NewsTitle
stringlengths
11
31.5k
Detail
stringlengths
9
78.4k
NewsDate
stringlengths
3
5.77k
Region
stringclasses
48 values
Province
stringclasses
99 values
Department
stringclasses
211 values
Link_News
stringlengths
3
903
v
stringclasses
812 values
กรมวิชาการเกษตร ชูมันสำปะหลังพืชไร่ศักยภาพสูง สามารถดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้
นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า มันสําปะหลัง เป็นพืชไร่เศรษฐกิจสําคัญชนิดหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งพบว่าผลผลิตหัวสดมันสําปะหลังซึ่งเป็นรากสะสมอาหารจะสะสมคาร์โบไฮเดรตประมาณ 20-35% และในส่วนของลําต้นและใบยังมีการสะสมแป้ง หรือคาร์โบไฮเดรต ซึ่งองค์ประกอบคาร์โบไฮเดรตที่เกิดขึ้นเหล่านี้เกิดจากกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช โดยพืชจะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศและน้ํา มาใช้ให้เกิดการสังเคราะห์สารประกอบอินทรีย์และเก็บสะสมไว้ในรูปสารประกอบคาร์บอน โดยศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง กรมวิชาการเกษตร ดําเนินการศึกษาวิจัยและประเมินศักยภาพของมันสําปะหลังในการดูดซับก๊าซเรือนกระจกโดยเฉพาะการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมทั้งการศึกษาการกักเก็บคาร์บอนภายในส่วนต่างๆ ของต้นมันสําปะหลัง จํานวน 26 สายพันธุ์/พันธุ์ พบว่าใบมันสําปะหลังมีอัตราการสังเคราะห์แสงสุทธิสูงขึ้นอย่างเด่นชัด จะเห็นได้ว่ามันสําปะหลังสามารถดูดซับ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศได้อย่างดี การเลือกใช้พันธุ์มันสําปะหลังและการจัดการแปลงปลูกที่เหมาะสมมีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพการกักเก็บคาร์บอนของพืช
6/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106104949585
null
ปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ ลงพื้นที่ให้บริการติดตามอาการแม่โคป่วยและดำเนินการเก็บตัวอย่าง cloacal swab
วันที่ 5 มกราคม 2566 นายอโนชา อินทรศร หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศการปศุสัตว์ รักษาราชการแทนปศุสัตว์จังหวัดชัยภูมิ มอบหมายให้สํานักงานปศุสัตว์อําเภอเมืองชัยภูมิ ดําเนินการเก็บตัวอย่าง cloacal swab ไก่พื้นเมือง ไก่ชน ในพื้นที่หมู่ 6 ตําบลนาเสียว เพื่อรับรองสถานที่เลี้ยงสัตว์ปีกพื้นเมืองหรือไก่ชนป้องกันโรค ตามโครงการรับรองสถานที่เลี้ยงสัตว์ปีกพื้นเมืองหรือไก่ชนป้องกันโรค ประจําปีงบประมาณ 2566 พร้อมติดตามผลการรักษาแม่โคป่วย ล้มและลุกไม่ได้ของเกษตรกร ต.ในเมือง ซึ่งได้ทําการรักษาเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2566 เบื้องต้นแม่โคมีอาการท้องเสียลดลง เริ่มกินหญ้า แต่ยังไม่สามารถลุกยืนได้ จึงให้คําแนะนําเกษตรกรในการใช้ลอกช่วยพยุงแม่โค และให้ยารักษาอย่างต่อเนื่อง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ชัยภูมิ
สวท.ชัยภูมิ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106112711606
null
ผู้ว่าฯ อ่างทอง เปิดกิจกรรมรณรงค์ถังขยะเปียกลดโลกร้อน 1 ครัวเรือน 1 อถล. 1 ถังขยะเปียกลดโลกร้อน ของเทศบาลเมืองอ่างทอง ณ ชุมชนบ้านรอ
วันนี้ (6 มกราคม 2566) เวลา 09.00 น. ณ ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านรอ ต.บางแก้ว อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมรณรงค์ถังขยะเปียกลดโลกร้อน 1 ครัวเรือน 1 อถล. 1 ถังขยะเปียกลดโลกร้อน ของเทศบาลเมืองอ่างทอง โดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ท้องถิ่นจังหวัดอ่างทอง พลังงานจังหวัดอ่างทอง นายอําเภอเมืองอ่างทอง ท้องถิ่นอําเภอเมืองอ่างทอง รองนายกเทศมนตรีเมืองอ่างทอง และอาสาสมัครสาธารณสุขประจําหมู่บ้าน (อสม.) เข้าร่วมกิจกรรมกิจกรรมรณรงค์ถังขยะเปียกลดโลกร้อน 1 ครัวเรือน 1 อถล. 1 ถังขยะเปียกลดโลกร้อน เป็นการรณรงค์ให้หน่วยงานราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นําชุมชน และประชาชน เกิดพฤติกรรมรักษ์สิ่งแวดล้อม และเป็นการส่งเสริมการสร้างวินัยในการคัดแยกขยะมูลฝอยที่ต้นทางอย่างถูกวิธี โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรม สามารถนําความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ในชีวิตประจําวัน รวมทั้งเป็นการนําร่องในชุมชนบ้านรอ และชุมชนในเขตเทศบาลเมืองอ่างทอง ทั้ง 22 ชุมชนในการนี้ ได้มอบอุปกรณ์สําหรับสาธิตการดําเนินการจัดทําถังขยะเปียกลดโลกร้อน จากนั้นได้ดําเนินการฝังถังขยะเปียกลดโลกร้อน บริเวณชุมชนบ้านรอ ต.บางแก้ว อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
อ่างทอง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอ่างทอง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106123409635
null
จังหวัดนนทบุรี การก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 66 ภายใต้ “สื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม”
สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ปัจจุบันของจังหวัดนนทบุรี ค่าฝุ่นละออง PM2.5 จะสูงในช่วงการเปลี่ยนฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว สภาพอากาศ ถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทําให้ฝุ่นละอองไม่กระจายตัว และเกิดการสะสมของมลพิษ เช่น ความเร็วลม กระแสลม และการเกิดปรากฏการณ์อุณหภูมิผกผัน ทําให้อากาศไม่สามารถลอยตัวขึ้นในแนวดิ่งได้เหมือนฝาชีหรือโดมครอบไว้ จึงทําให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองในบรรยากาศ ประกอบกับมีลมสงบ การไหลเวียนและถ่ายเทอากาศไม่ดี จึงทําให้เกิดการสะสมของฝุ่นละออง หมอกและควัน ในบรรยากาศเพิ่มสูงขึ้น ตามประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้กําหนดมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ในบรรยากาศโดยทั่วไป ประกาศ ณ วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2565 และกําหนดมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ในบรรยากาศโดยทั่วไปค่าเฉลี่ยในเวลา 24 ชั่วโมง จะต้องไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยให้มีผลจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 และตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป ให้ค่าเฉลี่ยในเวลา 24 ชั่วโมง จะต้องไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และกําหนดมาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน ในบรรยากาศโดยทั่วไป ค่ามัชฌิมเลขคณิต (Arithmetic Mean) ในเวลา 1 ปี จะต้องไม่เกิน 15 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรคุณผุสดี เยี่ยมสวัสดิ์ สํานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 6 กล่าวว่า ได้ดําเนินการจัดทําข้อมูลคุณภาพอากาศรายวัน เพื่อเผยแพร่แจ้งเตือนให้ประชาชนมีการป้องกันสุขภาพอนามัย และให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมดําเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อ 3 มกราคม 2566 เห็นชอบแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 ประกอบด้วย แนวทางการดําเนินงาน 7 แนวทาง ภายใต้กรอบ ด้านสื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม” เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดําเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองโดยเฉพาะในช่วงเกิดสถานการณ์ เร่งรัดการประชาสัมพันธ์เชิงรุกและแจ้งเตือนล่วงหน้า 7 วันทุกพื้นที่ เช่น บูรณาการข้อมูลสําหรับการสื่อสารในช่วงวิกฤต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความสับสนของประชาชน พร้อมยกระดับมาตรการการดําเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น เพิ่มความเข้มงวด ในการควบคุมฝุ่นละอองในช่วงวิกฤตในพื้นที่ป่า เตรียมความพร้อมกําลังพล บุคลากร อุปกรณ์เครื่องมือให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา พร้อมกันนี้ได้ผลักดันกลไกระหว่างประเทศ เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนมีประสิทธิภาพสูงสุดในการแก้ไขฝุ่นละออง PM2.5#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
นนทบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนนทบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106123937639
null
เทศบาลตำบลทับมา สร้างการเรียนรู้การคัดแยกขยะอันตรายและขยะติดเชื้อในชุมชนแก่ประชาชน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 6 ม.ค.66 ที่ห้องประชุมโรงเรียนอนุบาลทับมา ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตําบลทับมา เป็นประธานเปิดโครงการส่งเสริมและสร้างการเรียนรู้การคัดแยกขยะอันตรายและขยะติดเชื้อในชุมชนแก่ประชาชนในพื้นที่ตําบลทับมา โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิมาให้ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะอันตรายและขยะติดเชื้อจากต้นทาง และแหล่งกําเนิดให้รับทราบนายประเสริฐ กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันปัญหาขยะหรือของเสียจากชุมชนนับว่าเป็นปัญหาสําคัญระดับต้นๆ ของประเทศ เนื่องจากก่อให้เกิดผลกระทบทั้งต่อสุขภาพประชาชนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งขยะอันตรายและขยะติดเชื้อ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงและรวดเร็ว จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ พบว่า ขยะมูลฝอยติดเชื้อของประเทศไทย ปี 2564 มีปริมาณ 90,009 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ร้อยละ 87 และของเสียอันตรายจากชุมชนปี 2564 มีปริมาณ 669,418 ตัน เพิ่มขึ้น จากปี 2563 ร้อยละ 1.6 และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้จัดโครงการส่งเสริมและสร้างการเรียนรู้การคัดแยกขยะอันตรายและขยะติดเชื้อในชุมชนขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจในการคัดแยกขยะติดเชื้อ ณ แหล่งกําเนิดและสามารถจัดการอย่างถูกหลักวิชาการ เพื่อป้องกันมลพิษปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อมและการระบาดของเชื้อโรค รวมทั้งสร้างความตระหนักให้ประชาชนเห็นถึงความสําคัญของการคัดแยกและกําจัดอย่างถูกวิธีอีกด้วย#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคตะวันออก
ระยอง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106125434643
null
รองอธิบดีกรมการข้าว ลงพื้นที่จ.อุบลราชธานี รับฟังผลการดำเนินงาน ปัญหา พร้อมให้คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ แก่พี่น้องเกษตร ต.นาเรือง
นางสาวนนทิชา วรรณสว่าง รองอธิบดีกรมการข้าว และคณะ ลงพื้นพบปะเยี่ยมเยียนศูนย์ข้าวชุมชนตําบลนาเรือง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งศูนย์ข้าวชุมชนตําบลนาเยีย อําเภอนาเยีย จังหวัดอุบลราชธานี ขึ้นทะเบียนกับกรมการข้าวเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2560 มีทั้งหมด 5 ศูนย์ ปัจจุบันมีสมาชิกรวมทั้งหมด 161 ราย มีพื้นที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี จํานวน 837 ไร่ พื้นที่ผลิตข้าวคุณภาพดี จํานวน 1,622 ไร่ โดยศูนย์ข้าวชุมชนตําบลนาเรืองเป็นกลุ่มผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้กับศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวอุบลราชธานี ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว พันธุ์ กข15 ชั้นพันธุ์ขยาย มีกระบวนการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ได้มาตรฐาน และปริมาณตามเป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละ ฤดูกาลผลิต ซึ่งสมาชิกในกลุ่มมีความสามัคคี ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อีกทั้งยังเข้าร่วมดําเนินกิจกรรมต่างๆกับกรมการข้าวอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทั้งนี้ รองอธิบดีกรมการข้าว ได้รับฟังผลการดําเนินงาน ปัญหา/อุปสรรค พร้อมให้คําแนะนํา ข้อเสนอแนะ แก่พี่น้องเกษตรในการบริหารจัดการดําเนินงานของศูนย์ข้าวชุมชนฯให้สําเร็จเป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างลุล่วงต่อไป
6/1/2023
null
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106134255670
null
นายกรัฐมนตรี พบปะประชาชนที่จังหวัดสิงห์บุรี ย้ำรัฐบาลเร่งช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มที่ ไม่เลือกปฏิบัติ
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวระหว่างการเยี่ยมชมนิทรรศการ?สินค้าเกษตร ภายหลังเปิดกิจกรรม “ข้าวรักษ์โลก” พื้นที่นานําร่อง หมู่ที่ 1 ตําบลน้ําตาล อําเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ว่าสินค้าเกตรที่มีใบรับรอง จะไม่สามารถกีดกันการค้าได้ ขณะนี้มีสินค้าการเกษตรที่มีปัญหาอยู่ประมาณ 50 รายการ อยู่ระหว่างการเจรจาแก้ไขปัญหา? รวมทั้งได้มอบนโยบายแก้ไขปัญหาราคา?ปุ๋ย ที่เกิดจากต้นทุนการผลิตแพง โดยนําปุ๋ยอินทรีย์มาใช้ทดแทนปุ๋ยเคมี พร้อมกันนี้ ยังแสดงความยินดีที่ได้มาขับเคลื่อนโครงการข้าวรักษ์โลก เป็นการทํานาปรังในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ถือเป็นจังหวัดที่ 10 และดีใจที่ได้มาพบปะกับประชาชนส่วนความคืบหน้าพนังกั้นน้ํา โครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ําท่วมพื้นที่ชุมชนน้ําตาล ระยะที่ 2 ริมแม่น้าเจ้าพระยา อําเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี รัฐบาลนี้พัฒนาบ้านเมืองให้เปลี่ยนแปลงไปมาก และหาแนวทางให้เกิดความสมดุล เกิดความเข้าใจและความร่วมมือช่วยกันแก้ปัญหาเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ทําให้ทุกคนในประเทศไทย อยู่รอดปลอดภัย บนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียงและตามวิสัยทัศน์ยุทธศาสตร์ชาติ ยืนยันไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งการดําเนินโครงการต่างๆ ในการกํากับต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ หากมีการร้องเรียนต้องตรวจสอบดําเนินการตามกฎหมาย พร้อมปฏิเสธตอบคําถามกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาพาดพิงว่าบริษัทหลานของนายกรัฐมนตรีมีความเกี่ยวกับธุรกิจเช่ารถของตู้ห่าว
6/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106140155674
null
นักศึกษาสาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ ม.มหิดล เปิดเผยผลการศึกษาข้อมูล ประสิทธิภาพการสวมใส่หน้ากากอนามัย N95 ในช่วงวิกฤติหมอกควัน ต่อเนื่องไม่ควรเกิน 4 ชั่วโมง
นางสาวธฤษวรรณ รัศมี และ นางสาววริศรา ทองระย้า นักศึกษาสาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ได้เปิดเผย ผลการทดสอบและวิเคราะห์ผลประสิทธิภาพของหน้ากาก N95 เมื่อสวมเกิน 4 ชั่วโมง ว่า " ในช่วงวิกฤติหมอกควัน ระดับฝุ่นละอองสูงเกินระดับมาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศของประเทศไทย ฝุ่นละอองเหล่านี้สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ คนไทยเผชิญปัญหาวิกฤติหมอกควันบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูแล้งที่แหล่งกําเนิดฝุ่นมาจากการเผาไหม้ชีวมวล การเผาป่า การจราจร การก่อสร้าง เป็นต้น หน้ากาก N95 เป็นทางเลือกที่อาจใช้เพื่อลดผลกระทบทั้งจากไวรัส COVID -19 และฝุ่นละอองขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้ากากดังกล่าวมีคุณสมบัติการกรองละอองฝุ่นในอากาศที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมโครเมตรขึ้นไปได้อย่างน้อย 95% ภายใต้มาตรฐานของหน่วยงาน U.S. National Institute for Occupational Safety and Health (NIOSH) ซึ่งเป็นหน่วยงานทางสุขศาสตร์อุตสาหกรรมของสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ดี ประสิทธิภาพการใช้งานหน้ากาก N95 อาจเปลี่ยนแปลงตามเวลาการใช้งานต่อเนื่อง เป็นที่น่าสนใจว่า ระยะเวลาการใช้งานหน้ากาก N95 ในช่วงวิกฤติหมอกควันที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าไหร่ดี โดย ผลการศึกษาดังกล่าวได้รับการแนะนําและควบคุมคุณภาพโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอริกา พฤฒิกิตติ อาจารย์ประจําหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี สําหรับวิธีการการศึกษาข้อมูล นางสาวธฤษวรรณ รัศมี และนางสาววริศรา ทองระย้า นักศึกษาสาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ได้มีการทดสอบการสูญเสียแรงดันของแผ่นกรองจากหน้ากาก N95 ภายใต้สภาวะจําลองในช่วงวิกฤติหมอกควัน (ระดับละอองฝุ่นขนาดน้อยกว่า 10 ไมโครเมตร ระหว่างการทดลองเฉลี่ย 143.39 ?g m-3 สูงกว่าค่ามาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศ ที่ประเทศไทยกําหนดไว้ที่ 120 ?g m-3 เฉลี่ยในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง) ใช้ปั๊มดูดอากาศอัตราต่ํา เพื่อจําลองอัตราการหายใจของมนุษย์ วิธีทดสอบมุ่งเน้นประเมินประสิทธิภาพของวัสดุ ที่ทําหน้ากากอนามัยเพียงอย่างเดียว ไม่ได้พิจารณาปัจจัยเรื่องการสวมใส่ ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าการสูญเสียแรงดันคงที่ในช่วงเริ่มต้นถึงประมาณนาทีที่ 240 หรือประมาณ 4 ชั่วโมง ในชั่วโมงที่ 5 การสูญเสียแรงดันเพิ่มขึ้นมากบ่งชี้ว่าฝุ่นละอองสะสมบนหน้ากากมากจนผู้สวมใส่อาจหายใจไม่สะดวก ในชั่วโมงที่ 7 และ 8 การสูญเสียแรงดันลดลง บ่งชี้ว่าแผ่นกรองอาจเกิดการฉีดขาด ดังนั้น ทางที่ดีไม่ควรใส่หน้ากาก N95 ต่อเนื่องเกิน 4 ชั่วโมงในสภาวะที่ฝุ่นในช่วงวิกฤติหมอกควัน ซึ่ง ผลการศึกษาดังกล่าวได้รับการแนะนําและควบคุมคุณภาพโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอริกา พฤฒิกิตติ อาจารย์ประจําหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี เป็นข้อมูล ที่ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ เพื่อให้ประชาชนและนักศึกษา ได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ ที่ใช้ป้องกันตนเองในการกรองฝุ่นละออง ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ยังมีโครงการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้การจัดการฝุ่นละอองในหลากหลายประเด็น หากประชาชนท่านใดต้องการปรึกษาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอริกา พฤฒิกิตติ Email arika.bri@mahidol.edu" สาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตกาญจนบุรี ในวันและเวลาราชการ ที่เบอร์โทรศัพท์ 034-585058#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สวท.กาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106135736671
null
สำนักงานชลประทานที่ 2 ติดตามสถานการณ์น้ำ 4 จังหวัดเขตความรับผิดชอบ พบมีน้ำใช้การได้ 692.40 ล้านลูกบาศก์เมตร
วันที่ 6 มกราคม 2566 นายสถิต โพธิ์ดี รองผู้อํานวยการสํานักงานชลประทานที่ 2 เปิดเผยว่า สํานักงานชลประทานที่ 2 ได้ติดตามสถานการณ์น้ําในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบ ได้แก่ จังหวัดลําปาง พะเยา น่าน และเชียงราย เพื่อการพัฒนาแหล่งน้ําและการบริหารจัดการน้ํา โดยมีแหล่งน้ําขนาดใหญ่และขนาดกลาง ประกอบด้วยจังหวัดลําปาง มีอ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่ 2 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ํากิ่วลมและอ่างเก็บน้ํากิ่วคอหมา ปัจจุบันมีปริมาณน้ํารวม 285.80 ล้านลูกบาศก์เมตร (103%) อ่างเก็บน้ําขนาดกลาง 29 แห่ง ปริมาณน้ํารวม 135.63 ล้านลูกบาศก์เมตร (85%) นอกจากนี้ยังมีอ่างเก็บน้ําขนาดเล็กที่อยู่ในความรับผิดชอบ 54 แห่ง ปริมาณน้ํารวม 30.33 ล้านลูกบาศก์เมตร (90%) รวมปริมาณน้ําทั้งหมด 451.76 ล้านลูกบาศก์เมตรจังหวัดพะเยามีอ่างเก็บน้ําขนาดกลาง 4 แห่ง ปริมาณน้ํารวม 84.03 ล้านลูกบาศก์เมตร (84%) อ่างเก็บน้ําขนาดเล็กที่อยู่ในความรับผิดชอบ 20 แห่ง ปริมาณน้ํา 20.83 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมปริมาณน้ําทั้งหมด 104.86 ล้านลูกบาศก์เมตรจังหวัดน่านมีอ่างเก็บน้ําขนาดกลาง 4 แห่ง ปริมาณน้ํารวม 22.48 ล้านลูกบาศก์เมตร (44%) อ่างเก็บน้ําขนาดเล็กที่อยู่ในความรับผิดชอบ 31 แห่ง ปริมาณน้ํา 14.85 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมปริมาณน้ําทั้งหมด 37.33 ล้านลูกบาศก์เมตรจังหวัดเชียงรายมีอ่างเก็บน้ําขนาดกลาง 4 แห่ง ปริมาณน้ํารวม 96.52 ล้านลูกบาศก์เมตร (101%) อ่างเก็บน้ําขนาดเล็กที่อยู่ในความรับผิดชอบ 51 แห่ง ปริมาณน้ํา 52.75 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมปริมาณน้ําทั้งหมด 149.27 ล้านลูกบาศก์เมตรสรุปสถานการณ์น้ําในอ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งหมด มีปริมาณน้ํารวม 743.21 ล้านลูกบาศก์เมตร เป็นน้ําที่ใช้การได้ 692.40 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ําในอ่างเก็บน้ําขนาดเล็กรวม 118.76 ล้านลูกบาศก์เมตรอย่างไรก็ตาม สํานักงานชลประทานที่ 2 ได้วางแผนการบริหารจัดการน้ําในภัยแล้ง ปี 2565/2566 เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันผลกระทบต่อประชาชน ในการใช้งานเพื่อการอุปโภค-บริโภค และเพื่อทางการเกษตร หากประชาชนได้รับผลกระทบสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือทางหมายเลขสายด่วน 1460#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106140530678
null
โครงการชลประทานลำปาง ลงพื้นที่โครงการปรับปรุงก่อสร้างฝายนาม่วง พร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.เมืองมาย จ.ลำปาง
นายปารเมศ การุณนราพร ผู้อํานวยการโครงการชลประทานลําปาง พร้อมด้วย นายวิชาญ กวินภูมิเสถียร หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม นายธนิต คํามีอ้าย หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ําและปรับปรุงระบบชลประทาน และเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่โครงการปรับปรุงก่อสร้างฝายนาม่วงพร้อมระบบส่งน้ําอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ตําบลเมืองมาย อําเภอแจ้ห่ม จังหวัดลําปาง ร่วมหารือกับผู้เกี่ยวข้องในการเตรียมความพร้อมด้านสถานที่และข้อมูล เพื่อเตรียมความพร้อมให้การต้อนรับ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี และคณะ ซึ่งมีกําหนดติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริเขตพื้นที่จังหวัดลําปาง โครงการปรับปรุงก่อสร้างฝายนาม่วงพร้อมระบบส่งน้ําอันเนื่องมาจากพระราชดําริ เป็นโครงการจัดหาน้ําสนับสนุนราษฎรบ้านไผ่ทองที่ขาดแคลนน้ําในการอุปโภคบริโภคและทําการเกษตร จึงได้ดําเนินการก่อสร้างฝายนาม่วงพร้อมระบบส่งน้ํา เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนให้กับราษฎรบ้านไผ่ทองให้มีน้ําใช้สําหรับการอุปโภคบริโภคการเกษตร #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106143432691
null
โครงการชลประทานลำปาง ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานซ่อมแซม และงานปรับปรุง อ่างเก็บน้ำแม่เฟืองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
นายปารเมศ การุณนราพร ผู้อํานวยการโครงการชลประทานลําปาง พร้อมด้วย นายวิชาญ กวินภูมิเสถียร หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม โครงการชลประทานลําปาง ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการดําเนินงานซ่อมแซมและงานปรับปรุง ประจําปีงบประมาณ 2566 ในเขตพื้นที่จังหวัดลําปาง ได้แก่ งานซ่อมแซมระบบส่งน้ําอ่างเก็บน้ําแม่เฟืองอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ตําบลบ้านเอื้อม อําเภอเมือง จังหวัดลําปาง และงานซ่อมแซมระบบส่งน้ําอ่างเก็บน้ําแม่ทรายคําอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ตําบลนิคมพัฒนา อําเภอเมือง จังหวัดลําปาง โดยมี นายธนิต คํามีอ้าย หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ําและปรับปรุงระบบชลประทาน พร้อมด้วย นายอนันทชาต เขียวชอุ่ม หัวหน้าฝ่ายส่งน้ําและบํารุงรักษาที่ 2 และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง บรรยายสรุปแผนการดําเนินงานทั้งนี้ ผู้อํานวยการโครงการชลประทานลําปาง ได้รับฟังปัญหาอุปสรรค พร้อมให้ข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน เพื่อให้การดําเนินงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106143903694
null
สำนักงานเกษตรอำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกษตรหมู่บ้าน (กม.)
นางฉลวย เวียนคํา เกษตรอําเภอรัษฎา จังหวัดตรัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอรัษฎา จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกษตรหมู่บ้าน (กม.) ภายใต้โครงการพัฒนาอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน เพื่อทบทวนบทบาทหน้าที่และภารกิจของเกษตรหมู่บ้าน แนะนําแอปพลิเคชันสําหรับขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร และวางแผนการขับเคลื่อนงานเกษตรหมู่บ้าน ณ ห้องประชุมสํานักงานเกษตรอําเภอรัษฎา จังหวัดตรัง ทั้งนี้ อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน หรือ อกม. เป็น 1 กลไกสําคัญภาคเกษตร ที่ทําหน้าที่เป็นผู้แทนเกษตรกรระดับหมู่บ้าน ได้รับการคัดเลือกหมู่บ้านละ 1 คน จากที่ประชุมอาสาสมัครเกษตรและผู้แทนเกษตรกรระดับหมู่บ้าน เพื่อทําหน้าที่จัดเก็บรวบรวมและรายงานข้อมูลพื้นฐานด้านการเกษตรของหมู่บ้าน ร่วมกับกรรมการหมู่บ้านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทําแผนพัฒนาการเกษตรระดับหมู่บ้าน ประสานงานในการถ่ายทอดความรู้และการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรในหมู่บ้าน รวมทั้งติดตามสถานการณ์การเกษตรในหมู่บ้าน พร้อมรายงานเหตุการณ์ฉุกเฉินเร่งด่วนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
null
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106171256754
null
เกษตรอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ตำบลหนองบ่อ สำรวจความเสียหายของเกษตรกรผู้ประสบภัยด้านพืช เนื่องจากน้ำป่าไหลหลากเมื่อวันที่ 18-22 ธันวาคม 2565
นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอําเภอย่านตาขาว มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่เกษตรอําเภอย่านตาขาว ลงพื้นที่หมู่ 1 ตําบลหนองบ่อ อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เพื่อสํารวจความเสียหายด้านพืชของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ําป่าไหลหลาก เมื่อวันที่ 18-22 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา จํานวน 1 ราย ได้แก่ นางสาวภัคจีรา ราชภัคดี พื้นที่ปลูกปาล์มน้ํามันได้รับความเสียหายอย่างสิ้นเชิง จํานวน 1 งาน ซึ่งทางสํานักงานเกษตรอําเภอย่านตาขาว จะดําเนินการให้การช่วยเหลือแก่เกษตรกรตามหลักเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ทั้งนี้ จังหวัดตรัง ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย(น้ําป่าไหลหลาก) วันที่ 18-22 ธันวาคม 2565 ใน 3 อําเภอ 8 ตําบล 32 หมู่บ้าน 2,018 ครัวเรือน 8,054 คน ประกอบด้วย อําเภอนาโยง อําเภอย่านตาขาว และอําเภอปะเหลียน ซึ่งจังหวัดตรัง อําเภอ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ ต่างระดมสรรพกําลังจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง และเต็มกําลังความสามารถ พร้อมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งสํารวจความเสียหายเพื่อจะได้ให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย ตามระเบียบของทางราชการต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106171404756
null
สำนักงานเกษตรอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ลงพื้นที่จัดกระบวนการเรียนรู้ด้านการจัดการดินและปุ๋ยแก่สมาชิกศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนบ้านป่ากอ
นายสุภัทธ คงด้วง เกษตรอําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอปะเหลียน ลงพื้นที่จัดกระบวนการเรียนรู้ด้านการจัดการดินและปุ๋ยแก่สมาชิกศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนบ้านป่ากอ หมู่ที่ 5 ตําบลปะเหลียน อําเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มวางแผนการดําเนินกิจกรรมของกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพได้เน้นให้ศูนย์เป็นแหล่งเรียนรู้และเป็นต้นแบบให้กับชุมชน ทําให้กลุ่มมีความเข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้ ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นเครือข่ายสนับสนุนการทํางานของกรมส่งเสริมการเกษตร ด้านดินและปุ๋ย ที่บริหารจัดการโดยเกษตรกร รวมทั้งเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการจัดการดินและการใช้ปุ๋ย เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนการผลิต ตลอดจนเพื่อให้บริการตรวจวิเคราะห์ดิน ให้คําแนะนําการจัดการดินและการใช้ปุ๋ยเบื้องต้น พร้อมทั้งจัดหาและบริการจําหน่ายปัจจัยการผลิต เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้ปุ๋ยตามคําแนะนํา สามารถเพิ่มปริมาณและคุณภาพผลผลิต ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106171549757
null
เกษตรย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ให้บริการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรประจำปี 2566 ในพื้นที่ตำบลโพรงจระเข้
วันนี้( 6 มกราคม 2566 ) นางแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ สํานักงานเกษตรอําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ร่วมกับนายพินินันท์ ปราบแทน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และนายเจษฎา รอดช่วย คณะกรรมการหมู่บ้าน ลงพื้นที่ให้บริการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจําปี 2566 ซึ่งเกษตรกรเข้ารับบริการจํานวน 70 ราย ณ ศาลาอเนกประสงค์หมู่ที่ 5 ตําบลโพรงจระเข้ อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ทั้งนี้ การแจ้งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรเป็นประจําทุกปี ข้อมูลจะมีความครบถ้วน เป็นปัจจุบันทําให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทําให้ภาครัฐ สามารถวางแผนการผลิต การตลาด ส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและจัดทําโครงการมาตรการต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรได้อีกด้วย ดังจะเห็นได้จากการที่หน่วยงานภาครัฐเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรไปใช้เป็นข้อมูลประกอบโครงการและมาตรการเพื่อให้การสนับสนุน และช่วยเหลือเกษตรกรเป็นจํานวนมาก#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106171654758
null
กรมปศุสัตว์ เตือนผู้เลี้ยงโคขุนห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง ย้ำ มีโทษตามกฎหมาย อันตรายต่อผู้บริโภค พร้อมหารือภาคส่วนต่างๆ ออกมาตรการ คุมเข้มห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ได้กําหนดมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดงในโคขุน เพื่อปกป้องสุขภาพของผู้บริโภคในประเทศ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศคู่ค้าการส่งออกผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ทั้งนี้ กรมปศุสัตว์ได้หารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันพิจารณามาตรการป้องกันและปราบปรามการลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดง โดยได้กําหนดมาตรการต่างๆ เช่นการสอดส่องและจับกุมการขายสารเร่งเนื้อแดงผ่านช่องทางออนไลน์ โดยตั้งทีมเฉพาะกิจทางไซเบอร์ขึ้นมาดําเนินการสุ่มเก็บตัวอย่างเนื้อโคเพื่อตรวจหาการตกค้างของสารเร่งเนื้อแดง /สุ่มเก็บตัวอย่างปัสสาวะในโคขุนที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยใช้ชุดทดสอบภาคสนาม เพื่อตรวจสอบการใช้สารเร่งเนื้อแดง เป็นต้น โดยเฉพาะโคขุนที่ใช้ทั้งอาหารข้นและอาหารหยาบในการเลี้ยงเพื่อให้แลกเปลี่ยนเป็นเนื้อ เพื่อเป็นการลดต้นทุนเกษตรกรบางราย อาจนําสารเร่งเนื้อแดงไปผสมในอาหารสัตว์ เพื่อวัตถุประสงค์เร่งการเจริญเติบโต ลดปริมาณไขมันในเนื้อสัตว์ ตลอดจนเพิ่มปริมาณกล้ามเนื้อ และทําให้เนื้อสัตว์สีแดงน่าบริโภค ซึ่งจะก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค กรมปศุสัตว์ จึงได้กํากับ ดูแลความปลอดภัย ในการผลิตสินค้าปศุสัตว์ตลอดห่วงโซ่ และการส่งออก ซึ่งทุกขั้นตอนการผลิตต้องมีคุณภาพมาตรฐาน ตามที่กําหนดไว้ในกฎหมาย มาตรฐานสากล หรือเงื่อนไขของประเทศคู่ค้า เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค สร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคภายในประเทศ รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นแก่ประเทศคู่ค้าการส่งออกผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ ที่ผ่านมาได้ดําเนินการป้องกันและปราบปรามการใช้สารเร่งเนื้อแดงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 สามารถจับกุมดําเนินคดีได้ 11 คดี มีโทษตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
6/1/2023
null
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106192857818
null
นายกสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย แนะวิธีเลือกซื้อเนื้อหมูปลอดภัย เน้น “ปศุสัตว์ OK”
นายกสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย แนะผู้บริโภคหากพบเนื้อหมูที่มีฝีหนองปนเปื้อนหรือเข็มปนเปื้อน ให้ตัดเนื้อส่วนนั้นทิ้ง ย้ําควรเลือกซื้อจากผู้ผลิตและแหล่งจําหน่ายที่ได้มาตรฐาน มีตราสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” ตอกย้ําความปลอดภัยผศ.น.สพ.ดร. สุเจตน์ ชื่นชม นายกสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย เปิดเผยว่า ฝีหนอง ที่ผู้บริโภคพบในเนื้อหมู ไม่ใช่โรค โดยเกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนในกระบวนการการเลี้ยงหมูที่ต้องมีการควบคุมป้องกันโรค เช่น การทําวัคซีน หรือการให้ยารักษา ซึ่งจะฉีดที่บริเวณคอ หากบริเวณที่ฉีดยาหรือใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาด ทําให้มีการปนเปื้อนของเชื้อโรคเข้าไป จึงทําให้เกิดเป็นฝีหนอง ดังนั้น “ฝีหนองจึงไม่ใช่โรค ไม่ติดต่อสู่ผู้บริโภค” หากสังเกตพบฝีหนองในชิ้นเนื้อให้ทิ้งไป ไม่แนะนําให้บริโภค “ฝีหนองไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากผิวด้านนอก บางทีอาจมีขนาดเล็ก หากไม่สไลด์หรือชําแหละชิ้นเนื้อ จะมองไม่เห็นและไม่ทราบได้ว่ามีฝีหนอง ซึ่งขณะนี้วงการเลี้ยงหมูกําลังศึกษาหางานวิจัยที่จะสามารถสแกนหาฝีหนองได้ ฉะนั้นทางแก้ต้องเริ่มที่ฟาร์มโดยขอความร่วมมือจากฟาร์ม ซึ่งในกระบวนการที่ต้องใช้เข็ม อุปกรณ์ต้องสะอาด มีวิธีการฉีดที่ถูกต้อง หากเป็นฟาร์มทั่วไปที่ไม่ได้มีโรงฆ่าหรือโรงแปรรูป ปัญหานี้อาจจะยังไม่เห็น แต่หากเป็นฟาร์มที่ทําโรงแปรรูปที่เปลี่ยนจากหมูมีชีวิตมาเป็นเนื้อหมู ในขั้นตอนการชําแหละ จะมีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนถึงมือผู้บริโภค” ผศ.น.สพ.ดร. สุเจตน์ กล่าวผศ.น.สพ.ดร. สุเจตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนเรื่องเข็มที่พบในคอหมู เกิดจากกระบวนการฉีดยาที่คอหมูแล้ว เข็มหักระหว่างการฉีด ดังนั้น บริเวณคอหมูจึงมีโอกาสที่จะพบเข็มได้ ซึ่งที่ผ่านมามีการเทคโนโลยีการฉีดแบบไร้เข็ม (needle-free jet injection) หรือ วิธีใช้แรงดันในการทําวัคซีนเข้าไปในตัวสัตว์โดยไม่ใช้เข็ม (Needleless) โดยหลักการใช้แรงดันผ่านรูเล็กๆ หลายรู เพื่อส่งยาเข้าไปในตัวสัตว์ ถือเป็นอีกวิธีการในการลดปัญหาเรื่องเข็ม ส่วนผู้บริโภคต้องสังเกตชิ้นเนื้อในส่วนคอให้ดีก่อนการซื้อและการบริโภค เน้นซื้อจากผู้ผลิตที่มีมาตรฐาน เพราะมีกระบวนการตรวจสอบป้องกันไม่ให้มีการตกค้างของเข็ม และมีเครื่องสแกนโลหะทําให้รู้ว่ามีเข็มหรือไม่ รวมทั้งในการเลือกซื้อเนื้อหมูโดยเฉพาะชิ้นส่วนตรงคอหมู ควรนํามาตัดชําแหละหรือหั่นให้เป็นชิ้นบางๆ เพื่อลดความเสี่ยงทั้งเข็มและฝีหนอง “ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้โดยเริ่มจากต้นน้ําในระดับฟาร์ม ซึ่งเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูมีส่วนสําคัญในการป้องกันเรื่องนี้ ฟาร์มต้องมีการพัฒนาหรือปรับปรุงกระบวนการโดยเฉพาะการฉีดยาและวัคซีน ที่ต้องสะอาดและระมัดระวัง เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดฝีหนองหรือมีเข็มตกค้าง ที่สําคัญควรเน้นกระบวนการเลี้ยงที่ดี สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมทําให้หมูเครียดน้อยลง เลี้ยงหมูให้สุขภาพดีขึ้น โดยให้พื้นที่ต่อตัวมากขึ้น โอกาสที่หมูจะป่วยจึงน้อยลง ทําให้ใช้ยาลดลงตามไปด้วย ส่วนผู้บริโภคควรเลือกซื้อเนื้อหมูจากผู้ผลิตและแหล่งที่เชื่อถือได้ มีตราสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” ช่วยตอกย้ําความปลอดภัยของเนื้อหมู และยังเป็นการหลีกเลี่ยงเนื้อหมูที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือหมูเถื่อนที่อาจมีการจําหน่ายปะปนในกลุ่มผู้ค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนที่จะถึงนี้ซึ่งมีการใช้หมูในการไหว้ด้วย ยิ่งต้องให้ความสําคัญกับการเลือกซื้อเนื้อหมูเพื่อความปลอดภัย” ผศ.น.สพ.ดร. สุเจตน์ กล่าวทิ้งท้าย
6/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สำนักพัฒนานโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106195458826
null
ปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี ให้กำลังใจ อาสาปศุสัตว์ดีเด่นจังหวัดเพชรบุรีที่เข้ารับการคัดเลือกอาสาปศุสัตว์ดีเด่นระดับเขต 7 ประจำปีงบประมาณ 2566
นายกรรัตน์ คุ้มกระ ปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ สํานักงานปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับ นายสมขิ่น หงคงคา ปศุสัตว์อําเภอหนองหญ้าปล้องและทีมงาน ร่วมลงพื้นที่ให้กําลังใจ และให้การสนับสนุนให้การต้อนรับคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกอาสาปศุสัตว์ดีเด่นระดับเขต 7 ประจําปีงบประมาณ 2566 ประกอบด้วย นายสุพัฒน์ เอี่ยมสอาด ผู้อํานวยการส่วนส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ สํานักงานปศุสัตว์เขต 7 ประธานคณะกรรมการและคณะกรรมการคัดเลือกระดับเขต 7 เข้าพิจารณาผลงานในหน้าที่อาสาปศุสัตว์ ของนายปรีชา แก้วสด อาสาปศุสัตว์ดีเด่นจังหวัดเพชรบุรี ที่เข้ารับการคัดเลือกอาสาปศุสัตว์ดีเด่นระดับเขต 7 ประจําปี 2566 ณ บ้านเลขที่ 52 หมู่ 6 บ้านพุไทร ตําบลหนองหญ้าปล้อง อําเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี โดยมีหัวหน้าทหารชุดมวลชนสัมพันธ์ที่ 1207 ผู้แทนองค์การบริหารส่วนตําบลหนองหญ้าปล้อง กํานันตําบลหนองหญ้าปล้อง ผู้ใหญ่บ้านพุไทร อสม. อาสาปศุสัตว์ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้เลี้ยงแพะอําเภอหนองหญ้าปล้อง และเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อ ธคก.บ้านพุไทร ร่วมสนับสนุนการดําเนินงานของอาสาปศุสัตว์เชิงประจักษ์โดยให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องแก่คณะกรรมการ และอาสาปศุสัตว์ได้สาธิตการดูแลสุขภาพสัตว์และการใช้วัคซีนต่างๆ แก่สัตว์เลี้ยงสวท.เพชรบุรี#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคตะวันตก
เพชรบุรี
สวท.เพชรบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106230247849
null
ปศุสัตว์หนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เก็บตัวอย่างซีรั่มกระบือตรวจสอบระดับภูมิคุ้มกันโรคปากและเท้าเปื่อยในโค-กระบือ
ปศุสัตว์หนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เก็บตัวอย่างซีรั่มกระบือตรวจสอบระดับภูมิคุ้มกันโรคปากและเท้าเปื่อยในโค-กระบือ สํานักงานปศุสัตว์อําเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างซีรั่มในกระบือ จํานวน 3 ตัวอย่าง ในพื้นที่หมู่ 6 ตําบลหนองหญ้าปล้อง อําเภอหนองหญ้าปล้อง ตามโครงการตรวจสอบระดับภูมิคุ้มกันของโรคปากและเท้าเปื่อยในโค-กระบือ ประจําปีรอบรณรงค์ 1/2566 ทั้งนี้เพื่อนําส่งตรวจสอบระดับภูมิคุ้มกันของโรคปากและเท้าเปื่อย(FMD) วันแรกของการทําวัคซีน(Day 30) ทางห้องปฏิบัติการต่อไปสวท.เพชรบุรี#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคตะวันตก
เพชรบุรี
สวท.เพชรบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106230456850
null
พัฒนาที่ดินนครราชสีมา ลงพื้นที่! ตรวจเยี่ยม : ติดตามการดำเนินงาน “โครงการสาธิต ทดสอบการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพกับพืชชนิดต่างๆ (แปลงผักชี)” ปี 2565 2566 อ.เทพารักษ์ จ.นครราชสีมา
วันนี้ (6 มกราคม 2566) เวลา 10.30 น. นายดาวรุ่ง วิสุทธิ์ เจ้าพนักงานการเกษตรชํานาญงาน พร้อมด้วย นักวิชาการเกษตร สถานีพัฒนาที่ดินนครราชสีมา ลงพื้นที่! ตรวจเยี่ยมพร้อมติดตามการดําเนินงาน “โครงการสาธิต ทดสอบการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพกับพืชชนิดต่างๆ (แปลงผักชี)” ปีงบประมาณ 2565 ต่อเนื่อง 2566 ณ แปลงเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ บ้านสํานักตะคร้อ หมู่ที่ 1 ตําบลสํานักตะคร้อ อําเภอเทพารักษ์ จังหวัดนครราชสีมา พร้อมสนับสนุนปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพ ซึ่งปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพจะให้ธาตุอาหารหลักที่สูงกว่าปุ๋ยหมักทั่วไป อีกทั้งมีธาตุอาหารรอง และจุลธาตุที่ครบถ้วนตามที่พืชต้องการ มีอินทรียวัตถุที่ช่วยในการปรับปรุงบํารุงดิน และจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการหมุนเวียนธาตุอาหารต่างๆ เพิ่มความเป็นประโยชน์ของธาตุอาหารในดิน โดยโครงการฯ มีวัตถุประสงค์ เพื่อจัดทําแปลงสาธิตการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพทดแทนปุ๋ยเคมีกับพืชชนิดต่างๆ ในสภาพดินที่แตกต่างกัน และสามารถพัฒนาเป็นแปลงต้นแบบการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพ ลดหรือทดแทนปุ๋ยเคมีได้#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230107083109875
null
เกษตรโคราช ติดตามการจัดกระบวนการเรียนรู้แก่สมาชิกศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน
วันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2566 เวลา 09.00 น. นายสุรพล ชมภู หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต รักษาราชการแทนเกษตรจังหวัดนครราชสีมา มอบหมายให้ นายณัฐนาท สันทัดพร้อม รักษาการหัวหน้ากลุ่มอารักขาพืช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มอารักขาพืช สํานักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา ติดตามการจัดกระบวนการเรียนรู้แก่สมาชิก ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มีวัตถุประสงค์การจัดกระบวนการเพื่อเน้นแนวทางการดําเนินงานของศูนย์ การให้บริการแก่ชุมชน การทบทวนความรู้ความเข้าใจด้านดินและปุ๋ย ซึ่งมีสมาชิกของศูนย์ศดปช. จังหวัดนครราชสีมา ทั้ง 32 อําเภอ ดําเนินการจัดกระบวนการในระหว่างวันที่ 3-6 มกราคม 2566 ณ ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนตําบลระเริง หมู่ที่ 4 ตําบลระเริง อําเภอวังน้ําเขียว จังหวัดนครราชสีมา#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สวท.นครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230106234809856
null
คพ. ตรวจสอบเหตุไฟไหม้บ่อขยะดงสีบู จ.อำนาจเจริญ เกิดจากการเผาเอาลวดทองแดงมาจำหน่าย พร้อมตรวจวัดคุณภาพอากาศชุมชนโดยรอบพื้นที่
กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ตรวจสอบเหตุไฟไหม้บ่อขยะดงสีบู จ.อํานาจเจริญ เกิดจากการเผาเอาลวดทองแดงมาจําหน่าย พร้อมตรวจวัดคุณภาพอากาศชุมชนโดยรอบพื้นที่ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า จากกรณีเหตุการณ์ไฟไหม้บ่อขยะดงสีบู ต.ไก่คํา อ.เมือง จ.อํานาจเจริญ เมื่อวันที่ 5 มกราคม เป็นบ่อฝังกลบขนาดใหญ่ที่สุดของ จ.อํานาจเจริญ พื้นที่ 95 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ส่งเจ้าหน้าที่และเครื่องมือเข้าร่วมสนับสนุนการตรวจสอบและเฝ้าระวังปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดจากควันไฟและมลพิษทางน้ําที่เกิดจากรถดับเพลิงฉีดน้ําสกัดเพลิงที่กําลังลุกไหม้แล้วไหลออกสู่ภายนอก พบคุณภาพอากาศบริเวณบ่อฝังกลบขยะมีค่าไนโตรเจนไดออกไซด์อยู่ในช่วง 0.4 - 0.8 ส่วนในล้านส่วน สําหรับพื้นที่ชุมชนใกล้เคียงในระยะ 2 - 3 กิโลเมตร มีค่า 0.1 - 0.2 ส่วนในล้านส่วน ค่าไฮโดรเจนไซยาไนด์ มีค่า 0.5 ส่วนในล้านส่วน จึงได้ประสานให้จังหวัดเร่งควบคุมบริเวณจุดเกิดเหตุให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ จากกระแสลมที่แรงจะช่วยเจือจางความเข้มข้นของก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ลงได้และให้คําแนะนํากับประชาชนบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ หากมีอาการไอ หายใจลําบาก ระคายเคืองตาให้ใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์ สําหรับสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากคนเก็บขยะคัดแยกของเก่าเผาซากสายไฟเพื่อเอาทองแดงบริเวณใกล้บ่อขยะ ประกอบกับ มีลมแรงทําให้มีไฟลุกลามไปบ่อขยะ คพ. ขอเน้นย้ํากับทุกฝ่าย ทั้งผู้เก็บขยะ ผู้คัดแยกซากผลิตภัณฑ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานในพื้นที่ต้องกําชับและเฝ้าระวังไม่ให้มีการเผาขยะ เผาซากสายไฟ เผาซากเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเอาวัสดุที่มีค่าไปขาย รวมถึง ขอความร่วมมือผู้ประกอบการไม่รับซื้อวัสดุมีค่าจากการเผา เนื่องจากก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่นละออง PM 2.5 , ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ , ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ , ก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์ , ก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์ , ก๊าซฟอสจีน , สารไดออกซิน และอาจลุกลามเป็นไฟไหม้บ่อขยะได้ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวย้ําว่า ผู้เผาสายไฟจะมีความผิดในหลายกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ และผู้ที่รับซื้ออาจมีความผิดที่สนับสนุนการกระทําความผิด ขอให้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือและมาร่วมมือกันในการป้องกันและควบคุมการคัดแยกขยะให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม
7/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230107155706927
null
ส.ปชส.ตราด ประชาสัมพันธ์ ครม.เห็นชอบแผนเฉพาะกิจ แก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง เน้น “สื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม”
วันนี้ (7 ม.ค. 66) สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด รายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 ประกอบด้วยแนวทางการดําเนินงาน 7 แนวทาง ภายใต้กรอบ “สื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม” เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดําเนินการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองโดยเฉพาะในช่วงเกิดสถานการณ์ คือ เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกและแจ้งเตือนล่วงหน้า 7 วันทุกพื้นที่ ยกระดับมาตรการการดําเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” เตรียมความพร้อมกําลังพล บุคลากร อุปกรณ์เครื่องมือให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมฝุ่นละอองจากยานพาหนะและภาคอุตสาหกรรมนอกจากนี้ จะยกระดับการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร ชิงเก็บ ลดเผา และระบบบริการการเผาในที่โล่ง กํากับ ดูแลการดําเนินการในทุกระดับอย่างเข้มงวด ติดตามผลการดําเนินการและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยปฏิบัติการเชิงรุก เพิ่มการลงพื้นที่ควบคุมและลดฝุ่นจากแหล่งกําเนิดต่าง ๆ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย จัดให้มีแพลตฟอร์ม ศูนย์รวมข้อมูลหรือช่องทางที่ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลหรือแจ้งเหตุด้านมลพิษ และติดตามการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นอกจากนี้ แผนเฉพาะกิจฯ ปี 2566 นี้ มาจากการถอดบทเรียนการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง ปี 2565 เน้นประชาสัมพันธ์เชิงรุกผ่านสื่อใหม่ รวมถึงส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและประชาชนได้มีส่วนร่วมในการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองด้วย #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
7/1/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230107154810925
null
เปิดกิจกรรมโปรโมทสับปะรดภูเก็ต "อ่องหลายโป๊ปี่เป่งอ้าน" ปีที่ 8 พร้อมลงนาม MOU การขนส่งสินค้าเกษตรและสินค้าชุมชนของจังหวัดภูเก็ต
วันที่ (7 มกราคม 2566) เวลา 15.00 น. ณ ร้านบ้าน 92 ถนนถลาง อําเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต นายอํานวย พิณสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วย นางสาววรนิษฐ์ อภิรัฐจิรวงษ์ พาณิชย์จังหวัดภูเก็ต, นายสุบรรณ์ รักษ์ทอง. เกษตรจังหวัดภูเก็ต, นางจันทนา สิทธิพันธ์ วัฒนธรรมจังหวัดภูเก็ต, นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้า จังหวัดภูเก็ต, นางสาวขวัญณพัทสร ชาญทะเล ประธานกรรมการบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีภูเก็ต ร่วมแถลงข่าวกิจกรรม "อ่องหลายโป๊ปี่เป่งอ้าน" ปีที่ 8 และลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) การขนส่งสินค้าเกษตรและสินค้าชุมชนของจังหวัดภูเก็ตทั้งนี้ จากความร่วมมือของกลุ่ม Signature of Phuket จังหวัดภูเก็ต สํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดภูเก็ต สํานักงานเกษตรจังหวัดภูเก็ต สํานักงานพาณิชย์จังหวัดภูเก็ต ไปรษณีย์ จังหวัดภูเก็ต หอการค้าจังหวัดภูเก็ต และภาคีเครือข่าย เพื่อส่งต่อผลไม้อัตลักษณ์ที่ดีที่สุดของเกาะภูเก็ตในการฉลองวันปีใหม่จีน โดยปีนี้เป็นปีที่ 8 ที่ภูเก็ตเดินหน้าโปรโมทสับปะรดภูเก็ตหรือที่คนใต้เรียกว่ายานัด และคนจีนในภูเก็ตเรียกว่าอ่องหลาย ให้เป็นที่รู้จัก เพราะเป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ของจังหวัด เป็นราชินีแห่งผลไม้ และมีความหมายมงคลคือเจริญรุ่งเรือง มีโชคมีลาภ ลูกใหญ่ สีเหลืองเข้ม หวาน หอม การันตีด้วยเครื่องหมายคุณภาพ GI จึงนิยมใช้ในทุกเทศกาลสําคัญของชาวภูเก็ตมากว่า 200 ปีโดย ทุกเดือนสามหรือตรุษจีน ชาวภูเก็ตจะใช้อ่องหลายไหว้บรรพบุรุษและไหว้เทวดาในวันปีใหม่จีน ด้วยเหตุนี้ ชุมชนผู้ปลูกสับปะรดภูเก็ต ขอส่ง 2 ใน 7 ล้านลูกที่ดีที่สุดของอ่องหลายภูเก็ต เพื่อให้ทุกท่านไหว้ขอพรรับโชคลาภในเทศกาลตรุษจีน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
7/1/2023
ภาคใต้
ภูเก็ต
สวท.ภูเก็ต
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230107165918939
null
ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลเฝ้าระวังและจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติ ลุ่มแม่น้ำโขง
นายประยูร อรัญรุท นายอําเภอเมืองหนองคาย เปิดโครงการเขตอนุรักษ์พันธุ์พืชพันธุ์สัตว์น้ําแม่น้ําโขงเขตอภัยทานวังปลาพระธาตุหล้าหนอง ภายใต้โครงการสร้างความเข้มแข็งกลุ่มเครือข่ายภาคประชาสังคมในพื้นที่ 8 จังหวัด ริมนํา้โขง(เชียงราย - เลย - หนองคาย - บึงกาฬ - นครพนม - มุกดาหาร - อํานาจเจริญ และอุบลราชธานี) ณ บริเวณเขตอภัยทานอนุรักษ์วังปลาพระธาตุหล้าหนองเขตเทศบาลเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลเฝ้าระวังและจัดสรรทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ตนเอง ซึ่งเครือข่ายภาคประชาสังคมจังหวัดหนองคายได้เสนอกิจกรรมการกําหนดเขตอนุรักษ์พันธุ์พืชพันธุ์สัตว์น้ําเพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารและอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ําให้ยั่งยืนต่อไป โดยมีภาคีเครือข่ายร่วมดําเนินการกับสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เทศบาลเมืองหนองคาย มีผู้ร่วมกิจกรรมจํานวน 100 คน
7/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
หน่วยงานสำนักข่าว
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230107191307966
null
สำนักงานชลประทานที่ 2 แนะกลุ่มผู้ใช้น้ำติดตามแผนการส่งน้ำฯ เปิดรับน้ำเข้าแปลงนา
นายสถิต โพธิ์ดี รองผู้อํานวยการสํานักงานชลประทานที่ 2 เปิดเผยว่า ในเขตจังหวัดลําปางมีโครงการชลประทาน ประกอบด้วย โครงการชลประทานลําปาง โครงการส่งน้ําและบํารุงรักษากิ่วลม - กิ่วคอหมา และโครงการส่งน้ําและบํารุงรักษาแม่วัง ซึ่งได้กําหนดแผนการเพาะปลูกพืชไว้แล้วและเริ่มดําเนินการเพาะปลูกข้าวนาปรัง และพืชไร่พืชผัก มาตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2565 โดยได้ทําการวางแผนร่วมกับกลุ่มผู้ใช้น้ําของโครงการ ฯ ตามแผนการส่งน้ําของโครงการส่งน้ําและบํารุงรักษากิ่วลม - กิ่วคอหมา และโครงการส่งน้ําและบํารุงรักษาแม่วัง กําหนดวิธีการส่งน้ําเป็นรอบเวรหรือหยุดส่งน้ําเป็นช่วง ๆ ในแต่ละเดือนจะมีการหยุดส่งน้ําบ้างเพื่อกระจายน้ําเข้าสู่ระบบชลประทานอย่างทั่วถึงทั้งนี้ ขอให้กลุ่มผู้ใช้น้ําให้ติดตามการส่งน้ําชลประทานในแต่ละสายคลองเพื่อเปิดรับน้ําเข้าแปลงนาให้สอดคล้องกับรอบเวรที่ทางโครงการ ฯ กําหนด โดยสามารถติดต่อกับโครงการชลประทาน ทางหมายเลขโทรศัพท์ ดังนี้ 1.โครงการชลประทานลําปาง (นายธนิต คํามีอ้าย หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ําและปรับปรุงระบบชลประทาน เบอร์โทร 0-54821-1073, 08-1859-0952) 2.โครงการส่งน้ําและบํารุงรักษากิ่วลม – กิ่วคอหมา (นายนิพลน์ ศรีวิลัย หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ําและปรับปรุงระบบชลประทาน เบอร์โทร 0-5482-5203, 08-4608-8781) และโครงการส่งน้ําและบํารุงรักษาแม่วัง (นายปริญญา เวชอนุรักษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ําและปรับปรุงระบบชลประทาน เบอร์โทร 0-5482-4707, 081-724-7294)#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
8/1/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230108081027000
null
รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาประชุมติดตามเร่งรัดการขับเคลื่อนโครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อนของอำเภอตะกั่วป่า
วันนี้ 8 ม.ค.66 นายเถลิงศักดิ์ ประหาร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้รับมอบหมายจากนายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ให้มาประชุมติดตามเร่งรัดการขับเคลื่อนโครงการถังขยะเปียกลดในพื้นที่อําเภอตะกั่วป่า โดยมีส่วนราชการ อําเภอตะกั่วป่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมประชุมขับเคลื่อนการดําเนินงาน ณ ห้องประชุมที่ว่าการอําเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาจังหวัดพังงามีการดําเนินงานโครงการจัดทําถังขยะเปียกลดโลกร้อนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกและการดําเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยตามนโยบายของรัฐบาล ผ่านกลไกคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและขยะมูลฝอยอําเภอ/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยกําหนดเป็นตัวชี้วัด ตามแผนปฏิบัติการจัดการขยะมูลฝอยจังหวัดสะอาด ประจําปี พ.ศ.2565 ให้ครัวเรือนที่มีบริเวณหรือพื้นที่ในการจัดทําถังขยะเปียก โรงเรียน และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทําถังขยะเปียกลดโลกร้อนครบร้อยละ 100 ซึ่งผลการดําเนินงานขับเคลื่อนการจัดทําถังขยะเปียก ลดโลกร้อนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่อําเภอตะกั่วป่า จํานวนครัวเรือนทั้งหมด 13,242 ครัวเรือน ซึ่งเป็นครัวเรือนที่ไม่มีพื้นที่จัดทําถังขยะเปียก 7.047 ครัวเรือน และครัวเรือนที่มีพื้นที่จัดทําถังขยะเปียก 6,195 ครัวเรือน ขณะนี้มีจํานวนครัวเรือนที่จัดทําถังขยะเปียกแล้ว 5,055 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 81.60 ซึ่งจะต้องเร่งดําเนินการ กระตุ้น เชิญชวนให้ทุกภาคส่วนร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ตามแผนการดําเนินงานของจังหวัดพังงา ร้อยละ 100 ต่อไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
8/1/2023
ภาคใต้
พังงา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพังงา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230108135249071
null
ไทยและญี่ปุ่น สร้างความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกัน โดยเฉพาะความร่วมมือกลไกเครดิตร่วม (JCM) พร้อมขยายสู่การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ
ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น สร้างความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกัน โดยเฉพาะความร่วมมือกลไกเครดิตร่วม (JCM) พร้อมขยายสู่การแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้หารือกับกระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศญี่ปุ่น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เกี่ยวกับความร่วมมือกลไกเครดิตร่วม (JCM) และความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอื่นๆ คือ ความร่วมมือด้านการจัดการขยะทะเล โดยเฉพาะการจัดตั้ง Monitoring Centre , การแก้ปัญหา PM 2.5 ภายใต้โครงการ Thailand - Japan Clean Air Partnership (JTCAP) และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่ประเทศไทยมีความตั้งใจแก้ปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะพลาสติก , การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างสังคมคาร์บอนต่ํา (Low Carbon Society) , การขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม , การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ , การจัดการขยะอย่างยั่งยืน โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ประเทศไทย ให้ความสําคัญการแก้ปัญหาด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ พร้อมขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่เปิดโอกาสให้ผู้แทนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมการอบรมด้านการบริหารจัดการสถานการณ์การกัดเซาะชายฝั่ง และไทยในฐานะประเทศผู้ประสานงานความสัมพันธ์อาเซียน - ญี่ปุ่น พร้อมจะสนับสนุนการจัดการประชุม the 2nd ASEAN - Japan Ministerial Dialogue on Environmental Cooperation และ ASEAN - Japan Environment Week ที่จะจัดคู่ขนานกับการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน สมัยที่ 17 ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวย้ําว่า ที่ผ่านมาไทยและญี่ปุ่นมีความร่วมมือร่วมกันมากกว่า 50 โครงการ พร้อมจะขยายขอบเขตให้ครอบคลุมถึงความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น เช่น พลังงานไฮโดรเจน การดักจับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อนํามาใช้ในกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรมอื่นๆต่อไป โดยการจัดทําความตกลงทวิภาคีความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นกับไทยในการพัฒนากลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism) ฉบับใหม่ ซึ่งได้หารือในระดับเจ้าหน้าที่จะได้ข้อสรุปในการประชุม JC High level Dialogue ที่จะมีขึ้นในปีนี้
8/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230108134029067
null
ราษฏรชาวตำบลคุ้มเก่า อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ น้อมนำแนวพระราชดำริ บริหารจัดการที่ดินและน้ำ เพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็ก เกิดผลผลิตสูงสุด
วันนี้ (8 ม.ค.66) เวลา 11.00 น. นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ลงพื้นที่เยี่ยมชมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ โครงการพัฒนาพื้นที่เกษตรน้ําฝน บ้านแดนสามัคคี ตําบลคุ้มเก่า อําเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนเรื่องน้ําเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ําเพื่อการเกษตรให้แก่ราษฎรในพื้นที่สามารถประกอบอาชีพ มีความอยู่ดีกินดี และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น โดยราษฎรได้น้อมนําแนวพระราชดําริ เกษตรทฤษฎีใหม่ เกี่ยวกับการจัดพื้นที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยและมีชีวิตอย่างยั่งยืน โดยมีการแบ่งพื้นที่เป็นส่วน ๆ ได้แก่ พื้นที่น้ํา พื้นที่ดินเพื่อเป็นที่นาปลูกข้าว พื้นที่ดินสําหรับปลูกพืชไร่นานาพันธุ์ และที่สําหรับอยู่อาศัยและเลี้ยงสัตว์ เป็นหลักการในการบริหารจัดการที่ดินและน้ํา เพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
8/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กาฬสินธุ์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230108143430082
null
สมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทย เปิดอบรมตัดแต่งผลทุเรียนรุ่นแรกของภาคตะวันออกแก่เกษตรกรชาวสวนทุเรียนในจังหวัดระยอง-จันทบุรี-ตราด ซึ่งจะออกสู่ตลาดกลางเดือน เม.ย.นี้ ส่วนภาครัฐห่วงเกษตรกรตัดทุเรียนอ่อนขาย กระทบส่งออกไปจีน หลังเวียดนามเป็นผู้ปลูกทุเรียนรายใหญ่ไล่หลังไทย
วันที่ 8 ม.ค.ที่สวนแปลงปลูกทุเรียนต้นคู่เจ้จุ๋มของ น.ส.นวลนภา เจริญรวย บ้านเนินหย่อง ม.8 ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทย ได้จัดกิจกรรมอบรมตัดแต่งผลทุเรียนรุ่นแรกของภาคตะวันออกแก่เกษตรกรชาวสวนทุเรียนในจังหวัดระยอง-จันทบุรี-ตราด จํานวน 200 ราย มีนายโอภาส กว้างมาก รักษาราชการเกษตรจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดกิจกรรมอบรมฯ มีนายพิทวัฒน์ อ่อนทองหลาง ผู้อํานวยการสํานักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 6 นายบัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง ร่วมเป็นเกียรติฯ และมีนายวสันต์ รื่นรมย์ นายกสมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทย นําสมาชิกสมาคมฯ ร่วมกิจกรรมฯ ในงานมีการบรรยายให้ความรู้เรื่อง สรีระวิทยาของทุเรียนระยะต่างๆ การตัดแต่งผลทุเรียน การบํารุงรักษาผลทุเรียนให้ได้คุณภาพ แนวทางการส่งออกทุเรียน นิทรรศการองค์ความรู้ด้านการผลิตทุเรียน พร้อมทั้งกิจกรรมการสาธิตการตัดแต่งผลทุเรียนด้วย ซึ่งทุเรียรรุ่นแรกจะออกสู่ตลาดราวกลางเดือน เม.ย.นี้ ประมาณ 30 เปอร์เซ็น และรุ่นที่ 2 และ 3 จะออกสู่ตลาดห่างกันราว 25 วัน ซึ่งผลผลิตในปีนี้คาดว่าทุเรียนจังหวัดระยอง จะมีประมาณ 154,000 ตัน/ปี ซึ่งมีจํานนมากกว่าปีที่ผ่านมา มีปริมาณ 142,000 ตัน/ปีนายวสันต์ รื่นรมย์ นายกสมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทย กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพ สร้างมาตรฐานและความน่าเชื่อถือให้กับทุเรียนภาคตะวันออก ให้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนมีความตระหนักผลิตทุเรียนที่มีคุณภาพด้านนายพิทวัฒน์ อ่อนทองหลาง ผู้อํานวยการสํานักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 6 กล่าวว่า ภาครัฐยังมีความกังวลในตัวเกษตรกรชาวสวนทุเรียนบางรายที่ไม่รักษาคุณภาพของทุเรียนที่ต้องการราคาในช่วงต้นฤดูกาล ตัดทุเรียนอ่อนออกสู่ตลาด ซึ่งจะสร้างผลเสียให้ตลาดทุเรียนและภาพลักษณ์ของจังหวัด จึงอยากให้เกษตรกรได้ตระหนักในเรื่องนี้ให้มากๆ โดยเฉพาะผลกระทบต่อการส่งออกไปต่างประเทศ ซึ่งจีนเป็นตลาดส่งออกใหญ่ ขอให้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนได้รักษาคุณภาพ หรือมาตรฐานทุเรียนของตนเองให้ดี โดยเฉพาะมาตรฐานค่าความหวานเปอร์เซ็นน้ําหนักแป้งในทุเรียนขั้นต่ําเดิมกําหนดไว้ที่ 32 เปอร์เซ็น สําหรับการส่งออกปีนี้ได้กําหนดเปอร์เซ็นแป้งไว้ที่ 35 เปอร์เซ็นขึ้นไป ก็จะมีการประชุมชี้แจงและรณรงค์ให้เกษตรกรได้ทราบ รวมทั้งการทําคิวอาร์โค้ดให้ทราบแหล่งที่มาของทุเรียนด้วย ซึ่งหากทําได้ทุเรียนอ่อนก็จะหมดไป และเชื่อว่าหากทําได้การส่งออกก็จะไปได้ ถึงแม้เวียดนามจะเป็นคู่แข่งรายสําคัญของไทยที่ขณะนี้เป็นผู้ปลูก หรือผู้ผลิตรายใหญ่ไล่หลังไทยในฤดูกาลผลิตที่จะออกสู่ตลาดที่จะถึงนี้ก็ตาม.#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
8/1/2023
ภาคตะวันออก
ระยอง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230108185553160
null
หัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ เชิญชวนสนับสนุนผลผลิตจากโครงการฯ นอกจากได้สินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐาน ยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวเขาเผ่าปกาเกอะญอด้วย
นายบัญประชา ทองโชติ หัวหน้าศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ เปิดเผยว่า ตอนนี้ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอเตอมีชาวบ้านเข้าร่วมเป็นสมาชิก 441 คน เป็นชาวบ้านในพื้นที่อําเภอท่าสองยาง และอําเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ปัจจุบันมีพืชผักกว่า 10 ชนิดปลูกภายใต้โรงเรือน มีการปลูก สตรอเบอรี่พันธุ์พระราชทาน 80 มีรสชาติอร่อยหวานอมเปรี้ยว ซึ่งมีผลผลิตตั้งแต่เดือนมกราคม – เมษายน ของทุกปี ราคากิโลกรัมละ 150 – 180 บาท เสียงสัมภาษณ์ - ฝากสนับสนุนผลผลิตที่ออกจากโครงการหลวง มีการรับประกันคุณภาพตามมาตรฐาน ได้ผลผลิตที่ปลอดภัยและช่วยพัฒนาคุณชีวิต หมู่บ้านเลอตอ ตําบลแม่ตื่น อําเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก ตั้งบนภูเขาสูง เป็นหมู่บ้านชาวเขาเผ่าปกาเกอะญอ มีฐานะยากจน เดิมดํารงชีพด้วยการปลูกฝิ่น มูลนิธิโครงการหลวงจึงเข้าไปพัฒนา ในปี พ.ศ. 2559 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงก่อตั้งมูลนิธิโครงการหลวง#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
9/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.แม่สอด จ.ตาก
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109093343209
null
อำเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ลงแขกเกี่ยวข้าวไร่ สร้างความสมัครสมานสามัคคี แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
นายนิกร ชิดเชื้อ เกษตรอําเภอวังวิเศษ สํานักงานเกษตรอําเภอวังวิเศษ ลงแขกเกี่ยวข้าวไร่ร่วมกับนายอําเภอวังวิเศษ และหัวหน้าส่วนราชการอําเภอ ผู้นําท้องที่ ท้องถิ่น ประชาชน นักเรียน ในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตําบลอ่าวตง อําเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง ซึ่งประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวนี้เป็นประเพณีไทยที่แสดงให้เห็นถึงความมีน้ําใจที่มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังสามารถช่วยสร้างความสมัครสมานสามัคคีกันในหมู่บ้านได้อีกด้วย นอกจากนี้ ทําให้เกิดวัฒนธรรมและการขับร้องเพลงอันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของผู้ที่ประกอบอาชีพทํานา เกษตรกรกลุ่มดังกล่าวได้ผลิตข้าวไร่ เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านอาหาร ไว้สําหรับบริโภคในครัวเรือนและจําหน่ายเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือน โดยตําบลอ่าวตงมีพื้นที่ปลูกข้าวไร่ประมาณ 400 ไร่ ณ บ้านเก่าขนุน หมู่ที่ 5 ตําบลอ่าวตง อําเภอวังวิเศษ จังหวัดตรัง โดยการปลูกข้าวไร่เป็นการปลูกข้าวบนที่ดอนและไม่มีน้ําขังในพื้นที่ปลูก ชนิดของข้าวที่ปลูกก็เรียกว่า ข้าวไร่ พื้นที่ดอนส่วนมาก เช่น เชิงภูเขามักจะไม่มีระดับ คือ สูง ๆ ต่ํา ๆ จึงไม่สามารถไถเตรียมดินและปรับระดับได้ง่าย ๆ เหมือนกับพื้นที่ราบ เพราะฉะนั้นชาวนามักจะปลูกแบบหยอด โดยขั้นแรกทําการตัดหญ้าและต้นไม้เล็กออก แล้วทําความสะอาดพื้นที่ที่จะปลูกแล้วใช้หลักไม้ปลายแหลมเจาะดินเป็นหลุมเล็ก ๆ ลึกประมาณ 3 เซนติเมตร ปากหลุมมีขนาดกว้างประมาณ 1 นิ้ว หลุมนี้มีระยะห่างกันประมาณ 25 x 25 เซนติเมตร ระหว่างแถวและระหว่างหลุมภายในแถว ปกติจะต้องหยอดเมล็ดพันธุ์ทันทีหลังจากที่ได้เจาะหลุม โดยหยอด 5-8 เมล็ดต่อหลุม หลังจากหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวแล้วก็ใช้เท้ากลบดินปากหลุม เมื่อฝนตกลงมาหรือเมล็ดได้รับความชื้นจากดิน ก็จะงอกและเจริญเติบโตเป็นต้นข้าว เนื่องจากที่ดอนไม่มีน้ําขังและไม่มีการชลประทาน การปลูกข้าวไร่จึงต้องใช้น้ําฝนเพียงอย่างเดียว พื้นดินที่ปลูกข้าวไร่จะแห้งและขาดน้ําทันทีเมื่อสิ้นฤดูฝน ดังนั้นการปลูกข้าวไร่จะต้องใช้พันธุ์ที่มีอายุเบา โดยปลูกในต้นฤดูฝน และแก่เก็บเกี่ยวได้ในปลายฤดูฝน การปลูกข้าวไร่ ชาวนาจะต้องหมั่นกําจัดวัชพืช เพราะที่ดอนมักจะมีวัชพืชมากกว่าที่ลุ่ม เนื้อที่ที่ใช้ปลูกข้าวไร่ในประเทศไทยมีจํานวนน้อย และมีปลูกมากในภาคเหนือและภาคใต้ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางปลูกข้าวไร่น้อยมาก #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
9/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109091919201
null
เกษตรอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของเกษตรกรผู้ประสบภัยด้านพืช เนื่องจากน้ำป่าไหลหลากเมื่อวันที่ 18-22 ธันวาคม 2565 ตำบลโพรงจระเข้
นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอําเภอย่านตาขาว มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เกษตรอําเภอย่านตาขาว ร่วมกับนายพินินันท์ ปราบแทน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่หมู่ 5 ตําบลโพรงจระเข้ อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เพื่อสํารวจความเสียหายด้านพืชของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ําป่าไหลหลาก เมื่อวันที่ 18-22 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา จํานวน 1 ราย ได้แก่ นางหนูแอบ นิคะ พื้นที่ปลูกปาล์มน้ํามันอายุ 5 ปี ได้รับความเสียหายอย่างสิ้นเชิง จํานวน 2 งาน และปาล์มน้ํามันอายุ 1 ปี ได้รับความเสียดายสิ้นเชิงจํานวน 3 งาน ซึ่งทางสํานักงานเกษตรอําเภอย่านตาขาว จะดําเนินการให้การช่วยเหลือแก่เกษตรกรตามหลักเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่อไป ทั้งนี้ จังหวัดตรัง ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย(น้ําป่าไหลหลาก) วันที่ 18-22 ธันวาคม 2565 ใน 3 อําเภอ 8 ตําบล 32 หมู่บ้าน 2,018 ครัวเรือน 8,054 คน ประกอบด้วย อําเภอนาโยง อําเภอย่านตาขาว และอําเภอปะเหลียน ซึ่งจังหวัดตรัง อําเภอ และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่ต่างระดมสรรพกําลังจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง และเต็มกําลังความสามารถ พร้อมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งสํารวจความเสียหายเพื่อจะได้ให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย ตามระเบียบของทางราชการต่อไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
9/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109092121203
null
สำนักงานเกษตรอำเภอกันตัง ประชุมตลาดเกษตรกรอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ร่วมกันหาแนวทางเพื่อพัฒนาตลาดเกษตรกรให้มีความก้าวหน้า
นางบุญญาพร กายเพ็ชร นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ ปฏิบัติราชการแทนเกษตรอําเภอกันตัง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอกันตัง ประชุมตลาดเกษตรกรอําเภอกันตัง จังหวัดตรัง เพื่อแจ้งผลการจําหน่ายสินค้าปี 2565 แนะนําสมาชิกตลาดรายใหม่ ทบทวนกฎข้อบังคับกลุ่มฯ ทบทวนรายชื่อและบทบาทคณะกรรมการตลาดฯ รับทราบปัญหาและอุปสรรคการดําเนินงานภายใต้โครงการตลาดเกษตรกรอําเภอกันตัง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน รวมทั้งร่วมกันหาแนวทางเพื่อพัฒนาตลาดเกษตรกร ให้มีความก้าวหน้าต่อไปทั้งนี้ จังหวัดตรังให้ความสําคัญและขับเคลื่อนตลาดเกษตรกรให้มีศักยภาพ ขายได้ ขายเป็น ตลาดเกษตรกรเปรียบเสมือนโรงเรียนของเกษตรกร ฝึกงานทําการเกษตรครบวงจร รู้ว่าผู้บริโภคต้องการสินค้าแบบไหน และเมื่อผลิตได้นํามาขายเอง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ไม่เพียงรายได้จะเข้ากระเป๋าเกษตรกรเต็มๆ ผู้บริโภคยังได้ของดีมีคุณภาพอีกด้วย สมกับนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ว่า “ตลาดนําการผลิต” และนโยบายกรมส่งเสริมการเกษตรที่ว่า “ตลาดเกษตรกร เกษตรกรจริงๆ ทุกสิ่งปลอดภัย”#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
9/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109092225204
null
สำนักงานชลประทานที่ 2 การเตรียมความพร้อมรับมือฤดูแล้งปี 2565/2566 หวังให้ประชาชนมีน้ำใช้อย่างเพียงพอและทั่วถึง
นายสถิต โพธิ์ดี รองผู้อํานวยการสํานักงานชลประทานที่ 2 เปิดเผยว่า สํานักงานชลประทานที่ 2 มีเขตพื้นที่ความรับผิดชอบ ได้แก่ จังหวัดลําปาง พะเยา น่าน และเชียงราย เพื่อพัฒนาแหล่งน้ําและการบริหารจัดการน้ํา โดยได้วางแผนการบริหารจัดการน้ําในภัยแล้ง ปี 2565/2566 เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันผลกระทบต่อประชาชน ในการใช้งานเพื่อการอุปโภคบริโภคและเพื่อทางการเกษตร มุ่งหวังให้ประชาชนมีน้ําใช้อย่างเพียงพอและทั่วถึงสํานักงานชลประทานที่ 2 ได้เตรียมความพร้อมรับมือภัยแล้งปี 2565/2566 ดังนี้1.เร่งกักเก็บกักน้ําในแหล่งน้ําทุกประเภท 2.เฝ้าระวังและเตรียมจัดหาแหล่งน้ําสํารอง พร้อมวางแผนเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือ โดยสนับสนุนเครื่องจักรเครื่องมือและติดตั้ง เครื่องสูบน้ําจํานวน 68 เครื่อง, รถบรรทุกน้ํา 15 คัน, รถบรรทุก 6 ตัน 16 คัน, รถขุด 4 คัน, รถบรรทุกติดเครน 10 คัน และรถบรรทุกเทท้าย 31 คัน 3.ปฏิบัติการเติมน้ําให้กับแหล่งน้ํา พื้นที่การเกษตร และพื้นที่ระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ํา กําหนดแผนการระบายน้ําจากอ่างเก็บน้ํากิ่วลม เพื่อช่วยเหลืออุปโภค-บริโภคและรักษาระบบนิเวศในพื้นที่ลุ่มน้ําวังด้านท้าย ปริมาณน้ํารวม 15 ล้านลูกบาศก์เมตร 4.กําหนดแผนจัดสรรน้ําและพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ําต้นทุน 5.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ําภาคการเกษตร 6.เตรียมน้ําสํารองสําหรับพื้นที่ลุ่มต่ํารับน้ํานอง7.เฝ้าระวังคุณภาพน้ําในแม่น้ําสายหลัก แม่น้ําสายรอง8.เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการน้ําของชุมชน9.สร้างการรับรู้ประชาสัมพันธ์สถานการณ์และแผนบริหารจัดการน้ํา10.ติดตามและประเมินผลการดําเนินงานให้เป็นไปตามแผนทั้งนี้ หากประชาชนได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือทางหมายเลขสายด่วน 1460#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
9/1/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109095058210
null
กอนช. เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด ถึงวันที่ 11 มกราคมนี้
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด ถึงวันที่ 11 มกราคมนี้ นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยการกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ําภาพรวมของประเทศวันนี้ (9 ม.ค.66) ว่า ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีฝนตกหนักมากบริเวณ จ.ยะลา , ปัตตานี และนราธิวาส ทําให้ต้องเฝ้าระวังน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลาก บริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ถึงวันที่ 11 มกราคม โดยศูนย์บริหารจัดการน้ําส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคใต้ได้ติดตามสภาพอากาศและรับมือสถานการณ์น้ําในภาคใต้ โดยกรมชลประทานประสานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พิจารณาปรับลดการระบายน้ําเขื่อนบางลาง เพื่อลดผลกระทบกับพื้นที่ท้ายน้ํา หลังคาดการณ์สถานการณ์น้ําท้ายเขื่อนปัตตานี // กรมประชาสัมพันธ์ ชี้แจงผลการคาดการณ์ปริมาณน้ําฝนที่เปลี่ยนแปลงไป โดยปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการน้ําเพื่อป้องกันน้ําท่วม และเป็นการกักเก็บน้ําใช้หน้าแล้งให้ประชาชนรับทราบ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์น้ําในภาคใต้ให้สามารถกักเก็บน้ําได้ใช้หน้าแล้งได้อย่างเพียงพอสอดคล้องกับ 10 มาตรการหน้าแล้งปีนี้
9/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109103401227
null
เช้านี้ค่าฝุ่น PM 2.5 ใน กทม.และปริมณฑลเกินมาตรฐานในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 15 พื้นที่ โดยพรุ่งนี้ (10 ม.ค.66) จำเป็นต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ
เช้านี้ค่าฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเกินมาตรฐานในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 15 พื้นที่ โดยพรุ่งนี้ (10 ม.ค.66) จําเป็นต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากสภาพเพดานการลอยตัวอากาศที่ต่ําและอากาศปิด นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า ช่วงเช้าวันนี้ (9 ม.ค.66) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นเกินมาตรฐานในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 15พื้นที่ เช่น ริมถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง , ริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง , ริมถนนลาดกระบัง เขตลาดกระบัง , ริมถนนพุทธมณฑล 1 เขตตลิ่งชัน , ริมถนนมาเจริญ เพชรเกษม 81 เขตหนองแขม , แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ , ริมถนนพหลโยธิน เขตบางเขน เนื่องจากสภาพอากาศนิ่งและลมสงบจึงเกิดการสะสมของฝุ่น ทั้งนี้ ศูนย์แบบจําลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลในวันที่ 10 มกราคมนี้ จําเป็นต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากสภาพเพดานการลอยตัวอากาศที่ต่ํา สภาวะอากาศที่นิ่ง และลมสงบ บริเวณพื้นที่กรุงเทพกลาง กรุงธนเหนือ และกรุงธนใต้ ส่วนช่วงวันที่ 11 - 15 มกราคม จะมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากอากาศที่เปิดมากขึ้น ประกอบกับ ลมตะวันออกเฉียงเหนือที่มีกําลังแรงเข้าช่วย จึงขอความร่วมมือประชาชนบํารุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ําเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน หรือ พื้นที่สีส้ม ให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ ทั้งนี้ สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com หรือทางแอปพลิเคชั่น Air4Thai และ AirBKK แล้วยังติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์คุณภาพอากาศผ่านทาง Facebook Fanpage ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.)
9/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109104608234
null
เทศบาลตำบลตะกางนำชาวบ้านงดเผา สร้างมูลค่าจากเศษวัชพืช
เทศบาลตําบลตะกาง อําเภอเมือง จังหวัดตราด โดยนายอภิเดช บุญล้อม นายกเทศมนตรีตําบลตะกาง ได้กล่าวถึงการบริการจัดการขยะอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม ตามโครงการเศรษฐกิจฐานราก เริ่มต้นจากแนวคิด ลดการเผา ใบไม้กิ่งไม้ เศษวัชพืช จากการทําสวน การทํานา ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านและเกษตรกรชาวสวนจะนําเศษกิ่งไม้ใบไม้เหล่านี้ไปเผา หรือแม้แต่หลังการทํานา ฟางข้าวก็จะเผากันเป็นส่วนมาก ทําให้เกิดมลภาวะเป็นพิษเกิดฝุ่น PM 2.5 เกิดปัญหาโลกร้อนต่างๆ ตามมา ซึ่งหลังจากได้รับการสนับสนุนเครื่องย่อย ทางเทศบาลตําบลตะกางก็ได้นําเศษวัสดุ เศษวัชพืช จากกิ่งไม้ก็ดี ใบไม้ หรือเศษหญ้า จากแหล่งชุมชน จากชาวบ้านในพื้นที่ จากการตัดแต่งกิ่งไม้รอบๆพื้นที่ นํามาเข้าเรื่องบด ย่อย ผสมกับปุ๋ยคอก ผสมสารละลาย พด.2 และหมักไว้ ให้ย่อยสลาย และนําไปใช้ปลูกต้นไม้ภายในชุมชน แบ่งปันให้ชาวบ้านในพื้นที่ตลอดทั้งการได้รับการสนับสนุนเครื่องอัดฟางก้อน จากหน่วยพัฒนาการเครื่องนที่ 14 ตราด ลดการเผาตอซัง เพื่อแก้ไขและป้องกันปัญหาหมอกควันจากไฟ และการลดภาวะ ฝุ่น PM 2.5 ให้กับกลุ่มชาวนา และกลุ่มปลูกพืชหลังนา หลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิต ก็สามารถนําฟางอัดก้อนไปจําหน่ายสร้างได้ได้อีกทางหนึ่ง#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
9/1/2023
null
ตราด
สวท.ตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109111240240
null
เกษตรย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ให้บริการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรประจำปี 2566 ในพื้นที่ตำบลทุ่งค่าย
นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอําเภอย่านตาขาว มอบหมายให้นางแพรวพรรณ ทองพิทักษ์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สํานักงานพัฒนาชุมชน อําเภอย่านตาขาว และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ประชุมประจําเดือนมกราคม 2566 พร้อมให้บริการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรประจําปี 2566 ซึ่งเกษตรกรเข้ารับบริการจํานวน 123 ราย ณ ศาลาอเนกประสงค์หมู่ที่ 1 ตําบลทุ่งค่าย อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง เพื่อให้ข้อมูลการปลูกพืชในพื้นที่ของเกษตรกรมีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และเพื่อรองรับโครงการหรือมาตรการต่างๆ จากทางภาครัฐต่อไปทั้งนี้ การแจ้งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรเป็นประจําทุกปี ข้อมูลจะมีความครบถ้วน เป็นปัจจุบันทําให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทําให้ภาครัฐ สามารถวางแผนการผลิต การตลาด ส่งเสริมสนับสนุนเกษตรกรได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและจัดทําโครงการมาตรการต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรได้อีกด้วย ดังจะเห็นได้จากการที่หน่วยงานภาครัฐเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรไปใช้เป็นข้อมูลประกอบโครงการและมาตรการเพื่อให้การสนับสนุน และช่วยเหลือเกษตรกรเป็นจํานวนมาก#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
9/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109180441436
null
เกษตรจังหวัดตรัง จัดเวทีถ่ายทอดความรู้ ร่วมจัดทำแผนการสร้างรายได้เสริมจากการประกอบอาชีพในกลุ่มเกษตรกรสูงวัย
นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง มอบหมายให้นางกนกกาญจน์ คงแก้ว นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ และนางสาวจิราณี คชภูมิ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตร ร่วมกับเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอห้วยยอด ลงพื้นที่จัดเวทีถ่ายทอดความรู้และวิเคราะห์ศักยภาพกลุ่ม พื้นที่ ชุมชน และร่วมกันจัดทําแผนการสร้างรายได้เสริมจากการประกอบอาชีพในกลุ่มเกษตรกรสูงวัย โดยมี นายไกรนรา รัตนบุรี เป็นวิทยากรในเรื่องการแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร(ปุ๋ยมูลไส้เดือน) ณ กลุ่มเกษตรสูงวัย หมู่ที่ 9 ตําบลเขากอบ อําเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่สังคมเกษตรสูงวัย รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถของเกษตรสูงวัยในการประกอบอาชีพ เพื่อสร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิต โดยกิจกรรมมีการจัดเวทีถ่ายทอดความรู้ วางแผนการดําเนินกิจกรรมด้านการเกษตร การแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เพิ่มมูลค่าสินค้า และสนับสนุนปัจจัยการผลิต โดยมีเกษตรกรเป้าหมาย จํานวน 14 ราย เข้าร่วมการจัดเวที #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
9/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109175540423
null
สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 ตรวจสอบคุณภาพแหล่งน้ำผิวดิน ครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2566 จังหวัดนครราชสีมา และชัยภูมิ
สํานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 (นครราชสีมา) โดยส่วนการจัดการคุณภาพน้ํา อากาศและเสียง ดําเนินการเก็บตัวอย่างน้ํา และตรวจวัดคุณภาพน้ําภาคสนาม แม่น้ํามูลแม่น้ําชี และลําน้ําสาขา ในเขตพื้นที่อําเภอพิมาย บัวใหญ่ และอําเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา และอําเภอบ้านเขว้า ภูเขียว และอําเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ตั้งแต่บริเวณสะพานแม่น้ํามูล ตําบลพิมาย อําเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา จนถึงบริเวณสะพานเวชศาสตร์บ้านโนนน้อย ตําบลลุ่มน้ําชี อําเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ รวม 8 ตัวอย่างโดยส่งตรวจวิเคราะห์ผลคุณภาพน้ํา ณ ห้องปฏิบัติการสํานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11 ซึ่งเป็นการดําเนินการภายใต้แผนปฏิบัติการโครงการเฝ้าระวังคุณภาพแหล่งน้ําผิวดินครั้งที่ 1 ประจําปีงบประมาณ 2566 ทั้งนี้ ผลที่ได้จากการติดตามตรวจสอบและประเมินผลคุณภาพน้ํา จะนําไปใช้ประกอบการจัดทํารายงานผลคุณภาพน้ํา ต่อกรมควบคุมมลพิษและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการบริหารจัดการคุณภาพน้ําต่อไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
9/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109230929517
null
จ.อุบลฯ ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญาประจำจังหวัดอุบลราชธานี ครั้งที่ 1/2566
วันที่ 9 มกราคม 2566 เวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมสํานักงานยุติธรรมจังหวัดอุบลราชธานี ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้มอบหมายให้นายสมเพชร สร้อยสระคู รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จําเลยในคดีอาญาประจําจังหวัดอุบลราชธานี ครั้งที่ 1/2566 เพื่อพิจารณาอนุมัติคําขอค่าตอบแทนผู้เสียหาย แก่ผู้เสียหายในคดีอาญา จํานวน 21 คําขอ โดยที่ประชุมฯ อนุมัติ ค่าตอบแทนผู้เสียหาย 17 คําขอ วงเงิน 502,236.40 บาท งดจ่าย 2 คําขอ เนื่องจากผู้เสียหายหรือทายาทผู้เสียหายได้รับการบรรเทาความเสียหายจากทางอื่นเกินกว่าที่ได้รับจากพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จําเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 แล้ว และยกคําขอ 2 คําขอ เนื่องจากผู้เสียหายได้ยื่นคําขอรับค่าตอบแทนฯเกินระยะเวลาที่กําหนด#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
9/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อุบลราชธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุบลราชธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230109232408520
null
จ.นราธิวาส แจ้งระยะเวลาสิ้นสุดการยื่นแบบแสดงความจำนงขอรับความช่วยเหลือสำหรับเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย ถึงวันที่ 18 ม.ค. นี้
วันนี้ (10 ม.ค.66) นายเทอดศักดิ์ รัญจวน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ตามที่จังหวัดนราธิวาส ได้เกิดอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2565 และประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในบางพื้นที่ ต่อมาวันที่ 18 ธันวาคม 2565 สถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากมีปริมาณฝนตกในพื้นที่เป็นจํานวนมาก ส่งผลให้เกิดอุทกภัยและขยายพื้นที่ประสบภัยอีกครั้ง ถือเป็นสาธารณภัยและภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน บ้านเรือน พื้นที่การเกษตร ประมง ปศุสัตว์ สิ่งสาธารณประโยชน์ ทางจังหวัดนราธิวาส ได้ประกาศเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินในพื้นที่ จํานวน 13 อําเภอ 76 ตําบล 590 หมู่บ้าน 3 เขตเทศบาล 81 ชุมชน และเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้เกษตรกรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ เหตุอุทกภัย และผลิตผลิตด้านการเกษตรได้รับความเสียหาย สามารถแจ้งของรับความช่วยเหลือตามแบบ กษ.01 ได้ที่สํานักงานเกษตรอําเภอที่ตั้งแปลงปลูก//สํานักงานประมงอําเภอที่ตั้งฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ํา//สํานักงานปศุสัตว์อําเภอที่ตั้งฟาร์มเลี้ยงสัตว์ พร้อมแนบหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยให้แจ้งได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 18 มกราคม 2566 หากพ้นกําหนดระยะเวลาดังกล่าว ถือว่าไม่ประสงค์จะขอรับความช่วยเหลือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่กลุ่มช่วยเหลือเกษตรกรและโครงการพิเศษ สํานักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส โทร.073-532744-5 #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สวท.นราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110094836553
null
กรมชลฯ เร่งระบายน้ำหลังฝนตก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ปัจจุบันสถานการณ์ได้คลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 6-8 มกราคม ที่ผ่านมา มีฝนตกหนักในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือนราธิวาส ยะลา และปัตตานี ส่งผลให้เกิดน้ําท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ําและน้ําล้นตลิ่งในบางพื้นที่ของลุ่มน้ําปัตตานี จึงได้สั่งการให้สํานักงานชลประทานที่ 17 เร่งระบายน้ําออกจากในพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็วที่สุด ได้เดินเครื่องสูบน้ําที่ติดตั้งเพื่อเร่งพร่องน้ําไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยที่จังหวัดนราธิวาส ได้เดินเครื่องสูบน้ําเคลื่อนที่ 9 เครื่อง และเครื่องสูบน้ํา Hydro Flow 4 เครื่อง ส่วนที่จังหวัดปัตตานี เดินเครื่องสูบน้ําบริเวณโรงพยาบาลโคกโพธิ์ อําเภอโคกโพธิ์ 1 เครื่อง ปัจจุบันสถานการณ์น้ําในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้คลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะยังคงเฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศ รวมถึงสถานการณ์น้ําอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะหมดฤดูฝนของภาคใต้ และกําชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่แจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบสถานการณ์น้ําอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถเตรียมพร้อมรับมือได้อย่างทันท่วงที
10/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110090921534
null
กอนช. เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด ถึง 11 ม.ค.นี้ พร้อมเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ 7 จังหวัด ถึงวันที่ 11 มกราคมนี้ พร้อมเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ําท่วม นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยการกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ําภาพรวมของประเทศวันนี้ (10 ม.ค.66) ว่า ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.สงขลา , ปัตตานี และนราธิวาส โดยมีน้ําท่วมบริเวณ จ.ยะลา ใน 2 อําเภอ คือ อ.ยะหา และสะเตงนอก รวม 3 ตําบล ประชาชนได้รับผลกระทบ 158 ครัวเรือน // ปัตตานี น้ําท่วมใน อ.โคกโพธิ์ รวม 12 ตําบล ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,027 ครัวเรือน จึงได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ําท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เข้าสํารวจและจัดทําบัญชีความเสียหาย เพื่อดําเนินการช่วยเหลือ ขณะเดียวกัน กอนช.ยังต้องเฝ้าระวังน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากถึงวันที่ 11 มกราคมนี้ ทั้งนี้ จะมีอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือยังปกคลุมประเทศไทยส่งผลให้มีฝนตกหนักภาคใต้ฝั่งตะวันออกและภาคใต้ตอนล่างช่วงวันที่ 12 - 15 มกราคม ทําให้แนวโน้มมีฝนลดลง จึงคาดการณ์คลื่นวันที่ 9 - 11 มกราคม มีความสูง 1.5 - 2 เมตร ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ส่วนน้ําทะเลหนุนสูงที่ปากแม่น้ําปัตตานีจะหนุนสูงวันที่ 11 และ 24 มกราคม เบื้องต้นกรมชลประทานลดบานประตูที่เขื่อนปัตตานีและบ้านปรีกี เพื่อผลักน้ําออกทางคลองตุยง ลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นบริเวณบ้านบริดอ ขณะที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือใน จ.ชุมพร และนราธิวาส ที่มีการก่อสร้างสะพานเบลีย์ใน จ.นราธิวาส คาดว่า จะแล้วเสร็จวันที่ 11 มกราคม ซึ่งช่วงที่ผ่านมาไม่มีพื้นที่ประสบอุทกภัยเพิ่มเติมและสนับสนุนเครื่องจักรกลใช้ช่วยเหลือใน จ.สงขลา นราธิวาส และปัตตานี สําหรับกรมประชาสัมพันธ์ได้ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ําภาคใต้ให้ประชาชนที่อาศัยอยู่พื้นที่ลุ่มต่ําให้เฝ้าระวังน้ําล้นตลิ่ง และเขื่อนบางลางหยุดการระบายน้ําเพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ํา
10/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110094010544
null
D-DAY จ.แม่ฮ่องสอน เปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ประจำปี 2566
วันนี้ (10 มกราคม 2566) เวลา 09.00 น. นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยกล่าวว่า ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรมาอย่างยาวนาน ทั้งด้านสุขภาพ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งรัฐบาลให้ความสําคัญในประเด็นการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองเป็นประเด็นเร่งด่วน โดยยกเป็นวาระแห่งชาติ ภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง”ในส่วนของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้ให้ความสําคัญเป็นอย่างยิ่ง ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยได้กําหนดให้ การแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองเป็นวาระเร่งด่วนของจังหวัด และจัดตั้งศูนย์ฯอํานวยการฯระดับจังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการระดับอําเภอ ตําบล และหมู่บ้าน เพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาในทุกระดับ โดยตั้งเป้าหมายตัวชี้วัดผลการดําเนินงานตามนโยบายรัฐบาลคือ ลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์ลงร้อยละ 20 จากค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งประกอบด้วย จุดความร้อนสะสม/ จํานวนวันที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.8 ไมครอนหรือ PM 2.5 เกินเกณฑ์มาตรฐาน/จํานวนพื้นที่เผาไหม้/ซึ่งทุกตัวชี้วัดข้างต้นต้องลดลงจากปี 2565 ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20ทั้งนี้ ได้เน้นย้ําให้ทุกหน่วยงาน บูรณาการขับเคลื่อนตามมาตรการหลัก ทั้ง 8 มาตรการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง โดยมาตรการที่สําคัญของจังหวัด ได้แก่ การประชาสัมพันธ์เชิงรุก เพื่อสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจ และสร้างความตระหนักแก่ทุกภาคส่วนในพื้นที่ ควบคู่กับการสร้างความยั่งยืน ในการน้อมนําพระราชดําริ สร้างป่า สร้างรายได้/การฟื้นฟูดูแลรักษาป่า การส่งเสริมหมู่บ้านเกษตรปลอดการเผา โดยประสานองค์ความรู้ทางวิชาการ เทคโนโลยี และภูมิปัญญาท้องถิ่น#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สวท.แม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110101738573
null
ค่าฝุ่น PM 2.5 ใน กทม.และปริมณฑลเกินมาตรฐานในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 18 พื้นที่ จากสภาพเพดานการลอยตัวอากาศที่ต่ำและอากาศปิด
ค่าฝุ่น PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเกินมาตรฐานในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 18 พื้นที่ จากสภาพเพดานการลอยตัวอากาศที่ต่ําและอากาศปิด นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า ช่วงเช้าวันนี้ (10 ม.ค.66) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยค่าฝุ่นปรับตัวสูงขึ้นเกินมาตรฐานในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 18 พื้นที่ เช่น ริมถนนกาญจนาภิเษก เขตบางขุนเทียน , แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม , ริมถนนจรัญสนิทวงศ์ เขตบางพลัด , ริมถนนพระราม 2 เขตบางขุนเทียน , ริมถนนลาดพร้าว ซอยลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง , ริมถนนพระราม 3 เขตยานนาวา , ริมถนนลาดกระบัง เขตลาดกระบัง , ริมถนนแยกท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ เนื่องจากสภาพอากาศนิ่งและลมสงบจึงเกิดการสะสมของฝุ่น ทั้งนี้ ศูนย์แบบจําลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลช่วงวันที่ 11 - 15 มกราคม จะมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากอากาศเปิดมากขึ้น ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงเหนือมีกําลังแรงเข้าช่วย แล้ววันที่ 11-12 จะมีโอกาสพบฝนตกร้อยละ 10 - 20 ของพื้นที่ด้วย แต่ช่วงวันที่ 15 - 16 มกราคม จําเป็นต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด บริเวณพื้นที่กรุงเทพกลาง กรุงธนเหนือ และกรุงธนใต้ จึงขอความร่วมมือประชาชนบํารุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ําเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน หรือ พื้นที่สีส้ม ให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ ทั้งนี้ สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com หรือทางแอปพลิเคชั่น Air4Thai และ AirBKK แล้วยังติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์คุณภาพอากาศผ่านทาง Facebook Fanpage ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.)
10/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110101202570
null
แจ้งเตือนภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะเกิดฝนตกลมแรงช่วง 11-12 มกราคมนี้
ว่าที่ร้อยตรี ธนะสิทธิ์ เอี่ยมอนันชัย รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า สภาพอากาศสัปดาห์นี้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวแม้มวลอากาศเย็นที่ปกคลุมจะมีกําลังอ่อนลง แต่วันที่ 11 - 12 มกราคมจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนทําให้เกิดฝนฟ้าคะนองและลมแรงบางพื้นที่ ส่งผลให้อุณหภูมิหลังจากนั้นลดลงได้อีก 2 - 4 องศาเซลเซียส สําหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ มีกําลังอ่อนลง ประกอบกับมีลมตะวันออกพัดนําความชื้นจากทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก ทําให้ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น ขอให้ประชาชนรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว รวมถึงฝนฟ้าคะนองที่เกิดขึ้นจนถึงวันที่ 12 มกราคม และหลังจากวันที่ 15 มกราคม จะมีมวลอากาศเย็นกําลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้อีกครั้ง ทําให้อุณหภูมิลดลงอีก 1 - 3 องศาเซลเซียสสําหรับพื้นที่ภาคใต้ช่วงนี้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกําลังอ่อนลงแต่บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงหลังวันที่ 15 มกราคมที่มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ ทําให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีกําลังค่อนข้างแรงคลื่นสูง 2-3 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตรต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ
10/1/2023
null
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110112524604
null
ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดกิจกรรมรณรงค์การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงปัญหาผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควัน ภายใต้สโลแกน จากหมอกหนาว สู่หมอกฝน ไร้หมอกควัน
วันที่ 10 มกราคม 2566 เวลา 09.00 น. ที่หน้าศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อมด้วยนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เยี่ยมชมการสาธิตการนําเศษใบไม้มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆทั้ง การจัดเก็บใบไม้แห้ง การแปรรูปเศษใบไม้และวัชพืช มาเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ใช้ในชีวิตประจําวันอาทิ เก้าอี้ หรือ จานรองแก้ว หนึ่งในการนําเศษใบ้ไม้มาประดิษฐ์ เพื่อเป็นการต่อยอด และเป็นหนึ่งแนวทางในการแก้ไขปัญหาป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ของจังหวัดแม่ฮ่องสอนทั้งนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์การป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2566 ในการตรวจแถวกําลังเจ้าหน้าที่ เพื่อออกไปรณรงค์ประชาสัมพันธ์การป้องกันและแก้ไขปัหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อมุ่งหวังให้ประชาชนได้ตระหนักถึงปัญหาผลกระทบที่เกิดจากไฟป่าและหมอกควันทั้งต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย การคมนาคมขนส่งทางบกและทางอากาศ ตลอดจนผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวโดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า จะมีการณรงค์หมู่บ้านและชุมชนต่างๆ ทั้ง 415 หมู่บ้าน ในการช่วยกันป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยจะมีการ มอบอุปกรณ์ดับไฟป่าให้แก่หมู่บ้านเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าพื้นที่ ทั้ง 7 อําเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอน ภายใต้สโลแกน จากหมอกหนาว สู่หมอกฝน ไร้หมอกควันนอกจากนั้นยังได้เน้นย้ําให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้ามามีส่วนร่วมกันเฝ้าระวังสกัดดับไฟป่า และสลายหมอกควันพิษ โดยจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดแม่ฮ่องสอนขึ้น เพื่อเชื่อมโยงศูนย์ปฏิบัติการระดับอําเภอทั้ง 7 อําเภอ เพื่อรวบรวมปัญหาในการปฏิบัติงาน ให้สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกจุด ลดความรุนแรงการเกิดไฟป่าและหมอกควันให้ได้ผลตามเป้าหมายโดยจะมีการบริหารจัดการเผาให้ถูกตามหลักวิธีเพื่อลดทอนการเผาลง ควบคู่กับการการดําเนินมาตรการต่าง ๆ อาทิ มาตรการประชาสัมพันธ์ มาตรการด้านการป้องกันไม่ให้มีการเผาไหม้ในเขตป่า การรณรงค์สร้างการรับรู้แก่ประชาชน ดําเนินกิจกรรมชิงเก็บก่อนเผา กิจกรรมการบริหารเชื้อเพลิง และการกําหนดระยะเวลาห้ามเผาทุกชนิดอย่างเด็ดขาด โดยจะมีการขับเคลื่อนทุกมาตรการอย่างจริงจังต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110103445583
null
ปศุสัตว์อำเภอเขาย้อย และปศุสัตว์อำเภอหนองหญ้าปล้อง ชี้แจงการเข้าร่วมโครงการธนาคารโค-กระบือ เพื่อเกษตรกร ตามพระราชดำริ กรณีขอรับสัตว์และจัดตั้งกลุ่มใหม่ ตรวจเยี่ยมเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ พร้อมดำเนินการ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคอหิวาต์ในสัตว์ปีก
วานนี้ (9 มกราคม 2566 ) นายธนพล สิงห์โต ปศุสัตว์อําเภอเขาย้อย พร้อมด้วย นายประถมชัย ทองหวี เจ้าพนักงานสัตวบาล สํานักงานปศุสัตว์อําเภอเขาย้อย จัดประชุมชี้แจงกฎระเบียบ ข้อบังคับ พร้อมให้คําแนะนําแนวทางการปฏิบัติ และ การขอรับการสนับสนุนโค-กระบือ ตามโครงการธนาคารโค-กระบือเพื่อเกษตรกร ตามพระราชดําริ กรณีจัดตั้งกลุ่มใหม่ แก่เกษตรกรตําบลห้วยท่าช้าง อําเภอเขาย้อย จํานวน 30 ราย ณ อาคารอเนกประสงค์ อบต.ห้วยท่าช้าง ในการนี้ เกษตรกรมีความเข้าใจระเบียบ และพร้อมยินดีปฏิบัติตามระเบียบของโครงการฯ นายสมขิ่น หงคงคา ปศุสัตว์อําเภอหนองหญ้าปล้อง มอบหมายเจ้าหน้าที่สํานักงานปศุสัตว์อําเภอหนองหญ้าปล้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ พร้อมดําเนินการ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคอหิวาต์ในสัตว์ปีก ชนิดไก่ไข่ จํานวน 170 ตัว ณ ฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ หมู่ที่ 2 ตําบลท่าตะคร้อ อําเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี ตามกิจกรรมการสร้างภูมิคุ้มกันโรคในสัตว์ปีกและการรณรงค์ทําความสะอาดและทําลายเชื้อโรคในพื้นที่เสี่ยง รอบที่ 1/2566 พร้อมนี้ได้ให้คําแนะนํา ในเรื่องการจัดการฟาร์มเลี้ยงไก่ให้ปลอดภัยจากโรคระบาด สวท.เพชรบุรี/10 ม.ค.66#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคตะวันตก
เพชรบุรี
สวท.เพชรบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110105513591
null
ทช. เร่งจัดการคราบน้ำมันที่รั่วไหล จากเหตุเพลิงไหม้เรือสปีดโบ๊ท บริเวณอ่าวทองหลาง จ.ตราด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อแนวปะการังและสัตว์ทะเล
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เร่งจัดการคราบน้ํามันที่รั่วไหล จากเหตุเพลิงไหม้เรือสปีดโบ๊ท บริเวณอ่าวทองหลาง จังหวัดตราด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อแนวปะการังและสัตว์ทะเล นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก (ศวทอ.) เกี่ยวกับเหตุน้ํามันรั่วไหลจากเหตุเพลิงไหม้เรือท่องเที่ยวสปีดโบ๊ท บริเวณอ่าวทองหลาง ตําบลเกาะหมาก อําเภอเกาะกูด จังหวัดตราด จึงให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม จากการสํารวจเบื้องต้นพบจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณท่าจอดเรือ อ่าวทองหลาง สภาพน้ําทะเลมีฟิล์มน้ํามันลอยบนผิวน้ํา มีหลุดรอดจากทุ่นกักน้ํามันบริเวณแนวเขื่อนเล็กน้อยและไม่พบสัตว์น้ําตาย จึงได้ตรวจวัดคุณภาพน้ําเบื้องต้นพร้อมทั้งเก็บตัวอย่างน้ําทะเล 3 สถานี (KM 1-3) โดยผลคุณภาพน้ําทั่วไปอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานฯ และปริมาณออกซิเจนละลายในน้ํา 5.56 - 6.98 มิลลิกรัมต่อลิตร รวมทั้ง สํารวจแนวปะการังใกล้เคียงจุดเกิดเหตุพบแนวปะการังมีสภาพปกติ ไม่พบคราบน้ํามัน และตะกอนน้ํามันบนผิวโคโลนีปะการังและในปริมาณน้ําทะเล ทั้งนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ อบต.เกาะหมาก และชมรมอนุรักษ์ปะการัง เร่งหาวิธีจัดการคราบน้ํามันโดยด่วน เพื่อไม่ให้กระทบต่อแนวปะการังที่กําลังเพาะพันธุ์บริเวณนั้น พร้อมขอความร่วมมือประชาชนและนักท่องเที่ยวช่วยกันสอดส่องดูแล หากพบเหตุอุบัติเหตุทางทะเล หรือการกระทําความผิด สามารถแจ้งมายังสายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล โทร.1362 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่เร่งเข้าตรวจสอบ และช่วยเหลือได้ทันท่วงที อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวย้ําว่า จากการพูดคุยกับ นายธานินทร์ สุทธิธนกุล รองประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกาะหมาก หลังเหตุการณ์เพลิงไหม้ ทาง อบต.เกาะหมาก และชมรมอนุรักษ์ปะการังเกาะหมาก ได้ร่วมกันประดิษฐ์ทุ่นกักน้ํามันไปวางติดตั้งป้องกันบริเวณปากอ่าว เพื่อไม่ให้น้ํามันรั่วไหลออกสู่ทะเลด้วย เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีการเพาะเลี้ยงเพิ่มจํานวนปะการังเพื่อความอุดมสมบูรณ์ จึงได้กําชับให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดเฝ้าระวังต่อเนื่อง และเร่งหาวิธีที่ป้องกันน้ํามันที่รั่วไหลให้ไหลลงสู่ทะเลน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบต่อทรัพยากรทางทะเล
10/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110114349630
null
สมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทยจัดอบรม ตัดแต่งผลทุเรียนรุ่นแรกของภาคตะวันออกแก่เกษตรกรชาวสวนทุเรียนในจังหวัดระยอง-จันทบุรี-ตราด
นายโอภาส กว้างมาก รักษาราชการเกษตรจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดกิจกรรมอบรม ตัดแต่งผลทุเรียนรุ่นแรกของภาคตะวันออกแก่เกษตรกรชาวสวนทุเรียนในจังหวัดระยอง-จันทบุรี-ตราด 200 ราย จัดโดยสมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทย มี นายพิทวัฒน์ อ่อนทองหลาง ผอ.สํานักวิจัยและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 6 นายบัญญัติ เจตนจันทร์ ส.ส.ระยอง นายวสันต์ รื่นรมย์ นายกสมาคมผู้ผลิตทุเรียนไทยเข้าร่วมที่สวนแปลงปลูกทุเรียนต้นคู่เจ้จุ๋ม ของ น.ส.นวลนภา เจริญรวย บ้านเนินหย่อง หมู่ 8 ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยองกิจกรรมมีการบรรยายให้ความรู้เรื่องสรีรวิทยาของทุเรียนระยะต่างๆ การตัดแต่งผลทุเรียน การบํารุงรักษาผลทุเรียนให้ได้คุณภาพ แนวทางการส่งออกทุเรียน นิทรรศการองค์ความรู้ด้านการผลิตทุเรียน พร้อมทั้งกิจกรรมการสาธิตการตัดแต่งผลทุเรียนด้วย ซึ่งทุเรียนรุ่นแรกจะออกสู่ตลาดราวกลางเดือนเมษายนนี้ ประมาณ 30% และรุ่นที่ 2 และ 3 จะออกสู่ตลาดห่างกันราว 25 วัน ซึ่งผลผลิตในปีนี้คาดว่าทุเรียนจังหวัดระยอง จะมีประมาณ 154,000 ตัน/ปี ซึ่งมีจํานวนมากกว่าปีที่ผ่านมา มีปริมาณ 142,000 ตัน/ปีนายวสันต์ รื่นรมย์ กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพ สร้างมาตรฐานและความน่าเชื่อถือให้กับทุเรียนภาคตะวันออก ให้เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนมีความตระหนักผลิตทุเรียนที่มีคุณภาพ #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคตะวันออก
ระยอง
สวท.ระยอง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110115501639
null
โครงการชลประทานลำปาง สำนักงานชลประทานที่ 2 เผยสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ-พื้นที่เพาะปลูกพืชในเขตชลประทาน
โครงการชลประทานลําปาง สํานักงานชลประทานที่ 2 เปิดเผยสถานการณ์น้ําในเขตจังหวัดลําปาง ประจําวันที่ 10 มกราคม 2566 ได้แก่ อ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมทั้งหมด 136 แห่ง มีความจุระดับเก็บกักรวม 487.871 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 456.596 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 93.59 ของความจุอ่างเก็บน้ํารวมกันทั้งหมด เป็นปริมาณน้ําที่สามารถนํามาใช้การได้จํานวนทั้งสิ้น 429.757 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 88.09 ของความจุรวมกันทั้งหมด โดยแยกเป็นเขื่อนกิ่วลม มีความจุระดับ เก็บกักรวม 106.220 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 94.053 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 88.55 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 90.053 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 84.78 เขื่อนกิ่วคอหมา มีความจุระดับเก็บกักรวม 170.288 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 185.748 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 109.08 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 179.748 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 105.56 ปริมาณน้ําในอ่างเก็บน้ําขนาดกลาง 30 แห่ง มีความจุระดับเก็บกักรวม 152.623 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 126.672 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 83.00 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 112.533 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 73.73 ปริมาณน้ําในอ่างเก็บน้ําขนาดเล็กพระราชดําริ 54 แห่ง มีความจุระดับเก็บกักรวม 33.649 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 30.329 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 90.13 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 28.929 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 85.97 ปริมาณน้ําในอ่างเก็บน้ําขนาดเล็ก (ถ่ายโอนให้ อปท.) 50 แห่ง มีความจุระดับเก็บกักรวม 25.091 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 19.794 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 78.89 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 18.494 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 73.71โครงการชลประทานลําปาง สํานักงานชลประทานที่ 2 ได้ติดตาม วิเคราะห์ แนวโน้มสถานการณ์และสั่งการโดยศูนย์ปฏิบัติการน้ําอัจฉริยะ (SWOC) และเตรียมความพร้อมมาตรการและแนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในพื้นที่ ประกอบด้วย รถบรรทุกน้ํา 6 คัน เครื่องสูบน้ํา 37 เครื่อง รถบรรทุกติดเครน ขนาด 3-5 ตัน 5 คัน รถบรรทุก 6 ตัน 4 คัน รถบรรทุกเทท้าย 10 คัน และรถขุด 4 คัน ทั้งนี้ ประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติสามารถขอความช่วยเหลือทางหมายเลขสายด่วน 1460#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110131733666
null
ขับเคลื่อนงานศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันภาคการเกษตรไทย
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดํารง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า การส่งเสริมให้เกษตรกรมีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีรายได้ที่มั่นคง ซึ่งการถ่ายทอดความรู้ตามกระบวนการโรงเรียนเกษตรกรดําเนินการภายใต้ศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน นับเป็นกลไกสําคัญในการขับเคลื่อนการดําเนินงานภาคการเกษตร ทั้งทางด้านการเสริมสร้างความมั่นคงทางการเกษตร การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการเกษตร และการบริหารจัดการทรัพยากรการเกษตร และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย โดย 6 ปัจจัยของกระบวนการโรงเรียนเกษตรกรที่ช่วยให้การขับเคลื่อนงานศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนประสบความสําเร็จได้นั้น สืบเนื่องจากที่กระบวนการโรงเรียนเกษตรกรเกิดจากปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของเกษตรกร โดยมีทีมวิทยากรพี่เลี้ยงที่มีศักยภาพ และเกษตรกรเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ เรียนรู้ ทดสอบ พิสูจน์ทราบ จากแปลงเรียนรู้ ประมวลผลและตัดสินใจ เกษตรกรมีการปฏิบัติต่อเนื่องและขยายผลสู่ชุมชนรอบข้าง ซึ่งการขับเคลื่อนกระบวนการและความมุ่งหวังของกรมส่งเสริมการเกษตรนั้น คือ ต้องการพัฒนาเจ้าหน้าที่โดยใช้หลักสูตรวิทยากรกระบวนการอย่างต่อเนื่อง จนสามารถยกระดับให้เป็นวิทยากรกระบวนการต้นแบบ /สําหรับปีงบประมาณ 2566 นี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้จัดการอบรมพัฒนาศักยภาพวิทยากรพี่เลี้ยงขับเคลื่อนงานศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรเชื่อมั่นว่าจะทําให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้รับทราบถึงเทคนิค วิธีการ และข้อเสนอแนะต่าง ๆ เพื่อจะนําไปพัฒนาศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนตามกระบวนการโรงเรียนเกษตรกร 77 จังหวัดต้นแบบ ในพื้นที่รับผิดชอบให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
10/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110150918714
null
กยท.ยะลา จัดอบรมเกษตรกรด้านการใช้ปุ๋ยใส้เดือนเพื่อปรับปรุงดินในสวนยางพารา หลังได้ทำการทดลอง พบว่า ได้ผลผลิตน้ำยางที่เพิ่มขึ้น
วันนี้(10 ม.ค. 66) นายศานติ พันธุ์มณี ผู้อํานวยการการยางแห่งประเทศไทยจังหวัดยะลา ได้จัดอบรมเกษตรกรชาวสวนยางพารา หลักสูตรการใช้ปุ๋ยเพื่อปรับปรุงดินในสวนยางพารา ประจําปีงบประมาณ 2566 ณ การยางแห่งประเทศไทยสาขายะหา โดยมีเกษตรกรชาวสวนยางในพื้นที่อําเภอยะหาเข้ารับการอบรม จํานวน 30 ราย โดยมีจ่าเอกเฉลิมพล ญาณ วิสุทธิสกุล เกษตรและสหกรณ์จังหวัดยะลา ร่วมพบปะกับเกษตรกรพร้อมกล่าวเปิดงาน ซึ่งการจัดอบรมดังกล่าว ได้รับเกียรติจากนายชัชวาล วิริยะสมบัติ อดีต ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาแพะแกะ จ.ยะลา มาร่วมถ่ายทอดความรู้การใช้และเลี้ยงไส้เดือนในสวนยางพาราสู่เกษตรกร นายศานติ พันธุ์มณี ผู้อํานวยการการยางแห่งประเทศไทยจังหวัดยะลา กล่าวว่า หลังพบการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ในสวนยางพาราซึ่งสร้างผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนยาง ทําให้ผลผลิตน้ํายางลดลง การยางแห่งประเทศไทยจังหวัดยะลาจึงร่วมบูรณการกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามแนวทางของ นายอภัย สุทธิสังข์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ทําการทดลองปล่อยไส้เดือนพันธุ์ AF ในสวนยางของ นายบุญชอบ สองแก้ว เกษตรกรชาวสวนยางหมู่ที่ 7ตําบลลําใหม่ อําเภอเมืองยะลา ให้เป็นแปลงนําร่องในการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อช่วยป้องกันการระบาดของโรคใบร่วงชนิดใหม่ยางพารา และได้ทําการทดลองปล่อยไส้เดือนเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 จํานวน10 กิโลกรัม ในเนื้อที่ปลูกยาง 10 ไร่ เป็นสวนยางเปิดกรีดแล้ว อายุยางประมาณ 15 ปี พันธุ์ยางที่ปลูกได้แก่ พันธ์ RRIT 251 และพันธ์ RRIM การที่ทดลองปล่อยไส้เดือนในสวนยางพาราและเก็บข้อมูลในระยะเวลา 12 เดือน (สิงหาคม 64- กรกฎาคม 65) พบว่า เกษตรกรสามารถเก็บผลผลิตน้ํายางได้เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ดินมีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น อาการของโรคใบร่วงลดลง นายศานติ พันธุ์มณี ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การยางแห่งประเทศไทยจังหวัดยะลา ได้เล็งเห็นถึงความสําคัญในการใช้ปุ๋ยของเกษตรกรชาวสวนยางจึงได้จัดโครงการถ่ายทอดเทคโนโลยี หลักสูตรการใช้ปุ๋ยเพื่อปรับปรุงดินในสวนยางพารา โดยการให้ความรู้เรื่อง วิธีการเลี้ยงไส้เดือน การนําผลผลิตจากการเลี้ยงไส้เดือนไปใช้ประโยชน์ เพื่อทําเป็นปุ๋ยและเป็นการสร้างอาชีพให้แก่เกษตรกร เนื่องจากปัจจุบันปุ๋ยเคมีราคาค่อนข้างสูง ทําให้เกษตรกรต้องใช้ต้นทุนสูงในการซื้อการปุ๋ยเคมี การยางแห่งประเทศไทยจังหวัดยะลา จึงหาวิธีและส่งเสริมที่จะทําให้เกษตรกรลดต้นทุนในการซื้อปุ๋ยเคมี โดยการใช้ปุ๋ยอินทรียร่วมกับปุ๋ยเคมี ซึ่งการเลี้ยงไสัเดือน เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถตอบโจทย์ให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง เนื่องจากมูลไส้เดือนเป็นปุ๋ยจากธรรมชาติ ไม่มีกลิ่น ไม่เป็นอันตรายต่อพืช ปรับปรุงโครงสร้างดินไม่แน่นเกินไป มีธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรองครบ มีฮอร์โมนพืชช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชได้ดี และปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงไส้เดือนเป็นอาชีพ และมีการเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับไส้เดือนอย่างกว้างขวาง จัดเป็นอาชีพเพิ่มรายได้ให้ครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110145900708
null
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตั้งเป้าแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ปี 2566 ลดจุดความร้อน ลดพื้นที่เผาไหม้ และลดจำนวนวันที่ PM2.5 เกินมาตรฐาน ลง ร้อยละ 20 ผ่าน 8 มาตรการหลัก
วันนี้ (10 มกราคม 2566) เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมประดิษฐ์จองคํา ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมคณะทํางานศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ครั้งที่1 ประจําปีงบประมาณ 2566 โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมโดยที่ประชุมได้พิจารณา มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง และมาตรการบริหารจัดการเชื้อเพลิง ทั้งพื้นที่ป่าอนุรักษ์ พื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ริมทางหลวง และพื้นที่ชุมชนพื้นที่สาธารณะ มาตรการประชาสัมพันธ์ และแนวทางการขับเคลื่อนศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอนในปี 2566 จังหวัดแม่ฮ่องสอน กําหนด 8 มาตรการ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจําปี 2566 ประกอบด้วย มาตรการประชาสัมพันธ์ มาตรการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ มาตรการลาดตระเวนเฝ้าระวังและดับไฟ มาตรการเผชิญเหตุในสถานการณ์วิกฤตรุนแรง มาตรการลดฝุ่นละอองในพื้นที่เขตเมือง มาตรการดูแลสุขภาพประชาชน มาตรการบังคับใช้กฎหมาย และมาตรการสร้างความยั่งยืน พร้อมกําหนดเป้าหมายการดําเนินการให้ทุกตัวชี้วัดลดลง ร้อยละ 20 ประกอบด้วย จํานวนจุดความร้อน จํานวนพื้นที่เผาไหม้ และลดจํานวนวันที่คุณภาพอากาศ (Pm 2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ขอความร่วมมือประชาชน ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ - 30 เมษายน 2566 #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110155710739
null
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตั้งเป้าแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ปี 2566 ลดจุดความร้อน ลดพื้นที่เผาไหม้ และลดจำนวนวันที่ PM2.5 เกินมาตรฐานลงร้อยละ 20 ผ่าน 8 มาตรการหลัก
วันนี้ (10 ม.ค.66) เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมประดิษฐ์จองคํา ศาลากลางจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเชษฐา โมสิกรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานการประชุมคณะทํางานศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ครั้งที่ 1 ประจําปีงบประมาณ 2566 โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยที่ประชุมได้พิจารณามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง และมาตรการบริหารจัดการเชื้อเพลิง ทั้งพื้นที่ป่าอนุรักษ์ พื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ริมทางหลวง และพื้นที่ชุมชนพื้นที่สาธารณะ มาตรการประชาสัมพันธ์ และแนวทางการขับเคลื่อนศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในปี 2566 จังหวัดแม่ฮ่องสอนกําหนด 8 มาตรการ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจําปี 2566 ประกอบด้วย มาตรการประชาสัมพันธ์ มาตรการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ มาตรการลาดตระเวนเฝ้าระวังและดับไฟ มาตรการเผชิญเหตุในสถานการณ์วิกฤตรุนแรง มาตรการลดฝุ่นละอองในพื้นที่เขตเมือง มาตรการดูแลสุขภาพประชาชน มาตรการบังคับใช้กฎหมาย และมาตรการสร้างความยั่งยืน พร้อมกําหนดเป้าหมายการดําเนินการให้ทุกตัวชี้วัดลดลง ร้อยละ 20 ประกอบด้วย จํานวนจุดความร้อน จํานวนพื้นที่เผาไหม้ และลดจํานวนวันที่คุณภาพอากาศ (Pm 2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม จังหวัดแม่ฮ่องสอนขอความร่วมมือประชาชน ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามประกาศห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด ยกเว้นพื้นที่ตามแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ - 30 เมษายน 2566 #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110143803686
null
ที่ประชุมคณะกรรมการจัดทำแผนและติดตามประเมินผลแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูล ลงมติเห็นชอบโครงการส่งเสริมชุมชนในการคัดแยกขยะและจัดการน้ำเสียต้นทางบนพื้นที่เกาะ จำนวน 2 แห่ง
วันนี้(10 ม.ค.66)ที่ห้องประชุม 2 โต๊ะหยงกง ศาลากลางจังหวัดสตูล นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ ปลัดจังหวัดสตูล เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดทําแผนและติดตามประเมินผลแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูล เพื่อพิจารณาโครงการส่งเสริมชุนชนในการคัดแยกขยะและจัดการน้ําเสียต้นทางบนพื้นที่เกาะ ขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดสตูล นําส่งสํานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีมติเห็นชอบหลักการโครงการฯ สนับสนับสนุนงบประมาณให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการขยะน้ําเสียที่ต้นทางบนพื้นที่เกาะ แห่งละไม่เกิน 800,000 บาท.สําหรับจังหวัดสตูล มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีพื้นที่บนเกาะ จํานวน 4 แห่ง มีองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นนําเสนอโครงการ ฯ จํานวน 2 แห่ง ประกอบด้วยองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นตําบลเกาะสาหร่าย อําเภอเมือง ดําเนินโครงการในพื้นที่หมู่ที่ 5 และหมู่ที่ 6 และองค์การบริหารส่วนตําบลตํามะลัง อําเภอเมือง ดําเนินโครงการในพื้นที่หมู่ที่ 1 หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 3 ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาและให้ข้อเสนอแนะการดําเนินงานโครงการฯ และลงมติเห็นชอบโครงการทั้ง 2 แห่ง หลังจากนั้นสํานักงานทรัพยาการสิ่งแวดล้อมจังหวัดสตูลจะตรวจสอบความถูกต้องในรายละเอียดของโครงการฯ และนําส่งเพื่อขอรับทุนต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคใต้
สตูล
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110161949756
null
เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส เปิดฝึกอบรมกิจกรรมสร้างการรับรู้โรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา ตามโครงการ 1 อำเภอ 1 ตำบล นำร่องฟื้นฟูสภาพสวนยางพาราที่ได้รับผลกระทบจากโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา ในปี 2566 เป้าหมาย 13 อำเภอ
เวลา 09.00 น. นายเทอดศักดิ์ รัญจวน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส ได้มอบหมายให้นายสัญญา สายแก้ว นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชํานาญการ จัดฝึกอบรมกิจกรรมสร้างการรับรู้โรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา ณ สหกรณ์การเกษตร กรป.กลาง นพค.นราธิวาส จํากัดตําบลสุไหงปาดี อําเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ตามโครงการ 1 อําเภอ 1 ตําบล นําร่องฟื้นฟูสภาพสวนยางพาราที่ได้รับผลกระทบจากโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพารา ปีงบประมาณพ.ศ. 2566 มีพื้นที่เป้าหมายทั้งสิ้น 13 อําเภอ 13 กลุ่มนําร่อง พื้นที่เป้าหมาย 2,585 ไร่เกษตรกร จํานวน 446 รายโดยวันนี้เป็นการฝึกอบรมรุ่นที่ 5 มีเกษตรกรเป้าหมาย 40 ราย พื้นที่ 300 ไร่ ฝึกอบรมจํานวน2 วัน ระหว่างวันที่ 9 - 10 มกราคม 2566 มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกษตรกรเข้าใจ มีความตระหนักรู้ มีส่วนร่วมกับภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการเฝ้าระวัง แก้ไขปัญหาการระบาดของโรค มีความรู้ในการฟื้นฟูต้นยางพารา การควบคุมและการกําจัดโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราสามารถเป็นต้นแบบนําร่องฟื้นฟูสภาพสวนยางพาราที่ได้รับผลกระทบจากโรคใบร่วงชนิดใหม่ในยางพาราในพื้นที่ ต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110161050753
null
เดินหน้าปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง หวังเพิ่มประสิทธิภาพระบายน้ำช่วงฤดูน้ำหลาก
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการแผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ําเจ้าพระยาตอนล่าง จํานวน 9 แผน โดยหนึ่งในแผนงานที่มีความสําคัญเร่งด่วน คือ โครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (กนช.)ได้มีมติเห็นชอบในหลักการให้ดําเนินโครงการดังกล่าวแล้ว ก่อนเตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติให้ดําเนินการต่อไปสําหรับโครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง เป็นการปรับปรุงขุดขยายคลองชลประทานเดิม จํานวน 26 คลอง ความยาวรวม 490 กิโลเมตร รวมทั้งก่อสร้างและปรับปรุงอาคารบังคับน้ําเพิ่มเติม บริเวณคลองต่างๆ ให้สามารถระบายน้ําได้มากขึ้น ทั้งหมดมีแผนในการดําเนินงาน 6 ปี (พ.ศ. 2567 – 2572) หากดําเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถเพิ่มอัตราการระบายน้ําจากเดิม 210 ลบ.ม./วินาที เป็น 400 ลบ.ม./วินาที และยังเป็นแหล่งเก็บกักน้ําในคลองช่วงฤดูแล้งเพิ่มขึ้นอีก 18 ล้าน ลบ.ม./ปี และที่สําคัญสามารถช่วยบรรเทาอุทกภัยหรือลดมูลค่าความเสียหายจากอุทกภัยได้เฉลี่ยปีละ 5,085 ล้านบาท ปัจจุบันกรมชลประทานได้ดําเนินการศึกษาความเหมาะสมและสํารวจพื้นที่เสร็จแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายน 2566 จากนั้นจะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอใช้พื้นที่ในการดําเนินโครงการฯต่อไป
10/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110214045866
null
จังหวัดตรัง ประชุมติดตามผลการดำเนินการจัดทำถังขยะเปียกลดโลกร้อน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอเมืองตรัง
วันนี้ (10 มกราคม 2566) นายภูวนัฐ สมใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุมติดตามผลการดําเนินการจัดทําถังขยะเปียกลดโลกร้อน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อําเภอเมืองตรัง ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมวิทยาลัยสารพัดช่างตรัง อําเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง เนื่องจาก อําเภอเมืองตรัง เป็นอําเภอที่มีผลการดําเนินงานน้อยที่สุดจาก 10 อําเภอของจังหวัดตรัง ทั้งนี้ ผลการดําเนินงานจัดทําถังขยะเปียกลดโลกร้อน จังหวัดตรัง มีอําเภอที่มีผลการดําเนินงานมากที่สุด คือ อําเภอปะเหลียน มีครัวเรือนที่จัดทําถังขยะเปียกมากสุดถึงร้อยละ 81.71 , อําเภอรัษฎา ร้อยละ 71.77 , อําเภอกันตัง ร้อยละ 63.53 , อําเภอหาดสําราญร้อยละ 62.98 , อําเภอย่านตาขาว ร้อยละ 58.26 , อําเภอนาโยง ร้อยละ 56.36 , อําเภอห้วยยอด ร้อยละ 54.26 , อําเภอสิเกา ร้อยละ 52.51 , อําเภอวังวิเศษ ร้อยละ 48.73 อําเภอเมืองตรัง ร้อยละ 19.21 ภาพรวมทั้งจังหวัดมีครัวเรือนเป้าหมายใน THAI QM จํานวน 145,208 ครัวเรือน และจํานวนครัวเรือน ที่จัดทําถังขยะเปียกลดโลกร้อน จํานวน 75,661 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 52.11 #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110162318759
null
พัทลุงจัดกิจกรรมคืนพันธุ์ข้าวไร่ให้แผ่นดินถิ่นใต้เกษตรกรแห่เก็บเกี่ยวข้าวพันธุ์ดอกพะยอมคึกคัก
ที่ศูนย์วิจัยข้าวพัทลุง ตําบลควนมะพร้าว อําเภอเมือง จังหวัดพัทลุง จัดงานวันสาธิตและเทคโนโลยีการผลิตและเก็บเกี่ยวข้าวไร่ " คืนพันธุ์ข้าวไร่ ให้แผ่นดินถิ่ นใต้" ซึ่งมีเกษตรกรภาคใต้ ชาวจังหวัดพัทลุง ชาวจังหวัดตรัง ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช พื้นที่ใกล้เคียง กว่า 500 คน นําแกระและเคียวเกี่ยวข้าว พร้อมกระสอบเก็บพันธุ์ข้าว มาใส่ข้าวไร่พันธุ์ดอกพะยอม เพื่อนําไปทําเมล็ดพันธุ์และมีการจัดนิทรรศการข้าวไร่พันธุ์ต่าง ๆ ภายในงาน ก่อนเริ่มกิจกรรมเกี่ยวข้าวไร่นั้น ได้มีการจัดพิธีบูชาพระแม่โพสพทําขวัญข้าวหรือพิธีรับขวัญแม่โพสพ เป็นพิธีขอขมาพระแม่โพสพเป็นการเตรียมเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวฤดูการทํานา ซึ่งเมื่อเราเดินไปในนาเผลอไปเหยียบต้นข้าว ต้นข้าวหักล้มก็จะเป็นการขอขมาพระแม่โพสพบอกกล่าวว่าอย่าให้มีอุปสรรคใด ๆ ในการทํานา โดยมีนายกฤษณะ ศิริรัตน์ ผู้อํานวยการศูนย์วิจัยข้าวพัทลุง ร่วมทําพิธี และมีการเสวนาเรื่อง "ข้าวไร่ไม่สูญหายและความท้าทายในเชิงพาณิชย์"ซึ่งในเวลา 10.30 น.นายก้องสกุล จันทราช รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "คืนพันธุ์ข้าวไร่ให้แผ่นดินถิ่นใต้" โดยมีนางสาวนนทิชา วรรณสว่าง รองอธิบดีกรมการข้าว ร่วมเป็นเกียรติภายในงาน และร่วมกันใช้เคียวเกี่ยวข้าว ปฐมฤกษ์เพื่อให้เป็นการเริ่มต้นเก็บเกี่ยว จากนั้นทางเกษตรกร นักเรียน เจ้าหน้าที่ กว่า 500 คน ร่วมเก็บเกี่ยวข้าว เพื่อนําไปต่อยอดทําเป็นแม่พันธุ์ข้าว เพื่อนําไปปลูกและขยายพันธุ์ในพื้นที่ของตนเองต่อไป ทั้งในพื้นที่พัทลุง จังหวัดตรัง จังหวัดนครศรีธรรมราช และพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนเด็ก ๆ ที่มาทํากิจกรรมก็ได้มาเรียนรู้ในการเก็บเกี่ยวข้าวและความเป็นมาของข้าวแต่ละกอ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักสนุกสนานนางสาวนนทิชา วรรณสว่าง รองอธิบดีกรมการข้าว บอกว่า เกิดจากที่ว่าเรื่องของพันธุ์ข้าวไร่ต้องกลับมาฟื้นฟู เนื่องจากเป็นพันธุ์เฉพาะถิ่น และมีเสน่ห์เฉพาะที่น่าสนใจเพียงแต่ว่าปัญหาหลัก พันธุ์ที่เกษตรกรปลูกในพื้นที่ของตนเองมันเป็นพันธุ์ไม่บริสุทธิ์ มีปลอมปน ไม่คุ้มกับการปลูกจึงคัดสายพันธุ์บริสุทธิ์ขึ้นมา ซึ่งตอนนี้ในโครงการมีทํา 80 กว่าสายพันธุ์ อย่างที่เราเห็นเบื้องหลัง ก็คือนําเกษตรกรที่มีความตั้งใจ นําพันธุ์บริสุทธิ์ไปปลูกในแปลง ซึ่งเกษตรกรมีแรงที่จะเกี่ยวใส่ในกระสอบเท่าไหร่ เพื่อเอาพันธุ์ตรงนี้ไปปลูกในผืนที่นาของตนเอง เพื่อเป็นข้าวพันธุ์บริสุทธิ์และเก็บเอาไว้ปลูกในฤดูถัดไปในการผลักดันของกรมการข้าวก็คือเรื่องของการคิดนโยบาย คือการให้งบประมาณกับการให้แนวทางยุทธศาสตร์เรื่องของการอนุรักษ์พันธุ์ข้าวพื้นเมือง เราจะต่อยอดไปถึงพันธุ์ข้าว GI เช่นข้าวสังข์หยด พันธุ์ข้าวดอกพะยอมก็อาจจะตามไป มันจะได้ประโยชน์ในเรื่องของมูลค่าทางการตลาด กับความเป็นชื่อเสียงของจังหวัดพัทลุง ที่จะเป็นอัตลักษณ์และพื้นถิ่นตามข้าวสังข์หยดขึ้นไป และในตอนนี้นักวิจัยกําลังไปสํารวจพื้นที่ที่เหมาะสมซึ่งตอนนี้ได้ประมาณ 3-4 จังหวัดของภาคใต้ ซึ่งการปลูกข้าวไร่ ไม่เหมือนข้าวอื่นทางเชิงเศรษฐกิจ ต้องดูว่าเกษตรกรรักที่จะปลูกพันธุ์นี้นิยมไหม และเราก็จะเข้าไปสนับสนุน ยินดีที่จะขยายพื้นที่ออกไป แต่โดยหลักๆแล้วจะปลูกข้าวให้พอกิน เพื่อความมั่นคงทางอาหารมากกว่านายกฤษณะ ศิริรัตน์ ผู้อํานวยการศูนย์วิจัยข้าวพัทลุง บอกว่า วัตถุประสงค์หลักปลูกข้าวไร่เพื่อถวายในหลวงร.9 ซึ่งข้าวไร่น่าจะมีความสําคัญมากขึ้นเนื่องจากข้าวไร่มีเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของเขา และวิถีการทํานาในปัจจุบัน ก็มีการเปลี่ยนไปมากเดิมจังหวัดพัทลุง มีนา 4.5 แสนไร่ แต่ปัจจุบันเหลือ 1.3 แสนไร่ แต่ว่าการปลูกข้าวนั้นไม่จําเป็นที่ต้องปลูกในนาก็ได้ สามารถปลูกแซมพืชหรือปลูกข้างบ้านได้ และยังสามารถนํามาเพิ่มมูลค่าได้ จากนี้คิดว่าจะทําการขยายพันธุ์ข้าวไร่ ไปสู่เกษตรกรผู้ปลูก ซึ่งมีตลาดรองรับอยู่แล้ว ควบคู่ไปพร้อมกับร้านผู้ประกอบการในพื้นที่ อยากฝากบอกแก่เกษตรกรว่า อย่าคิดว่าการทําข้าวไร่ต้องทําแต่ในสวนยางพารา อย่าไปทําในสวนยกร่องปลูกปาล์มน้ํามัน ซึ่งไม่จําเป็น พื้นที่ว่างหรือข้างบ้านก็ปลูกได้ เพราะข้าวไร่ไม่ต้องการน้ํามาก แค่ปลูกให้ตรงในช่วงฤดูเดือนสิงหาคม สามารถเก็บเกี่ยวได้ในต้นเดือนมกราคมนายศักดิ์ เพชรสุข ประธานศูนย์ข้าวชุมชน ต.ตะโหมด จ.พัทลุง บอกว่า เตรียมสมาชิกมาเข้าร่วมกิจกรรมนี้ พร้อมกับการเตรียมอุปกรณ์ ซึ่งกิจกรรมนี้ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมาก ซึ่งเกษตรกรจะได้เมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ เพราะศูนย์วิจัยฯจัดการเองทําให้เกษตรกรมีเมล็ดพันธุ์ที่อุดมสมบูรณ์สามารถนําไปขยายผลของข้าวดอกพะยอม เป็นข้าวที่มีคุณภาพตั้งแต่โบราณ ซึ่งปัจจุบันข้าวดอกพะยอมจะมีน้อยลง ทําให้วิถีของข้าวลดลง ส่วนใหญ่คนซื้อข้าวที่มีเคมี ซึ่งข้าวพันธุ์นี้จะใช้น้ําน้อย ทนแล้งได้ดี ซึ่งถ้าเราบริโภคข้าวที่ไม่สมบูรณ์จะทําให้เรามีโรคต่าง ๆ ทั้งนี้สมาชิกของเราก็จะนําพันธุ์ข้าวนี้ไปขยายพันธุ์ต่อไปในพื้นที่นานายอํามร สุขวิน อายุ 54 ปี เกษตรกรชาวพัทลุง(สวมเสื้อด้านในสีเขียว) บอกว่า วันนี้เตรียมเคียวและแกระมาเกี่ยวข้าว พันธุ์ดอกพะยอม และคิดว่าจะนําไปขยายพันธุ์ต่อ ซึ่งในชุมชนยังหายาก เป็นข้าวที่อร่อยน่ารับประทาน คาดว่าช่วงแรกน่าจะ 2-3 ไร่ก่อนแล้วค่อยขยับขยายเพิ่ม และทางศูนย์ฯได้เข้าไปส่งเสริมเกี่ยวกับข้าวอินทรีย์ทํานาแปรรูปครบวงจรให้แก่ตนเอง ในความหลากหลายตรงนี้ก็จะนําเมล็ดพันธุ์ไปขยายต่อในพื้นที่และขอขอบคุณผอ.เจ้าหน้าที่ ทุกท่านที่ให้การสนับสนุนในชุมชนตลอดมาสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง 074 612404#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคใต้
พัทลุง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110162538761
null
นครพนมเตรียมแถลงข่าวงานเกษตรลุ่มน้ำโขง “เกษตร DIY ง่าย พาลงมือทำ”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ถนอม ทาทอง คณบดีคณะเกษตรและเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยนครพนม เปิดเผยว่า คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม ได้กําหนดจัดงานเกษตรลุ่มน้ําโขง ครั้งที่ 24 ประจําปี 2566 ภายใต้ แนวคิดการจัดงาน “เกษตร DIY ง่าย พาลงมือทํา” ระหว่างวันที่ 16-20 กุมภาพันธ์ 2566 ณ บริเวณด้านหน้าอาคารสโมสรนักศึกษา คณะเกษตรและเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนครพนม ตําบลขามเฒ่า อําเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนมภายในงานมีกิจกรรมการประชุมวิชาการเกษตร ครั้งที่ 1 (Agricultural Innovation for BCG) เสวนาวิชาการ อาทิเช่น วิกฤตการณ์ปุ๋ยเคมี และแนวทางการใช้ปุ๋ยเคมีอินทรีย์ เกษตรนวัตกรรมเชิงพื้นที่ อนาคตพืชเศรษฐกิจ กัญชง กัญชา และ “DIY อาหารพืช อาหารสัตว์” การประกวดกระบืองามประกวดจัดตู้ปลาสวยงาม ประกวดทําลูกชิ้นไก่ การอบรมการเลี้ยงหอยเชอรี่สีทอง การแข่งขันตกปลา แข่งขันทักษะฟาดแส้ คล้องและล้มโคนอกจากนั้น นิทรรศการทางการเกษตร กิจกรรมการสาธิต DIY แต่ละสาขาวิชา อาทิเช่น สาธิต DIY การเลี้ยงไส้เดือน การผลิตอาหารต้นทุนต่ํา การทําอาหารสัตว์/อาหารปลาอัดเม็ด การทําเฉาก๊วยพร้อมดื่ม การตรวจสอบธาตุอาหารในดินอย่างง่าย และสาธิต DIY การแปรรูปปูนา ตลอดจนนิทรรศการวิชาการจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานอื่นๆทั้งนี้ ได้กําหนดจัดงานแถลงข่าวการจัดงานเกษตรลุ่มน้ําโขง ครั้งที่ 24 ประจําปี 2566 ในวันพุธที่ 11 มกราคม 2566 เวลา 15.00 น ผู้ร่วมแถลงข่าวประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม (นายวันชัย จันทร์พร) อธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม (ดร.พรหมสวัสดิ์ ทิพย์คงคา) คณบดีคณะเกษตรและเทคโนโลยี (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ถนอม ทาทอง) เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครพนม (นางสาวสายสุณี ปั้นพงษ์)#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครพนม
สวท.นครพนม
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110174249799
null
สำนักงานเกษตรอำเภอนาโยง จังหวัดตรัง จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกษตรหมู่บ้าน (กม.) ภายใต้โครงการพัฒนาอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน
นางสาวรัชนี นิลละออ เกษตรอําเภอนาโยง จังหวัดตรัง มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอนาโยง จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกษตรหมู่บ้าน (กม.) ภายใต้โครงการพัฒนาอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนากระบวนการปฏิบัติงาน ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ม.5 ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง ทั้งนี้ เพื่อทบทวนบทบาทหน้าที่และภารกิจของเกษตรหมู่บ้าน แนะนําแอปพลิเคชันสําหรับขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร การจับพิกัดแปลง หลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือภัยพิบัติด้านพืช และประชาสัมพันธ์การรับสมัครเกษตรกรโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวเบายอดม่วงเพื่อรองรับการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ประจําปี 2566 ด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110171143786
null
เกษตรอำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง จัดเวทีถ่ายทอดความรู้และวิเคราะห์ศักยภาพ และร่วมกันจัดทำแผนการสร้างรายได้เสริมจากการประกอบอาชีพในกลุ่มเกษตรกรสูงวัย
นางสุชิรา อินทอง เกษตรอําเภอห้วยยอด มอบหมายให้นางสาวณัฎนิชา เมืองกาญจน์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตร สํานักงานเกษตรจังหวัดตรัง ลงพื้นที่จัดเวทีจัดเวทีถ่ายทอดความรู้และวิเคราะห์ศักยภาพกลุ่ม พื้นที่ ชุมชน และร่วมกันจัดทําแผนการสร้างรายได้เสริมจากการประกอบอาชีพในกลุ่มเกษตรกรสูงวัย โดยมีเกษตรกรเป้าหมาย จํานวน 14 ราย และมีนายไกรนรา รัตนบุรี เป็นวิทยากรในเรื่องการแปรรูปเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร(ปุ๋ยมูลไส้เดือน) ณ ศพก.เครือข่าย หมู่ 9 ตําบลเขากอบ อําเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ทั้งนี้ กรมส่งเสริมการเกษตรได้ขับเคลื่อนนโยบายในด้านการพัฒนาเกษตรกร องค์กรเกษตร โดยยึดแนวทาง “เกษตรกรเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา” บนหลักการเรียนรู้ตลอดชีวิต การมีส่วนร่วมและการพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยดําเนินการให้เกษตรกรมีความรู้รอบด้าน เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ด้านการเกษตร จึงได้เล็งเห็นถึงความสําคัญของการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างครัวเรือนเกษตรกร ซึ่งปัจจุบันครัวเรือนเกษตรกว่าหนึ่งในสามมีแรงงานสูงวัย ซึ่งเป็นหัวหน้าครัวเรือน ประชากรมีสัดส่วนวัยแรงงานและวัยเด็กที่ลดลง ประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงได้ดําเนินการเตรียมความพร้อมในการก้าวสู่สังคมเกษตรสูงวัย โดยการจัดโครงการส่งเสริมเคหกิจเกษตรในครัวเรือนเกษตรสูงวัย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านเคหกิจเกษตรและสร้างโอกาสการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ และสามารถพึ่งพาตนเองได้ เกษตรกรสูงวัยสามารถนําความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในครัวเรือนและเตรียมความพร้อมเข้าสู่สังคมเกษตรสูงวัยได้อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งสามารถนําไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้เสริมในครัวเรือนเกษตรสูงวัย และเกิดเครือข่ายเกษตรกรสูงวัยเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการสร้างรายได้ต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110182132820
null
สำนักงานเกษตรอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมของศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน (ศจช.) บ้านท่าบันได ตำบลทุ่งกระบือ
วันนี้ (10 ม.ค.66) นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอําเภอย่านตาขาว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอย่านตาขาว ลงพื้นที่ประชุมคณะกรรมการ ศจช. เพื่อขับเคลื่อนการดําเนินกิจกรรมของศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนบ้านท่าบันได หมู่ที่ 4 ตําบลทุ่งกระบือ อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรังทั้งนี้ ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องการกําจัดแมลงศัตรูพืชโดยการใช้เชื้อราบิวเวอเรีย ซึ่งเป็นเชื้อรามีลักษณะสีขาวทําลายแมลงหลายชนิด เช่น เพลี้ยกระโดดสีน้ําตาล เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยไฟ เพลี้ยอ่อน หนอนห่อใบข้าว ไร การทําลาย เมื่อสปอร์ตกลงบนตัวแมลงในที่มีสภาพความชื้นสูง จะเจริญงอกเข้าไปในตัวแมลง โดยเข้าไปทําลายอวัยวะต่างๆ เมื่อแมลงตาย เชื้อราบิวเวอเรียจะงอกเส้นใยออกมาตามข้อต่อต่างๆ ของแมลงและจะสร้างสปอร์สีขาวแพร่ในธรรมชาติต่อไป พร้อมทั้งสาธิตวิธีการผลิตขยายเชื้อราบิวเวอเรียโดยแนะนําให้ใช้เชื้อราบิวเวอเรียในอัตรา 1-2 กิโลกรัม/น้ํา 20 ลิตร วิธีการใช้นําเชื้อราบิวเวอเรีย ผสมกับน้ําบางส่วน ขยี้เบาๆ ให้สปอร์สีขาวหลุดจากเมล็ดข้าว แล้วกรองด้วยผ้าบาง ๆ นําน้ําสปอร์ผสมกับน้ําที่เหลือ ฉีดพ่นในแปลงในช่วงเย็น#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110174424800
null
เกษตรอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง ลงพื้นที่เตรียมความพร้อมการจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) ปี 2566 อำเภอย่านตาขาว
วันนี้ (10 ม.ค.66) นายนนท์นภนต์ นาพอ เกษตรอําเภอย่านตาขาว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสํานักงานเกษตรอําเภอย่านตาขาว ลงพื้นที่เตรียมความการจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) ตามโครงการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ปี 2566 ซึ่งกําหนดการวันจัดงานในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 ตั้งแต่เวลา 08.30 น.เป็นต้นไป ณ ตลาดลําขนุน หมู่ที่ 8 ตําบลนาชุมเห็ด อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง โดยเกษตรอําเภอ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ และนายหนูอิ่ม ปานนิล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตําบลนาชุมเห็ด ร่วมกันวางจุดสถานที่เพื่อจัดทําเวทีกลาง ฐานเรียนรู้ จุดให้บริการหน่วยงานของรัฐและเอกชน จุดลงทะเบียน และจุดที่ต้องมีการปรับปรุงภูมิทัศน์ นอกจากนี้ ได้ติดตามการดําเนินงานของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (เครือข่าย) ของนายหนูอิ่ม ปานนิล โดยมีกิจกรรมการเลี้ยงหมู การทําสวนผลไม้ เช่น มังคุด สละ และมีการปลูกผักหลากหลายในแปลง ณ ศพก.เครือข่าย หมู่ที่ 8 ตําบลนาชุมเห็ด อําเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110170908783
null
เกษตรและสหกรณ์จังหวัด จัดประชุมการขับเคลื่อนสินค้าเกษตรที่สำคัญของจังหวัดชายแดนภาคใต้ (โคเนื้อและแพะ)
เกษตรและสหกรณ์จังหวัด จัดประชุมการขับเคลื่อนสินค้าเกษตรที่สําคัญของจังหวัดชายแดนภาคใต้ (โคเนื้อและแพะ) กําหนดแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อและแพะ เน้นสร้างมูลค่าสินค้า ห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) ตั้งแต่ต้นน้ํา กลางน้ํา และปลายน้ําวันนี้ (10 ม.ค. 66) เวลา 09.30 น. นายเทอดศักดิ์ รัญจวน เกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส เป็นประธานการประชุมการขับเคลื่อนสินค้าเกษตรที่สําคัญของจังหวัดชายแดนภาคใต้ (โคเนื้อและแพะ) พร้อมด้วยหัวหน้าส่วน และผู้แทนจากส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดนราธิวาส และหน่วยงานภายนอก ได้แก่ สํานักงานพาณิชย์จังหวัดนราธิวาส สํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนราธิวาส และมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ร่วมประชุมด้วย ณ ห้องประชุมสํานักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาสทั้งนี้เพื่อกําหนดแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งเสริมการเลี้ยงโคเนื้อและแพะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการสร้างมูลค่าสินค้า ห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) ตั้งแต่ต้นน้ํา กลางน้ํา และปลายน้ํา ของโคเนื้อและแพะ 1) ระดับต้นน้ํา : เป็นการส่งเสริมการเลี้ยงโคและแพะเพื่อเพิ่มจํานวนให้เพียงพอต่อความต้องการ การอบรมการเลี้ยง การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และส่งเสริมให้เกษตรกรเตรียมความพร้อมปลูกพืชอาหารสัตว์กลุ่มละ 20 ไร่ 2) ระดับกลางน้ํา : การรวมกลุ่มจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชน การสร้างโรงฆ่าสัตว์ชุมชน การตัดแต่งแปรรูปเนื้อ (Butcher shop) จัดทําฟาร์มที่มีมาตรฐาน และการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ 3) ระดับปลายน้ํา : การส่งเสริมด้านการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ การประกันราคาโคเนื้อ/แพะ เป็นต้น โดยขอให้แต่ละหน่วยงานส่งข้อมูล แผนงาน/โครงการ กิจกรรมที่เกี่ยวข้องให้สํานักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนราธิวาส เพื่อประมวลผลการขับเคลื่อนสินค้าเกษตรที่สําคัญของจังหวัดนราธิวาสต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคใต้
นราธิวาส
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนราธิวาส
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110165852779
null
เกษตรอำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกษตรหมู่บ้าน (กม.) ทบทวนบทบาทหน้าที่และภารกิจของเกษตรหมู่บ้าน
วันนี้ (10 ม.ค.66) นายธีรพงศ์ มนต์แก้ว เกษตรอําเภอหาดสําราญ มอบหมายให้นางสาวพัทธนันท์ บุญคง นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกษตรหมู่บ้าน (กม.) ภายใต้โครงการพัฒนาอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน เพื่อทบทวนบทบาทหน้าที่และภารกิจของเกษตรหมู่บ้าน และวางแผนการขับเคลื่อนงานและกิจกรรมของเกษตรหมู่บ้าน ณ สํานักงานเกษตรอําเภอหาดสําราญ หมู่ที่ 9 ตําบลหาดสําราญ อําเภอหาดสําราญ จังหวัดตรังทั้งนี้ อาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน หรือ อกม. เป็น 1 กลไกสําคัญภาคเกษตร ที่ทําหน้าที่เป็นผู้แทนเกษตรกรระดับหมู่บ้านได้รับการคัดเลือกหมู่บ้านละ 1 คน จากที่ประชุมอาสาสมัครเกษตรและผู้แทนเกษตรกรระดับหมู่บ้าน เพื่อทําหน้าที่จัดเก็บรวบรวมและรายงานข้อมูลพื้นฐานด้านการเกษตรของหมู่บ้าน ร่วมกับกรรมการหมู่บ้านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทําแผนพัฒนาการเกษตรระดับหมู่บ้าน ประสานงานในการถ่ายทอดความรู้และการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรในหมู่บ้าน รวมทั้งติดตามสถานการณ์การเกษตรในหมู่บ้าน พร้อมรายงานเหตุการณ์ฉุกเฉินเร่งด่วนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110165443777
null
อำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง ประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรอำเภอหาดสำราญ
วันนี้ (10 ม.ค.66) นายธีรพงศ์ มนต์แก้ว เกษตรอําเภอหาดสําราญ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอหาดสําราญ ร่วมประชุมคณะทํางานขับเคลื่อนงานด้านการเกษตรอําเภอหาดสําราญ ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมที่ว่าการอําเภอหาดสําราญ จังหวัดตรัง โดยมีระเบียบวาระที่สําคัญ คือ การจัดทําแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ของจังหวัด (พ.ศ. 2566-2570) ฉบับทบทวนปีงบประมาณ 2566 และการดําเนินงานโครงการขับเคลื่อนการเกษตรระดับหมู่บ้านสู่การผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูง จังหวัดตรัง ในงบประมาณปี 2566 ซึ่งอําเภอหาดสําราญพิจารณาคัดเลือกดําเนินการในพื้นที่หมู่ที่ 5 ตําบลตะเสะ เป็นพื้นที่ดําเนินการทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดทําโครงการขับเคลื่อนการเกษตรระดับหมู่บ้านสู่การผลิตสินค้าเกษตรมูลค่าสูง โดยในปี 2566 มีเป้าหมายครอบคลุมพื้นที่ 76 จังหวัด จํานวน 878 หมู่บ้าน มุ่งหวังที่จะบูรณาการด้านการเกษตรในระดับหมู่บ้านผ่านคณะกรรมการหมู่บ้าน เพื่อยกระดับรายได้เกษตรกรและสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าสูง รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงแหล่งทุนทางการเกษตร ลดการพึ่งพาจากภาครัฐ ซึ่งมีกรอบระยะเวลาความร่วมมือ 5 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2566-2570 โดยเริ่มดําเนินการส่งเสริมให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในพื้นที่สามารถวิเคราะห์ศักยภาพและโอกาส วางแผนการผลิตที่เชื่อมโยงกับความต้องการของตลาด มีตลาดรองรับที่ชัดเจน เพื่อจัดทําแผนธุรกิจเกษตรรายสินค้าในการเข้าถึงแหล่งทุนจากสถาบันการเงิน ตลอดจนเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จําเป็น การทําเกษตรที่ได้มาตรฐานเพื่อยกระดับการผลิตของตนเอง และเพื่อให้มีฐานข้อมูลกิจกรรมการทําการเกษตรที่มีความเป็นปัจจุบันทุกเวลา ใช้ประกอบการวิเคราะห์ ประมวลผล ประกอบการตัดสินใจในการกําหนดนโยบาย บริหารจัดการ และการให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ นําไปสู่การปรับโครงสร้างการผลิตในภาคการเกษตรในระดับพื้นที่อย่างแท้จริง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110170027780
null
สำนักงานเกษตรอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ลงพื้นที่ติดตามกลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนเทศบาลวัดตรังคภูมิพุทธาวาส
วันนี้ (10 ม.ค.66 ) นางบุญญาพร กายเพ็ชร นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชํานาญการ ปฏิบัติราชการแทนเกษตรอําเภอกันตัง จังหวัดตรัง มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอกันตัง เยี่ยมเยียนกลุ่มยุวเกษตรกรโรงเรียนเทศบาลวัดตรังคภูมิพุทธาวาส ตําบลกันตัง อําเภอกันตัง มีสมาชิกทั้งหมด 23 คน สมาชิกกลุ่มฯ เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4,5 และ 6 โดยวันนี้ได้ให้สมาชิกกลุ่มฯ ได้ฝึกฝนการจัดประชุมกลุ่มฯ และสอนวิธีการทําจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเพื่อนําไปใช้ในแปลงการเกษตรภายในโรงเรียนสําหรับจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงคือ จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ต่อพืช เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่พบได้ทั่วไปตามธรรมชาติทั้งในดินและน้ํา ทําหน้าที่กําจัดของเสีย ก๊าซและสารพิษต่าง ๆ โดยประโยชน์ของจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงช่วยตรึงไนโตเจนในดิน เพิ่มไนโตเจนให้กับพืช เร่งการเจริญเติบโต ทําให้พืชแข็งแรงแล้วโตเร็วเป็น 3 เท่า เมื่อใช้ทางดินทําให้รากพืชแข็งแรงและหาอาหารได้ดีขึ้น ใช้กับนาข้าวช่วยเร่งการแตกกอของข้าว ช่วยในการย่อยธาตุอาหารและวัตถุอินทรีย์ในดิน เพื่อให้พืชดูดซึมไปใช้ได้อย่างง่ายดาย ป้องกันพืชโดยการทําลายจุลินทรีย์ไม่ดีในดิน ที่เป็นสาเหตุที่ทําให้เกิดโรคพืช#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110174101798
null
แม่บ้านมหาดไทยกระบี่ ร่วมเอามื้อสามัคคี เกี่ยวข้าวปลูกผัก เน้นย้ำความสำคัญ"อาหารก่อกำเนิด เกิดจากดิน"
วันที่ 10 มกราคม 2566 นางบุษบา บุญญลักษม์ ประธานแม่บ้านมหาดไทย จังหวัดกระบี่ มอบหมายให้ นางชนิสา หาญภักดีปฏิมา รองประธานแม่บ้านมหาดไทย และคณะฯ ร่วมกิจกรรมกรรมเอามื้อสามัคคี "เกี่ยวข้าว ปลูกผักสวนครัว" ณ แปลงโคก หนอง นา นายประเสริฐบุตรมิตร บ้านนาหลวง หมู่ที่ 6 ตําบลโคกยาง อําเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ โดยมีนายสงัด พืชพันธุ์ พัฒนาการจังหวัดกระบี่ นายเศวตฉัตร สุวรรณรัตน์ นายอําเภอเหนือคลอง หัวหน้าส่วนราชการระดับอําเภอ ทีมงานเครือข่ายโคกหนองนาอําเภอเหนือคลอง คณะครู-นักเรียน โรงเรียนบ้านควนเกาะจันทร์ เข้าร่วมกิจกรรมเอามื้อสามัคคีกิจกรรมการเอามื้อสามัคคีในวันนี้มีกิจกรรมประกอบด้วย การเกี่ยวข้าว การปลูกผักสวนครัว โดยนายประเสริฐ บุตรมิตร เจ้าของแปลงโคกหนองนา และทีมงานเครือข่ายโคกหนองนาอําเภอเหนือคลอง ได้ร่วมให้ความรู้และวิธีการในการเกี่ยวข้าวและการปลูกผักสวนครัวแก่นักเรียนโรงเรียนบ้านควนเกาะจันทร์ ที่มาร่วมกิจกรรมในวันนี้เพื่อให้เด็กๆ ได้ตระหนักถึงความสําคัญของของดิน "อาหารก่อกําเนิดเกิดจากดิน" และการดํารงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในยุคปัจจุบัน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND#ปลูกผักปลูกรักกับ พช.#กรมการพัฒนาชุมชน#พัฒนาคือสร้างสรรค์#Change For Good
10/1/2023
ภาคใต้
กระบี่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110174555801
null
“กุ้งไทย” ไปถึงไหน?
เมื่อไม่นานมานี้ เห็นเพจหนึ่งนําเสนอเหตุปัจจัยที่เข้ามากระทบอุตสาหกรรมกุ้ง พร้อมแนวทางที่ควรเป็น เพื่อช่วยให้ประเทศไทยขยับตัวฟื้นฟู “สินค้าฮีโร” ให้กลับเข้าสู่สนามแข่งทวงแชมป์โลกคืนมาอีกครั้ง เป็นแนวคิดที่น่าจะกระตุ้นเตือนให้คนในวงการกุ้งหันมาตระหนักและร่วมมือกันให้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ผู้นํา” อย่าง “กรมประมง” ที่ไม่ควรมองข้ามบทบาทหน้าที่ของตน กุ้งไทยได้ชื่อว่าเป็นกุ้งพรีเมียมและเคยเป็นสินค้าฮีโรที่ประเทศไทยส่งออกมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้วยจุดเด่นที่เป็น Local Content มีกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ําไปจนถึงปลายน้ํา เพาะเลี้ยงเอง แปรรูปโดยใช้วัตถุดิบของไทยเอง รวมถึงการสร้างสรรค์มูลค่าเพิ่ม จากการสนับสนุนอุตสาหกรรมกุ้งอย่างเต็มกําลังของภาครัฐ และ ความร่วมแรงร่วมใจของผู้ประกอบการ รวมถึง เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทั้งประเทศ กระทั่งประสบความสําเร็จยืนหนึ่งในเวทีโลกมายาวนาน ซึ่งไม่ง่ายเลยกว่าที่ไทยจะก้าวไปถึงจุดสูงสุดนั้นได้ แต่ปัจจุบันกุ้งไทยกลับหล่นมาอยู่อันดับ 7 ของโลก ด้วยมูลค่าและปริมาณการส่งออกกุ้งที่ลดลงไปเกินกว่าครึ่งหนึ่ง เหลือส่วนแบ่งการตลาดเพียง 4% แถมยังโดนเอกวาดอร์ อินเดีย และเวียดนาม แซงหน้า ... เหล่านี้เป็นข้อมูลที่ฉายให้เห็นสถานการณ์ของอุตสาหกรรมกุ้งไทยได้อย่างชัดเจน สาเหตุหลักๆที่ทําให้ “กุ้งไทย” เสียแชมป์ ... ในเพจดังกล่าวมองว่าเกิดจากปัญหาโรคตายด่วน (Early Mortality Syndrome หรือ EMS) ตั้งแต่เมื่อ 12 ปีก่อน ที่ทําให้กุ้งตายลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกกุ้งไทยลดลงจาก 240,000 ตัน เหลือเพียง 98,000 ตัน ภายใน 3 ปี อย่างไรก็ตาม ปัญหาโรค EMS ไม่ได้เกิดขึ้นที่ไทยประเทศเดียว แต่เกิดขึ้นกับแทบทุกประเทศที่มีการเลี้ยงกุ้ง ผู้เขียนจึงเห็นว่าสาเหตุหลักที่ทําให้การส่งออกกุ้งไทยลดลงมากอย่างรวดเร็ว น่าจะเป็นเพราะภาครัฐของไทยไม่สามารถแก้ปัญหาโรคได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและไม่มีการส่งเสริมเกษตรกรอย่างจริงจัง ต่างกับภาครัฐของประเทศคู่แข่งอย่างเอกวาดอร์ อินเดีย และเวียดนาม ที่แก้ปัญหาโรคและเพิ่มผลผลิตได้สําเร็จ เมื่อผนวกกับสิทธิพิเศษทางภาษีจากประเทศลูกค้า ก็ทําให้สามารถแย่งตลาดกุ้งของไทยไปครองได้จนถึงทุกวันนี้ ฝากความหวัง “กรมประมง” ผ่านมากว่า 10 ปี การวิจัยพัฒนาของประเทศไทยน่าจะมีความก้าวหน้ามากขึ้นเป็นลําดับ แม้จะยังไม่พอที่จะเอาชนะโรคกุ้ง ก็ยังอยากเห็นการวิจัยที่ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ ส่วนนโยบายส่งเสริมยกระดับอุตสาหกรรมกุ้งจากภาครัฐก็ควรที่จะชัดเจนมากขึ้น ให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่กรมประมงตั้งไว้ว่าจะเพิ่มผลผลิตกุ้งเป็น 400,000 ตันภายในปี 2566 นี้ เชื่อว่าทุกคนในแวดวงอุตสาหกรรมกุ้งล้วนจับตามองรายละเอียดข้อย่อยในหลายๆด้าน ที่จะทําให้เป้าหมายนี้สําเร็จ ซึ่งนั่นหมายถึงกุ้งไทยจะมีเพียงพอและสมดุลกับความต้องการ ตอบโจทย์ขนาดกุ้งที่ตลาดโลกต้องการ และประเทศไทยไม่ต้อง “นําเข้า” กุ้งต่างชาติอีก ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดของปี ทําให้เกษตรกรไทยมีรายได้เป็นกอบเป็นกํา พอๆกับที่ห้องเย็นสามารถนํากุ้งไทยเราไปแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างมั่นใจการวางแผนกลยุทธ์ การกํากับดูแลและบริหารอุตสาหกรรมกุ้งของประเทศ จําเป็นต้องดูแลให้ถ้วนถี่ตลอดห่วงโซ่การผลิต มิใช่ให้ความสําคัญเพียงข้อต่อใดข้อต่อหนึ่ง กรณีศึกษาเมื่อปีที่ผ่านมาที่มีการอนุมัติการนําเข้ากุ้งจนกระทบราคาในประเทศ และเกิดผลกระทบต่อเกษตรกรนั้น ไม่ควรเกิดขึ้นอีกในปีนี้หรือในอนาคต เป็นเรื่องดีหากกุ้งไทยจะกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์โลกดังที่เคยเป็น กลับมาทําหน้าที่สร้างรายได้ให้ประเทศ และเป็นอัศวินฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ความจริงใจที่จะร่วมมือตั้งแต่ระดับต้นน้ํา-กลางน้ํา-ปลายน้ํา เพื่อขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งระบบ นับเป็นสิ่งสําคัญ โดยเฉพาะอยางยิ่ง “กรมประมง” และ “กระทรวงเกษตรฯ” ที่ต้องมีภาวะ “ผู้นํา” เพื่อนําทีมคณะกรรมการกุ้ง (Shrimp Board) ร่วมกันส่งเสริมภาคการเลี้ยงกุ้งไทยอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ช่วงนี้ประเทศไทยกําลังได้รับผลดีจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ส่งผลให้กุ้งมีราคาดีขึ้นด้วย เกษตรกรมีกําลังใจในการเลี้ยงกุ้ง นับเป็นช่วงที่ดีที่รัฐต้องเร่งส่งเสริมการผลิต พร้อมๆกับการกําจัดอุปสรรคการเลี้ยงต่างๆให้หมดไป เช่น เร่งแก้ปัญหาโรคระบาด ที่สําคัญ ต้องสื่อสารเพื่อสร้างพลังและแรงจูงใจ ให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งทั้งประเทศเชื่อมั่นว่าท่านทําเพื่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมกุ้งอย่างแท้จริง เมื่อนั้นคงได้เห็น “กุ้งไทย” เข้มแข็งพอที่จะเริ่มลงแข่งทวงตําแหน่งแชมป์กลับมาได้อีกครั้ง โดย ... รังสรรค์ ชลาสินธุ์
10/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สำนักพัฒนานโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110192837827
null
ปศุสัตว์เพชรบุรี เข้าร่วมฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร “พัฒนาองค์ความรู้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการทำปศุสัตว์อินทรีย์” ณ จังหวัดน่าน
นายกรรัตน์ คุ้มกระ ปศุสัตว์จังหวัดเพชรบุรี มอบหมายให้ นายนพดล พูลศักดิ์ เจ้าพนักงานสัตวบาลปฏิบัติงาน กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ เข้าร่วมการประชุมอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร “พัฒนาองค์ความรู้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการทําปศุสัตว์อินทรีย์” ระหว่างวันที่ 9-10 มกราคม 2566 ณ โรงแรมน้ําทอง จังหวัดน่าน จัดโดยกองส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่ปฏิบัติงานด้านการส่งเสริมการทําปศุสัตว์อินทรีย์ มีความรู้ความเข้าใจมาตรฐานปศุสัตว์อินทรีย์ที่เป็นสากล ให้เป็นไปตามข้อกําหนดในแนวทางเดียวกัน รวมถึงเข้าใจระบบการรับรองเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม (PGS) และแนวทางการส่งเสริมการทําปศุสัตว์อินทรีย์แบบมีส่วนร่วม ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพของเจ้าหน้าที่ส่งเสริม สามารถส่งเสริมการทําปศุสัตว์อินทรีย์ในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปสวท.เพชรบุรี/10 ม.ค.66#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
null
เพชรบุรี
สวท.เพชรบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110200618842
null
เกษตรตรังลงพื้นที่คัดเลือกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ปี 2566
วันนี้ (10 มกราคม 2566)? นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง พร้อมด้วยนางพรทิพย์ ศรีสมโภชน์ หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ พร้อมด้วยคณะกรรมการคัดเลือกเกษตรกร บุคลากรทางการเกษตรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นระดับจังหวัด ปี 2566 ลงพื้นที่คัดเลือกกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ทําขนมบ้านหนองกก เลขที่ 31 ม.6 ต.คลองปาง อ.รัษฎา จ.ตรัง ซึ่งดําเนินกิจกรรมทําขนมยาหนม มากว่า 20 ปี ยาหนมมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ อร่อย นุ่ม หอมหวาน ผู้สนใจซื้อสินค้าสมารถติดต่อซื้อได้ที่โทร 089-7267432#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110202552847
null
อุตสาหกรรมจังหวัดบุรีรัมย์ เผย มาตรการควบคุมฝุ่น P.M.2.5 ในโรงงานโม่หิน และโรงงานน้ำตาล พร้อมสานต่อนโยบายการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศสู่การพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืน
นายประสงค์ ผลส่ง อุตสาหกรรมจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยถึงมาตรการควบคุมฝุ่น P.M.2.5 ของภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดบุรีรัมย์ ว่าขณะนี้ สํานักงานได้มีหนังสือกําชับไปยังผู้ประกอบการโรงงานทั้งโรงงานขนาดใหญ่และโรงโม่หิน ให้มีการควบคุมการสร้างฝุ่นละอองอย่างเข้มงวด พร้อมบูรณาการร่วมกับ กอ.รมน.จังหวัดบุรีรัมย์ และส่วนที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจตามเรื่องฝุ่นที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้มีการมอบหมายให้กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบระบบการผลิตเพื่อเริ่มต้นการหีบอ้อยของโรงงานน้ําตาลปี 65/66 ที่เพิ่งเปิดหีบอ้อยผลิตน้ําตาลทราย เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมากําชับไม่ให้โรงงานรับอ้อยไฟไหม้เกิน 5% รวมถึงได้กําชับโรงงานน้ําตาลบุรีรัมย์ และสมาคมชาวไร่อ้อยบุรีรัมย์ ร่วมรณรงค์ให้เกษตรกรชาวไร่อ้อย “งดการเผาไร่อ้อย”หลังปีนี้ในจังหวัดบุรีรัมย์มีการปลูกอ้อยกว่า 210,000 ไร่ พร้อมนํารถตัดอ้อยกว่า 121 คัน เข้าสนับสนุนเกษตรกร เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 สําหรับนโยบายการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ตามนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรม จังหวัดบุรีรัมย์ได้มีการคัดเลือกให้พื้นที่เทศบาลตําบลหินเหล็กไฟ อําเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่นําร่อง เพื่อให้ผู้ประกอบการกลุ่มโรงงานน้ําตาล และชุมชนในพื้นที่ เกิดการทํากิจกรรมเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกันลดปัญหามลภาวะ นําไปสู่การพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืน #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
บุรีรัมย์
สวท.บุรีรัมย์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230110220555868
null
กองกำลังสุรนารี สำรวจพื้นที่เพื่อมอบพันธุ์ปลานิลจิตรลดาพระราชทาน สร้างความมั่นคงด้านอาหาร และลดรายจ่ายในครัวเรือน ให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์
พ.ท.ศรายุทธ มาลาสาย หัวหน้าฝ่ายกิจการพลเรือน กองกําลังสุรนารี เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ ร.ต.กวีวัฒน์ สุขรอบ หัวหน้าชุด ชป.กร.กกล.สุรนารี ที่ 220 พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ลงพื้นที่บ้านหนองกุง หมู่ที่ 10 ตําบลกระเทียม อําเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ เพื่อสํารวจพื้นที่การเกษตรและบ่อน้ํา ตามที่นายสังขะ ศรีบุญ เกษตรกรได้มีความประสงค์ยื่นเรื่องขอพระราชทานพันธุ์ปลานิลจิตรลดา จาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีกลุ่มเกษตรกรที่ให้ความสนใจจํานวน 17 ครัวเรือน ซึ่งปัจจุบัน ได้รวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้นายสังขะ ศรีบุญ ได้ประกอบอาชีพปลูกหญ้าเนเปียร์จําหน่าย อีกทั้งได้ขุดบ่อเลี้ยงปลา เลี้ยงหอย เลี้ยงกบ เพื่อประกอบเป็นอาหารในครัวเรือน และจําหน่ายให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน โดยสามารถเลี้ยงดูครอบครัวและสร้างรายได้ให้กับครอบครัวเป็นอย่างดีซึ่งพันธุ์ปลานิลจิตรลดาพระราชทาน ได้ทําการเพาะพันธุ์จาก ศูนย์ผลิตพันธุ์ปลาน้ําจืดพระราชทาน “เพื่อนช่วยเพื่อน” พื้นที่อีสานใต้ ส่วนแยกสุรินทร์ ร.23 พัน.3 และ? ศูนย์ผลิตพันธุ์ปลาน้ําจืดพระราชทาน “เพื่อนช่วยเพื่อน” พื้นที่อีสานใต้ ส่วนแยกบุรีรัมย์ ร.23 พัน.4 ทั้งนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาดําเนินการจัดตั้ง "ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ" เพื่อเป็นที่ระลึกในวาระครบรอบ 100 ปี พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ เพื่อปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ / ให้เกษตรกรได้มีสายพันธุ์ที่ดี ตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกร ด้านพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จึงผลิตเมล็ดพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ เพื่อพระราชทาน นําไปช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยพิบัติ และพระราชทานแก่ราษฎรทั่วไปกองกําลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 ได้ประสานศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันเพ็ญศิริ เพื่อขอพระราชทานเมล็ดพันธุ์ผัก และพันธุ์ปลานิลจิตรลดา ให้กับประชาชนในพื้นที่ชายแดน เพื่อเลี้ยงไว้รับประทานเอง เป็นการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร และลดรายจ่ายในครัวเรือน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111091911902
null
อำเภอบัวเชด ขับเคลื่อนตำบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สร้างขีดความสามารถการบริหารจัดการชุมชนให้เข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
ที่ศาลาประชาคม บ้านประเม หมู่ที่ 2 ตําบลอาโพน อําเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ นายบรรลุ สุวรรณดี ปลัดอําเภอ (รักษาราชการแทนนายอําเภอบัวเชด) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ขับเคลื่อนการดําเนินงาน “ตําบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งเป็นนโยบายของกรมการพัฒนาชุมชน ภายใต้วิสัยทัศน์ “เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน ด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” มีเป้าหมายสําคัญเพื่อให้ชุมชนมีศักยภาพในการบริหารจัดการและพัฒนาตนเองสู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจฐานรากมั่นคง คนในชุมชนมีงาน มีอาชีพ มีรายได้ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีการนําเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการทํางานพัฒนาด้านต่าง ๆ ผ่านการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ ขับเคลื่อนไปสู่การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น Change for Good เกิดผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรม และสามารถตอบสนองการแก้ไขปัญหาและความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง โดยมีนายราชันย์ ช่วงชัย พัฒนาการอําเภอบัวเชด สาธารณสุขอําเภอบัวเชด กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นําชุมชนทั้ง 10 หมู่บ้าน ร่วมเป็นสักขีพยานนายบรรลุ สุวรรณดี กล่าวว่า “โครงการตําบลเข้มแข็ง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้นํากลุ่ม องค์กร หน่วยงานภาคีเครือข่าย และประชาชนได้เรียนรู้และน้อมนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดําเนินชีวิต ใช้พื้นที่ตําบลอาโพน อําบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ เป็นฐานการพัฒนาภายใต้กลไกเครือข่ายผู้นําการเปลี่ยนแปลงระดับตําบล และกลไก 7 ภาคีเครือข่ายในการขับเคลื่อน ทั้งนี้ อําเภอบัวเชด มีพื้นที่เป้าหมายดําเนินการ 6 ตําบล โดยประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ คือ ตําบลมีขีดความสามารถในการบริหารจัดการโดยชุมชน ประชาชนมีส่วนร่วมบริหารจัดการ เป็นตําบลที่มีความเข้มแข็งใน 3 มิติ คือ มิติด้านความมั่นคง มิติด้านความมั่งคั่ง และมิติด้านความยั่งยืน ซึ่งจะทําให้ประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชนมีความสุขมวลรวมเพิ่มขึ้น#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111091817900
null
กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานวิชาการ ใช้งานวิจัยงานวิชาการพัฒนายกระดับเกษตรกรไทย
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดํารง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า การสร้างความเข้มแข็งให้สถาบันเกษตรกรและเศรษฐกิจฐานราก การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและการวิจัยและพัฒนา โดยการจัดทําบันทึกความเข้าใจ ร่วมกับสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างประโยชน์ต่อการพัฒนาอาชีพการเกษตร ภายใต้กรอบแนวคิดการนํา BCG Economy Model มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคการเกษตรของประเทศ ให้มีความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน สู่ความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องเกษตรกร ซึ่งตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เป็นต้นมา กรมส่งเสริมการเกษตรได้ลงนาม MOU กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อช่วยปรับเปลี่ยนวิธีการทําการเกษตรของเกษตรกร ให้นําเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ทั้งในด้านการเพิ่มปริมาณผลผลิต การเพิ่มคุณภาพผลผลิต และการลดต้นทุนการผลิต สําหรับความก้าวหน้าและผลการดําเนินงานในช่วงที่ผ่านมา สามารถพัฒนาบุคลากรและเกษตรกร ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และออกแบบหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอกที่เอื้อต่อการพัฒนาบุคลากร ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น พัฒนาศักยภาพเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรในการจําหน่ายสินค้าออนไลน์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร นอกจากนี้ สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ในการขยายผลเทคโนโลยี HandySense ผ่านศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร รวมถึงดําเนินการผลิตพันธุ์มันสําปะหลังพันธุ์สะอาด รวมทั้งการนําเทคโนโลยีโดรนไปใช้ในการสํารวจแปลงปลูก และปัจจุบันกรมส่งเสริมการเกษตรอยู่ระหว่างดําเนินงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จํานวน 2 โครงการ คือ โครงการเสริมศักยภาพวิสาหกิจชุมชนมะพร้าวอ่อนน้ําหอมดอนมโนราและวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่มะพร้าวน้ําหอมบางตลาดด้วยแพลตฟอร์ม GROW Model เพื่อเชื่อมโยงการผลิตและการตลาดที่เป็นธรรมอย่างยั่งยืน และโครงการวิจัยระบบอัจฉริยะ เพื่อการวินิจฉัยเฝ้าระวังและเตือนภัยโรคมันสําปะหลัง อีกด้วย
11/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111085913889
null
กอนช. เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ด้วยการระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด
กองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) เฝ้าระวังน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากในพื้นที่ภาคใต้ พร้อมเร่งช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยน้ําท่วม ด้วยการระบายน้ําออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสํานักงานทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะรองผู้อํานวยการกองอํานวยการน้ําแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ําภาพรวมของประเทศวันนี้ (11 ม.ค.66) ว่า ภาคใต้คงมีฝนตกหนักบางแห่ง ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีฝนตกหนักบริเวณ จ.พัทลุง นครศรีธรรมราช และตรัง จึงต้องเฝ้าระวังน้ําท่วมฉับพลันและน้ําป่าไหลหลากต่อเนื่อง เบื้องต้นให้กรมชลประทานเร่งระบายน้ําออกจากพื้นที่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยได้เดินเครื่องสูบน้ําที่ติดตั้งเพื่อเร่งพร่องน้ําไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เช่น จ.นราธิวาส เดินเครื่องสูบน้ําเคลื่อนที่ 9 เครื่อง และเครื่องสูบน้ํา Hydro Flow 4 เครื่อง // ปัตตานี เดินเครื่องสูบน้ําบริเวณโรงพยาบาลโคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ 1 เครื่อง ปัจจุบันสถานการณ์น้ําในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้คลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
11/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111094252913
null
กทม. และปริมณฑลคุณภาพอากาศดี ค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ หลังอากาศเปิดและมีลมช่วยการสะสมของฝุ่นลง
กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดี ค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ หลังอากาศเปิดและมีลมช่วยการสะสมของฝุ่นลง พร้อมเฝ้าระวังฝุ่นสูงขึ้นช่วงวันที่ 16 - 17 มกราคม นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า ช่วงเช้าวันนี้ (11 ม.ค.66) ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลคุณภาพอากาศดีมากถึงคุณภาพปานกลาง โดยค่าฝุ่นปรับตัวลดลงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ เนื่องจากอากาศที่เปิดมากขึ้น ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงเหนือที่มีกําลังแรงเข้าช่วย จึงลดการสะสมตัวของฝุ่นลงได้มาก โดยเฉพาะช่วงวันที่ 12 - 15 มกราคม ซึ่งจะมีโอกาสพบฝนตกร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ ศูนย์แบบจําลองคุณภาพอากาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 วันที่ 16 - 17 มกราคม ต้องเฝ้าระวังการสะสมของฝุ่นละอองเป็นพิเศษ เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่งและปิด บริเวณพื้นที่กรุงเทพกลาง กรุงธนเหนือ และกรุงธนใต้ จึงขอความร่วมมือประชาชนบํารุงดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ําเสมอ จอดรถให้ดับเครื่อง ลดการเผาในที่โล่ง และขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสถานการณ์ หากอยู่บริเวณพื้นที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงเกินเกณฑ์มาตรฐาน หรือ พื้นที่สีส้ม ให้หลีกเสี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากอนามัย หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ ทั้งนี้ สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทั้งแบบค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงและแบบค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ผ่านทางเว็บไซด์ Air4Thai.com และ bangkokairquality.com หรือทางแอปพลิเคชั่น Air4Thai และ AirBKK แล้วยังติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์คุณภาพอากาศผ่านทาง Facebook Fanpage ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.)
11/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111094556918
null
เร่งเดินหน้าโครงการอ่างเก็บน้ำคลองโพล้ จังหวัดระยอง เป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อการเกษตร
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทาน ได้ขับเคลื่อนการดําเนินโครงการอ่างเก็บน้ําคลองโพล้ จังหวัดระยอง เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ํา เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ําในจังหวัด ซึ่งคณะกรรมทรัพยากรน้ําแห่งชาติ (กนช.) ได้ให้ความเห็นชอบ ให้กรมชลประทานดําเนินโครงการอ่างเก็บน้ําคลองโพล้ เพื่อเป็นแหล่งน้ําต้นทุนสําหรับการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ในเขตอําเภอเขาชะเมา จังหวัดระยอง ช่วยสนับสนุนพื้นที่การเกษตรได้กว่า 30,000 ไร่ รวมทั้งช่วยบรรเทาอุทกภัยในช่วงฤดูน้ําหลากในเขตอําเภอแกลง และเป็นแหล่งน้ําสํารองสนับสนุนการใช้น้ําในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) หากดําเนินการก่อสร้างอ่างฯแล้วเสร็จ จะเก็บกักน้ําได้ประมาณ 40 ล้าน ลบ.ม. โดยจะเริ่มดําเนินการก่อสร้างในปี 2566 และคาดว่าจะแล้วเสร็จตามแผนงานในปี 2569
11/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111110433950
null
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สานพลัง ชุมชนบ้านหัวทุ่ง ร่วมเฝ้าระวัง ป้องกันลดไฟป่าหมอกควัน
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สานพลัง ชุมชนบ้านหัวทุ่ง เสริมสร้างความเข้มแข็งของภาคีเครือข่าย สร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ป้องกันลดไฟป่าหมอกควัน นางภาวิณี ณ สายบุรี รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดกิจกรรมรณรงค์สร้างจิตสํานึกและการมีส่วนร่วมเฝ้าระวังป้องกันลดไฟป่า ลดหมอกควัน ณ บ้านหัวทุ่ง หมู่ที่ 14 ตําบลเชียงดาว อําเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้นําเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ร่วมกันทําแนวกันไฟในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านหัวทุ่ง ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร เพื่อเป็นแนวตั้งรับในการดับไฟป่า สกัดไม่ให้ไฟลุกลามไปยังจุดอื่น ช่วยลดความรุนแรงที่เกิดขึ้น สําหรับบ้านหัวทุ่งเป็นหมู่บ้านต้นแบบปลอดการเผา 1 ใน 37 แห่ง ของ 17 จังหวัดภาคเหนือ ที่ส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน สร้างเครือข่ายความร่วมมือภาคประชาชน ให้เข้ามาเป็นกลไกเฝ้าระวัง และประสานความร่วมมือจากคนในชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมกันป้องกันและเฝ้าระวังแก้ปัญหามลพิษจากการเผาในที่โล่งและหมอกควันจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคเหนือ
เชียงใหม่
สวท.เชียงใหม่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111131655982
null
จังหวัดชัยนาท จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) จังหวัดชัยนาท ปี 2566
วันนี้ 11 มกราคม 2566 ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรอําเภอเมืองชัยนาท หมู่ที่ 10 ตําบลท่าชัย อําเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท นายศรณ์จักรชัย ชูวาพิทักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) จังหวัดชัยนาท ปี 2566 พร้อมมอบเมล็ดพันธุ์ผักให้กับตัวแทนเกษตรกรทั้ง 4 อําเภอ โดยมีหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภาคเอกชน และเกษตรกร 4 อําเภอ ประกอบด้วย อําเภอเมืองชัยนาท อําเภอสรรพยา อําเภอสรรคบุรี และอําเภอมโนรมย์ เข้าร่วมกิจกรรม นายสุชาติ อ่อนดํา เกษตรจังหวัดชัยนาท กล่าวว่า จังหวัดชัยนาท มีพื้นที่การเกษตร 1,213,611 ไร่ โดยมีพื้นที่สําหรับปลูกข้าวมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 67.30 การจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลผลิตใหม่ (Field Day) ในวันนี้ มีเป้าหมายในการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าว ตามวิสัยทัศน์ของจังหวัดชัยนาท คือ “สินค้าเกษตรมีคุณภาพ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน” โดยการสานพลังทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคเอกชน โดยใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG บูรณาการการพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ํา กลางน้ํา ถึงปลายน้ํา ใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม และการเพิ่มกิจกรรมทางการเกษตรตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ร่วมจัดการผลผลิต และเพิ่มมูลค่า โดยกิจกรรมดังกล่าว มีการจัดสถานีถ่ายทอดความรู้ จํานวน 4 สถานี ประกอบด้วย สถานีเรียนรู้ที่ 1 การปรับปรุงบํารุงดิน สถานีเรียนรู้ที่ 2 การบริหารจัดการน้ําด้วยการแกล้งข้าว สถานีเรียนรู้ที่ 3 การผลิตเมล็ดข้าวพันธุ์ดีที่ 1 เมืองไทย และสถานีเรียนรู้ที่ 4 การจัดการศัตรูข้าวแบบชีววิถี นอกจากนี้ มีการนําเสนอองค์ความรู้ และบริการทางการเกษตรอื่นๆ ให้เกษตรกร จากหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และภาคเอกชน อีกด้วย ส.ปชส.ชัยนาท#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ชัยนาท
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยนาท
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111131112981
null
ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคกลาง จังหวัดกาญจนบุรี จัดฝึกอบรมพนักงานดับไฟป่าระดับพื้นฐาน ประจำปี 2566 เสริมทักษะการทำงานเป็นทีม เพิ่มความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน รับมือไฟป่าหน้าแล้ง
นายสมคิด สิริรัตน์ หัวหน้าศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคกลาง จังหวัดกาญจนบุรี สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้ดําเนินการจัดฝึกอบรมพนักงานดับไฟป่าระดับพื้นฐาน ประจําปี 2566 โดยมี นายชัชวาล ศิริสมบัติ ผู้อํานวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า ผู้แทนผู้อํานวยการสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรม หลักสูตรพนักงานดับไฟป่าระดับพื้นฐาน ประจําปี 2566 รุ่นที่ 1 ระหว่างวันที่ 9-13 มกราคม 2566 ณ ศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาการควบคุมไฟป่าภาคกลาง กาญจนบุรี โดยมีพนักงานดับไฟป่าของสถานีควบคุมไฟป่า ในพื้นที่ภาคกลางเข้าร่วมดังนี้ สถานีควบคุมไฟป่าปราจีนบุรี สถานีควบคุมไฟป่าตาพระยา – ปางสีดา สถานีควบคุมไฟป่าเขาเขียว สถานีควบคุมไฟป่าเขาชะเมา – เขาวง สถานีควบคุมไฟป่าเขาสอยดาว สถานีควบคุมไฟป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านทิศตะวันตก สถานีควบคุมไฟป่าเขื่อนศรีนครินทร์ สถานีควบคุมไฟป่าสลักพระ – เอราวัณ สถานีควบคุมไฟป่าห้วยขาแข้ง สถานีควบคุมไฟป่าเขาปันโส – มโนราห์ สถานีควบคุมไฟป่าห้วยแม่ดี สถานีควบคุมไฟป่ากรึงไกร สถานีควบคุมไฟป่าเจ็ดสาวน้อย – สามหลั่น สถานีควบคุมไฟป่าหุบกระพง สถานีควบคุมไฟป่ากุยบุรี – ห้วยยาง และสถานีควบคุมไฟป่าหนองพลับ – ห้วยสัตว์ใหญ่ รวมจํานวนทั้งสิ้น 30 นาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรม ได้รับการฝึกทั้งด้านทฤษฎีการควบคุมไฟป่า ควบคู่ไปกับการฝึกทักษะการปฏิบัติงานควบคุมไฟป่า เป็นผู้มีระเบียบ วินัย กล้าหาญ อดทน และมีความสามารถในการปฏิบัติงานร่วมกันเป็นคณะได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถปฏิบัติงานด้านการดับไฟป่าในพื้นที่รับผิดชอบได้อย่างปลอดภัย โดยดําเนินการฝึกอบรมให้ความรู้ทั้งภาคบรรยาย อาทิ ความรู้ไฟป่าเบื้องต้น การจัดการเชื้อเพลิง การตรวจหาไฟ การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ดับไฟป่า การสร้างเครือข่าย เป็นต้น และภาคปฏิบัติ การฝึกระเบียบวินัย การใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ดับไฟป่า การใช้ชีวิตในป่า และการฝึกร่างกายตามฐานต่างๆ ที่จําลองสถาณการณ์จริงเพื่อปฏิบัติงานในพื้นที่ เพื่อฝึกทักษะ ความอดทน วินัย และประสบการณ์ให้พนักงานดับไฟป่าที่เข้ารับการฝึกอบรมสามารถนําไปใช้ปฏิบัติงานได้จริงสําหรับการฝึกอบรม กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะดําเนินการจัดฝึกอบรม พนักงานดับไฟป่าระดับพื้นฐาน ประจําปีงบประมาณ 2566 สําหรับเจ้าหน้าที่และบุคคลภายนอกที่ปฏิบัติงานให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประจําหน่วยงานควบคุมไฟป่า ในสังกัดสํานักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 - 16 และสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์สาขาทุกสาขา จํานวน 8 รุ่น รุ่นละ 30 คน รวมผู้เข้ารับการฝึกอบรมทั้งสิ้น 240 คน ตามเป้าหมายของโครงการต่อไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สวท.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111182144148
null
กรมส่งเสริมการเกษตร แนะนำเกษตรกรวิธีจัดการแปลงปลูกผักให้ได้ผลผลิตคุณภาพ
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดํารง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งมีบทบาทหน้าที่ในการถ่ายทอดความรู้ ให้คําแนะนําและช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชในการประกอบอาชีพการเกษตร เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของตลาด ปลอดภัยต่อเกษตรกรผู้ปลูกและผู้บริโภค โดยเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรจะลงพื้นที่ไปให้คําแนะนําและถ่ายทอดเทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้กับเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร โดยการปลูกพืชผักสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากเป็นพืชอายุสั้น เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เร็ว ดูแลรักษาง่ายและใช้น้ําน้อย แต่เกษตรกรจําเป็นต้องรู้จักวิธีจัดการแปลงผักของตนเอง เพื่อป้องกันผลกระทบทั้งด้านคุณภาพและปริมาณผลผลิต ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง โดยเกษตรกรต้องมีวางแผนการผลิตให้ดี และให้ความสําคัญกับการดูแลรักษา โดยสามารถปฏิบัติตาม อาทิ การเลือกพันธุ์พืชที่เหมาะสมกับสภาพดินฟ้าอากาศ สภาพพื้นที่และความต้องการของตลาด ควรใช้เมล็ดพันธุ์ดี จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพและตรงตามพันธุ์ พื้นที่ปลูกควรมีแหล่งน้ําเพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูก ระวังอย่าให้พืชขาดน้ําและอย่าให้น้ํามากเกินไปจนแฉะ จะทําให้พืชเน่าตายได้ ควรให้น้ําในช่วงเช้าหรือเย็นและไม่ควรให้น้ําตอนแดดจัด สภาพพื้นดินมีความอุดมสมบูรณ์ อยู่ห่างจากแหล่งที่มีสารปนเปื้อนและโรงงานอุตสาหกรรมที่อาจก่อให้เกิดสารตกค้างในผลผลิต และควรมีวัสดุคลุมแปลงเพื่อรักษาความชื้นในแปลงปลูก เกษตรกรควรป้องกันการเกิดโรคจากเชื้อรา โดยการใช้น้ําชําระล้างใบในช่วงเช้า และการใช้เชื้อราไตรโคเดอร์มาอย่างสม่ําเสมอจะช่วยป้องกันโรคเน่าในพืชผักได้ และหมั่นดูแลและสังเกตการเจริญเติบโตของพืชผักที่ปลูก หากพบศัตรูพืชเข้าทําลายให้รีบกําจัดก่อนที่จะเกิดความเสียหายมาก หากไม่จําเป็นควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี อย่างไรก็ตาม เกษตรกรควรหมั่นสํารวจดูแลพืชสวนไร่นาของตนเองอยู่เสมอไม่ว่าในฤดูกาลใด เพื่อให้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัยต่อทั้งผู้บริโภคและเกษตรกรผู้ปลูก และป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นลดน้อยลงได้ และควรกระจายความเสี่ยงด้วยการปลูกพืชหมุนเวียนหลากหลายชนิดเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรค
11/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111150003036
null
ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กำชับทุกอำเภอได้ขับเคลื่อน ‘ถังขยะเปียก ลดโลกร้อน’ ให้ครบทุกครัวเรือน 100% ตั้งเป้าลดขยะที่ต้นทาง-ลดภาระงบประมาณของท้องถิ่นในการจัดการขยะ
วันนี้(11 มกราคม 2566 ) นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุมหารือข้อราชการประจําสัปดาห์ (Morning Brief) ติดตามความก้าวหน้าในการดําเนินงานตามภารกิจ แผนงาน หรือโครงการสําคัญต่าง ๆ ณ เรือนสโมสร จวนผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง โดยมี นายภูวนัฐ สมใจ , นายวิศิษฎ์ อนันต์วรปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนกระทรวงต่างๆในพื้นที่จังหวัดตรัง เข้าร่วม ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้ติดตามความคืบหน้าในการจัดทําถังขยะเปียก ลดโลกร้อน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดตรังได้นําร่องจัดทําถังขยะเปียกลดโลกร้อน ในจวนผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นต้นแบบและนําไปขยายผลในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 99 แห่ง เป้าหมายคือให้ทุกครัวเรือนได้จัดทําถังขยะเปียกลดโลกร้อน เปลี่ยนจากเศษอาหาร ขยะเปียก ให้กลับกลายเป็นปุ๋ยเติมความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ผืนดิน อีกทั้งเป็นการดึงภาคประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการขยะในแต่ละพื้นที่ ตั้งแต่ต้นทาง ไปจนถึงปลายทาง สามารถลดปริมาณขยะในพื้นที่และค่าใช้จ่ายในการกําจัดขยะ ลดภาวะโลกร้อน สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีนําไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปสําหรับผลการดําเนินงานจัดทําถังขยะเปียกลดโลกร้อน จังหวัดตรัง มีอําเภอที่มีผลการดําเนินงานมากที่สุด คือ อําเภอปะเหลียน มีครัวเรือนที่จัดทําถังขยะเปียกมากสุดถึงร้อยละ 81.80 , อําเภอรัษฎา ร้อยละ 71.77 , อําเภอกันตัง ร้อยละ 63.68 , อําเภอหาดสําราญร้อยละ 62.98 , อําเภอย่านตาขาว ร้อยละ 61.11 , อําเภอนาโยง ร้อยละ 56.66 , อําเภอห้วยยอด ร้อยละ 56.29 , อําเภอสิเกา ร้อยละ 52.51 , อําเภอวังวิเศษ ร้อยละ 49.72 และอําเภอเมืองตรัง ร้อยละ 19.29 ภาพรวมทั้งจังหวัดมีครัวเรือนเป้าหมายใน THAI QM จํานวน 145,208 ครัวเรือน และจํานวนครัวเรือน ที่จัดทําถังขยะเปียกลดโลกร้อน จํานวน 76,773 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 52.87 ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรังได้เน้นย้ําให้ทุกอําเภอได้เร่งรัดการดําเนินการ ขับเคลื่อน ‘ถังขยะเปียก ลดโลกร้อน’ ให้ครบทุกครัวเรือน 100% ตั้งเป้าลดขยะที่ต้นทาง-ลดภาระงบประมาณของท้องถิ่นในการจัดการขยะต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111155751068
null
เทศบาลนครตรัง จัดโครงการส่งเสริมการคัดแยกขยะในชุมชน ให้ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะต้นทางในชุมชน เพื่อช่วยลดปริมาณขยะในชุมชน
วันนี้ (11 มกราคม 2566) ดร.สัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศมนตรีนครตรัง มอบหมายให้ นางสุดใจ ทองย้อย รองนายกเทศมนตรีนครตรัง พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเทศบาล หัวหน้าส่วนการงาน และ เจ้าหน้าที่กองสวัสดิการสังคม เป็นประธานฯ และร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการคัดแยกขยะในชุมชน โดยมี นางจันทิพย์ รังสิปราการ รองปลัดเทศบาล กล่าวรายงานฯ โดยโครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะต้นทางในชุมชน ส่งเสริมการรวมกลุ่มในการคัดแยกขยะในชุมชน สร้างรายได้ เสริมอาชีพแก่สมาชิกในชุมชน ช่วยลดปริมาณขยะ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมอบรม ประกอบด้วย ข้าราชการ พนักงานเทศบาล ลูกจ้างประจํา พนักงานจ้างของเทศบาลนครตรัง ประชาชนทั่วไป และสมาชิกในชุมชนนําร่อง 6 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนท่าจีน ชุมชนบ้านหนองยวน 2 ชุมชนย่านการค้า 3 ชุมชนวัดกุฏยาราม ชุมชนคลองน้ําเจ็ด และ ชุมชนบางรัก จํานวน 100 คน เข้าร่วมการอบรม ณ ห้องประชุม ชั้น 1 อาคารอเนกประสงค์ เทศบาลนครตรัง โดยในครั้งนี้ ได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรจากศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการกําจัดขยะและบําบัดน้ําเสียตามแนวพระราชดําริ ภาคใต้ มาเป็นวิทยากรจัดกระบวนการเรียนรู้เพื่อนําไปสู่การปฏิบัติจริง ตลอดจนจัดทําหลักสูตรเพื่อให้เหมาะสมในการประยุกต์ใช้กับชุมชน สอดคล้องตามพระราโชบายและพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โอกาสนี้ ดร.สัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศมนตรีนครตรัง และ นายวีร์รัศมิ์ เจือกโว้น รองนายกเทศมนตรีนครตรัง ยังได้ร่วมกล่าวพบปะ และร่วมพูดคุยกับผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ในการร่วมกันจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง โดยการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในชุมชนของตนเอง และเกิดจิตสํานึกที่ดีในการรักษาสิ่งแวดล้อมที่เป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง ซึ่งสิ่งนี้คือตัวชี้วัดที่นําไปสู่การลดปัญหาขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นในพื้นที่เขตเทศบาลนครตรัง และป้องกันปัญหาการเกิดมลพิษที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ได้อย่างยั่งยืน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111164932096
null
คพ. ตรวจสอบสาเหตุกลิ่นเหม็น ฝุ่นละออง และเสียงดังจากโรงงานผลิตแอสฟัลต์ติกคอนกรีตใน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี พร้อมแก้ปัญหาลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่
กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ตรวจสอบสาเหตุกลิ่นเหม็น ฝุ่นละออง และเสียงดังจากโรงงานผลิตแอสฟัลต์ติกคอนกรีตใน ต.เวียงคํา อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี พร้อมแก้ปัญหาลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่ นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า สํานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 9 อุดรธานี กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ได้ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนกลิ่นเหม็น ฝุ่นละออง และเสียงดังจากการทํางานของเครื่องจักรของโรงงานผลิตแอสฟัลต์ติกคอนกรีตใน ต.เวียงคํา อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี พบสาเหตุกลิ่นเหม็นเกิดจากโรงงานไม่มีระบบกําจัดกลิ่นในกระบวนการผสมยางมะตอย ส่วนสาเหตุฝุ่นละอองเกิดจากถุงกรองในระบบกําจัดฝุ่นแบบถุงกรองชํารุด ถนน และพื้นที่เกี่ยวข้องเป็นหินคลุกบางส่วนไม่สะอาด ไม่ฉีดพรมน้ําเป็นประจํา และไม่ปลูกต้นไม้เป็นแนวป้องกันฝุ่น ด้านสาเหตุเสียงรบกวนเกิดจากเสียงเครื่องจักรในเวลาช่วงดึกตั้งแต่ 02.00 น. ทั้งนี้ คณะเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจสอบ ได้มีข้อแนะนําแนวทางป้องกันแก้ปัญหากลิ่นเหม็น ฝุ่นละออง และเสียงดัง โดยมีมาตรการเร่งด่วนให้ดําเนินการแล้วเสร็จภายใน 15 วัน คือ พิจารณาเติมสารเคมีกําจัดกลิ่นจากการผสมยางมะตอย แก้ปัญหาฝุ่นละออง มีการฉีดน้ําพรมบนถนนและตรวจสอบระบบถุงกรอง หากชํารุดให้เร่งซ่อมแซมและจัดหาถุงกรองสํารองพร้อมใช้ และปรับลดเวลาทํางานช่วงดึก สําหรับมาตรการระยะยาวภายใน 4 เดือน คือ ทําแผนป้องกันกลิ่นและฝุ่นละอองส่งให้เทศบาลฯ ทราบภายใน 1 เดือน ซึ่งแผนงานประกอบด้วยการติดตั้งระบบบําบัดกลิ่นจากการผสมยางมะตอย การปรับปรุงถนนเป็นถนนหินคอนกรีต ทําอาคารครอบยุ้งเทหิน และปลูกต้นไม้เป็นแนวทางด้านชุมชน ภายใน 3 เดือนหลังส่งแผน รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวย้ําว่า ขอให้เทศบาลนําข้อแนะนําดังกล่าวไปออกคําแนะนําของเจ้าพนักงานท้องถิ่น แล้วขอให้โรงงานยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และเทศบาลจะออกใบอนุญาตฯต่อเมื่อแก้ปัญหาเป็นที่ยุติ โดย สํานักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 9 อุดรธานี ได้นําโรงงานไปดูตัวอย่างระบบบําบัดกลิ่นที่โรงงานผลิตแอสฟัลต์ติกคอนกรีต หจก.เอส.เอ็ม.ซี.การโยธา สาขา ต.ปะโค อ.กุมภวาปี ซึ่งแก้ปัญหาเรื่องร้องเรียนเป็นที่ยุติแล้ว โดยมีแนวทางแก้ปัญหาป้องกันกลิ่นด้วยการเติมสารเคมีกําจัดกลิ่นในยางมะตอย และดูดรวบรวมกลิ่นจากหอผสมยางมะตอยไปเผาทําลายในเตาเผาหิน เพื่อไม่ให้กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนข้างเคียง
11/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111152949054
null
อธิบดีกรมการข้าว ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์วิจัยข้าวปัตตานี พร้อมมอบถุงยังชีพช่วยเหลือชาวนาที่ประสบน้ำท่วมจากฝนตกหนัก
นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์? อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์วิจัยข้าวปัตตานีเพื่อสร้างขวัญกําลังใจการทํางานและเดินทางไปมอบถุงยังชีพให้พี่น้องชาวนาผู้ประสบภัยน้ําท่วมในจังหวัดปัตตานีและจังหวัดสงขลาว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักติดต่อกันในภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดภาวะน้ําท่วมฉับพลันแก่แปลงนาและบ้านเรือนเกษตรกรหลายพื้นที่โดยเฉพาะใน อําเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี และอําเภอเทพา จังหวัดสงขลา โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความเป็นห่วงพี่น้องชาวนา จึงมอบหมายให้กรมการข้าวเร่งเข้าไปดูแลเยียวชาวนาในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยเร็ว สําหรับอําเภอโคกโพธิ์ ตําบลมะกรูด จังหวัดปัตตานีนั้น มีจํานวนครัวเรือนทั้งหมด 1,115 ครัวเรือน เกษตรผู้ทํานา 500 ครัวเรือน พื้นที่ 800 ไร่ ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ําท่วม จํานวน 500 ราย ในส่วนของจังหวัดสงขลา ที่อําเภอเทพา ตําบลท่าม่วง มีจํานวนครัวเรือน ทั้งหมด 3,229 ครัวเรือน เกษตรผู้ทํานา 1,000 ครัวเรือน พื้นที่ 1,413 ไร่ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ําท่วม จํานวน 1,000 ราย จึงได้มอบถุงยังชีพให้พี่น้องชาวนาผู้ประสบภัย โดยศูนย์วิจัยข้าวปัตตานีได้จัดเตรียมถุงยังชีพ จํานวน 2,000 ชุดเพื่อเตรียมมอบให้แก่ชาวนาผู้ประสบภัยน้ําท่วมในตําบลมะกรูด อําเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานีจํานวน 500 ชุด และตําบลท่าม่วง อําเภอเทพา จังหวัดสงขลา จํานวน 1,000 ชุด
11/1/2023
null
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111152041050
null
กรมส่งเสริมการเกษตร สนับสนุนเกษตรกรใช้พืชพันธุ์ดี พัฒนาคุณภาพ เพิ่มปริมาณให้เพียงพอกับความต้องการ
นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดํารง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ติดตามการดําเนินงานของศูนย์ขยายพันธุ์พืชที่ 10 จังหวัดอุดรธานี ซึ่งมีพื้นที่รับผิดชอบครอบคลุม 7 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี หนองบัวลําภู หนองคาย เลย สกลนคร นครพนม และจังหวัดบึงกาฬ พบว่าการเลือกใช้พืชพันธุ์ดีในการเพาะปลูก จะช่วยให้เกษตรกรสามารถลดปริมาณการใช้พันธุ์พืชต่อไร่ ช่วยลดต้นทุนของเกษตรกร รวมทั้งหากพันธุ์พืชมีความแข็งแรง ผลผลิตต่อไร่จะเพิ่มสูงขึ้น เกษตรกรก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น กรมส่งเสริมการเกษตร มีเป้าหมายให้เกษตรกร ได้มีพืชพันธุ์ดีใช้ในราคาที่เหมาะสมและมีปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร โดยได้มอบหมายภารกิจดังกล่าวให้แก่ศูนย์ขยายพันธุ์พืชทั้ง 10 ศูนย์ และการจัดการพืชพันธุ์ดี ผลิตพืชพันธุ์ดี ทั้ง 4 สายการผลิต ด้วยกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสม ให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน ตรงตามความต้องการของเกษตรกร เพื่อสนับสนุนงานส่งเสริมการเกษตร รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดเพื่อเป็นศูนย์กลางในการกระจายพืชพันธุ์ดี โดยปัจจุบันศูนย์ขยายพันธุ์พืช มีโรงเรือนอนุบาลพันธุ์พืช ที่สามารถรองรับการผลิตพืชพันธุ์ดีได้ถึง 3 ล้านต้น/ศูนย์/ปี รวมทุกแห่ง 30 ล้านต้น/ปี เพื่อใช้ในกิจกรรมที่แตกต่างกัน เป็นต้น
11/1/2023
null
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111151859047
null
จ.ศรีสะเกษ ประชุมคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยจังหวัด กำหนดแนวทางขับเคลื่อนโครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อนอย่างจริงจัง
นายสํารวย เกษกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยจังหวัด ครั้งที่ 1/2566 โดยมีนางสาวชนมณัฐ รอดบุญธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนปลัดจังหวัด นายกลม ชัยกันทะ ท้องถิ่นจังหวัด นายธานนท์ โสภิตชา ผอ.สํานักงาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด ผู้แทนนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้แทนหัวหน้าสํานักงานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และส่วนที่เกี่ยวข้องร่วม เพื่อขับเคลื่อนการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย การจัดการตามโครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อนกระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้เน้นย้ําการดําเนินการให้เกิดผล อย่างจริงจัง ทั้งนี้ในที่ประชุมได้กําหนดแนวทางปฏิบัติ อาทิเช่นให้อสม.ลงพื้นที่สํารวจรายงานข้อมูลการจัดทําถังขยะเปียกลดโลกร้อนและการทําผักสวนครัวไว้กินในครัวเรือน และดําเนินการบูรณาการร่วมกับท้องถิ่น ท้องที่ และการออกเทศบัญญัติ/ข้อบัญญัติ เรื่องการติดตั้งบ่อดักไขมันบําบัดน้ําเสียในอาคารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ศรีสะเกษ
สวท.ศรีสะเกษ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111185713184
null
ผู้ว่าฯยะลา ติดตามการฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำในพื้นที่จังหวัดยะลา บึงบาโด หมู่ที่ 3 บ้านบาโด ตำบลยุโป อำเภอเมืองยะลา
วันนี้ (11 ม.ค. 66) 13.30 น.ที่ห้องประชุมศรียะลา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดยะลา นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนา ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาแหล่งน้ําในพื้นที่จังหวัดยะลาประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ครั้งที่ 1/2566 โดยมี ส่วนราชการ ภาคเอกชน จิตอาสา และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมตามที่กระทรวงมหาดไทย มีข้อสั่งการให้จังหวัดดําเนินกิจกรรมพัฒนา ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาแหล่งน้ําอย่างต่อเนื่อง ให้รณรงค์และสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้กับแหล่งน้ํา มีความรัก ความหวงแหนและมีจิตอาสาในการดูแลรักษาแหล่งน้ําให้มีความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย และสวยงามอย่างยั่งยืน และให้เตรียมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา 28 กรกฎาคม 2566 ภายใต้กิจกรรมพัฒนา ฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาแหล่งน้ํา โดยจัดหาแหล่งน้ํา เพื่อดําเนินกิจกรรมแห่งใหม่ในพื้นที่จังหวัดเพิ่มเติมจํานวน 1 แห่ง เพื่อเป็นการทําความดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 จังหวัดยะลาได้ดําเนินกิจกรรมพัฒนาและฟื้นฟูคลองบาโงปาโฮะ หมู่ที่ 2 บ้านโต๊ะปาเต๊ะ ตําบลวังพญา อําเภอรามัน จังหวัดยะลา ซึ่งดําเนินงานเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วสําหรับในปีงบประมาณ ปี พ.ศ. 2566 จังหวัดจะต้องหาแหล่งน้ํา เพื่อดําเนินกิจกรรมแห่งใหม่ในพื้นที่จังหวัดเพิ่มเติม จํานวน 1 แห่ง เพื่อเป็นการทําความดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา 28 กรกฎาคม 2566 สําหรับแหล่งน้ําที่จังหวัดจะพัฒนาฟื้นฟูและแก้ไขปัญหา คือ บึงบาโด หมู่ที่ 3 บ้านบาโด ตําบลยุโป อําเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นแหล่งน้ําธรรมชาติของพื้นที่ตําบลยุโปมีพื้นที่ 30 ไร่ โดยรอบเป็นพื้นที่สวนผลไม้ เช่น ทุเรียน มังคุด และพื้นที่ปลูกข้าวโพดหวานที่ขึ้นชื่อของจังหวัดยะลาอีกพื้นที่หนึ่ง สภาพบึงบาโดควรได้รับการพัฒนาเป็น Land Markแห่งใหม่ของจังหวัดยะลา เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในชุมชนเป็นปอดแห่งใหม่ของเมืองยะลา ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร และเกิดความยั่งยืน เชื่อมโยงชุมชนและท้องถิ่น และเป็นการปรับปรุงพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานพื้นที่นันทนาการ เพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชนเมืองในอนาคต#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111174000120
null
เกษตรอำเภอเมืองตรัง จัดกระบวนการเรียนรู้ด้านการจัดการดิน และปุ๋ย แก่สมาชิกศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน(ศดปช.)
วันนี้ ( 11 มกราคม 2566) นางนิตยา จันทร์ประทีป เกษตรอําเภอเมืองตรัง มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่ สํานักงานเกษตรอําเภอเมืองตรัง ดําเนินการโครงการ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรม ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการจัดการดินและปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิต กิจกรรมย่อย จัดกระบวนการเรียนรู้ด้านการจัดการดิน และปุ๋ย แก่สมาชิกศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน(ศดปช.) ในเรื่องการขับเคลื่อนการดําเนินงานศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน การเก็บตัวอย่างดินที่ถูกต้องและการวิเคราะห์ดิน การใช้ปุ๋ยเพื่อลดต้นทุนการผลิต (การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี) การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ณ ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน หมู่ที่ 9 ตําบลบ้านโพธิ์ อําเภอเมืองตรัง จังหวัดตรังสําหรับศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชน (ศจช.) จัดตั้งขึ้นจากการรวมกลุ่มของเกษตรกรเพื่อการจัดการศัตรูพืชในพื้นที่ของตนเองและชุมชน โดยสมาชิกศูนย์จัดการศัตรูพืชชุมชนได้รับการถ่ายทอดความรู้จากเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร และนําความรู้ไปดําเนินการจัดการศัตรูพืชด้วยตนเอง ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรใช้ ศจช. เป็นกลไกและเครือข่ายของการจัดการศัตรูพืช ในการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรจากการระบาดของศัตรูพืชและเป็นศูนย์กลางการพัฒนาเกษตรกร ชุมชน และท้องถิ่น โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (participatory learning) ตามกระบวนการโรงเรียนเกษตรกร(Farmer Field School : FFS) เพื่อให้สามารถจัดการศัตรูพืชได้ด้วยตนเองอย่างครบวงจรและยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีการควบคุมศัตรูพืชที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งจะนําไปสู่ความเข้มแข็งในอาชีพเกษตรกรรม และรักษาสมดุลของระบบนิเวศทางการเกษตร พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของเกษตรกรให้ดีขึ้นโดยมีเกษตรกร ชุมชน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องร่วมดําเนินการ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคใต้
ตรัง
สวท.ตรัง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111175000121
null
ททท.ร่วม จ.ตราด กลุ่ม Trash Hero Koh Mak และ อบต.เกาะหมาก จัดกิจกรรมเก็บขยะทะเลเพื่อฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว เกาะนกนอก เกาะขายหัวเราะ
(11 ม.ค. 66) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภูมิภาคตะวันออก ร่วมกับจังหวัดตราด กลุ่ม Trash Hero Koh Mak และ อบต.เกาะหมาก ร่วมกันจัดกิจกรรม CSR เก็บขยะทะเลเพื่อฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์ เกาะนกนอก เกาะขายหัวเราะ โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวหมู่เกาะและทะเลภาคตะวันออก ซึ่งประกอบด้วย หน่วยงานภาครัฐ ททท.สํานักงานตราด พัทยา ระยอง และจันทบุรี ตลอดจนสื่อมวลชนเข้าร่วมกิจกรรม โดยได้ร่วมกันเก็บขยะจากทะเลบริเวณโดยรอบเกาะนกนอก เกาะขายหัวเราะ ในพื้นที่ตําบลเกาะหมาก อําเภอเกาะกูด จังหวัดตราด สําหรับการจัดกิจกรรมเก็บขยะทะเลเพื่อฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์ในครั้งนี้ เพื่อเป็นการร่วมสร้างจิตสํานึกในการดูแลรักษสิ่งแวดล้อม ของแหล่งท่องเที่ยวให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อคืนความสะอาด สวยงามให้กับชายหาดและหมู่เกาะทะเลตราดแห่งนี้ โดยการเก็บขยะทะเลในครั้งนี้มีการคัดแยกขยะ ที่เก็บได้เป็นชนิดต่าง ๆ เพื่อง่ายต่อการนําไปกําจัด ทั้งนี้ขยะทะเลที่เก็บได้ในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นขยะประเภท โฟม ถุงพลาสติก ขวดพลาสติก ขวดแก้ว เศษอวน ยางรถจักรยานยนต์ เชือก รวมทั้งถังก๊าซ โดยนําขยะทะเลครั้งนี้ส่งมอบให้กับ อบต.เกาะหมากไปกําจัดอย่างถูกวิธีต่อไป อย่างไรก็ตามนอกจาการจัดกิจกรรมเก็บขยะทะเลเพื่อฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์แล้ว คณะอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ยังได้นําผู้เข้าร่วมกิจกรรม ร่วมกันปลูกปะการังเขากวาง เพื่อเป็นการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลให้กับเกาะหมากอีกด้วย #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111170652106
null
สอศ.ตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV station ส่งเสริมใช้ยานยนต์พลังงานสะอาด รองรับสัญจรเส้นทางภาคอีสานสู่ภาคตะวันออกในพื้นที่ EEC
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นประธานพิธีเปิดป้ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) EV station และอาคารหอประชุมบารมี ณ วิทยาลัยเทคนิคพนมสารคาม กล่าวว่า สํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ให้ความสําคัญในการผลักดันประเทศ รองรับความต้องการของผู้บริโภคและส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานสะอาดในประเทศไทย จึงจัดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV station ขึ้นร่วมกับภาคีเครือข่าย ในการลดมลพิษทางอากาศ และให้ความสําคัญในการใช้พลังงานหมุนเวียน ตามนโยบาย Big Rock ของรัฐบาลแผนขับเคลื่อนกิจกรรมปฏิรูป สนองนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมเดิม First S - Curve ในหัวข้อยานยนต์สมัยใหม่ เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมยานยนต์สมัยใหม่ พร้อมผลิตกําลังคนสมรรถนะสูงด้านยานยนต์ไฟฟ้า ส่งเสริม สนับสนุน และยกระดับผู้เรียนให้เกิดทักษะที่ตรงตามความต้องการ เพื่อเตรียมกําลังคนให้พร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ รองรับการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น 300 % โดยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV station ร่วมกับภาคีเครือข่าย เป็น 2 สถานีชาร์จ หัวชาร์จระบบ DC และ AC ตามมาตรฐาน ขนาดชาร์จ 50 กิโลวัตต์ จัดตั้งขึ้น ณ วิทยาลัยเทคนิคพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา รองรับการสัญจรของประชาชนตามเส้นทางหลวงหมายเลข 331 และหมายเลข 304 เส้นทางภาคอีสานสู่ภาคตะวันออกในเขตพื้นที่ EECวิทยาลัยเทคนิคพนมสารคาม เป็นหนึ่งในสถานศึกษาในสังกัด สอศ. นําร่องด้านรถไฟฟ้ายานยนต์สมัยใหม่ 51 แห่งทั่วประเทศ โดยสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV station พร้อมเปิดให้ประชาชน ชุมชน และท้องถิ่น อย่างเต็มรูปแบบ 24 ชั่วโมง และบริการฟรี 10 กิโลวัตต์แรก ยังมีร้าน Phanom cafe cup ซึ่งเป็นศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการของนักเรียน นักศึกษา ให้บริการเครื่องดื่ม และเบเกอรี่ นับเป็นภาพลักษณ์อาชีวศึกษา ด้านการบริการประชาชน และเพิ่มปริมาณผู้เรียนอาชีวศึกษา ภายใต้โครงการอาชีวะ ช่วยประชาชน (Fix it Center)
11/1/2023
null
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111204108221
null
สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก มีปริมาณน้ำที่สามารถนำมาใช้ได้ คิดเป็นร้อยละ 87.91
นายสถิต โพธิ์ดี รองผู้อํานวยการสํานักงานชลประทานที่ 2 เปิดเผย สถานการณ์น้ําในเขตจังหวัดลําปาง ประจําวันที่ 11 ม.ค. 66 อ่างเก็บน้ําขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมทั้งหมด 136 แห่ง มีความจุระดับเก็บกักรวม 487.871 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 455.742 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 93.41ของความจุอ่างเก็บน้ํารวมกันทั้งหมด เป็นปริมาณน้ําที่สามารถนํามาใช้การได้จํานวนทั้งสิ้น 428.903 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 87.91 ของความจุรวมกันทั้งหมดเขื่อนกิ่วลม มีความจุระดับเก็บกักรวม 106.220 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 93.569 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 88.09 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 89.569 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 84.32 เขื่อนกิ่วคอหมา มีความจุระดับเก็บกักรวม 170.288 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 185.477 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 108.92 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 179.477 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 105.40 ปริมาณน้ําในอ่างเก็บน้ําขนาดกลาง 30 แห่ง มีความจุระดับเก็บกักรวม 152.623 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 126.573 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 82.93 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 112.434 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 73.67 ปริมาณน้ําในอ่างเก็บน้ําขนาดเล็กพระราชดําริ 54 แห่ง มีความจุระดับเก็บกักรวม 33.649 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 30.329 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 90.13 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 28.929 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 85.97 ปริมาณน้ําในอ่างเก็บน้ําขนาดเล็ก (ถ่ายโอนให้ อปท.) 50 แห่ง มีความจุระดับเก็บกักรวม 25.091 ล้านลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันมีปริมาณน้ํา 19.794 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 78.89 ของความจุอ่างเก็บน้ํา มีปริมาณน้ําที่สามารถใช้การได้ 18.494 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 73.71โครงการชลประทานลําปาง สํานักงานชลประทานที่ 2 ได้ติดตาม วิเคราะห์ แนวโน้มสถานการณ์และ สั่งการโดยศูนย์ปฏิบัติการน้ําอัจฉริยะ (SWOC) และเตรียมความพร้อมมาตรการและแนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในพื้นที่ ประกอบด้วย รถบรรทุกน้ํา 6 คัน เครื่องสูบน้ํา 37 เครื่อง รถบรรทุกติดเครน ขนาด 3-5 ตัน 5 คัน รถบรรทุก 6 ตัน 4 คัน รถบรรทุกเทท้าย 10 คัน และรถขุด 4 คัน ทั้งนี้ ประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติสามารถขอความช่วยเหลือทางหมายเลขสายด่วน 1460 #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคเหนือ
ลำปาง
สวท.ลำปาง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111183225156
null
เกษตรจังหวัดสุรินทร์ นำเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์และการส่งเสริมการปลูกพืชภัยแล้ง อำเภอชุมพลบุรี และอำเภอรัตบุรี
วันนี้ (11 ม.ค.66) นายวันชัย ประยงค์หอม เกษตรจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรจังหวัดสุรินทร์ ติดตามสถานการณ์และการส่งเสริมการปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2565/66 ณ อําเภอชุมพลบุรี โดยมีนางนงเยาว์ สิงห์ลอ เกษตรอําเภอชุมพลบุรี และเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอชุมพลบุรี เป็นผู้นําการตรวจติดตามพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งข้อมูลการเพาะปลูก ณ วันที่ 11 มกราคม 2566 ประกอบด้วย ข้าวนาปรัง แตงโม ถั่วพร้า ปอเทือง ข้าวโพด ผัก ถั่วเขียว พริก มันสําปะหลัง พื้นที่ทั้งหมด 12,354 ไร่นอกจากนี้ เกษตรจังหวัดสุรินทร์ พร้อมคณะได้ติดตามสถานการณ์และการส่งเสริมการปลูกพืชภัยแล้ง ปี 2565/66 ณ อําเภอรัตนบุรี โดยมีนางสกาวรัตน์ ทัดศร เกษตรอําเภอรัตนบุรี และเจ้าหน้าที่สํานักงานเกษตรอําเภอรัตนบุรี เป็นผู้นําการตรวจติดตามพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งข้อมูลการเพาะปลูก ณ วันที่ 11 มกราคม 2566 ประกอบด้วย ข้าวนาปรัง ถั่วลิสง ข้าวโพดหวาน และแตงโมเนื้อ พื้นที่ทั้งหมด 10,055 ไร่#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สวท.สุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111175734129
null
เกษตรจังหวัดนครพนม เตรียมจัดการประกวดกิจกรรมส่งเสริมการเกษตรระดับจังหวัด ประจำปี 2566 เฟ้นหาเกษตรกร กลุ่มเกษตรกรดีเด่น 7 สาขาของนครพนม
วันที่ 11 มกราคม 2566 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมศูนย์สารสนเทศยางพารานครพนม สํานักงานเกษตรจังหวัดนครพนม นายวีรพงศ์ วรรณลา หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร เป็นประธานการประชุมคณคณะกรรมการ เพื่อคัดเลือกเกษตรกร บุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่นระดับจังหวัด ประจําปี 2566 จํานวน 7 สาขา เพื่อเป็นการยกย่องและเชิดชู เผยแพร่ผลงานของกลุ่มเกษตรกรให้เป็นที่รู้จักและเป็นพื้นที่สําหรับการเรียนรู้และศึกษาดูงานจริงในแต่ละพื้นที่ตามที่กรมส่งเสริมการเกษตรได้กําหนดให้มีการจัดประกวดกิจกรรมส่งเสริมการเกษตรดีเด่น ประจําปี 2566 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร องค์กรด้านการเกษตรที่มีผลงานดีเด่นให้ได้รับการยกย่องเผยแพร่เกียรติคุณ และประชาสัมพันธ์ผลงานดีเด่นของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรที่เป็นต้นแบบที่ดีให้กับเกษตรกรและประชาชนทั่วไปได้นําไปเป็นแบบอย่างในการประกอบอาชีพด้านการเกษตร โดยในปี 2566 ได้มีการกําหนดการประกวด จํานวน 7 สาขา/ประเภท ประกอบด้วย เกษตรกรดีเด่นและบุคคลทางการเกษตรดีเด่น 5 สาขาอาชีพ ได้แก่ สาขาอาชีพทําสวน สาขาอาชีพทําไร่ สาขาอาชีพไร่นาสวนผสม ที่ปรึกษากลุ่มยุวเกษตรกร และสมาชิกกลุ่มยุวเกษตรกร สถาบันเกษตรกรดีเด่น 2 ประเภท ได้แก่ กลุ่มยุวเกษตรกรและกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร โดยผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นอันดับที่ 1 ในแต่ละประเภทจะได้รับการพิจารณาเสนอผลงานเพื่อพิจารณาเป็นเกษตรกร บุคคลทางการเกษตร และสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ และสําหรับเกษตรกรที่ได้รับรางวัลชนะการประกวดอันดับที่ 1 ระดับประเทศ จะได้เข้ารับพระราชทานโล่รางวัลในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ในปี 2567 ต่อไป นายวีรพงศ์ วรรณลา หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร กล่าวว่า สําหรับในขั้นตอนนี้ทางคณะกรรมการได้จัดทําแผนการลงพื้นที่สําหรับการคัดเลือกในแต่ละกิจกรรมที่เกษตรกรในแต่ละพื้นที่อําเภอสมัครเข้ามา โดยได้มีการเปิดรับสมัครเกษตรกรที่สนใจและมีคุณสมบัติในแต่ละพื้นที่ เพื่อส่งผลงานและข้อมูลในการพิจารณาคัดเลือก โดยหลังจากนี้ทางคณะทํางานก็จะมีการจัดทําแผนในการลงพื้นที่ไปดําเนินการคัดเลือกตามกรอบและคุณสมบัติในแต่ละประเภทที่แตกต่างๆ กัน โดยจะดําเนินการคัดเลือกให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2566 และจะประกาศผลอย่างเป็นทางการ โดยสามารถติดตามผลประกวด ได้ที่ เพจ facebook “รู้เรื่องเกษตรนครพนม” #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครพนม
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111201545214
null
เกษตรโคราช ขับเคลื่อน BCG ส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าจากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ลดการเผา ลด PM2.5
วันที่ 11 มกราคม 2566 นายนิธิพัฒน์ ขอดทอง นายอําเภอคง เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมสาธิตการบริหารจัดการเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อทดแทนการเผา โครงการส่งเสริมการหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร ปี 2566 โดยนายสุรพล ชมภู หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต รักษาราชการแทนเกษตรจังหวัดนครราชสีมา มอบหมายให้นางวรารัตน์ ปราสาทหินพิมาย และนายวุฒิพงศ์ ตั้งถิรวาณิชย์ เจ้าหน้าที่กลุ่มอารักขาพืช สํานักงานเกษตรจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับ สํานักงานเกษตรอําเภอคง และนายศักดิ์ดา ปักการะถาม Young Smart Farmer อําเภอคง จัดกิจกรรมสาธิตในครั้งนี้ขึ้น ณ ที่ทําการวิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรหนองสมอ หมู่ 14 ตําบลเมืองคง อําเภอเมืองคง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่การเกษตรอย่างยั่งยืน โดยการใช้วิทยาศาสตร์ นวัตกรรมและเทคโนโลยีการจัดการเศษวัสดุการเกษตรทดแทนการเผาที่เหมาะสมกับท้องถิ่น สอดคล้องกับ BCG Model ด้วยการถ่ายทอดและฝึกปฏิบัติ “การทําเห็ดฟางกองเตี้ย” “การทําน้ําหมักจุลินทรีย์หน่อกล้วย” และ “การทําปุ๋ยหมัก” ตามแนวทางการรณรงค์ส่งเสริมการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์จากวัสดุทางการเกษตร ของกรมส่งเสริมการเกษตรโอกาสนี้ นายอําเภอคง ได้ร่วมกิจกรรมการฝึกปฏิบัติ กับผู้นําชุมชน จํานวน 20 ราย เพื่อเป็นแกนนําในการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ ด้านการจัดการเศษวัสดุการเกษตร เพื่อทดแทนการเผาในชุมชนต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
11/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สวท.นครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230111231531241
null