NewsTitle
stringlengths
11
31.5k
Detail
stringlengths
9
78.4k
NewsDate
stringlengths
3
5.77k
Region
stringclasses
48 values
Province
stringclasses
99 values
Department
stringclasses
211 values
Link_News
stringlengths
3
903
v
stringclasses
812 values
นครพนม - จัดงานประเพณี “วันรวมใจไทแสก” ประจำปี 2566 ชุมชนบ้านอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม
เมื่อวันที่ 22 ม.ค.66 นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานเปิดงานประเพณี “วันรวมใจไทแสก” ประจําปี 2566 ที่ชุมชนบ้านอาจสามารถ (ริมฝั่งแม่น้ําโขง) ตําบลอาจสามารถ อําเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม พร้อมกับนางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาด/ประธานแม่บ้านมหาดไทย จังหวัดนครพนม และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมเป็นเกียรติในงานประเพณี “วันรวมใจไทแสก” และนางสาวศุภพานี โพธิ์สุ. นายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดนครพนม , นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ นายอําเภอเมืองนครพนม พร้อมกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.อาจสามารถ ให้การต้อนรับ การจัดงานในครั้งนี้เพื่อเป็นการสืบสานประเพณีชนเผ่าไทแสก 1 ใน 9 ชนเผ่า ของ จังหวัดนครพนม ที่มีมาแต่โบราณ จากอดีตถึงปัจจุบัน เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชุมชนดั้งเดิมที่มีบรรพบุรุษอพยพมาจากจีนและเวียดนาม กระจายมาอยู่ตามชายแดนแม่น้ําโขง ดินแดน 12 ปันนา รวมถึง เมืองท่าแขก แขวงคําม่วน สปป.ลาว และข้ามฝั่งแม่น้ําโขง มาอยู่ที่ ตําบลอาจสามารถ อําเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ในยุคสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 หรือ ประมาณ พ.ศ.2367 – 2394ทุกปีจะจัดช่วงเดือนมกราคม ช่วงวันขึ้น 1 ค่ํา เดือน 3 กิจกรรมสําคัญ มีพิธีกินเตรดเดน เป็นภาษาไทแสก หมายถึงจัดพิธีบวงสรวงไหว้บรรพบุรุษ คล้ายตรุษจีน การแสดงแสกเต้นสาก เพื่อเป็นสิริมงคล แสดงซุ้มวิธีชีวิตวัฒนธรรมไทแสกของชุมชนต่างๆ สําหรับประเพณี วันรวมใจไทแสก ไฮไลท์สําคัญหลังเสร็จพิธีทําบุญ บวงสรวงไหว้บรรพบุรุษเจ้าปู่โองมู้ คือ การแสดงแสกเต้นสาก เกิดจากพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ในอดีตเดิม เพื่อบูชาบวงสรวงบรรพบุรุษ เป็นต้นตํารับหนึ่งเดียวในไทย กระทั่งปัจจุบัน นํามาเป็นการละเล่นแสดงโชว์ในงานพิธีสําคัญ ถือเป็นการแสดงที่ยากต้องใช้ความชํานาญ ใช้ผู้แสดงกว่า 10 คน นําไม้ยาว 2-3 เมตร เป็นคู่ มานั่งกระทบ เป็นจังหวะ เดิมโบราณใช้สากตําข้าว ปัจจุบันได้หันมาใช้ไม้ที่จัดขึ้น เพื่อการแสดงจากนั้นจะมีการจัดคู่รําเป็นคู่ 3 – 5 คู่ จะกระโดดสลับไปในช่องของไม้ที่กระทบกัน ควบคู่กับการรําที่เข้าจังหวะ ถือเป็นการแสดงที่ต้องใช้ความชํานาญ หากผิดพลาดอาจถึงขั้นบาดเจ็บ จะต้องฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เอกลักษณ์ของ ชาวไทแสกเดิมจะมีชุดประจําถิ่นจากผ้าฝ้ายสีเข้ม ขริบสไบสีแดง มีภาษาวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทุกปีชาวไทแสกจะต้องมีทําบุญกราบไหว้สักการบูชา เจ้าเด่นหวั่วปู่โองมู้ ริมฝั่งแม่น้ําโขง ถือเป็นบรรพบุรุษที่ก่อตั้งหมู่บ้าน ดูแลชาวไทแสกมาแต่อดีต จึงได้ร่วมกันจัดสร้างศาลขึ้น เป็นที่รวมจิตใจ ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีการจัดจําหน่าย สินค้าโอท็อป มีการจัดแสดงวัฒนธรรมประเพณีรับนักท่องเที่ยว รวมถึงการส่งเสริมอาชีพเปิดร้านอาหารเมนูปลาจุ่มในพื้นที่ ขาดไม่ได้ ใครมาเยือนจะต้องได้ชื่นชม ประเพณีแสกเต้นสาก ที่หาดูยาก เป็นการสืบสานพิธีความเชื่อ นํามาสู่การแสดง ส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะต้องใช้ความชํานาญหาดูยาก ตื่นตาตื่นใจ และสนุกสนาน ควบคู่กันไป ใครอยากสัมผัสวิถีชีวิต เอกลักษณ์ วัฒนธรรมชนเผ่าไทแสก อย่าลืมมาเที่ยว ชุมชนไทแสก ตําบลอาจสามารถ อําเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
22/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครพนม
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230122205052537
null
จังหวัดสกลนคร เปิดงานตรุษไทสกล ในเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2566
วันนี้ (22 ม.ค 66 ) ที่ลานคนเมือง เทศบาลนครสกลนคร จังหวัดสกลนคร นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร หัวหน้าส่วนราชการ นายกเทศมนตรีนครสกลนคร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ร่วมเปิดงานตรุษไทสกล ในเทศกาลตรุษจีน ประจําปี พ.ศ.2566 "ตรุษไทสกล เบิ๊ดฮั่นล่ะ" สานสัมพันธ์ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีไทย - จีน- เวียดนาม ซึ่งกําหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 มกราคม 2566ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ได้กล่าวอวยพร และสวัสดีปีใหม่ เนื่องในเทศกาลตรุษจีน ทั้งภาษาไทย "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้”ในภาษาจีน ที่แปลว่าขอให้ปีใหม่นี้สมหวังทุกประการ ร่ํารวยมั่งคั่ง และ "จุ๊ก หมึ่ง นัม เหมย" ภาษาเวียดนาม ที่หมายถึง สวัสดีปีใหม่ พร้อมโชว์ผัดหมี่ซั่วแจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมงานงานตรุษไทสกล ในเทศกาลตรุษจีน ประจําปี พ.ศ.2566"ตรุษไทสกล เบิ๊ดฮั่นล่ะ" สานสัมพันธ์ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีไทย - จีน- เวียดนาม หมายถึง การรวมเชื้อชาติต่าง ๆ ในจังหวัดสกลนคร ที่ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติใด ทั้งหมดก็คือชาวสกลนคร ซึ่งปีนี้มีผู้เดินทางมาร่วมงานกันคึกคักมากภายในงาน นอกจากจะมีกิจกรรมการแสดงบนเวที เทศกาลอาหารไทย-จีน-เวียดนาม ให้อิ่มอร่อยกันแล้ว ยังมีการจัดจุดเช็คอินถ่ายภาพ พร้อมการตกแต่งประดับโคมจีน เวียดนาม และโคมคราม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) สํานักงานนครพนม ด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
22/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สกลนคร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนคร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230122205223538
null
ชาวโคราชและนักท่องเที่ยวร่วมงานตรุษจีนโคราชคึกคัก ชมเชิดมังกร ยาว 55 เมตร โชว์ในงานเทศกาลตรุษจีนโคราช
ชาวโคราชและนักท่องเที่ยวร่วมงานตรุษจีนโคราชคึกคัก ชมเชิดมังกร ยาว 55 เมตร โชว์ในงานเทศกาลตรุษจีนโคราช ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และ ถนนจอมพลหัวมังกร 108 ปี ถนนแห่งวัฒนธรรม ฉลองครบรอบ 555 ปี เมืองนครราชสีมา ค่ําวันนี้ ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีจังหวัดนครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้ร่วมแสดงความยินดีในงานตรุษจีนกับพี่น้องประชาชนคนไทยเชื้อสายจีน มีนักท่องเที่ยวเข้าชมงานอย่างคึกคัก จากนั้น นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดงานตรุษจีน ถนนหัวมังกรอีกจุด ณ บริเวณศาลหลักเมือง ถนนจอมพลหัวมังกร 108 ปี ถนนแห่งวัฒนธรรม มีการแสดงเชิดมังกร ขนาดความ ยาว 55 เมตร ซึ่งงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 มกราคม 2566 นี้ กิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น. ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุนารีและถนนจอมพล หลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ไปจนถึงศาลหลักเมือง เพื่อเป็นการสืบสาน วัฒนธรรมให้กับคนรุ่นหลังได้รับรู้รับทราบถึงประวัติศาสตร์วัฒนธรรม รวมถึงขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของชาวไทยเชื้อสายจีนให้คงอยู่อย่างยั่งยืนอีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมา โดยภายในงานนักท่องเที่ยวที่มาร่วมงานจะได้สัมผัสบรรยากาศกลิ่นอายวัฒนธรรมไทย-จีน ชม ชิม ช้อป อาหารระดับ ภัตตาคารของเมืองโคราชและร้านค้าร้านอาหารภายในงานมากว่า 120 ร้าน รวมทั้งชมการแสดงเชิดมังกร ความยาว 55 เมตร เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 555 ปี เมืองนครราชสีมา และการแสดงสิงโตดอกเหมย การแสดงศิลปวัฒนธรรมจีนร่วมสมัย พิธีไหว้สักการะเจ้าพ่อไฉ่ซิงเอี้ย พิธีสวดมนต์ ทําบุญสะเดาะเคราะห์ ไทย - จีน การแสดงจากเยาวชนโรงเรียนโคราชวิทยา กิจกรรมการประกวดการแต่งกาย Mr Chinese New Year 2023 กิจกรรมการประกวดการแต่งกาย Mriss Chinese New Year 2023 การประกวดการแต่งกาย Kid Chinese New Year 2023 และการร้องเพลงจีนโดยองค์กรคนไทยเชื้อสายจีน เป็นต้น#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
22/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230122222054559
null
จ.สงขลา จัดงานตรุษจีน Hatyai Chinese New Year 2023 ภายใต้แนวคิด “ตรุษจีน หาดใหญ่ ต้องยิ่งใหญ่ และสร้างความประทับใจแบบไม่รู้ลืมให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน”
ช่วงค่ําวันนี้ (22 ม.ค. 66) สมาคมไทย-จีน จังหวัดสงขลา ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเทศบาลนครหาดใหญ่ จัดงานเทศกาลตรุษจีนหาดใหญ่ Hatyai Chinese New Year 2023 ภายใต้แนวคิด “ตรุษจีน หาดใหญ่ ต้องยิ่งใหญ่ และสร้างความประทับใจแบบไม่รู้ลืมให้กับนักท่องเที่ยวทุกคน” ณ ลานน้องสุขใจ ถ.นิพัทธ์อุทิศ 1 และถนนธรรมนูญวิถี อําเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนร่วมเปิดงานงานฉลองเทศกาลตรุษจีนหาดใหญ่ในปีนี้ เป็นตัวช่วยในการกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลา ทําให้หาดใหญ่เป็นจุดหมายปลายทางในใจของนักท่องเที่ยวทุกคน โดยงานตรุษจีน Hatyai Chinese New Year 2023 กําหนดจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 21 – 24 มกราคม 2566 ภายในงานมีกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวมากมาย อาทิ การแสดงเชิดสิงโตทองจากคณะสิงโตชื่อดังของจังหวัดยะลา การแสดงขับร้องเพลงจีนจากชมรมศิลปะวัฒนธรรมจีน การแสดงจากเด็กๆ โรงเรียนจีนในความดูแลของสมาคม ส่วนจุดเช็คอิน มีการจัดซุ้มโคมไฟ น้องกระต่ายนําโชค ให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพเป็นที่ระลึก สร้างสีสันได้รับผลตอบรับอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีถนนคนเดินให้ได้ ช้อป ชิม กันอย่างจุใจขณะที่ยอดจองโรงแรม ที่พักในเมืองหาดใหญ่ ยอดจองห้องพักเต็มเกือบ 100 เปอร์เซ็นก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย, และสิงคโปร์ ที่เดินทางมากับบริษัททัวร์ ซึ่งการจัดกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจ นับเป็นตัวช่วยที่ดี ในการส่งเสริมทําให้ผู้ประกอบร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก โรงแรม ได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้ง และคาดว่าช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ มีเงินสะพัดไม่ต่ํากว่า 300-400 ล้านบาทสทท.สงขลา/ข้อมูล-ภาพสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
22/1/2023
ภาคใต้
สงขลา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230122220817558
null
รองผู้ว่าฯอยุธยา เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมการประกวด "หนูน้อยกรุงเก่า" ประจำปี 2565
รองผู้ว่าฯอยุธยา เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมการประกวด "หนูน้อยกรุงเก่า" ประจําปี 2565 วันที่ 22 มกราคม 2566 เวลา 18.00 น. ณ เวทีกลาง งานยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลก นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มอบหมายให้ นายธีรศักดิ์ โฉมศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นางธัญญาพร โฉมศิริ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดฯ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมการประกวด "หนูน้อยกรุงเก่า" ประจําปี 2565 โดยมี นายทินกร บุญเงิน พัฒนาการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ปกครอง ร่วมชม ร่วมเชียร์หนูน้อยกรุงเก่าอย่างคับคั่ง สําหรับการประกวด "หนูน้อยกรุงเก่า" ประจําปี 2565 ในปีนี้ มีหนูน้อยเข้าประกวดตากทั้ง 16 อําเภอ รวม 23 คน นายธีรศักดิ์ โฉมศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า กิจกรรมการประกวด "หนูน้อยกรุงเก่า" ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เยาวชน ได้มีโอกาสแสดงความสามารถในทางที่เหมาะสมตามวัย และส่งเสริมให้เยาวชนมีความสมัครสมานสามัคคี และเห็นคุณค่าของมิตรภาพ ในการจัดกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ๆ ซึ่งการประกวด"หนูน้อยกรุงเก่า" เป็นหนึ่งในกิจกรรมของงาน ยอยศยิ่งฟ้า อยุธยามรดกโลก มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง 31 ปี อยุธยาเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรม และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้เป็นที่รู้จักโดยทั่วกัน พร้อมทั้งสามารถนําทักษะ ประสบการณ์ ที่ได้ รับในวันนี้ ไปใช้ในการดําเนินชีวิตในอนาคต สามารถพัฒนาเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ และพร้อมที่จะก้าวเป็นผู้ใหญ่ ในอนาคต และเป็นกําลังที่สําคัญของชาติต่อไป ข่าว : สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
22/1/2023
null
พระนครศรีอยุธยา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230122230529564
null
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับกองทัพบก ชาวตลาดสี่ชุมชน เมืองนางรอง ภาคีเครือข่าย จัดโครงการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย สร้างคนดีด้วยประวัติศาสตร์ สร้างชาติด้วยอุดมการณ์ ผ่านสื่อผสม แสง สี เสียง บอกเล่าเหตุการณ์สำคัญในอดีตสู่ ปัจจุบัน
วันที่ 22 ม.ค.66 ที่ตลาดสี่ชุมชน เมืองนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ นายไตรเทพ งามกมล สส. จ.บุรีรัมย์ เขต 6 เป็นประธานเปิดกิจกรรมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย และท้องถิ่น ผ่านการบรรยายและแสดงแสง สี เสียง สื่อผสม บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ "สร้างคนดีด้วยประวัติศาสตร์ สร้างชาติด้วยอุดมการณ์" บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่สําคัญตั้งแต่กรุงสุโขทัยจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ผ่านการจําลองเหตุการณ์สําคัญในอดีต พระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์ไทย วีรกรรมการเสียสละชีวิตของวีรชนผู้กล้า เพื่อปกป้อง รักษาผืนแผ่นดินให้คนไทยได้อยู่อย่างสงบจนถึงปัจจุบัน โดยคณะกรรมการ ตลาดสี่ชุมชนฯ พ่อแม่พี่น้อง ชาวเมืองนางรอง เข้าร่วมกิจกรรมโดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ชุดวิทยากรรณรงค์ปลูกจิตสํานึกรู้คุณแผ่นดิน กองทัพภาคที่ 2 ชุดที่ 1 (ขุนศึก 21) ร่วมกับชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือนกองพลทหารราบที่ 3 และชาวนางรอง จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้าง เพิ่มพูนความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย และท้องถิ่น นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้ คณะก็ได้ลงพื้นที่โรงเรียนเทศบาล 2 เทศบาลเมืองนางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ส่งเสริมให้นักเรียน ข้าราชการ ประชาชนจิตอาสา มีจิตสํานึกรักสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้มีความรักหวงแหนแผ่นดินเกิด มีทัศนคติที่ดีต่อบ้านเมือง มีหลักคิดที่ถูกต้อง เป็นพลเมืองดี มีคุณธรรม สามารถดํารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขเสียงนี้ที่คิดถึง โดย เพลงเอก | EP.03 | 17 ม.ค.66 Full EP
22/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บุรีรัมย์
สวท.บุรีรัมย์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123000947567
null
รองผู้ว่าฯยะลา นำส่วนราชการ และพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญตักบาตร พระภิกษุสงฆ์ บรรพชาอุปสมบท 99 รูป วันสุดท้าย ก่อนลาสิกขา ถวายพระพรชัยมงคล "เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ"
วันนี้ 23 ม.ค.66 07.00 น ที่ บริเวณรอบศาลหลักเมืองยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการ จ.ยะลา พร้อมด้วย นายอํานาจ ชูทอง รอง ผวจ.ยะลา พันจ่าโทอนันต์ บุญสําราญ รองผวจ.ยะลา ปลัดจังหวัดยะลา ส่วนราชการ ข้าราชการ พุทธศาสนิกชนในพื้นที่จังหวัดยะลา ร่วมพิธีทําบุญตักบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง อย่างพร้อมเพรียง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาให้ทรงหายจากพระอาการประชวร มีพระพลานามัยแข็งแรงในเร็ววันสําหรับวันนี้ พระภิกษุสงฆ์บรรพชาอุปสมบท ได้ออกรับบิณฑบาต เป็นวันสุดท้าย ก่อนที่จะลาสิกขาพร้อมกันในช่วงบ่ายวันนี้ 23 มกราคม 2566 หลังจากที่ได้บรรพชาอุปสมบท ฯ ในระยะเวลา รวม 15 วัน ตั้งแต่ วันที่ 9 มกราคม 2566 เพื่อศึกษาพระธรรมและปฏิบัติกิจตามพระธรรมวินัยของพระภิกษุสงฆ์ พร้อม ปฏิบัติบูชา อธิษฐานจิตด้วยความจงรักภักดี ถวายพระพร แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123091639575
null
รมว.ทส. วราวุธ เปิดงานตรุษจีนสุพรรณบุรี มหัศจรรย์ 15 ปี มังกรสวรรค์
(22 ม.ค. 66) ที่บริเวณลานกิจกรรมหน้าอุทยานมังกรสวรรค์ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดงานตรุษจีนสุพรรณบุรี มหัศจรรย์ 15 ปี มังกรสวรรค์ ซึ่งจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี ได้กําหนดจัดงาน "ตรุษจีนสุพรรณบุรี มหัศจรรย์ 15 ปี มังกรสวรรค์" ระหว่างวันที่ 21-31 มกราคม 2566 ณ อุทยานมังกรสวรรค์ พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกรศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี อําเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้สักการะ กราบไหว้บูชาเจ้าพ่อหลักเมืองในช่วงเทศกาลตรุษจีน รวมทั้งเฉลิมฉลองพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร ในโอกาสที่เปิดให้ประชาชนเข้าชมครบรอบ 15 ปี โดยใช้ชื่องานว่า "ตรุษจีนสุพรรณบุรี มหัศจรรย์ 15 ปี มังกรสวรรค์" โดยมี นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน นักท่องเที่ยวเข้าร่วมงานเป็นจํานวนมากภายในงานมีการแสดงแสง สี เสียง และจอ LED ขนาดใหญ่ ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจตลอดงาน ชมศิลปวัฒนธรรมไทย - จีน การแสดงชุดลูกหลานพันธุ์มังกร เป็นการแสดงโดยเยาวชนสุพรรณบุรีที่ถอดแบบมาจากจีน ได้แก่ สิงโตปีนเสาดอกเหมย กลองศึก มังกร 9 เชียน กังฟู เอ็งกอบู๊ กวนอิมพันมือ งิ้วเปลี่ยนหน้ากาก การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปิน ดารานักร้อง นักแสดงที่มีชื่อเสียง มีการจัดกิจกรรมมหกรรมคาราวานสินค้าราคาประหยัด นอกจากการแสดงดังกล่าวแล้ว จังหวัดสุพรรณบุรีได้มีการจัดประดับตกแต่งบริเวณสถานที่ในศาลเจ้าพ่อหลักเมือง - อุทยานมังกรสวรรค์ -ในหมู่บ้านมังกรสวรรค์ อุทยานพุทธบัญชา (พระยูไล) และลานสัจจะกตัญญู (สวนหน้าอนุสาวรีย์ ฯพณฯ บรรหาร ศิลปอาชา) ด้วยระบบ แสง – สี สวยงามตื่นตาตื่นใจ ในชื่อชุด "สวนแสง สีสัน สวรรค์สุพรรณบุรี" เพื่อให้พี่น้องชาวสุพรรณบุรี และผู้ที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดสุพรรณบุรีได้เที่ยวชม บันทึกภาพที่สวยงามทั้งกลางวันและกลางคืน และมีความสุขในช่วงเทศกาลตรุษจีน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/1/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123104416583
null
อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง จัดกิจกรรมประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวเสริมสร้างความสามัคคีที่วิสาหกิจชุมชนกลุ่มรักษ์นาปะเหลียน
นายสุภัทธ คงด้วง เกษตรอําเภอปะเหลียน มอบหมายให้นางสาวปราณี แข็งแรง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ พร้อมด้วยคณะครูโรงเรียนเรียนตํารวจตระเวนชายแดนบ้านหินจอก หมู่ที่ 6 ตําบลลิพัง อําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง นํานักเรียน จํานวน 26 คน ร่วมกิจกรรมลงแขกเกี่ยวข้าว ของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มรักษ์นาปะเหลียน หมู่ที่ 3 ตําบลปะเหลียน อําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง โดยก่อนเริ่มกิจกรรมเกี่ยวกับฯ นางสาวดวงใจ มีสัตย์ ประธานวิสาหกิจชุมชนฯ ให้ความรู้เรื่องขั้นตอน กระบวนการทํานา จนถึงเก็บเกี่ยว ซึ่งปัจจุบันอําเภอปะเหลียน ซึ่งมี 10 ตําบล มีพื้นที่นาข้าว เพียง 3 ตําบล ได้แก่ ตําบลเกาะสุกร ปะเหลียน และแหลมสอม จํานวน 285 ไร่ โดยการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อปลูกฝังให้นักเรียนได้เรียนรู้วิถีอาชีพที่สืบต่อกันมาช้านาน และเห็นคุณค่าของข้าว สร้างความสามัคคีในหมู่คณะ ฝึกความอดทน เพื่อนําไปใช้ในชีวิตประจําวันของตนเองได้อย่างแท้จริง #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123105722596
null
จ.ลำปาง ประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนา และทำบุญตักบาตร ถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร
เช้าวันที่ 23 มกราคม 2566 ณ พระอุโบสถวัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม พระอารามหลวง อ.เมือง จ.ลําปาง นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลําปาง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส นําข้าราชการ และประชาชน ร่วมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนา และทําบุญตักบาตร ถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร พระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ และเพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมี พระจินดารัตนาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดลําปาง เจ้าอาวส วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม พระอารามหลวง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/1/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123103857579
null
เทศบาลเมืองเพชรบุรี ร่วมกับสหสมาคมมูลนิธิชาวจีนเพชรบุรี จัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน สืบสานประเพณีชาวไทยเชื้อสายจีน กระตุ้นเศรษฐกิจ มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ ร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
นายกิตติพงษ์ เทพพานิช นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี กล่าวว่า เทศบาลเมืองเพชรบุรี ร่วมกับสหสมาคมมูลนิธิชาวจีนเพชรบุรี จัดงานเทศกาลตรุษจีน ประจําปี 2566 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน สืบสานประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีน มีการตั้งศาลเจ้าจําลองเพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสเดินทางมากราบไหว้เทพเจ้า ขอพร ขอให้โชคดี ค้าขาย ร่ํารวย บนเวทีมีการแสดงศิลปะจีน การแสดงจินตลีลานาฏศิลป์จีนจากโรงเรียนต่างๆ การแสดงเชิดสิงโต เชิดมังกรทอง สวยงามตระการตา บรรยากาศเมื่อคืนที่ผ่านมาคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจํานวนมาก กิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 - 26 มกราคม 2566 ณ แยกวัดธ่อ ถนน 18 เมตร อําเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ทําให้เศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบุรี คึกคัก กระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ทุกเย็นวันเสาร์ เทศบาลเมืองเพชรบุรีได้มีกิจกรรมถนนคนเดิน ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติ ให้ความสนใจมาร่วมกิจกรรมเป็นจํานวนมาก จากการสอบถามพ่อค้า แม่ค้า มียอดการจําหน่ายสินค้าดีขึ้นตามลําดับ คาดว่าเมื่อผ่านพ้นวิกฤตโควิด -19 จะมีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีเพิ่มมากขึ้น นภสวรรณ มีลิ/สวท.เพชรบุรี#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/1/2023
ภาคตะวันตก
เพชรบุรี
สวท.เพชรบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123110655600
null
อบจ.ยะลา จัดอบรมการจัดการศพตามวิถีอิสลาม เน้น ให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง นำไปถ่ายทอดสู่ชุมชน
วันนี้ ( 23 ม.ค.66) นายมุขตาร์ มะทา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา เป็นประธานเปิดโครงการอนุรักษ์ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น กิจกรรมอบรม “การอาบน้ําศพ การจัดการศพ(มุสลิม) ประจําปีงบประมาณ 2566 โดยมี นางซูไวดา มะแซ ผอ.กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม คณะกรรมการผู้จัดการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง วิทยากร และประชาชน เข้าร่วมกว่า 100 คน ณ สํานักงานคณะกรรมการอิสลามประจําจังหวัดยะลา(หลังเก่า) อําเภอเมือง จังหวัดยะลาการอบรมในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อมีการเสียชีวิตของคนเกิดขึ้น จะมีการจัดการศพไปตามประเพณีพิธีกรรมที่แตกต่างกัน ตามศาสนาและความเชื่อของกลุ่มชนนั้น ๆ ซึ่งชาวมุสลิม ในเรื่องของการจัดการศพจะมีพิธีกรรมที่เป็นไปตามหลักศาสนาอิสลามบัญญัติ โดยปัจจุบันจะเห็นได้ว่าผู้ที่มีความรู้ในการจัดการศพมีเพียงผู้นําศาสนา ผู้อาวุโสในหมู่บ้าน/ชุมชน ไม่กี่คนเท่านั้น และในปีที่ผ่านมา อบจ.ยะลาได้มีการจัดอบรมไปแล้ว แต่ด้วยความต้องการของประชาชนอีกจํานวนมาก ที่ยังมีความต้องการเรียนรู้เพื่อดําเนินการกับครอบครัวและเครือญาติ ซึ่ง อบจ.ยะลา เห็นความสําคัญ ตามกระบวนการที่ถูกต้องตามหลักของศาสนา และความต้องการของประชาชน จึงได้จัดโครงการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น การอบรม "การอาบน้ําศพ การจัดการศพ (มูสลิม)" ขึ้น เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการอาบน้ําศพและการจัดการศพ ตลอดจนนําความรู้จากการอบรม ไปถ่ายทอดให้กับคนในชุมชนต่อไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123131529650
null
กระทรวงวัฒนธรรม จัดทำแผนโปรโมทการท่องเที่ยว 20 สุดยอดชุมชนยลวิถี ตั้งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากปีนี้ได้กว่า 600 ล้านบาท
นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากการเปิดสุดยอดชุมชนต้นแบบ เที่ยวชุมชน ยลวิถีตั้งแต่ ปี 2564 จนถึงปัจจุบันเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว 20 ชุมชน พบว่า สามารถสร้างรายได้กว่า 200 ล้านบาท มีการจัดทําแผนประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวร่วมกับจังหวัดและภาคท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง รองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยคาดว่าในปีนี้ จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นกว่า 3 เท่าตัวหรือ 600 ล้านบาท เนื่องจากมีการบูรณาการทํางานร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่เพื่อยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยหลังจากนี้จะลงพื้นที่ติดตามผลการดําเนินงาน พร้อมกับเชิญผู้นําชุมชนมาร่วมหารือ ทั้งการเป็นพี่เลี้ยงร่วมพัฒนาและสร้างการรับรู้ให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชน การจัดเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้เชื่อมโยงมากขึ้น การจัดโฮมสเตย์ให้ได้มาตรฐานรองรับการท่องเที่ยวทั้ง 20 ชุมชน รวมถึงการจัดทําแผนการประชาสัมพันธ์กําหนดช่วงเวลาการเปิดรับนักท่องเที่ยว ตลอดจนสนับสนุนให้เป็นสถานที่ถ่ายทําภาพยนตร์ทั้งในและต่างประเทศเป็นการประชาสัมพันธ์ในระดับนานาชาติเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน
23/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123174646772
null
สุพรรณบุรีสืบสานประเพณี กำฟ้าไทยพวน อนุรักษ์วัฒนธรรมชาวไทยพวนในพื้นที่ ต.ดอนคา อ.บางปลาม้า
วันที่ 23 มกราคม 2566 เวลา 08.30 น. นางสาวนิษฐกานต์ คุณวัชระกิจ วัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานประเพณีกําฟ้าไทยพวน ภายใต้โครงการส่งเสริมสนับสนุนการอนุรักษ์พื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น จังหวัดสุพรรณบุรี ประจําปีงบประมาณ 2566ในการนี้สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกับสภาวัฒนธรรมอําเภอบางปลาม้า เทศบาลตําบลต้นคราม ชุมชนบ้านลานคา-เก้าห้อง บูรณาการจัดกิจกรรมสืบสานประเพณีกําฟ้าไทยพวน โดยกําหนดจัดงานคือวันขึ้น 2 ค่ํา ถึง 3 ค่ํา เดือน 3 ของทุกปี ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ ประเพณี “กําฟ้า” เป็นประเพณีของชาวไทยพวน โดยชาวบ้านลานคาจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อเป็นการขอบคุณฟ้าที่ได้ให้น้ําฝนในการประกอบอาชีพการเกษตรให้มีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นความร่วมมือร่วมใจของชุมชน โดยใช้ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นเป็นศูนย์รวมจิตใจ เกิดความรัก ความสามัคคีในชุมชน ทําให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็งสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนในท้องถิ่นได้เรียนรู้ความสําคัญ รู้ถึงคุณค่าของประวัติศาสตร์ ความเป็นมาและวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น อันจะสร้างความภาคภูมิใจและจิตสํานึกในการรักษาวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นนี้สืบไป ณ บริเวณวัดลานคา ตําบลโคกคราม อําเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีนายบรรหาร สุพรรณศรี นายกเทศบาลตําบลต้นคราม และ พ.ต. พิศิษฐ์ หนูสนั่น ประธานชุมชนบ้านลานคา-เก้าห้อง กล่าวรายงาน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สุพรรณบุรี
สวท.สุพรรณบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123170541747
null
ฮุจญาจ 120 คน จาก ศอ.บต. เตรียมเดินทางกลับประเทศไทย หลังร่วมประกอบพิธีอุมเราะห์เสร็จสิ้นสมบูรณ์
วันนี้ (23 ธันวาคม 2566) เวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นประเทศซาอุดีอาระเบีย คณะผู้ประกอบพิธีอุมเราะห์ กิจกรรมส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ประจําปีงบประมาณ 2565 (ฮิจเราะห์ศักราช 1444) ของศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต จํานวน 120 คน ร่วมพิธีตอวาฟวีดาอฺ(ตอวาฟอําลา)เป็นภารกิจสุดท้ายของฮุจญาจทุกคนที่ไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ก่อนจะเดินทางกลับภูมิลําเนาของตนเองนาวาเอกจักรพงษ์ อภิมหาธรรม หัวหน้าคณะฯ กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้ ทุกคนล้วนได้รับการคัดเลือกให้เป็นแขกของอัลลอฮฺ(ซล.) ที่ได้เดินทางไปเยือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทั้งที่เราฎอฮฺและไปเยือนมัสยิดหารอม ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านของอัลลอฮฺ(ซล.) รวมทั้ง ได้ผ่านการประกอบพิธีอุมเราะห์และผ่านการทํากิจกรรมต่างๆ ความคาดหวังของทุกคนที่เดินทางไป คือ ต้องการอุมเราะห์ที่อัลลอฮฺ(ซล.)ตอบรับ ขอให้การประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งนี้ เป็นอุมเราะห์ที่ “เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนสังคม” อย่างที่ทุกคนตั้งใจไว้ผู้แทนผู้ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า ขอขอบคุณ ศอ.บต. และเจ้าหน้าที่ทุกๆท่าน ที่ดูแลฮุจญาจทุกๆด้านและทุกท่านเป็นอย่างดี ขอให้อัลลอฮฺ(ซล.) ตอบแทนคุณงามความดี ทั้งโลกนี้และโลกหน้า ให้กับเจ้าหน้าที่ทุกๆท่านทั้งนี้ คณะผู้ประกอบพิธีอุมเราะห์ ตามกิจกรรมส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปประกอบพิธีอุมเราะห์ ของ ศอ.บต. จํานวน 120 คน จะมีกําหนดเดินทางกลับประเทศไทย วันที่ 24 มกราคม 2566 เวลา 00.10 น. ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศซาอุดีอาระเบีย (ช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง) และถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันเดียวกัน เวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศไทย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123164522740
null
ชาวบึงกาฬและนักท่องเที่ยวร่วมขบวนแห่อัญเชิญพระรูปพระนามองค์เจ้าปู่อือลือขึ้นประทับตำหนักหลังใหม่ ในงานบวงสรวงพญานาค ไหว้ปู่อือลือ ปี 2566
วันนี้ (23 ม.ค.66) เวลา 06.30 น. ณ ตําหนักปู่อือลือ บ้านดอนกลาง หมู่ที่ 1 ตําบลบึงโขงหลง อําเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ในงานบวงสรวงพญานาคไหว้ปู่อือลือ ที่จัดขึ้นเป็นวันที่สอง ชาวอําเภอบึงโขงหลงและนักท่องเที่ยวร่วมพิธีถวายภาชน์ข้าว เครื่องเสวยภาชน์ ขึ้น-ลง แด่องค์เจ้าปู่อือลือและเวลา 08.00 น. เป็นขบวนแห่พระรูปพระนามองค์เจ้าปู่อือลือ รอบบริเวณตําหนักจากนั้นเวลา 09.29 น. นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานอัญเชิญพระเจ้า 5 พระองค์ ขึ้นประดิษฐาน พิธีบรรจุรัตนมณีทรัพย์สินพระองค์ พิธีอัญเชิญพระรูปพระนามองค์เจ้าปู่อือลือขึ้นประทับตําหนักหลังใหม่ และพิธีบวงสรวงถวายเครื่องสักการะบูชาองค์เจ้าปู่อือลือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระกัลยาณมิตรบริวาร โดยมีนายวาทิณี โฆษาศิวิไลซ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดบึงกาฬ พ.อ.อ. กิตติพงษ์ ยอดไชยเพ็ชร นายอําเภอบึงโขงหลง ร.ต.ท.วสันต์ ชัยลา นายกเทศมนตรีตําบลบึงโขงหลง คณะผู้บริหารระดับจังหวัดบึงกาฬ และระดับอําเภอ พร้อมด้วยผู้มีจิตศรัทธานักท่องเที่ยวร่วมหมื่นคน เดินขบวนแห่เครื่องสักการะในงานบุญประเพณีเดือนสามและพิธีบวงสรวงเจ้าปู่อือลือ ประจําปี 2566 ที่จัดระหว่างวันที่ 22 - 24 มกราคม 2566#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บึงกาฬ
สวท.บึงกาฬ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123192132790
null
ชาววังยาง จ.นครพนม รวมใจจัดงานบุญเดือนสามสืบสานประเพณีกองบุญข้าว สร้างสิ่งดี ๆ เพื่อสังคม
วันที่ 23 มกราคม 2566 ที่อําเภอวังยาง จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเป็นประธานเปิดงานประเพณีบุญเดือนสาม ที่ชาววังยางร่วมกันจัดขึ้น เพื่อสืบสานปวิถีชีวิตประเพณีอันดีงามของชาววังยางที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ในห้วงวันขึ้น 1 ค่ํา-ขึ้น 3 ค่ํา เดือน 3 ของทุกปี ที่จะจัดพิธีกองบุญข้าวและการสู่ขวัญข้าว เพื่อขอขมาและขอบคุณแม่โพสพ เทพีแห่งข้าว ที่ชาววังยางเชื่อว่าจะทําให้การทํานาได้ผลผลิตข้าวอุดมสมบูรณ์ตลอดไป โดยทุกคนในหมู่บ้านจะแบ่งปันข้าวเปลือกที่ได้จากการทํานาส่วนหนึ่งมาร่วมทําพิธีสู่ขวัญข้าว ก่อนจะนําข้าวเปลือกที่เหลือในการทํานาขึ้นเก็บในยุ้งฉาง หรือนําไปสีเป็นข้าวสารเพื่อหุงรับประทาน หรือนําไปซื้อขาย นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า อําเภอวังยางเป็นอําเภอขนาดเล็กมีพื้นที่ทั้งหมด 4 ตําบล และจากข้อมูลพื้นฐานพบว่าเป็นอําเภอที่ประชาชนมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีประมาณ 50,000 กว่าบาท ซึ่งถือว่าน้อมมาก แต่ทุกคนก็อยู่กันด้วยความสุข โดยงานบุญเดือนสามของชาววังยางเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เป็นสิ่งที่ก่อให้ทุกคนมีความรักความสามัคคี บนพื้นฐานของการทําดี การรู้จักบุญคุณของทุกสิ่งทุกอย่างในการดําเนินชีวิต และการรู้จักตอบแทนและแบ่งปันเพื่อสังคม เพราะข้าวเปลือกที่นํามากองรวมกันเพื่อทําพิธีในครั้งนี้ จะยกให้เป็นของส่วนรวมทั้งหมดเพื่อนําไปขายเป็นทุนในการจัดงานปีต่อไป รวมถึงเป็นต้นทุนในการทําบุญสร้างห้องน้ําสาธารณะให้กับอําเภอวังยาง การจัดหาสุขภัณฑ์(โถส้วม)สําหรับผู้สูงอายุ และนําไปทําการกุศลอื่นๆ ซึ่งเมื่อทางเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนมได้ทราบข่าวถึงกิจกรรมดี ๆ ในครั้งนี้ก็ได้นําผ้าห่มกันหนาวส่วนหนึ่งมาสนับสนุนเพื่อให้ชาววังยางที่ขาดแคลนและกําลังเหน็บหนาวจากสภาพอากาศได้ใช้คลายหนาวด้วย ซึ่งภายในงานนอกจากพิธีกองบุญข้าวและการสู่ขวัญข้าวแล้ว ยังมีพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์และบรรพบุรุษของคนในชุมชนกับการบวงสรวงเจ้าปู่วิรูปักษ์ และศาลปู่หมื่นปู่แสน รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ให้ทุกคนได้สนุกไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการแสดงหมอลํา การแข่งขันชกมวยไทย การแสดงรําวงชาวบ้าน การจัดงานคาวบอยไนท์ การประกวดธิดาบุญเดือนสาม และที่หลายคนไม่ควรพลาดนั่นคือ การจัดซุ้มวิถีชีวิตที่เป็นการจําลองบ้านของชาววังยางในสมัยโบราณมาให้ทุกคนได้เห็นถึง 4 แบบที่ล้วนมีความสวยงามแตกต่างกันออกไปตามความคิดและจินตนาการของคนในสมัยนั้น ที่มีการนําเอาวัสดุในพื้นที่มาสร้างเป็นบ้านสําหรับอยู่อาศัย และการออกร้านจําหน่ายสินค้าพื้นถิ่น สินค้าดี สินค้าเด่น ของแต่ละชุมชน เช่น ผ้าทอมือไม้มงคล เนื้อโคขุนแช่แข็งพร้อมส่ง มันฝรั่งแปรรูปเป็นขนมขบเคี้ยว โกโก้แปรรูปเป็นชอคโกแล็ต เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับผู้ที่มาร่วมงานที่มีทั้งคนในพื้นที่ คนต่างอําเภอและต่างจังหวัด ให้ได้เห็นถึงผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่จะก่อเกิดการจับจ่ายซื้อหานํามาซึ่งรายได้ของทุกคนในชุมชนมากยิ่งขึ้น#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDข่าว/ส.ปชส.นครพนม
23/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครพนม
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124005330845
null
กองทัพบก ร่วมกับ ททท.ประจวบฯ เตรียมจัดไหว้ครูมวยไทยมากที่สุดในโลกบันทึกลงกินเนสส์บุ๊กที่อุทยานราชภักดิ์ เผยแพร่ซอฟต์พาวเวอร์มวยไทยสู่ระดับสากล ต่อยอดเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์
นายอาชวันต์ กงกะนันท์ ผู้อํานวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สํานักงานประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า กองทัพบก ร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เทศบาลเมืองหัวหิน ททท.สํานักงานประจวบฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดกิจกรรมวันมวยไทย ประจําปี 2566 ในชื่องาน "Amazing Muaythai Festival 2023" ระหว่างวันที่ 4-6 ก.พ.2566 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมีจุดที่น่าสนใจคือ การแสดงไหว้ครูมวยไทย และสาธิตการแสดงแม่ไม้มวยไทยด้วยจํานวนคนที่มากที่สุดในโลกกว่า 5,000 คน เพื่อบันทึกสถิติโลก Guinness World Records ในช่วงค่ําของวันที่ 6 ก.พ.2566 ที่อุทยานราชภักดิ์ นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตการแสดงมวยไทย 4 สาย ได้แก่ มวยท่าเสา มวยโคราช มวยลพบุรี มวยไชยา การจัดนิทรรศการวันมวยไทย ประวัติ โผน กิ่งเพชร แชมป์โลกมวยสากลคนแรกของไทย การมอบรางวัลให้แก่บุคคลบุคคลที่มีผลงานดีเด่นในวงการมวย การออกร้านจําหน่ายสินค้าโอทอป เทศกาลอาหารของดีประจําจังหวัด รวมถึงการฝึกอบรมมวยไทยที่สวนสน ประดิพัทธ์ ถือเป็นการเผยแพร่กีฬามวยไทยซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ประจําชาติของไทยให้รู้จักไปทั่วโลก นําไปสู่การต่อยอดเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ด้วยซอฟต์พาวเวอร์#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/1/2023
ภาคตะวันตก
ประจวบคีรีขันธ์
สวท.ประจวบคีรีขันธ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124091603858
null
พิธีเปิดงานประจำปีปิดทองรอยพระพุทธบาทศิลาทราย ร่วมเสริมสิริมงคล ไหว้พระปิดทอง-ขอพรหลวงพ่อ 22-28 มค นี้ ณ วัดใหญ่อินทาราม พระอารามหลวง
วันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2566 เวลา 17.00 น. ที่วัดใหญ่อินทาราม พระอารามหลวง อําเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานปิดทองรอยพระพุทธบาทศิลาทราย ประจําปี 2566 โดยมีนายสุติกรณ์ จําเริญพานิช นายกเทศมนตรีเมืองชลบุรี ดร.ฉวีวรรณ คําพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือฉวีวรรณ พร้อมด้วย พุทธศาสนิกชนเข้าร่วมพิธีโดยพร้อมเพรียงกันงานประจําปีปิดทองรอยพระพุทธบาทศิลาทราย จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-28 มกราคม 2566 ณ วัดใหญ่อินทาราม พระอารามหลวง เพื่อเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป ได้นมัสการหลวงพ่อรวย และปิดทองรอยพระพุทธบาทศิลาทราย รวมถึงได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของวัดจากภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยตอนปลายกรุงศรีอยุธยา และร่วมทําบุญเพื่อเสริมสิริมงคลช่วงเทศกาลตรุษจีนประจําปีด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/1/2023
ภาคตะวันออก
ชลบุรี
สวท.ชลบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124104913912
null
รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรีเปิดงานประเพณีกำฟ้า ปี 2566
วานนี้ 23 มกราคม 2566 นายสัมฤทธิ์ กองเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานเปิดงานประเพณีกําฟ้า 2566 ณ บริเวณวัดกุฎีทอง อําเภอพรหมบุรี โดยมี นางสมปอง คําแย้ม นายกเทศมนตรีตําบลบางน้ําเชี่ยว วัฒนธรรมจังหวัดสิงห์บุรี ปลัดอาวุโสอําเภอพรหมบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนเข้าร่วมงานประเพณีกําฟ้า ภายในงานมีกิจกรรม จัดขบวนแห่ศิลปวัฒนธรรมไทยพรวน รําถวายฟ้า ตีฆ้อง ตัดริบบิ้นปล่อยป้ายเปิดงาน และประกอบพิธีจุดไฟเผาข้าวหลาม ตามประเพณีกําฟ้าที่สําคัญของชาวไทยพวน ตรงกับวันแรม 2 ค่ํา เดือน 3 ที่ได้ยึดถือปฏิบัติต่อเนื่องกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ คําว่า "กําฟ้า" เป็นภาษาไทยพวน โดยคําว่า "กํา" หมายถึง การสักการะนับถือ คําว่า "ฟ้า" หมายถึง เจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดิน หรือผู้ที่อยู่สูงเทียมฟ้า คือเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้ ดังนั้น "กําฟ้า" จึงหมายถึงการสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นประเพณีงานบุญพื้นบ้านอย่างหนึ่งของชาวไทยพวน เป็นการแสดงความขอบคุณเทวดาและผีฟ้าที่ประทานฝน ให้ตกต้องตามฤดูกาล โดยปัจจุบันมีชาวไทยพวนที่ยังสืบทอดประเพณีกําฟ้าอยู่สองหมู่บ้าน คือชาวไทยพวน หมู่ที่ 3 ตําบลบางน้ําเชี่ยว และชาวไทยพวนบ้านโภคาภิวัฒน์ หมู่ที่ 5 ตําบลบางน้ําเชี่ยว อําเภอพรหมบุรี#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สิงห์บุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสิงห์บุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124104636911
null
วธจ.ยะลา ดึงเครือข่าย ร่วมสังคมพหุวัฒนธรรมเข้มแข็งในพื้นที่ จชต.
วันนี้ (24 มกราคม 2566) ที่ ห้องประชุมปะการังโรงแรมปาร์ควิว อําเภอเมือง จังหวัดยะลา สํานักงานวัฒนธรรม จ.ยะลา ได้จัดโครงการพัฒนาพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนโดยมี พันจ่าโท อนันต์ บุญสําราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีเปิด ร้อยโท สยมภู หวังประโยชน์ ศูนย์สันติวิธี และเยาวชนในสถานศึกษาพื้นที่จังหวัดยะลา 6 แห่ง จํานวน 30 คน เข้าร่วมตามที่กระทรวงวัฒนธรรม มีนโยบายสนับสนุนมิติทางศาสนา มาใช้แก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมคําสอนของทุกศาสนา เพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจ การยอมรับ และการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข ทางสํานักงานวัฒนธรรม จังหวัดยะลา จึงได้จัดโครงการพัฒนาพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยมีกิจกรรมส่งเสริมค่านิยม ความจงรักภักดี สถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ รุ่นที่ 1 เพื่อสร้างความเข้าใจ และการรับรู้แก่ประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม รวมทั้งการเสริมสร้างความสามัคคี และสร้างความเข้าใจอันดี ต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์สําหรับการจัดโครงการพัฒนาพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนครั้งนี้ มีการจัดบรรยายให้ความรู้เรื่อง “สถาบันพระมหากษัตริย์กับประเทศไทย” และ “พหุวัฒนธรรมชายแดนใต้ “ รวมทั้ง การเสวนาทางศาสนา หัวข้อ “พหุวัฒนธรรมนําสันติสุข” เพื่อให้เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการครั้งนี้ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ หลักศาสนา วิถีชีวิต และสานสัมพันธ์กัน เพื่อเสริมสร้างการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข บนเส้นทางสังคมพหุวัฒนธรรม#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124144400002
null
จังหวัดนครนายก เปิดงานประเพณีสู่ขวัญข้าวเผาข้าวหลาม ประจำปี 2566
วันที่ 24 มกราคม 2566 เวลา 09.00 น. นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก เป็นประธานจัดพิธีสู่ขวัญข้าวเผาข้าวหลามตําบลหินตั้ง ประจําปี 2566 ณ ลานสู่ขวัญข้าว เจ้าพ่อหินตั้ง บ้านบุ่งเข้ หมู่ที่ 7 ตําบลหินตั้ง อําเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก นายบัญชา เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก กล่าวว่า ประเพณีสู่ขวัญข้าว ถือว่าเป็นประเพณี ที่มีการประกอบพิธีกรรม ในการบูชาเมล็ดข้าว โดยข้าวถือเป็นตัวแทน พระแม่โพสพ มีความสําคัญอย่างยิ่งต่อมนุษย์ตั้งแต่ดึกดําบรรพ์ จนถึงทุกวันนี้ เราคนไทย มีขนบธรรมเนียมประเพณีและมีความเชื่อตามพระพุทธศาสนา ที่ยึดถือ เอาความกตัญญูกตเวที อันเป็นคุณงามความดี ผู้ที่ให้ความเคารพบูชา ก็จะได้รับอานิสงส์ ของความกตัญญู รู้คุณ ผู้ใดที่ยังคงรักษาความกตัญญูต่อพระแม่โพสพ มักจะประสบความสําเร็จ ในการทํามาหากิน และมั่งมีศรีสุข ตําบลหินตั้ง เป็นพื้นที่ที่มีการประกอบอาชีพทํานาและมีเกษตรกรผู้ทํานาเป็นส่วนใหญ่ และชาวนาจะให้ความสําคัญต่อข้าวหรือเมล็ดข้าวมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่การปลูก ไปจนถึงหลังการเก็บเกี่ยว ตลอดจนเก็บรักษา ชาวนาจึงมีพิธีกรรมต่างๆ เกี่ยวกับข้าว อาทิ พิธีรับขวัญแม่โพสพก่อนการเก็บเกี่ยว พิธีสู่ขวัญข้าว และพิธีขนข้าวเข้ากุ้ง เป็นการ ให้ความเคารพนับถือ เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยสืบสานเป็นประเพณีสืบต่อเนื่องกันมา และนับว่า ชาวตําบลหินตั้ง เป็นผู้ที่มีความงดงามในด้านจิตใจ ที่ช่วยรักษา จรรโลงให้จารีตประเพณี วัฒนธรรมที่ดีงาม ให้คงอยู่ ยั่งยืนสืบทอดไปสู่ลูกหลานต่อไปส.ปชส.นครนายก ภาพ / ข่าว#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครนายก
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124121355953
null
จังหวัดปัตตานี โดยสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดปัตตานี จัดการเสวนา “การส่งเสริมบทบาทสตรีสู่การพัฒนาอัตลักษณ์ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน”
เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2566 เวลา 13.00 น.จังหวัดปัตตานี โดย สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดปัตตานี จัดเสวนา “การส่งเสริมบทบาทสตรีสู่การ อัตลักษณ์ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ณ อาคารอเนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตําบลตรัง อําเภอมายอ จังหวัดปัตตานีนายนิพัส เพ็ชร์ลมุล ผู้อํานวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดปัตตานี ได้กล่าวว่า การจัดการเสวนาในครั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมบทบาทสตรีกลุ่มทอผ้าลายจวนตานี บ้านตรัง อําเภอมายอ ซึ่งเป็นโครงการสร้างความเข้าใจประชาชนทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางหน่วยได้เห็นถึงความสําคัญของผ้าทอที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดปัตตานี และเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ที่สําคัญ มีเรื่องราวสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เคยเสด็จมาทรงงานในพื้นที่เมื่อปี พ.ศ.2526 และได้รับพระมหากรุณาธิคุณในการส่งเสริมการทอผ้าจวนตานี จนเป็นที่รู้จักแก่สายตาคนนอกพื้นที่ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาโอกาสเดียวกันนี้ได้รับเกียรติจากนายสนั่น สนธิเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เดินทางมาเป็นประธานในพิธีและร่วมเสวนา ผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นางศศิเพ็ญ ละม้ายพันธุ์ วัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี นางสิริอร ทับนิล ประธานกลุ่มทอผ้าจวนตานีบ้านตรัง นางสาวฝ้ายลิกา ยาแดงตัวแทนผู้จําหน่ายสินค้าออนไลน์ ดําเนินรายการโดย นางสาวอารีซะห์ ดอเลาะ มีส่วนราชการและชาวบ้าน ต.ตรัง อ.มายอ จ.ปัตตานี ร่วมรับฟังการเสวนา กว่า 100 คน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/1/2023
ภาคใต้
ปัตตานี
สวท.ปัตตานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124171810075
null
ปฏิบัติธรรมของ ศอ.บต. กว่า 80 คน ตามรอยพระพุทธเจ้า เยี่ยมชมดินแดนพุทธภูมิ สัมผัสวิถี วัฒนธรรมชาวฮินดู ณ ประเทศอินเดีย - เนปาล
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2566 คณะผู้แสวงบุญภายใต้กิจกรรมส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปปฏิบัติธรรมแหล่งสังเวชนียสถาน ณ ประเทศอินเดีย - เนปาล ประจําปีงบประมาณ 2565 ของศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้เดินทางสู่เมืองพุทธคยา นมัสการต้นศรีมหาโพธิ์ และพระมหาเจดีย์พุทธคยา (สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า) นมัสการพระแท่นวัชรอาสน์ สถานที่พระพุทธเจ้าประทับนั่งตรัสรู้ และชมอนิมิสเจดีย์, รัตนจงกรม และสระมุจลินท์ (จําลอง), กราบพระพุทธเมตตา และสวดมนต์ไหว้พระ ปฏิบัติสมาธิ ณ ต้นศรีมหาโพธิ์ ชมบ้านนางสุชาดา และชมวัดไทยพุทธคยา กราบนมัสการพระพุทธชินราชจําลองที่ประดิษฐานภายในพระอุโบสถ จากนั้น เมื่อวันที่ 23 มกราคม คณะผู้แสวงบุญฯ ได้เดินทางไปยังเมืองราชคฤห์ ไหว้พระ ณ วัดนวมินทรธรรมมิกราช และเดินเท้าขึ้นเขาคิชฌกูฏ นมัสการมูลคันธกุฎี (กุฏิพระพุทธองค์) บนยอดเขา คิชฌกูฏ ชมถ้ําพระโมคคัลลานะ กุฏิพระอานนท์ ถ้ําสุกรขาตา สถานที่พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์ ชมสถานที่พระเทวทัตกลิ้งหินใส่พระพุทธองค์ จากนั้นชมวัดเวฬุวัน วัดแห่งแรกของโลก ที่พระเจ้าพิมพิสาร สร้างถวาย พระพุทธองค์ และพระสงฆ์ 1,250 รูป ล้วนเป็นเอหิภิกขุมาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เรียกว่า "มาฆบูชา" ต่อมาคณะฯ ได้เดินทางสู่เมืองนาลันทา เพื่อไปกราบนมัสการ "หลวงพ่อพุทธองค์ดํา" พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่ชาวพุทธ-ฮินดู ให้การนับถือ และเข้าชมมหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก อย่างไรก็ตาม คณะผู้แสวงบุญภายใต้กิจกรรมส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ สังเวชนียสถานประเทศอินเดีย-เนปาล ของ ศอ.บต. มีกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมจํานวน 80 คน โดยมีกําหนด ร่วมกิจกรรม ฯ ตั้งแต่วันที่ 20 - 30 มกราคม 2566 เพื่อสร้างขวัญกําลังใจให้แก่พี่น้องชาวไทยพุทธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงเป็นการสืบทอด เผยแผ่ และทํานุบํารุงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่กับสังคมไทยและสามารถนํามาประยุกต์ใช้ในการดํารงชีวิตประจําวันต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/1/2023
null
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124172454077
null
จังหวัดลำพูน ศอญ จอส.พระราชทาน ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา และพบปะจิตอาสาในพื้นที่จังหวัดลำพูน
ผู้อํานวยการศูนย์อํานวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา และพบปะจิตอาสาในพื้นที่จังหวัดลําพูนวันนี้ (24 ม.ค.66) ที่วัดทิพย์อัปสรอมรอินทร์ อําเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลําพูน พลเรือเอก ปวิตร รุจิเทศ ร.น. ผู้อํานวยการศูนย์อํานวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน พร้อมคณะฯ เดินทางมาตรวจเยี่ยมโครงการกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ในพื้นที่จังหวัดลําพูน โดยมี นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน ปลัดจังหวัดลําพูน หัวหน้าส่วนราชการ นายอําเภอเวียงหนองล่อง และจิตอาสาพระราชทาน นักเรียนจิตอาสาของอําเภอเวียงหนองล่อง ร่วมกิจกรรมเป็นจํานวนมาก ในการพัฒนาทําความสะอาด ปรับภูมิทัศน์ ภายในบริเวณโบราณสถาน ด้านหลังวัด และตลอดแนวตลิ่งแม่น้ําปิง และบริเวณแนวถนนทางเข้าวัด ตลอดแนวรั้ววัด เป็นการทําความดีด้วยหัวใจ นอกจากนี้ได้มอบเครื่องเขียนพระราชทานอุปกรณ์ สิ่งของที่จําเป็น ให้แก่นักเรียนจิตอาสาในพื้นที่อําเภอเวียงหนองล่อง อีกด้วย โอกาสนี้ ผู้อํานวยการศูนย์อํานวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ได้เป็นประธานพร้อมด้วยคณะฯ เหล่าจิตอาสาพระราชทาน ร่วมถวายพระพุทธทรัพย์ปัญญาบารมีสร้างถวาย โดยมูลนิธิทรัพย์ปัญญา พร้อมถวายจตุปัจจัยจํานวนหนึ่ง แด่วัดทิพย์อัปสรอมรอินทร์ เพื่อทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา ทั้งเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ สืบไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDนายคมศักดิ์ หล่อเถิน ข่าว/ภาพ 24 มกราคม 2566
24/1/2023
ภาคเหนือ
ลำพูน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124154349032
null
แถลงข่าวสืบสานพิธีกรรมสำนักเขาอ้อและทำบุญบูรพาจารย์ ปีนี้จัดยิ่งใหญ่แช่ว่าน108 กินข้าวเหนียวดำ พิธีสะเดาะเคราะห์เสริมดวงชะตา และไหว้ครูบูรพาจารย์ ตามรอยพิธีกรรมสำนักเขาอ้อ เดือน 3 ของทุกปี
วันนี้ 24 มกราคม 2566 ที่วัดเขาอ้อ ตําบลมะกอกเหนือ อําเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง นายฉัตรชัย อุสาหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง นางนาที รัชกิจประการ ประธานที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) นายภูดิศ ชนะวรรณโณ นายอําเภอควนขนุน นางพิชญ์สินี ทัศน์นิยม ผอ.การท่องเที่ยวแห่งไทย สํานักงานนครศรีธรรมราช และนายกเทศบาลตําบลมะกอกเหนือ ร่วมแถลงข่าวงานสืบสานพิธีกรรมสํานักเขาอ้อและทําบุญบูรพาจารย์ ซึ่งปีนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา หลังจากสถานการณ์โรคโควิด มีกิจกรรมแช่ว่าน108 กินข้าวเหนียวดํา พิธีสะเดาะเคราะห์เสริมดวงชะตา และไหว้ครูบูรพาจารย์ ตามรอยพิธีกรรมสํานักเขาอ้อ เดือน 3 ของทุกปี ซึ่งสานุศิษย์ และองค์กรต่าง ๆ เช่น สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง สํานักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง ได้จัดซึ่งในปีนี้จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 27 – 29 มกราคม 2566เพื่อรําลึกถึงคุณความดีของอดีตบูรพาจารย์ และทําบุญอุทิศให้กับบูรพาจารย์แห่งสํานักเขาอ้อ ทั้งบูรพาจารย์สายพุทธ และสายพราหมณ์ ที่ได้สืบทอดวิชาโบราณ ช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติมาจนถึงปัจจุบัน และเพื่อเผยแพร่เกียรติคุณของวัดเขาอ้อในฐานะสํานักตักสิลาที่เหลือเพียง แห่งเดียวในประเทศไทย ให้เป็นที่รู้จักของสารธารณชนอย่างกว้างขวาง และเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดพัทลุงนายฉัตรชัย อุสาหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง แถลงข่าวว่า ปีนี้งานสืบสานพิธีกรรมสํานักเขาอ้อและทําบุญบูรพาจารย์ กลับมาจัดอีกครั้งหลังจากสถานการณ์โรคโควิด 2ปี ที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้กิจกรรมดังกล่าวจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ ภายในงานจะมีกิจกรรมมากมาย เช่นพิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ ตามรอยพิธีกรรมสํานักเขาอ้อ กินข้าวเหนียวดํา พิธีสะเดาะเคราะห์เสริมดวงชะตา และพิธีกรรมที่ขาดไม่ได้คือการแช่น้ําว่าน 108 ชนิด พิธีแช่น้ําว่านตามไสยศาสตร์การแพทย์ และความเชื่อสําหรับชายชาตรีกับความอยู่ยงคงกระพัน คือการร่วมแช่น้ําว่าน 108 ชนิด เนื่องจากการแช่น้ําว่านต้องใช้เวลา แต่ละคนหากครบพิธีกรรมต้องใช้เวลานอนแช่น้ําว่าน 3 วัน 3 คืนและพิธีกรรมดังกล่าวจะทําบนภูเขาวัดอ้อ ที่มีอ่างแช่น้ําว่านโดยเฉพาะ และการต้มว่าน 108 ชนิดก็จะทําบนภูเขาแห่งเช่นกันเพื่อความศักดิ์สิทธิ์ทางด้านนาย ธธงชัย สารอักษร วัฒน์ธรรมจังหวัดพัทลุง กล่าวว่างานสืบสานพิธีกรรมสํานักเขาอ้อและทําบุญบูรพาจารย์ ปีนี้จัดขึ้น ระหว่างวันที่ 27 – 29 มกราคม 2566 ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นในช่วง เดือน 3 ของทุกปี เพื่อรําลึกถึงคุณความดีของอดีตบูรพาจารย์ และทําบุญอุทิศให้กับบูรพาจารย์แห่งสํานักเขาอ้อ ทั้งบูรพาจารย์สายพุทธ และสายพราหมณ์ ที่ได้สืบทอดวิชาโบราณ โดยปีนี้ สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดพัทลุง สํานักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพัทลุง และคณะกรรมการวัดเขาอ้อ ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย ทั้งการแสดงศิลปะวัฒนธรรม ทั้งหนังตะลุงและมโนราห์ ที่สําคัญของงานคือพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ การกินข้าวเหนียวดํา ที่ปลุกเสกจากเกจิอาจารย์สายเขาอ้อ และการแช่ว่านยา 108 ตํารับเขาอ้อ ที่โด่งดังและเป็นที่นับถือของคนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งพิธีดังกล่าวทางวัดเขาอ้อรับแค่เพียง 12 คนเท่านั้นในปี และผู้ที่ลงทะเบียนร่วมงานจะได้รับข้าวเหนียวดํามงคลและวัตถุมงคล ของวัดเขาอ้อ จึงขอเชิญชวนร่วมงานสืบสานพิธีกรรมสํานักเขาอ้อและทําบุญบูรพาจารย์ ดังกล่าวสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง 074 612404#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/1/2023
ภาคใต้
พัทลุง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125071907185
null
ฮุจญาจ 120 คน ตามโครงการผู้ประกอบพิธีอุมเราะห์ ของ ศอ.บต. เดินทางถึงภูมิลำเนาเรียบร้อย ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น
วันนี้(24 มกราคม 2566) เวลา 20.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศไทย คณะผู้เดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ของ ศอ.บต. จํานวน 120 ท่าน ได้เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งบรรยากาศในการต้อนรับเป็นไปอย่างอบอุ่น มีครอบครัวของคณะฮุจญาจที่เดินทางมาจากทั้งในและนอกพื้นที่ต่างมารอรับกันเป็นจํานวนมาก ซึ่งฮุจญาจทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง มีรอยยิ้มและน้ําตาแห่งความปลื้มปิติ ที่ได้เดินทางกลับสู่มาตุภูมิ โดยสวัสดิภาพนาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม หัวหน้าคณะฯ กล่าวว่า ฮุจญาจทุกท่านที่ได้ไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งนี้ ถือเป็นตัวแทนของพี่น้องมุสลิมในประเทศไทย ที่ได้ไปยังดินแดนที่มีความสําคัญกับพี่น้องมุสลิม ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดอีกสิ่งหนึ่งในชีวิต ขอให้ฮุจญาจทุกท่านนําประสบการณ์และคุณค่าของการไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งนี้ไปใช้ในการดําเนินชีวิตประจําวัน รวมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สมาชิกในครอบครัวและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนในสังคมด้าน ผู้แทนจิตอาสา กล่าวว่า เป็นเป้าหมายครั้งหนึ่งในชีวิต แม้ใช้เวลาเพียง 14 วัน แต่ถือว่าเป็นทูตในการเผยแพร่วัฒนธรรมของพี่น้องอิสลามในประเทศไทย สู่พี่น้องอิสลามในต่างประเทศ ที่มาร่วมประกอบพิธีอุมเราะห์ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย และขอขอบคุณรัฐบาล ที่สนับสนุนการประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งนี้ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการทั้ง 120 ท่าน เตรียมตัวเข้าร่วมกิจกรรม อุมเราะห์เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนสังคม เพื่อให้ทุกคนร่วมเป็นเครือข่ายนักพัฒนา อีกทั้งร่วมกันถอดบทเรียนจากการประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งที่ผ่านมา ซึ่งกิจกรรมนี้ จะจัดขึ้นภายในวันที่ 29 - 31 มกราคม 2566 ณ โรงแรมญันนะตีย์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125073003191
null
ฮุจญาจ 120 คน ตามโครงการผู้ประกอบพิธีอุมเราะห์ ของ ศอ.บต. เดินทางถึงภูมิลำเนาเรียบร้อย ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น
คณะผู้เดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ของ ศอ.บต. จํานวน 120 ท่าน ได้เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ เป็นที่เรียบร้อยแล้วในเวลา 20.30 น.วันที่ 24 มค.66 ซึ่งบรรยากาศในการต้อนรับเป็นไปอย่างอบอุ่น มีครอบครัวของคณะฮุจญาจที่เดินทางมาจากทั้งในและนอกพื้นที่ต่างมารอรับกันเป็นจํานวนมาก ซึ่งฮุจญาจทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง มีรอยยิ้มและน้ําตาแห่งความปลื้มปิติ ที่ได้เดินทางกลับสู่มาตุภูมิ โดยสวัสดิภาพ นาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม หัวหน้าคณะฯ กล่าวว่า ฮุจญาจทุกท่านที่ได้ไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งนี้ ถือเป็นตัวแทนของพี่น้องมุสลิมในประเทศไทย ที่ได้ไปยังดินแดนที่มีความสําคัญกับพี่น้องมุสลิม ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดอีกสิ่งหนึ่งในชีวิต ขอให้ฮุจญาจทุกท่านนําประสบการณ์และคุณค่าของการไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งนี้ไปใช้ในการดําเนินชีวิตประจําวัน รวมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สมาชิกในครอบครัวและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนในสังคมด้าน ผู้แทนจิตอาสา กล่าวว่า เป็นเป้าหมายครั้งหนึ่งในชีวิต แม้ใช้เวลาเพียง 14 วัน แต่ถือว่าเป็นทูตในการเผยแพร่วัฒนธรรมของพี่น้องอิสลามในประเทศไทย สู่พี่น้องอิสลามในต่างประเทศ ที่มาร่วมประกอบพิธีอุมเราะห์ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย และขอขอบคุณรัฐบาล ที่สนับสนุนการประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งนี้ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการทั้ง 120 ท่าน เตรียมตัวเข้าร่วมกิจกรรม อุมเราะห์เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนสังคม เพื่อให้ทุกคนร่วมเป็นเครือข่ายนักพัฒนา อีกทั้งร่วมกันถอดบทเรียนจากการประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งที่ผ่านมา ซึ่งกิจกรรมนี้ จะจัดขึ้นภายในวันที่ 29 - 31 มกราคม 2566 ณ โรงแรมญันนะตีย์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/1/2023
null
กรุงเทพมหานคร
สวท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125191208530
null
ผู้ประกอบพิธีอุมเราะห์ ของ ศอ.บต. เดินทางถึงภูมิลำเนาเรียบร้อย
ฮุจญาจ 120 คน ตามโครงการผู้ประกอบพิธีอุมเราะห์ ของ ศอ.บต. เดินทางถึงภูมิลําเนาเรียบร้อย ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่นวันที่ 24 มกราคม 2566 เวลา 20.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศไทย คณะผู้เดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ของ ศอ.บต. จํานวน 120 ท่าน ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งบรรยากาศในการต้อนรับเป็นไปอย่างอบอุ่น มีครอบครัวของคณะฮุจญาจที่เดินทางมาจากทั้งในและนอกพื้นที่ต่างมารอรับกันเป็นจํานวนมาก ซึ่งฮุจญาจทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง มีรอยยิ้มและน้ําตาแห่งความปลื้มปิติ ที่ได้เดินทางกลับสู่มาตุภูมิ โดยสวัสดิภาพนาวาเอก จักรพงษ์ อภิมหาธรรม หัวหน้าคณะฯ กล่าวว่า ฮุจญาจทุกท่านที่ได้ไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งนี้ ถือเป็นตัวแทนของพี่น้องมุสลิมในประเทศไทย ที่ได้ไปยังดินแดนที่มีความสําคัญกับพี่น้องมุสลิม ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดอีกสิ่งหนึ่งในชีวิต ขอให้ฮุจญาจทุกท่านนําประสบการณ์และคุณค่าของการไปประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งนี้ไปใช้ในการดําเนินชีวิตประจําวัน รวมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สมาชิกในครอบครัวและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่คนในสังคมด้าน ผู้แทนจิตอาสา กล่าวว่า เป็นเป้าหมายครั้งหนึ่งในชีวิต แม้ใช้เวลาเพียง 14 วัน แต่ถือว่าเป็นทูตในการเผยแพร่วัฒนธรรมของพี่น้องอิสลามในประเทศไทย สู่พี่น้องอิสลามในต่างประเทศ ที่มาร่วมประกอบพิธีอุมเราะห์ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย และขอขอบคุณรัฐบาล ที่สนับสนุนการประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งนี้ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการทั้ง 120 คน เตรียมตัวเข้าร่วมกิจกรรม อุมเราะห์เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนสังคม เพื่อให้ทุกคนร่วมเป็นเครือข่ายนักพัฒนา อีกทั้งร่วมกันถอดบทเรียนจากการประกอบพิธีอุมเราะห์ในครั้งที่ผ่านมา ซึ่งกิจกรรมนี้จะจัดขึ้นภายในวันที่ 29-31 มกราคม 2566 ณ โรงแรมญันนะตีย์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125162935432
null
ชาว จ.สุพรรณบุรี ร่วมเดินแบบผ้าไทยการกุศล ในงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ ประจำปี 2566 เป็นจำนวนมาก
ที่ เวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรม พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ อําเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประธานประธาน กิจกรรมการเดินแบบผ้าไทย ในงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ ประจําปี 2566 เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชน แต่งกายด้วยผ้าไทย หรือผ้าพื้นเมืองให้เป็นเอกลักษณ์ จากนั้น นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย นางนภัสสร สุวรรณประทีป ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสุพรรณบุรี ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ ภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นําท้องที่ ผู้นําท้องถิ่น ตลอดจน พ่อค้า คหบดี ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี กว่า 100 คน ร่วมกิจกรรมเดินแบบผ้าไทย ทั้งนี้ ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสุพรรณบุรี จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น เพื่อหารายได้ สําหรับเป็นทุนการศึกษาให้นักเรียนที่เรียนดีแต่มีฐานะทางบ้านยากจน และเพื่อเป็นการอนุรักษ์การส่งเสริมการแต่งกายผ้าไทยให้แพร่หลาย#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สุพรรณบุรี
สวท.สุพรรณบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125111740280
null
จ.สุพรรณบุรี เดินแบบผ้าไทยการกุศล ในงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ ประจำปี 2566
ค่ําวานนี้ (24 ม.ค.66) ที่เวทีการแสดงศิลปวัฒนธรรม พระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ อําเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย นางนภัสสร สุวรรณประทีป ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสุพรรณบุรี นายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ นายปริญญา เขมะชิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการ คณะเหล่ากาชาด คณะแม่บ้านมหาดไทย ภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นําท้องที่ ผู้นําท้องถิ่น พ่อค้า ชาวจังหวัดสุพรรณบุรี กว่า 100 คน ร่วมกิจกรรมเดินแบบผ้าไทย เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชน แต่งกายด้วยผ้าไทย หรือผ้าพื้นเมืองให้เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสุพรรณบุรี จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้น เพื่อหารายได้ สําหรับเป็นทุนการศึกษาให้นักเรียนที่เรียนดีแต่มีฐานะทางบ้านยากจน และเพื่อเป็นการอนุรักษ์การส่งเสริมการแต่งกายผ้าไทยให้แพร่หลายโดย นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย นางนภัสสร สุวรรณประทีป ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสุพรรณบุรี เดินแบบในชุดฟินาเล่ ซึ่งนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี สวมใส่ชุดผ้าไหมมัดหมี่ 3 ตะกอพิเศษ จาก อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ลายของผ้ามีชื่อเรียกว่า "ลายขุมทรัพย์เศรษฐี" ทอด้วยกี่พื้นบ้านพุ่งกระสวยโบราณ ฟิม 70-73 ลําหมี่ ย้อมด้วยสีธรรมชาติ สีครามเข้มแบบของเสื้อเป็นการตัดประยุกต์จากแบบเสื้อราชปะแตนของไทย คือคอปกตั้งและมีกระเป๋าเสื้ออยู่ด้านหน้าเหมือนกัน แต่ได้นําแบบเสื้อของจีนที่เรียกว่า เสื้อทรงจงชาน มาตัดประยุกต์เข้าด้วยกัน คือ การเพิ่มประเป้าด้านหน้ามีทั้งหมด 4 ใบ (หน้าอก 2 ใบ และตรงเอว 2 ใบ) มีความหมายถึงพื้นฐานของสังคมที่ดี 4 อย่าง คือ ความถูกต้อง ความยุติธรรม ศีลธรรม และเกียรติยศ ขณะที่นางนภัสสร สุวรรณประทีป สวมใส่ชุดผ้าฝ้ายทอมือสีฟ้า จากศูนย์หัตถกรรมผ้าทอยู่ทอง อําเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/1/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125115348291
null
อบต.ละงู จ.สตูล จัดเทศกาลยอนหอยหลอดและวัฒนธรรมพื้นบ้านละงู ครั้งที่ 14 ส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้น
วันนี้ (25 ม.ค. 66) ที่บริเวณชายหาดหัวหิน ตําบลละงู อําเภอละงู จังหวัดสตูล บรรยากาศการแข่งขันยอนหอยหลอด เป็นไปด้วยความคึกคัก มีชาวบ้านเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 50 คน โดยผู้เข้าแข่งขันออกหาหอยในช่วงน้ําลง ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 5.30 น. เดินเท้าออกไปจากหาดประมาณ 1 กิโลเมตร และกลับเข้าฝั่งในเวลาประมาณ 10.00 น. เพื่อชั่งน้ําหนักหอยหาผู้ชนะ และสําหรับผู้ที่หาหอยได้มากที่สุดจะได้รับถ้วยรางวัลพร้อมเงินรางวัล นอกจากนี้หอยที่ชาวบ้านหามาได้ อบต.ละงู จะรับซื้อในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด เพื่อช่วยสร้างรายได้ให้ชาวบ้านในชุมชน และใช้ประกอบอาหารภายในงานประจําปีให้นักท่องเที่ยวได้เลือกชิมอีกด้วย สําหรับงานเทศกาลยอนหอยหลอดและวัฒนธรรมพื้นบ้านละงู จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-30 มกราคม 2566 ภายในบริเวณองค์การบริหารส่วนตําบลละงู อําเภอละงู จังหวัดสตูล มีการแข่งขันยอนหอยหลอด การแข่งขันปรุงอาหารเมนูจากหอยหลอด การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง การประกวดลากูดินแดนวัฒนธรรม การประกวดมิสลากู 2023 และการแสดงบนเวทีให้ชมทุกค่ําคืน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125131839305
null
ประเพณีแห่ เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ ประจำปี 2566 จังหวัดนครสวรรค์
วันที่ 24 มกราคม 2566 ที่หน้าสํานักงานเทศบาลนครนครสวรรค์ นายชยันต์ ศิริมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานปล่อยแถวขบวนแห่ประเพณีแห่ เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ําโพ ประจําปี 2566 พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายกเทศบาลนครนครสวรรค์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ และประชาชน เข้าร่วมในพิธีปล่อยแถวฯ ในครั้งนี้ด้วยโดยประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ําโพ ประจําปี 2566 และงานเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนนครสวรรค์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 มกราคม-26 มกราคม 2566 ทั้งหมด 12 วัน 12 คืน ซึ่งเป็นการจัดงานปีที่ 107 ตรุษจีนนครสวรรค์ปีนี้จัดงานอย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้แนวคิด “สืบสานพลังแห่งศรัทธา รักษาประเพณี 107 ปี ตรุษจีนปากน้ําโพ” นับว่าเป็นงานตรุษจีนที่โดดเด่น เป็นงานที่ประชาชนให้ความสนใจทั้งประเทศและทั่วโลก โดยจะมีขบวนแห่กลางคืน (ชิวซา) ในวันที่ 24 มกราคม 2566 และมีขบวนแห่กลางวัน (ชิวสี่) ในวันที่ 25 มกราคม 2566 ชมขบวนแห่ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยทั้งกลางวันและกลางคืน การแสดงขบวนนางฟ้าจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ การแสดงคณะมังกรทอง การแสดงสิงโต 5 ชาติพันธุ์ 5 คณะ สิงโตปักกิ่ง สิงโตกว๋องสิว สิงโตไหหนํา สิงโตฮกเกี๊ยน สิงโตฮากกา ดนตรีจีนล่อโก้ว รําถ้วยไหหนํา เอ็งกอ-พะบู๊ องค์สมมติเจ้าแม่กวนอิม และลูกศิษย์ กิมท้ง-เง็กนึ่ง และขบวนมังกรทองที่เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวและในวันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม 2566 เป็นงานประเพณีปิดงานประเพณีแห่ เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ําโพ ประจําปี 2566 จังหวัดนครสวรรค์ และพิธีส่งมอบธงให้กับคณะกรรมการจัดงานประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ ปากน้ําโพ ประจําปี 2566-2567#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครสวรรค์
25/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
นครสวรรค์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครสวรรค์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125133118311
null
สมาคมตังเอ็ง - สว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี จัดพิธีอัญเชิญเทพเจ้าออกประทานพรให้กับประชาชนชาวจันทบุรี เพื่อความเป็นสิริมงคล
วันนี้ ( 25 ม.ค.66 ) ที่สมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี ซึ่งนําโดย นายเซ้ง ปิยะธรรมวุฒิกุล นายกสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จันทบุรี นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานอัญเชิญเทพเจ้าออกประทานพรให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมด้วย นายธนภณ กิจกาญจน์ นายกองค์องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี นายกิจฐพร โชติสุวรรณ์ นายกเทศมนตรีเมืองจันทบุรี เข้าร่วมในพิธี ซึ่งในช่วงเทศกาลตรุษจีน ย่อมจะมีการจัดขบวนแห่อัญเชิญเทพเจ้า เสด็จออกประธานพร เพื่อความเป็นศิริมงคลให้กับประชาชนชาวจังหวัดจันทบุรี โดยริ้วขบวนประกอบไปด้วย รถน้ําพระพุทธมนต์ นางฟ้าอวยพรพร้อมของมงคล ขบวนทิวธงพร้อมคําอวยพร ขบวนเล่าโก้ว การเชิด มังกรทองและสิงโต ร่วมในขบวนแห่ จากนั้นจะเป็นขบวนราชรถที่ประทับกระถางธูปทองคํา ขององค์โป้ยเซียนโจวซือและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ ซึ่งตลอดเส้นทางของขบวนแห่เทพเจ้า จะมีประชาชนนําเครื่องไหว้ที่เป็นมงคลออกมาตั้งโต๊ะสักการะบูชา ขอพร และร่วมกันทําบุญ เพื่อให้ทางคณะกรรมการสมาคมฯ ได้นําไปใช้ในกิจกรรมสาธารณกุศล เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมเป็นต้น สําหรับการนําขบวนแห่เทพเจ้า ออกมาประธานพรให้กับประชาชนครั้งนี้ เป็นงานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ประจําปีในการฉลองเทวะสถานจื่อเยี่ยงไท้ (เทวสถานองค์โป๊ยเซียนโจวซือ ปีที่ 61 ซึ่งทางคณะกรรมการสมาคมฯ ได้จัดขึ้นเป็นประจําทุกปีในช่วงเทศกาลวันตรุษจีนโดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมต่างๆ ที่ให้เกียรติเดินทางมาร่วมในพิธีครั้งนี้กันเป็นจํานวนมาก พร้อมทั้งมีประชาชนที่ให้ความศรัทธาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเชื่อว่าการกราบไหว้บูชาองค์เทพเจ้า และการทําบุญเพื่อใช้ในกิจกรรมสาธารณกุศลจะนํามาซึ่งความสุขความเจริญรุ่งเรืองให้กับตนเองและครอบครัว ตลอดทั้งปีและตลอดไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/1/2023
ภาคตะวันออก
จันทบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดจันทบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125181502490
null
อบจ.ชลบุรี จัดโครงการอบมรมเพื่อพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้นำ ผู้บริหารลูกเสือชาวบ้าน และชมรมวิทยากรลูกเสือชาวบ้านจังหวัดชลบุรี ประจำปี 2566
วันนี้(24 มกราคม 2566) เวลา 13.00 น. วิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบมรมเพื่อพัฒนาศักยภาพและเสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้บริหารลูกเสือชาวบ้าน และชมรมวิทยากรลูกเสือชาวบ้านจังหวัดชลบุรี ประจําปี 2566 ผู้เข้าร่วมโครงการประกอบด้วย ผู้นํา ผู้บริหารลูกเสือชาวบ้าน และชมรมวิทยากรลูกเสือชาวบ้านจังหวัดชลบุรี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จํานวน 173 คน ณ ห้องประชุมแก้วเจ้าจอม องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรีกิจการลูกเสือชาวบ้านในพระบรมราชานุเคราะห์ ได้เริ่มดําเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 จนถึงปัจจุบัน มีสมาชิกกระจายอยู่ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ ได้ทําคุณประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติด้วยดีเสมอมา มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสําคัญของชาติหลายครั้ง ถือเป็นกระบวนการพัฒนาสังคม และพัฒนาคุณภาพประชาชนให้เกิดความรัก ความสามัคคี ความมีระเบียบวินัย ความร่วมมือร่วมใจและความเสียสละต่อส่วนรวมในการแก้ไขปัญหา และการพัฒนาสังคมไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการที่จะร่วมกันปกป้องและเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ ให้ธํารงอยู่เป็นศูนย์รวมจิตใจ นํามาซึ่งความรักความสามัคคี ลูกเสือชาวบ้านเป็นพลังภาคประชาชนที่มีบทบาทสําคัญ ในการพัฒนาชุมชนและสังคม เพื่อผลักดันให้สังคมได้มีการบูรณาการเป็นประชาสังคม และพัฒนาไปสู่ความเป็นชุมชนเข้มแข็งและยั่งยืน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พ.ศ. 2564 - 2580 ด้านความมั่นคง ประชาชนมีสุข เน้นการบริหารจัดการสภาวะแวดล้อมให้มีความมั่นคง ปลอดภัย มีเอกราช ธิปไตย และมีความสงบเรียบร้อยในทุกระดับ ประกอบกับในปัจจุบันรัฐบาลได้ให้ความสําคัญต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่ได้มีการระบาดอย่างรุนแรงในพื้นที่ชุมชน หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างครอบคลุมและเป็นระบบ อาจเกิดการแพร่กระจายจากระดับชุมชนไปสู่ระดับประเทศได้ อย่างไรก็ดี หัวใจสําคัญในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว คือ การมีส่วนร่วมของประชาชนและการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดความยั่งยืน ลูกเสือชาวบ้านถือเป็นองค์กรประชาชนที่มีส่วนสําคัญ ในการเฝ้าระวัง การป้องกัน การบําบัดรักษา และการติดตาม ผู้ผ่านการบําบัดรักษา ซึ่งเป็นแนวทางที่ทําให้เกิดความร่วมมือและพลังในการแก้ไขปัญอย่างยั่งยืน และร่วมบริหารจัดการให้ชุมชนของตนเองให้มีความเข้มแข็ง มั่นคง และปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี เห็นความสําคัญกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม ให้เข้ามามีบทบาทในการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน จึงได้จัดโครงการอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ และเสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้นํา ผู้บริหารลูกเสือ ชาวบ้าน และชมรมวิทยากรลูกเสือชาวบ้านจังหวัดชลบุรี ประจําปี 2566 โดยจัดบรรยายวิชาการในวันที่ 24 มกราคม 2566 ณ ห้องแก้วเจ้าจอม องค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี และศึกษาดูงาน ณ จังหวัดเชียงราย วันที่ 24 - 27 มกราคม 2566 ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการอบรมในครั้งนี้ คือ ผู้เข้าร่วมโครงการฯ มีส่วนร่วมพัฒนากิจการลูกเสือชาวบ้าน ให้เกิดการบริหารจัดการที่ดีส่งผลให้องค์กรลูกเสือชาวบ้านทุกระดับ มีความเข้มแข็ง บริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการทํางานร่วมกัน ได้แลกเปลี่ยนแนวความคิด ร่วมแก้ไขปัญหาสังคม สร้างความเข้มแข็งให้กับท้องถิ่น และเป็นเครือข่ายในการป้องกัน เฝ้าระวัง แก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/1/2023
ภาคตะวันออก
ชลบุรี
สวท.ชลบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125171944465
null
วัดมหาวัน จังหวัดลำพูน จัดงานสักการะใส่ขันดอกพระรอดหลวง วัดมหาวัน พระรอดศักดิ์สิทธิ์ คู่เมืองลำพูน ระหว่างวันที่ 25 - 29 มกราคม 2566 เพื่อแสดงออกถึงมหาศรัทธาที่พุทธศาสนิกชนมีต่อองค์พระรอด
จังหวัดลําพูน จัดงานสักการะใส่ขันดอกพระรอดหลวง วัดมหาวัน ผู้ประกาศ วัดมหาวัน จังหวัดลําพูน จัดงานสักการะใส่ขันดอกพระรอดหลวง วัดมหาวัน พระรอดศักดิ์สิทธิ์ คู่เมืองลําพูน ระหว่างวันที่ 25 - 29 มกราคม 2566 เพื่อแสดงออกถึงมหาศรัทธาที่พุทธศาสนิกชนมีต่อองค์พระรอด เทป ที่วัดมหาวัน จังหวัดลําพูน นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน เป็นประธานเปิดงานสักการะใส่ขันดอกพระรอดหลวง วัดมหาวัน ประจําปี 2566 โดยมี พระปลัดกอบบุญ สิริญาโณ เจ้าอาวาสวัดมหาวัน นายโยธิน ประสงค์ความดี ปลัดจังหวัดลําพูน หัวหน้าส่วนราชการ พุทธศาสนิกชน ประชาชนชาวจังหวัดลําพูน นักท่องเที่ยว ร่วมงานเป็นจํานวนมาก วัดมหาวัน เป็นวัดหลวงเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นในสมัยพระนางจามเทวี และ เป็นวัดต้นตํานานของพระรอดเมืองลําพูน ที่นักสะสมพระเครื่องต่างต้องการมี ไว้ครอบครอง เป็นที่รู้กันดีว่าวัดมหาวันลําพูน เป็นต้นกําเนิดของพระรอดที่ ประชาชนชาวพุทธทั่วประเทศต่างเดินทางมากราบไหว้ และที่สําคัญวัดมหาวัน เป็นที่ประดิษฐานพระรอดหลวงคู่เมืองลําพูน มานานนับ 1,400 ปี ด้วยเหตุนี้ คณะศรัทธาวัดมหาวันจึงได้กําหนดจัดงาน “งานสักการะใส่ขัน ดอกพระรอดหลวง วัดมหาวันจังหวัดลําพูน ระหว่าง วันที่ 25 - 29 มกราคม 2566 ภายในงานมีเปิดให้พุทธศาสนิกชน และประชาชนทั่วไป ได้ไหว้สาสักการะ ใส่ขันดอกพระรอดหลวง การจุดประทีปหมื่นดวงถวายบูชาพระรอดพันปี นิทรรศการพระเครื่องสกุลลําพูน การแสดงศิลปวัฒนธรรม เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อแสดงออกถึงมหาศรัทธาที่พุทธศาสนิกชนมีต่อ องค์พระรอด เพื่อส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการอนุรักษ์สืบทอดภูมิ ปัญญาท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมของพุทธศาสนิกชนที่เกื้อหนุนต่อพุทธศาสนา สืบต่อไป #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/1/2023
ภาคเหนือ
ลำพูน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125211528559
null
จังหวัดสระแก้ว จัดงานประเพณีบายศรีสู่ขวัญข้าวตำบลเขาสามสิบ ประจำปี 2566
ณ บริเวณวัดคลองสิบสาม หมู่ที่ 3 ตําบลเขาสามสิบ อําเภอเขาฉกรรจ์ จังหวัดระแก้ว นายเชาวเนตร ยิ้มประเสริฐ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานเปิดประเพณีบายศรีสู่ขวัญข้าวตําบลเขาสามสิบ ประจําปี 2566 ซึ่งการจัดงานในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอนุรักษ์ สืบสานและส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณีบายศรีสู่ขวัญข้าวของตําบลเขาสามสิบให้เป็นที่รู้จักและยอมรับ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมและพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของตําบลเขาสามสิบให้เป็นที่น่าสนใจและจูงใจนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติสําหรับประเพณีบายศรีสู่ขวัญข้าว ถือว่าเป็นประเพณี ที่มีการประกอบพิธีกรรมในการบูชาเมล็ดข้าว โดยข้าว ถือว่าเป็นตัวแทนพระแม่โพสพ มีความสําคัญอย่างยิ่งต่อมนุษย์ตั้งแต่ดึกดําบรรพ์จนถึงทุกวันนี้ ตําบลเขาสามสิบ เป็นพื้นที่ที่มีการประกอบอาชีพทํานาและมีเกษตรกรผู้ทํานาเป็นส่วนใหญ่ และชาวนานี้จะให้ความสําคัญต่อข้าวหรือเมล็ดข้าวมาก ตั้งแต่ก่อนการปลูกไปถึงหลังการเก็บเกี่ยว ตลอดจนเก็บรักษา ชาวนาจึงมีพิธีกรรมต่าง ๆเกี่ยวกับข้าวขึ้น เพื่อเป็นการให้ความเคารพนับถือ เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยสืบสานเป็นประเพณีสืบต่อเนื่องกันมา และชาวตําบลเขาสามสิบได้ช่วยกันรักษา และจรรโลงให้ จารีตประเพณี และวัฒนธรรมที่ดีงามให้คงอยู่ และยั่งยืนสืบทอดไปสู่ลูกหลานต่อไปประจัก สารการ – สุชีวิน ปิยะมิตรบัณฑิต /ภาพ/ข่าว#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคตะวันออก
สระแก้ว
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระแก้ว
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126091851628
null
พ่อเมืองลำพูน เปิดงานสักการะใส่ขันดอกพระรอดหลวง วัดมหาวัน ประจำปี 2566
วันที่ 25 มกราคม 2566 เวลา 18.00 น. ที่วัดมหาวัน ตําบลในเมือง อําเภอเมือง จังหวัดลําพูน นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน เป็นประธานเปิดงานสักการะใส่ขันดอกพระรอดหลวง วัดมหาวัน ประจําปี 2566 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 -29 มกราคม 2566 เพื่อแสดงออกถึงความศรัทธาที่พุทธศาสนิกชนมีต่อองค์พระรอด เป็นการส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมในการอนุรักษ์สืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมของพุทธศาสนิกชนที่เกื้อหนุนต่อพุทธศาสนา โดยมี นายโยธิน ประสงค์ความดี ปลัดจังหวัดลําพูน หัวหน้าส่วนราชการ พุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวร่วมงานเป็นจํานวนมากสําหรับวัดมหาวันเป็นวัดหลวงเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นในสมัยพระนางจามเทวี และเป็นวัดต้นตํานานของพระรอดเมืองลําพูน ที่นักสะสมพระเครื่องต่างต้องการมีไว้ครอบครอง เป็นที่รู้กันดีว่าวัดมหาวันลําพูน เป็นต้นกําเนิดของพระรอดที่ประชาชนชาวพุทธทั่วประเทศต่างเดินทางมากราบไหว้ และที่สําคัญวัดมหาวันยังเป็นที่ประดิษฐานพระรอดหลวงคู่เมืองลําพูน มานานนับ 1,400 ปี คณะศรัทธาวัดมหาวันจึงได้จัดงาน"งานสักการะใส่ขันดอกพระรอดหลวง วัดมหาวันจังหวัดลําพูน"จุดประทีปหมื่นดวงถวายบูชาพระรอดพันปี ภายในงานชมนิทรรศการพระเครื่องสกุลลําพูน, การแสดงศิลปวัฒนธรรม และกาดมั่วสินค้าอาหารพื้นเมืองด้านผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน กล่าวว่า งานสักการะใส่ขันดอก พระรอดหลวง เป็นประเพณีที่พุทธศาสนิกชนได้สืบทอด การถวายดอกไม้บูชาพระรอดหลวง แสดงออกถึงมหาศรัทธาต่อองค์พระรอดหลวง เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของล้านนา ส่งเสริมการท่องเที่ยว จังหวัดลําพูน และสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากที่ส่งผลต่อวัฒนธรรม และเศรษฐกิจ ของวัด ชุมชน และชาวจังหวัดลําพูนมาอย่างต่อเนื่อง#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคเหนือ
ลำพูน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126103105674
null
ผู้ว่าฯศรีสะเกษ เป็นประธานพิธีเปิดการแสดง แสง สีเสียง ปรางค์กู่ สู่อารยธรรมชนเผ่าชาติพันธ์กูย ในงานประเพณี "หวัวบุญเบิกฟ้า ขึ้น 3 ค่ำ มหัศจรรย์ เดือน 3" ประจำปี 2566
ที่ปราสาทปรางค์กู่ ตําบลกู่ อําเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ นายสํารวย เกษกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานพิธีเปิดการแสดง แสง สีเสียง ปรางค์กู้สู่อารยธรรมชนเผ่าชาติพันธ์กูย งานประเพณี "หวัวบุญเบิกฟ้า ขึ้น 3 ค่ํา มหัศจรรย์ เดือน 3" ประจําปี 2566ภายในงานมีการแสดงละครอิงประวัติศาสตร์ "เถียดโซะโก"เทวสถาน ตํานานแห่งอารยธรรม ชาติพันธุ์กูย ตอน ปาวิตรา ศรีวรชายา ชัยวรมัน โดย นักแสดงโรงเรียนพอกพิทยาคมรัชมังคลา-ภิเษก และนักแสดงกิตติมศักดิ์ กิจกรรมนันทนาการส่งเสริมท่องเที่ยว "สุนทรียวัฒนธรรม ดนตรีกลางลานบ้าน (บ้านดุงกูย)" โดยมี นางมัลลิกา เกษกุล นายกเหล่ากาชาดจังหวัด นางชนมณัฐ รอดบุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายอําเภอปรางค์กู่ นายอําเภอห้วยทับทัน พัฒนาการจังหวัด ประชาสัมพันธ์จังหวัด ผอ.สวท.ศรีสะเกษ วัฒธรรมจังหวัด ผู้อํานวยการสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ศรีสะเกษ ยโสธร ผอ.ศูนย์การศึกษาพิเศษประจําจังหวัด ผอ.ศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพ ผอ.ททท.สนง.สุรินทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลกู่ สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัด และกํานัน ผู้ใหญ่บ้านร่วม#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ศรีสะเกษ
สวท.ศรีสะเกษ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126101932660
null
ผลการประกวดธิดาพริกกะเหรี่ยง งานของดีอำเภอสบเมยและประเพณีวัฒนธรรม รวมชนเผ่าชาวสบเมย 2566
เวลา 20.00 น.วันที่ 25 มกราคม 2566 การประกวดธิดาพริกกะเหรี่ยง ในงานงานของดีอําเภอสบเมยและประเพณีวัฒนธรรม รวมชนเผ่าชาวสบเมย 2566 จัดขึ้นที่สนามหน้าที่ว่าการอําเภอสบเมย โดยมีสาวงามเข้าประกวดจํานวน 8 คน ผลการประกวดมีดังนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นางสาววัชรมน ปัญญา รับเงินรางวัล 7,000 บาท พร้อมด้วยมงกุฎ สายสะพาย และถ้วยรางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นางสาวนงลักษณ์ พรงดงาม รับเงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมด้วยสายสะพาย และถ้วยรางวัล รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ นางสาวขวัญฤทัย จิรวัชรพงศ์ รับเงินรางวัล 3,500 บาท พร้อมด้วยสายสะพาย และถ้วยรางวัล รางวัลชมเชยอันดับ 1 ได้แก่ นางสาวประภาพร พานทอง รับเงินรางวัล 2,000 บาท พร้อมด้วยสายสะพาย และถ้วยรางวัล รางวัลชมเชยอันดับ 2 ได้แก่ นางสาวชนิดาภา กอสน รับเงินรางวัล 1,500 บาท พร้อมด้วยสายสะพาย และถ้วยรางวัล และรางวัลขวัญใจมหาชน ได้แก่ นางสาวนงลักษณ์ พรงดงาม รับเงินรางวัล 2,000 บาท พร้อมด้วยสายสะพาย และถ้วยรางวัล งานวันของดีอําเภอสบเมยและประเพณีวัฒนธรรมรวมชนเผ่าชาวสบเมย ประจําปี 2566 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-25 มกราคม 2566 เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ของดีขึ้นชื่อของอําเภอสบเมย ตลอดจนการสืบสานประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง และยังเป็นการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวของอําเภอสบเมย ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้นทั้งนี้อําเภอสบเมย มีพื้นที่ประมาณ 1,400 ตารางกิโลเมตร มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมา ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สูง มีภูเขาสลับซับซ้อน ประกอบด้วย 6 ตําบล ได้แก่ ตําบลสบเมย, ตําบลแม่คะตวน, ตําบลกองก๋อย, ตําบลแม่สวด, ตําบลป่าโป่ง และตําบลแม่สามแลบ ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง อําเภอสบเมยเป็นแหล่งวัฒนธรรมกะเหรี่ยงที่สําคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
null
แม่ฮ่องสอน
สวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126104629679
null
นายอำเภอปากชม พร้อมด้วยส่วนราชการอำเภอปากชม และตัวแทนกลุ่มสตรีอำเภอ ร่วมรณรงค์สวมใส่ผ้าไทยผ้าพื้นเมือง เพื่อเป็นการอนุรักษ์ เผยแพร่ผ้าไทย ตามโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ตามพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา
นางวราภรณ์ เสริมภักดีกุล ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเลย มอบหมายให้นางกัญญาพัชร โพธิ์ชัย สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเลย พร้อมด้วยนายกฤษฎา โพธิ์ชัย นายอําเภอปากชม พัฒนาการอําเภอ เกษตรอําเภอ และตัวแทนกลุ่มสตรีอําเภอ ร่วมรณรงค์สวมใส่ผ้าไทย/ผ้าพื้นเมือง เพื่อเป็นการอนุรักษ์ เผยแพร่ผ้าไทย ตามโครงการ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ตามพระดําริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เป็นการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวของอําเภอปากชม และเพื่อเป็นการสนับสนุนให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้มีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เลย
สวท.ด่านซ้าย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126151627783
null
จังหวัดลำปาง ประกอบพิธีลาสิกขาบท ผู้เข้าร่วมโครงการบรรพชาอุปสมบท ถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ
วันที่ 26 มกราคม 2566 เวลา 09.00 น. นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลําปาง มอบหมายให้ นายประสงค์ หล้าอ่อน ปลัดจังหวัดลําปาง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ประกอบพิธีลาสิกขาบท ตามโครงการบรรพชาอุปสมบท 99 รูป ถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา โดยมีพระจินดารัตนาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดลําปาง เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น ญาติพี่น้องของผู้เข้าร่วมบรรพชาอุปสมบทฯ เข้าร่วมพิธี ณ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม พระอารามหลวงทั้งนี้ โครงการบรรพชาอุปสมบท 99 รูป เพื่อเป็นการถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร มีพลานามัยสมบูรณ์โดยเร็ววัน และเพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
26/1/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126163418831
null
ชุมพรสืบสานวัฒนธรรม “การทำขวัญข้าว” อนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นถิ่น “ข้าวเหลืองปะทิว”
วันนี้ (26 ม.ค. 66) ที่แปลงนาสาธิตข้าวเหลืองปะทิว หมู่ที่ 5 ต.บางสน อ.ปะทิว จ.ชุมพร นายเจริญโชค พรหมชุติมา นายอําเภอปะทิว เป็นประธานเปิดกิจกรรมการอนุรักษ์ ฟื้นฟูมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นทางวัฒนธรรม “การทําขวัญข้าว” ของกลุ่มชุมชนคุณธรรมบ้านเกาะเสม็ดและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนข้าวเหลือปะทิวบ้านเกาะเสม็ด หมู่ที่ 3 ต.บางสน อ.ปะทิว ตามโครงการส่งเสริม สนับสนุนการอนุรักษ์ฟื้นฟูขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่น จังหวัดชุมพร ประจําปีงบประมาณ 2566 เพื่อสร้างขวัญ กําลังใจ และความเป็นสิริมงคลแก่เกษตรกรที่ทํานาปลูกข้าว โดยมีเกษตรกร ผู้นําชุมชน และนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 100 คนนายเจริญโชค พรหมชุติมา นายอําเภอปะทิว กล่าวว่า ข้าว เป็นอาหารหลักของคนไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยชุมชนบ้านเกาะเสม็ด ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทําสวน ทํานา มีการอนุรักษ์วิถีการทํานา การอนุรักษ์พันธุ์ข้าวเหลืองปะทิว ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวพื้นถิ่นของชาวปะทิว และเป็นความภาคภูมิใจของอําเภอปะทิว ที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ และต่อยอดแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เนื่องจากข้าวเหลืองปะทิว เป็นข้าวขาวพื้นแข็ง เมื่อหุงสุกจะแข็ง ร่วน นิยมนําไปแปรรูปเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว หรือเส้นขนมจีน ซึ่งจะเหนียวนุ่ม รสชาติอร่อย จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทําให้ข้าวเหลืองปะทิวเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ และหากสามารถทําสําเร็จจะสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน แก้ปัญหาความยากจนด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างยั่งยืน พิธีกรรมทําขวัญข้าว เป็นพิธีกรรมบูชาแม่โพสพ ตามความเชื่อและศรัทธาของชาวนาที่มีต่อแม่โพสพ ซึ่งเป็นเทพธิดาข้าว เพื่อความเป็นสิริมงคลและแสดงความขอบคุณแม่โพสพที่ดูแลให้ความอุดมสมบูรณ์แก่ผืนนา โดยเชื่อกันว่าเมื่อทําพิธีนี้แล้ว แม่โพสพจะช่วยคุ้มครองข้าวในนาให้มีผลผลิตที่ดี อีกทั้งยังเป็นการสร้างขวัญกําลังใจ สร้างความเชื่อมั่นแก่ชาวนาว่าในการทํานาครั้งต่อไป ข้าวในนาจะปราศจากโรคภัยต่าง ๆ ทั้งจากธรรมชาติและแมลงศัตรูพืช นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริม สนับสนุนการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และสืบสานวัฒนธรรมความเชื่อในวิถีชีวิตของชุมชน เพื่อให้เด็ก เยาวชน ในท้องถิ่นได้เรียนรู้ ร่วมภาคภูมิใจและร่วมสืบสาน รักษาและสืบทอดภูมิปัญญาของชุมชนให้เข้มแข็ง และมั่นคงสืบไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคใต้
ชุมพร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชุมพร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126193614882
null
จังหวัดยโสธร เปิดตลาดวัฒนธรรม ถนนสายวัฒนธรรม ชูลาบยโสธร soft power กระตุ้นเศรษฐกิจ
วันที่ 26 มกราคม 2566 เวลา 18.00 น. นายวิรุจ วิชัยบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร เป็นประธานเปิดงานตลาดวัฒนธรรม ถนนสายวัฒนธรรม จังหวัดยโสธร โดยมี นางชลาทิพย์ วิชัยบุญ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดยโสธร และนายกเหล่ากาชาดจังหวัดยโสธร นายไกร เอี่ยมจุฬา รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ปลัดจังหวัดยโสธร หัวหน้าสํานักงานจังหวัดยโสธร วัฒนธรรมจังหวัดยโสธร หัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดยโสธร ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดยโสธร ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ และ สื่อมวลชน ร่วมงาน ณ บริเวณถนนคนเดินเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า ตําบลในเมือง อําเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธรทั้งนี้ สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดยโสธร ได้บูรณาการร่วมกับสํานักงานจังหวัดยโสธร เทศบาลเมืองยโสธร สภาวัฒนธรรมจังหวัดยโสธร สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร ส่วนราชการ องค์กร คณะทํางานตลาดถนนคนเดินเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า ชุมชนคุณธรรม เครือข่ายทางวัฒนธรรม ตลอดจนสื่อมวลชน และหน่วยงานภาคีเครือข่าย สนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ เพื่อส่งเสริม สนับสนุนการนําทุนทางวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นลาบยโสธร สินค้าจักสาน สินค้าผ้าพื้นถิ่น ให้เป็น soft power สามารถสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างอาชีพ ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งล้วนเป็นการสร้างความภาคภูมิใจให้ชาวยโสธร ตลอดจนสร้างการรับรู้เกี่ยวกับวิถีถิ่นวิถียโสธร ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายต่อไป โดยมีกําหนดจัดงาน 4 ครั้ง ได้แก่ ครั้งที่ 1 วันที่ 26 มกราคม 2566 กิจกรรมมหกรรมลาบยโสธร ออนซอนอาหารอีสาน ครั้งที่ 2 วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 กิจกรรมมหกรรมหัตถกรรม หัตถศิลป์ ถิ่นยโสธร ครั้งที่ 3 วันที่ 30 มีนาคม 2566 กิจกรรมมหกรรมมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมยโสธร ครั้งที่ 4 วันที่ 27 เมษายน 2566 กิจกรรมมหกรรมผ้าไทย ผ้าถิ่น ภูษาศิลป์ถิ่นยโสธร ณ บริเวณถนนคนเดินเมืองเก่าบ้านสิงห์ท่า ตําบลในเมือง อําเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร และทางชุมชนได้ต่อยอดกําหนดจําหน่ายสินค้าทุกวันพฤหัสบดี ด้วย สําหรับกิจกรรมภายในวันนี้ ประกอบด้วย มหกรรมลาบยโสธร ออนซอนอาหารอีสาน การแสดงริ้วขบวนฟ้อนรํานาฏศิลป์อีสานร่วมสมัย การแสดงดนตรีโฟล์คซองลูกทุ่งอีสานอินดี้ และ การจําหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก .../// #สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร /ข่าว 26 ม.ค. 66#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
null
ยโสธร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยโสธร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126210949935
null
อำนาจเจริญ จัดยิ่งใหญ่งานนมัสการพระมงคลมิ่งเมืองและมหกรรมบุญมหาอำนาจ มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์ นางสาวไทยปี 65 นำคณะรำบูชาพระมงคลมิ่งเมือง
วันนี้ ( 26 มกราคม 2566) ที่พุทธอุทยานพระมงคลมิ่งเมือง นายชนาส ชัชวาลวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอํานาจเจริญ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยศวัจน์ งามสง่า รองผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดอํานาจเจริญ นางสาววันเพ็ญ ตั้งสกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอํานาจเจริญ นายณัฐพงค์ ตั้งสกุลกุลพัฒน์ นายกเทศมนตรีเมืองอํานาจเจริญ ร่วมแถลงข่าวการจัดงานนมัสการพระมงคลมิ่งเมืองและมหกรรมบุญมหาอํานาจ อํานาจเจริญ ประจําปี 2566 ในระหว่างวันที่ 30 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ 2566 ณ พุทธอุทยานพระมงคลมิ่งเมือง อําเภอเมืองอํานาจเจริญ จังหวัดอํานาจเจริญ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชน นักท่องเที่ยวพร้อมด้วยสื่อมวลชนทุกแขนงร่วมในงานแถลงข่าวในครั้งนี้ พระมงคลมิ่งเมือง เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอํานาจเจริญ ที่ประชาชนชาวจังหวัดอํานาจเจริญ ได้มีจิตอันเป็นกุศล ก่อสร้างพระมงคลมิ่งเมือง พร้อมบรรจุพระสารีริกธาตุและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่มากมายในองค์พระเพื่อไว้เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ตั้งอยู่ในพื้นที่พุทธอุทยาน อําเภอเมืองอํานาจเจริญ จังหวัดอํานาจเจริญ มีพุทธลักษณะงดงามตามอิทธิพลศิลปะอินเดียเหนือ แคว้นปาละ ซึ่งได้แผ่อิทธิพลด้านศิลปะมายังภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยพุทธศตวรรษที่ 13-16 เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 11 เมตร สูงจากระดับพื้นดินถึงยอดเปลว 20 เมตร โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ผิวนอกฉาบปูนบุด้วยกระเบื้องโมเสกสีทอง ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2508 เชื่อกันว่าพระมงคลมิ่งเมือง เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ มีประชาชนทั้งในจังหวัดอํานาจเจริญจังหวัดใกล้เคียง และต่างประเทศให้ความเคารพและเดินทางมากราบไหว้บูชาอยู่เป็นประจํา หากใครได้มากราบไหว้ขอพร ก็จะสมดังตั้งใจอธิษฐาน ซึ่งในวันขึ้น 15 ค่ํา เดือน 3 (วันมาฆบูซา) ของทุกปีจังหวัดอํานาจเจริญจะจัดงานนมัสการพระมงคลมิ่งเมือง และถือเป็นงานประจําปีที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดอํานาจเจริญ ที่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมา 40 กว่าปี สําหรับการจัดงานนมัสการพระมงคลมิ่งเมือง และมหกรรมบุญมหาอํานาจ อํานาจเจริญ ประจําปี 2566 จังหวัดอํานาจเจริญ โดยเทศบาลเมืองอํานาจเจริญร่วมกับคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธอุทยานพระมงคลมิ่งเมือง องค์การบริหารส่วนจังหวัดอํานาจเจริญ ส่วนราชการ องค์กร และประชาชนชาวจังหวัดอํานาจเจริญทุกภาคส่วนพร้อมใจร่วมกันจัดงานขึ้น ในระหว่างวันที่ 30 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวอํานาจเจริญได้มานมัสการพระมงคลมิ่งเมือง ร่วมทําบุญตักบาตร เวียนเทียนในคืนวันเพ็ญเดือน 3 และให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการทํานุบํารุงองค์พระมงคลมิ่งเมืองและพุทธอุทยาน อีกทั้งเป็นการสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมและธํารงรักษาพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป โดยมีกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย วันจันทร์ที่ 30 มกราคม 2566 เวลา 06.30 น. เป็นพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เวลา 07.30 น. พิธีมอบทุนการศึกษา จํานวน 100 ทุนๆละ 1,000 บาท รวมเป็น 100,000 บาท แบ่งเป็น สามเณร 50 ทุน และนักเรียน 50 ทุน จากนั้นเป็นพิธีถวายเครื่องสักการะพระมงคลมิ่งเมือง มีขบวนแห่เครื่องสักการะ และขบวนหุ่นฟางพุทธบูชา และพิธีเปิดงานนมัสการพระมงคลมิ่งเมือง มหกรรมบุญมหาอํานาจ อํานาจเจริญ ประจําปี 2566 พร้อมร่วมชมการรําบูชาพระมงคลมิ่งเมืองสุดยิ่งใหญ่สวยงามตระการตา โดยมี มานิตา ดวงคํา ฟาร์เมอร์ นางสาวไทยคนที่ 53 ประจําปี 2565 พร้อมด้วย รองนางสาวไทยและนางสาวอํานาจเจริญร่วมรําบูชาพระมงคลมิ่งเมืองในครั้งนี้ด้วย วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันขึ้น 15 ค่ํา เดือน 3 ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา ในเวลา 06.30 น. จัดพิธีทําบุญตักบาตร และเวลา 10.00 น. พิธีทอดผ้าป่ามหากุศล และในเวลา 18.00 น.เป็นพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เวลา 18.30 น. เป็นการแสดงธรรมเทศนา โดยพระเทพวราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี และเวลา 19.30 น . เป็นพิธีเวียนเทียน ตลอดการจัดงานยังมีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาทุกๆวัน โดยในเวลา 11:00 น. จะมีพิธีถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์และในเวลา 18:00 น. มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ทุกวัน และมีกิจกรรมตักบาตรสวรรค์ ตักบาตรวันเกิด ตักบาตรประตู ตักบาตร 108 เสี่ยงเซียมซีเสี่ยงทาย ประพรมน้ําพระพุทธมนต์ ทําบุญผ้าป่ามหากุศล การจัดงานในครั้งนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ประกอบด้วย กิจกรรมการการแข่งขันกีฬา ประเภทการแข่งขันฟุตซอล การแข่งขันเซปักตะกร้อ การแข่งขันสตรีทบาสเกตบอล การแข่งขันเปตอง กิจกรรมประกวดแข่งขันศิลปวัฒนธรรม มีการประกวดแข่งขันการจัดพานบายศรี 3 ชั้น การประกวดแข่งขันขับร้องสรภัญญะ การแสดงศิลปวัฒนธรรมหมอลํา การแสดงศิลปวัฒนธรรมดีดพิณ กิจกรรมวาดภาพระบายสี การสาธิตถ่ายทอดการทําเครื่องสักการะบูชาอีสาน การเขียนอักษรโบราณ การสาธิตถ่ายทอดการทําอาหารขนมพื้นบ้าน การสาธิตถ่ายทอดการทําเครื่องจักสานด้วยไม้ไผ่ ใบไม้ การสาธิตถ่ายทอดการทําขันหมากเบ็งการสาธิตถ่ายทอดการประดิษฐ์งานศิลปะจากเศษผ้าและวัสดุเหลือใช้ การสาธิตถ่ายทอดการทําธุงใยแมงมุม การแสดงศิลปะวัฒนธรรมจากสถานศึกษาโดยโรงเรียนอํานาจเจริญ โรงเรียนสาธิตเทศบาลเมืองอํานาจเจริญ โรงเรียนเทศบาล 1 วัดเทพมงคล โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 54 จังหวัดอํานาจเจริญ และการแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านกิจกรรมภาคกลางวันมีการแสดงหมอลําคู่ หมอลํากลอนและการแสดงมหรสพภาคกลางคืน กิจกรรมการประกวดร้องเพลงรําวงมหาดไทยในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 นอกจากนี้ ยังมีการออกร้านนิทรรศการของหน่วยงานราชการ สินค้า OTOP สินค้าโรงงาน จัดแสดงและจัดจําหน่ายตลอดทั้งการจัดงานสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอํานาจเจริญ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126222100940
null
จัดงานนมัสการพระมงคลมิ่งเมืองและมหกรรมบุญมหาอำนาจ อำนาจเจริญ ประจำปี 2566
วันที่ 26 มกราคม 2566 เวลา 15.30 น. ณ พุทธอุทยานพระมงคลมิ่งเมือง นายชนาส ชัชวาลวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอํานาจเจริญ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยศวัจน์ งามสง่า รองผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดอํานาจเจริญ นางสาววันเพ็ญ ตั้งสกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอํานาจเจริญ นายณัฐพงค์ ตั้งสกุลกุลพัฒน์ นายกเทศมนตรีเมืองอํานาจเจริญ ร่วมแถลงข่าวการจัดงานนมัสการพระมงคลมิ่งเมืองและมหกรรมบุญมหาอํานาจ อํานาจเจริญ ประจําปี 2566 ในระหว่างวันที่ 30 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ 2566 ณ พุทธอุทยานพระมงคลมิ่งเมือง อําเภอเมืองอํานาจเจริญ จังหวัดอํานาจเจริญ โดยมี นายฤทธิสรรค์ เทพพิทักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชน นักท่องเที่ยวพร้อมด้วยสื่อมวลชนทุกแขนงร่วมในงานแถลงข่าวในครั้งนี้ พระมงคลมิ่งเมือง เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดอํานาจเจริญ ที่ประชาชนชาวจังหวัดอํานาจเจริญ ได้มีจิตอันเป็นกุศล ก่อสร้างพระมงคลมิ่งเมือง พร้อมบรรจุพระสารีริกธาตุและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่มากมายในองค์พระเพื่อไว้เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ตั้งอยู่ในพื้นที่พุทธอุทยาน อําเภอเมืองอํานาจเจริญ จังหวัดอํานาจเจริญ มีพุทธลักษณะงดงามตามอิทธิพลศิลปะอินเดียเหนือ แคว้นปาละ ซึ่งได้แผ่อิทธิพลด้านศิลปะมายังภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยพุทธศตวรรษที่ 13-16 เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 11 เมตร สูงจากระดับพื้นดินถึงยอดเปลว 20 เมตร โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ผิวนอกฉาบปูนบุด้วยกระเบื้องโมเสกสีทอง ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2508 เชื่อกันว่าพระมงคลมิ่งเมือง เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ มีประชาชนทั้งในจังหวัดอํานาจเจริญจังหวัดใกล้เคียง และต่างประเทศให้ความเคารพและเดินทางมากราบไหว้บูชาอยู่เป็นประจํา หากใครได้มากราบไหว้ขอพร ก็จะสมดังตั้งใจอธิษฐาน ซึ่งในวันขึ้น 15 ค่ํา เดือน 3 (วันมาฆบูซา) ของทุกปีจังหวัดอํานาจเจริญจะจัดงานนมัสการพระมงคลมิ่งเมือง และถือเป็นงานประจําปีที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัดอํานาจเจริญ ที่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมา 40 กว่าปี สําหรับการจัดงานนมัสการพระมงคลมิ่งเมือง และมหกรรมบุญมหาอํานาจ อํานาจเจริญ ประจําปี 2566 จังหวัดอํานาจเจริญ โดยเทศบาลเมืองอํานาจเจริญร่วมกับคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนาพุทธอุทยานพระมงคลมิ่งเมือง องค์การบริหารส่วนจังหวัดอํานาจเจริญ ส่วนราชการ องค์กร และประชาชนชาวจังหวัดอํานาจเจริญทุกภาคส่วนพร้อมใจร่วมกันจัดงานขึ้น ในระหว่างวันที่ 30 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวอํานาจเจริญได้มานมัสการพระมงคลมิ่งเมือง ร่วมทําบุญตักบาตร เวียนเทียนในคืนวันเพ็ญเดือน 3 และให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการทํานุบํารุงองค์พระมงคลมิ่งเมืองและพุทธอุทยาน อีกทั้งเป็นการสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมและธํารงรักษาพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป โดยมีกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย วันจันทร์ที่ 30 มกราคม 2566 เวลา 06.30 น. เป็นพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เวลา 07.30 น. พิธีมอบทุนการศึกษา จํานวน 100 ทุนๆละ 1,000 บาท รวมเป็น 100,000 บาท แบ่งเป็น สามเณร 50 ทุน และนักเรียน 50 ทุน จากนั้นเป็นพิธีถวายเครื่องสักการะพระมงคลมิ่งเมือง มีขบวนแห่เครื่องสักการะ และขบวนหุ่นฟางพุทธบูชา และพิธีเปิดงานนมัสการพระมงคลมิ่งเมือง มหกรรมบุญมหาอํานาจ อํานาจเจริญ ประจําปี 2566 พร้อมร่วมชมการรําบูชาพระมงคลมิ่งเมืองสุดยิ่งใหญ่สวยงามตระการตา โดยมี มานิตา ดวงคํา ฟาร์เมอร์ นางสาวไทยคนที่ 53 ประจําปี 2565 พร้อมด้วย รองนางสาวไทยและนางสาวอํานาจเจริญร่วมรําบูชาพระมงคลมิ่งเมืองในครั้งนี้ด้วย วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นวันขึ้น 15 ค่ํา เดือน 3 ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา ในเวลา 06.30 น. จัดพิธีทําบุญตักบาตร และเวลา 10.00 น. พิธีทอดผ้าป่ามหากุศล และในเวลา 18.00 น.เป็นพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เวลา 18.30 น. เป็นการแสดงธรรมเทศนา โดยพระเทพวราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี และเวลา 19.30 น . เป็นพิธีเวียนเทียน ตลอดการจัดงานยังมีกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาทุกๆวัน โดยในเวลา 11:00 น. จะมีพิธีถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์และในเวลา 18:00 น. มีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ทุกวัน และมีกิจกรรมตักบาตรสวรรค์ ตักบาตรวันเกิด ตักบาตรประตู ตักบาตร 108 เสี่ยงเซียมซีเสี่ยงทาย ประพรมน้ําพระพุทธมนต์ ทําบุญผ้าป่ามหากุศล การจัดงานในครั้งนี้ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ประกอบด้วย กิจกรรมการการแข่งขันกีฬา ประเภทการแข่งขันฟุตซอล การแข่งขันเซปักตะกร้อ การแข่งขันสตรีทบาสเกตบอล การแข่งขันเปตอง กิจกรรมประกวดแข่งขันศิลปวัฒนธรรม มีการประกวดแข่งขันการจัดพานบายศรี 3 ชั้น การประกวดแข่งขันขับร้องสรภัญญะ การแสดงศิลปวัฒนธรรมหมอลํา การแสดงศิลปวัฒนธรรมดีดพิณ กิจกรรมวาดภาพระบายสี การสาธิตถ่ายทอดการทําเครื่องสักการะบูชาอีสาน การเขียนอักษรโบราณ การสาธิตถ่ายทอดการทําอาหารขนมพื้นบ้าน การสาธิตถ่ายทอดการทําเครื่องจักสานด้วยไม้ไผ่ ใบไม้#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สวท.อำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126222750943
null
รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ลั่นกลองเปิดฤกษ์ขบวนแห่พระรอบเมืองหาดใหญ่ ในงานแห่พระสะเดาะเคราะห์ประจำปี 2566 สาธุชนต่างยืนรอร่วมสักการะองค์เทพศักดิ์สิทธิ์ตลอดสองข้างทาง
วันนี้ (28 ม.ค.66) เวลา 17.52 น. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดพิธีขบวนแห่พระรอบเมืองหาดใหญ่ และลั่นกลองเปิดฤกษ์พร้อมการแสดงเชิดสิงโต-มังกร เสริมมงคล ในงานแห่พระสะเดาะเคราะห์ประจําปี 2566 ฉลองตรุษจีนหาดใหญ่ โดยมี นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายอรุณชัย ศิริมหาชัย ประธานกรรมการมูลนิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง) หาดใหญ่ และผู้มีเกียรติร่วมในพิธี ณ ลานหน้ามูลนิธิมิตรภาพสามัคคีท่งเซียเซี่ยงตึ๊ง หาดใหญ่ จังหวัดสงขลาสําหรับพิธีแห่พระสะเดาะเคราะห์ประจําปี 2566 ฉลองตรุษจีนหาดใหญ่ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จังหวัดสงขลา และเทศบาลนครหาดใหญ่ จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21-30 มกราคม 2566 10 วัน 10 คืน ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย อาทิ การแสดงบนเวที พิธีแห่-ลุยไฟ พิธีสะเดาะเคราะห์ การออกร้านจําหน่ายอาหารและสินค้า เป็นต้นโดยในรุ่งเช้าของวันนี้ (28 ม.ค.66) ในเวลา 04.25 น. ได้มีการอัญเชิญองค์พระองค์เทพศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ขึ้นประทับเกี้ยว ต่อมาเวลา 06.09 น. ทําพิธีเปิดประตูศาลเพื่อให้ศิษยานุศิษย์นําเกี้ยวพระออกจากศาลรับถวายปะทัดบริเวณด้านหน้าศาลเจ้า และในเวลา 07.00 น. อัญเชิญเกี้ยวพระต่างๆ มาประทับที่บริเวณหน้าวิหารหลวงพ่อโตภายในบริเวณของมูลนิธิฯ เพื่อเปิดให้สาธุชนได้กราบไหว้และลอดฐานเกี้ยวพระเพื่อเป็นสิริมงคล และในช่วงเย็นเวลา 17.52 น. เป็นพิธีเปิดขบวนแห่พระ โดยประชาชนต่างจัดโต๊ะบูชาร่วมสักการะ เพื่อความเป็นสิริมงคล และอยู่กันอย่างร่วมเย็นเป็นสุข ทํามาค้าขึ้น เงินทองไหลมาเทมา และเป็นการปัดเป่าสิ่งไม่ดี#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคใต้
สงขลา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230128203543489
null
ผู้ว่าฯ อยุธยา เปิดนิทรรศการประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และกิจกรรมส่งเสริมเอกลักษณ์ : มหาวิทยาลัยแห่งเมืองมรดกโลก "ฟื้นศาสตร์ สานศิลป์ กรุงศรีอยุธยา"
ค่ําวานนี้ 26 มกราคม 2566 เวลา 18.30 น. ณ ลานวัฒนธรรมโบราณสถานวัดไตรตรึง นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีเปิดงานนิทรรศการประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และกิจกรรมส่งเสริมเอกลักษณ์มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา : มหาวิทยาลัยแห่งเมืองมรดกโลก "ฟื้นศาสตร์ สานศิลป์ กรุงศรีอยุธยา" ภายในงาน "ยอยศยิ่งฟ้า อยุธยามรดกโลก" โดยมี นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมด้วย รศ.ดร.ชูสิทธิ์ ประดับเพ็ชร์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ผู้บริหาร คณาจารย์ นิสิตนักศึกษา และประชาชน สนใจเข้าร่วมกิจกรรม โดยนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ กล่าวว่า พระนครศรีอยุธยา เป็นนครประวัติศาสตร์ที่สั่งสมและหลอมรวมวัฒนธรรมของผู้คนมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ยุคสร้างบ้านแปลงเมืองเป็นราชธานี โดยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เมื่อพุทธศักราช 1893 จนกระทั่งสิ้นสุดความเป็นราชธานี เมื่อวันที่ 7 เมษายน พุทธศักราช 2310 แต่การดํารงอยู่ของกรุงศรีอยุธยาไม่ได้สิ้นสูญไป จนกระทั่งปัจจุบันนับเป็นเวลา 671 ปีแล้ว และในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน มีเหตุการณ์สําคัญที่ถือเป็นประวัติศาสตร์อีกหนึ่งอย่าง คือ นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นหนึ่งในมรดกของโลก จากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2534 ดังนั้น การจัดงาน "ยอยศยิ่งฟ้า อยุธยามรดกโลก" จึงเป็นการเฉลิมฉลองการที่พระนครศรีอยุธยา ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เพื่อตระหนักถึงคุณค่าของโบราณสถาน ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม ในฐานะอดีตราชธานี ที่ได้รับการสั่งสมสืบทอดมาอย่างยาวนานจนเป็นที่ประจักษ์ ควรค่าแก่การชื่นชม และเป็นเสมือนขุมพลังทางปัญญาทางด้านวิชาการอย่างไม่มีวันหมดสิ้นและคงอยู่สืบไป ซึ่งภายในงานได้จัดแสดงนิทรรศการอยุธยาเมืองมรดกโลก และนิทรรศการภาพเก่ากรุงศรีอยุธยา โดยมีวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และภูมิปัญญา ของสถาบันอยุธยาศึกษา คอยบริการให้ความรู้กับประชาชนที่มาร่วมงาน นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตศิลปหัตถกรรม การแสดงดนตรี-นาฏศิลป์ อันเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดมาจากสมัยอยุธยา และได้พัฒนารูปแบบต่างๆ ที่หลากหลาย แสดงถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทย การบรรเลงดนตรีไทยร่วมสมัย ตลอดจนการออกร้านจําหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีกด้วย ข่าว : สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
27/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
พระนครศรีอยุธยา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230127122730067
null
รองผู้ว่าฯ สงขลา เปิดงานเมาลิดสัมพันธ์เทศบาลเมืองควนลัง ฝากทุกฝ่ายรำลึกคุณธรรมคำสอนของท่านศาสดามูฮำหมัด (ซ.ล.) มาเป็นแนวทางปฏิบัติ มุ่งสร้างความผาสุกในสังคมพหุวัฒนธรรม
วันนี้ (28 ม.ค.66) เวลา 09.00 น. ณ โรงเรียนบ้านบางแฟบ หมู่ที่ 2 ตําบลควนลัง อําเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้มอบหมาย นายมาหะมะพีสกรี วาแม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดงานเมาลิดสัมพันธ์ ครั้งที่ 13 ประจําปีฮิจเราะห์ศักราช 1444 พร้อมด้วย นายศักดิ์กรียา บิลแสละ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจําจังหวัดสงขลา นายรุ่งโรจน์ และสุบ ผู้อํานวยการกลุ่มงานศูนย์ดํารงธรรมจังหวัด นายอับดลรอหมาน กาเหย็ม รองนายก อบจ.สงขลา นายสมบูรณ์ ปัญญาธนกร นายกเทศมนตรีเมืองควนลัง ผู้แทนส่วนราชการ ผู้นําศาสนา ผู้นําท้องถิ่น และพี่น้องประชาชน ร่วม 500 คน มาร่วมพิธีเปิดอย่างเนืองแน่นสําหรับงานเมาลิดสัมพันธ์ถือเป็นอีกหนึ่งงานที่เทศบาลเมืองควนลังได้ให้ความสําคัญ และจัดมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เป็นการรําลึกถึงหลักคําสอนของท่านศาสดามูฮําหมัด (ซ.ล.) เพื่อนําคําสอนเหล่านั้นไปเป็นแบบอย่างที่ดีและปรับใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในสังคมพหุวัฒนธรรม มุ่งสร้างความสมานฉันท์ และความผาสุก ประกอบกับชุมชนบ้านบางแฟบถือเป็นหนึ่งชุมชนมุสลิมที่หนาแน่น และปัจจุบันมีการขยายตัวในการเป็นที่ตั้งของโครงการบ้านจัดสรรต่างๆ การอยู่ร่วมกันภายใต้คุณธรรมคําสอนของท่านศาสดา จึงเป็นสิ่งดีและจําเป็นในสังคมพหุวัฒนธรรมทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ในฐานะตัวแทนของผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และเป็นมุสลิม เห็นพ้องถึงความสําคัญ จําเป็นอย่างยิ่งที่พี่น้องชาวไทยมุสลิมจะต้องตระหนักถึงแบบอย่างและหลักคําสอนของท่านศาสดา โดยเฉพาะความอ่อนน้อมถ่อมตน มาปรับใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในชีวิตประจําวัน ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะมุ่งสร้างความสันติสุขให้กับสังคมอย่างยั่งยืนได้ต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
27/1/2023
ภาคใต้
สงขลา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230128115435384
null
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดตลาดวัฒนธรรมสร้างสุข ส่งเสริมรายได้ นำความยั่งยืนสู่ชุมชน
ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดตลาดวัฒนธรรมสร้างสุข ส่งเสริมรายได้ นําความยั่งยืนสู่ชุมชน โดยจัดขึ้นทุกวันศุกร์ ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้เข้าชมนิทรรศการหอพระประวัติสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวรและเลือกซื้อสินค้าของคนในชุมชน เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชน วันนี้ ( 27 มกราคม 2566 ) เวลา 19.00 น. ที่ บริเวณริมน้ํา หอพระประวัติสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร วัดเทวสังฆาราม พระอารามหลวง ตําบลบ้านเหนือ อําเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานเปิดตลาดวัฒนธรรมสร้างสุข ส่งเสริมรายได้ นําความยั่งยืนสู่ชุมชน ตลาดน้ํา (ศุกร์) สุขใจ วิถีไทย วิถีธรรม วัดเทวสังฆาราม โดย นางสมมารถ คําถนอม วัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานฯ พร้อมด้วย พระกิตติสุวัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเทวสังฆาราม หัวหน้าส่วนราชการ พ่อค้า แม่ค้า ประชาชน และนักท่องเที่ยว เข้าร่วมงานฯ สําหรับ ตลาดน้ํา (ศุกร์) สุขใจ วิถีไทย วิถีธรรม เป็นการดําเนินงานโดยใช้พื้นที่ของวัดเทวสังฆารามเป็นศูนย์กลางการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าอาวาสวัดเทวสังฆาราม พระอารามหลวง อนุเคราะห์พื้นที่บริเวณวัดให้จัดกิจกรรม ร่วมกับคณะกรรมการหอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พ่อค้า แม่ค้า และประชาชนในชุมชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ศาสนสถานเป็นศูนย์รวมกิจกรรมของชุมชน เชื่อมโยงประชาชนในด้านการท่องเที่ยว การค้าขาย ก่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ส่งเสริมให้คนในชุมชนพึ่งพาตนเอง มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันใช้ชีวิตที่เหมาะสม ตามบริบทสังคมและวัฒนธรรมในปัจจุบัน เป็นศูนย์กลางการจัดกิจกรรมทางศาสนา ส่งเสริมการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ สืบสานประเพณีอันดีงามและถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น สําหรับกิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบด้วยการบรรยายธรรม ปุจฉา วิสัชนา การแสดงโขน การแสดงรําจากโรงเรียนผู้สูงอายุจังหวัดกาญจนบุรี การสาธิตศิลปวัฒนธรรม การสาธิตอาหารพื้นบ้านและเครื่องดื่มสมุนไพร การสาธิตภูมิปัญญาท้องถิ่น ตลอดจนการออกร้านและสินค้าจากสถานศึกษาและประชาชนมากกว่า 200 ร้านค้า และสามารถเข้าชมนิทรรศการในหอประวัติสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 เป็นต้น โดยกิจกรรมตลาดวัฒนธรรมสร้างสุข ส่งเสริมรายได้ นําความยั่งยืนสู่ชุมชน ตลาดน้ํา (ศุกร์) สุขใจ วิถีไทย วิถีธรรม วัดเทวสังฆารามนี้ จะดําเนินการต่อเนื่องไปในทุกศุกร์และจะมีการขยายเป็นทุกวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ โดยจะมีกิจกรรมการละเล่น การแสดง การนันทนาการรวมถึงกิจกรรมทางศาสนา มาหมุนเวียนจัดขึ้นในพื้นที่ สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี : ข่าว สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี : ภาพ #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
27/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230127214243313
null
ชาวลพบุรีรวมพลคนนุ่งโจง แต่งไทยสายย่อ เต้นแอโรบิค เปิดตัวเชิญนักท่องเที่ยวร่วมแต่งไทยเที่ยวงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประจำปี 2566
วันนี้ (28 ม.ค.66) ที่บริเวณสนามหญ้าเขตพระราชฐานชั้นนอก พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ต.ท่าหิน อ.เมืองลพบุรี นางเพรชรัตน์ เลิศรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานเปิดกิจกรรม รวมพลคนนุ่งโจง แต่งไทยสายย่อ ซึ่งเป็นหนึ่งกิจกรรมในการจัดงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชประจําปี 2566โดยมีข้าราชการจากหน่วยงานต่าง ๆ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้ง นักเรียน นักศึกษา พ่อค้าประชาชน ชาวจังหวัดลพบุรีกว่า 400 คน เข้าร่วมกิจกรรมซึ่งทุกคนจะแต่งกายด้วยชุดไทย นุ่งโจงกระเบนการจัดกิจกรรมครั้งนี้นอกจากจะเป็นออกกําลังกายแล้ว ยังเป็นการเชิญชวนนักท่องเที่ยว ให้แต่งไทยมาเที่ยวงานแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ประจําปี 2566 ณ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ และโบราณสถานใกล้เคียง ซึ่งงานดังกล่าวจะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 10-19 กุมภาพันธ์ 2566 ภายในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ การแสดง แสง สี เสียง ประวัติศาสตร์จินตนาการ ลานวัฒนธรรม ตลาดย้อนยุค ร่วมทั้งการประดับตกแต่งด้วยดอกไม้และดวงไฟที่สวยงาม ตามจุดต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้แต่งชุดไทยถ่ายภาพเก็บไว้เป็นระลึกอีกด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
27/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ลพบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230128130721402
null
ผู้ปฏิบัติธรรมของ ศอ.บต.กว่า 80 คน ตามรอยพระพุทธเจ้า เยี่ยมชมดินแดนพุทธภูมิ สัมผัสวิถี วัฒนธรรมชาวฮินดู ณ ประเทศอินเดีย-เนปาล
คณะผู้แสวงบุญภายใต้กิจกรรมส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปปฏิบัติธรรมแหล่งสังเวชนียสถาน ณ ประเทศอินเดีย - เนปาล ประจําปีงบประมาณ 2565 ของศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้เดินทางสู่เวสาลี นมัสการ "สารีริกธาตุพระสถูปเจดีย์" และได้เดินทางสู่ป่ามหาวัน ชม "กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน" ที่ประทับแห่งพระพุทธองค์ คราวประทับ ณ เมืองเวสาลี ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงประทานการบวชให้นางปชาบดี โคตมี และเหล่าศากิยานี อีก 500 นาง ซึ่งถือเป็นการบวช "ภิกษุณี" ในพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก จากนั้นชม "เสาอโศก" ที่ยังคงความสมบูรณ์ที่สุดในประเทศอินเดียคณะผู้แสวงบุญฯ ยังได้เดินทางไปเมืองกุสินารา เพื่อนมัสการสถานที่ปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน นมัสการองค์ปรินิพพานสถูป ปรินิพพานวิหาร ภายในมีพระพุทธรูปปางปรินิพพานขนาดใหญ่ จากนั้นสักการะมกุฎพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระสรีระของพระพุทธองค์ ซึ่งปัจจุบันเป็นซากเจดีย์ทรงกลมขนาดใหญ่ และสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในรัชกาล 9 พระราชทานมาเพื่อสักการะบูชาและสักการะเส้นพระเจ้า (เส้นพระเกศา) ณ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ และเยี่ยมชมวัดไทยนวราชรัตนาราม 960นอกจากนี้ ยังได้เดินทางสู่ลุมพินี ประเทศเนปาล นมัสการ "ชาตะสถาน" สถานที่ประสูติขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชมหินสลักภาพประสูติ, นมัสการรอยพระพุทธบาทภายในวิหารมายาเทวี คณะฯ เจริญพระพุทธมนต์ เจริญสมาธิภาวนา จากนั้นชมสระโบกขรณี และชมเสาหินพระเจ้าอโศก และคณะฯ ได้เยี่ยมชมวัดไทยลุมพินี (ประเทศเนปาล) อีกด้วยทั้งนี้ ในวันที่ 27 มกราคม 2566 คณะผู้แสวงบุญฯ เดินทางเยี่ยมชมวัดเชตวันมหาวิหาร ณ เมืองสาวัตถี เป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ประทับอยู่นานที่สุด นมัสการพระคันธกุฎีฤดูร้อน, พระคันธกุฎีฤดูหนาว, กุฏิพระอานนท์, นมัสการธรรมศาลาที่ใหญ่ที่สุด ธรรมสภากุฏิพระอรหันต์ พร้อมชมสถานที่พระพุทธองค์แสดงยมกปาฏิหาริย์ เพื่อโปรดประชาชนชาวสาวัตถี และเยี่ยมชมวัดไทยเชตวันมหาวิหาร ณ เมืองสาวัตถีอย่างไรก็ตามคณะผู้แสวงบุญภายใต้กิจกรรมส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ สังเวชนียสถานประเทศอินเดีย-เนปาล ของ ศอ.บต. 80 คน มีกําหนดกลับจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันที่ 30 มกราคมนี้ พร้อมเผยแพร่หลักคําสอนที่ถูกต้องแก่พี่น้องในพื้นที่ และร่วมแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามหลักคําสอนของศาสนาในขั้นต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
28/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230128170039444
null
อบต.แม่เหาะ ร่วมกับคริสตจักรแม่เหาะ สืบสานภูมิปัญญาการทำข้าวเบ๊อะ “ต่าพอเผาะ” อาหารพื้นบ้านของชาวปกาเกอะญอ
วันนี้ (28 ม.ค.66) เวลา 16.00 น. ที่ลานสวนสนองค์การบริหารส่วนตําบลแม่เหาะ อําเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน องค์การบริหารส่วนตําบลแม่เหาะร่วมกับคริสตจักรแม่เหาะ ร่วมสืบสานภูมิปัญญาการทําข้าวเบ๊อะ หรือชาวปกาเกอะญอ เรียกว่า “ต่าพอเผาะ” โดยได้มีการจัดการแข่งขันระหว่างหมู่บ้านภายในตําบลแม่เหาะ มีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจํานวนมากผลการแข่งขันการทําข้าวเบ๊อะ มีดังนี้ รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ บ้านแม่ลิดหลวง รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ บ้านแม่สวรรค์น้อย รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ บ้านแม่เหาะ และรางวัลชมเชย ได้แก่ บ้านแม่สวรค์หลวง ข้าวเบ๊อะ เป็นอาหารที่มีประวัติเล่าสืบทอดกันมาว่า มีครอบครัวหนึ่งข้าวสารเหลืออยู่น้อย เกรงว่าจะไม่พอกิน จึงเก็บเอาผักที่มีอยู่ในสวนมาปรุงรวมกับข้าวที่เหลือน้อยนิดนั้น ปรากฎว่าอาหารมื้อนั้นทําให้ทุกคนในครอบครัวอิ่ม จึงเป็นที่มาของคําว่า “ต่าพอเผาะ” สําหรับส่วนประกอบของข้าวเบ๊อะนั้นขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่มีอยู่ คือ ข้าว ผัก ต่าง ๆ และเนื้อสัตว์มาต้มจนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
28/1/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230128223255499
null
องค์การบริหารส่วนตำบลแม่เหาะ จัดงานสืบสาน อนุรักษ์ ฟื้นฟูวัฒนธรรมปกาเกอะญอ เพื่อสืบสานมรดกทางวัฒนธรรม
วันนี้ (28 ม.ค.66) เวลา 18.00 น. ที่องค์การบริหารส่วนตําบลแม่เหาะ อําเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายวิชา ประเสริฐศรี นายกองค์การบริหารส่วนตําบลแม่เหาะ เป็นประธานในการเปิดงานสืบสาน อนุรักษ์ ฟื้นฟูวัฒนธรรมปกาเกอะญอ ปี 2566 โดยมี กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน เยาวชน และประชาชน เข้าร่วมงานองค์การบริหารส่วนตําบลแม่เหาะ เล็งเห็นคุณค่าทางประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่กําลังจะสูญหาย จึงได้จัดทําโครงการ สืบสาน อนุรักษ์ และฟื้นฟูวัฒนธรรมปกาเกอะญอขึ้น เพื่อเป็นการสืบทอดวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีที่ดีงาม เพื่อก่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ อีกทั้งยังส่งเสริมปลูกฝังให้เด็ก เยาวชน และประชาชนได้ตระหนักถึงคุณค่าและสืบสานวัฒนธรรมประเพณีให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย รวมถึงยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่งด้วยทั้งนี้ ภายในงาน มีการจัดการประกวดวงดนตรีเยาวชน เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้แสดงความสามารถทางด้านดนตรี การจัดบูธแสดงผลงานศิลปะ ภาพวาด ของเยาวชน การออกร้านจําหน่ายสินค้าพื้นเมือง ผ้าทอกะเหรี่ยง ถุงย่าม และผลผลิตทางการเกษตรของประชาชนในพื้นที่#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
28/1/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สวท.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230128223036497
null
ศอ.บต. จัดกิจกรรมสานสัมพันธ์คนไทยใน จชต. พี่น้องเชื้อสายจีนร่วมงานคับคั่ง ด้านเลขาธิการ ศอ.บต. เผย พร้อมหนุนทุกศาสนิกปฏิบัติตามความเชื่ออย่างเท่าเทียม เพื่อสร้างความหลากหลายทางวัฒนธรรมชายแดนใต้
ศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมกับสมาคมคนไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จัดกิจกรรมสานสัมพันธ์คนไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อมุ่งเน้นสังคมที่หลากหลายทางวัฒนธรรมพัฒนาและแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งเป้า มีผู้เข้าร่วมในแต่ละพื้นที่ รวม 5,000 คน วันที่ 27 มกราคม 2566 จัดกิจกรรมขึ้น ณ หอประชุมมูลนิธิยะลาบํารุง ผดุงประชา อําเภอเมือง จังหวัดยะลา โดยมี พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. เป็นประธานเปิดกิจกรรม และมี พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 นายอํานาจ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา หัวหน้าส่วนราชการ และมีพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจํานวนมาก พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ กล่าวว่า กิจกรรมนี้จัดขึ้นเนื่องในเทศกาลวันตรุษจีน เป็นเทศกาลที่สําคัญสําหรับพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่ ซึ่งเป็นประชากรที่สําคัญในการสร้างสันคมพหุวัฒนธรรมให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงในวันนี้ ไม่มีสังคมใดในโลกที่จะเจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืนโดยคนเชื้อชาติเดียว วัฒนธรรมเดียว หรือความเชื้อเดียว โดยส่วนใหญ่เป็นสังคมที่มีความหลากหลายด้านเชื้อชาติ หากนําจุดแข็งของแต่ละเชื้อชาติมาเป็นพลังสําคัญในการขับเคลื่อนสังคม เชื่อว่า จะสามารถทําให้สังคมนั้นเจริญก้าวหน้าโดยเร็ว ทั้งนี้ ศอ.บต. ในฐานะหน่วยงานรัฐ ที่มีหน้าที่กํากับดูแล จชต. ด้านการพัฒนา ได้ตระหนักถึงการดูแลประชาชนทุกเชื้อชาติ ศาสนา ไม่เน้นจํานวนปริมาณว่าจะเป็นพี่น้องมุสลิม พุทธ หรือพี่น้องคนไทยเชื้อสายจีน และพร้อมสนับสนุน ส่งเสริมให้ประชาชนทุกศาสนิกได้ปฏิบัติกิจตามความเชื่อ ความศรัทธาของศาสนา ผ่านการส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรมอย่างเท่าเทียม ให้เกิดการยอมรับในอัตลักษณ์ ความแตกต่าง สามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม สําหรับกิจกรรมสานสัมพันธ์คนไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สังคมหลากหลายวัฒนธรรม เพื่อการพัฒนาและแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศอ.บต. ร่วมกับสมาคมคนไทยเชื้อสายจีน 3 จังหวัด จัดขึ้นเพื่อให้พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนได้มีการพบปะ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น บํารุงขวัญ กําลังใจพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนและศาสนิกอื่นๆ ในพื้นที่ เพื่อให้ผู้นําองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมพูดคุย สังสรรค์ สร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นร่วมกันในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่อย่างไร้รอยต่อ พร้อมหาแนวทางข้อเสนอแนะจากชาวไทยเชื้อสายจีนมาใช้ในการแก้ปัญหาให้เกิดประโยชน์สูงสุด มีเป้าหมายพัฒนาศักยภาพพื้นที่และคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ และไม่ให้ประชาชนละทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิด โดยกิจกรรมสานสัมพันธ์คนไทยเชื้อสายจีน ได้จัดกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดปัตตานีไปแล้ว เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 และมีกําหนดจัดกิจกรรมลักษณะเดียวกันในพื้นที่อําเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส อําเภอเบตง จังหวัดยะลา อําเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส อําเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ตามลําดับ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
28/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230128093951360
null
มูลนิธิอำเภอเบตง ร่วมกับโรงเรียนจงฝามูลนิธิ และสมาคมคนไทยเชื้อสายจีนในอำเภอเบตง ร่วมกันจัดงานสมโภชและแห่เจ้ามูลนิธิอำเภอเบตง ประจำปี 2566
วันนี้ (29 ม.ค.66) ที่บริเวณศาลเจ้ามูลนิธิอําเภอเบตง จังหวัดยะลา นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอําเภอเบตง นายชิ่นเม่า แซ่สี่ ประธานมูลนิธิอําเภอเบตง นางธาอร มณีสุรัตน์ ผู้อํานวยการโรงเรียนจงฝามูลนิธิ และคณะกรรมการสมาคมคนไทยเชื้อสายจีนอําเภอเบตง ร่วมเปิดงานสมโภช และแห่เจ้ามูลนิธิอําเภอเบตง ประจําปี 2566 ระหว่างวันที่ 29 -31 มกราคม 2566 โดยมีพ่อค้าประชาชน และนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ต่างมาร่วมเปิดงานและขอพรเทพเจ้าขอให้เกิดความสงบสุขขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัวส่วนผู้ที่มีอาชีพด้านการค้าขาย ก็ขอให้การค้าขายดิบขายดี มีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไป นายชิ่นเม่า แซ่สี่ ประธานมูลนิธิอําเภอเบตง เปิดเผยว่า มูลนิธิอําเภอเบตง ร่วมกับโรงเรียนจงฝามูลนิธิ และสมาคมคนไทยเชื้อสายจีนในอําเภอเบตง ร่วมกันจัดงานสมโภช และแห่เจ้ามูลนิธิอําเภอเบตง ประจําปี 2566 ซึ่งเป็นงานประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมาเป็นประจําทุกปี เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่พี่น้องชาวอําเภอเบตง และเป็นการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นให้คงอยู่คู่กับชาวอําเภอเบตงสืบไป และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังอําเภอเบตงโดยภายในงานมีพิธีไหว้เจ้า กินเจ พิธีลุยไฟ ลุยกระเบื้อง พิธีปีนบันไดมีด พิธีสะเดาะเคราะห์ การแสดงบนเวทีของนักเรียน การร้องเพลงการแสดงของสมาคมต่างๆ และการจัดร้านค้า “จงฝานําโชค” เพื่อหารายได้สมทบทุนพัฒนาด้านการศึกษาของโรงเรียน #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
28/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.เบตง จ.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230129150418558
null
จังหวัดศรีสะเกษบวงสรวงท้าวเวสสุวรรณ ครั้งแรก 56 ปี หน้าวิหารหลวงพ่อโต
วันนี้ (29 ม.ค.66) นายนพ พงษ์ผลาดิสัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายวิทยา วิรารัตน์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดศรีสะเกษ หัวหน้าส่วนสราชการ และประชาชนชาวจังหวัดศรีสะเกษร่วมพิธีบวงสรวงท้าวเวสสุวรรณมหาราชา และพระอินทร์สีรุ้ง หน้าพระวิหารหลวงพ่อโต พระคู่เมืองศรีสะเกษที่มีอายุกว่าพันปี โดยมีบัณฑิตพราหมณ์จาก 22 อําเภอ ร่วมนําประกอบพิธี ณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง อําเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษท้าวเวสสุวรรณได้มีการก่อสร้างขึ้น ภายหลังจากที่ก่อสร้างพระอุโบสถครอบองค์หลวงพ่อโต ในปี 2510 และเมื่อสร้างเสร็จได้ประกอบพิธีบวงสรวงองค์ท้าวเวสสุวรรณ องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยในสมัยนั้น โดยสูง 6.59 เมตร พร้อมกับลงสีรุ้งสลับอย่างวิจิตรสวยงามประดิษฐานไว้ด้านช้าย และสร้างองค์พระอินทร์ ประดิษฐานไว้ด้านขวา ก่อนทางเดินเข้าประตูพระอุโบสถองค์หลวงพ่อโต โดยตั้งแต่มีการก่อสร้างนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ยังไม่มีการจัดพิธีบวงสรวงอีกเลย วันนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 56 ปี ที่จังหวัดศรีสะเกษจัดพิธีบวงสรวง ท้าวเวสสุวรรณมหาราชา และพระอินทร์ไปพร้อมๆ กัน จึงได้มีประชาชน โดยเฉพาะสายมูได้มาร่วมพิธีกันเป็นจํานวนมาก #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
29/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ศรีสะเกษ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230129175942593
null
ชาวไทยเชื้อสายจีนกว่า 600 คน สานสัมพันธ์หน่วยงานภาครัฐ เอกชน พร้อมจับมือพัฒนาพื้นที่อย่างไร้รอยต่อ
เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2566 ที่ ห้องโสภาพิสัย ชั้น 6 โรงแรมตันหยง อําเภอเมือง จังหสัดนราธิวาส ชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสกว่า 600 คน ร่วมกิจกรรมสานสัมพันธ์ชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดชายแดนภาคใต้สังคมหลากหลายวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาและแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้กันอย่างอบอุ่น โดยมีพลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต.เป็นประธานในพิธีเปิด ฯ และพบปะพร้อมด้วยปลัดจังหวัดนราธิวาส อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนรินทร์ ผู้บังคับการตํารวจ ทหาร หัวหน้าส่วนราชการ นายกสมาคมจีนจังหวัดนราธิวาส คณะกรรมการชมรมจีน ส่วนราชการ และพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนเข้าร่วมท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นพลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต.กล่าวว่า กิจกรรมสานสัมพันธ์คนไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดชายแดนภายใต ้ เป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าและมีความสําคัญ เนื่องจากแต่ละศาสนาจะมีขนมธรรมเนียมประเพณี และวันสําคัญต่างๆ เช่นเดียวกันทุกศาสนา เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมที่หลากหลาย เพราะทุกคนที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยนี้ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด ศาสนาใด ล้วนมีความสําคัญต่อทั้งสิ้นสําหรับกิจกรรมนี้ถือเป็นกิจกรรมที่มีต่อเนื่องเป็นประจําทุกปี เพื่อให้เราทุกคนได้ร่วมพบปะคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน เพราะทุกคนที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยนี้ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด ศาสนาใด ล้วนมีความสําคัญต่อทั้งสิ้น ดังนั้นขอให้ทุกช่วยเหลือซึ่งกันและกันพัฒนาพื้นที่จังหวัดชสยแเนภาคใต้ เพื่อตอบแทนบุญแผ่นดินและร่วมกันนําสันติสุขกลับคืนมา ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าว ศอ.บต. ร่วมกับสมาคมคนไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จัดขึ้นเพื่อให้พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนได้มีการพบปะ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น บํารุงขวัญกําลังใจพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนและศาสนิกอื่นๆ ในพื้นที่ ผู้นําองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมพูดคุยสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นร่วมกันในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่อย่างไร้รอยต่อ โดยภายในงาน มีการแสดงที่สื่อถึงวัฒนธรรมประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีน การขับร้องเพลงจีน และอื่นๆ รวมถึงกิจกรรมการจับฉลากแจกของรางวัลให้ผู้เข้าร่วม สร้างขวัญกําลังใจและความบันเทิงตลอดยามค่ําคืนของความอบอุ่นนี้ด้วยอย่างไรก็ตาม กิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งมีกําหนดจัดทั้งหมดจํานวน 6 ครั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยครั้งที่ 4 จะมีกําหนดจัด ณ อําเภอเบตง จังหวัดยะลา ในวันที่ 30 มกราคม 2566 นี้ ครั้งที่ 5 ณ อําเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส และครั้งที่ 6 ณ อําเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานีต่อไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
29/1/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230129110834528
null
ชาวไทยเชื้อสายจีนกว่า 600 คน สานสัมพันธ์หน่วยงานภาครัฐ เอกชน พร้อมจับมือพัฒนาพื้นที่อย่างไร้รอยต่อ
เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2566 ที่ ห้องโสภาพิสัย ชั้น 6 โรงแรมตันหยง อําเภอเมือง จังหสัดนราธิวาส ชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสกว่า 600 คน ร่วมกิจกรรมสานสัมพันธ์ชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดชายแดนภาคใต้สังคมหลากหลายวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาและแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้กันอย่างอบอุ่น โดยมีพลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต.เป็นประธานในพิธีเปิด ฯ และพบปะพร้อมด้วยปลัดจังหวัดนราธิวาส อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนรินทร์ ผู้บังคับการตํารวจ ทหาร หัวหน้าส่วนราชการนายกสมาคมจีนจังหวัดนราธิวาส คณะกรรมการชมรมจีน ส่วนราชการ และพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนเข้าร่วมท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นพลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต.กล่าวว่า กิจกรรมสานสัมพันธ์คนไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดชายแดนภายใต้เป็นกิจกรรมที่มีคุณค่าและมีความสําคัญ เนื่องจากแต่ละศาสนาจะมีขนมธรรมเนียมประเพณี และวันสําคัญต่างๆ เช่นเดียวกันทุกศาสนา เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมที่หลากหลาย เพราะทุกคนที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยนี้ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด ศาสนาใด ล้วนมีความสําคัญต่อทั้งสิ้นสําหรับกิจกรรมนี้ถือเป็นกิจกรรมที่มีต่อเนื่องเป็นประจําทุกปี เพื่อให้เราทุกคนได้ร่วมพบปะคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน เพราะทุกคนที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินไทยนี้ไม่ว่าจะเชื้อชาติใด ศาสนาใด ล้วนมีความสําคัญต่อทั้งสิ้น ดังนั้นขอให้ทุกช่วยเหลือซึ่งกันและกันพัฒนาพื้นที่จังหวัดชสยแเนภาคใต้ เพื่อตอบแทนบุญแผ่นดินและร่วมกันนําสันติสุขกลับคืนมา ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าว ศอ.บต. ร่วมกับสมาคมคนไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จัดขึ้นเพื่อให้พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนได้มีการพบปะ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น บํารุงขวัญกําลังใจพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนและศาสนิกอื่นๆ ในพื้นที่ ผู้นําองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมพูดคุยสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นร่วมกันในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่อย่างไร้รอยต่อ โดยภายในงาน มีการแสดงที่สื่อถึงวัฒนธรรมประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีน การขับร้องเพลงจีน และอื่นๆ รวมถึงกิจกรรมการจับฉลากแจกของรางวัลให้ผู้เข้าร่วม สร้างขวัญกําลังใจและความบันเทิงตลอดยามค่ําคืนของความอบอุ่นนี้ด้วยอย่างไรก็ตาม กิจกรรมที่จัดขึ้นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งมีกําหนดจัดทั้งหมดจํานวน 6 ครั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยครั้งที่ 4 จะมีกําหนดจัด ณ อําเภอเบตง จังหวัดยะลา ในวันที่ 30 มกราคม 2566 นี้ ครั้งที่ 5 ณ อําเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส และครั้งที่ 6 ณ อําเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานีต่อไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
29/1/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สวท.นราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230129113341536
null
พลังศรัทธานับแสน ร่วมประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตในงานนมัสการองค์พระธาตุพนม ปี 2566
วันที่ 29 มกราคม 2566 ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ําโขง หน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อําเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม บรรยากาศเติมไปด้วยแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนชาวไทย ชาวลาว ตลอดจนนักท่องเที่ยวกว่าแสนชีวิตที่เดินทางมารอร่วมประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ําโขง เพื่อมาประดิษฐาน ณ พระวิหารหอพระแก้ว วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร เนื่องในงานนมัสการองค์พระธาตุพนม ประจําปี 2566 หลังก่อนหน้านี้ 2 ปีมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด การจัดงานต้องอยู่ภายใต้มาตรการสาธารณสุข ทําให้หลายคนพลาดโอกาสที่จะมาร่วมงาน ดังนั้นในปีนี้แต่ละคนจึงมีการเตรียม ดอกไม้ ธูป เทียน ตลอดจนเครื่องสักการะต่างๆ มาร่วมพิธีเป็นจํานวนมาก เพื่อขอพรให้พระอุปคุตคุ้มครอง ปกปักรักษา ป้องกันภยันตรายต่างๆ ให้กับตนเองและครอบครัว เพราะเชื่อว่าท่านมีอิทธิฤทธิ์มาก เป็นพระอรหันต์ที่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่หอแก้ววิหารใต้สะดือทะเล เมื่อมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นในพระศาสนา หรือมีพิธีกรรมใหญ่ๆ ทางพระพุทธศาสนา ท่านจะขึ้นมาช่วยเหลือคอยปกป้องคุ้มครองด้วยความเต็มใจเสมอเวลา 8.00 น. นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ประธานฝ่ายฆราวาส และพระเทพวรมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ ก็ได้นําพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงาน สวดมนต์ไหว้พระและประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ําโขง โดยหลังพิธีสวดอัญเชิญพระอุปคุต นายปรัตถกร บุสาวรรณกร นายอําเภอธาตุพนม พร้อมด้วย พลเรือตรี สมาน ขันธพงษ์ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบตามลําแม่น้ําโขง พันเอก สมหมาย บุษบา รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 พันตํารวจเอก จุลฤทธิ์ จุลกะ รองผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดนครพนม และนายสรรชัย ธ.น.ตื้อ นายกเทศมนตรีตําบลธาตุพนม ได้เป็นผู้แทนพุทธศาสนิกชนดําน้ําลงไปอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นมาจากใต้ลําแม่น้ําโขง ก่อนที่จะส่งต่อให้กับประธานในพิธีอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระวิหารหอพระแก้ว ซึ่งตลอดระยะทางที่อัญเชิญพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย ชาวลาว ตลอดจนนักท่องเที่ยวจะมีการโปรยดอกไม้และโปรยทาน ตลอดจนการร่ายรําบวงสรวง การแห่ต้นกัลปพฤกษ์ ต้นผึ้ง ต้นเทียน ขันหมากเบ็ง บายศรีหลวง การแสดงของแต่ละชนเผ่าและคณะนักแสดง เต๋า ภูศิลป์ ที่มาร่วมขบวนแห่ โดยในภาคบ่ายจะมีพิธีเปิดงานนมัสการองค์พระธาตุพนม โดยพลตํารวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่เป็นลูกพระธาตุพนมและข้าโอกาส สําหรับงานนมัสการองค์พระธาตุพนมนั้น ถือเป็นประเพณีที่สําคัญยิ่งของพุทธศาสนิกชนทั้งสองฝั่งโขง ที่ถือปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาแต่โบราณ เพราะเชื่อว่าถ้าใครมีโอกาสได้กราบไหว้พระธาตุพนม ที่เป็น 1 ในพระสถูปมหาเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์ บรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนหน้าอกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมกับถวายเครื่องสักการบูชาหน้าองค์พระธาตุพนม จะทําให้มีจิตใจสงบเยือกเย็น และถ้ายังไม่บรรลุนิพพานในชาตินี้ เมื่อตายไปวิญญาณจะได้ไปสู่สรวงสวรรค์ ทําให้เมื่อครบรอบวันนมัสการองค์พระธาตุพนมในแต่ละปีจะมีพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศ หลั่งไหลกันมาร่วมพิธีเป็นจํานวนมาก โดยในปีนี้งานจะมีไปจนถึงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งในแต่ละวันจะมีกิจกรรมปฏิบัติบูชาให้ทุกคนได้ร่วมประกอบพิธีทั้งการกราบนมัสการองค์พระธาตุพนม การห่มผ้าพระธาตุพนม การแห่กองบุญ การตักบาตรคู่อายุ การถวายข้าวพีชภาค การฟังพระธรรมเทศนา และการเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุพนม นอกจากนี้ยังมีการจําหน่ายสินค้าพื้นบ้าน สินค้า OTOP ให้ผู้ที่มาร่วมงานได้เลือกหาไปฝากคนทางบ้านด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
29/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครพนม
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230129131132545
null
ผู้ว่าฯ มุกดาหาร ใส่บาตรริมโขง สะหวันนะเขต ร่วมกับเจ้าแขวงสะหวันเขต และมิสยูนิเวิร์สลาว
นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยนางอัญชลี กัลมาพิจิตร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหารและคณะฯ ร่วมใส่บาตรยามเช้ากับนายสันติพาบ พมวิหาน เจ้าแขวงสะหวันนะเขต นายอธิปัตย์ โรจนไพบูลย์ กงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขตและ ปาเย็งซา ลอ มิสยูนิเวิร์สลาว 2022 ณ ลานพญานาคริมโขง เมืองไกสอนพมวิหาน แขวงสะหวันเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ทั้งนี้ เป็นการเดินทางร่วมงานเทศกาลสะหวัน สุขสันต์ หรรษา (Savan Fun Fest) ปี 2566 ตามคําเชิญของเจ้าแขวงสะหวันนะเขต เพื่อเป็นการสานสัมพันธไมตรีที่มีต่อกันมาอย่างแน่นแฟ้นและยาวนาน พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว สองฝั่งโขง อีกด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
29/1/2023
null
null
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230129181506599
null
29 ม.ค.66 วันก่อตั้งศาลหลักเมืองอุดรธานี ปีที่ 24
วันนี้ (29 มกราคม 2566) วันก่อตั้งศาลหลักเมือง ปีที่ 24 มูลนิธิเพื่อทํานุบํารุงศาลหลักเมืองอุดรธานี จัดงานวันที่ระลึกการก่อตั้งศาลหลักเมืองปีที่ 24 น้อมสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสเปิดศาลหลักเมืองอุดรธานี นายนิติพัฒน์ ลีลาเลิศแล้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานพิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองอุดรธานี เนื่องในวันที่ระลึกการเปิดศาลหลักเมืองอุดรธานี ปีที่ 24 วันที่ 29 มกราคม 2566 โดยมี นายวิโรจน์ พิพัฒน์ไชยศิริ ประธานคณะกรรมการมูลนิธิเพื่อทํานุบํารุงศาลเมืองอุดรธานี พร้อมคณะกรรมการฯ ร่วมพิธีบวงสรวงพระพุทธโพธิ์ทอง ศาลหลักเมือง และท้าวเวสสุวัณ นายวิโรจน์ พิพัฒน์ไชยศิริ ประธานกรรมการเพื่อทํานุบํารุงศาลหลักเมืองอุดรธานี กล่าวว่า ศาลหลักเมืองอุดรธานี เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ประจําเมืองอุดรธานี ดําเนินการก่อสร้างขึ้นใหม่เมื่อปีพุทธศักราช 2542 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะดํารงพระราชอิสริยยศ เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จแทนพระองค์ทรงประกอบพิธีเปิดศาลหลักเมืองอุดรธานีอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2542 ด้วยความสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ คณะกรรมการเพื่อทํานุบํารุงศาลหลักเมืองอุดรธานีจึงกําหนดให้วันที่ 29 มกราคมของทุกปีเป็นวันประกอบพิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ศาลหลักเมืองอุดรธานี เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดอุดรธานีทุกหมู่เหล่า และเป็นที่สักการะบูชาของประชาชน เป็นสถานที่ที่ชาวจังหวัดอุดรธานีภาคภูมิใจ ศาลหลักเมืองอุดรธานีได้รับการดูแล บูรณะบํารุงรักษา และทํานุบํารุงโดยคณะกรรมการมูลนิธิเพื่อทํานุบํารุงศาลหลักเมืองอุดรธานี โดยความร่วมมือร่วมแรง ร่วมใจจากข้าราชการ พ่อค้า คหบดี ประชาชนทุกภาคส่วนอย่างดียิ่ง ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว /ภาพ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
29/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อุดรธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230129193747614
null
จังหวัดมหาสารคาม ออกรางวัลสลากกาชาดสมนาคุณ ในงานประเพณีบุญเบิกฟ้าและงานกาชาดจังหวัดมหาสารคาม ประจำปี 2566
วันนี้ (29 ม.ค. 66) เวลา 20.00 น. ที่เวทีกลางงานประเพณีบุญเบิกฟ้าและงานกาชาดจังหวัดมหาสารคาม นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานการออกสลากกาชาดสมนาคุณ ประจําปี 2566 โดยมี นางพรศรี ตรงศิริ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม นายธัญญวัฒน์ ชาญพินิจ นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ นายนพสิทธิ์ อุดมสุวรรณกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นายผดุงศักดิ์ อิ่มเอิบ ปลัดจังหวัดมหาสารคาม หัวหน้าส่วนราชการ นายอําเภอ พร้อมทุกภาคส่วน ร่วมเป็นสักขีพยานในการออกรางวัลสลากกาชาด ประจําปี 2566จังหวัดมหาสารคาม และเหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม ร่วมกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้ร่วมกันจัดงานประเพณีบุญเบิกฟ้า และงานกาชาดจังหวัดมหาสารคาม เป็นประจําต่อเนื่องทุกปี เพื่อเป็นการสืบสานและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นของชาวอีสานให้คงอยู่สืบเนื่องต่อไป รวมถึงมีการจําหน่ายรางวัลสลากกาชาดสมนาคุณ เนื่องจากมีวัตถุประสงค์ในการจัดหารายได้ไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนกิจกรรมสาธารณกุศลต่าง ๆ โดยได้มีการจัดพิมพ์สลากกาชาดสมนาคุณฯ ประจําปี 2566 จํานวน 70,000 ฉบับ มูลค่าฉบับละ 50 บาท และกําหนดออกรางวัลสลากกาชาดสมนาคุณในวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2566 ซึ่งผลการออกรางวัลสลากกาชาดสมนาคุณ ในงานประเพณีบุญเบิกฟ้าและงานกาชาดจังหวัดมหาสารคาม ประจําปี 2566 มีรางวัลดังนี้ รางวัลที่ 1 มี 1 รางวัล ของรางวัลคือ รถยนต์เก๋ง โตโยต้า Yaris Sport ได้แก่ สลากหมายเลข 60780 รางวัลที่ 2 มี 1 รางวัล ของรางวัลคือ ทองคําแท่งหนัก 5 บาท ได้แก่ สลากหมายเลข 33670 รางวัลที่ 3 มี 3 รางวัล ของรางวัลคือ รถจักรยานยนต์ (ขนาดไม่น้อยกว่า 110 cc ) ได้แก่ สลากหมายเลข 05824 09578 47454 รางวัลที่ 4 มี 8 รางวัล ของรางวัลคือ ทองคําแท่งหนัก 1 บาท ได้แก่ สลากหมายเลข 63728 57937 60726 40413 55077 43426 26975 50663 รางวัลที่ 5 มี 12 รางวัล ของรางวัลคือ โทรทัศน์สี LED 32 นิ้ว ได้แก่ สลากหมายเลข 59452 65413 09488 09174 58391 30311 22697 67030 55862 41673 04631 26491 รางวัลที่ 6 มี 15 รางวัล ของรางวัลคือ ตู้เย็นขนาด 6.4 คิว ได้แก่ สลากหมายเลข 02599 21568 21975 33671 10737 55877 60666 29805 41557 20017 31394 57003 35045 37159 0646 รางวัลเลขท้าย 3 ตัว 70 รางวัล ของรางวัลคือ กระติกน้ําร้อนไฟฟ้า ขนาด 1.6 ลิตร ได้แก่ สลากเลขท้ายหมายเลข 761 รางวัลพิเศษ “เหรียญชนะจนสมปรารถนาเนื้อทองคํานําฤกษ์” พระครูภาวนาชยานุสิฐ (หลวงพ่อสุริยันต์ โฆสปัญโญ) วัดป่าวังน้ําเย็น จังหวัดมหาสารคาม มูลค่า 3 แสนบาท จํานวน 1 รางวัล ได้แก่ สลากหมายเลข 68936สําหรับผู้โชคดีที่ถูกสลากสามารถติดต่อขอรับรางวัลได้ที่ สํานักงานเหล่ากาชาดจังหวัดมหาสารคาม ตําบลตลาด อําเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม ในวัน เวลาราชการ ทั้งนี้ กําหนดมารับรางวัลสิ้นสุดในวันที่ 30 เมษายน 2566 หากพ้นกําหนดดังกล่าวถือว่าสละสิทธิ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 043-731-641#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
29/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มหาสารคาม
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130053810635
null
พุทธศาสนิกชนจังหวัดอุตรดิตถ์ ร่วมพิธีกวนพุทราแขวนบาตรถวายพระแท่นศิลาอาสน์
นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นประธานในพิธีกวนพุทราแขวนบาตรถวายพระแท่นศิลาอาสน์ ณ มณฑลพิธีลานหน้าพระวิหารหลวงวัดพระแท่นศิลาอาสน์ พระอารามหลวง ตําบลทุ่งยั้ง อําเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมี นายสุรพันธ์ เจริญทรัพย์ วัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ นายศิวัช ฟูบินทร์ นายอําเภอลับแล นางณิรดา พรมสุวรรณ นายอําเภอทองแสนขัน หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด และประชาชนเข้าร่วมในพิธีฯนายสุรพันธ์ เจริญทรัพย์ วัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า การกวนพุทราแขวนบาตรบูชาพระแท่นศิลาอาสน์นั้น เป็นพิธีที่สําคัญในงานนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ เสมือนการกวนข้าวทิพย์ หรือข้าวมธุปายาสของนางสุขาดาเมื่อครั้งโบราณ สืบเนื่องจากที่บริเวณด้านทิศใต้พระวิหารหลวงพระแท่นศิลาอาสน์ มีต้นพุทราใหญ่ต้นหนึ่งที่เชื่อว่าเป็นต้นลูกสืบเชื้อมาจากต้นพุทราที่พระพุทธเจ้าทรงโปรด ให้พระอานนท์ นําบาตรของพระพุทธองค์ไปแขวนไว้ที่กิ่งพุทราต้นนั้น หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้กระทําพุทธกิจและฉันภัตตาหาร บนพระแท่นศิลาอาสน์แล้ว และต้นพุทราวันนั้นได้รับการขนานนามว่า "พุทราแขวนบาตร" ทุกๆ ปี เมื่อต้นพุทราแขวนบาตรต้นนี้ออกดอก และสุกงอมจนร่วงลงเกลื่อนพื้น เจ้าหน้าที่ของทางวัดจะเก็บและตากแห้งรวบรวมไว้เพื่อนําไปตําบดผสมกับเครื่องปรุงต่างๆ ในการปรุงเป็นพุทรากวน เพื่อเป็นการรําลึกถึงความสําคัญของต้นพุทราแขวนบาตร และบูชาพระแท่นศิลาอาสน์ ในพิธีกวน จะมีพระสงฆ์จริญพระพุทธมนต์ และจัดให้มีหญิงพรหมจารี มาเป็นพนักงาน ซึ่งสามารถหาซื้อหาชิมได้ในงานนมัสการพระแท่นศิลาอาสน์ ประจําปี ซึ่งปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ 2566#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
30/1/2023
ภาคเหนือ
อุตรดิตถ์
สวท.อุตรดิตถ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130101726658
null
แม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมงานทอดผ้าป่า สร้างบันไดทางขึ้น สถูป หลวงพ่อหนอน อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2566 เวลา 13.00 น. ที่พักสงฆ์อินทโมลีบรรพต หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า เจดีย์หลวงพ่อทวดหนอน ตําบลบ้านกลาง อําเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานกิจกรรมทอดผ้าป่าสามัคคี โดยกรมทหารพรานที่ 42 ร่วมกับคณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่ชุมชนไทยพุทธ ,ประชาชนไทยพุทธ ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อสนับสนุนการสร้างบันไดทางขึ้นสถูปเจดีย์หลวงพ่อทวดหนอน และสร้างระเบียงรอบสถูปเจดีย์หลวงพ่อทวดหนอน ซึ่งชํารุดทรุดโทรม และอยู่ระหว่างการดําเนินการก่อสร้างปรับปรุง โดยในปีนี้มีคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ กําลังพลของกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ตลอดจนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคทรัพย์และร่วมพิธีจํานวนมาก สําหรับการทอดผ้าป่าสามัคคีเป็นการทําบุญอย่างหนึ่งของชาวไทยพุทธ คล้ายกับพิธีทอดกฐิน แต่ไม่มีกําหนดระยะเวลาจํากัด คือสามารถจะทอดเมื่อไรก็ได้ ด้วยการแจกฎีกาบอกบุญไปตามสถานที่ต่างๆ ให้ร่วมกันทําบุญแล้วแต่ศรัทธา โดยจัดเป็นกองผ้าป่ามารวมกัน จะเป็นกี่กองก็ได้ เมื่อถึงวันทอด จะมีขบวนแห่ผ้าป่ามารวมกันที่วัดอย่างสนุกสนาน บางที่จุดประสงค์ ก็เพื่อร่วมกันหาเงิน สร้างถาวรวัตถุต่างๆ เช่น โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ และอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนไทยพุทธร่วมกันส่งเสริมพุทธศาสนา อนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามซึ่งแสดงถึงเอกลักษณ์ พร้อมทั้งเป็นการแสดงออกถึงความสมัครสมานสามัคคีของประชาชนในพื้นที่ในโอกาสนี้แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ร่วมทําบุญ และได้กล่าวพบปะทักทายกับพุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมพิธี โดยภายในงานได้จัดให้มีขบวนแห่ช้าง การแสดงกลองยาว พิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีแห่ผ้าขึ้นธาตุสักการะเจดีย์หลวงพ่อทวดหนอน ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 4 ได้นําขบวนชาวบ้านและผู้มีจิตศรัทธา อัญเชิญผ้าห่มองค์พระเจดีย์ ที่ประดิษฐานพระอัฐิหลวงพ่อทวดหนอนขึ้นไปยังด้านบน เพื่อเป็นการอนุรักษ์และสืบทอดประเพณีทางพระพุทธศาสนา ระลึกถึงพหุคุณูปการ คุณงามความดีของหลวงพ่อทวดหนอนอันเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในพื้นที่มาอย่างช้านาน ต่างร่วมกันทําบุญ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นประจําทุกปี เพื่อสืบทอดประเพณี ทํานุบํารุงพระพุทธศาสนา ตลอดจนเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่อีกด้วย โดยยอดเงินที่ถวายผ้าป่าสามัคคี ประจําปี 2566 เป็นจํานวนเงินทั้งสิ้น 410,288.25 บาทสําหรับเจดีย์หลวงพ่อทวดหนอน เขามะรวด เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านในพื้นที่ อําเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี เป็นอย่างมาก เพราะหลวงพ่อทวดหนอนเป็นพระเถระเก่าแก่เป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ และเป็นตํานานของเขามะรวดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในปัจจุบันมีเจ้าคณะอําเภอปะนาเระเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ดูแลพื้นที่ตรงนี้ร่วมกับทุกภาคส่วน และประชาชนที่ศรัทธาหลวงพ่อทวดหนอน ซึ่งในทุกวันเสาร์จะมีชาวบ้านปะนาเระช่วยกันขนหินดินทราย และวัสดุก่อสร้างขึ้นมาพัฒนาเจดีย์และสถานที่โดยรอบ โดยมีหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 เป็นหน่วยทหารที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ให้การสนับสนุนกําลังพลและช่วยในการก่อสร้างรวมถึงพัฒนาพื้นที่ แสดงให้เห็นถึงพลังศรัทธาและความรักความสามัคคีของคนในพื้นที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
30/1/2023
null
ปัตตานี
สวท.ปัตตานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130112643695
null
จังหวัดแพร่จัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และพัฒนาการตลาดให้เกิดความยั่งยืน ก้าวสู่เมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์ “ประตูชัยไนท์มาร์เกต” ปี 2566
สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า วันที่ 29 มกราคม 2566 ที่บริเวณกาดเมกฮิมคือ อําเภอเมืองแพร่ นางสาวนิติยา พงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เป็นประธานเปิดงาน “ ประตูชัย...ไนท์มาร์เก็ต “ตามโครงการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และพัฒนาการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวยั่งยืน กิจกรรมหลักพัฒนาอัตลักษณ์วัฒนธรรมสู่เมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์ กิจกรรมย่อยสร้างพื้นที่วัฒนธรรมสู่เมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์การจัดกิจกรรมส่งเสริมวัฒนธรรมเชิงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ “ประตูชัยไนท์มาร์เกต” เป็นการสร้างจุดเน้นการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และวัฒนธรรม โดยการสร้างสรรค์คุณค่าสินค้าและบริการการท่องเที่ยว มุ่งเน้นการใช้องค์ความรู้และนวัตกรรม ผนวกกับจุดแข็งในด้านความหลากหลายทางทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิต เพื่อสร้างคุณค่าให้กับสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวที่ตอบสนองพฤติกรรม ความต้องการนักท่องเที่ยว และสร้างทางเลือกของประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในจังหวัดแพร่ ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนได้มีพื้นที่สร้างสรรค์ ในการทํากิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เสริมพลังบวกและความคิดสร้างสรรค์ และเปิดโอกาสให้ ศิลปิน เครือข่ายทางวัฒนธรรม ได้มีพื้นที่ในการสร้างสรรค์ผลงาน ทําให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับศิลปิน เครือข่ายทางวัฒนธรรม รวมทั้งเพิ่มบทบาทในการเผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมของจังหวัดแพร่และท้องถิ่นให้เป็นที่รับรู้อย่างกว้างขวางโดยงาน “ประตูชัย...ไนท์มาร์เก็ต” ประจําปี 2566 นั้นกําหนดจัดขึ้นในทุกวันอาทิตย์ จํานวน 12 ครั้ง โดยเริ่มจัดกิจกรรมครั้งที่ 1 ในวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม 2566 สิ้นสุดในวันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน 2566 การจัดกิจกรรมประกอบด้วยตลาดสินค้าทางวัฒนธรรม ทั้งอาหารพื้นถิ่น เครื่องประดับ เครื่องแต่งกาย เฟอร์นิเจอร์ งานคราฟท์ ลานการแสดง พื้นที่สร้างสรรค์สําหรับเด็กและเยาวชน นิทรรศการภาพเก่า บ้านเก่าและเมืองเก่าจังหวัดแพร่ เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์และพัฒนาการตลาดให้เกิดความยั่งยืน ก้าวสู่เมืองเศรษฐกิจสร้างสรรค์ #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
30/1/2023
null
แพร่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130120057713
null
อบจ.ลำปาง มุ่งพัฒนาย่านวัฒนธรรมชุมชน การฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีและสร้างวัฒนธรรมใหม่ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
นางสาวตวงรัตน์ โล่สุนทร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลําปาง เปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดลําปาง ร่วมกับกาดนั่งก้อม และมหาวิทยาลัยศิลปากร จัดโครงการพัฒนาย่านวัฒนธรรมชุมชน การฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีและสร้างวัฒนธรรมใหม่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยจัดงาน “งามเพราะแต่งผ้าเมือง” ณ กาดนั่งก้อม สวนสาธารณะหนองกระทิง ระหว่างวันที่ 28-29 มกราคม ที่ผ่านมา มีกิจกรรมเสวนา “ย้อมผ้าย้อมโลกให้เป็นสีเขียว” โดยกลุ่มน้ํามอญแจ้ซ้อน, เดินแบบ เล่าขานผ้าเมืองลําปาง โดย ดร.ขวัญนภา สุขคร ร่วมกับ ห้องเสื้อฟ้าไทยผ้าไทย, สาธิตการเพ้นท์กระเป๋าผ้า โดยร้านรักษ์สยาม, สอนทําพรมเช็ดเท้า โดยกิ่งแก้วพรมเช็ดเท้า, สาธิตการยอมสีธรรมชาติ โดยน้ํามอญดีไซน์, การแต่งชุดผ้าเมืองยังไงให้สวย โดยร้านค้ามืออาชีพมากมาย, ร้านผ้าเมืองจากทั่วจังหวัดลําปาง และกลุ่มอาชีพจากชุมชนระดับฝีมือห้าดาวนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลําปาง เปิดเผยเพิ่มเติมว่า กิจกรรมผ้าพื้นเมืองที่จัดขึ้นดังกล่าว เป็นกิจกรรมแรกของโครงการ ทั้งนี้มีแผนกําหนดจัดกิจกรรมอีกประมาณ 4-5 ครั้ง จนถึงเดือนเมษายน 2566 ณ กาดนั่งก้อม สวนสาธารณะหนองกระทิงแห่งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนชาวลําปางได้มีพื้นที่ค้าขาย สร้างรายได้ให้ครอบครัว และในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาเป็นพื้นที่ชุมชนกาดนั่งก้อม จําหน่ายสินค้าชุมชน ที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ได้#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
30/1/2023
null
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130132643733
null
ชาวไทยเชื้อสายจีน ใน.เบตง จ.ยะลา ร่วมขอพรองค์เทพเจ้าขอให้เกิดความสงบสุขขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รอดภัยจากภัยโควิด-19 ในงานสมโภช และแห่เจ้ามูลนิธิอำเภอเบตง ประจำปี 2566
วันนี้ 30 ม.ค.66 ที่บริเวณศาลเจ้ามูลนิธิอําเภอเบตง จังหวัดยะลา นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอําเภอเบตง นายชิ่นเม่า แซ่สี่ ประธานมูลนิธิอําเภอเบตง และคณะกรรมการสมาคมคนไทยเชื้อสายจีนอําเภอเบตง ร่วมเดินขบวนพาเหรดงานสมโภช และแห่เจ้ามูลนิธิอําเภอเบตง ประจําปี 2566 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 – 31 มกราคม 2566 เพื่อเป็นการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีของเชื้อสายไทย-จีนให้คงอยู่สืบทอดกันต่อไป และที่ประการสําคัญยังเป็นการสืบทอดพิธีกรรม การไหว้เจ้า ซึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจดึงดูดนักท่องเที่ยวมายังอําเภอเบตงอีกด้วยโดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 – 31 มกราคม 2566 นี้โดยมีพ่อค้าประชาชน และนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ ต่างชมขบวนพาเหรดของเด็กนักเรียนโรงเรียนจงฝามูลนิธิ ขบวนแห่ของสมาคมคนไทยเชื้อสายจีน ทั้ง 5 สมาคมจีน ขบวนรถไฟหรรษาที่บรรทุกเด็กนักเรียน แห่รอบเมืองพร้อมส่งเสียงร้องอวยพรให้ประชาชนร่ํารวย เงินทองและ มีสุขภาพที่แข็งแรง รอดภัยจากภัยโควิด-19 และองค์เทพเจ้าองค์ต่างๆได้พรมน้ํามนต์ และให้พรกับ ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ตั้งโต๊ะบูชาหน้าบ้านและที่มาชมขบวนแห่ และได้ขอพรจากเทพเจ้า ขอให้เกิดความสงบสุขขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล แก่ตนเอง และครอบครัวนายชิ่นเม่า แซ่สี่ ประธานมูลนิธิอําเภอเบตง เปิดเผยว่า มูลนิธิอําเภอเบตง ได้ร่วมกับโรงเรียนจงฝามูลนิธิ และสมาคมคนไทยเชื้อสายจีนในอําเภอเบตง จัดงานสมโภช และแห่เจ้ามูลนิธิอําเภอเบตง ประจําปี 2566 ซึ่งเป็นงานประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมาเป็นประจําทุกปี เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่พี่น้องชาวอําเภอเบตง และเป็นการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นให้คงอยู่คู่กับชาวอําเภอเบตงสืบไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
30/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.เบตง จ.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130133649736
null
ภูมิปัญญาวัฒนธรรมกินได้วิถีชุมชนโกตาบารู
วชช.ยะลา ผลักดันภูมิปัญญาวัฒนธรรมกินได้วิถีชุมชน ชูจุดเด่นอาหารคาว-หวาน ตําบลโกตาบารูวันนี้ (30 มกราคม 2566) ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ เทศบาลตําบลโกตาบารู ตําบลโกตาบารู อําเภอรามัน จังหวัดยะลา ผศ.สนธยา พลศรี รองผู้อํานวยการวิทยาลัยชุมชนยะลา เป็นประธาน “อบรมเชิงปฏิบัติการสืบสานค้นหาปราชญ์ชุมชนและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ภูมิปัญญาวัฒนธรรมกินได้วิถีชุมชน” ร่วมกับชุมชน ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมอนุรักษ์สืบสานยกระดับเส้นทางวัฒนธรรมกินได้วิถีชุมชนโดยการจัดการความรู้ด้านศิลปะวัฒนะธรรมและภูมิปัญญาเพื่อยกระดับสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งได้เริ่มต้นการสร้างความพร้อมเพื่อสร้างความเข้าใจมีการพัฒนาองค์ความรู้ภูมิปัญญาวัฒนธรรมกินได้สืบค้นค้นหาปราชญ์ชุมชนโดยการผลักดันวัฒนธรรมกินได้วิถีชุมชนยกระดับอาหารพื้นถิ่นสู่การพัฒนาและรวมถึงการขึ้น ความรู้สู่ชุมชนโดยการประเมินโครงการเป็นการส่งมอบองค์ความรู้ต่างๆให้กับชุมชนภายในกิจกรรมมีการบรรยายในหัวข้อการยกระดับพัฒนาการตกแต่งอาหารพื้นถิ่นเป็นการสร้างศิลปะเป็นจานอาหารอาศัยเทคนิคการสร้างความน่าสนใจเพื่อให้เกิดความสวยงามและสร้างสื่อประชาสัมพันธ์ และได้มีการให้ความรู้เกี่ยวกับการออกแบบการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์โดยให้ความรู้เทคนิคการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับอาหารพื้นถิ่นยกระดับการจําหน่ายสร้างรายได้สู่ชุมชนสําหรับเมนูที่มาจัดทํา มีหลากหลายเมนู อาทิ บออิ๊ทอด (แป้งห่อถั่ว) บออิ๊ (แป้งห่อถั่วนึ่ง) โรตียาลอ ซัมปูซะ ตือปงบูกุฮ ฆูลากูนิง (แกงเหลืองปลา) ซีแงอีแก (แกงปลาทู) ยําผักกูด ไอลาวา ปูโจะ สือแต (แกงกะทิยอดสะเดา) ฆูลากูละตีเซ (เห็ดแครง) สาโยปูโจ๊ะจาฮา (แกงขี้เหล็ก) น้ําพริกตูมิ (น้ําพริกผักสด) อาแปกูกุฮ นาซิกายอ ข้าวเหนียวไก่ย่าง ไก่กอและ โรตีบากา จาจอ (ขนมปากลิง) บาตาบูโร๊ะ ลอปะตีแก ฆูลากอเลาะ (แกงเลียงกะทิกุ้ง) แกงไข่ตอก (ไข่เป็ดตอกไข่กะทิ) ตือปง บาเดาพ ปีแนกาเดาะ (เหมียงคํา) ปูโล๊ะ มานิ ปีแซบาเกาะ ตือปงอูบี กลอเมาะ ฮาบู ตาแป(แป้งข้าวหมาก) จูโจ มัสมั่นเป็ดเทศ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
30/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130135830747
null
จ.ศรีสะเกษ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารประกอบพิธีพุทธาภิเษก พระสุก พระแสน พระใส สำนักสงฆ์บ้านชะบา
สํานักสงฆ์บ้านชะบา ตําบลตาโกน อําเภอเมืองจันทร์ จังหวัดศรีสะเกษ เจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมสมังคลาราม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ พลตํารวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เป็นประธานฝ่ายคฤหัสถ์ ได้เป็นประธานในพิธีพุทธาภิเษกพระแสน พระสุก พระใส สํานักสงฆ์บ้านชะบา โดยมีสํารวย เกษกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายนพ พงศ์ผลาดิสัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 นายอัครนันท์ นนทา ผอ.สํานักงานพุทธศาสนาจังหวัดศรีสะเกษ นายอติศักดิ์ นามวงศ์ นายอําเภอเมืองจับทร์ พ.ต.อ.เทพภิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดศรีสะเกษ นายอําเภอห้วทับทัน และนายแท่ง สุระ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลตาโกน นําสมากชิกสภา ข้าราชการ พนักงาน อบต.ตาโกน และพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ตําบลตาโกน อําเภอเมืองจันทร์ จังหวัดศรีสะเกษ ร่วมในพิธีเป็นจํานวนมาก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนในจังหวัดศรีสะเกษและพื้นที่ใกล้เคียง ได้เข้ามากราบสักการะเพื่อความเป็นสรรพสิริมงคลแก่ชีวิตสืบไปนายอติศักดิ์ นามวงศ์ นายอําเภอเมืองจันทร์ กล่าวว่า สํานักสงฆ์บ้านชะบา ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2511 เพื่อใช้เป็นที่ศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์และประกอบพิธีกรรมวันสําคัญต่างๆ ทางพระพุทธศาสนา งานสําคัญของสถาบันชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดถึงใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจ และเป็นศูนย์รวมกิจกรรมของชุมชน ด้วยเมตตาธรรมในเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาธิราจารย์ องค์ประธานในพิธีฝ่ายสงฆ์ มีเถระบัญชามอบหมายให้ พระมงคลวชิรากร (สมบัติ ญาณวโร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เลขานุการเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เข้ามาดําเนินการพัฒนาบูรณะปฏิสังขรณ์สํานักสงฆ์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการยกฐานะให้เป็นวัดในพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง ตามกฎหมายและเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้กลุ่มเกษตรเครือข่ายเศรษฐกิจพอเพียง ตําบลตาโกน อําเภอเมืองจันทร์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยการอุปถัมภ์ในเจ้าประคุณสมเด็จฯ ต่อไปเนื่องในโอกาสที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ จะได้เจริญอายุวัฒนมงคล ครบ 86 ปี ในวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 นี้ คณะศิษยานุศิษย์ โดยพระมงคลวชิรากร พร้อมผู้ปฎิบัติธรรมสํานักปฏิบัติธรรมประจํากรุงเทพมหานคร แห่งที่ 62 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งมีพระมหาอนนท์ โพธิเมธี เปรียญธรรม 9 ประโยค ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หัวหน้าฝ่ายวิปีสนาจารย์ ได้ประชาสัมพันธ์บอกบุญไปยังคณะศิษยานุศิษย์ ทานะบดี และสาธุชนทั้งหลาย เพื่อร่วมเป็นเจ้าภาพดําเนินการจัดสร้างพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ขึ้น 3 องค์ ประกอบด้วย พระแสน พระสุก พระใส ซึ่งมีพุทธลักษณะศิลปะแบบอาณาจักรล้านช้าง ขนาดหน้าตัก 32 นิ้ว โดยมี คุณอุทัยวรรณ เขี้ยวรจนา รับเป็นเจ้าภาพสร้างพระสุก คุณนวรรณ องค์พิเชฐเมธา รับเป็นเจ้าภาพสร้างพระไส และคณะศรัทธาสารุชนทั้งหลาย มีชมรมบํานต้องจิต รับเป็นเจ้าภาพในการสร้างพระแสน เพื่อน้อมถวายเป็นพุทธบูชาและน้อมถวายเป็นเถรบูชาแด่เจ้าประคุณสมเด็จฯ ในการนี้ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้เมตตาเป็นประธานในการประกอบพิธีเททองหล่อ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 กรกฏาคม 2565 เวลา 16.00 น. ณ มณฑลพิธีโรงหล่อประดิมากรรมพุทธปฏิมาพรเลิศ ตําบลห้วยขวาง อําเภอกําแพงแสน จังหวัดนครปฐม เมื่อปีที่ผ่านมา โดยพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามองค์นี้ ได้นํามาประดิษฐานประจํา ณ สํานักสฆ์บ้านชะบา ตําบลตาโกน อําเภอเมืองจันทร์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนในจังหวัดศรีสะเกษและพื้นที่ใกล้เคียง ได้เข้ามากราบสักการะเพื่อความเป็นสรรพสิริมงคลแก่ชีวิตสืบไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
30/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ศรีสะเกษ
สวท.ศรีสะเกษ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130205632938
null
ผู้แสวงบุญภายใต้กิจกรรมส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปปฏิบัติธรรมแหล่งสังเวชนียสถาน 80 คน ของ ศอ.บต. เดินทางถึงภูมิลำเนาเรียบร้อย
วันนี้ 30 มกราคม 2566 คณะผู้แสวงบุญภายใต้กิจกรรมส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปปฏิบัติธรรมแหล่งสังเวชนียสถาน ณ ประเทศอินเดีย – เนปาล ประจําปีงบประมาณ 2565 ของศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมี นายคอเล็ด เจ๊ะแว ผู้อํานวยการกลุ่มงาน ศาสนาและพหุวัฒนธรรม กองส่งเสริมและสนับสนุนงานพัฒนาฝ่ายพลเรือน ศอ.บต. ให้การต้อนรับ ซึ่งผู้แสวงบุญทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง มีรอยยิ้มและน้ําตาแห่งความปลื้มปิติ ที่ได้เดินทางกลับสู่ภูมิลําเนาโดยสวัสดิภาพนายคอเล็ด เจ๊ะแว ผอ.กลุ่มงงาน ศาสนาและพหุวัฒนธรรม กล่าวว่า ทาง ศอ.บต. ได้เล็งเห็นถึงความสําคัญของผู้ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในส่วนของชาวไทยพุทธ เยียวยาและสร้างขวัญกําลังใจให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยนํามาปฏิบัติธรรมและศึกษาแหล่ง สังเวชนียสถาน ณ ประเทศอินเดีย – เนปาล ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวพุทธทั่วโลกหนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรมฯ กล่าวว่า การได้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้กับทาง ศอ.บต. นั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดของพี่น้องชาวไทยพุทธในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะได้มาศึกษาและเยี่ยมชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนา มีโอกาสเห็นสถานที่จริงของจุดกําเนิดศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาที่ตนเองนับถือ อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ ชาวพุทธทั่วโลกต่างก็อยากจะมาเห็นสักครั้งหนึ่งในชีวิต จึงขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ได้มอบโอกาสดีๆเช่นนี้ให้ โดยเฉพาะ ศอ.บต.อย่างไรก็ตาม คณะผู้แสวงบุญภายใต้กิจกรรมส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ สังเวชนียสถานประเทศอินเดีย-เนปาล ของ ศอ.บต. จํานวน 80 คน พร้อมเผยแพร่หลักคําสอนที่ถูกต้องแก่พี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และร่วมกันแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามหลักคําสอนของศาสนาต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
30/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130185043872
null
จังหวัดยะลา จัดพิธีต้อนรับสัญญาบัตร พัดยศ และแสดงมุทิตาสักการะ "พระเทพวชิรนายก" เจ้าคณะจังหวัดยะลา
วันนี้ (31 ม.ค.66) จังหวัดยะลา ได้จัดพิธีต้อนรับสัญญาบัตร พัดยศ เจ้าคณะจังหวัดยะลา/เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าพระราชทานสัญญาบัตร แต่งตั้งสมณศักดิ์พระราชาคณะ พระราชปัญญามุนี เป็น พระเทพวชิรนายก ดิลกปริยัติกิจ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี พระราชาคณะชั้นเทพ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2565 และเข้ารับเมื่อวันที่ 30 ม.ค.2566 ที่ วัดกะพังสุรินทร์ อําเภอเมือง จังหวัดตรัง โดยวันนี้ นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วยอํานาจ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นําส่วนราชการ และพุทธศาสนิกชน ศิษยานุศิษย์ และสงฆ์สมณศักดิ์ 10 รูป ร่วมพิธี ณ ศาลาการเปรียญ วัดเวฬุวัน อ.เมือง จ.ยะลาสําหรับพัดยศนั้น มีพัฒนาการจากพัดใบตาลอย่างเดียวกับตาลปัตร แต่พัดยศมีความวิจิตรงดงามและมีลักษณะแตกต่างจากตาลปัตรธรรมดาทั่วๆ ไป เนื่องจาก เป็นพัดที่พระเจ้าแผ่นดินโปรดให้ทําขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อพระราชทานแก่พระสงฆ์ ที่ทรงเลื่อมใสศรัทธา ต่อมา จึงกลายเป็นพัดที่พระราชทานแก่พระสงฆ์ ที่ทรงแต่งตั้ง ให้มีสมณศักดิ์ เพื่อเป็นเครื่องประกอบเกียรติยศ ร่วมกับเครื่องประกอบอื่นๆ ตามแต่ลําดับชั้นสมณศักดิ์#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
31/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230131114935073
null
จ.ลำปาง คว้ารางวัลชนะเลิศระดับประเทศ การประกวดสื่อสร้างสรรค์ หัวข้อ “เรื่องดีๆที่บ้านฉัน ปีที่ 2”
นางสาวทัศนีย์ ดอนเนตร์ วัฒนธรรมจังหวัดลําปาง เปิดเผยว่า ตามที่สํานักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้จัดกิจกรรมการประกวดสื่อสร้างสรรค์ส่งเสริมพัฒนาครอบครัวคุณธรรมและจริยธรรมที่พึงประสงค์ หัวข้อ “เรื่องดี ๆ ที่บ้านฉัน” ปีที่ 2 เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสื่อสารความเข้าใจอันดีในครอบครัว ก่อให้เกิดความรักความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูล ให้ครอบครัวเป็นสถาบันแรกและสถาบันหลักอย่างแท้จริงในการกล่อมเกลาคนในสังคมหรือสมาชิกในครอบครัวให้มีคุณธรรม จริยธรรม มีพฤติกรรมและค่านิยมที่ดี เป็นครอบครัวคุณธรรมนําไปสู่ชุมชนสังคมคุณธรรมที่มีความรักสามัคคี เอื้ออาทร ก่อให้เกิดชุมชนสังคมแห่งความสุข เป็นการส่งเสริมการผลิตและพัฒนาสื่อปลอดภัย สร้างสรรค์ให้สื่อได้มีบทบาทในการปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมอันดีงามของคนในสังคมสํานักงานปลัดทรวงวัฒนธรรม ได้ประกาศผลการตัดสิน ได้แก่ รางวัลชนะเลิศ ผลงาน "สิ่งดีๆ เริ่มได้จากที่บ้าน" ทีมสื่อสร้างสรรค์เวียงตาลพิทยาคม จ.ลําปาง รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 ผลงาน "ครอบครัวของฉันชอบหาเรื่องดีๆ เข้าบ้าน" ทีมโพนสวางฟิล์ม จ.มุกดาหาร รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ผลงาน "สุขที่ได้ช่วย" ทีมสื่อสร้างสรรค์โรงเรียนบ้านคอนสา จ.เลย และรางวัลชมเชย ผลงาน "เรื่องดี ๆ ที่บ้านฉัน อําเภอเกษตรสมบูรณ์" ทีมครอบครัวตัว ต และ ผลงาน "ใครๆ ก็ใส่งอบ" ทีมที่นี่แหลมงอบ จ.ชัยภูมิ #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
31/1/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230131114155063
null
ศิษยานุศิษย์ร่วมพิธีต้อนรับสัญญาบัตร พัดยศ และแสดงมุทิตาสักการะ "พระเทพวชิรนายก" เจ้าคณะจังหวัดยะลาเจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน
วันนี้ (31 ม.ค.66) 09.30 น. ณ ศาลาการเปรียญ วัดเวฬุวัน อ.เมือง จ.ยะลา นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วยอํานาจ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัด นําส่วนราชการ และพุทธศาสนิกชน ศิษยานุศิษย์ และสงฆ์สมณศักดิ์ 10 รูป ร่วมพิธีต้อนรับสัญญาบัตร พัดยศ เจ้าคณะจังหวัดยะลา/เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าพระราชทานสัญญาบัตร แต่งตั้งสมณศักดิ์พระราชาคณะ พระราชปัญญามุนี เป็น พระเทพวชิรนายก ดิลกปริยัติกิจ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี พระราชาคณะชั้นเทพ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2565 และเข้ารับเมื่อวันที่ 30 ม.ค.2566 ที่วัดวัดกะพังสุรินทร์ อําเภอเมือง จังหวัดตรัง สําหรับพัดยศนั้น มีพัฒนาการจากพัดใบตาลอย่างเดียวกับตาลปัตร แต่พัดยศมีความวิจิตรงดงามและมีลักษณะแตกต่างจากตาลปัตรธรรมดาทั่วๆ ไป เนื่องจาก เป็นพัดที่พระเจ้าแผ่นดินโปรดให้ทําขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อพระราชทานแก่พระสงฆ์ ที่ทรงเลื่อมใสศรัทธา ต่อมา จึงกลายเป็นพัดที่พระราชทานแก่พระสงฆ์ ที่ทรงแต่งตั้ง ให้มีสมณศักดิ์ เพื่อเป็นเครื่องประกอบเกียรติยศ ร่วมกับเครื่องประกอบอื่นๆ ตามแต่ลําดับชั้นสมณศักดิ์#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
31/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230131135251117
null
ผู้ว่าฯ มุกดาหาร ชวนตักบาตรริมโขงทุกเช้า ส่งเสริมวิถีชุมชน
ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เชิญชวนตักบาตรริมโขงทุกเช้า ส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีชุมชนนายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า มุกดาหาร เป็นเมืองชายแดนติด สปป.ลาว โดยมีแม่น้ําโขงกั้นแดน มีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติและประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นที่งดงาม โดยเฉพาะชาวเมืองมุกดาหาร ซึ่งมีการใส่บาตรพระทุกเช้าเป็นวิถีชุมชนอยู่แล้ว จึงมีแนวคิดที่จะส่งเสริมให้มีการใส่บาตรริมโขงทุกๆ เช้า เพื่อเป็นการส่งเสริมและรักษาวัฒนธรรมที่ดีงามในการทําบุญตักบาตรของชาวบ้าน ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดมุกดาหาร โดยจะเชิญชวนข้าราชการ ตลอดจนประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนมุกดาหาร ได้แต่งกายด้วยผ้าไทย ผ้าพื้นเมือง ร่วมทําบุญใส่บาตรพระ และสัมผัสบรรยากาศสวยงามของชายโขงยามเช้า #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
31/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มุกดาหาร
สวท.มุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230131141759123
null
ศิษยานุศิษย์ร่วมพิธีต้อนรับสัญญาบัตร พัดยศ และแสดงมุทิตาสักการะ "พระเทพวชิรนายก" เจ้าคณะจังหวัดยะลาเจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน
วันนี้ (31 ม.ค.66) 09.30 น. ณ ศาลาการเปรียญ วัดเวฬุวัน อ.เมือง จ.ยะลา นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วยอํานาจ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัด นําส่วนราชการ และพุทธศาสนิกชน ศิษยานุศิษย์ และสงฆ์สมณศักดิ์ 10 รูป ร่วมพิธีต้อนรับสัญญาบัตร พัดยศ เจ้าคณะจังหวัดยะลา/เจ้าอาวาสวัดเวฬุวัน ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าพระราชทานสัญญาบัตร แต่งตั้งสมณศักดิ์พระราชาคณะ พระราชปัญญามุนี เป็น พระเทพวชิรนายก ดิลกปริยัติกิจ ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี พระราชาคณะชั้นเทพ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.2565 และเข้ารับเมื่อวันที่ 30 ม.ค.2566 ที่วัดวัดกะพังสุรินทร์ อําเภอเมือง จังหวัดตรัง สําหรับพัดยศนั้น มีพัฒนาการจากพัดใบตาลอย่างเดียวกับตาลปัตร แต่พัดยศมีความวิจิตรงดงามและมีลักษณะแตกต่างจากตาลปัตรธรรมดาทั่วๆ ไป เนื่องจาก เป็นพัดที่พระเจ้าแผ่นดินโปรดให้ทําขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อพระราชทานแก่พระสงฆ์ ที่ทรงเลื่อมใสศรัทธา ต่อมา จึงกลายเป็นพัดที่พระราชทานแก่พระสงฆ์ ที่ทรงแต่งตั้ง ให้มีสมณศักดิ์ เพื่อเป็นเครื่องประกอบเกียรติยศ ร่วมกับเครื่องประกอบอื่นๆ ตามแต่ลําดับชั้นสมณศักดิ์#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
31/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230131142847133
null
คณะทายาทเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ เตรียมจัดพิธี “อาลัย เดือนลับฟ้า สู่สรวง” วันที่ 5-11 ก.พ. นี้
คณะทายาทเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ร่วมกับ เครือข่ายวัฒนธรรม เตรียมจัดพิธีบําเพ็ญกุศล เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ “อาลัย เดือนลับฟ้า สู่สรวง” ตามจารีตของชาวล้านนา ระหว่างวันที่ 5-11 กุมภาพันธ์นี้ วันนี้ (31 ม.ค. 66) นางพ-วงเดือน ยนตรรักษ์ ธิดาในเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ พร้อมด้วย นายจักรวาลธนวัฒน์ วรรณวงค์ คณะทํางาน “อาลัย เดือนลับฟ้า สู่สรวง” เปิดเผยในการแถลงข่าวสื่อมวลชนประจําสัปดาห์จังหวัดเชียงใหม่ ว่า คณะทายาทเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ ได้ร่วมกับ เครือข่ายวัฒนธรรม เตรียมจัดพิธีบําเพ็ญกุศล เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ “อาลัย เดือนลับฟ้า สู่สรวง” เพื่อส่งเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ เจ้านายฝ่ายเหนืออาวุโส อดีตประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ และประธานสภาวัฒนธรรมคนแรกของประเทศไทย กลับคืนสู่สรวงสวรรค์ตามคติความเชื่อและจารีตของชาวล้านนา อย่างยิ่งใหญ่วิจิตรงดงาม ในห้วงวันที่ 5-11 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ศาลาสหัท-หงษ์ มหาคุณ อนุสรณ์ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร โดยในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 จะมีการเคลื่อนขบวนแห่สรีระร่างและเครื่องสักการะแบบล้านนา เพื่อประกอบพิธี “ส่งสการตานคาบ” ณ บริเวณลานพิธีด้านหน้ากู่เจ้านายฝ่ายเหนือ วัดสวนดอก พระอารามหลวง ท่ามกลางการฟ้อนเล็บจากช่างฟ้อนหลายร้อยคนทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนชาวเชียงใหม่ ร่วมใจแต่งกายด้วยชุดสีขาวเข้าร่วมพิธี เพื่อส่งเจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ อย่างพร้อมเพรียงกันในวันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 โดยจะมีการจัดสถานที่จอดรถเพื่อรองรับผู้มาร่วมงานจํานวนมาก พร้อมจัดรถรับ-ส่ง และวางแผนด้านการจราจร เพื่อให้มีผลกระทบกับการจราจรในภาพรวมของเมืองเชียงใหม่ให้น้อยที่สุด ทั้งนี้ ประชาชนสามารถรับชมรายละเอียดการจัดงานได้ที่เพจ Facebook : เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ และ ที่เว็บไซต์ www.chaoduangduen.com #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
31/1/2023
ภาคเหนือ
เชียงใหม่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230131153750185
null
งานฉลองสมโภชซุ้มเรือนแก้วพระเจ้าล้านตื้อ พุทธศิลป์เมืองพะเยา ณ วัดศรีอุโมงค์คำ (วัดสูง) จังหวัดพะเยา
สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี “ท่านเจ้าประคุณสมเด็จธงชัย” เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นประธานในพิธีสมโภชซุ้มเรือนแก้วพระเจ้าล้านตื้อ พระประธานในวิหารวัดศรีอุโมงค์คํา ณ วัดศรีอุโมงค์คํา (วัดสูง) อ.เมือง จ.พะเยา โดยมีว่าที่ร้อยตรี ณรงค์ โรจนโสทร ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วย พระเทพญาณเวที ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 เจ้าอาวาสวัดศรีอุโมงค์คํา พระราชปริยัติ เจ้าคณะจังหวัดพะเยา อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ อาจารย์เจริญ มาบุตร ศิลปินเมืองพะเยา และคณะศรัทธากว่า 300 คนร่วมในพิธีสําหรับการสร้างซุ้มฯ ดังกล่าว มีผู้มีจิตรศรัทธาร่วมกันสมทบทุนสร้าง วงเงินกว่า 3 ล้านบาท ออกแบบโดย อาจารย์เจริญ มาบุตร แก้ไขแบบโดย อ.เฉลิมชัย ซึ่งซุ้มเรือนแก้วพระเจ้าล้านตื้อ พระประธานในวิหารวัดศรีอุโมงค์คํา ฐานเป็นพญานาค คอยปกป้องพระประธาน ถัดขึ้นไปเป็นเทวดา ลักษณะเหมือนกินรี ถัดขึ้นไปเป็นนาค ระหว่างเกล็ดนาคจะเป็นแก้ว 3 ดวง หมายถึง ศีล สมาธิ ปัญญา จุดหมายสู่นิพาน เมื่อนําไปประกอบเข้ากับพระเจ้าล้านตื้อแล้วยิ่งสวยงาม ด้วยองค์พระมีลักษณะคล้ายเชียงแสนกับสุโขทัย แต่มีเอกลักษณ์ของศิลปะเมืองพะเยา เป็นการนําศิลปะทั้ง 3 มาหล่อหลอมเป็นพุทธศิลป์เลอค่าของล้านนา #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
31/1/2023
ภาคเหนือ
พะเยา
สวท.พะเยา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230131154114190
null
ชาวบ้านนิคมฯ กือลอง อ.บันนังสตา จ.ยะลา ร่วมทำประชาพิจารณ์ หลังชาวบ้านร้องขอให้ทางราชการ พิจารณาปรับเปลี่ยนการดูแลพื้นที่วัดเจริญธรรม ให้อยู่ในชุมชนที่มีพี่น้องไทยพุทธ
ชาวบ้านนิคมฯ กือลอง อ.บันนังสตา จ.ยะลา พร้อมใจกันร่วมทําประชาพิจารณ์พื้นที่ หลังชาวบ้านร้องขอให้ทางราชการ พิจารณาปรับเปลี่ยนการดูแลพื้นที่วัดเจริญธรรม ให้อยู่ในชุมชนที่มีพี่น้องไทยพุทธอาศัยอยู่วันนี้ (31 ม.ค.66) ทางอําเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา นําโดยนายปฐมพร เผือกพันธุ์ ปลัดอําเภอบันนังสตา ได้ลงพื้นที่ร่วมกับ นายสมใจ บุญอาจ ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ อําเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา นายวิเศษ มากเกลี้ยง รองนายก อบต.ตลิ่งชัน นายวีระยุทธ สวัสดี สมาชิก อบต.ตลิ่งชัน ผู้นําชุมชน นางอรทัย บํารุง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 นายอับดุลเลาะห์ อุมะสะแต ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตําบลตลิ่งชัน พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านทั้ง 2 บ้าน เข้าร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นและประชุมหารือร่วมกัน หลังจากมีชาวบ้านได้ร้องขอกับทางราชการ กรณีการดูแลพื้นที่วัดเจริญธรรม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 2 ตําบลตลิ่งชัน อําเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา โดยชาวบ้าน หมู่ที่ 6 มีความต้องการให้หน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดําเนินการพิจารณาความเหมาะสม ในการดูแลวัดและทํานุบํารุงศาสนาควบคู่กับประชาชนในพื้นที่โดยก่อนหน้านี้ นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้มีข้อสั่งการให้ทางอําเภอบันนังสตา เข้าสํารวจและประชุมหารือ สอบถามชาวบ้าน หรือทําประชาพิจารณ์ จากกรณีที่วัดเจริญธรรม ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ หมู่ 2 บ้านกือลอง ตําบลตลิ่งชัน ซึ่งพื้นที่หมู่ที่ 2 นั้น ส่วนใหญ่ประชากรในพื้นที่จะเป็นพี่น้องที่นับถือศาสนาอิสลามมากกว่า 90% และมีมัสยิด อยู่ในพื้นที่แล้ว ส่วนวัดเจริญธรรมนั้น เป็นสถานที่ทางศาสนาของพี่น้องชาวไทยพุทธ ซึ่งส่วนมีประชากรที่นับถือไทยพุทธ อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่หมู่ 6 ตําบลตลิ่งชันมากกว่า 90% และชาวบ้านก็มีความเห็นพ้องกันว่า การที่วัดเจริญธรรม ตั้งอยู่ในเขต หมู่ 2 นั้น ทําให้การดําเนินการดูแลพัฒนาวัด และการทํานุบํารุงศาสนา เป็นไปได้ไม่เต็มที่ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีการพัฒนาวัด ผู้นําชุมชนหมู่ 2 ต้องแจ้งขอความร่วมมือไปยังพี่น้องชาวไทยพุทธ ที่อาศัยอยู่ในหมู่ที่ 6 มาร่วมกันพัฒนา อีกทั้งงบประมาณต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบํารุงวัดนั้น ถูกตัดทอนไปตามจํานวนประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ จึงทําให้ชาวบ้านหมู่ที่ 6 นั้น มีความเห็นที่จะขอให้ทางหน่วยงานราชการพิจารณา เพื่อให้เกิดความเหมาะสม และความสอดคล้องตามวิถีชีวิตของประชาชนในแต่ละพื้นที่ซึ่งในการประชุมหารือวันนี้ ทางหน่วยงานราชการทั้งตัวแทนจากอําเภอบันนังสตา ตัวแทนจาก อบต.ตลิ่งชันต่างได้รับฟังปัญหา และได้ชี้แจงพร้อมทําความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ และให้ประชาชนในพื้นที่ หมู่ที่ 6 ได้ลงรายชื่อ เพื่อดําเนินการยื่นเรื่องต่อทางจังหวัดยะลา เพื่อให้มีการพิจารณาความเหมาะสม ซึ่งในการประชุมหารือนั้น ชาวบ้านทั้งหมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 6 พร้อมกับผู้นําชุมชน มีความเห็นที่ตรงกัน และยินยอมที่จะให้วัดเจริญธรรม นั้น อยู่ในเขตของชุมชนหมู่ที่ 6 เพื่อที่จะให้พี่น้องชาวงบ้านตลาดนิคมฯ สามารถดูแลและพัฒนา วัด ทํานุบํารุงศาสนาตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ สร้างความดีใจให้กับชาวบ้านหมู่ที่ 6 บ้านตลาดนิคมฯ เป็นอย่างมาก แม้ว่า การประชุมทําประชาพิจารณ์ในวันนี้ ยังคงต้องรอส่งเรื่องให้ทางจังหวัดได้พิจารณาอีกครั้งก็ตาม#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
31/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230131192819290
null
ยิ่งใหญ่งานนมัสการพระมงคลมิ่งเมือง และมหกรรมบุญมหาอำนาจ อำนาจเจริญ ประจำปี 2566 มานิตา ดวงคำ ฟาร์เมอร์ นางสาวไทย ปี 2565
วันที่ 30 มกราคม 2566 นายชนาส ชัชวาลวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอํานาจเจริญ เป็นประธานในพิธีเปิดงานนมัสการพระมงคลมิ่งเมือง และมหกรรมบุญมหาอํานาจ อํานาจเจริญ ประจําปี 2566 ประกอบด้วยพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พิธีถวายเครื่องสักการะ และการรําบูชาพระมงคลมิ่งเมือง โดยมีนางสาวไทยคนที่ 53 ประจําปี 2565 มานิตา ดวงคํา ฟาร์เมอร์ พร้อมด้วยรองนางสาวไทยและนางสาวไทยอํานาจเจริญและรองนางสาวไทยอํานาจเจริญ ร่วมรําบูชาพระมงคลมิ่งเมืองร่วมกับนางรํา 609 คน จากนั้นมีพิธีมอบทุนการศึกษาให้สามเณรและเด็กนักเรียน รวม 100 ทุน มีส่วนราชการ ภาคเอกชน ประชาชนชาวจังหวัดอํานาจเจริญและนักท่องเที่ยวเข้าร่วมในพิธีด้วยความศรัทธานายณัฐพงค์ ตั้งสกุลกุลพัฒน์ นายกเทศมนตรีเมืองอํานาจเจริญ กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า พระมงคลมิ่งเมือง เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระธรรมฐิติญาณ เจ้าคณะภาค 10 ฝ่ายธรรมยุติ ได้ร่วมกับพุทธศาสนิกชนก่อสร้างขึ้น ณ บริเวณสถานศักดิ์สิทธิ์ เดิมเรียกว่า "เขาดานพระบาท" มีเนื้อที่ 144 ไร่ 3 งาน 42 ตารางวา ปัจจุบันคือ "พุทธอุทยาน" อันเป็นสถานที่จัดงานนมัสการเป็นประจําทุกปีตลอดมา จนเป็นประเพณีและเป็นที่นิยมของประชาชน นักท่องเที่ยว ผู้มีจิตศรัทธา ที่จะพากันมานมัสการพระมงคลมิ่งเมืองอย่างมากในทุกๆ ปี สําหรับปี 2566 คณะกรรมการจัดงานได้บูรณาร่วมกันกับส่วนราชการของจังหวัดอํานาจเจริญ ได้กําหนดจัดงานนมัสการพระมงคลมิ่งเมือง และมหกรรมบุญมหาอํานาจ อํานาจเจริญ ประจําปี 2566 ขึ้น ระหว่างวันที่ 30 มกราคมถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 รวม 6 คืน 7 วัน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการสืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีและธํารงรักษาพระพุทธศาสนา และให้พุทธศาสนิกชนชาวอํานาจเจริญ และจังหวัดไกล้เคียงมานมัสการพระมงคลมิ่งเมือง และร่วมพิธีเวียนเทียนในวันเพ็ญเดือน 3 และเสริมสร้างการเรียนรู้ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา และท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ส่งเสริมให้เด็ก เยาวชน และประชาชน ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมทางศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมอนุรักษ์วิถีวัฒนธรรมวิถีพุทธ พร้อมทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางการจําหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP เสริมสร้างรายได้ให้กับชุมชนและประชาสัมพันธ์ชุมชนท่องเที่ยว ของจังหวัดอํานาจเจริญให้รู้จักอย่างแพร่หลายโดยกิจกรรมที่จัดขึ้นประกอบด้วยกิจกรรมทางศาสนา ขบวนแห่เครื่องสักการะพระมงคลมิ่งเมืองของชาวอํานาจเจริญ การแสดงตนเป็นพุทธมามกะ การเจริญพระพุทธมนต์ การสาธยายพระไตรปิฎก การประกวดทํานองสรภัญญะ การประกวดบรรยายธรรม การทําบุญผ้าป่ามหากุศล การตักบาตร 108 การตักบาตรวันเกิด การตักบาตรสวรรค์ การตักบาตรประตู การประพรมน้ําพระพุทธมนต์ การเสี่ยงทายพระ การเสี่ยงทายเซียมซี และการบูชาวัตถุมงคล และยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย ประกอบด้วยกิจกรรมการการแข่งขันกีฬา ประเภทการแข่งขันฟุตซอล การแข่งขันเซปักตะกร้อ การแข่งขันสตรีทบาสเกตบอล การแข่งขันเปตอง กิจกรรมประกวดแข่งขันศิลปวัฒนธรรม มีการประกวดแข่งขันการจัดพานบายศรี 3 ชั้น การประกวดแข่งขันขับร้องสรภัญญะ การแสดงศิลปวัฒนธรรมหมอลํา การแสดงศิลปวัฒนธรรมดีดพิณ กิจกรรมวาดภาพระบายสี การสาธิตถ่ายทอดการทําเครื่องสักการะบูชาอีสาน การเขียนอักษรโบราณ การสาธิตถ่ายทอดการทําอาหารขนมพื้นบ้าน การสาธิตถ่ายทอดการทําเครื่องจักสานด้วยไม้ไผ่ ใบไม้ การสาธิตถ่ายทอดการทําขันหมากเบ็งการสาธิตถ่ายทอดการประดิษฐ์งานศิลปะจากเศษผ้าและวัสดุเหลือใช้ การสาธิตถ่ายทอดการทําธุงใยแมงมุม การแสดงศิลปะวัฒนธรรมจากสถานศึกษาโดยโรงเรียนอํานาจเจริญ โรงเรียนสาธิตเทศบาลเมืองอํานาจเจริญ โรงเรียนเทศบาล 1 วัดเทพมงคล โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 54 จังหวัดอํานาจเจริญ และการแสดงศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านกิจกรรมภาคกลางวันมีการแสดงหมอลําคู่ หมอลํากลอนและการแสดงมหรสพภาคกลางคืนการแสดงดนตรีของศิลปินดัง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
31/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สวท.อำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230131232949328
null
เปิดศูนย์การเรียนรู้กลุ่มทอผ้าไหม หมู่ที่ 11 บ้านหัวดง ตำบลเปือย ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นสร้างแหล่งเรียนรู้ สร้างรายได้สู่ชุมชน อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ
วันที่ 31 มกราคม 2566 เวลา 10.00 น. พ่อเมืองอํานาจเจริญ เป็นประธานในพิธีเปิดแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาด้านผ้าทอ ตามโครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยว กิจกรรมหลัก 3 เตรียมความพร้อมในการเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านภูมิปัญญาและสนับสนุนวัสดุต่อยอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม ภายใต้แผนปฏิบัติราชการของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 ณ ศูนย์การเรียนรู้กลุ่มทอผ้าไหม หมู่ที่ 11 บ้านหัวดง ตําบลเปือย อําเภอลืออํานาจ จังหวัดอํานาจเจริญ โดยมี นางจินตนา ชัชวาลวงศ์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอํานาจเจริญ หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด อําเภอ ผู้นําท้องที่ ผู้นําท้องถิ่น สมาชิกกลุ่มทอผ้าบ้านหัวดง และประชาชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรรมในครั้งนี้ นายวรเทพ ทองน้อย นายอําเภอลืออํานาจ กล่าวถึงการจัดกิจกรรมในวันนี้ว่า จังหวัดอํานาจเจริญอนุมัติให้ดําเนินงานโครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยว มีกิจกรรมทั้งสิ้น 4 กิจกรรม ประกอบด้วยกิจกรรมหลักที่ 1 สร้างความเข้าใจรับรู้การพัฒนายกระดับคุณภาพผ้าทอกิจกรรมหลักที่ 2 อบรมสาธิตยกระดับผลิตภัณฑ์กระบวนการแปรรูปเสริมสร้างเทคนิค เพิ่มทักษะ กิจกรรมหลักที่ 3 เตรียมความพร้อมในการเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านภูมิปัญญาและสนับสนุนวัสดุต่อยอดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม จํานวน 5 แห่งกิจกรรมหลักที่ 4 สร้างการรับรู้/สร้างโอกาสทางการตลาดในรูปแบบการประชาสัมพันธ์/เอกสาร/สื่อออนไลน์ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ ครบ 3 รอบ วันที่ 8 มกราคม 2566 และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งเรียนรู้และใช้ประโยชน์จากแหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาด้านผ้าทอ สําหรับกิจกรรมในวันนี้ ผู้มาศึกษาดูงาน หรือผู้สนใจทั่วไปและกลุ่มทอผ้า ได้น้อมนําพระราชดําริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” ทําให้สวมใส่ผ้าไทยแพร่หลายมากขึ้น#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
31/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สวท.อำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230131233229329
null
ปราสาทรวง?ข้าว ศิลปกรรมบุญคูณลานแห่งเมืองกาฬสินธุ์
ศิลปกรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวบ้านต้อน ตําบลเหนือ อําเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ร่วมกันสรรสร้าง ปราสาทรวงข้าว งานประเพณีบุญคูณลานฮีต 12 คอง 14 เป็นสัญลักษณ์ ความสามัคคี แรงศรัทธา เพื่อบูชาพระแม่โพสพ และสู่ขวัญข้าว ปราสาทรวงข้าว ศิลปกรรมบุญคูณลานแห่งเมืองกาฬสินธุ์ อากาศดียามเช้าม ที่ ตําบลเหนือ อําเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ หลังจากฤดูเก็บเกี่ยว ช่วงเดือนธันวาคม ถึงมกราคม สิ่งที่เห็นจนคุ้นตา คือ ผู้เฒ่าผู้แก่ และ ชาวบ้านในทุกหมู่บ้าน จะรวมตัวกันที่วัดเศวตวันวนาราม เพื่อคัดเลือกรวงข้าวที่ละรวง ก่อนจะนํามามัดรวมกันด้วยตอก เตรียมพร้อมนําไปตกแต่งขึ้นรูปเป็นปราสาท หรือที่รู้จักกันดีในนาม ปราสาทรวงข้าว แห่งเมืองกาฬสินธุ์ สืบสานประเพณีบุญคูณลาน วัฒนธรรมที่สําคัญตามฮีต 12 คอง 14 เพื่อบูชาพระแม่โพสพ และสู่ขวัญข้าวเพื่อความเป็นสิริมงคล นายยงรัก สาระพนธ์ กํานัน ตําบลเหนือ เปิดเผยว่า ประเพณีบุญคูณลานสู่ขวัญข้าว หรือ บุญบายศรีสู่ขวัญข้าวบุญคูณลาน ถือเป็นวัฒนธรรมที่เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจ ความศรัทธา และพลังสามัคคีของชาวบ้านต้อน ตําบลเหนือ อําเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ฮีตสิบสอง มาจากคําสองคํา ได้แก่ ฮีต คือคําว่า จารีต หมายถึง ความประพฤติ ธรรมเนียม ประเพณี ความประพฤติที่ดี และ สิบสอง หมายถึง สิบสองเดือน ดังนั้น ฮีตสิบสอง จึงหมายถึงประเพณีที่ชาวอีสานปฏิบัติกันมาในโอกาสต่างๆ ทั้งสิบสองเดือน เป็นการผสมผสานพิธีกรรมที่เกี่ยวกับเรื่องผีและพิธีกรรมทางการเกษตรเข้ากับพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ปราสาทรวงข้าว เริ่มสร้างในปี พ.ศ.2537 โดยเมื่อถึงช่วงเวลาประกอบพิธีบุญคูณลาน ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังนวดข้าวไม่เสร็จ จึงนํามัดข้าวที่ยังไม่แยกเมล็ดข้าวออกจากฟางมาถวายวัด จนเกิดเป็นแนวคิดในการนํามัดรวงข้าวมาสร้างเป็นปราสาทข้าว และพัฒนารูปแบบมาจนมีขนาดใหญ่ สวยงามอลังการเช่นปัจจุบัน ผู้เฒ่า ผู้แก่ หรือแม้แต่คนรุ่นใหม่ ต่างตั้งใจมั่นในการร่วมกันอนุรักษ์ สืบสานศิลปกรรมจากฝีมือชาวบ้านจนเกิดเป็นปราสาทรวงข้าวที่สวยงาน ให้อยู่สืบไป เพื่อคนรุ่นหลังจะได้เข้าใจและเห็นความสําคัญตามวิถีชาวนา จารีตประเพณี ที่งดงาม และได้จัดงานเป็นประจําทุกปี โดยสามารถเยี่ยมชมได้ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี งานประเพณีบุญคูนลานได้พัฒนารูปแบบจากที่ชาวบ้านนําข้าวมากองรวมกัน เดิมไม่มีรูปแบบสวยงาม ต่อมาจึงใช้ภูมิปัญญาและด้วยความคิดสร้างสรรค์ ในการนํารวงข้าวมาประดับตกแต่งเป็นปราสาทรวงข้าวด้วยศิลปะอีสาน ซึ่งใช้เวลาไม่น้อยกว่าสามเดือน จนกลายเป็น ปราสาทรวงข้าว ศิลปกรรมบุญคูณลานแห่งเมืองกาฬสินธุ์ ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ภาคภูมิใจของชาวกาฬสินธุ์ ธนกร ร่มไทรทอง : ถ่ายภาพ ณัฏฐ์ ฐนันท์รมย์ : สนง.ประชาสัมพันธ์ จ.กาฬสินธุ์ รายงาน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
1/2/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กาฬสินธุ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230201173449246
null
รายงานพิเศษ : “กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เฝ้าระวังฝุ่นละออง PM 2.5 สูงติดต่อกันถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้”
รายงานพิเศษ : “กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เฝ้าระวังฝุ่นละออง PM 2.5 สูงติดต่อกันถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้” กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้ติดตามสถานการร์และเฝ้าระวังฝุ่นละออง PM 2.5 สูงขึ้นติดต่อกันถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ พร้อมขอความร่วมมือช่วยกันลดการเผาในที่โล่ง และพิจารณา Work From Home หลังคาดการณ์ช่วงวันที่ 5 – 8 กุมภาพันธ์สภาพอากาศเปิดและมีลมแรงช่วยลดการสะสมตัวของฝุ่นลง ช่วง 2 – 3 วันที่ผ่านมาในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลกําลังประสบกับปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งเกิดจากสภาพอากาศหรืออุตุนิยมวิทยาที่ส่งผลให้ฝุ่นเกิดการสะสมตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ไม่เกิดการกระจายตัวจากอากาศปิดและลมสงบ ประกอบกับ หลายพื้นที่มีการจราจรหนาแน่นและติดขัด โดยเฉพาะชั่วโมงเร่งด่วนทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็นถึงค่ํายิ่งส่งผลให้ฝุ่นสะสมตัวมากขึ้นทําให้หน่วยงานต่างๆต้องยกระดับมาตรการเพื่อลดแหล่งกําเนิดฝุ่นละออง PM 2.5 และป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย อย่างเช่นกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้ขอความร่วมมือให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคุมเข้มมาตรการมาใช้ลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนก่อน ทั้งลดการเผาในที่โล่ง , ใช้รถเท่าที่จําเป็น , ขอความร่วมมือ Work From Home เพื่อลดปริมาณการจราจรบนท้องถนน , ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ , ขอให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง , สวมใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น หรือ N95 หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) เล่าว่า ช่วงนี้ค่าฝุ่นละออง PM 2.5 สูงขึ้นจนมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จําเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดไปจนถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ จากนั้นช่วงวันที่ 5 – 8 กุมภาพันธ์สภาพอากาศจะเปิดและมีลมแรงช่วยพัดให้ฝุ่นเกิดการกระจายตัวดีขึ้น ------------- เสียง ------------ สําหรับโรงเรียนในกรุงเทพมหานครยังไม่ประกาศปิดการเรียนการสอน แต่ให้งดทํากิจกรรมกลางแจ้งไปก่อน ทั้งนี้ คาดการณ์ฝุ่นปีนี้อาจรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา ปัจจัยหลักมาจากสภาพอากาศที่แล้งมากขึ้น เชื่อว่า สามารถควบคุมปริมาณฝุ่นไม่ให้รุนแรงไปกว่าปี 2565 ได้แน่นอน ซึ่งวันที่ 1 มิถุนายนนี้จะปรับเปลี่ยนค่ามาตรฐานฝุ่น PM 2.5 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง จากเดิมไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ให้ลดลงเหลือ 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะช่วยให้การบริหารจัดการฝุ่น PM 2.5 ของประเทศไทยเข้มข้นกันมากขึ้น ขณะที่สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น ภาพรวมพบจุดความร้อน (Hotspot) ทั่วประเทศประมาณ 1,200 จุด สิ่งสําคัญต้องบริหารจัดการเชื้อเพลิง โดยบางจังหวัดงดการเผาในบางช่วงเวลาแล้ว ซึ่งแต่ละจังหวัดมีอํานาจเต็มควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตรได้ ผ่านการใช้แอปพลิเคชั่น Burn Check ซึ่งใน จ.เชียงใหม่ใช้แล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ แต่บางจังหวัดใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงต้องประสานความร่วมมืออย่างเข้มงวดต่อไป เบื้องต้นปีนี้ภาครัฐตั้งเป้าลดจุดความร้อนลงให้ได้ร้อยละ 50 - 60
3/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203125847856
null
จังหวัดตรัง เดินหน้าพัฒนาท่าเรือปากเมง เป็นท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Pier) พร้อมเชื่อมโยงกับระบบการแพทย์ทางไกล(Telemedicine)
“ท่าเรือปากเมง” เป็นท่าเรือสําคัญของจังหวัดตรัง ที่ไม่เพียงแต่เป็นท่าเทียบเรือที่นํานักท่องเที่ยวไปยังเกาะแก่งต่าง ๆ ในท้องทะเลตรังเท่านั้น แต่ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังไปยังเกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล เกาะลันตา เกาะพีพี จังหวัดกระบี่ และ จังหวัดภูเก็ตได้อีกด้วย จังหวัดตรัง มีแนวทางในการพัฒนาท่าเรือปากเมง ให้เป็นท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Pier) ได้อย่างไร ติดตามได้จากรายงานค่ะ/ครับ ท่าเรือปากเมง ประตูสู่อันดามัน ช่วยหนุนการท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดตรังได้เป็นอย่างดี โดยก่อนสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จังหวัดตรัง มีจํานวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ เฉลี่ยปีละ 7 ล้านคน และมีรายได้จากนักท่องเที่ยว รวมกว่า 9 พันล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการที่ท่าเรือปากเมงกว่า 2,000 คนต่อวัน นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า จังหวัดตรัง เดินหน้าพัฒนาท่าเรือปากเมง ให้เป็นท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Pier) สู่ท่าเรือมาตรฐานระดับโลก เพื่อพัฒนาศักยภาพของการเดินทางท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งจะมีการนําเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการท่าเทียบเรือ และจัดเก็บข้อมูลของนักท่องเที่ยวก่อนลงเรือ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับระบบการแพทย์ทางไกล หรือ เทเลเมดิซีน (Telemedicine)ทั้งนี้ ขับเคลื่อนท่าเรืออัจฉริยะ (Smart Pier) จะช่วยสนับสนุนให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ มั่นใจในการเดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดตรังเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยระบบของท่าเรืออัจฉริยะ จะมีทั้งการลงทะเบียนนักท่องเที่ยวทางทะเล รวมถึง ระบบ Wristbands ติดตามตัวบุคคลและร้องขอความช่วยเหลือเมื่อประสบภัยด้วย ซึ่งจังหวัดตรัง ได้นําระบบการแพทย์ทางไกล หรือ เทเลเมดิซีน(Telemedicine) มาใช้เป็นการนําเทคโนโลยีมาช่วยให้แพทย์และผู้ป่วยสามารถติดต่อสื่อสารกันแบบเรียลไทม์ ผ่านโทรศัพท์ แอปพลิเคชัน หรือวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ อย่างไร้ข้อจํากัดในเรื่องเวลาและสถานที่ การนําระบบการแพทย์ทางไกล หรือ เทเลเมดิซีน (Telemedicine) มาใช้ในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน โดยมีรถพยาบาลกู้ชีพเพื่อส่งต่อผู้ป่วยทางทะเล ซึ่งในรถจะมีเครื่องมือที่ทันสมัย มีจอ LCD ให้แพทย์เห็นภาพคนไข้และผู้ปฏิบัติงานในรถ และมีระบบเสียงที่พูดคุยได้เลยโดยไม่ต้องถือโทรศัพท์ ซึ่งแพทย์สามารถจะวินิจฉัยสั่งการรักษาได้โดยตรงและเร็วขึ้น กรณีผู้ป่วยส่งต่อหากมีอาการเปลี่ยนแปลงระหว่างเดินทางก็จะสั่งการรักษาได้ทันท่วงที ซึ่งจังหวัดตรัง จะได้ขยายผลนําระบบเทเลเมดิซีนดูแลผู้ป่วยบนรถพยาบาลให้ครอบคลุมทุกอําเภอของจังหวัดตรังต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
4/2/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230204093545115
null
รายงานพิเศษ : "ความสำเร็จการจัดการป่าไม้ของประเทศไทย"
รายงานพิเศษ : "ความสําเร็จการจัดการป่าไม้ของประเทศไทย" รัฐบาล ประสบความสําเร็จในการบริหารจัดการพื้นที่ป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียวของประเทศ หลังปรับปรุงกฎหมายที่ช่วยให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐเปลี่ยนจากความขัดแย้งเป็นช่วยกันปกป้องและรักษาผืนป่า ด้วยการสร้างป่าชุมชนและปลูกไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์ ช่วงหลายปีที่ผ่านมารัฐบาลได้เดินหน้าแก้ปัญหาการตัดไม้ทําลายป่า การรุกล้ํา หรือการเข้าไปใช้ประโยชน์พื้นที่ในหลากหลายมิติมากขึ้น จากเดิมมักเลือกแก้ปัญหาด้านการอนุรักษ์เพียงอย่างเดียว จนอาจเกิดความขัดแย้งระหว่างชุมชนที่อยู่โดยรอบพื้นที่กับเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปคนสามารถอยู่กับป่าได้อย่างสมดุลและเกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการปรับแก้กฎหมายหลายฉบับเพื่อให้คนที่อยู่รอบผืนป่าสามารถใช้ประโยชน์จากป่าได้อย่างถูกกฎหมาย แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขการอนุรักษ์ทรัพยากรผืนป่าและสร้างความหวงแหน ในสมบัติที่มีโอกาสหมดไปหากไม่ช่วยกันดูแล ปกป้อง และรักษาทรัพยากรที่เรียกว่า "ป่า" ควบคู่กับสนับสนุนให้ประชาชนปลูกไม้มีค่าในที่ดินของตนเอง มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง สามารถทําไม้ ตัด แปรรูป และส่งออกได้อย่างถูกกฎหมาย นอกจากจะเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจแล้วยังเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่ป่าจากไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ได้มากขึ้นกว่า 100,000 ไร่ แล้วยังสามารถนําเป็นหลักทรัพย์ค้ําประกันการกู้เงินได้ด้วย การบริหารจัดการพื้นที่ป่าในปัจจุบันนอกจากเปิดโอกาสให้ประชาชนมีที่ดินทํากิน มีที่อยู่อาศัย และเป็นกําแพงปกป้องผืนป่าแล้ว รัฐบาลยังเดินหน้าสนับสนุนสร้างรายได้เสริมเพิ่มให้กับชุมชนจากโครงการคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นตลาดการค้าด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อมที่มีการเติบโตอย่างมากในการขายคาร์บอนเครดิต ทั้งในพื้นที่ป่าทั่วประเทศ ชุมชน และเขตเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นแนวทางหนึ่งในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เล่าว่า ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถเพิ่มพื้นที่ป่าได้สําเร็จตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในการเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ให้ได้ร้อยละ 55 ภายในปี 2580 แบ่งเป็น ป่าอนุรักษ์ร้อยละ 35 , ป่าในเมืองร้อยละ 5 และป่าเศรษฐกิจร้อยละ 15 ปัจจุบันไทยมีพื้นที่ป่าร้อยละ 32 หรือประมาณ 102 ล้านไร่ ซึ่งป่าชุมชนยังเป็นแหล่งเศรษฐกิจฐานรากที่สําคัญของประเทศ ตามแนวคิดเศรษฐกิจใหม่ BCG Model เพื่อแก้ปัญหาความยากจนและเป็นแหล่งดูดซับก๊าซเรือนกระจก ทําให้ไทยก้าวเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนตามเป้าหมายที่ได้ประกาศไว้อย่างสมบูรณ์ สิ่งสําคัญเครือข่ายป่าชุมชนจะเป็นส่วนสําคัญสะท้อนให้เห็นการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับป่าอย่างเกื้อกูล ปัจจุบันประเทศไทยจัดตั้งป่าชุมชนไปแล้วกว่า 11,327 แห่ง มีชุมชนที่มีส่วนร่วมดูแลอนุรักษ์ และได้ใช้ประโยชน์กว่า 13,028 หมู่บ้าน รวมพื้นที่กว่า 6.29 ล้านไร่ โดยตั้งเป้าขยายการจัดตั้งป่าชุมชนทั่วประเทศเพิ่มขึ้นให้ได้ 15,000 แห่ง รวมพื้นที่ถึง 10 ล้านไร่ เพื่อให้ไทยมีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมรองรับโมเดลเศรษฐกิจสีเขียว และตลาดการค้าคาร์บอนเครดิตที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ที่มีไทยเป็นศูนย์กลางการเงินการลงทุนด้านสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคอาเซียน
5/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230206093427411
null
รายงานพิเศษ : “สทนช. เตรียมแผนทำพื้นที่หน่วงน้ำ หรือแก้มลิง ตอนบนของประเทศกว่า 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร”
รายงานพิเศษ : “สทนช. เตรียมแผนทําพื้นที่หน่วงน้ํา หรือแก้มลิง ตอนบนของประเทศกว่า 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร” ลุ่มน้ําเจ้าพระยาเป็นด่านสุดท้ายรับน้ําก่อนเข้ากรุงเทพมหานครและปริมณฑล มักประสบปัญหาน้ําท่วมและน้ําหลากซ้ําซากในทุกปี ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือนร้อนอยู่เสมอ สํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) จึงเร่งทําแก้มลิงรับน้ําหรือพื้นที่หน่วงน้ําตอนบนของประเทศตัดยอดน้ําก่อนเข้ากรุงเทพมหานคร ในแต่ละปีหลังสิ้นสุดฤดูฝนแต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ําจะร่วมกันน้ําข้อมูลมาถอดบทเรียน เพื่อหาข้อดีข้อเสียของมาตรการหรือแผนจัดการน้ําในปีนั้นๆมาปรับแก้ในฤดูฝนปีถัดไป อย่างเช่นปี 2565 ที่ผ่านมา สํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมกับ 4 กระทรวง 29 หน่วยงาน นําผลการดําเนินงานและสรุปผลถอดบทเรียน 13 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2565 และศูนย์บริหารจัดการน้ําส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยมาพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรค เพื่อนําไปปรับปรุงแนวทางการดําเนินการร่วมกันเตรียมพร้อมบริหารจัดการน้ําให้มีประสิทธิภาพขึ้น และสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาพรวมถือว่าได้ปรับปรุงจนประสบความสําเร็จอย่างมาก แต่ยังพบระบบการรับน้ําเข้าและการระบายน้ําออกจากทุ่งยังไม่สมบูรณ์จนเกิดข้อพิพาทในพื้นที่ จําเป็นต้องมีการปรับปรุงแก้ไข ปีนี้ สทนช. จะเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ําเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการเพิ่มพื้นที่แก้มลิงรับน้ําหรือพื้นที่หน่วงน้ําให้มากขึ้น ลดปัญหาน้ําหลากเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน พื้นที่เศรษฐกิจ และเก็บกักน้ําไว้ใช้ประโยชน์ช่วงหน้าแล้ง มีเป้าหมายระหว่างปี 2565 - 2568 ใน 5 จังหวัด คือ นครสวรรค์ พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย และอุทัยธานี ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ํา 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตรได้ในปี 2568 ซึ่งปีนี้วางแผนจะทําให้ได้ก่อน 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) เล่าว่า เบื้องต้นจะปรับปรุงพื้นที่ทุ่งบางระกําและบึงบอระเพ็ด เพื่อเพิ่มพื้นที่รับน้ําอีก 250 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยลดปริมาณน้ําที่ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาได้สูงสุด 500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สามารถตัดยอดน้ําที่จะไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาได้อย่างน้อย 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยบรรเทาและแก้ปัญหาน้ําท่วมพื้นที่จังหวัดลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างที่ประสบปัญหาน้ําท่วมเป็นประจําทุกปี ทั้งนี้ จะเริ่มปล่อยน้ําเข้าทุ่งรับน้ําหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยว จากนั้นจะส่งเสริมอาชีพด้านประมงระหว่างรับน้ําหลากให้กับประชาชน ซึ่งจะช่วยลดงบประมาณที่จะเข้าไปเยียวยาพื้นที่ได้รับผลกระทบน้ําท่วมซ้ําซาก จากนี้ สทนช. จะเสนอโครงการดังกล่าวเพื่อขอจัดสรรงบประมาณจากงบกลางมาปรับปรุงและดําเนินการ 1,300 ล้านบาท หากสําเร็จจะสามารถช่วยลดพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ําท่วมได้ 1 ล้านไร่ จากปี 2565 ที่มีพื้นที่ถูกน้ําท่วมกว่า 2 ล้านไร่ ถือเป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียวที่เกิดผลคุ้มค่ามากในระยะยาว คาดว่า จะสามารถดําเนินโครงการได้ภายใน 4 เดือน หรือประมาณเดือนสิงหาคมนี้ก่อนเข้าหน้าฝน ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา
10/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230210161732036
null
สกู๊ป ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ การศึกษาแนวใหม่เน้นปฏิบัติจริง
การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในทุกมิติ โครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ เป็นนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ โดยปรับลดชั่วโมงเรียนของบางวิชาให้น้อยลง แต่นอกเหนือจากการผ่อนคลายที่มากขึ้น ไม่เครียดกับการเรียนในห้องเรียนจนเกินไป ได้มีเวลาว่างเรียนรู้ตามวัยแล้ว วิทยาลัยสารพัดช่างจังหวัดนครศรีธรรมราช ยังมุ่งเน้นการสร้างทักษะ สร้างอาชีพ และรายได้แก่ผู้เรียน-------เสียง-------ผอ.สุรศักดิ์ นาคาศักดิ์ ผอ.วิทยาลัยสารพัดช่างจังหวัดนครศรีธรรมราชในการแก้ไขปัญหาการศึกษามีการปรับปรุงเนื้อหาของแต่ละวิชา เน้นกิจกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาใน 3 ด้าน สร้างเสริมสมรรถนะการเรียนรู้ สร้างเสริมคุณลักษณะและค่านิยม เพิ่มทักษะการทํางาน การดํารงชีพและทักษะชีวิต ให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างกลมกลืนมีความสุข และมีรายได้ในระหว่างเรียน ที่สามารถต่อยอดสู่การสร้างอาชีพหลังเรียนจบ #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช รายงาน
14/2/2023
ภาคใต้
นครศรีธรรมราช
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230214172253067
null
รายงานพิเศษ : "โครงการธรรมจักรสีเขียว เครือข่ายของวัดและพระสงฆ์ในการปกป้องรักษาผืนป่าของประเทศ"
รายงานพิเศษ : "โครงการธรรมจักรสีเขียว เครือข่ายของวัดและพระสงฆ์ในการปกป้องรักษาผืนป่าของประเทศ" กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผลักดันวัดและพระสงฆ์เข้ามามีส่วนร่วมปกป้องรักษาผืนป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศตามนโยบายรัฐบาล ด้วยโครงการ “ธรรมจักรสีเขียว” นําร่อง 10 วัดตัวอย่างสร้างจิตสํานึกให้กับชุมชนและประชาชนร่วมสร้างป่า "ธรรมจักรสีเขียว" เป็นเครือข่ายในรูปแบบของวัดและพระสงฆ์เข้ามามีส่วนร่วมในการปกป้อง รักษา ดูแล และช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศอีกช่องทางหนึ่ง ขณะเดียวกันต้องไม่บุกรุกป่าเพิ่มและตัดต้นไม้ ที่อยู่ภายใต้โครงการ “ธรรมจักรสีเขียว” เป็นความร่วมมือกันระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม , สํานักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ , กระทรวงมหาดไทย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยได้วางแนวทางส่งเสริมให้วัดหรือพระสงฆ์ช่วยงานด้านป่าไม้ได้อย่างจริงจังและต่อเนื่องในรูปแบบที่เหมาะสม เพราะศาสนสถานเป็นเสมือนสถานที่ศึกษาทางพุทธศาสนา แหล่งศึกษาธรรมชาติ และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ที่สําคัญเป็นการแก้ปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติควบคู่กับพุทธศาสนาด้วย โดยปีนี้นับเป็นปีแรกที่ได้มอบรางวัลให้กับวัดต้นแบบขึ้น เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลง ณ พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงเป็นประธานเปิดโครงการ “ธรรมจักรสีเขียว” ประจําปี 2565 พร้อมประทานรางวัลให้กับวัดที่มีการจัดการพื้นที่ด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี เป็นต้นแบบของวัดที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติควบคู่กับพระพุทธศาสนา โอกาสนี้ ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า ในนามคณะสงฆ์ ขอแสดงมุทิตาจิตถวายแด่ท่านพระสังฆาธิการที่มารับรางวัลในนามวัด ซึ่งช่วยการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ปลูก ดูแล และพิทักษ์ป่า โดยกุศโลบายอัญชาญฉลาดตามแนวทางแห่งพระพุทธศาสนา ก่อให้เกิดคุณูปการต่อสังคมส่วนรวมสมกับฐานะของวัด ซึ่งเป็นแดนบุญของบ้านอย่างแท้จริง ขณะที่ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เล่าว่า สมเด็จพระสังฆราชฯ มีพระดําริเรื่องเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้แต่ละประเภทต้องดูลักษณะภูมิประเทศ จึงให้กรมป่าไม้รับไปดําเนินการต่อไป รวมถึง เรื่องวัดที่อยู่ในพื้นที่ป่าและพระวินัยของพระสงฆ์ที่ห้ามในเรื่องของการตัดต้นไม้ โดยทรงมีรับสั่งให้พระช่วยดูแลป่าอย่างดีที่สุด ปัจจุบันมีศาสนาสถานที่อยู่ในพื้นที่ป่าและยื่นขออนุญาตเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่ามีความสําคัญช่วยปกป้องคุ้มครองดูแลพื้นที่ป่าไม้ที่ยังคงอยู่ พร้อมร่วมกันสร้างจิตสํานึกและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติให้ชุมชน สําหรับปีนี้มีวัดที่ได้รับคัดเลือกเป็นวัดต้นแบบด้วยกัน 10 วัด ประกอบด้วย วัดบุญญาวาส จังหวัดชลบุรี // วัดโพธิคุณ จังหวัดตาก // วัดป่าน้อยดงเมือง จังหวัดศรีสะเกษ // วัดชัยภูมิพิทักษ์ จังหวัดชัยภูมิ // วัดป่าน้ําโจน จังหวัดพิษณุโลก // วัดป่าหนองไผ่ จังหวัดสกลนคร // วัดศรีประชารังสรรค์ จังหวัดศรีสะเกษ // วัดป่าดานวิเวก จังหวัดบึงกาฬ // วัดทรัพย์เจริญ จังหวัดขอนแก่น และวัดเขาถ้ําหมี จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อเป็นตัวอย่างให้วัด ชุมชน ประชาชนมีส่วนร่วมดูแลทรัพยากรป่าไม้ การป้องกันการบุกรุกตัดไม้ทําลายป่า และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างถูกต้อง
17/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230218091750422
null
รายงานพิเศษ - ทูน่าฮับ 1 ใน 10 เสาหลัก การฟื้นเศรษฐกิจด้านการประมงภูเก็ต
ทูน่าฮับ 1 ใน 10 เสาหลัก การฟื้นเศรษฐกิจด้านการประมง ที่กําลังก้าวสู่ทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อเรือประมงเบ็ดราวทูน่าสัญชาติไต้หวัน กลับมาขนถ่ายทูน่าที่จังหวัดภูเก็ตอีกครั้ง หลังจากหยุดเข้าภูเก็ตไปนานกว่า 7 ปีจังหวัดภูเก็ต ได้วางเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด ตั้งแต่ปี 2565 – 2579 ด้วยการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สร้างเศรษฐกิจฐานราก เกษตร ประมง ทูน่าฮับ เมดิคอลฮับ มารีน่าฮับ หรือยุทธศาสตร์ 10 เสาหลัก เพื่อทดแทนรายได้หลักจากการท่องเที่ยว หลังจากประสบสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงปลายปี 2562 เป็นต้นมา โดยวิสัยทัศน์คือการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว การศึกษา นวัตกรรมบริการในระดับนานาชาติ และการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนมุ่งสู่จังหวัดที่พัฒนาแล้ว ยุทธศาสตร์ 10 เสาหลัก มาจากจังหวัดภูเก็ตมีรายได้หลักมาจากการท่องเที่ยว เปรียบเสมือนศาลพระภูมิ ที่มีเพียงเสาเดียว เมื่อเสาพังส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงต้องเพิ่มเสาขึ้นอีกหลายเสาเพื่อมาเสริมความแข็งแรงตั้งแต่ฐานราก จนเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและการเกษตร สร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างรายได้เพิ่มขึ้นนายสิทธิพล เมืองสง ประมงจังหวัดภูเก็ต เผยถึงการผลักดัน ทูน่าฮับ 1 ใน 10 เสาหลัก จากเศรษฐกิจด้านการประมง ที่กําลังก้าวสู่ทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อเรือประมงเบ็ดราวทูน่าสัญชาติไต้หวัน กลับมาขนถ่ายทูน่าที่จังหวัดภูเก็ตอีกครั้ง หลังจากหยุดเข้าภูเก็ตไปนานกว่า 7 ปี ซึ่งเพียงเดือนแรกของปี คือเดือนมกราคม 2566 มีเรือประมงเบ็ดราวทูน่าไต้หวัน เข้ามาแล้วถึง 4 ลํา โดยมียอดการขนถ่ายมากกว่า 70 ตัน ก่อนหน้านี้ จังหวัดภูเก็ต เคยเป็นศูนย์กลางด้านการประมงของภูมิภาคมหาสมุทรอินเดียฝั่งตะวันออก หรือทูน่าฮับ แห่งหนึ่งของโลก ทั้งทูน่าแช่เย็น แช่แข็ง และห้องเย็นขนาดใหญ่ รวมถึงมีพื้นที่สําหรับตั้งเป็นโรงงานแปรรูปที่พร้อมในการพัฒนาเป็นเขตส่งเสริมการส่งออก ซึ่งจังหวัดภูเก็ตและพังงา มีโรงงานแปรรูปทูน่ามากถึง 8 แห่ง สามารถรองรับปลาทูน่าได้ถึง 300 ตัน อีกทั้ง ยังมีอู่เรือ คานเรือรองรับเรือทูน่าที่ต้องการซ่อมบํารุง และเคยมีเรือเข้ามาขนถ่ายสัตว์น้ําสร้างมูลค่ากว่า 1,100 ล้านบาท โดยการผลักดันให้เป็นทูน่าฮับ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนไปปี 2558 ไทยได้รับใบเหลืองจากสหภาพยุโรป กรณีการทําประมงผิดกฎหมาย ส่งผลให้เรือประมงทูน่าเข้ามาเทียบท่าลดลง และเมื่อมีการเริ่มกลับมาของเรือทูน่า แม้จะไม่เติบโตเท่าเดิม แต่ถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่สะท้อนถึงการเติบโต ของ 10 เสาหลักเศรษฐกิจจังหวัด ที่จะสามารถก้าวไปสู่การเป็น “ทูน่าฮับ” ได้ในอนาคตอันใกล้นี้#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
19/2/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สวท.ภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230219213054648
null
รายงานพิเศษ : “จิสด้า ผลักดันใช้เทคโนโลยีอวกาศจัดทำบัญชีคาร์บอนให้กับประเทศไทย”
รายงานพิเศษ : “จิสด้า ผลักดันใช้เทคโนโลยีอวกาศจัดทําบัญชีคาร์บอนให้กับประเทศไทย” สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ผลักดันใช้เทคโนโลยีอวกาศจัดทําบัญชีคาร์บอนให้กับประเทศไทย เพื่อลดผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก และช่วยประเมินปริมาณการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่ป่าได้อย่างถูกต้อง ปัจจุบันหลายประเทศทั่วโลกให้ความสําคัญและใช้เทคโนโลยีจากดาวเทียมสํารวจการกักเก็บคาร์บอนมานานแล้ว และปรับปรุงพัฒนาเทคนิคใหม่ๆให้มีมาตรฐานสากลต่อเนื่อง ทําให้การจัดทําบัญชีคาร์บอนให้กับประเทศไทยถือเป็นความท้าทายในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ เพื่อการเฝ้าระวังและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้โลก จะส่งผลต่อการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมและระบบเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต ทําให้สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างการรับรู้การใช้เทคโนโลยีอวกาศจัดทําบัญชีคาร์บอนให้กับประเทศไทยลดผลกระทบการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก จากการประชุม CEOS Plenary 2022 ซึ่งเป็นการประชุมใหญ่สามัญประจําปีของคณะกรรมการดาวเทียมสํารวจโลก หรือ CEOS ที่มีหน่วยงานด้านอวกาศระดับโลกเข้าร่วมประชุม ที่ สาธารณรัฐฝรั่งเศสเมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้น GISTDA ในฐานะประธานคณะกรรมการดาวเทียมสํารวจโลกปี 2023 หรือ CEOS Chair 2023 ได้ผลักดันประเด็นการลดการปลดปล่อยคาร์บอน เพื่อลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก โดยนําข้อมูลจากดาวเทียมและเทคนิคที่เกี่ยวข้องมาใช้เป็นเครื่องมือสํารวจและตรวจวัดการกักเก็บคาร์บอน แล้วนําข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์และแก้ปัญหานําไปสู่การบรรเทาปัญหาโลกร้อนสอดคล้องกับเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสํานักงานเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) นายปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อํานวยการสํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ในฐานะประธานคณะกรรมการดาวเทียมสํารวจโลก (CEOS) เล่าว่า จําเป็นต้องให้ความรู้เกี่ยวกับความก้าวหน้าการใช้เทคโนโลยีจากดาวเทียม เพื่อการสํารวจการกักเก็บปริมาณคาร์บอนในพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตร และพื้นที่อื่นๆ แสดงให้เห็นวิธีการที่เป็นมาตรฐานในการกักเก็บคาร์บอนและแสดงความพร้อมของไทยที่จะใช้เทคโนโลยีอวกาศจัดการคาร์บอนเครดิตนําไปสู่การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ชุมชนและประเทศ เนื่องจากความเป็นจริงการสํารวจพื้นที่ภาคสนามไม่สามารถใช้แรงงานคนวัดต้นไม้ได้ทุกต้น ขณะที่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ย้ําว่า หลังประเทศไทยได้รับผลกระทบการจากเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมากขึ้นช่วงหลายปีที่ผ่านมาเป็นอันดับต้นๆของโลก แม้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับที่ 19 ของโลก หรือร้อยละ 0.8 เท่านั้น แต่ไทยตั้งเป้าขับเคลื่อนไปสู่ NET ZERO ในปี 2065 หรืออีก 42 ปีข้างหน้า มุ่งเน้นการพัฒนาด้านพลังงานและขนส่ง การจัดการขยะและน้ําเสีย ปรับปรุงการปลูกข้าวที่ลดการปล่อยก๊าซมีเทน การปรับเปลี่ยนภาคการผลิตปูนซีเมนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ที่สําคัญการปลูกป่าเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อใช้ในกระบวนการดูดซับก๊าซคาร์บอน หรือการซื้อขายคาร์บอนเครดิตร่วมกับภาคเอกชน การนําเทคโนโลยีจากดาวเทียมและข้อมูลภูมิสารสนเทศเข้ามาสนับสนุน จะทําให้สามารถจําแนกประเภทป่าไม้และประเมินความหนาแน่นชั้นเรือนยอดต้นไม้จากแบบจําลองเชิงพื้นที่ เพื่อประเมินปริมาณการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่ป่าได้อย่างถูกต้องเพียงพอกับการใช้งาน ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ช่วยประหยัดเวลา และแรงงานคนที่ต้องใช้สํารวจภาคสนามและลดความผิดพลาดจากการสํารวจด้วย โดยข้อมูลที่ได้จากการสํารวจและวิเคราะห์นี้จะถูกรวบรวมนําไปสู่การจัดทํา “บัญชีคาร์บอนให้กับประเทศไทย” เพื่อใช้เป็นแนวทางให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศต่อไป
23/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223100656778
null
ยูเครน จะได้รับรถถังประมาณ 120 คัน ในการส่งมอบเที่ยวแรกจากพันธมิตรชาติตะวันตก
นายดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน เปิดเผยว่า ยูเครน จะได้รับรถถังจํานวน 120-140 คัน ในการส่งมอบเที่ยวแรกจากพันธมิตรชาติตะวันตก รวมทั้งสิ้น 12 ประเทศ โดยรถถังที่จะทําการส่งมอบในครั้งนี้ ประกอบด้วย รถถังเลพเพิร์ดทูของเยอรมนี รถถังชาเลนเจอร์ทูของอังกฤษ รถถังเอ็มวันเอบรามส์ของสหรัฐฯ และรถถังเลอแคลร์ของฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม นายคูเลบา ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของกําหนดเวลาการส่งมอบรถถังในครั้งนี้ รวมถึงระยะเวลาของการฝึกทหารยูเครนให้ใช้งานรถถังดังกล่าว ทั้งนี้ รัฐบาลยูเครน วางแผนโต้กลับครั้งใหญ่ เพื่อยึดคืนดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดครองในพื้นที่ทางใต้และตะวันออกของประเทศ ขณะเดียวกัน ก็มีความกังวลว่า รัสเซียอาจเปิดปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า.
1/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230201085217008
null
นาโตและญี่ปุ่น ให้คำมั่นจะร่วมกันรับมือภัยคุกคามด้านความมั่นคง
สํานักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต พบหารือกับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ระหว่างการเดินทางเยือนญี่ปุ่น เมื่อวานนี้ โดยนายสโตลเทนเบิร์ก เน้นย้ําว่า ญี่ปุ่น และนาโต ต้องร่วมกันเผชิญหน้าภัยคุกคามด้านความมั่นคงจากจีน เกาหลีเหนือ และการทําสงครามของรัสเซียในยูเครน ในโอกาสนี้ เลขาธิการนาโต ยังยกย่องญี่ปุ่นที่มีจุดยืนที่มั่นคง และมอบการสนับสนุนมากมายให้แก่ยูเครน ด้าน นายกรัฐมนตรีคิชิดะ เปิดเผยว่า ญี่ปุ่น เตรียมจัดตั้งสํานักงานผู้แทน เพื่อหารือกับนาโตโดยเฉพาะ รวมถึงพิจารณาเข้าร่วมการประชุมระดับสูงของนาโตอย่างสม่ําเสมอ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับนาโตให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น.
1/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230201085144005
null
ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย ในมัสยิดทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน เพิ่มเป็นอย่างน้อย 100 คน
นายรานา ซานาอุลเลาะห์ ข่าน รัฐมนตรีมหาดไทยของปากีสถาน เปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในมัสยิดแห่งหนึ่งที่เมืองเปชวาร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของปากีสถาน เพิ่มเป็นอย่างน้อย 100 คน ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ตํารวจ ด้าน ผู้บัญชาการตํารวจเมืองเปชวาร์ ระบุว่า มัสยิดดังกล่าว ตั้งอยู่ในพื้นที่กองบัญชาการตํารวจ ซึ่งขณะเกิดเหตุระเบิด มีตํารวจ 300-400 นาย กําลังละหมาดอยู่ในมัสยิดแห่งนี้ ทําให้เชื่อได้ว่า เหตุวินาศกรรมที่เกิดขึ้น เป็นการโจมตีแก้แค้น อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีดังกล่าว ขณะที่ ตํารวจเร่งสอบสวนว่า เพราะเหตุใดมือระเบิดถึงผ่านการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา เข้าไปก่อเหตุได้.
1/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230201085149006
null
ประชาชนชาวฝรั่งเศสออกมาชุมนุมประท้วงแผนการปฏิรูประบบบำนาญของรัฐบาล
สํานักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประชาชนชาวฝรั่งเศสจํานวนมากออกมาชุมนุมประท้วงในหลายเมืองใหญ่ อาทิ กรุงปารีส เมืองมาร์เซย์ และเมืองแรนส์ เนื่องจากไม่พอใจที่รัฐบาลฝรั่งเศส ภายใต้การนําของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง เตรียมปฏิรูประบบบํานาญและสวัสดิการรัฐ โดยขยายกําหนดเวลาการเกษียณอายุงาน จากเดิม 62 ปี เป็น 64 ปี ในปี 2573 ส่งผลให้ประชาชนต้องทํางานนานขึ้น รวมทั้งจะได้รับเงินบํานาญและสวัสดิการหลังเกษียณช้าลง ทั้งนี้ การประท้วงดังกล่าว นับเป็นครั้งที่ 2 ในเดือนนี้ โดยมีประชาชนจากหลากหลายสาขาอาชีพเข้าร่วมชุมนุม ซึ่งรวมถึงภาคบริการสาธารณะ ทําให้กิจกรรมทางสังคมหลายอย่างต้องหยุดชะงัก ขณะที่ รัฐบาลฝรั่งเศส ยืนยันการปฏิรูประบบบํานาญและสวัสดิการรัฐ จะดําเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป และต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาก่อน.
1/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230201085153007
null
ผู้นำสหรัฐฯ เตรียมหารือการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ล้ำสมัย ตามคำร้องขอของผู้นำยูเครน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นําสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเขาจะหารือกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เกี่ยวกับคําร้องขอล่าสุด ที่ให้เพิ่มการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้ําสมัยให้แก่ยูเครน เพื่อป้องกันการรุกรานของรัสเซีย ทั้งนี้ ผู้นํายูเครนเรียกร้องให้พันธมิตรชาติตะวันเพิ่มการสนับสนุนเครื่องบินรบ และขีปนาวุธพิสัยไกลให้แก่ยูเครน ท่ามกลางความกังวลว่า รัสเซียอาจเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ผู้นําสหรัฐ และเยอรมนี ปฏิเสธที่จะสนับสนุนเครื่องบินขับไล่ หลังจากเพิ่งเห็นชอบให้มีการส่งรถถังประจัญบาล อย่างรถถังเลพเพิร์ดทูของเยอรมนี และรถถังเอ็มวัน เอบรามส์ของสหรัฐฯ ให้แก่ยูเครน.
1/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230201115920082
null
สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ เตรียมยกระดับการซ้อมรบร่วม เพื่อรับมือภัยคุกคามของเกาหลีเหนือ
สํานักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ บรรลุข้อตกลงที่เพิ่มขนาด และความถี่ของการซ้อมรบร่วม และขยายการแบ่งปันข้อมูลด้านข่าวกรอง เพื่อตอบโต้ภัยเกาหลีเหนือ พลเอก ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า กองทัพสหรัฐฯ จะใช้ขีดความสามารถทางการทหารอย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ สหรัฐฯ สนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติมให้แก่เกาหลีใต้ อาทิ เครื่องบินขับไล่ เอฟ-22 และเอฟ-35 รวมทั้งการลาดตระเวนของกองเรือรบ ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธ และมีพฤติกรรมยั่วยุ ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ขณะที่ ประธานาธิบดียุน ซอก-ยอล ของเกาหลีใต้ ส่งสัญญาณว่า เกาหลีใต้อาจต้องเริ่มพัฒนาคลังอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อรับมือภัยคุกคามของเกาหลีเหนือ.
1/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230201115926083
null
สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19ในกรุงปักกิ่งของจีน ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว
ดร.หวัง ฉวน อี้ รองผู้อํานวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือซีดีซี ของจีน เปิดเผยว่า กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ซึ่งมีประชารกร ราว 22 ล้านคน เข้าสู่ระดับการมีภูมิคุ้มกันหมู่ชั่วคราว หลังการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระลอกล่าสุดในกรุงปักกิ่ง ผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว และในตอนนี้ การระบาดกําลังจะถึงจุดสิ้นสุด นอกจากนี้ รองผู้อํานวยการซีดีซี ยังเปิดเผยว่า การที่จํานวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศจีนลดลง แสดงให้เห็นว่า ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลตุรษจีนที่ผ่านมา ไม่ส่งกระทบกับการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในประเทศ มากนัก ทั้งนี้ ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในจีน ลดลงเกือบร้อยละ 80 นับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ส่วนจํานวนป่วยโรคโควิด-19 ในโรงพยาบาล ในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงกว่าร้อยละ 40 จากสัปดาห์ก่อนหน้า.
1/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230201115932084
null
ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเรือทัศนศึกษาล่มกลางทะเลสาบในปากีสถาน เพิ่มเป็น 49 คน
สํานักงานตํารวจปากีสถาน เปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิต จากเหตุเรือล่มกลางทะเลสาบทันดา แดม ในแคว้นไคเบอร์ ปัคตูนควา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปากีสถาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพิ่มเป็น 49 คน หลังนักประดาน้ําใช้เวลา 3 วัน ในการกู้ร่างผู้เสียชีวิตขึ้นจากน้ํา โดยผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดเป็นเด็กชาย อายุ 7-14 ปี จากโรงเรียนสอนศาสนาในเมืองโกฮัต ซึ่งขณะเกิดเหตุกําลังล่องเรือทัศนศึกษาในทะเลสาบดังกล่าว ทั้งนี้ เหตุเรือล่ม และการเสียชีวิตของผู้โดยสารจํานวนมาก เกิดขึ้นบ่อยครั้งในปากีสถาน เนื่องจากเรือโดยสารส่วนใหญ่มีสภาพเก่าทรุดโทรม และบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าอัตราที่กําหนด.
1/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230201115938085
null
สหรัฐฯ เตรียมเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารให้ยูเครน อีกราว 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงการจัดส่งขีปนาวุธพิสัยไกลให้ยูเครน เป็นครั้งแรก
สํานักข่าวรอยเตอร์ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ระบุว่า สหรัฐฯ เตรียมเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารให้ยูเครน มูลค่าราว 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมถึงการจัดส่งขีปนาวุธพิสัยไกล ระบบขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศแพทริออต และระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถังเจฟลิน โดยคาดว่า จะมีการประกาศความช่วยเหลือดังกล่าว ภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม การเพิ่มความช่วยเหลือทางทหารให้แก่ยูเครนในครั้งนี้ ราว 1,725 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะถูกจัดสรรจากกองทุนริเริ่มความช่วยด้านความมั่นคงยูเครน ซึ่งจะทําให้รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนําของประธานาธิบดีโจ ไบเดน สามารถจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่ยูเครน จากภาคอุตสาหกรรมอาวุธและการป้องกันประเทศ แทนคลังแสงของกองทัพสหรัฐฯ.
1/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202053752325
null
เกาหลีใต้ อาจพิจารณายกเลิกมาตรการระงับการออกวีซ่าให้ชาวจีน ก่อนกำหนด หากสถานการณ์โควิด-19 ในจีน ดีขึ้น
นายกรัฐมนตรีฮัน ด็อก-ซู ของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ อาจพิจารณายกเลิกมาตรการระงับการออกวีซ่าระยะสั้นให้ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีน ก่อนกําหนดการเดิมในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ หากจีนสามารถควบคุมจํานวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังภาคการท่องเที่ยวและการบินของเกาหลีใต้ ได้รับผลกระทบจากมาตรการระงับการออกวีซ่าระยะสั้นให้ผู้ที่เดินทางมากจากประเทศจีน ซึ่งเกาหลีใต้ เริ่มบังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องการที่รัฐบาลจีนยกเลิกนโยบายโควิด-19 เป็นศูนย์ อย่างกะทันกัน จนทําให้จํานวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนพุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกัน จีน บังคับใช้มาตรการระงับการออกวีซ่าให้ชาวเกาหลีใต้ เพื่อตอบโต้กรณีการเลือกปฏิบัติ.
1/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202053808326
null