NewsTitle
stringlengths 11
31.5k
⌀ | Detail
stringlengths 9
78.4k
⌀ | NewsDate
stringlengths 3
5.77k
⌀ | Region
stringclasses 48
values | Province
stringclasses 99
values | Department
stringclasses 211
values | Link_News
stringlengths 3
903
⌀ | v
stringclasses 812
values |
---|---|---|---|---|---|---|---|
สำนักงานสหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ เชิญชวนประชาชนเลือกซื้อสินค้าสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มอาชีพ ห้วงจัดงานวันสหกรณ์แห่งชาติ ประจำปี 2566
|
สํานักงานสหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดพื้นที่บริเวณด้านหน้าสํานักงาน ถนนจิระ อําเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้เครือข่ายสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มอาชาชีพ ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้นําสินค้าสดใหม่ ไปจัดแสดงและจําหน่ายตรงสู่ผู้บริโภคในระหว่างวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2566 เช่น ข้าวสารหอมมะลิ ข้าวเหนียว ข้าวไรเบอรี่ ข้าวกล้อง กาแฟ น้ําผึ้ง ผักสด ผลไม้ กล้วยลําไย ขนุน ปลาส้ม ปลาทูมัน เครื่องจักสาน ผลิตภัณฑ์จากไม้ ผ้าไหม ผ้าตีนแดง หอมแดง และอื่นๆ อีกจํานวนมากนางวิไล ยูฮันเซ่น สหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันสหกรณ์แห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรีเป็นวันสําคัญที่ชาวสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร จะได้น้อมรําลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระราชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย ที่ทรงริเริ่มทดลองจัดตั้งสหกรณ์วัดจันทร์ ไม่จํากัดสินใช้ขึ้น เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2459 และทรงส่งเสริมให้มีการแพร่ขยายอุดมการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ยังประโยชน์ให้เกษตรกรและสมาชิกสหกรณ์ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อเป็นการน้อมรําลึกถึงพระกรุณาธิคุณ และเพื่อให้สมาชิกสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรได้ตระหนักถึงความสําคัญของการสหกรณ์ อันนํามาซึ่งความรู้รักสามัคคีและความเป็นหนึ่งเดียวของขบวนการสหกรณ์ไทย ตลอดจนเป็นการส่งเสริมเผยแพร่ระบบสหกรณ์ให้แพร่หลายยิ่งขึ้น จึงเปิดพื้นที่บริเวณด้านหน้าสํานักงานสหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ ให้เครือข่ายสหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และกลุ่มอาชีพได้นําสินค้าไปจัดแสดงและจําหน่าย จึงขอเชิญชวนประชาชนไปเยี่ยมชมและเลือกซื้อสินค้าสหกรณ์ตั้งแต่วันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2566#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
22/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
บุรีรัมย์
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230222164205597
| null |
พาณิชย์สตูล Kick Off โครงการ พาณิชย์…ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดสตูล จัดจำหน่ายสินค้าบริโภค อุปโภค สินค้าจำเป็นต่อการครองชีพในราคาประหยัด พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจแก่ประชาชนในพื้นที่
|
วันนี้ ( 22 ก.พ. 66 ) ที่อาคารเอนกประสงค์เทศบาลตําบลฉลุง อําเภอเมือง จังหวัดสตูล นายชูชีพ ธรรมเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ พาณิชย์...ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดสตูล จัดจําหน่ายสินค้าบริโภค อุปโภค สินค้าจําเป็นต่อการครองชีพในราคาประหยัด พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจแก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสตูล โดยมี นางสายช่อ อังศุพานิช พาณิชย์จังหวัดสตูล พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจํานวนมาก ในโอกาสนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลได้ร่วมเยี่ยมชมและให้กําลังใจแก่บูธแสดงสินค้าภายในงานอีกด้วยนางสายช่อ อังศุพานิช พาณิชย์จังหวัดสตูล กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยสํานักงานพาณิชย์จังหวัดสตูล จัดโครงการ พาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย ในส่วนภูมิภาคจังหวัดสตูล ครั้งที่ 1 มีสินค้าอุปโภค บริโภคที่จําเป็นต่อการครองชีพของประชาชน จากผู้ผลิต ผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่ง และตัวแทนจําหน่าย ในราคาสุดพิเศษ อาทิ อาหารสด อาหารแปรรูป ข้าวสาร ซอสปรุงรส สินค้าชําระร่างกาย ผลิตภัณฑ์ซักล้าง ของใช้ประจําวัน เครื่องแต่งกาย เครื่องครัว สินค้าชุมชน จากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ รวมทั้งมีกิจกรรมส่งเสริมการขายลดราคาพิเศษกว่าท้องตลาด อาทิ ไข่ไก่ แผงละ 90 บาท , หมูเนื้อแดง กิโลกรัมละ 130 บาท , เนื้อไก่น่องติดสะโพก กิโลกรัมละ 60 บาท , น้ําตาลทราย กิโลกรัมละ 18 บาท , น้ํามันพืช 1 ลิตร ขวดละ 40 บาท , ข้าวหอมมะลิ 5 กิโลกรัม ถุงละ 110 บาท , ข้าวขาว ถุงละ 80 บาท และกิจกรรมช๊อปสินค้านาทีทองด้วยสําหรับกิจกรรมดังกล่าว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เพิ่มช่องทางการจําหน่ายสินค้าแก่ผู้ประกอบการ โดยมีระยะเวลาการจําหน่ายสินค้าในราคาประหยัด ในครั้งที่ 1 วันที่ 22 - 24 กุมภาพันธ์ 2566 ในพื้นที่ ตําบลฉลุง อําเภอเมือง จังหวัดสตูล, ครั้งที่ 2 วันที่ 8 - 10 มีนาคม ในพื้นที่ อําเภอควนโดน จังหวัดสตูลและครั้งที่ 3 วันที่ 19-21 มีนาคม 2566 ในพื้นที่ อําเภอละงู จังหวัดสตูล อีกด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
22/2/2023
|
ภาคใต้
|
สตูล
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสตูล
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230222163552590
| null |
การรถไฟแห่งประเทศไทย เร่งดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ช่วงกทม. - นครราชสีมา ให้เสร็จตามแผนเปิดให้บริการภายในปี 2570
|
นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทางรวม 250.77 กิโลเมตร จุดเริ่มต้นจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ถึงสถานีปลายทางนครราชสีมา ว่า กระทรวงคมนาคม ได้เร่งรัดให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย ติดตามการก่อสร้าง รวมถึงแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ตามแผนงานที่วางไว้ภายในปี 2570 โดยข้อมูล ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2566 งานโยธา 14 สัญญา ที่เริ่มก่อสร้างไปตั้งแต่เมื่อปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ดําเนินการก่อสร้างเสร็จสิ้นแล้ว 1 สัญญา สัญญา คือ ช่วงกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กม.อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 10 สัญญา และยังไม่ลงนาม 3 สัญญา ได้แก่ 1.ช่วงแก่งคอย-กลางดง และปางอโศก-บันไดม้า ระยะทาง 30.21 กม. 2.ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.21 กม. และ 3.ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.30 กม. นอกจากการรถไฟฯ ยังได้เร่งรัดการดําเนินงานเวนคืนที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีสัญญาที่ได้รับผลกระทบจํานวน 11 สัญญา จากทั้งหมด 14 สัญญา ล่าสุดราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน เพื่อดําเนินการก่อสร้างโครงการฯ ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป มีกําหนดระยะเวลา 4 ปี โดยขณะนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่เริ่มต้นเข้าสํารวจที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่ภายในแนวเขตที่ดินที่จะเวนคืนรวมถึงพื้นที่ส่วนราชการ ส่วนการพิจารณาย้ายสถานีรถไฟพระนครศรีอยุธยา คาดว่าจะศึกษาแล้วเสร็จภายในวันที่ 24 เมษายน 2566 อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การรถไฟฯ มีความมุ่งมั่นดําเนินงาน และเร่งพัฒนาโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ให้แล้วเสร็จและเปิดให้บริการทันตามกําหนดปี 2570 หากก่อสร้างแล้วเสร็จจะใช้เวลาเดินทางจากสถานีต้นทาง สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ถึงสถานีปลายทาง นครราชสีมา เพียง 90 นาที
|
22/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230222172022620
| null |
กระทรวงคมนาคม ดันโครงการก่อสร้างพิเศษด่วนพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก แล้วเสร็จเปิดให้บริการในปี 2568
|
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีเทคอนกรีตจุดเชื่อมต่อสะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 (Final Casting Ceremony) โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ว่า ได้เน้นย้ําให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดําเนินการ การก่อสร้างทุกโครงการต้องคํานึงถึงมาตรฐานความปลอดภัย และประชาชนต้องได้รับความสะดวกระหว่างการก่อสร้าง ควบคู่การสร้างการรับรู้ให้ประชาชนรับทราบถึงประโยชน์ของโครงการในด้านต่าง ๆ ซึ่งเมื่อโครงการแล้วเสร็จจะเป็นส่วนช่วยส่งเสริมโครงข่ายทางพิเศษของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่เปิดให้บริการแล้วระยะทาง 225 กิโลเมตรสําหรับโครงการก่อสร้างทางพิเศษสายพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ระยะทางรวม 18.7 กิโลเมตร เป็นทางยกระดับ 6 ช่องจราจร และ 8 ช่องจราจร บริเวณสะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 โดยผลการศึกษาความเหมาะสมของโครงการพบว่า เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะสามารถรองรับปริมาณการจราจรได้วันละประมาณ 150,000 คันต่อวัน รองรับการเดินทางระหว่างพื้นที่ชั้นนอกและชั้นในของกรุงเทพมหานคร การเดินทางจากฝั่งตะวันออกไปยังฝั่งตะวันตก และการมุ่งสู่ภาคใต้ของประเทศไทยได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ล่าสุด มีความก้าวหน้าประมาณร้อยละ 46.21 เร็วกว่าแผนงาน เมื่องานโครงสร้างของสะพานขึงแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2566 กทพ. มีแผนการเปิดให้บริการบางส่วน ช่วงบริเวณสะพานคู่ขนานสะพานพระราม 9 ถึงบริเวณด่านสุขสวัสดิ์ ภายในปี 2567 ก่อนที่จะเปิดให้บริการทั้งโครงการอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2568
|
22/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230222201836683
| null |
ปตท. และบางจาก ปรับราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 30 สตางค์ต่อลิตร มีผลตั้งแต่ 05.00 น. พรุ่งนี้
|
บริษัท ปตท. น้ํามันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) และ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด แจ้งว่า ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป ประกาศปรับราคาขายปลีกน้ํามันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดขึ้น 30 สตางค์ต่อลิตร ส่วนกลุ่มดีเซลคงเดิม ส่งผลให้ราคาขายปลีก น้ํามันหน้าสถานีบริการในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นดังนี้ น้ํามันเบนซิน ราคาอยู่ที่ 44.16 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 36.35 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 36.08 บาทต่อลิตร และโซฮอล์ E20 ราคา 34.04 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ E85 ราคา 34.49 บาทต่อลิตร พรีเมี่ยมแก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 43.14 ส่วนราคาดีเซลไฮพรีเมียม ดีเซล B7 ราคา อยู่ที่ 43.06 บาทต่อลิตร ขณะที่กลุ่มไฮดีเซล B7 ไฮดีเซล S และไฮดีเซล B20 S ราคา 33.94 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ราคาดังกล่าวยังไม่รวมภาษีบํารุงแต่ละท้องที่
|
22/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
นนทบุรี
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230222200251672
| null |
พาณิชย์จังหวัดตรัง จัดโครงการพาณิชย์ ลดราคาออนทัวร์ ทั่วไทย Lot 21 จังหวัดตรัง ครั้งที่ 1
|
วันนี้ (22 ก.พ.66) นายจักรพงษ์ รัชนีกุล นายอําเภอเมืองตรัง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพาณิชย์ ลดราคาออนทัวร์ ทั่วไทย Lot 21 จังหวัดตรัง ครั้งที่ 1 ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง (หลังเก่า) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการร้านค้าร่วมงาน ภายในงานมีการนําสินค้าราคาถูก ผลิตภัณฑ์จากชุมชน อาหารพร้อมทาน สินค้าอุปโภคบริโภคมาจําหน่าย โดยเฉพาะไข่ไก่ น้ํามันพืช น้ําตาลทราย ลดราคาถูกกว่าท้องตลาดกว่า 40% โดยมี นางสาวสุภากิตติ์ เกลี้ยงสงค์ หัวหน้าสํานักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง กล่าวรายงานเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และมีการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้เศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัวได้ รัฐบาลได้มีนโยบายในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน เพิ่มช่องทางการจําหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการและเกษตรกร กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าได้จัดสรรงบประมาณให้สํานักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง จัดจําหน่ายสินค้าที่จําเป็นต่อการครองชีพ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ ข้าวสาร น้ํามันพืช น้ําตาลทราย ในราคาถูกเป็นพิเศษ และยังเพิ่มช่องทางการจําหน่ายสินค้าให้แก่เกษตรกร กลุ่มเกษตร วิสาหกิจชุมชน SMEs กว่า 100 บูธ ซึ่งจังหวัดตรังได้กําหนดจัด 4 ครั้ง ดังนี้ ครั้งที่ 1 วันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2566 ณ หน้าศาลากลางจังหวัดตรัง (หลังเก่า) อําเภอเมืองตรัง ครั้งที่ 2 วันที่ 1-3 มีนาคม 2566 ณ สนามกีฬาศูนย์ราชการอําเภอย่านตาขาว อําเภอย่านตาขาว ครั้งที่ 3 วันที่ 10-12 มีนาคม 2566 ณ วัดเขาพระวิเศษ อําเภอวังวิเศษ และครั้งที่ 4 วันที่ 17-19 มีนาคม 2566 ณ บริเวณลานเฉลิมพระเกียรติท่าแพขนานยนต์ อําเภอกันตัง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
22/2/2023
|
ภาคใต้
|
ตรัง
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตรัง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230222180829633
| null |
จังหวัดตรัง จัดโครงการพาณิชย์ ลดราคาออนทัวร์ทั่วไทย Lot 21 จังหวัดตรัง ครั้งที่ 1 บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง อำเภอเมืองตรัง
|
วันนี้ (22 ก.พ.66) นายจักรพงษ์ รัชนีกุล นายอําเภอเมืองตรัง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพาณิชย์ ลดราคาออนทัวร์ ทั่วไทย Lot 21 จังหวัดตรัง ครั้งที่ 1 ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง (หลังเก่า) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการร้านค้า ร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยมี นางสาวสุภากิตติ์ เกลี้ยงสงค์ หัวหน้าสํานักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง กล่าวรายงานภายในงานมีการนําสินค้าราคาถูก ผลิตภัณฑ์จากชุมชน อาหารพร้อมทาน สินค้าอุปโภคบริโภคมาจําหน่าย โดยเฉพาะไข่ไก่ น้ํามันพืช น้ําตาลทราย ลดราคาถูกกว่าท้องตลาด กว่า 40% ทั้งนี้สืบเนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัวได้ รัฐบาลได้มีนโยบายในการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน เพิ่มช่องทางการจําหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการและเกษตรกร กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าได้จัดสรรงบประมาณให้สํานักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง จัดจําหน่ายสินค้าที่จําเป็นต่อการครองชีพ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ ข้าวสาร น้ํามันพืช น้ําตาลทราย ในราคาถูกเป็นพิเศษ และยังเพิ่มช่องทางการจําหน่ายสินค้าให้แก่เกษตรกร กลุ่มเกษตร วิสาหกิจชุมชน SMEs กว่า 100 บูธ จังหวัดตรังได้กําหนดจัด 4 ครั้ง ดังนี้ ครั้งที่ 1 วันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2566 ณ หน้าศาลากลางจังหวัดตรัง (หลังเก่า) อําเภอเมืองตรัง ครั้งที่ 2 วันที่ 1-3 มีนาคม 2566 ณ สนามกีฬาศูนย์ราชการอําเภอย่านตาขาว อําเภอย่านตาขาว ครั้งที่ 3 วันที่ 10-12 มีนาคม 2566 ณ วัดเขาพระวิเศษ อําเภอวังวิเศษ และครั้งที่ 4 วันที่ 17-19 มีนาคม 2566 ณ บริเวณลานเฉลิมพระเกียรติท่าแพขนานยนต์ อําเภอกันตัง สํานักงานพาณิชย์จังหวัดตรัง จึงขอเชิญชวนประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว เลือกซื้อสินค้าราคาประหยัดจากโครงการ “พาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ทั่วไทย Lot 21” จังหวัดตรัง ซึ่งมั่นใจว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
22/2/2023
|
ภาคใต้
|
ตรัง
|
สวท.ตรัง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230222184432645
| null |
ไทวัสดุ ปลุกกำลังซื้องานก่อสร้าง-อสังหาโคราช ผุดสาขาใหม่ "ไทวัสดุ โคราชสาขา หัวทะเล"
|
วันนี้ (22 ก.พ.66) เวลา 10.30 น. นายภูมิสิทธิ์ วังคีรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีเปิดไทวัสดุ สาขาโคราช (หัวทะเล) โดยมี นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ เป็นประธานร่วม ณ ไทวัสดุ สาขาโคราช (หัวทะเล) อําเภอเมืองนครราชสีมาไทวัสดุ ผู้นําธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้ บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จํากัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เดินหน้ารุกต่อเนื่องกับสาขาใหม่ล่าสุด "ไทวัสดุ โคราชสาขา หัวทะเล" สาขาที่ 67 ของประเทศ และสาขาที่ 3 ของจังหวัดนครราชสีมา พบกับแหล่งช้อปปิ้งสินค้าวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน รองรับตลาดที่อยู่อาศัยในจังหวัดที่มีอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดในภาคอีสาน พร้อมเปิดโซนช้อปปิ้งใหม่แกะกล่อง “GIANT KINGKONG SUPER BIKE” สุขภาพดีมีได้ทุกบ้าน เอาใจสายท่องเที่ยวหรือออกกําลังกาย ที่กําลังมองหาจักรยานคู่ใจและอุปกรณ์ตกแต่งครบครัน พร้อมกับดีลพิเศษ ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน สําหรับระหว่างวันที่ 23-26 กุมภาพันธ์ 2566 พบกับโปรโมชันม่วนซื่น! สินค้าคุณภาพดีในราคาสบายกระเป๋า มาลดราคาพิเศษ 4 วันเต็ม และความคุ้มค่าถึง 4 ต่อ ดังนี้ต่อที่ 1 แจกฟรี! คูปองแทนเงินสด ผ่านแอปฯ ไทวัสดุ มูลค่า 500 บาท* ใช้เป็นส่วนลดเมื่อซื้อครบ 1,000 บาทขึ้นไป พิเศษเฉพาะลูกค้า 300 ท่านแรก/ต่อวัน ต่อที่ 2 อิ่มฟรี! แบบจุกๆ กับโดนัท Mister Donut ฮันนี่ ดิป ฟรีทุกใบเสร็จ* หมดแล้วหมดเลย มีเพียง 50 ชิ้นต่อวันเท่านั้น ต่อที่ 3 รับฟรี! กระเป๋าลดโลกร้อนสุดชิคของไทวัสดุ เมื่อสมัครสมาชิกเดอะวัน รีบด่วนสินค้ามีจํานวนจํากัดต่อที่ 4 จ่ายเพียง 1 บาท! เมื่อช้อปสินค้าผ่านบัตรเดอะวันครบ 500 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ รับสิทธิ์แลกซื้อสินค้าที่จัดรายการเพียง 1 บาท นอกจากนี้ ไทวัสดุ โคราชสาขา หัวทะเล ยังมอบโปรโมชันสินค้าลดราคาพิเศษอีกมากมาย ต่อเนื่องถึงวันที่ 30 มีนาคม 2566 ให้ชาวโคราชได้เลือกช้อปสินค้ากันจุใจ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Page : thaiwatsadu.thai#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
22/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครราชสีมา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230222210404701
| null |
อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ จับมือองค์การบริหารส่วนตำบลหนองครก เปิดตลาดร้านค้าชุมชนตำบลหนองครกตลาดยามแลงฮักแพงแบ่งปันสู่การสร้างงานสร้างรายได้สู่ชุมชนอย่างยั่งยืน
|
วันนี้ (22 ก.พ.66) นายสํารวย เกษกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน และกลุ่มผู้ประกอบการสินค้าโอทอป ได้ร่วมเปิดตลาดร้านค้าชุมชนตําบลหนองครกเป็นปฐมฤกษ์ ภายใต้" อัตลักษณ์วิถีไทย วิถีวัฒนธรรม วิถีชุมชนตําบลหนองครก ตลาดยามแลง ฮักแพง แบ่งปัน" กําหนดเปิดตลาดทุกวันพุธของสัปดาห์ ตั้งแต่บ่าย 3 โมง หรือ 15.00 น.เป็นต้นไป ณ บริเวณศาลากลางบ้านหนองครกใต้ หมู่ที่ 5 ตําบลหนองครก อําเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ความสําคัญของตลาดร้านค้าชุมชนตําบลหนองครก นายธนวัฒน์ แก้วกล้า นายกองค์การบริหารส่วนตําบลหนองครก กล่าวว่า มุ่งส่งเสริมทักษะและประสบการณ์ในการประกอบอาชีพของชาวตําบลหนองครก เพื่อเสริมสร้างรายได้ ลดปัญหาการว่างงาน พร้อมเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน เสริมสร้างความรักความสามัคคี ที่สําคัญเป็นการเพิ่มพูนรายได้ให้ประชาชนทั้ง 9 หมู่บ้านให้สามารถพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน องค์การบริหารส่วนตําบลหนองครกจึงได้ประสานสํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดศรีสะเกษ สํานักงานพาณิชย์จังหวัดศรีสะเกษ อําเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ตลอดจนผู้ประกอบการภาคเอกชน ได้นําสินค้ามาร่วมจําหน่ายภายในงาน ซึ่งการเปิดตลาดร้านค้าชุมชนตําบลหนองครก ภายใต้" อัตลักษณ์วิถีไทย วิถีวัฒนธรรม วิถีชุมชนตําบลหนองครก ตลาดยามแลง ฮักแพง แบ่งปัน" รอบปฐมฤกษ์ ได้รับความสนใจจากประชาชนในพื้นที่ได้นําสินค้าชุมชน สินค้าทางการเกษตรมาจําหน่ายเป็นจํานวนมาก พร้อมผู้สนใจออกมาจับจ่ายอย่างคึกคักเช่นกัน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
22/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
ศรีสะเกษ
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดศรีสะเกษ
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230222212432708
| null |
ธอส. ขานรับมติ ครม. สานต่อโครงการบ้านล้านหลัง ระยะ 3 เริ่มเปิดให้ผู้สนใจขอรับรหัสร่วมโครงการ 27 กุมภาพันธ์นี้
|
นางภานิณี มโนสันติ์ รักษาการรองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานสินเชื่อ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวถึงกรณีโครงการบ้านล้านหลัง ว่า จากการดําเนินการระยะ 1 วงเงิน 40,000 ล้านบาท ธอส.ได้ทํานิติกรรมแก่ผู้ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเองในโครงการนี้ไปถึง 49,578 บัญชี ส่วนระยะ 2 กรอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท ทํานิติกรรมไปแล้ว 21,147 บัญชี และล่าสุด ครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ( 21 ก.พ.66) มีมติเห็นชอบวงเงิน 20,000 ล้านบาท ดําเนินการระยะ 3 ต่อจากระยะ 2 ที่มีผู้ขอสินเชื่อในโครงการเต็มวงเงินไปแล้ว โครงการบ้านล้านหลัง ระยะ 3 จะใช้หลักเกณฑ์เดิมกับระยะที่ 1 และ 2 แต่ที่ต่างไปคือ ระยะ 3 จะมุ่งเน้นการให้สิทธิ์กับผู้มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 25,000 บาท ได้เข้าร่วมโครงการเป็นอันดับแรก ด้วยราคาบ้านซื้อ-ขาย หรือค่าก่อสร้างสูงสุดไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และที่ต่างจาก 2 ระยะแรกคือ อัตราดอกเบี้ยของระยะ 3 จะใช้อัตราดอกเบี้ย 3% คงที่ 5 ปี สําหรับผู้สนใจขอสินเชื่อโครงการบ้านล้านหลัง ระยะ 3 สามารถขอรับรหัส 10 ตัวเพื่อเข้าร่วมโครงการได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น.เป็นต้นไป ทางแอพพลิเคชั่น GHB ALL GEN ของ ธอส. เมื่อได้รับรหัสร่วมโครงการแล้วให้นํามาติดต่อ ธอส. พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานเพื่อทํานิติกรรม ได้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568
|
23/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223085036742
| null |
ผู้ว่าฯ พัทลุง พบสมาชิกศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์น้ำ หรือธนาคารกุ้งก้ามกราม อบต.เกาะหมาก ประสบความสำเร็จ ส่งเสริมเป็นสัตว์เศรษฐกิจและเป็นแหล่งเรียนรู้ พร้อมช่วยเหลือต่อยอดให้มีแหล่งศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์น้ำหรือธนาคารกุ้งก้ามกราม เพิ่มขึ้นเพื่อปล่อยลงสู่ทะเลสาบเพิ่มปริมาณกุ้งก้ามกรามในทะเลสาบ
|
วันนี้ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์น้ํา องค์การบริหารส่วนตําบลเกาะหมาก หมูที่ 6 ตําบลเกาะหมาก อําเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมนายอําเภอปากพะยูน และนายกองค์การบริหารส่วนตําบลเกาะหมาก เยี่ยมพบปะสมาชิกเพาะพันธุ์สัตว์น้ํา หรือธนาคารกุ้งก้ามกราม พร้อมชมศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์น้ํา หรือธนาคารกุ้งก้ามกราม หลังประสบความสําเร็จในการเพาะพันธุ์กุ้งก้ามกราม สัตว์น้ําที่สร้างรายได้สูงกว่าสัตว์น้ําชนิดอื่น คือ กุ้งก้ามกราม เพราะกุ้งก้ามกรามที่นี่จะมีเนื้อแน่น รสชาติหวาน โดยจะขายได้ราคากิโลกรัมละ 250 -400 บาท หากชาวประมงจับกุ้งก้ามกรามได้แค่ 4-10 ตัว ก็จะมีรายได้ 200-400 บาทต่อวันองค์การบริหารส่วนตําบลเกาะหมาก จัดตั้งธนาคารกุ้งก้ามกราม เพื่อเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ก่อนจะปล่อยลงสู่ทะเลสาบเพื่อเพิ่มปริมาณกุ้งก้ามกรามในทะเลสาบให้เป็นสัตว์น้ําเศรษฐกิจ โดยธนาคารกุ้งก้ามกรามทําหน้าที่จะรับซื้อแม่กุ้งที่มีไข่ จากชาวประมงมาเพาะเลี้ยง อนุบาล ก่อนจะปล่อยลงสู่ทะเลสาบเพื่อเพิ่มจํานวนกุ้งก้ามกรามในทะเลสาบ จุดมุ่งหมายของโครงการเป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชาวประมง และสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนทางด้านนายเอกสันต์ ละมูกสุข เจ้าหน้าที่ศูนย์ เพาะพันธุ์สัตว์น้ํา องค์การบริหารส่วนตําบลเกาะหมากกล่าวว่า ทางศูนย์ เพาะพันธุ์สัตว์น้ํา โดยองค์การบริหารส่วนตําบลเกาะหมาก จะเป็นคนรับซื้อแม่กุ้งกามกราม ตัวที่มีไข่จากชาวประมงในพื้นที่ ที่ต้องการขายให้กับทางศูนย์เพาะพันธุ์ฯ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะทําการเลี้ยง จนกว่าแม่กุ้งดังกล่าว สลัดไข่ออกมาและเจ้าหน้าที่จะทําการฟักอนุบาลตัวอ่อน จนครบเวลา 24 วัน ถึง 1 เดือน ก็สามารถนําไปปล่อยในแหล่งน้ํา หรือทะเลสาบให้เจริญเติบโต ที่ชาวประมงพื้นที่บ้านสามารถจับขายสร้างรายได้ และที่ศูนย์ดังกล่าวสามารถเพาะกุ้งก้ามกรามได้ครั้งละ 4 – 5 ล้านตัวขณะที่นางนิศากร วิศิษฏ์สรอรรถ ผู้ว่าราชการจังหวัด หลังเข้าเยี่ยมเพาะพันธุ์สัตว์น้ําหรือธนาคารกุ้งก้ามกราม กล่าวชื่นชมกับความสําเร็จของสมาชิก ที่มีความร่วมมือกันเพาะพันธุ์กุ้งก้ามกราม เพื่อเพิ่มเติมพันธุ์กุ้งก้ามกรามปล่อยลงสู่ทะเลสาบอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเพิ่มจํานวนกุ้งก้ามกรามลงสู่ทะเลสาบ นั้นก็จะสร้างรายได้ให้ชาวประมงในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มขึ้นเช่นกัน พร้อมช่วยเหลือต่อยอดให้มีแหล่งศูนย์เพาะพันธุ์สัตว์น้ําหรือธนาคารกุ้งก้ามกราม เพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มปริมาณกุ้งก้ามกรามในทะเลสาบต่อไปสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง 074 612404#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคใต้
|
พัทลุง
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพัทลุง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223090303751
| null |
พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี จัด “โครงการพาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดเพชรบุรี” 3 ครั้ง นำสินค้าชุมชนและสินค้าที่จำเป็นแก่การครองชีพมาจำหน่ายในงานจำนวนมาก ลดค่าครองชีพประชาชน
|
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 นายณัฏฐชัย นําพูลสุขสันติ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เป็นประธานในการเปิดงาน“โครงการพาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดเพชรบุรี” ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2566 ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระนครคีรี โดยมี นางสาวจินตะณา ปิ่นสุภา พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี เป็นผู้กล่าวรายงาน และหัวหน้าส่วนราชการ ภาคเอกชน สมาชิก Biz club ร่วมพิธีเปิดงาน จังหวัดเพชรบุรีการจัดงาน“โครงการพาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดเพชรบุรี” กําหนดจัดทั้งหมด จํานวน 3 ครั้ง ๆ ละ 3 วัน ใน 3 พื้นที่ ดังนี้ ครั้งที่ 1 วันที่ 22 - 24 กุมภาพันธ์ 2566 ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระนครคีรี เทศบาลเมืองเพชรบุรี ครั้งที่ 2 วันที่ 3 - 5 มีนาคม 2566 ณ สนามฟุตบอลอําเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ครั้งที่ 3 ในวันที่ 9 - 11 มีนาคม 2566 ณ วัดในกลาง อําเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี จัดจําหน่ายสินค้าส่งเสริมการขายราคาพิเศษต่ํากว่าท้องตลาด เช่น หมูเนื้อแดง กก.ละ 110 บาท น่องไก่ติดสะโพก กก.ละ 50 บาท ไข่ไก่แผงละ 80 บาท น้ําตาลทราย กก.ละ 17 บาท น้ํามันพืชขวดละ 40 บาท ข้าวหอม ถุงละ 110 บาท ข้าวขาวถุงละ 80 บาท สินค้าอุปโภคบริโภคลดราคา 25 % อีกจํานวน 30 รายการ ตลอดจนได้นําสินค้าชุมชนและสินค้าที่จําเป็นแก่การครองชีพมาจําหน่ายในงานครั้งนี้ด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDสวท.เพชรบุรี/23 ก.พ.66
|
23/2/2023
|
ภาคตะวันตก
|
เพชรบุรี
|
สวท.เพชรบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223113542803
| null |
อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ จัดโครงการของดีตำบลกุดหวาย เพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชน
|
นายกิตติ สัตย์ซื่อ นายอําเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เปิดโครงการของดีตําบลกุดหวาย ระหว่างวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ 2566 ณ องค์การบริหารส่วนตําบลกุดหวาย อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ โดยในงานมีสินค้า ผลิตผลทางการเกษตร มาจําหน่ายให้กับพี่น้องประชาชน ได้ช็อปชิม เป็นพืชผลทางการเกษตรที่ปลอดสารพิษ เป็นของดีตําบลกุดหวายนํามาจัด จําหน่ายให้ประชาชนในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนในตําบลกุดหวายมีรายได้เสริม มีตลาดการจําหน่ายสินค้าทางการเกษตร และเพื่อให้ประชาชนได้รับการบริโภคพืชผักที่ปลอดสารเคมี ทําให้ชีวิตปลอดภัย ปลอดโรค#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สวท.สุรินทร์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223103327782
| null |
ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขต 1 พร้อมคณะผู้ตรวจกระทรวง ลงพื้นที่ติดตามแผนการตรวจแบบบูรณาการ ในจังหวัดสิงห์บุรี
|
วันนี้ (23 ก.พ.66) เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมขุนสรรค์ พันเรือง ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสิงห์บุรี นายสุวิทย์ วิจิตรโสภา ผู้ตรวจราชการสํานักนายกรัฐมนตรี เขต 1 และคณะผู้ตรวจราชการ เขตตรวจราชการที่ 1 ร่วมประชุมเพื่อติดตามผลการดําเนินการแผนงาน/โครงการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการในจังหวัดชัยนาท ประจําปีงบประมาณ 2566 รอบที่ 1 โดยมีนายสัมฤทธิ์ กองเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมด้วยหัวหน้าสํานักงานจังหวัดสิงห์บุรี หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดําเนินงานในด้านต่างๆ ประกอบด้วย การขับเคลื่อนประเด็นนโยบายสําคัญของรัฐบาล เช่น การท่องเที่ยว และการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต, การบริหารงานเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ, การตรวจติดตามโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานของศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี, การติดตามการแก้ไขปัญหาสิ่งปลูกสร้างของส่วนราชการที่ใช้งบประมาณแผ่นดิน และติดตามการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในภาคบ่าย ผู้ตรวจราชการสํานักนายกรัฐมนตรีและคณะฯ เดินทางไปตรวจติดตามผลการดําเนินงานโครงการในพื้นที่ จํานวน 2 แห่ง คือ ป.แดนเกษตรฟาร์ม แหล่งเลี้ยงปลาช่อนแม่ลาอัตลักษณ์คู่เมืองสิงห์บุรี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ณ หมู่ที่ 3 ตําบลแม่ลา อําเภอ บางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี และการฝึกอาชีพของคนตาบอด ณ สมาคมคนตาบอดจังหวัดสิงห์บุรี ตําบลบางน้ําเชี่ยว อําเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ผู้ตรวจราชการสํานักนายกรัฐมนตรีและคณะฯ เดินทางไปตรวจเยี่ยม ป.แดนเกษตรฟาร์มแหล่งเลี้ยงปลาช่อนแม่ลาอัตลักษณ์คู่เมืองสิงห์บุรี เป็นแหล่งผลิตแหล่งจําหน่ายสินค้าแปรรูปจากปลาช่อนแม่ลา ปัจจุบันปลาช่อนในลําน้ําแม่ลาเริ่มลดน้อย เกษตรกร 40 คน จึงร่วมกลุ่มนําพันธุ์ปลาช่อนคุณภาพมาเพาะเลี้ยงในบ่อ จากนั้นแปรรูปเป็นปลาช่อนแดดเดียวเพื่อเพิ่มมูลค่า และสร้างรายได้ให้ครัวเรือนมั่นคง เป็นแหล่งเรียนรู้และท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาลักษณะของปลาช่อนแม่ลาของแท้ที่มีลักษณะพิเศษกว่าที่อื่นอร่อยกว่าปลาช่อนทั่วไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
สิงห์บุรี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสิงห์บุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223113806805
| null |
จ.ประจวบคีรีขันธ์ คัดเลือกพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ วัดทางสาย อ.บางสะพาน ร่วมโหวตเป็น 1 ใน 25 แหล่งท่องเที่ยว Unseen New Chapter ส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวไทยปี 2566
|
นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากการที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้จัดทําโครงการ Unseen New Chapter เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ โดยคัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและมีการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวที่ดี แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จังหวัดละ 1 แห่ง ในส่วนของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้พิจารณาคัดเลือกพระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ วัดทางสาย อ.บางสะพาน เป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen New Chapter ของจังหวัด เนื่องจากมีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ และมีความสวยงาม ตั้งอยู่บนยอดเขาธงชัยใกล้กับหาดบ้านกรูด มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามวิจิตรตระการตา จัดสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสทรงครองราชย์ครบ 50 ปี ซึ่งทางจังหวัดจะเสนอรายชื่อให้ ททท. เปิดให้ประชาชนร่วมลงคะแนนคัดเลือกเป็น 1 ใน 25 แหล่งท่องเที่ยว Unseen New Chapter ต่อไป เพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวไทยในปีนี้ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวสู่ชุมชน #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคตะวันตก
|
ประจวบคีรีขันธ์
|
สวท.ประจวบคีรีขันธ์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223113932806
| null |
รมว.คลัง มั่นใจทิศทางเงินเฟ้อปี 2566 จะอยู่ที่ 1-3% ด้านหนี้ครัวเรือน ส่งสัญญาณในทางบวก
|
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงสถานการณ์เงินเฟ้อของประเทศไทยในขณะนี้ว่า รัฐบาลได้มีนโยบายเข้าไปช่วยเหลือประชาชน อาทิ การตรึงราคาน้ํามันดีเซล ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนด้านการขนส่งลดลงและมีผลต่อราคาสินค้าอุปโภคบริโภค การเข้าไปสนับสนุนค่าไฟฟ้าทั้งในรูปแบบครัวเรือนและระดับอุตสาหกรรม ตลอดจนการสนับสนุนการลดต้นทุนการผลิตในภาคการเกษตรจากการประมาณการของทางกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยมีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่าตัวเลขเงินเฟ้อในปี 2566 จะมีทิศทางที่ปรับตัวลดลงที่ 1-3% ซึ่งในระดับมหภาคจะมีการใช้นโยบายทางการเงินการคลัง หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งทางกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีข้อตกลงร่วมกันที่จะมีการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิด ส่วนในเรื่องของหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงนั้น มองว่าสถานการณ์ในปัจจุบันตัวเลขการจ้างงานและการเปลี่ยนงานมีเพิ่มมากขึ้นอัตราการว่างงานน้อยลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อความสามารถในการชําระหนี้ของประชาชน โดยเมื่อประกอบกับสถานการณ์การท่องเที่ยวที่กลับมาดีขึ้น จึงทําให้เชื่อได้ว่าเศรษฐกิจไทยจะยังเติบโตได้ถึงร้อยละ 3.8 ตามที่คาดการณ์เอาไว้ขณะที่ในประเด็นเรื่องของการยุบสภาและการดําเนินงานของรัฐบาลยังสามารถกําหนดนโยบายเร่งด่วนเพื่อเข้ามาช่วยเหลือ หรือกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่นั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า ในขณะนี้ก็ยังไม่พบสัญญาณ หรือความจําเป็นที่จะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพราะมาตรการเดิมที่มีอยู่ก็มีความเพียงพออยู่แล้ว แต่หากมีสถานการณ์เกิดขึ้นระหว่างการเป็นรัฐบาลรักษาการ คณะรัฐมนตรีก็ยังสามารถพิจารณาได้ตามความจําเป็น
|
23/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223132247850
| null |
ผู้ว่าฯ ชลบุรี เปิดการประชุมถ่ายทอดองค์ความรู้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Mode) สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
|
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.15 น. ที่ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 12 โรงแรมรัตนชล อําเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานเปิดการประชุมถ่ายทอดองค์ความรู้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ภายใต้โครงการส่งเสริมการดํารงชีวิตแนวใหม่ ตามแนวทางการขับเคลื่อนในโมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ประจําปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) ในระดับจังหวัด ส่งเสริมให้เครือข่ายและภาคส่วนต่างๆ ได้ร่วมขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model) เพื่อแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยใช้องค์ความรู้ในท้องถิ่นร่วมกับนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ สําหรับพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน ลดปัญหาขยะมูลฝอยและของเสียต่างๆ โดยมี นายชายชาญ เตโชทินกร ผู้อํานวยการสํานักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี ผู้แทนจากส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การมหาชน สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน และภาคประชาชนเข้าร่วมประชุมBCG Model หรือโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ได้ถูกกําหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2566 โดยให้ทุกหน่วยงานทบทวนแผนงาน และบูรณาการ การดําเนินงานระหว่างหน่วยงานในการขับเคลื่อน BCG เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดําเนินการและมีผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนและเร่งรัดการดําเนินงานเพื่อให้สามารถผลักดันเศรษฐกิจ BCG ให้ประสบความสําเร็จต่อไปกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กําหนดนโยบายในการขับเคลื่อน BCG ตามภารกิจของกระทรวงฯ ประกอบด้วย (1) อนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อความสมดุลของระบบนิเวศและเป็นฐานการพัฒนา (2) ใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างและกระจายรายได้อย่างเป็นธรรม (3) ลดการใช้ทรัพยากร ลดขยะ และของเสีย และ (4) มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ําและวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมดังนั้น เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจใหม่และเพื่อส่งเสริมให้เครือข่าย และภาคส่วนต่าง ๆ ได้ร่วมกันขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยใช้องค์ความรู้ในท้องถิ่นร่วมกับนวัตกรรม หรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ชุมชน ลดปัญหาขยะมูลฝอย และของเสียต่าง ๆ สํานักงานทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี จึงได้จัด "การประชุมถ่ายทอดองค์ความรู้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ (BCG Model สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน" โดยเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับ (1) หลักการและแนวคิดของ BCG Model (2) การขับเคลื่อน BCG Model ของจังหวัดชลบุรี และ(3) การใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืนตามแนวทาง BCG Modeบัณฑิต มันปาฏิ...ภาพ/ข่าว#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคตะวันออก
|
ชลบุรี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223122224819
| null |
ททท. คาดไตรมาสแรกนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยกว่า 3 แสนคน สะท้อนสัญญาณภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว
|
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึงสถิติตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 15 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทยจํานวนทั้งสิ้น 161,540 คน โดยตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม 2566 มีจํานวนเที่ยวบินและที่นั่งจากท่าอากาศยานในเมืองต่างๆ ของสาธารณรัฐประชาชนจีนมายังประเทศไทย อาทิ เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว หางโจว หนานจิง เฉิงตู เซี่ยะเหมิน คุนหมิง เป็นต้น รวมทั้งสิ้น 2,000 เที่ยวบิน จํานวน 445,655 ที่นั่งททท. คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศไทย ในไตรมาสแรก (เดือนมกราคม-มีนาคม 2566) จํานวน 300,000 คน ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สะท้อนสัญญาณที่ดีที่จะมีการเดินทางมาประเทศไทยอย่างต่อเนื่องตลอดปีและช่วยผลักดันจํานวนนักท่องเที่ยวชาวจีนแตะ 5 ล้านคน ตามเป้าหมายในปี 2566
|
23/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223151143927
| null |
วิทยาลัยเทคนิคตรัง ศึกษาดูงาน ณ ท่าอากาศยานตรัง เพื่อให้นักศึกษาในรายวิชาธุรกิจการบินและการจำหน่ายบัตรโดยสารได้รับความรู้และประสบการณ์จริงนอกเหนือจากการศึกษาในห้องเรียน
|
พันจ่าเอกเมืองชล วงศ์สุวรรณ ผู้อํานวยการท่าอากาศยานตรัง มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานตรัง ให้การต้อนรับและอํานวยความสะดวกคณะครูและนักศึกษา ระดับ ปวส. จากวิทยาลัยเทคนิคตรัง จังหวัดตรัง จํานวน 12 คน เข้าเยี่ยมชมท่าอากาศยานตรังทั้งนี้ เพื่อให้นักศึกษาในรายวิชาธุรกิจการบินและการจําหน่ายบัตรโดยสารได้รับความรู้และประสบการณ์จริงนอกเหนือจากการศึกษาในห้องเรียน สามารถนําไปประยุกต์ใช้ในวิชาเรียนและชีวิตประจําวันได้ ซึ่งการอํานวยความสะดวกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่นักศึกษาในครั้งนี้#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคใต้
|
ตรัง
|
สวท.ตรัง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223145943914
| null |
พาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ติดตามสถานการณ์ราคามะนาวในพื้นที่อย่างใกล้ชิด หลังพบแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ป้องกันผลกระทบต่อประชาชนและผู้ค้าร้านอาหาร
|
นางสาวศิริวรรณ คณะศร พาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากการสํารวจสภาวะราคามะนาวที่จําหน่ายในพื้นที่ จ.ประจวบฯ พบว่ามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยในช่วงใกล้เข้าสู่หน้าแล้ง ปัจจุบันราคามะนาวอยู่ที่ผลละ 4.50 - 5 บาท ซึ่งสํานักงานพาณิชย์จังหวัดฯ ได้ตรวจสอบติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะนี้ยังมีเพียงพอต่อความต้องการบริโภค แต่หากราคาปรับสูงขึ้นมากจนส่งผลกระทบต่อประชาชน จะแจ้งไปยังกรมการค้าภายในเพื่อประสานเชื่อมโยงแหล่งผลิตใหญ่ นําผลผลิตมะนาวราคาถูกกว่าท้องตลาดมาจําหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารและประชาชนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน พาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังเน้นย้ําให้ผู้ค้าปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจนตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 หากประชาชนพบเห็นการกระทําผิดไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน กรมการค้าภายใน 1569 หรือที่สํานักงานพาณิชจังหวัดประจวบฯ โทร. 032-611580#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคตะวันตก
|
ประจวบคีรีขันธ์
|
สวท.ประจวบคีรีขันธ์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223150322918
| null |
ส่งท้ายเดือนแห่งความรัก "ไทยสมายล์บัส ชูรถ EV " เพื่อคุณภาพที่ดีกว่าของคนไทย ภายใต้แนวคิด Thai Smile Bus Our Love Will Change The World : รักเรารักษ์โลก
|
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดให้บริการรถโดยสารไฟฟ้า 3 สาย ประกอบด้วย สาย 3-36 (ท่าเรือคลองเตย-ท่าเรือภาษีเจริญ) สาย 3-44 (ท่าเรือคลองเตย-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ) และสาย 3-55 (ท่าเรือคลองเตย-พระราม 7) ภายใต้แนวคิด “Thai Smile Bus Our Love Will Change The World : รักเรารักษ์โลก” โดยมีนางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มบริษัท ไทย สมายล์ กรุ๊ปและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน สําหรับพิธีเปิดให้บริการรถเมล์ไฟฟ้าในครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 2 ของปี 66 เป็นกิจกรรมที่สานต่อความสําเร็จในการผลักดันให้เกิดบริการรถโดยสารพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่ประชาชนด้วยความร่วมมือของกระทรวงคมนาคมและภาคเอกชน ซึ่งกุมภาพันธ์เป็นเดือนแห่งความรัก ไทย สมายล์ กรุ๊ป จึงขอมอบความรักความปรารถนาดีให้กับพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร โดยการ เปลี่ยนรถโดยสาร NGV ของบริษัท สมาร์ทบัส จํากัด ในเครือ ไทย สมายล์ กรุ๊ป ให้กลายเป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าแท้ 100% โดยมีเป้าหมายที่จะนํารถโดยสารพลังงานไฟฟ้ามาให้บริการถึง 3,100 คัน เพื่อช่วยลดโลกร้อน และลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ที่ปัจจุบันนี้ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังช่วยผลักดันนโยบายเพื่อพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ราคาเป็นธรรม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปฏิรูปเส้นทางเดินรถให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกทั้งนี้ บริษัทไทย สมายล์ กรุ๊ป ยังได้เปลี่ยนวิธีการชําระเงิน จากการใช้เงินสดไปใช้ HOP Card และมีโปรโมชั่น เดลิ แมกซ์ แฟร์ ซึ่งจากที่ผ่านมาได้รับเสียงตอบรับ คําแนะนําจากประชาชนเป็นอย่างดี ไทย สมายล์ กรุ๊ป จึงขอขอบคุณและน้อมรับไปปรับปรุงเพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารทุกท่านให้ประทับใจมากยิ่งขึ้น
|
23/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
หน่วยงานสำนักข่าว
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223161607984
| null |
ททท.เลือกแหล่งท่องเที่ยวชุมชนสรรพยา จังหวัดชัยนาท เข้าสู่ โครงการ Unseen New Chapter กระตุ้นการเดินทางและการใช้จ่ายของกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ
|
(23 กุมภาพันธ์ 2566) ณ ห้องประชุมเทศบาลตําบลสรรพยา อําเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สํานักงานลพบุรี นําโดย นางสาวพิมพกานต์ พิพิธธนานันท์ ผู้อํานวยการสํานักงาน ททท.สํานักงานลพบุรี จัดประชุมเพื่อพิจารณาคัดเลือกแหล่งท่องเที่ยว “ชุมชนสรรพยา จังหวัดชัยนาท” เข้าสู่ โครงการ Unseen New Chapter ของ ททท.โดยมี นายณัฐวุฒิ ตั่งสินชัย นายอําเภอสรรพยา ให้เกียรติเป็นประธานฯ พร้อมด้วย ส่วนราชการ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวททท. ได้กําหนดจัดทําโครงการ Unseen New Chapter ภายใต้กลยุทธ์กระตุ้นการเดินทางและการใช้จ่ายของกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ โดยการคัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและมีการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวที่ดี แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และมีคุณสมบัติตามที่กําหนด จังหวัดละ 1 แห่ง รวมทั้งสิ้น 77 แห่ง จาก 77 จังหวัดทั้งนี้ เพื่อนํามาเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ด้านการตลาดท่องเที่ยว ก่อให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเข้าสู่พื้นที่ในปีท่องเที่ยวไทย 2566 และ "Visit Thailand Year 2023 : Amazing New Chapters" ซึ่งมีหลักเกณฑ์การคัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวเป็น Unseen New Chapter คือ มีเรื่องราวที่น่าสนใจ ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง การเดินทางเข้าถึงได้สะดวก มีมุมมองในการถ่ายภาพที่หลากหลายและสวยงาม ไม่เคยได้รับการคัดเลือกเป็น Unseen Unseen New Series และมีการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวที่ดี หรือเชื่อมโยงกับ Responsible Tourism /BCG Modelโดยมีเงื่อนไขในการส่งแหล่งท่องเที่ยว กําหนดให้ 1 จังหวัด ส่งได้ 1 แหล่งท่องเที่ยว เมื่อได้ชื่อ 1 แหล่งท่องเที่ยว ททท.ส่วนกลาง จะรวบรวมแหล่งท่องเที่ยวทั้งหมด จากนั้น ททท.จะเปิดให้นักท่องเที่ยว สาธารณชน ประชาชน มีส่วนร่วมในการโหวตผ่านช่องทางออนไลน์ ในวงกว้าง ทั้ง 77 แหล่งท่องเที่ยว จะเหลือเพียง 20 แหล่งท่องเที่ยว และอีก 5 แหล่งท่องเที่ยวจะขอสงวนสิทธิ์คัดเลือก โดย ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมทั้งหมดเป็น “25 Unseen New Chapters” ส่วนแหล่งท่องเที่ยวที่เหลือ ที่ไม่ได้รับการโหวต 52 แหล่งท่องเที่ยว ททท. ยังให้ความสําคัญและจะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทางการตลาดต่อไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
ชัยนาท
|
สวท.ชัยนาท
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223152055945
| null |
พลังงานจังหวัดระยอง สร้างจิตสำนึกการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดให้กับหน่วยงานภาครัฐสู่เมืองคาร์บอนต่ำ ลดการใช้พลังงานให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 20
|
นายวีรวิชญ์ ภมรสมิต พลังงานจังหวัดระยอง กล่าวว่า รัฐบาลได้มีการกําหนดมาตรการลดใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ โดยมีเป้าหมายลดการใช้พลังงานเข้มข้นขึ้น จากเดิมอย่างน้อยร้อยละ 10 เป็นอย่างน้อยร้อยละ 20 และกระทรวงพลังงานได้จัดทําแนวทางประหยัดพลังงานในหน่วยงานภาครัฐ และให้หน่วยงานภาครัฐกรอกข้อมูลรายงานการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ํามัน ในเว็บไซต์ www.e-report.energy.go.th โดยมีเป้าหมายให้ลดใช้พลังงานลงให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 20 ตามหลักเกณฑ์ของการประเมินตัวชี้วัดการลดใช้พลังงานของหน่วยงานราชการดังนั้น เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายของมาตรการลดใช้พลังงาน สํานักงานพลังงานจังหวัดระยอง ได้จัดกิจกรรมโครงการลดใช้พลังงานในภาครัฐ ฯ เพื่อสร้างจิตสํานึกการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดให้กับหน่วยงานภาครัฐ ในจังหวัดระยองสู่เมืองคาร์บอนต่ํา โดยมุ่งเน้นการสร้างความตระหนักรู้การลดใช้พลังงานในสํานักงานการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การใช้พลังงานทดแทน และการกรอกข้อมูลการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ํามันของหน่วยงานในเว็บไซต์ www.e-report.go.th เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายการลดใช้พลังงานไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคตะวันออก
|
ระยอง
|
สวท.ระยอง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223161836986
| null |
สำนักงานพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี จัดงานโครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดกาญจนบุรี
|
สํานักงานพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี จัดงานโครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดกาญจนบุรี นําสินค้าอุปโภคบริโภคมาจําหน่ายในราคาต่ํากว่าท้องตลาด เพื่อลดค่าครองชีพให้ประชาชน วันนี้ (23 ก.พ.66) เวลา 14.00 น. ที่บริเวณลานจอดรถ หน้าศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ อําเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี นายรณภพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธาน เปิดงานโครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและประชาชนร่วมงานเป็นจํานวนมาก โดยมี นางสาวยุพา นาคา พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี กล่าววัตถุประสงค์ของการจัดงานฯ ซึ่งการจัดงานโครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดกาญจนบุรี ของสํานักงานพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี ได้จัดขึ้น 4 อําเภอ ได้แก่ อําเภอเมือง ณ บริเวณลานจอดรถ ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ กาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 23 - 25 กุมภาพันธ์ 2566 ครั้งที่ 2 อําเภอท่าม่วง ณ วัดอินทาราม ระหว่างวันที่ 3 - 5 มีนาคม 2566 ครั้งที่ 3 อําเภอพนมทวน ณ ที่ว่าการอําเภอพนมทวน ระหว่างวันที่ 9 - 11 มีนาคม 2566 และครั้งสุดท้าย อําเภอด่านมะขามเตี้ย ณ วัดด่านมะขามเตี้ย ระหว่างวันที่ 16 - 18 มีนาคม 2566 ทั้งนี้ โครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดกาญจนบุรี ได้นําสินค้าอุปโภคบริโภคจําหน่าย ในราคาพิเศษลดราคาไม่น้อยกว่า 50% อย่างน้อย 5 รายการสินค้า/วัน นอกจากนี้ยังมีสินค้าจากจังหวัดอื่น เช่น ถั่วลายเสือ ป๊อปคอร์นดอย จากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปาท่องโก่สเปน โรตี ชาชัก จากจังหวัดสตูล อาหารทะเลแห้ง อาหารทะเลแปรรูป จากจังหวัดชุมพร อาหารแปรรูป จากผู้ประกอบการจังหวัดสระบุรี สินค้าราคาพิเศษจากห้างสรรพสินค้าในจังหวัดกาญจนบุรี และสินค้าจําเป็นต่อการครองชีพราคาพิเศษ เช่น หมูเนื้อแดง 100 บาทต่อกิโลกรัม น่องไก่ติดสะโพก 40 บาทต่อกิโลกรัม ไข่ไก่ 90 บาทต่อแผง น้ําตาลทราย 15 บาทต่อกิโลกรัม น้ํามันปาล์ม ขวดละ 1 ลิตร 40 บาทต่อขวด ข้าวสารหอมมะลิ 5 กิโลกรัม 110 บาทต่อถุง และข้าวขาว 5% 5 กิโลกรัม 80 บาทต่อถุง พร้อมทั้งยังมีกิจกรรมนาทีทอง นาทีถูก กิจกรรมเล่นเกมส์แจกบัตรกํานัลแทนเงินสด (Gift Voucher) และกิจกรรมสุ่มแจกรางวัลเครื่องใช้ไฟฟ้าให้กับผู้ที่ซื้อสินค้าในงาน สําหรับจัดงานโครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดกาญจนบุรี ครั้งที่ 1 ที่บริเวณลานจอดรถ หน้าศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ อําเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 23 - 25 กุมภาพันธ์ 2566 เริ่มจําหน่ายสินค้าตั้งแต่เวลา 09.00 - 20.00 น. นอกจากการจําหน่ายสินค้าราคาถูกและยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมให้ผู้ที่ไปเลือกซื้อสินค้าได้รับชมอีกด้วย สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี : ข่าว/ภาพ วุฒิชัย บุญเฉย-ข่าว /-พิมพ์-/ จิตริน มัชฌันติกะ-/ภาพนิ่ง พัชรพล เจริญสุข-/ภาพวีดีโอ-ส่งข่าว #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคตะวันตก
|
กาญจนบุรี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223161544983
| null |
ปธ.แม่บ้านมหาดไทยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำคณะเยี่ยมชมโบราณสถานปราสาทนครหลวง เพื่อส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
|
ที่ปราสาทนครหลวง อําเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นําคณะสมาชิกชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าเยี่ยมชมโบราณสถานปราสาทนครหลวง โดยมี นายอําเภอนครหลวง และผู้นําชุมชน ให้การต้อนรับและบรรยายประวัติความเป็นมาพื้นที่โดยรอบปราสาทนครหลวง นางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร ประธานแม่บ้านมหาดไทยฯ เปิดเผยว่า ปราสาทนครหลวง เป็นปราสาทที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงโปรดฯ ให้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2174 ปรากฏหลักฐานว่าสร้างเป็นศาสนสถาน การก่อสร้างได้ถ่ายแบบทางสถาปัตยกรรมมาจากโบราณสถานปราสาทเมืองพระนครหลวง ก่อสร้างด้วยอิฐทั้งหลัง นับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมครั้งกรุงศรีอยุธยาที่สําคัญแห่งหนึ่งของประเทศ ทั้งยังเป็นที่มาของชื่ออําเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดย ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีดําริในการส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สําคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในการรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางหลังออกจากอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งบริเวณวัดนครหลวง จนถึงตลาดริมน้ํา มีร้านค้ากว่า 70 ร้าน มาจําหน่ายสินค้าขึ้นชื่อของอําเภอนครหลวง ให้บริการนักท่องเที่ยวในวันเสาร์ – อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น. อีกด้วยนอกจากนี้ ยังได้สักการะแผ่นหินพระจันทร์ลอย ซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นหินแกรนิตทรงกลมคล้ายดวงจันทร์ขนาดใหญ่ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร หนา 6 นิ้ว บนแผ่นหินมีรูปแกะสลักที่ค่อนข้างดูยาก ด้านหนึ่งสลักเป็นรูปพระเจดีย์สององค์และพระพุทธรูปสามองค์ ส่วนอีกด้านหนึ่งสลักเป็นรูปปลาคล้ายสัญลักษณ์ราศีมีนต่อจากนั้น ได้เดินทางไปสักการะพระบาทพระพุทธเจ้าปางปรินิพพาน ณ วัดกลาง อําเภอนครหลวง ฝาผนังภายในมณฑปเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ ตอนพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน กลางมณฑปมีพระแท่นยกสูงบนลวดลายบัวคว่ําบัวหงาย มีบันไดเดินขึ้นได้ทั้งสี่ทิศ บนแท่นประดิษฐานประติมากรรมชุดพระกัสสปะเถรถวายบังคมพระศพพระพุทธองค์ ประกอบด้วย รูปโลงที่มีพระบาทตั้งตรงโผล่ออกมาทั้ง 2 พระบาท ทางทิศเหนือ มีสาวก คือพระกัสสปะยืนประคองอัญชลีอยู่ด้านข้างพระพุทธบาท โลงแต่งด้วยลายทองบนพื้นสีแดง งานศิลปกรรมโดยรวมเล่าเรื่องราวพระกัสสปะในคราวถวายพระเพลิงพระพุทธเจ้าข่าว : สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
พระนครศรีอยุธยา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223163347992
| null |
พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี Kick Off พาณิชย์ ลดราคาออนทัวร์ทั่วไทย จังหวัดกาญจนบุรี ช่วยเหลือประชาชน ลดค่าครองชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการขายกระจายรายได้
|
ที่บริเวณลานหน้าศูนย์การค้าโรบินสัน สาขากาญจนบุรี นายรณภพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานจังหวัดกาญจนบุรี Kick Off พาณิชย์ ลดราคาออนทัวร์ทั่วไทย จังหวัดกาญจนบุรี จัดขึ้นจํานวน 4 ครั้ง ครั้งละ 3 วัน วันนี้ 23-25 กุมภาพันธ์ 2566 จัดขึ้นเป็นวันแรก โดยมี นางสาวยุพา นาคา พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี กล่าววัตถุประสงค์การจัดงาน หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน เข้าร่วมฯภายในงานมีการนําสินค้าจําหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคในราคาประหยัด ลดค่าครองชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการขายกระจายรายได้ เช่น หมูเนื้อแดง ราคากิโลกรัมละ 100 บาท ไก่ติดสะโพก กิโลกรัมละ 40 บาท น้ําตาลทราย กิโลกรัมละ 15 บาท น้ํามันปาล์ม ขนาด 1 ลิตร ขวดละ 40 บาท ข้าวหอมถุงละ 110 บาท และข้าวขาว ราคา 80 บาทนอกจากนี้ จําหน่ายสินค้าราคาพิเศษ วันละ 2 รอบ พบสินค้ากว่า 100 บูธ อาทิ หมู ไก่ ไข่ น้ํามันพืช น้ําตาล ข้าวสารราคาพิเศษ และผลิตภัณฑ์เด่นของจังหวัด กิจกรรมส่งเสริมการขาย ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมทั้งนี้ โครงการพาณิชย์ ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดกาญจนบุรี ครั้งที่ 2 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 มีนาคม ที่วัดอินทราราม ต.หนองขาว อ.ท่าม่วง ครั้งที่ 3 วันที่ 9 -11 มีนาคม หน้าที่ว่าการอําเภอพนมทวน และครั้งที่ 4 วันที่ 19 -18 มีนาคม ที่วัดด่านมะขามเตี้ย เริ่มงานเวลา 09.00 - 20.00 น. ของทุกวัน พร้อมจัดกิจกรรมนาทีทอง กิจกรรมส่งเสริมการขาย ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่นวรางคณา แดงแสง เรียบเรียงข่าว ธิดาทิพย์ หอมมะลิ สวท.กาญจนบุรี รายงาน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคตะวันตก
|
กาญจนบุรี
|
สวท.กาญจนบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223164413994
| null |
กาญจนบุรี จัดโครงการพาณิชย์ลดราคา
|
กาญจนบุรี จัดโครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย สํานักงานพาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี จัดโครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดกาญจนบุรี นําสินค้าอุปโภคบริโภคมาจําหน่ายในราคาต่ํากว่าท้องตลาด เพื่อลดค่าครองชีพให้ประชาชนนายรณภพ เวียงสิมมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดงานโครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดกาญจนบุรี ระหว่างวันที่ 23 - 25 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บริเวณลานจอดรถ หน้าศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ อําเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าดี มีคุณภาพ ราคาประหยัด กระตุ้นให้มีการจับจ่ายใช้สอย ทั้งนี้ ยังช่วยเพิ่มช่องทางในการจําหน่ายสินค้าของผู้ประกอบการ และกลุ่มเกษตรกร โดยมี นางสาวยุพา นาคา พาณิชย์จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการและประชาชน เข้าร่วมงาน จากนั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และคณะ ได้เดินเยี่ยมชมบูธจําหน่ายสินค้าราคาถูกกว่า 50 บูธ โดยภายในงานมีสินค้าอุปโภคบริโภค จากจังหวัดอื่นๆ สินค้าราคาพิเศษจากห้างสรรสินค้าในจังหวัดกาญจนบุรี และสินค้าจําเป็นต่อการครองชีพ ราคาพิเศษ เช่น หมูเนื้อแดง 100 บาท / กิโลกรัม น่องไก่ติดสะโพก 40 บาท / กิโลกรัม ไข่ไก่ 90 บาท / แผง น้ําตาลทราย 15 บาท / กิโลกรัม น้ํามันปาล์ม ขวดละ 1 ลิตร 40 บาท / ขวด ข้าวสารหอมมะลิ 5 กิโลกรัม 110 บาท / ถุง และข้าวขาว 5% 5 กิโลกรัม 80 บาท / ถุง นอกจากนี้ ยังจําหน่าย สินค้าในราคาพิเศษลดราคาไม่น้อยกว่า 50% อย่างน้อย 5 รายการสินค้า / วัน ในช่วงกิจกรรมส่งเสริมการขายในทุกๆ วันของการจัดงาน วราภรณ์ สิทธิสม /ข่าว พงษ์พิสุทธิ์ เกตุคํา /ภาพ NBT ภาคกลาง
|
23/2/2023
|
ภาคตะวันตก
|
กาญจนบุรี
|
สทท.กาญจนบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223190535038
| null |
สนง. อุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ จัดอบรมการประกอบกิจการธุรกิจอุตสาหกรรมตามกฎหมายโรงงาน และการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว
|
นายพสุ สุครีวก อุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า สนง.อุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ จัดอบรม เรื่อง การประกอบกิจการธุรกิจอุตสาหกรรมตามกฎหมายโรงงานและการจัดการสิ่งปฏิกูล หรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (กากอุตสาหกรรม) และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ความรู้เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร ความรู้เรื่องมาตรฐานและกฎหมายเกี่ยวกับอาหาร ภายใต้โครงการค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมในภูมิภาค ประจําปีงบประมาณ 2566 เมื่อวันที 22 กุมภาพันธ์ 2566 การอบรมครั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามแนวนโยบายปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งเน้นให้โรงงานอุตสาหกรรมปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย การปฏิบัติที่มุ่งพัฒนา “อุตสาหกรรมดี อยู่คู่กับชุมชนอย่างยั่งยืน” เป็นการปรับเปลี่ยนสู่อุตสาหกรรมวิถีใหม่ ณ ห้องลักษมี ชั้น 4 โรงแรมบูรพา อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ มีผู้ประกอบการเข้ารับการอบรม จํานวน 100 คน โดยมี นายชนก มากพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดการอบรม #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDเพลินจิต สวนศิลป์พงศ์สวท.เพชรบูรณ์แหล่งข้อมูล: สนง.อุตสาหกรรม จ.พช.
|
23/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
เพชรบูรณ์
|
สวท.เพชรบูรณ์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223163049990
| null |
จังหวัดบุรีรัมย์ จัดพิธีมอบรางวัล การประกวดข้าวหอมมะลิจังหวัดบุรีรัมย์ ประจำปีการเพาะปลูก 256566 จำนวน 7 ราย
|
วันนี้ (23 ก.พ.66) ที่หอประชุมจังหวัดบุรีรัมย์ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานมอบรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิจังหวัดบุรีรัมย์ ประจําปีการเพาะปลูก 2565/66 ในการประชุมคุณกรมการจังหวัด ซึ่งจังหวัดบุรีรัมย์ร่วมกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้จัดประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทยในระดับจังหวัดจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกร อนุรักษ์พัฒนาคุณภาพข้าวหอมมะลิไว้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของข้าวหอมมะลิไทย และของจังหวัดบุรีรัมย์ ช่วยรักษาตลาดและขยายการส่งออกข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศของไทยและจังหวัดบุรีรัมย์อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยแบ่งการประกวดเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทเกษตรกรรายบุคคล และประเภทสถาบันเกษตรกร สําหรับประเภทเกษตรกรรายบุคคล ต้องมีพื้นที่เพาะปลูกข้าวหอมมะลิไว้เพื่อจําหน่าย ไม่น้อยกว่า 5 ไร่ และประเภทสถาบันเกษตรเกษตรกร ต้องมีสมาชิกเกษตรกรชาวนาที่ปลูกข้าวหอมมะลิเพื่อจําหน่ายไม่น้อยกว่า 10 ราย และพื้นที่ต้องไม่น้อยกว่า 100 ไร่ ทั้งนี้ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ดําเนินการตัดสินการประกวดฯ รอบสุดท้าย เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ห้องประชุมศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวบุรีรัมย์ ซึ่งมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ (นายสิงหชัย ผ่องบุรุษ) เป็นประธาน และมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชมรมโรงสี ตัวแทนเกษตรกร เป็นกรรมการ โดยใช้หลักเกณฑ์การประกวดฯ ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กําหนดให้ข้าวหอมมะลิไทยเป็นสินค้ามาตรฐานและมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทย (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2549 และได้ดําเนินการตัดสินการประกวดฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว1.รางวัลประเภทเกษตรกรรายบุคคล จํานวน 4 รางวัล 1.1 รางวัลชนะเลิศ ได้แก่นายสุพิศ ออมนะภา อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ที่ 1 ตําบลโคกตูม อําเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับเงินรางวัลจํานวน 6,000 บาท พร้อมโล่และเกียรติบัตร 1.2 รางวัลรองชนะเลิศลําดับที่ 1 ได้แก่ นางเจียม ทํานา อยู่บ้านเลขที่ 191 หมู่ที่ 16 ตําบลจรเข้มาก อําเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับเงินรางวัลจํานวน 5,000 บาท พร้อมโล่และเกียรติบัตร 1.3 รางวัลรองชนะเลิศลําดับที่ 2 ได้แก่ นางพรทิพย์ เทียมสุข อยู่บ้านเลขที่ 270 หมู่ที่ 3 ตําบลจรเข้มาก อําเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับเงินรางวัลจํานวน 4,000 บาท พร้อมโล่และเกียรติบัตร 1.4 รางวัลชมเชย ได้แก่ นายสะอาด ทํานา อยู่บ้านเลขที่ 233/2 หมู่ที่ 16 ตําบลจรเข้มาก อําเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับเงินรางวัลจํานวน 3,๐๐๐ บาท พร้อมโล่และเกียรติบัตร2. ประเภทสถาบันเกษตรกร จํานวน 3 รางวัล 2.1 รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชน ตําบลจรเข้มาก เลขที่ 107 หมู่ที่ 6 ตําบลจรเข้มาก อําเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับเงินรางวัลจํานวน 10,๐๐๐ บาท พร้อมโล่และเกียรติบัตร 2.2 รางวัลรองชนะเลิศลําดับที่ 1 ได้แก่ กลุ่มข้าวอินทรีย์ดินภูเขาไฟ หมู่ที่ 8 ตําบลจรเข้มาก อําเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับเงินรางวัลจํานวน 8,๐๐๐ บาท พร้อมโล่และเกียรติบัตร 2.3 รางวัลรองชนะเลิศลําดับที่ 2 ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ข้าว ตําบลจรเข้มาก หมู่ที่ 6 บ้านโคกเมือง เลขที่ 304 หมู่ที่ 6 ตําบลจรเข้มาก อําเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับเงินรางวัลจํานวน 6,000 บาท พร้อมโล่และเกียรติบัตร#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
บุรีรัมย์
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดบุรีรัมย์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223184017027
| null |
จังหวัดตราด จัดงานจำหน่ายสินค้าตามโครงการ “พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย” (จังหวัดตราด)
|
(23 ก.พ. 66) นายชํานาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานเปิดงานจําหน่ายสินค้าตามโครงการ “พาณิชย์ ...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย” (จังหวัดตราด) ครั้งที่ 1 ซึ่งจังหวัดตราด โดยสํานักงานพาณิชย์จังหวัดตราด จัดขึ้นบริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดตราดนางวรัญญา ถนอมพันธ์ พาณิชย์จังหวัดตราด กล่าวว่า โครงการ “พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย” (จังหวัดตราด) จัดขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน รวมไปถึงเป็นการเพิ่มช่องทางการจําหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกร และผู้ผลิตสินค้า โดยกําหนดจัดขึ้นรวม 3 ครั้ง ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 - 25 กุมภาพันธ์ 2566 บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดตราด ตําบลบางพระ อําเภอเมืองตราด ครั้งที่ 2 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 - 4 มีนาคม 2566 บริเวณหาดทรายเทียม ตําบลแหลมงอบ อําเภอแหลมงอบ และครั้งที่ 3 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 -11 มีนาคม 2566 บริเวณวงเวียนสวนรุกขชาติ ตําบลวังกระแจะ อําเภอเมืองตราด โดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นการจําหน่ายสินค้าจําเป็นต่อการดํารงชีพให้กับประชาชน ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด อาทิ หมูเนื้อแดง เนื้อไก่ (น่องติดสะโพก) ไข่ไก่ เบอร์ 3 น้ําตาลทราย น้ํามันพืชปาล์ม ขนาด 1 ลิตร ข้าวสารหอมมะลิ ขนาดบรรจุ 5 กิโลกรัม ข้าวขาว 5 % ขนาดบรรจุ 5 กิโลกรัม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจําหน่ายสินค้าของกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน SMEs Startup ในพื้นที่และนอกพื้นที่ รวมทั้งการแสดงบนเวทีอีกด้วย อย่างไรก็ตามประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าราคาประหยัดจากการจัดงานนี้ ในระหว่างเวลา 09.00 – 21.00 น.#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคตะวันออก
|
ตราด
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223194106055
| null |
ไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ สร้างเศรษฐกิจของประเทศ
|
นางสุดฤทัย เลิศเกษม รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เปิดโครงการ “ศูนย์กลางบริการสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจไทย” (Press Briefing and Study Tour “Wellness Hub to Promote Healthcare and Strengthening the Thai Economy) ณ รักษ (รัก-ษะ) ศูนย์บริการสุขภาพและการแพทย์ อําเภอบางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีนางณัฐนันท์ รจนกร ผู้อํานวยการสํานักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ กรมประชาสัมพันธ์ ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยสื่อมวลชนต่างประเทศและสื่อมวลชนไทย จํานวน 30 คน เข้าร่วมโครงการ เพื่อส่งเสริมการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านความพร้อมการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ (Medical & Wellness Tourism) ของไทยรองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า กรมประชาสัมพันธ์ มีส่วนเผยแพร่ประชาสัมพันธ์นโยบายของรัฐบาลในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Hub) ศูนย์กลางบริการการแพทย์ (Medical Service Hub) ศูนย์กลางบริการวิชาการและงานวิจัย (Academic Hub) และศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Product Hub) สําหรับกิจกรรมครั้งนี้มุ่งเน้นความพร้อมของไทยด้านการเป็นศูนย์กลางส่งเสริมสุขภาพนานาชาติ (Wellness Hub) ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ของไทย หรือ Medical & Wellness Tourism และก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับโลก โดยพัฒนาศักยภาพของสถานบริการสุขภาพทุกระดับให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน ที่ผ่านมาไทยยังได้รับการยอมรับในระดับสากล เมื่อปี 2564 Medical Hub Tourism Association จัดอันดับให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยติดอันดับ 5 ของโลก ด้วยเหตุผลด้านแพทย์ไทยมีศักยภาพและชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ คุณภาพและมาตรฐานการรักษาในระดับสากล ค่ารักษาพยาบาลที่สมเหตุสมผล รวมถึงความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลยังได้อํานวยความสะดวกผู้ที่เดินทางมาใช้บริการด้านสุขภาพ โดยขยายระยะเวลาพํานักในราชอาณาจักรไทยรวม 90 วัน สําหรับผู้ป่วยและผู้ติดตาม กรณีเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลในกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงการขยายระยะเวลาพํานักในราชอาณาจักรไทยสําหรับกลุ่มพํานักระยะยาว(Long Stay) จากเดิม 1 ปี ขยายเป็น 10 ปีผู้อํานวยการสํานักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ กล่าวถึงการนําเสนอ รักษ ศูนย์บริการทางการแพทย์และสุขภาพ ให้กับสื่อมวลชนในวันนี้ เนื่องจาก รักษ เป็นหนึ่งในสถานประกอบการด้านสุขภาพของไทยที่ประสบความสําเร็จ ให้บริการครบวงจรทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยและการแพทย์แผนดั้งเดิม ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ มีมาตรฐานการบริการที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นชาวต่างประเทศ อย่างไรก็ดี สถานบริการด้านสุขภาพที่ได้มาตรฐานสามารถพบได้ทั่วประเทศ และให้บริการที่หลากหลายส่วนกิจกรรมช่วงเสวนา สื่อมวลชนได้รับฟังภาพรวม ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ การส่งเสริมบริการสุขภาพดึงการท่องเที่ยวเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ความพร้อมของสถานประกอบการ ตลอดจนการสื่อสารการตลาดเพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยนายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นางกันยารัตน์ กุยสุวรรณ รองผู้อํานวยการส่วนส่งเสริมอุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และรับคําปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบันและแผนดั้งเดิม พร้อมศึกษานวัตกรรมในการดูแลสุขภาพ (Vitallife Scientific) เพื่อส่งเสริมสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัย และการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Wellness) อาทิ นวดแผนไทย นวดกดจุดฝ่าเท้า และนวดน้ํามัน เพื่อเป็นแนวทางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์การเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพควบคู่กับการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นที่รู้จักต่อไป
|
23/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
หน่วยงานสำนักข่าว
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223213027088
| null |
สำนักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ด้านราคาและปริมาณสินค้า พร้อมย้ำผู้ประกอบการหากจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้า มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
|
สํานักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ โดยกลุ่มกํากับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ด้านราคาและปริมาณสินค้า ณ ห้างสรรพสินค้า ตลาดสด ร้านจําหน่ายปุ๋ย และร้านจําหน่ายก๊าซหุงต้ม ในพื้นที่อําเภอเมืองบึงกาฬ จากการตรวจสอบพบว่า สินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค ราคาสินค้าส่วนใหญ่ยังคงทรงตัวจากวันที่ผ่านมา ยกเว้นหมูเนื้อแดงที่ปรับราคาลดลง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้กําชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ให้มีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าและบริการให้ชัดเจน และห้ามจําหน่ายในราคาที่สูงเกินสมควร หรือกักตุนสินค้าหากพบการกระทําความผิด สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน กรมการค้าภายใน 1569 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ สํานักงานพาณิชย์จังหวัดบึงกาฬ โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ หากพบการกระทําความผิดจริงจะมีความผิดตามมาตรา 28 และ มาตรา 29 แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้า มีโทษปรับ ไม่เกิน 10,000 บาท กรณีจําหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้า มีโทษจําคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
23/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
บึงกาฬ
|
สวท.บึงกาฬ
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223231033117
| null |
วิ่งเทรล เบตง Amazean Jungle Thailand by UTMB 2023 กวาดรายได้กว่า 232 ล้านบาท
|
Amazean Jungle Thailand by UTMB 2023 ดึงทั่วโลก หันมอง อ.เบตง ผ่านนักวิ่ง 30 ประเทศกวาดรายได้ กว่า 232 ล้านบาทผู้จัดแข่งขัน Amazean Jungle Thailand by UTMB 2023 แทบปาดน้ําตากับความสําเร็จ อย่างยิ่งใหญ่ ของการจัดการแข่งขันวิ่งเทรล ในสนามวิ่งเทรลระดับ world series ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน อ.เบตง จ.ยะลา กวาดรายได้รวม 232.49 ล้านบาท ซึ่งคิดเพียงรายได้รวมระหว่างวันที่ 17-19 ก.พ.66 ช่วงการจัดกิจกรรมวิ่งเทรลเท่านั้นยังไม่นับรวมถึงการจัดกิจกรรม BETONG Festival จัดกองทัพร้านค้ากว่า 70 ร้าน เทศกาลอาหารของดีเมืองเบตง และแคมเปญ วิ่ง เที่ยว ดื่ม กิน เช็คอิน @BETONG ตั้งแต่วันที่ 9-19 ก.พ. ล่วงหน้างานวิ่งเทรลไปหลายวัน232.49 ล้านบาท เป็นรายได้ที่จําแนกเป็น ค่าใช้จ่ายของผู้เข้าร่วมงาน กว่า 82 ล้านบาท การใช้จ่ายจัดงานของหน่วยงานรัฐ กว่า 35 ล้านบาท เกิดการจ้างงาน 879 ตําแหน่ง ส่งผลให้ภาครัฐ ได้รับรายได้ในรูปแบบภาษี ไม่น้อยกว่า 9.88 ล้านบาท โดยสํานักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุ ที่มาของรายได้ กว่า 232 ล้านบาท ว่า มีการสํารวจกลุ่มตัวอย่างจากผู้เข้าร่วมงาน แบ่งเป็นรายได้ที่ครอบคลุม ค่าที่พัก อาหาร เครื่องดื่ม ค่าเดินทาง ซื้อสินค้า ของที่ระลึก ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขความสําเร็จ เทียบได้กับ ‘ความประทับ’ “เบตงที่คุณไม่เคยเห็น” ผ่าน นักวิ่งกว่า 2,500 คน จาก 30 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะนักวิ่งมืออาชีพ ที่ลงทะเบียนแข่งขัน วิ่ง 100 ไมล์ (160 กิโลเมตร) จํานวน 75 คน มีการขึ้นโพสต์ใน facebook และสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ ถึง ความ Amazing ของเบตง เมืองเล็กท่ามกลางหุบเขา และข่าวคราวความไม่สงบ พร้อมกับเส้นทางวิ่งที่ สุดโหด ขึ้นเขา ลงห้วย และความงามของธรรมชาติ ที่ยังไม่ถูกทําลาย อย่าง ‘นักวิ่ง’ ผู้ใช้ชื่อเฟสบุ๊ค ‘Roongrote Bhornsawat’ ที่กล่าวถึง ‘ครั้งแรก@เบตง’ ว่า เป็นการเดินทางมาเบตงครั้งแรกในชีวิต ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความคิดเลยจริงๆ อาจเป็นเพราะเรื่องของการเดินทางที่รู้สึกว่า ไม่ค่อยสะดวก และข่าวสารเรื่องความมั่นคง ความปลอดภัยของ 3 จังหวัดชายแดนใต้...และจบโพสต์ ด้วยว่า “จนกว่าพวกเราจะได้มาสัมผัสเบตงด้วยตัวเอง มันดีต่อหัวใจ ดีต่อความรู้สึก ดีที่สุดในชีวิต สัญญากับตัวเอง ว่า จะกลับมาที่นี่อีกแน่นอน” เป็นข้อความทิ้งท้ายโพสต์ ของ Roongrote Bhornsawatนอกจากนี้ ยังมีนักวิ่งจากประเทศมาเลเซีย และประเทศจีน ที่โพสต์รีวิว เกี่ยวกับการเดินทางมาวิ่งในหุบเขา ป่าฮาลาบาลา เมืองเบตง ถ่ายทอดผ่านโซเชียลมีเดียทุกรูปแบบ ให้เพื่อนๆที่ยังไม่มา ได้มาสัมผัส เมืองเบตงด้วยตนเองพลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาฯ ศอ.บต. กล่าวถึงการจัดงานวิ่งเทรลว่า ปีที่แล้วเปิดระยะทางไกลที่สุด คือ 100 กิโลเมตร ส่วนปีนี้ได้รับการบรรจุเป็น world series สนามที่ 2 ของประเทศไทย จึงเปิดการวิ่งเต็มสปีด คือ 160 กิโลเมตร 100 กิโลเมตร 50 กิโลเมตร 25 กิโลเมตร 10 กิโลเมตร และมีประเภท saturday night run ชมเมืองเบตงในระยะ 5 กิโลเมตร“ในส่วนการวิ่งข้ามพรมแดน ไทย-มาเลเซีย ศอ.บต. ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีไว้ 7 ปี ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการนับปีที่ 1 อาจติดขัดเล็กน้อย แต่เชื่อว่าปีหน้า จะสามารถดําเนินการตามเป้าได้ ซึ่งการจัดงานดังกล่าว นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ก็หวังให้ ผู้แทนนักวิ่ง กว่า 30 ประเทศ สื่อสารภาพลักษณ์ของ เบตง ประเทศไทย และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีความรู้สึกว่า ดินแดนภาคใต้มีความน่าอยู่ น่ามาเยือน”อย่างไรก็ตาม สิ่งสําคัญอื่นใด คือ ‘การลดทอนความน่ากลัว’ ของพื้นที่ ในเรื่องความไม่สงบที่เกิดขึ้น จึงถือได้ว่า Amazean Jungle Thailand by UTMB 2023 บรรลุ “เป้าหมาย” ของการจัดงานวิ่งเทรลระดับโลก ในการดึงนักวิ่ง ให้เป็น ‘สื่อกลาง’ ถ่ายทอดความสวยงามของเบตง และชายแดนภาคใต้ ดึงสายตาคนทั่วโลก ให้หันกลับมามอง เบตง ประเทศไทยอีกครั้ง Amazean Jungle Thailand by UTMB สนาม world series ใต้สุดแดนสยาม สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ และทําให้คนทั้งโลกมองเห็น ‘เบตง’ ที่เปลี่ยนไปจากเดิม การวิ่งข้ามเขา ผ่านทะเลหมอก 360 องศา สวนดอกไม้เมืองหนาว สถาปัตยกรรมที่บ่งบอกถึงประเพณี อัตลักษณ์ ของผู้อยู่อาศัย หลากเชื้อชาติ หลายศาสนา แบบพหุวัฒนธรรม เป็น ความงามที่สงบเงียบ ไร้เหตุรุนแรง สิ่งที่น่าเสียดายในปีนี้ คงจะเป็นหมุดหมายในการวิ่งข้ามพรมแดน ไทย-มาเลเซีย ที่ ศอ.บต. เริ่มผลักดัน และหารือมาเลเซีย ตั้งแต่ได้รับการบรรจุ เป็นสนาม UTMB World Series แห่งที่ 2 ของไทย อย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 เพื่อเป็น ‘signature’ ของการวิ่งเทรล ใน ชายแดนภาคใต้ ที่ยังไม่มีประเทศและสนามใดริเริ่มดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความสําเร็จในการโปรโมท soft power แล้ว ผลที่จะได้ตามมาในด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ก็จะไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะ อ.เบตง จ.ยะลาเท่านั้น แต่จะขยายผลสู่พื้นที่อื่นๆในจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วยส่วนปีหน้า 2567 เตรียมกายให้พร้อมวิ่งข้ามพรมแดนไทย-มาเลเซีย ใน Amazean Jungle Thailand by UTMB 2024 แน่นอน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สทท.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225122545572
| null |
พลังงานจังหวัดระยอง สร้างจิตสำนึกการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดให้กับหน่วยงานภาครัฐสู่เมืองคาร์บอนต่ำ ลดการใช้พลังงานให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 20
|
นายวีรวิชญ์ ภมรสมิต พลังงานจังหวัดระยอง กล่าวว่า รัฐบาลได้มีการกําหนดมาตรการลดใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ โดยมีเป้าหมายลดการใช้พลังงานเข้มข้นขึ้น จากเดิมอย่างน้อยร้อยละ 10 เป็นอย่างน้อยร้อยละ 20 และกระทรวงพลังงานได้จัดทําแนวทางประหยัดพลังงานในหน่วยงานภาครัฐ และให้หน่วยงานภาครัฐกรอกข้อมูลรายงานการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ํามัน ในเว็บไซต์ www.e-report.energy.go.th โดยมีเป้าหมายให้ลดใช้พลังงานลงให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 20 ตามหลักเกณฑ์ของการประเมินตัวชี้วัดการลดใช้พลังงานของหน่วยงานราชการดังนั้น เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายของมาตรการลดใช้พลังงาน สํานักงานพลังงานจังหวัดระยอง ได้จัดกิจกรรมโครงการลดใช้พลังงานในภาครัฐ ฯ เพื่อสร้างจิตสํานึกการใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดให้กับหน่วยงานภาครัฐ ในจังหวัดระยองสู่เมืองคาร์บอนต่ํา โดยมุ่งเน้นการสร้างความตระหนักรู้การลดใช้พลังงานในสํานักงาน การใช้พลังงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การใช้พลังงานทดแทน และการกรอกข้อมูลการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ํามันของหน่วยงานในเว็บไซต์ www.e-report.go.th เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายการลดใช้พลังงานไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคตะวันออก
|
ระยอง
|
สวท.ระยอง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224095018166
| null |
จังหวัดปัตตานี พาณิชย์จังหวัดกระตุ้นเศรษฐกิจการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน จัดโครงการพาณิชย์ ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย
|
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ บริเวณลานศิลปวัฒนธรรม ถนนสายบุรี อําเภอเมืองปัตตานี ในระหว่างวันที่ 23 - 25 กุมภาพันธ์ 2566 สํานักงานพาณิชย์จังหวัดปัตตานี จัด "โครงการพาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย " จังหวัดปัตตานี ภายใต้คอนเซ็ปต์งาน "PATTIN DAY" วันของปัตตานี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน บรรเทาความเดือนร้อนลดภาระค่าครองชีพเพิ่มช่องทางการเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาประหยัดและให้ ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดําเนินกิจกรรมทั้งการจําหน่ายสินค้า การแสดง เปิดพื้นที่สาธารณะให้ทุกคน ได้มาแสดงความสามารถ โดยมีนางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมเปิดงาน มีประชาชนผู้สนใจและประชาชนเข้าร่วมโครงการฯรับบัตรคิวเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาประหยัดเป็นจํานวนมากซึ่งภายในงานได้กําหนดจําหน่ายสินค้าส่งเสริมการขาย จํานวน 5 รายการ ได้แก่- ไก่ น่องติดสะโพก จําหน่ายวันละ 60 กิโลกรัม ๆ ละ 60 บาท- ไข่ไก่ เบอร์ 2 - 3 จําหน่ายวันละ 900 แผง ๆ ละ 90 บาท- น้ําตาลทรายจําหน่ายวันละ 3,500 กิโลกรัม ๆ ละ 18 บาทจําหน่ายวันละ 3,000 ขวด ๆ ละ 40 บาท- ข้าวหอมมะลิ ถุงละ 5 กิโลกรัม จําหน่ายวันละ 130 ถุง ๆ ละ 110 บาท- ข้าวขาว ถุงละ 5 กิโลกรัม จําหน่ายวันละ 13 ถุง ๆ ละ 80 บาทโดยได้กําหนดจัดกิจกรรม 4 ครั้ง ครั้งที่ 1 บริเวณลานศิลปวัฒนธรรม ถนนสายบุรี อําเภอเมืองปัตตานี ในวันที่ 23 - 25 กุมภาพันธ์ 2566 ครั้งที่ 2 บริเวณหาดวาสุกรี ตําบลตะลุบัน อําเภอสายบุรี ในวันที่ 5 - 7 มีนาคม 2566 ครั้งที่ 3 บริเวณถนนปากน้ํา อําเภอเมืองปัตตานี ในวันที่ 10 - 12 มีนาคม 2566 ครั้งที่ 4 บริเวณหน้าที่ว่าการอําเภอโคกโพธิ์ ในวันที่ 15-17 มีนาคม 2566 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน โดยเปิดจําหน่ายสินค้าส่งเสริมการขาย๒ รอบ รอบแรก เวลา 10.30 น. และรอบสอง เวลา 17.30 น. สามารถเที่ยว ชม ชิม ช้อป และสินค้าอื่น ๆที่น่าสนใจอีกจํานวนมาก ตั้งแต่เวลา 10.00 น. - 21.00 น. ติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวได้ทาง สํานักงานพาณิชย์จังหวัดปัตตานี หรือ Facebook Fanpage : PATTINDAY ปัตถิ่นเดย์ ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปภาพ/ข่าว/บดินทร์ ส,ปชส,ปน,#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคใต้
|
ปัตตานี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224094013161
| null |
อบจ.ตรัง ประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการสถานีขนส่งโดยสารประจำทาง ครั้งที่ 1 พร้อมมีมติเลิกประกอบการขนส่งของรถโดยสารประจำทาง สายที่ 6 (สีม่วง) และสายที่ 9 (สีฟ้า)
|
นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกิจการสถานีขนส่งโดยสารประจําทาง ครั้งที่ 1/2566 ณ ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ชั้น 2 ซึ่งฝ่ายเลขาฯ การประชุมได้สรุปรายรับ รายจ่ายรถโดยสารประจําทาง ประจําปี 2565 (1 ตุลาคม 2564 – 30 กันยายน 2565) และแจ้งตารางเดินรถโดยสารประจําทาง และการปรับอัตราค่าโดยสารประจําทาง หมวด 1 สายที่ 6 (สีม่วง) และสายที่ 9 (สีฟ้า) ทั้งนี้ มีเรื่องเพื่อพิจารณา 1 เรื่อง คือ พิจารณาเลิกประกอบการขนส่งของรถโดยสารประจําทาง หมวด 1 สายที่ 6 (สีม่วง) และสายที่ 9 (สีฟ้า) ซึ่งปัจจุบันมีรถวิ่งบริการ รวมจํานวน 7 คัน (จากรถ 16 คัน) มีผู้ใช้บริการรถโดยสารประจําทางดังกล่าวจํานวนน้อย และการเดินรถบางเที่ยวไม่มีผู้ใช้บริการ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เลิกประกอบการฯตามเสนอเพื่อแก้ไขปัญหาที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี โดยหลังจากนี้จะต้องมีการดําเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบต่อไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคใต้
|
ตรัง
|
สวท.ตรัง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224094243162
| null |
ยอดจดทะเบียนธุรกิจเดือนมกราคม 2566 รวมกว่า 8,466 ราย ทุนจดทะเบียนกว่า 2 หมื่นล้านบาท
|
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยข้อมูลการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจําเดือนมกราคม 2566 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศ จํานวน 8,466 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนกว่า 20,847 ล้านบาท โดยธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร ขณะที่ ธุรกิจเลิกประกอบกิจการ มีจํานวน 1,297 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ 4,268 ล้านบาท ธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหารสําหรับธุรกิจดําเนินกิจการอยู่ มีจํานวนทั้งสิ้น(ณ วันที่ 31 ม.ค. 66) 857,511 ราย มูลค่าทุน 21.36 ล้านล้านบาท เป็นห้างหุ้นส่วนจํากัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 201,641 ราย บริษัทจํากัด 654,488 ราย และบริษัทมหาชนจํากัด 1,382 ราย นอกจากนี้ มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจ ทั้งสิ้น 52 ราย มีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,129 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 69 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และลดลงร้อยละ 47 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด 3 สัญชาติแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 14 ราย เงินลงทุน 3,588 ล้านบาท สิงคโปร์ 6 ราย เงินลงทุน 410 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา 6 ราย เงินลงทุน 9 ล้านบาท
|
24/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224104722183
| null |
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รับรางวัลชนะเลิศ “THAILAND SOCIAL AWARDS ครั้งที่ 11” นำองค์กรเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบ
|
นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ปีนี้ ททท. ได้รับรางวัลชนะเลิศ Best Brand Performance on Social Media สาขา Government & State Enterprise จากเวที THAILAND SOCIAL AWARDS ครั้งที่ 11 เป็นปีที่ 3 ซึ่งงานกล่าวจัดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 11 โดยถือเป็นเวทีระดับประเทศที่ได้จัดอันดับความสามารถในการใช้สื่อโซเชียลมีเดียขององค์กรธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ โดยมีคณะที่ปรึกษาจํานวน 18 คน อาทิ สายวิชาการ การตลาด สื่อและโฆษณา เข้ามาร่วมพิจารณาผลการตัดสิน ททท. มีเป้าหมายที่จะนําองค์กรไปสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล โดยการนําเทคโนโลยีสารสนเทศ และเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการทํางานอย่างกว้างขวาง และครอบคลุม ขณะที่ปัจจุบัน สื่อโซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นเพียงแค่ช่องทางการสื่อสารเท่านั้น แต่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับนักท่องเที่ยว
|
24/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224105217187
| null |
การบินไทย ผลประกอบการดีขึ้นติดต่อกัน 2 ไตรมาส มีกำไรกว่า 11,000 ล้านบาท
|
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทย จํากัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยว รวมถึงการปรับโครงสร้างทางธุรกิจและต้นทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จํากัด (มหาชน) ส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทการบินไทยฯ มีกําไรจากการดําเนินงานติดต่อกัน 2 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 เป็นต้นมา โดยทีกําไรสุทธิที่ 11,061 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันจองปีก่อนถึงร้อยละ 660 สําหรับผลการดําเนินงานของบริษัทการบินไทยฯ และบริษัทย่อย ตลอดปี 2565 ที่ผ่านมา มีรายได้รวม 105,041 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 342 จากปี 2564 ที่ 23,747 ล้านบาทอย่างไรก็ตาม ในปีนี้ (66) บริษัทการบินไทยฯ มีแผนปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จํากัดใหม่ ซึ่งเป็นการยุบรวมกิจการมาอยู่กับสายการบินไทย เพื่อให้การบริหารทรัพย์สินมีความคล่องตัวเพิ่มขึ้น ส่วนอัตราค่าโดยสารจะขึ้นอยู่กับข่วงดีมานและซับพลาย ไม่กระทบต่อราคาค่าโดยสารในอนาคตปัจจุบันบริษัทฯและบริษัทย่อยมีอากาศยานที่ใช้ทําการบิน รวมทั้งสิ้น 64 ลํา และในตารางการบินฤดูร้อน ปี 2566 ให้บริการเที่ยวบินสู่ 39 เส้นทางบินทั่วโลก พร้อมเพิ่มความถี่เที่ยวบินในเส้นทางบินยุโรป ออสเตรเลีย เอเชีย เช่น โตเกียว (นาริตะ และฮาเนดะ) โอซากา โซล ไทเป ฮ่องกง สิงคโปร์ เป็นต้น และกลับมาให้บริการเส้นทางบินเพิ่มเติมในเส้นทางประเทศจีนในช่วงต้นปี เพื่อรองรับการเดินทางที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเร่งขยายขนาดฝูงบินให้เพียงพอต่อแผนเส้นทางบินและจํานวนเที่ยวบิน ที่คาดว่าการเติบโตจะสอดคล้องตัวเลขของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่ประเมินไว้ตลอดปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวประมาณ 25 ล้านคน ซึ่งปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการสายการบินไทย และไทยสมายล์ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประมาณ 34,000 คนต่อวัน
|
24/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224111149207
| null |
จังหวัดลำพูน ขอเชิญเที่ยวงานและเลือกซื้อสินค้าผ้าฝ้ายทอมือ ผ้าบาติก และผลิตภัณฑ์ของดีตำบลแม่แรง อำเภอป่าซาง
|
จังหวัดลําพูนขอเชิญชวนผู้สนใจเลือกซื้อสินค้าผ้าฝ้ายทอมือ ผ้าบาติก และผลิตภัณฑ์ของดีตําบลแม่แรง อําเภอป่าซาง ในงาน “บาติกงามพร้อม มัดย้อมงามตา งานผ้ากองงาม” ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม - 2 เมษายน 2566 ณ บ้านกองงาม,“งานแต่งสีอวดลาย ผ้าฝ้ายดอนหลวง” ครั้งที่ 18 ระหว่างวันที่ 7-11 เมษายน 2566 ณ บ้านดอนหลวง และ “งานสืบสานตํานานฝ้ายงามหนองเงือก” ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 9 -12 เมษายน 2566 ณ บ้านหนองเงือกวันนี้ (24 ก.พ.66 ) นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลําพูน พร้อมด้วย นายภัทรพล ผัดดวงธรรม นายอําเภอป่าซาง, นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลําพูน, นายจักรกฤษรณ์ เอ่งฉ้วน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลําพูน และนายเอกพงศ์ ทุนอินทร์ นายกเทศมนตรีตําบลแม่แรง ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน “บาติกงามพร้อม มัดย้อมงามตา งานผ้ากองงาม” ครั้งที่ 10, “งานแต่งสีอวดลาย ผ้าฝ้ายดอนหลวง” ครั้งที่ 187 และ “งานสืบสานตํานานฝ้ายงามหนองเงือก” ครั้งที่ 14 ประจําปี 2566 เพื่ออนุรักษ์สืบสานขนบธรรมเนียมของชุมชนตําบลแม่แรง เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้ายทอมือ ผ้าบาติก ผ้ามัดย้อม และผลิตภัณฑ์จากผ้าของชุมชนตําบลแม่แรงให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ตลอดจนกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้สู่ชุมชน และจังหวัดมากยิ่งขึ้นในปีนี้เทศบาลตําบลแม่แรง ได้กําหนดจัดงานทั้ง 3 งาน ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งงานแรกคือ “งานบาติกงามพร้อม มัดย้อมงามตา งานผ้ากองงาม” ครั้งที่ 10 กําหนดจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม - 2 เมษายน 2566 ณ บริเวณหน้าวัดป่าเหียง บ้านกองงาม ในงานพบกับการเปิดร้านจําหน่ายผ้ามัดย้อมละผ้าบาติก รวมถึงผลิตภัณฑ์ของดีบ้านกองงาม และหมู่บ้านใกล้เคียง ชมการสาธิตขั้นตอน กระบวนการผลิตจากผ้าบาติกและผ้ามัดย้อม, การประกวดธิดาบาติก และชมการแสดงแฟชั่นโชว์หนูน้อยบาติก งานที่ 2 คือ “งานแต่งสีอวดลาย ผ้าฝ้ายดอนหลวง” ครั้งที่ 18 กําหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-11 เมษายน 2566 ณ บริเวณหน้าวัดดอนหลวง ลักษณะของการจัดงานเป็นแบบ “กาดปื้นเฮือน” จะเป็นช่วงเวลาของการลดราคาสินค้าประจําปี (สินค้าหัตถกรรมผ้าฝ้ายทอมือ) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวรวมทั้งผู้ที่สนใจ ผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้ายทอมือ ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย เช่น การสาธิตการทอผ้าฝ้ายพื้นเมือง การจําหน่ายอาหารพื้นเมือง(กาดหมั้ว) ลานขันโตก การแสดงพื้นเมืองจากชาวบ้านและนักเรียนในชุมชน และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย และงานที่ 3 คือ “งานสืบสานตํานาน ฝ้ายงามหนองเงือก” ครั้งที่ 14 กําหนดจัดระหว่างวันที่ 9-12 เมษายน 2566 ณ บริเวณหน้าวัดหนองเงือก ลักษณะของการจัดงานจะคล้ายคลึงกับงานที่ 2 แต่เพิ่มเติมในด้านผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้ายนาโน ที่หมู่บ้านนี้ได้คัดเลือกให้เป็นแกนนําหลักของเครือข่ายกลุ่มทอผ้าของจังหวัดลําพูนอีกด้วยจึงขอเชิญชวนผู้สนใจเยี่ยมชมและเลือกซื้อสินค้า ผลิตภัณฑ์จากผ้า ของดีตําบลแม่แรง อําเภอป่าซาง จังหวัดลําพูน ในวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าวโดยทั่วกัน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่...https://lamphun.prd.go.th/th/page/item/index/id/12#PRLAMPHUN#ลําพูนไม่ลําพังรวมพลังเพื่อคนลําพูน
|
24/2/2023
|
ภาคเหนือ
|
ลำพูน
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำพูน
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224132503261
| null |
นายกรัฐมนตรี มุ่งขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจ SME ให้เข้มแข็ง ย้ำให้เข้าถึงการดูแลของภาครัฐให้มากยิ่งขึ้น
|
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทําเนียบรัฐบาล ว่าสถานการณ์หลายๆ อย่างจะดีขึ้น เพราะด้านการท่องเที่ยวกําลังเป็นที่นิยม ทั้งแหล่งท่องเที่ยว ที่พัก และอาหาร ทําให้วันนี้มีสัดส่วนทาง GDP เพิ่มขึ้น ส่วนด้านราคาสินค้าเกษตรที่ส่งออกตอนนี้ ยอบรับว่ายังมีปัญหาหลายอย่าง ขอให้อย่าตื่นตระหนกและมองว่าประเทศไทยไม่ได้แย่กว่าประเทศอื่นๆ เพราะรัฐบาลมีคณะทํางานดูแลเรื่องนี้ สําหรับด้านการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจ SME ให้เข้มแข็ง สอดคล้องกับนโยบายใหม่ทางศรษฐกิจนั้น ตอนนี้มองว่าจะทําอย่างไรให้กลุ่มธุรกิจ SME เข้าถึงการดูแลของภาครัฐให้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งอยากให้ทุกคนให้กําลังใจซึ่งกันและกัน และร่วมกันแก้ไขปัญหา ส่วนตนเองก็จะรับฟังสิ่งที่ต้องแก้ไขและนําไปปรับปรุง
|
24/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224142533314
| null |
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันมีนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวอย่างคึกคัก สามารถจัดเก็บรายได้เฉลี่ยวันละ 9 แสน – 1 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน จะยังคงมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
|
นายศรายุทธ ปาโส หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน กล่าวว่า ยอดนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันเฉพาะช่วงเดือนมกราคมจนถึงเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าเยี่ยมชมอุทยานกว่า 1,500-2,500 คนต่อวัน โดยในเดือนมกราคม มีนักท่องเที่ยวชาวไทย 11,911 คน นักท่องเที่ยวต่างชาติ 38,388 คน รวมนักท่องเที่ยวทั้งหมดจํานวน 50,299 คน สามารถจัดเก็บรายได้มูลค่า 20,196,600 บาท ขณะที่ ช่วงวันที่ 12-21 กุมภาพันธ์ 2566 พบว่า มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เฉลี่ยวันละ 2,000-2,500 คน คาดการณ์ว่าตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์ จะสามารถจัดเก็บรายได้ไม่ต่ํากว่า 25-30 ล้านบาท เฉลี่ยวันละ 900,000 – 1,000,000 บาท ส่วนข้อมูลเฉพาะวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 สามารถจัดเก็บรายได้ 1,083,850 จํานวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด 2,378 คน จํานวนเรือบรรทุกผู้โดยสารทั้งหมด 80 ลํา ทั้งนี้ คาดว่าช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนจะยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวชมความสวยงามของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันทางอุทยานใช้ระบบ E-Ticket แบบ 100 เปอร์เซ็นต์โดยต้องซื้อบัตรค่าบริการเองผ่านแอพลิเคชั่น QueQ QueQ ยกเว้นนักท่องเที่ยวที่ซื้อบัตรโดยสารผ่านบริษัทเรือนําเที่ยว จะได้รับบริการแบบเบ็ดเสร็จจากเรือนําเที่ยวสําหรับอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมธรรมชาติทั้งที่เกาะสี่และเกาะแปด หรือเกาะหินเรือใบตลอดจนการดําน้ําชมโลกใต้ทะเลไปจนถึงวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ก่อนปิดทําการท่องเที่ยวในช่วงฤดูมรสุมโดยสามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 076 453 272 และเพจเฟสบุกส์ อุทยานแห่งชาคิหมู่เกาะสิมิลัน #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคใต้
|
พังงา
|
สวท.พังงา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224151633356
| null |
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นประธานเปิดงานประชุมสัมมนามันสําปะหลังโลกปี 2566 โชว์วิชั่น! “ไทยเป็นคลังมันสำปะหลังป้อนโลก” พร้อมจับคู่ขายมันฯ แล้วร่วม 10 ล้านตัน สร้างเงินเข้าไทยเพิ่มอีก 20,000 ลบ. หลังสำเร็จเปิดตลาดฟิลิปปินส์ 20,000 ลบ.
|
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 14.00 น.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานประชุมสัมมนามันสําปะหลังโลกปี 2566 (World Tapioca Conference 2023) และปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “นโยบายการบริหารจัดการมันสําปะหลังของไทย” พร้อมด้วย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ สมาคมชาวไร่มันสําปะหลังแห่งประเทศไทย สมาคมการค้ามันสําปะหลังไทย (TTTA) สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสําปะหลังไทย (TTPFA) สมาคมโรงงานผู้ผลิตมันสําปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(NETTA) และผู้แทนภาครัฐและเอกชน ที่มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีสุรนารี โดยเมื่อนายจุรินทร์เดินทางมาถึง มีเกษตรกรและชาวโคราชมารอรับจํานวนมาก มอบดอกไม้ชูป้ายให้กําลังใจ พร้อมขอถ่ายรูปเซลฟี่กับนายจุรินทร์ และอวยพรขอให้เป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยหน้า บรรยากาศสุดคึกคักโดยในงาน นายจุรินทร์ กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมาถือเป็นเมืองหลวงของมันสําปะหลัง เพาะปลูกและแปรรูปมากที่สุดในประเทศไทย งานนี้มี 5 กิจกรรม 1.สัมมนาเชิงวิชาการ 2 แลกเปลี่ยนข้อมูลประสบการณ์ด้านการค้ามันสําปะหลัง 3. นิทรรศการมันสําปะหลัง 4.การจับคู่เจรจาธุรกิจ และ 5. การลงนาม MOU ซื้อขายมันสําปะหลังไทยกับต่างประเทศ มีการลงนามกับ 3 ประเทศ 1)ฮ่องกง 2)ตุรกีและ3)จีน คิดเป็นปริมาณมันสําปะหลังสดเกือบ 5 ล้านตัน มูลค่าเกือบ 20,000 ล้านบาท เป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี ที่กระทรวงพาณิชย์ เอกชน ผู้เกี่ยวข้องและตนนําผู้ซื้อจากต่างประเทศ ซื้อมันสําปะหลังไทยล็อคใหญ่ ก่อนนี้ได้พาตลาดประเทศฟิลิปปินส์มาซื้อ ประมาณ 5 ล้านตันหัวมันสด มูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาทที่ปากช่อง ปีนี้ขายล่วงหน้าหัวมันสดแล้ว 10 ล้านตัน สร้างเงินให้ประเทศไทยร่วม 40,000 ล้านบาท จะทําให้ราคามันสําปะหลังปีนี้ดีขึ้นมีช่องทางระบายไปตลาดต่างประเทศ เกิดผลดีกับเกษตรกร ประเทศไทยให้ความสําคัญกับมันสําปะหลังเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นพืชเกษตรที่ปลูกมากเป็นลําดับที่ 3 ของโลก ประเทศไนจีเรียผลิตประมาณปีละ 63 ล้านตัน คองโกประมาณปีละ 46 ล้านตันและไทยปีละ 30 ล้านตัน มีเกษตรกรกว่า 500,000 ครัวเรือนทําไร่มันสําปะหลัง และการส่งออกมันสําปะหลังประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ส่งออกลําดับหนึ่งของโลก ปี 2565 ส่งออกหัวมันสด 37 ล้านตัน ทําเงินให้ประเทศ 4,400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 150,000 ล้านบาท บวกถึง 11% รัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯและตน ได้กําหนดยุทธศาสตร์มันสําปะหลังไทย 5 ปี ตั้งแต่ 2564-2567 ทั้งการผลิต การตลาดและการแปรรูป เพื่อกําหนดทิศทางที่ชัดเจนพามันสําปะหลังไทยก้าวหน้าในเวทีโลก ด้านการผลิต มีการวิจัยพัฒนา สร้างท่อนพันธุ์ที่มีศักยภาพ ต้านทานโรคใบด่าง ตั้งเป้าผลผลิตไม่น้อยกว่า 5 ตันต่อไร่ ภายในปี 2567 จะเพิ่มผลผลิตต่อปีจาก 30 ล้านตันเป็น 40 ล้านตัน สนองความต้องการของโลก ด้านการแปรรูป มุ่งเน้นทั้งมันเส้น แป้งมัน สาคู ในอนาคตจะเพิ่มอีกหลายชนิดที่มีศักยภาพครองตลาดโลกมากขึ้น เช่น ไบโอพลาสติก อาหาร เครื่องดื่ม กาว กระดาษ แป้งมันปลอดกลูเตนที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับโลก ด้านการตลาดจะจับมือกับเอกชนเปิดตลาดใหม่ เช่น ประเทศฟิลิปปินส์ที่สําเร็จแล้ว และตุรกี นิวซีแลนด์ นอกจากจีนที่เป็นตลาดหลัก กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ รัฐบาลยังมีนโยบายเร่งรัดยกระดับราคามันสําปะหลัง ถือเป็นยุคหนึ่งที่ประสบความสําเร็จอย่างยิ่ง อดีตกิโลกรัมละบาทกว่า ยุคนี้ราคาพุ่งต่อเนื่อง 2 ปีเต็ม วันนี้ที่เชื้อแป้ง 25% ราคามัน 3.15-3.50 บาท/กก. แต่ถ้าวันไหนราคาตกต่ํากว่ากิโลกรัมละ 2.50 บาท มีประกันรายได้เกษตรกร จ่ายเงินชดเชยให้เกษตรกรโอนเงินส่วนต่างเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง ตามรายได้ที่ประกันให้หลักประกันกับเกษตรกรผู้ปลูกเพื่อมีรายได้พอยังชีพ ไม่เลิกการปลูกมันสําปะหลัง และให้ประเทศไทยเป็นคลังมันสําปะหลังป้อนโลกต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน “การประชุมครั้งนี้จะเป็นเวทีสําคัญให้ทุกประเทศที่ร่วมประชุมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ประสบการณ์กําหนดทิศทางอนาคตมันสําปะหลังไทยและโลกต่อไปในอนาคตประเทศไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกประเทศในโลกที่เกี่ยวกับการผลิต การแปรรูป และการตลาดมันสําปะหลัง ประเทศไทยมีนโยบายทิศทางชัดเจนในการผลิตมันสําปะหลังคุณภาพได้มาตรฐานป้อนโลก และสร้างความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมโลกต่อไป” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าว#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครราชสีมา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224161534382
| null |
สภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566
|
นายชริน ธํารงเกียรติกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตได้มีการจัดประชุมใหญ่สามัญประจําปี 2566 โดยมีนายดนัย สุนันทารอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมและมี นายกิจก้อง ตันติจริยวโรดม รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายพีระ เพียรพาณิชย์ ที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรมภาคใต้ กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสมาชิกสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ นายชริน กล่าวต่อไปว่า ก่อนการประชุมในครั้งนี้ ได้มีการบรรยายพิเศษในหัวข้อโครงการคมนาคมของภูเก็ต และเรื่องทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจภาครัฐต่ออุตสาหกรรมดิจิทัล หลังจากนั้นเป็นการประชุมใหญ่เพื่อเป็นการรายงานผลการปฏิบัติงานในรอบปีที่ผ่านมาและการวางแนวทางในการทํางานเพื่อผลักดันโครงการต่าง ๆ ที่วางไว้ให้เป็นรูปธรรมต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคใต้
|
ภูเก็ต
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224163413396
| null |
นักธุรกิจ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ หารือร่วม เลขาธิการ ศอ.บต. ลงทุนในพื้นที่ จชต.
|
วันนี้ (24 ก.พ.66) ที่ห้องรับรองเลขาธิการ ศอ.บต. ชั้น 3 อาคารอเนกประสงค์ ศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อํานวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ต้อนรับคณะนักธุรกิจและตัวแทนบริษัทที่ปรึกษาการค้าจากประเทศมาเลเชีย อินโดนีเชีย และสิงคโปร์ ที่มีความสนใจมาลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะฯ เข้าเยี่ยมคารวะเลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมรับฟังข้อมูลภาพรวมของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ศอ.บต. เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนตามแนวนโยบาย ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทางนักธุรกิจจากต่างประเทศให้ความสนใจ โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านและมีกําลังทั้งการซื้อและการลงทุนเป็นจํานวนมาก ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สิ่งที่น่าสนใจคืออาหารแปรรูปฮาลาล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีทรัพยากรและความพร้อมอยู่แล้ว ซึ่งหากจะมีการลงทุนร่วมก็เป็นที่น่ายินดีเลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวอีกว่า ศอ.บต. ถือเป็นหน่วยนําด้านการพัฒนาเมื่อมีหนักธุรกิจสนใจมาลงทุนนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีต่อประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะจะทําให้มีอัตราการจ้างงานที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม และที่สําคัญทุกคนให้ความสนใจทุกมิติในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเรื่องฮาลาล ไม่ว่าจะเป็นสินค้าฮาลาล การท่องเที่ยวฮาลาล ด้านการแพทย์ฮาลาล สุขภาพฮาลาล และนโยบายของรัฐบาลที่ได้ส่งเสริมการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมาตรการต่างๆ ถึงการลงทุน BOI มาตรการด้านภาษี และที่สําคัญ ทุกคนที่มาในครั้งนี้ ชื่นชอบคนไทย และอาหารไทย เพราะคนไทยมีความอัธยาศัยไมตรีที่ดีมาก ถึงแม้เงินคือสิ่งสําคัญแต่ไม่ใช่ที่สุด เพราะองค์ประกอบด้านอื่นมากกว่าที่ชื่นชอบ โดยเฉพาะคนไทย#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สทท.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224164719402
| null |
คณะกรรมการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนจังหวัดตราด ผ่านการพิจารณาเห็นชอบและรับรองให้แสดงเครื่องหมาย มผช. สินค้าชุมชน 12 รายการ
|
วันนี้ (24 ก.พ.66) นายชํานาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด มอบหมายให้ นายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนจังหวัดตราด ครั้งที่ 1/2566 ซึ่งจังหวัดตราด โดยสํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตราด โดยนายวสันต์ นิสัยมั่น อุตสาหกรรรมจังหวัดตราด ในฐานะกรรมการและเลขานุการของคณะกรรมการฯ จัดขึ้น โดยมีคณะกรรมการจากหน่วยงานต่าง ๆ เข้าร่วมที่ห้องประชุมสํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตราดสําหรับการประชุมคณะกรรมการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชนจังหวัดตราด ซึ่งสํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตราดได้รายงานต่อที่ประชุมถึงผลการตรวจสอบผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่ผ่านการประเมินแล้วจํานวน 12 คําขอ เพื่อให้คณะกรรมการพิจารณาผ่านความเห็นชอบและรับรองให้แสดงเครื่องหมายมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.) โดยมีผลิตภัณฑ์ชุมชน 12 รายการ ประกอบด้วย ผ้าทอลายขัด ชนิดเส้นไหมแท้ ตะกร้าสานจากเส้นพลาสติก กระเป๋าสานจากเส้นพลาสติก ดอกไม้จากหลอดพลาสติก ผ้ามัดย้อม ชนิดเส้นใยประดิษฐ์ (สีน้ําตาลจากเปลือกมังคุด กล้วยตาก งานประดิษฐ์จากผ้า (มาลัยผ้าขาวม้า ผลิตภัณฑ์จากหลอดพลาสติก กล้วยหอมชีส กล้วยหอมบาบีคิว น้ําเคย และผ้าพิมพ์ลายจากพืช ชนิดเส้นใยธรรมชาติ (ฝ้าย)#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคตะวันออก
|
ตราด
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224194416447
| null |
อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ชูแลนด์มาร์คแห่งใหม่หาดพยูน จัดงานสตรีทฟู้ด@หาดพยูน’ ชวน นทท.เลือกชิม ช้อปอาหารทะเล-สินค้าโอทอป
|
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.พ.66 ที่บริเวณชายหาดพยูน ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง นายกิติพงษ์ อุระวัตร นอภ.บ้านฉาง เป็นประธานเปิดงานสตรีทฟู้ด@หาดพยูน ครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นโดยเทศบาลตําบลบ้านฉาง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนริช 865 และผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหารในพื้นที่ จัดขึ้นทุกสุดสัปดาห์ของเดือน ซึ่งเดือน ก.พ.นี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 - 26 ก.พ.นี้ มีนายสุชิน พูลหิรัญ นายกเทศมนตรีตําบลบ้านฉาง นําผู้บริหาร เจ้าหน้าที่เทศบาลตําบลบ้านฉาง ประชาชนร่วมพิธีเปิด และร่วมบวงสรวงพระบรมรูปจําลองสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากในงานจะมีการออกบูธจําหน่ายอาหารทะเลสดๆ และสินค้าโอทอปแล้ว ผู้เข้าเที่ยวชมงานยังจะได้นั่งชมวิวทิวทัศน์แสนสวย ที่ริมชายหาดพยูน ถ่ายภาพกับชายหาด-พระอาทิตย์ในทะเล ซึ่งได้จัดสถานที่ไว้ถ่ายภาพ เช็คอิน สมกับเป็นจุดแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ อ.บ้านฉาง รวมทั้งตลอดการจัดงานทั้ง 3 วัน ยังมีการแข่งขันวอลเลย์บอลชายหาด และมีทีมวอลเลย์บอลชายหาดทีมชาติไทยจะมาร่วมแข่งขันคู่เศษด้วย และมีกิจกรรมเชิญชวนหนุ่มสาว K-POP T-POP ร่วมสนุกกับ Random Dance อีกด้วย#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคตะวันออก
|
ระยอง
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224185809431
| null |
มทร.ศรีวิชัย ต้อนรับคณะติดตามความคืบหน้าโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและแก้ไขความยากจนด้วยการเพิ่มขีดความสามารถการผลิตและการตลาดของเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราช
|
ศาสตราจารย์ กิตติคุณ ดร.เปี่ยมศักดิ์ เมนะเศวต นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.สุวัจน์ ธัญรส อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมคิด ชัยเพชร รองอธิการบดีประจําวิทยาเขตนครศรีธรรมราช อาจารย์สมยศ ศรีเพิ่ม ผู้ช่วยอธิการบดีประจําวิทยาเขตนครศรีธรรมราช และคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ให้การต้อนรับ พลเอกประสาท สุขเกษตร รองประธานคณะกรรมาธิการ ประธานการประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและแก้ไขความยากจนด้วยการเพิ่มขีดความสามารถการผลิตและการตลาดของเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย นายสวัสดิ์ สมัครพงศ์ กรรมาธิการ คณะกรรมาธิการการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม วุฒิสภา คณะกรรมการวิจัย (วช) หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และแขกผู้มีเกียรติ ในการร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและแก้ไขความยากจนด้วยการเพิ่มขีดความสามารถการผลิตและการตลาดของเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งประกอบด้วย 3 โครงการ 1. โครงการการยกระดับการผลิตและตลาดโคเนื้อลิกอร์สู่การแข่งขันเชิงพาณิชย์ 2. โครงการการพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์เครื่องแกงเมืองนครบนฐานทรัพยากรพื้นถิ่นสู่ตลาดการแข่งขัน 3. โครงการการเสริมศักยภาพเกษตรกรผู้เลี้ยงปูขาวด้วยการยกระดับระบบการผลิต และการจัดการผลผลิตอย่างครบวงจร ณ ห้องประชุมวิธานสันติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตนครศรีธรรมราช (ไสใหญ่) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยเป็นมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการสร้างผลงานวิจัยและบริการ ทางด้านวิชาการองค์ความรู้สู่ชุมชน มีการบูรณาการกับการเรียนการสอน และพันธกิจอื่นๆ ที่สําคัญของ มหาวิทยาลัยอย่างเป็นระบบ ซึ่งสิ่งสําคัญที่ได้จากผลงานวิจัยต้องก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จริงในด้านชุมชน สังคม และนําไปสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างมูลค่าให้กับชุมชน สังคม และสามารถลดต้นทุนด้าน กระบวนการผลิต โดยการนําองค์ความรู้อันเป็นผลกระทบที่เกิดจากการวิจัยสู่การพัฒนาชุมชน ท้องถิ่น และสังคม เป็นกลไกสําคัญในการขับเคลื่อนชุมชนในพื้นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยให้หลุดพ้นจากความยากจน ภายใต้กระบวนการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้และวิจัยเชิงปฏิบัติการที่มีความสัมพันธ์กับบริบทชุมชนนั้น รวมถึงสามารถสร้างงานและสร้างอาชีพทางเลือกให้กับเกษตรกร ผู้ประกอบการ และอาชีพเสริมในด้านอื่นๆ ให้กับเกษตรกรในชุมชนอย่างยั่งยืน และเนื่องจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัยได้ลงพื้นที่เพื่อทําการวิจัยในพื้นที่ พบว่าสินค้าเกษตร และผลิตภัณฑ์ของชุมชนมีหลากหลายระดับตั้งแต่สินค้าที่ยังไม่ได้รับรองมาตรฐานและได้รับรองมาตรฐาน สินค้าเกษตรปลอดภัย โดยภาครัฐมีโครงการเกษตรแปลงใหญ่และ Mega farm เพื่อการบริหารจัดการที่ดีเพื่อ ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการมีอํานาจต่อรอง เกษตรกรเป็นผู้ประกอบการชุมชนเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีกลุ่มเป้าหมายใน พื้นที่ ในพื้นที่อําเภอชะอวด อําเภอปากพนัง อําเภอทุ่งสง อําเภอบางขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยการดําเนินโครงการวิจัยดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการเชื่อมโยงของเครือข่ายเกษตรกรรายอื่นๆ ในพื้นที่เป้าหมาย เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับภาคเกษตรกรรม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และชุมชุนอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้เศรษฐกิจฐานรากเกิดการฟื้นฟูและสามารถขับเคลื่อนต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพ การดําเนินการโครงการในครั้งนี้ยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถการผลิตและการตลาดของเกษตรกรจังหวัดนครศรีธรรมราช วิเคราะห์ต้นทุนผล ตอบแทน และการกระจายรายได้ของผู้ประกอบการชุมชนในจังหวัดนครศรีธรรมราช สังเคราะห์และจัดการองค์ความรู้ภายใต้ชุดโครงการวิจัยการเพิ่มขีดความสามารถเกษตรกรให้เป็น ผู้ประกอบการชุมชนเพื่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคใต้
|
สุราษฎร์ธานี
| null |
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224191426436
| null |
จังหวัดอุทัยธานี จัดงานจำหน่ายสินค้าตามโครงการ “พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย” จังหวัดอุทัยธานี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน
|
เวลา 16.30 น. วันนี้ (24 ก.พ.66) นายพีระพล ตัณฑโอภาส รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี เป็นประธานเปิดงานจําหน่ายสินค้าตามโครงการ “พาณิชย์ ...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย” ครั้งที่ 1 จังหวัดอุทัยธานี โดยมีส่วนราชการ ผู้ประกอบการร้านค้า ภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เข้าร่วมงาน และรับฟังวัตถุประสงค์การจัดงานจาก นางวิมล เจริญฤทธิ์ พาณิชย์จังหวัดอุทัยธานีโครงการ “พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย” จังหวัดอุทัยธานี จัดขึ้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน รวมไปถึงเป็นการเพิ่มช่องทางการจําหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกร และผู้ผลิตสินค้า โดยกําหนดจัดขึ้นรวม 3 ครั้ง ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 - 26 กุมภาพันธ์ 2566 บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอําเภอบ้านไร่ อําเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ครั้งที่ 2 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 - 5 มีนาคม 2566 บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอําเภอลานสัก อําเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี และครั้งที่ 3 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 -12 มีนาคม 2566 บริเวณลานวัดสังกัสรัตนคีรี อําเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานีโดยกิจกรรมดังกล่าวเป็นการจําหน่ายสินค้าจําเป็นต่อการดํารงชีพให้กับประชาชน ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด อาทิ หมูเนื้อแดง 1 กก.ราคา 150 บาท เนื้อไก่ (น่องติดสะโพก) 1 กก.ราคา 60 บาท ไข่ไก่ เบอร์ 3 1 แผง ราคา 80 บาท น้ําตาลทราย 1 กก.ราคา 17 บาท น้ํามันพืชปาล์ม ขนาด 1 ลิตร ราคา 39 บาท ข้าวสารหอมมะลิ ขนาดบรรจุ 5 กก.ราคา 110 บาท ข้าวขาว 5 % ขนาดบรรจุ 5 กก. ราคา 80 บาท เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจําหน่ายสินค้าของกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน SMEs Startup ในพื้นที่และนอกพื้นที่ รวมทั้งการแสดงบนเวทีอีกด้วย#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
อุทัยธานี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุทัยธานี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224200913458
| null |
จังหวัดชุมพรชวนคอกาแฟสะสมแต้มรับรางวัลสุดยอดนักดื่มกาแฟโรบัสตาชุมพร
|
วันนี้ (24 ก.พ. 66) เวลา 14.45 น. นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในงานแถลงข่าวโครงการส่งเสริมการบริโภคกาแฟโรบัสตาจังหวัดชุมพร เพื่อส่งเสริมการบริโภคกาแฟชุมพรผ่านผู้บริโภคในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวชุมชน โดยมี หัวหน้าส่วนราชการ กลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการกาแฟชุมพร เครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชน และสื่อมวลชน เข้าร่วมกิจกรรม ณ ร้าน Cera Caf? & Gardan ต.นาทุ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ชุมพรเป็นจังหวัดที่มีการปลูกกาแฟโรบัสตามากที่สุดในประเทศไทย แต่กระบวนการผลิตกาแฟคุณภาพจําเป็นต้องใช้เวลา กระบวนการ และการลงทุนมากพอสมควร เกษตรกรจึงหันไปปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นที่ดูแลง่ายกว่า ทํากําไรได้ง่ายกว่าแทน ทําให้พื้นที่ปลูกกาแฟลดลง แต่ในทางกลับกัน สถานการณ์ด้านตลาดกาแฟโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีผู้บริโภคกาแฟเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทางจังหวัดชุมพร จึงร่วมกับสํานักงานพาณิชย์จังหวัดชุมพร และหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง หารือร่วมกันว่า จะทําอย่างไรให้กาแฟชุมพรเป็นที่รู้จัก ให้คนชุมพรบริโภคกาแฟชุมพร และคนต่างจังหวัดที่มาชุมพรต้องได้บริโภคกาแฟชุมพร ซึ่งจะเป็นการสร้างขวัญและกําลังใจให้เกษตรกรชาวสวนกาแฟ และผู้ประกอบกาแฟจังหวัดชุมพร หันมาผลิตกาแฟคุณภาพมากขึ้น ได้ราคาที่สูงขึ้น และยังคงมุ่งมั่นที่จะปลูกกาแฟหรือเพิ่มพื้นที่ในการปลูกกาแฟเพิ่มขึ้น จึงเป็นมาของโครงการส่งเสริมการบริโภคกาแฟโรบัสตาจังหวัดชุมพร ที่จะมีการจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ และส่งเสริมการตลาด สร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคกาแฟด้วยกิจกรรมสะสมแต้มในการดื่มกาแฟโรบัสตาชุมพร และมีรางวัล "สุดยอดนักดื่มกาแฟชุมพร" ประจําเดือนมอบให้ เชื่อว่าการได้ดื่มกาแฟพร้อมกับร่วมสนุกกับกิจกรรมจะทําให้กาแฟโรบัสตาชุมพรเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคกาแฟเพิ่มมากขึ้น และยังเป็นการสร้างมูลค่าให้กับกาแฟโรบัสตาชุมพร สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับเกษตรและผู้ประกอบการ สําหรับโครงการส่งเสริมการบริโภคกาแฟโรบัสตาจังหวัดชุมพร มีร้านกาแฟเข้าร่วมโครงการจํานวน 50 ร้าน ครบทั้ง 8 อําเภอ โดยมีรางวัลสําหรับสุดยอดนักดื่มกาแฟโรบัสตาจังหวัดชุมพร 4 ประเภท ได้แก่ ผู้บริโภคจังหวัดชุมพรที่ดื่มกาแฟประจําเดือนมากที่สุด บริโภคต่างจังหวัดที่ดื่มกาแฟประจําเดือนมากที่สุด ผู้บริโภคจังหวัดชุมพรที่ดื่มกาแฟจํานวนร้านเข้าร่วมโครงการประจําเดือนมากที่สุด และผู้บริโภคต่างจังหวัดที่ดื่มกาแฟจํานวนร้านเข้าร่วมโครงการประจําเดือนมากที่สุด โดยเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป ซึ่งผู้บริโภคสามารถ Scan OR Code ได้ที่ป้ายประชาสัมพันธ์โครงการ ณ ร้านกาแฟที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อสะสมแต้มรับรางวัลประจําเดือนต่อไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDพอพล กล้าผจญ ข่าว/ภาพ 24 กุมภาพันธ์ 2566
|
24/2/2023
|
ภาคใต้
|
ชุมพร
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชุมพร
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224213519475
| null |
Amazean Jungle Thailand by UTMB 2023 ดึงทั่วโลก หันมองเบตง ผ่าน นักวิ่ง 30 ประเทศ-กวาดรายได้ กว่า 232 ล้านบาท
|
ผู้จัด แข่งขัน Amazean Jungle Thailand by UTMB 2023 แทบปาดน้ําตากับความสําเร็จ อย่างยิ่งใหญ่ ของการจัดการแข่งขันวิ่งเทรล ในสนามวิ่งเทรลระดับ world series ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน อ.เบตง จ.ยะลา กวาดรายได้รวม 232.49 ล้านบาท ซึ่งคิดเพียงรายได้รวมระหว่างวันที่ 17-19 ก.พ.66 ช่วงการจัดกิจกรรมวิ่งเทรลเท่านั้นยังไม่นับรวมถึงการจัดกิจกรรม BETONG Festival จัดกองทัพร้านค้ากว่า 70 ร้าน เทศกาลอาหารของดีเมืองเบตง และแคมเปญ วิ่ง เที่ยว ดื่ม กิน เช็คอิน @BETONG ตั้งแต่วันที่ 9-19 ก.พ. ล่วงหน้างานวิ่งเทรลไปหลายวัน232.49 ล้านบาท เป็นรายได้ที่จําแนกเป็น ค่าใช้จ่ายของผู้เข้าร่วมงาน กว่า 82 ล้านบาท การใช้จ่ายจัดงานของหน่วยงานรัฐ กว่า 35 ล้านบาท เกิดการจ้างงาน 879 ตําแหน่ง ส่งผลให้ภาครัฐ ได้รับรายได้ในรูปแบบภาษี ไม่น้อยกว่า 9.88 ล้านบาท โดยสํานักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุ ที่มาของรายได้ กว่า 232 ล้านบาท ว่า มีการสํารวจกลุ่มตัวอย่างจากผู้เข้าร่วมงาน แบ่งเป็นรายได้ที่ครอบคลุม ค่าที่พัก อาหาร เครื่องดื่ม ค่าเดินทาง ซื้อสินค้า ของที่ระลึก ค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว และอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขความสําเร็จ เทียบได้กับ ‘ความประทับ’ “เบตงที่คุณไม่เคยเห็น” ผ่าน นักวิ่งกว่า 2,500 คน จาก 30 ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะนักวิ่งมืออาชีพ ที่ลงทะเบียนแข่งขัน วิ่ง 100 ไมล์ (160 กิโลเมตร) จํานวน 75 คน มีการขึ้นโพสต์ใน facebook และสื่อโซเชียลมีเดียอื่นๆ ถึง ความ Amazing ของเบตง เมืองเล็กท่ามกลางหุบเขา และข่าวคราวความไม่สงบ พร้อมกับเส้นทางวิ่งที่ สุดโหด ขึ้นเขา ลงห้วย และความงามของธรรมชาติ ที่ยังไม่ถูกทําลาย อย่าง ‘นักวิ่ง’ ผู้ใช้ชื่อเฟสบุ๊ค ‘Roongrote Bhornsawat’ ที่กล่าวถึง ‘ครั้งแรก@เบตง’ ว่า เป็นการเดินทางมาเบตงครั้งแรกในชีวิต ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความคิดเลยจริงๆ อาจเป็นเพราะเรื่องของการเดินทางที่รู้สึกว่า ไม่ค่อยสะดวก และข่าวสารเรื่องความมั่นคง ความปลอดภัยของ 3 จังหวัดชายแดนใต้...และจบโพสต์ ด้วยว่า “จนกว่าพวกเราจะได้มาสัมผัสเบตงด้วยตัวเอง มันดีต่อหัวใจ ดีต่อความรู้สึก ดีที่สุดในชีวิต สัญญากับตัวเอง ว่า จะกลับมาที่นี่อีกแน่นอน” เป็นข้อความทิ้งท้ายโพสต์ ของ Roongrote Bhornsawatนอกจากนี้ ยังมีนักวิ่งจากประเทศมาเลเซีย และประเทศจีน ที่โพสต์รีวิว เกี่ยวกับการเดินทางมาวิ่งในหุบเขา ป่าฮาลาบาลา เมืองเบตง ถ่ายทอดผ่านโซเชียลมีเดียทุกรูปแบบ ให้เพื่อนๆที่ยังไม่มา ได้มาสัมผัส เมืองเบตงด้วยตนเองพลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาฯ ศอ.บต. กล่าวถึงการจัดงานวิ่งเทรลว่า ปีที่แล้วเปิดระยะทางไกลที่สุด คือ 100 กิโลเมตร ส่วนปีนี้ได้รับการบรรจุเป็น world series สนามที่ 2 ของประเทศไทย จึงเปิดการวิ่งเต็มสปีด คือ 160 กิโลเมตร 100 กิโลเมตร 50 กิโลเมตร 25 กิโลเมตร 10 กิโลเมตร และมีประเภท saturday night run ชมเมืองเบตงในระยะ 5 กิโลเมตร“ในส่วนการวิ่งข้ามพรมแดน ไทย-มาเลเซีย ศอ.บต. ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีไว้ 7 ปี ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นการนับปีที่ 1 อาจติดขัดเล็กน้อย แต่เชื่อว่าปีหน้า จะสามารถดําเนินการตามเป้าได้ ซึ่งการจัดงานดังกล่าว นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ก็หวังให้ ผู้แทนนักวิ่ง กว่า 30 ประเทศ สื่อสารภาพลักษณ์ของ เบตง ประเทศไทย และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีความรู้สึกว่า ดินแดนภาคใต้มีความน่าอยู่ น่ามาเยือน”อย่างไรก็ตาม สิ่งสําคัญอื่นใด คือ ‘การลดทอนความน่ากลัว’ ของพื้นที่ ในเรื่องความไม่สงบที่เกิดขึ้น จึงถือได้ว่า Amazean Jungle Thailand by UTMB 2023 บรรลุ “เป้าหมาย” ของการจัดงานวิ่งเทรลระดับโลก ในการดึงนักวิ่ง ให้เป็น ‘สื่อกลาง’ ถ่ายทอดความสวยงามของเบตง และชายแดนภาคใต้ ดึงสายตาคนทั่วโลก ให้หันกลับมามอง เบตง ประเทศไทยอีกครั้ง Amazean Jungle Thailand by UTMB สนาม world series ใต้สุดแดนสยาม สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ และทําให้คนทั้งโลกมองเห็น ‘เบตง’ ที่เปลี่ยนไปจากเดิม การวิ่งข้ามเขา ผ่านทะเลหมอก 360 องศา สวนดอกไม้เมืองหนาว สถาปัตยกรรมที่บ่งบอกถึงประเพณี อัตลักษณ์ ของผู้อยู่อาศัย หลากเชื้อชาติ หลายศาสนา แบบพหุวัฒนธรรม เป็น ความงามที่สงบเงียบ ไร้เหตุรุนแรง สิ่งที่น่าเสียดายในปีนี้ คงจะเป็นหมุดหมายในการวิ่งข้ามพรมแดน ไทย-มาเลเซีย ที่ ศอ.บต. เริ่มผลักดัน และหารือมาเลเซีย ตั้งแต่ได้รับการบรรจุ เป็นสนาม UTMB World Series แห่งที่ 2 ของไทย อย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 เพื่อเป็น ‘signature’ ของการวิ่งเทรล ใน ชายแดนภาคใต้ ที่ยังไม่มีประเทศและสนามใดริเริ่มดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความสําเร็จในการโปรโมท soft power แล้ว ผลที่จะได้ตามมาในด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง ก็จะไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะ อ.เบตง จ.ยะลาเท่านั้น แต่จะขยายผลสู่พื้นที่อื่นๆในจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วยส่วนปีหน้า 2567 เตรียมกายให้พร้อมวิ่งข้ามพรมแดนไทย-มาเลเซีย ใน Amazean Jungle Thailand by UTMB 2024 แน่นอน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สวท.เบตง จ.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225124138574
| null |
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช เดินหน้าโครงการ U2T for BCG พัฒนาท้องถิ่น เปิด“หลาดริมคลองบางจาก” ฟื้นคืนวิถีชีวิตชุมชน ต่อยอดสร้างรายได้ให้ชุมชน
|
วันนี้ (25 ก.พ. 66) ที่วัดธารวดี ตําบลบางจาก อําเภอเมืองนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดหลาดริมคลองบางจาก และกิจกรรมตักบาตรทางน้ํา โดยมีนางพิชานันท์ เผือกผ่อง นายกเหล่ากาชาดจังหวัด นายไตรรัตน์ ไชยรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ประธานหอการค้าจังหวัด นายจักรพรรดิ์ ลีเลิศพันธ์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมทวินโลตัส หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นําท้องถิ่นท้องที่ ตลอดจนประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมโอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นความร่วมมือแบบ “บวร” คือระหว่างบ้าน วัดและราชการ ถือเป็นการส่งเสริมสัมมาชีพทั้งผลิตภัณฑ์ สินค้าและบริการ การท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม และสาธารณสุขของตําบล ที่ส่งผลให้ภูมิปัญญาท้องถิ่นอันล้ําค่าของชาวบางจากได้กลับฟื้นคืนและเป็นที่รู้จักยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดรายได้แก่ชุมชน สร้างความเข้มแข็งบนพื้นฐานวิถีชีวิตชุมชนเพื่อความยั่งยืน พร้อมกันนี้ได้รณรงค์ให้มีการสวมใส่ผ้าไทยหรือพื้นถิ่นเพื่อสร้างอัตลักษณ์ของชุมชนให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดํารงศ์พันธ์ ใจห้าววีระพงศ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การเปิดหลาดริมคลองบางจาก เป็นกิจกรรมเริ่มต้นที่จะนําเข้าสู่การฟื้นคืนวิถีชีวิตชุมชน โดยตําบลบางจากเป็นหนึ่งในตําบลที่อยู่ในเขตพื้นที่โครงการ U2T for BCG เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช, จังหวัดตรัง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช และได้พัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สินค้า บริการ การท่องเที่ยว รวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีมาช้านาน จนเป็นที่ยอมรับและได้รับรางวัล 1 ใน 3 ของประเทศ ประเภทการส่งเสริมสัมมาชีพ โดยหลาดริมคลองบางจาก ซึ่งจะจัดขึ้นวันเสาร์สุดท้ายของทุกเดือน จะมีการจัดแสดงและจําหน่ายสินค้า OTOPสินค้าที่ได้รับการส่งเสริมจากโครงการ U2T, ผลิตผลทางการเกษตร และสินค้าชุมชนหลากหลายชนิด สามารถเดินช็อป ชม ชิม ใต้ร่มไม้แบบสบายสบายริมน้ํา การจําหน่ายผ้ามัดย้อมที่ทําจาก”ต้นจาก” ที่ให้สีสันสวยงาม นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ อีกมากมายมาวางจําหน่าย รวมถึงสามารถสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดและชมการกิจกรรมที่สร้างความบันเทิงให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนอุไรวรรณ/ข่าว/ภาพพรรณี/ภาพสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช25 กุมภาพันธ์ 2566#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคใต้
|
นครศรีธรรมราช
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225124601576
| null |
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช เดินหน้าโครงการ U2T for BCG พัฒนาท้องถิ่น เปิดหลาดริมคลองบางจาก ฟื้นคืนวิถีชีวิตชุมชน ต่อยอดสร้างรายได้ให้ชุมชน
|
วันนี้ (25 ก.พ. 66) ที่วัดธารวดี ตําบลบางจาก อําเภอเมืองนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานเปิดหลาดริมคลองบางจาก และกิจกรรมตักบาตรทางน้ํา โดยมีนางพิชานันท์ เผือกผ่อง นายกเหล่ากาชาดจังหวัด นายไตรรัตน์ ไชยรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ประธานหอการค้าจังหวัด นายจักรพรรดิ์ ลีเลิศพันธ์ กรรมการผู้จัดการโรงแรมทวินโลตัส หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นําท้องถิ่นท้องที่ ตลอดจนประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมโอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่าการจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นความร่วมมือแบบ “บวร” คือระหว่างบ้าน วัดและราชการ ถือเป็นการส่งเสริมสัมมาชีพทั้งผลิตภัณฑ์ สินค้าและบริการ การท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อม และสาธารณสุขของตําบล ที่ส่งผลให้ภูมิปัญญาท้องถิ่นอันล้ําค่าของชาวบางจากได้กลับฟื้นคืนและเป็นที่รู้จักยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดรายได้แก่ชุมชน สร้างความเข้มแข็งบนพื้นฐานวิถีชีวิตชุมชนเพื่อความยั่งยืน พร้อมกันนี้ได้รณรงค์ให้มีการสวมใส่ผ้าไทยหรือพื้นถิ่นเพื่อสร้างอัตลักษณ์ของชุมชนให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดํารงศ์พันธ์ ใจห้าววีระพงศ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การเปิดหลาดริมคลองบางจาก เป็นกิจกรรมเริ่มต้นที่จะนําเข้าสู่การฟื้นคืนวิถีชีวิตชุมชน โดยตําบลบางจากเป็นหนึ่งในตําบลที่อยู่ในเขตพื้นที่โครงการ U2T for BCG เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช, จังหวัดตรัง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช และได้พัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สินค้า บริการ การท่องเที่ยว รวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีมาช้านาน จนเป็นที่ยอมรับและได้รับรางวัล 1 ใน 3 ของประเทศ ประเภทการส่งเสริมสัมมาชีพ โดยหลาดริมคลองบางจาก ซึ่งจะจัดขึ้นวันเสาร์สุดท้ายของทุกเดือน จะมีการจัดแสดงและจําหน่ายสินค้า OTOPสินค้าที่ได้รับการส่งเสริมจากโครงการ U2T, ผลิตผลทางการเกษตร และสินค้าชุมชนหลากหลายชนิด สามารถเดินช็อป ชม ชิม ใต้ร่มไม้แบบสบายสบายริมน้ํา การจําหน่ายผ้ามัดย้อมที่ทําจาก”ต้นจาก” ที่ให้สีสันสวยงาม นอกจากนี้ยังมีสินค้าอื่นๆ อีกมากมายมาวางจําหน่าย รวมถึงสามารถสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัดและชมการกิจกรรมที่สร้างความบันเทิงให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
|
24/2/2023
|
ภาคใต้
|
นครศรีธรรมราช
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225125335577
| null |
พาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดโครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย 26-28 ก.พ.นี้ จำหน่ายสินค้าคุณภาพ ราคาประหยัด ช่วยประชาชนลดภาระค่าครองชีพ
|
นางสาวศิริวรรณ คณะศร พาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า สํานักงานพาณิชย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กําหนดจัดโครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทย ระหว่างวันที่ 26-28 ก.พ.66 ที่บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 หน้าศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนและเพิ่มช่องทางการตลาดให้แก่ผู้ค้าผู้ประกอบการ มีการนําสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าที่จําเป็นต่อการดํารงชีพมาจําหน่ายหลากหลายประเภทในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นไฮไลต์ ได้แก่ หมูเนื้อแดง จําหน่าย กก.ละ 150 บาท น่องไก่ติดสะโพก กก.ละ 60 บาท ไข่ไก่เบอร์ 2 แผงละ 90 บาท น้ําตาลทรายขาว กก.ละ 18 บาท น้ํามันปาล์มบรรจุขวด 1 ลิตร ขวดละ 35 บาท ข้าวหอมมะลิ 5 กก.ถุงละ 110 บาท ข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ 5 กก. ถุงละ 80 บาท โดยจํากัดการซื้อเพื่อให้สินค้าทั่วถึงประชาชนมากที่สุด ประชาชนสามารถร่วมเลือกซื้อสินค้าได้ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคตะวันตก
|
ประจวบคีรีขันธ์
|
สวท.ประจวบคีรีขันธ์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225132352581
| null |
จังหวัดกระบี่จับมือ ททท.กระบี่ และหน่วยงานพันธมิตร กระตุ้นการท่องเที่ยวในเขตเมือง จัดงาน Song By The River@ Krabi สร้างสีสันและบรรยากาศในตัวเมืองยามค่ำคืนได้เป็นอย่างดี
|
วันนี้ (24 ก.พ.2566) เวลา 18.00 น. ณ ลานปูดํา ถนนอุตรกิจ อําเภอเมืองกระบี่ นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดกิจกรรมดนตรี Song By The River @Krabi โดยมี นายอาหมาน หมัดอะดัม ผู้อํานวยการสํานักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สํานักงานกระบี่กล่าวรายงาน การจัดกิจกรรมครั้งนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สํานักงานกระบี่ ร่วมกับจังหวัดกระบี่, เทศบาลเมืองกระบี่, สมาคมธุรกิจ การท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่, สมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่, หอการค้าจังหวัดกระบี่ และกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ YEC หอการค้าจังหวัดกระบี่สําหรับการจัดกิจกรรม Song By The River@Krabi กําหนดจัดขึ้นในวันที่ 24 – 25 กุมภาพันธ์, 3 – 4 มีนาคม, 10 – 11 มีนาคม และ 17 – 18 มีนาคม 2566 (ทุกวันศุกร์-เสาร์) ณ บริเวณลานปูดํา และถนนคนเดินกระบี่ อําเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ตั้งแต่เวลา 17.00 – 21.00 น. โดย ททท. คาดหวังว่ากิจกรรมดนตรีแนวสไตล์สบายๆ จะทําให้บรรยากาศในเมืองมีสีสัน นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในตัวเมืองได้มีโอกาสสัมผัสกับบรรยากาศท้องถิ่น ภายใต้เสียงดนตรีและการแสดงทางวัฒนธรรมเป็นการส่งมอบประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวได้ประทับใจกับการเดินทางมาพํานักในเขตตัวเมืองมากขึ้นนายอะหมาน หมัดอะดัม ผู้อํานวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สํานักงานกระบี่ กล่าวว่า เริ่มต้นปี 2566 เป็นต้นมาได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเพื่อท่องเที่ยวที่กระบี่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อสร้างสีสันและบรรยากาศทางการท่องเที่ยว กระตุ้นการใช้จ่าย จึงได้ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรในพื้นที่จัดงาน Song By The River@ Krabi. และถนนคนเดินกระบี่ เวลา 19.00 – 21.00 น. กิจกรรมภายในงานจะมีการแสดงดนตรีจากศิลปินท้องถิ่นที่มีชื่อเสียง สไตล์อะคลูสติค Jazz วันละประมาณ 2 – 3 วงอาทิ Fiddle Noise, With Flamingo, กัลปพฤกษ์แจ็ส, House Violin Mix, Jazz Olanla, Z game Blues การแสดงทางวัฒนธรรมรองแง็ง, ควงไฟ กิจกรรม Art for Earth ระบายสีบนผืนผ้าฟรี อิ่มอร่อยไปกับร้านค้าชุมชน และเลือกซื้อสินค้า OTOP ของคนกระบี่ นอกจากนี้ยังมีบริษัทวงษ์พาณิชย์กระบี่สาขาเหนือคลอง มาร่วมออกบูธให้ความรู้ โครงการ Ocean Bound Plastic ที่เปลี่ยนขยะ ทางทะเลมาเป็นผลิตภัณฑ์ Upcycling ททท. คาดว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างสีสันและบรรยากาศในตัวเมืองยามค่ําคืนได้เป็นอย่างดีสําหรับการเปิดกิจกรรมในค่ําคืนนี้มีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิเช่น นายชาญณรงค์ ลีลาบูรณพงศ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ นายสงัด พืชพันธุ์พัฒนาการจังหวัดกระบี่ นายจิรวัฒน์ ปลอดวงศ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่ นางสาวศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ นายศราวุฒิ เจริญพัฒนวงศ์ กรรมการสมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ นางสาวพัชรภรณ์งามนิรัตน์ ผู้แทนสมาคมร้านอาหารจังหวัดกระบี่ และนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวต่างประเทศ จํานวนมาก#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคใต้
|
กระบี่
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224225139488
| null |
ขบวนการสหกรณ์โคราช ร่วมใจน้อมรำลึก วันสหกรณ์แห่งชาติ 2566 ครบรอบ 107 ปี สหกรณ์ไทย “สมาชิกอยู่ดี สหกรณ์อยู่ได้ เศรษฐกิจไทยมั่นคง”
|
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2527 ได้กําหนดให้เป็น “วันสหกรณ์แห่งชาติ” เพื่อเป็นการรําลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ “พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย” ที่ได้ทรงส่งเสริมให้ก่อตั้ง ซึ่งถือเป็นจุดกําเนิดการก่อตั้งสหกรณ์ไทย เพื่อช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งยังทรงดํารงตําแหน่งเป็นนายทะเบียนสหกรณ์พระองค์แรกของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2566 ครบรอบ 107 ปี “สมาชิกอยู่ดี สหกรณ์อยู่ได้ เศรษฐกิจไทยมั่นคง” โดยมี นายสามารถ สุวรรณมณี ปลัดจังหวัดนครราชสีมา ร่วมงานวันสหกรณ์แห่งชาติ เนื่องในวันสหกรณ์แห่งชาติ ประจําปี 2566 ครบรอบ 107 ปี การสหกรณ์ไทย และเป็นประธานพิธีวางพานพุ่มถวายสักการะพระ ราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย โดยมี นายวัฒนะ สัตยวงศ์ทิพย์ สหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา และขบวนการสหกรณ์ในจังหวัดนครราชสีมา ให้การต้อนรับ ณ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จํากัด อําเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา จํานวน 400 คนทั้งนี้ นายวัฒนะ สัตยวงศ์ทิพย์ สหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ปี พ.ศ. 2566 ครบรอบ 107 ปี การสหกรณ์ไทย “สมาชิกอยู่ดี สหกรณ์อยู่ได้ เศรษฐกิจไทยมั่นคง” ซึ่ง กรมส่งเสริมสหกรณ์และขบวนการสหกรณ์ไทย ได้ร่วมใจจัดงานวันสหกรณ์แห่งชาติขึ้นทั่วทุกภาค สําหรับปี พ.ศ. 2566 สํานักงานสหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา ร่วมกับขบวนการสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรในจังหวัดนครราชสีมา ได้กําหนดจัดงาน “วันสหกรณ์แห่งชาติ ปี 2566” ขึ้น ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 ณ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จํากัด อําเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เพื่อน้อมรําลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย ผู้ก่อตั้งสหกรณ์ขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย และเป็นการร่วมกันเผยแพร่อุดมการณ์ หลักการ และวิธีการสหกรณ์ ให้เป็นที่ยอมรับ ประชาสัมพันธ์งานสหกรณ์สู่สาธารณชน ตลอดจนการแสดงถึงความสมัครสามัคคีของขบวนการสหกรณ์ในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งในงานประกอบด้วย กิจกรรมทางศาสนา การทําบุญ เพื่อถวายแด่พระบิดาแห่งการสหกรณ์ไทย ทั้งนี้ในงานได้มีการมอบเกียรติบัตรแก่สหกรณ์ และมอบเงินอุดหนุนเพื่อชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้สหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ตามโครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์นายสามารถ สุวรรณมณี ปลัดจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า สหกรณ์เป็นองค์กรที่มีบทบาททางเศรษฐกิจและสังคม เป็นเครื่องมือสําคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ มีบทบาทใน การกระจายรายได้สู่ประชาชนอย่างยุติธรรม โดยยึดหลักการช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รวมกันด้วยความสมัครใจ มีความเสมอภาค ยึดหลักอุดมการ หลักการ และวิธีการสหกรณ์ ซึ่งนําไปสู่การกินดี อยู่ดี มีความเป็นธรรมและสันติสุขในสังคม การพัฒนาสหกรณ์ นอกจากพัฒนาสหกรณ์โดยยึดหลักธรรมาภิบาลแล้ว ยังต้องมุ่งเน้นการพัฒนาสมาชิก เพื่อให้องค์กรเข้มแข็งเป็นหลักในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลสู่เกษตรกรได้อย่างแท้จริง#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครราชสีมา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230224230423494
| null |
บพท.และสถาบันวิทยาลัยชุมชน เดินหน้าฟื้นฟูครัวเรือนคนจน ล้มแล้วลุกไว ในพื้นที่ภัยพิบัติจังหวัดชัยนาท
|
วันนี้ (25 ก.พ.66) โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยําในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ภายใต้การสนับสนุนของ บพท. และสถาบันวิทยาลัยชุมชน ร่วมกับ ศูนย์เพาะชํากล้าไม้ชัยนาท ผู้นําท้องที่ ท้องถิ่น และนักจัดการข้อมูลชุมชน ตําบลโพนางดําออก อําเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท สนับสนุนการพัฒนาอาชีพเพาะพันธุ์กล้าไม้ป่า ให้กับครัวเรือนคนจน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา พื้นที่ชุมชนส่วนใหญ่ของ ตําบลโพนางดําออก อําเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท เป็นพื้นที่น้ําท่วมสูงตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายน มีบ้านเรือนของคนจนถูกน้ําท่วมถึง 150 ครัวเรือน บ้านเรือน ทรัพย์สิน พืชผลเสียหายเป็นส่วนใหญ่ จากที่จนอยู่แล้วกลับยิ่งจนลงไปอีก ในระหว่างน้ําท่วม คนจนแทบไม่มีรายได้ ซ้ํายังมีรายจ่ายในการดํารงชีพเพิ่มขึ้นจํานวนมาก การเพาะกล้าไม้ป่าของครัวเรือนคนจนที่โพนางดําออกนี้ จะเป็นแหล่งรายได้เสริมและอาชีพใหม่ให้กับครัวเรือนเหล่านี้ได้ในระยะสั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากภาวะน้ําท่วมที่อาจเกิดขึ้นในปีต่อไป เป็นการฟื้นฟูรายได้ ความเป็นอยู่ และการสะสมทุน หรือภูมิต้านทานของครัวเรือนต่อความเสี่ยงอื่นๆ ที่ครัวเรือนคนจนมักมีมากกว่าคนทั่วไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
24/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
ชัยนาท
|
สวท.ชัยนาท
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225140753583
| null |
“อุโมงค์ว่าว” สีสันชายแดนใต้” Melayu Day @Yala
|
“อุโมงค์ว่าว” กลับมาสร้างสีสัน บรรยากาศ ความสุข และรอยยิ้มอีกครั้ง ให้กับบรรดาเด็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น วัยใส ที่มาเที่ยวชมงาน Melayu Day @Yala ปีที่ 8 ซึ่งจะตั้งอยู่ตรงประตูบริเวณทางเข้างาน สนามโรงพิธีช้างเผือก เทศบาลนครยะลา ผู้ที่เดินผ่านไปมาบริเวณอุโมงค์ว่าวที่มีสีสัน สวยงาม นับร้อยๆ ตัวที่ถูกนํามาประดับ ตกแต่งไว้ ส่วนใหญ่จะนําโทรศัพท์มือถือ ออกมาถ่ายรูป กับครอบครัว เพื่อนๆ และเซลฟี่ตัวเอง เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก โดยประชาชนบอกว่าไม่ได้เห็นบรรยากาศ เช่นนี้มานานแล้ว หลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 ห้วง 2 ปีที่ผ่านมา มีประชาชนออกมาเที่ยวชมงานกันจํานวนมากโดยเฉพาะทางประตูเข้างานที่มีอุโมงค์ว่าวมาสร้างสีสัน นอกจากนี้ก็ยังได้ดูและเรียนรู้ นิทรรศการว่าวมลายู ไปด้วยสําหรับผู้ที่สนใจสามารถไปเที่ยวชมงานสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันเป็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในคาบสมุทรแหลมมลายู Melayu Day @Yala ได้กับกิจกรรม นิทรรศการ การแสดงบนเวที การสาธิตทําขนมพื้นบ้าน การออกร้านจําหน่ายอาหารฮาลาล และเครื่องแต่งกายมลายู ฯลฯ ที่จะมารวมกัน โดยงานจะมีไปจนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สทท.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225001433514
| null |
เริ่มแล้ว..งานแจ้ซ้อนม่วนใจ๋ ครั้งที่ 4 ชู "ข้าวอัตลักษณ์ลำปาง ข้าวสายน้ำแร่แจ้ซ้อน" เพิ่มคุณภาพชีวิตยกระดับเศรษฐกิจชุมชน
|
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 นายอนันต์ เสนาะสันต์ นายอําเภอเมืองปาน เป็นประธานพิธีเปิดงานฯ ณ บริเวณแปลงนาอินทรีย์ บ้านหลวง หมู่?ที่ 5? ตําบลแจ้?ซ้อน? อําเภอเมืองปาน จังหวัดลําปาง? โดยคณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏลําปาง องค์การบริหารส่วนตําบลแจ้ซ้อน และภาคีเครือข่าย ร่วมจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมภูมิปัญญาและการเรียนรู้วัฒนธรรมการปลูกข้าว ส่งเสริมการท่องเที่ยวเกษตรเชิงนิเวศน์ จําหน่ายสินค้าเกษตรชุมชน และประชาสัมพันธ์สินค้าข้าวอัตลักษณ์ลําปาง ภายใต้โครงการการพัฒนาสินค้า "ข้าวอัตลักษณ์ลําปาง ข้าวสายน้ําแร่แจ้ซ้อน" หนึ่งเดียวในประเทศไทย ภายในงานในงานพบกับกิจกรรม?ประกวดแข่งขันเมนู?เด็ดจากข้าวสายน้ําแร่ แข่งขันจับปลา? แข่งขันลาบหมู ประกวดไก่ตั้ง ประกวดแข่งขันร้องเพลงลูกทุ่ง การแสดงของเด็กและเยาวชน กลุ่มสตรีแม่บ้าน ผู้สูงอายุ? ดนตรีพื้นเมือง? และการออกร้านสินค้าโอท็อป สินค้าชุมชน พร้อมจุดถ่ายภาพทุ่งปอเทืองทั้งนี้ งานแจ้ซ้อนม่วนใจ๋ ครั้งที่ 4 จัดขึ้นระหว่าง 25-26 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ริมน้ํามอญบ้านหลวงแจ้?ซ้อน? หมู่ที่ 5 ตําบลแจ้ซ้อน อําเภอเมืองปาน จังหวัดลําปาง?#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคเหนือ
|
ลำปาง
|
สวท.ลำปาง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225151742602
| null |
มฟล. ร่วมกับ ม.พะเยา จัดแสดงทุนวัฒนธรรมผ่านงานวิจัย ภายใต้ชื้อว่า "ฟื้นใจเมือง" ที่จังหวัดเชียงราย
|
วันนี้ (25 ก.พ.66) ที่อาคารพลเอกสําเภา ชูศรี มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) จ.เชียงราย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมทุนทางวัฒนธรรมฟื้นใจเมือง จากงานวิจัยสู่การพัฒนาพื้นที่ (ภาคเหนือ) โดยมีนายสมหวัง บุญระยอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.วันชัย ศิริชนะ นายกสภา มฟล.รศ.ดร.ชยาพร วัฒนศิริ อธิการบดี มฟล. และผู้บริหาร นักศึกษา ประชาชน นําผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน โดยกิจกรรมมีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ในภาคเหนือ ณ ลานมหกรรมฟื้นใจเมือง ภายในมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกิดจากภูมิปัญญาพื้นบ้านแต่ได้รับการวิจัยและพัฒนาจนมีคุณภาพมาตรฐานและเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น ข้าว ผ้าทอ เสื้อผ้า สมุนไพร และอื่นๆ อีกมากมาย ระหว่างวันที่ 24 - 26 ก.พ. นี้รศ.ดร.วันชัย กล่าวว่า นับเป็นมิติใหม่ที่มีการส่งเสริมทุนทางด้านวัฒนธรรมเพื่อเป็นกําลังสําคัญของประเทศไทย ซึ่งเคยมีอยู่อย่างหลากหลายแต่ที่ผ่านมาบางอย่างถูกละทิ้งและบางอย่างได้สูญหายไป ดังนั้นการกระตุ้นเพื่อให้สามารถนํามาใช้ในยุคปัจจุบันจึงเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก โดยทาง มฟล.รับเป็นเจ้าภาพโดยร่วมกับมหาวิทยาลัยพะเยา ในการจัดงานครั้งนี้และน่ายินดีที่ทางกระทรวง อว. ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่รศ.ดร.ชยาพร กล่าวว่า ที่ผ่านมา มฟล. ได้ขับเคลื่อนทํางานวิจัยจากทุนทางวัฒนธรรมมาโดยตลอด 10 ปีมานี้ ทั้งที่ไมได้รับทุนการวิจัยและได้รับทุนการวิจัย กระทั่งปัจจุบันสามารถจดทรัพย์สินทางปัญญาด้านวัฒนธรรมได้ถึง 82 รายการ ทําให้กลายเป็นห้องทดลองเรียนรู้โดยมีวัตถุประสงค์คือให้ทุนทางวัฒนธรรมนั้นๆ สามารถนํามาใช้ประโยชน์ได้จริง ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อํานวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ กระทรวง อว.กล่าวว่า เนื่องจากมีทุนทางวัฒนธรรมในประเทศไทยมีมากมาย ดังนั้นจึงได้ร่วมกับเครือข่ายศิลปิน ท้องถิ่น มหาวิทยาลัย ฯลฯ เป็นเครือข่าย 60 จังหวัด 6,000 ราย เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ อนุรักษ์ และนํามาใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก กล่าวว่า ปัจจุบันการท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและคนทั่วโลกต้องการเดินทางไปเยือนประเทศไทย เช่น คนจีนรุ่นใหม่ที่เดินทางมาเอง โดยไม่มากับทัวร์ท่องเที่ยวแล้วเข้าไปท่องเที่ยวตามหมู่บ้านและชุมชนต่างๆ ฯลฯ จึงจําเป็นที่แต่ละพื้นที่จะต้องมีผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาตรฐาน โดยอาศัยการวิจัยดังกล่าวรวมทั้งพยายามให้อาศัยอยู่ในประเทศไทยนานถึงตั้งแต่ 6 เดือนถึง 1 ปีต่อไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคเหนือ
|
เชียงราย
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225164829611
| null |
จังหวัดมหาสารคาม เปิด “งานแพะแห่งชาติ ครั้งที่ 19 ประจำปี 2566”
|
วันนี้ (25 ก.พ.66) เวลา 14.00 น. ที่สนามกีฬาอเนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตําบลบรบือ อําเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม นายสัตวแพทย์ประภาส ภิญโญชีพ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานเปิด “งานแพะแห่งชาติ ครั้งที่ 19 ประจําปี 2566” โดยมี นายนพสิทธิ์ อุดมสุวรรณกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม พร้อมด้วย นายวรกร อินทแพทย์ ปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนเข้าร่วม ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมเกษตรกรเลี้ยงแพะในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามและกระตุ้นให้เกษตรกรผู้เลี้ยงแพะมีการตื่นตัวในการปรับปรุงและพัฒนาการเลี้ยง การจัดการฟาร์ม มีองค์ความรู้ในการพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์แพะ เพิ่มประสิทธิภาพในการทําให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นเวทีสําหรับแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ระหว่างเกษตรกร นักวิชาการ และผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนาอาชีพการเลี้ยงแพะร่วมกันหาแนวทางการพัฒนาการแปรรูปและการตลาด อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการตลาดให้แก่เกษตรกรทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป นายสัตวแพทย์ประภาส ภิญโญชีพ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า แพะเป็นสัตว์ที่นิยมเลี้ยงกัน ทั่วไปทุกภาคของประเทศไทย ประชากรแพะในปี 2566 มีจํานวน 1,492,841 ตัว มีเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ รวม 90,204 ราย ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อยและเลี้ยงแพะเป็นอาชีพเสริม กรมปศุสัตว์ได้มีการส่งเสริมและพัฒนา เชื่อมโยงระบบการเลี้ยงแพะของเกษตรกร โดยการจัดตั้งกลุ่มเกษตรกร ชมรมผู้เลี้ยงแพะ และเครือข่ายเกษตรกร มีการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงแพะในพื้นที่ทุกภาคของประเทศ ตลอดจนกําหนดจัดงานแพะแห่งชาติเป็นประจําทุกปี เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงและประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรตื่นตัว สร้างความรู้ ความมั่นใจในการพัฒนาอาชีพเลี้ยงแพะไปสู่ระบบการผลิตเพื่อการบริโภคภายในประเทศ ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก มีการพัฒนาสายพันธุ์แพะ การลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การเพิ่มมูลค่าผลผลิตในหลากหลายรูปแบบ การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าการจัดการด้านการตลาด โดยมีเป้าหมายเพื่อกระจายผลผลิตไปสู่ตลาดในทุกช่องทาง รวมทั้งอนุรักษ์สายพันธุ์แพะที่เป็นอัตตลักษณ์ท้องถิ่น การสร้างความเข้มแข็งแก่องค์กรเกษตรกรทุกระดับ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากนักวิชาการภาครัฐภาคเอกชน สถาบันการศึกษา เกษตรกรผู้เลี้ยงแพะและผู้เชี่ยวชาญจากทั่วประเทศ “โดยในปี 2566 กรมปศุสัตว์มอบให้จังหวัดมหาสารคาม โดยสํานักงานปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับภาคีเครือข่ายการจัดงานแพะแห่งชาติ ครั้งที่ 19 ขึ้น ระหว่างวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ 2566 ณ สนามกีฬาอเนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตําบลบรบือ อําเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ส่งเสริมและสร้างการรับรู้แก่เกษตรกรให้มีความรู้ ความเข้าใจในอาชีพการเลี้ยงแพะเพิ่มขึ้น สามารถพัฒนาปรับปรุงระบบ การเลี้ยง ปรับปรุงพันธุ์ การจัดการฟาร์มเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การเพิ่มมูลค่าผลผลิต เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ระหว่างเกษตรกร นักวิชาการ และผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนาอาชีพการเลี้ยงแพะ ร่วมกันกําหนดแนวทางใน การพัฒนาระบบการตลาด การเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างภูมิภาคทั่วประเทศ และการค้าระหว่างประเทศ”ภายในงานมีกิจกรรมน่าสนใจมากมาย อาทิ การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และนิทรรศการให้ความรู้ต่างๆ การประกวดแพะ รวมทั้งสิ้น 17 รุ่น และประเภทแกรนด์แชมป์ รางวัลถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จํานวน 4 รางวัล การประกวดวาดภาพแพะ ระดับมัธยมศึกษา และประถมศึกษา การแสดงแพะสายพันธุ์แท้และลูกผสม การประชุมสัมมนา การเสวนา และกิจกรรมสานสัมพันธ์เครือข่ายเกษตรกรเลี้ยงแพะจากทั่วประเทศ การสาธิตการแปรรูปผลิตภัณฑ์แพะ การจําหน่ายผลิตภัณฑ์ และสินค้าจากกลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบการ การให้บริการคลินิกตรวจรักษา ดูแลสุขภาพ คําปรึกษาด้านสุขภาพสัตว์ และการมอบรางวัลวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงแพะดีเด่นระดับเขต จํานวน 9 เขต วิศิษฎ์ เย็นศิริ-ข่าว/สุภาวรรณ,นุชรินทร์-ภาพ สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
มหาสารคาม
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225165257613
| null |
อบต.หนองคันทรง จ.ตราด กำหนดจัดงานมหกรรมอาหารทะเลพื้นบ้านเมืองตราด ครั้งที่ 19
|
นายชํานาญวิทย์ เตรัตน์ ผู่ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมอาหารทะเลพื้นบ้านเมืองตราด ครั้งที่ 19 ซึ่งองค์การบริหารส่วนตําบลหนองคันทรงจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 - 26 กุมภาพันธ์ 2566 บริเวณกระโจมไฟเกาะปู ตําบลหนองคันทรง อําเภอเมือง จังหวัดตราดนายสุมล เง็กลี้ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลหนองคันทรง กล่วาวว่า การจัดงานดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านอาหารทะเลพื้นบ้านของจังหวัดตราด เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ตําบลหนองคันทรงจํานวนไม่น้อยประกอบด้านการประมง อีกทั้งยังเป็นการประชาสัมพันธ์บริเวณกระโจมไฟเกาะปูเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเป็นการดําเนินการตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชน การจัดงานดังกล่าวมีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ การจําหน่ายอาหารทะเลปรุงสําเร็จสดๆ จากชาวประมง โดยกลุ่มแม่ครัวพื้นบ้านในราคาประหยัด ในบรรยากาศริมทะเลป่าชายเลนการจําหน่ายสินค้าชุมชน นอกจากนี้ยังมีการแสดงพื้นบ้าน การแสดงดนตรีบนเวทีกลาง #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันออก
|
ตราด
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225170649618
| null |
น้ำมันพืชปาล์ม ไข่ไก่ ข้าวหอม และน้ำตาล สินค้าขายดี งานพาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย (จังหวัดตราด)
|
วันนี้ (25 ก.พ. 66) นางวรัญญา ถนอมพันธ์ พาณิชย์จังหวัดตราด เปิดเผยว่า ตามที่สํานักงานพาณิชย์จังหวัดตราด จัดงาน “พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย” (จังหวัดตราด) ครั้งที่ 1 ขึ้นบริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดตราด ระหว่างวันที่ 23 -25 กุมภาพันธ์ 2566 ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน รวมไปถึงเป็นการเพิ่มช่องทางการจําหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกร และผู้ผลิตสินค้า โดยยอดจําหน่ายของงานดังกล่าว 2 วันที่ผ่านมา วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 มียอดจําหน่ายรวม 827,265 บาท และวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 มียอดจําหน่ายรวม 890,977 บาท รวม 2 วันของการจัดงานมียอดจําหน่ายรวม 1,718,242 บาท ทั้งนี้สินค้าขายดียอดนิยมงาน พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย (จังหวัดตราด) ครั้งที่ 1 บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดตราด คือ 1 น้ํามันพืชปาล์ม 2 ไข่ไก่ 3 ข้าวหอม 4 น้ําตาล และ 5 ข้าวขาว 5% จากสินค้าทั้งหมด 100 รายการ อย่างไรก็ตามการจัดงาน “พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย” (จังหวัดตราด) ครั้งที่ 2 กําหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2 - 4 มีนาคม 2566 บริเวณหาดทรายเทียม ตําบลแหลมงอบ อําเภอแหลมงอบ และครั้งที่ 3 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 -11 มีนาคม 2566 บริเวณวงเวียนสวนรุกขชาติ ตําบลวังกระแจะ อําเภอเมือง จังหวัดตราด#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันออก
|
ตราด
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225174329620
| null |
สทช.1 จัดกิจกรรมพายคายัคดึงนักท่องเที่ยว ล่องเรือหา...รักษ์ที่ป่าในเมืองพระเจดีย์กลางน้ำ อัญมณีหนึ่งเดียวในระยอง กระตุ้นเศรฐกิจท่องเที่ยว
|
เวลา 09.00 น.วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 ที่พระเจดีย์กลางน้ํา ตําบลปากน้ํา อําเภอเมือง จังหวัดระยอง นายสุพจน์ ต่ออาจหาญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดกิจกรรมล่องเรือหา...รักษ์ซีซั่น 1 ในเดือนแห่งความรัก ซึ่งจัดขึ้นโดยสํานักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 (สทช.) โดยมี ดร.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง นายประสานต์ พฤกษาชาติ รองนายก อบจ.ระยอง นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผู้อํานวยการสํานักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 นายเรืองฤทธิ์ ประกอบธรรม นายอําเภอเมืองระยอง นางกัญญ์ชลา สุขิตรกูล ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดระยอง ภาคเอกชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและมีผู้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมจากทั่วประเทศ จํานวน 150 คู่ ร่วมงานซึ่งบรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสุข โดยเปิดโอกาสให้นักพายคู่รักทุกเพศทุกวัย คู่เพื่อน คู่พ่อแม่ลูก หรือแม้แต่คู่กับสัตว์เลี้ยงสามารถสมัครร่วมกิจกรรม พร้อมรับเสื้อและเหรียญรางวัลแบบลิมิเต็ด อิดิชั่น โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ภายในงานมีซุ้มอาหารนานาชนิด และการแจกรางวัลพิเศษให้กับนักพายที่แต่งกายแฟนซี และผู้เข้าเส้นชัย 10 คู่แรกด้วย นอกจากการพายเรือคายัคและชับบอร์ดชมความสวยงามของพื้นที่ป่าชายเลนในเมืองระยะทาง 3 กิโลเมตรแล้ว ยังให้นักพายทุกคู่ ร่วมกันเก็บขยะที่ตกค้างในระบบนิเวศของแม่น้ําระยองอีกด้วย เพื่อเป็นการส่งมอบความรักให้กับธรรมชาติ และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ในพื้นที่ป่าในเมืองจังหวัดระยองให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมในจังหวัดระยองดร.พรศรี สุทธนารักษ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ทรัพยากรป่าชายเลนและทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งบริเวณพื้นที่ป่าในเมืองแห่งนี้ จํานวน 500 ไร่ ซึ่งเป็นป่าในเมืองที่อยู่ท่ามกลางความเจริญของเมืองระยอง ที่เป็นเมืองอุตสาหกรรม เมืองท่องเที่ยว และเมืองแห่งการเกษตร ป่าแห่งนี้โอบล้อมอยู่ด้วยเมือง ชุมชน สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารและชุมชน ดังนั้นการที่ป่าในเมืองแห่งนี้จะอุดมสมบูรณ์และสวยงามได้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น อบจ.ระยอง ที่สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างสะพานทางเดินและอํานวยความสะดวกต่างๆ เทศบาลนครระยองที่คอยช่วยกันกวดขันดูแลและจัดกิจกรรมเก็บขยะทําความสะอาดแม่น้ําระยองอย่างสม่ําเสมอภาคประชาชน ชุมชนชายฝั่งในพื้นที่ที่ร่วมกันฟื้นฟูและหวงแหนป่าชายเลนแห่งนี้จนเกิดความอุดมสมบูรณ์ รวมถึงภาคเอกชนและภาคอุตสาหกรรมที่ตระหนักถึงประโยชน์ของป่าชายเลน และเล็งเห็นถึงการเพิ่มมูลค่าทรัพยากรป่าชายเลนและห่วงโซ่อาหารที่เป็นต้นทางของระบบนิเวศ จนทําให้เกิดโครงการดีๆ ขึ้นมากมาย และกิจกรรมล่องเรือหารักษ์ ซีชั่น 1 ก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ภาคอุตสาหกรรมได้มีส่วนสําคัญในการผลักดันให้เกิดงานนี้ขึ้น โดยเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงนิเวศรูปแบบหนึ่ง โดยมีความคาดหวังว่า การที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้จะได้สัมผัสถึงความสวยงามและสมบูรณ์ของป่าชายเลนในเมือง จะได้นําความประทับใจไปส่งต่อกับผู้คนรอบข้าง และมีความรักความหวงแหนในทรัพยากรที่มีคุณค่า และร่วมกันอนุรักษ์ไว้ให้เกิดความยั่งยืนต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันออก
|
ระยอง
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225174708621
| null |
พช.ปลาปาก ขับเคลื่อนกิจกรรมจัดทำแผนพัฒนาวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง มุ่งพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง สู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ณ บ้านนาเชือกน้อย หมู่ 3 ตำบลหนองเทาใหญ่
|
ที่ศาลาอเนกประสงค์วัดบ้านนาเชือกน้อย หมู่ 3 ตําบลหนองเทาใหญ่ อําเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม นายธวัช ภักดี พัฒนาการอําเภอปลาปาก พร้อมด้วยนางภัทรานิษฐ์ คําสร้าง นักวิชาการพัฒนาชุมชนชํานาญการ และนางสาวรัตติภรณ์ ทุมเที่ยง อาสาพัฒนา บ้านนาเชือกน้อย หมู่ 3 ตําบลหนองเทาใหญ่ ซึ่งเป็นหมู่บ้านเป้าหมายการพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ ในปีงบประมาณ 2566 ของกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อดําเนินกิจกรรมจัดทําแผนพัฒนาวิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้แทนครัวเรือนพัฒนาต้นแบบ จํานวน 20 คน โดยมีกิจกรรมที่สําคัญ1. การสร้างความเข้าใจและสร้างการตระหนักถึงความสําคัญของการน้อมนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติ ศาสตร์พระราชา ทฤษฎีบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง การวางแผนจัดการพื้นที่ในครอบครัว แนวทางการน้อมนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติในระดับบุคคล ครัวเรือน และชุมชน แนวทางการประเมินความสุขมวลรวมของหมู่บ้าน2. จัดทําแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทาง 4 ด้าน 23 ตัวชี้วัด และการประเมินความสุข “อยู่เย็น เป็นสุข” หรือความสุขมวลรวมของหมู่บ้าน (Gross Village Happiness : GVH)3. ฝึกปฏิบัติ ทําปุ๋ยหมักอินทรีย์ชีวภาพ สร้างองค์ความรู้ในการทําเกษตรโดยอาศัยหลักกสิกรรมธรรมชาติ มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดํารัส ชี้แนะแนวทางการดําเนินชีวิต แก่พสกนิกรชาวไทย มาโดยตลอดในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ ได้ทรงเน้นย้ําแนวทางแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดํารงอยู่ได้อย่างมั่นคง และยั่งยืนภายใต้กระแส โลกาภิวัฒน์ และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชนได้น้อมนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาขยายผลในกระบวนการทํางาน ตั้งแต่ ปี 2549 เป็นระยะ ดังนี้ ระยะแรก ปี 2549-2551 ดําเนินงานหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยเกณฑ์ประเมิน 6 ด้าน คือ- ด้านการลดรายจ่าย (ทําสวนครัว ปลอดอบายมุข)- ด้านการเพิ่มรายได้ (มีอาชีพสุจริต ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม)- ด้านการประหยัด (มีการออม มีกลุ่มออมทรัพย์ฯ)- ด้านการเรียนรู้ (สืบทอดภูมปัญญา มีการเรียนรู้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง)- ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (ใช้วัตถุดิบในชุมชนประกอบอาชีพ ปลูกต้นไม้)- ด้านการเอื้ออารีต่อกัน (ช่วยเหลือคนจน รู้รัก สามัคคี) ระยะต่อมา ตั้งแต่ปี 2552-ปัจจุบัน ได้ขยายผลการทํางานสู่ความยั่งยืน โดยพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ให้เป็น หมู่บ้านต้นแบบ มีศักยภาพ 4 ด้าน 23 ตัวชี้วัด คือ- ด้านจิตใจและสังคม (สามัคคี มีข้อตกลง มีข้อมูลหมู่บ้าน มีกองทุน ยึดหลักประชาธิปไตย มีคุณธรรม/จริยธรรม ชุมชนปลอดอบายมุข) 7 ตัวชี้วัด- ด้านเศรษฐกิจ (จัดทําบัญชีครัวเรือน ลดรายจ่าย สร้างรายได้ รวมกลุ่มพัฒนาอาชีพ มีการออมมีกลุ่มในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน) 5 ตัวชี้วัด- ด้านการเรียนรู้ (มีและใช้ข้อมูลชุมชน ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นสร้างคุณค่า มีศูนย์เรียนรู้ ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับหมู่บ้าน สร้างเครือข่ายการพัฒนา) 7 ตัวชี้วัด- ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (มีจิตสํานึกในการอนุรักษ์ฯ มีกลุ่ม/องค์กรด้านสิ่งแวดล้อม มีการใช้พลังงานทดแทนและการสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) 4 ตัวชี้วัด โดยการแยกประเภทหมู่บ้านเป็น 3 ระดับ ประกอบด้วย “พออยู่ พอกิน” “อยู่ดี กินดี” และ มั่งมี ศรีสุข” ซึ่งบ้านนาเชือกน้อย หมู่ 3 ได้รับการประเมินอยู่ในระดับ พออยู่ พอกิน สามารถเป็นต้นแบบการเรียนรู้ ให้กับหมู่บ้านที่มีพื้นฐาน หรือสถานการณ์ของหมู่บ้านใกล้เคียงกันได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และนําไปปรับใช้ในการพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชนของตนเองได้#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครพนม
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225065731517
| null |
พช.นครพนม เดินหน้าสร้างทีมขับเคลื่อนการออมและการพัฒนาทักษะทางการเงิน (Financial Literacy)
|
ที่ห้องประชุมสํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังใหม่) นายชัยณรงค์ กาญจะนะกันโห พัฒนาการจังหวัดนครพนม มอบหมายให้ นายหาญ ศรีหาวงษ์ ผู้อํานวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน พร้อมด้วย นางสาวลัดดา ศรีบุรมย์ นักวิชาการพัฒนาชุมชนชํานาญการ และทีมเจ้าหน้าที่กลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน สํานักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม จัดประชุมเชิงปฏิบัติการสร้างทีมขับเคลื่อนการออมและการพัฒนาทักษะทางการเงิน (Financial Literacy) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการออมและการบริหารจัดการทางการเงินของประชาชนเป้าหมาย โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนอําเภอและคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต รวม 30 คน และมีเนื้อหาการประชุม เกี่ยวกับ- มอบนโยบายการดําเนินงานการขับเคลื่อนการพัฒนาทักษะทางการเงิน (Financial Literacy) ประจําปี พ.ศ. 2566- การพัฒนาทักษะทางการเงินของสมาชิกและประชาชน ได้แก่ การวางแผนการใช้จ่ายทางการเงิน และการสร้างเงินออมเพื่ออนาคต การพัฒนาทักษะในการบริหารจัดการทางการเงินของครอบครัว การจัดทําบัญชีครัวเรือนเพื่อการออมของสมาชิกกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต โดยวิทยากรจากสํานักงาน ธกส.จังหวัดนครพนม- หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและการสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินด้วยการออมเงิน - การสร้างความเข้าใจในระเบียบและเงื่อนไขของการดําเนินงานกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต และกิจกรรมเครือข่ายกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต (การส่งเสริมอาชีพเพื่อสร้างรายได้ให้ครัวเรือน) - แบ่งกลุ่มจัดทําแผนการปฏิบัติการขับเคลื่อนการออมและพัฒนาทักษะทางการเงิน โดยนายหาญ ศรีหาวงษ์ ผู้อํานวยการกลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน ได้มอบหมายภารกิจให้แก่เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนอําเภอและคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ในฐานะทีมขับเคลื่อนการออมและการพัฒนาทักษะทางการเงิน (Financial Literacy) น้อมนําหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินด้วยการออมเงิน ลงมือปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติการขับเคลื่อนการออมและพัฒนาทักษะทางการเงินให้เห็นผลเป็นรูปธรรม ให้มีการประชาสัมพันธ์กิจกรรมกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตผ่านช่องทางต่างๆ เพิ่มขึ้น และเสริมสร้างให้เครือข่ายกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตจังหวัดนครพนมมีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครพนม
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225070959518
| null |
กรมปศุสัตว์ ร่วมกับ จ.มหาสารคาม จัดงานแพะแห่งชาติ ประจำปี 2566 มุ่งส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงแพะ การเพิ่มมูลค่าผลผลิตในหลากหลายรูปแบบ เพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่องค์กรเกษตรกรทุกระดับ
|
วันนี้ (25 ก.พ.66) ที่สนามกีฬาอเนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตําบลบรบือ อําเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม นายสัตวแพทย์ประภาส ภิญโญชีพ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานเปิด “งานแพะแห่งชาติ ครั้งที่ 19 ประจําปี 2566” โดยมี นายนพสิทธิ์ อุดมสุวรรณกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นายอําเภอบรบือ หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานสังกัดกรมปศุสัตว์ กลุ่มเกษตรกร และผู้สนใจเข้าร่วมงานนายวรกร อินทแพทย์ ปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า แพะเป็นสัตว์ที่นิยมเลี้ยงกันทุกภาคของประเทศไทย ประชากรแพะในปี 2566 มี 1,492,841 ตัว เกษตรกร 90,204 ราย ส่วนใหญ่เป็นรายย่อยและเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมจังหวัดมหาสารคามมีเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ 459 ราย จํานวน 12,404 ตัว มีศูนย์ถ่ายทอดความรู้และเป็นศูนย์รีดน้ําเชื้อที่ผ่านการรับรองจากกรมปศุสัตว์ มีหน่วยงานสังกัดกรมปศุสัตว์อยู่ในพื้นที่ครอบคลุมทุกด้าน กรมปศุสัตว์ กําหนดจัดงานวันแพะแห่งชาติเป็นประจําทุกปี ในปีนี้ได้มอบหมายให้จังหวัดมหาสารคาม โดยสํานักงานปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคามเป็นหน่วยงานหลัก ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดงานแพะแห่งชาติ ครั้งที่ 19 ระหว่างวันที่ 24-25 ก.พ.66 เพื่อให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจในอาชีพการเลี้ยงแพะเพิ่มขึ้น พัฒนาระบบการเลี้ยง เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อการบริโภคภายในประเทศ ภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก สร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรทุกระดับนายสัตวแพทย์ประภาสฯ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า กรมปศุสัตว์ได้ส่งเสริมและพัฒนาเชื่อมโยงระบบการเลี้ยงแพะของเกษตรกร ปัจจุบันมีกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะ 861 กลุ่ม ชมรมผู้เลี้ยงแพะระดับจังหวัด 70 จังหวัด และเครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะระดับเขต 9 เขต มีการพัฒนาสายพันธุ์แพะ การลดต้นทุน การแปรรูป เพิ่มมูลค่าผลผลิตในหลากหลายรูปแบบ การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อกระจายผลผลิตไปสู่ตลาดในทุกช่องทาง รวมทั้งอนุรักษ์สายพันธุ์แพะที่เป็นอัตตลักษณ์ท้องถิ่น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ระหว่างเกษตรกร นักวิชาการ และผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนาอาชีพการเลี้ยงแพะ ร่วมกันกําหนดแนวทางในการพัฒนาระบบตลาด การเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างภูมิภาคทั่วประเทศและการค้าระหว่างประเทศภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจ เช่น การจัดนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, นิทรรศการด้านวิชาการ, การประกวดแพะ รวม 17 รุ่น และประเภทแกรนด์แชมป์ รางวัลถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, การประกวดวาดภาพแพะ, การแสดงแพะสายพันธุ์แท้และลูกผสม ,การเสวนาวิชาการ, กิจกรรมสานสัมพันธ์เครือข่ายเกษตรกรเลี้ยงแพะจากทั่วประเทศ, สาธิตการแปรรูปผลิตภัณฑ์แพะ, การให้บริการคลินิกสัตว์, การจําหน่ายสินค้าจากกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการ, การมอบรางวัลวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงแพะดีเด่นระดับเขต และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
มหาสารคาม
|
สวท.มหาสารคาม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225205533670
| null |
จังหวัดชุมพรจัดโครงการ "พาณิชย์..ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย" ครั้งที่ 2 จำหน่ายสินค้าราคาต่ำกว่าท้องตลาด ลดรายจ่าย ช่วยประชาชน
|
วันนี้ (25 ก.พ.66) นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ ผู้ช่วยเลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดโครงการ "พาณิชย์..ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย" จังหวัดชุมพร ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 25-27 ก.พ. 66 บริเวณลานด้านโรงแรมชุมพรแกรนด์พาเลซ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร เพื่อจําหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จําเป็นต่อการครองชีพในราคาต่ํากว่าท้องตลาด โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้ประกอบการ และประชาชนเข้าร่วมงานเป็นจํานวนมากนายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ ผู้ช่วยเลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า โครงการ "พาณิชย์..ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย" เป็นโครงการจะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้พี่น้องประชาชนจากสถานการณ์ราคาสินค้าที่ปรับราคาสูงขึ้น ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นการบรรเทาความเดือดร้อน และเพิ่มช่องทางการจําหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการและเกษตรกร ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ปัจจุบันคลี่คลายลงแล้ว และมีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัวได้ กระตุ้นการจับจ่ายเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นด้าน นางสาวยุพาพร สวัสดี พาณิชย์จังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า กิจกรรมภายในงานจะประกอบไปด้วยการออกบูทจําหน่ายสินค้าที่จําเป็นต่อการครองชีพ ที่ผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้าได้โดยตรงกับ บริษัทผู้ผลิต ผู้ประกอบการ พร้อมทั้งกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าที่จําเป็นต่อการครองชีพในราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป เช่น หมูเนื้อแดง กิโลกรัมละ 100 บาท น่องไก่ติดสะโพก กิโลกรัมละ 60 บาท ไข่ไก่เบอร์ แผงละ 70 บาท น้ํามันพืชปาล์มขวดลิตร ขวดละ 35 บาท ข้าวหอมปทุมธานี ขนาด 5 กิโลกรัม ถุงละ 110 บาท และข้าวขาว ขนาด 5 กิโลกรัม ถุงละ 70 บาทโครงการ “พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย” ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 65 อนุมัติงบกลางปี 2566 วงเงิน 422.75 ล้านบาท ดําเนินโครงการดังกล่าว เพื่อจัดจําหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่จําเป็นทั่วประเทศ ในราคาประหยัด ช่วยลดค่าครองชีพประชาชน ทั้งเนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ สินค้าเกษตร ผลไม้ ฯลฯ จากสมาคม ซัพพลายเออร์ และกลุ่มเกษตรกรแต่ละจังหวัด โดยจะจําหน่ายสินค้าในพื้นที่สาธารณะหรือลานอเนกประสงค์ เช่น สํานักงานเขต การเคหะชุมชน สํานักงานพาณิชย์จังหวัด มีกําหนดจัดงานครั้งละ 3 วันสําหรับจังหวัดชุมพร กําหนดจัดครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 19-21 ก.พ. 66 ณ บริเวณสนามหน้าวัดถ้ํารับร่อ อําเภอท่าแซะ, ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 25-27 ก.พ. 66 ณ บริเวณลานด้านหน้าโรงแรมชุมพรแกรนด์พาเลซ อําเภอเมืองชุมพร และครั้งที่ 3 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 มี.ค. 66 ณ บริเวณตลาดชุมชนหลังสวน อําเภอหลังสวน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคใต้
|
ชุมพร
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชุมพร
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225205836671
| null |
จ.สุรินทร์ จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ส่งเสริมการเรียนรู้นักท่องเที่ยวลงมือปฏิบัติ D-HOPE ในงานเทศกาลของดีเทนมีย์
|
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 17:30 น. ที่บริเวณสนามหน้าศูนย์ OTOP บ้านเทนมีย์ หมู่ที่ 1 ตําบลเทนมีย์ อําเภอเมือง จังหวัดสุรินทน์ นายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ มอบหมายให้ นายชํานาญ ชื่นตา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดงานเทศกาลของดีเทนมีย์ โดยมีนายอําเภอเมืองสุรินทร์ ผู้อํานวยการกลุ่มงานส่งเสริมการพัฒนาชุมชน รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด/อําเภอ ผู้กํากับการสถานีตํารวจภูธรเทนมีย์ นายกองค์การบริหารส่วนตําบลเทนมีย์ กํานันตําบลเทนมีย์ ผู้นําท้องถิ่น ท้องที่ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสุรินทร์ และประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมจังหวัดสุรินทร์ได้ดําเนินการจัดกิจกรรมท่องเที่ยวตามแนวทาง D-HOPE มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมที่ผู้ชมได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ตามสิ่งที่ตนเองสนใจ ด้วยการมีส่วนร่วม ทําให้ชุมชนเกิดความภาคภูมิใจ เห็นคุณค่าในทรัพยากรท้องถิ่น ซึ่งสามารถนํามาเรียงร้อยเป็นโปรแกรมที่สร้างสรรค์และพัฒนาได้อย่างน่าสนใจ กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ที่นักท่องเที่ยว ลงมือปฏิบัติ (D–HOPE) ของผู้ประกอบการชุมชน(Champ) เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของชาวบ้านเทนมีย์ ตําบลเทนมีย์ ในการที่ต่อยอดเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ทั้งนี้ชุมชนบ้านเทนมีย์ เป็นหมู่บ้านที่มีวัฒนธรรมหลากหลายทั้งด้านการแสดงพื้นบ้าน ผ้าไหมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ติดแหล่งท่องเที่ยวซแรย์อทิตยา อ่างเก็บน้ําอําปึล เป็นชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบของจังหวัดสุรินทร์ เมื่อปี พ.ศ.2559 และได้รับรางวัลพระราชทาน “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง “อยู่เย็น เป็นสุข” ประจําปี 2560 จึงได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโปรแกรมสร้างสรรค์ในปีนี้ สําหรับงานเทศกาลของดีเทนมีย์ จัดขึ้นระหว่าง 24-26 กุมภาพันธ์ 2566 ภายในงานมีสินค้า OTOP ของตําบลเทนมีย์ และถนนคนเดินเทนมีย์เซราะเยิงอีกด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
สุรินทร์
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225221335679
| null |
เปิดงานแข่งขัน E-Sport เพื่อส่งเสริมทักษะ การทำงานเป็นทีม ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ พื้นที่อำนาจเจริญ
|
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 นายธงชัย แสนทวีสุข ผู้อํานวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานเปิดงานแข่งขัน E-Sport เพื่อส่งเสริมทักษะการทํางานเป็นทีม ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ พร้อมจัดร้านค้า อาหาร สื่งของจําเป็นในราคาถูกกว่า 40 ร้าน บริเวณหอนาฬิกา ใจกลางเมืองจังหวัดอํานาจเจริญนางสาวณิชชา พันธุ์วรรณ อุปนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดอํานาจเจริญ กล่าวว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดอํานาจเจริญ ให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เป็นการสร้างรายได้จากการแข่งขัน มีการจําหน่ายสินค้า โรงแรมต่างๆ ถูกจองเต็มขยายไปจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี ทั้ง 3 วันมีการแสดงคอนเสิร์ตเพื่อการบันเทิงทุกวันนายสิทธิการ วันทนียกุล รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอํานาจเจริญ พร้อมทีมงานคนรุ่นใหม่ สนับสนุนการจัดการแข่งขัน และรองนายกเทศมนตรีเมืองอํานาจเจริญ ประสานผู้เข้าแข่งขัน ร้านค้า ร้านอาหาร ให้มาที่เดียวจบทุกอย่างนายชนาส ชัชวาลวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอํานาจเจริญ ร่วมมอบรางวัลให้กับผู้เข้าแข่งขัน เดินชิมพร้อมให้กําลังใจผู้ประกอบการร้านค้า นายธนูศักดิ์ เสมอภาค นายอําเภอเมืองอํานาจเจริญ นําส่วนราชการเข้าร่วมกิจกรรมชม ชิม ช้อป อาหารราคาถูก#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
อำนาจเจริญ
|
สวท.อำนาจเจริญ
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225222506681
| null |
พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี จำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค พาณิชย์…ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย ครั้งที่ 1 ในพื้นที่เขตอำเภอเมือง ลดค่าครองชีพประชาชน กว่า 390,000 บาท
|
นางสาวจินตะณา ปิ่นสุภา พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า สํานักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี ดําเนินกิจกรรมจําหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน ภายใต้โครงการพาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดเพชรบุรี จํานวน 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 วันที่ 22-24 ก.พ.66 ณ อ.เมือง ครั้งที่ 2 วันที่ 3-5 มี.ค.66 ณ อ.ท่ายาง และครั้งที่ 3 วันที่ 9-11 มี.ค 66 ณ อ.บ้านแหลม โดยจําหน่ายสินค้าส่งเสริมการขายราคาพิเศษต่ํากว่าท้องตลาด เช่น หมูเนื้อแดง กก.ละ 110 บาท น่องไก่ติดสะโพก กก.ละ 50 บาท ไข่ไก่แผงละ 80 บาท น้ําตาลทราย กก.ละ 17 บาท น้ํามันพืชขวดละ 40 บาท ข้าวหอมถุงละ 110 บาท ข้าวขาวถุงละ 80 บาท สินค้าอุปโภคบริโภคลดราคามากกว่า 25% อีกจํานวน 80 รายการ และสินค้าชุมชนอีกมากมาย รวมทั้งมีกิจกรรมส่งเสริมการขายด้วยการแจกคูปอง 50 บาท วันละ 100 ใบ ใน 3 ช่วงเวลา มูลค่ารวม 5,000 บาทต่อวัน และจัดนาทีทองลดราคาสินค้าจากราคาปกติถึง 50 % วันละ 2 ช่วงเวลา มูลค่ารวม 5,000 บาทต่อวัน สําหรับการจําหน่ายแยกเป็นสินค้าส่งเสริมการขาย 6 รายการ สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้า อาหาร เสื้อผ้า ของใช้ทั่วไป ครั้งที่ 1 สามารถลดภาระค่าครองชีพแก่ประชาชนได้ 398,403.95 บาท #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND สวท.เพชรบุรี/25 ก.พ.66
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันตก
|
เพชรบุรี
|
สวท.เพชรบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225071911521
| null |
จังหวัดพังงาร่วมผลักดันผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับ ที่ใช้อัตลักษณ์ของท้องถิ่น
|
วันนี้ (25 ก.พ.66) นายเอกรัฐ หลีเส็น ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา มอบหมายให้ นางสาวนิรชา บัณฑิตย์ชาติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เป็นประธานในโครงการพัฒนาต่อยอดอัดลักษณ์เครื่องประดับภาคใต้เพื่อการท่องเที่ยว (องค์กรมหาชน) หรือ GIT (นครศรีธรรมราช/สตูล/พังงา/ภูเก็ต) ณ ห้องปรายฟ้า โรงแรมเลอ เอราวัณ จังหวัดพังงาสถาบัน GIT อยู่ภายใต้การกํากับดูแลของกระทรวงพาณิชย์ มีแผนในการผลักดันผู้ประกอบการไทยในทุกภูมิภาค ให้เป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ สร้างงาน สร้างแบรนด์ สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ และช่างฝีมือไทย ส่งเสริมจุดแข็งทางด้านการผลิต การออกแบบเครื่องประดับที่ใช้อัตลักษณ์ของท้องถิ่นสร้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบรนด์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างยั่งยืนในปีนี้สถาบัน GT ลงพื้นที่ต่อยอดเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการในภูมิภาคในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นพื้นที่การท่องเที่ยวที่สําคัญ โดยเราใช้ชื่อว่า "เสน่ห์ใต้" (The Southern Shine by GIT) ที่เป็นมากกว่าการพัฒนาเครื่องประดับ ให้มีความแปลกใหม่น่าสนใจ สวมใส่ได้ง่าย และหลากหลายโอกาส แต่ยังคงอัตลักษณ์ความเป็นท้องถิ่น เพิ่มมูลค่าสินค้า ลดการสูญเสียในระบบการผลิต และผลักดันต่อยอดให้ชุมชน หรือแหล่งผลิต เครื่องประดับ สร้างแหล่งท่องเที่ยวด้านอัตลักษณ์ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ อันจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ให้เข้ามาเยี่ยมชม ก่อเกิดรายได้ให้กับผู้ประกอบการ และจังหวัด โดยนําร่อง 4 จังหวัด ได้แก่นครศรีธรรมราช พังงา สตูล และที่สําคัญ สถาบัน GT และทีมนักออกแบบ รวมถึงผู้เชี่ยวซาญ จะเฟ้นหาผู้ประกอบการจํานวนทั้งหมด 12 คน จาก 4 จังหวัด เข้าร่วมต่อยอดเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ และรับทุนสนับสนุนการผลิตต้นแบบเครื่องประดับอัตลักษณ์เสน่ห์ใต้รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท และผลงานที่ได้รับการผลิตนั้นจะถูกนําไปจัดแสดงในรูปแบบของนิทรรศการแสดงผลงานเครื่องประดับ ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช และเผยแพร่ผ่านช่องทางต่างๆ อีกมากมาย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคใต้
|
พังงา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพังงา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225235232695
| null |
เทศบาลโคราช ปิ๊งไอเดีย จัดงานถนนคนเดิน เดินเดิ่นโคราช กระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า
|
เทศบาลโคราช ปิ๊งไอเดีย จัดงานถนนคนเดิน เดินเดิ่นโคราช กระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า ยกทัพร้านค้ากว่า 200 ร้าน ให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายใช้สอย ทุก ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ คาดมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ํากว่า 10 ล้านบาทวันนี้ (25 ก.พ.66) ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เขตเทศบาลนครนครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ปลัดเทศบาล รองปลัดเทศบาล สมาชิกสภาเทศบาล เจ้าหน้าที่ และประชาชน ร่วมพิธีเปิดงานถนนคนเดิน "เดินเดิ่นโคราช" เทศบาลนครนครราชสีมา เพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจการสร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการค้าและประชาชน มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการกว่า 200 ร้าน ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์พื้นเมือง, ผลิตภัณฑ์ OTOP, อาหารดัง อาหารอร่อย อาหารดีโคราช Food Truck รวมทั้งสินค้าราคาประหยัด รวมถึงจัดการแสดง 3 เวที ที่จะมาสร้างสีสันและความสุข ไม่ว่าจะเป็นการแสดง Cosplay, Cover Dance, Random Dance, Hip-Hop, B-Boy, Folksong และดนตรีลูกทุ่งจาก ร.ร เทศบาล 4 (เพาะชํา) และร.ร.บัวใหญ่ ซึ่งงานถนนคนเดิน "เดินเดิ่นโคราช" เทศบาลนครนครราชสีมา กําหนดจัดขึ้นเป็นประจําทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เวลา 15.00-22.00 น.ของทุกสัปดาห์ คาดมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ํากว่า 10 ล้านบาท#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครราชสีมา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225093717532
| null |
จ่าเหน่งเกษตรอินทรีย์ ศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ PGS ศูนย์ใหม่ปลอดภัยจากสารเคมี
|
เรืออากาศตรีบัญชา เพ็ชรรักษ์ กับภรรยา นางศรัญญา เพ็ชร์รักษ์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต เกษตรจังหวัดสิงห์บุรี ทําเกษตรอินทรีย์แบบครบวงจรใช้พื้นที่รอบบ้านจํานวน 2 งาน ปลูกผักอินทรีย์แบบยกแคร่สูง 80 ซ.ม.จํานวน 60 แปลง ใช้ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงที่ทําเองเพาะปลูกผักหมุนเวียน 3 ประเภท ได้แก่ ประเภทแรกปลูกครั้งเดียวอยู่ได้นาน คือ ผักกูด ผักเชียงดา ผักชมจันทร์ ประเภทสองปลูกพืชตามฤดูกาลช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์ คือ บล็อกโคลี่ กะหล่ําดอก กะหล่ําปลี มะเขือเทศราชินี ประเภทสามปลูกตลอดทั้งปีผักสลัดเป็นหลัก คือ เรดโอ๊ค กรีนโอ๊ค คอส มินิคอส เรดโครอล ฟิลเลย์ ผักกาดแก้ว และยังมีผักสวนครัว ผักคะน้า กวางตุ้ง ครึ่งฉาย ปลูกสลับกันไปมาส่วนใหญ่จะเป็นผักสลัดที่อยู่ในแปลงตลอดเวลาเป็นรายได้หลักเป็นประจําทุกเดือน ขายทางออนไลน์และหน้าร้านกิโลกรัมละ 120 บาท มีโรงพยาบาลและลูกค้าประจําซื้อทุกวันไปทําสลัดขาย หน้าบ้านยังมีมุมพักผ่อนสไตล์คาเฟ่ ให้ลูกค้ามาซื้อถึงที่ร้านได้มาลองชิมน้ําผลไม้ กาแฟสด และผลผลิตในศูนย์เรียนรู้เกษตรอินทรีย์ PGS ศูนย์ใหม่ปลอดภัยจากสารเคมี ใครอยากเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ตามมาตรฐาน GMP สามารถมาศึกษาดูงาน บ้านเลขที่ 20/1 หมู่ที่ 6 ตําบลโพกรวม อําเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี จะได้เรียนรู้ตั้งแต่เตรียมดินปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง การทําแปลงยกแคร่ การเพาะต้นกล้า การนําผักมาปลูกในแปลง และการตลาดจนสามารถไปประกอบอาชีพได้ ติดต่อที่ โทร. 081-2919-687 หรือเพจจ่าเหน่งเกษตรอินทรีย์#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
สิงห์บุรี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสิงห์บุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225100412538
| null |
เลื่อนตรวจสอบสิทธิ์ผู้ผ่านเกณฑ์ได้สวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ จาก 1 มีนาคมเป็น 1 เมษายนนี้
|
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในรายการ “คุยเรื่องบ้าน คุยเรื่องเมือง คุยทุกเรื่องกับรัฐมนตรี” ทางสถานีวิทยกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถึงการประกาศผลโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 2565 ย้ําไม่ใช่เป็นการประกาศรายชื่อรวมแต่เป็นการเปิดให้แต่ละคนเข้าไปตรวจสอบสิทธิ์ตนเอง ไม่มีใครสามารถตรวจสอบแทนได้ จึงขออย่าหลงเชื่อหากใครมาบอกจะตรวจสอบสิทธิ์แทนให้ ส่วนกรณีเดิมตั้งเป้าจะเริ่มจ่ายเงินในโครงการ เริ่ม 1 มีนาคมนี้ ต้องขอเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากการตรวจสอบคุณสมบัติครั้งนี้มีการปรับเกณฑ์พิจารณารายได้ใหม่ให้รอบครอบขึ้น จากเดิมเป็นรายบุคคล เปลี่ยนเป็นการคํานวณรายได้ต่อครัวเรือนหารเฉลี่ยจํานวนสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด และต้องนําทรัพย์สินอื่นมาคํานวณด้วย เช่น รถยนต์ บัญชีเงินฝาก เป็นต้น ต้องผ่านการกรองจาก 46 หน่วยงาน จึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอย่างมากในการตรวจสอบผู้ลงทะเบียน 14-19 ล้านคน ทั้งนี้ พร้อมนําเรื่องเสนอต่อ ครม.วันอังคารที่จะถึงนี้ จากนั้นจึงจะทราบ Timeline ที่ชัดเจน คาดจะเริ่มจ่ายเงินในโครงการได้วันที่ 1 เมษายน 2566นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ย้ําว่า การเลื่อนกําหนดเวลานี้ไม่กระทบผู้มีสิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเดิม ยังสามารถใช้สิทธิ์ได้ปกติจนกว่าจะมีการประกาศตัดสิทธิ์ แต่สิ่งที่อาจกระทบเล็กน้อยคือ สิ่งที่จะเติมในอนาคตเรื่องปรับปรุงค่าเดินทางรถไฟฟ้า จากเดิมที่ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐแตะที่ช่องทางเข้าได้ทันที แต่ต่อไปจะเปลี่ยนเป็นใช้บัตรประชาชน ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อรับชิปสําหรับการเดินทางซึ่งอาจต้องเสียเวลาเล็กน้อย
|
25/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225191824641
| null |
หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ จัดงานมหกรรม “ฟื้นใจเมือง” ด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนฐานทุนทางวัฒนธรรมชุมชน จังหวัดพะเยา
|
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานเปิดงานมหกรรม “ฟื้นใจเมือง” ด้วย “เศรษฐกิจสร้างสรรค์ บนฐานทุนทางวัฒนธรรมชุมชน” ซึ่ง หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) จัดขึ้นในวันที่ 24-26 กุมภาพันธ์ 2566 ณ ข่วงวัฒนธรรม สวนสุขภาพ 100 ปี อําเภอเชียงคํา จังหวัดพะเยา โดยมหกรรม “ฟื้นใจเมือง” ด้วย “เศรษฐกิจสร้างสรรค์ บนฐานทุนทางวัฒนธรรมชุมชน” เป็นมหกรรมศิลปวัฒนธรรม ซึ่งพื้นที่ปริทรรศน์คุณค่าทางด้านศิลปวัฒนธรรมของพื้นที่ โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยพัฒนาพื้นที่จากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ในการจัดกิจกรรม ณ อําเภอเชียงคํา ผ่าน 3 โครงการ อันประกอบด้วย โครงการพัฒนาทุนทางวัฒนธรรมชุมชน ผ่านกลไกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาสังคม โครงการฟื้นใจเมืองด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนฐานทุนทางวัฒนธรรมชุมชน และโครงการพัฒนาย่านวัฒนธรรมชุมชนและการฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีและสร้างวัฒนธรรมใหม่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ เพื่อยกระดับทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่ และร่วมกันฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมให้เกิดเป็นย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สําหรับเป็นศูนย์รวมการค้าขายและพบปะของผู้คนในชุมชน อันนําไปสู่การสร้างคุณค่าร่วมในพื้นที่ การจัดมหกรรมฟื้นใจเมืองในครั้งนี้เป็นการพัฒนาและยกระดับกิจกรรมที่ทางหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ได้ดําเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง จึงกําหนดจัดมหกรรมฟื้นใจเมืองขึ้น ใน 4 จังหวัดของแต่ละภูมิภาค อันได้แก่ จังหวัดชลบุรี (อําเภอพนัสนิคม) จังหวัดกาฬสินธุ์ (อําเภอเมือง) จังหวัดนครศรีธรรมราช (อําเภอทุ่งสง) และที่จังหวัดพะเยา (อําเภอเชียงคํา) เพื่อปลุกเมือง ฟื้นใจย่านเก่าด้วยแนวคิดการออกแบบพื้นที่จากฐานทุนวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยได้เริ่มจากอําเภอเมืองพนัสนิคม จังหวัดชลบุรีเป็นพื้นที่นําร่องในการจัดมหกรรมครั้งที่ 1 ช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา และต่อเนื่องด้วยอําเภอเชียงคํา จังหวัดพะเยา ในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 อันจะเป็นการนําเสนอทุนทางวัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนไทลื้อ 5 หมู่บ้าน ผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบที่สะท้อนวิถีชีวิต ประเพณี และทุนทางวัฒนธรรมของชาวไทลื้อได้เป็นอย่างดี ในงานมีกิจกรรม การเดินขบวนแห่ครัวทาน ขบวนพาเหรดที่จะนําเสนอทุนทางวัฒนธรรมผ่านการแต่งกายชุดไทลื้อสร้างสรรค์ และการแห่ครัวทาน ศิลปะการเต้นสิงโตและเต้นนางนก การนําเสนอทุนทางวัฒนธรรมผ่านการแสดงพื้นบ้าน การแสดงดนตรีจาก ม.พะเยา วงดนตรีพื้นเมือง การขับลื้อ และการฟ้อน กิจกรรมวาดลวดลายรูปสัตว์จากศิลปิน ในมหกรรมครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก อ.ชลิต นาคพะวัน ที่จะมาแสดงฝีมือการวาดภาพลวดลายสัตว์ให้ได้รับชม รถรางนําเที่ยว สัมผัสบรรยากาศวิถีชีวิตชุมชนไทลื้อ 5 หมู่บ้าน สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนไทลื้อ 5 หมู่บ้าน ผ่านการนั่งรถรางเยี่ยมชมย่านชุมชนต่างๆ ที่นําเสนอทุนทางวัฒนธรรมในแต่ละมิติ เริ่มจากพื้นที่บ้านหย่วน รับชมสถาปัตยกรรมวิหารไทลื้อ วัดหย่วน และกิจกรรมสาธิตการทอผ้าปั่นฝ้าย พื้นที่บ้านดอนไชย กิจกรรมสาธิตการทํากาละแมโบราณ และร้านค้าจําหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน พื้นที่บ้านธาตุสบแวน รับชมภาพจิตรกรรมไทลื้อและสถาปัตยกรรมเฮือนไทลื้อ กิจกรรมสาธิตทําตุงสกรีนลาย พื้นที่บ้านธาตุ จะมีกิจกรรมเวิร์คช้อปจากร้านค้าชุมชน สาธิตการทําขนมปาด และสามารถเดินเล่นต่อได้ที่กาดกองน้อยซอย 6 พื้นที่บ้านมาง ซึ่งจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางในการจัดกิจกรรมและการแสดงต่าง ๆ อาทิ เต้นโต ขบวนครัวทาน กิจกรรมสาธิตมวยผมและถ่ายรูปชุดพื้นเมือง การขับลื้อ การแสดงพื้นเมือง โดยศาสตราจารย์พิเศษ ดร. เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้กล่าวถึง นโยบายสนับสนุนทุนทางวัฒนธรรม และบทบาทของมหาวิทยาลัยในการสนับสนุนงานหัตถศิลป์ (soft power) ด้าน ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ได้กล่าวถึง ประเด็นแนวคิดต่อเนื่อง ของการจัดโครงการมหกรรม “ฟื้นใจเมือง” ด้วย “เศรษฐกิจสร้างสรรค์ บนฐานทุนทางวัฒนธรรมชุมชน” ในปีนี้ และโครงการฟื้นใจเมืองมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจในครัวเรือนในพื้นที่อย่างไรบ้าง และ ดร.สีลาภรณ์ บัวสาย ได้กล่าวถึง ประเด็น นโยบายหลักที่ บพท.ช่วยสนับสนุนทุนทางวัฒนธรรมผ่านงานโครงงานนิทรรศการและกิจกรรมมหกรรมที่หลากหลายมิติอย่างไร และเพิ่มเติมถึงกิจกรรมงานมหกรรม “ฟื้นใจเมือง” ที่จังหวัดพะเยาครั้งนี้ ในช่วงท้ายของกิจกรรมด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคเหนือ
|
พะเยา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพะเยา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226074537698
| null |
แรลลี่แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 3 จังหวัดภาคกลางตอนล่างครั้งแรก กระตุ้นการท่องเที่ยววิถีวัฒนธรรม สร้างอาชีพ รายได้สู่ท้องถิ่น
|
นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า โครงการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ กลุ่มอารยธรรมทวารวดี กิจกรรมเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 3 จังหวัด เส้นทาง ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี เป็นกิจกรรมนําร่องที่จัดขึ้นเพื่อเปิดการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมรูปแบบใหม่ ซึ่งทั้ง 3 จังหวัด เป็นกลุ่มจังหวัดที่มีความโดดเด่น ทั้งด้านดนตรี มีปูชนียบุคคล ศิลปินแห่งชาติ นักดนตรีรุ่นใหม่ทั้งเพลงลูกทุ่งและเพลงสากล มีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ มีศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ร้านอาหาร ของฝากของที่ระลึกและชุมชนยลวิถีต้นแบบระดับจังหวัด ต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่จะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรากฐานสร้างรายได้ให้กับชุมชนในพื้นที่สําหรับครั้งนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ กําหนดจุดแรลลี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ในพื้นที่ 3 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดราชบุรี ได้แก่ วัดโขลงสุวรรณคีรี วัดมหาธาตุวรวิหารและวัดขนอน จังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ ต้นจามจุรียักษ์ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ และวัดทิพย์สุคนธาราม และปิดท้ายที่จังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ วัดเขาทําเทียม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง และชุมชนคุณธรรมบ้านบางแม่หม้ายซึ่งแต่ละแห่งจะมีกิจกรรมการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม อาทิ การแสดงหนังใหญ่วัดขนอน การแสดงของแม่ขวัญจิตศรีประจันต์ รวมถึงการสาธิตภูมิปัญญาพื้นบ้านและการจําหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม โดยหลังจากนี้จะมีการขยายผลการจัดกิจกรรมยังกลุ่มจังหวัดของแต่ละภูมิภาคเพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวต่อเนื่อง
|
25/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230225191910644
| null |
อบจ.ลำปาง ร่วมกับภาคอุตสาหกรรม แถลงข่าวจัดงานลำปางอุตสาหกรรมแฟร์ “Lampang industrial technology and innovation fair”
|
นางสาวตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร นายก อบจ.ลําปาง มอบหมายให้นายวราวุฒิ หน่อคํา รองนายกอบจ.ลําปาง ร่วมแถลงข่าวโครงการลําปางอุตสาหกรรมแฟร์ “Lampang industrial technology and innovation fair” พร้อมด้วยนายสุภชัย ไวยาวัจมัย อุตสาหกรรมจังหวัดลําปาง นายบุญศักดิ์ ชัยสุทธิวงศ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดลําปาง เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดงาน และพิธีเซ็น MOU การจัดโครงการอุตสาหกรรมแฟร์ ณ เวทีกาดนั่งก้อมหนองกระทิง ซึ่งกําหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 - 20 มีนาคม 2566 ณ บริเวณลาน ชั้น 1 เซนทรัลพลาซาลําปาง ซึ่งมีกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วยวันที่ 18 มีนาคม 2566 การนําเสนอผลิตภัณฑ์จากบริษัทที่เข้าร่วมจัดงาน มากกว่า 50 ราย การนําเสนอเทคโนโลยี METAVERSEวันที่ 19 มีนาคม 2566 การแข่งขัน ROBOT CONTEST จํานวน 4 รุ่น ได้แก่ การแข่งหุ่นยนต์ micro bit ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา และการแข่งหุ่นยนต์แบบโอเพ่น ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา เงินรางวัลทั้งสิ้น 66,000 บาท และกิจกรรม ROBOT SHOW จากทีมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่วันที่ 20 มีนาคม 2566 กิจกรรมให้ความรู้ แนะนําอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนท์ไทย อุตสาหกรรมเกมส์ และการแข่งขัน E-SPORTโดยทั้ง 3 วัน จะมีบูธนิทรรศการโรงเรียนอัสสัมชัญลําปาง ที่ชนะการแข่งขันโอลิมปิคหุ่นยนต์ World Robot Olympiad ระดับนานาชาติ ที่เมืองดอร์ทมุนด์ ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 17 - 19 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา และโรงเรียนเวียงมอกวิทยา อําเภอเถิน ทีม Robot WMS สามารถคว้ารางวัล จํานวน 7 รายการ จากการแข่งขันหุ่นยนต์โอลิมปิคนานาชาติ International Robot Olympiad 2022 (IRO 2022) : Phuket Thailand และการแข่งขัน Robert *Sports Challenge 2023ทั้งนี้ การจัดงานดังกล่าวภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจาก อบจ.ลําปาง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสการจําหน่ายผลิตภัณฑ์ การขยายช่องทางการตลาด แสดงศักยภาพ แสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยี ส่งเสริม พัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมทุกประเภทในจังหวัดลําปาง รวมถึงยกระดับความเข้มแข็ง พัฒนาบุคลากร โดยบูรณาการทุกภาคส่วนในจังหวัดลําปางร่วมกันเตรียมความพร้อมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการสามารถกลับมาดําเนินธุรกิจต่อไปได้#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคเหนือ
|
ลำปาง
|
สวท.ลำปาง
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226093827717
| null |
บาติก-มัดย้อมสีธรรมชาติ “ครูผีเสื้อ” สร้างงาน สร้างรายได้
|
กลุ่มเด็กๆ นักเรียนชาย-หญิง ต่างสนุกสนาน ตั้งใจที่จะเรียนรู้ ขั้นตอนการทําผ้าบาติก มัดย้อม กับ “ครูผีเสื้อ”บาติก/มัดย้อม ซึ่งได้เปิดสอนที่บ้านเลขที่ 87/7 ซอยมูซอ 1 ตําบลสะเตง อําเภอเมือง จังหวัดยะลา ให้กับเด็ก-เยาวชน เพื่อจะได้นําภูมิปัญญาท้องถิ่นไปต่อยอดที่จะเรียนรู้ต่อไปในอนาคต นางสาวสันสนีย์ กาหลง อายุ 42 ปี ประธานกลุ่ม “ครูผีเสื้อ” เล่าว่า เดิมตนเองเรียนศิลปะอยู่แล้ว ได้ไปเจองานในผ้ามือสองเลยอยากจะรู้ว่ามันคืออะไร ก็เลยไปหาคําตอบ คือ ผ้าบาติก พอได้คําตอบแล้วได้มีโอกาสไปเรียนเข้าทางที่ตนชื่นชอบคือศิลปะ ซึ่งตนเองไปช่วยทีมงานอาจารย์มาโดยตลอดจนคุ้นเคยเริ่มชิน เริ่มเก่งหลายเทคนิค พอจบเรียนจากมหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา ได้มีโอกาสไปสอนที่วิทยาลัยสารพัดช่างยะลา สอนทั้งนักเรียน นักศึกษา และคนวัยชรา จึงมาเป็นศูนย์เรียนรู้ สําหรับเด็กเยาวชน คนขาดโอกาส มีโรงเรียนแต่ละโรงเรียนต่างๆมีเด็กนักเรียนมาลองฝึกงาน จะมีเด็กทําวิจัยของมหาวิทยาลัย ชิ้นงานที่เป็นเอกลักษณ์จะเน้นไปทางบาติกเป็นเทคนิคโบราณจะมีความเป็นสมัยใหม่ สีธรรมชาติหาเทคนิคมาเล่นของตัวเอง แม่พิมพ์โบราณ แม่พิมพ์เหล็ก แม่พิมพ์ไม้ก็มี ถ้าเด็กจะมาเรียนรู้ก็มาได้มีมัดย้อม ทําให้เด็กอายุ 2 - 3 ขวบก็ทําได้ ซึ่งเป็นการปลูกจิตสํานึกให้เด็กมีศิลปะในตัวสําหรับการแปรรูปนั้น จะทําเป็นผลิตภัณฑ์เสื้อบาติกแบบอาร์ตๆ เสื้อแฟชั่นผู้ชาย ผู้หญิง กระเป๋า โดยจะขายในเพจ คนที่รู้จัก ก็แวะมาอุดหนุนที่บ้านด้วย ทําให้มีรายได้ต่อเดือนประมาณหมื่นกว่าบาท ส่วนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ก็จะมีทางหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ส่งดีไซเนอร์เข้ามาสนับสนุนการสอนให้ด้วย สําหรับประชาชนที่สนใจผลิตภัณฑ์ ครูผีเสื้อ Art & Crafts ผ้าบาติก/มัดย้อม สามารถติดต่อทางเพจ ได้ที่ ครูผีเสื้อบาติก/มัดย้อม หรือโทร 087-9683435#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคใต้
|
ยะลา
|
สทท.ยะลา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226102258721
| null |
ผู้ว่า’จังหวัดอุตรดิตถ์ คาดผลผลิตมะขามหวานปี 2566 มีปริมาณ 10,472 ตัน มูลค่ากว่า 628 ล้านบาท พร้อมพัฒนาเป็นสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น ผลักดันเป็นสินค้า GI
|
นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่เยี่ยมกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมะขามหวานธรรมชาติ หมู่ที่ 1 ตําบลบ้านเสี้ยว อําเภอฟากท่า จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีมะขามหลายชนิด ทั้งมะขามสีทอง สีชมพู มะขามขาหมู และผลิตภัณฑ์มะขามแปรรูป และอีกมากมาย ซึ่งจังหวัดอุตรดิตถ์ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกมะขาม 21,240 ไร่ พื้นที่ให้ผลผลิต 17,948.25 ไร่ มีเกษตรกรผู้ปลูกมะขาม จํานวน 2,310 ราย แหล่งผลิตมะขามที่สําคัญอยู่ในพื้นที่ อําเภอฟากท่า อําเภอบ้านโคก และอําเภอน้ําปาด ตามลําดับ ซึ่งพันธุ์ที่นิยมปลูกมากที่สุด คือ พันธุ์สีทองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ เปิดเผยอีกว่า คาดการณ์ผลผลิตออกสู่ตลาดของปี 2566 มีปริมาณ 10,472 ตัน มูลค่า 628.35 ล้านบาท โดยผลผลิตจะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคมของปีถัดไป และออกมากที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ สําหรับในปี 2566 สํานักงานเกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์ มีโครงการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น ประจําปี 2566 (มะขามหวาน) ที่ส่งเสริมเกษตรกรให้ผลิตมะขามหวานคุณภาพดี เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของจังหวัดอุตรดิตถ์ต่อไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคเหนือ
|
อุตรดิตถ์
|
สวท.อุตรดิตถ์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226105106726
| null |
พาณิชย์จังหวัดเพชบุรี จัดโครงการพาณิชย์…ลดราคา! ออนทัวร์ทั่วไทย ครั้งแรกจัดขึ้นที่อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ลดค่าครองชีพประชาชนกว่า 6 แสนบาท
|
นางสาวจินตะณา ปิ่นสุภา พาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า สํานักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบุรี ดําเนินกิจกรรมจําหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน ภายใต้โครงการพาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย จังหวัดเพชรบุรี จํานวน 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 วันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประชาชนสนใจออกมาจับจ่ายใช้สอยเป็นจํานวนมาก โดยจําหน่ายสินค้าส่งเสริมการขายราคาพิเศษต่ํากว่าท้องตลาด เช่น หมูเนื้อแดง กก.ละ 110 บาท น่องไก่ติดสะโพก กก.ละ 50 บาท ไข่ไก่แผงละ 80 บาท น้ําตาลทราย กก.ละ 17 บาท น้ํามันพืชขวดละ 40 บาท ข้าวหอมถุงละ 110 บาท ข้าวขาวถุงละ 80 บาท สินค้าอุปโภคบริโภคลดราคามากกว่า 25% อีกจํานวน 80 รายการ และสินค้าชุมชนอีกมากมาย มีกิจกรรมส่งเสริมการขายด้วยการแจกคูปอง 50 บาท วันละ 100 ใบ ใน 3 ช่วงเวลา มูลค่ารวม 5,000 บาทต่อวัน และจัดนาทีทองลดราคาสินค้าจากราคาปกติถึง 50% วันละ 2 ช่วงเวลา มูลค่ารวม 5,000 บาทต่อวัน สําหรับมูลค่าการจําหน่ายเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 รวม 889,600 บาท แยกเป็น 1. สินค้าส่งเสริมการขาย 6 รายการ 449,500 บาท 2. สินค้าอุปโภคบริโภค 143,500 บาท 3. สินค้า อาหาร เสื้อผ้า ของใช้ทั่วไป 296,600 บาท โดยการจัดงานทั้ง 3 วัน (22-24 ก.พ.) มีมูลค่าการจําหน่าย รวม 2,538,060 บาท สามารถลดภาระค่าครองชีพแก่ประชาชนได้ 613,618.95 บาท ทั้งนี้ จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมอุดหนุนสินค้าราคาประหยัด ครั้งที่ 2 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-5 มีนาคม ณ อําเภอท่ายาง และครั้งที่ 3 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-11 มีนาคม อําเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ลดค่าครองชีพประชาชน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND สวท.เพชรบุรี/26 ก.พ.66
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันตก
|
เพชรบุรี
|
สวท.เพชรบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226112654729
| null |
จ.มุกดาหารจัด “วิ่ง NIGHT RUN MUKDAHAN CITY” ปลุกกระแสท่องเที่ยวเชิงกีฬา
|
จังหวัดมุกดาหารจัด “วิ่ง NIGHT RUN MUKDAHAN CITY” ระยะทาง 5 กิโลเมตร มีนักวิ่งกว่า 1000 คนร่วมกิจกรรม ตามโครงการ 1 จังหวัด 1 Sport Event สร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวและกีฬาให้เกิดเป็นรูปธรรมและยั่งยืนตามนโยบาย SPORT TOURISM ของรัฐบาลวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหารได้กล่าวต้อนรับนักวิ่ง พร้อมปล่อยตัวนักวิ่งและร่วมวิ่งตลอดเส้นทาง จากจุดปล่อยตัวและเส้นชัย ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดมุกดาหารนางสาวดารณี ลิขิตวรศักดิ์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การจัดวิ่ง NIGHT RUN MUKDAHAN CITYในครั้งนี้เป็นการส่งเสริมการ ท่องเที่ยวเชิงกีฬาซึ่งกําลังเป็นที่นิยมมาก เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในท้องถิ่น และภูมิภาคให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้งกิจกรรมนี้ยังช่วย เสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับประชาชน และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ในพื้นที่อีกด้วยการวิ่ง NIGHT RUN MUKDAHAN CITY ครั้งนี้ นักวิ่งยังได้เดินเที่ยวชม งาน MUK Street Art ถ่ายภาพงานศิลปะระหว่างเส้นทางวิ่ง พร้อมเช็คอิน แลนด์มาร์ค จังหวัดมุกดาหารเพื่อเก็บภาพประทับใจเพื่อนําเผยแพร่ปลุกกระแสท่องเที่ยวอีกทางนึงด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND วันวิภา แพงแก้ว/ประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร รายงาน
|
25/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมุกดาหาร
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226125201747
| null |
ชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ร่วมเลือกซื้อสินค้าคุณภาพ ราคาประหยัดในโครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทยคึกคักต่อเนื่อง บรรเทาภาระค่าครองชีพ
|
วันนี้ (26 ก.พ.66) บรรยากาศการจัดโครงการพาณิชย์ลดราคา ออนทัวร์ ทั่วไทยที่บริเวณสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.9 หน้าศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีประชาชนให้ความสนใจมาเลือกซื้อสินค้าคุณภาพ ราคาประหยัด ถูกกว่าท้องตลาดทั่วไปร้อยละ 30-50 อย่างคึกคัก โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นไฮไลต์ ได้แก่ หมูเนื้อแดง จําหน่ายในราคา กก.ละ 150 บาท น่องไก่ติดสะโพก กก.ละ 60 บาท ไข่ไก่เบอร์ 2 แผงละ 90 บาท น้ําตาลทรายขาว กก.ละ 18 บาท น้ํามันปาล์มบรรจุขวด 1 ลิตร ขวดละ 35 บาท ข้าวหอมมะลิ 5 กก.ถุงละ 110 บาท ข้าวขาว 5 เปอร์เซ็นต์ 5 กก. ถุงละ 80 บาท พบว่ามีประชาชนมารับบัตรคิวเข้าแถวรอซื้อกันอย่างเนืองแน่น โดยมีการจํากัดจํานวนการซื้อต่อรายเพื่อให้สินค้าทั่วถึงประชาชนให้มากที่สุด นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าโอทอป สินค้าชุมชนมาจําหน่ายภายในงานด้วยเพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ผู้สนใจสามารถร่วมกิจกรรมได้จนถึงวันที่ 28 ก.พ.นี้ ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันตก
|
ประจวบคีรีขันธ์
|
สวท.ประจวบคีรีขันธ์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226135149755
| null |
รองผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี ให้การต้อนรับปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วยคาราวานแรลลี่เดินทางท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรม 3 จังหวัด กลุ่มอารยธรรมทวารวดี
|
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 ที่โตโลโปตี้ อําเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี มอบหมายให้ ดร.วัชรเดช เกียรติชานน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ให้การต้อนรับ ดร.ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และคาราวานแรลลี่เดินทางท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรม 3 จังหวัด กลุ่มอารยธรรมทวารวดี พร้อมด้วยส่วนราชการ และนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมในกิจกรรมคึกคัก ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวอยู่ภายใต้โครงการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ กลุ่มอารยธรรมทวารวดี ที่สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี และสํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว ในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 โดยการนําทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น มาพัฒนาต่อยอดเป็นการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ปลุกกระแสการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางยิ่งขึ้น เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ กระจายรายได้จากการท่องเที่ยวสู่ชุมชนและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนสําหรับการจัดงานในครั้งนี้ กําหนดขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2566 มีเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 200 คน ทั้งประเภทรถยนต์ และรถจักรยานยนต์เดินทางผ่าน 3 จังหวัด โดยจังหวัดราชบุรี ได้แก่ วัดโขลงสุวรรณคีรี/วัดมหาธาตุวรวิหาร อําเภอเมืองราชบุรี และวัดขนอน อําเภอโพธาราม ส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ ต้นจามจุรียักษ์ อําเภอเมืองกาญจนบุรี/อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ อําเภอไทรโยค และวัดทิพย์สุคนธาราม อําเภอห้วยกระเจา และจังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ วัดเขาทําเทียม/พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทองอําเภออู่ทองและชุมชนคุณธรรมบ้านบางแม่หม้าย อําเภอบางปลาม้า ทั้งนี้ ดร.ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ได้มอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะแรลลี่ในแต่ละประเภท และอีกหนึ่งความสนุกสนานในกิจกรรมครั้งนี้ คือ การแสดงศิลปวัฒนธรรมที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ การแสดงของแม่ขวัญจิตศรีประจันต์ ศิลปินแห่งชาติ การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินที่มีชื่อเสียง เปาวลี พรพิมล การแสดงของ มือฉิ่งเมืองสุพรรณบุรี ภายในงานยังมีการจําหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม CPOT/CCPOT เพื่อสร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้ แก่ชุมชนอย่างยั่งยืนตามนโยบายของรัฐ ในรูปแบบการขับรถท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ กลุ่มอารยธรรมทวารวดี#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
สุพรรณบุรี
|
สวท.สุพรรณบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226135548756
| null |
เตรียมระเบิดความมันกับ เทศกาลดนตรีเมืองพัทยา PATTAYA MUSIC FESTIVAL 2023 ตลอดเดือนมีนาคม 2566
|
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ณ หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริการส่วนจังหวัดชลบุรี นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา และผู้อํานวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สํานักงานพัทยา ร่วมแถลงข่าวเตรียมจัด PATTAYA MUSIC FESTIVAL 2023 เทศกาลดนตรีเมืองพัทยา Sound on the Sand เสียงเพลงบนผืนทราย ที่กําลังจะจัดขึ้นในปีนี้ ได้รวบรวมศิลปินนักร้องหลากหลายแนวเพลงที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ปาล์มมี่ โจอี้บอย วงเคลียร์ ป๊อปปองกูล ศิลปินยุค 90 วง นูโว โดม ปกรณ์ลัม เจมส์ เรืองศักดิ์ เสือธนพล หรือศิลปินวัยรุ่น ทิลลี่เบิร์ดส์ เปเปอร์เพลน วันมิลล์ อีกทั้งเอาใจคอลูกทุ่ง หญิงลี เต้ย อภวัฒน์ ไทรถแห่ และศิลปินอีกมากมายรวมมากกว่า 50 ศิลปิน มาไว้ที่ชายหาดพัทยา เพื่อสร้างกระแสและกระตุ้นนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่พํานักอยู่ในประเทศไทยให้เดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองพัทยาและจังหวัดชลบุรีเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้สู่เมืองพัทยา และจังหวัดชลบุรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้อีกด้วยเข้าชมฟรีตลอดงาน โดยจะมีการจัดงานขึ้นทุกวันศุกร์และวันเสาร์ตลอดเดือนมีนาคม2566 จํานวน 4 สัปดาห์ ดังนี้• สัปดาห์ที่ 1 วันที่ 3 - 4 มีนาคม 2566 จํานวน 3 เวที ณ ชายหาดพัทยาเหนือ ซอย 6 และ พัทยากลาง• สัปดาห์ที่ 2 วันที่ 10 - 11 มีนาคม 2566 จํานวน 1 เวที ณ ชายหาดจอมเทียน บริเวณหน้า โรงแรมเวลคัมจอมเทียนบีช• สัปดาห์ที่ 3 วันที่ 17 - 18 มีนาคม 2566 จํานวน 1 เวที ณ ชายหาดพัทยาเหนือ โค้ง รร.ดุสิตและวันที่ 18 มีนาคม 2566 เวทีหาดแสม เกาะล้าน• สัปดาห์ที่ 4 วันที่ 24 - 25 มีนาคม 2566 จํานวน 1 เวที ณ ชายหาดพัทยาเหนือ โค้ง รร.ดุสิต#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันออก
|
ชลบุรี
|
สวท.ชลบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226142017762
| null |
ผวจ.ชลบุรี เปิดงาน “LUNCH”สัมมนาเชิงปฏิบัติการเน้นสัมฤทธิ์ผล
|
ผวจ.ชลบุรี เปิดงาน “LUNCH” สัมมนาเชิงปฏิบัติการเน้นสัมฤทธิ์ผลฉลองครบรอบ 2 ปีนิตยสาร “TRENDS REAL ESTATE MAGAZINE" นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการเน้นสัมฤทธิ์ผลภายใต้ชื่อ “EEC LUNCH TALK BUSINESS CONNECTION” ซึ่งจัดโดยนิตยสารออนไลน์ 3 ภาษา ไทย จีน อังกฤษ ภายใต้ชื่อ “TRENDS REAL ESTATE MAGAZINE” โดยมี ดร.วิริยพล คณาสิริวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นิตยสารออนไลน์ 3 ภาษา ไทย จีน อังกฤษ ภายใต้ชื่อ “TRENDS REAL ESTATE MAGAZINE” เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานว่า นอกจากจะเป็นการประชาสัมพันธ์และเชื่อมโยงผู้สนใจด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในและต่างประเทศให้ได้มีโอกาส มาพบปะและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในการดําเนินธุรกิจร่วมกันภายใต้กิจกรรมจับคู่ธุรกิจแล้ว ยังจะก่อให้เกิดสร้างสัมพันธภาพระหว่างกันทั้งผู้บริหารธุรกิจ เจ้าของที่ดิน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องซึ่งจะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2023 และในอนาคต โดยมีไฮไลต์สําคัญอยู่ที่การเสวนาถ่ายทอดองค์ความรู้ และเคล็ดลับในการดําเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ให้ประสบผลสําเร็จโดยไม่ปิดบังจาก 3 กูรูด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับตํานาน อาทิ ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จํากัด (มหาชน) ผู้ประกอบการในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่ประสบความสําเร็จระดับ TOP 5 ของประเทศ ดร.โสภณ พรโชคชัย ผู้เชี่ยวชาญในวงการอสังหาริมทรัพย์ ที่มีแฟนคลับมากมาย ซึ่งจะถ่ายทอดเรื่องการบริหารความเสี่ยงอย่างไรให้ธุรกิจอยู่รอดระยะยาว รวมทั้งการพัฒนาเครือข่ายเพื่อรับมือกับการค้ารูปแบบใหม่ ฯลฯ และดร.เทอดเกียรติ ศักดิ์คําดวง อดีตนายกสมาคมสถาปนิกชุมชนเมืองไทย, อดีตกรรมการผังเมือง และเป็นผู้วางผังเมืองภูเก็ต รวมทั้งวางผังเมืองท่าเรือแหลมฉบังเป็นคนแรกและในหลายๆ พื้นที่ ส่วนสาเหตุที่เลือกเมืองศรีราชาเป็นสถานที่จัดงานเพราะเมืองแห่งนี้ ถือเป็นศูนย์กลางหลักของ EEC เพราะเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสหกรรม เป็นที่ตั้งของแหล่งงาน และเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย รวมทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของ EEC ซึ่งสิ่งที่ผู้เข้าร่วมงานจะได้รับก็คือ ความรู้ด้านการดําเนินธุรกิจที่ยั่งยืนและประสบความสําเร็จ จากผู้ที่เข้าร่วมการเสวนานอกจากนั้นยังได้รับเกียรติจาก ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ผู้ร่วมก่อตั้งและยังเป็นประธานคณะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์นิตยสารออนไลน์ 3 ภาษา “TRENDS REAL ESTATE MAGAZINE” เข้าร่วมเป็นประธานพิธีเปิดร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี โดย ม.ร.ว.จัตุมงคล เผยถึงพื้นฐานเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ว่า ยังคงต้องขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงต้องเกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ที่อาจต้องพิมพ์แบงค์เพิ่มจากการสร้างหนี้ในการสนับสนุนสงครามดังกล่าว อีกทั้งยังต้องปรับอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งเศรษฐกิจของไทยยังสามารถบริหารด้วยกฎเกณฑ์ทางราชการ และกฏเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยได้เป็นอย่างดี จึงสามารถป้องกันภาวะเงินเฟ้อได้ดี รวมทั้งการไม่ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่สูงเกินไป จนทําให้ภาคเอกชนไม่สามารถเดินหน้าลงทุนได้ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล กล่าวในที่สุด #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND ปริญญา/ช่าว/ภาพ
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันออก
|
ชลบุรี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226144116763
| null |
จ.กาฬสินธุ์ จัดเดินแบบ "ผ้าไทยใส่ให้สนุก" โชว์ความร่ำรวยทางวัฒนธรรม มีผู้ร่วมเดินแบบ 350 คน
|
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ ในงานมหกรรมโปงลาง แพรวา และงานกาชาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ประจําปี 2566 นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมการแสดงแบบผ้าไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อน้อมนําแนวพระดําริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” มาพัฒนาการสวมใส่ผ้าไทยในทุกช่วงวัย และทุกโอกาส เพื่ออนุรักษ์สืบสานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และต่อยอดการออกแบบผ้าไทยให้มีความหลากหลาย เพื่อเสริมสร้างกระแสความเป็นเอกลักษณ์ของผ้าไทย (soft power) และเพื่อจัดหารายได้ใช้ในกิจกรรมสาธารณกุศล ของชมรมแม่บ้านมหาดไทย จังหวัดกาฬสินธุ์โดยมี ผศ.จุรีรัตน์ กอเจริญยศ ประธานชมรมแม่บ้านมหาดไทย จังหวัดกาฬสินธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วมการแสดงแบบ ซึ่งการแสดงแบบผ้าไทยในครั้งนี้ จะเน้นชุดเสื้อผ้าที่มีการออกแบบและตัดเย็บให้หลากหลายรูปแบบ สามารถสวมใส่ได้หลายโอกาส โดยมีผู้สมัครเข้าร่วมเดินแบบ ซึ่งมาจากทุกภาคส่วนในจังหวัดกาฬสินธุ์ และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งสิ้น 350 คน จําแนกเป็น ประเภทเดี่ยว 23 คน ประเภทคู่ 63 คู่ และประเภททีม 25 ทีม โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ขอนแก่น (NBT)
|
25/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
กาฬสินธุ์
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226144956766
| null |
นักท่องเที่ยวตื่นตาเจ้าทองดี กระทิงป่า อวดโฉมยามเช้าที่จุดชมกระทิง เขาสูงเขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียว
|
วันนี้ (26 ก.พ.66) “เจ้าทองดี” กระทิงป่าแสนเชื่อง ขวัญใจชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ได้ออกมาอวดโฉม เดินเล็มหญ้าอย่างสบายอารมณ์ที่บริเวณจุดชมกระทิง จุดสกัดเขาสูงเขาแผงม้า ตําบลวังน้ําเขียว อําเภอวังน้ําเขียว จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาชมกระทิงป่าเขาแผงม้าเป็นอย่างมาก เพราะ “เจ้าทองดี” เดินไปมาทั่วบริเวณให้ได้เห็นตัวกันอย่างใกล้ชิด หลังจากเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ก็มาปรากฏตัวที่จุดชมกระทิงป่าแห่งนี้ใกล้กับรูปปั้นกระทิง ที่ใช้เป็นแลนด์มาร์กสําหรับจุดชมกระทิง ยิ่งในช่วงที่เจ้าทองดีเดินไปใกล้แล้วยืนนิ่งๆ ก็เหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก จึงยิ่งเป็นจุดสนใจให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป ถ่ายเซลฟี เก็บไว้เป็นที่ระลึก ช่วยสร้างสีสันการท่องเที่ยวที่จุดชมกระทิงเขาแผงม้าได้อย่างมากนายอรรณพ บัวนวล หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า อําเภอวังน้ําเขียว จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า “เจ้าทองดี” เป็นลูกของนางมะลิ กระทิงป่าที่หลงฝูง ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ได้เลี้ยงเอาไว้ พอมะลิเป็นสาวก็ไปติดตัวผู้ในป่าและคลอดทองดีออกมา ในราวปี 2554 เป็นกระทิงป่าเพศผู้ ตอนนี้อายุประมาณ 12 ปีแล้ว มีน้ําหนักกว่า 1 ตัน ตาด้านขวาบอดสนิทไม่ทราบสาเหตุมาหลายปีแล้ว มองเห็นเพียงด้านซ้าย โดยเจ้าทองดีจะมีพี่ชื่อ “ทองแดง” ซึ่งกลับเข้าป่าไปรวมฝูงแล้ว ส่วนเจ้าทองดีจะเป็นกระทิงเลี้ยงแบบปล่อย จึงมีพฤติกรรมที่แตกต่างออกไป โดยหลังจากเริ่มโต เดิมจะอาศัยหากินอยู่ที่ผากระดาษในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต่อมาทองดีได้เดินหากินอาหารมาเรื่อยๆ และหนีจากแนวเขตป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ฝั่งอําเภอปากช่อง เพราะมีการบุกรุกแหล่งอาหารของกระทิงป่าทําเป็นการเกษตร บ้านพัก โรงแรม รีสอร์ต จึงหนีเข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน อําเภอวังน้ําเขียว และมักจะเดินออกจากป่ามาหาอาหารในชุมชนใกล้แนวเขตป่าให้เห็นอยู่หลายครั้ง มาเล็มหญ้าพักผ่อนตามตะเข็บชายป่าและบริเวณชุมชนอยู่บ่อยๆ ในช่วงหน้าแล้งที่เขาแผงม้า อําเภอวังน้ําเขียว อาศัยอยู่แถวเนินเขา บ้านคลองทราย บ้านคลองทุเรียน และบ้านบุเจ้าคุณ ตําบลวังน้ําเขียว อําเภอวังน้ําเขียว เพราะบริเวณนี้จะมีทั้งหญ้า แหล่งน้ํา แหล่งอาหาร และผลไม้ต่างๆ อย่างอุดมสมบูรณ์ จึงมักจะพบเห็นเจ้าทองดีออกมาหากินซึ่งหลังจากเดินหากินในจุดต่างๆ จะแวะพักเหนื่อยเป็นระยะๆ มีพฤติกรรมชอบแยกออกจากฝูงมาหากินเดี่ยว และมีนิสัยเชื่อง ไม่ดุร้าย ไม่ตื่นตกใจง่าย แตกต่างจากกระทิงป่าทั่วไป แถมยังคุ้นชินกับชาวบ้านเป็นอย่างดี ทําให้กลายเป็นขวัญใจของนักท่องเที่ยวที่พบเห็นเป็นอย่างมาก#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
26/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
นครราชสีมา
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226160945784
| null |
จังหวัดมหาสารคาม จัดงาน “ประกวดมหาควายเมืองสารคาม”
|
วันนี้ (26 ก.พ.66) เวลา 11.30 น. ที่สนามกีฬาอเนกประสงค์ องค์การบริหารส่วนตําบลบรบือ อําเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดงาน “ประกวดมหาควายเมืองสารคาม” ภายใต้โครงการเทศกาลมันแกวหวานและมหกรรมปศุสัตว์อีสาน โดยมี นายนําชัย ศักดิ์สกุลวัฒนา นายกองค์การบริหารส่วนตําบลบรบือ พร้อมด้วย นายอําเภอบรบือ หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนเข้าร่วมโดยการจัดงานดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นและเสริมสร้างแรงจูงใจในการเลี้ยงควาย เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ ตลอดจนอนุรักษ์และพัฒนา สายพันธุ์ควายให้ได้มาตรฐานสู่สากลให้กับเกษตรกรในพื้นที่และประชาชนทั่วไป เป็นการเผยแพร่พันธุ์ควายไทยในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จัก สร้างความภูมิใจในอาชีพของตนเองและสืบทอดวิถีชีวิตของคนชนบทกับการเลี้ยงควายไทยจากรุ่นสู่รุ่น ให้เกษตรกรคนรุ่นใหม่หันมาเห็นความสําคัญกับการผลิตควายไทยคุณภาพทั้งการจัดการเลี้ยงดู การคัดเลือกปรับปรุงพันธุ์ และร่วมกันอนุรักษ์ควายไทยมากยิ่งขึ้น อีกทั้ง เพื่อเป็นการสร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มของควายไทย ตลอดจนช่วย ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจให้แก่จังหวัดมหาสารคามสําหรับการ“ประกวดมหาควายเมืองสารคาม”ประกอบด้วยประเภทควายไทย(ดํา) 10 รุ่น ได้แก่ 1.) รุ่นฟันน้ํานมจูเนียร์ เพศผู้/เมีย อายุไม่เกิน 18 เดือน 2.) รุ่นฟันน้ํานมซีเนียร์ เพศผู้/เมีย อายุ 18 เดือนขึ้นไป 3.)รุ่นฟันแท้ไม่เกิน 1 คู่ เพศผู้/เมีย 4.)รุ่นฟันแท้ไม่เกิน 2 คู่ เพศผู้/เมีย 5.) รุ่นฟันแท้ 3 คู่ขึ้นไป เพศผู้/เมียประเภทควายไทย(เผือก) 4 รุ่น ได้แก่ 1.) รุ่นฟันน้ํานม เพศผู้/เมีย 2.) รุ่นฟันแท้ไม่เกิน 3 คู่ เพศผู้/เมีย ประเภทแกรนด์แชมป์ควายไทยยอดเยี่ยม (Grand champion) 2 รุ่น ได้แก่ 1.) ประกวดแกรนด์แชมป์ควายยอดเยี่ยม เพศผู้/เมียประเภทการประกวดการแต่งกายผู้ที่จูงควายยอดเยี่ยม 2 รางวัล (ชาย/หญิง) #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND วิศิษฎ์ เย็นศิริ-ภาพ/ข่าว สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม
|
26/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
มหาสารคาม
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226155403779
| null |
ผู้ว่าฯ ปัตตานี และนายอำเภอเมือง นำปั่น กินลม ชมวิวแนะนำแหล่งท่องเที่ยวเมืองปัตตานี ตอน ปั่น 3 เล
|
ผู้ว่าฯ ปัตตานี และนายอําเภอเมืองปัตตานี นําปั่น กินลม ชมวิวแนะนําแหล่งท่องเที่ยว เมืองปัตตานี ตรวจเยี่ยมรับฟังปัญหาเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว พื้นที่ตําบลบานา ตันหยงลุโละ และบาราโหม วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ทําการองค์การบริหารส่วนตําบลบานา อําเภอเมืองปัตตานี นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีพร้อมด้วยนายโอฬาร บิลสัน นายอําเภอเมืองปัตตานี? นายสุชาติ ขายมัน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการ ชมรมปั่นจักรยานในพื้นที่ ภาคประชาชน และบุคลากรที่ทําการปกครองอําเภอเมืองปัตตานี ร่วมกิจกรรม "ปั่นกินลม ชมวิวเมืองปัตตานี " ตอน ปั่น 3 เล สําหรับการจัดกิจกรรม ปั่นกินลม ชมวิวเมืองปัตตานี กําหนดจัดขึ้นเป็นประจําทุกเดือนหมุนเวียนไปตามพื้นที่ของ อบต.ต่างๆ เพื่อสร้างความรัก ความสามัคคี ส่งเสริมการออกกําลังกาย รวมทั้งเป็นการปั่นเพื่อแนะนําสถานที่ท่องเที่ยวในตําบลของอําเภอเมืองปัตตานีด้วย สําหรับในครั้งนี้เป็นกิจกรรม ปั่นกินลม ชมวิวเมืองปัตตานี ตอนปั่น 3 เล เป็นการปั่นเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวของ 3 อบต.ที่อยู่ติดอ่าวปัตตานี คือ อบต.บานา ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวที่สําคัญคือ นาเกลือ และสะพานไม้บานา พื้นที่ อบต.ตันหยงลุโละ บริเวณสุสานเดิมเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ชมการแสดงของนักเรียนและร่วมปล่อยปลาลงในอ่าวปัตตานี จากนั้น เดินทางไปชมนิทรรศการของ อบต.บาราโหม ซื้อมีทั้งอาหาร ขนมการทํากระต่ายขูดมะพร้าวแบบโบราณ และมีการแสดงบนเวทีด้วย ซึ่งตลอดระยะทางที่ปั่น ได้รับความสนใจจากประชาชนมาร่วมให้กําลังใจ พร้อมทั้งได้เก็บรายละเอียดและข้อเสนอแนะของสถานที่แต่ละแห่ง เพื่อนําไปปรับปรุงพัฒนา เพื่อสามารถให้บริการแก่นักท่องเที่ยวได้ดีขึ้นอีกด้วย #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND ภาพ/ข่าว เพชรน้อย ส,ปชส,ปน,
|
26/2/2023
|
ภาคใต้
|
ปัตตานี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226162544786
| null |
จ.สุราษฎร์ธานีแถลงข่าวงาน Surat (Colorful) Food fair 2023 ระหว่างวันที่ 10-18 มีนาคม 2566 ณ บริเวณริมเขื่อนแม่น้ำตาปี
|
วันนี้ (26 ก.พ.66) นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานแถลงข่าว งาน Surat (Colorful) Food fair 2023 สุราษฎร์ฟู้ดแฟร์ 2023 ภายใต้ธีมงาน "Surat (Colorful) Food Fair 2023" โดยหอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ YEC จังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี พาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี การท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสํานักงานสุราษฎร์ธานี และตํารวจภูธรจังหวัดสุราษฏร์ธานี ร่วมจัดงาน Surat (Colorful) Food fair 2023 ระหว่างวันที่ 10-18 มีนาคม 2566 ณ บริเวณริมเขื่อนแม่น้ําตาปี ตั้งแต่เวลา 14.00 น. -23.00 น.โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ เพิ่มช่องทางการขายให้ผู้ประกอบการทําให้การเงินและเศรษฐกิจหมุนเวียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งเสริมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดสุราษฎร์ธานี และกระตุ้นเศรษฐกิจในเขตตัวเมืองและกระตุ้นค่าใช้จ่ายต่อหัวของประชาชนในจังหวัดรวมถึงนักท่องเที่ยวในเขตตัวเมืองเพิ่มมากขึ้น และเพื่อให้บรรยากาศในเมืองมีสีสัน ประชาชน นักท่องเที่ยว ทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในตัวเมืองได้มีโอกาส สัมผัสกับอาหารพื้นถิ่นสุดยอดเมนูอาหาร รวมทั้งบรรยากาศท้องถิ่นภายใต้เสียงดนตรีและการแสดงทางวัฒนธรรม ทางอาหาร เป็นการส่งมอบประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวได้ประทับใจกับการเดินทางภายในงาน โดยมีกิจกรรมการออกร้านจําหน่ายอาหารหลากหลาย อาหารทะเล อาหารสตรีทฟู้ดและอาหารเลิศรสกว่า 200 ร้าน คัดสรรจัดเต็มโดยหอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี รับประกันความสด สะอาด ปลอดภัย และร่วมชมบรรยากาศยามค่ําคืนของแม่น้ําตาปี ฟังดนตรีเพราะ ชมการแสดง โชว์ความสามารถจากเยาวชนเมืองคนดีชาวสุราษฎร์ฯ บ้านเรา พิเศษสุด กินฟรี 9 วัน 9 เมนู จากร้านค้าชื่อดังและพบกับการออกร้านจําหน่ายอาหารทะเล มหกรรม SEAFOOD COLORFUL @ สุราษฎร์ธานี จากสํานักงานพาณิชย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี และกลุ่มพันธมิตรหอการค้าฯ ชิม ช็อบ ใช้ กับการ ออกร้านจําหน่ายสินค้า จากคาราวานร้านค้าทั่วประเทศ จัดเต็มสวนสนุกน้องๆ หนูๆ ชิงข้าม้าหมุน สไลเดอร์ อีกมากมายร่วมชมและเชียร์ กิจกรรมดีดี จากหอการค้าและYEC จังหวัดสุราษฎร์ทุกคืนนอกจากนี้ นักท่องเที่ยวร่วมสัมผัส "สุราษฎร์ธานี วิถีแห่งสายน้ํา" โดย ททท.สํานักงานสุราษฎร์ธานี ในเขตพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ ตลาดชุมชนบางใบไม้ ล่องเรือชมอุโมงค์ใบจาก ชมวิถีชาวคลอง โรงเรียนสอนลิงคลองน้อย สะพานชมธรรมชาติลีเล็ด และนั่งเรือชมหิ้งห้อย เป็นต้น#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
26/2/2023
|
ภาคใต้
|
สุราษฎร์ธานี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226163516787
| null |
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม มอบรางวัลผู้ชนะการแข่งขัน แรลลี่ 2023 เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 3 จังหวัด กลุ่มอารยธรรมทวารวดี
|
เย็นวานนี้ (25 ก.พ.66) ที่โปโลโปตี้ มาร์เก็ต อําเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี นางยุพา ทวีวัฒนกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานมอบรางวัลแก่ผู้ชนะในการแข่งขัน แรลลี่ 2023 เชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 3 จังหวัด กลุ่มอารยธรรมทวารวดี เส้นทาง : ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี โดยมี ดร.วัชรเดช เกียรติชานน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ให้การต้อนรับการจัดงานในครั้งนี้ สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี สํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี และสํานักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี ร่วมกันจัดขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยว ในกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 โดยการนําทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น มาพัฒนาต่อยอดเป็นการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ปลุกกระแสการท่องเที่ยวในพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางยิ่งขึ้น เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ กระจายรายได้จากการท่องเที่ยวสู่ชุมชนและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์ 2566 มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 200 คน ประกอบด้วยขบวนคาราวานกลุ่มทัวริ่งไบค์ ฮาเล่ย์เดวิดสัน จากหลายพื้นที่เข้าร่วมคาราวานกว่า 70 คัน และรถยนต์อีก 30 คัน ร่วมกันเดินทางผ่าน 3 จังหวัด โดยจังหวัดราชบุรี ได้แก่ วัดโขลงสุวรรณคีรี/วัดมหาธาตุวรวิหาร อําเภอเมืองราชบุรี และวัดขนอน อําเภอโพธาราม ส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ได้แก่ ต้นจามจุรียักษ์ อําเภอเมืองกาญจนบุรี/อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ อําเภอไทรโยค และวัดทิพย์สุคนธาราม อําเภอห้วยกระเจา และจังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ (หลวงพ่ออู่ทอง) ณ พุทธมณฑลประจําจังหวัดสุพรรณบุรี/พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทองอําเภออู่ทอง และชุมชนคุณธรรมบ้านบางแม่หม้าย อําเภอบางปลาม้า นอกจากนี้ ได้นําการแสดงศิลปวัฒนธรรมที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละจังหวัด อาทิ การแสดงหนังใหญ่วัดขนอน การแสดงของแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ศิลปินแห่งชาติ การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินที่มีชื่อเสียง "เปาวลี พรพิมล" การแสดงของ "มือฉิ่งเมืองสุพรรณบุรี" มาแสดง และมีการสาธิตภูมิปัญญาพื้นบ้านและการจําหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม CPOT/CCPOT เพื่อสร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืนตามนโยบายของรัฐ ในรูปแบบการขับรถท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ กลุ่มอารยธรรมทวารวดี#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
26/2/2023
|
ภาคตะวันตก
|
กาญจนบุรี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226164349788
| null |
ร้านค้าโดนใจออนทัวร์ทั่วไทย ลงพื้นที่ภาคใต้เดินหน้าผลักดันร้านค้าชุมชนที่นครศรีธรรมราช อีกทางเลือกของร้านโชห่วยในพื้นที่
|
ร้านค้า “โดนใจ" ออนทัวร์ ทั่วไทย ลงพื้นที่ภาคใต้ เดินหน้าผลักดันร้านค้าชุมชนที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ใกล้ชิดผู้ประกอบการโชห่วย มอบอุปกรณ์การศึกษาให้กับโรงเรียนในชุมชน ร้านโดนใจ ใส่ใจ ใกล้บ้านคุณ ภายใต้การบริหารของ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จํากัด (มหาชน) หรือ บีเจซีวันนี้ 26 กุมภาพันธ์ 2565 ที่โรงเรียนวัดสุวรรณโฆษิต อําเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช นายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานในพิธีเปิดงานโครงการร้านค้า “โดนใจ" ออนทัวร์ ทั่วไทย โดยมีนางพิชานันท์ เผือกผ่อง นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครศรีธรรมราช ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารโรงเรียนวัดสุวรรณโฆษิต ผู้บริหารท้องถิ่น ครู นักเรียน ผู้ประกอบการค้าโชห่วยในพื้นที่ร่วมกิจกรรม โดยมีนายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัท บีเจซี บิ๊กซี, นางฐาปณี เตซะเจริญวิกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มบริษัท บีเจซี บิ๊กซี พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร และทีมงานลงพื้นที่เสริมความรู้ เทคนิคการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนาร้านโชห่วยของไทยที่อยู่คู่กับชุมชนของประเทศมายาวนาน ให้มีระบบบริหารจัดการที่ดี และเติบโตไปได้ในระยะยาว อย่างยั่งยืน ซึ่งการจัดกิจกรรมออนทัวร์ทั่วไทย พบผู้ประกอบการภาคใต้ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อเนื่องเป็นจังหวัดที่ 4 นอกจากนี้ยังได้มอบเครื่องคอมพิวเตอร์ และสินค้าอุปโภคบริโภคให้แก่โรงเรียนที่จัดกิจกรรมในวันนี้ทั้ง 3 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนโพธิ์ทอง อําเภอเมืองนครศรีธรรมราช โรงเรียนบ้านเราะ อําเภอท่าศาลา และโรงเรียนวัดสุวรรณโฆษิต อําเภอร่อนพิบูลย์ เพื่อมุ่งพัฒนาการศึกษาและคุณภาพความเป็นอยู่ของเด็กในชุมชน ให้สอดคล้องกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจโอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวแสดงความยินดีกับพี่น้องในพื้นที่ หรือเจ้าของร้านค้าโชห่วยในพื้นที่ ที่ทางบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จํากัด (มหาชน) หรือ บีเจซี เข้ามาช่วยในเรื่องของเทศนิคการจัดร้านต่างๆ การจัดสินค้า เพื่อสะดวกขึ้น เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันกับร้านสะดวกซื้อได้มากขึ้นขณะที่ นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จํากัด (มหาชน) หรือ บีเจซี กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดค้าปลีกมีการแข่งขันกันสูง "ร้านค้าโชห่วย" ซึ่งถือได้ว่าเป็นร้านค้าที่อยู่คู่กับชุมชนของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน เริ่มเข้าสู่การปรับตัวอย่างมาก ต้องพัฒนาร้านค้าเพื่อความอยู่รอดในธุรกิจ ดังนั้นเราจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการเข้าไปช่วยสนับสนุน โดย "ร้านโดนใจ" พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานราชการ ได้แก่ พาณิชย์จังหวัด หอการค้าจังหวัด ประชาสัมพันธ์ และพันธมิตรร้านโดนใจ ร่วมผนึกกําลังพัฒนาร้านโซห่วยให้สามารถดําเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งแพลตฟอร์มร้านโดนใจมีจุดเด่นที่ผู้ประกอบการร้านค้าโซห่วยสามารถเลือกลงทุนและสินค้าที่จําหน่ายได้เอง โดยไม่ต้องแบ่งผลกําไร ใช้งบลงทุนที่ไม่สูง มีการดําเนินงานเป็น 2 ส่วน คือ 1. การใช้ "บีเจซี" มาช่วยพัฒนาระบบเครื่องคิดเงิน และใช้เครือข่ายของบิ๊กชีเป็นคนจําหน่ายสินค้าให้กับร้านค้าในชุมชน 2. มีพันธมิตรหลัก คือ "บิ๊กซี” ที่มีอยู่ทั่วประเทศ ที่จะเข้ามาจัดส่งสินค้าถึงหน้าร้าน ขณะที่ผู้ประกอบการสามารถเลือกตกแต่งร้านค้าให้ดูทันสมัย ตามงบประมาณของตัวเองได้ตามความเหมาะสมพรรณี มณีวรรณ/ภาพ-ข่าวบุณณดา ภัทธรธันยพงษ์/ภาพสํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช26 กุมภาพันธ์ 2566
|
26/2/2023
|
ภาคใต้
|
นครศรีธรรมราช
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226174851800
| null |
ฟื้นความสัมพันธ์ไทย-ซาอุ
|
ฟื้นความสัมพันธ์ไทย - ซาอุฯ โอกาสด้านการท่องเที่ยว การส่งออกและแรงงานความสําเร็จในความพยายามของรัฐบาลไทยที่เห็นเป็นประจักษ์จากการฟื้นความสัมพันธ์ไทย - ซาอุดิอาระเบีย โดยรัฐบาลไทยได้พยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตกับซาอุฯ มาอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 3 ทศวรรษ กระทั่งการเดินทางเยือนตามคําเชิญของฝ่ายซาอุฯ ได้เกิดขึ้นในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้เดินทางเยือนซาอุฯ อย่างเป็นทางการในฐานะพระราชอาคันตุกะของเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ในระหว่างวันที่ 25 - 26 มกราคม 2565 การเดินทางเยือนครั้งนี้เป็นที่จับตามองทั้งในไทยและเวทีโลก เนื่องจากจะเป็นการฟื้นคืนความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียและไทยมีรอยร้าวมาตลอดกว่า 32 ปี แน่นอนว่า ความสําเร็จจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ดังกล่าว นับเป็นการสร้างโอกาสทางการค้า เศรษฐกิจ โดยเฉพาะตลาดแรงงาน และภาคการท่องเที่ยวที่จะเป็นส่วนสําคัญให้มูลค่าทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศเพิ่มมากขึ้น เบื้องต้น ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะยกระดับผู้แทนทางการทูตของทั้งสองประเทศ จาก "อุปทูต" ให้กลับมาเป็นระดับ "เอกอัครราชทูต" ดังเดิม รวมทั้งจะพิจารณาจัดตั้งกลไกความร่วมมือทวิภาคี เพื่อผลักดันกรอบนโยบายและแผนความร่วมมือต่างๆ ทั้งในส่วนของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ซึ่งโอกาสและประโยชน์ ที่ทั้ง 2 ประเทศจะได้รับ เช่นด้านการท่องเที่ยว : เป็นโอกาสสําหรับการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับประชาชน ซึ่งจะนําไปสู่การขยายความร่วมมือในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เบื้องต้นคาดว่าจะสร้างรายได้ให้ไทยไม่ต่ํากว่า 5,000 ล้านบาทต่อปีด้านแรงงาน : ไทยมีแรงงานฝีมือและกึ่งฝีมือที่มีศักยภาพจํานวนมาก ที่จะช่วยสนับสนุน โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรูปแบบต่าง ๆ ใน "วิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย ค.ศ. 2030" (Saudi Vision 2030) โดยตําแหน่งงานที่ประเทศซาอุฯ ต้องการแรงงานไทยจํานวนมาก อาทิ ช่างเชื่อมใต้น้ํา วิศวกรที่มีความสามารถรอบด้าน ช่างไฟฟ้า ช่างยนต์ ช่างต่างๆ งานครัว งานบ้าน งานสวน ผู้จัดการพยาบาล พยาบาล ผู้ดูแลผู้ป่วยหรือคนชรา พนักงานทําความสะอาด ผู้ช่วยสัตว์แพทย์ พนักงานตัดขนสัตว์เลี้ยง รวมถึงพนักงานขับรถและควบคุมดูแล โดยตําแหน่งงานทั้งหมดที่กล่าวมานี้มีความต้องการตั้งแต่ระดับปริญญาเอกจนถึงไม่จํากัดวุฒิการศึกษาคาดว่าปี 2566 จะทําให้สามารถส่งแรงงานไทยเดินทางไปทํางานต่างประเทศได้ทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศหลักๆ อย่างไต้หวัน ญี่ปุ่น อิสราเอล เกาหลี และโซนตะวันออกกลาง เช่น ซาอุฯ กาตาร์ บาห์เรน เชื่อว่าตัวเลขแรงงานจะเริ่มมากขึ้น ส่วนขั้นตอนไปทํางานซาอุฯ รวมถึงประเทศอื่นๆ ลงทะเบียนได้ที่ ศูนย์ทะเบียนคนหางานไปทํางานต่างประเทศ เว็บไซต์กรมการจัดหางาน toea.doe.go.th หรือติดต่อสํานักงานจัดหางานจังหวัดทั่วประเทศ หรือโทรสายด่วนกรมการจัดหางาน 1694ด้านการค้าและการลงทุน : การกลับมาสู่ความสัมพันธ์ในระดับปกติ จะสร้างโอกาสและเปิดประตูทางการค้าให้กับนักลงทุนและ SME ไทย ในการแสวงหาลู่ทางการทําธุรกิจและการแสวงหาหุ้นส่วนทางการค้าทั้งในซาอุดีอาระเบียและกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียก็ส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศผ่าน "กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ" ในด้านพลังงาน นวัตกรรม โทรคมนาคม อวกาศ เทคโนโลยีสีเขียว โครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ ซึ่งไทยนั้น มีความพร้อมในด้านทรัพยากรมนุษย์ องค์ความรู้ สถานศึกษา และเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆการเป็นแขกพิเศษ APCE ของ ’มกุฎราชกุมารซาอุดิอาระเบีย’ สะท้อนความสัมพันธ์ไทย - ซาอุฯตอกย้ําความสําเร็จในการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ไทย - ซาอุฯ อีกครั้งเมื่อเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย และคณะเดินทางถึงไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นําเขตเศรษฐกิจเอเปคครั้งที่ 29 ในฐานะแขกของประธานเพื่อทําความรู้จักและพบปะหารือกับภาครัฐและภาคเอกชนไทย และกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย รวมถึงแสวงหาความร่วมมือในด้านต่างๆ ให้เป็นรูปธรรมภายหลังการหารือข้อราชการนายกรัฐมนตรี และมกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจ จํานวน 5 ฉบับ ได้แก่1) ข้อตกลงความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างรัฐบาลไทย กับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย2) บันทึกความเข้าใจการจัดตั้งสภาความร่วมมือซาอุดีฯ-ไทย3) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว4) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการส่งเสริมการลงทุน5)บันทึกความเข้าใจระหว่างองค์กรกํากับดูแลและต่อต้านการทุจริต ของ 2 ประเทศโดยในปี 2566 ปีเดียว ซาอุดีอาระเบีย “เตรียมจะลงทุนในไทย” สูงถึง 3 แสนล้านบาท กระจาย ในหลายอุตสาหกรรม เช่น ท่องเที่ยว อุตสาหกรรมเมดิคัลแคร์ อุตสาหกรรมน้ํามัน และอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เป็นการสร้างงาน สร้างรายได้ให้คนไทยด้วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
26/2/2023
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
อำนาจเจริญ
|
สวท.อำนาจเจริญ
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226182157809
| null |
โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เปิดให้ผู้ที่ยังไม่เคยร่วมโครงการ ลงทะเบียนรับสิทธิผ่านเว็บไซต์วันพรุ่งนี้ และสามารถจองที่พักได้ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.นี้ เป็นต้นไป
|
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ดําเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส5 และได้เปิดให้ผู้ประกอบการรายใหม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการระหว่างวันที่ 8-15 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมา ในวันพรุ่งนี้(27 ก.พ.66) ระบบของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จะเริ่มเปิดให้ประชาชนที่ประสงค์จะร่วมโครงการ ซึ่งยังไม่เคยร่วมโครงการในเฟสที่1-4 หรือผู้ร่วมโครงการรายใหม่ ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ โดยระบบจะเปิดตั้งแต่ 06.00-21.00 น.สําหรับวิธีลงทะเบียนรับสิทธิ ให้ผู้มีคุณสมบัติที่จะร่วมโครงการได้คือเป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป ลงทะเบียนที่เว็บไซต์ของโครงการ www.เราเที่ยวด้วยกัน .com ซึ่งระบบจะให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ รวมถึงเบอร์โทรศัพท์ โดยผู้สมัครต้องใช้เบอร์สําหรับลงทะเบียนรับสิทธิ เป็นเบอร์เดียวกับที่ลงทะเบียนแอปพลิเคชันเป๋าตังด้วย เมื่อสมัครตามขั้นตอนแล้วจะได้รับ SMS แจ้งผลการลงทะเบียน ภายใน 3 วัน และหากผู้สมัครเข้าร่วมโครงการ ยังไม่เคยมี G-Wallet จะต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันเป๋าตัง เพื่อเปิด G-Wallet สําหรับการใช้จ่ายตามโครงการ และเมื่อดําเนินการยืนยันตัวตนตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเริ่มจองที่พัก ตั้งแต่วันที่ 7 มี.ค.-26 เม.ย.2566 และเริ่มเข้าพักตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.-30 เม.ย. 2566ทั้งนี้ผู้ที่เคยลงทะเบียนโครงการในเฟสที่ 1 -4 แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่เพียงกดรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขบนแอปพลิเคชันนเป๋าตัง และเริ่มจองที่พักและใช้สิทธิได้ตามกําหนดเวลาของโครงการเช่นเดียวกับผู้สมัครรายใหม่ข้างต้นต่อไป อย่างไรก็ตามโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 มีจํานวนสิทธิทั้งสิ้น 560,000 สิทธิ ผู้ร่วมโครงการแต่ละคนจะได้รับสิทธิสูงสุด 5 สิทธิต่อคน โดยไม่นับรวมสิทธิที่ใช้ในเฟสก่อนหน้า โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายโรงแรม/ที่พักร้อยละ40 สูงสุด 3,000 บาทต่อห้อง สนับสนุน E-Voucher 600 บาทต่อห้องต่อคืน โดยไม่มีการสนับสนุนค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน
|
26/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226115004737
| null |
ท่าอากาศยานดอนเมือง แก้ไขปัญหาความคับคั่งผู้โดยสารขาออกไม่ให้กระทบต่อการใช้บริการ
|
นายการันต์ ธนกุลจีรพัฒน์ ผู้อํานวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) ชี้แจงกรณีมีผู้เผยแพร่ภาพความหนาแน่น และไม่ได้รับความสะดวกของผู้โดยสารขาออก ภายในประเทศ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นช่วงเวลา 06:00 - 08:00 น. ของวันเสาร์ที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เที่ยวบินมีความหนาแน่น(Peak Hour) ประกอบกับในช่วงนี้มีผู้ใช้บริการเดินทางภายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นจํานวนมาก โดยมีจํานวนเที่ยวบินขาออกภายในประเทศจํานวน 37 เที่ยวบิน มีจํานวนผู้โดยสารประมาณ 6,000 คน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบติดตามและตรวจนับความหนาแน่นของผู้โดยสารแบบเรียลไทม์ (Realtime Passenger Tracking and Counting System) บริเวณจุดตรวจค้นอาคารภายในประเทศ ของวันดังกล่าว พบว่า ในช่วงระหว่าง 05.00-07.00 น. มีคิวผู้โดยสารมากที่สุดในช่วงเวลา 06.30 น. เจ้าหน้าที่ สามารถบริหารจัดการ และระบายผู้โดยสารได้ภายในเวลาประมาณ 14.5 นาที ซึ่งต่ํากว่าค่ามาตรฐานสากลของ IATA กําหนดไว้ที่ 15 นาทีอย่าวไรก็ตามท่าอากาศยานดอนเมือง ได้ดําเนินการแก้ไขปัญหาในช่วงดังกล่าว โดยในบริเวณพื้นที่จุดตรวจค้นผู้โดยสาร และสัมภาระไม่ลงทะเบียนภายในประเทศ ได้เปิดให้บริการจุดตรวจบัตรโดยสาร จํานวน 9 ช่อง จัดเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมเพื่ออํานวยความสะดวก และแนะนําผู้โดยสารให้เตรียมข้อมูลก่อนตรวจบัตรโดยสาร รวมถึงเปิดใช้เครื่อง X-Ray ทั้งหมด 11 เครื่อง เพื่อเป็นการเร่งระบายจํานวนผู้โดยสารให้เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่จราจรบริเวณชานชาลาขาออกจํานวน 10 คน เพื่อบริหารจัดการจราจรให้เกิดความสะดวกคล่องตัว และรวดเร็วขึ้น
|
26/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
นนทบุรี
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226153107771
| null |
กรมการค้าภายใน เตือนอย่าหลงเชื่อมิจฉาชีพโทรศัพท์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ชักชวนให้คลิกลิงค์ หรือโหลดแอปฯ แนะ ตรวจสอบก่อนทุกครั้ง
|
ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐ จากหน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งกรมการค้าภายใน โทรศัพท์ หรือส่ง LINE ไปหา พูดชักจูงให้กดลิงค์ และกรอกข้อมูลส่วนบุคคล หรือแสร้งขอตรวจสอบข้อมูลธุรกิจ และหลอกให้คลิกลิงค์เพื่ออัพเดทข้อมูล จนก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนและธุรกิจ จึงขอแจ้งเตือนประชาชนว่า แม้กรมการค้าภายในจะมีช่องทางการสื่อสารกับประชาชนหลายช่องทาง ทั้ง Facebook (กรมการค้าภายใน DIT) LINE (@MR.DIT และ @ditgo) Youtube (DIT Channel) เว็บไซต์ (www.dit.go.th) และทางสายด่วน โทร 1569 ซึ่งเป็นการอํานวยความสะดวกและการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลให้แก่ประชาชน แต่กรมฯ ไม่มีนโยบายที่จะให้เจ้าหน้าที่โทรไปติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลส่วนตัว หรือโทรแจ้งให้คลิกลิงค์ โหลดแอปพลิเคชัน หรือทําธุรกรรมออนไลน์ใด ๆ ดังนั้นหากมีผู้แอบอ้างในลักษณะนี้ให้สงสัยว่าเป็นมิจฉาชีพหลอกลวง แต่หากไม่แน่ใจ ขอให้โทรตรวจเช็คข้อมูลเจ้าหน้าที่ได้ทางสายด่วน 1569 เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้
|
26/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230226183744811
| null |
เมืองพัทยาเปิดงานเทศกาลว่าวนานาชาติ
|
เมืองพัทยาเปิดงานเทศกาลว่าวนานาชาตินายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา เป็นประธานเปิดงานเทศกาลว่าวนานาชาติ ’Pattaya International Kite On The Beach 2023’ บริเวณริมชายหาดพัทยากลาง จังหวัดชลบุรี โดยมี คณะผู้บริหาร สมาชิกสภาเมืองพัทยา ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธี อาทิ นายบรรลือ กุลละวณิชย์ ประธานสภาเมืองพัทยา นางสาวอโนมา วงษ์ใหญ่ ผู้อํานวยการ ททท.สํานักงานพัทยา นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย ผู้แทน สสปน.ภาคกลาง-ตะวันออก นายบุญอนันต์ พัฒนสิน นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยานางรุ่งฤดี พันธุรัตน์ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา กล่าวว่า งานเทศกาลว่าวนานาชาติ ’Pattaya International Kite On The Beach 2023’ จัดขึ้นโดยความร่วมมือของศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา ร่วมกับเมืองพัทยา ททท.สํานักงานพัทยา เจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา และสมาคมนักธุรกิจท่องเที่ยวเมืองพัทยาโดยกําหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ บริเวณริมชายหาดพัทยากลาง ตรงข้ามศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว ถือเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวทุกรูปแบบโดยเฉพาะกลุ่มครอบครัว ซึ่งถือว่ากิจกรรมนี้ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีภายในงานได้รวบรวมว่าวหลากหลายรูปแบบ หลายสีสันมาแสดงบนท้องฟ้าหาดพัทยากว่า 500 เมตร รวมกว่า 1,000 ตัว มาแสดงทุกวันตลอดการจัดงาน ซึ่งเชื่อว่ากิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวนี้จะมีเม็ดเงินท่องเที่ยวสะพัดไม่ต่ํากว่า 150 ล้านบาทปริญญา/ข่าว/ภาพ#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
|
27/2/2023
|
ภาคตะวันออก
|
ชลบุรี
|
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชลบุรี
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230227093736861
| null |
ททท. เพิ่มศักยภาพสื่อสารการตลาด ดึง Influencer Marketing กว่า 350 ราย เสริมทักษะสร้างสรรค์คอนเทนต์และอัปเดตเทรนด์ท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล
|
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. จัดงาน “Amazing Thailand : Meet the Influencers 2023 : ส่งสัญญาณกระตุ้นปีท่องเที่ยวไทย 2566" มุ่งนําเสนอ Soft Power ของไทยควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) สร้างประสบการณ์การเดินทางที่มีคุณค่าและมีความหมาย และก่อให้เกิดความยั่งยืน อีกทั้งนํานวัตกรรมเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อตอบสนองการท่องเที่ยวในยุคดิจิทัล ซึ่งคาดว่า การจัดงานในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการสร้างเครือข่ายพันธมิตร ยังจะส่งผลต่อการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้นจากความร่วมมือของ Influencer ที่มาเข้าร่วมงาน ถือเป็นกําลังสําคัญที่จะช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้านนายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ททท. เร่งสื่อสารความน่าสนใจของการท่องเที่ยวไทย สอดรับกระแสการท่องเที่ยวแบบล้างแค้นในปีท่องเที่ยวไทย 2566 เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวด้วยเนื้อหาด้านการท่องเที่ยวผ่านช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียโดยชูกลยุทธ์ Influencer Marketing พันธมิตรสื่อออนไลน์ด้านท่องเที่ยวของไทย รวมทั้งสิ้น 350 ราย จาก 210 สังกัด เข้าร่วมอัปเดตเทรนด์ท่องเที่ยว แลกเปลี่ยนความรู้ เพิ่มทักษะการสร้างสรรค์เนื้อหาเชิงท่องเที่ยว รวมถึงร่วมเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางการส่งเสริมอุตสาหกรรม
|
27/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230227102656867
| null |
วันแรก ลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5
|
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ดําเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 และได้เปิดให้ผู้ประกอบการรายใหม่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการระหว่างวันที่ 8-15 ก.พ. 66 ที่ผ่านมา โดยในวันนี้(27 ก.พ.66) ระบบของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จะเปิดให้ประชาชนที่ประสงค์จะร่วมโครงการซึ่งยังไม่เคยร่วมโครงการในเฟสที่ 1-4 หรือผู้ร่วมโครงการรายใหม่ ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ โดยระบบจะเปิดตั้งแต่ 06.00 น.-21.00 น. วิธีลงทะเบียนรับสิทธิ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 รายใหม่ โดยให้ผู้มีคุณสมบัติที่จะร่วมโครงการได้คือ เป็นบุคคลสัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป ลงทะเบียนที่เว็บไซต์ของโครงการ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ซึ่งระบบจะให้กรอกข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆรวมถึงเบอร์โทรศัพท์ โดยผู้สมัครต้องใช้เบอร์สําหรับลงทะเบียนรับสิทธิ เป็นเบอร์เดียวกับที่ลงทะเบียนแอปพลิเคชันเป๋าตังด้วย เมื่อสมัครตามขั้นตอนแล้วจะได้รับ SMS แจ้งผลการลงทะเบียนภายใน 3 วันผู้ที่เคยลงทะเบียนโครงการในเฟสที่ 1-4 แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่เพียงกดรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไข บนแอปพลิเคชันนเป๋าตัง และเริ่มจองที่พักและใช้สิทธิได้ตามกําหนดเวลาของโครงการเช่นเดียวกับผู้สมัครรายใหม่ข้างต้นต่อไป โครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 มีจํานวนสิทธิทั้งสิ้น 560,000 สิทธิ ผู้ร่วมโครงการแต่ละคนจะได้รับสิทธิสูงสุด 5 สิทธิต่อคน โดยไม่นับรวมสิทธิที่ใช้ในเฟสก่อนหน้า โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายโรงแรม/ที่พักร้อยละ 40 สูงสุด 3,000 บาทต่อห้องสนับสนุน E-Voucher 600 บาทต่อห้องต่อคืน โดยไม่มีการสนับสนุนค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน
|
27/2/2023
|
ภาคกลางและปริมณฑล
|
กรุงเทพมหานคร
|
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
|
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230227105945896
| null |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.