NewsTitle
stringlengths 11
31.5k
⌀ | Detail
stringlengths 9
78.4k
⌀ | NewsDate
stringlengths 3
5.77k
⌀ | Region
stringclasses 48
values | Province
stringclasses 99
values | Department
stringclasses 211
values | Link_News
stringlengths 3
903
⌀ | v
stringclasses 812
values |
---|---|---|---|---|---|---|---|
สถานการณ์น้ำ ที่ยะลา ชาวบ้านได้รับผลกระทบมวลน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนหลายจุด
|
คืบหน้าสถานการณ์น้ํา ที่ยะลา หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง ชาวบ้านได้รับผลกระทบมวลน้ําป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนหลายจุด ความคืบหน้าสถานการณ์น้ําในพื้นที่ จ.ยะลา ล่าสุด ตลอดช่วงเช้า วันนี้ 8 มกราคม 2566 หลังฝนในพื้นที่ อ.เมืองยะลา ที่ตกหนักถึงหนักมาก อย่างต่อเนื่อง ตลอดวันที่ 7 มกราคม 2566 ล่าสุด ฝนได้หยุดตกแล้วแต่ยังคงมีฟ้ามืดครึ้ม ทําให้บางพื้นที่ ใน อ.เมืองยะลา อย่าง หมู่ที่ 3 และ หมู่ที่ 4 ต.พร่อน อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งมีน้ําฝนสะสม เกิดสถานการณ์น้ําป่าไหลหลาก ไหลเอ่อล้นคลองบ้านตาสา เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน และถนน ในหมู่บ้าน ตั้งแต่หัวรุ่งวันนี้ ล่าสุด ปริมาณน้ําได้ลดลงบ้างแล้วหลังฝนหยุดตก หากไม่มีฝนตกในพื้นที่น้ําที่ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนก็จะลดระดับลงอย่างต่อเนื่องนางสาวมูนีเราะ หะยีอุมา อายุ 39 ปี ชาวบ้าน ที่อาศัยในพื้นที่หมู่ที่ 4 บ้านท่าวัง ต.พร่อน อ.เมืองยะลา จ.ยะลา บอกว่า สําหรับเหตุการณ์น้ําท่วมในพื้นที่แห่งนี้ ทุกรอบจะมีการประกาศเรื่องเฝ้าระวังน้ําท่วม ก็สามารถเตรียมตัวได้ทัน แต่รอบนี้พอมีการประกาศน้ําท่วมไม่กี่นาที มวลน้ําเข้ามาอย่างหนัก ในช่วงเวลา 03.30 น. ก็คือช่วงหัวรุ่ง ชาวบ้านกําลังนอนหลับพักผ่อน หลายบ้านเอารถยนต์ - รถจักรยานยนต์ ออกไปตั้งที่สูง ไม่ทันติดอยู่ด้านใน ได้รับความเสียหายจํานวนมาก ส่วนบ้านของตัวเอง ก็มีเครื่องซักผ้า ได้รับความเสียหาย ยกขึ้นที่สูงไม่ทัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้าดูแล เนื่องจากอาจเป็นเพราะน้ํามาเร็ว รอบนี้มา 4 รอบแล้ว ปลายปี จนถึงต้นปี ตอนนี้ชาวบ้านหลายหลัง ทาง อบต.พร่อน ก็ได้นําเรือท้องแบน ไปช่วยเหลือแล้ว ส่วนสถานการณ์ ตอนนี้ น้ําลดลงกว่าเมื่อเช้านี้ น้ํามาเร็ว ไหลแรง มวลน้ํามาจากน้ําตกลําพะยา ไหลลงมา เมื่อคืนยังดูอยู่ว่าฝนตกไม่มากนัก ก็ไม่น่าจะท่วม ทางบ้านยะลา เองก็ไม่มีน้ํา ก็เลยไม่ได้เตรียมตัวอะไร พอได้ยินเสียงตามสายที่มัสยิดประกาศ มวลน้ําเข้ามาอย่างเร็ว ก็ไม่ทันยกข้าวของอะไรแล้วขณะที่ ทางด้าน นายโมฮัมหมัดอัยดี ดือเร๊ะ หัวหน้า ชุด กู้ชีพ-กู้ภัยพร่อน อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ได้ลงพื้นที่ ต.พร่อน อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ตรวจสอบสถานการณ์น้ําท่วม พบว่า หลังจากฝนตกหนักติดต่อกับหลายวัน ทําให้มวลน้ําได้ไหลเอ่อล้นคลองบ้านตาสา เข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน ในพื้นที่ หมู่ที่ 3 บ้านตาสา หมู่ที่ 4 บ้านท่าวัง และ หมู่ที่ 5 บ้านควน บางจุดชาวบ้านได้อพยพคนและทรัพย์สินที่มีค่ารถยนต์ - รถจักรยานยนต์ไว้พื้นที่ปลอดภัยแล้ว แต่บางจุดน้ําท่วมเป็นครั้งที่ 4 มวลน้ําเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้าน ในช่วงเวลาตีสาม จึงไม่สามารถขนย้ายข้าวของและทรัพย์สินที่มีค่าไว้บนที่สูง ต้องจมน้ําได้รับความเสียหาย จํานวนหลายราย ซึ่งขณะนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ ต.พร่อน อ.เมืองยะลา ที่ได้รับผลกระทบจากน้ําท่วมไปแล้ว 98 ครัวเรือน โดยชาวบ้านต้องการน้ําดื่ม ข้าวสาร อาหารแห้ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นอย่างใดก็ตาม ทางสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา แจ้งเตือนพี่น้องประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมคลองยะหา ให้เฝ้าระวังระดับน้ําที่อาจสูงขึ้นและล้นตลิ่งได้ ขอให้ติดตามสถานการณ์น้ําและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งขอรับการช่วยเหลือ กรณีประสบภัย ผ่านสายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
8/1/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สทท.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230108152607093
| null |
เร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ชุมชนเมืองทอง วิฑูรอุทิศ 10 ป้องกันน้ำท่วมเขตเมืองยะลา
|
สืบเนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 6-7-8 มกราคม ทําให้น้ําในแม่น้ําปัตตานีและบึงแบเมาะตลาดเก่ามีน้ําเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีน้ําจากตําบลบุดี และสะเตงนอก ที่กําลังไหลมาสมทบที่บึงแบเมาะ เทศบาลนครยะลา จึงทําการติดตั้งเครื่องสูบน้ําเคลื่อนที่ ตามจุดเสี่ยง เช่นชุมชนเมืองทอง ตลาดมะพร้าว วิฑูรอุทิศ10 เร่งระบายน้ําในบึงแบเมาะลงสู่แม่น้ําที่สถานีสูบน้ําบ้านจารู ตลาดเก่า และเตรียมความพร้อมรองรับปริมาณน้ําจากสะเตงนอกและบุดีอีกจํานวนมากที่กําลังไหลมาทางคลองข้างวัดตรีมิตร และพื้นที่มัรกัส มาลงบึงแบเมาะในคืนนี้และพรุ่งนี้ดังนั้น หากพี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลนครยะลา ประสบปัญหาน้ําท่วม สามารถโทร.ติดต่อได้ที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สถานีดับเพลิง) เทศบาลนครยะลา โทร.073-212345 หรือ 199 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
8/1/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สทท.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230108191338165
| null |
ฝนตกหนักที่จังหวัดยะลากระทบ 2 อำเภอ เริ่มคลี่คลายแล้ว ประชาชนพื้นที่เสี่ยง ต้องเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำไปอีกระยะ
|
สําหรับสถานการณ์น้ําป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่หมู่ที่ 3 และ หมู่ที่ 4 ตําบลพร่อน และถนนเส้นทางเข้าหมู่บ้าน เมื่อวันที่ 7-8 มกราคม 2566 ทําให้มีชาวบ้าน หมู่ที่ 3 จํานวน 60 ครัวเรือน และหมู่ที่ 4 จํานวน 98 ครัวเรือนได้รับผลกระทบจากน้ําท่วมบ้านเรือนล่าสุดวันนี้ (9 ม.ค 66) หลังฝนหยุดตกเป็นระยะ ทําให้ปริมาณน้ําที่ท่วมขังบ้านเรือน โรงเรียน มัสยิด ถนน คลี่คลายแล้ว ระดับน้ําลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พื้นที่ลุ่มต่ํายังต้องรอการระบายชาวบ้าน ได้เริ่มทําความสะอาดบ้าน แต่ยังไม่ขนของลงจากที่สูงเกรงว่าจะมีน้ํามาอีก เนื่องจากยังมีฝนตกหนักในพื้นที่เป็นระยะ คงต้องรออีก 2 -3 วัน ทั้งนี้ หากไม่มีฝนตกหนักลงมาซ้ําเติม สถานการณ์น้ําท่วมขังบ้านเรือนก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทางด้าน ปภ.ยะลา ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดยะลา หลังจากในวันที่ 7 ม.ค 66 ได้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ํา และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกําลังแรง ทําให้จังหวัดยะลา มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ จํานวน 2 อําเภอ 8 ตําบล 18 หมู่บ้าน คลี่คลายแล้ว 5 ตําบล 14 หมู่บ้าน ยังคงมีสถานการณ์ 3 ตําบล 4 หมู่บ้าน เบื้องต้นทางอําเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยกําลังในพื้นที่กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนจิตอาสา ได้ให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้วในขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันมีฝนตกเล็กน้อย น้ําที่เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนลดลงอย่างต่อเนื่อง ทางด้านเขื่อนบางลาง ยะลา ได้หยุดการระบายน้ํา วันนี้ 9 ม.ค 66 อีก 1 วัน เพื่อบรรเทาและลดผลกระทบให้กับประชาชนบริเวณท้ายเขื่อนในพื้นที่ จังหวัดยะลา และปัตตานีอย่างใดก็ตาม กองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา ยังคงแจ้งเตือนประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เฝ้าระวังระดับน้ําเพิ่มสูงขึ้นและอาจล้นตลิ่งคลองยะหา อําเภอยะหา และให้ติดตามข่าวสารและการแจ้งเตือนจากทางราชการอย่างใกล้ชิด #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
9/1/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สทท.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109092053202
| null |
ปัตตานี-เชิญถุงยังชีพพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย
|
ผู้สื่อข่าวปัตตานีรายงานวันที่ 9 มกราคม 2566 ณ หอประชุมที่ว่าการอําเภอหนองจิก อําเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานีศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒนวรขัดติยราชนารี โปรดให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เชิญถุงยังชีพพระราชทาน จํานวน 500 ชุด มอบแก่ราษฎรในพื้นที่ อําเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดกรวย ถวายความเคารพหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒนวรขัตติยราชนารี นายเอกสิทธิ์ สงเมือง นายอําเภอหนองจิก กล่าวรายงานสถานการณ์อุทกภัย, รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒนวรขัตติยราชนารี จากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี รับมอบถุงยังชีพพระราชทาน หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการมอบถุงยังชีพพระราชทานให้กับราษฎรผู้ประสบอุทกภัย จํานวน 500 ชุด จังหวัดปัตตานี ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกําลังแรง ทําให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดปัตตานี 3 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 ระหว่างวันที่ 10 - 15 พฤศจิกายน 2565 ช่วงที่ 2 ระหว่างวันที่ 8 - 10 ธันวาคม 2565 และช่วงที่ 3 ระหว่างวันที่ 17 - 19ธันวาคม 2565 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 12 อําเภอ 104 ตําบล 517 หมู่บ้าน 34 ชุมชน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน จํานวน 26,848 ครัวเรือน 90,645 คน เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 1 คนสําหรับอําเภอหนองจิก เกิดสถานการณ์อุทกภัย ทั้ง 3 ห้วง มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ จํานวน 12 ตําบล 76 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 14,924 ครัวเรือน 44,062 คน พื้นที่ทางการเกษตร 26 ไร่ ปศุสัตว์ 7 ตัว ประมง 7.11ไร่ ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และไม่มีบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ซึ่งอําเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จิตอาสา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดําเนินการให้ความช่วยเหลือในบางส่วนเป็นการเบื้องต้นแล้ว#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
9/1/2023
|
ภาคใต้
|
ปัตตานี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109173614408
| null |
ผู้ว่าฯปราจีนบุรี นำหัวหน้าส่วนราชการ และพุทธศาสนิกชนชาวปราจีนบุรี ร่วมพิธีบรรพชาอุปสมบท ตามโครงการบรรพชาอุปสมบท 99 รูป เพื่อถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา
|
ผู้ว่าฯปราจีนบุรี นําหัวหน้าส่วนราชการ และพุทธศาสนิกชนชาวปราจีนบุรี ร่วมพิธีบรรพชาอุปสมบท ตามโครงการบรรพชาอุปสมบท 99 รูป เพื่อถวายพระพรชัยมงคล แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ณ วัดป่ามะไฟ อ.เมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรีนายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เป็นประธานพิธีบรรพชาอุปสมบท 99 รูป ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพลานามัยแข็งแรงโดยเร็ว (มีผู้ร่วมบรรพชาอุปสมบท 102 รูป) ณ วัดป่ามะไฟ ต.โคกไม้ลาย อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี โดยมีนางพัชรี ศาลาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการและพุทธศาสนิกชนชาวปราจีนบุรีร่วมพิธีฯ เป็นจํานวนมาก #ปกครองจังหวัดปราจีนบุรี #คณะสงฆ์จังหวัดปราจีนบุรี#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
9/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109205439510
| null |
ฝนหยุดตก น้ำท่วมยะลา คลี่คลายแล้ว
|
ปภ.ยะลา เผยฝนหยุดตก น้ําท่วมยะลา คลี่คลายแล้ว ส่วนน้ําท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ํา สะเตงนอก รอการระบายสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ยะลา สรุปสถานการณ์อุกทกภัย หลังได้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ จ.ยะลา ในห้วงวันที่ 6-11 มกราคม 2566 ทําให้ จ.ยะลา มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ จํานวน 2 อําเภอ 11 ตําบล 26 หมู่บ้าน ล่าสุดสถานการณ์ได้คลี่คลายแล้ว ยังคงมีน้ําท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ํารับน้ํา ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา ผู้ได้รับผลกระทบ 443 ครัวเรือน ราษฎร 1,800 คน อพยพ 5 ครัวเรือน 18 คน ปัจจุบัน กลับเข้าพักอาศัยของตนเองแล้ว สิ่งสาธารณูปโภค ถนน 1 สาย ส่วน ทรัพย์สิน พื้นที่การเกษตร อยู่ระหว่างการสํารวจ ทั้งนี้ ทางอําเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยกําลังในพื้นที่ กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนจิตอาสา ได้ให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้วขณะที่ สถานการณ์ปัจจุบัน ฝนหยุดตกแล้วแต่ยังมีมวลน้ําตกค้างที่ไหลมาจากตําบลบุดีเข้าสู่พื้นที่หมู่ที่ 6 ต.สะเตงนอก ทําให้ระดับน้ําเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ําขนาด 14 นิ้ว จํานวน 2 เครื่อง และเครื่องสูบน้ําขนาด 12 นิ้ว จํานวน 2 เครื่อง ไว้ในพื้นที่เพื่อเตรียมการสูบเร่งระบายน้ําออกจากพื้นที่แล้วทางด้าน สถานการณ์น้ําในเขื่อนบางลาง ล่าสุด 10 ม.ค. 66 มีปริมาณน้ําในอ่าง ฯ จํานวน 1,233.93 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 84.8% รองรับน้ําได้อี 220.43 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 15.2 % โดยวันนี้ 10 ม.ค 66 ไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค 66 ทางเขื่อนบางลาง มีแผนระบายน้ํา วันละ 10 ล้าน ลบ.ม.ส่วนปริมาณน้ําในลุ่มแม่น้ําปัตตานี สายบุรี สถานการณ์ปกติ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
10/1/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สทท.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110095725559
| null |
เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ อ.คอนสาร วอดทั้งหลัง คาดไฟฟ้าลัดวงจร
|
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2566 เวลา 18.00 น. นายทินพล เฉลิมวสุธา นายอําเภอคอนสาร พร้อมด้วยปลัดอําเภอ และกํานันตําบลคอนสาร ลงพื้นที่ บ้านหัวนาม่วง หมู่ที่ 3 ต.คอนสาร เพื่อตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ พบว่า บ้านที่เกิดเหตุ เป็นบ้านปูนชั้นเดียว ไม่มีบ้านเลขที่ ไฟไหม้เสียหายทั้งหลังทําให้ทรัพย์สิน สิ่งของเครื่องใช้ ได้รับความเสียหายทั้งหมด มีผู้อาศัย 3 คน คือ ขณะเกิดเหตุไม่มีผู้อาศัยอยู่ในบ้าน โดยทางอําเภอคอนสารได้ดําเนินการแจ้งรถดับเพลิง จาก อบต.คอนสาร อบต.ทุ่งนาเลา ทต.ห้วยยาง ทต.คอนสาร และ อบต.ดงบัง เข้าควบคุมเพลิงไหม้ และสามารถควบคุมเพลิงได้ เวลา 18.30 น. จากนั้นได้สั่งการให้ สภ.คอนสาร และ ทต.คอนสาร เข้าตรวจสอบสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้และความเสียหาย ด้านการให้ความช่วยเหลือนั้น กิ่งกาชาดอําเภอคอนสาร มอบที่นอน ผ้าห่ม น้ําดื่มและเครื่องอุปโภคบริโภค และได้มีการประสานทต.คอนสาร และกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้การช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยเบื้องต้น และจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือต่อไป ส่วนสาเหตุการเกิดเหตุเพลิงไหม้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ จนท.ในเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟ้ฟ้าลัดวงจร#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
10/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
ชัยภูมิ
|
สวท.ชัยภูมิ
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110103125581
| null |
จ.พิจิตร ถอดบทเรียนอุบัติเหตุรถชนประสานงา 3 คัน บนถนนสาย 115 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บ พร้อมวิเคราะห์ปัญหา และกำหนดแนวทางการแก้ไขให้สอดคล้องกับทุกปัจจัยเสี่ยง
|
วันที่ 10 มกราคม 2566 ณ ห้องประชุมสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพิจิตร นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เป็นประธานการประชุมวิเคราะห์สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนประสานงา 3 คันบนถนนสาย 115 ช่วงพิจิตร-สากเหล็ก บ้านเนินสมอ ตําบลป่ามะคาบ อําเภอเมือง จังหวัดพิจิตร เมื่อเย็นวันที่ 9 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ทําให้มีผู้เสียชีวิต จํานวน 2 ราย และบาดเจ็บจํานวนมาก โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้วิเคราะห์หาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุและร่วมกําหนดมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่เกิดในพื้นที่กับทุกปัจจัยเสี่ยง สร้างความตระหนักและปลอดภัยในการขับขี่ เนื่องจากอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่ ทั้งขับรถเร็วเกินกําหนด แซงในที่คับขัน นอกจากนี้ ในที่ประชุม ยังได้หารือแนวทางหลายด้าน เช่น การให้ความช่วยเหลือและเยียวยาหลังเกิดอุบัติเหตุ โดยบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถจํากัด การทําประกันภัย /ขนส่งจังหวัด การต่อภาษี ใบอนุญาตขับรถ อุปกรณ์ส่วนควบของรถมีครบสภาพสมบุรณ์ /รถนักเรียนต้องมีชื่อรถโรงเรียน มีไฟกระพริบบนหลังคา มีสัญลักษณ์สีส้มให้เห็นชัดเจน / ผู้บังคับใช้กฎหมาย ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและจริงจัง /แขวงทางหลวง จัดการจุดเสี่ยงบริเวณที่มีก่อสร้างเส้นทาง ด้วยการด้วยติดป้ายเตือน ติดไฟส่องสว่าง การวิเคราะห์จุดเสี่ยงบริเวณทางแยก ทางโค้ง จุดหามแซง โดยมีเป้าหมายลดการเสียชีวิตและการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนให้มากที่สุด ส.ปชส.พิจิตร 10 ม.ค.66#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
10/1/2023
|
ภาคเหนือ
|
พิจิตร
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิจิตร
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110181923818
| null |
ภูเก็ตวันที่ 3 ของการค้นหากรณีนักท่องเที่ยวชาวโรมาเนียสูญหายขณะดำน้ำ บริเวณเกาะแก้วนอก วันนี้เน้นค้นหาบริเวณผิวน้ำ และทางอากาศกรณีแต่ยังไม่พบตัว
|
วันนี้ ( 10 มกราคม 2566) ความคืบหน้าการค้นหาชายชาวโรมาเนีย อายุ 46 ปี ที่สูญหายขณะดําน้ํา บริเวณเกาะแก้วนอก ตําบลราไวย์ อําเภอเมืองภูเก็ต เมื่อช่วงสายของวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา ทางทีมค้นหา ประกอบด้วยเทศบาลตําบลราไวย์, ตํารวจน้ํา, ตํารวจท่องเที่ยว, ตํารวจ สภ.ฉลอง, ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ทหารเรือได้ ระดมกําลังร่วมค้นหาผู้สูญหาย จนถึงช่วงเย็นวันนี้(10 มกราคม 2566) ยังไม่พบ ทั้งนี้ ทาง นาย อานุภาพ รอดขวัญ ยอดระบํา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วยนาย อรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตําบลราไวย์ได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ศูนย์บัญชาการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่สูญหาย บริเวณหาดยะนุ้ย ตําบลราไวย์ อําเภอเมืองภูเก็ต ที่เป็นจุดประสานงานให้กับเจ้าหน้าที่และญาติผู้สูญหาย โดยเพื่อนและภรรยาของผู้สูญหาย โดยทางเจ้าหน้าที่ได้มีการระดมกําลังค้นหาบนผิวน้ําโดยใช้ นําเจ็ทสกี เรือลาดตระเวนค้นหาผู้สูญหายทั้งจุดเกิดเหตุและบริเวณโดยรอบ นอกจากนี้ ยังได้มีการนําเฮลิคอปเตอร์ออกบินค้นหาทางอากาศอีกด้วย แต่ก็ยังไม่พบแต่อย่างใด แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้มีการวางแผนในการค้นหาต่อในวันพรุ่งนี้พร้อมทั้งขอความร่วมมือเรือประมงและประชาชนให้ช่วยค้นหาอีกทางหนึ่งด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
10/1/2023
|
ภาคใต้
|
ภูเก็ต
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110175746806
| null |
จังหวัดเลย มอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้กับผู้ประสบภัยหนาว พร้อมกับพระบรมฉายาลักษณ์และยาเวชภัณฑ์
|
วันที่ 11 มกราคม 2566 ที่ศาลาประชาคมอําเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เป็นประธานมอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเลย ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 28 ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดเลย คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจําจังหวัดเลย นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเลย นายนที พรมภักดี นายอําเภอด่านซ้าย หัวหน้าส่วนราชการ ประชาชน ร่วมมอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน จํานวน 300 ผืนพร้อมกับพระบรมฉายาลักษณ์และยาเวชภัณฑ์ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย กล่าวว่า ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีความห่วงใยต่อพสกนิกรของพระองค์ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้จัดสรรผ้าห่มกันหนาวพระราชทานให้กับราษฎรทั้ง 14 อําเภอ จํานวน 2,500 ผืน พสกนิกรผู้ประสบภัยหนาวต่างล้วนสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และขอให้ตั้งใจปณิธานปฏิบัติตนเป็นพลเมืองที่ดีของชาติ เพื่อแสดงถึงความกตัญญูกตเวทิตาและความจงรักภักดีที่มีต่อพระองค์ ปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมจริยธรรมเป็นคนดีของสังคมนายนที พรมภักดี นายอําเภอด่านซ้าย กล่าวว่า สถานการณ์ภัยหนาวของอําเภอด่านซ้ายมีผลกระทบจากอากาศหนาวเย็น จากการสํารวจความต้องการเครื่องกันหนาว ประจําปี 2566 มีประชาชนที่ขาดแคลนเครื่องกันหนาวจํานวน 9,817 คน แยกเป็นผู้สูงอายุ 8,504 คน ผู้พิการ 808 คน ผู้มีรายได้น้อย 315 คน และผู้ประสบความเดือดร้อน 187 คน โดยอําเภอด่านซ้ายได้รับการจัดสรรผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน จํานวน 300 ผืนทั้งนี้ ผู้ที่ประสบความเดือดร้อนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิ และภาคเอกชน ได้เข้าไปดําเนินการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้วและจะได้เร่งดําเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
12/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
เลย
|
สวท.ด่านซ้าย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230112093438262
| null |
“พระมหากรุณาธิคุณเปี่ยมล้น “ จังหวัดเพชรบุรีจัดพิธีมอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน ให้ผู้ประสบภัยหนาว ที่อาศัยในถิ่นทุรกันดาร ผู้สูงอายุ และผู้มีฐานะยากจน จำนวน 2,500 ผืน
|
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ ( 12 มกราคม 2566 ) นายณัฏฐชัย นําพูลสุขสันติ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายวิรัช เพ็ญจันทร์ หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบุรี นายอําเภอ หัวหน้าส่วนราชการ และผู้นําชุมชน ร่วมพิธีมอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน ณ หอประชุมแก้วเจ้าจอม วิทยาลัยพยาบาลพระจอมเกล้า จังหวัดเพชรบุรี พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นําผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน มามอบช่วยเหลือ ให้ผู้ประสบภัยหนาว ที่อาศัยในถิ่นทุรกันดาร ผู้สูงอายุ และผู้มีฐานะยากจน จํานวน 2,500 ผืน ในพื้นที่ 8 อําเภอ โดยนายณัฏฐชัย นําพูลสุขสันติ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ประธานในพิธีส่งมอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน ให้นายอําเภอทั้ง 8 อําเภอ รับมอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้นผู้ทรงคุณวุฒิทุกภาคส่วนราชการ ได้ส่งมอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทานให้กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นําชุมชน ซึ่งเป็นผู้แทนประชาชนมารับมอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน ด้วยความน้อมสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ นํามาซึ่งความปลาบปลื้ม ปิติยินดี และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น อย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระองค์ท่าน ทรงมีพระราชหฤทัยห่วงใย ในความเดือดร้อนของพสกนิกรชาวไทย ตลอดมา นายณัฏฐชัย นําพูลสุขสันติ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ได้กล่าวด้วยความน้อมสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในนามประชาชน ราษฎรชาวจังหวัดเพชรบุรี ต่างสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงห่วงใยราษฎรผู้ประสบภัยหนาว ในโอกาสนี้ ขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน มีพระพลานามัยสมบูรณ์ แข็งแรง ปราศจากโรคาพยาธิ เป็นมิ่งขวัญ แก่พสกนิกร ชาวไทยตราบจิรัฐิติกาล เทอญ ซึ่งนายอําเภอจะได้นําผ้าห่มกันหนาวพระราชทานไปมอบให้ชาวบ้านที่ลําบาก ได้นําไปใช้ประโยชน์ ตามวัตถุประสงค์ และจะเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้อยู่คู่ประเทศไทยต่อไป ซึ่งวันนี้พิธีมอบสิ่งของพระราชทาน ผ้าห่มกันหนาว จํานวนทั้งหมด 2,500 ผืน จามรี อนุรัตน์ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี รายงาน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
12/1/2023
|
ภาคตะวันตก
|
เพชรบุรี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230112133910360
| null |
ตำรวจท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอนให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่ประสบอุบัติเหตุ หนึ่งในมาตรการรองรับการท่องเที่ยวของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อสร้างความมั่นใจในการให้กับนักท่องเที่ยว
|
ตํารวจท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุ สภ. ปาย ว่ามีนักท่องเที่ยวไถลลื่นตกน้ําตกหมอแปง ต.แม่นาเติง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน พ.ต.ท.มังกร แสนมา สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.2 จึงสั่งการให้ ด.ต.วราวุฒิ ธิติมูล ผบ.หมู่.ส.ทท.4ฯ พร้อมลูกชุด ไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ตํารวจสภ.ปาย เจ้าหน้าที่กู้ภัย อบต. แม่นาเเติง เจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิปายสามัคคีเมื่อเดินทางไปถึงพบ Mr.Issam Messaoudi สัญชาติเบลเยี่ยม และ สัญชาติโมร็อคโค เป็นบุคคล 2 สัญชาติ ที่เดินทางท่องเที่ยวมาด้วยรถจักรยาน ทะเบียน 9 กฉ 9420 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถเช่า ได้เดินทางมาเที่ยวที่น้ําตกหมอแปง แล้วประสบอุบัติเหตุลื่นไถลตกน้ําตก ได้รับบาดเจ็บบริเวณหลัง จึงได้ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น แล้วเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมารับการรักษาที่โรงพยาบาลปาย เมื่อทําการเอ็กซเรย์แล้วผมว่า กระดูกสันหลังแตก หัก จึงได้เคลื่อนย้ายไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลกรุงเทพเชียงใหม่เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สายตรวจได้ให้ความช่วยเหลือพาเพื่อนของผู้ป่วย ไปเช็คเอาท์และเก็บของใช้ที่จําเป็นของผู้ป่วยที่โรงแรม เพื่อจะได้เคลื่อนย้ายไปรักษาตัวต่อไปส่วนอีกราย ตํารวจท่องเที่ยวแม่ฮ่องสอน ได้ให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ถนนเส้นทางปาย- แม่แตง กลางป่าห่างไกลชุมชน 2 เหตุการณ์ โดยได้ให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ชื่อ Miss Aleksandra อายุ 31 ปี สัญชาติ รัสเซีย กรณีรถยนต์เช่าเสียระหว่างทาง จึงได้ประสาน บริษัทรถยนต์เช่า เพื่อให้การช่วยเหลือและดําเนินการซ่อมแซมต่อไป ในระหว่างรอรับการช่วยเหลือ จึงประสาน หน่วย ตชด.ที่อยู่ใกล้เคียง นํากรวยมาตั้ง เพื่อความปลอดภัยต่อไปอีกให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ชื่อ Miss Lieke Wilhelmina Cornelia อายุ 26 ปี สัญชาติ เนเธอร์แลนด์ กรณีน้ํามันรถจักรยานยนต์หมดระหว่างทาง จึงได้พานักท่องเที่ยวไปซื้อน้ํามันเชื้อเพลิง ตรงด่านบริเวณใกล้เคียง เพื่อให้การขับขี่ได้อีกต่อไป นักท่องเที่ยวทั้ง 2 รายเอ เกิดความพอใจและชื่นชมตํารวจท่องเที่ยวในการให้การช่วยเหลือในครั้งนี้#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
13/1/2023
| null |
แม่ฮ่องสอน
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230113102417636
| null |
ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ลงพื้นที่ติดตามโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พื้นที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา
|
พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดําเนินงานโครงการจัดหาน้ําบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดําริ พื้นที่ตําบลสะแกราชและตําบลตูม อําเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา โดยทั้ง 2 พื้นที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ เพื่อแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรจากภาวะวิกฤตภัยแล้ง โดยกรมทรัพยากรน้ําบาดาล ได้สนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสาน รักษา ต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ เพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยบรรเทาความเดือดร้อนแก่ราษฎรจากภาวะวิกฤตภัยแล้ง โดยได้ดําเนินการสํารวจพื้นที่ที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ออกแบบและวางแผนจัดทําโครงการจัดหาน้ําบาดาลขนาดใหญ่ พร้อมทั้งก่อสร้างระบบประปาบาดาลในบริเวณพื้นที่ที่มีศักยภาพน้ําบาดาลที่เหมาะสม เพื่อช่วยเหลือราษฎรให้มีน้ําอุปโภคบริโภค จากนั้นให้ราษฎรในพื้นที่เป็นผู้ดูแลระบบหลังดําเนินการแล้วเสร็จ โดยการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ําเพื่อให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรน้ําบาดาลอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนสําหรับพื้นที่ตําบลสะแกราชและตําบลตูม อําเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา มีราษฎรในพื้นที่ที่ประสบกับแหล่งน้ําผิวดินมีไม่เพียงพอ จํานวนรวมกัน 2 ตําบล 31 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 14,500 คน ซึ่งถือเป็นชุมชนขนาดใหญ่ จึงประสบกับปัญหาแหล่งน้ําผิวดินในพื้นที่มีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการและในหน้าแล้งน้ําผิวดินลดระดับลง ทําให้ประสบปัญหาเรื่องคุณภาพน้ําไม่สะอาด มีสี และมีตะกอนขุ่น ประกอบกับมีปริมาณตะกอนปะปนในน้ําเป็นจํานวนมาก ส่งผลให้ท่อส่งน้ําเกิดการอุดตัน ดังนั้นจึงทําให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการบัดบัด เพื่อทําระบบประปาหมู่บ้านปีละไม่ต่ํากว่า 200,000 บาท ซึ่งโครงการดังกล่าวสร้างความปลื้มปิติเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นแก่ราษฎรเป็นอย่างมาก #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
16/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครราชสีมา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230116132748514
| null |
อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ นำสิ่งของพระราชทาน (ผ้าห่ม) รับมอบจากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมย์ มอบให้กับประชาชนที่ประสบภัยหนาว
|
วันที่ 16 มกราคม 2566 ตั้งแต่เวลา 13.30 น. ภายใต้การอํานวยการของ นายชินวัต ทองปรีชา นายอําเภอปราสาท ได้มอบให้ นายสําราญ สารจันทร์ ปลัดอําเภอฝ่ายความมั่นคง ร่วมกับกํานัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นําสิ่งของพระราชทาน (ผ้าห่ม) รับมอบจากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมย์ มอบให้กับประชาชนที่ประสบภัยหนาวซึ่งเป็น ผู้ยากไร้ กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ฯลฯ ในพื้นที่ตําบลสมุด จํานวน 6 ราย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
16/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
สุรินทร์
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230116203641704
| null |
อำเภอเมืองอำนาจเจริญ มอบผ้าห่มกันหนาวของเหล่ากาชาดจังหวัด จำนวน 230 ผืน ในพื้นที่ 3 ตำบล เพื่อเป็นขัวญและกำลังใจให้กับผู้ประสบภัยหนาว
|
วันจันทร์ที่ 16 มกราคม 2566 เวลา 14.00 น. นางจินตนา ชัชวาลวงศ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอํานาจเจริญ มอบหมายให้นายธนูศักดิ์ เสมอภาค นายอําเภอเมืองอํานาจเจริญ นายธีระพงษ์ ยงยุทธ ปลัดอําเภอหัวหน้ากลุ่มงานความมั่นคง นายภูธเนษ ทองโท ปลัดอําเภอความมั่นคง มอบผ้าห่มกันหนาวของเหล่ากาชาดจังหวัดอํานาจเจริญ จํานวน 230 ผืน ให้ประชาชนผู้ประสบภัยหนาวตําบลนาหมอม้า จํานวน 120 ผืน ตําบลนายม จํานวน 50 ผืน ตําบลกุดปลาดุก 60 ผืน บริเวณศาลาวัดโพธิ์ศรี ตําบลนาหมอม้า อําเภอเมืองอํานาจเจริญโดยมีนายสุพรรณ ศรีเมฆ กํานันนาหมอม้า นายคนอง กองสิน กํานันตําบลนายม นายประสิทธิ์ บุญรําไพ กํานันตําบลกุดปลาดุก และนายวิโรจน์ ถีระพันธ์ นายกเทศมนตรีตําบลนาหมอม้า นําประชาชนเข้ารับผ้าห่มกันหนาว และมีการมอบรางวัลเป็นของขัวญปีใหม่ให้กับผู้โชคดี#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
16/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
อำนาจเจริญ
|
สวท.อำนาจเจริญ
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230116225956720
| null |
เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือบรรทุกน้ำมัน ที่จังหวัดสมุทรสงคราม พบผู้บาดเจ็บ 4 ราย สูญหาย 7 ราย เสียชีวิต 1 ราย
|
วันนี้ (17 มกราคม 2566) เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ได้เกิดเหตุเรือน้ํามัน ชื่อ Smooth Sea 22 เกิดเพลิงไหม้จากการระเบิด ที่บริเวณท่าอู่ซ่อมเรือ บริษัทรวมมิตรด๊อคยาร์ด จํากัด เลขที่ 140 หมู่ที่ 8 ตําบลแหลมใหญ่ อําเภอเมืองสมุทรสงคราม เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ด้านนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ได้ลงพื้นที่บัญชาการด้วยตนเอง กล่าวว่า เรือดังกล่าวเป็นเรือบรรทุกน้ํามันขนาดใหญ่จอดซ่อมบํารุงภายใน ซึ่งมีน้ํามันดีเซลค้างจากการเดินเรือ จอดซ่อมบํารุงภายในอู่ต่อเรือดังกล่าว จากการระเบิดทําให้เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย สูญหาย 7 ราย และเสียชีวิต 1 ราย โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งฉีดน้ําสกัดเพลิง แต่เพลิงยังประทุอย่างต่อเนื่อง แรงระเบิดทําให้บ้านที่อยู่ใกล้เคียงโดนแรงอัด ได้รับความเสียหาย ดังไกลไปรัศมีหลาย 10 กิโลเมตร จากการสอบสวนเบื้องต้นสันนิษฐานว่า เกิดจากการซ่อมหน้าเรือที่มีการเชื่อมเหล็ก ซึ่งมีน้ํามันดีเซลที่ใช้ในการเดินเรือ แล้วเกิดการปะทุจากการเชื่อมเหล็ก จึงเกิดการระเบิดขึ้น ณ ที่เกิดเหตุมีผู้ปฏิบัติงาน 10 คน มีผู้ปฏิบัติงานบนฝั่ง 30 คน ล่าสุดจังหวัดสมุทรสงคราม ได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการที่วัดปากสมุทร ตําบลแหลมใหญ่ อําเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน และเร่งหาผู้สูญหายทั้ง 7 ราย หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไปจึงขอประชาสัมพันธ์งดการเดินทางบริเวณเส้นทางดังกล่าว เพื่อเป็นการอํานวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเองรุ่งนภา/ข่าว/จิตติพัฒน์/ภาพ/ธิติมา /เรียบเรียงทีมงานสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
17/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
สมุทรสงคราม
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230117144927909
| null |
เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือบรรทุกน้ำมัน ที่จังหวัดสมุทรสงคราม พบผู้บาดเจ็บ 4 ราย สูญหาย 7 ราย เสียชีวิต 1 ราย
|
วันนี้ (17 มกราคม 2566) เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. ได้เกิดเหตุเรือน้ํามัน ชื่อ Smooth Sea 22 เกิดเพลิงไหม้จากการระเบิด ที่บริเวณท่าอู่ซ่อมเรือ บริษัทรวมมิตรด๊อคยาร์ด จํากัด เลขที่ 140 หมู่ที่ 8 ตําบลแหลมใหญ่ อําเภอเมืองสมุทรสงคราม เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ ด้านนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ได้ลงพื้นที่บัญชาการด้วยตนเอง กล่าวว่า เรือดังกล่าวเป็นเรือบรรทุกน้ํามันขนาดใหญ่จอดซ่อมบํารุงภายใน ซึ่งมีน้ํามันดีเซลค้างจากการเดินเรือ จอดซ่อมบํารุงภายในอู่ต่อเรือดังกล่าว จากการระเบิดทําให้เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย สูญหาย 7 ราย และเสียชีวิต 1 ราย โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งฉีดน้ําสกัดเพลิง แต่เพลิงยังประทุอย่างต่อเนื่อง แรงระเบิดทําให้บ้านที่อยู่ใกล้เคียงโดนแรงอัด ได้รับความเสียหาย ดังไกลไปรัศมีหลาย 10 กิโลเมตร จากการสอบสวนเบื้องต้นสันนิษฐานว่า เกิดจากการซ่อมหน้าเรือที่มีการเชื่อมเหล็ก ซึ่งมีน้ํามันดีเซลที่ใช้ในการเดินเรือ แล้วเกิดการปะทุจากการเชื่อมเหล็ก จึงเกิดการระเบิดขึ้น ณ ที่เกิดเหตุมีผู้ปฏิบัติงาน 10 คน มีผู้ปฏิบัติงานบนฝั่ง 30 คน ล่าสุดจังหวัดสมุทรสงคราม ได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการที่วัดปากสมุทร ตําบลแหลมใหญ่ อําเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน และเร่งหาผู้สูญหายทั้ง 7 ราย หากมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป จึงขอประชาสัมพันธ์งดการเดินทางบริเวณเส้นทางดังกล่าว เพื่อเป็นการอํานวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเอง รุ่งนภา/ข่าว/จิตติพัฒน์/ภาพ/ธิติมา /เรียบเรียง ทีมงานสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
17/1/2023
| null |
สมุทรสงคราม
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230117150257929
| null |
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์พระราชทานผ้าห่มกันหนาวชุดยาและเวชภัณฑ์แก่ราษฎรที่ประสบภัยหนาวในเขตพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ 8 อำเภอ จำนวน 3000.-ผืน
|
วันนี้(18มค.66) ที่หอประชุมที่ว่าการอําเภออุทุมพรพิสัย นายสํารวย เกษกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจําจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานพิธีเชิญผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน ชุดยาและเวชภัณฑ์พระราชทานของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ พระราชทานแก่ราษฎรที่ประสบภัยหนาวในเขตพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ โดยเชิญผ้าห่มกันหนาว ชุดยาและเวชภัณฑ์พระราชทาน พร้อมพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ฉายกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จํานวน 3,000.- ชุด มอบให้แก่นายอําเภอที่เป็นผู้แทนประชาชนในพื้นที่ จํานวน 8 อําเภอ อําเภอละ 300 ชุด ได้แก่ อําเภอเมืองศรีสะเกษ อําเภอภูสิงห์ อําเภอกันทรารมย์ อําเภอปรางค์กู่ อําเภอห้วยทับทัน อําเภอบึงบูรพ์ อําเภอเมืองจันทร์ อําเภอโพธิ์ศรีสุวรรณ และ อําเภออุทุมพรพิสัย อีก 600 ชุด โอกาสนี้ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมคณะกรรมการเหล่ากาชาด แม่บ้านมหาดไทยจังหวัด รองผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดศรีสะเกษ(ท) ผู้แทนผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัด หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ พร้อมจิตอาสาพระราชทาน เชิญผ้าห่มพระราชทานแจกจ่ายแก่ราษฎรที่ประสบภัยหนาว ส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ซึ่งราษฎรที่ได้รับผ้าห่มพระราชทานต่างปลาบปลื้มและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
18/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
ศรีสะเกษ
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230119060035497
| null |
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจำจังหวัดสระบุรี นำเงินและสิ่งของพระราชทานมอบช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย
|
นางอังคณา ชิตะติตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นําเงินและสิ่งของพระราชทาน ช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบให้กับผู้ประสบเหตุอัคคีภัย ที่บ้านเลขที่ 39/3 ตําบลปากเพรียว อําเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ของ นายปองพล พันธุ์กล้วยไม้ และบ้านเลขที่ 187/12 ตําบลปากเพรียว อําเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ของ นายบุญรอด หงษชัง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 ตัวบ้านได้รับความเสียหาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และที่บ้านเลขที่ 255/6 ถนนเทศบาล 4 ซอย 29 ตําบลปากเพรียว อําเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ของ นายยุทธนา คําปัญญา เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 บ้านได้รับความเสียหาย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรีได้นําเงินช่วยเหลือ สิ่งของเครื่องใช้อุปโภคและบริโภคนําไปมอบให้ด้วยและจังหวัดสระบุรีได้พิจารณาใช้เงินสํารองจ่ายมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ที่มีอยู่ ทางจังหวัดให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย เป็นเงินสดค่าวัสดุซ่อมแซมก่อสร้างที่อยู่อาศัย และเป็นสิ่งของช่วยเหลือเบื้องต้นโดยจัดซื้อเครื่องครัว เครื่องนอน ตามความเหมาะสมและทางจังหวัดสระบุรีจะได้เข้ามาช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยต่อไปทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความห่วงใยพสกนิกร ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติต่างๆ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นําเงินช่วยเหลือ ตามหลักเกณฑ์การพิจารณาการจ่ายเงินสํารองจ่ายมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่มีอยู่ทางจังหวัด ในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติในครั้งนี้ ยังความปลาบปลื้มและสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้แก่ครอบครัวผู้ได้รับพระราชทานความช่วยเหลือในครั้งนี้#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
19/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
สระบุรี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230119143550659
| null |
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทาน ไปมอบให้ผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
|
วันที่ 19 มกราคม 2566 เวลา 13.30 น. ณ บ้านเลขที่ 24/6 หมู่ที่ 6 ตําบลบางเดื่อ อําเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีเชิญสิ่งของพระราชทาน มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปมอบให้แก่ ครอบครัว นายมงคลธนชัย ตรงศูนย์ เจ้าของบ้านเลขที่ 24/6 หมู่ที่ 6 ตําบลบางเดื่อ อําเภอบางปะหัน ซึ่งประสบอัคคีภัย เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 เวลา 12.10 น. สาเหตุของเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ได้รับความเสียหายทั้งหลัง มีผู้ได้รับความเดือดร้อน จํานวน 4 ราย ซึ่งการได้รับสิ่งของพระราชทาน ยังความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์พระบรมราชูปถัมภก แห่งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นล้นพ้น โอกาสนี้ หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาทิ เหล่ากาชาด ชมรมแม่บ้านมหาดไทย องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ข้าราชการ ผู้นําท้องที่ท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อําเภอบางปะหัน ได้มอบเงินและสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยด้วย ข่าว : #สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
19/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
พระนครศรีอยุธยา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230119165925742
| null |
ผู้ว่าฯสมุทรสงคราม มอบหมายทีมช่างหน่วยงานต่าง ๆ เร่งสำรวจความเสียหายโรงเรียนศรัทธาธรรมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเรือ Smooth Sea 22 Bangkok เกิดเพลิงไหม้ เพื่อให้นักเรียนสามารถเข้าเรียนได้ตามปกติในเร็ววัน
|
ผู้ว่าฯสมุทรสงครามมอบหมายทีมช่างหน่วยงานต่าง ๆ เร่งสํารวจความเสียหายโรงเรียนศรัทธาธรรมที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเรือ Smooth Sea 22 Bangkok เกิดเพลิงไหม้ เพื่อให้นักเรียนสามารถเข้าเรียนได้ตามปกติในเร็ววันที่บริเวณโรงเรียนศรัทธาธรรม ตําบลบางจะเกร็ง อําเภอเมืองสมุทรสงคราม นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม มอบหมายศูนย์ดํารงธรรมจังหวัดสมุทรสงคราม,ทีมวิศวกรของสํานักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสมุทรสงคราม,องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม,สํานักงานศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าสํารวจความเสียหายจากแรงบีบอัดของระเบิดเรือฯ ส่งผลให้โรงเรียนศรัทธาธรรม ตําบลบางจะเกร็ง อําเภอเมืองสมุทรสงคราม ได้รับความเสียหายมาก ส่วนใหญ่เป็นกระจกแตก ส่งผลให้ขณะนี้โรงเรียนฯ ต้องหยุดทําการเรียนการสอน เพื่อซ่อมแซม ทีมช่าง อบต.บางจะเกร็ง มูลค่าความเสียหายประมาณการณ์เบื้องต้นไม่ต่ํากว่า 1.3 แสนบาท ทั้งนี้ จังหวัดสมุทรสงครามได้รับทราบข้อมูลของมูลค่าความเสียหาย พร้อมเร่งผลักดันให้ได้รับการเยียวยาด่วนที่สุด เพื่อให้โรงเรียนได้กลับมาเปิดให้ทําการเรียนการสอนได้ตามปกติต่อไปรุ่งนภา/ข่าว/ฐานิยา /เรียบเรียง 19 มกราคม 2566ทีมงานสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
19/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
สมุทรสงคราม
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230119183127770
| null |
ผวจ.อด.เชิญสิ่งของพระราชทานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ มอบผู้ประสบอัคคีภัยอำเภอน้ำโสม
|
นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ในฐานะประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ประจําจังหวัดอุดรธานี เชิญถุงยังชีพและสิ่งของพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี มอบให้กําลังใจและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบอัคคีภัย ที่อําเภอน้ําโสม จังหวัดอุดรธานีวันที่ 20 มกราคม 2566 ที่บ้านเลขที่ 244/1 หมู่ 10 ตําบลหนองแวง อําเภอน้ําโสม จังหวัดอุดรธานี นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ในฐานะประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ประจําจังหวัดอุดรธานี เชิญถุงยังชีพและสิ่งของพระราชทานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้ประสบอัคคีภัย รายนางสมบัติ ชาวดร ราษฎรหมู่ที่ 10 ตําบลหนองแวง โดยมีนางณัฐวดี ลีลาเลิศแล้ว รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี นางฤดีวรรณ ศรีเครือเนตร รองแม่บ้านมหาดไทย คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ประจําจังหวัดอุดรธานี คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน จิตอาสาพระราชทาน และประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธีนายคณพศ พิมโคตร นายอําเภอน้ําโสม กล่าวว่า เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 ธันวาคม 2565 เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านพักอาศัยของนางสมบัติ ชาวดร ราษฎรพื้นที่ หมู่ที่ 10 ตําบลหนองแวง อําเภอน้ําโสม เสียหายทั้งหลัง เบื้องต้นอําเภอน้ําโสม องค์การบริหารส่วนตําบลหนองแวงและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ได้ให้การช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ในฐานะประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ประจําจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยอาณาประชาราษฎร์ทุกพื้นที่ ทรงสืบสาน ต่อยอด พระราชดําริในหลวงล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 พระบรมราชชนก ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนสํารองจ่ายในงานบรรเทาทุกข์ให้กับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจําจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อมอบการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นการเบื้องต้น พร้อมพระราชทานจิตอาสาพระราชทาน เพื่อให้ช่วยกันทําความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือดูแลกันในชุมชนหมู่บ้าน การเกิดไฟไหม้บ้านเรือนในครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยพสกนิกรชาวไทยมาก จึงได้มอบให้ประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจําจังหวัด นําถุงยังชีพพระราชทานมามอบให้ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ปัจจุบันสาธารณภัยนับวันจะเกิดถี่ขึ้นและมีความรุนแรงขยายวงกว้างและทําลายชีวิต ทรัพย์สินของประชากรอย่างมากมาย โดยเฉพาะการเกิดไฟไหม้ที่สร้างความสูญเสียต่อทรัพย์สินของผู้ประสบภัย ดังนั้น ทุกคนต้องมีการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับสาธารณภัยที่จะเกิดขึ้นด้วยความมีสติ และคิดอยู่เสมอว่าการเกิดภัยเกิดได้ทุกวันทุกเวลา เราจะต้องมีการเตรียมการป้องกันก่อนที่จะเกิด เช่น กรณีเหตุไฟไหม้ ดูว่าเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง เช่น ไฟฟ้าลัดวงจร ต้องหมั่นตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้า ว่าได้มาตรฐานหรือใช้งานมานานปีหรือไม่ สายไฟในบ้านเรือนเก่าหลายปีจนเสื่อมสภาพ ก็เป็นเหตุให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรและเกิดไฟไหม้ได้เช่นกัน และอีกสาเหตุอาจเกิดจากการก่อไฟทิ้งไว้ จนเกิดการลุกลามไหม้บริเวณอื่นได้จนกลายเป็นความสูญเสียอย่างมากมาย เป็นต้น เพื่อนบ้านข้างเคียง ช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องดูแลซึ่งกันและกัน หากเกิดไฟไหม้ก็สามารถช่วยกันควบคุมหรือระงับได้เร็วขึ้นลดความสูญเสียได้นางสมบัติ ชาวดร ผู้ประสบอัคคีภัย เล่าว่า ตนไม่รู้ว่าบ้านโดนไฟไหม้ เพราะช่วงเวลา 08.30 น.ตนไปทํางานปกติ ตนเป็นครูที่ศูนย์เด็กเล็กบ้านน้ําซึมน้อย มารู้ว่าบ้านไฟไหม้ก็หลังจากเจ้าหน้าที่มาช่วยดับเพลิงแล้ว และเมื่อได้รู้ว่าในหลวงพระราชทานสิ่งของมาช่วยก็รู้สึกปลาบปลื้มจนพูดไม่ออกน้ําตาแห่งความดีใจไหลออกมา "ดีใจที่ท่านไม่ทอดทิ้ง" และสังคมไม่ทอดทิ้งทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ภาพ/ ธนาวุธ สีสอนดี ข่าว / จณิสตา อามาตย์มนตรี ตรวจทาน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
20/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
อุดรธานี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230120190028159
| null |
ผู้ว่าอุดรฯ เชิญสิ่งของพระราชทานมูลนิธิราชประชามอบผู้ประสบอัคคีภัยบ้านผักบุ้ง อำเภอบ้านผือ
|
นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เชิญถุงยังชีพและสิ่งของพระราชทานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบให้กําลังใจและบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบอัคคีภัย 6 หลังที่บ้านผักบุ้ง ตําบลกลางใหญ่ อําเภอบ้านผือวันที่ 20 มกราคม 2566 ที่บ้านผักบุ้ง ตําบลกลางใหญ่ อําเภอบ้านผือ นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เชิญถุงยังชีพและสิ่งของพระราชทานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบอัคคีภัยจํานวน 6 หลัง โดยมี นางณัฐวดี ลีลาเลิศแล้ว รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี นางฤดีวรรณ ศรีเครือเนตร รองแม่บ้านมหาดไทย คณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ประจําจังหวัดอุดรธานี คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน จิตอาสาพระราชทาน และประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธีนายจรูญ บุหิรัญ นายอําเภอบ้านผือ กล่าวว่า วันที่ 5 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 16.20 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านพักอาศัย ราษฎรในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ตําบลกลางใหญ่ อําเภอบ้านผือ ตรวจสอบความเสียหายเบื้องต้น พบมีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย จํานวน 6 หลังคาเรือน ประกอบด้วย บ้านเลขที่ 120 เป็นบ้านพักอาศัยของนางหนูเอื้อ พรหมโคตร (เสียหายทั้งหลัง), บ้านเลขที่ 124 บ้านพักอาศัยของ นายสมบุญ นารายณ์ (เสียหายทั้งหลัง), บ้านเลขที่ 54 บ้านพักอาศัยของนางเทียมจัน ชาวดร (เสียหายทั้งหลัง), บ้านเลขที่ 142 บ้านพักอาศัยของนายศีลธรรม คันชี (เสียหายบางส่วน), บ้านเลขที่ 58 บ้านพักอาศัยของนางอุไร อวนอ่อน (เสียหายบางส่วน), บ้านเลขที่ 125 บ้านพักอาศัยของนายพวงมา สุกใส (เสียหายบางส่วน) เบื้องต้นอําเภอบ้านผือ เทศบาลตําบลกลางใหญ่ และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ได้ให้การช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยอาณาประชาราษฎร์ทุกพื้นที่ ทรงสืบสาน ต่อยอด พระราชดําริในหลวงล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 พระบรมราชชนก ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนสํารองจ่ายในงานบรรเทาทุกข์ให้กับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจําจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อมอบการช่วยเหลือเป็นการเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัย พร้อมพระราชทานจิตอาสาพระราชทาน เพื่อให้ช่วยกันทําความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือดูแลกันในชุมชนหมู่บ้าน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยโดยมอบหมายให้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจําจังหวัด เป็นผู้แทนนําถุงยังชีพพระราชทาน มามอบแก่ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมฝากพี่น้องประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่อง เฝ้าระวังอัคคีภัยในพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบันสาธารณภัยนับวันจะเกิดถี่ขึ้นและมีความรุนแรงขยายวงกว้างและทําลายชีวิต ทรัพย์สินของประชากรอย่างมากมาย โดยเฉพาะการเกิดไฟไหม้ที่สร้างความสูญเสียต่อทรัพย์สินของผู้ประสบภัย จึงขอให้ทุกคนเตรียมความพร้อมรับมือกับสาธารณภัยที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยความมีสติ และคิดอยู่เสมอว่าการเกิดภัย เกิดได้ทุกวันทุกเวลา เราต้องช่วยกันป้องกันก่อนที่จะเกิดเหตุ ด้วยการหมั่นตรวจตรา ตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้า สายไฟในบ้าน ว่าได้มาตรฐานหรือใช้งานมานานปีหรือไม่ ถ้าชํารุดให้รีบซ่อมและเปลี่ยน เพราะเป็นสาเหตุ 1 ที่ทําให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรและเกิดไฟไหม้ได้ อย่าก่อไฟทิ้งไว้ เพราะอาจลุกลามไหม้บริเวณอื่นจนกลายเป็นความสูญเสียของชีวิตและทรัพย์สินได้พร้อมกันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี และรองแม่บ้านมหาดไทย พร้อมคณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี สมาชิกแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุดรธานี และสํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน จิตอาสา ได้ร่วมมอบเงินและถุงยังชีพ เพื่อให้การช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบอัคคีภัยทั้ง 6 หลังคาเรือนทีมข่าว ส.ปชส.อด. ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ภาพ/ ธนาวุธ สีสอนดี ข่าว / จณิสตา อามาตย์มนตรี ตรวจทาน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
20/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
อุดรธานี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230120190402160
| null |
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา รุดลงพื้นที่เกิดอุบัติเหตุหมู่ ณ พื้นที่ ถนนมิตรภาพ อ.สีคิ้ว เมื่อคืนที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 11 ราย บาดเจ็บ 1 ราย
|
เช้าวันนี้ (22 ม.ค. 66) ศูนย์อํานวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดนครราชสีมา(ศปก.นม.) รายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 21 ม.ค.2566 นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย นายกฤษณ์ พูนเกษม หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา เจ้าหน้าที่ตํารวจ หน่วยกู้ภัย ฮุก 31 ลงพื้นที่ตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ ณ จุดเกิดเหตุ กรณีเกิดอุบัติเหตุเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น. ที่รถตู้โดยสารเสียหลักพุ่งชนการ์ดเลน บริเวณถนนมิตรภาพ เป็นรถตู้ หมายเลขทะเบียนอํานาจเจริญ ทิศทางมุ่งหน้าสระบุรี เสียหลักพุ่งลงเกาะกลางถนน เกิดไฟลุกไหม้ บริเวณเลยจุดกลับรถมอจะบกขาเข้า กทม. กม.ที่ 100+600 เป็นเหตุให้รถตู้ดังกล่าวเกิดไฟไหม้ เนื่องจากติดแก๊ส NGV จํานวน 3 ถัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย และเสียชีวิต 11 ราย เบื้องต้นทราบว่ารถคันดังกล่าวเดินทางออกจาก ตําบลเปือย อําเภอลืออํานาจ จังหวัดอํานาจเจริญ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้รุดเข้าเยี่ยม และสอบถามอาการผู้รอดชีวิต 1 คน ที่ปีนหนีออกมาจากรถได้ทัน หากสงสัยเป็นญาติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าว ติดต่อได้ที่ รพ.สีคิ้ว 089-2804785 064-5633129 ได้ตลอดเวลา ผู้รอดชีวิตชื่อ นายธนชิต กิ่งแก้ว จําที่อยู่ไม่ได้ หากรู้จักมักคุ้นน้องผู้รอดชีวิต ติดต่อด่วนโรงพยาบาลสีคิ้ว 089-2804785 064-563312 สําหรับสภาพทางที่เกิดเหตุเป็นทางตรงซึ่งเจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงปากช่องที่ 1 เจ้าหน้าที่ตํารวจ สภ.สีคิ้ว และกู้ภัย ร่วมอํานวยความสะดวกและปลอดภัยด้านการจราจร ให้ประชาชนใช้ถนนผ่านทางได้ สําหรับเหตุดังกล่าว ศูนย์วิทยุฮุก31 รับแจ้ง1669 ประชาชนโทรแจ้งสายด่วน 1669 รถตู้ตกถนนมิตรภาพ มอจะบก มีเพลิงไหม้ เขตพื้นที่สีคิ้ว อาสาสมัครจุดสีคิ้ว ชุดอุปกรณ์ตัดถ่างพร้อมหัวหน้าอาสาสมัครเข้าให้การช่วยเหลือพบรถตู้โดยสาร สายอํานาจเจริญ-กทม.หมายเลขทะเบียน 30-0078 อํานาจเจริญ ตกร่องกลางถนน มีเพลิงลุกไหม้ทั้งคัน รถน้ําเทศบาลสีคิ้วใช้น้ําควบคุมเพลิง หลังจากเพลิงสงบ ชุดอุปกรณ์ตัดถ่าง ใช้เวลากว่า 30 นาที งัดร่างผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมด 11 ราย รวมทั้ง ผขร. พบผู้รอดชีวิต 1 ราย นําส่ง รพ.สีคิ้ว ขอบคุณข้อมูล ตัดถ่าง01 กู้ภัย01 จุดสีคิ้ว1 เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิ สนับสนุนที่เกิดเหตุ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
22/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230122092203414
| null |
คปภ. ลงพื้นที่ทันที เพื่อช่วยเหลือด้านประกันภัยกรณีรถตู้โดยสารไม่ประจำทางเสียหลัก เฉี่ยวชนการ์ดเลนตกร่องกลางถนนเกิดประกายไฟลุกไหม้ที่จังหวัดนครราชสีมา เผยรถตู้โดยสารทำประกัน “พ.ร.บ. - ภาคสมัครใจประเภท 3+” โดยระบบประกันภัยพร้อมเยียวยาผู้เสียชีวิต 11 ราย เจ็บ 1 ราย อย่างเต็มที่
|
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกํากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีรถตู้โดยสารไม่ประจําทางของห้างหุ้นส่วนจํากัด มนตรีทรัพย์เจริญ ทะเบียน 30-0078 อํานาจเจริญ เกิดอุบัติเหตุเสียหลักเฉี่ยวชนการ์ดเลนตกร่องกลางถนน บนถนนมิตรภาพขาเข้ากรุงเทพฯ กม. 100+600 หมู่ 6 ตําบลลาดบัวขาว อําเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ทําให้เกิดประกายไฟลุกไหม้รถตู้เสียหายทั้งคัน มีผู้โดยสารรวมพนักงาน ขับรถ 12 ราย ในที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 11 ราย และบาดเจ็บ 1 ราย โดยผู้บาดเจ็บ ถูกนําส่งโรงพยาบาลสีคิ้ว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2566 นั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ บูรณาการร่วมกับสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค สํานักงาน คปภ. ภาค 4 (นครราชสีมา) และสํานักงาน คปภ. จังหวัดนครราชสีมา ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ ตรวจสอบการทําประกันภัยพร้อมเร่งอํานวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับผู้ประสบภัย ตลอดจนติดตามรายงานความเสียหายอย่างเร่งด่วนผ่าน Platform การรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งให้ลงพื้นที่เพื่ออํานวยความสะดวกด้านประกันภัยให้กับผู้ประสบภัยและครอบครัว เพื่อใช้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมทั้งนี้ ได้รับรายงานจากสํานักงาน คปภ. จังหวัดนครราชสีมา ว่ารถตู้โดยสารไม่ประจําทาง ทะเบียน 30-0078 อํานาจเจริญ ได้ทําประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับบริษัท มิตรแท้ประกันภัย จํากัด (มหาชน) เริ่มต้นคุ้มครองวันที่ 31 มีนาคม 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566 โดยคุ้มครองกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาท ต่อคน กรณีบาดเจ็บสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน กรณีสูญเสียอวัยวะ 200,000 - 500,000 บาทต่อคน กรณีทุพพลภาพอย่างถาวร 300,000 บาทต่อคน และกรณีเข้ารักษาในสถานพยาบาลในฐานะคนไข้ในจะได้รับค่าชดเชยรายวัน 200 บาทต่อวัน รวมกันไม่เกิน 20 วัน นอกจากนี้ รถตู้คันเกิดเหตุ ได้ทําประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 3+) ไว้กับบริษัท มิตรแท้ ประกันภัย จํากัด (มหาชน) เริ่มต้นคุ้มครองวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566 โดยคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ของบุคคลภายนอก 500,000 บาทต่อคน แต่ไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง ความเสียหายต่อทรัพย์สินไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อครั้ง และความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย อุบัติเหตุส่วนบุคคล โดยคุ้มครองกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพถาวร ผู้ขับขี่ 1 คน 100,000 บาท ผู้โดยสาร 11 คน 100,000 บาทต่อคน ค่ารักษาพยาบาล 100,000 บาทต่อคน และการประกันตัวผู้ขับขี่ 300,000 บาทต่อครั้งสําหรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้โดยสารทั้ง 10 ราย ในเบื้องต้นครอบครัวผู้เสียชีวิต จะได้รับค่าสินไหมทดแทน รายละ 1,100,000 บาท จากการประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) รายละ 500,000 บาท การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 3+) รายละ 500,000 บาท และความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย อุบัติเหตุส่วนบุคคล รายละ 100,000 บาท และกรณีของผู้ขับขี่ ในเบื้องต้นครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับค่าสินไหมทดแทนจํานวน 135,000 บาท จากการประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) จํานวน 35,000 บาท และการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (ประเภท 3+) ความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย อุบัติเหตุส่วนบุคคล จํานวน 100,000 บาทในส่วนของผู้บาดเจ็บ 1 ราย ที่ถูกนําส่งเข้ารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสีคิ้ว เจ้าหน้าที่ของสํานักงาน คปภ. จังหวัดนครราชสีมา ได้ประสานกับบริษัทประกันภัยเข้าไปอํานวยความสะดวกและรับรองสิทธิค่ารักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลโดยตรง โดยผู้บาดเจ็บไม่ต้องสํารองจ่ายค่ารักษาตัวแต่อย่างใด และผู้บาดเจ็บได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยนอกจากนี้ สํานักงาน คปภ. จะบูรณาการการทํางานร่วมกับสมาคมประกันชีวิตไทย และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติมว่า ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บในอุบัติเหตุครั้งนี้มีการทําประกันภัยประเภทอื่น ๆ ไว้ด้วยหรือไม่ หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยมีการทําประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติมอีก ก็จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้ทุกประการ“ สํานักงาน คปภ.ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและมีความห่วงใยต่อผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุครั้งนี้ พร้อมจะดูแลในด้านประกันภัยอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาและกับทุกคน โดยเฉพาะการเดินทางในช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ จึงขอให้ผู้ใช้รถตรวจสอบสภาพความพร้อมของรถ รวมทั้งเมาไม่ขับ ยึดกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และเพื่อความอุ่นใจ ควรให้ความสําคัญกับการทําประกันภัยเพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงภัย โดยเฉพาะการประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) การประกันภัยรถภาคสมัครใจ และการประกันภัยประเภทอื่น ๆ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบริหารความเสี่ยงและเยียวยาความสูญเสียต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัย สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
22/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครราชสีมา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230122182439519
| null |
พิธีมอบเงินสงเคราะห์มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชปถัมภ์ จำนวน 10,000 บาท ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) อำเภอควนขนุน
|
วันนี้ 23 มกราคม 2566 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สํานักงานเทศบาลตําบลพนางตุง อําเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง นายฉัตรชัย อุสาหะ รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง มอบเงินสงเคราะห์มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จํานวน 10,000 บาท ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) อําเภอควนขนุน เมื่อเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา จํานวน 1 ราย เป็นเงินสงเคราะห์มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่มอบให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยมี นางมณี สารผล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายธานินทร์ ทองขโชด ประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง นายอาชวงศ์ สาริพัฒน์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุง รองนายกเทศบาลตําบลพนางตุง พร้อมด้วยสมาชิกสภาเทศบาลฯและข้าราชการ ร่วมพิธีการมอบเงินดังกล่าวมาจากเหตุสถานการณ์ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) ในพื้นที่ตําบลพนางตุง อําเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง โดยเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2565 นายสมคิด สังปาน อยู่บ้านเลขที่ 44 หมูที่ 5 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ได้ประสบเหตุจมน้ําเสียชีวิต ซึ่งในขณะนั้นจังหวัดพัทลุงได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัยเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน(อุทกภัย) จากเหตุการณ์การเสียชีวิตดังกล่าว ส่งผลให้เกิดความเสียหายและกระทบต่อสภาพจิตใจของครอบครัวอย่างยิ่งซึ่งตามระเบียบมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาการจ่ายเงินสํารองจ่ายจังหวัด ในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติกรณีต่างๆ พ.ศ. 2564 สามารถช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต เป็นเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัย รายละไม่เกิน 10,000 บาท ทั้งนี้จังหวัดได้รวบรวมเอกสารประกอบการยื่นขอรับความช่วยเหลือให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) อําเภอควนขนุน เรียบร้อยแล้วจึงได้ทําพิธีมอบเงินมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต ตามระเบียบมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในวันนี้ สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/1/2023
|
ภาคใต้
|
พัทลุง
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123140219687
| null |
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทานให้แก่ราษฎรผู้ประสบอัคคีภัย ในพื้นที่อำเภอเดิมบางนางบวช
|
วันนี้ (24 ม.ค. 66) เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทานให้แก่ราษฎรผู้ประสบอัคคีภัย เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างขวัญและกําลังใจในการต่อสู้ฝ่าฟันให้พ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยดี โดย นายธีรยุทธ์ จันทร์ดิษฐวงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี รองประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจําจังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับมอบหมายจากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ให้เป็นประธานในพิธีเชิญสิ่งของพระราชทาน มอบให้แก่ นายประยุทธ์ ศรีโมรา ราษฎรผู้ประสบอัคคีภัย ณ บ้านเลขที่ 105/3 หมู่ 4 ตําบลปากน้ํา อําเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นบ้านไม้ ใต้ถุนสูง ประสบเหตุอัคคีภัยเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 10.30 น. บ้านเรือนได้รับความเสียหายเกือบทั้งหลัง สาเหตุเพลิงไหม้คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรทั้งนี้ ราษฎรผู้ประสบอัคคีภัย ต่างรู้สึกปลื้มปีติในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงห่วงใยราษฎรผู้ประสบอัคคีภัย และขอพระราชทานพระราชวโรกาส ถวายสัตย์ปฏิญาณที่จะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประโยชน์แก่ประเทศชาติ ภายใต้พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ให้สมกับพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีแก่ปวงพสกนิกรตลอดมา#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/1/2023
| null |
กาญจนบุรี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124144815005
| null |
ผู้ว่าฯ เพชรบุรี ระบุ “หน้าน้ำ ชาวบ้านต้องพ้น ฯ หน้าแล้ง ชาวบ้านต้องรอด “เตรียมพร้อมตั้งรับหากเกิดภัยแล้ง หลังร่วมพิจารณาจ่ายเงินเยียวยา ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ จากอุทกภัยในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา (สานมติ ครม.ความห่วงใยจากรัฐบาล)
|
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (24 มกราคม 2566) นายณัฏฐชัย นําพูลสุขสันติ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายวิรัช เพ็ญจันทร์ หน.สนง.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และคณะกรรมการฯ ร่วมประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด(ก.ช.ภ.จ.เพชรบุรี) ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี นายณัฏฐชัย นําพูลสุขสันติ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดเพชรบุรีมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ที่ต้องประสบปัญหาภัยธรรมชาติ จากเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา จากปริมาณฝนที่ตกหนักในพื้นที่ อําเภอท่ายาง ส่งผลถึงความเดือดร้อน ของชาวบ้าน ตําบลกลัดหลวง ผู้ประสบอุทกภัย 3 ครัวเรือน โดยขอรับความช่วยเหลือเป็นเงินทั้งสิ้น 15,000 บาท สานมติ ครม.จากความห่วงใยของรัฐบาล มีมติเห็นชอบในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย นอกจากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือภัยพิบัติเพชรบุรี ได้ดําเนินการตามหลักเกณฑ์ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมกําชับทุกฝ่ายเกี่ยวข้อง ติดตามข้อมูล จากความซ้ําซาก อย่าให้เกิดปัญหาซ้ํารอย แม้รัฐบาลให้การช่วยเหลือเยียวยา แต่คงไม่สามารถทดแทน ชดเชยความรู้สึกได้ เพราะคนที่ตกอยู่ในสภาวะบ้านถูกน้ําท่วมขัง บางครั้งต้องเผชิญเหตุซ้ํา ทั้งสัตว์มีพิษ สัตว์เลื้อยคลาน เราไม่รู้ว่าเขาต้องผจญความทุกข์มากมายขนาดไหน ต้องเร่งแก้ปัญหาให้ได้ ภายใต้ความคุ้มค่า ที่จะเกิดประโยชน์กับประชาชน และให้เตรียมพร้อมตั้งรับหากเกิดภัยแล้ง ทั้งการลงพื้นที่สํารวจความต้องการของประชาชน การหาแนวทางทุกด้าน ต้องมีที่ให้ชาวบ้านเก็บกักน้ํา เพื่อใช้ในการอุปโภค บริโภค เพื่อช่วยเหลือประชาชน ร่วมป้องกันภัยแล้ง หน้าน้ํา ชาวบ้านต้องพ้นจากความเดือดร้อน หน้าแล้ง ชาวบ้านต้องรอดพ้นจากการขาดน้ํา จามรี อนุรัตน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี รายงาน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/1/2023
|
ภาคตะวันตก
|
เพชรบุรี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124174950090
| null |
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทาน ไปมอบให้ผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
|
วันที่ 24 มกราคม 2566 เวลา 09.30 น. ณ บ้านเลขที่ 11 หมู่ที่ 6 ตําบลพระแก้ว อําเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีเชิญสิ่งของพระราชทาน มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ไปมอบให้แก่ ครอบครัว นายวิชิต เปี่ยมผล เจ้าของบ้านเลขที่ 11 หมู่ที่ 6 ตําบลพระแก้ว อําเภอภาชี ซึ่งประสบอัคคีภัยเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2565 เวลา 22.00 น. สาเหตุของเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ได้รับความเสียหายทั้งหลัง มีผู้ได้รับความเดือดร้อน จํานวน 1 ราย ซึ่งการได้รับสิ่งของพระราชทาน ยังความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์พระบรมราชูปถัมภก แห่งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นล้นพ้น โอกาสนี้ หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อาทิ เหล่ากาชาด ชมรมแม่บ้านมหาดไทย องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ข้าราชการ ผู้นําท้องที่ท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่อําเภอภาชี ได้มอบเงินและสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยด้วย ข่าว : #สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
พระนครศรีอยุธยา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124174444086
| null |
รอง ผวจ.ตรัง ประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) ครั้งที่ 1/2566
|
วันนี้ (24 ม.ค. 66) ที่ห้องมรกต ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดตรัง นายวิศิษฐ์ อนันต์วรปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) ครั้งที่ 1/2566 โดยมี นายเถลิงศักดิ์ ภูวญาณพงศ์ หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตรัง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุมนายวิศิษฐ์ อนันต์วรปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 กระทรวงมหาดไทยเสนอขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ 2566 งบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ที่อยู่ในพื้นที่ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย/เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) โดยมีหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในช่วงฤดูฝน ปี 2565 เป็นกรณีอุทกภัยที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2565 - 28 ตุลาคม 2565 เป็นที่อยู่ที่ประสบอุทกภัย และได้รับผลกระทบกรณีใดกรณีหนึ่ง ตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดทั้งนี้ จังหวัดตรัง มีพื้นที่ที่ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ในช่วงวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 - 28 ตุลาคม 2565 จํานวน 5 อําเภอ ประกอบด้วย อําเภอเมืองตรัง อําเภอกันตัง อําเภอปะเหลียน อําเภอย่านตาขาว และอําเภอวังวิเศษ ซึ่งมีอําเภอแจ้งว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ จํานวน 3 อําเภอ คือ อําเภอวังวิเศษ อําเภอปะเหลียน และอําเภอย่านตาขาว ไม่เข้าหลักเกณฑ์ ในกรณีที่อยู่อาศัยประจําถูกน้ําท่วมขังไม่ถึง 24 ชั่วโมง และกรณีน้ําท่วมขังตั้งแต่ 1 วัน แต่ไม่เกิน 7 วัน แต่ทรัพย์สินไม่ได้รับความเสียหาย สําหรับ 2 อําเภอ คือ อําเภอเมืองตรัง และอําเภอกันตัง มีผู้ประสบอุทกภัยที่เข้าหลักเกณฑ์ อําเภอได้ดําเนินการประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอําเภอ (ก.ช.ภ.อ.) เรียบร้อยแล้ว รวมผู้ประสบอุทกภัยที่ผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอําเภอ (ก.ช.ภ.อ.) จํานวน 303 ครัวเรือน เป็นเงินทั้งสิ้น 1,515,000 บาท#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/1/2023
|
ภาคใต้
|
ตรัง
|
สวท.ตรัง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124234910177
| null |
นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานีมอบผ้าห่มกันหนาวช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวอำเภอสร้างคอม
|
นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี พร้อมรองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี คณะกรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี ลงพื้นที่มอบผ้าห่มกันหนาว ข้าวสาร และไม้เท้าขาเดียวแก่ผู้ประสบภัยหนาว ผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ในพื้นที่อําเภอสร้างคอม เพื่อช่วยบรรเทาภัยหนาว ส่งมอบความรักความอบอุ่นใจ-กายแก่ประชาชน วันที่ 24 มกราคม 2566 ที่หอประชุมอําเภอสร้างคอม นางนงรัตน์ คงเกษม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานมอบผ้าห่มกันหนาวให้กับประชาชนผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่อําเภอสร้างคอม โดยมี นางณัฐวดี ลีลาเลิศแล้ว นางณัฐิดา เจนนาวิน นางฤดีวรรณ ศรีเครือเนตร นางศิริโฉม หมั่นนอก รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี คณะกรรมการ และสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี โดยมี นางดวงจิต รัตนเดชอุดม แม่บ้านมหาดไทยอําเภอสร้างคอม หัวหน้าส่วนราชการอําเภอสร้างคอม ร่วมมอบผ้าห่มกันหนาวสภากาชาดไทย รวม 625 ผืน ข้าวสารถุงละ 5 กิโลกรัม จากผู้ใหญ่ใจดีที่นํามามอบให้กับเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี ส่งมอบต่อให้กับผู้ประสบภัยหนาว ผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ด้อยโอกาสในพื้นที่อําเภอสร้างคอม รวมทั้งมอบไม้เท้าขาเดียวแก่กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ด้วย นายเอราวัณ รัตนเดชอุดม นายอําเภอสร้างคอม กล่าวว่า อําเภอสร้างคอมมีเขตการปกครอง 6 ตําบล มี 53 หมู่บ้าน ประชากร 21,871 คน 6,343 ครัวเรือน ในห้วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม ของทุกปี เป็นช่วงฤดูหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 13-17 องศาเซลเซียส สําหรับในช่วงฤดูหนาวปีนี้ได้สํารวจความต้องการเบื้องต้นแล้ว ปรากฏว่าประชาชนมีความต้องการเครื่องกันหนาวที่คาดว่าจะประสบภัยหนาว 7,215 คน ในส่วนของการเตรียมการให้ความช่วยเหลือราษฎร ผู้ประสบภัยดังกล่าวนั้น ได้มีการจัดตั้งศูนย์อํานวยการเฉพาะกิจป้องกัน และแก้ไขปัญหาภัยหนาวอําเภอสร้างคอมขึ้น เพื่อให้ความช่วยเหลือ ผู้ประสบภัยหนาว ณ ที่ทําการปกครองอําเภอสร้างคอม (ฝ่ายความมั่นคง) พร้อมได้จัดทําแผนปฏิบัติการฯ โดยมีการบูรณาการทุกภาคส่วน ทั้งภาคราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน นางนงรัตน์ คงเกษม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี องค์อุปนายิกาผู้อํานวยการสภากาชาดไทย ทรงห่วงใยประชาชนที่ประสบภัยหนาว พระราชทานผ่านสํานักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย จํานวน 100,000 บาท ให้กับสํานักงานเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี นําไปจัดซื้อจัดจ้าง กลุ่มอาชีพผลิตผ้าห่มและเสื้อกันหนาวในจังหวัด เพื่อนําไปมอบบรรเทาภัยหนาวให้ผู้ประสบภัยในพื้นที่ ซึ่งผ้าห่มที่ผลิตนอกจากมีคุณภาพจากผู้ผลิตในพื้นที่แล้ว ยังเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่อีกทางหนึ่งด้วย สําหรับผ้าห่มที่นํามาส่งมอบให้การช่วยเหลือ บรรเทาภัยหนาวแก่ประชาชนที่อําเภอสร้างคอมในวันนี้ ผลิตโดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มทอผ้าไหมขิดบ้านอูบมุง อําเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี การันตีว่า "ผ้าห่มที่ส่งมอบให้ความอบอุ่นร่างกายในฤดูหนาว เย็นกายใจในฤดูร้อน " โดยส่งมอบให้ครอบครัวละ 2 ผืน โอกาสนี้ นางนงรัตน์ คงเกษม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยรองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี คณะกรรมการและสมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี หัวหน้าส่วนราชการอําเภอสร้างคอม ร่วมกันมอบผ้าห่มกันหนาว ข้าวสาร ไม้เท้าขาเดียว แก่ประชาชนทีมข่าว ส.ปชส.อด.ศรีภูมิ ทองใหญ่ ณ อยุธยา ภาพ/ข่าว สภาดา ต้นไทร ภาพนิ่ง /ธาราดล ปานฤทธิ์ ตรวจทาน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
อุดรธานี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124212902159
| null |
เหล่ากาชาดจังหวัดเลย มอบผ้าห่มกันหนาวบรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยหนาว พื้นที่อำเภอเชียงคาน และพื้นที่อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย
|
วันนี้ (24 ม.ค.66) นางวราภรณ์ เสริมภักดีกุล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเลย พร้อมด้วยคณะเหล่ากาชาดจังหวัดเลย กรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดเลย ลงพื้นที่มอบผ้าห่มกันหนาว ถุงมือกันหนาว หมวกไหมพรม จํานวนอย่างละ 300 ชุด และเสื้อกันหนาว จํานวน 100 ตัว ให้กับราษฎรผู้ประสบภัยหนาวในพื้นที่อําเภอเชียงคาน และพื้นที่อําเภอท่าลี่ จังหวัดเลย จํานวนพื้นที่ละ 400 คนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสถานีกาชาดที่ 9 อุดรธานี ได้นําเครื่องห่มกันหนาวเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับราษฎร โดยนายอําเภอเชียงคาน และ นายอําเภอท่าลี่ จังหวัดเลย นายกองค์การบริหารส่วนตําบลปากตม พร้อมด้วยผู้แทน ปภ.เลย ผู้แทน พมจ.เลย ตํารวจ ทหาร กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน มาร่วมมอบ เพื่อเป็นการบรรเทาภัยหนาวแก่ราษฎรในพื้นที่ เนื่องจากราษฎรขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มกันหนาว โดยเฉพาะคนชรา ผู้ยากจน ผู้ด้อยโอกาส และผู้พิการ เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ราษฎรพื้นที่ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเลย ได้กล่าวว่า คณะเหล่ากาชาดจังหวัดเลยขอช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภัยหนาวในช่วงฤดูหนาวนี้ และเพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าจ่ายที่ประชาชนต้องจัดซื้อผ้าห่มกันหนาวแสดงความห่วงใย และขอให้ดูแลสุขภาพในช่วงฤดูหนาว เพราะในช่วงนี้จังหวัดเลยมีอุณภูมิลดลง #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
เลย
|
สวท.เลย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125233141605
| null |
จังหวัดตรัง พิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ตามมติคณะรัฐมนตรี โดยมี 2 อำเภอที่มีผู้ประสบอุทกภัยที่เข้าหลักเกณฑ์ 303 ครัวเรือน
|
คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดตรัง พิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 โดยมีหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในช่วงฤดูฝน ปี 2565 เป็นกรณีอุทกภัยที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อที่อยู่อาศัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2565 - 28 ตุลาคม 2565นายวิศิษฐ์ อนันต์วรปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า จังหวัดตรัง มีพื้นที่ที่ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ในช่วงเวลาดังกล่าว จํานวน 5 อําเภอ แต่มีเพียง 2 อําเภอ คือ อําเภอเมืองตรัง และอําเภอกันตัง ที่มีผู้ประสบอุทกภัยที่เข้าหลักเกณฑ์ ซึ่งทางอําเภอได้ดําเนินการประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอําเภอ (ก.ช.ภ.อ.) เรียบร้อยแล้ว รวมผู้ประสบอุทกภัยที่ผ่านการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอําเภอ (ก.ช.ภ.อ.) จํานวน 303 ครัวเรือน เป็นเงินทั้งสิ้น 1,515,000 บาท#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
26/1/2023
|
ภาคใต้
|
ตรัง
|
สวท.ตรัง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126091402627
| null |
คลื่นลมแรงในทะเลอ่าวไทย ซัดชายฝั่งบ้านทุ่งประดู่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบฯ บ้านเรือนเสียหายหลายหลัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจเยียวยาความเสียหาย
|
คลื่นลมแรงในทะเลอ่าวไทย ซัดชายฝั่งบ้านทุ่งประดู่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบฯ บ้านเรือนเสียหายหลายหลัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสํารวจเยียวยาความเสียหายจากอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกําลังแรงส่งผลให้คลื่นลมในทะเลซัดเข้าหาฝั่งชายหาดบ้านทุ่งประดู่ หมู่ที่ 2 ต.ทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ อย่างต่อเนื่อง ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่งต้องเคลื่อนย้ายสิ่งของไปไว้ในที่ปลอดภัย ขณะที่บ้านเรือนหลายหลังถูกคลื่นทะเลและลมแรงพัดได้รับความเสียหาย ซึ่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งสํารวจเยียวยาให้ความช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ ยังพบว่าคลื่นทะเลได้กัดเซาะพื้นที่ชายฝั่งรุนแรงหลายจุดโดยเฉพาะบริเวณชายหาดด้านทิศใต้ของหมู่บ้านทุ่งประดู่ โดยประชาชนในพื้นที่ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งวางแผนแก้ปัญหาระยะยาว โดยเฉพาะการสร้างแนวเขื่อนกันคลื่นให้มีความต่อเนื่องเพื่อบรรเทาผลกระทบในช่วงที่คลื่นลมแรง#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
26/1/2023
|
ภาคตะวันตก
|
ประจวบคีรีขันธ์
|
สวท.ประจวบคีรีขันธ์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126110404694
| null |
กรณีเกิดไฟไหม้พื้นที่เขากระทิง อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เบื้องต้นพบความเสียหาย ประมาณ 150,000 บาท ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชน
|
(26 ม.ค.66) นายธรณิศ ณจันทร์ ผู้อํานวยการกองช่าง อบต.หนองหญ้าปล้อง รักษาการปลัด อบต.หนองหญ้าปล้อง กล่าวว่า จากเหตุการณ์ไฟไหม้พื้นที่เขากระทิง อําเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา พื้นที่บริเวณนี้จะเกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นประจําทุกปี เกิดจากสภาพอากาศแห้ง และมีอากาศร้อนจัด ทาง อบต.หนองหญ้าปล้อง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดําเนินการดับไฟสงบแล้ว มีชาวบ้านมาแจ้งความเสียหาย จํานวน 2 ราย ประมาณการเสียหาย จํานวน 150,000 บาท ในช่วงบ่ายวันนี้ (26 ม.ค.66) นายอําเภอหนองหญ้าปล้อง อบต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้นจากการสํารวจพบ สายไฟ ท่อน้ํา ปั้มน้ํา รังผึ้ง จํานวน 50 ลัง พืชผลทางการเกษตร ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้นิ่งนอนใจ เฝ้าระวัง ให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน แจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่ อบต. หนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรีสวท.เพชรบุรี#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
26/1/2023
|
ภาคตะวันตก
|
เพชรบุรี
|
สวท.เพชรบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126142053766
| null |
รองผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์ มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคช่วยชาวบ้านทุ่งประดู่ อ.ทับสะแก ที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นซัดฝั่ง พร้อมสั่งการเร่งวางถุงบิ๊กแบ๊กเป็นแนวกันคลื่นชั่วคราว
|
26 ม.ค.66 นายกิตติพงศ์ สุขภาคกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ลงพื้นที่ตรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือชาวบ้านและชาวประมงที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งบ้านทุ่งประดู่ หมู่ที่ 2 ตําบลทับสะแก อ.ทับสะแก หลังได้รับผลกระทบบ้านเรือนเสียหายจากคลื่นลมแรงในทะเลอ่าวไทย โดยมี นายประชานารถ สุวรรณสิทธิ์ ปลัดอําเภออาวุโส อ.ทับสะแก นายก อบต. ทับสะแก กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมลงพื้นที่ทั้งนี้ คลื่นลมแรงเมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้กัดเซาะชายฝั่งบ้านทุ่งประดู่ เสียหายประมาณ 500 เมตร บางส่วนถูกคลื่นทะเลซัดหายลึกเข้าไปในแผ่นดินประมาณ 30 เมตร ทําให้บ้านเรือนชาวประมงและแผงปลาชาวประมงที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหาย รวมถึงแนวป่าสนริมชายทะเลถูกคลื่นซัดล้มระเนระนาดหลายต้นลงไปในทะเล ซึ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคช่วยเหลือในเบื้องต้น และได้สั่งการผู้เกี่ยวข้องให้เร่งประสานหน่วยงานต่างๆ นําถุงบิ๊กแบ็กมาวางเป็นแนวกันคลื่นชั่วคราวเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน รวมทั้งเสริมความแข็งแรงให้กับแนวบิ๊กแบ็กด้วยการปักเสาเข็มไม้สน รวมถึงการแจ้งเตือนประชาชน ชาวประมง และนักท่องเที่ยวระวังคลื่นลมแรงซัดชายฝั่งในระยะนี้#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
26/1/2023
|
ภาคตะวันตก
|
ประจวบคีรีขันธ์
|
สวท.ประจวบคีรีขันธ์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230127004345966
| null |
นครพนมเกิดเหตุไฟไหม้อาคารพาณิชย์ 6 คูหา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือ และเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน
|
วันที่ 26 มกราคม 2566 เวลา 18.20 น. สํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนมรายงานเหตุไฟไหม้อาคารพาณิชย์ครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น จํานวน 6 คูหา ประกอบด้วย บ้านเลขที่ 122, 124, 126, 128, 130 และ 132 ถนนธํารงค์ประสิทธิ์ ตําบลในเมือง อําเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม โดยอาคารดังกล่าวเปิดเป็นร้านขายของชํา จํานวน 2 คูหา ร้านตัดผม จํานวน 1 คูหา ร้านขายอาหารสัตว์ จํานวน 1 คูหา ร้านขายหมูกระทะ จํานวน 2 คูหา นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม สั่งการให้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สนับสนุนเครื่องจักรกลเพื่อเข้าเผชิญเหตุ ประกอบด้วย รถดับเพลิงของเทศบาลเมืองนครพนม จํานวน 6 คัน รถดับเพลิงขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครพนม จํานวน 1 คัน รถดับเพลิงของ นรข. จํานวน 2 คัน รถปฏิบัติการเคลื่อนที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดนครพนม ทําการตัดไฟฟ้าบริเวณที่เกิดเหตุ จํานวน 2 คัน รถสถานีตํารวจภูธรเมืองนครพนม รถกู้ชีพของสมาคมกู้ภัยศรีสัตตะนครพนม จํานวน 1 คัน และรถดับเพลิงของสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม จํานวน 1 คัน ร่วมระงับเหตุ เบื้องต้นไม่มีผู้ที่ได้บาดเจ็บและเสียชีวิตผลการปฏิบัติงาน สามารถดับเพลิงได้สนิทเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 เวลา 19.40 น.จังหวัดนครพนม ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดําเนินการเร่งให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อสอบสวนหาสาเหตุในการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
26/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครพนม
|
สวท.นครพนม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126222221941
| null |
เจ้าหน้าที่สาธารณภัยนครพนม บูรณาการเร่งระงับเหตุเพลิงไหม้ตึกแถว เสียหาย 6 คูหา
|
วันที่ 26 มกราคม 2566 ที่อําเภอเมือง จังหวัดนครพนม เมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ตึกแถวครึ่งปูนครึ่งไม้ ที่ตั้งอยู่บริเวณถนนธํารงค์ประสิทธิ์ โดยผู้ที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่าต้นเพลิงน่าจะมาจากไฟไหม้กระดาษที่ร้านขายของชํา ที่ตอนแรกเกิดไฟแล้วช่วยกันดับไฟด้วยถังดับเพลิงไป 3 ถัง ซึ่งทุกคนต่างก็คิดว่าดับสนิทไปแล้วจึงไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อเห็นอีกทีไฟก็ลุกลามอย่างรวดเร็วและกระจายไปยังตึกแถวข้างเคียงอีกห้าคูหา จึงคิดว่าน่าจะมาจากเหตุไฟไหม้กระดาษ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่สาธารณภัยของเทศบาลเมืองนครพนมได้รับการแจ้งเหตุ ก็ได้นํารถดับเพลิงเข้าพื้นที่เกิดเหตุในทันที พร้อมประสานหน่วยสาธารณภัยอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงมาช่วยกันดับเพลิง และกันผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ ทั้งประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นครพนม ให้ทําการตัดกระแสไฟฟ้า จากนั้นจึงช่วยกันฉีดน้ําดับเพลิงที่กําลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง โดยเจ้าหน้าที่ต้องสลับรถดับเพลิงหลายคันเพื่อเข้าฉีดน้ําควบคุมไม่ให้ไฟลุกลามไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ นายนิวัติ เจียวิริยะบุญญา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองนครพนม ที่รีบรุดเดินทางมาบัญชาการดับเพลิงด้วยตนเอง เปิดเผยว่า สาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้เบื้องต้นยังไม่ทราบแน่ชัด ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานมาตรวจสอบโดยละเอียดเสียก่อน เบื้องต้นพบว่ามีอาคารได้รับความเสียหายถูกเพลิงไหม้ จํานวน 6 คูหา และไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ในวงจํากัด และสามารถดับเพลิงได้อย่างเบ็ดเสร็จในเวลาต่อมา โดยมีรถดับเพลิงจาก อบจ.นครพม และรถดับเพลิงจากหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลําน้ําโขง มาช่วยดับเพลิงในครั้งนี้ด้วย ส่วนความเสียหายเบื้องต้นพบว่าต้นเพลิงน่าจะเกิดจากร้านขายของชําแล้วลุกลามไปยังร้านขายกรงนกและร้านตัดผม แล้วจึงลุกลามไปยังร้านแดงหมูกระทะที่อยู่ติดกัน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
26/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครพนม
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126223029944
| null |
จังหวัดสตูล จัดประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ จังหวัดสตูล ครั้งที่ 1/2566 เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินอุทกภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
|
วันนี้ (27 ม.ค. 66) ที่ห้องประชุมโต๊ะหยงกง ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสตูล นายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดสตูล ครั้งที่ 1/2566 เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินอุทกภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่จังหวัดสตูล โดยมีคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมดังกล่าวโดยพร้อมเพรียงกันตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 อนุมัติในหลักเกณฑ์เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2565 - 28 ตุลาคม 2565 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจังหวัด 66 จังหวัด ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและหรือประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน และกระทรวงมหาดไทย ได้แจ้งแนวทางการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือ และขั้นตอนการดําเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งนี้ ในที่ประชุม คณะกรรมการฯ ได้ร่วมพิจารณาให้ความเห็นชอบในการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 โดยทางอําเภอต่างๆ ได้ดําเนินการโดยการจัดคณะทํางานตรวจสอบในแต่ละหมู่บ้านที่ประสบภัย ประกอบด้วย ปลัดอําเภอ กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นําชุมชน รวมถึงจัดให้มีคณะทํางานสํารวจข้อมูลรายละเอียดของผู้ประสบภัยที่มีสิทธิ์ได้รับการช่วยเหลือและแจ้งผู้ประสบภัยที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ ด้วยการผูกบัญชีธนาคารกับเลขประจําตัวประชาชนเพื่อลงทะเบียนบริการพร้อมเพย์ให้เรียบร้อย และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทําประชาคมหมู่บ้าน เพื่อจัดส่งผลการประชาคมให้กับทางอําเภอ จากนั้นทางอําเภอจะตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ ก.ช.ภ.อ. พิจารณาให้ความเห็นชอบ สําหรับอําเภอที่ได้รับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินอุทกภัย ประกอบด้วย อําเภอมะนัง 313 ครัวเรือน อําเภอท่าแพ 3 ครัวเรือน อําเภอละงู 2,760 ครัวเรือน และอําเภอเมืองในพื้นที่เกาะหลีเป๊ะ 18 ครัวเรือนอีกด้วย#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
27/1/2023
|
ภาคใต้
|
สตูล
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230127110310039
| null |
เหล่ากาชาดฯ มุกดาหาร ช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ ผู้ประสบอัคคีภัยบ้านสงเปือย หมู่ 9
|
เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 นางอัญชลี กัลมาพิจิตร บุญณราช นายกเหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร พร้อมด้วยสมาชิกเหล่ากาชาดฯ ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดมุกดาหาร ปภ.จังหวัดมุกดาหาร พมจ.มุกดาหาร และผู้ใหญ่บ้านสงเปือย ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ ผู้ประสบอัคคีภัย (ไฟไหม้) ที่บ้านพักอาศัยของนางนงค์ คําพิลา เจ้าของบ้าน อายุ 79 ปี บ้านเลขที่ 33 หมู่ที่ 9 ตําบลบางทรายใหญ่ อําเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร โดยมีถุงยังชีพ เงินสด สิ่งของเครื่องใช้ที่จําเป็นมอบให้ เพื่อบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้น จากเหตุไฟไหม้บ้านําพักอาศัยของประชาชนที่บ้านสงเปลือย วันที่ 26 มกราคม 2566 มีรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองมุกดาหาร มาช่วยในการระงับเหตุ และสามารถระงับเหตุไว้ได้ในวงจํากัดและทําการดับเพลิงจนสงบ จากการสอบถามนางนงค์ คําพิลา เจ้าของบ้าน ได้เล่าว่า ได้ยินเสียงดังจากชั้น 2 ของบ้าน แต่ตนนอนชั้นล่างเห็นไม้ร่วงลงมาชั้นล่าง แล้วมีเปลวเพลิงลุกขึ้นอย่างรุนแรง ไม่สามารถเอาสิ่งของออกมาจากบ้านได้ ไม่มีแรงขนของ ชึ่งบ้านข้างๆ เป็นบ้านของลูกหลานและบ้านญาติที่ปลูกติดกัน กําลังเตรียมอาหารไปทําบุญที่วัดและให้ลูกโทรแจ้งดับเพลิง สําหรับสาเหตุคาดว่า สายไฟฟ้าภายในบ้านอาจเก่าและชํารุด เนื่องจากการใช้งานมาหลายปี มีสภาพฉนวนหุ้มแตกชํารุด ซึ่งอาจจะทําให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นได้ นายกเหล่ากาชาดฯ ได้ย้ําเตือนภัยกับพี่น้องประชาชนว่า ในช่วงนี้จังหวัดมุกดาหารมีสภาพอากาศแห้ง มีลมแรง ซึ่งเป็นสภาพที่มีเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายสูง เมื่อเกิดเพลิงไหม้ จึงขอให้ได้ช่วยกันเฝ้าระวังและป้องกันการเกิดไฟ อาทิ การก่อไฟเพื่อประกอบอาหาร การตรวจสอบสายไฟฟ้าภายในบ้าน อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างที่อาจจะชํารุดเสียหาย เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัยและความเสียหายที่จะตามมา#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
29/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230129190307608
| null |
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทานแก่นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 ในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา จำนวน 220 ผืน
|
วันนี้ (30 มค.66) เวลา 10.30น.ที่หอประชุม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลา ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผวจ.ยะลา ประธานคณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจําจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีมอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน จํานวน 220 ผืนแก่นักเรียนเข้าเรียนใหม่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลา โดยมีนายมามะชูฟี อารง ผู้อํานวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 นายธราวุธ ช่วยเกิด ปลัดจังหวัดยะลา นายจรูญศักดิ์ หมาดเท่ง นายอําเภอรามัน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผวจ.ยะลา กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ได้พระราชทานผ้าห่มกันหนาวให้แก่นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 ในวันนี้ ซึ่งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลา เป็นโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือนักเรียนด้อยโอกาสทางการศึกษาให้ได้รับการศึกษาและแก้ไขปัญหาสังคม ให้นักเรียนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึงเท่าเทียมและมีคุณภาพ ในนามของมูลนิธิ ขอขอบคุณหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนทั้งในด้านต่างๆ ตลอดจนเครื่องอุปโภค บริโภค และปัจจัยพื้นฐานในการดํารงชีวิตประจําวันของนักเรียน จึงทําให้การดําเนินงานภายในโรงเรียนสามารถบรรลุเป้าหมายในการจัดตั้งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลา สําหรับโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลา ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งสิ้น จํานวน 577 คน อยู่ประจําทั้งหมดนับถือศาสนาพุทธจํานวน 9 คน นับถือศาสนาอิสลามจํานวน 568 คน โดยโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลา พัฒนาคุณภาพนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ทั้งทางด้านวิชาการ วิชาชีพ รวมทั้งทักษะการดํารงชีวิต และปลูกฝังการเสริมสร้างอุปนิสัยพอเพียงเพื่อให้ดํารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สามารถให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้ตามเป้าหมายของการจัดการศึกษาตามแนวทางของโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
30/1/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สวท.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130125113727
| null |
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯ มอบผ้าห่มกันหนาว พระราชทาน นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จ.ยะลา
|
วันนี้ 30 มกราคม 2566 มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ประจําจังหวัดยะลา ได้จัดพิธีมอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน ประจําปีการศึกษา 2565 ให้แก่ นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จ.ยะลา โดยมีนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการ จ.ยะลา / ประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ประจําจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีมอบผ้าห่มกันหนาว พระราชทาน พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ผอ.โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 ร่วมมอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน แก่นักเรียน ระดับชั้น ป.1,ม.1 และ ม.4 ซึ่งเป็นนักเรียนที่เข้าใหม่ จํานวน 220 ผืนสําหรับโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จ.ยะลา ตั้งอยู่ที่ตําบลวังพญา อําเภอรามัน จังหวัดยะลา ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดย มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ให้ความอนุเคราะห์รับเข้าโครงการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ จัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือนักเรียนด้อยโอกาสทางการศึกษาให้ได้รับการศึกษาและแก้ไขปัญหาสังคม ให้นักเรียนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึงเท่าเทียมและมีคุณภาพปัจจุบันมีนักเรียนทั้งสิ้น จํานวน 577 คน อยู่ประจําทั้งหมดประกอบด้วย นักเรียนผู้ชาย จํานวน 317 คน นักเรียนผู้หญิงจํานวน 260 คน นักเรียนที่นับถือศาสนาพุทธจํานวน 9 คน นักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลามจํานวน 568 คน มีนายมามะชูพี อารง เป็นผู้อํานวยการโรงเรียน มีบุคลากรประกอบด้วย ผู้บริหาร ข้าราชการครู จํานวน 38 คน และยังมีพนักงานราชการ ครูอัตราจ้าง พี่เลี้ยงเด็กพิการ พนักงานจ้างเหมาบริการ พนักงานธุรการ วิทยากรสอนศาสนาอิสลาม และยาม รวมทั้งสิ้น จํานวน 83 คนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลา มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ทั้งทางด้านวิชาการ วิชาชีพ รวมทั้งทักษะการดํารงชีวิต และปลูกฝังการเสริมสร้างอุปนิสัยพอเพียงเพื่อให้ดํารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สามารถให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้ตามเป้าหมายของการจัดการศึกษาตามแนวทางของโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลา#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
30/1/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สทท.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130133335735
| null |
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทานแก่นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 ในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา จำนวน 220 ผืน
|
วันนี้ (30 ม.ค.66) เวลา 10.30 น. ที่หอประชุม โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลา ต.วังพญา อ.รามัน จ.ยะลา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ประธานคณะกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจําจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธีมอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทาน จํานวน 220 ผืน แก่นักเรียนเข้าเรียนใหม่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลา โดยมี นายมามะชูฟี อารง ผู้อํานวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 นายธราวุธ ช่วยเกิด ปลัดจังหวัดยะลา นายจรูญศักดิ์ หมาดเท่ง นายอําเภอรามัน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่ได้พระราชทานผ้าห่มกันหนาวให้แก่นักเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 ในวันนี้ ซึ่งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลา เป็นโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือนักเรียนด้อยโอกาสทางการศึกษาให้ได้รับการศึกษาและแก้ไขปัญหาสังคม ให้นักเรียนได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึงเท่าเทียมและมีคุณภาพ ในนามของมูลนิธิ ขอขอบคุณหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนทั้งในด้านต่างๆ ตลอดจนเครื่องอุปโภค บริโภค และปัจจัยพื้นฐานในการดํารงชีวิตประจําวันของนักเรียน จึงทําให้การดําเนินงานภายในโรงเรียนสามารถบรรลุเป้าหมายในการจัดตั้งโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลาสําหรับโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลา ปัจจุบันมีนักเรียนทั้งสิ้น จํานวน 577 คน อยู่ประจําทั้งหมดนับถือศาสนาพุทธจํานวน 9 คน นับถือศาสนาอิสลามจํานวน 568 คน โดยโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 41 จังหวัดยะลา พัฒนาคุณภาพนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ทั้งทางด้านวิชาการ วิชาชีพ รวมทั้งทักษะการดํารงชีวิต และปลูกฝังการเสริมสร้างอุปนิสัยพอเพียงเพื่อให้ดํารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข สามารถให้การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้ตามเป้าหมายของการจัดการศึกษาตามแนวทางของโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
30/1/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130142757756
| null |
จ.ประจวบคีรีขันธ์ เร่งเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นลมแรงในอ่าวไทย พร้อมขอให้ประชาชนติดตามประกาศแจ้งเตือนภัยอย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมการรับมือได้ทันท่วงที
|
(30 ม.ค.66) นายเดชา เรืองอ่อน หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากการเกิดสภาวะคลื่นลมแรงในอ่าวไทยตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งบ้านทุ่งประดู่ หมู่ที่ 2 ต.ทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้รับผลกระทบ 4 ครัวเรือน บ้านเรือนได้รับความเสียหาย 2 หลัง รวมถึงเครื่องมือประกอบอาชีพ ซึ่งทาง อบต.ทับสะแก จะประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (วาตภัย) เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบราชการ ส่วนแนวทางป้องกันปัญหาในระยะยาวนั้น หน่วยงานภาครัฐมีแผนการก่อสร้างแนวหินกันคลื่นด้านทิศใต้ของบ้านทุ่งประดู่ซึ่งมีระยะทางประมาณ 800-900 เมตร เพื่อให้มีความต่อเนื่องกับแนวกันคลื่นด้านทิศเหนือที่สร้างเสร็จไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีการวางบิ๊กแบ็กเป็นแนวกันคลื่นชั่วคราวเพื่อลดความรุนแรงของคลื่นทะเล ส่วนผลกระทบในพื้นที่ชายฝั่งอื่นๆ ยังไม่ได้รับรายงานความเสียหายเข้ามา โดยในวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการแจ้งเตือนคลื่นลมแรงในทะเลอ่าวไทย แต่ขอให้ประชาชนและชาวประมงคอยติดตามประกาศของทางราชการอย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมการรับมือได้ทันท่วงที#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
30/1/2023
|
ภาคตะวันตก
|
ประจวบคีรีขันธ์
|
สวท.ประจวบคีรีขันธ์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130151327783
| null |
ผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม พร้อมด้วยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเยี่ยมผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้พร้อมมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น
|
วันนี้ (30 มกราคม 2566) นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมด้วย นางมณีรัตน์ พรหมเขียว นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสงคราม ,นางณัฐสุดา วงษ์สุวรรณ รองประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสมุทรสงคราม คณะกรรมการเหล่ากาชาดและแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสมุทรสงคราม,พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสมุทรสงคราม นายอําเภออัมพวา ลงพื้นที่หมู่ที่ 4 ตําบลแพรกหนามแดง อําเภออัมพวา ครอบครัวนายสังวรณ์ ทับทอง อายุ 60 ปี และนางเข็ม ยิ้มวาย อายุ 74 ปี สองสามีภรรยาที่บ้านประสบเหตุเพลิงไหม้และรถยนต์กระบะ 1 คัน โดยได้รับความเสียหายทั้งหมด ขณะเกิดเหตุมีนางเข็ม ยิ้มวาย อายุ 74 ปี ภรรยาของนายสังวรณ์ ทับทอง อาศัยอยู่คนเดียว มิได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เพลิงสงบเวลาประมาณ 01.30 น. ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบหาสาเหตุของสถานีตํารวจภูธรยี่สาร ในเบื้องต้นทางผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงครามและนายกเหล่ากาชาดจังหวัดสมุทรสงครามได้พูดคุยให้กําลังใจผู้ประสบภัยดังกล่าว พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภคจํานวน 1 ชุด ผ้าห่ม จํานวน 1 ผืน เงินสดจํานวน 9,000 บาท ให้แก่ผู้ประสบภัยเพื่อช่วยเหลือในเบื้องต้น รุ่งนภา/ข่าว/วุฒิชัย/ภาพ/ ธิติมา/เรียบเรียงทีมข่าวสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
30/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
สมุทรสงคราม
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130200030894
| null |
อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี มอบผ้าห่มพระราชทานและถุงยังชีพให้แก่ผู้สูงวัย และมีฐานะยากจน ที่ได้รับผลจากที่ได้รับผลกระทบจากภัยหนาว
|
วันที่ 30 ม.ค.2566 เวลา 11.00 น. นายธรรมรัฏฐ์ งามแสง นายอําเภอนาดี ได้มอบผ้าห่ม พระราชทาน และถุงยังชีพให้แก่ ผู้สูงวัย ผู้ที่มีฐานะยากจน จํานวน 25 ราย ที่ได้รับผลกระทบจากภ้ยหนาวในพื้นที่ หมู่ที่ 9 บ้านแสนสุข และหมู่ที่ 4 บ้าน ก.ม.80 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งทั้ง 2 หมู่บ้านตั้งอยู่บนเขาและอยู่บนจุดสูงสุดของอําเภอนาดี ทําให้ได้รับผลกระทบจากอากาศหนาวมากกว่าหมู่บ้านอื่นๆ ในพื้นที่อําเภอนาดี จ.ปราจีนบุรี #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
30/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230130232335964
| null |
จังหวัดเพชรบุรี เร่งช่วยเหลือ ซับน้ำตาชาวบ้าน 6 หลังคาเรือน ประสบอัคคีภัย ไฟไหม้บ้านวอดวาย ทรัพย์สินจมกองเพลิง
|
เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ( 31 มกราคม 2566) นางพัณณ์ชิตา นําพูลสุขสันติ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบุรี นายภคพัส ส่งวัฒนายุทธ ปลัดจังหวัดเพชรบุรี หัวหน้าส่วนราชการ คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบุรี คณะแม่บ้านมหาดไทยร่วมลงพื้นที่เยี่ยมให้กําลังใจประชาชนที่ประสบอัคคีภัย ณ พื้นที่หลังวัดยาง อําเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี นางพัณณ์ชิตา นําพูลสุขสันติ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบุรี นําคณะตรวจสภาพพื้นที่ประสบอัคคีภัย พบบ้านเรือนจํานวน 6 หลังคาเรือน ซึ่งเป็นบ้านเช่าเรือนไม้ห้องแถว ถูกไฟไหม้วอดทุกหลัง เนื่องจากสภาพเป็นไม้เก่า เป็นเชื้อเพลิงลุกลาม ส่งผลทรัพย์สินเสียหาย โดยนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเพชรบุรีได้แสดงความห่วงใย กล่าวให้กําลังใจทุกครอบครัว ขอให้มีแรงกําลังใจที่จะสู้ๆ ต่อไป โดยได้มอบเงินสด และนําถุงยังชีพ น้ําดื่ม ข้าวสาร ส่งมอบแทนขวัญ กําลังใจ ช่วยเหลือเบื้องต้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมมอบถุงยังชีพจากสภากาชาดไทย เยียวยาหัวใจให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงที่ต้องอกสั่น ขวัญหนี หลังเผชิญเหตุที่ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ขอเป็นกําลังใจให้ทุกท่าน ทางด้านผู้ประสบเหตุ นางสําเภา ภูประสิทธิ์ กล่าวว่า ขอเป็นตัวแทนผู้ประสบอัคคีภัยครั้งนี้ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ได้ให้ความดูแลช่วยเหลือ รู้สึกดีใจ ปลาบปลื้มที่สุดที่มีหน่วยราชการมาให้ความช่วยเหลือดูแล นอกจากนั้น นางพิมพิลา แตงอ่อน ได้เปิดเผยด้วยความรู้สึก น้ําตาคลอเบ้ากล่าวขอบคุณด้วยความปลื้มใจมาก ที่หน่วยงานมาช่วยเหลือ และอยากบอกทุกคนขอให้ดูแลสภาพสายไฟภายในบ้านให้ดี เมื่อสายไฟมันจะเก่าก็ต้องเปลี่ยนเพราะว่ามันอาจทําให้เกิดไฟไหม้ได้ ขอให้ทุกคนได้ดูแลให้ดีด้วย และทางด้านลูกชาย นางสําเภา ภูประสิทธิ์ ได้กล่าวเสริมด้วยความขอบคุณนายกเหล่ากาชาด ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองเพชรบุรี นายอําเภอ และหน่วยงานทุกภาคส่วนที่ได้ให้ความช่วยเผลือ จามรี อนุรัตน์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี รายงาน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
31/1/2023
|
ภาคตะวันตก
|
เพชรบุรี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230131134937115
| null |
โอนจริงเงินออกแล้วอำเภอบ้านแฮด จังหวัดขอนแก่น รับเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมหลังรัฐบาลอนุมัติเงินช่วยเหลือ
|
วันที่ 31 มกราคม 2566 นายเสกสม ลินดาพรประเสริฐ นายอําเภอบ้านแฮด พร้อมด้วย ผู้จัดการ ธกส.สาขาบ้านแฮด นายกเทศมนตรีตําบลโคกสําราญ ร่วมแสดงความยินดีกับประชาชนผู้ประสบอุทกภัยน้ําท่วมบ้านเรือน ซึ่งได้รับเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ตามหลักเกณฑ์ ประเภท 2 ครัวเรือน 7,000 บาท จํานวน 398 ราย วงเงิน 2,786,000 บาท สําหรับอําเภอบ้านแฮดเป็นอําเภอที่ประสบภัยน้ําท่วมนานนับสองเดือนหลายหมู่บ้านถนนตัดขาดการสัญจรไปมาไม่ได้ต้องนั่งเรือเข้าไปอย่างเดียว วันนี้ทุกคนดีใจที่ได้รับเงินช่วยเหลือ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
31/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
ขอนแก่น
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230131164150237
| null |
อาจารย์ประจำหลักสูตรวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติมหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี เสนอ 6 แนวทางเชิงนโยบาย เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมน้ำตาลไทยให้หวานอย่างยั่งยืน
|
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. เอริกา พฤฒิกิตติ อาจารย์ประจําหลักสูตรวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม และการจัดการภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี แสดงความเห็นเกี่ยวกับการเติบโต ของอุตสาหกรรมน้ําตาลไทย ซึ่งเป็นอู่น้ําตาลที่สําคัญของโลก การผลิตและส่งออกน้ําตาลทรายสร้างรายได้หลายแสนล้านบาทเข้าสู่ประเทศในแต่ละปี โดยมีนโยบายพัฒนาประเทศไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ตามเป้าหมายขององค์กรสหประชาชาติ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจ สีเขียว หรือ Bio-Circular Green Economy (BCG) อุตสาหกรรมน้ําตาลเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อน BCG โดยผลพลอยได้จากอุตสาหกรรมสามารถนําไปใช้ในภาคการผลิตพลังงาน เช่น เอทานอลจากกากน้ําตาล เชื้อเพลิงแข็งจากชีวมวลกากอ้อย หรือก๊าซชีวมวลจากการหมักน้ํากากส่า ผลพลอยได้ส่วนอื่น เช่น กากหม้อกรอง น้ํากากส่าที่ผ่านการหมัก ก็ยังสามารถนําไปใช้เพิ่มผลผลิต ในภาคการเกษตรกรรมเพื่อลดการพึ่งพาปุ๋ยเคมีและปรับปรุงดิน มีหลายงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการใช้ประโยชน์จากผลพลอยได้จากโรงงานน้ําตาลสามารถเพิ่มคุณค่าทางเศรษฐกิจได้ ประเด็นที่ท้าทายที่ภาครัฐควรจะนําไปพิจารณาเพื่อให้แนวคิดดังกล่าวเป็นไปอย่างยั่งยืน ดังนี้ 1.สร้างความชัดเจนในประเด็น "ของเสียอุตสาหกรรม" และ "ผลพลอยได้จากอุตสาหกรรม" รวมทั้ง กําหนดแนวทางการจัดการที่เหมาะสม เปิดช่องเพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์สูงสุดจากผลพลอยได้ หรือของเสียอุตสาหกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยไม่ให้เกิดผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมาย ควรมีการพิจารณาขับเคลื่อนกฎหมาย ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 2.สร้างกลไกในการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม โดยอาจส่งเสริมให้เอกชนหรือสถาบันการศึกษามีส่วนร่วมในการดําเนินงานดังกล่าว และสร้างเครือข่ายภาคประชาชนในการติดตามเฝ้าระวังคุณภาพสิ่งแวดล้อม 3.วางแผนการแบ่งปันผลประโยชน์ให้กระจายตลอดห่วงโซ่อุปทานอย่างทั่วถึง 4.ให้ความรู้แก่เกษตรกรในการใช้ประโยชน์ผลพลอยได้หรือของเสียอุตสาหกรรมอย่างเหมาะสม 5.ดําเนินนโยบายการป้องกันการเผาในที่โล่งอย่างต่อเนื่อง โดยใช้แนวทางการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเคร่งครัดควบคู่กับนโยบายเสริมแรงเชิงบวก 6.ส่งเสริมเกษตรกรแปลงเล็กให้เข้าถึงเทคโนโลยีในการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว โดยอาจจัดอยู่ในรูปสหกรณ์หรือสมาคม ทั้งนี้ เกษตรกรแปลงเล็กมีต้นทุนในการเพาะปลูกต่อพื้นที่สูงกว่าเกษตรกรแปลงใหญ่ และมีความเปราะบางต่อความผันผวนจากปัจจัยภายนอกสูงกว่า ซึ่งการศึกษาข้อมูลดังกล่าวนี้ เป็นความร่วมมือกับ University of York สหราชอาณาจักร ได้รับการสนับสนุนจาก British Council ร่วมกับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากําลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัย และสร้างนวัตกรรม (บพค.) ปีงบประมาณ 2564-2565 ณัฏฐภัส เหลืองพฤกษชาติ / สวท.กาญจนบุรีสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครสวรรค์#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
1/1/2023
|
ภาคตะวันตก
|
กาญจนบุรี
|
สวท.กาญจนบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230101125533160
| null |
ประชาชนจากทั่วสารทิศ ต่างตั้งใจร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 อย่างไม่ขาดสาย
|
ตลอดทั้งวันที่บริเวณสนามหญ้าหน้าศาลาลูกขุนใน ภายในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งทางสํานักพระราชวังได้เปิด ให้ประชาชนได้ร่วมลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2566 ไปจนเวลา 17.00 น. ของวันนี้ พบว่าตลอดทั้งวันนี้ มีประชาชนจํานวนมากจากกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ทยอยเดินทางเข้าลงนามถวายพระพรอย่างไม่ขาดสาย ส่วนใหญ่ต่างตั้งใจมาร่วมลงนามเพื่อขอให้พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ มีพระพลานามัยที่เเข็งแรงทั้งนี้ ประชาชนที่เข้าลงนามถวายพระพร จะได้รับปฏิทินหลวง พุทธศักราช 2566 เนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยกลุ่มประชาชนที่ตั้งใจร่วมลงนามครั้งนี้ต่างกล่าวว่า วันนี้ตั้งใจมาร่วมลงนามถวายพระพร เนื่องในโอกาสปีใหม่ พร้อมรู้สึกปราบปลื้มที่มีโอกาสสักครั้งได้ลงนามถวายพระพร ส่วนที่จุดลงนามได้มีเจ้าหน้าที่สํานักพระราชวัง นําน้ําดื่ม ,พิมเสนน้ําพระราชทาน และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือมาแจกให้แก่ประชาชนที่ร่วมลงนามอีกด้วย
|
1/1/2023
| null |
กรุงเทพมหานคร
|
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230101161201279
| null |
จ.นครพนม เตรียมพัฒนาเกษตรอินทรีย์ริมโขงสู่เกษตรแปลงใหญ่ สร้างภาพลักษณ์และความยั่งยืนทางอาหาร
|
วันที่ 2 มกราคม 2566 นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมกับนางสงวน จันทร์พร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม/ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมและรับทราบข้อมูลการทําการเกษตร ปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะ และความต้องการของเกษตรกรที่มีการทําการเกษตรริมฝั่งแม่น้ําโขง ในพื้นที่อําเภอเมืองนครพนมและอําเภอธาตุพนม ประกอบไปด้วย กลุ่มเกษตรกรปลูกแปลงผักเกษตรอินทรีย์ริมฝั่งโขงหน้าวัดมหาธาตุ ตําบลในเมือง อําเภอเมืองนครพนม, กลุ่มเกษตรกร ปลูกข้าวโพดหวาน ตําบลขามเฒ่า อําเภอเมืองนครพนม, กลุ่มเกษตรกร ปลูกกะหล่ําปลี ริมฝั่งโขง บ้านบึงหล่ม ตําบลดงขวาง อําเภอเมืองนครพนม, กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ (หอมแบ่ง/ผักคะน้า) ตําบลกุดฉิม อําเภอธาตุพนม, กลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ (มันแกว) ตําบลน้ําก่ํา อําเภอธาตุพนม, กลุ่มเกษตรกรปลูกพืชผสมผสาน ตําบลน้ําก่ํา อําเภอธาตุพนม เพื่อนําข้อมูลที่ได้มาวางแผนพัฒนาพื้นที่ให้เป็นเกษตรแปลงใหญ่ ร่วมกับข้อมูลการสํารวจพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการดําเนินโครงการ ที่ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดําเนินการ ก่อนที่จะมาส่งเสริมให้มีการผลิต พืช ผัก ผลไม้ ที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดนครพนม ไว้จําหน่ายให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้ตลอดทั้งปี ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นคงให้กับเศรษฐกิจฐานราก และสนับสนุนภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนมต่อไปในอนาคตนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ําโขงเป็นอีกพื้นที่ที่มีความเหมาะในการทําการเกษตรเป็นอย่างมาก เพราะมีสภาพดินที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืชนานาชนิด และจังหวัดนครพนมก็มีแนวนโยบาย ที่จะส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์จากริมฝั่งแม่น้ําโขงให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการปลูกพืชเศรษฐกิจแบบออกานิคทดแทนการทํานาปี และนาปรัง ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด หอมแบ่ง พริก มะเขือเทศ มันแกวธาตุพนม ลิ้นจี่ขามเฒ่า และพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นๆ ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร กระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
2/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครพนม
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230102220443534
| null |
กระทรวงพาณิชย์ อนุมัติเงินชดเชยส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวดที่ 12 ธ.ส.ก. พร้อมโอนเงิน 5 มกราคมนี้
|
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกํากับดูแลและกําหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 12 สําหรับเกษตรกรกว่าสองหมื่นรายที่แจ้งวันเก็บเกี่ยว ระหว่างวันที่ 24 - 30 ธันวาคม 2565 โดยข้าวเปลือกหอมมะลิ ชดเชยตันละ 1,002.99 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 14,041.86 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ชดเชยตันละ 547.71 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 8,763.36 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ชดเชยตันละ 25.48 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 637.00 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ชดเชยตันละ 250.10 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 7,503.00 บาท ส่วนข้าวเปลือกเหนียว ไม่มีการชดเชยส่วนต่างในงวดนี้ เนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าราคาประกันรายได้ ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ภายในวันที่ 5 มกราคม 2566 และยืนยันว่าจะไม่มีการหักหนี้เกษตรกรแต่อย่างใดทั้งนี้ การโอนเงินชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกรที่ผ่านมา ที่มีกรณีโอนเงินไม่สําเร็จจากปัญหาด้านบัญชีเงินฝาก ซึ่งจากการติดตามของ ธ.ก.ส. พบว่า ได้มีการแก้ไขปัญหาไประดับหนึ่งแล้ว ทําให้ยอดการโอนเงินให้เกษตรกรไม่สําเร็จลดลง อย่างไรก็ตาม ขอให้เกษตรกรตรวจสอบบัญชีเงินฝากและติดต่อกับ ธ.ก.ส เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการรับเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการ เช่น กรณีปัญหา ชื่อ – สกุล ไม่ตรง บัญชีปิด บัญชีถูกอายัด หรือหากยังไม่มีบัญชีเงินฝากกับ ธ.ก.ส. ขอให้เกษตรกรติดต่อเปิดบัญชีใหม่กับ ธ.ก.ส. สาขาในพื้นที่ เพื่อ ธ.ก.ส. จะได้ดําเนินการโอนเงินให้แก่เกษตรกรได้ต่อไป
|
2/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230102202633513
| null |
กอนช. เฝ้าระวังฝนตกในภาคใต้บางแห่งและบริหารจัดการน้ำหลังอุทกภัยเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมเฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูงในพื้นที่ลุ่มต่ำริมปากแม่น้ำเจ้าพระยาช่วง ม.ค. ถึง ก.พ.
|
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังฝนตกในภาคใต้บางแห่งและบริหารจัดการน้ําหลังอุทกภัยเข้าสู่ภาวะปกติ พร้อมเฝ้าระวังน้ําทะเลหนุนสูงในพื้นที่ลุ่มต่ําริมปากแม่น้ําเจ้าพระยาช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยการกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ําภาพรวมของประเทศวันนี้ (3 ม.ค.66) ว่า ภาพรวมประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส แต่ยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง แล้วช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกปานกลางบริเวณ จ.นราธิวาส , ปัตตานี และสุราษฎร์ธานี โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริหารจัดการน้ําหลังสถานการณ์น้ําในพื้นที่ภาคใต้เข้าสู่สภาวะปกติ เช่น กรมชลประทาน สํารวจตรวจสอบสิ่งกีดขวางทางน้ําในพื้นที่ เพื่อเตรียมรองรับฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ // การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) คาดการณ์ปริมาณน้ําที่จะไหลเข้าเขื่อนบางลางในช่วงเดือนมกราคม เพื่อวางแผนเก็บกักน้ําช่วงหน้าแล้ง พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ําในเดือนมกราคมด้วย // กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สํารวจและรายงานสิ่งกีดขวางทางน้ําช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนปรับปรุงต่อไป ทั้งนี้ ในภาคกลาง กอนช. ต้องเฝ้าระวังระดับน้ําทะเลหนุนสูงในพื้นที่ลุ่มต่ําริมปากแม่น้ําเจ้าพระยา อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มต่ํา แล้วส่งผลให้ระดับน้ําแม่น้ําเจ้าพระยาตอนล่างเพิ่มสูงขึ้น 4 ช่วงระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ คือ ช่วงวันที่ 6 – 12 มกราคม // ช่วงวันที่ 21 – 27 มกราคม // ช่วงวันที่ 4 – 10 กุมภาพันธ์ และช่วงวันที่ 18 – 24 กุมภาพันธ์
|
3/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230103093552569
| null |
กรมวิชาการเกษตร ชู หงส์เหิน นอกฤดู สร้างรายได้สู่ชุมชนจังหวัดแพร่อย่างยั่งยืน
|
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า หงส์เหินเป็นไม้ดอกที่ต่างประเทศเริ่มให้ความสนใจและมีความต้องการเป็นจํานวนมาก เนื่องจากมีรูปทรงดอกที่แปลกตาปัจจุบันมีการส่งออกหัวพันธุ์หงส์เหินไปยังประเทศญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ โดยการคัดเลือกพันธุ์ที่มีความเหมาะสมในพื้นที่จังหวัดแพร่ 2 พันธุ์ คือ พันธุ์รวงข้าว และพันธุ์ขาวตาก นําไปทดสอบในแปลงเกษตร อําเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ พบว่า การปลูกหงส์เหินทั้ง 2 พันธุ์ มีต้นทุนการผลิต 62,870 บาทต่อไร่ รายได้ 186,912 และ 101,664 บาทต่อไร่ กําไร 124,042 และ 38,794 บาทต่อไร่ ตามลําดับ เมื่อคิดสัดส่วนรายได้ต่อการลงทุนแล้วทั้ง 2 พันธุ์มีความคุ้มค่าที่จะลงทุนปลูกขายเป็นพืชเสริม สร้างรายได้ สู่ชุมชน เพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตหงส์เหิน ที่สามารถปลูกได้เพียงปีละครั้ง โดยปลูกช่วงเดือน เมษายน –พฤษภาคม และออกดอกช่วงเดือน มิถุนายน – สิงหาคม มีงานวิจัยที่สามารถทําให้หงส์เหินออกดอกนอกฤดูได้ โดยทําการเก็บรักษาหัวพันธุ์ในห้องควบคุมอุณหภูมิที่ 15-20 องศาเซลเซียส บรรจุหัวพันธุ์ในขุยมะพร้าว เพื่อป้องกันการสูญเสียความชื้นของหัวพันธุ์ ซึ่งสามารถเก็บไว้ได้นาน 6 เดือน จากนั้นนําหัวพันธุ์บ่มในกระบะที่มีขุยมะพร้าว รดน้ําให้มีความชื้น 70 เปอร์เช็นต์ คลุมด้วยพลาสติกเพื่อรักษาอุณหภูมิให้ได้ 33 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30-45 วัน เพื่อทําลายระยะพักตัวของหัวพันธุ์หงส์เหิน กระตุ้นการงอกของหัวพันธุ์ และย้ายปลูกช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคมเพื่อให้ออกดอกในช่วงเดือนพฤศจิกายน-มกราคม ทั้งนี้ การปลูกหงส์เหินนอกฤดูกาล พันธุ์การค้า ในสภาพโรงเรือนต้นแบบการผลิตนอกฤดู จะเป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกร โดยประยุกต์จากโรงเรือนต้นแบบสามารถปลูกเต็มประสิทธิภาพของพื้นที่โรงเรือนจํานวน 4,608 ถุง มีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 33,394 บาท สามาถมีรายได้ 82,944 บาท และมีกําไร 49,550 บาท ซึ่งองค์ความรู้ด้านการผลิตหงส์เหินนอกฤดูของศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรแพร่ พร้อมถ่ายทอดให้กับเกษตรกร และกลุ่มผู้ผลิตหงส์เหินในพื้นที่นําไปปรับใช้ต่อไป
|
3/1/2023
| null |
กรุงเทพมหานคร
|
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230103143829691
| null |
กลุ่มเกษตรกรทำนาเศรษฐกิจพอเพียงบ้านกุดน้ำใส จังหวัดขอนแก่น ต้นแบบความสำเร็จ สามารถผลิตข้าวอินทรีย์คุณภาพ
|
นายนพดล ศรีพันธุ์ ผู้อํานวยการสํานักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 4 ขอนแก่น สํานักงานเศรษฐกิจการเกษตร เปิดเผยถึงการติดตามการดําเนินงานของกลุ่มเกษตรกรทํานาเศรษฐกิจพอเพียงบ้านกุดน้ําใส ตําบลกุดน้ําใส อําเภอน้ําพอง จังหวัดขอนแก่น นับเป็นกลุ่มที่ประสบความสําเร็จในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของเกษตรกรในการทํานาแปลงใหญ่แบบอินทรีย์ โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พัฒนาระบบการผลิตแบบแปลงใหญ่มาตรฐาน GAP ข้าวและมาตรฐานข้าวอินทรีย์ ดําเนินการผลิตและแปรรูปเป็นข้าวเจ้าหอมมะลิ 105 คัดคุณภาพดีชั้นเลิศ 100 % แบบครบวงจร อีกทั้งยังเป็นแม่ข่ายผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพให้แก่ วิสาหกิจชุมชนนาแปลงใหญ่ กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์และเกษตรกรทั่วไป โดยผลสําเร็จการดําเนินงานของกลุ่มเกษตรกรทํานาเศรษฐกิจพอเพียงบ้านกุดน้ําใส ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ทางกลุ่มได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อส่งเสริมและเพิ่มช่องทางการตลาดข้าวหอมมะลิ ข้าวขาวและข้าวอินทรีย์กับสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สงขลา จํากัด และชุมนุมสหกรณ์การเกษตรสงขลา จํากัด เป็นการเชื่อมโยงข้าวสารจังหวัดขอนแก่นสู่ผู้บริโภคจังหวัดสงขลา ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนการผลิตจากแบบดั้งเดิม มาใช้ปัจจัยการผลิตแบบอินทรีย์ นําเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อลดต้นทุน เพิ่มมูลค่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ทําให้ได้เมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีและขายข้าวได้ในราคาที่สูงขึ้น นอกจากนี้ สมาชิกกลุ่มยังมีการทํากิจกรรมร่วมกัน ตามวาระและโอกาสสําคัญของงานบุญประเพณีในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 ทางกลุ่มมีกําหนดจะจัดงานบุญคูณลาน ซึ่งเป็นการทําบุญเพื่อรับขวัญข้าว ในวันที่ 25 มกราคม 2566 ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีในระหว่างสมาชิก ก่อให้ความสามัคคีและช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มเป็นอย่างมาก
|
3/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230103185518775
| null |
หมูไทยดีที่สุดในภูมิภาค
|
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบไปด้วย 11 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม และติมอร์-เลสเต แต่ละแห่งก็มีวิธีการสร้างความมั่นคงทางอาหารที่แตกต่างกันไปตามสภาพภูมิประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าความมั่นคงย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถในการผลิตและบริหารจัดการทรัพยากรอาหารสําหรับประชาชนในประเทศ และประเทศไทยก็มีความพร้อมอย่างมากทั้งในด้านภูมิศาสตร์ และการบริหารจัดการ กระทั่งกลายเป็น “ครัวของโลก” ที่เดินหน้าพัฒนาและยกระดับความปลอดภัยทางอาหาร เพื่อประชาชนผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เป็นที่ยอมรับในระดับสากล กระบวนการผลิต “หมู” ของประเทศไทย เป็นอีกกระบวนการหนึ่งที่ตอกย้ําคุณภาพทางอาหารที่เหนือกว่าทุกๆประเทศในภูมิภาคนี้ กล่าวคือมีการพัฒนากระบวนการเลี้ยงหมูอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นน้ําถึงปลายน้ํา มีข้อกําหนดและมาตรฐานต่างๆ ที่กํากับดูแล ตลอดจนการตรวจสอบสารตกค้างปนเปื้อน มีการบังคับใช้กฏหมายที่เข้มงวด ทําให้ผู้บริโภคได้ผลิตภัณฑ์เนื้อหมูที่ปลอดภัยและถูกสุขอนามัย ซึ่งทั้งสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในอุตสาหกรรมหมู ต่างพูดตรงกันว่า “หมูไทยเป็นหมูที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดในภูมิภาค” ลองมาไล่เรียงกันดูว่าอะไรบ้างที่ทําให้คนไทยได้กินหมูคุณภาพสูงมาโดยตลอด ด้านอาหารสัตว์ ? ภาครัฐมีการกําหนดให้โรงงานอาหารสัตว์ทุกแห่งต้องผ่าน GMP ได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์? กําหนดให้มีสัตวแพทย์ผู้ควบคุมระบบการผลิตอาหารสัตว์ที่ผสมยา? ยาต้านจุลชีพที่ใช้ผสมอาหารสัตว์เป็นยาสําหรับสัตว์และระบุข้อบ่งใช้ผสมอาหารสัตว์ตามกฎหมาย อาทิ ห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง? ผลิตอาหารสัตว์ที่มียาต้านแบคทีเรียตามใบสั่งยาจากสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรเท่านั้น? การรับรองโรงงานอาหารสัตว์ มีการตรวจหายาปฏิชีวนะตกค้างในอาหารสัตว์ ด้านการเลี้ยง? รัฐกําหนดให้ฟาร์มสุกรขนาด > 500 ตัว ต้องผ่านการรับรองเป็นฟาร์มมาตรฐานได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์ (GAP) โดยมีการควบคุม 1) องค์ประกอบฟาร์ม มีพื้นที่ฟาร์มแยกเป็นพื้นที่พักอาศัยและพื้นที่เลี้ยงสัตว์ 2)การจัดการฟาร์ม มีบุคลาการ มีอุปกรณ์ให้น้ํา-อาหารเหมาะสมตามหลักสวัสดิภาพสัตว์ 3)การจัดการด้านสุขภาพสัตว์ มีสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มดูแลสุขภาพสุกรและการให้ยา 4)การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรกับชุมชน? กําหนดให้ฟาร์มมาตรฐานทุกฟาร์มมีสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกร ที่ได้รับการรับรองจากกรมปศุสัตว์? การรับรองฟาร์มมาตรฐานต้องมีการตรวจคุณภาพน้ําสุกร หาปริมาณยาปฏิชีวนะในอาหารสัตว์? ในสุกรก่อนขาย มีการตรวจสอบยาปฏิชีวนะและสารเร่งเนื้อแดง ซึ่งมาตรฐานต้องปลอดยาปฏิชีวนะและสารเร่งเนื้อแดง ด้านโรงงานชําแหละและแปรรูป? กําหนดให้โรงงานชําแหละ ตัดแต่งและแปรรูปสุกร ต้องผ่านการรับรอง GMP จากกรมปศุสัตว์? การเคลื่อนย้ายสุกรจากฟาร์มมาโรงงานชําแหละต้องผ่านการตรวจสอบและอนุมัติจากหน่วยงานกรมปศุสัตว์ โดยมีการตรวจโรคระบาดในสุกรก่อนเคลื่อนย้าย? มีการสุ่มตรวจหายาปฏิชีวนะและสารเร่งเนื้อแดงตกค้างในสุกรมีชีวิตก่อนชําแหละ และมีการสุ่มตรวจในเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์สุกรในโรงตัดแต่งและแปรรูปสุกร ด้านจุดจําหน่าย? กรมปศุสัตว์ออกสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” รับรองจุดจําหน่ายเนื้อสุกรที่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย? มีการสุ่มตรวจหายาปฏิชีวนะและสารเร่งเนื้อแดงตกค้างในเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์สุกรที่จุดจําหน่าย ด้านห้องปฏิบัติการในการตรวจสอบ? เป็นห้องปฎิบัติการในสังกัดของกรมปศุสัตว์เช่น สถาบันสุขภาพสัตว์ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ในภาคต่างๆ ซึ่งมีมาตรฐานการตรวจสอบขั้นสูง ด้านบทลงโทษ? ผู้จัดจําหน่ายหากตรวจพบสารเร่งเนื้อแดงในสินค้า มีโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ส่วนโรงงานอาหารสัตว์และฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ผู้ใดผลิต-นําเข้า-ขาย หรือใช้อาหารสัตว์ที่มีสารเร่งเนื้อแดง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท ทั้งหมดนี้เป็นมาตรฐานการเลี้ยงหมูที่ภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกันอย่างดี เพื่อให้ผู้บริโภคได้อาหารที่ปลอดภัยสูงสุด จะเห็นว่า มีกฏหมายควบคุมการใช้สารเร่งเนื้อแดง มีการข้อกําหนดการตรวจสอบสารตกค้างปนเปื้อน ในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่การผลิต ทั้งที่ฟาร์ม ที่โรงชําแหละ ที่โรงแปรรูป รวมถึง ที่จุดขาย และมีบทลงโทษที่เข้มงวด นอกจากนี้ประเทศไทยยังโดดเด่นในด้านการพัฒนาสายพันธุ์หมู และเทคโนโลยีการเลี้ยงที่ทันสมัย จนเรียกว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้ตามไม่ทัน น่าดีใจที่คนไทยมีหมูคุณภาพระดับนี้ไว้บริโภค แม้ต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้นแต่ก็เพื่อแลกมาซึ่งความปลอดภัยของลูกหลานและคนในประเทศ ย่อมดีกว่าปล่อยให้สุขภาพของทุกคน ต้องอยู่บนความเสี่ยงกับการกินหมูเถื่อนราคาถูกจากเพื่อนบ้าน หรือจากประเทศในแถบอเมริกาใต้ที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงอย่างเสรี ดังนั้น ถ้าคิดจะกินหมูขอให้เลือกกินหมูไทยที่มีสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” และขอเป็นกําลังใจให้เจ้าหน้าที่กวาดล้างหมูเถื่อนให้หมดไปได้โดยเร็ว โดย ลักขณา นิราวัลย์
|
3/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สำนักพัฒนานโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230103234216807
| null |
กรมชลฯ ระบุ ปีนี้ภาพรวมปริมาณน้ำต้นทุนอยู่ในเกณฑ์ดี พร้อมเฝ้าระวังฝนตกหนักพื้นที่ภาคใต้วันที่ 6- 11 ม.ค. นี้
|
นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ํารวมกัน 61,397 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 80 ของความจุอ่างรวมกัน เป็นน้ําใช้การได้ 37,443 ล้าน ลบ.ม. ภาพรวมปริมาณน้ําต้นทุนอยู่ในเกณฑ์ดี ด้านสถานการณ์ค่าความเค็มในแม่น้ํา 4 สายหลัก ได้แก่ แม่น้ําเจ้าพระยา , แม่น้ําท่าจีน , แม่น้ําปราจีน-บางปะกง และแม่น้ําแม่กลอง อยู่ในเกณฑ์ปกติ ในส่วนของผลการจัดสรรน้ําฤดูแล้งปี 65/66 ปัจจุบันจัดสรรน้ําทั้งประเทศไปแล้ว 7,309 ล้าน ลบ.ม. และขณะนี้มีการเพาะปลูกข้าวนาปรังทั้งประเทศไปแล้ว 4.72 ล้านไร่ โดย เฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ําทุ่งบางระกํา มีการเพาะปลูกข้าวนาปรังตามการปรับปฏิทินการเพาะปลูกไปแล้วกว่าร้อยละ 90 ของแผนฯ คาดว่าจะเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จตามแผนที่กําหนด ทั้งนี้ เกษตรกรบางส่วนใช้น้ําค้างทุ่งในการเพาะปลูก จึงทําให้มีปริมาณน้ําสะสมในอ่างเก็บน้ํามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเพียงพอสนับสนุนให้เกษตรได้ใช้เตรียมแปลงเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้งนี้ อย่างไรก็ตาม ได้กําชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก รวมทั้งภาคกลาง บริหารจัดการน้ําอย่างปราณีต ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ําไว้ใช้ในพื้นที่ให้ได้มากที่สุดโดยไม่กระทบต่อเกษตรกร สําหรับช่วงระหว่างวันที่ 6 - 11 ม.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิมยา คาดการณ์ว่ายังคงมีปริมาณฝนตกในพื้นที่ภาคใต้ จึงได้กําชับไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่ ให้เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศจากทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถแจ้งเตือนประชาชนได้อย่างทันต่อเหตุการณ์ จัดเตรียมเครื่องจักร ตลอดจนเจ้าหน้าที่เข้าประจําพื้นที่เสี่ยง ที่สําคัญให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์น้ําและแผนการบริหารจัดการน้ําในพื้นที่ให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ในส่วนของพื้นที่ที่ปริมาณฝนลดลงแล้ว ให้ควบคุมและรักษาระดับน้ําใต้ดินในพรุให้สมดุล เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่ด้วย
|
4/1/2023
| null |
กรุงเทพมหานคร
|
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104095358833
| null |
รมว.ทรัพย์ฯ กำชับปลัดกระทรวงทรัพย์ฯ เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเรียกรับเงินอุทยานแห่งชาติ
|
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการสอบสวนข้อเท็จจริง นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการหน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชว่า เบื้องต้นหลังตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ดําเนินการสอบสวนอดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ มีคืบหน้าไปมากและใกล้ครบกรอบเวลาที่กําหนดแล้ว ขณะเดียวกันในส่วนราชการได้ร้องขอให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นมาตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย จึงมอบหมายให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดําเนินการตามขั้นตอนต่อไป นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า หลักการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง ต้องดําเนินการหลังการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้ว โดยจะมีกรอบระยะเวลาเวลาไม่เกิน 60 วัน ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการตรวจสอบของกระทรวงอยู่แล้ว ควบคู่กับตรวจสอบการโยกย้ายตําแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทั้งหมด โดยเฉพาะการระบุเหตุผลและความจําเป็นในการขอย้ายอย่างละเอียด เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สําหรับกระบวนการสอบปากคําผู้ถูกกล่าวหาและผู้เสียหายอยู่ในขั้นตอนการสอบปากคําของ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) โดยวันนี้ (4 ม.ค.66) จะเชิญหัวหน้าอุทยานแห่งชาติประมาณ 5 - 6 แห่ง และนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อํานวยการสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) เข้าให้ปากคําข้อเท็จจริงส่วนกรณีที่มีนักวิชาการ และ NGO กล่าวพาดพิงว่า เงินที่เรียกรับจะถูกส่งไปให้กับรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัยพากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยืนยันว่า หากพาดพิงโดยไม่มีหลักฐานจะดําเนินการฟ้องร้องข้อหาหมิ่นประมาท และขอให้นําข้อเท็จจริงมาพูดคุยกันอย่าเพียงแค่ใช้คําพูดลอยๆเท่านั้น เพราะเงินดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบที่มาที่ไป
|
4/1/2023
| null |
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104101404846
| null |
กรมทะเลชายฝั่ง พบไข่เต่าทะเล 2 พื้นที่พร้อมกัน ชี้!! ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งสมบูรณ์ แม่เต่าทยอยขึ้นมาวางไข่จำนวนมาก
|
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้รายงานการพบร่องรอยการขึ้นมาวางไข่ของแม่เต่าทะเล 2 พื้นที่ ได้แก่ หาดนาเกลือ ต.โคกกลอย จ.พังงา จํานวน 1 รัง เป็นรังที่ 6 จากแม่เดียวกันที่ชื่อแม่เต่าอัลฟา เจ้าหน้าที่ทําการวัดร่องรอยขนาดพายหน้าจากซ้ายไปขวา 220 เซนติเมตร ขนาดอก 110 เซนติเมตร ขนาดของไข่เต่า 5.3 เซนติเมตร จึงได้เคลื่อนย้ายพร้อมทั้งตรวจนับไข่เต่ามะเฟืองได้ทั้งสิ้น 131 ฟอง เป็นไข่ดี 116 ฟอง และไข่ลม 15 ฟอง ส่วนชายหาดบ้านทุ่งดาบ ต.เกาะพระทอง อ.คุระบุรี จ.พังงา จํานวน 2 รัง ร่องรอยที่ 1 เป็นร่องรอยการขึ้นมาวางไข่ของเต่ามะเฟือง ตรวจวัดขนาดความกว้างของพายหน้าจากซ้ายไปขวา 170 เซนติเมตร ขนาดความกว้างของอก 70 เซนติเมตร ทําการขุดค้นหาจนพบไข่เต่าที่ระดับความลึก 70 เซนติเมตร ขนาดของไข่ 5 เซนติเมตร ร่องรอยที่ 2 เป็นร่องรอยการขึ้นมาวางไข่ของเต่าทะเล ตรวจวัดขนาดความกว้างของพายหน้าจากซ้ายไปขวา 85 เซนติเมตร ขนาดความกว้างของอก 40 เซนติเมตร ทําการขุดค้นหาจนพบไข่เต่าทะเลที่ระดับความลึก 70 เซนติเมตร ขนาดของไข่ 3 เซนติเมตร พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่กรมทะเลชายฝั่งได้กั้นคอกเพื่อป้องกันอันตราย และร่วมกับอาสาสมัครพิทักษ์ทะเลเฝ้าระวัง ดูแลจนกว่าลูกเต่าจะได้ฟักและเดินลงสู่ทะเลได้อย่างปลอดภัยต่อไป จากการที่แม่เต่าทะเลกลับขึ้นมาวางไข่อีกครั้ง แสดงให้เห็นว่าบริเวณแนวชายหาดดังกล่าวเป็นพื้นที่พิเศษที่มีความสําคัญสูงมาก จําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาสภาพแวดล้อมของชายหาดเหล่านี้ให้คงความเป็นธรรมชาติ เพื่อเป็นการอนุรักษ์พื้นที่วางไข่ของเต่าทะเล ทั้งนี้ ฤดูวางไข่เต่าทะเลจะอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ขอฝากให้ชาวบ้านในท้องที่เข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมของชายหาดให้มีความเหมาะสมต่อการทํารังวางไข่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย เชื่อมั่นว่าในภายภาคหน้า เต่าทะเลที่ฟักในปีนี้ จะกลับขึ้นมาวางไข่ที่ชายหาดแห่งเดิมอีกครั้ง ทั้งนี้ หากพบเจอไข่เต่าทะเลบริเวณชายหาดให้รีบแจ้งเบาะแสมายังสายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล โทร. 1362 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกรมทะเลชายฝั่ง จะประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่เร่งดําเนินการได้ทันท่วงที
|
4/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
หน่วยงานสำนักข่าว
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104103921855
| null |
โครงการชลประทานลำปาง สถานการณ์น้ำ-แผนรับมือภัยพิบัติ
|
โครงการชลประทานลําปาง สํานักงานชลประทานที่ 2 เปิดเผยสถานการณ์น้ําในเขตจังหวัดลําปาง ประจําวันที่ 4 มกราคม 2566 ได้แก่ อ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมทั้งหมด 136 แห่ง ซึ่งมีความจุระดับเก็บกักรวม 487.871 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 463.966 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 95.10 ของความจุอ่างเก็บน้ํารวมกันทั้งหมด มีปริมาณน้ําที่สามารถนํามาใช้การได้ 437.127 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 89.60 ของความจุรวมกันทั้งหมด โดยอ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ เขื่อนกิ่วลม มีความจุระดับเก็บกักรวม 106.220 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 99.433 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 93.61 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 95.433 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 89.84 และเขื่อนกิ่วคอหมา มีความจุระดับเก็บกักรวม 170.288 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 187.515 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 110.12 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 181.515 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 106.59 อ่างเก็บน้ําขนาดกลาง 30 แห่ง มีความจุระดับเก็บกักรวม 152.623 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 126.895 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 83.14 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 112.756 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 73.88อ่างเก็บน้ําขนาดเล็กพระราชดําริ 54 แห่ง มีความจุระดับเก็บกักรวม 33.649 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 30.329 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 90.13 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 28.929 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 85.97 และอ่างเก็บน้ําขนาดเล็ก (ถ่ายโอนให้ อปท.) 50 แห่ง มีความจุระดับเก็บกักรวม 25.091 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 19.794 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 78.89 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 18.494 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 73.71โครงการชลประทานลําปาง สํานักงานชลประทานที่ 2 ได้ติดตาม วิเคราะห์ แนวโน้มสถานการณ์และสั่งการโดยศูนย์ปฏิบัติการน้ําอัจฉริยะ (SWOC) และเตรียมความพร้อมมาตรการและแนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในพื้นที่ ประกอบด้วย รถบรรทุกน้ํา 6 คัน เครื่องสูบน้ํา 37 เครื่อง รถบรรทุกติดเครน ขนาด 3-5 ตัน 5 คัน รถบรรทุก 6 ตัน 4 คัน รถบรรทุกเทท้าย 10 คัน และรถขุด 4 คัน ทั้งนี้ ประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติสามารถขอความช่วยเหลือทางหมายเลขสายด่วน 1460#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
4/1/2023
|
ภาคเหนือ
|
ลำปาง
|
สวท.ลำปาง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104111221874
| null |
กอนช. เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด จากฝนตกหนักถึงหนักมาก ช่วง 6 - 11 ม.ค.
|
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด จากฝนตกหนักถึงหนักมาก ช่วงวันที่ 6 - 11 มกราคม กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) ได้ออกประกาศเฝ้าระวังน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ ฉบับที่ 1 หลังกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์หย่อมความกดอากาศต่ําบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างมีแนวโน้มจะมีกําลังแรงขึ้น แล้วเคลื่อนเข้าใกล้ปลายแหลมญวณ ประกอบกับ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกําลังแรงขึ้น ทําให้ช่วงวันที่ 6 – 8 มกราคม บริเวณภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เบื้องต้นได้วิเคราะห์สถานการณ์น้ําด้วยฝนคาดการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ํา (องค์การมหาชน) พบพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังสถานการณ์น้ําช่วงวันที่ 6 - 11 มกราคม คือ เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ําหลากและน้ําท่วมขังในจังหวัดสุราษฎร์ธานี บริเวณอําเภอกาญจนดิษฐ์ ดอนสัก พนม เวียงสระ เกาะสมุย และเกาะพะงัน // นครศรีธรรมราช บริเวณอําเภอเชียรใหญ่ เฉลิมพระเกียรติ ท่าศาลา นบพิตํา ปากพนัง พรหมคีรี พระพรหม เมืองนครศรีธรรมราช ร่อนพิบูลย์ ลานสกา และสิชล // พัทลุง บริเวณอําเภอกงหรา เขาชัยสน ควนขนุน ตะโหมด บางแก้ว ปากพะยูน ป่าบอน เมืองพัทลุง และศรีนครินทร์ // สงขลา บริเวณอําเภอกระแสสินธุ์ ควนเนียง จะนะ เทพา บางกล่ํา เมืองสงขลา ระโนด รัตภูมิ และหาดใหญ่ // ปัตตานี บริเวณอําเภอกะพ้อ โคกโพธิ์ ทุ่งยางแดง ปะนาเระ มายอ เมืองปัตตานี ไม้แก่น ยะรัง ยะหริ่ง สายบุรี และหนองจิก // ยะลา บริเวณอําเภอรามัน // นราธิวาส บริเวณอําเภอจะแนะ เจาะไอร้อง ตากใบ บาเจาะ เมืองนราธิวาส ยี่งอ ระแงะ รือเสาะ แว้ง สุคิริน สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี พร้อมทั้ง เฝ้าระวังระดับน้ําเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ําล้นตลิ่ง บริเวณแม่น้ําสายหลักและลําน้ําสาขาของแม่น้ําตาปี แม่น้ําปากพนัง แม่น้ําตรัง คลองชะอวด แม่น้ําสายบุรี แม่น้ําปัตตานี แม่น้ําบางนรา และแม่น้ําโก-ลก และเฝ้าระวังอ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มปริมาณน้ําสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการเก็บกักน้ําสูงสุด (Upper Rule Curve) รวมถึง อ่างเก็บน้ําขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีปริมาณน้ํามากกว่าร้อยละ 80 ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเสี่ยงน้ําล้นกระทบพื้นที่ด้านท้ายน้ํา โดยเฉพาะเขื่อนบางลางให้พิจารณาบริหารจัดการน้ําให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุดบริเวณท้ายเขื่อน รวมทั้ง เฝ้าระวังคลื่นซัดฝั่งที่อาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบกิจการบริเวณแนวชายฝั่งทะเลตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชจนถึงนราธิวาส ทั้งนี้ กอนช. ยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ําต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตรในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ําท่วมอยู่เป็นประจํา // ปรับการบริหารจัดการน้ําในแหล่งเก็บกักน้ําขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ําในลําน้ํา เขื่อนระบายน้ํา และประตูระบายน้ําให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ําถึงปลายน้ําและ อิทธิพลของการขึ้น – ลง ของน้ําทะเล โดยการเร่งระบายและพร่องน้ํารองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก พร้อมซ่อมแซมแนวคันบริเวณริมแม่น้ําและเร่งกําจัดสิ่งกีดขวางทางน้ําด้วย
|
4/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104133942920
| null |
ปศุสัตว์จันทบุรี ร่วมกับด่านกักกันสัตว์ รณรงค์พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคพื้นที่ชายแดน ป้องกันโรคไข้หวัดนก
|
วันที่ 4 มกราคม 2566 เวลา 10.00 น. น.สพ.ชาติชาย ยิ้มเครือ ปศุสัตว์จังหวัดจันทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์จันทบุรี สพ.ญ.ปิยากร ทองสุข กลุ่มพัฒนาสุขภาพสัตว์ นายอดิเรก จันทะศิลา ปศุสัตว์อําเภอโป่งน้ําร้อน นางสาววลีรัตน์ อินทเวช เจ้าพนักงานสัตวบาล นางสาวรัตนาภรณ์ นพจันทร์ ทําหน้าที่ปศุสัตว์ตําบล และเจ้าหน้าที่ในสังกัด รณรงค์ทําความสะอาดและพ่นน้ํายาฆ่าเชื้อโรค พื้นที่เสี่ยงตามแนวชายแดนไทย -กัมพูชา ได้แก่ สนามซ้อมชนไก่ ม.2 ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ําร้อน และฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปีกรายย่อย เพื่อป้องกันโรคระบาดสัตว์ปีก โดยเฉพาะโรคไข้หวัดนก ที่เป็นโรคสัตว์ติดต่อสู่คน ทําให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาว สภาพอากาศหนาวเย็นจะทําให้สัตว์ปีกเกิดความเครียด สุขภาพอ่อนแอ เกิดการติดเชื้อโรคระบาดง่าย และหากมีผู้นําสัตว์ปีกที่ยังไม่แสดงอาการป่วย แต่มีเชื้อโรคแอบแฝงเข้าสู่สนามชนไก่ อาจทําให้เกิดการแพร่ของโรคระบาดเป็นวงกว้างได้ จึงขอให้เกษตรกรให้ดูแลสุขภาพสัตว์ปีกอย่างใกล้ชิด ให้สัตว์อยู่โรงเรือนที่มิดชิดป้องกันแดด ป้องกันลมได้ มีอาหารและน้ําที่สะอาดให้กินอย่างเพียงพอ หากพบสัตว์ปีกป่วยหรือตายผิดปกติ ห้ามนํามาปรุงอาหารหรือจําหน่ายโดยเด็ดขาด ขอให้แจ้งอาสาปศุสัตว์ ปศุสัตว์อําเภอ กํานัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ทันที เพื่อจะได้เข้าควบคุมโรคโดยเร่งด่วน ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้กําหนดให้มีการรณรงค์ทําความสะอาด และพ่นน้ํายาฆ่าโรคในพื้นที่เสี่ยงต่อโรคระบาด ได้แก่ ฟาร์มสัตว์ปีกรายย่อย โรงฆ่าสัตว์ปีก สนามชนไก่ สนามซ้อมชนไก่ พร้อมกัน ตลอดเดือนมกราคม 2566 จึงขอเชิญชวนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก เจ้าของสนามชนไก่ สนามซ้อมชนไก่ และโรงฆ่าสัตว์ปีก ติดต่อปศุสัตว์อําเภอใกล้บ้าน เพื่อขอคําปรึกษาในการใช้น้ํายาฆ่าเชื้อโรคหรือขอรับบริการพ่นน้ํายาฆ่าเชื้อโรคได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
4/1/2023
|
ภาคตะวันออก
|
จันทบุรี
|
สวท.จันทบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104131007905
| null |
ปศุสัตว์ยโสธร ตรวจเยี่ยมเกษตรกรกลุ่มโคเนื้อสร้างอาชีพ
|
วันที่ 3 มกราคม 2566 นายสัตวแพทย์อภิชาติ ภะวัง ปศุสัตว์จังหวัดยโสธร มอบหมายให้นางจิราภรณ์ ป้องสนาม ปศุสัตว์อําเภอไทยเจริญ และเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเกษตรกร โครงการโคเนื้อสร้างอาชีพของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มปลูกหญ้าเลี้ยงโค-กระบือ ของนางนารี เกษตรสิงห์ โดยมีนายอัมพร เกษตรสิงห์ เป็นผู้แทนรับการตรวจเยี่ยม ที่ บ้านโชคชัยพร หมู่ที่ 9 ตําบลน้ําคํา อําเภอไทยเจริญ จังหวัดยโสธรทั้งนี้ได้ชี้แจงการแก้ไขสัญญากู้ยืมเงินโครงการฟาร์มโคเนื้อสร้างอาชีพระยะที่ 2 ระหว่างองค์กรเกษตรกรกับสมาชิกกลุ่ม พร้อมทั้งเน้นย้ําเรื่องสัญญาเช่าซื้อแม่โคเนื้อ สัญญากู้ยืมเงินค่าก่อสร้าง หรือปรับปรุงโรงเรือนพร้อมลานปล่อย แปลงปลูกพืชอาหารสัตว์ และแนะนําการดูแลสุขภาพสัตว์ในช่วงฤดูหนาว#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
4/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
ยโสธร
|
สวท.ยโสธร
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104131924908
| null |
ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ขอให้ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ความเข้าใจ สร้างความตระหนักและความร่วมมือจากประชาชนในการคัดแยกขยะเศษอาหารหรือขยะเปียกในครัวเรือน
|
วันนี้ (4 ม.ค.66) นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุมหารือข้อราชการประจําสัปดาห์ (Morning Brief) ติดตามผลการดําเนินงานการจัดทํา “ถังขยะเปียก ลดโลกร้อน” ซึ่งจังหวัดตรัง ตั้งเป้าดําเนินการกว่า 1 แสนครัวเรือนในพื้นที่จังหวัดตรัง ปัจจุบันดําเนินการได้ร้อยละ 47 อยู่ในลําดับที่ 56 ของประเทศ โดยมีอําเภอปะเหลียนดําเนินการจัดทําถังขยะเปียก ลดโลกร้อนได้มากที่สุด รองลงมา คือ อําเภอหาดสําราญ และอําเภอกันตัง ในขณะที่อําเภอเมืองตรังยังดําเนินการได้น้อยอยู่ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า การจัดทําถังขยะเปียก ลดโลกร้อน เป็นการจัดการขยะต้นทาง ซึ่งการลดปริมาณขยะเปียกหรือขยะเศษอาหารที่มีปริมาณน้ําหนักมากที่สุด จะช่วยลดปัญหากลิ่นน้ําเสียจากการเก็บขนขยะ ลดภาระงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการขยะ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากบ่อฝังกลบ อีกทั้งขยะเปียกที่เปลี่ยนเป็นสารปรับปรุงบํารุงดิน ยังสามารถนํามาใช้ประโยชน์ในครัวเรือนได้ จึงขอให้ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ความเข้าใจสร้างความตระหนักและความร่วมมือจากประชาชนในการคัดแยกขยะเศษอาหารหรือขยะเปียกในครัวเรือน พร้อมขอให้ทุกอําเภอได้ลงพื้นที่ติดตามเร่งรัดให้ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดําเนินการจัดทําถังขยะเปียก ลดโลกร้อน ให้ครอบคลุมพื้นที่ต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
4/1/2023
| null |
ตรัง
|
สวท.ตรัง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104152809983
| null |
รมช.เกษตรฯ สั่งสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมเร่งรัดการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน เน้นเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้พัฒนาชีวิตเกษตรกร
|
นายสุนทร ปานแสงทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังมอบนโยบาย แนวทางการดําเนินงานของสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของสํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ควรเร่งรัดการพัฒนาแหล่งน้ําเพื่อการเกษตรให้ครอบคลุมพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดินให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแหล่งน้ําผิวดินและใต้ดิน สระน้ําเพื่อการเกษตรประจําไร่นา หรือการขุดเจาะบ่อบาดาลพร้อมหอถังสูงระบบโซล่าเซลล์ รวมถึงการก่อสร้างฝายชะลอน้ํา ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรได้รับประโยชน์จากการมีแหล่งกักเก็บน้ําและเพิ่มความชุ่มชื้นให้พื้นที่ ทั้งเน้นย้ําการผลิตเกษตรปลอดภัย เป็นการดําเนินงานที่สอดรับกับนโยบายรัฐบาลได้เป็นอย่างดี เพราะจะช่วยให้เกษตรกรปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรได้ นอกจากนั้น ยังให้ความสําคัญกับการส่งเสริมให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีทางการเกษตร การนํานวัตกรรมใหม่ๆมาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรสามารถดูแลบริหารจัดการได้เอง อีกประเด็นหนึ่งที่ควรให้ความสําคัญ คือ การใช้ข้อมูล Big Data ในการเชื่อมโยงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเกษตรกร มาใช้ประกอบการดําเนินงาน ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีมีความทันสมัยมากขึ้น ทําให้เข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้ง่าย ซึ่งจะช่วยให้การดําเนินงานต่างๆ สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
|
4/1/2023
| null |
กรุงเทพมหานคร
|
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104154901989
| null |
วราวุธ ให้เร่งติดตามเรือใบที่จอดแนวปะการังจนสร้างความเสียหายอย่างมากบริเวณเกาะยาวาซำ จ.กระบี่ เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมาย
|
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เร่งติดตามเรือใบที่จอดแนวปะการังจนสร้างความเสียหายอย่างมากบริเวณเกาะยาวาซํา จ.กระบี่ เพื่อดําเนินคดีทางกฎหมาย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีพบท้องเรือใบจอดอยู่กลางทะเลครูดทับอยู่บนหินปะการังใต้ทะเลจนเกิดความเสียหาย บริเวณเกาะยาวาซํา จ.กระบี่ ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพีว่า ได้กําชับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามเรือดังกล่าวมาดําเนินคดีตามกฎหมาย เพราะจากการตรวจสอบพบปะการังเสียหายและแตกหักเสียหายอย่างมาก จึงไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ ทั้งนี้ ช่วงเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวในประเทศไทยได้เน้นย้ําทุกอุทยานแห่งชาติต้องช่วยกันดูแลและปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ดี ซึ่งไม่เน้นไปที่รายได้แต่เน้นหลังปิดฤดูกาลท่องเที่ยวแล้วจะดูแลความสมบูรณ์ของธรรมชาติได้มากน้อยแค่ไหน จึงให้แต่ละอุทยานแห่งชาติต้องประชาสัมพันธ์และทําความเข้าใจกับผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวให้ดี เกี่ยวกับกฎระเบียบการเยี่ยมชมธรรมชาติในพื้นที่อุทยานแห่งชาติต้องไม่ทําลายทรัพยากรจนเสียหายในระดับที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ เพราะธรรมชาติต้องใช้ระยะเวลาฟื้นตัวนานกว่า 10 – 20 ปี หรือมากกว่านั้น
|
4/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104162032999
| null |
ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ประชุมติดตามผลการดำเนินงานการจัดทำ “ถังขยะเปียก ลดโลกร้อน”
|
วันนี้ (4 ม.ค.2565) ที่เรือนสโมสร จวนผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุม ติดตามผลการดําเนินงานการจัดทํา “ถังขยะเปียก ลดโลกร้อน” ซึ่งจังหวัดตรัง ตั้งเป้าดําเนินการกว่า 1 แสนครัวเรือนในพื้นที่จังหวัดตรัง ปัจจุบันดําเนินการได้ร้อยละ 47 อยู่ในลําดับที่ 56 ของประเทศ โดยมีอําเภอปะเหลียน ดําเนินการจัดทําถังขยะเปียก ลดโลกร้อนได้มากที่สุด รองลงมา คือ อําเภอหาดสําราญและอําเภอกันตัง ในขณะที่อําเภอเมืองตรัง ยังดําเนินการได้น้อยอยู่ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า การจัดทําถังขยะเปียก ลดโลกร้อน เป็นการจัดการขยะต้นทาง ซึ่งการลดปริมาณขยะเปียกหรือขยะเศษอาหารที่มีปริมาณน้ําหนักมากที่สุด จะช่วยลดปัญหากลิ่นน้ําเสียจากการเก็บขนขยะ ลดภาระงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการขยะ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากบ่อฝังกลบ อีกทั้ง ขยะเปียกที่เปลี่ยนเป็นสารปรับปรุงบํารุงดิน ยังสามารถนํามาใช้ประโยชน์ในครัวเรือนได้ จึงขอให้ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เร่งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ ความเข้าใจ สร้างความตระหนักและความร่วมมือจากประชาชนในการคัดแยกขยะเศษอาหารหรือขยะเปียกในครัวเรือน พร้อมขอให้ทุกอําเภอได้ลงพื้นที่ติดตามเร่งรัดให้ทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดําเนินการจัดทําถังขยะเปียก ลดโลกร้อน ให้ครอบคลุมพื้นที่ต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
4/1/2023
|
ภาคใต้
|
ตรัง
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104175951026
| null |
ผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม ลงพื้นที่เยี่ยมเกษตรกรชาวสวนส้มโอขาวใหญ่
|
วันนี้ (4 มกราคม 2566) นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมด้วย นางสมพิส ทองดีนอก เกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม ลงพื้นที่สวนส้มโอ หมู่ 2 ตําบลบางสะแก อําเภอบางคนที โดยมี นายวุฒิชัย ยามโคกสูง นายอําเภอบางคนที นายวิชัย กรรมาชีพ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลบางสะแก นายประวิทย์ คุ้มสิน และเกษตรกรให้การต้อนรับและนําชมผลผลิตส้มโอขาวใหญ่ และสนทนาในหลายประเด็น ทั้งเรื่องผลผลิตส้มโอขาวใหญ่ ราคาของผลผลิตที่ตกต่ํา ช่องทางการจําหน่าย แผนระยะยาว รวมทั้งแนวทางการแก้ไขราคาของผลผลิตในระยะยาว ที่ผ่านมามีบางช่วงที่ราคาส้มโอจะมีราคาตกต่ําผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า สมุทรสงครามแม้จะเป็นจังหวัดเล็ก เพราะมีพื้นที่เพียง 416 ตารางกิโลเมตร แต่ก็มีจุดเด่น เพราะเป็นเมืองที่มี 3 น้ํา คือน้ําจืด น้ําเค็ม และน้ํากร่อย ดินจึงมีคุณสมบัติพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ส่งผลทําให้ผลไม้ที่นี่มีรสชาติดี โดยเฉพาะส้มโอ เป็นผลไม้ที่คนไทยทุกภาครู้จักและนิยมบริโภคกันมาช้านาน ได้รับอนุมัติให้ใช้ตราสัญลักษณ์ GI (Geographical indicator) หรือที่เรียกว่า สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดสมุทรสงคราม ทําให้สามารถจําแนกชนิดของส้มโอได้ชัดเจน เป็นอัตลักษณ์เฉพาะของจังหวัดสมุทรสงครามรุ่งนภา/ข่าว/ธิติมา /เรียบเรียงทีมงานสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
4/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
สมุทรสงคราม
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104181808031
| null |
ปภ. แจ้ง 11 จังหวัดภาคกลางและภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และคลื่นลมแรง 6–11 มกราคมนี้
|
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้ง 11 จังหวัดภาคกลางและภาคใต้ ได้แก่ เพชรบุรีประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เฝ้าระวังน้ําท่วมฉับพลัน น้ําป่าไหลหลาก น้ําท่วมขัง น้ําล้นตลิ่ง และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 6–11 มกราคม 2566 โดยประสานจังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัย โดยติดตามสภาพอากาศและปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ พื้นที่ที่มีฝนตกหนัก หรือฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่เสี่ยงที่เคยเกิดน้ําท่วมเป็นประจําตลอดจนติดตาม ตรวจสอบ ซ่อมแซมแนวคันบริเวณริมแม่น้ําและเร่งกําจัดสิ่งกีดขวางทางน้ํา สําหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ํา น้ําตก ถ้ําลอด หากมีฝนตกหนักมีความเสี่ยงที่จะเกิดภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่ ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังคลื่นลมแรง ให้ออกประกาศ หรือติดตั้งสัญญาณการแจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะ ห้ามลงเล่นน้ํา และประกอบกิจกรรมทางทะเลด้วยความระมัดระวังในช่วงคลื่นลมแรง หากสถานการณ์ในพื้นที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้จังหวัดพิจารณาห้ามการเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด รวมทั้ง จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจําพื้นที่เสี่ยง ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยและแจ้งเตือนประชาชนติดตามสถานการณ์น้ําพยากรณ์อากาศและปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด
|
4/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สวท.จันทบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104195910082
| null |
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของ ก.ทรัพย์ มติชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงอดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงทันที
|
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีมติชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรงอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงทันที คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่มี นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน ได้ข้อสรุปเสนอผลการสอบข้อเท็จจริงกรณี นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการหน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เสนอรายงานให้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว โดยมีมติชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง เบื้องต้นปลัดกระทรวงทรัพย์ฯได้เซ็นคําสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา แล้ว สําหรับการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ตามกรอบเวลาเบื้องต้นจะต้องดําเนินการภายใน 30 วัน แต่หากไม่แล้วเสร็จอาจจะต่อระยะเวลาอีก 30 วัน ซึ่งโทษสูงสุดคือการถูกไล่ออกจากราชการ
|
4/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104201126091
| null |
กรมการข้าว เร่งก่อสร้างศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุพรรณบุรีเตรียมรองรับความต้องการเมล็ดพันธุ์ข้าว คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2567
|
นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า กรมการข้าวดําเนินงานโครงการขยายศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว โดยการก่อสร้างศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวเพิ่มเติมในจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกข้าวมากกว่า 300,000 ไร่ต่อปี (นาปีและนาปรัง) และยังไม่มีหน่วยงานที่มีภารกิจในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชั้นพันธุ์ขยาย ชั้นพันธุ์จําหน่ายอยู่ในพื้นที่ เพื่อขยายศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวภาพรวมของกรมการข้าว ลดปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ เพิ่มโอกาสการเข้าถึงเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีของเกษตรกร เพิ่มหน่วยงานสนับสนุนด้านวิชาการและบริการประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนตอบสนองนโยบายของรัฐในการส่งเสริมการผลิตข้าวผ่านโครงการต่างๆ และสร้างความมั่นคงทางเมล็ดพันธุ์ของประเทศ โครงการดังกล่าว กรมการข้าว ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อดําเนินการก่อสร้างศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวสุพรรณบุรี พร้อมติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์เพื่อการปรับปรุงสภาพเมล็ดพันธุ์ และครุภัณฑ์สําหรับใช้ในการปฏิบัติงาน ผูกพันงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2567 วงเงินตามสัญญารวมทั้งสิ้น 259,500,000 บาท แบ่งเป็น 30 งวดงาน ระยะเวลาดําเนินการ 550 วัน ขณะนี้ดําเนินการก่อสร้างไปแล้วร้อยละ 12 คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการประชาชนได้ในปีงบประมาณ 2567
|
4/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104202553102
| null |
เกษตรจังหวัดบุรีรัมย์รณรงค์ไถกลบตอซังข้าว สร้างการรับรู้ให้เกษตรกร ที่อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์
|
วันนี้ 4 มกราคม 2566 ที่ ตําบลหนองแวง อําเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ นายเสกสรร จันวงษา นายอําเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ เป็นประธานเปิดงาน รณรงค์ไถกลบตอซังข้าว และการรณรงค์ส่งเสริมการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุอินทรีย์ โดยมีนายดํารง ปลั่งกลาง เกษตรจังหวัดบุรีรัมย์ หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ ผู้นําชุมชน และเกษตรกร เข้าร่วมงานโดยการเปิดงานรณรงค์ไถกลบตอซังข้าวฯ ในครั้งนี้ ได้มีการดําเนินการในพื้นที่ 100 ไร่ ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวดําเนินการโดย อําเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ สํานักงานเกษตรอําเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ สถานีพัฒนาที่ดินบุรีรัมย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มแปลงใหญ่อําเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ และบริษัทคูโบต้าศิริพงษ์แมชีนเนอรี่ สาขาสตึก มีวัตถุประสงค์หลักคือ ประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรได้รู้ถึงประโยชน์จากการไถกลบตอซัง ให้เกษตรกรนําวัสดุเหลือใช้ในไร่นากลับมาเป็นวัสดุปรับปรุงบํารุงดิน เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน เพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิตข้าว และลดพื้นที่การเผาในพื้นที่การเกษตรเป็นการลดปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 อีกทั้ง เป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรทําการเกษตรปลอดการเผา โดยนํานวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรและองค์ความรู้ด้านการเกษตร มาประยุกต์ใช้เพื่อจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ภายในงานมีกิจกรรมสาธิตการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรครบวงจรนํามาประยุกต์ใช้เพื่อจัดการวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และกิจกรรมการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์และวัสดุอินทรีย์#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
4/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
บุรีรัมย์
|
สวท.บุรีรัมย์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230104215546127
| null |
นายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีวันพรุ่งนี้ เปิดงาน “ข้าวรักษ์โลก” ต่อยอดนโยบาย BCG Model
|
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดสิงห์บุรี ในวันพรุ่งนี้ (6 มกราคม 2566 ) โดยมีพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมลงพื้นที่ตรวจราชการ ซึ่งมีกําหนดการเดินทางไปยังพื้นที่ก่อสร้างพนังกั้นน้ํา ตําบลน้ําตาล อําเภออินทร์บุรี เพื่อตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าพื้นที่ก่อสร้างพนังกั้นน้ํา จากนั้นไปยังพื้นที่นานําร่อง หมู่ที่ 1 ตําบลน้ําตาล อําเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อเป็นประธานเปิดกิจกรรม “ข้าวรักษ์โลก” โดยนายกรัฐมนตรีจะขับรถดํานาปลูกข้าว ร่วมกับชาวนา พร้อมกับปล่อยปลา ร่วมกับเกษตรกร ก่อนไปยังจุดพิธีเปิดกิจกรรม “ข้าวรักษ์โลก” โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะรับฟังรายงานผลการดําเนินงาน โครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model (สิงห์บุรีโมเดล) จากนายภณ ทัพพินท์กร นายกสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะกล่าวเปิดกิจกรรม “ข้าวรักษ์โลก” พบปะเกษตรกรและเดินเยี่ยมชมนิทรรศการสําหรับโครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model เป็นผลงานของรัฐบาล ที่ต้องการให้ชาวนาทําการปฏิวัติการทํานาใหม่เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ด้วยโครงการส่งเสริมการใช้จุลินทรีย์เพื่อการเกษตรเท่านั้น ทําการย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ให้กลายเป็นปุ๋ยธรรมชาติ เพิ่มธาตุสารอาหารที่สําคัญให้กับพืช และส่งเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อการเกษตร พร้อมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ การส่งเสริมจากภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกษตรกรสามารถสร้างแปลงเพาะปลูกในระบบ ทําการจับคู่ตามความต้องการเพิ่มโอกาสเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร จากการส่งเสริมโครงการดังกล่าวทําให้ได้ผลผลิตข้าวดีมีคุณภาพ ปลอดสารพิษ ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงเป็นการส่งเสริมแบบครบวงจร เพื่อยกระดับคุณภาพข้าวไทยออกสู่เวทีโลก
|
5/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105090846165
| null |
ปชส.สุราษฎร์ธานี ครม. เห็นชอบแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 ภายใต้กรอบ “สื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม”
|
นายณรงค์ หลักกําจร ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่น ว่า ครม. เห็นชอบแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 ประกอบด้วยแนวทางการดําเนินงาน 7 แนวทาง ภายใต้กรอบ “สื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม” เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดําเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองโดยเฉพาะในช่วงเกิดสถานการณ์ โดยแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 มีด้วยกัน 7 มาตรการ คือ 1.ประชาสัมพันธ์เชิงรุก และให้แจ้งเตือนล่วงหน้า 7 วัน ทุกพื้นที่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน โต้ตอบ Fake News ต่อสถานการณ์ที่ทําให้ประชาชนสับสน และเน้นสื่อสารผ่านช่องทางใหม่อย่าง TikTok ที่เข้าถึงเยาวชนได้ง่าย 2. ยกระดับมาตรการดําเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ อาทิ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองและแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง ควบคุมฝุ่นละอองทั้งในช่วงวิกฤตในพื้นที่ป่าจากยานพาหนะ และภาคอุตสาหกรรม เตรียมความพร้อมของบุคลากรและอุปกรณ์เครื่องมือพร้อมใช้งานตลอดเวลา นอกจากนี้ให้ภาคเอกชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง นําน้ํามันกํามะถันต่ํามาจําหน่ายซึ่งจะช่วยให้ปริมาณฝุ่นละลองขนาดเล็ก (PM2.5) ลดลง 3. ยกระดับการบริหารจัดการเชื้อเพลิง อาทิ ลดการเผาในที่โล่ง พร้อมทั้งการจัดเก็บเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่า และพื้นที่การเกษตร รวมถึงพื้นที่เสี่ยงต่อการเผาหรือมีการเผาซ้ําซาก ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรนําเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ตอซัง ฟางข้าว และใบอ้อยไปใช้ประโยชน์หรือเพิ่มมูลค่าเพื่อลดการเผา 4.กํากับดูแลการปฏิบัติการเชิงรุก ติดตามผลการดําเนินการ ประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง อาทิ การลงพื้นที่ควบคุมและลดฝุ่นจากแหล่งกําเนิดต่างๆ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จัดทําแพลตฟอร์มศูนย์รวมข้อมูลที่ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลหรือแจ้งเหตุด้านมลพิษ และติดตามการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ 5. ป้องกันและควบคุมการเกิดไฟในทุกพื้นที่ และพัฒนาระบบพยากรณ์ความรุนแรงและอันตรายของไฟเพื่อเป็นข้อมูลคาดการณ์ พร้อมทั้งจัดหาเครื่องมือ อุปกรณ์ป้องกันและดับไฟป่าขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมถึงสํารวจและตรวจสอบความสมบูรณ์ของเครื่องมือเพื่อจัดทําฐานข้อมูลสําหรับการปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการเกิดไฟ 6. ผลักดันกลไกระหว่างประเทศเพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหา หมอกควันข้ามแดนมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจัดทํา Roadmap และกําหนด เป้าหมายการลดจํานวนจุดความร้อน/พื้นที่เผาไหม้ในภูมิภาคอาเซียน และยกระดับความร่วมมือในกรอบคณะกรรมการชายแดนและจังหวัดคู่ขนานเพื่อกํากับควบคุมแหล่งกําเนิดจากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะการเผา และ 7.ประชาชนและทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในวางแผน ดําเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละออง สร้างความเข้าใจ พร้อมเปิดโอกาสและช่องทางให้มีการรายงานผลการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงช่องทางสําหรับร้องทุกข์ เพื่อแจ้งเหตุการณ์เกิดไฟป่าหรือการเผาในที่โล่ง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
| null |
สุราษฎร์ธานี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105110750231
| null |
ปชส.สุราษฎร์ธานี เผย ครม. เห็นชอบแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 66 ภายใต้กรอบ “สื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม”
|
นายณรงค์ หลักกําจร ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่น ว่า ครม. เห็นชอบแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 66 ประกอบด้วยแนวทางการดําเนินงาน 7 แนวทาง ภายใต้กรอบ “สื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม” เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดําเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองโดยเฉพาะในช่วงเกิดสถานการณ์ โดยแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 มีด้วยกัน 7 มาตรการ คือ 1.ประชาสัมพันธ์เชิงรุก และให้แจ้งเตือนล่วงหน้า 7 วัน ทุกพื้นที่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชน โต้ตอบ Fake News ต่อสถานการณ์ที่ทําให้ประชาชนสับสน และเน้นสื่อสารผ่านช่องทางใหม่อย่าง TikTok ที่เข้าถึงเยาวชนได้ง่าย 2. ยกระดับมาตรการดําเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ อาทิ การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองและแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง ควบคุมฝุ่นละอองทั้งในช่วงวิกฤตในพื้นที่ป่าจากยานพาหนะ และภาคอุตสาหกรรม เตรียมความพร้อมของบุคลากรและอุปกรณ์เครื่องมือพร้อมใช้งานตลอดเวลา นอกจากนี้ให้ภาคเอกชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง นําน้ํามันกํามะถันต่ํามาจําหน่ายซึ่งจะช่วยให้ปริมาณฝุ่นละลองขนาดเล็ก (PM2.5) ลดลง 3. ยกระดับการบริหารจัดการเชื้อเพลิง อาทิ ลดการเผาในที่โล่ง พร้อมทั้งการจัดเก็บเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่า และพื้นที่การเกษตร รวมถึงพื้นที่เสี่ยงต่อการเผาหรือมีการเผาซ้ําซาก ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรนําเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ตอซัง ฟางข้าว และ ใบอ้อยไปใช้ประโยชน์หรือเพิ่มมูลค่าเพื่อลดการเผา 4. กํากับดูแลการปฏิบัติการเชิงรุก ติดตามผลการดําเนินการ ประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง อาทิ การลงพื้นที่ควบคุมและลดฝุ่นจากแหล่งกําเนิดต่างๆ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จัดทําแพลตฟอร์มศูนย์รวมข้อมูลที่ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลหรือแจ้งเหตุด้านมลพิษ และติดตามการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ 5. ป้องกันและควบคุมการเกิดไฟในทุกพื้นที่ และพัฒนาระบบพยากรณ์ความรุนแรงและอันตรายของไฟเพื่อเป็นข้อมูลคาดการณ์ พร้อมทั้งจัดหาเครื่องมือ อุปกรณ์ป้องกันและดับไฟป่าขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมถึงสํารวจและตรวจสอบความสมบูรณ์ของเครื่องมือเพื่อจัดทําฐานข้อมูลสําหรับการปฏิบัติการป้องกันและควบคุมการเกิดไฟ 6. ผลักดันกลไกระหว่างประเทศเพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหา หมอกควันข้ามแดนมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยจัดทํา Roadmap และกําหนด เป้าหมายการลดจํานวนจุดความร้อน/พื้นที่เผาไหม้ในภูมิภาคอาเซียน และยกระดับความร่วมมือในกรอบคณะกรรมการชายแดนและจังหวัดคู่ขนานเพื่อกํากับควบคุมแหล่งกําเนิดจากประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะการเผา 7.ประชาชนและทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในวางแผน ดําเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละออง สร้างความเข้าใจ พร้อมเปิดโอกาสและช่องทางให้มีการรายงานผลการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงช่องทางสําหรับร้องทุกข์ เพื่อแจ้งเหตุการณ์เกิดไฟป่าหรือการเผาในที่โล่ง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคใต้
|
สุราษฎร์ธานี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105141111295
| null |
จ.ยะลา จัดงานวันรณรงค์การขยายพื้นที่ปลูกกล้วยหินจังหวัดยะลาพืชอัตลักษณ์ (กล้วยหิน GI) กระตุ้นเกษตรกรขยายพื้นที่ปลูก
|
วันนี้ (5 ม.ค. 66) ที่สํานักงานเกษตร จ.ยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผวจ.ยะลา เปิดงานรณรงค์การขยายพื้นที่ปลูกกล้วยหินจังหวัดยะลา ซึ่งเป็นพืชอัตลักษณ์ประจําถิ่นของจังหวัดยะลา และได้รับเครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) เมื่อปี พ.ศ. 2554 เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สร้างขวัญและกําลังใจตลอดจนกระตุ้นให้เกษตรกรเกิดความสนใจขยายพื้นที่ปลูกกล้วยหินเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับนําความรู้ทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพื้นที่ปลูกกล้วยหินให้สามารถเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้นท่ามกลางการมีอยู่ของโรคเหี่ยวในกล้วยหิน และสามารถเผยแพร่ความรู้ขยายผลสู่เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียง ให้สนใจจัดการสวนกล้วยหินอย่างมีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น ภายในงานให้มีการบริการนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับโรคเหี่ยวในกล้วยหิน การจัดการแปลงปลูกกล้วยหินปลอดโรค 6 ขั้นตอนและการใช้สารชีวภัณฑ์ในการควบคุมป้องกันโรค มีการจัดแสดงผลผลิตกล้วยหิน อาหารจากกล้วยหินและกล้วยหินแปรรูปนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า วันรณรงค์การขยายพื้นที่ปลูกกล้วยหินจังหวัดยะลา เป็นรูปแบบหนึ่งของการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรในพื้นที่พร้อมถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรสามารถนําไปใช้ในการจัดการแปลงปลูกกล้วยหินของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้บูรณาการกับมหาวิทยาลัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา เทศบาลนครยะลา และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และเกษตรกรที่มาร่วมงานในวันนี้นั้นจะได้ใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวเขาเอง โดยสามารถศึกษาความรู้เกี่ยวกับการป้องกันกําจัดโรคเหี่ยวในกล้วยหิน การจัดการสวนกล้วยหิน 6 ขั้นตอน หรือปรึกษากับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุดเพื่อให้เกษตรกรได้นําความรู้ไปใช้ในการจัดการดูแลแปลงปลูกกล้วยหินให้ได้ผลผลิตที่สูงขึ้นอย่างมีคุณภาพ อันจะเป็นแนวทางในการพัฒนาอาชีพการปลูกกล้วยหินได้อย่างแท้จริงท่าม การสถานการณ์การระบาดของโรคเหี่ยวกล้วยหิน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สวท.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105111239234
| null |
เกษตร จ.ยะลา จัดวันรณรงค์ ขยายพื้นที่ปลูกกล้วยหิน พืชอัตลักษณ์ประจำถิ่น สร้างความเชื่อมั่นเกษตรกรผู้ปลูกในพื้นที่
|
กล้วยหิน เป็นพืชอัตลักษณ์ประจําถิ่นของจังหวัดยะลา ซึ่งได้จดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2554 รวมถึงยังเป็นพืชเศรษฐกิจสําคัญ สามารถนําไปแปรรูปได้หลากหลาย สร้างรายได้ให้กับเกษตร จ.ยะลา เป็นจํานวนมาก ขณะที่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เกษตรกรผู้ปลูกกล้วยหินในพื้นที่ จ.ยะลา ได้เผชิญกับโรคเหี่ยวในกล้วยหิน ทําให้การปลูกกล้วยหิน และผลผลิตมีจํานวนไม่มากเพื่อเป็นการส่งเสริม ประชาสัมพันธ์กระตุ้นให้เกษตรกรเกิดความสนใจ ขยายพื้นที่ปลูกกล้วยหินเพิ่มมากขึ้น ตลอดจน เป็นการสร้างขวัญและกําลังใจ พร้อมทั้งนําความรู้ทางวิชาการที่เกี่ยวข้องไปจัดการพื้นที่ปลูกกล้วยหินให้สามารถเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น ท่ามกลางการมีอยู่ของโรคเหี่ยวในกล้วยหิน และสามารถเผยแพร่ความรู้ขยายผลสู่เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียง ให้สนใจจัดการสวนกล้วยหินอย่างมีคุณภาพเพิ่มมากขึ้นในวันนี้ 5 มกราคม 2566 ทาง สํานักงานเกษตรจังหวัดยะลา อําเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา จึงได้จัดวันรณรงค์การขยายพื้นที่ปลูกกล้วยหินจังหวัดยะลา พืชอัตลักษณ์ (กล้วยหิน GI) ขึ้น โดยมีนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานเปิดงาน พร้อมมอบหน่อพันธุ์กล้วยหินปลอดโรคแก่ตัวแทนเกษตรกร ร่วมกับ เกษตรจังหวัดยะลา หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา เทศบาลนครยะลาและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่สําหรับกิจกรรมในงาน มีการให้บริการนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับโรคเหี่ยวในกล้วยหิน การจัดการแปลงปลูกกล้วยหินปลอดโรค 6 ขั้นตอน และการใช้สารชีวภัณฑ์ในการควบคุมป้องกันโรค นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงผลผลิตกล้วยหิน อาหารจากกล้วยหินและกล้วยหินแปรรูป ซึ่งได้รับความสนใจจากข้าราชการ เกษตรกร ผู้ที่สนใจ เข้าร่วมงาน กว่า 100 คน นายกัสมัน ยะมาแล เกษตรจังหวัดยะลา บอกว่า การจัดงาน รณรงค์การขยายพื้นที่ปลูกกล้วยหินจังหวัดยะลา จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องเกษตรกร กล้วยหินยังเป็นพืชที่มีความสําคัญ กับ จ.ยะลา เป็นพืช GI เหมือนเดิม จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2558 มีการเริ่มโรคเหี่ยวในกล้วยหิน ปี 2560 มีผลผลิตต่ําสุดอยู่ที่ 330 กก.ต่อ ไร่ หลังจากที่เราได้มีแนวทางพัฒนาป้องกันโรค ทําให้ ปี 2566 พื้นที่การเหี่ยวในกล้วยหินก็น้อยลง พื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้น เป็น 2,700 กว่าไร่ ระบาด 1,500 กว่าไร่อย่างไรก็ตาม ถ้าเรามีการดูแลกล้วยหินเป็นอย่างดี บํารุงรักษา ต้นที่ยังไม่เป็นโรคในกอให้สมบูรณ์ มีการตัดปลีกล้วยในระยะตีนเต่า มีการออกผลผลิตอย่างดี จะทําให้เกษตรกรมีผลผลิตเพิ่มขึ้น ซึ่งเกษตรกรที่ปฎิบัติตามนี้ ในปีนี้มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ถึง 1,400 กว่าไร่ ก็ขอสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องเกษตรกร ถ้าเราดูแลต้นกล้วยหินเป็นอย่างดี ผลผลิตก็ไม่ได้น้อยลงมาก ส่วนการตลาดนั้นมีความมั่นใจว่า สดใส มีผู้คนนิยมจํานวนมาก ทั้ง กล้วยหินสด เลี้ยงนก แม้กระทั่งผลิตภัณฑ์แปรรูปกล้วยหินต่างๆ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สทท.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105112726237
| null |
เกษตร จ.นครพนม แจ้งวิสาหกิจชุมชนต่อทะเบียนวิสาหกิจชุมชน ประจำปี 2566
|
สํานักงานเกษตรจังหวัดนครพนม ประชาสัมพันธ์ข่าวจากกรมส่งเสริมการเกษตรการเปิดรับจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชนและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ.2548 ตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2548 เป็นต้นมา และตามพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน พ.ศ.2548 ในหมวด 1 มาตรา 8 ได้ระบุว่า “ภายในสามสิบวันนับตั้งแต่วันสิ้นปีปฏิทิน ให้วิสาหกิจชุมชนที่ได้จดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตรที่จะดําเนินกิจการต่อไป แจ้งความประสงค์ต่ออายุฯ โดยวิสาหกิจชุมชนที่ขาดต่ออายุเป็นเวลาสองปีติดกัน ให้กรมส่งเสริมการเกษตร มีหนังสือเตือนให้วิสาหกิจชุมชนนั้นแจ้งต่ออายุทะเบียน ถ้าไม่มีการแจ้งต่อทะเบียนตามคําเตือนดังกล่าว ให้กรมส่งเสริมการเกษตรถอนชื่อออกจากทะเบียน เกษตรกรสามารถดําเนินการเรื่องการต่ออายุทะเบียนฯ ประจําปี 2566 ได้ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 มกราคม 2566 ณ สํานักงานการเกษตรอําเภอ ที่วิสาหกิจนั้นตั้งอยู่ ซึ่งมีเอกสารหลักฐานประกอบในการต่ออายุทะเบียน ได้แก่1. หนังสือสําคัญแสดงการจดทะเบียน (ท.ว.ช.2)2. เอกสารสําคัญแสดงการดําเนินกิจการ (ท.ว.ช.3)3. บัตรประชาชนของผู้ยื่นแบบ4. หนังสือมอบอํานาจให้ทําแทนวิสาหกิจชุมชน/เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน5. บันทึกแจ้งความ (กรณี ท.ว.ช.2/ท.ว.ช.3 สูญหาย)6. ข้อบังคับ หรือข้อตกลงร่วมกันของสมาชิก7. แผนประกอบการ8. ผลการดําเนินงานทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สํานักงานเกษตรอําเภอใกล้บ้าน หรือกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร สํานักงานเกษตรจังหวัดนครพนม
|
5/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครพนม
|
สวท.นครพนม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105181624408
| null |
สำนักงานเกษตรจังหวัดสตูล ส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวพื้นเมือง “อัลฮัมดุลิลลาฮ์” เน้นเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพ
|
นายชาญณรงค์ วิรุณสาร เกษตรจังหวัดสตูล เปิดเผยว่า สํานักงานเกษตรจังหวัดสตูล โดยกลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต จัดฝึกอบรมเกษตรกร“หลักสูตรการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพ” กิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวพื้นเมืองพันธุ์อัลฮัมดุลิลลาฮ์ 4 ในพื้นที่จังหวัดสตูล โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรและเพิ่มมูลค่าผลผลิตการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ภายใต้แผนปฏิบัติราชการประจําปีงบประมาณ 2566 จังหวัดสตูล ณ อาคารอเนกประสงค์หมู่ที่ 3 ตําบลเกตรี อําเภอเมือง จังหวัดสตูล โดยมีเกษตรกรผู้เข้ารับการฝึกอบรม จากพื้นที่อําเภอเมืองสตูล และอําเภอควนโดน รวมจํานวน 25 คนสําหรับการฝึกอบรมครั้งนี้ ได้ให้ความรู้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี, คุณภาพมาตรฐานเมล็ดพันธุ์ข้าว, การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวอัลฮัมดุลิลลาฮ์ 4 และการผลิตข้าวคุณภาพตามมาตรฐานอินทรีย์ โดยวิทยากรจากศูนย์วิจัยข้าวพัทลุง เพื่อให้เกษตรกรผู้ผลิตข้าวสายพันธุ์พื้นเมืองมีความรู้ความเข้าใจในเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพ และนําความรู้ไปปรับใช้ในกระบวนการผลิตเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เองและขยายผลในพื้นที่จังหวัดสตูลต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคใต้
|
สตูล
|
สวท.สตูล
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105115549253
| null |
สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองตรัง สำรวจและติดตามสถานการณ์การระบาดของหนอนหัวดำมะพร้าว พื้นที่ตำบลนาตาล่วง
|
นางนิตยา จันทร์ประทีป เกษตรอําเภอเมืองตรัง มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอเมืองตรัง สํารวจและติดตามสถานการณ์การระบาดของหนอนหัวดํามะพร้าว ณ สวนมะพร้าวน้ําหอมของ ร.ต.ท.ธีระวุฒิ พานิช และพื้นที่ข้างเคียง ในหมู่ที่2 ตําบลนาตาล่วง อําเภอเมือง จังหวัดตรัง ผลการสํารวจพบการระบาดของหนอนหัวดํามะพร้าวในพื้นที่การปลูกมะพร้าว 5 ไร่ โดยได้ให้คําแนะนําในการติดตามสถานการณ์การระบาด และการควบคุมการระบาดที่ถูกวิธีอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการระบาดในวงกว้างต่อไป ทั้งนี้ ตัวหนอนเข้าทําลายใบมะพร้าว โดยแทะกินผิวใบบริเวณใต้ทางใบจากนั้นจะถักใยนํามูลที่ถ่ายออกมาผสมกับเส้นใยที่สร้างขึ้น นํามาสร้างเป็นอุโมงค์คลุมลําตัวยาวตามทางใบบริเวณใต้ทางใบ ตัวหนอนอาศัยอยู่ภายในอุโมงค์ที่สร้างขึ้นและแทะกินผิวใบ โดยทั่วไปหนอนหัวดํามะพร้าวชอบทําลายใบแก่ หากการทําลายรุนแรงจะพบว่า หนอนหัวดํามะพร้าวทําลายก้านทางใบ จั่น และผลมะพร้าว ต้นมะพร้าวที่ถูกหนอนหัวดํามะพร้าวลงทําลายทางใบหลายๆ ทาง พบว่าหนอนหัวดํามะพร้าวจะถักใยดึงใบมะพร้าวมาเรียงติดกันเป็นแพ เมื่อตัวหนอนโตเต็มที่แล้วจะถักใยหุ้มลําตัวอีกครั้ง และเข้าดักแด้อยู่ภายในอุโมงค์ ดักแด้มีสีน้ําตาลเข้ม ดักแด้เพศผู้จะมีขนาดเล็กกว่าดักแด้เพศเมียเล็กน้อย ผีเสื้อหนอนหัวดํามะพร้าวที่ผสมพันธุ์แล้วจะวางไข่บนเส้นใยที่สร้างเป็นอุโมงค์ หรือซากใบที่ถูกหนอนหัวดํามะพร้าวลงทําลายแล้ว ตัวหนอนเมื่อฟักออกจากไข่จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม 1 - 2 วัน ก่อนจะย้ายไปกัดกินใบมะพร้าว จึงมักพบหนอนหัวดํามะพร้าวหลายขนาดกัดกินอยู่ในใบมะพร้าวใบเดียวกัน หากการทําลายรุนแรงอาจทําให้ต้นมะพร้าวตายได้ สําหรับ แนวทางป้องกัน/แก้ไข วิธีเขตกรรมและวิธีกล ตัดใบที่มีหนอนหัวดํามะพร้าวนําไปเผาทําลายทันที ไม่ควรเคลื่อนย้ายต้นพันธุ์มะพร้าวหรือพืชตระกูลปาล์มมาจากแหล่งที่มีการระบาด และการใช้ชีววิธี การใช้แตนเบียนที่เฉพาะเจาะจงกับหนอนหัวดํามะพร้าว เช่น แตนเบียนโกนีโอซัส นีแฟนติดิส (Goniozus nephantidis) โดยปล่อยช่วงเวลาเย็น พลบค่ํา อัตรา 200 ตัวต่อไร่ต่อครั้ง ให้กระจายทั่วแปลงเดือนละครั้ง ถ้าปล่อยแตนเบียนได้มากจะทําให้เห็นผลในการควบคุมเร็วขึ้น#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคใต้
|
ตรัง
|
สวท.ตรัง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105130425267
| null |
เกษตรย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของเกษตรกรผู้ประสบภัยด้านพืช เนื่องจากน้ำป่าไหลหลากเมื่อวันที่ 18-22 ธันวาคม 2565 ตำบลโพรงจระเข้
|
นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอําเภอย่านตาขาว มอบหมายให้นางแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ พร้อมด้วย นายธีรยุทธิ์ กิ้มแก้ว อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน ลงพื้นที่หมู่ 4 ตําบลโพรงจระเข้ อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เพื่อสํารวจความเสียหายด้านพืชของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ําป่าไหลหลาก เมื่อวันที่ 18-22 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา จํานวน 3 ราย ดังนี้ นางกลิ่น เคี่ยมการ พื้นที่ปลูกยางพาราได้รับความเสียหายอย่างสิ้นเชิง จํานวน 1 งาน นางเพ็ญศรี นะวะกะ พื้นที่ปลูกยางพาราได้รับความเสียหายอย่างสิ้นเชิง จํานวน 1 งาน และนางเรวดี วงษ์ทอง พื้นที่ปลูกยางพาราได้รับความเสียหายอย่างสิ้นเชิง จํานวน 1 งาน ซึ่งทางสํานักงานเกษตรอําเภอย่านตาขาว จะดําเนินการให้การช่วยเหลือแก่เกษตรกรตามหลักเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่อไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
| null |
ตรัง
|
สวท.ตรัง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105130801268
| null |
เกษตรอำเภอเมืองตรัง เตรียมความพร้อมสำหรับการประกวดศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ดีเด่นระดับจังหวัด ประจำปี 2566
|
นางนิตยา จันทร์ประทีป เกษตรอําเภอเมืองตรัง และเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอเมืองตรัง พร้อมด้วย นายสมพรวิทย์ พริกแก้ว ประมงอําเภอเมืองตรัง เยี่ยมเยียนศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อําเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง เพื่อเตรียมความพร้อมสําหรับการประกวดศูนย์ ศพก.ดีเด่นระดับจังหวัด ประจําปี 2566 ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) หมู่ที่ 6 ตําบลหนองตรุด อําเภอเมืองตรัง จังหวัดตรังสําหรับศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ดังกล่าว มีนายชัยวัฒน์ เพชรเล็ก เกษตรกรต้นแบบเป็นประธานศูนย์เรียนรู้ฯ แต่ปัจจุบันทางศูนย์ฯ ประสบปัญหาเรื่องโรคใบร่วงชนิดใหม่ในสวนยางพารา การทําเกษตรผสมผสาน พืชร่วมยาง ได้แก่ ผักเหมียง มังคุด สละ การเลี้ยงกบ ในพื้นที่สวนยางพารา 20 ไร่ สามารถสร้างรายได้เสริมในสวนยางได้อีกทางหนึ่ง#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคใต้
|
ตรัง
|
สวท.ตรัง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105135201286
| null |
เกษตรย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ปล่อยแมลงหางหนีบเพื่อทำลายหนอนแมลงดำหนามในแปลงมะพร้าว ตำบลย่านตาขาว
|
วันนี้ ( 5 มกราคม 2566 ) นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอําเภอย่านตาขาว มอบหมายให้ นางแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ ลงพื้นที่ปล่อยแมลงหางหนีบเพื่อทําลายหนอนแมลงดําหนามในแปลงมะพร้าวของ นางจิระพันธ์ กุนหลัด เกษตรกรหมู่ที่ 2 ตําบลย่านตาขาว อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ปลูกมะพร้าว พื้นที่ปลูก 5 ไร่ จํานวน 90 ต้น อายุประมาณ 1 ปี 8 เดือน พบการเข้าทําลายของแมลงดําหนาม ระยะตัวหนอนซ่อนตัวกัดกินใบมะพร้าวอ่อนที่ยังไม่คลี่ แทรกตัวตามรอยพับ และกัดกินผิวใบด้านที่พับอยู่กระจายทั่วทั้งแปลง โดยใบที่ถูกทําลายเมื่อคลี่ออกจะเห็นเป็นรอยสีน้ําตาลแห้งเป็นทางยาวตามใบ ทําให้ใบอ่อนมะพร้าวชะงักการเจริญเติบโต และได้รายงานพื้นที่พบการระบาดแก่กลุ่มอารักพืช สํานักงานเกษตรจังหวัดตรัง เพื่อขอสนับสนุนแตนเบียนจากศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จ.สงขลา (ศทอ. สงขลา) นํามาปล่อยในพื้นที่มีการระบาดต่อไปสําหรับ "แมลงดําหนาม" ปัจจุบันถือว่าเป็นแมลงศัตรูมะพร้าวประจําถิ่น พบการเข้าทําลายมะพร้าวได้ตลอดทั้งปี โดยทั้งตัวหนอนและตัวเต็มวัยของแมลงดําหนามมะพร้าวจะซ่อนตัวในใบอ่อนและกัดกินยอดอ่อน โดยเฉพาะยอดที่ยังไม่คลี่ ทําให้ยอดอ่อนของมะพร้าวชะงักการเจริญเติบโต หากต้นมะพร้าวถูกทําลายรุนแรงติดต่อกัน ทําให้ทางใบที่ถูกทําลายแห้งกลายเป็นสีน้ําตาล มองเห็นเป็นสีขาวโพลนชัดเจน หรือที่ชาวสวนมะพร้าวมักเรียกว่า "โรคหัวหงอก" หากเกษตรกรพบการระบาดไม่รุนแรง สามารถใช้วิธีตัดยอดที่ถูกแมลงดําหนามทําลายออกแล้วนําไปทําลายนอกแปลงปลูก หรือปล่อยแมลงหางหนีบ หรือแตนเบียนแมลงดําหนามมะพร้าว หรือใช้เชื้อราเขียวเมตตาไรเซียม ช่วยควบคุมการระบาดได้ ส่วนกรณีพบการระบาดของแมลงดําหนามในระดับรุนแรง ให้เกษตรใช้สารเคมีตามคําแนะนําของกรมวิชาการเกษตร ได้แก่ มะพร้าวต้นเตี้ยใช้สารเคมี cartap hydrochloride 4% GR อัตรา 30 กรัม/ต้น ห่อใส่ถุงผ้าเหน็บไว้ที่ยอดมะพร้าว จะมีประสิทธิภาพช่วยป้องกันกําจัดแมลงดําหนามได้นาน 1 เดือน สําหรับมะพร้าวต้นสูงให้ใช้สารเคมี emamectin benzoate 1.92% EC ฉีดเข้าลําต้น อัตรา 50 ซีซี/ต้น จะมีประสิทธิภาพป้องกันกําจัดแมลงดําหนามได้นานไม่น้อยกว่า 2 เดือน หากเกษตรกรพบการเข้าทําลายให้รีบแจ้งอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอย่านตาขาว หรืออําเภอใกล้เคียงทันที#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคใต้
|
ตรัง
|
สวท.ตรัง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105135647289
| null |
จตุพร ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงอธิบดีกรมอุทยานฯ ภายในกรอบ 30 วัน โดยเฉพาะการสืบสวนสอบสวนแหล่งที่มาที่ไปของเงินที่พบในห้องทำงาน
|
ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชภายในกรอบ 30 วัน โดยเฉพาะการสืบสวนสอบสวนแหล่งที่มาที่ไปของเงินที่พบในห้องทํางาน นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการหน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของการสืบสวนสอบสวนของ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อํานวยการสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) และนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในช่วงกรอบระยะเวลา 7 วัน พบมีมูลความผิดวินัยร้ายแรงจริงและไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการสืบปากคําได้ เพราะเป็นการสืบสวนในทางลับ แต่เบื้องต้นอธิบดีกรมอุทยานฯยังให้การปฏิเสธอยู่ โดยเฉพาะเรื่องที่มาที่ไปของเงินจํานวนดังกล่าวที่พบอยู่ในห้องทํางาน แต่จะส่งเอกสารเป็นรายละเอียดชี้แจงมาให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันที่ 10 มกราคมนี้ ทั้งนี้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีคําสั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสอบข้อเท็จจริงลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น โดยมีผู้ตรวจราชการหรือรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานคณะกรรมการชุดที่ 2 นี้ มีกรอบเวลาดําเนินการภายใน 30 วัน แต่หากไม่แล้วเสร็จอาจจะต่อระยะเวลาอีก 30 วัน ซึ่งมีโทษสูงสุดคือการถูกไล่ออกจากราชการ โดยจะต้องตั้งกรรมการมาปฏิบัติหน้าที่และประชุมภายใน 7 วัน เพื่อสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานแหล่งที่มาที่ไปของเงินที่พบ และเชิญหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่มีรายชื่ออยู่บนซองเงินมาให้ปากคําเพิ่มเติม รวมถึง อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ต้องเข้ามาให้ปากคําเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องของคดีอาญาเป็นหน้าที่ของกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กล่าวย้ําว่า กรณีคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงมีมติชี้มูลความผิดร้ายแรงแล้วผู้ถูกกล่าวหาสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 90 วัน
|
5/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105134328277
| null |
จตุพร ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงอธิบดีกรมอุทยานฯ ภายในกรอบ 30 วัน โดยเฉพาะการสืบสวนสอบสวนแหล่งที่มาที่ไปของเงินที่พบในห้องทำงาน
|
ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชภายในกรอบ 30 วัน โดยเฉพาะการสืบสวนสอบสวนแหล่งที่มาที่ไปของเงินที่พบในห้องทํางาน นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการหน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของการสืบสวนสอบสวนของ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อํานวยการสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) และนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในช่วงกรอบระยะเวลา 7 วัน พบมีมูลความผิดวินัยร้ายแรงจริงและไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดการสืบปากคําได้ เพราะเป็นการสืบสวนในทางลับ แต่เบื้องต้นอธิบดีกรมอุทยานฯยังให้การปฏิเสธอยู่ โดยเฉพาะเรื่องที่มาที่ไปของเงินจํานวนดังกล่าวที่พบอยู่ในห้องทํางาน แต่จะส่งเอกสารเป็นรายละเอียดชี้แจงมาให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันที่ 10 มกราคมนี้ ทั้งนี้ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีคําสั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสอบข้อเท็จจริงลงลึกในรายละเอียดมากขึ้น โดยมี นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานคณะกรรมการชุดที่ 2 นี้ มีกรอบเวลาดําเนินการภายใน 30 วัน แต่หากไม่แล้วเสร็จอาจจะต่อระยะเวลาอีก 30 วัน ซึ่งมีโทษสูงสุดคือการถูกไล่ออกจากราชการ โดยจะต้องตั้งกรรมการมาปฏิบัติหน้าที่และประชุมภายใน 7 วัน เพื่อสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานแหล่งที่มาที่ไปของเงินที่พบ และเชิญหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่มีรายชื่ออยู่บนซองเงินมาให้ปากคําเพิ่มเติม รวมถึง อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ต้องเข้ามาให้ปากคําเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน ส่วนเรื่องของคดีอาญาเป็นหน้าที่ของกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กล่าวย้ําว่า กรณีคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงมีมติชี้มูลความผิดร้ายแรงแล้วผู้ถูกกล่าวหาสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 90 วัน
|
5/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105142418302
| null |
ผู้ว่าฯ อ่างทอง เปิดโครงการอบรมพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก กิจกรรม 1 ครัวเรือน 1 อถล. 1 ถังขยะเปียกลดโลกร้อน โดย อบต.หัวไผ่
|
วันนี้ (5 มกราคม 2566) เวลา 09.00 น. ณ อาคารอเนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตําบลหัวไผ่ อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ภายใต้กิจกรรม 1 ครัวเรือน 1 อถล. 1 ถังขยะเปียกลดโลกร้อน ขององค์การบริหารส่วนตําบลหัวไผ่ โดยมี นายศักดิ์ดา บรรดาศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ท้องถิ่นจังหวัดอ่างทอง ผู้อํานวยการสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอ่างทอง พลังงานจังหวัดอ่างทอง นายอําเภอเมืองอ่างทอง ท้องถิ่นอําเภอเมืองอ่างทอง นายกองค์การบริหารส่วนตําบลหัวไผ่ กํานัน และผู้ใหญ่บ้าน เข้าร่วมกิจกรรมด้วยสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน ขยะนับว่ายังเป็นปัญหาระดับโลกเกิดจากการเพิ่มขึ้นของประชากรและการจัดการขยะยังไม่สมดุลกับปริมาณขยะที่เพิ่มมากขึ้น จนทําให้เกิดปัญหาขยะล้นเมืองประกอบกับประชาชนในประเทศยังขาดจิตสํานึกในการคัดแยกก่อนทิ้ง รวมทั้งยังขาดความรู้เกี่ยวกับการนําขยะมาใช้ใหม่ ซึ่งปัญหาเหล่านี้รัฐบาล จึงได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยบูรณาการร่วมกับสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการจัดทําแผนปฏิบัติการ "ประเทศไร้ขยะ" โดยการใช้หลัก 3R การใช้น้อย การใช้ซ้ํา และการนํากลับมาใช้ใหม่รวมทั้งระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วย "อาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก พ.ศ. 2561" ได้กําหนดแนวทางการรวมกลุ่มของประชาชนในท้องถิ่นที่มีจิตช่วยเหลืองานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เกี่ยวกับการจัดการสิ่งปฏิกูลขยะมูลฝอย การป้องกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก และการดําเนินการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศตามนโยบายของรัฐบาลองค์การบริหารส่วนตําบลหัวไผ่ได้เล็งเห็นถึงความสําคัญจึงได้จัดอบรมให้ความรู้ แก่อาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลกตําบลหัวไผ่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุนกิจกรรมด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และยังก่อให้เกิดการสร้างเครือข่ายในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น ตลอดจนเกิดการสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนที่จําหน่ายขยะที่เกิดจาการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี และได้ประสานการทํางานแบบบูรณาการกับสํานักทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีกลุ่มเป้าหมายจํานวน 200 คนในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ได้มอบอุปกรณ์สําหรับสาธิตการดําเนินการจัดทําถังขยะเปียกลดโลกร้อน จากนั้นได้ดําเนินการฝังถังขยะเปียกลดโลกร้อน บริเวณองค์การบริหารส่วนตําบลหัวไผ่#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
อ่างทอง
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105151117322
| null |
ผู้ว่าฯ ยะลา เปิดงานวันรณรงค์การขยายพื้นที่ปลูกกล้วยหินจังหวัดยะลา พืชอัตลักษณ์ GI กระตุ้นเกษตรกรขยายพื้นที่ปลูก แปรรูปเพิ่มมูลค่าราคา
|
วันนี้ (5 ม.ค.66) ที่สํานักงานเกษตรจังหวัดยะลา นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เปิดงานรณรงค์การขยายพื้นที่ปลูกกล้วยหินจังหวัดยะลา ซึ่งเป็นพืชอัตลักษณ์ประจําถิ่นของจังหวัดยะลา และได้รับเครื่องหมายสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications : GI) เมื่อปี 2554 เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สร้างขวัญและกําลังใจตลอดจนกระตุ้นให้เกษตรกรเกิดความสนใจขยายพื้นที่ปลูกกล้วยหินเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับนําความรู้ทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพื้นที่ปลูกกล้วยหินให้สามารถเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้นท่ามกลางการมีอยู่ของโรคเหี่ยวในกล้วยหิน และสามารถเผยแพร่ความรู้ขยายผลสู่เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียง ให้สนใจจัดการสวนกล้วยหินอย่างมีคุณภาพเพิ่มมากขึ้นภายในงานให้มีการบริการนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับโรคเหี่ยวในกล้วยหิน การจัดการแปลงปลูกกล้วยหินปลอดโรค 6 ขั้นตอนและการใช้สารชีวภัณฑ์ในการควบคุมป้องกันโรค มีการจัดแสดงผลผลิตกล้วยหิน อาหารจากกล้วยหินและกล้วยหินแปรรูปนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า วันรณรงค์การขยายพื้นที่ปลูกกล้วยหินจังหวัดยะลา เป็นรูปแบบหนึ่งของการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรในพื้นที่พร้อมถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรสามารถนําไปใช้ในการจัดการแปลงปลูกกล้วยหินของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้บูรณาการกับมหาวิทยาลัย องค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา เทศบาลนครยะลา และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และเกษตรกรที่มาร่วมงานในวันนี้นั้นจะได้ใช้โอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวเขาเอง โดยสามารถศึกษาความรู้เกี่ยวกับการป้องกันกําจัดโรคเหี่ยวในกล้วยหิน การจัดการสวนกล้วยหิน 6 ขั้นตอน หรือปรึกษากับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุดเพื่อให้เกษตรกรได้นําความรู้ไปใช้ในการจัดการดูแลแปลงปลูกกล้วยหินให้ได้ผลผลิตที่สูงขึ้นอย่างมีคุณภาพ อันจะเป็นแนวทางในการพัฒนาอาชีพการปลูกกล้วยหินได้อย่างแท้จริงท่ามการสถานการณ์การระบาดของโรคเหี่ยวกล้วยหิน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105160942339
| null |
จังหวัดตรังเดินหน้าจัดทำโครงการกิจกรรมส่งเสริมการใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ในเชิงพาณิชย์ ภายใต้โครงการโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มพืชอัตลักษณ์ประจำถิ่น ประจำปีงบประมาณ 2566
|
นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่เกาะสุกร อําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เพื่อติดตามการปลูกแตงโมเกาะสุกร ซึ่งแตงโมมาตรฐาน GAP เป็นแตงโมปลอดสารพิษ รสชาติหวาน กรอบ อร่อย โดยมีการปลูกแตงโมเกาะสุกรจํานวน 3 ครั้งต่อปี เพื่อควบคุมปริมาณไม่ให้ล้นตลาด โดยครั้งที่ 1 แตงโมหัวนา จะปลูกเมื่อชาวบ้านดํานาเสร็จ, ครั้งที่ 2 แตงโมชายหาดใช้น้ําจืดหรือน้ํากร่อยในการรดน้ํา หนึ่งเดียวในประเทศไทย และครั้งที่ 3 แตงโมในนาจะปลูกหลังฤดูเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ เป็นแนวคิดของเกษตรกรที่ต้องการยกระดับคุณภาพและการเพิ่มรายได้ โดยการควบคุมการผลิตไม่ให้ล้นตลาดคือการแบ่งเวลาในการปลูก 3 ช่วงเวลาต่อปีสลับกับเวลาในการปลูกข้าว ปลูกแตงโมปลอดสารพิษ เน้นเกษตรอินทรีย์ ใช้มูลวัว มูลควาย ทดแทนการซื้อปุ๋ย และร่วมกลุ่มการทําตลาดออนไลน์ส่งตรงถึงผู้บริโภคคัดเกรดพรีเมี่ยม ติดสติ๊กเกอร์ (QR Code ) เพื่อบอกชื่อเกษตรกร ทําให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้นผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแตงโมเกาะสุกรปลอดสารพิษ มีสมาชิกทั้งหมดจํานวน 86 ราย ได้รับมาตรฐาน GAP แล้ว จํานวน 20 ราย กําลังดําเนินการขอมาตรฐาน GAP จํานวน 46 ราย โดยจังหวัดตรังได้จัดสรรงบประมาณให้สํานักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง จัดทําโครงการกิจกรรมส่งเสริมการใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ในเชิงพาณิชย์ ภายใต้โครงการโครงการสร้างมูลค่าเพิ่มพืชอัตลักษณ์ประจําถิ่น ประจําปีงบประมาณ 2566 (งบจังหวัด) งบประมาณ 500,000 บาท จ้างบุคคลหรือนิติบุคคล สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย หรือองค์การมหาชน ในการจัดทําคําขอยื่นขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยและเอกสารที่เกี่ยวข้องให้กับสินค้าในจังหวัดตรัง จํานวน 2 สินค้า คือ แตงโมเกาะสุกร และผ้าทอนาหมื่นศรี โดยศึกษา วิเคราะห์ รวบรวมข้อมูล เพื่อทําความเข้าใจร่วมกับชุมชนเรื่องประโยชน์ของการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ และส่งเสริมให้ชุมชนร่วมจัดทําคําขอสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย เพื่อขึ้นทะเบียนในประเทศ ตลอดจนจัดทําคู่มือการปฏิบัติงานสําหรับสมาชิกผู้ขอใช้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ และแผนการควบคุมตรวจสอบสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ความคืบหน้าขณะนี้ ได้ร่าง TOR และกําหนดราคากลางเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2565 อยู่ระหว่างลงนามในสัญญาจ้าง มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เป็นผู้ดําเนินการ (คาดว่าสามารถลงนามได้ประมาณกลางเดือนมกราคม 2566) ระยะเวลาดําเนินการ 210 วัน นับจากลงนามในสัญญา (คาดว่าสามารถยื่นคําขอขึ้นทะเบียน GI ได้ภายในเดือนสิงหาคม 2566)#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคใต้
|
ตรัง
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105162811350
| null |
สำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงครามจัดโครงการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในระดับไร่นาการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าสำหรับเกษตรกร
|
จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นจังหวัดที่มีการปลูกพืชเศรษฐกิจที่สําคัญ ได้แก่ ส้มโอขาวใหญ่ ลิ้นจี่ค่อมสมุทรสงคราม มีความต้องการใช้น้ําค่อนข้างสูง โดยทั่วไปการให้น้ําพืชของเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นการใช้น้ําในร่องสวน เมื่อพืชให้ผลผลิตแล้วจะต้องการน้ํามากและสม่ําเสมอ แต่หากพืชได้น้ํามากเกินไป จะทําให้ผลร่วงหรือแตกเสียหายได้ สํานักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงครามจึงจําเป็นต้องให้เกษตรกรมีความตระหนักการใช้น้ําอย่างรู้คุณค่าและมีความรู้ในการใช้น้ําอย่างมีประสิทธิภาพด้วยระบบการให้น้ําแก่พืชที่ถูกต้องวันนี้ (5 มกราคม 2566) นายกรกฎ วงษ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานเปิดการอบรมตามโครงการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ําในระดับไร่นาการใช้น้ําอย่างรู้คุณค่าสําหรับเกษตรกร มีนางสมพิส ทองดีนอก เกษตรจังหวัดสมุทรสงคราม รายงานวัตถุประสงค์โครงการดังกล่าว เพื่อส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ําในระดับไร่นา แก่เกษตรกร และเพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ในการให้น้ําตามความต้องการน้ําของพืช รวมถึงการดูแลรักษาความชื้นของดิน ซึ่งมีเกษตรกร เข้ารับการอบรม จํานวน 50 คนนายกรกฎ วงษ์สุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวด้วยว่า จะเห็นได้ว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรเนื่องจากสนับสนุนให้เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม มีศักยภาพในการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพและสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดอย่างมาก เช่น ส้มโอขาวใหญ่ มะพร้าวน้ําหอม ลิ้นจี่ค่อมสมุทรสงคราม ข้าว รวมถึงทุเรียน โดยพืชแต่ละชนิดที่กล่าวถึงล้วนแล้วแต่มีความต้องการใช้น้ําค่อนข้างสูง ภาคเกษตรจึงควรตระหนักในการใช้ทรัพยากรน้ําอย่างมีคุณค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ผู้เข้ารับการออบรมได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงความสําคัญการใช้น้ําอย่างรู้คุณค่า อีกทั้งยังเป็นการสร้างสัมพันธภาพ และเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ของเกษตรกรและเจ้าหน้าที่ของจังหวัดสมุทรสงครามซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรในทุก ๆ ด้านอีกด้วยรุ่งนภา/ข่าว/ธิติมา/เรียบเรียงทีมงานสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
สมุทรสงคราม
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105172331372
| null |
รองผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม นำคณะทำงานพิจารณาและตรวจสอบการขออนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำจังหวัดสมุทรสงคราม
|
นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นประธานนําคณะทํางานพิจารณาและตรวจสอบการขออนุญาตก่อสร้างสิ่งล่วงล้ําลําแม่น้ําจังหวัดสมุทรสงคราม ลงพื้นที่ตรวจสอบ คําร้องเพื่อขออนุญาตก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างล่วงล้ําลําแม่น้ํา บริเวณปากคลองบ้านนางภูดาด หมู่ที่ 4 ตําบลลาดใหญ่ อําเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม โดยสํานักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสมุทรสงคราม จะดําเนินการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ํา ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงครามบริเวณดังกล่าว เพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 63 (พ.ศ.2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ําไทย พุทธศักราช 2456 ข้อ 2 ผู้ใดประสงค์จะขออนุญาตปลูกสร้างอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ําแม่น้ํา ให้ยื่นคําขอตามแบบที่อธิบดีกรมเจ้าท่ากําหนด โดยต้องระบุวัตถุประสงค์ในการใช้อาคารหรือสิ่งอื่นใดที่ขออนุญาตพร้อมด้วยหลักฐานและเอกสาร คือ หนังสือของจังหวัดที่อาคารหรือสิ่งอื่นใดที่ขออนุญาตปลูกสร้างล่วงล้ําแม่น้ําตั้งอยู่ รับรองว่าไม่เป็นอุปสรรคต่อแผนพัฒนาจังหวัด ผังเมือง และการรักษาสภาพแวดล้อมของจังหวัดสมุทรสงคราม #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDรุ่งนภา/ข่าว//ธิติมา /เรียบเรียงทีมงานสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม5 มกราคม 2566
|
5/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
สมุทรสงคราม
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสงคราม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105192622471
| null |
กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม อบต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์โครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน ลดปริมาณก๊าชเรือนกระจก พร้อมสนับสนุนจัดทำถังขยะเปียกให้ครบทุกครัวเรือน
|
วันนี้ (5 ม.ค.66) นายแวดอยะ มะลี รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลยะรม และเจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ หมู่ที่ 8 ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา ประชาสัมพันธ์โครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน ลดปริมาณก๊าชเรือนกระจกให้ประชาชนเข้าใจถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการดังกล่าว ว่าเป็นการจัดการขยะมูลฝอยตั้งแต่ต้นทางเพื่อลดปริมาณขยะที่ต้องนําไปหลุมฝังกลบ และลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน ในพื้นที่ ซึ่งทาง อบต.ยะรม มีเป้าหมายส่งเสริม สนับสนุนในการจัดทําถังขยะเปียก ให้ครบทุกครัวเรือนต่อไปนายแวดอยะ มะลี รองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลยะรม กล่าวว่า ถังขยะเปียกลดโลกร้อน ทําให้ท่านสามารถลดขยะในพื้นที่รอบๆ ตัวเราสะอาด บ้านเรือนสะอาดตา สวยงามสามารถลดภาวะเรือนกระจก ลดโลกร้อนได้ อบต.ยะรม ขอเชิญทุกหน่วยงานแลพชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมขับเคลื่อนโครงการถังขยะเปียก ลดโลกร้อน และร่วมบริจาคถังพลาสติกความจุ 20 ลิตรขึ้นไป (ทั้งเก่า และใหม่) เพื่อช่วยกันทําถังขยะเปียก ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยการกําจัดขยะมูลฝอย ช่วยโลก ช่วยลูกหลานให้อยู่อย่างมีความสุข มีบรรยากาศที่ดีขึ้น ขยะเปียกดังกล่าว ก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป แถมยังได้ปุ๋ยน้ําหมักชีวภาพมาใช้ในครัวเรือนได้อีกด้วย ไม่ว่าจะนําไปใช้เป็นปุ๋ยเพิ่มการเจริญเติบโตของต้นไม้ ดับกลิ่นเหม็นในห้องน้ํา เป็นต้นรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลยะรม กล่าวอีกว่า ไม่เพียงแต่ขยะเปียกเท่านั้นที่จะต้องจัดการอย่างถูกวิธี ขยะอื่น ๆ ต้องคัดแยกให้ตรงตามประเภทด้วย เพื่อความสะดวกในการดําเนินการขั้นต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการขายต่อให้ร้านค้าที่รับซื้อ หรือส่งให้หน่วยงานที่จะดําเนินการบําบัดก็ตาม ที่สําคัญ การคัดแยกขยะต้องย่อส่วน และจัดระเบียบขยะไม่ให้เกะกะ หรือกินพื้นที่ ด้วยการมัดให้เป็นระเบียบ ทุบให้แบน ตัดให้สั้น หรือบรรจุเป็นหีบห่อ เพื่อประหยัดพื้นที่จัดเก็บ และการขนย้ายอีกด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สวท.เบตง จ.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105180613396
| null |
กอนช. เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด จากฝนตกหนักถึงหนักมาก ช่วง 6 - 11 ม.ค.
|
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด จากฝนตกหนักถึงหนักมาก ช่วงวันที่ 6 - 11 มกราคม นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยการกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ําภาพรวมของประเทศวันนี้ (5 ม.ค.66) ว่า ภาพรวมภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2 - 4 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกปานกลางถึงหนักบริเวณ จ.นครศรีธรรมราช , สุราษฎร์ธานี และยะลา ในส่วนของเขื่อนบางลาง จ.ยะลา มีปริมาณน้ํากักเก็บ 1,225.43 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 84.3 ยังสามารถรองรับน้ําได้อีก 228.93 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีการระบายน้ําอยู่ที่ 10.05 ล้านลูกบาศก์เมตร สําหรับการคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงและเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ช่วงวันที่ 6 - 8 มกราคมนี้ หลังภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ด้วยการเฝ้าระวังน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากช่วงวันที่ 6 - 11 มกราคม ใน จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส แล้วยังต้องระวังระดับน้ําเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ําล้นตลิ่ง บริเวณแม่น้ําสายหลักและลําน้ําสาขาของแม่น้ําตาปี แม่น้ําปากพนัง แม่น้ําตรัง คลองชะอวด แม่น้ําสายบุรี แม่น้ําปัตตานี แม่น้ําบางนรา และแม่น้ําโก-ลก พร้อมทั้ง เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่ ที่มีแนวโน้มปริมาณน้ําสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการเก็บกักน้ําสูงสุด (Upper Rule Curve) รวมถึง อ่างเก็บน้ําขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีปริมาณน้ํามากกว่าร้อยละ 80 แล้วมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเสี่ยงน้ําล้นกระทบพื้นที่ด้านท้ายน้ํา โดยเฉพาะเขื่อนบางลางให้พิจารณาบริหารจัดการน้ําให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบหรือเกิดผลกระทบน้อยที่สุดบริเวณท้ายเขื่อน ทั้งนี้ กอนช.ยังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ําต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตรในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ําท่วมอยู่เป็นประจํา // ปรับการบริหารจัดการน้ําในแหล่งเก็บกักน้ําขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก น้ําในลําน้ํา เขื่อนระบายน้ํา และประตูระบายน้ําให้สอดคล้องกันตั้งแต่ต้นน้ําถึงปลายน้ําและ อิทธิพลของการขึ้น – ลง ของน้ําทะเล โดยการเร่งระบายและพร่องน้ํารองรับสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนัก พร้อมซ่อมแซมแนวคันบริเวณริมแม่น้ําและเร่งกําจัดสิ่งกีดขวางทางน้ําด้วย
|
5/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105161454346
| null |
สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 จัดกิจกรรมเสริมสร้างองค์ความรู้ (KM) ประจำเดือน มกราคม 2566
|
วันนี้(5 มกราคม 2566) สํานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 (นครราชสีมา) โดยส่วนการจัดการกากของเสียและสารอันตราย จัดกิจกรรมเสริมสร้างองค์ความรู้ (KM) ประจําเดือน มกราคม 2566 หัวข้อ “ #การจัดทําInfographic โดยใช้โปรแกรม Canva” โดยมีนายภัทรดนัย เอ็นยอด นักวิชาการสิ่งแวดล้อม และคณะนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เป็นวิทยากร ณ ห้องประชุมราชพฤกษ์ สํานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 (นครราชสีมา) ให้กับบุคลากรสํานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 (นครราชสีมา)โดยกิจกรรมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และให้บุคลากรสามารถจัดทําสื่อประชาสัมพันธ์ที่หลากหลายรูปแบบและงานนําเสนอด้านสิ่งแวดล้อมที่สวยงามและมีประสิทธิภาพในการสื่อสารมากยิ่งขึ้น#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครราชสีมา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105221122518
| null |
ทีมนักวิจัย มทส. พร้อมด้วย คณะที่ปรึกษากรมวิชาการเกษตร ติดตามการทดสอบ “พันธุ์กัญชาฝอยทองสุรนารี 1” ณ ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย
|
วันนี้(5 มกราคม 2566) ณ ศูนย์วิจัยพืชสวนเชียงราย นายประเสริฐ อนุพันธ์ ที่ปรึกษากรมวิชาการเกษตรด้านพืชสวนอุตสาหกรรม พร้อมด้วย ศ.เกียรติคุณ ดร.นันทกร บุญเกิด นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญ ดร.สุรชาติ สิบพลกรัง นักวิจัยประจําโครงการผลิตกัญชาเชิงคุณภาพเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และเชิงพาณิชย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) จังหวัดนครราชสีมาและคณะ เดินทางเข้าติดตามงานทดสอบการปลูกพืชกัญชา “พันธ์ุฝอยทองสุรนารี 1” ซึ่งเป็นสายพันธ์ุที่กรมวิชาการเกษตร เลือกใช้ในโครงการกัญชา 1 ล้านต้น ได้เริ่มทยอยแจกต้นกล้ากัญชาแก่ผู้สนใจที่ลงทะเบียนรับต้นกล้าจากทั่วประเทศไปแล้วกว่า 5 แสนต้น นอกจากนี้ คณะจะได้ติดตามผลการทดสอบสายพันธุ์กัญชา ณ ศูนย์วิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตรทั่วประเทศ ประกอบด้วย เชียงราย สุโขทัย นครพนม ศรีษะเกษ นครปฐม เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี และพัทลุง อีกด้วยทั้งนี้ ภายใต้บันทึกความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสองหน่วยงาน คณะนักวิจัยของ มทส. และนักวิชาการจากกรมวิชาการเกษตร พร้อมที่ให้คําปรึกษา ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต การปลูก ระบบโรงเรือน และการเก็บเกี่ยวพืชกัญชาอย่างครบวงจร เพื่อให้ได้ผลผลิตกัญชาคุณภาพตามมาตรฐานใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และยังถือเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ของประเทศในอนาคต#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครราชสีมา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105221858521
| null |
พาณิชย์จังหวัดนครพนมตรวจติดตามการรับซื้อผลผลิตมันสำปะหลังในพื้นที่เมืองนครพนม
|
วันนี้ (5 ม.ค.66) นางจุฑารัตน์ ศรีโมรา พาณิชย์จังหวัดนครพนม มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มกํากับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า ออกตรวจติดตามสถานการณ์การรับซื้อผลผลิตมันสําปะหลังในพื้นที่ตําบลกุรุคุ และตําบลบ้านผึ้ง อําเภอเมืองนครพนม พร้อมกําชับให้ผู้ค้าปิดป้ายราคารับซื้อให้ชัดเจน และห้ามคิดค่าชั่งน้ําหนักผลผลิตทางเกษตร ตามประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ราคารับซื้อมันสําปะหลัง หัวมันสําปะหลัง (คละ) ราคารับซื้อ 2.80 - 3.00 บาท/กก.หากเกษตรกร ประชาชนพบการค้าไม่เป็นธรรม ไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าหรือค่าบริการ โปรดแจ้งสายด่วน กรมการค้าภายใน 1569#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
5/1/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครพนม
|
สวท.นครพนม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230105234523530
| null |
เร่งตั้งสมาคมกีฬาวัวลาน สร้างสนามแข่งวัวลานมาตรฐานจัดแข่งตลอดปี ดึงนักท่องเที่ยวชมกีฬาประเพณีแห่งเดียวของโลก
|
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาโคพื้นเมืองและกีฬาวัวลาน สําหรับปี 2566 ว่า ภายหลังจากการจัดประชุมรวมพลคนปศุสัตว์หารือระหว่างกรมปศุสัตว์ จังหวัดเพชรบุรี ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและกลุ่มผู้เลี้ยงโคพื้นเมืองและวัวลาน ในจังหวัดเพชรบุรี ครั้งที่ 1 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เพื่อรับฟังปัญหาและร่วมวางแนวทางการพัฒนาโคพื้นเมืองและการแข่งขันวัวลานกีฬาประเพณีพื้นบ้านนั้น ในปีนี้กรมปศุสัตว์ โดยสํานักงานปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี มีแผนดําเนินการพัฒนาโคพื้นเมืองและวัวลานภาคตะวันตกอย่างเป็นระบบครบวงจรและการส่งเสริมประเพณีการประกวดวัวสวยงาม วัวเทียมเกวียนและการแข่งขันวัวลาน การพัฒนาตลาดเพื่อยกระดับราคา ทั้งนี้ จะจดทะเบียนเป็นสมาคมกีฬาวัวลาน พร้อมกับสร้างสนามกีฬาแข่งวัวลานที่เป็นมาตรฐาน เช่นเดียวกับสนามม้าแข่งในประเทศไทยและในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่มีระเบียบและกฎหมายรองรับและจะเปิดให้นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เข้าชมวัวลานกีฬาประเพณีวิถีไทย ในรูปแบบเกษตรท่องเที่ยวเป็นการสร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียงให้กับวัวลานเพชรบุรี ซึ่งถือเป็นต้นตํารับประเพณีการแข่งวัวลานในประเทศไทย ทั้งนี้ จะเปิดสนามแข่งวัวลานที่เพชรบุรีเป็นครั้งแรกในเดือนแรกของปีนี้ เพื่อเปิดศักราชใหม่ของการส่งเสริมพัฒนาโคพื้นเมืองและวัวลาน ภายใต้แนวทางเพชรบุรีโมเดล ซึ่งเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนมีเป้าหมายเข็มมุ่งชัดเจน ทําได้ไวทําได้จริง
|
6/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106101742570
| null |
ปลูกมันไม้ข้างบ้าน ตามรอยวิถีพอเพียง ลดรายจ่าย ทุกคนสามารถทำได้
|
ได้เวลาขุดมันสําปะหลัง หรือที่ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า มันไม้ เอาไปทาน แล้ว หลังจากปลูกข้างบ้านจนได้ที่หลายเดือน หัวมันโตเต็มที่ ทางเจ้าหน้าที่ สวท.ยะลา ก็ถือพร้า กับจอบมาขุดหัวมันที่อยู่บริเวณข้างบ้าน โดยบอกว่า ปลูกมาได้ 6 เดือนแล้ว ถ้าขุดเอาหัว 5-6 เดือน ก็จะกินพอดี ส่วนขั้นตอนนั้นก็จะต้องนําพร้ามาฟันใบ ฟันต้นและใช้จอบถากหญ้า บริเวณโดยรอบต้นมันไม้ ให้โล่งเตียน แล้วก็ถอนต้นมันไม้ออกมาได้เลยหัวก็จะติดออกมา ส่วนกิ่งของต้นมันไม้ที่ฟันแล้ว ตัดเป็นท่อนๆ ก็สามารถนําไปปัก ปลูกต่อรอให้ขึ้นได้เลย มันไม้ปลูกไม่ยาก ผลผลิตหัวมันไม้จะออกมาเรื่อยๆ ตามบ้าน ชาวบ้านที่ปลูกไว้ทานกันจะมี 2 พันธุ์ สีขาวกับเหลือง ส่วนใหญ่แล้วหัวมันที่ได้ก็จะนําไปทําขนมทาน หรือนําไปต้มจิ้มกินกับมะพร้าวใส่เกลือหน่อยๆ ยิ่งช่วงฝนตก กินอร่อยมาก แถมยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยนอกจากจะปลูกหัวมันไม้ไว้ทานเองที่ข้างบ้าน ใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว ก็ยังมีมะพร้าว ขิงข่า สับปะรด กล้วย สามารถนํามาทานได้หมดตลอดปี ช่วยลดรายจ่ายไม่ต้องซื้อทุกคนสามารถทําได้ง่ายๆ
|
6/1/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สทท.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106101317567
| null |
กอนช. เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด ถึง 11 ม.ค.นี้
|
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด ถึงวันที่ 11 มกราคมนี้ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยการกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ําภาพรวมของประเทศวันนี้ (6 ม.ค.66) ว่า ภาพรวมภาคใต้ตอนล่างมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกปานกลางบริเวณ จ.พัทลุง , นราธิวาส และสระบุรี พร้อมเฝ้าระวังน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากในภาคใต้ถึงวันที่ 11 มกราคมนี้ บริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส พร้อมเฝ้าระวังระดับน้ําเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันและระดับน้ําล้นตลิ่ง บริเวณแม่น้ําสายหลักและลําน้ําสาขาของแม่น้ําตาปี แม่น้ําปากพนัง แม่น้ําตรัง คลองชะอวด แม่น้ําสายบุรี แม่น้ําปัตตานี แม่น้ําบางนรา และแม่น้ําโก-ลก รวมทั้ง เฝ้าระวังคลื่นซัดฝั่งที่อาจจะส่งผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบกิจการบริเวณแนวชายฝั่งทะเลตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช จนถึง จ.นราธิวาส ทั้งนี้ กอนช. ได้ขอให้กรมชลประทานกําชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ําท่วมตรวจสอบระบบและอาคารชลประทานต่างๆให้รองรับสถานการณ์น้ําได้เต็มศักยภาพ และบริหารจัดการน้ําในอ่างเก็บน้ําให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมอย่างเคร่งครัด กรณีมีแนวโน้มจะเกิดภาวะวิกฤติน้ําท่วมหรือน้ําเอ่อล้นตลิ่งในแม่น้ําสายหลัก ให้กรมชลประทาน ร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด สํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แจ้งเตือนสถานการณ์น้ําและพร้อมรับมือ
|
6/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106090740543
| null |
คณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง อธิบดีกรมอุทยานฯ คาด เริ่มประชุมนัดแรกได้สัปดาห์หน้า พร้อมทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน
|
คณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช คาด เริ่มประชุมนัดแรกได้สัปดาห์หน้า พร้อมทําหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน นายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกรณี นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการหน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ทําหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา กรณีถูกชี้มูลความผิดเรียกรับผลประโยชน์ คาดว่า จะเห็นตัวคําสั่งอย่างเป็นทางการวันนี้ (6 ม.ค.66) เบื้องต้นหากกรรมการทุกคนเซ็นรับทราบคําสั่งครบแล้วจะเตรียมนัดประชุมทันที คาดว่า จะสามารถเริ่มประชุมนัดแรกได้สัปดาห์หน้าจากกรอบระยะเวลากําหนดไว้ 30 วัน โดยจะต้องวางกรอบการทํางานให้ชัดเจนก่อน รวบรวมหาพยานหลักฐานและพยานบุคคลเพิ่ม และเชิญผู้ที่ถูกกล่าวหามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งจะทยอยเชิญมาให้ปากคํา แล้วมารวบรวมประกอบกับข้อมูลที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) มีอยู่ พร้อมยืนยันว่า จะทําหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ผิดว่าไปตามผิดถูกว่าไปตามถูกเป็นตามหลักฐานที่ได้รับมาและจากการสืบสวนสอบสวน ที่สําคัญทุกอย่างจะยึดตามข้อมูลหลักฐานและต้องแน่นหนาด้วย เพราะเป็นการพิจารณาความผิดวินัยร้ายแรงจําเป็นต้องให้เวลาคณะกรรมการฯทํางานก่อน โดยเฉพาะการสืบหาแหล่งที่มาของเงินที่พบในห้องทํางานตามรายชื่อที่อยู่บนซองใส่เงินและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในอุทยานแห่งชาติทั้งหมด สําหรับวันนี้เจ้าหน้าที่จากสํานักไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ 12 คน ที่มีรายชื่ออยู่บนซองเงินที่พบในห้องทํางานของอธิบดีกรมอุทยานฯ จะเข้าให้ปากคําเพิ่มเติมที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.)
|
6/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106095549560
| null |
การยางแห่งประเทศไทย ขานรับแผนยุทธศาสตร์ยางพารา ระยะ 20 ปี เดินหน้าสนับสนุนเกษตรกรทำสวนยางพาราตามมาตรฐาน เน้นขายผลผลิตผ่านตลาดยาง มียอดสั่งซื้อแล้วกว่า 10,000 ตัน
|
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจต่างๆ ให้ความสําคัญในเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่หันมาเลือกใช้สินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมที่มีความเหมาะสม ซึ่งรวมถึงสินค้าและผลิตภัณฑ์ในกลุ่มยางพารา อย่างเช่นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ของโลก และกลุ่มผู้ซื้อในหลายประเทศที่มีนโยบายการรับซื้อน้ํายาง ผลิตภัณฑ์ยางและไม้ยางที่ได้จากสวนยางพาราที่ผ่านการรับรองการจัดการภายใต้มาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน (Forest Stewardship Council : FSC?) กยท. จึงเดินหน้าส่งเสริมสวนยางพาราของไทยให้เข้าสู่ระบบการรับรองป่าไม้ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ยางพารา ระยะ 20 ปี ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการปลูกสร้างสวนยาง เก็บเกี่ยว แปรรูป จนถึงการซื้อ-ขายผลิตภัณฑ์จากยางพาราผ่านระบบตลาดยางพาราของ กยท. และตลาดเครือข่ายตลาดกลางยางพาราทั่วประเทศ จะเป็นช่องทางซื้อขายระหว่างผู้ซื้อกับเกษตรกร สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางที่ผลิตยางตามมาตรฐาน FSC? โดย จะเข้าไปมีส่วนช่วยหาตลาดรองรับผลผลิตยางของเกษตรกรด้วย เบื้องต้นมีหลายบริษัทให้ความสนใจและแจ้งยอดสั่งซื้อผ่าน กยท. มาแล้ว กว่า 10,000 ตัน
|
6/1/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106114625620
| null |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.