขึ้นสูงบริเวณภาคเหนือตอนบน โดยเฉพาะจังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านต้องเฝ้าระวังพิเศษช่วงวันที่ 28 มีนาคม - 3 เมษายน แต่ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม - 2 เมษายน สถานการณ์อาจบรรเทาลงได้บ้างเนื่องจากสภาพอากาศเปิดมากขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศที่ปิดลดลง ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบค่าฝุ่น PM 2.5 ยังปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน พบเกินมาตรฐานในระดับสีแดง 4 พื้นที่ บริเวณ จ. หนองคาย บึงกาฬ และนครพนม อยู่ที่ 93 - 222 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากต่อเนื่อง จากสภาพอากาศเปิดและมีลมพัด ทั้งนี้ ศูนย์แบบจําลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ถึงวันที่ 2 เมษายนมีแนวโน้มดีขึ้นจากสภาพอากาศเปิดมากขึ้น เพดานการลอยตัวอากาศที่สูงขึ้น ประกอบกับ ลมทางใต้ที่กําลังแรงช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ แต่วันที่ 3 เมษายนอาจได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองข้ามพื้นที่จากบริเวณทิศตะวันตกได้ สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางแอปพลิเคชั่น Air4Thai
27/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230327102519995
null
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สนับสนุนเกษตรกรปลอดเผา ไถกลบ ทำปุ๋ย ช่วยดินดี ลดต้นทุนทำการเกษตร
นายฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกินมาตรฐาน ในช่วงรอยต่อฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อน รวมถึงจากการเผาในที่โล่งในพื้นที่ป่า และพื้นที่การเกษตร ทั้งพื้นที่ทํานา พื้นที่ปลูกอ้อยและพื้นที่ปลูกข้าวโพด รวมทั้งพื้นที่บนที่สูงทางภาคเหนือ โดยได้ดําเนินการ 3 โครงการสําคัญคือ โครงการส่งเสริมการไถกลบและผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โครงการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร ปี 2566 รวมทั้งสร้างต้นแบบในการทําการเกษตรปลอดการเผาเพื่อสนับสนุนการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร และโครงการเฝ้าระวังการเผาซากพืช วัชพืช และวัสดุทางการเกษตรในเขตปฏิรูปที่ดิน จากการติดตามทั้ง3 โครงการ พบว่า โครงการส่งเสริมการไถกลบและผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในปี 2566 ครอบคลุม 9 จังหวัดภาคเหนือ ขณะนี้ได้ดําเนินการส่งเสริมการไถกลบและผลิตปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ รวม 18,017 ไร่ ด้านโครงการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร ปี 2566 มีเป้าหมายอบรมเกษตรกร จํานวน 17,640 ราย ขณะนี้ มีการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร โดยถ่ายทอดความรู้และพัฒนาศักยภาพเกษตรกร ส่งเสริมให้มีการจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรทดแทนการเผาทําลายแล้วรวม 10,022 ราย โครงการเฝ้าระวังการเผาซากพืช วัชพืช และวัสดุทางการเกษตร ในเขตปฏิรูปที่ดิน กําหนดพื้นที่เป้าหมาย 44 จังหวัด เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน จํานวน 1,000 ราย โดยดําเนินการเฝ้าระวังการเผาซากพืช วัชพืช และวัสดุทางการเกษตรด้วยการรณรงค์ให้ความรู้ ความเข้าใจในผลกระทบของการเผาทําลายพื้นที่เกษตรกรรมในเขตปฏิรูปที่ดิน เป็นต้น และเพื่อให้ดําเนินการควบคุมการเผาในพื้นที่การเกษตร วางแผนและดําเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละออง ในปีงบประมาณ 2566 สําเร็จ ขอเชิญชวนเกษตรกรทําการเกษตร แบบปลอดการเผา ลด ละ เลิก การเผาในพื้นที่เกษตร บริหารจัดการเศษวัสดุทางการเกษตรตามหลักวิชาการเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดําเนินงาน ก่อให้เกิดความสามัคคีในชุมชนและร่วมกันเฝ้าระวังการเผาในชุมชน เพื่อลดปัญหามลพิษ ผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนร่วมกัน
27/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230327105210013
null
ชวนพี่น้องชาวนา ร่วมโครงการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าว ยกระดับรายได้ กระจายเมล็ดพันธุ์ดีสู่ชุมชน
นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 17 ปีที่ผ่านมา กรมการข้าวมุ่งมั่นผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ดีให้ชาวนา ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ความสําคัญกับชาวนาเป็นอย่างมาก จึงได้มอบหมายให้กรมการข้าวดําเนินนโยบายช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าว ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ผ่านโครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวปี 2566 ที่มุ่งเน้นให้ชาวนาเปลี่ยนมาใช้เมล็ดพันธุ์ดีในการเพาะปลูก เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตข้าวให้มีคุณภาพ และได้ปริมาณที่มากขึ้น ชาวนาสามารถจําหน่ายข้าวเปลือกได้ในราคาที่สูงขึ้น และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยในปี 2566 เป้าหมายการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวอยู่ที่ 58,700 ตัน และคาดว่าจะดําเนินโครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวต่อเนื่องกัน 3 ปี สําหรับเกษตรกรที่ปีนี้คุณสมบัติตกหล่น หรือไม่เข้าข่ายยังมีโอกาส ได้เข้าร่วมโครงการในปีถัดไป ให้รีบดําเนินการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรเพื่อรักษาสิทธิ์ต่างๆ และเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว สําหรับโครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวปี 2566 ในขณะนี้โครงการฯยังเปิดรับสมัครให้ชาวนาที่สนใจยังสามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยกรมการข้าวมีเป้าหมายในการรับสมัครชาวนาที่จะเข้าร่วมเข้าโครงการจํานวน 205,965 ราย พื้นที่เป้าหมาย 3,913,333 ไร่ ซึ่งในขณะนี้มีชาวนามาสมัครเข้าร่วมโครงการแล้วจํานวน 56,394 ราย พื้นที่ประมาณ 700,000 ไร่ นอกจากนั้นกรมการข้าวยังได้ดําเนินการขายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้กับชาวนาที่เข้าร่วมโครงการไปแล้วจํานวน 10,825,690 ตันชาวนาที่สนใจ สามารถติดต่อขอสมัครเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวปี 2566 ได้ที่ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวทั่วประเทศ หรือศูนย์ข้าวชุมชน สํานักงานเกษตรจังหวัดและสํานักงานเกษตรอําเภอใกล้บ้าน และผู้นําชุมชน อีกทั้งชาวนาที่สนใจสามารถรวมกลุ่มกันภายในชุมชน โดยเจ้าหน้าที่จากศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวจะเดินทางไปรับสมัครถึงที่เพื่อเป็นการอํานวยความสะดวกให้กับพี่น้องชาวนา
27/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230327105116010
null
อาณาจักรทุเรียนหลงลับแลเมืองตราด เตรียมส่งออกจีนปลายเดือนนี้
ฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตทุเรียน เงาะ มังคุด พื้นที่จังหวัดตราด เริ่มกันแล้ว ส่วนราคาไม่ต้องพูดถึงเริ่มต้นปีนี้ ผลไม้ราคาดี ยังคงเป็นที่ต้องการของประเทศจีน นางสุพรรณี ปลื้มสําราญ หรือที่รู้จักกันในนาม ป้าติ๋ม เดินทางมาตั้งหลักปักฐานร่วมกับสามีชาวตราด สร้างครอบครัวด้วยการนําทุเรียนพันธุ์หลงลับแล ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดอุตรดิตถ์ นํามาปลูกในพื้นที่จังหวัดตราดในพื้นที่ 30 ไร่ แบ่งออกเป็น 2 แปลง จํานวน 1,200 ต้น เป็นเวลานานกว่า 5 ปี มาแล้ว ในพื้นที่ ต.แสนตุ้ง อ.เขาสมิง จ.ตราดคุณสุพรรณี หรือ ป้าติ๋ม เปิดเผยว่า ปกติตนเองไม่ค่อยชอบกินทุเรียน แต่พี่ชายส่งทุเรียนพันธุ์หลงลับแล จากบ้านเกิดที่จังหวัดอุตรดิตถ์ มาให้กิน เลยติดใจในรสชาติ จึงได้ปรึกษากับทางสามี ว่าจะนําทุเรียนพันธุ์ หลงลับแลมาปลูกที่จังหวัดตราด หลังจากปลูกมา 5 ปี และปีที่ผ่านมาได้ออกผลผลิตแล้ว ปีนี้เป็นปีที่ 2 ที่มีผลผลิต สามารถนําส่งออกไปยังประเทศจีนได้ใน กก.ละ 300 บาท และคาดว่าปีนี้จะเกี่ยวผลผลิตได้มากกว่า 4 ตัน โดยมีล้งมาเหมาไว้เรียบร้อยแล้ว จะตัดผลผลิตในช่วงปลายเดือนนี้ ป้าติ๋มยังบอกอีกว่า นอกจากที่ตนเองตัดสินใจปลูกทุเรียนพันธุ์หลงลับแล ยังได้ปลูกทุเรียนพันธุ์มูซานคิง ไว้อีกด้วย และได้เปิดล้งรับซื้อเงาะสีทอง ในพื้นที่ส่งไปยังประเทศจีนอีกด้วย #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
27/3/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สวท.ตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230327112303027
null
สำนักงานเกษตรจังหวัดตราด จัดพิธีมอบโล่รางวัลและใบประกาศนียบัตร วิสาหกิจชุมชนดีเด่น ระดับจังหวัด ปี 2566
(27 มี.ค. 66) นายชํานาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลและใบประกาศนียบัตร วิสาหกิจชุมชนดีเด่น ระดับจังหวัด ปี 2566 ซึ่งสํานักงานเกษตรจังหวัดตราด จัดขึ้นหลังดําเนินการจัดประกวดวิสาหกิจชุมชนดีเด่น ระดับจังหวัด ประจําปี 2566 ในโอกาสการประชุมคณะกรมการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดตราด ครั้งที่ 3/2566 ประจําเดือนมีนาคม 2566 ที่ห้องประชุมพลอยแดง ศาลากลางจังหวัดตราด สําหรับผลการประกวดวิสาหกิจชุมชนดีเด่น ระดับจังหวัด ประจําปี 2566- รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านธรรมชาติล่าง ตําบลคลองใหญ่ อําเภอแหลมงอบ - รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนบ้านท่าระแนะ ตําบลหนองคันทรง อําภอเมืองตราด - รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนคลังมะพร้าวเกาะช้าง ตําบลเกาะช้างใต้ อําเภอเกาะช้าง - รางวัลชมเชย ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวชุมชนตําบลคลองใหญ่ ตําบลคลองใหญ่ อําเภอคลองใหญ่ - รางวัลชมเชย ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนหอยนางรมท่าโสม ตําบลท่าโสม อําเภอเขาสมิง- รางวัลชมเชย ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรห้วงน้ําเขียว ตําบลเกาะกูด อําเภอเกาะกูด #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
27/3/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230327133302071
null
ผู้ว่าฯ ลำพูน ส่งมอบเงินจากมูลนิธิ พุทธจิต ธรรมญาณ สมทบกองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านดอยแช่ หมู่ที่ 3 ตำบลทากาศ อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน
วันที่ 27 มีนาคม 2566 เวลา 08.00 น. ที่ห้องประชุมหริภุญชัย ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดลําพูน นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน เป็นประธานในพิธีมอบเงินเพื่อสมทบกองทุนแม่ของแผ่นดินบ้านดอยแช่ หมู่ที่ 3 ตําบลทากาศ อําเภอแม่ทา จังหวัดลําพูน โดยมี นายบุญส่ง ไชยมณี หัวหน้าสํานักงานจังหวัดลําพูน นางบําเพ็ญ เมืองมูล พัฒนาการจังหวัดลําพูน หัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธี พัฒนาการจังหวัดลําพูน กล่าวว่า จังหวัดลําพูน โดยสํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดลําพูน ได้รับ การประสานงานจากมูลนิธิ พุทธจิต ธรรมญาณ ว่าได้จัดทําโครงการ "พุทธจิต ธรรมญาณเกื้อกูลชุมชน ทุกคนกินได้ สานพลังภาคีเครือข่าย สร้างสวนครัว สู่ความมั่นคงทางอาหาร" เพื่อน้อมรําลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเพื่อร่วมสนองงานการพัฒนา ตามแนวพระราชดําริฯ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภายใต้แผนปฏิบัติการ 90 วัน "ปลูกผักสวนครัว เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร" เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 โดยมีนายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน เป็นประธาน ในกิจกรรมเก็บผักแจกและจําหน่ายผักสวนครัวรอบการกุศลพิเศษ เพื่อนํารายได้สมทบ "กองทุนแม่ของแผ่นดิน บ้านดอยแช่ หมู่ที่ 3" ตําบลทากาศ อําเภอแม่ทา จังหวัดลําพูน ซึ่งมีรายได้จากกิจกรรมดังกล่าวเป็นเงินจํานวน 10,200 บาทประชาสัมพันธ์จังหวัดลําพูนhttps://lamphun.prd.go.th/th/page/item/index/id/12 #PRLAMPHUN#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
27/3/2023
ภาคเหนือ
ลำพูน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230327135520080
null
จิสด้า ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยสูงกว่า 5,500 จุด พบมากในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ ส่วนประเทศเพื่อนบ้านสูงสุดที่เมียนมากว่า 10,000 จุด
สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ใช้ดาวเทียมติดตามการเกิดไฟป่าพบจุดความร้อนในไทยสูงกว่า 5,500 จุด พบมากในเขตป่าสงวนแห่งชาติและป่าอนุรักษ์ ส่วนประเทศเพื่อนบ้านสูงสุดที่เมียนมากว่า 10,000 จุด สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA (จิสด้า) ได้เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) เมื่อวานนี้ (26 มี.ค.66) พบจุดความร้อน (Hotspot) ทั้งประเทศสูงถึง 5,572จุด พบมากที่สุดในพื้นป่าอนุรักษ์ 2,982 จุด // พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 1,785 จุด // พื้นที่เกษตร 376 จุด // พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 207 จุด // พื้นที่เขต สปก. 202 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 20 จุด ส่วนจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด คือ น่าน 638 จุด , แม่ฮ่องสอน 558 จุด และอุตรดิตถ์ 430 จุด ทั้งนี้ จากการตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน “เช็คฝุ่น” พื้นที่หลายจังหวัดช่วงตอนบนของประเทศในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีค่า PM 2.5 สูงสุด คือ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ น่าน ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจจะตามมา ขณะที่ทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอยู่ในระดับดีมากต่อเนื่อง สําหรับจุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านสูงสุดต่อเนื่องในเมียนมา 10,563 จุด รองลงมาคือ สปป.ลาว 9,652 จุด // กัมพูชา 1,342 จุด // เวียดนาม 870 จุด และมาเลเชีย 22 จุด ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในรูปแบบของหมอกควันข้ามแดน
27/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230327135410078
null
เกษตรอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ตำบลคลองลุ ให้บริการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี 2566
นางบุญญาพร กายเพ็ชร นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการปฏิบัติราชการแทนเกษตรอําเภอกันตัง มอบให้ นางสาวกรภัทร แซ่ฟู้ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ลงพื้นที่ให้บริการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ปี 2566 ณ ที่ทําการผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตําบลคลองลุ อําเภอกันตัง จังหวัดตรัง โดยมี นายวีระ สม่าพงษ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตําบลคลองลุ ช่วยประสานงานและบริการเกษตรกร มีเกษตรกร มาใช้บริการจํานวน 25 ราย ทั้งนี้เพื่อให้ข้อมูลการปลูกพืชในพื้นที่มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบันและเพื่อรองรับโครงการหรือมาตรการของต่างๆ จากทางภาครัฐ สําหรับการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรในพื้นที่อําเภอกันตังนั้น เกษตรกรจะต้องนําเอกสารสิทธิ์ที่ดินตัวจริงหรือในกรณีติดจํานอง ให้นําสําเนาที่มีการรับรองจากสถาบันการเงินนั้นๆ มายื่นแสดงเพื่อขอปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปีปัจจุบัน ณ สํานักงานเกษตรอําเภอกันตัง ได้ในวันและเวลาราชการ หรือที่จุดให้บริการในพื้นที่ที่มีการให้บริการตามความเหมาะสม#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
27/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230327151136119
null
วิสาหกิจชุมชนบ้านไสใหญ่ ม.1 ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง เร่งเก็บน้ำผึ้งเดือนห้า เพื่อนำมาคั้นน้ำผึ้งบรรจุขวดจำหน่าย
นางสาวรัชนี นิลละออ เกษตรอําเภอนาโยง มอบหมายให้ นางจรัสศรี แก้วนิลประเสริฐ และ นายนิติพล มากมูล นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ สํานักงานเกษตรอําเภอนาโยง เยี่ยมวิสาหกิจชุมชนบ้านไสใหญ่ ม.1 ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง ร่วมเก็บน้ําผึ้งเดือน 5 จากผึ้งโพรงที่เลี้ยงไว้ในสวนผสมข้างบ้าน ของนายทวี แก้วสรวล (ประธานวิสาหกิจชุมชนฯ)โดยมีนางจินดา ทหารไทย สมาชิกภายในกลุ่มร่วมเก็บน้ําผึ้งด้วยทั้งนี้ เกษตรกรจะทยอยเก็บน้ําผึ้งของสมาชิกจนถึงปลายเดือน 5 เพื่อนํามาคั้นน้ําผึ้งบรรจุขวด โดยผึ้ง 1 รัง คั้นได้น้ําผึ้ง ประมาณ 3 ขวด ๆ ละ 750 ซีซี จําหน่ายขวดละ 500 บาท ซึ่งน้ําผึ้งเดือน 5 ถือเป็นสุดยอดน้ําผึ้งที่มีรสชาติหวาน หอม และดีที่สุดในรอบปี เนื่องจากมีสรรพคุณทางยา และเป็นที่ต้องการของลูกค้า สนใจติดต่อ คุณทวี โทร. 0626385565 และ 0950940573#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
27/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230327153549136
null
เกษตรจังหวัดตรัง เกษตรนาโยง ร่วมกับ ศพก.อำเภอนาโยง ขยายผลระบบน้ำอัจฉริยะให้แก่เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดตรัง
นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นายญันยงค์ ปล้องอ่อน สํานักงานเกษตรจังหวัดตรัง นายนิติพล มากมูล นางจรัสศรี แก้วนิลประเสริฐ และน.ส.นงลักษณ์ เงารัตนพันธิกุล สํานักงานเกษตรอําเภอนาโยง ร่วมกับนายประกิจ จิตรใจภักดิ์ (ประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร; ศพก.อําเภอนาโยง) ขยายผลการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการเกษตร ระบบน้ําอัจฉริยะ (Internet of Things ; loT) สั่งงานเปิด-ปิดน้ําผ่านมือถือให้แก่เกษตรกรที่สนใจพื้นที่จังหวัดตรัง จํานวน 20 ตู้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนตู้ควบคุมระบบน้ําอัจฉริยะ จากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายประกิจ จิตรใจภักดิ์ กล่าวว่า เมื่อปี 2564 สํานักงานเกษตรจังหวัดตรังร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง (มทร.ศรีวิชัย ตรัง) ภายใต้การนํางานวิจัยประยุกต์ใช้สู่พื้นที่จริง ได้รับการสนับสนุนการติดตั้งระบบน้ําอัจฉริยะในแปลงผักบุ้งแก้ว ผักยกแคร่และไม้ผล หลังจากได้นําเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ ทําให้การดูแลแปลงเพาะปลูกมีความแม่นยํามากขึ้น ประหยัดน้ํา ประหยัดเวลา ลดการใช้แรงงาน ได้ผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ตนเองได้ขยายผลไปสู่ ศพก.เครือข่าย ในพื้นที่อําเภอนาโยง ของนางจินดา ทหารไทย (ประธานศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนต.นาหมื่นศรี) ม.1 ต.นาหมื่นศรี อ.นาโยง จ.ตรัง ติดตั้งระบบน้ําอัจฉริยะ โดยการสนับสนุนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปี 2566 เช่นกัน ซึ่งแบ่งโซนการใช้น้ํา 3 โซน ได้แก่ ผัก มะนาว และทุเรียน เป็นต้น #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
27/3/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230327153233135
null