NewsTitle
stringlengths
11
31.5k
Detail
stringlengths
9
78.4k
NewsDate
stringlengths
3
5.77k
Region
stringclasses
48 values
Province
stringclasses
99 values
Department
stringclasses
211 values
Link_News
stringlengths
3
903
v
stringclasses
812 values
อัยการสูงสุดตรวจเยี่ยมสำนักงานอัยการภาค 4 จังหวัดอุดรธานี
อัยการสูงสุดตรวจเยี่ยมสํานักงานอัยการภาค 4 จังหวัดอุดรธานี อัยการสูงสุด นําคณะตรวจเยี่ยม มอบนโยบายการปฏิบัติราชการสํานักงานอัยการในพื้นที่สํานักงานอัยการภาค 4 จังหวัดอุดรธานี เน้นย้ําบริการประชาชนด้วยความรวดเร็ว โปร่งใส เสมอภาค และเท่าเทียม ไม่รับของขวัญ และของกํานัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ (NO GIFT POLICY) วันที่ (1 กุมภาพันธ์ 2566) ที่ห้องประชุมยกกระบัตร มณฑลอุดร ชั้น 2 สํานักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด พร้อมด้วย นายไพรัช พรสมบูรณ์ศิริ รองอัยการสูงสุด ,นายพงษ์ศักดิ์ รัตนะพิสิฐ อธิบดีอัยการสํานักงานคดีศาลสูงภาค 4 ,นายดิเรก อิ้งจะนิล อธิบดีอัยการสํานักคดีศาลสูงภาค 4 ,นายคมกฤช ศรีดัน อธิบดีอัยการสํานักงานคดีปกครองอุดรธานี ,นายสมศักดิ์ ชินอรุณชัย อธิบดีอัยการ สํานักงานคดีแรงงานภาค 4 ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม มอบนโยบายการปฏิบัติราชการสํานักงานอัยการในพื้นที่สํานักงานอัยการภาค 4 จังหวัดอุดรธานี ประกอบด้วย สํานักงานคดีศาลสูง ภาค 4 ,สํานักงานคดีแรงงานภาค 4 ,สํานักงานคดีปกครองอุดรธานี, สํานักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี สํานักงานคดีศาลแขวงอุดรธานี สํานักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี และสํานักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดอุดรธานี โดยมี นายสุรชัย รัตนวรรณี อัยการจังหวัดอุดรธานี พนักงานอัยการ เจ้าหน้าที่ คณะกรรมการมีส่วนร่วมภาคประชาชนในการพัฒนาสํานักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี (คพอ.อุดรธานี ) ซึ่งเป็นภาคประชาชน ของสํานักงานอัยการในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ร่วมให้การต้อนรับและร่วมประชุมรับมอบนโยบาย สํานักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี รับผิดชอบงานคดีครอบคลุมพื้นที่ 20 อําเภอ มีปริมาณงาน (คดีอาญา ) เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศหลายปีติดต่อกัน สําหรับปริมาณงาน ประจําปี 2563-2565 มีปริมาณงาน ประกอบด้วย ปี 2563 จํานวน 11,436 สํานวน , ปี 2564 จํานวน 13,243 สํานวน , ปี 2565 จํานวน 8,709 สํานวน , สําหรับผลการดําเนินงานของสํานักงานอัยการจังหวัดอุดรธานี ปี พ.ศ. 2565 มีสํานวนคดี (ส.1 ความอาญาปรากฏตัวผู้ต้องหาที่ส่งตัวมา) จํานวน 4,135 สํานวน ยื่นฟ้องไปแล้ว 4,202 สํานวน และในเดือนมกราคม 2566 มีสํานวนคดี (ส.1 ความอาญาปรากฏตัวผู้ต้องหาที่ส่งตัวมา) จํานวน 375 สํานวน ยื่นฟ้องไปแล้ว 360 สํานวน นางสาวนารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด กล่าวว่า ในการลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการตรวจเยี่ยมให้กําลังใจข้าราชการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของสํานักงานอัยการในท้องที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อสํารวจสถานที่ทํางาน สถานที่พักอาศัยของอัยการ และธุรการว่ามีความพร้อมกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือไม่ ตลอดจนมารับทราบปัญหา ข้อขัดข้อง เพื่อทางส่วนกลางจะได้นําไปพิจารณาให้สนับสนุน เพื่อให้การปฏิบัติงานของอัยการและข้าราชการธุรการสามารถปฏิบัติงานได้เต็มศักยภาพ พร้อมแจ้งเรื่องความคืบหน้าการโยกย้ายข้าราชการอัยการ ประจําปี 2566 และเน้นย้ํา เจตนารมณ์ สํานักงานอัยการสูงสุด ในการขับเคลื่อนแผนปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ฉบับปรุงปรุง) ตามมติคณะรัฐมนตรี โดยกําหนดกิจกรรมปฏิรูปที่สําคัญ ( Big Rock ) กิจกรรมที่ 4 พัฒนาระบบราชการไทยให้โปร่งใส ไร้ผลประโยชน์ เป้าหมายที่ 1 ข้อที่ 11 ให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยงานประกาศเป็นหน่วยงานที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคน ไม่รับของขวัญและของกํานัลทุกชนิดจากการปฏิบัติงาน (No Gift Policy) โดยสํานักงานอัยการสูงสุด ได้ประกาศเจตนารมณ์ ว่า สํานักงานอัยการสูงสุดเป็นหน่วยงานที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนไม่รับของขวัญและของกํานัลทุกชนิด ทั้งก่อน ขณะ และหลังการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อป้องกันการปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรม และไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ รวมทั้งเป็นการสร้างวัฒนธรรมและทัศนคติที่ถูกต้อง โดยผู้บริหารและผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องปฏิบัติตนเป็นอย่างดี พร้อมทั้งกํากับดูแลบุคลากรในสังกัดให้ประพฤติปฏิบัติตนอย่างถูกต้อง เคร่งครัด และประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนทราบถึงเจตนารมณ์ดังกล่าว กรณีมีการเรียกทรัพย์สินประชาชนๆ เพื่อวิ่งเต้นพนักงานอัยการในการปฏิบัติหน้าที่ สามารถร้องเรียนได้ที่ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกกลาง สํานักงานอัยการสูงสุด หรือ ศูนย์รับเรื่องร้องทุกภาค 1-9 สํานักงานอัยการสูงสุดทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ข่าว/ภาพ#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
1/2/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อุดรธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230201181208250
null
พรรคก้าวไกล ลงพื้นที่จังหวัดสระบุรี แนะนำว่าที่ผู้สมัครครบ 4 เขต โดยประชาชนถูกใจนโยบายรัฐสวัสดิการมากที่สุด
นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรมแนะนําตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ทั้ง 4 เขต ของจังหวัดสระบุรี และประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคก้าวไกล ที่ตลาดเช้าหนองแค ตลาดนัดสามแยกหนองแค ตลาดล้ง บขส. และตลาดเสาไห้ โดยได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากประชาชนชาวสระบุรี ซึ่งได้พบปะพูดคุยกับประชาชนและนําเสนอนโยบายที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ นโยบายด้านรัฐสวัสดิการ โดยเฉพาะนโยบายการปรับเบี้ยผู้สูงอายุจาก 600 เป็น 3,000 บาท และเงินเด็กเล็ก 0-6 ขวบ เดือนละ 1,200 บาทสําหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สระบุรี ทั้ง 4 เขต ของพรรคก้าวไกล ประกอบด้วย เขต 1 สรพัช ศรีปราชญ์ อดีตวิศวกรในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ , เขต 2 ทรงวุฒิ สารจันทึก เภสัชกรโรงพยาบาลชุมชน , เขต 3 นันทิตา สงห์พราหมณ์ ตัวแทนพนักงานบริษัทเอกชน และเขต 4 พิทาน ทรงกัมพล “แป๊ะ บางสนาน” อดีตนักร้องนักแต่งเพลงเพื่อประชาธิปไตยในขบวนการคนเสื้อแดง
1/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230201214610294
null
ผู้บังคับกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ เยี่ยมให้กำลังใจสาวน้อยชุดดำ "ดอกไม้เหล็ก ชายแดนใต้" ฝึกทบทวนอาสาสมัครทหารพรานหญิง รุ่นที่ 1 ประจำปี 2566
วันนี้ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 10.00 น. ที่ ศูนย์ฝึกทางยุทธวิธี ค่ายมหาจักรีสิรินธร อําเภอนาทวี จังหวัดสงขลา พันเอก สฐิรพงษ์ อาจหาญ ผู้บังคับกองกําลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา และฝ่ายอํานวยการ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมให้กําลังใจอาสาสมัครทหารพรานหญิง "ดอกไม้เหล็ก ชายแดนใต้" ในการฝึกทบทวนอาสาสมัครทหารพรานหญิง รุ่นที่ 1 ประจําปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อเพิ่มศักยภาพความสามารถในการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของหน่วยทหารพรานทุกหน่วยของกองกําลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พันเอก สมคิด คงแข็ง ผู้บังคับการศูนย์ฝึกทางยุทธวิธี ให้การต้อนรับทั้งนี้ ผู้บังคับกองกําลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า การฝึกทบทวนให้กับอาสาสมัครทหารพรานหญิง เพื่อต้องการให้กําลังพลปฏิบัติภารกิจได้สําเร็จตามนโยบายและแนวทางในการปฏิบัติงานให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทหารพรานหญิงมีส่วนสนับสนุนภารกิจในหลายด้าน เช่น ด้านการปฏิบัติงานด้านการข่าวช่วยเหลือในการรวบรวมหลักฐานด้านการข่าว และหลักฐานด้านนิติวิทยาศาสตร์ โดยปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่ซักถามขั้นต้น รวมทั้ง ช่วยเหลือในการรักษาความปลอดภัยบุคคลสําคัญที่เป็นสตรี ตลอดจนเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมข่ายงานข่าวลับกรณีที่ตัวแทนแหล่งข่าวเป็นสตรี ด้านยุทธการจะสนับสนุนการติดตามค้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสตรีและเด็ก รวมทั้งสนับสนุนการปฏิบัติการป้องกันการใช้กลุ่มแนวร่วมที่เป็นสตรีและเด็กขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ตลอดจนการเชิญตัวควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยหรือเยาวชน ได้มีภาพลักษณ์ของการลดความรุนแรง (Down size) และคงสภาพความเข้มแข็ง สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงอนุรักษ์กําลังรบให้ดํารงต่อเนื่อง และเกิดประโยชน์สูงสุดด้านการฝึก สนับสนุนครูฝึกทหารพรานหญิงจากหน่วยต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยหลักสูตรการฝึกทบทวนหมู่ทหารพรานหญิง รุ่นที่ 1 ประจําปี 2566 นั้น มีผู้เข้ารับการฝึกทั้งสิ้นจํานวน 72 นาย ระยะเวลาในการฝึกจํานวน 21 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม - 5 กุมภาพันธ์ 2566 โดยแบ่งการฝึกออกเป็น 7 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 การฝึกทบทวนบุคคลท่าเบื้องต้น และการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ขั้นที่ 2 ทักษะการใช้อาวุธ/การยิงปืนฉับพลัน ขั้นที่ 3 วิชาทหารทั่วไป และยุทธวิธี ขั้นที่ 4 การฝึกเฉพาะหน้าที่ตามตําแหน่ง ขั้นที่ 5 การอบรม ขั้นที่ 6 การฝึกภาคสนามทางยุทธวิธี 24 ชม. โดยไม่มีการส่งกําลังบํารุง ยกเว้นน้ํา ขั้นที่ 7 การตรวจสอบ/ประเมินผล และรายงานผลการปฏิบัติ เพื่อให้กําลังพลได้มีโอกาสทบทวน นโยบายและแนวทางในการปฏิบัติ สร้างทักษะความชํานาญการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งกลางวันและกลางคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนําไปประยุกต์ใช้ได้อย่างสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง นําไปสู่การแก้ปัญหาในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เสริมสร้างความเข้มแข็ง มั่นคงปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชาชนมีความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เป็นสังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็งและสงบสุข ต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
1/2/2023
ภาคใต้
สงขลา
สวท.สงขลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230201171327240
null
สภาผู้แทนราษฎร เกิดปัญหาองค์ประชุมไม่ครบอีกครั้งในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. ..
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (1 ก.พ.66) ที่ประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง พ.ศ. .. ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยในหมวด 3 การขออนุญาตและการอนุญาต มีสมาชิกไม่เห็นด้วยในการกําหนดให้การขออนุญาตและการพิจารณาอนุญาตการปลูกกัญชงต้องขออนุญาต เนื่องจากมีการกําหนดไว้ในกฎหมายเดียวกับกัญชา ซึ่งกฎหมายกําหนดให้ต้องขออนุญาตแต่ที่ผ่านมาการปลูกกัญชงประชาชนสามารถปลูกได้ตามวิถีชีวิตและมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์พื้นบ้านได้ ดังนั้นหากกําหนดไว้จะเกิดความเสียหายต่อประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์ การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากจะได้รับผลกระทบไปด้วยนอกจากนี้ ยังมีสมาชิกอภิปรายไม่เห็นด้วยกับการให้ปลูกกัญชาเสรี เพราะจะทําให้กัญชาล้นตลาด เนื่องจากกระบวนการพิจารณาอนุญาตที่มีอยู่ไม่มีความรัดกุมมากพอ จึงขอให้กําหนดกระบวนการพิจารณาอนุญาต ผลิตและส่งออก ต้องเป็นไปเพื่อการแพทย์เท่านั้นและต้องกําหนดเงื่อนไขให้รัดกุม เพราะไม่กําหนดให้ชัดเจนตั้งแต่แรกก็จะเกิดปัญหาการควบคุมกัญชาในอนาคตอย่างไรก็ตาม ภายหลังการอภิปรายในมาตรา 15 เสร็จสิ้นแล้ว ประธานให้สมาชิกแสดงตนปรากฎว่าองค์ประชุมครบถ้วน แต่เมื่อลงมติปรากฏว่าองค์ประชุมไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกคือ 213 คน เนื่องจากมีสมาชิกเสียบบัตรลงคะแนน 204 คน ประธานจึงปิดประชุมไปในเวลา 17.22 น. ทันที
1/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230201205804289
null
ผู้บริหาร ศอ.บต. หารือคณะเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง เตรียมต้อนรับ คณะเอกอัครราชทูตนานาชาติ เยือนพื้นที่ จชต.
ผู้บริหาร ศอ.บต. ต้อนรับคณะเอกอัครราชทูตประจํากระทรวง หารือเตรียมความพร้อมต้อนรับ คณะเอกอัครราชทูตนานาชาติ ในการเยือนพื้นที่ จชต. ร่วมหาแนวทางการพัฒนาทุกมิติสู่สังคมโลกวันนี้ (1 กุมภาพันธ์ 2566) ที่ห้องรับรองเลขาธิการ ศอ.บต. ชั้น 3 อาคารศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นางสาวเยาวภา อินชะนะ ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เป็นประธานในการต้อนรับคณะเอกอัครราชทูตประจํากระทรวง นําโดย นายชัยรัตน์ ศิริวัฒน์ เอกเอกอัครราชทูตประจํากระทรวง และคณะผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศ ในการลงพื้นที่หารือข้อราชการด้านต่างประเทศในเรื่องของการเตรียมต้อนรับคณะต่างประเทศ ประกอบด้วย สหภาพยุโรป (EU) คณะผู้แทนประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) อุปทูตในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ในโอกาสเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจําปี 2566 โดยมีผู้อํานวยการกอง / กลุ่มงาน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมต้อนรับ นายชัยรัตน์ ศิริวัฒน์ เอกเอกอัครราชทูตประจํากระทรวง กล่าวว่า สําหรับการเดินทางมาเยือนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของคณะเอกอัครราชทูตนานาชาติ และอุปทูตในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เป็นการดําเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะมีกําหนดเดินทางเยี่ยมชมสถานที่สําคัญในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้รับความร่วมมือระหว่าง ศอ.บต. กอ.รมน.ภาค 4 สน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือสถานที่ที่จะไปเยี่ยมชมที่สําคัญในพื้นที่ อาทิ จังหวัดปัตตานี ได้แก่ มัสยิดรายอฟาฏอนี วงแหวนพหุวัฒนธรรม ชุมชนชาวจีนในเมืองปัตตานี (กือดาจีนอ) ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มัสยิดกลางปัตตานี การทําเกลือหวาน ชุมชนแหลมนก ตําบลบานา การทําปลากุเลาเค็ม ชุมชนบ้านตันหยงเปาว์ อําเภอหนองจิก จังหวัดยะลา การทําผ้าทอมือปะลางิง กลุ่มผ้าศรียะลาบาติก ตําบลสะเตง การทํากล้วยหินแปรรูปกลุ่มพัฒนากล้วยหินแปรรูปนังตา อําเภอบันนังสตา และจังหวัดนราธิวาส มัสยิดวาดีลฮูเซ็น (มัสยิด 300 ปี) พิพิธภัณฑ์มรดกวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัล-กรุอ่าน พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นขุนละหาร โรงงานผลไม้แปรรูปแช่เย็น แช่แข็ง (Sun Frozen) อําเภอยี่งอ คาดว่ากิจกรรมดังกล่าวอาจจะเริ่มในห้วงเดือนพฤษภาคม 2566 หลังช่วงเทศกาลถือศิลอดของพี่น้องชาวไทยมุสลิมอย่างไรก็ตาม การเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของคณะฯ ครั้งนี้ ถือเป็นการลงมาศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางในการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในมิติต่างประเทศ อาทิ เศรษฐกิจ การศึกษา สังคม วัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนการบูรณาความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศเพื่อสร้างเกียรติภูมิจังหวัดชายแดนภาคใต้สู่สังคมโลก#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
1/2/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230201223932304
null
เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะเยี่ยมพบปะหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4/ รองผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ให้การต้อนรับ นายชัยรัตน์ ศิริวัฒน์ เอกอัครราชทูตประจํากระทรวงการต่างประเทศ นําคณะเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ ที่มีภารกิจเกี่ยวกับการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้ฝ่ายต่างประเทศระหว่างวันที่ 1 - 3 กุมภาพันธ์ 2566 เพื่อเตรียมการเกี่ยวกับการเชิญคณะทูตต่างประเทศเยือนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามข้อแนะนําของคณะกรรมการผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหา ตลอดจนเพื่อเสริมสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานในพื้นที่ โดยมี เลขาธิการกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และผู้บังคับบัญชาเข้าร่วมหารือ ณ ห้องรับรองกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตําบลเขาตูม อําเภอยะรัง จังหวัดปัตตานีโอกาสนี้ พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4/ รองผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้กล่าวต้อนรับคณะทูตในฐานะผู้แทน พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 จึงอยากรายงานสถานการณ์ภาพรวมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่เกิดสถานการณ์จนถึงปัจจุบันนี้ ที่ดีขึ้นตามลําดับ และชี้แจงขั้นตอนการปฏิบัติงาน การปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับข้อกฎหมายต่าง ๆ ด้วยการบูรณาการกับทุกภาคส่วน รวมถึงรายงานปัญหาอุปสรรค และแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมทั้งนําเสนอประเด็นที่ใช้พูดคุยในโอกาสการต้อนรับคณะ OIC จากต่างประเทศ เพื่อหารือการแก้ไขปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจ, การศึกษา, ปัญหาการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบด้าน นายชัยรัตน์ ศิริวัฒน์ เอกอัครราชทูตประจํากระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้คําแนะนําในการเสริมสร้างความเข้าใจ และการตระหนักรู้ที่ถูกต้องให้กับประชาชน พร้อมกล่าวว่า ในโอกาสที่เข้ารับหน้าที่ในครั้งนี้ จึงอยากสานต่อภาระกิจในการนําคณะ OIC/ EU และกลุ่มสปอนเซอร์ ให้มาติดตามการดําเนินแก้ไขปัญหาต่างๆ เลยถือโอกาสนี้มาหารือและรับฟังภาพรวมสถานการณ์ในพื้นที่ และร่วมหารือกําหนดห้วงเวลา กําหนดประเด็นพูดคุย ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ก็มีภารกิจในการสนับสนุนเรื่องการประสานงานกับคณะต่าง ๆ จากต่างประเทศที่จะเข้ามาพูดคุยกับคณะในไทย ทั้งเรื่องการดูแลนักศึกษาในต่างประเทศ, การเชิญนักการศึกษาจากต่างประเทศเข้ามาพบปะพูดคุยให้ความรู้เกี่ยวกับหลักศาสนา รวมถึงการพัฒนาระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ประเทศไทย โดยได้หารือกับต่างประเทศถึงโอกาสในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย พร้อมยืนยันเจตนารมณ์ว่า นอกจากการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว กระทรวงการต่างประเทศก็อยากจะสนับสนุนงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ควบคู่กันไปด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
2/2/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202090729341
null
สภาผู้แทนราษฎร เตรียมพิจารณาวาระกระทู้ถาม และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง รวม 7 ฉบับ
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ ในเวลา 09.30 น. วันนี้ (2 ก.พ.66) หลังการปรึกษาหารือปัญหาความเดือดร้อนของของประชาชนแล้ว เป็นการพิจารณาวาระกระทู้ถามสดและกระทู้ถามทั่วไป เช่น เรื่อง การเช่ารถเทสล่า โมเดล เอส ของกองบังคับการปราบปราม สํานักงานตํารวจแห่งชาติ และเรื่องขอทราบผลลัพธ์และผลสัมฤทธิ์ ในการจัดประชุม APEC 2022 จากนั้นมีเรื่องที่ประธานแจ้งต่อที่ประชุมต่างๆเช่น รับทราบการพิจารณารายงานของวุฒิสภา จํานวน 3 เรื่อง ได้แก่ รายงานประจําปี 2564 ศาลรัฐธรรมนูญ รายงานประจําปี 2564 สถาบันพระปกเกล้า และรับทราบรายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจําปี 2564 และรับทราบรายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจําปีงบประมาณ 2565นอกจากนี้ ยังมีวาระพิจารณาเรื่องด่วนคือ ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกําหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... ที่ ส.ส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เป็นผู้เสนอ รวม 7 ฉบับ
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202085408331
null
นายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสมุทรสงคราม วันพรุ่งนี้
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดสมุทรสงคราม วันพรุ่งนี้ (3 ก.พ.66) เพื่อติดตามความคืบหน้าการดําเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและพบปะประชาชน โดยเวลาประมาณ 10.00 น. นายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม. 2 รอ. เขตพญาไท กรุงเทพฯ ไปยังสนามกีฬาจังหวัดสมุทรสงคราม ก่อนเดินทางต่อไปที่สถานีรถไฟลาดใหญ่ เพื่อเดินทางด้วยรถไฟขบวนที่ 4383 (สถานีรถไฟลาดใหญ่ - สถานีรถไฟแม่กลอง) ไปยังสถานีรถไฟแม่กลอง ตรวจติดตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน พร้อมรับฟังรายงานสรุปเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาโครงข่ายระบบรถไฟเชื่อมต่อสมุทรสงคราม รวมถึงรายงานสรุปเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ําหลักและระบบป้องกันน้ําท่วม ชุมชนเมืองสมุทรสงคราม อําเภอเมืองสมุทรสงคราม ระยะที่ 1 ตรวจเยี่ยมวิถีเศรษฐกิจชุมชนสถานีรถไฟแม่กลอง ก่อนไปสักการะหลวงพ่อบ้านแหลมและนมัสการพระสมุทรวชิรโสภณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม และเจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ที่วัดเพชรสมุทรวรวิหารจากนั้นในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี จะพบปะกับประชาชนเพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างมูลค่าและการยกระดับรายได้ของประชาชนชาวสมุทรสงคราม ที่วิทยาลัยเทคนิคสมุทรสงคราม ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ในเวลาประมาณ 15.30 น.
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202093459357
null
ผู้ตรวจราชการสำนักงาน กกต. ประจำเขตตรวจราชการที่ 4 ติดตามการเตรียมความพร้อมจัดการเลือกตั้ง ส.ส. กกต.ยะลา
วันนี้ (2 ก.พ.66) พ.ต.ต.ดชพล กอสนาน ผู้ตรวจราชการสํานักงาน กกต. ประจําเขตตรวจราชการที่ 4 และคณะได้ลงพื้นที่จังหวัดยะลา ตรวจติดตามการดําเนินงานของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดยะลา โดยมี ร.ต.อ.สมนึก กุลมณี ผอ.กกต.ประจําจังหวัดยะลา นําเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ และร่วมประชุมติดตามการตรวจราชการในห้วงที่ผ่านมาพ.ต.ต.ดชพล กอสนาน ผู้ตรวจราชการสํานักงาน กกต. ประจําเขตตรวจราชการที่ 4 กล่าวว่า สําหรับภารกิจหลักของผู้ตรวจการจะมีรอบตรวจอยู่ปีละ 3 รอบ ทุก 4 เดือนทุกไตรมาส รอบนี้เป็นรอบ 1 ต.ค ถึงวันนี้เป็นวันสุดท้าย ซึ่งจะต้องมาตรวจติดตามนิเทศงานของทางสํานักงาน กกต.ทุกจังหวัด ตนเองรับผิดชอบโซนภาคใต้ รวมทั้งหมด 41 จังหวัด สําหรับจังหวัดยะลาเป็นจังหวัดรองสุดท้ายและจะไปจบอีกจังหวัดหนึ่งในโซนนี้ก็จะสิ้นสุดส่วนที่มาเสริมตอนนี้จะมาติดตามการเตรียมความพร้อมในการเตรียมพร้อมจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป เท่าที่ผ่านมาภาพรวมทุกจังหวัด พร้อมที่จะจัดการเลือกตั้งนอกจากนี้ ก็ยังได้เน้นย้ําการปฎิบัติหน้าที่ขอให้ปฎิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และเที่ยงธรรม โดยเฉพาะเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้งให้ดูให้รอบครอบตามระเบียบกฎหมายเลือกตั้ง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
2/2/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202101315363
null
กอ.รมน.ภาค 4 แจง แต่งตั้งคณะทำงานติดตามตรวจสอบกิจกรรมบิดเบือน ประวัติศาสตร์ เป้าหมาย รวบรวม ตรวจสอบข้อมูลที่กระทบต่อความมั่นคงเท่านั้น ไม่มีหน้าที่ ชำระประวัติศาตร์ท้องถิ่นชายแดนใต้
จากกรณี ที่มีการเผยแพร่ คําสั่งกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ลงวันที่ 9 ม.ค.66 แต่งตั้งคณะทํางานติดตามตรวจสอบกิจกรรมที่มีการบิดเบือนประวัติศาสตร์ของภาคประชาสังคมและด้านการเมือง ทําให้เกิดการตั้งคําถามถึงเจตนาและหน้าที่คณะทํางานชุดดังกล่าวในวงกว้าง ล่าสุด พลตรีปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 /โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ได้เปิดเผยถึงการตั้งคําสั่งคณะทํางานชุดดังกล่าวว่า เป็นการออกคําสั่งแต่งตั้งคณะทํางานในระดับเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติงานภายใต้กรอบอํานาจหน้าที่ของกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภาค 4 ส่วนหน้า โดยเป้าหมายของการตั้งคําสั่งคณะทํางานติดตามตรวจสอบดังกล่าว เพื่อรวบรวม วิเคราะห์ และตรวจสอบข้อมูลการดําเนินการที่เข้าข่ายละเมิดต่อหลักกฎหมายเท่านั้น คณะทํางานชุดนี้ ไม่ได้มีบทบาทหน้าที่ในการเข้าไปชําระ หรือตัดสิน ถูก-ผิด ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น หรือเข้าไปคุกคาม ขัดขวาง การแสดงออกเชิงอัตลักษณ์ รวมถึงไม่ได้เข้าไปขัดขวางการศึกษาเรียนรู้ แหล่งประวัติศาสตร์อันงดงามของท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สืบเนื่องจากการเก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐาน การก่อเหตุของผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ที่ผ่านมา พบว่า ปัจจัยที่นําไปสู่การใช้ความรุนแรง มีการนําเงื่อนไข ทางเชื้อชาติ ศาสนา และมาตุภูมิหรือความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ มาบ่มเพาะกลุ่มเยาวชน เพื่อสร้างความเกลียดชัง และนําไปสู่การใช้ความรุนแรงในพื้นที่อยู่บ่อยครั้งทั้งนี้ การแสดงออกซึ่งอัตลักษณ์และประวัติศาสตร์อันดีงามของพื้นที่ ถือเป็นสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่สามารถแสดงออกได้ตามรัฐธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย และเป็นที่รัฐส่งเสริมและสนับสนุนเสมอมา แต่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มักมีการแอบแฝงกิจกรรมการแสดงออกเชิงอัตลักษณ์ ที่บิดเบือนไปจากความเป็นจริง เพื่อสร้างความเกลียดชัง อันจะนําไปสู่ความรุนแรง จึงได้มีการตั้งคณะทํางานชุดดังกล่าวขึ้นมาเพื่อให้การติดตาม รวบรวม ตรวจสอบ เฉพาะประเด็นที่มีการบิดเบือน หรือละเมิดต่อกฎหมายเท่านั้น เพื่อใช้ในการดําเนินคดีตามกฎหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประการสําคัญ คณะทํางานชุดดังกล่าว ไม่ได้มีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ ขัดขวางการแต่งกายด้วยชุดมลายูตามที่หลายคนกังวลแต่อย่างใด ทั้งนี้ กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยสันติวิธีเป็นสําคัญ เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ขอสังคมและประชาชนอย่าเข้าใจเจตนารมณ์ของการตั้งคณะทํางานชุดนี้ ผิดเพี้ยนไปจากข้อเท็จจริง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202105303385
null
โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงกรณีพรรคภูมิใจไทยยื่นหนังสือวินิจฉัยหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่เห็นด้วยโยกย้ายข้าราชการน้ำดี
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย รวบรวมรายชื่อ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย จํานวน 50 คน ทําหนังสือยื่นถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยการที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและพรรคก้าวไกล ที่ออกแถลงการณ์ กรณีคําสั่งกระทรวงสาธารณสุข โยกย้ายข้าราชการคือนพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อํานวยการโรงพยาบาลจะนะ ไปดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ซึ่งการแถลงการณ์ของพรรคก้าวไกลเป็นการแถลงว่าไม่เห็นด้วยต่อการโยกย้ายดังกล่าว และเชื่อว่าการโยกย้ายนี้เป็นส่วนสําคัญมาจากเรื่องของความเห็นทางการเมือง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ไม่ให้ความเป็นธรรมกับ นพ.สุภัทร ซึ่งพรรคภูมิใจไทยได้นําประเด็นนี้ไปร้องต่อประธานสภาและยื่นต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญว่าการกระทําของหัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นการกระทําที่มีการแทรกแซงการทํางานของข้าราชการประจําด้านโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกล เพียงแถลงด้วยความเห็นชอบของรัฐธรรมนูญและเป็นการทําหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้าน ที่ต้องตรวจสอบการทํางานของรัฐบาลและแสดงจุดยืนในการปกป้องข้าราชการชั้นผู้น้อย ซึ่ง นพ.สุภัทร ถือเป็นตัวอย่างของข้าราชการน้ําดี พรรคก้าวไกลจึงเข้ามาปกป้อง ยืนยันว่าหากพรรคภูมิใจทําเช่นนี้ จะไม่มีทางอยู่เฉยอย่างแน่นอนและหากพรรคก้าวไกลผิดจริงก็พร้อมรับฟังและพร้อมพิจารณาตนเองสําหรับประเด็นดังกล่าว ของพรรคก้าวไกลกับพรรคภูมิใจไทย จะมีผลกับการอภิปรายที่จะเกิดขึ้นหรือไม่นั้น พรรคก้าวไกลจะพยายามทําหน้าที่อย่างเป็นมืออาชีพที่สุดในเวลาที่เหลือเพื่อตรวจสอบรัฐมนตรีทุกคนและจะพิจารณาจากหลักฐานเอกสาร ทั้งกรณีรถไฟฟ้าสายสีส้ม การทุจริตป้าย 33 ล้านบาท สถานีการบางซื่อ เป็นต้น เพื่อเรียกร้องกลับไปทางรัฐบาลขอให้ทําหน้าที่ให้ดีที่สุด
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202140130466
null
ปชส.สุราษฎร์ธานี ครม.เห็นชอบกำหนดคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ในระยะแรกสำหรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ
นายณรงค์ หลักกําจร ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวถึงยกระดับค่าจ้างแรงงานมาตรฐานฝีมือ และเห็นชอบคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ว่า ครม.เห็นชอบกําหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 3 สาขาอาชีพ รวม 17 สาขา ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 21 ครั้งที่ 11/2565 โดยกําหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 17 สาขา โดยอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือจะมีผลใช้บังคับ 90 วันหลังจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไปอย่างไรก็ตาม อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ได้มีการประกาศก่อนหน้านี้แล้ว 112 สาขา และเมื่อมีประกาศเพิ่มอีก 17 สาขา รวมเป็น 129 สาขา ทําให้ครอบคลุมสาขาอาชีพที่ต้องการแรงงานฝีมือแรงงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งในอนาคตเราต้องเร่งผลิตแรงงานเติมให้กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งกระจายไปในภาคอุตสาหกรรมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภคบริโภค และดิจิทัล ที่มีอัตราการแข่งขันสูงในตลาด เนื่องจากการดิสรัปของเทคโนโลยีและความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่กระตุ้นตลาดผู้บริโภคในอนาคต ส่งผลให้มีความต้องการแรงงานอย่างต่อเนื่องล่าสุด ครม.เห็นชอบกําหนดคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมาย ในระยะแรกสําหรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.) ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2565 แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC) ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลําพูน และลําปาง เน้นอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) และอุตสาหกรรม เกษตรและอาหาร 2.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NeEC) ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย เน้นอุตสาหกรรมชีวภาพ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร 3.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ตะวันตก (CWEC) ประกอบ ด้วยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครปฐม สุพรรบุรี และกาญจนบุรี เน้นอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และ 4.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ประกอบด้วย จังหวัดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เน้นอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมชีวภาพ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)ทั้งนี้ยังมีมติเห็นชอบการขยายกิจการเป้าหมายและสิทธิประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน จากเดิม 72 ประเภทกิจการ ขยายเป็น 89 ประเภทกิจการ โดยมี 17 ประเภทกิจการที่เสนอเพิ่มเติม ดังนี้ 1.กิจการปรับปรุงพันธุ์พืชหรือสัตว์ (ที่ไม่เข้าข่ายกิจการเทคโนโลยีชีวภาพ) 2. กิจการประมงน้ําลึก 3. กิจการผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ 4. กิจการผลิตเชื้อเพลิงหรือแอลกอฮอล์ทางการแพทย์ (Pharmaceutical Grade) จากผลผลิตทางการเกษตร.#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
2/2/2023
ภาคใต้
สุราษฎร์ธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202105928391
null
หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ยืนยันพรรคพร้อม 100% ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงความพร้อมในการเลือกตั้งว่า มีผู้แสดงความสนใจเข้ามาทํางานกับพรรคชาติไทยพัฒนาอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นมีความพร้อมมากขึ้นในหลายพื้นที่ บางพื้นที่ต้องมีการเร่งการทํางาน โดยยืนยันว่าการจะเข้าสู่โหมดเลือกตั้งในครั้งนี้ พรรคชาติไทยพัฒนาพร้อม 100% ทั้งนโยบายและผู้สมัคร กลไกที่จะใช้ในการหาคะแนนทั้งคนทั้งพรรค ทั้งนี้พรรคดําเนินการประชาสัมพันธ์ให้เข้มข้นมากขึ้น หาตลาดที่ตรงกับนโยบายของพรรคเจาะให้ถูกตลาด เช่น เรื่องการเกษตร โครงสร้างพื้นฐานในเมืองใหญ่ พื้นที่สีเขียว ในแต่ละนโยบาย เป็นแนวทางสําคัญที่ขณะนี้ทางทีมงานยุทธศาสตร์ของพรรคชาติไทยพัฒนากําลังดําเนินการ อย่างไรก็ตาม ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา พรรคได้ดําเนินการตามกติกาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ต้องเปิดโอกาสให้สมาชิกของพรรคทั่วประเทศได้เสนอชื่อผู้ชิงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนว่าจะเสนอใคร จากนั้นคณะกรรมการบริหารพรรคจะเป็นผู้พิจารณา และลงมติว่าจะเป็นใครและกี่คน ซึ่งในวันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ จะได้ทราบกันเนื่องจากพรรคจะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในช่วงบ่ายเพื่อพิจารณา ชื่อชิงตําแหน่งนายกรัฐมนตรีในนามของพรรคหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวอีกว่า พรรคเตรียมเปิดปราศรัยใหญ่ ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 16.00 น. ที่บริเวณลานหน้าศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สุพรรณบุรี ซึ่งพรรคจะเอาฤกษ์เอาชัยในการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่เวทีแรก คาดว่าคนไม่ต่ํากว่า 10,000 คน เป็นการแสดงความพร้อมของพรรคชาติไทยพัฒนา และตอกย้ําความต่อเนื่องในการทํางานของพรรคในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีและอีกหลายจังหวัดในการเตรียมลงพื้นที่รณรงค์หาเสียงเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202140345469
null
ศาลอาญา ออกหมายจับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ คดีร่วมกับพวก ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดอ่านคําพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 7 คดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้อํานวยการศูนย์อํานวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) / พันตํารวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ จากเหตุรุนแรงทางการเมือง ปี 2553 พันตํารวจตรียุทธนา แพรดํา และร้อยตํารวจเอก ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจําเลยที่ 1 – 4 ในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริตฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 วรรคสอง คดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้องจําเลยทั้งสี่ ขณะที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ให้จําคุกจําเลยทั้งสี่คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจําคุกจําเลยคนละ 2 ปี วันนี้ศาลฎีกา นัดฟังคําพิพากษาเป็นครั้งที่ 7 หลังเลื่อนนัดมาแล้วหลายครั้ง โดยจําเลยที่ 2-4 เดินทางมาศาล ส่วนจําเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา ซึ่งทนายจําเลยที่ 1 ยื่นคําร้องว่าจําเลยที่ 1 เจ็บป่วยเป็นโรคนิ่วในไตทางด้านซ้ายและด้านขวา โดยเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2566 จําเลยที่ 1 ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ โดยแพทย์ได้ทําการผ่าตัดส่องกล้องผ่านท่อไตและใส่สายระบายเลือดไว้ในท่อไตทั้งสองข้าง จึงจําเป็นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อพักฟื้นและต้องติดตามอาการเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อประเมินสภาพไตและก้อนนิ่วอีกครั้ง โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แพทย์ไม่ได้ลงความเห็นว่าจําเลยที่ 1 มีอาการเจ็บป่วยถึงขนาดที่ไม่สามารถเดินทางมาศาลในวันนี้ได้ ประกอบกับจําเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุเจ็บป่วยมาแล้วหลายครั้ง เป็นเวลากว่าหนึ่งปี น่าเชื่อว่าการที่จําเลยที่ 1 ไม่มาศาล เป็นการประวิงคดีให้ล่าช้า ตามพฤติการณ์จึงมีเหตุให้เชื่อว่าจําเลยที่ 1 หลบหนี จึงให้ออกหมายจับจําเลยที่ 1 เพื่อนําตัวมาฟังคําพิพากษาหรือคําสั่งศาลฎีกาต่อไป และให้เลื่อนนัดฟังคําพิพากษาเป็นในวันที่ 24 มีนาคม 2566 เวลา 09.00 น.
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.จันทบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202144400513
null
ไทยและเดนมาร์ก ส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตร การท่องเที่ยว พร้อมผลักดันแนวคิดเศรษฐกิจสีเขียว
นายยอน ทัวร์กอร์ด เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเดนมาร์กประจําประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับตําแหน่งใหม่ ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทําเนียบรัฐบาลโอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ ทั้งด้านการเกษตร ที่พร้อมสานต่อความร่วมมือเพื่อเพิ่มผลิตผลทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ แลกเปลี่ยนความรู้และบุคลากรระหว่างกัน ได้เน้นย้ําประเด็นการลดก๊าซมีเทน ที่เกิดจากภาคการเกษตร ซึ่งเอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ เห็นพ้องและยินดีจะหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไปด้านพลังงานหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว เอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ ชื่นชมเป้าหมายกรุงเทพฯ จากการจัดการประชุมเอเปคที่ไทยเป็นเจ้าภาพและยินดีจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันเพื่อพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ขณะที่นายกรัฐมนตรี ได้เชิญชวนนักลงทุนเดนมาร์กในสาขาพลังงานที่สนใจ ด้านความร่วมมือในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี นายกรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่าทั้งสองประเทศมีศักยภาพเช่นเดียวกันที่จะสามารถขยายความร่วมมือไปยังภูมิภาคอื่น ผ่านกรอบความร่วมมือต่างๆ โดยเฉพาะสาขาที่เดนมาร์กมีความเชี่ยวชาญ เชื่อมั่นว่า ทั้งสองประเทศจะยกระดับความร่วมมือในทุกสาขาให้มีความใกล้ชิดและเป็นระบบมากขึ้น โดยเฉพาะในกรอบอาเซียนและการเน้นย้ําแนวคิดเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อประโยชน์ร่วมกันของประชาคมโลกในช่วงท้าย เอกอัครราชทูตเดนมาร์กฯ ได้สอบถามถึงประเด็นที่รัฐบาลให้ความสําคัญสําหรับการเลือกตั้งที่กําลังจะเกิดขึ้น นายกรัฐมนตรี เน้นย้ําว่า ไม่ว่าจะอยู่ในรัฐบาลใด ต้องคํานึงถึงการสร้างโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงประโยชน์มากที่สุด เพื่อลดความเหลื่อมล้ํา สร้างความเป็นธรรมในสังคม รวมถึงให้ความสําคัญกับการสร้างความเข้าใจให้ประชาชนเพื่อเดินหน้าไปสู่แนวทางตามหลักประชาธิปไตยได้อย่างมีคุณภาพ
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202150543522
null
รองนายกฯ อนุทิน ย้ำรัฐมนตรีไม่เกี่ยวการโยกย้าย ผอ.รพช. เป็นไปตามระเบียบราชการ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อํานวยการ รพ.จะนะ จ.สงขลา ที่ถูกคําสั่งย้ายไปดํารงตําแหน่งผู้อํานวยการ รพ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบธรรมาภิบาลของกระทรวงสาธารณสุขในการโยกย้ายผู้อํานวยการโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) ว่า เรื่องโยกย้ายตนเองในฐานะรัฐมนตรี ตอบไม่ได้ เป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญญชาตามกฎหมาย แต่ยืนยันเรื่องธรรมาภิบาล ปลัดกระทรวงสาธารณสุขในยุคของตนเอง 3 คน มีความยุติธรรม มุ่งทํางานตามนโยบายที่เน้นประโยชน์เพื่อสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก ทุกคนเติบโตในสายงานมาตามลําดับ ขับเคลื่อนงานได้ตามนโยบายทุกเรื่องไม่มีเรื่องที่ให้ตําหนิ มีแต่คําชื่นชม ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรแต่ทั่วโลกก็ยกไทยให้เป็นประเทศที่มีระบบสาธารณสุขดีเป็นลําดับต้นๆ ของโลก ถ้าคนที่ติดตามข่าวคงพิจารณาได้ในเรื่องนี้ ใครพูดให้ร้ายกระทรวงสาธารณสุข ก็ช่วยไม่ได้ ดีสุดคือต้องแผ่เมตตา การที่ นพ.สุภัทร ไม่ยอมย้ายโดยอ้างยังไม่ได้รับหนังสือคําสั่งอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่เรื่องของรัฐมนตรี ต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ มีผู้บังคับบัญชาตามลําดับชั้น ย้ําตนเองเหมือนอาทิตย์อัสดง ในเทอมนี้ ใกล้จะยุบสภา เริ่มเก็บของในกระทรวงฯ และถ่ายโอนงานให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขสานต่อ ไม่ต้องกลัวเรื่องตามเช็คบิลใคร ตนเองตายแล้วไม่วนเวียน หมดหน้าที่ก็ไปหาโอกาสต่างๆ ในชีวิต ย้ําไม่ใช่การสร้างเรื่องแล้วทิ้งไป ถ้าวุ่นจริงๆ ก็ต้องกลับมา แต่ไม่กังวล เพราะเชื่อในระบบราชการส่วนประเด็นที่มีการโยงว่าการที่พรรคภูมิใจไทย เข้าชื่อถอดถอนหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ออกมาขับเคลื่อนการย้าย นพ.สุภัทร เป็นการต่อสู้ของ 2 พรรคนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่สู้กับใคร หมอบตลอด สู้แต่กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สู้กับความเดือดร้อนของประชาชน สู้กับพวกที่คิดไม่ดีกับสถาบันพระมหากษัตริย์
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202143520500
null
แกนนำกลุ่มสามมิตร ยอมรับเตรียมย้ายพรรคไปช่วยงาน พลเอก ประยุทธ์ ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แกนนํากลุ่ม 3 มิตร ที่ประกอบด้วย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และตนเอง อาจจะแยกย้ายไปทํางานการเมืองคนละพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะเรื่องการเมืองอาจมีความคิดของแต่ละบุคคล ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าการทํางานกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความสุขและได้เห็นการทํางาน ความจริงใจ นายกรัฐมนตรี พร้อมปฏิเสธว่าไม่ทราบว่า นายสุริยะ และนายสมศักดิ์ จะตัดสินใจอย่างไร จะเป็นไปในลักษณะ 3 คน 3 พรรคตามที่สื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตหรือไม่ เพราะทั้ง 2 คน ยังคงอยู่พรรคพลังประชารัฐ จะมาทํางานร่วมกันหรือไม่เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน แต่ก็ยังคงรักษาความเป็นพี่เป็นน้อง ยังรักกันมั่นคง ซึ่งส่วนตัวยังไม่ทราบว่าจะลาออกเมื่อไหร่ เพราะยังต้องทําหน้าที่ผู้ประสานงาน ส.ส.และรัฐมนตรี อยู่ ยังคงต้องทําหน้าที่นี้ไปก่อน ดังนั้นจึงพูดอะไรไม่ได้ เวลานี้นายอนุชา ย้ําว่าเหตุผลที่อยากไปร่วมทํางานกับ พลเอก ประยุทธ์ เพราะได้เห็นถึงความจริงใจและตั้งใจทํางาน อีกทั้งการเป็นผู้นํารัฐบาลจนอยู่จนใกล้ครบวาระ ไม่ใช่เรื่องง่าย ของการมีพรรคร่วมรัฐบาลถือว่า เป็นผู้มีฝีมือในการบริหารราชการแผ่นดินและผ่านอปุสรรคผ่านมา และสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่น่าสนับสนุน ส่วน พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นบุคคลที่เคารพนับถือไม่เปลี่ยนแปลง ยังยึดมั่น เพราะเป็นคนดี แต่การจะไปร่วมงานกับ พลเอก ประยุทธ์ ยังไม่ได้ลากับ พลเอก ประวิตร อย่างเป็นทางการ
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202142622487
null
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นการจัดเก็บภาษีที่สร้างความเป็นธรรม
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ วันนี้ (2 ก.พ.66) นางบุศริณธญ์ วรพัฒนานันน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ ได้ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจานายกรัฐมนตรี เรื่องปัญหาการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่ง พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายให้ตอบกระทู้ถามแทนชี้แจงว่า พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นการจัดเก็บภาษีที่จะสร้างความเป็นธรรมและไม่ใช่สร้างภาระแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย เพราะเจตนาของภาษีนี้ผู้มีรายได้น้อยจะไม่ได้รับผลกระทบ โดยผู้ที่มีที่ดินเพื่ออยู่อาศัยและประกอบอาชีพไม่ถึง 50 ล้านบาท จะไม่ถูกจัดเก็บ โดยเฉพาะเรื่องของการเกษตรจะไม่ถูกจัดเก็บกฎหมายยกเว้นไว้ ซึ่งการเปลี่ยนฐานการจัดเก็บเปลี่ยนจากรายได้ที่เกิดขึ้นเป็นการประเมินทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้าง ดังนั้นผู้มีรายได้มากหรือคนรวยจะเป็นผู้เสียภาษีเพื่อสร้างความเป็นธรรมในการจัดเก็บและสะท้อนความเป็นจริง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังกล่าวอีกว่า กฎหมายฉบับนี้ยังมีข้อลดหย่อนภาษีให้กับผู้ทําการเกษตรและมีมาตรการช่วยเหลือบรรเทาต่างๆ เช่น กรณีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 ได้มีการยกเว้นการจัดเก็บภาษีถึงร้อยละ 90 เพื่อช่วยประชาชนที่มีรายได้น้อยไม่ให้ได้รับผลกระทบ
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202143034492
null
วันสถาปนาหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน ก้าวสู่ปีที่ 76 สู่การเป็นกลไกหลักด้านการเตรียมกำลังสำรอง
พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีวันสถาปนาหน่วยบัญชาการรักษาดินแดนครบรอบปีที่ 75 ปี ณ กองบัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เขตพระนคร กรุงเทพฯ โดยมี พลโท วสุ เจียมสุข ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน คณะผู้บังคับบัญชา และกําลังพลของหน่วยให้การต้อนรับ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) เป็นกรมฝ่ายกิจการพิเศษขึ้นตรงต่อกองทัพบก จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2491 ตามแนวความคิดในการที่จะฝึกวิชาทหารให้แก่ประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการเตรียมการด้านกําลังพลสําหรับการสงครามในอนาคต โดยเริ่มทําการฝึกผู้ที่จะมาเป็นผู้บังคับบัญชาก่อน จากนั้นจึงได้ทําการฝึกวิชาทหารให้กับพลเมืองต่อไป ซึ่งแนวคิดนี้ได้พัฒนามาเป็น “นักศึกษาวิชาทหาร” และดําเนินการเรื่อยมาในนามของ กรมการรักษาดินแดน และในปัจจุบันการดําเนินงานได้เน้นความทันสมัย ด้วยการนําระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและการให้บริการประชาชนในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งได้รับให้อนุมัติใช้เป็นปีแรกภายใต้ชื่อ Recruit 4.0 (สนับสนุนกิจการสัสดี) และ Reserve 4.0 (สนับสนุนกิจการกําลังพลสํารอง)ในส่วนของขอบเขตความรับผิดชอบครอบคลุม 4 กิจการ ประกอบด้วย กิจการกําลังพลสํารอง, กิจการนักศึกษาวิชาทหาร, กิจการสัสดี และกิจการอาสารักษาดินแดน มีหน่วยขึ้นตรง ประกอบด้วย ศูนย์การนักศึกษาวิชาทหาร (ศศท.)ศูนย์การกําลังสํารอง (ศสร.) และ กองพันทหารราบ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (พัน.ร.นรด.)
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202142829490
null
กกต. เติมเต็มภาคีเครือข่ายประชาสัมพันธ์ระดับ 14 จังหวัดภาคใต้ รองรับการเลือกตั้ง
วันนี้ (2 ก.พ.66) ที่โรงแรมดารา ภูเก็ต นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธานเปิดกิจกรรมการอบรมให้ความรู้แก่ภาคีเครือข่ายประชาสัมพันธ์ระดับจังหวัดเกี่ยวกับการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในแนวปฏิบัติ กฎหมาย กฎ ระเบียบที่ปรับปรุงเปลี่ยนไปตามห้วงเวลา และเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนาการประชาสัมพันธ์ของภาคีเครือข่าย สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งในระดับจังหวัด รุ่นที่ 3 โดยมี นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวต้อนรับ และนางสาวพัชรินทร์ รัตนวิภา ผู้อํานวยการสํานักประชาสัมพันธ์ สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวรายงาน สําหรับการอบรมในครั้งนี้มีการบรรยายในหัวข้อ การพัฒนาบุคลิกภาพของนักสื่อสารและการออกแบบสารในยุคดิจิทัล โดย พล.ต.ต.ชัชชรินร์ สว่างวงศ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดทําแผนปฏิบัติการการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ,การมีส่วนร่วมของเครือข่ายในการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง ส.ส. โดย นายคณิศร นุชนาฏ ที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดทําแผนปฏิบัติการการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง,การเป็นนักสื่อสารที่ทรงพลัง โดย นายเจริญ แก้วยอดหล้า ที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดทําแผนปฏิบัติการการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, กลยุทธ์การสื่อสารเพื่อเพิ่มจํานวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส. โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และ ระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนเรียนรู้หัวข้อ ความร่วมมือระหว่างส่วนกลางและจังหวัดในการรณรงค์การใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.โดย นางสาวพัชรินทร์ รัตนวิภา ผู้อํานวยการสํานักประชาสัมพันธ์ สนง.กกต.ทั้งนี้ การจัดอบรมได้ให้ความรู้แก่ภาคีเครือข่ายสื่อสารมวลชน จาก 14 จังหวัดภาคใต้ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้แก่ภาคีเครือข่ายสํานักงาน กกต. รับทราบข้อมูลและความรู้ความเข้าใจในแนวปฏิบัติ กฎหมาย กฎ ระเบียบที่ปรับปรุงเปลี่ยนไปตามห้วงเวลาและสถานการณ์และเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารการเลือกตั้งทุกระดับที่ถูกต้องอย่างเหมาะสมไปยังผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เข้า มามีส่วนร่วมในกระบวนการของการเลือกตั้งและออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างภาคีเครือข่ายสื่อมวลชนในการทํางานร่วมกันโดยผู้เข้าอบรมประกอบด้วย ผู้บริหาร พนักงานที่ทําหน้าที่เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ ของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจาจังหวัด ตัวแทนสื่อมวลชนจังหวัด ภาคเอกชนและตัวแทนสื่อมวลชนภาครัฐ จังหวัดละ 3 คน รวมผู้เข้าอบรมทั้งสิ้น 42 คน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
2/2/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สวท.ภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202140315468
null
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ต้อนรับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีตรัฐมนตรี และ ส.ส. กลับมาเติมเต็มความแข็งแกร่งพื้นที่นครราชสีมา
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย สวมเสื้อพรรคต้อนรับนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ อดีตรัฐมนตรีและ ส.ส. กลับบ้าน ลง ส.ส.เขต เพราะเป็นคนเก่าแก่ที่ร่วมก่อตั้งพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่สมัยบิดา นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล แม้จะห่างหายกันช่วงเกิดปฎิวัติ แต่ก็ไปมาหาสู่กันตลอดและเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลง ช่วงเลือกตั้งที่ ส.ส.ทีม ของนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ลาออกไปอยู่พรรคเพื่อไทย เป็นจังหวะที่เหมาะสมในการดึงคนเก่ากลับมา วันนี้ไม่ถือว่าพรรคเสียพื้นที่นครราชสีมา แต่ได้กลับมาเพิ่มด้วยซ้ํา ซึ่งการย้ายพรรคของ ส.ส. เก่าก็เป็นเรื่องที่เราดีใจ เพราะจะได้เลิกพูดว่าพรรคภูมิใจไทยดูด ส.ส. จากนี้พรรคเดินหน้ายุทธศาสตร์ เตรียมเลือกตั้ง เน้นปราศรัยใช้เวลาช่วงวันหยุดนอกเวลาราชการลงพื้นที่ทั่วประเทศสลับกรุงเทพมหานครส่วนทีมงานของนายวีรศักดิ์ จะย้ายไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย นายอนุทิน ระบุว่า รู้มานานแล้ว และมองว่าก็ดี ซึ่งทีมงานนายวีรศักดิ์ ไม่เคยทําอะไรให้กับพรรคภูมิใจไทยอยู่แล้ว จึงไม่ขุ่นเคืองหมองใจ อยู่ที่นี่ก็คุยกับนายวีรศักดิ์ เพียงคนเดียว ส่วนการดูแลประสานงานในพื้นที่ทางพรรคก็มีการแบ่งกันดูอยู่แล้วนายอนุทิน ยังกล่าวว่า ไม่ห่วงการถูกจับตาเรื่องหาเสียงแฝงในเวลาราชการ เพราะต้องดูที่เจตนาว่า ใช้ในวัตถุประสงค์ใด ซึ่งการเป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี เราเป็น 24 ชั่วโมง ย้ําต้องดูที่เจตนา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต้องลงพื้นที่ไปดูความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งประชาชนได้ประโยชน์ แต่เนื่องจากเป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง จึงมีการจ้องหาเรื่อง ดังนั้นต้องแยกแยะให้ได้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แสดงความยินดีกรณีนายกรัฐมนตรี จะเป็นบัญชีรายชื่อเบอร์ 1 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้กําลังใจกับทุกพรรคการเมือง ซึ่งพรรคภูมิใจไทย ขอให้กําลังใจทุกพรรคการเมือง ที่ร่วมกันทํางานเพื่อรับใช้ประชาชนขณะที่นายบุญจง มั่นใจนโยบายของพรรคภูมิใจไทย จะทําให้ได้รับชัยชนะไม่ใช่เฉพาะในพื้นที่นครราชสีมา แต่หมายถึงทั่วประเทศ พวกเราทุกคนจะทําเต็มที่ และด้วยบุคลิกของนายอนุทิน มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเดินเหินสะดวก กระฉับกระเฉง มีความรู้ความสามารถ ผ่านร้อน ผ่านหนาว ทํางานการเมือง เป็นเสนาบดีมาหลายกระทรวง และด้วยบุคลิกเช่นนี้ มั่นใจว่านายอนุทินจะดูแลประเทศชาติได้ พร้อมผลักดันให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี คนต่อไป
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202141611477
null
สภาผู้แทนราษฎร เกิดปัญหาองค์ประชุมไม่ครบต่อเนื่อง
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษวันนี้ (2 ก.พ.66) ในช่วงบ่ายได้พิจารณารับทราบรายงานการรับจ่ายเงินงบประมาณประจําปีงบประมาณ 2565 ซึ่งสมาชิกอภิปรายแสดงความเห็นตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับงบประมาณของรัฐสภา วงเงินกว่า 3,000 ล้านบาท ถือว่าไม่มากสําหรับการใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและช่วยเหลือประชาชนเมื่อเทียบกับงบประมาณของฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการกลับได้รับการจัดสรรเป็นจํานวนมาก ดังนั้นในการจัดสรรงบประมาณปี 2567 ขอให้มีการจัดสรรงบประมาณเพิ่มให้กับรัฐสภา เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนมีประสิทธิภาพจากนั้นเมื่อเข้าสู่การพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยเป็นการพิจารณาต่อเนื่องจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา เพื่อให้ที่ประชุมลงมติว่าจะรับหลักการหรือไม่ ซึ่งเมื่อประธานให้สมาชิกแสดงตนปรากฎว่าองค์ประชุมไม่ครบประธานจึงสั่งปิดประชุมทันที
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202142018480
null
พรรคเพื่อไทย เดินหน้าเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ภูเก็ต-พังงา ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย มั่นใจ เลือกตั้งรอบนี้ปักธงในพื้นที่ภาคใต้สำเร็จ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อํานวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเตรียมลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและพังงา ซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยวฝั่งทะเลอันดามัน มีแกนนําคนสําคัญเข้าร่วม นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย รวมถึงตนเองในฐานะผู้อํานวยการครอบครัวเพื่อไทย โดยจะมีการพบปะหารือกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว 3 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต พังงา กระบี่ พื้นที่ท่องเที่ยวสําคัญฝั่งอันดามัน ที่กําลังมีสัญญาณบวกด้านการท่องเที่ยว และมองว่า รัฐบาลควรมีบทบาทในการนํากลไกต่างๆ เข้ามาช่วยเสริมให้กับผู้ประกอบการ เพื่อเรียกคืนสิ่งที่ผู้ประกอบการสูญเสียไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจากสถานการณ์โควิด พร้อมจะนําเสนอนโยบายด้านการท่องเที่ยวของพรรคเพื่อไทย ที่ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิต วิถีชีวิตของคนพื้นที่อิงกับการท่องเที่ยว โดยมีผู้ซึ่งประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ภูเก็ต พรรคเพื่อไทย 3 คนเข้าร่วมหารือด้วยทั้งนี้พรรคเพื่อไทย จะส่งผู้ซึ่งประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ในพังงาครบทั้ง 2 เขต หนึ่งใน 2 เขตนี้มีนายกฤษ ศรีฟ้า อดีต ส.ส. ของพรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2558 เป็นความหวังสําคัญอีกเขตหนึ่งของพรรคเพื่อไทยในภาคใต้ รวมถึงนายธเนศ นาวาล่อง ที่รับราชการคลุกคลีคนในพื้นที่มาตลอด จะลงในอีกเขตด้วย เรามั่นใจว่าครั้งนี้ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยน่าจะได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชน เพราะหลายเขตหลายพื้นที่เป็นบุคลากรมีคุณภาพและลงพื้นที่ทํางานหนักอย่างต่อเนื่องนายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ทราบว่าพรรคเพื่อไทย จะยังไม่ประกาศตัวเลขคาดหวังในพื้นที่ภาคใต้ แม้จะเป็นรอง แต่จะทํางานสุดความสามารถ เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนให้ได้ พรรคเพื่อไทย มีทั้งนโยบายภาพใหญ่ของคนทั้งประเทศและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับภาคใต้ ทั้งท่องเที่ยว พืชผลทางการเกษตร ประมง มั่นใจว่าหากปักธงในภาคใต้ได้ จะทํางานเต็มที่และจะเคารพการตัดสินใจของประชาชนส่วนจุดยืนของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นไปได้ว่า พลเอก ประยุทธ์ จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อลําดับที่ 1 และเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ดังนั้น เชื่อว่า ประชาชนตัดสินใจได้ไม่ยาก จากปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ ตลอด 8 ปี ในส่วนของพรรคเพื่อไทย จะเดินหน้าด้วยนโยบายที่ปฏิบัติได้จริง แก้ปัญหาได้จริง โดยจะประกาศนโยบายชุดใหญ่ หลังยุบสภา
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202142340483
null
ครม. เห็นชอบยกระดับค่าจ้างแรงงานมาตรฐานฝีมือ 17 สาขาอาชีพ
สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบกําหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 3 สาขาอาชีพ รวม 17 สาขา ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 21 ครั้งที่ 11/2565 โดยกําหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 17 สาขา ดังนี้กลุ่มสาขาอาชีพช่างอุตสาหการ ประกอบด้วย สาขาช่างระบบส่งถ่ายกําลัง ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 495 บาทต่อวัน, สาขาช่างระบบปั๊มและวาล์ว 515 บาทต่อวัน, สาขาช่างประกอบโครงสร้างเหล็ก 500 บาทต่อวัน, สาขาช่างปรับ 500 บาทต่อวัน, สาขาผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมมิก - แม็ก ด้วยหุ่นยนต์ 520 บาทต่อวัน, สาขาช่างเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 545 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 635 บาทต่อวัน (ระดับ 3) 715 บาทต่อวันกลุ่มสาขาอาชีพช่างเครื่องกล สาขาช่างซ่อมรถแทรกเตอร์การเกษตร ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 465 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 535 บาทต่อวัน (ระดับ 3) 620 บาทต่อวัน, สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถตักหน้าขุดหลัง 585 บาทต่อวัน, สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถขุด 570 บาทต่อวัน, สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถลากจูง 555 บาทต่อวัน, สาขาพนักงานควบคุมเครื่องจักรรถตัก 520 บาทต่อวันกลุ่มสาขาอาชีพภาคบริการ สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (โภชนบําบัด) ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ (ระดับ 1) 500 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน, สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (วารีบําบัด) (ระดับ 1) 500 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน, สาขานักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (สุคนธบําบัด) (ระดับ 1) 500 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวัน, สาขาพนักงานผสมเครื่องดื่ม (ระดับ 1) 475 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 525 บาทต่อวัน (ระดับ 3) 600 บาทต่อวัน, สาขาการเลี้ยงดูเด็กปฐมวัย 530 บาทต่อวัน และสาขาช่างเครื่องช่วยคนพิการ (ระดับ 1) 520 บาทต่อวัน (ระดับ 2) 600 บาทต่อวันทั้งนี้ อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือจะมีผลใช้บังคับ 90 วัน หลังจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป เมื่อประกาศกําหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ําหรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือมีผลใช้บังคับแล้ว ห้ามไม่ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ํา หรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือที่กําหนด หากนายจ้างฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับอย่างไรก็ตาม อัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ ได้มีการประกาศก่อนหน้านี้แล้ว 112 สาขา และเมื่อมีประกาศเพิ่มอีก 17 สาขา รวมเป็น 129 สาขา ทําให้ครอบคลุมสาขาอาชีพที่ต้องการแรงงานฝีมือแรงงานมากยิ่งขึ้น ซึ่งในอนาคตต้องเร่งผลิตแรงงานเติมให้กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งกระจายไปในภาคอุตสาหกรรมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าอุปโภคบริโภค และดิจิทัล ที่มีอัตราการแข่งขันสูงในตลาด #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
2/2/2023
ภาคเหนือ
แพร่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202144323511
null
โครงการเปลี่ยนรถเมล์เอกชนเป็นรถโดยสารประจำทางไฟฟ้า ลดปริมาณฝุ่น PM 2.5
สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า การปล่อยไอเสียของรถยนต์ที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทําให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 การส่งเสริมให้เกิดการใช้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า Electric Vehicle (EV) ถือเป็นหนึ่งในพลังงานทางเลือก เพื่อเป็นการช่วยลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 อีกทั้งยังสอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนผ่านยานยนต์ทั่วโลกที่หันมาใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้นครม. เห็นชอบโครงการเปลี่ยนรถเมล์เอกชนเป็นรถโดยสารประจําทางไฟฟ้า (รถร่วมบริการ) ในพื้นที่ กทม. สําหรับโครงการโครงการเปลี่ยนรถเมล์ไฟฟ้ารถร่วมบริการเอกชน ถือเป็นการริเริ่มการเปลี่ยนผ่านจากรถโดยสารสาธารณะที่ใช้น้ํามันเชื้อเพลิงเป็นรถโดยสารสาธารณะที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หรือแบตเตอรี่สู่มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ทําให้ไม่มีการปล่อยไอเสียหรือก๊าซเรือนกระจกไม่ก่อให้เกิดมลพิษ อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบํารุงถูกกว่าน้ํามัน เมื่อไม่มีเครื่องยนต์จึงบํารุงรักษาง่าย และการทํางานของระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเงียบกว่าเครื่องยนต์ดีเซล ลดมลภาวะทางเสียงอีกด้วยทั้งนี้คาดว่าจะส่งผลให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจก 100 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อคัน หรือ 500,000 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์ ตั้งแต่ปี 2564-2573 ซึ่งจะส่งเสริมให้ประชาชนได้เดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะที่มีความทันสมัยปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษต่ํา การลดฝุ่น PM 2.5 เปลี่ยนจากพลังงานฟอสซิลเป็นพลังงานสะอาด เกิดการเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางของประชาชน ซึ่งช่วยให้คุณภาพสิ่งแวดล้อมคุณภาพ ชีวิตและสุขภาพของประชาชนดีขึ้นการดําเนินการดังกล่าว เป็นไปตามความตกลงปารีสระหว่างราชอาณาจักรไทยและสมาพันธรัฐสวิส ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือสําหรับการถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศ เปิดโอกาสให้ภาคส่วนในประเทศไทยสามารถถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างราชอาณาจักรไทยและสมาพันธรัฐสวิส ช่วยต่อยอดการดําเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ให้เป็นไปตามแผนนโยบายพลังงาน และยุทธศาสตร์พลังงานแห่งชาติ รองรับการเปลี่ยนผ่านพลังงานของประเทศ โดยเฉพาะการปรับตัวสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ํา รวมถึงการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าตามนโยบาย 30@30 ซึ่งไทยกําลังขับเคลื่อนเพื่อก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สําคัญของโลกสําหรับนโยบาย 30@30 คือแนวทางการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ของประเทศ ด้วยการตั้งเป้าผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี ค.ศ. 2030 เพื่อผลักดันไทยก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ํา (Low Carbon Society) ด้วยการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สําคัญของโลกหรือศูนย์กลางของภูมิภาค (EV Hub) เป้าหมายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า รถยนต์นั่งและกระบะ 725,000 คัน, รถจักรยานยนต์ 675,000 คัน, รถบัสและรถบรรทุก 34,000 คัน, ส่งเสริมการผลิต รถสามล้อ/รถไฟระบบราง/เรือโดยสาร เป้าหมายการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า รถยนต์นั่งและกระบะ 440,000 คัน, รถจักรยานยนต์ 650,000 คัน, รถบัสและรถบรรทุก 33,000 คัน, การส่งเสริมสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า, แบบ Fast Charge 12,000 หัวจ่าย, สถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่สําหรับจักรยานยนต์ไฟฟ้า 1,450 สถานี #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
2/2/2023
ภาคเหนือ
แพร่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202145019518
null
พรรคเพื่อไทย ยินดีให้นำร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาด ของพรรคเพื่อไทยไปใช้ แก้ไขปัญหา PM2.5
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 ในปัจจุบันที่มีความรุนแรง ว่า พรรคเพื่อไทยมีความยินดีหากฝ่ายบริหารจะปรับเอารูปแบบของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อากาศสะอาด ของพรรคเพื่อไทยไปใช้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหา PM2.5 สามารถขับเคลื่อนไปได้ พร้อมเชื่อว่า ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด จะเป็นความหวังเดียวที่ขับเคลื่อนได้ในฝ่ายนิติบัญญัติ นายจักรพล กล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่า การเรียกร้องของเราที่ให้หยิบยกร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ไม่ได้เป็นแค่คําพูดขึ้นมาลอยๆ เพราะได้ศึกษาและถอดบทเรียนมาหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 จะพูดถึงเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยจะเน้นถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202161532573
null
จ.ภูเก็ต กกต.พร้อมจัดการเลือกตั้งพร้อมจัดกิจกรรมการให้ความรู้แก่ภาคีเครือข่ายประชาสัมพันธ์ระดับจังหวัด ภาคใต้ 14 จังหวัด รุ่นที่ 3
วันนี้ (2 ก.พ.66) นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธานเปิดกิจกรรมการอบรมให้ความรู้แก่ภาคีเครือข่ายประชาสัมพันธ์ระดับจังหวัดเกี่ยวกับการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในแนวปฏิบัติ กฏหมาย กฏ ระเบียบที่ปรับปรุงเปลี่ยนไปตามห้วงเวลา และเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนาการประชาสัมพันธ์ของภาคีเครือข่ายสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งในระดับจังหวัด รุ่นที่ 3 โดยมีนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตกล่าวต้อนรับ และ นางสาวพัชรินทร์ รัตนวิภา ผู้อํานวยการสํานักประชาสัมพันธ์ สนง.กกต.กล่าวรายงาน ณ โรงแรมดารา ภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ซึ่งการอบรมในครั้งนี้มีการบรรยายในหัวข้อการพัฒนาบุคลิกภาพของนักสื่อสารและการออกแบบสารในยุคดิจิทัล โดย พล.ต.ต.ชัชชรินร์ สว่างวงศ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดทําแผนปฏิบัติการการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง,การมีส่วนร่วมของเครือข่ายในการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง ส.ส. โดยนายคณิศร นุชนาฏ ที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดทําแผนปฏิบัติการการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง,การเป็นนักสื่อสารที่ทรงพลัง โดยนายเจริญ แก้วยอดหล้า ที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดทําแผนปฏิบัติการการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ,กลยุทธ์การสื่อสารเพื่อเพิ่มจํานวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนเรียนรู้หัวข้อ ความร่วมมือระหว่างส่วนกลางและจังหวัดในการรณรงค์การใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.โดย นางสาวพัชรินทร์ รัตนวิภา ผู้อํานวยการสํานักประชาสัมพันธ์ สนง.กกต. โดยการจัดอบรมให้ความรู้แก่ภาคีเครือข่ายสื่อสารมวลชน ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ภาคีเครือข่ายสํานักงาน กกต. รับทราบข้อมูลและความรู้ความเข้าใจในแนวปฏิบัติ กฎหมาย กฎ ระเบียบที่ปรับปรุงเปลี่ยนไปตามห้วงเวลาและสถานการณ์และเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารการเลือกตั้งทุกระดับที่ถูกต้องอย่างเหมาะสมไปยังผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการของการเลือกตั้งและออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างภาคีเครือข่ายสื่อมวลชนในการทํางานร่วมกันโดยผู้เข้าอบรมประกอบด้วย ผู้บริหาร พนักงานที่ทําหน้าที่เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ ของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจาจังหวัด ตัวแทนสื่อมวลชนจังหวัด ภาคเอกชนและตัวแทนสื่อมวลชนภาครัฐ จังหวัดละ 3 คน รวมผู้เข้าอบรมทั้งสิ้น 42 คน นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า ในส่วนของการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นนั้นทางกกต.ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ตลอดในเรื่องนี้ก็มีคําถามเกี่ยวกับกกต.เหมือนกันว่าเรามีความพร้อมหรือไม่อย่างบอกว่าทําไม กกต.ถึงไม่แบ่งเขตไว้ก่อนหรือว่าทําไมเมื่อกฏหมายมีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ 29 นี้ทําไมเราไม่ประกาศเขตเลือกตั้งทันทีจริงๆ การแบ่งเขตเลือกตั้งต้องอาศัยกฏหมายให้อํานาจ ณ.วันที่กฏหมายยังไม่มีผลบังคับใช้เราได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วในทุกจังหวัดอย่างน้อยให้มีรูปแบบในการแบ่งเขตของแต่ละจังหวัดไม่น้อยกว่า 3 รูปแบบ เพื่อนําไปให้พรรคการเมืองและประชาชนให้ความเห็น 10 วัน ซึ่งขณะนี้เรามีไทม์ไลน์แล้วคือเอารูปแบบการแบ่งเขตอย่างน้อยจังหวัดละ 3 รูปแบบไปติดตามสถานที่กําหนดและก็เผยแพร่ทางช่องทางทางโซเซียลทางอินเตอร์เน็ตของสํานักงานให้ประชาชนได้รับฟังความเห็นตั้งแต่วันที่ 4 -13 กุมภาพันธ์ อันนี้เราย่นระยะเวลาไม่ได้ ตอนนี้ต้องบอกว่าขั้นตอนในการแบ่งเขตมีอยู่ 4 ขั้นตอน ต้องทําให้ครบทุกขั้นตอนแต่เราสามารถลดระยะเวลาให้เร็วขึ้นแต่ต้องทําให้ทุกขั้นตอน จึงจะชอบด้วยกฏหมายเราจะได้เขตประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้น จะให้พรรคการเมืองนําไปใช้ในการทําไฟรมารี่ เพื่อส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งต่อไปตอนนี้ ถือว่าเป็นไปตามทามไลน์ที่วางไว้ ซึ่งอาจจะเร็วกว่าด้วยซ้ําไป ซึ่งในทางบริหารและธุรการทาง กกต.ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ตลอด แต่เมื่อกฏหมายออกมา ต้องทําตามขั้นตอนตามกฏหมายไม่สามารถประกาศได้เลยทั้งๆ ที่เรามีอยู่แล้วแต่กฏหมายบอกว่าต้องทําหนึ่งสองสามสี่เมื่อครบเราจึงนําไปประกาศในราชกิจจานุเบกษา นายแสวง กล่าว#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
2/2/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202162458578
null
นายกรัฐมนตรี หารือเอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์กฯ เห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือทวิภาคีในสาขาที่มีศักยภาพ
นายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตราชรัฐลักเซมเบิร์กประจําประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่ ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทําเนียบรัฐบาล ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับประเด็นความร่วมมือที่สําคัญร่วมกัน ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกัน พร้อมได้เชิญคณะนักธุรกิจภายใต้หอการค้าลักเซมเบิร์กเดินทางเยือนไทย ภายหลังต้องเลื่อนกําหนดการออกไป จากสถานการณ์โควิด-19 และขอให้ลักเซมเบิร์ก เพิ่มการลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รัฐบาลไทยเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ําและเศรษฐกิจดิจิทัล โดยใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นเข็มทิศ ซึ่งสอดคล้องกับแผนปฏิรูปสีเขียวของสหภาพยุโรป (European Green Deal) จึงเห็นเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถส่งออกสินค้าสิ่งแวดล้อมระหว่างกันและลงทุนในธุรกิจสีเขียวได้ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่าย ยังยินดีส่งเสริมความร่วมมือด้านการเงิน ความร่วมมือไตรภาคีและในกรอบพหุภาคี นายกรัฐมนตรียินดีที่ไทยและสหภาพยุโรป สามารถบรรลุการเจรจาความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้าน พร้อมขอให้ลักเซมเบิร์กช่วยเร่งรัดกระบวนการให้สัตยาบันต่อ PCA เพื่อให้ PCA มีผลบังคับใช้ทั้งฉบับโดยเร็ว ตลอดจนขอให้ลักเซมเบิร์กช่วยสนับสนุนการฟื้นการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย – สหภาพยุโรป
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202182948643
null
รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลงพื้นที่ “อ่างเก็บน้ำห้วยลิงโจน”ท่ามกลางประชาชน จังหวัดยโสธรกว่า 2 พันคนให้การต้อนรับ
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อํานวยการกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) ลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดยโสธรเพื่อติดตามสถานการณ์น้ํา ความก้าวหน้า 10 มาตรการรับมือฤดูแล้ง ปี 2565/66 และโครงการพัฒนาแหล่งน้ําที่สําคัญในพื้นที่ ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ําห้วยลิงโจน บ้านหนองบึง ตําบลห้องแซง อําเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธรยโสธร โดยมีนายวิรุจวิชัยบุญ ผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร กล่าวต้อนรับ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) สรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ําในเขตพื้นที่ จังหวัดยโสธร และผู้แทนกรมชลประทาน นําเสนอผลการดําเนินงานให้รับทราบโดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ปลัดจังหวัด นายอําเภอเลิงนกทา หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นําท้องที่ท้องถิ่นตลอดจนประชาชนชาวจังหวัดยโสธรร่วมให้การต้อนรับรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ สทนช.บูรณาการร่วมกับทุกหน่วยงาน ดําเนินการตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้งอย่างเคร่งครัด พร้อมมอบหมายให้กรมชลประทานและ จังหวัดยโสธร พิจารณาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ําของอ่างเก็บน้ําห้วยลิงโจน ให้สามารถรองรับความต้องการใช้น้ําในอนาคตให้เพียงพอในทุกกิจกรรม และการป้องกันอุทกภัยในพื้นที่ รวมทั้งการพัฒนาแหล่งน้ําอื่นๆ เช่น แก้มลิงบ่อโจ้โก้ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งมอบหมายให้ จังหวัดยโสธรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันพิจารณาจัดทําแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ําให้ครอบคลุมปัญหาเรื่องน้ําทุกมิติ เพื่อขับเคลื่อนไปสู่แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.ยโสธร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202173109613
null
สถานีตำรวจภูธรสัตหีบ จ.ชลบุรี แถลงข่าวจับกุมเครือข่ายเอเย่นต์ยาบ้ารายใหญ่สัญลักษณ์ใบกัญชากว่า 65,300 เม็ด
พ.ต.อ.ปัญญา ดําเล็ก ผู้กํากับสถานีตํารวจภูธรสัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมด้วย เจ้าพนักงานชุดจับกุมนําโดยพ.ต.ท.เนธิวัตร ภูบาลชื่น รองผู้กํากับการ สารวัตรสืบสวน สภ.สัตหีบ นํากําลังชุดสืบสวน ร่วมกับ ตํารวจน้ําสัตหีบ จับกุมเอเยนต์ยาบ้ารายใหญ่ นายโชติวัฒน์ คุ้มซ่อนกลิ่น อายุ 28 ปี ข้อหา มียาเสพติดประเภทที่ 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่ายและจําหน่าย พร้อมของกลางยาบ้าสัญลักษณ์รูปใบกัญชาตรงกลาง 60,000 เม็ด สลิปการโอนเงิน 41,500 บาท และรถเก๋ง 1 คัน ร่วมด้วยนายณัฐพงศ์ อุทัยเก่า อายุ 35 ปี ข้อหาเดียวกันพร้อมของกลางยาบ้า 3,563 เม็ด และรถกระบะ 1 คันพ.ต.อ.ปัญญา ดําเล็ก ผู้กํากับสถานีตํารวจภูธรสัตหีบ จ.ชลบุรี กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นเอเย่นต์ยาเสพติดรายใหญ่ที่มีการกระจายยาบ้าเข้ามาจําหน่ายให้ในเขตพื้นที่อําเภอสัตหีบ โดยทําการล่อซื้อยาบ้า 60,000 เม็ด ก่อนมีการนัดหมายส่งมอบกันในเขตพื้นที่ อ.แกลง จ.ระยอง และได้ทําการขยายผลจับกุม เพิ่มเติมโดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เป็นเอเย่นจําหน่ายยาเสพติดมานาน มีเครือข่ายส่วนหนึ่งอยู่ฝั่งประเทศกัมพูชา โดยจะมีการติดต่อกันผ่านทางโทรศัพท์ ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตํารวจเตรียมขยายผลเข้าจับกุมลูกค้าในเครือข่ายต่อไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.ชลบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202173320614
null
จ.มุกดาหาร เสนอ 3 โครงการ ให้ พลเอกประวิตรฯ ผลักดันเพื่อแก้ไขปัญหาการปรับปรุงตลาดอินโดจีนและพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองชายโขง
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงที่พื้นที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อตรวจราชการติดตามการบริหารจัดการน้ําในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดย นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ได้ นําเสนอโครงการปัญหาความเดือดร้อนในพื้นที่ และแนวทางในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ําในแม่น้ําโขง รวมทั้งแนวทางการพัฒนาจังหวัดรวม 3 โครงการ โดยรองนายกรัฐมนตรีได้รับผลักดันทั้ง 3 โครงการได้แก่1. โครงการปรับปรุงพื้นที่ตลาดอินโดจีนมุกดาหาร งบประมาณ 94,228,850 บาท (เก้าสิบสี่ล้านสองแสนสองหมื่นแปดพันแปดร้อยห้าสิบบาทถ้วน)ซึ่งงบประมาณได้ถูกพับไปทําให้ผู้ประกอบการและประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน และต้องดําเนินการให้แล้วเสร็จต่อไป ซึ่งจะช่วยยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวชายโขง และ การค้าชายแดน2 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโครงการก่อสร้างถนนสาย “มุกดาสนุกสุขชายโขง “ งบประมาณ1,500 ล้านบาทเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวริมแม่น้ําโขงให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรองรับการพัฒนาการค้าชายแดนกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดมุกดาหารและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของจังหวัด3โครงการแล้งนี้ต้องมีน้ําด้วยพลังงานแสงอาทิตย์จากแม่น้ําโขง งบประมาณ100 ล้านบาทเพื่อติดตั้งระบบสูบน้ําด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ จํานวน 200 จุด (จุดละ 500,000.บาท) ให้เกษตรกรที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ําโขงใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการสูบน้ําในแม่น้ําโขงมาทําการเกษตรช่วยลดปัญหาการขาดแคนน้ําสําหรับการทําเกษตรในฤดูแล้งและช่วงฝนทิ้งช่วง ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น โดยเปิดโครงการแรงนี้ต้องมีน้ําต้นแบบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์จากแม่น้ําโขงที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารจุดสุดท้าย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการเติมน้ําเติมบุญเติมทุนพัฒนาอาชีพให้เกษตรกรสวนยางในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร โดยความร่วมมือระหว่างการยางแห่งประเทศไทยองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร และสภาเกษตรกรจังหวัดมุกดาหาร เพื่อจัดระบบน้ําในสวนยางให้มีประสิทธิภาพโดยการส่งเสริมการขุดเจาะน้ําบาดาลและติดตั้งระบบสูบน้ําพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง สามารถนํานวัตกรรมที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตได้อย่างคุ้มค่าต่อไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
2/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230202175618630
null
สนง.กกต.จัดกิจกรรมการให้ความรู้แก่ภาคีเครือข่ายประชาสัมพันธ์ระดับจังหวัด ภาคใต้ 14 จังหวัด รุ่นที่ 3
วันนี้ (2 ก.พ.66) นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธานเปิดกิจกรรมการอบรมให้ความรู้แก่ภาคีเครือข่ายประชาสัมพันธ์ระดับจังหวัดเกี่ยวกับการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในแนวปฏิบัติ กฏหมาย กฏ ระเบียบที่ปรับปรุงเปลี่ยนไปตามห้วงเวลา และเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนาการประชาสัมพันธ์ของภาคีเครือข่ายสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งในระดับจังหวัด รุ่นที่ 3 โดยมีนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตกล่าวต้อนรับ และ นางสาวพัชรินทร์ รัตนวิภา ผู้อํานวยการสํานักประชาสัมพันธ์ สนง.กกต.กล่าวรายงาน ณ โรงแรมดารา ภูเก็ต จังหวัดภูเก็ตการอบรมในครั้งนี้มีการบรรยายในหัวข้อ การพัฒนาบุคลิกภาพของนักสื่อสารและการออกแบบสารในยุคดิจิทัล โดย พล.ต.ต.ชัชชรินร์ สว่างวงศ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดทําแผนปฏิบัติการการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ,การมีส่วนร่วมของเครือข่ายในการประชาสัมพันธ์การเลือกตั้ง ส.ส. โดย นายคณิศร นุชนาฏ ที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดทําแผนปฏิบัติการการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง,การเป็นนักสื่อสารที่ทรงพลัง โดยนายเจริญ แก้วยอดหล้า ที่ปรึกษาคณะกรรมการจัดทําแผนปฏิบัติการการสื่อสารประชาสัมพันธ์ของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง,กลยุทธ์การสื่อสารเพื่อเพิ่มจํานวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.โดยรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนเรียนรู้หัวข้อ ความร่วมมือระหว่างส่วนกลางและจังหวัดในการรณรงค์การใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.โดย นางสาวพัชรินทร์ รัตนวิภา ผู้อํานวยการสํานักประชาสัมพันธ์ สนง.กกต.โดยการจัดอบรมให้ความรู้แก่ภาคีเครือข่ายสื่อสารมวลชน ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้แก่ภาคีเครือข่ายสํานักงาน กกต. รับทราบข้อมูลและความรู้ความเข้าใจในแนวปฏิบัติ กฎหมาย กฎ ระเบียบที่ปรับปรุงเปลี่ยนไปตามห้วงเวลาและสถานการณ์และเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารการเลือกตั้งทุกระดับที่ถูกต้องอย่างเหมาะสมไปยังผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้เข้า มามีส่วนร่วมในกระบวนการของการเลือกตั้งและออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่างภาคีเครือข่ายสื่อมวลชนในการทํางานร่วมกัน โดยผู้เข้าอบรมประกอบด้วย ผู้บริหาร พนักงานที่ทําหน้าที่เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ ของสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจาจังหวัด ตัวแทนสื่อมวลชนจังหวัด ภาคเอกชนและตัวแทนสื่อมวลชนภาครัฐ จังหวัดละ 3 คน รวมผู้เข้าอบรมทั้งสิ้น 42 คน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
2/2/2023
ภาคใต้
ระนอง
สวท.ระนอง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203004649721
null
นายกฯ พร้อมส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อสิ่งแวดล้อม ยินดีโรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนผาจุก จ.อุตรดิตถ์ เปิดใช้งานสนับสนุนโรงไฟฟ้าคาร์บอนต่ำ
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นแนวทางในการสร้างสังคมคาร์บอนต่ําตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่รัฐบาลได้เน้นย้ําและให้ความสําคัญ ซึ่งการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ําท้ายเขื่อนถือเป็นอีกปัจจัยสนับสนุนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่เดิมให้เกิดประโยชน์สูงสุด สร้างความยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ล่าสุด การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เปิดโรงไฟฟ้าพลังน้ําเขื่อนผาจุก อําเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งนับเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ําท้ายเขื่อนแห่งที่ 10 ของประเทศทั้งนี้ โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังน้ําท้ายเขื่อนชลประทาน ซึ่งปัจจุบันมีจํานวนทั้งสิ้น 3 ระยะ โดยเป็นการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ํา ณ บริเวณท้ายเขื่อนของกรมชลประทาน ก่อนระบายลงสู่ท้ายน้ําเพื่อใช้ประโยชน์หมุนเวียนต่อไป ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังน้ําเขื่อนผาจุก เป็นระยะที่ 3 ของโครงการฯ มีขนาดกําลังผลิตไฟฟ้ารวม 14 เมกะวัตต์ จํานวน 2 เครื่อง (เครื่องละ 7 เมกะวัตต์) ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ปีละประมาณ 91.26 ล้านกิโลวัตต์/ชั่วโมง สามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 45,000 ตัน/ปีนายกรัฐมนตรี เน้นย้ําถึงการใช้พลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด เป็นแนวทางสําคัญตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังน้ําท้ายเขื่อนสะท้อนผลสําเร็จที่เป็นรูปธรรม และเป็นความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน โดยจะช่วยสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้แก่พื้นที่ พร้อมเป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งเรียนรู้ด้านการใช้พลังงานหมุนเวียนและทรัพยากรน้ําให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งยังสามารถเป็นต้นแบบโรงไฟฟ้าคาร์บอนต่ําต่อยอดไปยังโครงการอื่นๆ ในอนาคตได้อีกด้วย
3/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203110812805
null
กกต.สมุทรปราการ แถลง 3 รูปแบบแบ่งเขต พร้อมจัดการเลือกตั้ง ส.ส. 8 เขต
นายวิรัตน์ เจริญวงศ์ ผู้อํานวยการการเลือกตั้งจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นายสมชาย เทพอารีนันท์ รองผู้อํานวยการการเลือกตั้งจังหวัดสมุทรปราการ น.ส.ประกายแก้ว คงใหญ่ หัวหน้ากลุ่มผู้อํานวยการ กกต.จังหวัดสมุทรปราการ นายธนภณ แผ่นคํา หัวหน้ากลุ่มงานจัดการเลือกตั้ง นายศิริชัย ตั้งรัตนพิบูลย์ หัวหน้ากลุ่มงานสืบสวน และพรรคการเมืองจังหวัดสมุทรปราการ ร่วมแถลงข่าวการแบ่งเขตการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ มีจํานวน 3 รูปแบบ แบ่งเขตการเลือกตั้ง ในการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งที่กําลังจะมีขึ้นในปี 2566 ณ สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จังหวัดสมุทรปราการ นายวิรัตน์ เจริญวงศ์ ผู้อํานวยการเลือกตั้ง(ผอ.กกต.) จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า กกต.จังหวัดสมุทรปราการ มีความพร้อมเรื่องการแบ่งเขต ส.ส.จํานวน 8 เขต ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ออกเป็น 3 รูปแบบ โดยเฉพาะ เขตเลือกตั้งที่ 1,3,6 และ 7 ยังคงใช้รูปแบบเดิม จากจํานวนประชากร 1,360,227 คน ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 2,4,5 และ 8 จําเป็นต้องแบ่งสัดส่วนเฉลี่ยจํานวนประชากรใหม่ เนื่องจากมีประชากรเพิ่มขึ้น โดยทาง กกต.จะปิดประกาศรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งทั้ง 3 รูปแบบ ไปยังหน่วยงานราชการทั่วจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็น หากมีข้อเสนอแนะสามารถแจ้งมายัง สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดสมุทรปราการ หมายเลขโทรศัพท์ 02-183-1046-8 ได้ระหว่างวันที่ 4- 13 กุมภาพันธ์ 2566ในขณะเดียวกัน ทาง กกต.จังหวัดสมุทรปราการ ได้มีประกาศเปิดรับสมัครผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้งและคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําเขตเลือกตั้ง โดยผู้สนใจสามารถยื่นใบสมัครได้ที่สํานักงาน กกต.จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างวันที่ 6 - 10 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
3/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สมุทรปราการ
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรปราการ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203091921738
null
รัฐบาล เชิญชวนลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน พร้อมรับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้ 100% 8 ปี และยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 แห่ง คือ จังหวัดตาก เชียงราย หนองคาย นครพนม มุกดาหาร สระแก้ว ตราด สงขลา นราธิวาส และกาญจนบุรี ซึ่งเป็นการปรับปรุงรายละเอียดมาตรการ เงื่อนไข และประเภทกิจการเป้าหมาย ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน (2566-3570) โดยมีผลตั้งแต่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ครอบคลุม 13 กลุ่มกิจการ คือ อุตสาหกรรมการเกษตร ประมง และกิจการที่เกี่ยวข้อง , การผลิตผลิตภัณฑ์และบริการทางการแพทย์ , การผลิตยานยนต์ เครื่องจักร และชิ้นส่วน , การผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ , การผลิตผลิตภัณฑ์เซรามิกส์ โลหะ และวัสดุ, การผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกและเยื่อกระดาษ , กิจการสาธารณูปโภค , นิคมหรือเขตอุตสาหกรรม , การผลิตสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องหนัง , การผลิตอัญมณีและเครื่องประดับ , การผลิตเครื่องเรือน , กิจการเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว และกิจการบริการ สําหรับสิทธิประโยชน์ กรณีเป็นประเภทกิจการเป้าหมาย (89 กิจการ) จะได้รับสิทธิและประโยชน์ เช่น ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าสําหรับเครื่องจักร และได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 8 ปี สัดส่วนไม่เกินร้อยละ 100 ของเงินลงทุน โดยไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน ส่วนกรณีเป็นประเภทกิจการทั่วไป จะได้รับสิทธิและประโยชน์ เช่น ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าสาหรับเครื่องจักร ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมเป็นระยะเวลา 3 ปี แต่รวมแล้วไม่เกิน 8 ปี และได้รับอนุญาตให้หักเงินลงทุนในการติดตั้งหรือก่อสร้างสิ่งอํานวยความสะดวก ร้อยละ 25 ของเงินลงทุน นอกเหนือไปจากการหักค่าเสื่อมราคาตามปกติ อย่างไรก็ตาม หากเป็นการลงทุนในจังหวัดนราธิวาส จะได้รับสิทธิและประโยชน์มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่โครงการเมืองต้นแบบจังหวัดชายแดนภาคใต้รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ภาพรวมการลงทุนของภาคเอกชนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนนับตั้งแต่ปี 2558 อยู่ที่ 38,000 ล้านบาท และคู่ขนานการส่งเสริมการลงทุนผ่านมาตรการภาษีและที่ไม่ใช่ภาษี รัฐบาลยังได้เดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงกับจังหวัดต่าง ๆ รวมถึงจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงานในทุกจังหวัดชายแดน เพื่อสนับสนุนการใช้แรงงานต่างด้าวอย่างถูกต้องสอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ผู้ประกอบการที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
3/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203110142793
null
ตำรวจไซเบอร์บุกค้นบ้านเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์มาเก๊า 888 ในจังหวัดนนทบุรี
ช่วงเช้าวันนี้ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คําชํานาญ รองผู้บัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 และเจ้าหน้าที่ตํารวจในสังกัด หมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านพักบริเวณถนนเลียบคลองประปา อําเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ที่สืบทราบว่าเป็นของนายณัฐพงศ์ ระชินลา หนึ่งในผู้ต้องหาเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์มาเก๊า 888 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนันและร่วมกันฟอกเงิน ทําหน้าที่ด้านการเงินการธนาคารและรวบรวมโพยพนัน โดยนายณัฐพงศ์ฯได้หลบหนีออกไปก่อนการเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไปจับกุมตัวได้ที่จังหวัดอุดรธานีพล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างนําตัวนายณัฐพงศ์ฯ มาสอบสวนที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตํารวจมั่นใจว่า มีพยานหลักฐานเพียงพอที่สามารถจะดําเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ และหลังจากนี้จะได้เข้าทําการตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยว่าใช้เป็นสถานที่ฟอกเงิน พร้อมทั้งตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไป
3/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203153222961
null
สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดตรัง จัดกิจกรรมโปรแกรมป้องกันการเสพซ้ำให้แก่ผู้ถูกคุมความประพฤติที่อยู่ในความดูแลของสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดตรัง
นายอภัย เอียดบัว ผู้อํานวยการสํานักงานคุมประพฤติและยุติธรรมจังหวัดตรัง มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มคุมประพฤติพื้นที่ 1 สํานักงานคุมประพฤติจังหวัดตรัง จัดกิจกรรมโปรแกรมป้องกันการเสพซ้ําให้แก่ผู้ถูกคุมความประพฤติที่อยู่ในความดูแลของสํานักงานคุมประพฤติจังหวัดตรัง ณ ห้องประชุมเทศบาลตําบลห้วยยอด อําเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เพื่อให้ผู้ถูกคุมความประพฤติได้รู้จักสํารวจชีวิตตนเองให้สามารถดําเนินชีวิตโดยการหลีกเลี่ยงการกลับไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด นําไปสู่การเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองในทางที่ดีขึ้นทั้งนี้ กรมคุมประพฤติพยายามพัฒนาแนวทางการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทําผิดในฐานความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สําคัญที่มีโอกาสกระทําผิดซ้ําสูง จึงต้องมีการจัดโปรแกรมแก้ไขฟื้นฟูที่เหมาะสมและเป็นพิเศษจากผู้กระทําผิดกลุ่มอื่นๆ อีกทั้ง กรมคุมประพฤติตระหนักดีว่าปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สวัสดิภาพทางสังคม หรือแม้กระทั่งเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ ผู้ใช้สารเสพติดมักก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องการก่ออาชญากรรม ทะเลาะ ทําร้ายร่างกาย ส่งผลกระทบถึงบุคคลในครอบครัว สังคม และประเทศชาติ กรมคุมประพฤติ จึงมีความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานโปรแกรมแก้ไขฟื้นฟู เพื่อให้ผู้ถูกคุมความประพฤติในคดียาเสพติดได้รับการบําบัดรักษาที่เหมาะสม สามารถแก้ไขพัฒนาพฤติกรรมตนเอง นําความผิดพลาดมาเป็นบทเรียนในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เพื่อเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของสังคม ประเทศชาติ และส่งผลต่อการลดอัตราการกระทําผิดซ้ําของผู้ถูกคุมความประพฤติได้อย่างเป็นรูปธรรม#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
3/2/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203094450755
null
รัฐบาล เร่งเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานทั่วประเทศ รองรับการเดินทางและขนส่งทั้งในและระหว่างประเทศ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินแห่งการท่องเที่ยวและการขนส่ง
นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลเร่งเพิ่มขีดความสามารถท่าอากาศยานทั่วประเทศเพื่อรองรับการเดินทางและขนส่งทั้งในและระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น รองรับการเดินทางเชื่อมโยงกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินแห่งการท่องเที่ยวและการขนส่ง ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานขอนแก่น เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2560 มูลค่าโครงการก่อสร้างกว่า 2,000 ล้านบาท สําหรับโครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานขอนแก่น เป็นส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยในระยะ 8 ปี ประกอบด้วย งานก่อสร้างอาคารจอดรถยนต์หลังใหม่ และปรับปรุงอาคารจอดรถยนต์หลังเดิม งานก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารหลังใหม่ และปรับปรุงอาคารที่พักผู้โดยสารหลังเดิม รองรับผู้โดยสารได้ 1,000 คนต่อชั่วโมง เป็น 2,000 คนต่อชั่วโมง หรือ 5 ล้านคนต่อปี อาคารจอดรถยนต์เดิม 5 ชั้น ปรับปรุงเป็น 7 ชั้น รองรับการจอดรถยนต์ได้กว่า 1,000 คัน ซึ่งมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องเกินกว่าร้อยละ 88 แล้ว โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการภายในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งการพัฒนานี้เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม ด้วยการมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี เสริมสร้างความปลอดภัยในการเดินทางและการขนส่ง และเชื่อมโยงโครงข่ายกับประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในภูมิภาค
3/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203105808787
null
ปภ. ร่วมกับกองทัพบก ส่งเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA-32 ขึ้นประจำการภาคเหนือ สนับสนุนควบคุมไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ 17 จังหวัด ตั้งแต่ 7 ก.พ. นี้ เป็นต้นไป
นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ตอนบนของประเทศ พบว่า ภาคเหนือ 17 จังหวัด มีจํานวนการเกิดจุดความร้อน (Hotspot) สะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 1 กุมภาพันธ์ 2566 จํานวน 14,432 จุด (ข้อมูลวันที่ 2 ก.พ.66) ซึ่งภาพรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าในภาคเหนือ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกับกองทัพบก จัดส่งเฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA-32 จํานวน 2 ลํา พร้อมด้วยนักบิน ช่างประจําอากาศยาน และชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต ร่วมสนับสนุนภารกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป โดยมีฐานปฏิบัติการ 2 จุด ได้แก่ ฐานปฏิบัติการที่ 1 พล.ร.7 ค่ายทหารเสือพระองค์ดํา อําเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ โดยจะประจําการทั้ง 2 ลํา ช่วงวันที่ 7 – 22 กุมภาพันธ์ 2566 และฐานปฏิบัติการที่ 2 เฮลิคอปเตอร์บรรเทาสาธารณภัย KA-32 จํานวน 1 ลํา จากเชียงใหม่ จะบินไปประจําการ ณ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 ค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ อําเภอเมืองพิษณุโลกจังหวัดพิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป ซึ่งทั้ง 2 ลํา จะประจําการเพื่อสนับสนุนการควบคุมไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนืออย่างต่อเนื่องจนสิ้นสุดฤดูกาล ส่วนของการสนับสนุนภารกิจการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันภาคพื้นดิน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เตรียมพร้อมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการแก้ไขไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในภาคเหนือ เช่น ชุดยานยนต์ดับเพลิง รถบรรทุกน้ําช่วยดับเพลิง 10,000 ลิตร และชุดเครื่องจักรกลด้านไฟป่าและหมอกควัน เพื่อเข้าปฏิบัติการสนับสนุนพื้นที่เสี่ยงเกิดไฟป่าแล้วพร้อมจัดทีมประเมินสถานการณ์เป็นประจําทุกวัน โดยเฉพาะ ข้อมูลจุดความร้อน (Hotspot) ตามวงรอบการรายงานข้อมูลดาวเทียมของ GISTDA เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึก และวางแผนการบริหารจัดการในเชิงพื้นที่ ช่วยเสริมประสิทธิภาพการติดตามข้อมูลและการบัญชาการเหตุการณ์แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด
3/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.จันทบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203105420782
null
รองนายกรัฐมนตรี เชื่อเหตุสภาล่มไม่ใช่เหตุผลยุบสภา พร้อมคาดการณ์ยังสามารถเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติได้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเสรีรวมไทย ออกมาแสดงความเป็นห่วงการลงพื้นที่ตรวจราชการของพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เกรงจะเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง ว่า ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร เพราะไม่ทราบถึงกําหนดการลงพื้นที่ของพลเอก ประวิตร รวมถึงภารกิจของนายกรัฐมนตรี ด้วยส่วนสถานการณ์สภาล่มบ่อยครั้งในระยะหลังนี้ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้ทําใจ เพราะใกล้ปิดสมัยประชุมสภาฯแล้ว ซึ่งในวันอังคารหน้าจะเสนอพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมแล้ว แต่เรื่องสภาฯ ล่มบ่อยครั้งไม่ได้เป็นเหตุผลที่จะมีการยุบสภา เพราะหากมีการยุบสภาตอนนี้ก็ยังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ เนื่องจากการแบ่งเขตเลือกตั้งยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งรัฐบาลได้หารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว ว่าจะไม่ส่งกฎหมายสําคัญเข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ ด้วย เนื่องจากการประชุมเหลืออีกเพียง 4 ครั้ง และยังต้องมีการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติอีก 1 ครั้ง เหลืออีก 3 ครั้ง อาจต้องมีการพิจารณาออกพระราชกําหนดส่วนจะมีการเล่นเกม จนไม่สามารถเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ แบบไม่ครบองค์ประชุมหรือไม่ นายวิษณุ เชื่อว่า ไม่มีปัญหาที่จะเปิดอภิปราย แต่จะเล่นเกมนับองค์ประชุมหรือไม่ ไม่ทราบ เพราะสามารถทําได้อยู่แล้ว แต่ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ได้กําชับพรรคร่วมรัฐบาลกําชับ ส.ส.ของพรรคให้ความร่วมมือ ขณะที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้อ่านจดหมายของประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ขอความร่วมมือ เพื่อรักษาเกียรติประวัติและเป็นผลงานของสภาฯ ที่จะมีการบันทึกไว้ อย่างไรก็ตาม เป็นเพียงบางพรรคบางคนเท่านั้น ที่จะแสดงความไม่พร้อม ส่วนตัว เชื่อว่าไม่มีปัญหาในการอภิปรายทั่วไปดังกล่าว ขณะที่รัฐบาลก็พร้อมที่จะชี้แจง แต่หากไม่มีปัญหาขาดประชุม จนต้องมีการเสนอนับองค์ประชุมก็ไม่มีปัญหารองนายกรัฐมนตรี ย้ําว่า การย้ายสังกัดพรรคของ ส.ส. จะนับจากวันเลือกตั้งถอยหลังมา ดังนั้นหากยุบสภาก็ต้องนับจากวันเลือกตั้ง และหากมีการยุบสภาเกิดขึ้น การเลือกตั้งก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 ซึ่งก็ยังย้ายเข้าสังกัดพรรคได้ทันตามกรอบเวลา ที่จะต้องสังกัดพรรคก่อนวันเลือกตั้ง 30 วันแน่นอน แต่หากสภาครบวาระ 23 มีนาคม 2566 ส.ส.จะต้องย้ายพรรคก่อน 7 มีนาคม เพื่อจะได้สังกัดพรรคครบวาระ 90 วัน
3/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203144725934
null
รัฐบาลย้ำเตือน แรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ให้รีบรายงานตัวกลับไทยถึง 28 กุมภาพันธ์นี้
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากข้อมูลจากสํานักงานตรวจคนเข้าเมืองของเกาหลีใต้ พบว่าปัจจุบันแรงงานไทยที่ลักลอบทํางานในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมายมีจํานวนกว่าแสนคน ย้ําเตือนคนไทยที่ต้องการไปทํางานในเกาหลีใต้ขอให้เดินทางไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายผ่านกรมการจัดหางาน อย่าหลงเชื่อคําชักชวนเข้าไปทํางานอย่างผิดกฎหมาย เพราะจะทําให้เข้าถึงสิทธิสวัสดิการทําได้ยาก ไม่มีประกันสุขภาพ ถูกเอาเปรียบในเรื่องของค่าจ้างและต้องอยู่อย่างหลบซ่อน กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ แจ้งเตือนคนไทยในเกาหลีใต้ที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย ให้ไปรายงานตัวกลับไทยโดยสมัครใจถึง 28 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ หลังทางการเกาหลีใต้เปิดให้รายงานตัวมาตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นมาโดยสามารถรายงานตัวที่สํานักงานตรวจคนเข้าเมืองหรือผ่านออนไลน์ที่ www.hikorea.go.kr พร้อมกับเอกสารประกอบคือ พาสปอร์ต ใบแจ้งการเดินทาง และบัตรโดยสารเครื่องบิน สําหรับผู้ที่ไปรายงานตัวภายในระยะเวลาที่กําหนด จะได้รับการยกเว้นค่าปรับจํานวน 30 ล้านวอน หรือประมาณ 800,000 บาท และอาจเดินทางกลับเข้าเกาหลีใต้ได้อีก หากไม่ไปรายงานตัวภายในระยะเวลาที่กําหนด จะต้องชําระค่าปรับและจะถูกเพิ่มความเข้มงวดในการเดินทางกลับเข้าเกาหลีใต้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Immigration Contact Center โทร.1345 (มีล่ามภาษาไทยบริการ) หรือติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล หรือ Facebook: สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล/ Royal Thai Embassy, Seoul
3/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203152750956
null
คณะกรรมาธิการฯ ติดตามการทุจริต ประพฤติมิชอบ และเสริมสร้างธรรมาภิบาล จังหวัดเชียงใหม่
คณะกรรมาธิการ ลงพื้นที่ติดตาม ตรวจสอบการทุจริต ประพฤติมิชอบ และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา จังหวัดเชียงใหม่ เน้นย้ําสร้างการปลูกจิตสํานึกและสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต วันนี้ (3 ก.พ. 66) นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มอบหมายให้ นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นําส่วนราชการประชุมร่วมกับ พลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต ประพฤติมิชอบ และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา และคณะ ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารอํานวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้เดินทางมาติดตามผลการดําเนินงานของคณะกรรมการผลักดันการดําเนินงานตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ จังหวัดเชียงใหม่นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่มีการสร้างธรรมาภิบาล และดูแลเรื่องการทุจริต ประพฤติมิชอบที่หลากหลาย โดยในเขตเมืองเป็นพื้นที่ที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ขณะที่พื้นที่รอบนอกยังคงมีปัญหาในการเข้าถึงการบริการของภาครัฐ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันขับเคลื่อนสร้างธรรมาภิบาล และให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมด้าน นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สี่ ได้เน้นย้ําถึงการสร้างวัฒนธรรมและความซื่อสัตย์ สุจริต โดยเฉพาะในกลุ่มของเจ้าหน้าที่ภาครัฐและเยาวชน และขอให้มีการสร้างเครือข่าย รวมถึงพื้นที่ข่าวเชิงบวก เพื่อปลูกจิตสํานึกและร่วมสร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
3/2/2023
ภาคเหนือ
เชียงใหม่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203114220820
null
กอ.รมน. เชิญชวนประชาชนร่วมสดุดีและรำลึกถึงวีรกรรมทหารกล้า เนื่องในวันทหารผ่านศึก 3 ก.พ. 66
พันเอก หญิง นุชระวี แจ่มจํารัส รองโฆษกกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. เปิดเผยว่า ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปีเป็นวันทหารผ่านศึก ซึ่งเป็นโอกาสที่ประชาชนทั่วไป หน่วยงานส่วนราชการและภาคเอกชน จะมีส่วนร่วมในการสดุดีเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึกที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ โดยในปีนี้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้กําหนดจัดพิธีเนื่องในวันทหารผ่านศึก 3 กุมภาพันธ์ 2566 ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ประกอบด้วย พิธีบําเพ็ญกุศลทางศาสนา เพื่ออุทิศส่วนกุศลแก่ดวงวิญญาณของทหารผ่านศึก พิธีจุดตะเกียงโบราณ พิธีจุดตะเกียงตามประทีปดวงวิญญาณและสักการะอัฐิ พิธีเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึกดีเด่นประจําปี 2566 รวมถึงพิธีวางพวงมาลาเพื่อรําลึกถึงวีรกรรมและความเสียสละของทหารกล้า ทั้งนี้ ประชาชนสามารถร่วมระลึกถึงคุณความดีของเหล่าทหารกล้า ด้วยการร่วมวางพวงมาลา เนื่องในวันทหารผ่านศึก ประจําปี 2566 สดุดีวีรกรรมทหารกล้า 3 กุมภาพันธ์ วันทหารผ่านศึก ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก และร่วมบริจาคให้แก่ทหารผ่านศึก และครอบครัวผู้เสียสละผ่านการซื้อดอกป๊อปปี้ หรือ การดาวน์โหลดสติ๊กเกอร์ไลน์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เพื่อนําไปช่วยเหลือทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึก และทหารนอกประจําการต่อไป
3/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203144815935
null
ส.ปชส.ตราด ประชาสัมพันธ์ ครม. เคาะอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ 3 อาชีพ รวม 17 สาขา หนุนแรงงานฝีมือรับค่าจ้างอย่างเป็นธรรม
(3 ก.พ. 66) สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด รายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 เห็นชอบกําหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ สําหรับแรงงาน 3 กลุ่มอาชีพ 17 สาขา เพื่อส่งเสริมให้ลูกจ้างที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ในแต่ละสาขาอาชีพและแต่ละระดับได้รับค่าจ้างที่เหมาะสม เป็นธรรม สอดคล้องกับทักษะฝีมือ ความรู้ ความสามารถ และการจ้างงานในตลาดแรงงาน 3 กลุ่มสาขาอาชีพ ประกอบด้วยกลุ่มสาขาอาชีพช่างอุตสาหการ รวม 6 สาขา1.ช่างระบบถ่ายกําลัง 495 บาท/วัน 2.ช่างระบบปั๊มและวาล์ว 515 บาท/วัน 3.ช่างประกอบโครงสร้างเหล็ก 500 บาท/วัน 4.ช่างปรับ 500 บาท/วัน 5.ผู้ควบคุมระบบงานเชื่อมมิก - แม็ก ด้วยหุ่นยนต์ 520 บาท/วัน 6.ช่างเมคคาทรอนิกส์และหุ่นยนต์อุตสาหกรรม (ระดับ 1) 545 บาท/วัน (ระดับ 2) 635 บาท/วัน (ระดับ 3) 715 บาท/วันกลุ่มสาขาอาชีพช่างเครื่องกล รวม 5 สาขา1.ช่างซ่อมรถแทรกเตอร์การเกษตร (ระดับ 1) 465 บาท/วัน (ระดับ 2) 535 บาท/วัน (ระดับ 3) 620 บาท/วัน 2.พนักงานควบคุมเครื่องจักรรถตักหน้าขุดหลัง 585 บาท/วัน 3.พนักงานควบคุมเครื่องจักรรถขุด 570 บาท/วัน4.พนักงานควบคุมเครื่องจักรรถลากจูง 555 บาท/วัน 5.พนักงานควบคุมเครื่องจักรรถตัก 520 บาท/วันกลุ่มสาขาอาชีพภาคบริการ รวม 6 สาขา1.นักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (โภชนบําบัด) (ระดับ 1) 500 บาท/วัน (ระดับ 2) 600 บาท/วัน 2.นักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (วารีบําบัด) (ระดับ 1) 500 บาท/วัน (ระดับ 2) 600 บาท/วัน 3.นักส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ไทยสัปปายะ (สุคนธบําบัด) (ระดับ 1) 500 บาท/วัน (ระดับ 2) 600 บาท/วัน 4.พนักงานผสมเครื่องดื่ม (ระดับ 1) 475 บาท/วัน (ระดับ 2) 525 บาท/วัน (ระดับ 3) 600 บาท/วัน 5.ผู้เลี้ยงดูเด็กปฐมวัย 530 บาท/วัน 6.ช่างเครื่องช่วยคนพิการ (ระดับ 1) 520 บาท/วัน (ระดับ 2) 600 บาท/วันโดยอัตราค่าจ้างฯ นี้ จะมีผลใช้บังคับ 90 วัน หลังจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อมีผลใช้บังคับแล้ว ห้ามไม่ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ําหรืออัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือที่กําหนด หากนายจ้างฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
3/2/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203131002859
null
กองทัพบกจัดกิจกรรมเนื่องในวันทหารผ่านศึก ประจำปี 2566
พลเอก ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก ผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานจัดกิจกรรมเนื่องในวันทหารผ่านศึก ประจําปี 2566 ณ กองบัญชาการกองทัพบก โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงและกําลังพลของกองทัพบกร่วมงาน สําหรับกิจกรรมวันนี้ ประกอบด้วย พิธีมอบเงินช่วยเหลือให้แก่ทายาทและครอบครัวผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ พิธีวางพวงมาลา ณ อนุสรณ์ทหารสละชีพเพื่อชาติ และวางพวงมาลาแด่เหล่าทหารและอาสาสมัครผู้สละชีพเพื่อชาติ ณ กําแพงอนุสรณ์กองทัพบก โดยภายในงานมีการยิงสลุต3 ชุด โดยหมู่ปืนเล็ก ซึ่งจัดจากกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 เพื่อเป็นการสดุดีเหล่าทหารหาญ จากนั้นเข้าสู่พิธีสงฆ์ ณ ลานหน้ากําแพงอนุสรณ์กองทัพบก วันทหารผ่านศึก ตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปี เนื่องจากหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือหลังสงครามมหาเอเชียบูรพาสิ้นสุดลง มีทหารไทยจํานวนมากที่ถูกปลดประจําการ จึงได้มีเสียงเรียกร้องขอให้ทางการพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ทหารเหล่านั้น ดังนั้น ในปี 2490 กระทรวงกลาโหมอันเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในด้านนี้โดยตรง จึงได้จัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ทหารที่กลับจากปฏิบัติการรบและช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตในการรบ กระทรวงกลาโหมได้เสนอพระราชบัญญัติจัดตั้งองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกขึ้น และยึดเอาวันที่ 3 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันทหารผ่านศึก
3/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203153017958
null
พรรคก้าวไกล เปิดเวทีพบปะประชาชนจังหวัดน่าน นำเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการทำได้ทันที
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยแกนนํา และ ส.ส. พรรคก้าวไกล เช่น นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตบางขุนเทียน ร่วมจัดเวทีพบปะประชาชนที่จังหวัดน่าน พร้อมนําเสนอนโยบายและตอบคําถามประชาชนในหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นที่เป็นที่สนใจของประชาชน เช่น เรื่องเศรษฐกิจปากท้องประชาชนและปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ เป็นต้น รวมทั้งได้นําเสนอนโยบายรัฐสวัสดิการของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะเรื่องเงินผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่จะปรับเบี้ยยังขีพจาก 600 บาทต่อเดือน ให้เป็น 3,000 บาทต่อเดือน ซึ่งพรรคก้าวไกลได้ศึกษามาระยะหนึ่งแล้ว เห็นว่าแหล่งรายได้ที่จะนํามาใช้ทํานโยบายดังกล่าวมาจากไหนและสามารถทําได้ทันที หากพรรคก้าวไกลได้รับความไว้วางใจจากประชาชน โดยขอเพียงมีอายุ 60 ปีขึ้นไปและเป็นคนไทย จะได้รับสิทธิทันทีไม่ต้องลงทะเบียน ส่วนปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ที่นับวันสถานการณ์มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น โดยพรรคมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาในภาพใหญ่คือ ด้านโครงสร้างอํานาจจะต้องมีการผ่านพระราชบัญญัติสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ ที่ให้อํานาจอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ สามารถบังคับใช้มาตรการควบคุมมลพิษได้ ส่วนมาตรการอื่นๆ จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนรถเมล์เก่าให้เป็นรถเมล์ไฟฟ้า (EV bus) ทั้งหมดภายใน 7 ปี การส่งเสริมให้เกิด car free day ด้วยการงดเก็บค่าบริการขนส่งสาธารณะ การเลิกการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินภายในปี 2580 การกระจายอํานาจ การดับไฟป่าไปให้ท้องถิ่น และการแก้ปัญหาร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีปัญหาการเผาไหม้ป่า เป็นต้น ส่วนปัญหาฝุ่นและหมอกควันข้ามแดนนั้น เห็นว่านายกรัฐมนตรีต้องมีความเป็นสากลสามารถใช้กลไกอาเซียนเพื่อขับเคลื่อนการแก้ปัญหาร่วมกับชาติอาเซียนได้
3/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203152519955
null
เจ้าหน้าที่ ตชด. อส. อ.เบตง จ.ยะลา จับพ่อค้า นำยาไปส่งให้ลูกค้า ค้นบ้านเจอวัตถุออกฤทธิ์ ยาบ้า ยาไอซ์ ฝั่งดินหลังบ้าน อ้างเป็นของเพื่อนนำมาฝากไว้
วันที่ 3 ก.พ.66 ร.ต.ท.ณัฐีร์ ปัญจสิริวิทย์ หัวหน้าชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ร้อย ตชด.445 สืบทราบว่าช่วงค่ําและช่วงดึกๆมักมีพ่อค้ายา นํายาเสพติดจากในหมู่บ้านมาส่งให้ลูกค้าในเขตเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา โดยใช้เส้นทางสวนสาธารณะเทศบาลเมืองเบตง เพื่อหลีกเลี่ยงการตั้งด่านตรวจค้นจับกุมของเจ้าหน้าที่ จึงรายงานให้ พ.ต.ท.อรรถพล จินตาคม ผบ.ร้อย ตชด.445 และ ร.ต.อ.มาตุภูมิ ธรรเนียม ผบ.ร้อย ฉก.ตชด.445 รับทราบ พร้อมทั้งประสานนายพิชัย แก้วจํารัส ปลัดอําเภอเบตง รับผิดชอบงานยาเสพติด นํากําลัง เจ้าหน้าที่ ตชด.445 , ฉก.ตชด.445 , ตํารวจตรวจคนเข้าเมืองเบตง, อส.อําเภอเบตง ออกตรวจพื้นที่ จนสามารถจับกุมนายศุภกิจ อายุ 27 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์ จํานวน 1 ถุง น้ําหนักประมาณ 5.16 กรัม ยาบ้า จํานวน 11 เม็ด บริเวณริมถนนภักดีดํารงค์ ทางลงสวนสาธารณะเทศบาลเมืองเบตง ขณะขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีเทาดํา หมายเลขทะเบียน กคบ 373 เบตง กําลังนํายาไอซ์และยาบ้าไปส่งให้ลูกค้าต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นํากําลังไปตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 12/8 ถ.กาแป๊ะกอตอ1 ซึ่งเป็นบ้านที่นายศุภกิจ พักอาศัยอยู่ พบยาบ้าจํานวน 3 เม็ด วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท 33 เม็ด อยู่ในห้องนอนภายในบ้าน และจากการตรวจค้นบริเวณรอบบ้านเจ้าหน้าที่ยังพบยาบ้าจํานวน 390 เม็ด ยาไอซ์ น้ําหนักประมาณ 6.93 กรัม อยู่ในกระปุก ซึ่งฝั่งดินอยู่ใต้ต้นไม้ บริเวณด้านหลังบ้านจากการสอบสวนเบื้องต้นรับสารภาพ เคยถูกเจ้าหน้าที่ล่อซื้อจับกุมยาไอซ์ ประมาณ 2 กรัม ถูกจําคุก 1 ปี 7 เดือน พึ่งพ้นโทษออกจากเรือนจํา มาประมาณ 4 เดือน มีอาชีพทําสวน ยาไอซ์และยาบ้าที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมครั้งนี้ รับมาจากคนในหมู่บ้านแล้วจะนําไปส่งให้เพื่อนในเขตเทศบาลเมืองเบตง ส่วนยาไอซ์และยาบ้าที่ฝั่งดินไว้ที่บริเวณหลังบ้าน เป็นของเพื่อนที่นํามาฝากให้ตนเก็บไว้ แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงนําตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เบตง ดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
3/2/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.เบตง จ.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203170310989
null
จังหวัดบึงกาฬ แถลงข่าวการตรวจยึดและจับกุมคดียาบ้าข้ามโขง 4,000,000 เม็ด พร้อมเดินหน้ากวาดล้างยาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
วันที่ 3 ก.พ. 2566 เวลา 10.30 น. ที่หน้ากองบังคับการตํารวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ นายนฤชา โฆษาศิวิไลช์ ผวจ.บึงกาฬ และ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พร้อมคณะ ร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจยึดยาบ้า จํานวน 4 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 120 ล้านบาท(คิดราคาเม็ดละ 30 บาท) หลังชุดสืบสวน สภ.บุ่งคล้า และทหารพรานที่ 2107 สกัดจับได้ บริเวณริมแม่น้ําโขงพื้นที่บ้านหนองคังคา ม.4 ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ขยายผลตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้ 1 ราย สารภาพรับจ้าง 20,000 บาท เพื่อดูต้นทางให้กลุ่มขนกัญชาเท่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นยาบ้าทั้งนี้ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.เวลา 22.00 น. จนท.ตํารวจชุดสืบสวน สภ.บุ่งคล้า สืบทราบว่าจะมีการลําเลียงยาเสพติดจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในพื้นที่บ้านหนองคังคา ต.หนองเดิ่น จึงร่วมกับทหารพรานที่ 2107 กองกําลังสุรศักดิ์มนตรี วางกําลังดักชุ่มในพื้นที่ กระทั่งมีรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาวแดง ทะเบียน 1 กฌ 4733 บึงกาฬ และรถยนต์กระบะอีกหนึ่งคัน ขับมาจอดริมแม่น้ําโขง ไม่นานพบเรือหางยาวจํานวน 6 ลํา แล่นข้ามมาจากฝั่ง สปป.ลาว มาเทียบท่า กลุ่มชายฉกรรจ์ช่วยกันหามกระสอบสีดําขึ้นมาวางไว้บนตลิ่ง จนท.จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ปรากฎว่ากลุ่มชายที่มากับเรือใช้อาวุธปืนยิงใส่จนท. จึงได้ใช้อาวุธปืนประจํากายยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตัว กลุ่มคนร้ายได้ขับเรือหลบหนี บางส่วนกระโดดลงน้ําโขง บ้างวิ่งหนี และขับรถยนต์หลบหนีไปกับความมืด เมื่อเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบยาบ้าบรรจุกระสอบทั้งหมด10 กระสอบ ประมาณ 4 ล้านเม็ด และพบโทรศัพท์มือถือจํานวน 2 เครื่อง ตกอยู่ในเรือหางยาว และรถจักรยานยนต์ ทิ้งในที่เกิดเหตุ จึงร่วมกันตรวจยึดนํามาขยายผลต่อมาในวันที่ 2 ก.พ. จับกุมนายเสถียร อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142 ม.4 บหนองคังคา ต.หนองเดิ่น อ.บุ่งคล้า ตามหมายจับของศาลจังหวัดบึงกาฬ เจ้าของรถจักรยานยนต์ ที่จอดอยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมรับสารภาพว่า รับจ้างเป็นเงิน 20,000 บาท จากชาวลาวเพื่อมาดูต้นทางให้กลุ่มผู้ขนกัญชาข้ามแม่น้ําโขงเท่านั้น ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นยาบ้าพล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า การลําเลียงยาเสพติดที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะมาจากทางภาคเหนือ แต่ทุกวันนี้แนวโน้มการลําเลียงยาเสพติดมาทางภาคอีสานเยอะ โดยเฉพาะพื้นที่ติดริมแม่น้ําโขงตั้งแต่จังหวัดเลย จนถึงจังหวัดอุบลราชธานี มีการลักลอบนําเข้าค่อนข้างสูง เพราะภาคอีสานพื้นที่ขนส่งสะดวกมากกว่าภาคเหนือ สามารถขนไปได้ทุกทิศทุกทาง ทั้งเป็นทางผ่าน และนําเข้ามาใช้ในพื้นที่ตอนในของประเทศสืบเนื่องจากข้อสั่งการของพล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 ให้พื้นที่ 5 จังหวัดที่อยู่ติดกับแม่น้ําโขงวางมาตรการสกัดกั้นไม่ให้มีการขนลําเลียงยาเสพติดจากพื้นที่รอบนอกเข้าไปยังพื้นที่ตอนใน และตามนโยบายของนายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ให้ป้องกันและปราบปรามยาแสพติดอย่างจริงจังครบวงจร ทั้งผู้ค้ารายสําคัญและรายย่อยสําหรับพื้นที่จังหวัดบึงกาพ ห้วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 จนถึงปัจจุบัน มีการจับกุมและตรวจยึดคดียาเสพติดรายสําคัญได้หลายคดี ยึดยาบ้าของกลางได้ประมาณ 9,000,000 เม็ด และยาไอซ์ประมาณ 200 กก. ส่วนผู้ต้องหารายนี้ได้ตั้งข้อหาร่วมกันนําเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) ร่วมกันจําหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในความครอบครองเพื่อจําหน่าย มีอาวุธปืน อันก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และตอนนี้กําลังรวบรวมพยานหลักฐานเตรียมออกหมายจับ คนขับรถยนต์กระบะที่หลบหนีไปได้ในคืนเกิดเหตุ มาดําเนินคดีต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND.
3/2/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บึงกาฬ
สวท.บึงกาฬ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203190745027
null
ปปส.ภาค 3 สร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด รองรับประมวลกฎหมายยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
วันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2566) นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสร้างการรับรู้ และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด รองรับประมวลกฎหมายยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ณ โคราชฮอลล์ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช จังหวัดนครราชสีมา โดยมี นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, พันเอกวีรเทพ การุณรอบดุล เสนาธิการศูนย์อํานวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, พ.ต.อ.พิษณฺ วัตถุ รองผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, นายไกรเลิศ ดาวเรือง ผู้อํานวยการสํานักงาน ปปส.ภาค 3, นายวิเชียร ไชยสอน ผู้อํานวยการสํานักงานยุติธรรมจังหวัดนครราชสีมา และหน่วยงานภาคีเข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดโครงการนายไกรเลิศ ดาวเรือง ผู้อํานวยการสํานักงาน ปปส.ภาค 3 กล่าวว่า สํานักงาน ปปส. ภาค 3 จัดโครงการสร้างการรับรู้ และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด รองรับประมวลกฎหมายยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสร้างการรับรู้ เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามามีบทบาท และเป็นแนวร่วมสําคัญในการจัดการปัญหายาเสพติด การแจ้งเบาะแส และเฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในหมู่บ้านชุมชน พร้อมทั้งประชาชนต้องเกิดความรู้ ความเข้าใจถึงสถานการณ์ และแนวโน้มของปัญหายาเสพติดในปัจจุบัน วิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องและเหมาะสม สามารถเข้าถึงกฎหมายยาเสพติดได้สะดวก และปฏิบัติตนได้ถูกต้องตามแนวทางแห่งประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ตลอดจนเป็นการสร้างการรับรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการปลูกพืชกระท่อมเพื่อใช้ตามวิถีชุมชนและการพัฒนาเป็นพืชที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ฉบับนี้ ทําให้ประชาชนเข้าใจ และเข้าถึงกฎหมายได้ง่ายขึ้น อีกทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการร่วมมือกันของหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในการบูรณาการจัดการปัญหายาเสพติด ซึ่งถือเป็นการดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปราบปรามยาเสพติดโดยให้ช่วยแจ้งเบาะแสยาเสพติด ซึ่งผู้แจ้งเบาะแสจะได้รางวัลนําจับ 5% สําหรับในการบําบัดรักษา ได้มีการเฝ้าระวังและส่งต่อผู้ป่วยยาเสพติดให้เข้ารับการบําบัดรักษา ในสถานพยาบาลใกล้บ้าน ร่วมสร้างความรู้ความเข้าใจ ในประเด็นผู้เสพคือผู้ป่วย เพื่อให้เกิดการยอมรับและให้โอกาสแก่ผู้ติดยาเสพติด และการติดตามดูแลช่วยเหลือภายหลังการบําบัดเมื่อกลับคืนสู่ชุมชน ภายในงาน มีประชาชนทั่วไป แกนนํา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน และหน่วยงานภาคีต่าง ๆ รวมจํานวน 1,600 คน นอกจากนี้ ยังมีการอภิปรายในหัวข้อ "ประมวลกฎหมายยาเสพติดกับประชาชน" และ "การแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน" โดยผู้แทนจากสํานักงาน ปปส.ภาค 3, ศูนย์อํานวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดนครราชสีมา, ตํารวจภูธรภาค 3 สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา และผู้นําหมู่บ้าน/ชุมชนที่เป็นต้นแบบด้านการบําบัดรักษา ร่วมเป็นวิทยากรให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับประมวลกฎหมายยาเสพติดกับประชาชน และการแก้ไขปัญหายาเสพติดโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน
3/2/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สวท.นครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230203235316074
null
ยะลากำชับเข้ม ตรวจบุคคล-ยานพาหนะ ป้องกันเหตุร้าย
ผู้การฯ ยะลา ลงเยี่ยมด่านตรวจ กําชับเข้มงวด ตรวจบุคคล-ยานพาหนะ เข้าเมือง ป้องกันการก่อเหตุ พร้อมมอบอุปกรณ์ปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพดูแลประชาชนจากสถานการณ์การก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ห้วงที่ผ่านมา ซึ่งคนร้าย ได้พุ่งเป้าซุ่มโจมตีฐานปฏิบัติการ ของทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง โดยเฉพาะการขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ใส่ด่านตรวจ จุดตรวจ ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งพื้นที่จังหวัดยะลา ได้เกิดเหตุล่าสุดเมื่อ 31 มกราคมที่ผ่านมาทางด้าน พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดยะลา พร้อมด้วย รอง ผบก.ภ.จว.ยะลา ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเจ้าหน้าที่ประจํา 4 ด่านตรวจหลักขาเข้าเมืองยะลา เพื่อกําชับการปฏิบัติงาน พร้อมมอบอุปกรณ์ในการปรับปรุงฐาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดูแลพี่น้องประชาชน การตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดยะลา ระบุว่า มาให้กําลังใจทางเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ก็ยังได้มอบอุปกรณ์ ปรับปรุงฐานให้สวยงาม และให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งของเก่าอายุใช้งานมากแล้วในส่วนการดูแลพี่น้องประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง ก็ได้เน้นย้ํา ให้ทางเจ้าหน้าที่ประจําด่านตรวจ จัดกําลังปฏิบัติงานผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน เพื่อไม่ให้มีความอ่อนล้า ตรวจบุคคล ยานพาหนะเข้า - ออกพื้นที่อย่างเข้มงวด พร้อมกับอํานวยความสะดวกไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน รถติดขัด แต่ก็จะต้องตรวจอย่างถี่ถ้วน เพื่อความปลอดภัย สําหรับรถที่จะเข้าเมือง เพื่อป้องกันสกัดกั้นผู้ไม่หวังดีที่จะเข้าไปก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในเขตเมือง สร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
4/2/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230204083119104
null
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จ.สุรินทร์ ผนึกกำลังจับกุมผู้ค้ายาบ้า พร้อมอายัดของกลาง และอาวุธปืน ใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (4 กุมภาพันธ์ 2566) พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผกก.สืบสวน ภ.จว.สุรินทร์ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.วิชิตเวช ต๊ะผัด รอง ผกก.กก.สืบสวน ภ.จว.สุรินทร์ พ.ต.ท.สาโรจ ตระกูลโศภิษฐ์ สว.กก.สืบสวนฯ สั่งการให้ชุด ปทส.กก.สืบสวนฯ โดยมี ร.ต.อ.ปราโมทย์ เที่ยงธรรม รองสว.กก.สืบสวนฯ (หน.ชุด ปทส.) ดต.ธวัช เจนรอบ ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ ทศพร ส.ต.ท.ศัจจกร โยธาจันทร์ ผบ.หมู่กก.สืบสวน ภ.จว.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตํารวจร้อย ฉก.ต.ช.ด.214 เจ้าหน้าที่ตํารวจ ร้อยฉก.ต.ช.ด.217 และเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าเขาศาลา ร่วมกันจับกุม นายพิเสน อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 133 หมู่ที่ 2 บ้านตาเมา ตําบลตาตุม อําเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ โดยตรวจยึดของกลางพร้อมอุปกรณ์ในการกรทําความผิด อาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ ขนาดเบอร์ 20 จํานวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน จํานวน 1 นัด อาวุธปืนสั้น นอริงโก้ ขนาด 9 มม. จํานวน 1 กระบอก กระเป๋าเป้สะพายหลังสีดํา จํานวน 1 ใบ ยาบ้า (เมทแอมเฟตามีน) จํานวน 804 เม็ด รถยนต์กระบะ สีเขียว หมายเลขทะเบียนมหาสารคาม และโทรศัพท์มือถือจํานวน 1 เครื่อง สถานที่เกิดเหตุ (ตรวจยึด-จับกุม) เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 16.00 น. บริเวณริมห้วยตาปาด ทิศตะวันตกเฉียงใต้บ้านปวงตึกใต้หมู่ที่ 18 ตําบลตาตุม อําเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์โดยกล่าวหาว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฐาน "จําหน่าย โดยการมีไว้ครอบครองเพื่อจําหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า (แมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต" ฐาน "เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนกฎหมายและความผิดผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490 ฐาน "มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน" และ ฐานพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรเจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกจับกุม - ตรวจยึดของกลางพร้อมแจ้งสิทธิ์ตามกฎหมายให้ผู้ต้องหาทราบแล้วได้นําตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน.สภ.ดม เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
4/2/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230204104856126
null
รองแม่ทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการ อ.ยะหา ติดตามความคืบหน้าเหตุคนร้ายขว้างระเบิดไปป์บอมใส่ฐาน ชคต.
รองแม่ทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการ อ.ยะหา พร้อมติดตามความคืบหน้าเหตุคนร้ายขว้างระเบิดไปป์บอมใส่ฐาน ชคต.ยะหา เมื่อวันที่ 31 ม.ค.66 ที่ผ่านมาพลตรี ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมคณะฯ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการอําเภอยะหา จังหวัดยะลา เพื่อรับฟังการปฎิบัติงานในห้วงที่ผ่านมา และให้กําลังใจเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้ากรณีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอม จํานวน 3 ลูก ใส่ฐานชุดคุ้มครองตําบลยะหา อําเภอยะหา จังหวัดยะลา เมื่อ31 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา โดยมีผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 พร้อมด้วย นายอําเภอยะหา ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และเจ้าหน้าที่ชุดคุ้มครองตําบลในพื้นที่ ร่วมประชุมและร่วมลงพื้นที่ตรวจยังจุดเกิดเหตุดังกล่าวในการนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้สอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่ปรับแผนการปฏิบัติงานอย่างรอบคอบและเข้มงวด ควบคู่กับให้หน่วยหมั่นตรวจลาดตระเวนพื้นที่โดยเฉพาะกบริเวณรอบฐานปฎิบัติการของชุดคุ้มครองตําบลให้มีความปลอดภัย พร้อมกําชับให้เจ้าหน้าที่ทุกนาย ต้องมีความพร้อมตื่นตัวอยู่เสมอ ไม่ประมาท และบูรณาการทํางานร่วมกันกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลความปลอดภัยแก่พี่น้องประชาชน อีกทั้ง ได้เข้าพบปะพูดคุยกับประชาชนที่อยู่ใกล้กับพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อสอบถามความเป็นอยู่และให้กําลังใจ ควบคู่กับให้ความมั่นใจแก่ประชาชนให้เชื่อมั่นต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และขอความร่วมมือไปยังประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องดูแลพื้นที่และร่วมกันแจ้งเบาะแสไปยังเจ้าหน้าที่ผ่านหน่วยงานรัฐ ทั้งหน่วยทหาร ตํารวจ ฝ่ายปกครองในพื้นที่ เพื่อร่วมกันสร้างชุมชนให้เข้มแข็งและปลอดภัยต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
5/2/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230205113638301
null
เจ้าหน้าที่ ตชด. อส. อ.เบตง จ.ยะลา รวบพ่อค้ายาขณะผูกเปลนอนหลับอยู่บนเขาข้างบ้าน รับสารภาพ อยู่บนเขาจะเห็นเจ้าหน้าที่ก่อนได้หนีทัน
วันที่ 5 ก.พ.66 ตามคําสั่งกองบัญชาการตํารวจตระเวนชายแดน ให้หน่วยงานในสังกัด ร่วมกับหน่วยกําลังหลักในพื้นที่ ระดมกวาดล้างความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด ยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม ในห้วง 1-5 กพ.66 พ.ต.ท.อรรถพล จินตาคม ผบ.ร้อย ตชด.445 จึงสั่งการให้ ร.ต.อ.มาตุภูมิ ธรรเนียมผบ.ร้อย ฉก.ตชด.445 ร.ต.ท.ณัฐีร์ ปัญจสิริวิทย์ หัวหน้าชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ร้อย ตชด.445 ประสานนายพิชัย แก้วจํารัส ปลัดอําเภอเบตง รับผิดชอบงานยาเสพติด นํากําลังเจ้าหน้าที่ ตชด.445, ฉก.ตชด.445, ตํารวจตรวจคนเข้าเมืองเบตง, อส.อําเภอเบตง ออกสืบสวนหาข่าวจนสามารถ จับกุมนายนันธพงค์ อายุ 29 ปีพร้อมของกลางยาบ้า 394 เม็ด มีทั้งที่บรรจุอยู่ในหลอดเครื่องดื่มและในถุงสีฟ้า อุปกรณ์การเสพยาบ้า จํานวน 1 ชุดอาวุธปืนยาวขนาด .22 จํานวน 1 กระบอก และกระสุนจํานวน 20 นัด ขณะผูกเปลนอนหลับอยู่บนเขาบริเวณหลังศาลเจ้าพ่อเสือ ปากทางเข้าหมู่บ้านอัยเยอร์ซอ ม.2 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งห่างจากบ้านพักประมาณ 20 เมตรจากการสอบถามเบื้องต้น ทราบว่า ที่มาผูกเปลนอนอยู่บนเขาข้างบ้านเพราะหากเจ้าหน้าที่มาจับกุม ตนจะได้มองเห็นก่อนจะได้หนีทัน ซึ่งเจ้าหน้าที่มาตรวจค้นหลายครั้งแล้วตนก็หนีได้ตลอด แต่ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้เดินอ้อมป่าเขามาทางหลังและตนก็นอนหลับอยู่จึงหนีไม่ทัน ตนพึ่งขายยาบ้าได้ประมาณ 2 เดือน โดยรับมาจากคนรู้จัก เมื่อคืน 2 ถุง(400 เม็ด) ในราคาถุงละ 8,000 บาท และนํามาขายให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ในราคาเม็ดละ 100 บาท ส่วนอาวุธปืนเป็นของบิดา ตนนํามายิงสัตว์ เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงตั้งข้อหามีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อจําหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย พร้อมทั้งนําตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เบตง ดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
5/2/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.เบตง จ.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230205212014377
null
วราวุธ ยัน 5 เขตเลือกตั้งสุพรรณบุรี ไม่ยอมให้ใครมาปักธง
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 ก.พ.66 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย ดร.อุดม โปร่งฟ้า ที่ปรึกษา รมว.ทส. และคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี ร่วมพิธีทําบุญวันคล้ายวันเกิดศาลเจ้าพ่อหลักเมือง จากนั้นได้เดินดูสถานที่เตรียมปราศรัยใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนา ที่บริเวณลานหน้าอุทยานมังกรสวรรค์ สุพรรณบุรีนายวราวุธ กล่าวว่า การเมืองในสุพรรณบุรี แต่รุ่นที่พ่อบรรหารยังอยู่ ไม่เคยมีอะไรง่าย เมื่อพ่อบรรหารไม่อยู่ก็จะมีแนวทางความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้นมา จ.สุพรรณบุรี ครั้งนี้เราโชคดีเราได้เขตเลือกตั้งขึ้นมา 5 เขตเหมือนเดิม และเราในฐานะพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เราทํางานให้กับพี่น้องคนสุพรรณบุรีมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อบรรหารนั้น ก็ยังยื่นยันที่จะให้การสนับสนุนผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 5 เขตแน่นอนในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งที่จะถึงนี้ มีการส่งผู้สมัครจากหลายพรรคการเมืองมาลงแข่งสุพรรณบุรี ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เพราะ จ.สุพรรณบุรี ไม่ใช่เป็นของใครแต่เป็นของพี่น้องประชาชนทุกคน แต่ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา จึงเป็นหน้าที่ๆ เราจะต้องทํางานอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาความมั่นคงและรักษาฐานของเราในจังหวัดสุพรรณบุรี ให้มั่นคงส่วนใครพรรคไหนจะมีลงในเขตนั้นเขตนี้ของสุพรรณบุรี เราไม่สนใจ แต่เราในฐานะพรรคชาติไทยพัฒนา 5 เขต เราสู้เต็มที่ และเป็นสิทธิของพี่น้องชาวสุพรรณบุรี ที่จะเลือกคนที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดมาทํางาน และเราคิดว่าเราทํางานกันมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี ครั้งนี้ก็จะเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ชาติไทยพัฒนา เราจะนําเสนอบุคลากรที่มีคุณภาพของพรรคฯ รับใช้พี่น้องประชาชน ที่อื่นที่ไหนไม่รู้แต่สุพรรณบุรีทั้ง 5 เขต เราไม่ยอมให้ใครมาปักธงแน่นอน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
5/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สุพรรณบุรี
สวท.สุพรรณบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230205155748344
null
กกต.ระยอง ประกาศ รูปแบบการแบ่งเขตการเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งของจังหวัดระยอง เพื่อรับฟังความคิดเห็นของพรรคการเมือง และประชาชนในจังหวัดระยอง
นางโกศิญา วิริยะนันทวงศ์ ผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําจังหวัดระยอง กล่าวว่า อาศัยอํานาจตามความในข้อ 3 ของประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องแบ่งเขตการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2566 จึงประกาศ รูปแบบการแบ่งเขตการเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งของจังหวัดระยอง เพื่อรับฟังความคิดเห็นของพรรคการเมือง และประชาชนในจังหวัดระยอง ซึ่งรูปแบบการแบ่งเขตการเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขต จังหวัดระยอง มี 3 รูปแบบ และพรรคการเมืองพรรคใดหรือ ประชาชนผู้ใด มีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้แสดงความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะ ต่อผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําจังหวัดระยอง (ภายในระยะเวลา 10 วัน นับแต่วันปิดประกาศ) ระหว่างวันที่ 4-13 กุมภาพันธ์ 2566 โดยจัดส่งความคิดห็นหรือข้อเสนอแนะเป็นหนังสือ ไปยังสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดระยอง เลขที่ 999/99 ศูนยืราชการจังหวัดระยอง ถ.สุขุมวิท ต.เนินพระ อ.เมือง ระยอง จ.ระยอง รหัสไปรษณีย์ 21150 หรือ ทาง (E-mail )rayong@ect.go.th#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
5/2/2023
ภาคตะวันออก
ระยอง
หน่วยงานสำนักข่าว
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230205211526374
null
วุฒิสภา เตรียมพิจารณาวาระกระทู้ถาม และรายงานกานพิจารณาศึกษาแนวทางการลดความยากจนและเหลื่อมล้ำด้วยการจัดการที่ดิน
การประชุมวุฒิสภา ในเวลา 09.30 น. วันนี้ (6 ก.พ.66) วาระสําคัญคือ พิจารณาวาระกระทู้ถามรัฐบาล ได้แก่ กระทู้ถามเป็นหนังสือและกระทู้ถามด้วยวาจา เช่น ปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้ “ภูมิภาษาและปัญญาแผ่นดิน” และการพัฒนาอนุรักษ์ดินและน้ําในพื้นที่นอกเขตชลประทาน เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง ทั้งนี้ ยังมีวาระพิจารณาเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว จํานวน 2 เรื่อง ประกอบด้วย รายงานการพิจารณาศึกษาแนวทางการลดความยากจนและเหลื่อมล้ําด้วยการจัดการที่ดินและการพัฒนาแหล่งน้ําขนาดเล็กระดับชุมชน และรายงานการพิจารณาศึกษาเรื่องการส่งเสริมและพัฒนาการใช้ประโยชน์ของอากาศยานไร้คนขับโดยมาตรการความปลอดภัยด้านการบินนอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่เสนอใหม่ ได้แก่ ประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่องนโยบายการตรวจเงินแผ่นดิน (พ.ศ. 2566 - 2570) และประกาศคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่องนโยบายการตรวจเงินแผ่นดินประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566
6/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230206091128396
null
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุ พร้อมต้อนรับ ส.ส. ที่ต้องการทำงานร่วมกับพรรค ซึ่งยังมีเวลาที่จะย้ายพรรคได้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ตราบใดที่ยังสามารถสมัครสมาชิกพรรคอื่นได้และไม่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับการเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยก็ยินดีต้อนรับทุกคน ซึ่งขณะนี้ยังมีเวลา เพราะนายกรัฐมนตรียังไม่ได้ยุบสภา และคาดว่า การเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นช่วงต้นเดือนพฤษภาคม แต่หากยุบสภาก็ยังมีเวลา 30 วันในการสมัครสมาชิกพรรคการเมือง ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า น่าจะมีการยุบสภา เพราะขณะนี้สภาไม่สามารถทํางานได้ นายอนุทิน กล่าวว่า หากไม่มีการเล่นเกมทางการเมืองก็สามารถทํางานได้ ส่วนใหญ่ก็มาประชุมกัน เพียงแต่จะแสดงตนหรือไม่ พรรคภูมิใจไทย รู้ดี เพราะเวลากฎหมายกัญชากัญชง ของภาคภูมิใจไทยเข้าก็ไม่ค่อยแสดงตนกัน และพรรคคงต้องมีท่าทีอะไรออกไปบ้าง ส่วนท่าทีของพรรค จะส่งผลอะไรกับการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติหรือไม่ ของพรรคให้เอกสิทธิ์ ส.ส. แสดงออกเต็มที่ แต่ท่าทีอะไรก็แล้วแต่ประชาชนต้องไม่ได้รับความเดือดร้อน และมองว่า หากเกิดสภาล่มช่วงการอภิปรายทั่วไป ไม่มีประโยชน์ ยิ่งจะเกิดผลเสียกับรัฐบาลมากกว่า ซึ่งไม่ใช่เจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย เพราะเราพร้อมที่จะรับฟังความเห็นจากเพื่อนสมาชิก ยิ่งใกล้เลือกตั้งหากมีการกล่าวหาอะไร จะเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ชี้แจง ให้ประชาชนได้รับทราบว่าในช่วงที่ผ่านมารัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ได้ทําอะไรไปบ้าง ทั้งนี้เบื้องต้นหากไม่มีใครทําอะไรที่กระทบกับการทํางานของภาคภูมิใจไทย โดยเฉพาะความก้าวหน้าในการพิจารณากฎหมายของพรรค ก็คงเข้าร่วมการอภิปรายอยู่แล้ว
6/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230206102658434
null
รองนายกรัฐมนตรี ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งสอบถามความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญ กรณีควรรวมแรงงานต่างด้าวเป็นประชากรในเขตเลือกตั้งด้วยหรือไม่
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ว่า ขณะนี้ กกต.กําลังแบ่งเขตเลือกตั้ง ตนเองได้เสนอแนะเป็นห่วงเรื่องของคนต่างด้าวในแต่ละพื้นที่ว่าจะรวมเป็นประชากรในเขตด้วยหรือไม่ ซึ่ง กกต. แจ้งว่าที่ผ่านมาได้รวมประชากรแรงงานต่างด้าวในเขตนั้นๆ ด้วย เพราะรัฐธรรมนูญไปเขียนว่า ต้องใช้จํานวนราษฎรตามประกาศของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งในประกาศของกระทรวงมหาดไทยนั้นรวมต่างด้าวไว้ด้วย ขอให้ กกต.ขอความชัดเจนในเรื่องนี้จากศาลรัฐธรรมนูญนายวิษณุ ยังกล่าวว่า กกต. ยังไม่ได้มาหารือเกี่ยวกับการออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง เพราะให้เวลา กกต.ไปแล้ว 1 เดือน ส่วนหลักการจะรอให้ กกต. จัดการเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ก่อน จึงค่อยเดินหน้าต่อในเรื่องของการออกพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งใช่หรือไม่ เห็นว่า อาจจะก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์เล็กน้อย ค่อยมาคุยกันอีกที
6/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230206144742567
null
ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุ หากต้องการให้กฎหมายผ่าน รัฐบาลต้องแก้ปัญหาองค์ประชุมของพรรคร่วม
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการแก้ปัญหาสภาล่มเนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ ว่า เรื่องดังกล่าวต้องถาม ส.ส. และเรื่องนี้ได้แจ้ง นายกรัฐมนตรี และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ทราบแล้วว่า ถ้าต้องการให้กฎหมายผ่าน ต้องนําองค์ประชุมมาด้วย
6/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230206112317467
null
นายกรัฐมนตรี ย้ำไม่ได้หารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับเรื่องสภาล่ม แต่เคยขอความร่วมมือ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ไม่ได้หารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร เกี่ยวกับการประชุมสภาผู้แทนราษฏรเพื่อพิจารณากฎหมาย รวมถึงเรื่ององค์ประชุม เพราะไม่ได้เป็นอะไรกับพรรค แต่ได้บอกในฐานะนายกรัฐมนตรี ผ่านการประชุมคณะรัฐมนตรีให้กับหัวหน้าพรรคที่ร่วมประชุม ให้มีความร่วมมือกันในสภา ซึ่งก็ได้ทําหน้าที่ของตนเองไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องไปดูประเด็นว่ามีความขัดแย้งกันในเรื่องใดที่ทําให้เกิดปัญหา ขอร้องทุกคนทําหน้าที่ให้ดีที่สุด ภายในระยะเวลาที่เหลืออยู่ส่วนมีความกังวลหรือไม่ หากการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ขณะที่รัฐมนตรีชี้แจง อาจองค์ประชุมไม่ครบ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส. ซึ่งกฎหมายไม่ได้กําหนดไว้และไม่ได้ขัดในกระบวนการ เพราะตนเองก็มีหน้าที่ในการชี้แจงเป็นไปตามระเบียบกฎหมายของสภาฯ ส่วนจะทําให้เสียโอกาสในการชี้แจงต่อประชาชนหรือไม่ หากเกิดสภาล่ม เห็นว่ายังมีช่องทางอื่นในการชี้แจงอีกมาก
6/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230206142911544
null
ตำรวจ สภ.จอมพระ ผนึกกำลังร่วมกับหน่วยงานความมั่นในพื้นที่ จับกุมผู้ค้ายาบ้า 3 ราย พร้อมอายัดของกลางและแจ้งข้อกล่าวหากระทำผิด
นายสรพงษ์ ชายแก้ว นายอําเภอจอมพระ เปิดเผยถึงการอํานวยการจับกุมผู้ค้ายาบ้าในพื้นที่อําเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมาว่า พ.ต.อ.คารม บุญสด ผกก.สภ.จอมพระ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธีรยุทธ จรเอ้กา สว.สส ฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดสืบสวน สภ.จอมพระ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตํารวจชุด ชป.ปส.ภ.จว.สุรินทร์, เจ้าหน้าที่ตํารวจ ชปส.กก.ตชด.21 ชุด ชปส.ร้อย ตชด.217, เจ้าพนักงานสํานักงาน ปปส.ภาค 3 ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้น ในพื้นที่จํานวน 3 เป้าหมาย ห้วงระดมกวาดล้างปิดล้อมตรวจค้นอาชญากรรมอาวุธปืน ยาเสพติดฯ ระหว่างวันที่ 1-5 ก.พ. 2566 มีผลการปฏิบัติจับกุมผู้กระทําผิดได้ 3 ราย ประกอบด้วย 1) นายโอภาส หรือแบงค์ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85 ม.4 ต.บุแกรง อ.จอมพระ พร้อมตรวจยึดของกลาง ยาบ้า จํานวน 92 เม็ด ในข้อกล่าวหา “พยายามจําหน่ายโดยการขาย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโรคลอไรด์) โดยไม่ได้รับอนุญาต, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยจับกุมริมถนนไม่มีชื่อ บ้านว่าน ม.4 ต.บุแกรง อ.จอมพระ จว.สุรินทร์ 2) นายธีรยุทธ (เยะ) อายุ 34 ปี ที่อยู่ 88 ม.4 ต.บุแกรง อ.จอมพระ พร้อมตรวจยึดของกลาง ยาบ้า จํานวน 510 เม็ด ในข้อกล่าวหา “จําหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจําหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโรคลอไรด์) โดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต” จับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 88 บ้านว่าน ม.4 ต.บุแกรง อ.จอมพระ 3) นายพิชิตชัย (เต้) อายุ 29 ปี ที่อยู่ 29 ปี ที่อยู่ 39 ม.2 ต.บุแกรง อ.จอมพระ จว.สุรินทร์ พร้อมตรวจยึดของกลาง ยาบ้า จํานวน 51 เม็ด ในข้อกล่าวหาเดียวกันกับนายธีรยุทธ โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 39 บ้านประวิทย์ ม.2 ต.บุแกรง อ.จอมพระทั้งนี้ ได้ทําบันทึกซักถาม และลงข้อมูลปิดล้อมตรวจค้นในระบบ Police 4.0 และเก็บ DNA ของผู้ต้องหา พร้อมนําตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/2/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230206162016625
null
นายกฯ พร้อมให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในโอกาสเยือนประเทศไทย ระหว่างวันที่ 9-10 กุมภาพันธ์ 2566
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกําหนดให้การต้อนรับ ดาโตะเซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย พร้อมด้วยภริยา ซึ่งมีกําหนดเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ระหว่างวันที่ 9-10 กุมภาพันธ์ นี้ ในโอกาสเข้ารับตําแหน่งใหม่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ตามธรรมเนียมปฏิบัติของประเทศสมาชิกอาเซียน ในโอกาสดังกล่าว นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศมีแผนหารือเกี่ยวกับการส่งเสริมและเชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนไทย - มาเลเซีย โดยเฉพาะ 5 จังหวัดภาคใต้ของไทยกับ 4 รัฐทางตอนเหนือของมาเลเซีย ทั้งด้านการเชื่อมโยงการค้าและการลงทุน และด้านคมนาคมขนส่ง การเร่งรัดการบรรลุเป้าหมายทางการค้ามูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 โดยอาศัยกลไกความร่วมมือที่มีอยู่ระหว่างทั้งสองประเทศเพื่อลดอุปสรรคและการอํานวยความสะดวกด้านการค้า และการส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพระหว่างกัน อาทิอุตสาหกรรมยางพารา อาหารฮาลาล พลังงาน เศรษฐกิจดิจิทัล และเทคโนโลยีสีเขียว นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อสถานการณ์ในภูมิภาคและในเวทีโลก เพื่อร่วมมือกันเสริมสร้างขีดความสามารถในการรับความท้าทายใหม่ ๆ และฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
6/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230206204922683
null
เลขาธิการ ศอ.บต. บรรยายพิเศษ "ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้"ให้กับนักศึกษา วปอ. รุ่นที่ 65
เลขาธิการ ศอ.บต. บรรยายพิเศษ ให้กับนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 ในหัวข้อ ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้วันนี้ (6 กุมภาพันธ์ 2566) พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมอภิปรายในงานเสวนาวิชาการของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 โดยบรรยายพิเศษในหัวข้อ "ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้" เพื่อให้นักศึกษามีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับบริบทของการทํางานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ความรู้ร่วมกัน ณ ห้องประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศในการนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวถึงการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า หน่วยงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้น้อมนํายุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาเป็นแนวทางในการดําเนินงานในพื้นที่ โดย “การเข้าใจ” จําเป็นต้องเข้าใจบริบทประวัติศาสตร์ วิวัฒนาการทางการเมืองและสังคม วิถีชีวิตของประชาชนแต่ละเชื้อชาติ ศาสนา พร้อมกับเข้าใจการก่อตัวของกลุ่มคนที่เห็นต่างในการขับเคลื่อนให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางการเมือง ในส่วน “การเข้าถึง” จําเป็นต้องเข้าถึงรากเหง้าของปัญหาและความต้องการของประชาชน ทั้งในเชิงกายภาพและเชิงความรู้สึก โดยขณะนี้ ศอ.บต. กําลังดําเนินการแก้ไขปัญหาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกมิติ นําไปสู่ “การพัฒนา” เพื่อสร้างสันติสุขอย่างยั่งยืน โดยผ่านคณะกรรมการการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ คปต. มุ่งเน้นการสร้างความมั่นคง ปลอดภัย พร้อมพัฒนาผ่านคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ กพต. มุ่งการพัฒนาตามศักยภาพพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล้ํา และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ทัดเทียมกับภูมิภาคอื่นๆของประเทศสําหรับหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 65 มีผู้เข้ารับการศึกษา จํานวน 284 คน ประกอบด้วย ข้าราชการทหาร ข้าราชการตํารวจ ข้าราชการพลเรือน พนักงานรัฐวิสาหกิจและองค์กรอิสระ ภาคเอกชน นักธุรกิจและบุคคลทั่วไป รวมทั้งนักศึกษาจากต่างประเทศ ได้แก่ ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐอินเดีย สาธารณรัฐอินโดนีเซีย สหพันธรัฐมาเลเซีย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐสิงคโปร์ และเครือรัฐออสเตรเลีย สําหรับการศึกษาแบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ ภาคปฐมนิเทศ ใช้เวลาศึกษา 3 เดือน และภาคการศึกษาหลัก ใช้เวลาศึกษา 9 เดือน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/2/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230206190118656
null
สภ.จอมพระ จ.สุรินทร์ ระดมกวาดล้างปิดล้อมตรวจค้นอาชญากรรมอาวุธปืนและยาเสพติดฯ
เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2566 โดยการอํานวยการของนายสรพงษ์ ชายแก้ว นายอําเภอจอมพระ พ.ต.อ.คารม บุญสด ผกก.สภ.จอมพระ,พ.ต.ท.ธีรยุทธ จรเอ้กา สว.สส ฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดสืบสวน สภ.จอมพระ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตํารวจชุด ชป.ปส.ภ.จว.สุรินทร์ , เจ้าหน้าที่ตํารวจ ชปส.กก.ตชด.21 ชุด ชปส.ร้อย ตชด.217, เจ้าพนักงานสํานักงาน ปปส.ภาค3 ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้น ในพื้นที่ *จํานวน 3 เป้าหมาย* ในห้วงระดมกวาดล้างปิดล้อมตรวจค้นอาชญากรรมอาวุธปืน , ยาเสพติดฯ ในห้วงวันที่ 1-5 ก.พ.66 มีผลการปฏิบัติจับกุมผู้กระทําผิดได้ 3 ราย 3 คน ดังนี้ 1.นายโอภาส หรือแบงค์ อายุ 29 ปี ที่อยู่ 85 ม.4 ต.บุแกรง อ.จอมพระ จว.สุรินทร์ หมายเลขประจําตัวประชาชน 1-3299-00433-04-7 พร้อมตรวจยึดของกลาง ยาบ้า จํานวน 92 เม็ด ในข้อกล่าวหา “พยายามจําหน่ายโดยการขาย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโรคลอไรด์) โดยไม่ได้รับอนุญาต,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต” สถานที่จับกุม ริมถนนไม่มีชื่อ บ้านว่าน ม.4 ต.บุแกรง อ.จอมพระ จว.สุรินทร์ 2.นายธีรยุทธ หรือเยะ อายุ 34 ปี ที่อยู่ 88 ม.4 ต.บุแกรง อ.จอมพระ จว.สุรินทร์ หมายเลขประจําตัวประชาชน 1-3204-00067-84-1พร้อมตรวจยึดของกลาง ยาบ้า จํานวน 510 เม็ด ในข้อกล่าวหา “จําหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจําหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโรคลอไรด์) โดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต” สถานที่จับกุม บ้านเลขที่ 88 บ้านว่าน ม.4 ต.บุแกรง อ.จอมพระ จว.สุรินทร์ 3.นายพิชิตชัย หรือเต้ หัวใจเพ็ชร อายุ 29 ปี ที่อยู่ 29 ปี ที่อยู่ 39 ม.2 ต.บุแกรง อ.จอมพระ จว.สุรินทร์ หมายเลขประจําตัวประชาชน 1-3299-00420-63-8 พร้อมตรวจยึดของกลาง ยาบ้า จํานวน 51 เม็ด ในข้อกล่าวหา “จําหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจําหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโรคลอไรด์) โดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต” สถานที่จับกุม บ้านเลขที่ 39 บ้านประวิทย์ ม.2 ต.บุแกรง อ.จอมพระ จว.สุรินทร์ทั้งนี้ ทําบันทึกซักถาม และลงข้อมูลปิดล้อมตรวจค้นในระบบ Police 4.0 และเก็บ DNA ของผู้ต้องหาเรียบร้อยแล้ว และได้นําตัว ผตห.ส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/2/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230206200724667
null
ที่ประชุม ครม. เตรียมพิจารณามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ขยายระยะเวลาเปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น.
การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทําหน้าที่ประธานการประชุม โดยมีวาระที่น่าสนใจ อาทิ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งการขยายระยะเวลาเปิดสถานบริการถึงเวลา 04.00 น. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจกลางคืน ในพื้นที่ท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ กําหนดอัตราจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หรือค่าเหยียบแผ่นดิน ที่เดินทางผ่านช่องทางอากาศ อัตรา 300 บาทต่อคน ส่วนช่องทางบกและทางน้ําจัดเก็บอัตรา 150 บาทต่อคน เสนอทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย และเสนอให้การฟื้นประเทศด้วยการท่องเที่ยว เป็นวาระแห่งชาติกระทรวงคมนาคม ขออนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จํานวน 12 ตอน วงเงิน 4,900 ล้านบาท เสนอการปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอลดหย่อนค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม สอดรับร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องหลักเกณฑ์การลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเป็นพิเศษ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน สําหรับกรณีการโอนอสังหาริมทรัพย์ในการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กระทรวงการคลัง เสนอการกําหนดระยะเวลาการให้อัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน สําหรับโครงการ "บ้านคนไทยประชารัฐ" บนที่ดินราชพัสดุนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เตรียมนําผลสอบของคณะกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรง กรณีนายรัชฎา สุริยกุล ณอยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ถูกจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาเรียกรับสินบน ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อดําเนินการตรวจสอบต่อไป รายงานให้คณะรัฐมนตรีรับทราบ สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภา สมัยประชุมสามัญประจําปี ครั้งที่สองกระทรวงยุติธรรม รายงานผลการดําเนินการตามมาตรการสําคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืนและยาเสพติด เสนอร่างแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2566-2570 กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ขออนุมัติเพิ่มจํานวนการรับนิสิตโครงการเพชรในตม ศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขออนุมัติหลักการโครงการส่งเสริมการสร้างคนดีตามหลักการทางศาสนาที่ถูกต้อง เพื่อสืบสานและรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566-2570กระทรวงวัฒนธรรม เสนอร่างระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์แห่งชาติ และจับตากระทรวงสาธารณสุข เสนอร่างกฎกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการกําหนดจํานวนยาบ้า ซึ่งผู้ครอบครองเกิน 1 เม็ด ต้องถูกจัดให้เป็นผู้ค้าหรือไม่
7/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230207091136714
null
เฟสแรกมาแล้ว ! เปิด 4 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมายระเบียงเศรษฐพิเศษ
เฟสแรกมาแล้ว! เปิด 4 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ พร้อมเพิ่มกิจการเป้าหมายอีก 17 ประเภทที่ประชุม ครม. วันที่ 31 มกราคม 2566 เห็นชอบกําหนดคลัสเตอร์อุตสาหกรรมเป้าหมายในระยะแรกสําหรับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนที่เหมาะสมตามศักยภาพของแต่ละพื้นที่ เป็นการกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคและเพิ่มโอกาสให้เศรษฐกิจฐานรากได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้1.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคเหนือ (NEC) ประกอบด้วย จ.เชียงราย เชียงใหม่ ลําพูน และลําปาง เน้นอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อุตสาหกรรมดิจิทัล อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร2.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (NeEC) ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี และหนองคาย เน้นอุตสาหกรรมชีวภาพ อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร3.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคกลาง-ตะวันตก (CWEC) ประกอบด้วย จ.พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี เน้นอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์4.ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ประกอบด้วย จ.ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เน้นอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมชีวภาพ และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและท่องเที่ยวเชิงสุขภาพนอกจากนี้ ครม. ยังเห็นชอบการขยายกิจการเป้าหมายและสิทธิประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนอีก 17 ประเภทกิจการ เช่น กิจการปรับปรุงพันธุ์พืชหรือสัตว์ (ที่ไม่เข้าข่ายกิจการเทคโนโลยีชีวภาพ) กิจการผลิตภัณฑ์จากยางธรรมชาติ กิจการผลิตยางล้อสําหรับยานพาหนะ กิจการผลิตผลิตภัณฑ์จากเยื่อกระดาษหรือกระดาษ กิจการบริการสาธารณสุขด้านแพทย์แผนไทย กิจการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ฯลฯ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND//www.thaigov.go.th/news/contents/details/64392#ไทยคู่ฟ้า #สื่อสารรัฐบาลไทย
7/2/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สวท.อำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230207102036738
null
รัฐมนตรีต่างๆ ปฏิเสธตอบความชัดเจน จะย้ายพรรคหรือไม่ หลังมีกระแสข่าวย้ายพรรคอย่างต่อเนื่อง
นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสการย้ายพรรค หลังพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดระยอง ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ โดยนายสาธิตระบุว่า จะตัดสินใจในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ว่าจะย้ายพรรคหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังคงอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ด้านนายจุติ ไกรกฤษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปฎิเสธกระแสข่าวย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติขณะที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฎิเสธตอบคําถามการย้ายพรรค หลังมีกระแสข่าวจะย้ายไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ
7/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230207195831987
null
เตรียมพร้อมเลือกตั้ง กกต.สกลนคร เสริมความรู้ พัฒนาประชาธิปไตย
สํานักงาน กกต.สกลนคร เตรียมความพร้อมเลือกตั้ง สร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จัดอบรมคณะกรรมการศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยตําบล (ศส.ปชต.)วันนี้ (7 ก.พ 66) ในการอบรมคณะกรรมการศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย (ศส.ปชต.) ตามโครงการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาประชาธิปไตยตําบล (ศส. ปชต.)ประจําปีงบประมาณ 2566 ซึ่งสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ประจําจังหวัดสกลนคร จัดขึ้นในวันนี้ เป็นรุ่นที่ 1 โดยมีคณะกรรมการ ศส.ปชต. ประกอบด้วย กํานัน ผู้ใหญ่บ้านทุกหมู่บ้าน ผู้แทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน (อสม.) ผู้แทนคณะกรรมการพัฒนาสตรีหมู่บ้าน(กพสม.) และครู กศน.ตําบล จาก 15 ตําบล รวม 16 ศูนย์ ในเขตอําเภอเมืองสกลนคร จํานวน 295 คน เข้ารับการอบรมนายวันชัย โชควิเศษชัยสิทธิ์ ผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า ในวาระการดํารงตําแหน่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 23 มีนาคมนี้ ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย (ศส.ปชต.) มีความสําคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ รวมถึงการเข้ามาร่วมเป็นกรรมการประจําหน่วยเลือกตั้ง และรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนให้รับทราบข้อมูลการเลือกตั้ง เชิญชวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกไปใช้สิทธิ์ให้มากที่สุด การอบรมครั้งนี้ จึงเป็นการให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สามารถนําไปเผยแพร่แก่ประชาชนในตําบลชุมชนได้อย่างถูกต้องนางสาวจิราภรณ์ เบิกบานดี นายอําเภอเมืองสกลนคร กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดการอบรม ครั้งนี้ ว่า ผู้เข้ารับการอบรมในครั้งนี้เป็นองค์กรภาคประชาชนในระดับตําบล ซึ่งจะเข้าไปทําหน้าที่ในการขับเคลื่อนงานส่งเสริมและพัฒนาประชาธิปไตย เป็นศูนย์กลางการพัฒนาประชาธิปไตยที่ใกล้ชิดกับประชาชน ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งที่ใกล้จะถึงนี้ จึงอยากให้ผู้เข้าอบรม นําความรู้ที่ได้รับไปต่อยอดขยายผล พร้อมตระหนักถึงความสําคัญในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายศึกษาข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งผลให้การเมืองดีการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมและชอบด้วยกฎหมายทั้งนี้ จังหวัดสกลนครมีศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย (ศส.ปชต.) จํานวน 125 ศูนย์ (ตําบลละ 1 ศูนย์) มีกรรมการทั้งสิ้นจํานวน 2,303 คน โดยสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดสกลนครจัดอบรม จํานวน 14 รุ่น#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
7/2/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สกลนคร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสกลนคร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230207141344818
null
กกต.มุกดาหาร แจ้งว่าที่ผู้สมัครและพรรคการเมืองติดตั้งป้ายหาเสียงต้องไม่บดบังทัศนะวิสัยในการขับขี่
นายจักรรินทร์ ชาลีพุทธาพงศ์ ผู้อํานวยการสํานักงานคณะกรรมการเลือกตั้งประจําจังหวัดมุกดาหาร เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่จังหวัดมุกดาหารได้มีว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและพรรคการเมืองต่างๆ ได้ทําการติดตั้งป้ายหายหาเสียงตามพื้นที่สาธารณะ หรือตามเสาไฟฟ้าแล้วทั่วทั้งจังหวัด และพบว่าเจ้าของป้ายยังเข้าใจคลาดเคลื่อนในรูปแบบของป้าย เมื่อติดตั้งแล้วไม่ใส่ใจดูแล ป้ายถูกลมพัดหักโค่นไม่แก้ไข บางป้ายติดตั้งในจุดอับบดบังทัศนะวิสัยของผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะสํานักงานคณะกรรมการเลือกตั้งประจําจังหวัดมุกดาหาร จึงขอแจ้งให้ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและพรรคการเมืองต่างๆ เรื่องการติดตั้งป้ายหาเสียงให้ดําเนินการดังนี้ ถ้าติดตั้งป้ายเกี่ยวการเลือกตั้ง ณ ที่ทําการพรรคการเมือง หรือสาขาพรรคการเมือง หรือศูนย์อํานวยการเลือกตั้ง สามารถติดตั้งได้สถานที่ละ 1 แผ่น ขนาดความกว้างไม่เกิน 400 เซนติเมตร ความยาวไม่เกิน 700 เซนติเมตร ถ้าเป็นป้ายหาเสียงที่จะติดตั้งในพื้นที่สาธารณะต้องเป็นป้ายที่มีความกว้างไม่เกิน 130 เซนติเมตร ความยาวไม่เกิน 245 เซนติเมตร ในป้ายต้องระบุ ชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่ ของผู้ว่าจ้าง ผู้ผลิต จํานวน และวันเดือนปีที่ผลิตไว้บริเวณที่ชัดเจนของแผ่นป้ายและประกาศเกี่ยวกับการเลือกตั้ง สถานที่ที่จะทําการติดตั้งให้คํานึงถึงความเป็นระเบียบร้อยของบ้านเมือง ที่สําคัญต้องไม่บดบังทัศนะวิสัยในการใช้รถใช้ถนน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDสนิท ทองจํารัส สวท.มุกดาหาร รายงาน
7/2/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มุกดาหาร
สวท.มุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230207115303774
null
คณะรัฐมนตรี เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติกระยะที่ 2 ด้วยหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน
นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติกระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566-2570) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการดําเนินการตามแผนปฏิบัติการ โดยสาระสําคัญของ (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ นี้ มีกรอบแนวคิดการจัดลําดับความสําคัญของการจัดการขยะรูปแบบใหม่และการบริหารจัดการขยะตามวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ใน 4 ขั้นตอน ได้แก่ การจัดการ ณ ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง และการพัฒนาเครื่องมือบริหารจัดการขยะพลาสติก พร้อมกําหนดมาตรการหลัก 4 ข้อคือ การผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การลดขยะพลาสติกในขั้นตอนการบริโภค ขยายผลให้ผู้ประกอบการและประชาชนสนับสนุนการลดขยะพลาสติก รวมทั้งรณรงค์สื่อสารต่อสาธารณะภายใต้แนวทาง “งดการให้-ปฏิเสธการรับ ลดการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียว” จัดการขยะพลาสติกหลังการบริโภค โดยคัดแยกขยะ ที่สอดคล้องกับวิธีการกําจัดที่ปลายทาง สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ต้องนํากลับเข้าระบบรีไซเคิลและต้องทิ้งเพื่อนําไปกําจัด และจัดการขยะพลาสติกในทะเล มุ่งเน้นป้องกันการเกิดขยะพลาสติกในทะเลสําหรับแผนปฏิบัติการฯ ระยะที่ 2 (พ.ศ.2566-2570) มีเป้าหมายให้ปริมาณขยะพลาสติกเป้าหมาย ที่เข้าสู่ระบบฝังกลบขยะลดลงร้อยละ 100 และผลิตภัณฑ์พลาสติกเป้าหมายเข้าสู่ระบบรีไซเคิลร้อยละ 100 รวมถึงลดปริมาณขยะพลาสติกที่มีโอกาสหลุดรอดลงสู่ทะเลร้อยละ 50 โดยทั้งหมดจะต้องมีเครื่องมือในการบริหารจัดการขยะพลาสติก 10 ประเภทตามที่กําหนดในแผนปฏิบัติการฯ เพื่อให้การดําเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
7/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230207194641972
null
กกต.อุตรดิตถ์ เปิดรับฟังความคิดเห็นของพรรคการเมืองและประชาชนเกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส. ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้
นายนิยม จันทร์เยี่ยม ผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําจังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดอุตรดิตถ์ ประกาศรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ จํานวน 4 รูปแบบ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของพรรคการเมืองและประชาชนในจังหวัดอุตรดิตถ์ พรรคการเมืองพรรคใดหรือประชาชนผู้ใดมีข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจังหวัดอุตรดิตถ์ ให้แสดงความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อผู้อํานวยการการเลือกตั้งประจําจังหวัดอุตรดิตถ์ ภายในระยะเวลา 10 วัน นับแต่วันปิดประกาศ (ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566)ทั้งนี้ หากมีความประสงค์ในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบแบ่งเขตเลือกตั้งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุตรดิตถ์ ให้จัดส่งเป็นหนังสือไปยังสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดอุตรดิตถ์ เลขที่ 100/4 หมู่ที่ 2 ถนนอุตรดิตถ์-เขื่อนสิริกิติ์ ตําบลงิ้วงาม อําเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ 53000#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
7/2/2023
ภาคเหนือ
อุตรดิตถ์
สวท.อุตรดิตถ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230207161131878
null
ครม. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการก่อสร้างอาคารผ่าตัดผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุรพ.ปัตตานี เพิ่มเติมวงเงินงบประมาณเป็นกว่า 356 ล้านบาท เพื่อให้ได้อาคารมาตรฐาน
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอนุมัติเปลี่ยนแปลงรูปแบบรายการ เพิ่มวงเงิน และขยายระยะเวลาการก่อสร้างอาคารผ่าตัดผู้ป่วยนอกและอุบัติเหตุ โรงพยาบาลปัตตานี ต.สะบารัง อ.เมืองปัตตานี จ.ปัตตานี 1 หลัง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยสาระสําคัญของการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดงานก่อสร้างครั้งนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) 7 ชั้น จากเดิมแบบแปลนเลขที่ 8135 พื้นที่ใช้สอยประมาณ 13,576 ตารางเมตร ระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ 930 วัน เป็น แบบแปลนเลขที่ 8135 พื้นที่ใช้สอยประมาณ 14,703 ตารางเมตร ระยะเวลาดําเนินการ 1,395 วัน วงเงินค่าก่อสร้างเพิ่มจาก 153.8 ล้านบาท เป็น 356.6 ล้านบาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณปี 2566 จํานวน 32.5 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 324.1 ล้านบาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจําปี 2567-2569สําหรับโครงการนี้ เป็นโครงการที่จะมาเสริมศักยภาพการให้บริการของโรงพยาบาลปัตตานี ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่แห่งเดียวในจังหวัด มีผู้ใช้บริการเฉลี่ยวันละ 1,600 คน ซึ่งปัจจุบันพื้นที่คับแคบแออัด จํานวนเตียงไม่เพียงพอในการรองรับผู้ป่วย ทําให้ไม่สามารถรักษาได้ทันท่วงที ซึ่งโครงการก่อสร้างนี้จะทําให้โรงพยาบาลสามารถรองรับผู้ป่วยได้จากเดิม 546 เตียง เป็น 700 เตียง เพิ่มศักยภาพการบริการด้านรักษาพยาบาลแก่ประชาชนในพื้นที่มากขึ้น
7/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230207162441887
null
กระทรวงยุติธรรม สร้างการรับรู้ด้านกฎหมายในชีวิตประจำวันแก่ประชาชน "การนํากรวย แผงเหล็ก เก้าอี้ หรือ สิ่งใดไปตั้งขวางพื้นที่ไว้ไม่ให้ใครมาจอด มีความผิดตามกฎหมาย"
หากเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลสามารถทําได้ หากเป็นที่สาธารณะ ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 114 ซึ่งบัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดวาง ตั้ง ยื่น หรือแขวนสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทําด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากหัวหน้าเจ้าพนักงานจราจร แต่หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรจะอนุญาตได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุอันจําเป็นและเป็นการชั่วคราวเท่านั้น ผู้ฝ่าฝืนบทบัญญัติในวรรคหนึ่ง นอกจากจะมีความผิดตามมาตรา 148 แล้ว หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรมีอํานาจสั่งให้ผู้ฝ่าฝืนรื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางดังกล่าวได้ ถ้าไม่ยอมรื้อถอนหรือเคลื่อนย้าย ให้หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรมีอํานาจรื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายได้”ซึ่งมาตรา 148 เป็นบทกําหนดโทษ โดยโทษของการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 114 วรรคหนึ่ง คือต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท นอกจากนั้นยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385 ที่กําหนดว่า “ผู้ใด ไม่ได้รับอนุญาตอันชอบด้วยกฎหมายกีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร โดยวาง หรือทอดทิ้งสิ่งของ หรือโดยกระทําด้วยประการอื่นใด ถ้าการกระทํานั้นเป็นการกระทําโดย ไม่จําเป็นต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท”ส่วนการติดป้ายห้ามจอด ถือเป็นการทําสัญญาณหรือเครื่องหมายจราจร ถ้ามิได้เป็นเจ้าพนักงานอาจจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจร พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 28 ที่กําหนดว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดนอกจากเจ้าพนักงานจราจรหรือเจ้าพนักงาน ทํา ติดตั้ง หรือทําให้ปรากฏซึ่งสัญญาณจราจร หรือเครื่องหมายจราจรในทางที่ผู้บัญชาการสํานักงานตํารวจแห่งชาติกําหนดตามมาตรา 21” ซึ่งจะมีผลให้เจ้าพนักงานจราจรมีอํานาจยึด รื้อถอน ทําลาย หรือทําให้สิ้นไปซึ่งสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรนั้นได้ ตามมาตรา 30 กําหนดให้ สัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรที่ทํา ติดตั้งหรือทําให้ปรากฏในทาง โดยฝ่าฝืนมาตรา 28 ดังกล่าว หัวหน้าเจ้าพนักงานจราจรมีอํานาจยึด รื้อถอน ทําลาย หรือทําให้สิ้นไปซึ่งสัญญาณจราจรหรือเครื่องหมายจราจรนั้นได้ ข้อมูลจาก : พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 28 มาตรา 30 มาตรา 114 และมาตรา 148 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถขอรับคําปรึกษาด้านกฎหมาย บริการด้านงานยุติธรรมต่าง ๆ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่1. สายด่วนยุติธรรม 1111 กด 77 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง2. จดหมาย : ตู้ไปรษณีย์ 3 หลักสี่ กทม. 102103. เว็บไซต์ : https://www.moj.go.th/ และระบบให้บริการประชาชน http://mind.moj.go.th4. อีเมลล์ : complainingcenter@moj.go.th5. แอปพลิเคชันไลน์ Lind id : Svl0076. เฟสบุ๊ค : ศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงยุติธรรม Ministry Of Justice, Thailand7. แอปพลิเคชัน Justice Care : บริการรับเรื่องยุติธรรมสร้างสุข8. สํานักงานยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศ9. กองทุนยุติธรรม โทร 063-2697056 หรือ Facebook: กองทุนยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม
7/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
หน่วยงานสำนักข่าว
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230207160559873
null
สำนักกฎหมายและสิทธิมนุษยชนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จัดสัมมนาพัฒนาการด้านกฎหมายที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกฎหมายแนบท้ายกฎหมายความมั่นคง ประจำปี 2566
วันนี้ (7 ก.พ.66 ) เวลา 09.30 นาฬิกา พลตํารวจตรี นิตินัย หลังยาหน่าย รองผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 9 เป็นประธานพิธีเปิด การสัมมนาพัฒนาการด้านกฎหมายที่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกฎหมายแนบท้ายกฎหมายความมั่นคง ประจําปี 2566 ณ ห้องประชุมจามจุรี โรงแรมเฟรนด์ลี่เทล อําเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมี พันเอกเฉลิมชัย สุทธินวล ผู้อํานวยการสํานักกฎหมายและสิทธิมนุษยชน กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ทหาร ตํารวจ และปกครอง จํานวน 128 คน ร่วมกิจกรรมดังกล่าวทั้งนี้ เป็นไปตามดําริของ พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ต้องการให้เจ้าหน้าที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎหมาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในอํานาจหน้าที่และขั้นตอนการปฏิบัติตามมาตรการ ในกฎหมายความมั่นคง และกฎหมายอื่นๆ ที่ประกาศใช้ในพื้นที่ การสร้างความเข้าใจใกระบวน การปฏิบัติงาน/ที่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเพื่อร่วมกันถกแถลงกฎหมายแนบท้าย พระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ และกฎหมายแนบท้าย พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในฯ เพื่อพิจารณานํามาใช้เสริม/ในการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-9 กุมภาพันธ์ 2566#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
7/2/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230207172138917
null
คณะรัฐมนตรี อนุมัติหลักการโครงการส่งเสริมการสร้างคนดีตามหลักการทางศาสนาที่ถูกต้อง
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการโครงการส่งเสริมการสร้างคนดีตามหลักการทางศาสนาที่ถูกต้องเพื่อสืบสานและรักษาสังคมพหุวัฒนธรรมที่ดีงามของจังหวัดชายแดนใต้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566-2570 พร้อมกับอนุมัติกรอบวงเงินในการดําเนินโครงการฯ ประจําปี งบประมาณ 2566-70 จํานวน 2,330 ล้านบาท สําหรับโครงการนี้ เป็นการสนับสนุนโรงเรียนตาดีกา และศูนย์พระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ (ศพอ.) ให้ได้รับการสนับสนุนอาหารกลางวันที่ดีกับเด็กที่เข้ารับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามหลักศาสนาเบื้องต้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กและเยาวชนพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ 203,606 คน แบ่งเป็น นักเรียนในการดูแลของโรงเรียนตาดีกา 2,088 แห่ง จํานวน 191,024 คน และนักเรียนในการดูแลของ ศพอ. 45 แห่ง จํานวน 12,582 คนการดําเนินโครงการจะมีการเบิกจ่ายงบประมาณสนับสนุน ปีละ 466 ล้านบาท เพื่อดําเนินการใน 2 กิจกรรม ได้แก่ ค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ที่เข้ารับการศึกษาในโรงเรียนตาดีกา เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และ ศพอ. จํานวน 203,606 คน สนับสนุนคนละ 20 บาทต่อคนต่อวัน รวม 378 ล้านบาทต่อปี และงบประมาณสําหรับค่าใช้จ่ายพัฒนาศักยภาพเด็กแลผู้สอน 87 ล้านบาทต่อปี เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนเยาวชนให้เข้าสู่กระบวนการฝึกอบรม ขัดเกลาและสร้างทักษะเพื่อให้เป็นคนดีตามหลักการของทุกศาสนา ขณะครูผู้สอนก็ได้รับการพัฒนาสมรรถนะให้มีหลักการในการสอนที่ถูกต้อง
7/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230207193756960
null
ครม.เห็นชอบขยายเวลาออกไป 90 วัน ให้แรงงาน 4 สัญชาติขอต่อใบอนุญาตทำงาน
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่ากระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระบวนการต่ออายุใบอนุญาตทํางานไม่สามารถทําได้ทันภายในกําหนดเวลา เนื่องจากประเทศต้นทางไม่สามารถดําเนินการออกหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางให้แรงงานของตนได้ทัน ดังนั้นเพื่อให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นการป้องกันไม่ให้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานภายในประเทศทวีความรุนแรงมากขึ้น กระทรวงแรงงาน จึงเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) จนมีมติเห็นชอบผ่อนผันให้แรงงานต่างชาติที่ยื่นคําขอต่อใบอนุญาตทํางานและชําระค่าธรรมเนียม ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 สามารถอยู่ในราชอาณาจักรได้ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 เพื่อยื่นเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่ออยู่และทํางานต่อไปได้ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 หรือวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 แล้วแต่กรณี พร้อมกับขยายระยะเวลาการดําเนินการออกเอกสารรับรองบุคคล (CI) ของทางการเมียนมา ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรปราการ ระนอง และชลบุรี จนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2566 เพื่อแก้ปัญหาแรงงานหลุดออกจากระบบด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ในระหว่างที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตทํางาน กรมการจัดหางานจะออกเอกสารซึ่งแสดงว่าคนต่างด้าวได้รับอนุญาตทํางาน เป็นเอกสารหลักฐานแทนใบอนุญาตทํางาน ได้แก่ ใบรับคําขอต่ออายุใบอนุญาตทํางาน หรือทะเบียนใบอนุญาตทํางาน คู่กับใบเสร็จรับเงิน เพื่อใช้แสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าได้รับอนุญาตทํางานตามกฎหมายแล้ว ขอฝากถึงนายจ้าง/สถานประกอบการที่มีแรงงาน 4 สัญชาติ ซึ่งได้รับอนุญาตทํางาน ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แล้ว หากประสงค์จะทํางานต่อไป ให้รีบยื่นคําขอต่ออายุใบอนุญาตทํางานผ่านระบบต่ออายุใบอนุญาตทํางานคนต่างด้าว (4 สัญชาติ) ทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เว็บไซต์ alien13febrenewal.doe.go.th ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 พร้อมชําระเงินค่าธรรมเนียมได้ที่ธนาคารกรุงไทย หากมีปัญหาอุปสรรคติดต่อสอบถามสํานักงานจัดหางานจังหวัดจังหวัดทั่วประเทศ หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2
7/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230207193519957
null
เจ้าหน้าที่ ตชด. อส. เบตง ซุ่มดูสวนผลไม้จับพ่อค้ายารายย่อย พบนั่งเสพยาบนต้นไม้ รับสารภาพ ถูกจับมาแล้ว 2 ครั้ง นำยามาครั้งละ 100 เม็ด ทั้งเสพทั้งจำหน่าย
วันที่ 7 ก.พ.66 ร.ต.ท.ณัฐีร์ ปัญจสิริวิทย์ หัวหน้าชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ร้อย ตชด.445 ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ภายในสวนผลไม้ บ้านจาเราะปะไต ม1 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา มีการมั่วสุมและลักลอบจําหน่ายยาเสพติด มีกลุ่มวัยรุ่นเข้าออกเป็นประจําตลอดทั้งวัน จึงรายงานให้ พ.ต.ท.อรรถพล จินตาคม ผบ.ร้อยตชด.445 และ ร.ต.อ.มาตุภูมิ ธรรเนียม ผบ.ร้อย ฉก.ตชด.445 รับทราบ พร้อมประสาน นายพิชัย แก้วจํารัส ปลัดอําเภอเบตง รับผิดชอบงานยาเสพติด นํากําลังเจ้าหน้าที่ ตชด.445, ฉก.ตชด.445, ตํารวจตรวจคนเข้าเมืองเบตง, อส.อําเภอเบตง วางแผนเข้าตรวจค้นจับกุมเจ้าหน้าที่ได้แบ่งกําลังออกเป็นสองชุด ชุดแรกเข้าไปซุ่มดูบริเวณในป่าข้างสวนผลไม้ ชุดที่ 2 ซุ่มดูบริเวณสุสานจีน บ้าน กม.4 ซึ่งอยู่ตรงข้ามทางเข้าสวนผลไม้ เพื่อสังเกตการเข้าออกของกลุ่มวัยรุ่น ขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดแรกซุ่มดูอยู่นั้น เห็นชายปีนขึ้นไปนั่งบนแคร่ที่สร้างขึ้นบนต้นเงาะ ซึ่งสูงจากพื้นดินประมาณ 4 เมตร เจ้าหน้าที่จึงขยับคลานเข้าไปใกล้ จนมองเห็นชัดว่าชายคนดังกล่าวกําลังนั่งเสพยาบ้า จึงแสดงตัวจับกุม ทราบชื่อ นายอับดุลอายิ มาลี อายุ 44 ปีตรวจบริเวณรอบ พบยาบ้าจํานวน 12 เม็ด อุปกรณ์การเสพ 1 ชุด จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ไปตรวจค้นบ้านเลขที่ 57 ม.1 ต.ตาเนาะแมเราะ ซึ่งเป็นบ้านที่นายอับดุลอายิ พักอาศัยอยู่ ซึ่งห่างจากสวนผลไม้ที่จับกุมประมาณ 400 เมตร พบยาบ้าอีกจํานวน 79 เม็ด อยู่ในกระปุกพลาสติกสีขาว วางอยู่บนโต๊ะภายในบ้านจากการสอบถามเบื้องต้น เคยถูกจับกุมเกี่ยวกับยาเสพติดมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกจําคุก 4 ปี 6 เดือน ครั้งที่ 2 จําคุก 1 ปี 1 เดือน ยาบ้าที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ตนซื้อมาจากคนรู้จักในราคา 100 เม็ด 3,500 บาท นํามาจําหน่ายให้วัยรุ่น ราคาเม็ดละ 100 บาท และบางส่วนก็จะนํามาเสพ ซึ่งในเวลากลางวันตนจะทําสวน จึงได้ทําแคร่ไว้บนต้นเงาะ ใช้นั่งพักและเสพยา จะได้มองเห็นเจ้าหน้าที่ก่อน แต่ครั้งนี้ไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่จะมาแอบซุ่มดู ทําให้ตนหนีไม่ทัน เจ้าหน้าที่จึงตั้งข้อหามีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) เพื่อจําหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย พร้อมทั้งนําตัวและของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เบตง ดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
7/2/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.เบตง จ.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230207190522951
null
ปลัด.มท.ผบ.ตร.ปลัด.สธ และเลขา ปปส. ลงพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ติดตามการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติด หนองบัวลำภู ต้นแบบสีขาวปลอดยาเสพติด
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ ศาลาประชาคม บ้านท่าอุทัย ตําบลอุทัยสวรรค์ อําเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลําภู พล.ต.อ.ดํารงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการปปส และนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดําเนินงานมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ระยะเร่งด่วน โดยมีนายสุวิทย์ จันทร์หวร ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอนุพงษ์ คําภูแก้ว นายศศินพัฒนภิรมย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด และพระราชวชิรธาดา เจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลําภู ร่วมลงพื้นที่ด้วยนายสุวิทย์ จันทร์หวร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลําภู กล่าวว่า ในระยะเร่งด่วน 3 เดือนที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงจังหวัดหนองบัวลําภู ได้ดําเนินการตามแนวทางหนองบัวลําภู ต้นแบบจังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติดแบบครบวงจร ด้านการป้องกัน ปราบปรามบําบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพทางสังคม ด้วยวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยแนวคิด Change for Good โดย “5 เสือ (ผู้นําชุมชน ตํารวจ สสจ.ท้องถิ่น ฝ่ายปกครอง) พาพี่น้องทําความดี” ทั้งระดับจังหวัด อําเภอ ตําบล หมู่บ้าน และคุ้ม จัดทําตู้ราชสีห์ ผ่านระบบ QRCODE กระจายทุกหมู่บ้าน ตลาด ชุมชน สถานที่ราชการในทุกอําเภอ เพื่อประชาชนร้องเรียนร้องทุกข์ และแจ้งเบาะแสการกระทําผิด จัดชุดกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. รพ.สต. ตํารวจ อาสาตํารวจ และหัวหน้า/คณะกรรมการคุ้ม 5,149 คุ้ม คัดกรองและดูแลผู้ป่วยจิตเวช โดยมี อสม. และ กม. ที่ผ่านการอบรมการดูแลสังเกตผู้ป่วย ทั้งมีทีมผู้พิทักษ์ และชุดนาคาพิทักษ์ เข้าระงับเหตุทันที หากมีผู้ป่วยคลุ้มคลั่ง จัดทํา Family folder รวบรวมข้อมูลปัจจัยเพื่อเลิกยาเสพติด การช่วยเหลือ และข้อมูลครอบครัว ครอบคลุมทั้งสุขภาพ รายได้ และข้อมูลอื่น ๆ พร้อมทั้งส่งเสริมบทบาทหมู่บ้าน ชุมชน มีส่วนร่วม ด้วยกองทุนแม่ของแผ่นดิน 272 กองทุน กองทุนหมู่บ้านยั่งยืน 67 หมู่บ้าน ซึ่งจากการ Re X-ray ข้อมูลในพื้นที่ พบผู้เสพ 2,044 คน ผู้ค้า 389 คน ผู้ป่วยจิตเวช 320 คน และได้คัดกรองประชาชน อายุ 12-65 ปี ในชุมชน พบผู้เสพ 701 คน เข้ารับการคัดกรอง จําแนกเป็นสีแดง เข้าบําบัดรักษาที่โรงพยาบาล และสีเหลือง สีเขียว บําบัดโดยชุมชน และในด้านปราบปราม ได้สนธิกําลังตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ถนนสายหลัก 7 จุด ถนนสายรอง 721 จุด ทําการสุ่มตรวจ 644 ครั้ง ตรวจพัสดุไปรษณีย์ 6 ครั้ง ขยายผลเครือข่ายยาเสพติดทําการยึดทรัพย์แล้ว 2 คดี และได้สุ่มตรวจเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหาสารเสพติด 76 หน่วย 3,783 ราย พบมีสารเสพติด 43 ราย เข้ารับการบําบัดรักษานายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยที่เกี่ยวข้องต่างมี “หัวใจเดียวกัน” คือ “อยากเห็นสิ่งที่ดีเกิดขึ้นในสังคมไทย” โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อคิดสําคัญที่ว่า “ทําอย่างไรให้เกิดความยั่งยืน” ซึ่งความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอยู่ที่ “ใจ” และอยู่ที่ “พวกเราทุกคน” ที่ต้องก้าวผ่านข้อจํากัดของทรัพยากรการบริหาร ทั้งงบประมาณ กําลังคน เครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ พล.ต.อ.ดํารงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัด ทุกจังหวัด เป็นขุนพลในการสนับสนุน ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอําเภอ ลงพื้นที่แก้ปัญหา และติดตามการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพราะ “การลงพื้นที่” เป็นคําตอบสุดท้ายที่พี่น้องประชาชนจะพึงพอใจและรู้สึกว่าปลอดภัยทางด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การขับเคลื่อนนโยบายด้านยาเสพติด เป็นนโยบายที่ต้องบูรณาการร่วมกัน ทั้งการป้องกัน ปราบปราม และบําบัดรักษา โดยเฉพาะการบําบัดรักษาและฟื้นฟู โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดตั้งหน่วยบริการบําบัดรักษา โดยการจัดตั้งหอผู้ป่วยจิตเวชและบําบัดผู้ติดยาเสพติดที่โรงพยาบาลจังหวัดครบทุกจังหวัดแล้ว โดยได้รับความเห็นชอบจาก ครม.ผลิตจิตแพทย์เพิ่มเติม 800 คน และพยาบาลจิตเวช 3,000 คน โดยจะดูแลผู้ป่วยเป็นรายบุคคล มี อสม.ในพื้นที่เป็นกลไกร่วมแก้ปัญหายาเสพติดด้วยขณะที่ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ขอให้ขยายผลต้นจังหวัดหนองบัวลําภูสีขาวปลอดยาเสพติด ไปยังทุกจังหวัด เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งย้ําเตือนประชาชน ได้ช่วยกันสร้างการรับรู้โทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยหากผู้ใดยินยอมให้ผู้อื่นนําบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี หรือซิมการ์ดโทรศัพท์ หรือเอาไปให้ผู้อื่นใช้เช่าบ้าน ทําธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับยาเสพติด ต้องรับโทษจําคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท ซึ่งพนักงานสอบสวน สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ทันที#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
7/2/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
หนองบัวลำภู
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองบัวลำภู
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230208080859067
null
ปลัด.มท.ผบ.ตร.ปลัด.สธ และเลขา ปปส. ลงพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ติดตามการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติด หนองบัวลำภู ต้นแบบสีขาวปลอดยาเสพติด
วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ ศาลาประชาคม บ้านท่าอุทัย ตําบลอุทัยสวรรค์ อําเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลําภู พล.ต.อ.ดํารงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการปปส และนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดําเนินงานมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ระยะเร่งด่วน โดยมีนายสุวิทย์ จันทร์หวร ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอนุพงษ์ คําภูแก้ว นายศศินพัฒนภิรมย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด และพระราชวชิรธาดา เจ้าคณะจังหวัดหนองบัวลําภู ร่วมลงพื้นที่ด้วยนายสุวิทย์ จันทร์หวร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลําภู กล่าวว่า ในระยะเร่งด่วน 3 เดือนที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงจังหวัดหนองบัวลําภู ได้ดําเนินการตามแนวทางหนองบัวลําภู ต้นแบบจังหวัดสีขาวปลอดยาเสพติดแบบครบวงจร ด้านการป้องกัน ปราบปรามบําบัดรักษาและฟื้นฟูสภาพทางสังคม ด้วยวิธีการแก้ไขปัญหาด้วยแนวคิด Change for Good โดย “5 เสือ (ผู้นําชุมชน ตํารวจ สสจ.ท้องถิ่น ฝ่ายปกครอง) พาพี่น้องทําความดี” ทั้งระดับจังหวัด อําเภอ ตําบล หมู่บ้าน และคุ้ม จัดทําตู้ราชสีห์ ผ่านระบบ QRCODE กระจายทุกหมู่บ้าน ตลาด ชุมชน สถานที่ราชการในทุกอําเภอ เพื่อประชาชนร้องเรียนร้องทุกข์ และแจ้งเบาะแสการกระทําผิด จัดชุดกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. รพ.สต. ตํารวจ อาสาตํารวจ และหัวหน้า/คณะกรรมการคุ้ม 5,149 คุ้ม คัดกรองและดูแลผู้ป่วยจิตเวช โดยมี อสม. และ กม. ที่ผ่านการอบรมการดูแลสังเกตผู้ป่วย ทั้งมีทีมผู้พิทักษ์ และชุดนาคาพิทักษ์ เข้าระงับเหตุทันที หากมีผู้ป่วยคลุ้มคลั่ง จัดทํา Family folder รวบรวมข้อมูลปัจจัยเพื่อเลิกยาเสพติด การช่วยเหลือ และข้อมูลครอบครัว ครอบคลุมทั้งสุขภาพ รายได้ และข้อมูลอื่น ๆ พร้อมทั้งส่งเสริมบทบาทหมู่บ้าน ชุมชน มีส่วนร่วม ด้วยกองทุนแม่ของแผ่นดิน 272 กองทุน กองทุนหมู่บ้านยั่งยืน 67 หมู่บ้าน ซึ่งจากการ Re X-ray ข้อมูลในพื้นที่ พบผู้เสพ 2,044 คน ผู้ค้า 389 คน ผู้ป่วยจิตเวช 320 คน และได้คัดกรองประชาชน อายุ 12-65 ปี ในชุมชน พบผู้เสพ 701 คน เข้ารับการคัดกรอง จําแนกเป็นสีแดง เข้าบําบัดรักษาที่โรงพยาบาล และสีเหลือง สีเขียว บําบัดโดยชุมชน และในด้านปราบปราม ได้สนธิกําลังตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ถนนสายหลัก 7 จุด ถนนสายรอง 721 จุด ทําการสุ่มตรวจ 644 ครั้ง ตรวจพัสดุไปรษณีย์ 6 ครั้ง ขยายผลเครือข่ายยาเสพติดทําการยึดทรัพย์แล้ว 2 คดี และได้สุ่มตรวจเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อหาสารเสพติด 76 หน่วย 3,783 ราย พบมีสารเสพติด 43 ราย เข้ารับการบําบัดรักษานายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยที่เกี่ยวข้องต่างมี “หัวใจเดียวกัน” คือ “อยากเห็นสิ่งที่ดีเกิดขึ้นในสังคมไทย” โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อคิดสําคัญที่ว่า “ทําอย่างไรให้เกิดความยั่งยืน” ซึ่งความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอยู่ที่ “ใจ” และอยู่ที่ “พวกเราทุกคน” ที่ต้องก้าวผ่านข้อจํากัดของทรัพยากรการบริหาร ทั้งงบประมาณ กําลังคน เครื่องไม้เครื่องมือต่าง ๆ พล.ต.อ.ดํารงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัด ทุกจังหวัด เป็นขุนพลในการสนับสนุน ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอําเภอ ลงพื้นที่แก้ปัญหา และติดตามการแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง เพราะ “การลงพื้นที่” เป็นคําตอบสุดท้ายที่พี่น้องประชาชนจะพึงพอใจและรู้สึกว่าปลอดภัยทางด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การขับเคลื่อนนโยบายด้านยาเสพติด เป็นนโยบายที่ต้องบูรณาการร่วมกัน ทั้งการป้องกัน ปราบปราม และบําบัดรักษา โดยเฉพาะการบําบัดรักษาและฟื้นฟู โดยกระทรวงสาธารณสุข ได้จัดตั้งหน่วยบริการบําบัดรักษา โดยการจัดตั้งหอผู้ป่วยจิตเวชและบําบัดผู้ติดยาเสพติดที่โรงพยาบาลจังหวัดครบทุกจังหวัดแล้ว โดยได้รับความเห็นชอบจาก ครม.ผลิตจิตแพทย์เพิ่มเติม 800 คน และพยาบาลจิตเวช 3,000 คน โดยจะดูแลผู้ป่วยเป็นรายบุคคล มี อสม.ในพื้นที่เป็นกลไกร่วมแก้ปัญหายาเสพติดด้วยขณะที่ นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ขอให้ขยายผลต้นจังหวัดหนองบัวลําภูสีขาวปลอดยาเสพติด ไปยังทุกจังหวัด เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม พร้อมทั้งย้ําเตือนประชาชน ได้ช่วยกันสร้างการรับรู้โทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยหากผู้ใดยินยอมให้ผู้อื่นนําบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี หรือซิมการ์ดโทรศัพท์ หรือเอาไปให้ผู้อื่นใช้เช่าบ้าน ทําธุรกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับยาเสพติด ต้องรับโทษจําคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท ซึ่งพนักงานสอบสวน สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ทันที#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
7/2/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
หนองบัวลำภู
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดหนองบัวลำภู
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230208081054068
null
บก.ควบคุม อส.จชต. ประชุมสรุปผลการปฏิบัติงานประจำเดือน ม.ค. 66 พร้อมร่วมหารือเพื่อเพิ่มศักยภาพชุดคุ้มครองตำบลในพื้นที่
พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4/รองผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นประธานในการประชุมสรุปผลการปฏิบัติที่สําคัญ ประจําเดือนมกราคม 2566 โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์และแนวโน้มสถานการณ์ในพื้นที่ รวมถึงผลการปฏิบัติงานที่สําคัญในห้วงที่ผ่านมา พร้อมรับฟังการชี้แจงถึงผลการดําเนินงาน ปัญหาข้อขัดข้อง ตลอดจนหารือแนวทางการปฏิบัติงานในอนาคต เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่อาจเข้ามาสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ได้ โดยมีหน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดยะลา,จังหวัดปัตตานี ,จังหวัดนราวาส และจังหวัดสงขลา ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทหาร ตํารวจ เจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ก่อนการประชุมฯ มีการมอบรางวัลให้แก่ ชุดคุ้มครองตําบล (ชคต.) ที่มีผลการปฏิบัติงานดีเด่น ประจําเดือนมกราคม 2566 จังหวัดละ 1 รางวัล รวม 4 รางวัล เพื่อเป็นการสร้างขวัญกําลังใจให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่ ณ ห้องประชุมไทยต้องเป็นไทย กองบังคับการควบคุมกองอาสารักษาดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศูนย์ฝึกอบรมกองกําลังประจําถิ่นท่าสาป อําเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา?โอกาสนี้ พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4/ รองผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าได้ชื่นชมและแสดงความยินดีกับชุดคุ้มครองตําบล ที่ได้รับรางวัลผลการปฏิบัติงานดีเด่น ให้รักษาไว้ซึ่งการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน และอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างสม่ําเสมอ พร้อมมอบแนวทางให้หน่วยได้ยึดเป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ลดการสูญเสีย และใช้แนวทางการวิเคราะห์ปัจจัย วิเคราะห์สถานการณ์แนวโน้มเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อนําไปวางแผนรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ รวมทั้งการดูแลกําลังพลของหัวหน้าชุดคุ้มครองตําบลตามกรอบนโยบายและแนวทาง ให้หัวหน้าชุดคุ้มครองตําบลเข้าตรวจเยี่ยมชุดคุ้มครองตําบลเพื่อรับฟังและร่วมแก้ไขปัญหาต่างๆ พร้อมกันนี้ยังคงเดินหน้าในการฝึกเพิ่มขีดความสามารถ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับหัวหน้าชุดคุ้มครองตําบล และส่วนการประเมินชุดคุ้มครองตําบล ยังคงดําเนินการและติดตามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชุดคุ้มครองตําบลสามารถดูแลชุมชนได้ลําพังอย่างมีประสิทธิภาพ หากทุกคนสามารถทําได้ตามเกณฑ์การประเมิน ชุดคุ้มครองตําบลจะมีคุณภาพมากขึ้นและเป็นไปตามเป้าที่กําหนดไว้อย่างแน่นอนทั้งนี้ เน้นย้ําให้นําเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชุดคุ้มครองตําบลในพื้นที่อําเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส มาทบทวนและวิเคราะห์ โดยให้ทุกหน่วยนํามาถอดบทเรียน ทั้งทางด้านการใช้ยานพาหนะ, การฝึกทบทวนของเจ้าหน้าที่, การจัดชุดรักษาความปลอดภัย โดยบูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วน, การติดต่อสื่อสารร่วมกับหน่วยข้างเคียงและการปฏิบัติการด้านการข่าว เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นบทเรียนที่สําคัญที่ควรนํามาปรับใช้ในการปฏิบัติ ในขณะเดียวกันให้เจ้าหน้าที่ ได้มีการกํากับดูแลและเข้มงวด โดยเฉพาะในช่วงนี้มีการเลือกตั้ง ต้องเป็นกลาง นอกจากนี้ให้มีความตื่นตัวและหมั่นฝึกฝน ทบทวน เพื่อยกระดับชุดคุ้มครองตําบลให้มีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
8/2/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230208092859080
null
นายกฯ สนับสนุนแรงงานไทย ถือวีซ่าทักษะฝีมือทำงานอู่ต่อเรือเกาหลีใต้ถูกกฎหมาย ยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานและครอบครัว
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบผลการเจรจา จากกระทรวงแรงงาน เรื่องการส่งแรงงานไทยไปทํางานด้วยวีซ่า E-7 หรือ วีซ่าทักษะฝีมือ ตามนโยบายขยายตลาดแรงงานในต่างประเทศ บริษัทจัดหางานยื่นขออนุญาตกับกรมการจัดหางานมาแล้ว 1,275 อัตรา แบ่งเป็นสาขาช่างเชื่อม 970 อัตรา ช่างสีพ่นทราย 205 อัตรา และช่างไฟฟ้า 100 อัตรา ซึ่งมีการจัดส่งแรงงานไปแล้ว 65 คน และวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา จัดส่งแรงงานสาขาช่างเชื่อมไป 49 คน รวมเป็น 114 คน โดยเป็นการจัดส่งในลักษณะบริษัทจัดหางาน โดยแรงงานไทยทั้ง 49 คน ที่จะเดินทางไปทํางานเป็นช่างเชื่อมในอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือที่เกาหลีใต้ทั้งหมดได้ผ่านการอบรมคนหางาน ณ ศูนย์อบรมคนหางานก่อนไปทํางานต่างประเทศ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน การเดินทางไปทํางานที่เกาหลีใต้ในภาคอุตสาหกรรมอู่ต่อเรือ เป็นโอกาสที่ดีของแรงงานไทย เนื่องจากเกาหลีใต้กําลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เป็นเหตุให้ขาดแคลนแรงงาน จึงจําเป็นต้องนําแรงงานต่างชาติที่มีทักษะฝีมือเข้ามาทํางานเป็นจํานวนมากและพร้อมจ่ายค่าตอบแทนและค่าล่วงเวลาในอัตราสูง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยินดีสนับสนุนแรงงานไทยให้มีโอกาสไปทํางานหารายได้ที่ต่างประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานและครอบครัว ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือดูแลความเป็นอยู่ของแรงงาน
8/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230208110213115
null
สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดตรัง จัดโครงการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานศูนย์ยุติธรรมชุมชน ครั้งที่ 1
นายอภัย เอียดบัว ผู้อํานวยการสํานักงานคุมประพฤติและยุติธรรมจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นางวิพรรัตน์ รัตนะ พนักงานคุมประพฤติชํานาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และอํานวยการ เป็นวิทยากรบรรยาย โครงการนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานศูนย์ยุติธรรมชุมชน ครั้งที่ 1 /2566 ณ ห้องประชุมดุสิตขจร มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์การศึกษาตรัง อําเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ทั้งนี้ การอํานวยความยุติธรรม การสร้างความเป็นธรรมและความสงบสุขในสังคม เป็นภารกิจหลักที่สําคักยิ่งของกระทรวงยุติธรรม ที่จะต้องดําเนินการให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนในทุกพื้นที่และทุกระดับ แต่ภารกิจดังกล่าวหากรัฐเป็นผู้รับผิดชอบดําเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียวคงไม่สามารถบรรลุผลอย่างยั่งยืนได้ หัวใจสําคัญของความสําเร็จในการดําเนินภารกิจดังกล่าวจึงอยู่ที่คนในชุมชน ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดได้สัมผัส มีส่วนได้ส่วนเสียกับความยุติธรรม ความเป็นธรรม และความสงบสุขในชุมชนนั้นๆ ได้มีโอกาสและมีช่องทางที่จะเข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐในการแก้ปัญหาของชุมชนด้วยตนเอง โดยมีโอกาสในการร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมดําเนินการและร่วมรับประโยชน์จากการแก้ปัญหาร่วมกันในลักษณะของการเป็น "หุ้นส่วน" เกิดเป็น "เครือข่ายยุติธรรมชุมชน" เป็นส่วนหนึ่งของการดําเนินงานของกระทรวงยุติธรรมภายใต้ยุทธศาสตร์ "ยุติธรรมถ้วนหน้า ประชามีส่วนร่วม" (Justice for All, All for Justice)อันจะเป็นกุญแจสําคัญที่จะนําไปสู่จุดมุ่งหมายในการสร้างความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐกับชุมชน ในการอํานวยความยุติธรรม สร้างความเป็นธรรมและความสงบสุขในสังคมร่วมกัน โดยภาครัฐจะส่งเสริมการรวมตัวกันของประชาชนในลักษณะของ "เครือข่าย" เพื่อทํางานเคียงบ่าเคียงไหล่กับภาครัฐในการดําเนินภารกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชุมชน และจะส่งเสริมให้เครือข่ายมีความเข้มแข็ง สามารถจัดตั้ง "ศูนย์ยุติธรรมชุมชน" ของตนเองขึ้น เพื่อเป็นกลไกในการร่วมกันสรรหาแนวทางที่จะทําให้ภาครัฐและภาคประชาสังคมร่วมกันสร้าง "สังคมที่ยุติธรรม" กล่าวคือ เป็นสังคมที่ประชาชนได้รับความเป็นธรรมอย่างเสมอภาคภายใต้กฎหมายอย่างถ้วนทั่ว และเป็นสังคมที่มีความสงบสุข ปราศจากอาชญากรรมอันจะเป็นรากฐานสําคัญของการพัฒนาทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
8/2/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230208124032168
null
ปชส.สุราษฎร์ธานี ครม.เห็นชอบทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย
นายณรงค์ หลักกําจร ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวถึงส่งเสริมการถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศต่อยอด Soft Power หนุนท่องเที่ยวไทย ว่า ครม. เห็นชอบทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยการปรับเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขมาตรการส่งเสริม ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยการปรับปรุงแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 ปรับอัตราการคืนเงิน (Cash Rebate) จากเดิม ร้อยละ 15-20 เป็นร้อยละ 20-30 เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยสิทธิประโยชน์หลักอยู่ที่ร้อยละ 20 เมื่อมีการลงทุนในประเทศไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ส่วนสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมรวมแล้วไม่เกินร้อยละ 10ซึ่งหลังจากนี้ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดําเนินการปรับปรุงประกาศกรมการท่องเที่ยวในส่วนของเงื่อนไขการรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมดังกล่าว โดยให้คํานึงถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยโดยตรงเป็นลําดับแรก เช่น การกระจายรายได้สู่เมืองรอง การเพิ่มการจ้างงานคนไทย การเพิ่มมูลค่า ค่าใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและประชาชนโดยตรง ส่วนที่ 2 เป็นการปรับเพิ่มเพดานการคืนเงินจากเดิม 75 ล้านบาทต่อเนื่องเป็น 150 ล้านบาทต่อเรื่อง ซึ่งจะทําให้เพดานเงินลงทุนสร้างภาพยนต์ต่อเรื่องเพิ่มเป็น 750 ล้านบาท จากเดิม 375 ล้านบาท เพื่อเป็นการรับกับแนวโน้มที่คณะถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาในไทยเป็นผู้สร้างรายใหญ่ เงินทุนสูง โดยเฉพาะภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ โดยเรื่องที่เข้ามาถ่ายทําในไทยสูงสุดขณะนี้คือภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์เรื่อง Thai Cave Rescueสําหรับความจําเป็นที่ต้องมีการทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศ เนื่องมาจากปัจจุบันประเทศต่างๆ เห็นประโยชน์จากธุรกิจถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศจึงได้ออกมาตรการส่งเสริมการถ่ายทําในรูปแบบการคืนเงิน (Cash Rebate) หรือคืนภาษี (Tax Rebate/Tax Credit) เพื่อดึงดูดผู้สร้างภาพยนตร์ให้เข้าไปถ่ายทําในแต่ละประเทศอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยจึงจําเป็นต้องปรับเกณฑ์และเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสภาพการณ์และการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งนี้ การปรับหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข สําหรับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศในไทยทั้ง 2 ส่วนจะส่งผลต่อภาระงบประมาณในปี 2567-2568 (มาตรการมีผลในปี 2566 แต่การคืนเงินจะเกิดขึ้นในปี 2567-2568) รวม 2 ปี เพิ่มขึ้นจาก 821.82 ล้านบาท เป็น 1,845 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.54โดยการเข้ามาถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศในไทยจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมในภาพกว้าง มีเงินจากการลงทุนของบริษัทภาพยนตร์หมุนเวียนในเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น 900-1,200 บาทต่อปี กระจายรายได้ไปสู่ภาคส่วนต่างๆ และการที่ชาวไทยได้ร่วมงานกับคณะถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศ นอกจากจะให้คนไทยได้รับการจ้างงานเพิ่มกว่า 800 อัตราต่อปี ขณะเดียวกันก็ได้เพิ่มทักษะและประสบการณ์ เป็นโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสู่ระดับสากลด้วย
8/2/2023
ภาคใต้
สุราษฎร์ธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230208131209182
null
ปชส.สุราษฎร์ธานี ครม. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าวหลังวันที่ 13 ก.พ.66
นายณรงค์ หลักกําจร ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวถึงกรณีไฟเขียวแรงงานต่างด้าว 4 สัญชาติขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ว่า ครม. เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการทํางานของคนต่างด้าวหลังวันที่ 13 ก.พ. 66 ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลาให้คนต่างด้าวตามมติ ครม. วันที่ 5 ก.ค.65 ประกอบด้วยแรงงาน 4 สัญชาติ ได้แก่ เมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทํางานถึงวันที่ 13 ก.พ.66 ให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทํางานถึงวันที่ 15 พ.ค.66 และยกเว้นการเปรียบเทียบปรับการอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาถึงวันดังกล่าว เพื่อให้แรงงานสามารถจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นคําขอต่ออายุใบอนุญาตทํางานให้ถูกต้องตามขั้นตอนที่ครบถ้วนต่อไป และเป็นการช่วยเหลือนายจ้าง/สถานประกอบการที่ยังต้องการแรงงานเพื่อดําเนินกิจการในช่วงของการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 โดยที่แรงงานยังอยู่ในกํากับและการบริหารของหน่วยงานรัฐ และแรงงานก็ยังคงได้รับการคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ สวัสดิการตามกฎหมายตามสิทธิที่พึงได้นอกจากนี้ ครม. ได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดําเนินการออกเอกสารรับรองของบุคคล (Certificate of Identity: CI) ของทางการเมียนมาในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรปราการ ระนอง และชลบุรี จากวันที่ 13 ก.พ.66 เป็นวันที่ 13 พ.ค. 66 เนื่องจากปัจจุบันมีแรงงานเมียนมาประมาณ 300,000 คนอยู่ระหว่างการทําเอกสาร CI ส่วนทางการ ลาว และกัมพูชา หากประสงค์จะจัดเก็บข้อมูลเพื่อออกเอกสารประจําตัว ให้มีหนังสือผ่านช่องทางการทูตและสามารถดําเนินการได้ไปพลางก่อนโดยดําเนินการได้ถึงวันที่ 13 พ.ค.66 ทั้งนี้ เมื่อคนต่างด้าวยื่นเอกสารครบถ้วนตามกําหนดแล้วให้สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและทํางานถึงวันที่ 13 ก.พ.67 หรือวันที่ 13 ก.พ.68 แล้วแต่กรณีสําหรับความจําเป็นที่ต้องมีการออกแนวทางการบริหารจัดการทํางานของคนต่างด้าวดังกล่าวนี้ เนื่องจากคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้ทํางานตาม มติ ครม. วันที่ 5 ก.ค. 65 จํานวน 2,425,901 คน #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
8/2/2023
ภาคใต้
สุราษฎร์ธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230208132129186
null
จังหวัดภูเก็ต ตำรวจภูธรภาค 8 ตามยึดรถกระบะ-รถเก๋งใช้เอกสารปลอม หนีไฟแนนซ์ 6 คันด้าน รอง ผบช.ภ.8 เตือนประชาชนซื้อรถมือสองควรตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนซื้อ
วันนี้( 8 ก.พ.66 )ที่กองบัญชาการตํารวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.ศักย์ศิรา เผือกอ่ํา รอง ผบช.ภ.8 ในฐานะ ผอ.ศปจร.ภ.8 แถลงผลการตรวจยึดรถของกลางจํานวน 6 คัน โดยแบ่งเป็น 2 กรณี คือ 1.กรณีรถที่ถูกยึดพร้อมดําเนินคดีกับผู้ครอบครองจํานวน 3 คัน ได้แก่ รถกระบะจํานวน 2 คัน ผู้ต้องหา 2 คนของ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช รถยนต์ฟอร์ด 1 คัน ผู้ต้องหา 1 คน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานีดําเนินคดี ในข้อหาปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมตามกฎหมาย 2.รถต้องสงสัย เนื่องจากเจ้าของรถหลบหนีขณะเข้าตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นป้ายทะเบียนและป้ายภาษีปลอม โดยอยู่ระหว่างติดตามหาผู้ครอบครองรถมาดําเนินคดีต่อไป ของกลางเป็นรถจํานวน 3 คัน ได้แก่ รถยนต์นิสสัน 1 คัน สภ.เกาะสมุย รถยนต์โตโยต้ายาริส 1 คัน สภ.เกาะสมุย รถยนต์อีซูชุ 1 คัน สภ.เมืองกระบี่ และรถยนต์โตโยต้าแคมรี่ 1 คัน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.ศักย์ศิรา กล่าวว่า อยากฝากประชาสัมพันธ์ประชาชนที่จะซื้อรถมือสอง ให้ซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ตรวจสอบเอกสารชุดโอนกรรมสิทธิ์ให้ครบถ้วน และจะต้องนําไปโอนกรรมสิทธิ์ที่ กรมการขนส่งทางบกให้เรียบร้อยทุกครั้ง ไม่ควรซื้อรถมือสองจากเพจเฟชบุ๊กที่มีการโฆษณาขายรถหลุดจํานํา รถหนีไฟแนนซ์ เนื่องจากรถที่นํามาประกาศขาย ส่วนมากเป็นรถที่ได้มาโดยไม่ถูกต้อง เช่น ขาดการชําระค่างวด หรือเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา และอยากให้ทราบถึงโทษของการใช้ป้ายทะเบียนปลอม ซึ่งจะมีความผิด ฐาน ปลอมและใช้เอกสารทางราชการปลอม ซึ่งมีโทษจําคุก สูงสุด 5 ปี และปรับสูงสุด 1 แสนบาท พล.ต.ต.ศักย์ศิรา กล่าว#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
8/2/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230208163915287
null
เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในอำเภอเบตง จังหวัดยะลา เพิ่มความเข้ม ป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดี ฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่
วันนี้ (8 ก.พ. 66) เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในอําเภอเบตง จังหวัดยะลา ได้เพิ่มความเข้มป้องกันการก่อเหตุความไม่สงบหลังจากยังคงมีเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง และป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดี ฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ รับดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย พร้อมด้วยภริยา ที่มีกําหนดเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาลไทย ระหว่างวันที่ 9-10 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ โดยวางกําลังเจ้าหน้าที่ทางเข้าเมืองอย่างเข้มงวด ตรวจสอบสัมภาระผู้ที่เดินทาง พร้อมตรวจสอบรถยนต์ รถจักรยานยนต์อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่จะฉวยโอกาสลักลอบนําอาวุธ วัตถุระเบิด สร้างสถานการณ์ความรุนแรงขึ้นในพื้นที่ และมีการแจ้งเหตุผ่านกลุ่ม Line Official Account และกลุ่มไลน์ภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ที่สามารถเชื่อมต่อถึงกันหากเกิดเหตุร้ายขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยสําหรับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เข้ารับตําแหน่งใหม่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 10 ของมาเลเซีย ตามธรรมเนียมปฏิบัติของประเทศสมาชิกอาเซียน จะเข้าพบหารือกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการส่งเสริมและเชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนไทย - มาเลเซีย โดยเฉพาะ 5 จังหวัดภาคใต้ของไทยกับ 4 รัฐทางตอนเหนือของมาเลเซีย ทั้งด้านการเชื่อมโยงการค้าและการลงทุน และด้านคมนาคมขนส่ง การเร่งรัดการบรรลุเป้าหมายทางการค้ามูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 โดยอาศัยกลไกความร่วมมือที่มีอยู่ระหว่างทั้งสองประเทศเพื่อลดอุปสรรคและการอํานวยความสะดวกด้านการค้า และการส่งเสริมความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพระหว่างกัน อาทิ อุตสาหกรรมยางพารา อาหารฮาลาล พลังงาน และในมิติใหม่ ๆ อาทิ เศรษฐกิจดิจิทัล และเทคโนโลยีสีเขียว นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อสถานการณ์ในภูมิภาคและในเวทีโลก เพื่อร่วมมือกันเสริมสร้างขีดความสามารถในการรับความท้าทายใหม่ ๆ และฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 การพูดคุยเพื่อสันติสุข สานต่อความร่วมมือด้านความมั่นคงตามแนวชายแดนกับมาเลเซีย การแก้ปัญหาลักลอบข้ามแดน และการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
8/2/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.เบตง จ.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230208164324291
null
กกต.ขอนแก่น ชวนประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อ 3 แนวทางการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ หน่วยเลือกตั้งเพิ่ม 76 หน่วย ย้ำทุกขั้นตอนยึดกฎหมายเป็นหลัก ไม่กังวลการจัดการเลือกตั้ง
ห้องประชุม ชั้น 2 สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดขอนแก่น นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการประชุมเตรียมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ.2566 เพื่อซักซ้อมทําความเข้าใจในเรื่องของการจัดการเลือกตั้งและการรับทราบแนวทางการจัดการแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งได้วางแนวทางไว้ 3 แนวทาง โดยขอความร่วมมือให้นายอําเภอทั้ง 26 อําเภอ ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลและแสดงความคิดเห็นหลัง กกต.ขอนแก่นได้กําหนดไว้ 3 แนวทาง นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยหลังการประชุมว่า ได้มอบนโยบายให้ทุกหน่วยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ต้องทําหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้วางตัวเป็นกลางดําเนินการทุกขั้นตอนด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมกับทุกฝ่ายด้านนายวัชระ สีสาร ผู้อํานวยการสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า กกต.ขอนแก่นได้กําหนดแนวทางการแบ่งเขตเลือกตั้งไว้ 3 แนวทาง โดยยึดกฎหมายเป็นหลักทั้งการกําหนดตามพื้นที่อําเภอขนาดใหญ่เป็นหลักรวมกับอําเภอที่มีพื้นที่ใกล้เคียงกันและจํานวนราษฎร ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ซึ่ง กกต. ขอนแก่น ได้ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ หลังจากนั้น จะรวบรวมข้อเสนอแนะของประชาชนมาพิจารณาความสําคัญและส่งแนวทางการแบ่งเขตที่พิจารณาจากประชาชนแล้วส่งไปยัง กกต.กลางพิจารณาและประกาศใช้ต่อไป โดยขณะนี้มีประชาชนยื่นเรื่องข้อเสนอแนะต่อการการจัดการแบ่งเขตเลือกตั้งมาแล้ว 1 รายผู้อํานวยการสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดขอนแก่น กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่รู้สึกกังวลต่อการจัดการเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในเร็ววันนี้ หรือแม้แต่การกระทําผิดที่หน่วยเลือกตั้ง เนื่องจากกฎหมายได้กําหนดโทษของเจ้าหน้าที่ที่กระทําผิดสูงถึง 3 เท่า จากโทษปกติ แต่สิ่งที่ยังกังวลคือ ด้านเทคนิค เช่น ความไม่เข้าใจของผู้สมัคร การจัดหน่วยที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 76 หน่วย จากเดิม 2,655 หน่วย เพิ่มขึ้นเป็น 2,731 หน่วยซึ่งอาจทําให้สับสน โดยหลังจากนี้เมื่อมีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการแบ่งเขต กกต.ขอนแก่น เร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึงสําหรับข้อมูลจากการจัดการเลือกตั้งของจังหวัดขอนแก่นเมื่อเดือนมีนาคม 2562 พบว่า จังหวัดขอนแก่นมีประชากร 1.85 ล้านคน ผู้มีสิทธิ 1.4 ล้านคน แบ่งเขตเลือกตั้งเป็น 10 เขต มี ส.ส.10 คน มีจํานวนผู้มาเลือกตั้ง 1.03 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 71.76#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
8/2/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ขอนแก่น
สวท.ขอนแก่น
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230208174232309
null
กรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมคณะรองนายกรัฐมนตรีติดตามการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชน แก้ไขปัญหาอุทกภัย จังหวัดปทุมธานี
กรมโยธาธิการและผังเมือง ร่วมคณะรองนายกรัฐมนตรีติดตามการก่อสร้างระบบป้องกันน้ําท่วมพื้นที่ชุมชน แก้ไขปัญหาอุทกภัย จังหวัดปทุมธานี นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ในฐานะผู้แทนกรรมการกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ ร่วมต้อนรับ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อํานวยการกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) ซึ่งลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดปทุมธานี และติดตามการบริหารจัดการน้ํา รวมถึงการดําเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ําที่สําคัญ พร้อมรายงานแผนการดําเนินงานของกรมโยธาธิการและผังเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีและความก้าวหน้าในการดําเนินโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ําท่วมพื้นที่ชุมชนริมคลองรังสิตประยูรศักดิ์ฝั่งใต้ ช่วงที่ 1 และช่วงที่ 2 ที่ศาลากลางจังหวัดปทุมธานี โดยรองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า จังหวัดปทุมธานีเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัยเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดเป็นที่ราบลุ่มสองฝั่งแม่น้ํา ดังนั้น กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ดําเนินการศึกษาและออกแบบระบบป้องกันน้ําท่วมพื้นที่ชุมชนของจังหวัดปทุมธานี (ปี 2556-2557) ประกอบด้วย 9 พื้นที่ คือ เทศบาลเมืองปทุมธานี เทศบาลเมืองบางหลวง เทศบาลตําบลบางเตย เทศบาลตําบลระแหง เทศบาลตําบลบางกะดี เทศบาลเมืองคลองหลวง เทศบาลเมืองท่าโขลง เทศบาลนครรังสิต และเทศบาลเมืองคูคต สําหรับพื้นที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จํานวน 2 โครงการประกอบด้วย โครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ําท่วมพื้นที่ชุมชนริมคลองรังสิตประยูรศักดิ์ฝั่งใต้ ช่วงที่ 1 (ประตูน้ําจุฬาลงกรณ์ ถึงสะพานเหล็กบริเวณวัดเทพสรธรรมาราม), และโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ําท่วมพื้นที่ชุมชนริมคลองรังสิตประยูรศักดิ์ฝั่งใต้ ช่วงที่ 2 (สะพานเหล็กบริเวณวัดเทพสรธรรมาราม ถึงประตูน้ําคลองบ้านใหม่) โดยมีพื้นที่ได้รับประโยชน์กว่า 37 ตารางกิโลเมตร ผู้ได้รับประโยชน์กว่า 85,000 คน ครัวเรือนกว่า 26,000 ครัวเรือน ทั้งนี้เมื่อโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ําท่วมพื้นที่ชุมชนภายในจังหวัดปทุมธานีแล้วเสร็จจะช่วยป้องกันความเสียหายจากปัญหาน้ําท่วมได้อย่างดี ป้องกันความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งพื้นที่เศรษฐกิจของจังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
8/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230208181631326
null
สภาผู้แทนราษฎร เตรียมพิจารณาวาระกระทู้ถาม และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. ....
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ ในเวลา 09.30 น. วันนี้ (9 ก.พ.66) ภายหลังการปรึกษาหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนประชาชนตามข้อบังคับการประชุมแล้ว จากนั้นเป็นการพิจารณาวาระกระทู้ถาม เช่น ขอให้ติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่าง และเรื่องที่อยู่อาศัยที่ทุกคนเข้าถึงได้ ทั้งนี้ยังมีวาระพิจารณาเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว คือ ร่างพระราชบัญญัติราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... นอกจากนี้ ยังมีวาระพิจารณาเรื่องด่วน จํานวน 8 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกําหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. .... จํานวน 7 ฉบับ ที่ ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลนําเสนอ
9/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230209091236425
null
พรรคพลังประชารัฐ เปิดตัวทีมโฆษกพรรค เพิ่มเติมอีก 4 คน ร่วมชี้แจงนโยบายให้ประชาชนทุกกลุ่มรับทราบอย่างทั่วถึง
พรรคพลังประชารัฐ เปิดตัวทีมโฆษกพรรค 4 คน ประกอบด้วย นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสระบุรี เขต 3 และนางสาวนพวรรณ หัวใจมั่น ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.บางเขน ซึ่งทางพรรคนําคนรุ่นใหม่มาเสริมทัพ เพื่อช่วยในการสื่อสารนโยบายของพรรคให้เข้าถึงประชาชนนายอรรถกร ศิริลัทธยากร กล่าวว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีความต้องการให้พรรคใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนและเข้าใจในการทํางานของพรรคพลังประชารัฐมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการสื่อสารผ่านทีมโฆษก จึงมีการแต่งตั้งบุคลากรรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ ความสามารถ เข้าร่วมทีมโฆษกพรรคเพิ่มเติม โดยแนวทางการทํางานของทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐมีหน้าที่สําคัญในการสื่อสารข้อเท็จจริงและนโยบายของพรรค ทั้งการเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นจํานวน 700 บาทต่อเดือน หรือนโยบายอีกหลายด้านที่กําลังจะประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น สวัสดิการของผู้สูงอายุ สิทธิสตรี ที่ดินทํากินในพื้นที่ทั่วประเทศและการบริหารจัดการน้ํา
9/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230209111844488
null
ส.ส.นำปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาถนนชำรุดเข้าหารือต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทําหน้าที่ประธานการประชุม วันนี้ (9 ก.พ.66) ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระเป็นการเปิดให้สมาชิกนําปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเข้าหารือ เพื่อส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดําเนินการแก้ไข โดยนอกจากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ ที่สมาชิกนําเข้าหารือแล้ว ปัญหาภัยแล้งขาดแคลนน้ําในหลายพื้นที่มีสมาชิกนําเข้าหารือจํานวนมาก พร้อมเสนอแนะให้รัฐบาลวางแผนแก้ปัญหาน้ําแล้งอย่างยั่งยืน ทั้งการขุดลอกแก้มลิง การเร่งหาแหล่งน้ําต้นทุนเพิ่มเติม การสร้างระบบกระจายน้ําและขอให้มีการจัดสรรงบประมาณซ่อมแซมฝายกั้นน้ําที่ชํารุดเสียหายเพื่อให้ใช้กักเก็บน้ําอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน ปัญหาถนนชํารุดเสียหายในหลายพื้นที่ ยังถือเป็นอีกปัญหาที่สมาชิกนําเข้าหารือจํานวนมาก รวมถึงปัญหาการจราจรติดขัดที่เกิดจากการก่อสร้างถนนไม่แล้วเสร็จ ปัญหาไม่มีไฟฟ้าใช้ในชีวิตประจําวัน ตลอดจนถนนหลายเส้นทางไม่มีไฟฟ้าส่องสว่างทําให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอื่นๆ ทั้งปัญหาลําไยราคาตกต่ํา ปัญหาการบริหารจัดการขยะบนเกาะล้าน ปัญหาการเปิดด่านชายแดนเพิ่มขึ้นเพื่อส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยว รวมถึงปัญหาการหลอกลวงออนไลน์
9/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230209113148494
null
พรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวอดีต ส.ส.จังหวัดสุโขทัย 5 สมัย เข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
พรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัวนายอารยะ ชุมดวง อดีตสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา พร้อมทีมงานที่แสดงความจํานงสมัครเป็นสมาชิกพรรค พร้อมเสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.สุโขทัย โดยมีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค ในฐานะผู้อํานวยการเตรียมการเลือกตั้ง ให้การต้อนรับ นายอารยะ เคยได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุโขทัย สมัยแรกเมื่อปี 2526 สังกัดพรรคปวงชนชาวไทย สมัยที่สองเมื่อปี 2529 สังกัดพรรคสหประชาธิปไตย สมัยที่สามเมื่อปี 2535 และสมัยที่สี่เมื่อปี 2539 สังกัดพรรคมวลชน ซึ่งนายอารยะ เคยเป็นเลขาธิการพรรคมวลชน ในช่วงที่มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บํารุง เป็นหัวหน้าพรรค ต่อมาได้ย้ายไปสังกัดพรรคชาติไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา และได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 5 เมื่อปี 2550 ถึงการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ไม่ได้รับเลือกตั้ง และเมื่อปี 2562 ไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งแต่ให้การสนับสนุนผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยสําหรับสนามเลือกตั้งจังหวัดสุโขทัยครั้งหน้านี้ มี 4 เขตเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดตัวผู้สมัครไปแล้ว 3 เขต ประกอบด้วย นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์, นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล และนายรวม ล้นเหลือ โดยเมื่อนายอารยะ เข้ามาร่วมจะทําให้พรรคประชาธิปัตย์มีผู้สมัครครบทั้ง 4 เขต โดยเป็นอดีต ส.ส.สุโขทัย ถึง 3 คน และผู้สมัครรุ่นใหม่อีก 1 คน
9/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230209112122489
null
ป.ป.ช.อยุธยาฯ สร้างเครือข่ายชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตทุกพื้นที่กว่า 100 คน ให้เป็นพลังป้องกันการทุจริต
ป.ป.ช.อยุธยาฯ สร้างเครือข่ายชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตทุกพื้นที่กว่า 100 คน ให้เป็นพลังป้องกันการทุจริต ปรับวิธีคิด ปรับพฤติกรรม ไม่กระทําทุจริต ไม่สนับสนุนการทุจริตทุกรูปแบบ วันนี้ (9 ก.พ.66) ที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ นายพายัพ คชพลายุกต์ ผู้อํานวยการสํานักงาน ป.ป.ช. ประจําจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริต เพื่อจัดตั้งชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตระดับอําเภอ/เขต ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยมีเครือข่ายเข้าร่วมกว่า 100 คนนายพายัพ คชพลายุกต์ กล่าวว่า การจัดโครงการ STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริต กิจกรรมการประชุมเชิงปฏิบัติการชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริต เพื่อจัดตั้งชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตระดับอําเภอ ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่มีการขยายผลเครือข่ายภาคประชาชน STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตลงสู่ระดับอําเภอ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการป้องกันการทุจริต เฝ้าระวังโครงการภาครัฐ จับตามองและแจ้งเบาะแส (Watch & Voice) และแจ้งให้สํานักงาน ป.ป.ช. ทราบ พร้อมย้ําว่าการทุจริตส่วนใหญ่จะนึกถึงข้าราชการที่ทุจริต การทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง การรับเงินสินบน หรือการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขณะเดียวกัน ภาคประชาชนก็เป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดการทุจริตไม่น้อยกว่าการทุจริตในภาคราชการ ประพฤติปฏิบัติจนเคยชิน เช่น การให้เงินค่าน้ําร้อนน้ําชาแก่เจ้าหน้าที่ เพราะต้องการเร่งให้เจ้าหน้าที่เซ็นอนุมัติ การรุกล้ําที่สาธารณะประโยชน์ และการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของการทุจริตทั้งสิ้น ล่าสุด องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ประกาศผลดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ประจําปี 2565 ประเทศไทยได้ 36 คะแนน จัดอยู่ในอันดับที่ 101 ของโลก จาก 180 ประเทศ แสดงให้เห็นถึงการทุจริตเป็นปัญหาที่สําคัญของประเทศ ที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมมือป้องกันการทุจริต ไม่ทํา ไม่ทน ไม่เฉย รวมไทยต้านโกง อย่างไรก็ตาม การจัดกิจกรรมครั้งนี้ เชื่อมั่นว่า ทุกคนจะเป็นพลังป้องกันการทุจริต ปรับวิธีคิด ปรับพฤติกรรม ไม่กระทําทุจริต ไม่สนับสนุนการทุจริตทุกรูปแบบ พร้อมเป็นเครือข่ายจับตามองและแจ้งเบาะแส (Watch & Voice) และขยายผลชมรม STRONG – จิตพอเพียงต้านทุจริตไปสู่ระดับอําเภอ
9/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230209110421483
null
ครม.เห็นชอบแนวทางบริหารจัดการทำงานของคนต่างด้าว หลังวันที่ 13 ก.พ.66 ให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำงานถึงวันที่ 15 พ.ค.66
ครม.เห็นชอบแนวทางบริหารจัดการทํางานของคนต่างด้าว หลังวันที่ 13 ก.พ. 66 ให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทํางานถึงวันที่ 15 พ.ค. 66 วันที่ 7 ก.พ. 66 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการทํางานของคนต่างด้าวหลังวันที่ 13 ก.พ.66 ซึ่งประกอบด้วยแรงงาน 4 สัญชาติ ได้แก่ เมียนมา ลาว กัมพูชาและเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทํางานถึงวันที่ 13 ก.พ. 66 ให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทํางานถึงวันที่ 15 พ.ค.66 และให้ยกเว้นการเปรียบเทียบปรับการอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาถึงวันดังกล่าว เพื่อให้แรงงานสามารถจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นคําขอต่ออายุใบอนุญาตทํางานให้ถูกต้องตามขั้นตอนที่ครบถ้วนต่อไป และเป็นการช่วยเหลือนายจ้าง/สถานประกอบการที่ยังต้องการแรงงานเพื่อดําเนินกิจการในช่วงของการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 โดยที่แรงงานยังอยู่ในกํากับและการบริหารของหน่วยงานรัฐ และแรงงานก็ยังคงได้รับการคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ สวัสดิการตามกฎหมายตามสิทธิที่พึงได้ นอกจากนี้ ครม. ได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดําเนินการออกเอกสารรับรองของบุคคล (Certificate of Identity: CI) ของทางการเมียนมาในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรปราการ ระนอง และชลบุรี จากวันที่ 13 ก.พ.66 เป็นวันที่ 13 พ.ค. 66 เนื่องจากปัจจุบันมีแรงงานเมียนมาประมาณ 300,000 คนอยู่ระหว่างการทําเอกสาร CI ส่วนทางการ ลาว และกัมพูชา หากประสงค์จะจัดเก็บข้อมูลเพื่อออกเอกสารประจําตัว ให้มีหนังสือผ่านช่องทางการทูตและสามารถดําเนินการได้ไปพลางก่อน โดยดําเนินการได้ถึงวันที่ 13 พ.ค. 66 ทั้งนี้ เมื่อคนต่างด้าวยื่นเอกสารครบถ้วนตามกําหนดแล้ว ให้สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและทํางานถึงวันที่ 13 ก.พ. 67 หรือ 13 ก.พ. 68 แล้วแต่กรณี#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDhttps://lamphun.prd.go.th/th/page/item/index/id/12 #PRLAMPHUN#ลําพูนไม่ลําพังรวมพลังเพื่อคนลําพูน
9/2/2023
ภาคเหนือ
ลำพูน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230209120709513
null
กกต.นำเครือข่ายดีเจภาคเหนือร่วมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย เตรียมพร้อมรับการเลือกตั้ง
สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง นําเครือข่ายดีเจภาคเหนือร่วมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตย เตรียมพร้อมรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จัดอบรมเสริมสร้างความรู้ให้แก่เครือข่ายดีเจ รุ่นที่ 3 ภาคเหนือ ตามโครงการเสริมสร้างเครือข่ายดําเนินการตามค่านิยมและวัฒนธรรมการเมืองในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 -10 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีนายวีระ ยี่แพร รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นประธานเปิดการอบรม ณ โรงแรมเชียงใหม่ ออร์คิด อําเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า การอบรมดังกล่าวเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยส่งเสริม สนับสนุน และบูรณาการความร่วมมือกับเครือข่ายดีเจในการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน ซึ่งเป็นกลไกสําคัญในการขับเคลื่อนการเลือกตั้ง สร้างความตระหนักรู้ ความสนใจ ความกระตือรือร้นของประชาชนในการแสดงออกทางการเมือง รวมถึงการใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างมีคุณภาพการอบรมดังกล่าวมีกิจกรรมการบรรยายให้ความรู้ โดยวิทยากรจากสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ บรรยายเรื่องความรู้เกี่ยวกับกฎหมายการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ข้อห้าม ความผิด และวิธีการหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วิธีการสื่อสารและบูรณาการความร่วมมือในการสร้างค่านิยมวัฒนธรรมการเมืองในระบอบประชาธิปไตย และแนวทางภารกิจในการดําเนินงานของเครือข่ายดีเจประชาธิปไตย แก่ผู้เข้าอบรมจากกลุ่มจังหวัดภาคเหนือรวม 16 จังหวัด จํานวนทั้งสิ้น 140 คน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
9/2/2023
ภาคเหนือ
เชียงใหม่
สวท.เชียงใหม่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230209121610517
null
ส.ส.พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีกรณีการเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่ทุกคนต้องเข้าถึงได้
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (9 ก.พ.66) นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีเรื่องที่อยู่อาศัยที่ทุกคนต้องเข้าถึงได้ โดยนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ชี้แจงว่า การมีกรรมสิทธิในที่อยู่อาศัย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีกรรมสิทธิที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง มีประมาณกว่า 16 ล้านครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 73.9 โดยเป็นผู้มีอายุเฉลี่ย 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง มีเพียงร้อยละ 26 มีอายุเฉลี่ย 51- 60 ปี นอกจากนี้ กลุ่มที่มีกรรมสิทธิในที่อยู่อาศัย ประกอบด้วยกลุ่มรายได้น้อย มีกรรมสิทธิ์อยู่ประมาณกว่า 9 ล้านครัวเรือน กลุ่มที่มีรายได้สูงกว่า 3 ล้านครัวเรือน และกลุ่มรายได้ปานกลางกว่า 3 ล้านครัวเรือนเช่นกัน ส่วนกลุ่มที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัย ประกอบด้วย มีกลุ่มรายได้น้อยเฉลี่ยประมาณกว่า 3 ล้านครัวเรือน กลุ่มที่มีรายได้สูงกว่า 1 ล้านครัวเรือน และกลุ่มรายได้ปานกลางกว่า 8 แสนครัวเรือน สําหรับปัญหากรณีที่ดินแพง มองว่า ภายหลังจากที่ประเทศไทยประสบปัญหาโควิด - 19 รัฐบาลมีนโยบายให้การเคหะแห่งชาติดูแลกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นการเข้าถึงที่อยู่อาศัยจึงมีหลากหลายรูปแบบ เช่น ระบบเช่าในราคาถูกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ย้ําว่า รัฐบาลจะเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนในทุกวิกฤติให้ผ่านพ้นไปให้ได้อย่างแน่นอน
9/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230209142208574
null
ไทยทบทวนมาตรการในการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศให้หันมาถ่ายทำในประเทศ หนุนท่องเที่ยวไทย สร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ
สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ทาง ครม. เห็นชอบทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยการปรับเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขมาตรการส่งเสริม ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอการเข้ามาถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศในไทยจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมในภาพกว้าง มีเงินจากการลงทุนของบริษัทภาพยนตร์หมุนเวียนในเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น 900 - 1,200 ล้านบาทต่อปี กระจายรายได้ไปสู่ภาคส่วนต่างๆ เกิดการจ้างแรงงาน เพิ่มทักษะและประสบการณ์แก่ผู้เกี่ยวข้อง เป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสู่ระดับสากลด้วยสําหรับการปรับปรุงแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ปรับอัตราการคืนเงิน (Cash Rebate) จากเดิมร้อยละ 15-20 เป็นร้อยละ 20-30 เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยสิทธิประโยชน์หลักอยู่ที่ร้อยละ 20 เมื่อมีการลงทุนในประเทศไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ส่วนสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมรวมแล้วไม่เกินร้อยละ 10 ซึ่งหลังจากนี้ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดําเนินการปรับปรุงประกาศกรมการท่องเที่ยวในส่วนของเงื่อนไขการรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมดังกล่าว โดยให้คํานึงถึงปัจจัยที่ส่งผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยโดยตรงเป็นลําดับแรก เช่น การกระจายรายได้สู่เมืองรอง การเพิ่มการจ้างงานคนไทย การเพิ่มมูลค่า ค่าใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและประชาชนโดยตรงส่วนที่ 2 เป็นการปรับเพิ่มเพดานการคืนเงิน จากเดิม 75 ล้านบาทต่อเรื่องเป็น 150 ล้านบาทต่อเรื่อง ซึ่งจะทําให้เพดานเงินลงทุนสร้างภาพยนต์ต่อเรื่องเพิ่มเป็น 750 ล้านบาท จากเดิม 375 ล้านบาท เพื่อเป็นการรองรับกับแนวโน้มที่คณะถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาในไทยเป็นผู้สร้างรายใหญ่ เงินทุนสูง โดยเฉพาะภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ โดยเรื่องที่เข้ามาถ่ายทําในไทยสูงสุดขณะนี้คือภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์เรื่อง Thai Cave Rescueสําหรับความจําเป็นที่ต้องมีการทบทวนมาตรการส่งเสริมการถ่ายทําาภาพยนตร์ต่างประเทศ เนื่องมาจากปัจจุบันประเทศต่างๆ เห็นประโยชน์จากธุรกิจถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศ จึงได้ออกมาตรการส่งเสริมการถ่ายทําในรูปแบบการคืนเงิน หรือคืนภาษี เพื่อดึงดูดผู้สร้างภาพยนตร์ให้เข้าไปถ่ายทําในแต่ละประเทศอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยจึงจําเป็นต้องปรับเกณฑ์และเงื่อนไขให้สอดคล้องกับสภาพการณ์และการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งนี้ การปรับหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข สําหรับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทําภาพยนตร์ต่างประเทศในไทยทั้ง 2 ส่วน จะส่งผลต่องบประมาณในปี 2567-2568 (มาตรการมีผลในปี 2566 แต่การคืนเงินจะเกิดขึ้นในปี 2567-2868) รวม 2 ปี เพิ่มขึ้นจาก 821.82 ล้านบาท เป็น 1,845 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.54 #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
9/2/2023
ภาคเหนือ
แพร่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230209134856557
null
พรรคภูมิใจไทย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดปทุมธานีทั้ง 7 เขต มั่นใจได้รับโอกาสจากประชาชน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรค เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดปทุมธานีทั้ง 7 เขต ประกอบด้วย นายนพพร ขาวขํา เขต 1 พล.ต.ต.วัฒนา วงศ์จันทร์ เขต 2 นายอนาวิล รัตนสถาพร เขต 3 นางสาวณัฐธิดา เกียรติพัฒนาชัย เขต 4 นายพิษณุ พลธี เขต 5 นายเอกชัย ศรีสุขชยะกุล เขต 6 และนางสาวพรพิมล ธรรมสาร เขต 7 โดยเขต 4 เขต 5 และเขต 7 เป็น ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยอยู่แล้ว นายอนุทิน มีความมั่นใจในการส่งผู้สมัคร เพราะมีความใกล้ชิดกับประชาชนและได้รับความนิยมในระดับหนึ่งส่วนกรณีที่นางสาวณัฐธิดา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 จังหวัดปทุมธานี พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้รับการคัดเลือกจากพรรคเพื่อไทย ให้ลงสมัครในพื้นที่ จึงย้ายมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย นางสาวณัฐธิดา กล่าวว่า มีความตั้งใจที่จะลงในเขต 4 นครรังสิต ซึ่งเป็นบ้านเกิด และตนเองได้ทํางานในพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ก่อนเป็น ส.จ. ดังนั้นจึงอยากเลือกพรรคที่ให้โอกาสได้รับใช้ประชาชนในพื้นที่ จึงตัดสินใจเลือกพรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคภูมิใจไทยเล็งเห็นถึงความสามารถของตนเอง ขณะที่ประชาชนในพื้นที่ได้ให้การตอบรับเช่นเดียวกัน
9/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230209141758571
null
ครม. ไฟเขียวให้แรงงานต่างด้าว เมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่รายงานว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการทํางานของคนต่างด้าวหลังวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลาให้คนต่างด้าวตามมติ ครม. วันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ประกอบด้วยแรงงาน 4 สัญชาติ ได้แก่ เมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทํางานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทํางานถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2566 และยกเว้นการเปรียบเทียบปรับการอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาถึงวันดังกล่าว เพื่อให้แรงงานสามารถจัดเตรียมเอกสารเพื่อยื่นคําขอต่ออายุใบอนุญาตทํางานให้ถูกต้องตามขั้นตอนที่ครบถ้วนต่อไป และเป็นการช่วยเหลือนายจ้าง/สถานประกอบการที่ยังต้องการแรงงานเพื่อดําเนินกิจการในช่วงของการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 โดยที่แรงงานยังอยู่ในกํากับและการบริหารของหน่วยงานรัฐ และแรงงานก็ยังคงได้รับการคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ สวัสดิการตามกฎหมายตามสิทธิที่พึงได้ทั้งนี้ได้แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทํางานวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเอกสารหลักฐานครบถ้วน ที่ได้ยื่นคําขอต่ออายุใบอนุญาตทํางานพร้อมทั้งชําระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคําขอและค่าธรรมเนียมต่ออายุใบอนุญาตทํางาน ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ดังนี้ 1. คนต่างด้าวที่ได้รับการตรวงลงตราหรือตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 แต่ยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 หรือวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 แล้วแต่กรณี หรือที่เอกสารหนังสือเดินทางฯ ทยอยหมดอายุตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป 2. คนต่างด้าวที่ได้รับการตรวจลงตราหรือตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 และได้รับการตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 หรือวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ตามแต่ละกรณีแล้วแต่เอกสารหนังสือเดินทางฯ ทยอยหมดอายุตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไปกลุ่มคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทํางานวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเอกสารหลักฐานไม่ครบถ้วน ที่ได้ยื่นคําขอต่ออายุใบอนุญาตทํางานพร้อมทั้งชําระค่าธรรมเนียมค่ายื่นคําขอและค่าธรรมเนียมต่ออายุใบอนุญาตทํางาน ภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ดังนี้ 1. คนต่างด้าวที่ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง 2. คนต่างด้าวที่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง แต่ไม่ไปดําเนินการตรวจลงตราหรือตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป (Visa) ให้ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 หรือเท่าอายุของหนังสือเดินทางฯ 3. คนต่างด้าวที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 ที่นายจ้างได้ดําเนินการยื่นคําขออนุญาตทํางานแทนคนต่างด้าวและชําระค่าธรรมเนียมแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการดําเนินการจัดเก็บข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล และการตรวจโรคต้องห้าม 4. คนต่างด้าวที่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง และได้รับการตรวจลงตราหรือตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป (Visa) แล้ว แต่หนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทาง หมดอายุก่อนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ทําให้ไม่ได้รับการตรวจลงตรา หรือตรวจอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
9/2/2023
ภาคเหนือ
แพร่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230209135331558
null
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชี้แจงมีภาพไปร่วมงานศพมารดาคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เพราะเคารพและรู้จักกันมานาน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชี้แจงกรณีสื่อนําเสนอภาพไปร่วมแสดงความเสียใจงานศพมารดาคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยว่า เพราะรู้จักคุ้นเคยกันมาตั้งแต่สมัยอยู่พรรคไทยรักไทย ไม่ได้สื่อความหมายทางการเมือง โดยเฉพาะจะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เพราะการไปแสดงความเสียใจเป็นเรื่องปกติของคนรู้จักและเคารพกัน ไม่มีนัยยะทางการเมือง พร้อมยืนยัน ไม่ได้คุยเรื่องการเมืองกับครอบครัวคุณหญิงพจมาน ยอมรับว่า เมื่อวานนี้ (9 ก.พ.) ได้เจอนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นครั้งแรก ได้เห็นสุขภาพแข็งแรงและได้เห็นบทบาทของการเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นผู้นําทางการการเมืองคนหนึ่ง ขณะที่ตนเองเป็นผู้นําทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย เจอกันต้องให้กําลังใจ เป็นเรื่องปกติ ย้ําว่า ไม่มีการคุยกันในประเด็นที่ก่อนหน้านี้ ที่มีการนําเสนอข่าวว่าส่งสัญญาณเพื่อขอร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
9/2/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230209141929573
null