title
stringlengths 1
182
| text
stringlengths 1
45.8M
| source
stringclasses 5
values | __index_level_0__
int64 0
197k
|
---|---|---|---|
ยุทธการที่โอลด์เชิร์ช
|
ยุทธการโอลด์เชิร์ช (Battle of Old Church) หรือยุทธการมาตาเดควินครีก (Battle of Matadequin Creek) คือการรบในยุทธนาการโอเวอร์แลนด์ของนายพลฝ่ายสหรัฐพลเอกยูลิซิส แกรนท์ ที่รบกับกองทัพแห่งเวอร์จิเนียตอนเหนือของนายพลฝ่ายสหพันธ์ พลเอกโรเบิร์ต ลี
ในขณะนั้นกองทัพฝ่ายสหรัฐกำลังรุกคืบเข้าไปในแนวรบโตโตโปโตมอยครีก, ในขณะเดียวกันกองทหารม้าของนายพลฝ่ายสหรัฐ พลตรีฟิลลิป เชอริแดนเริ่มที่จะสำรวจไปทางทิศตะวันออกและทิศใต้ ต่อมากองพันทหารม้าเพนซิลวาเนียหน่วยที่ 17, ภายใต้การควบคุมของนายพลฝ่ายสหพันธรัฐ พันเอกโทมัส ซี. เดวิน เคลื่อนกำลังจากตัวเมืองโอลด์ เชิร์ชเพื่อสำรวจตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ตามแนวรบบึงมาตาเดควิน ซึ่งให้ความสามารถในการป้องกันการโจมตีได้ดีกว่า เนื่องจากเขาเห็นความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของถนนที่ตัดผ่านเมืองโอลด์ โคลด์ ฮาร์เบอร์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองริชมอนด์เพียงหกไมล์ (9.6 กิโลเมตร) , ในขณะเดียวกัน นายพลฝ่ายสหพันธ์ พลเอกลีส่งสาส์นไปยังกองพลน้อยซึ่งประกอบไปด้วยทหารจำนวน 2,000 นายของพลจัตวาแมทธิว ซี. บัทเลอร์ที่อยู่ทางเหนือของเมืองโคลด์ ฮาร์เบอร์โดยในสาส์นได้แจ้งกำหนดการโจมตีถนนตัดตัวเมือง
และในวันที่ 30 พฤษภาคม, กองพลน้อยของบัทเลอร์ก็เคลื่อนทัพมาจนถึงถนนตัดผ่านเมือง และทำการดันกองพันทหารม้าเพนซิลวาเนียให้ถอยหนี แม้ว่าจะมีกองพันทหารม้าฝ่ายสหรัฐอีกสองกองพันถูกส่งเข้ามาเพื่อยึดจุดถนนตัดผ่านเมืองคืน, จนกระทั่งกองพลน้อยขนาดใหญ่ของฝ่ายสหพันธ์มาถึงตำแหน่งการรบ, ฝ่ายสหพันธ์จึงสามารถตีทหารฝ่ายสหรัฐให้ถอยทัพได้ ซึ่งหลังจากนั้นนายพลเดวินของฝ่ายสหพันธ์จึงสั่งให้กองพลน้อยของเขาทั้งหมด รวมทั้งกองพลสำรองที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของพลจัตวาเวสลีย์ เมอร์ริตต์และอีกสองกองพลเพิ่มเติมที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของพลจัตวาจอร์จ อาร์มสตรอง คัสเตอร์ด้วย ซึ่งทำให้ผู้บังคับบัญชากองพลใหญ่ พลจัตวาอัลเฟร็ด ทอร์เบิร์ต ของฝ่ายสหรัฐสั่งให้ทั้งกองพลของเขาทำเช่นเดียวกันกับฝ่ายตรงข้าม ทำให้การรบครั้งนี้ปราศจากกลยุทธ์ใดๆ นอกจากการประจัญหน้าเข้าหากัน, แต่ฝ่ายสหรัฐมีความได้เปรียบจากการที่มีปืนยาวแบบบรรจุได้หลายนัดอยู่ ในขณะที่ฝ่ายสหพันธ์ไม่มี อีกทั้งยังมีจำนวนมากกว่า จึงทำให้กองพันทหารม้าของฝ่ายสหพันธ์แตกพ่ายและถอยทัพไปยังเมืองโคลด์ ฮาร์เบอร์ โดยที่ยังมีทหารฝ่ายสหรัฐไล่ตามมาถึงเมือง โดยค้างแรมอยู่ห่างจากเมืองอยู่ 1.5 ไมล์ (2.4 กิโลเมตร)
การรบครั้งนี้ทำให้นายพลเชอริแดนสามารถยึดถนนสายสำคัญได้ในวันถัดมา, และทำให้เกิดการรบนองเลือดขึ้น ซึ่งก็คือยุทธการโคลด์ฮาร์เบอร์
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
cr.nps.gov: Battle of Old Church
ประวัติศาสตร์สหรัฐ
ยุทธการในสงครามกลางเมืองอเมริกัน
สงครามกลางเมืองอเมริกา
|
thaiwikipedia
| 1,802 |
กระดูกนาเปียร์
|
กระดูกนาเปียร์ (Napier's bones) เป็นเครื่องมือช่วยคำนวณ ประดิษฐ์โดย จอห์น นาเปียร์ (John Napier) นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อตแลนด์ ใช้ช่วยคูณและหารตัวเลข ลักษณะเป็นท่อนไม้สลักตัวเลข
== การคูณ ==
สมมติว่าเราต้องการหาผลคูณของ 46785399 กับ 7 ให้นำแท่งไม้เรียงตาม 46785399 ไปวางไว้ในตาราง ตามในรูป และอ่านผลลัพธ์จากแถวที่ 7 โดยอ่านจากขวามาซ้าย ผลคูณจะได้จากการบวกเลขตามแนวทแยง (ถ้าผลบวกเกิน 9 ให้ทดไปบวกหลักต่อไป)Napier-example-1.png
ดังนั้น เราจะได้หลักหน่วย (3), หลักสิบ (6+3=9), หลักร้อย (6+1=7), และอื่นๆ สังเกตว่าในหลักแสนจะได้ 5+9=14 ดังนั้น หลักนี้เท่ากับ 4 และทด 1 ไปหลักต่อไป (เหมือนกับ 4+8=12 ในหลักสิบล้าน)
ตัวอย่างถัดไปเราจะคูณ 46785399 กับ 96431 ศึกษาขั้นตอนจากภาพ
center
== การหาร ==
ต้องการหาร 46785399 ด้วย 96431 เริ่มด้วยให้เราหาผลคูณทุกตัวของ 96431 ดังภาพ ผลคูณของ 96431 เป็นเลข 8 หลัก การหาร 46785399 เริ่มจากทางซ้ายก่อน คือ 467853 ,8 ตัว ส่วนเลข 99 ให้ละเอาไว้ก่อน แล้วหาค่าผลคูณที่ใกล้เคียง 467853 คือ 385724 (ซึ่งเป็นผลคูณของ 96431 กับ 4) จะได้ 4 เป็นผลหารตัวแรก จากนั่นลบกัน จะได้ 82129 (467853- 385724=82129) และดึง 99 ที่ละไว้ลงมาด้วยเป็น 8212999 ทำซ้ำอีกครั้ง ค่าที่ใกล้เคียง 8212999 คือ 771448 จะได้ เลข 5
center
ทำซ้ำแบบนี้เรื่อย ๆ จะได้คำตอบ 485 เศษ 16364 ส่วน 96431หรือ 485\frac{16364}{96431}
ถ้าเราต้องการจะหารต่อไปอีกจะต้องติดอยู่ในรูปทศนิยม โดยหลักการแล้วเหมือนกับที่เราได้เรียนกันมาในสมัยประถม คือ ให้เราใส่จุดที่ 485. และเติมศูนย์ที่ 16364 จะได้เป็น 163640 แล้วก็ทำเหมือนเดิมอีก ดังตัวอย่างรูปด้านล่างนี้
center
เราจะได้ค่าในแถวที่ 1 คือ 96431 ซึ่งน้อยกว่า 163640 ลบกับได้ 67209 ได้คำตอบเป็น 485.1 ในรอบถัดไปก็จะได้แถวที่ 6 มีค่าเป็น 578586 ซึ่งน้อยกว่า 672090 ได้คำตอบเป็น 485.16 เช่นนี้ไปเรื่อย ๆ
== การหารากที่สอง ==
จากภาพเราได้เพิ่มช่องตารางอีกหนึ่งช่อง คือ &radic ซึ่งจะถูกแบ่งเป็น 3 สดมภ์ :
สดมภ์แรกเป็นเลขกำลังสอง คือ 1, 4, 9, ... 64, 81;
สดมภ์ที่สองเป็นเลขคู่ 2 ถึง 18;
สดมภ์สุดท้าย 1 ถึง 9
{| border="1" cellpadding="2" cellspacing="0" style="background:#ffd78c;border:thick double #ffc731;"
|+ Napier's rods with the square root bone
! || 1 || 2 || 3 || 4 || 5 || 6 || 7 || 8 || 9 || √
|- align = right
| 1 || 0/1 || 0/2 || 0/3 || 0/4 || 0/5 || 0/6 || 0/7 || 0/8 || 0/9 || 0/1 2 1
|- align = right
| 2 || 0/2 || 0/4 || 0/6 || 0/8 || 1/0 || 1/2 || 1/4 || 1/6 || 1/8 || 0/4 4 2
|- align = right
| 3 || 0/3 || 0/6 || 0/9 || 1/2 || 1/5 || 1/8 || 2/1 || 2/4 || 2/7 || 0/9 6 3
|- align = right
| 4 || 0/4 || 0/8 || 1/2 || 1/6 || 2/0 || 2/4 || 2/8 || 3/2 || 3/6 || 1/6 8 4
|- align = right
| 5 || 0/5 || 1/0 || 1/5 || 2/0 || 2/5 || 3/0 || 3/5 || 4/0 || 4/5 || 2/5 10 5
|- align = right
| 6 || 0/6 || 1/2 || 1/8 || 2/4 || 3/0 || 3/6 || 4/2 || 4/8 || 5/4 || 3/6 12 6
|- align = right
| 7 || 0/7 || 1/4 || 2/1 || 2/8 || 3/5 || 4/2 || 4/9 || 5/6 || 6/3 || 4/9 14 7
|- align = right
| 8 || 0/8 || 1/6 || 2/4 || 3/2 || 4/0 || 4/8 || 5/6 || 6/4 || 7/2 || 6/4 16 8
|- align = right
| 9 || 0/9 || 1/8 || 2/7 || 3/6 || 4/5 || 5/4 || 6/3 || 7/2 || 8/1 || 8/1 18 9
|}
ต้องการหารากที่สองของ 46785399
ขั้นแรก ให้เราแบ่งตัวเลขออกมาเป็นชุด ชุดละ 2 ตัว จากทางขวาไปซ้าย
46 78 53 99
Note: ถ้าเป็น 85399 จะแบ่งได้เป็น 8 53 99
เริ่มจากทางซ้ายสุดก่อน 46 ให้หาเลขกำลังสองที่มากที่สุดแต่น้อยกว่า 46 ซึ่งก็คือ 36 ในแถวที่ 6 จะเป็นคำตอบตัวแรก
ลบกันจะได้ 10 แล้วให้เราดึงเลขชุดที่สอง 78 ลงมาเป็น 1078 ดังที่ได้แสดงไว้ด้านล่าง :
{| border="0" cellpadding="2" cellspacing="0"
|- valign = "top"
|
{| border="1" cellpadding="2" cellspacing="0" style="background:#ffd78c;border:thick double #ffc731;"
! || 1 || 2 || √
|- align = right
| 1 || 0/1 || 0/2 || 0/1 2 1
|- align = right
| 2 || 0/2 || 0/4 || 0/4 4 2
|- align = right
| 3 || 0/3 || 0/6 || 0/9 6 3
|- align = right
| 4 || 0/4 || 0/8 || 1/6 8 4
|- align = right
| 5 || 0/5 || 1/0 || 2/5 10 5
|- align = right
| 6 || 0/6 || 1/2 || 3/6 12 6
|- align = right
| 7 || 0/7 || 1/4 || 4/9 14 7
|- align = right
| 8 || 0/8 || 1/6 || 6/4 16 8
|- align = right
| 9 || 0/9 || 1/8 || 8/1 18 9
|}
|
_____________
√46 78 53 99 = 6
36
--
10 78
|}
ทำซ้ำเหมือนเดิม คือ เราต้องหาค่าของตัวเลขที่ยกกำลังสองแล้วมีค่าใกล้เคียง 1078 แต่ต้องไม่เกิน 1078 ซึ่งถ้าเราดูจากกระดูกนาเปียร์แล้วมีค่าไม่ถึง 1078 จะทำอย่างไร
ขั้นที่สอง จากคำตอบตัวแรกที่เราได้คือ 6(จากแถวที่ 6)ใน column ที่ 2 ของตารางช่อง root เป็นเลข 12 ให้เรา set Napier's bones ท่อนที่ 1 และ 2 ดังตารางด้านบน
ต่อไปให้เราสร้างช่องตารางเพิ่มอีกหนึ่งช่อง value เป็นช่องแสดงค่า ตัวอย่าง อ่านค่าในแถวที่ 6 จะได้
0/6 1/2 3/6 → 756
ต่อไป เราต้องหาค่าของตัวเลขที่ยกกำลังสองแล้วมีค่าใกล้เคียง 1078 แต่ต้องไม่เกิน 1078 ซึ่งถ้าเราดูในช่อง value
จะได้ 1024 ในแถวที่ 8 ดังตารางด้านล่าง และทำตามขั้นตอนเดิม
{| border="0" cellpadding="2" cellspacing="0"
|- valign = "top"
|
{| border="1" cellpadding="2" cellspacing="0" style="background:#ffd78c;border:thick double #ffc731;"
! || 1 || 2 || √ || (value)
|- align = right
| 1 || 0/1 || 0/2 || 0/1 2 1 || 121
|- align = right
| 2 || 0/2 || 0/4 || 0/4 4 2 || 244
|- align = right
| 3 || 0/3 || 0/6 || 0/9 6 3 || 369
|- align = right
| 4 || 0/4 || 0/8 || 1/6 8 4 || 496
|- align = right
| 5 || 0/5 || 1/0 || 2/5 10 5 || 625
|- align = right
| 6 || 0/6 || 1/2 || 3/6 12 6 || 756
|- align = right
| 7 || 0/7 || 1/4 || 4/9 14 7 || 889
|- align = right style="background:#ffefbd;"
| 8 || 0/8 || 1/6 || 6/4 16 8 || 1024
|- align = right
| 9 || 0/9 || 1/8 || 8/1 18 9 || 1161
|}
|
_____________
√46 78 53 99 = 68
36
--
10 78
10 24
-----
54
|}
เราจะได้ 8 เป็นคำตอบตัวถัดมา เราลบ 1024 กับ 1078 ได้ 54 จากนั้นเราอ่านค่าใน column ที่ 2 ของแถวที่ 8 ในช่องของ root มีค่าเป็น 16 เราจะต้องเรียงตัวเลขในกระดานใหม่(ไม่ใช่ ท่อนที่ 1 กับ 6)เป็น 136 ซึ่งมาจากเดิมในกระดานเรามี 1 กับ 2 อยู่ก่อนแล้ว เลข 16 ที่เราได้ ต้องทำการเพิ่มโดย เลข 1 ในหลักสิบของเลข 16 ไปบวก 12 เป็น 12+1 = 13 เพราะฉะนั้นเราได้เป็นเลข 136 ให้เราเรียงให้กระดานเป็นเลข 136
12 + 1 = 13 → append 6 → 136
Note: ถ้าใน column ที่ 2 ของช่อง root เป็นเลขตัวเดียว ให้เราใช้เลขตัวนั้นต่อไปเลย
เราจะได้ลักษณะดังตารางด้านล่าง
{| border="0" cellpadding="2" cellspacing="0"
|- valign = "top"
|
{| border="1" cellpadding="2" cellspacing="0" style="background:#ffd78c;border:thick double #ffc731;"
! || 1 || 3 || 6 || √
|- align = right
| 1 || 0/1 || 0/3 || 0/6 || 0/1 2 1
|- align = right
| 2 || 0/2 || 0/6 || 1/2 || 0/4 4 2
|- align = right
| 3 || 0/3 || 0/9 || 1/8 || 0/9 6 3
|- align = right
| 4 || 0/4 || 1/2 || 2/4 || 1/6 8 4
|- align = right
| 5 || 0/5 || 1/5 || 3/0 || 2/5 10 5
|- align = right
| 6 || 0/6 || 1/8 || 3/6 || 3/6 12 6
|- align = right
| 7 || 0/7 || 2/1 || 4/2 || 4/9 14 7
|- align = right
| 8 || 0/8 || 2/4 || 4/8 || 6/4 16 8
|- align = right
| 9 || 0/9 || 2/7 || 5/4 || 8/1 18 9
|}
|
_____________
√46 78 53 99 = 68
36
--
10 78
10 24
-----
54 53
|}
ทำซ้ำอีกครั้ง โดยหาเลขผลรวมที่มีค่าใกล้เคียงกับ 5453 ซึ่งก็คือ 4089 ในแถวที่ 3
{| border="0" cellpadding="2" cellspacing="0"
|- valign = "top"
|
{| border="1" cellpadding="2" cellspacing="0" style="background:#ffd78c;border:thick double #ffc731;"
! || 1 || 3 || 6 || √ ||
|- align = right
| 1 || 0/1 || 0/3 || 0/6 || 0/1 2 1 || 1361
|- align = right
| 2 || 0/2 || 0/6 || 1/2 || 0/4 4 2 || 2724
|- align = right style="background:#ffefbd;"
| 3 || 0/3 || 0/9 || 1/8 || 0/9 6 3 || 4089
|- align = right
| 4 || 0/4 || 1/2 || 2/4 || 1/6 8 4 || 5456
|- align = right
| 5 || 0/5 || 1/5 || 3/0 || 2/5 10 5 || 6825
|- align = right
| 6 || 0/6 || 1/8 || 3/6 || 3/6 12 6 || 8196
|- align = right
| 7 || 0/7 || 2/1 || 4/2 || 4/9 14 7 || 9569
|- align = right
| 8 || 0/8 || 2/4 || 4/8 || 6/4 16 8 || 10944
|- align = right
| 9 || 0/9 || 2/7 || 5/4 || 8/1 18 9 || 12321
|}
|
_____________
√46 78 53 99 = 683
36
--
10 78
10 24
-----
54 53
40 89
-----
13 64
|}
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
กระดูกนาเปียร์ในระบบตัวเลขต่าง ๆ (ใช้จาวา)
Large PDF scan of Rabdologiæ
เครื่องมือคณิตศาสตร์
เครื่องคิดเลขเชิงกล
การคูณ
|
thaiwikipedia
| 1,803 |
พ.ศ. 2533
|
พุทธศักราช 2533 ตรงกับปีคริสต์ศักราช 1990 เป็นปีปกติสุรทินที่วันแรกเป็นวันจันทร์ตามปฏิทินเกรกอเรียน และเป็น
ปีมะเมีย โทศก จุลศักราช 1352 (วันที่ 16 เมษายน เป็นวันเถลิงศก)
== ผู้นำประเทศไทย ==
พระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559)
นายกรัฐมนตรี: พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ (4 สิงหาคม พ.ศ. 2531 – 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534)
== เหตุการณ์ ==
=== มกราคม-มิถุนายน ===
1 มกราคม – ประเทศโปแลนด์ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสนธิสัญญาวอร์ซอ และเป็นประเทศแรกในทวีปยุโรปตะวันออกที่ยกเลิกการใช้ระบบเศรษฐกิจแบบรัฐสังคมนิยม
15 มกราคม – กลุ่มขบวนการปฏิวัติตูปัก อามารู ลอบวางระเบิดสถานทูตสหรัฐในเปรู
2 กุมภาพันธ์ – ประธานาธิบดี เฟรเดอริก วิลเลิม เดอ แกลร์ก ประกาศสิ้นสุดการถือผิวในประเทศแอฟริกาใต้
11 มีนาคม – ประเทศลิทัวเนียประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียต
16 มีนาคม – ทีมฟุตบอลทีมชาติแอลจีเรียชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติแอฟริกา ครั้งที่ 17 ณ ประเทศแอลจีเรีย
24 เมษายน – กระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรี นำกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ขึ้นสู่อวกาศ
13 พฤษภาคม - กองทัพประชาชนใหม่ลอบวางระเบิดฐานทัพอากาศคลาร์กในฟิลิปปินส์ มีทหารสหรัฐเสียชีวิต 2 นาย
15 พฤษภาคม – ภาพเหมือนของนายแพทย์กาแช โดยฟินเซนต์ ฟัน โคค ถูกจำหน่ายด้วยมูลค่า 82.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นภาพเขียนที่แพงที่สุดในโลกขณะนั้น
22 พฤษภาคม – สาธารณรัฐอาหรับเยเมนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเยเมน ผนวกเข้าด้วยกันเป็นสาธารณรัฐเยเมน
13 มิถุนายน - เริ่มทำลายกำแพงเบอร์ลิน
20 มิถุนายน - เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ทางภาคตะวันตกของประเทศอิหร่าน
30 มิถุนายน – เยอรมันตะวันตกและเยอรมันตะวันออกรวมเศรษฐกิจเข้าด้วยกัน
=== กรกฎาคม-สิงหาคม ===
27 กรกฎาคม – เบลารุสประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียต
28 กรกฎาคม – อัลเบร์โต ฟูฆิโมริ ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีของประเทศเปรู และเป็นชาวเอเชียตะวันออกคนแรกที่ดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐของชาติที่ไม่ใช่เอเชีย
2 สิงหาคม – สงครามอ่าวเปอร์เซีย: อิรักรุกรานคูเวต เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามอ่าว
6 สิงหาคม – สงครามอ่าวเปอร์เซีย: คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติให้ทั่วโลกคว่ำบาตรทางการค้าต่อประเทศอิรัก เพื่อตอบโต้การรุกรานคูเวต
10 สิงหาคม – ยานแมเจลแลนเดินทางถึงดาวศุกร์
12 สิงหาคม – นักบรรพชีวินวิทยาค้นพบซากดึกดำบรรพ์ของไดโนเสาร์ ไทแรนโนซอรัส เรกซ์ ในรัฐเซาท์ดาโคตา
=== กันยายน-ธันวาคม ===
3 ตุลาคม – การรวมประเทศเยอรมนี: รัฐเยอรมัน 5 รัฐ ในเยอรมนีตะวันออก เข้ารวมกับเยอรมนีตะวันตกอย่างเป็นทางการ
13 พฤศจิกายน – เว็บเพจแรกถูกสร้างขึ้น
22 พฤศจิกายน – มาร์กาเรต แทตเชอร์ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร
1 ธันวาคม – อังกฤษและฝรั่งเศสเชื่อมต่ออุโมงค์รถไฟใต้ดิน Channel Tunnel ลอดช่องแคบอังกฤษที่ความลึกจากพื้นทะเล 40 เมตร ทำให้ประชาชนสามารถเดินทางไปมาหากันระหว่างเกาะบริเตนใหญ่และทวีปยุโรปได้เป็นครั้งแรกนับจากยุคน้ำแข็ง
== วันเกิด ==
=== มกราคม ===
4 มกราคม – โทนี โครส นักฟุตบอลชาวเยอรมัน
9 มกราคม
* อเล็กซ์ เรนเดลล์ นักแสดงชาวไทย
* นัม จีฮยอน นักร้องชาวเกาหลีใต้
13 มกราคม – เลียม เฮมส์เวิร์ท นักแสดงชาวออสเตรเลีย
14 มกราคม – แกรนต์ กัสติน นักแสดงและนักร้องชาวอเมริกัน
16 มกราคม - พสธร ทรงถาวรทวี นักร้องและนักแสดงชาวไทย
25 มกราคม – อี จุนโฮ นักร้องชาวเกาหลีใต้
26 มกราคม - กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นักกีฬาฟุตบอลผู้รักษาประตูชาวไทย
=== กุมภาพันธ์ ===
3 กุมภาพันธ์ – ฌอน คิงสตัน นักร้องชาวอเมริกัน
4 กุมภาพันธ์ – ฮะรุกะ โทะมะสึ นักพากย์ชาวญี่ปุ่น
6 กุมภาพันธ์ – ธีราทร บุญมาทัน นักกีฬาฟุตบอลชาวไทย
10 กุมภาพันธ์ – ชเว ซูยอง นักร้องชาวเกาหลีใต้
11 กุมภาพันธ์ – ฮวาง ชานซอง นักร้องชาวเกาหลีใต้
12 กุมภาพันธ์ – พัก โบ-ย็อง นักแสดงชาวเกาหลีใต้
16 กุมภาพันธ์ – เดอะวีกเอนด์ นักดนตรีชาวแคนาดา
18 กุมภาพันธ์ – พัก ชิน-ฮเย นักแสดงชาวเกาหลีใต้
21 กุมภาพันธ์ - ภัทรภณ โตอุ่น นักร้องและนักแสดงชาวไทย
27 กุมภาพันธ์ - ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต นักแสดงชาวไทย
=== มีนาคม ===
2 มีนาคม – อี ฮง กี นักร้องชาวเกาหลีใต้
7 มีนาคม – ชเว จงฮุน นักดนตรีชาวเกาหลีใต้
14 มีนาคม – โจ แอลเลน นักฟุตบอลชาวเวลส์
เป็นเอก การะเกตุ - นักกีฬาเทควันโดชาวไทย
19 มีนาคม – ปริญ สุภารัตน์ (หมาก) นักแสดงและนายแบบชาวไทย
20 มีนาคม – มาร์โกส โรโค นักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา
23 มีนาคม - เจ้าหญิงยูเชนีแห่งยอร์ก พระธิดาองค์เล็กในเจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก กับ ซาราห์ ดัชเชสแห่งยอร์ก อดีตพระชายา
24 มีนาคม – คีชา แคสเซิล-ฮิวส์ นักแสดงชาวนิวซีแลนด์
25 มีนาคม - ณฉัตร จันทพันธ์ นักร้องและนักแสดงชาวไทย
26 มีนาคม – ซิ่วหมิน นักร้องและนักแสดงชาวเกาหลีใต้
=== เมษายน ===
1 เมษายน - วโรดม เข็มมณฑา นักร้อง นักแสดงชาวไทย
3 เมษายน - ธนิน มนูญศิลป์ นักแสดงและนายแบบชาวไทย
8 เมษายน – คิม จงฮย็อน นักร้อง นักแต่งเพลง และดีเจ ชาวเกาหลีใต้
9 เมษายน
* คริสเตน สจ๊วต นักแสดงชาวอเมริกัน
* ทราย อาร์สยาม นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
10 เมษายน
* อเล็กซ์ เพตตีเฟอร์ นักแสดงชาวอังกฤษ
12 เมษายน
* อิสร์ อิสรพงศ์ นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
* เบน เอมอส นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
15 เมษายน – เอมมา วัตสัน นักแสดงชาวอังกฤษ
18 เมษายน – วอยแชค ชแชนสนือ นักฟุตบอลชาวโปแลนด์
20 เมษายน – ลู่ หาน นักร้องและนักแสดงชาวจีน
=== พฤษภาคม ===
3 พฤษภาคม - เศรษฐพงศ์ เพียงพอ นักร้องและนักแสดงชายชาวไทย
5 พฤษภาคม - นีแกลส พีเดอร์เซิน ผู้ชนะประกวด มิสเตอร์เวิลด์ 2014 ชาวเดนมาร์ก
15 พฤษภาคม – อี จงฮย็อน นักดนตรีชาวเกาหลีใต้
16 พฤษภาคม - เวธกา ศิริวัฒนา นักแสดงชาวไทย
22 พฤษภาคม
* ถิร ชุติกุล นักแสดงและนายแบบชาวไทย
* ชญดา วิสุทธิปราณี นักแสดงชาวไทย
27 พฤษภาคม - อภิญญา สกุลเจริญสุข นักแสดงชาวไทย
30 พฤษภาคม – อิม ยุนอา นักร้องและนักแสดงชาวเกาหลีใต้
=== มิถุนายน ===
4 มิถุนายน - สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก
7 มิถุนายน
* วิศว ไทยานนท์ นักร้องชาวไทย
* อิกกี อะเซเลีย ศิลปินด้านดนตรีชาวออสเตรเลีย
8 มิถุนายน
* อนิสา นูกราฮา (สา) นักแสดงและนางแบบและผู้ประกาศรายการชาวไทย
* นนทนันท์ อัญชุลีประดิษฐ์ นักแสดงชาวไทย
9 มิถุนายน - นิชา ปาลวัฒน์วิไชย (แพร) นักแสดงชาวไทย
10 มิถุนายน - ธาราเขต เพ็ชร์สุกใส (เขต) นักแสดงชาวไทย
13 มิถุนายน
* แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน นักแสดงชาวอังกฤษ
* ณัฐชนน อาภาศรีรัตน์ พิธีกรและผู้ประกาศข่าวชาวไทย
17 มิถุนายน – จอร์แดน เฮนเดอร์สัน นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
28 มิถุนายน – เฉิน เสวียตง นักแสดงชายชาวจีน
=== กรกฎาคม ===
2 กรกฎาคม – มาร์โก ร็อบบี นักแสดงชาวออสเตรเลีย
6 กรกฎาคม - ธัญญะสุภางค์ จิรปรีชานนท์ นักแสดงชาวไทย
9 กรกฎาคม
* ราฟาเอล เปเรย์รา ดา ซิลวา นักฟุตบอลชาวบราซิล
* ฟาบีอู เปเรย์รา ดา ซิลวา นักฟุตบอลชาวบราซิล
11 กรกฎาคม – คาโรไลน์ วอซเนียคกี นักเทนนิสชาวเดนมาร์ก
19 กรกฎาคม - ฝนทิพย์ วัชรตระกูล นางงามและนักแสดงชาวไทย
28 กรกฎาคม – โซลจา บอย นักร้องเพลงแร็ปชาวอเมริกัน
=== สิงหาคม ===
12 สิงหาคม – มารีโอ บาโลเตลลี นักฟุตบอลชาวอิตาลี
15 สิงหาคม – เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ นักแสดงหญิงและนางแบบชาวอเมริกา
17 สิงหาคม - ป่านทอทอง บุญทอง นักร้องและนักแสดงชาวไทย
22 สิงหาคม - ราศรี บาเล็นซิเอก้า จิราธิวัฒน์ (มาร์กี้) นักแสดงชาวไทย
28 สิงหาคม – โบยัน เกอร์กิช นักฟุตบอลชาวสเปน
=== กันยายน ===
4 กันยายน – โอลกา คาร์ลัน นักฟันดาบชาวยูเครน
7 กันยายน - จั๊กจั่น วันวิสา นักร้องเพลงลูกทุ่งชาวไทย
12 กันยายน - สิทธา สภานุชาติ นักร้องและนักแสดงชาวไทย
13 กันยายน - รติพันธ์ พันธ์พินิจ นักร้องและนักแสดงชาวไทย
21 กันยายน
* นิษฐา จิรยั่งยืน (มิว) นักแสดงชาวไทย
* บุตรศรัณย์ ทองชิว นักแสดงชาวไทย (เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2562)
23 กันยายน - อาทิตย์ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ นักแสดงชาวไทย
24 กันยายน - วฤษฎิ์ ศิริสันธนะ นักแสดงและนายแบบชาวไทย
=== ตุลาคม ===
7 ตุลาคม – ซ็อนดุง นักร้องชาวเกาหลีใต้
9 ตุลาคม - หทัยภัทร สมรรถวิทยาเวช นักแสดงชาวไทย
11 ตุลาคม - ปฏิภาณ หล่อเสถียร นักร้องชาวไทย
16 ตุลาคม - บุตรี เผือดผ่อง นักเทควันโดชาวไทย
21 ตุลาคม - อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์ (ทับทิม) นักแสดงและนักกีฬาสเกตลีลาชาวไทย
23 ตุลาคม นภัทร อินทร์ใจเอื้อ นักร้องชาวไทย
24 ตุลาคม – อิลไค กึนโดอัน นักฟุตบอลชาวเยอรมัน
=== พฤศจิกายน ===
6 พฤศจิกายน
*อู๋ อี้ฝาน แรปเปอร์ชาวจีน
* อันเดร เชือร์เลอ นักฟุตบอลชาวเยอรมัน
8 พฤศจิกายน - บัณฑวิซ ตระกูลพาณิชย์ นักแสดงชาวไทย
9 พฤศจิกายน - คณิน ชอบประดิถ นักแสดงชาวไทย
12 พฤศจิกายน - พลภัคค์ วัชรพงศ์พิรัญ นักแสดงชาวไทย
26 พฤศจิกายน – แดนนี เวลเบก นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
=== ธันวาคม ===
1 ธันวาคม – แชเนล อีมาน นางแบบชาวอเมริกัน
3 ธันวาคม
* พัทธ์ธีรา ศรุติพงศ์โภคิน นักแสดงชาวไทย
* เผิง เสี่ยวหรัน นักแสดงหญิงชาวจีน
6 ธันวาคม - หวง เมิ่งอิ๋ง นักแสดงหญิงชาวจีน
12 ธันวาคม – ซึงรี นักร้องชาวเกาหลีใต้
19 ธันวาคม - ลูกตาล อาร์สยาม นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
20 ธันวาคม – โจโจ นักร้องและนักแสดงชาวอเมริกัน
26 ธันวาคม – แอรอน แรมซีย์ นักฟุตบอลชาวเวลส์
28 ธันวาคม – เดวิด อาร์ชูเลตา นักร้องชาวอเมริกัน
== วันถึงแก่กรรม ==
25 มกราคม – เอวา การ์ดเนอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน (เกิด 24 ธันวาคม พ.ศ. 2465)
8 กุมภาพันธ์ – เดล แชนนอน นักร้องและนักดนตรีชาวอเมริกัน (เกิด 30 ธันวาคม พ.ศ. 2477)
16 กุมภาพันธ์ - คีธ แฮริง ศิลปินชาวอเมริกัน (เกิด 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2501)
24 กุมภาพันธ์ – มัลคอล์ม ฟอร์บ นักธุรกิจสิ่งพิมพ์ชาวอเมริกัน (เกิด 19 สิงหาคม พ.ศ. 2462)
20 มีนาคม – เลฟ ยาชิน นักฟุตบอลชาวรัสเซีย (เกิด 22 ตุลาคม พ.ศ. 2472)
3 เมษายน – ซาราห์ วอห์น นักร้องชาวอเมริกัน (เกิด 27 มีนาคม พ.ศ. 2467)
8 เมษายน – ไรอัน ไวต์ นักเคลื่อนไหชาวอเมริกัน (เกิด 6 ธันวาคม พ.ศ. 2514)
15 เมษายน – เกรทา การ์โบ นักแสดงชาวสวีเดน (เกิด 18 กันยายน พ.ศ. 2448)
29 พฤษภาคม – ฮุซเซน อน นายกรัฐมนตรีคนที่ 3 แห่งประเทศมาเลเซีย (เกิด 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2465)
2 มิถุนายน – เรกซ์ แฮร์ริสัน นักแสดงชาวอังกฤษ (เกิด 5 มีนาคม พ.ศ. 2451)
3 มิถุนายน – โรเบิร์ต นอยซ์ นักธุรกิจและนักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน (เกิด 12 ธันวาคม พ.ศ. 2470)
4 มิถุนายน – แจ็ก กิลฟอร์ด นักแสดงชาวอเมริกัน (เกิด 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2450)
7 กรกฎาคม – กาซูซา กวี นักร้อง และนักแต่งเพลงชาวบราซิล (เกิด 4 เมษายน พ.ศ. 2501)
18 กรกฎาคม – ยุน โบ-ซ็อน ประธานาธิบดีคนที่ 2 แห่งสาธารณรัฐเกาหลี (เกิด 26 สิงหาคม พ.ศ. 2440)
9 สิงหาคม – โจ เมอร์เซอร์ นักฟุตบอลชาวอังกฤษ (เกิด 9 สิงหาคม พ.ศ. 2457)
15 สิงหาคม – จิมมี่ คาร์รัทเธอร์ นักมวยสากลชาวออสเตรเลีย (เกิด 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2472)
26 สิงหาคม – มิโนะรุ ฮอนดะ นักดาราศาสตร์ชาวญี่ปุ่น (เกิด 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2456)
27 สิงหาคม – สตีวี เรย์ วอห์น นักดนตรีชาวอเมริกัน (เกิด 3 ตุลาคม พ.ศ. 2497)
1 กันยายน – สืบยศ นาคะเสถียร นักอนุรักษ์และนักวิชาการด้านทรัพยากรธรรมชาติชาวไทย (เกิด 31 ธันวาคม พ.ศ. 2492)
15 กันยายน – พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช (ประสูติ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2465)
13 ตุลาคม – เล ดึ๊ก เถาะ นักปฏิวัติ นักการทูต และนักการเมืองชาวเวียดนาม (เกิด 14 ตุลาคม พ.ศ. 2454)
14 ตุลาคม – เลนนาร์ด เบิร์นสไตน์ นักแต่งเพลงและวาทยกรชาวอเมริกัน (เกิด 25 สิงหาคม พ.ศ. 2461)
16 ตุลาคม – อาร์ท แบลคคี นักดนตรีแจ๊สชาวอเมริกัน (เกิด 11 ตุลาคม พ.ศ. 2462)
23 พฤศจิกายน – โรอาลด์ ดาห์ล นักเขียนชาวเวลส์ (เกิด 13 กันยายน พ.ศ. 2459)
6 ธันวาคม – ตนกู อับดุล ระห์มัน นายกรัฐมนตรีคนที่ 1 แห่งประเทศมาเลเซีย (เกิด 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446)
27 ธันวาคม – เตือนใจ บุญพระรักษา นักร้องลูกทุ่งหญิงชาวไทย (เกิด 10 เมษายน พ.ศ. 2486)
== รางวัล ==
=== รางวัลโนเบล ===
สาขาเคมี – Elias James Corey
สาขาวรรณกรรม – ออกตาบิโอ ปาซ
สาขาสันติภาพ – มิฮาอิล กอร์บาชอฟ
สาขาฟิสิกส์ – Jerome I. Friedman, Henry Way Kendall, Richard E. Taylor
สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ – โจเซฟ อี. เมอร์เรย์, อี. ดอนนัลล์ โธมัส
สาขาเศรษฐศาสตร์ – Harry M. Markowitz, Merton H. Miller, William F. Sharpe
|
thaiwikipedia
| 1,804 |
จมูกอิเล็กทรอนิกส์
|
จมูกอิเล็กทรอนิกส์ เป็นอุปกรณ์จำแนกกลิ่นเพื่อใช้ในการจำแนกพืชผลทางการเกษตร โดยจะใช้เซนเซอร์ที่ความต้านทานไฟฟ้าเปลี่ยนไปเมื่อดูดซับสารเคมีระเหยหรือชื่อภาษาอังกฤษว่า conductometric chemosensor และเซนเซอร์กลิ่นแต่ละตัวจะมีความไวต่อสารเคมีระเหยแต่ละชนิดไม่เท่ากัน และสัญญาณจากเซนเซอร์กลิ่นแต่ละตัวจะถูกประมวลผลด้วยซอฟต์แวร์เพื่อจำแนกกลิ่นออกมา
== อ้างอิง ==
ผู้จัดการออนไลน์ 19 เมษายน 2548
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ
เทคโนโลยี
เครื่องมือวัด
|
thaiwikipedia
| 1,805 |
16 พฤษภาคม
|
วันที่ 16 พฤษภาคม เป็นวันที่ 136 ของปี (วันที่ 137 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 229 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 1489 (ค.ศ. 946) - จักรพรรดิซูซากุสละราชบัลลังก์ให้กับพระอนุชาองค์โปรดของพระองค์ ซึ่งกลายเป็นจักรพรรดิมูรากามิ จักรพรรดิองค์ที่ 62 แห่งญี่ปุ่น
พ.ศ. 1747 (ค.ศ. 1204) - บอลด์วินที่ 9 เคาต์แห่งแฟลนเดอร์ส ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิพระองค์แรกในจักรวรรดิละติน
พ.ศ. 2313 (ค.ศ. 1770) - พระนางมารี อองตัวเนต พระชันษา 14 ปี เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับมกุฎราชกุมารแห่งฝรั่งเศส (อนาคตพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส) ณ พระราชวังแวร์ซาย
พ.ศ. 2411 (ค.ศ. 1868) - ประธานาธิบดี แอนดรูว์ แจ็กสัน ได้รับการตัดสินให้ไม่มีความผิดอย่างฉิวเฉียด หลังถูกยื่นถอดถอนให้ออกจากตำแหน่ง
พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1920) - ในกรุงโรม สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 9 ทำพิธีแต่งตั้งโยนออฟอาร์ก ให้เป็นนักบุญแห่งศาสนาคริสต์
พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) - การประกาศผลรางวัลออสการ์ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่โรงแรมฮอลลีวูดรูสเวลต์ ฮอลลีวูด รัฐแคลิฟอร์เนีย
พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) - โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เปิดอย่างเป็นทางการ นักเรียนเริ่มเรียนวันแรกในวันที่ 19 พฤษภาคม
พ.ศ. 2486 (ค.ศ. 1943) - การล้างชาติพันธุ์โดยนาซี: การจลาจลต่อต้านนาซีในย่านคนยิว (Warsaw Ghetto Uprising) ในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ยุติลง
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - พัก จ็อง-ฮี เป็นผู้นำรัฐประหารเพื่อโค่นล้มสาธารณรัฐเกาหลีที่สอง
พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) - อัลบั้ม Blonde on Blonde ของบ๊อบ ดีแลนและ Pet Sounds ของวงเดอะ บีช บอย ซึ่งเป็นสองอัลบั้มเพลงร็อกแอนด์โรลชื่อดังในประวัติศาตร์วงการดนตรี ออกวางจำหน่ายในวันเดียวกัน
พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) - โครงการเวเนรา: ยานเวเนรา 5 ของสหภาพโซเวียต ลงจอดบนดาวศุกร์
พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - จุนโกะ ตาเบอิ ชาวญี่ปุ่น เป็นสตรีคนแรกที่ขึ้นไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์
พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - กองทัพโคลนส์จู่โจม เปิดฉายรอบปฐมทัศน์
พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) - เวลาประมาณ 16.00 น. เกิดแผ่นดินไหวประมาณ 6.1 ริกเตอร์ ที่จ.เชียงราย แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึงกรุงเทพมหานคร
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2154 (ค.ศ. 1611) - สมเด็จพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 11 (สิ้นพระชนม์ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2232)
พ.ศ. 2367 (ค.ศ. 1824) - ลีไว พี. มอร์ตัน รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 22 (ถึงแก่กรรม 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2463)
พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) - เฮนรี ฟอนดา นักแสดงภาพยนตร์ชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 12 สิงหาคม พ.ศ. 2525)
พ.ศ. 2471 (ค.ศ. 1928) - บิลลี่ มาร์ติน นักเบสบอลชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 25 ธันวาคม พ.ศ. 2532)
พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) - ชวลิต โอสถานุเคราะห์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
พ.ศ. 2478 (ค.ศ. 1935) - เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ (ถึงแก่กรรม 13 มีนาคม พ.ศ. 2548)
พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) - แดนนี เทรโฮ นักแสดงชาวอเมริกัน-เม็กซิกัน
พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) - ฉวีวรรณ ดำเนิน ราชินีหมอลำ และศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปการแสดง (หมอลำ)
พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) - ประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการ และอดีตกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด
พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - เพียร์ซ บรอสแนน นักแสดงชายชาวไอริช
พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) - เจเน็ต แจ็กสัน นักร้องหญิงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - ภู ศรีวิไล นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - ฟ้ารุ่ง ชารีรักษ์ นางแบบ/นักแสดงชาวไทย (ถึงแก่กรรม 24 สิงหาคม พ.ศ. 2543)
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - วรรณษา ทองวิเศษ นักแสดงหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - จิม สเตอเจส นักแสดงและนักดนตรีชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - วรเวช ดานุวงศ์ (แดน) นักร้องชายชาวไทย
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - อะยะนะ ซะไก นักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) -
* เมแกน ฟอกซ์ นักแสดงและนางแบบชาวอเมริกัน
* สุธัญญา สาริมาน นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) -
* เบฮาตี ปรินส์ลัว นางแบบชาวอเมริกันใต้-นามิเบีย
* อัน โบ-ฮย็อน นักแสดงชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - เวธกา ศิริวัฒนา (เกล) นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - ดาวิกา โฮร์เน่ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - IU (ลี จิอึน) นักร้องและนักแสดงหญิงชาวเกาหลี
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - เรย์กะ ซะกุระอิ นักร้องและนางแบบชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) -
* ภาณิศา อุดมเรืองเกียรติ (นุ่น) นักร้อง/นักแสดงชาวไทย
* เหงียน ต๊วน อัญ นักฟุตบอลชาวเวียดนาม
พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) - นีน่า ณัฐชา พาโดวัน นักแสดงชาวไทย
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 833 (ค.ศ. 290) - สุมาเอี๋ยน ปฐมกษัตริย์ราชวงศ์จิ้นผู้รวบสามก๊กเป็นหนึ่ง
พ.ศ. 2246 (ค.ศ. 1703) - ชาร์ล แปโร นักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้วางรากฐานวรรณกรรมในยุคใหม่ (เกิด 12 มกราคม ค.ศ. 1628)
พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - เฟรเดอริก ฮอปคินส์ นักชีวเคมีชาวอังกฤษ (เกิด 20 มิถุนายน พ.ศ. 2404)
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - ชาตรี ศรีชล นักร้อง นักแต่งเพลงลูกทุ่งชาวไทย (เกิด 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492)
พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010)
* วาณิช จรุงกิจอนันต์ นักเขียนชาวไทย (เกิด 9 สิงหาคม พ.ศ. 2491)
* รอนนี เจมส์ ดิโอ นักร้องและนักประพันธ์เพลงชาวอเมริกัน (เกิด 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2485)
พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) - พระเทพวิทยาคม (คูณ ปริสุทฺโธ) (หลวงพ่อคูณ) พระเกจิชื่อดัง (เกิด 4 ตุลาคม พ.ศ. 2466)
พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - แสงเทียนน้อย ส.รุ่งโรจน์ นักมวยไทย (เกิด 16 สิงหาคม พ.ศ. 2509)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996), พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - วันพืชมงคล
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
พฤษภาคม 16
พฤษภาคม
|
thaiwikipedia
| 1,806 |
พ.ศ. 2512
|
พุทธศักราช 2512 ตรงกับปีคริสต์ศักราช 1969 เป็นปีปกติสุรทินที่วันแรกเป็นวันพุธตามปฏิทินเกรกอเรียน และเป็น
ปีระกา เอกศก จุลศักราช 1331 (วันที่ 15 เมษายน เป็นวันเถลิงศก)
== ผู้นำประเทศไทย ==
พระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559)
นายกรัฐมนตรี: จอมพล ถนอม กิตติขจร (9 ธันวาคม พ.ศ. 2506 – 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514)
== เหตุการณ์ ==
=== มกราคม ===
1 มกราคม – พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยจัดตั้งกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย
=== กุมภาพันธ์ ===
3 กุมภาพันธ์ – ยัสเซอร์ อาราฟัต ก้าวขึ้นเป็นผู้นำองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ (พีแอลโอ)
9 กุมภาพันธ์ – โบอิง 747 อดีตเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกบินขึ้นเป็นครั้งแรก โดยบินขึ้นจากสนามบินโบอิงที่เมืองเอเวอเรตต์ รัฐวอชิงตัน
=== มีนาคม ===
2 มีนาคม – เครื่องบินคองคอร์ด เครื่องบินโดยสารที่มีความเร็วเหนือเสียง ขึ้นบินทดสอบครั้งแรกที่เมืองตูลุส ฝรั่งเศส
=== เมษายน ===
7 เมษายน – การตีพิมพ์เอกสารขอความเห็นหมายเลข 1 (RFC 1) เป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิดอินเทอร์เน็ต
28 เมษายน – ชาลส์ เดอ โกล ประธานาธิบดีคนแรกในสาธารณรัฐที่ 5 ของฝรั่งเศส ลาออกจากตำแหน่ง
=== พฤษภาคม ===
13 พฤษภาคม – เหตุการณ์ 13 พฤษภาคม: ความขัดแย้งทางเชื้อชาติ ระหว่างชาวมลายูกับชนกลุ่มน้อยชาวจีน ทำให้เกิดการจลาจล จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 184 คน ในกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
16 พฤษภาคม – โครงการเวเนรา: ยานเวเนรา 5 ของสหภาพโซเวียต ลงจอดบนดาวศุกร์
22 พฤษภาคม – โครงการอะพอลโล: ยานอะพอลโล 10 ผ่านใกล้ดวงจันทร์ด้วยระยะห่าง 15,400 เมตร เหนือพื้นผิว
=== มิถุนายน ===
27 มิถุนายน – การจลาจลสโตนวอลล์ เริ่มขึ้นในนิวยอร์ก เป็นจุดเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิกลุ่มคนรักร่วมเพศ
=== กรกฎาคม ===
20 กรกฎาคม – โครงการอะพอลโล: นีล อาร์มสตรอง และ บัซซ์ อัลดริน ที่เดินทางไปกับยานอะพอลโล 11 กลายเป็นมนุษย์ 2 คนแรกบนพื้นผิวดวงจันทร์
=== สิงหาคม ===
5 สิงหาคม – โครงการมาริเนอร์: ยานมาริเนอร์ 7 ผ่านใกล้ดาวอังคารด้วยระยะห่าง 3,524 กิโลเมตร
17 สิงหาคม – พายุเฮอร์ริเคนคามิลล์ ถล่มชายฝั่งรัฐมิสซิสซิปปี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 248 คน
=== กันยายน ===
1 กันยายน – พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี เริ่มดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศลิเบีย
=== พฤศจิกายน ===
15 พฤศจิกายน – สงครามเวียดนาม: ผู้ชุมนุม 250,000-500,000 คน รวมตัวกัน ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อต่อต้านสงคราม
17 พฤศจิกายน – การเจรจาจำกัดอาวุธทางยุทธศาสตร์ (SALT) ระหว่างสหภาพโซเวียตกับสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นในเมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์
19 พฤศจิกายน – โครงการอะพอลโล: ยานอะพอลโล 12 นำนักบินอวกาศ 2 คน ลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์บริเวณมหาสมุทรพายุ (Oceanus Procellarum)
21 พฤศจิกายน – มีการเชื่อมโยงเครือข่ายสำนักงานโครงการวิจัยขั้นสูง (ARPANET) เป็นครั้งแรก
=== เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ ===
สงครามเวียดนาม – (พ.ศ. 2507-2518)
== วันเกิด ==
=== มกราคม ===
1 มกราคม –
* เวิร์น ทรอยเออร์ นักแสดงชาวอเมริกัน
2 มกราคม –
* ทอมมี มอร์ริสัน นักมวย (ถึงแก่กรรม 1 กันยายน พ.ศ. 2556)
3 มกราคม – มิคาเอล ชูมัคเกอร์ นักแข่งรถสูตรหนึ่งชาวเยอรมัน
5 มกราคม –
* มาริลีน แมนสัน จิตรกร นักดนตรีชาวอเมริกัน
6 มกราคม – โทมัส เนเวอร์กรีน นักร้องเดนมาร์ก
7 มกราคม –
* มาร์โก ซีโมเน อดีตนักฟุตบอลชาวอิตาลี
12 มกราคม –
* เจ้าชายกุสตาฟแห่งไซน์-วิตเกนชไตน์-เบอร์เลบวร์คที่ 7
13 มกราคม –
* สตีเฟน เฮนดรี นักสนุกเกอร์อาชีพชาวสกอตแลนด์
* อับบาส จะดีดี นักมวยปล้ำชาวอิหร่าน
* พิมพา พรศิริ นักร้องชาวไทย
14 มกราคม – เดฟ โกรล นักดนตรีร็อกและนักร้อง-นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน
16 มกราคม –
* ซุลกิฟลี โมฮามัด อัล-บักรี มุฟตีชาวมาเลเซีย
* รอย โจนส์ จูเนียร์ นักมวยชาวอเมริกัน
17 มกราคม –
* นาวีน แอนดรูวส์ นักแสดงชาวอังกฤษ
* มาเรีย มอนเทล นักร้องชาวเดนมาร์
* เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา พิธีกร ดีเจ นักจัดรายการวิทยุ นักเขียนชาวไทย
*
18 มกราคม – เดฟ บอทิสตา นักแสดงชายชาวอเมริกัน
19 มกราคม –
* ไมล์ส มัสเซนเดน นักแสดงชาวอเมริกัน
20 มกราคม – เฉิน เจียนฮง นักกีฬาว่ายน้ำชาวจีน
25 มกราคม –
* เซอร์เก ออฟชินนิคอฟ วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติรัสเซีย (ถึงแก่กรรม 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555)
29 มกราคม -
* โมโตฮิโระ ยามางูชิ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น
* เหอ หรูหยฺวิน นักแสดงหญิงชาวไต้หวัน
* ไฮด์ นักร้อง/นักดนตรี/นักแสดงชาวญี่ปุ่น
30 มกราคม - ดราเซ็น เซอร์เม็ค นักหมากรุกสากลชาวสโลวีน-โครเอเชีย
31 มกราคม - โฮซู คามาโช มวยสากลชาวปวยร์โตรีโก
=== กุมภาพันธ์ ===
1 กุมภาพันธ์ – กาเบรียล บาติสตูตา นักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา
3 กุมภาพันธ์ –
* ทอดด์ มาเคลิน แชมป์นักมวยสากลชาวออสเตรเลีย
* โบ ไบเดน นักการเมืองชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558)
5 กุมภาพันธ์ –
* บ็อบบี้ บราวน์ นักร้องชาวอเมริกัน
* อัล ทาราโซน่า แชมป์นักมวยสากลชาวฟิลิปปินส์
* ฮิเดะโนะบุ คิอุชิ นักพากย์ชาวญี่ปุ่น
6 กุมภาพันธ์ –
* มาซาฮารุ ฟุคุยามะ นักร้อง/นักแสดงชายชาวญี่ปุ่น
8 กุมภาพันธ์ –
* แคลมป์ นักเขียนการ์ตูนชาวญี่ปุ่น
11 กุมภาพันธ์ –
* เจนนิเฟอร์ อนิสตัน นักแสดงชาวอเมริกัน
* ทาเคชิ โอบาตะ นักเขียนการ์ตูนชาวญี่ปุ่น
12 กุมภาพันธ์ –
* อาเลมาเยฮู อะตอมซา นักการเมืองชาวเอธิโอเปีย (ถึงแก่กรรม 6 มีนาคม พ.ศ. 2557)
20 กุมภาพันธ์ – ซีนีชา มิไฮโลวิช นักฟุตบอลชาวเซอร์เบีย
26 กุมภาพันธ์ –
* สตีฟ เอจี นักแสดงตลก, นักแสดง, นักเขียน, ผู้กำกับ และนักดนตรีชาวอเมริกัน
* ฮิโตะชิ ซะกิโมะโตะ นักแต่งเพลงชาวญี่ปุ่น
28 กุมภาพันธ์ – โรเบิร์ต ฌอน ลีโอนาร์ด นักแสดงชาวอเมริกัน
=== มีนาคม ===
1 มีนาคม – คาเบียร์ บาร์เดน นักแสดงชายชาวสเปน
6 มีนาคม – จินตหรา พูนลาภ นักร้องลูกทุ่งหมอลำชาวไทย
9 มีนาคม – แซมมี่ สจ๊วต แชมป์นักมวยสากลชาวไลบีเรีย
10 มีนาคม –
* ชเว อิน-แอ นักจักรยานชาวเกาหลีเหนือ
11 มีนาคม – เทร์เรนซ์ ฮาวเวิร์ด นักแสดง, แร็ปเปอร์, นักร้อง, นักแต่งเพลง และผู้ผลิตแผ่นเสียงชาวอเมริกัน
14 มีนาคม – แมนนี่ เมลชอร์ แชมป์โลกนักมวยสากลชาวฟิลิปปินส์
15 มีนาคม – คิม เรเวอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน
16 มีนาคม – อเล็กซานเดอร์ แม็กควีน แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553)
18 มีนาคม – เอริก ดับเบิลยู. ไวส์สไตน์ นักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน
19 มีนาคม – ถัน เหย้าเหวิน นักแสดงและนักร้องชาวฮ่องกง
27 มีนาคม - มารายห์ แครี่ นักร้องชาวอเมริกัน
28 มีนาคม – เบร็ต แรตเนอร์ ผู้สร้างภาพยนตร์และผู้กำกับมิวสิกวิดีโอชาวอเมริกัน
30 มีนาคม – เอลิซาเบธ แฟร์แนร์
31 มีนาคม - สิทธิพร สุนทรพจน์ นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
=== เมษายน ===
3 เมษายน -
* เจ้าหญิงคลอทิลด์ เจ้าหญิงแห่งเวนิซ
* เบน เมนเดลโซห์น นักแสดงชาวออสเตรเลีย
* แลนซ์ สตอร์ม นักมวยปล้ำอาชีพชาวแคนาดา
6 เมษายน - พอล รัด นักแสดงและนักเขียนชายชาวอเมริกัน
8 เมษายน -
* อัลเบอร์โต จีมิเนซ แชมป์โลกนักมวยสากลชาวเม็กซิโก
11 เมษายน -
* โกลดัสต์ นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน
* อูริอ็อล ฌุงเกรัส นักการเมืองและนักประวัติศาสตร์แคว้นกาตาลุญญา
13 เมษายน - โช อินจู แชมป์โลกนักมวยสากลชาวเกาหลีใต้
22 เมษายน - เคียวโกะ อิโนอูเอะ นักมวยปล้ำอาชีพหญิงชาวญี่ปุ่น
25 เมษายน - เรเน่ เซลเวเกอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน
27 เมษายน - ชิเงะรุ อะโอะยะมะ นักวอลเลย์บอลชาวญี่ปุ่น
=== พฤษภาคม ===
1 พฤษภาคม - เวส แอนเดอร์สัน ผู้กำกับภาพยนตร์/นักเขียนบทชาวอเมริกัน
8 พฤษภาคม - เมาโร แบร์รูโต ฝึกสอนวอลเลย์บอลชายทีมชาติอิตาลี
10 พฤษภาคม -
* เดนนิส เบิร์กแคมป์ นักฟุตบอลชาวฮอลแลนด์
11 พฤษภาคม - กาโต้ ชูวัฒนะ แชมป์นักมวยสากลชาวญี่ปุ่น
13 พฤษภาคม - บักเก็ตเฮด ดนตรี นักแต่เพลงชาวอเมริกัน
14 พฤษภาคม - เคท บลางเชตต์ นักแสดง, ผู้กำกับละครเวทีและโปรดิวเซอร์หญิงชาวออสเตรเลีย
20 พฤษภาคม - โรด ด็อก นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน
25 พฤษภาคม -
* แอนน์ เฮช นักแสดงชาวอเมริกัน
=== มิถุนายน ===
5 มิถุนายน - ไบรอัน แม็กไนต์ นักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์เพลงชาวอเมริกัน
6 มิถุนายน - สมเด็จพระราชินีอินคอซิกาติ ลามัตเซบูลา
7 มิถุนายน - เจ้าชายโจอาคิมแห่งเดนมาร์ก
9 มิถุนายน - ยูอิชิ โฮะโซะโนะ แชมป์นักมวยสากลชาวญี่ปุ่น
11 มิถุนายน - ปีเตอร์ ดิงเคลจ นักแสดงและโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ชาวอเมริกัน
14 มิถุนายน -
* สเตฟฟี กราฟ นักเทนนิสหญิงชาวเยอรมัน
15 มิถุนายน –
* ไอซ์คิวบ์ แรปเปอร์/นักแสดง/นักเขียนบท/ผู้กำกับมิวสิกวิดีโอชาวอเมริกัน
* โอลิเวอร์ คาห์น นักฟุตบอลชาวเยอรมัน
16 มิถุนายน -
* ซีโบเนโล อึมโงเมตูลู
20 มิถุนายน - เปาลู เบ็งตู นักฟุตบอลอาชีพชาวโปรตุเกส
28 มิถุนายน - อาเยเลต ซูเรอร์ นักแสดงหญิงชาวอิสราเอล
=== กรกฎาคม ===
1 กรกฎาคม – ลี เคอ (นักแข่งเรือ) นักแข่งเรือจากประเทศจีน
5 กรกฎาคม – ไมเคิล โอนีลล์ (นักฟุตบอล) อดีตนักฟุตบอลชาวไอร์แลนด์เหนือ
6 กรกฎาคม – เซราฟิม โทโดรอฟ นักมวยสากลสมัครเล่นชาวบัลแกเรีย
7 กรกฎาคม – โรบิน เวเกิร์ต นักแสดงโทรทัศน์และภาพยนตร์ชาวอเมริกัน
8 กรกฎาคม – ยะสึฮิโระ สึกิฮะระ นักดนตรี/นักแสดงชาวญี่ปุ่น
19 กรกฎาคม – แกเบรียล ศิลปินหญิงชาวอังกฤษ
20 กรกฎาคม – จอช ฮอลโลเวย์ นักแสดงชาวอเมริกัน
22 กรกฎาคม – ไอ โคโมริ อดีตนักแสดงเอวีชาวญี่ปุ่น
24 กรกฎาคม – เจนนิเฟอร์ โลเปซ นักร้องและนักแสดงชาวเปอร์โตริโก-อเมริกัน
27 กรกฎาคม – พอล เลอแวสก์ (ทริปเปิล เอช) นักมวยปล้ำและนักแสดงชาวอเมริกัน
28 กรกฎาคม –
* ดานา ไวต์ นักธุรกิจชาวอเมริกัน
* ไมค์ เบอร์นาโด นักมวยไทย/นักมวยสากลชาวแอฟริกาใต้
31 กรกฎาคม – อันโตนีโอ กอนเต นักฟุตบอลชาวอิตาลี
=== สิงหาคม ===
4 สิงหาคม - แม็กซ์ กาวาเลรา นักร้อง มือกีตาร์และนักแต่งเพลงชาวบราซิล
7 สิงหาคม -
* พอล แลมเบิร์ต นักฟุตบอลชาวสกอตแลนด์
* เลดีนิโคลัส วินด์เซอร์
11 สิงหาคม - ซาโตชิ อิดะ แชมป์โลกมวยสากลชาวญี่ปุ่น
13 สิงหาคม - เจ้าหญิงราห์มา บินต์ ฮัสซัน
14 สิงหาคม - เคอิทาโร โฮชิโน นักมวยสากลชาวญี่ปุ่น
18 สิงหาคม –
* เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน นักแสดงชาวอเมริกัน
* คริสเตียน สเลเตอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน
* ทิโมธี สไนเดอร์ นักประวัติศาสตร์/นักเขียนชาวอเมริกัน
19 สิงหาคม - แมตทิว เพอร์รี นักแสดงชาวอเมริกัน
28 สิงหาคม -
* เจสัน พรีสต์ลีย์ นักแสดงชาวแคนาดา
* แจ็ก แบล็ก นักแสดง นักร้องชาวอเมริกัน
29 สิงหาคม - โจ สเวล นักสนุกเกอร์อาชีพชาวไอร์แลนด์เหนือ
30 สิงหาคม -
* โบซีดาร์ บันโดวิช นักฟุตบอลชาวมอนเตเนโกร
=== กันยายน ===
4 กันยายน – รามอน เดกเกอร์ นักมวยไทยชาวดัตช์ (ถึงแก่กรรม 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556)
5 กันยายน – ลีอูนาร์ดู อารอโฮ ผู้จัดการทีมฟุตบอลและนักฟุตบอลชาวบราซิล
6 กันยายน – โนริโอะ โอมูระ นักฟุตบอลและผู้จัดการทีมชาวญี่ปุ่น
8 กันยายน – แกรี สปีด นักฟุตบอลและผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวเวลส์ (ถึงแก่กรรม 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554)
9 กันยายน – ลี หงฉวน นักแข่งเรือจากประเทศจีน
14 กันยายน – บง จุน-โฮ ผู้กำกับภาพยนตร์และนักเขียนบทชาวเกาหลีใต้
16 กันยายน – จัสติน ฟรีชแมน ศิลปินชาวอังกฤษ
17 กันยายน –
* เคน โดเฮอร์ตี นักสนุกเกอร์อาชีพชาวไอร์แลนด์
20 กันยายน – คุโด เมะกุมิ นักมวยปล้ำหญิงชาวญี่ปุ่น
22 กันยายน –
* แมตต์ ชาร์ป นักดนตรี นักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์ ชาวอเมริกัน
25 กันยายน – แคทารีน ซีตา-โจนส์ นักแสดงหญิงชาวเวลส์
=== ตุลาคม ===
1 ตุลาคม –
* เจ้าชายนิโกเลาส์แห่งกรีซและเดนมาร์ก
3 ตุลาคม –
* เกว็น สเตฟานี นักร้อง นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน
* เทะสึยะ (นักดนตรี) นักดนตรีชาวญี่ปุ่น
* ยุริโกะ อิชิดะ นักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่น
6 ตุลาคม –
* ทาคาโอะ อิเคดะ นักมวยสากลชาวญี่ปุ่น
* สมเด็จพระราชาธิบดีมูฮัมมัดที่ 5 แห่งกลันตัน
7 ตุลาคม –
* เฉิน มู่เซิ่ง ผู้กำกับภาพยนตร์, ผู้ผลิต และนักเขียนบทชาวฮ่องกง
8 ตุลาคม – เจเรมี เดวีส์ นักแสดงชาวเวลส์-อเมริกัน
9 ตุลาคม – ไซมอน แฟร์เวเธอร์ นักยิงธนูชาวออสเตรเลีย
11 ตุลาคม – เจ้าชายคอนสตันตินแห่งเนเธอร์แลนด์
12 ตุลาคม – เมธี ชาติมนตรี ตำรวจชาวไทย
17 ตุลาคม –
* วูด แฮร์ริส นักแสดงชาวอเมริกัน
18 ตุลาคม – ยะซุฮะระ เรโกะ นักร้อง นักแสดง และนักพากย์ชาวญี่ปุ่น
21 ตุลาคม –
* เจ้าชายซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งบาห์เรน
* นิค เซียนทอย แชมป์โลกนักมวยสากลชาวฟิลิปปินส์
22 ตุลาคม – สไปก์ จอนซ์ ผู้กำกับชาวอเมริกัน
25 ตุลาคม –
* โอเลก ซาเลนโก นักฟุตบอลชาวรัสเซีย
27 ตุลาคม – เจ้าหญิงอานิตาแห่งออเรนจ์-นัสเซา ฟัน โฟลเลินโฮเฟิน
29 ตุลาคม – โจมาร์ ดามอสมอค แชมป์นักมวยสากลชาวฟิลิปปินส์
31 ตุลาคม – เดวิด โคเบิร์น (นักแสดง) นักแสดง, นักพากย์เสียง และนักร้องชาวอเมริกัน
=== พฤศจิกายน ===
3 พฤศจิกายน – รอเบิร์ต ไมลส์ ดีเจและโปรดิวเซอร์ชาวสวิส-อิตาลี
4 พฤศจิกายน –
* ฌอน โคมส์ แร็ปเปอร์/ผู้กำกับมิวสิกวิดีโอชาวอเมริกัน
* แมตทิว แมกคอนาเฮย์ นักแสดงชาวอเมริกัน
8 พฤศจิกายน –
* ธงชัย ใจดี นักกอล์ฟชาวไทย
10 พฤศจิกายน – เย็นส์ เลมัน นักฟุตบอลชาวเยอรมัน
13 พฤศจิกายน – เจอราร์ด บัตเลอร์ นักแสดงชายชาวสก็อต
14 พฤศจิกายน – บุตช์ วอล์กเกอร์ ศิลปิน นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์เพลงชาวอเมริกัน
15 พฤศจิกายน –
* ลาเลอ คาร์ซี นักแสดงและนางแบบชาวเยอรมัน
17 พฤศจิกายน – เรียวตะโร โอกิอะยุ นักพากย์ชายชาวญี่ปุ่น
28 พฤศจิกายน - ยู จุน-ซัง นักแสดงและนักร้องชาวเกาหลีใต้
29 พฤศจิกายน –
* ปีแยร์ ฟัน โฮยโดงก์ นักฟุตบอลชาวดัตช์
* ลูโบเมียร์ ริสตอฟสกี ผู้จัดการทีมและนักฟุตบอลชาวเซอร์เบีย
30 พฤศจิกายน –
* แอนดี้ ทานาบาส แชมป์นักมวยสากลชาวฟิลิปปินส์
* เอมี่ ไรอัน นักแสดงชาวอเมริกัน
=== ธันวาคม ===
1 ธันวาคม –
* ชอย ชุลซู แชมป์นักมวยสากลชาวเกาหลีเหนือ
* ชาร์กีเยย์ รูมัส นักการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์ชาวเบลารุส
4 ธันวาคม –
* เจย์-ซี แร็ปเปอร์/โปรดิวเซอร์เพลงชาวอเมริกัน
* ช็องตาล บียา
* ดานิ นูเนซ แชมป์นักมวยสากลชาวโดมินิกัน (ถึงแก่กรรม 18 มกราคม พ.ศ. 2547)
8 ธันวาคม – โฮเซ หลุยส์ บัวโน แชมป์โลกนักมวยสากลชาวเม็กซิโก
11 ธันวาคม – วิศวนาถัน อานันท์ นักหมากรุกสากล/นักเขียนชาวอินเดีย
20 ธันวาคม – อับดีลาคิม อะเดมิ นักการเมืองประเทศมาซิโดเนีย
21 ธันวาคม – ฌูว์ลี แดลปี นักแสดง ผู้กำกับ นักเขียนบท นักแต่งเพลงและนักร้องชาวฝรั่งเศส-อเมริกัน
25 ธันวาคม –
* เจ้าชายแบร์นาร์ดแห่งออเรนจ์-นัสเซา ฟัน โฟลเลินโฮเฟิน
27 ธันวาคม –
* ไชนา อดีตนักมวยปล้ำอาชีพและนักแสดงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 20 เมษายน พ.ศ. 2559)
* อลัน เมอร์เร แชมป์นักมวยสากลชาวฟิลิปปินส์
28 ธันวาคม – ลีนุส ทอร์วัลด์ส (ลินุกซ์) นักเขียนโปรแกรมชาวฟินแลนด์
29 ธันวาคม – เหลียง เสี่ยวปิง นักแสดงหญิงชาวฮ่องกง-จีน-ไต้หวัน
=== ไม่ทราบวัน ===
เกนโจ กูลาน ศิลปินจัดวาง
เจ้าหญิงเรียม อัล-อาลี
== วันถึงแก่กรรม ==
14 มีนาคม – อิศรา อมันตกุล นักประพันธ์ (เกิด 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2463)
28 มีนาคม – ดไวท์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 24 (เกิด 14 ตุลาคม พ.ศ. 2433)
22 มิถุนายน – จูดี การ์แลนด์ นักร้อง/นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน (เกิด 10 มิถุนายน พ.ศ. 2465)
2 กันยายน – โฮจิมินห์ ประธานาธิบดีเวียดนามเหนือ (เกิด 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2433)
== บันเทิงคดีที่อ้างอิงถึงปีนี้ ==
ภาพยนตร์อเมริกันเรื่อง เดอะ บีกินนิง (เปิดตำนานสิงหาสับ)
== ปีนี้ในบันเทิงคดี ==
25 พฤษภาคม - วันเกิด อายูคาว่า มาโดกะ ตัวละครจากเรื่องถนนสายนี้ เปรี้ยว
15 พฤศจิกายน - วันเกิด คาสึงะ เคียวสุเกะ ตัวละครจากเรื่องถนนสายนี้ เปรี้ยว
== รางวัล ==
=== รางวัลโนเบล ===
สาขาเคมี – Derek Harold Richard Barton, Odd Hassel
สาขาวรรณกรรม – ซามูเอล บาร์คเลย์ เบคเกต
สาขาสันติภาพ – องค์การแรงงานระหว่างประเทศ
สาขาฟิสิกส์ – Murray Gell-Mann
สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ – มักซ์ เดลบรึค, อัลเฟรด เฮอร์ชีย์, ซัลวาดอร์ เอ. ลูเรีย
สาขาเศรษฐศาสตร์ – Ragnar Anton Kittil Frisch, Jan Tinbergen
|
thaiwikipedia
| 1,807 |
พ.ศ. 2471
|
พุทธศักราช 2471 (นับแบบใหม่) ตรงกับปีคริสต์ศักราช 1928 เป็นปีอธิกสุรทินที่วันแรกเป็นวันอาทิตย์ ตามปฏิทินเกรกอเรียน
ปีมะโรง สัมฤทธิศก จุลศักราช 1290 (วันที่ 15 เมษายน เป็นวันเถลิงศก)
== ผู้นำ ==
พระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 – 2 มีนาคม พ.ศ. 2478)
* เจ้าประเทศราช:
** เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่: เจ้าแก้วนวรัฐ (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 - 3 มิถุนายน พ.ศ. 2482)
** เจ้าผู้ครองนครลำพูน: เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2454 - 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486)
** เจ้าผู้ครองนครน่าน: เจ้ามหาพรหมสุรธาดา (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2462 - 17 สิงหาคม พ.ศ. 2474)
== เหตุการณ์ ==
15 พฤษภาคม – มิกกี้ เมาส์ และ มินนี่ เมาส์ ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Plane Crazy
17 พฤษภาคม – พิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ณ กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ (พิธีปิดวันที่ 12 สิงหาคม)
10 พฤศจิกายน – จักรพรรดิโชวะ เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิญี่ปุ่น พระองค์ที่ 124
26 มกราคม - คองเกรสแห่งชาติอินเดียจัดประชุมที่เมืองลาฮอร์ ยืนยันเจตนาที่จะต่อสู้จนกว่าจะได้เอกราชอย่างสมบูรณ์
11 กุมภาพันธ์ –
* พิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
* มีการลงนามในสนธิสัญญาลาเตรันระหว่างอิตาลีและวาติกันในวันนี้
12 มีนาคม – เขื่อนเซนต์ฟรานซิสในรัฐแคลิฟอร์เนียแตก ทำให้เกิดน้ำท่วม คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 400 คน
== วันเกิด ==
20 มกราคม - อมร นนทสุต อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข (เสียชีวิต 2 มิถุนายน พ.ศ. 2563)
27 กุมภาพันธ์ - เอเรียล ชารอน นายกรัฐมนตรีอิสราเอล (เสียชีวิต 11 มกราคม พ.ศ. 2557)
28 กุมภาพันธ์ - วอลเตอร์ เทวิส นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน
25 มีนาคม - จิม โลเวลล์ นักบินอวกาศชาวอเมริกัน
6 เมษายน - เจมส์ ดี. วัตสัน นักพันธุศาสตร์ชาวอเมริกัน ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาแพทยศาสตร์และสรีรวิทยา
16 พฤษภาคม - บิลลี่ มาร์ติน นักเบสบอลชาวอเมริกัน (เสียชีวิต พ.ศ. 2532)
11 มิถุนายน - สมเด็จพระราชินีฟาบิโอลาแห่งเบลเยียม (สวรรคต 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557)
13 มิถุนายน - จอห์น แนช นักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558)
14 มิถุนายน - เช เกบารา นักปฏิวัติและผู้นำการเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวอาร์เจนตินา (เสียชีวิต พ.ศ. 2510 (ถูกประหารชีวิต))
26 กรกฎาคม - สแตนลีย์ คูบริก ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกัน (เสียชีวิต พ.ศ. 2542)
7 สิงหาคม - เชาวน์ ณศีลวันต์ องคมนตรีไทย
19 สิงหาคม -
*สมเด็จพระราชินีรัตนาแห่งเนปาล
*เจ้าหญิงมารี-ฟรังซัวแห่งบูร์บง-ปาร์มา
25 สิงหาคม - แมนรัตน์ ศรีกรานนท์ นักดนตรีชาวไทย (เสียชีวิต 5 กันยายน พ.ศ. 2561)
31 สิงหาคม - เจมส์ โคเบิร์น นักแสดงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545)
3 กันยายน - แก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง (ถึงแก่อสัญกรรม 15 กันยายน พ.ศ. 2559)
6 ตุลาคม - กิตติ ทองลงยา นักสัตววิทยาชาวไทย (ถึงแก่กรรม 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2517)
23 พฤศจิกายน – วรนุช อารีย์ นักร้องชาวไทย (ถึงแก่กรรม 20 ธันวาคม พ.ศ. 2560)
16 ธันวาคม - ฟิลิป เค. ดิก นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 2 มีนาคม พ.ศ. 2525)
? - เจ้าเดชา ณ ลำปาง (ถึงแก่กรรม 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558)
== วันถึงแก่กรรม ==
2 เมษายน – ธีโอดอร์ วิลเลียม ริชาร์ดส์ ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมี (เกิด พ.ศ. 2411)
18 มิถุนายน – โรอัลด์ อะมุนด์เซน นักสำรวจชาวนอร์เวย์ (เกิด พ.ศ. 2415)
22 ตุลาคม – แอนดรูว์ ฟิชเชอร์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ของออสเตรเลีย (เกิด พ.ศ. 2405)
13 มิถุนายน – สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช (ประสูติ 11 มกราคม พ.ศ. 2403)
== รางวัล ==
=== รางวัลโนเบล ===
สาขาเคมี – Adolf Otto Reinhold Windaus
สาขาวรรณกรรม – ซีกริด อุนด์เซท
สาขาสันติภาพ – ไม่มีการมอบรางวัล
สาขาฟิสิกส์ – โอเวน วิลลานส์ ริชาร์ดสัน
สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ – ชาร์ลส์ ฌูลส์ อองรี นีกอลล์
|
thaiwikipedia
| 1,808 |
พ.ศ. 2394
|
พุทธศักราช 2394 (นับแบบใหม่) ตรงกับปีคริสต์ศักราช 1851 เป็นปีปกติสุรทินที่วันแรกเป็นวันพุธ ตามปฏิทินเกรกอเรียน และเป็น
ปีกุน ตรีศก จุลศักราช 1213 (วันที่ 14 เมษายน เป็นวันเถลิงศก)
== ผู้นำ ==
พระมหากษัตริย์:
* พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 - 2 เมษายน พ.ศ. 2394)
* พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (2 เมษายน พ.ศ. 2394 - 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411)
** กรมพระราชวังบวรสถานมงคล: พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
*** เจ้าประเทศราช:
**** เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่: พระเจ้ามโหตรประเทศ
**** เจ้าผู้ครองนครลำพูน: เจ้าไชยลังกาพิศาลโสภาคย์คุณ
**** เจ้าผู้ครองนครแพร่: พระยาพิมพิสารราชา
== เหตุการณ์ ==
=== มกราคม - มีนาคม ===
11 มกราคม - Hong Xiuquan เริ่มต้นกบฏไท่ผิงอย่างเป็นทางการ
=== เมษายน - มิถุนายน ===
2 เมษายน - พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต พระบรมวงศานุวงศ์ เสนาบดี และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ กราบบังคมทูลอัญเชิญพระภิกษุเจ้าฟ้ามงกุฎ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร ให้ลาสิกขาบทเพื่อขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ
6 เมษายน - รัชกาลที่ 4 ทรงลาผนวชเพื่อขึ้นครองราชสมบัติ
15 พฤษภาคม - พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันนี้เป็นวันวิสาขบูชาด้วย
25 พฤษภาคม - พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งพระราชพิธีบวรราชาภิเษกแก่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
=== กรกฎาคม - กันยายน ===
12 สิงหาคม - ไอแซก ซิงเกอร์ ได้รับการรับรองสิทธิบัตรจักรเย็บผ้า
22 กันยายน - รัชกาลที่ 4 ทรงออกประกาศห้ามไม่ให้ผู้ชายบวชเณรหรือเถรระหว่างอายุ 24 – 70 ปี ให้บวชเป็นพระภิกษุเท่านั้น
=== ตุลาคม - ธันวาคม ===
11 ตุลาคม - ร้อยเอกอิมเปย์ นายทหารนอกราชการของกองทัพบกอังกฤษจากอินเดียเข้ารับราชการเป็นครูฝึกทหารวังหลวง
25 ตุลาคม - เริ่มขุดคลองผดุงกรุงเกษม
10 ธันวาคม - จัดทัพไปรบเชียงตุง มีกรมวงษาธิราชสนิทเป็นแม่ทัพ เพื่อไปช่วยเมืองเชียงรุ่ง
24 ธันวาคม - เกิดเพลิงไหม้ในห้องสมุดรัฐสภาของสหรัฐอเมริกา
=== ไม่ทราบวัน ===
ก่อตั้งสำนักข่าวรอยเตอร์
ก่อตั้งหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส
วิลเลียม ลาสเซลล์ ค้นพบแอเรียล และ อัมเบรียล ดาวบริวารของดาวยูเรนัส
== วันเกิด ==
10 ธันวาคม - เมลวิล ดิวอี บรรณารักษ์ ผู้คิดค้นระบบจัดจำแนกหนังสือแบบทศนิยมดิวอี (เสียชีวิต พ.ศ. 2474)
19 ตุลาคม - สมเด็จพระจักรพรรดินีเมียงซองแห่งจักรวรรดิเกาหลี ประสูติที่เมืองคย็องกี อาณาจักรโชซ็อน มีพระนามแรกประสูติว่า มินจาย็อง
== วันถึงแก่กรรม วันสวรรคต==
9 มีนาคม - ฮานส์ คริสเตียน เออร์สเตด นักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์ (เกิด พ.ศ. 2320)
2 เมษายน - พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระราชสมภพ 31 มีนาคม พ.ศ. 2330)
พ.ศ. 2394
|
thaiwikipedia
| 1,809 |
ยูนิกซ์
|
ยูนิกซ์ (Unix แต่ชื่อตามเครื่องหมายการค้าคือ UNIX) เป็นระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์แบบหลายงาน หลายผู้ใช้ ที่เริ่มพัฒนาโดยกลุ่มพนักงานของห้องปฏิบัติการ AT&T Bell Labs โดยกลุ่มนักพัฒนาที่เป็นที่รู้จัก คือ Ken Thompson, Dennis Ritchie และ Douglas McIlroy
== ประวัติ ==
ในทศวรรษที่ 60 สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) , AT&T Bell Labs และบริษัท General Electric ได้ร่วมมือกันวิจัยระบบปฏิบัติการที่ชื่อว่า Multics (ย่อมาจาก Multiplexed Information and Computing Service) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำงานบนเครื่องเมนเฟรมรุ่น GE-645 แต่ภายหลัง AT&T ได้ถอนตัวออกจากโครงการนี้
Ken Thompson ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมพัฒนาในขณะนั้น ได้เขียนเกมบนเครื่อง GE-645 ชื่อว่าเกม Space Travel และพบปัญหาว่าเกมทำงานได้ช้ากว่าที่ควร เขาจึงย้ายมาเขียนเกมใหม่บนเครื่อง PDP-7 ของบริษัท DEC แทนด้วยภาษาแอสเซมบลี โดยความช่วยเหลือของ Dennis Ritchie ประสบการณ์เหล่านี้ทำให้ Thompson หันมาพัฒนาระบบปฏิบัติการบนเครื่อง PDP-7
ระบบปฏิบัติการนี้มีชื่อว่า UNICS ย่อมาจาก Uniplexed Information and Computing System เนื่องจากว่าการออกเสียงสามารถสะกดได้หลายแบบ และพบปัญหาชื่อใกล้เคียงกับ Multics ภายหลังจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Unix
การพัฒนายูนิกซ์ในช่วงนี้ยังไม่ได้รับความสนับสนุนด้านการเงินจาก Bell Labs เมื่อระบบพัฒนามากขึ้น Thompson และ Ritchie จึงสัญญาว่าจะเพิ่มความสามารถในการประมวลผลคำ (Word Processing) บนเครื่อง PDP-11/20 และเริ่มได้รับการตอบรับจาก Bell Labs ในปีค.ศ. 1970 ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์จึงได้รับการเรียกชื่ออย่างเป็นทางการ โปรแกรมประมวลผลคำมีชื่อว่า roff และหนังสือ UNIX Programmer's Manual ตีพิมพ์ครั้งแรกวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ. 1987
ค.ศ. 1973 ได้เขียนยูนิกซ์ขึ้นมาใหม่ด้วยภาษาซีใช้ได้ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มินิคอมพิวเตอร์และเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ สามารถทำงานได้หลายงานพร้อมกัน ดังนั้น ยูนิกส์จึงใช้ได้กับเครื่องที่เชื่อมโยงและต่อกับปลายทางได้หลายเครื่องพร้อมกัน ลักษณะการติดต่อกับผู้ใช้เป็นทั้งแบบ Command-line และ GUI ทำให้สะดวกต่อการนำยูนิกซ์ไปทำงานบนเครื่องชนิดอื่นมากขึ้น ทาง AT&T ได้เผยแพร่ยูนิกซ์ไปยังมหาวิทยาลัย และหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล โดยสัญญาการใช้งานเปิดเผยซอร์สโค้ด ยกเว้นเคอร์เนลส่วนที่เขียนด้วยภาษาแอสเซมบลี
ยูนิกซ์เวอร์ชัน 4,5 และ 6 ออกในค.ศ. 1975 ได้เพิ่มคุณสมบัติ pipe เข้ามา ยูนิกซ์เวอร์ชัน 7 ซึ่งเป็นเวอร์ชันสุดท้ายที่พัฒนาแบบการวิจัย ออกในค.ศ. 1979 ยูนิกซ์เวอร์ชัน 8,9 และ 10 ออกมาในภายหลังในทศวรรษที่ 80 ในวงจำกัดเฉพาะมหาวิทยาลัยบางแห่งเท่านั้น และเป็นต้นกำเนิดของระบบปฏิบัติการ Plan 9
ค.ศ. 1982 AT&T นำยูนิกซ์ 7 มาพัฒนาและออกขายในชื่อ Unix System III แต่บริษัทลูกของ AT&T ชื่อว่า Western Electric ยังคงนำยูนิกซ์รุ่นเก่ามาขายอยู่เช่นกัน เพื่อยุติความสับสนทางด้านชื่อ AT&T จึงรวมการพัฒนาทั้งหมดจากบริษัทและมหาวิทยาลัยต่างๆใน Unix System V ซึ่งมีโปรแกรมอย่าง vi ที่พัฒนาโดย Berkeley Software Distribution (BSD) จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ รวมอยู่ด้วย ยูนิกซ์รุ่นนี้สามารถทำงานได้บนเครื่อง VAX ของบริษัท DEC
ยูนิกซ์รุ่นที่เป็นการค้าไม่เปิดเผยซอร์สโค้ดอีกต่อไป ทางมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ จึงพัฒนายูนิกซ์ของตัวเองต่อเพื่อเป็นทางเลือกกับ System V การพัฒนาที่สำคัญที่สุดคือเพิ่มการสนับสนุนโพรโทคอลสำหรับเครือข่าย TCP/IP เข้ามา
บริษัทอื่นๆ เริ่มพัฒนายูนิกซ์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบของตนเอง โดยส่วนมากใช้ยูนิกซ์ที่ซื้อสัญญามาจาก System V แต่บางบริษัทเลือกพัฒนาจาก BSD แทน หนึ่งในทีมพัฒนาของ BSD คือ Bill Joy มีส่วนในการสร้าง SunOS (ปัจจุบันคือ โซลาริส) ของบริษัทซัน ไมโครซิสเต็มส์
ค.ศ. 1981 ทีมพัฒนา BSD ได้ออกจากมหาวิทยาลัยและก่อตั้งบริษัท Berkeley Software Design, Inc (BSDI) เป็นบริษัทแรกที่นำ BSD มาขายในเชิงการค้า ในภายหลังเป็นต้นกำเนิดของระบบปฏิบัติการ FreeBSD, OpenBSD และ NetBSD
AT&T ยังคงพัฒนาความสามารถต่างๆ เข้าสู่ยูนิกซ์ System V และรวมเอา Xenix (ยูนิกซ์ของบริษัทไมโครซอฟท์) , BSD และ SunOS เข้ามารวมใน System V Release 4 (SVR4) เพื่อเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งเดียวสำหรับลูกค้า ซึ่งเพิ่มราคาขึ้นอีกมาก
หลังจากนั้นไม่นาน AT&T ขายสิทธิ์ในการถือครองยูนิกซ์ให้กับบริษัทโนเวลล์ และโนเวลเองได้สร้างยูนิกซ์ของตัวเองที่ชื่อ UnixWare ซึ่งพัฒนามาจากระบบปฏิบัติการ NetWare เพื่อแข่งกับระบบปฏิบัติการวินโดวส์เอ็นทีของไมโครซอฟท์
ค.ศ. 1995 โนเวลขายส่วนต่างๆ ของยูนิกซ์ให้กับบริษัท Santa Cruz Operation (SCO) โดยโนเวลยังถือลิขสิทธิ์ของยูนิกซ์ไว้ ค.ศ. 2000 SCO ขายสิทธิ์ส่วนของตนเองให้กับบริษัท Caldera ซึ่งเปลี่ยนชื่อภายหลังเป็น SCO Group ซึ่งเป็นสาเหตุในการดำเนินคดีละเมิดลิขสิทธิ์กับลินุกซ์
== เส้นทางสายยูนิกซ์ ==
1000px
== มาตรฐาน ==
มาตรฐาน POSIX กำหนดคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของยูนิกซ์
== อ้างอิง ==
Salus, Peter H.: A Quarter Century of UNIX, Addison Wesley, June 1, 1994; ISBN 0-201-54777-5
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ประวัติศาสตร์ยูนิกซ์ชนิดต่าง ๆ
Unix and Linux Forums
Unix คืออะไร ?
ระบบปฏิบัติการ
|
thaiwikipedia
| 1,810 |
พ.ศ. 2472
|
พุทธศักราช 2472 (นับแบบใหม่) ตรงกับปีคริสต์ศักราช 1929 เป็นปีปกติสุรทินที่วันแรกเป็นวันอังคาร ตามปฏิทินเกรกอเรียน
ปีมะเส็ง เอกศก จุลศักราช 1291 (วันที่ 15 เมษายน เป็นวันเถลิงศก)
== ผู้นำ ==
พระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 – 2 มีนาคม พ.ศ. 2478)
* เจ้านครประเทศราช (นครเชียงใหม่) : เจ้าแก้วนวรัฐ (พ.ศ. 2452-2482)
* เจ้านครประเทศราช (นครลำพูน) : เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ (พ.ศ. 2454-2486)
== เหตุการณ์ ==
2 มกราคม - แคนาดาและสหรัฐอเมริกา เห็นชอบร่วมกันที่จะพิทักษ์น้ำตกไนแอกะรา
11 กุมภาพันธ์ - สนธิสัญญาลาเตรัน ฉบับแรก กำหนดให้นครรัฐวาติกัน เป็นรัฐเอกราชของอิตาลี
1 เมษายน - พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2471 มีผลบังคับใช้
9 พฤษภาคม - เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงผ่านมหาสมุทรอินเดีย เกาะสุมาตรา ภาคใต้ของไทย และฟิลิปปินส์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระราชินีนาถ เสด็จทอดพระเนตรที่ตำบลโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี
16 พฤษภาคม - การมอบรางวัลอะแคเดมี จัดขึ้นครั้งแรกที่ฮอลลีวูด
7 มิถุนายน - นครรัฐวาติกันกลายเป็นรัฐเอกราช
24 ตุลาคม - ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกเริ่มขึ้น เมื่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ถูกเทขายจนมีมูลค่าลดต่ำลงมาก
8 พฤศจิกายน - พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 3 รอบ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
17 พฤศจิกายน - ทีมฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ ครั้งที่ 12 ณ สนามกีฬากาโซเมโตร กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
18 พฤศจิกายน - เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.2 ริกเตอร์ ในมหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้สายโทรเลขใต้น้ำเสียหาย และเกิดคลื่นสึนามิถล่มชายฝั่งประเทศแคนาดา
=== ไม่ทราบวัน ===
สงครามกลางเมืองในอัฟกานิสถาน
== วันเกิด ==
=== มกราคม ===
15 มกราคม - มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ ศาสนาจารย์และนักต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองชาวแอฟริกัน-อเมริกัน (เสียชีวิต 4 เมษายน พ.ศ. 2511)
25 มกราคม - เบนนี กอลสัน นักแซกโซโฟนแจ๊ส นักแต่งเพลง นักเรียบเรียงเสียงประสาน และนักดนตรีชาย ชาวอเมริกัน
=== กุมภาพันธ์ ===
10 กุมภาพันธ์ - เจอร์รี โกลด์สมิธ นักแต่งดนตรีประกอบภาพยนตร์ชาวอเมริกัน (เสียชีวิต 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2547)
21 กุมภาพันธ์ - กฤช สังขทรัพย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเลย (เสียชีวิต 5 กันยายน พ.ศ. 2524)
26 กุมภาพันธ์ - กลอเรีย ดอว์น (นักแสดง) นักแสดงและนักร้องหญิงชาวออสเตรเลีย (เสียชีวิต 2 เมษายน พ.ศ. 2521)
=== มีนาคม ===
1 มีนาคม - ทูล ทองใจ นักร้องเพลงไทยสากลชาวไทย (เสียชีวิต 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2538)
16 มีนาคม - สินีนาฏ โพธิเวส นักแสดงและนักพากย์หญิงชาวไทย (เสียชีวิต 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560)
=== เมษายน ===
29 เมษายน - หม่อมเจ้าไกรสิงห์ วุฒิชัย (สิ้นชีพิตักษัย 3 มีนาคม พ.ศ. 2519)
=== พฤษภาคม ===
2 พฤษภาคม - ชลูด นิ่มเสมอ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2541 (เสียชีวิต 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558)
4 พฤษภาคม - ออดรีย์ เฮปเบิร์น นักแสดงหญิงชาวอังกฤษเชื้อสายดัตช์ (เสียชีวิต 20 มกราคม พ.ศ. 2536)
22 พฤษภาคม - เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ เจ้านายฝ่ายเหนือและนักสังคมสงเคราะห์หญิงชาวไทย (เสียชีวิต 2 มกราคม พ.ศ. 2566)
24 พฤษภาคม - ส.พลายน้อย นักเขียนและศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2553
=== มิถุนายน ===
12 มิถุนายน - อันเนอ ฟรังค์ ชาวเยอรมันเชื้อสายยิว ผู้เขียนบันทึกประจำวันซึ่งต่อมาได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือ (เสียชีวิต เดือนมีนาคม พ.ศ. 2488)
15 มิถุนายน - หม่อมเจ้าสุรฉัตร ฉัตรชัย หม่อมเจ้าชาย พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน (ถึงชีพิตักษัย 27 สิงหาคม พ.ศ. 2536)
17 มิถุนายน - เพ็ญศรี พุ่มชูศรี นักร้องหญิงและศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี พ.ศ. 2534 (เสียชีวิต 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2550)
=== กรกฎาคม ===
5 กรกฎาคม - จิมมี่ คาร์รัทเธอร์ นักมวยสากลชาวออสเตรเลีย และแชมป์โลกคนแรกของออสเตรเลีย (เสียชีวิต 15 สิงหาคม พ.ศ. 2533)
28 กรกฎาคม - แจ็กเกอลีน เคนเนดี โอนาสซิส สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ ภริยาของจอห์น เอฟ. เคนเนดี ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐ (เสียชีวิต 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2537)
=== สิงหาคม ===
11 สิงหาคม - จำรัส เขมะจารุ อดีตองคมนตรีและอดีตประธานศาลฎีกา (อสัญกรรม 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558)
17 สิงหาคม – เจียง เจ๋อหมิน อดีตประธานาธิบดี ประเทศจีน
19 สิงหาคม - พระครูอนุศาสน์กิจจาทร (เขียว กิตฺติคุโณ) พระเกจิอาจารย์ชาวไทย
24 สิงหาคม - ยัสเซอร์ อาราฟัต อดีตประธานาธิบดี รัฐปาเลสไตน์ (อสัญกรรม 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547)
=== กันยายน ===
10 กันยายน - อาร์โนลด์ พาล์มเมอร์ นักกอล์ฟชายชาวอเมริกัน (เสียชีวิต 25 กันยายน พ.ศ. 2559)
20 กันยายน - หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ กิติยากร พระเชษฐาในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (อนิจกรรม 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2530)
=== พฤศจิกายน ===
12 พฤศจิกายน - เกรซ เคลลี นักแสดงภาพยนตร์ชาวอเมริกัน ผู้ได้รับรางวัลออสการ์ พระชายาในเจ้าชายแรนีเยที่ 3 องค์อธิปัตย์แห่งโมนาโก และพระมารดาในเจ้าชายอาลแบร์ที่ 2 องค์อธิปัตย์แห่งโมนาโก (สิ้นพระชนม์ 14 กันยายน พ.ศ. 2525)
14 พฤศจิกายน - พลตำรวจเอก วสิษฐ เดชกุญชร ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2541 (ถึงแก่กรรม 20 มิถุนายน พ.ศ. 2561)
=== ธันวาคม ===
3 ธันวาคม - ประภาพันธุ์ กรโกสียกาจ อดีตหม่อมเจ้าหญิง พระธิดาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นภาณุพงศ์พิริยเดช (ถึงชีพิตักษัย 24 มีนาคม พ.ศ. 2563)
27 ธันวาคม - หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ หม่อมเจ้าชาย พระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระสวัสดิวัดนวิศิษฎ์
== วันถึงแก่กรรม ==
20 มีนาคม - เฟอร์ดินันด์ ฟอช ผู้บัญชาการทหารชาวฝรั่งเศส ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (เกิด พ.ศ. 2394)
9 มิถุนายน - เจ้าจอมมารดาตลับ ในรัชกาลที่ 5 (เกิด พ.ศ. 2395)
24 มิถุนายน - พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นภูมินทรภักดีและเจ้าจอมมารดาจีน (ประสูติ 4 กันยายน พ.ศ. 2406)
24 กันยายน - สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย (พระราชสมภพ 1 มกราคม พ.ศ. 2435)
== รางวัล ==
=== รางวัลโนเบล ===
สาขาเคมี – Arthur Harden, Hans Karl August Simon von Euler-Chelpin
สาขาวรรณกรรม – ทอมัส มาน
สาขาสันติภาพ – แฟรงค์ บี. เคลลอกก์
สาขาฟิสิกส์ – เจ้าชาย ลูอิส-วิคเตอร์ ปิแอรร์ เรย์มอนด์ เดอ บรอยก์
สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ – คริสเตียน ไอค์มาน, เฟรเดอริก กาวแลนด์ ฮอปกินส์
|
thaiwikipedia
| 1,811 |
จังหวัดหนองบัวลำภู
|
หนองบัวลำภู (อักษรไทน้อย: 60px, อักษรธรรมอีสาน: 75px) เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย ตั้งอยู่ในแอ่งสกลนครและอยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เป็นหนึ่งในสามจังหวัดที่ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2536 พร้อมกับจังหวัดอำนาจเจริญและจังหวัดสระแก้ว
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด : ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อุทยานแห่งชาติภูเก้าภูพานคำ แผ่นดินธรรมหลวงปู่ขาว เด่นสกาวถ้ำเอราวัณ นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน
ตราประจำจังหวัด : ภาพพระบรมรูปของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชประทับยืนหน้าศาลของพระองค์ ซึ่งตั้งอยู่หน้าหนองบัวลำภู
ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นพะยูง (Dalbergia cochinchinensis)
ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกบัวหลวง (Nymphaea lotus)
สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลาสร้อยขาวหรือปลาขาวสร้อย (Henicorhynchus siamensis)
== ประวัติศาสตร์ ==
=== สมัยก่อนประวัติศาสตร์ - สมัยทวารวดี - สมัยขอม ===
จังหวัดหนองบัวลำภูเป็นดินแดนที่อยู่อาศัยของมนุษย์ตั้งแต่สมัยก่อนประว้ติศาสตร์ ดังหลักฐานที่ขุดค้นพบ จากแหล่งโบราณคดีกุดกวางสร้อยกุดค้อเมย ขุดพบโครงกระดูกมนุษย์ กำไลสำริด กำไลหิน แม่พิมพ์ทำจากหินทรายสำหรับใช้หล่อหัวขวานสำริด เครื่องมือเหล็ก ลูกปัดแก้ว เป็นต้น อายุประมาณ 2,500 ปี ซึ่งสถานที่ขุดค้นพบอยู่ที่บ้านกุดกวางสร้อยและบ้านกุดค้อเมย อำเภอโนนสัง บริเวณเชิงเขาภูพานด้านทิศตะวันตกและเชิงเขาภูเก้าด้านทิศตะวันออก ซึ่งแหล่งโบราณคดีสองแห่งนี้มีอายุใกล้เคียงกับวัฒนธรรมบ้านเชียง
ประมาณ พ.ศ. 1100 - พ.ศ. 1500 ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูได้ค้นพบวัตถุสมัยทวารวดี เช่น ใบเสมา ที่ภูน้อย วัดพระธาตุเมืองพิณ อำเภอนากลาง และวัดป่าโนนคำวิเวก อำเภอสุวรรรคูหา
ประมาณ พ.ศ. 1500 - พ.ศ. 1700 ในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภูได้รับวัฒนธรรมขอมหรือเขมร พบโบราณสถานหรือโบราณวัตถุที่เป็นศิปละขอมหรือเขมร เช่น ฐานวิหารศิลาแลง ศิลาจารึกวัดพระธาตุเมืองพิณ และอักษรขอมโบราณที่วัดป่าโนนคำวิเวก อำเภอสุวรรณคูหา
=== สมัยสุโขทัย ===
พ.ศ. 1896 - พ.ศ. 1961 ในสมัยสุโขทัย เป็นสมัยอาณาจักรล้านช้างก่อกำเนิดในภาคอีสาน ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระเจ้าฟ้างุ้มและพระเจ้าสามแสน พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้รับอิทธิพลและเป็นเขตอาณาจักรล้านช้าง ครอบคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนจนไปถึงแอ่งโคราช และกระจายชุมชนเข้ามาสู่แอ่งสกลนครจนไปถึงบริเวณพระธาตุพนม เลยลงไปถึงแดนเขมรจนปัจจุบันเรียกว่า อีสานใต้ (จากพงศาวดารล้านช้าง) พื้นที่ในจังหวัดหนองบัวลำภูจึงได้รับอิทธิพลล้านช้างซึ่งแพร่หลายในขณะนั้นในบริเวณแอ่งสกลนคร และรับศาสนาพุทธลัทธิลังกาวงศ์ (นิกายเถรวาท) เป็นศาสนาประจำถิ่นตามผู้ปกครองอาณาจักร
=== สมัยอยุธยา ===
ประมาณ พ.ศ. 2106 พระไชยเชษฐาธิราชกษัตริย์แห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต (กรุงเวียงจันทน์) ได้นำผู้คนอพยพจากหลวงพระบางและเวียงจันทร์มาอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ในปีพ.ศ. 2106 หลังจากที่สร้างเมืองเวียงจันทร์ในปีพ.ศ. 2103 และก็อยู่ในระหว่างการสร้างพระธาตุศรีสองรัก ซึ่งภาคอีสานก็อยู่ในเขตอาณาจักรล้านช้าง ดังหลักฐานที่ปรากฏในหลักศิลาจารึกและได้สร้างพระพุทธรูปประดิษฐานไว้ในวัดถ้ำสวรรณคูหา อำเภอสุวรรณคูหา และนำไพร่พลมาบูรณะสร้างบ้านสร้างสาเมืองนครหนองบัวลุ่มภูขึ้นใหม่อีกครั้งที่ริมหนองบัว (หนองซำซ้าง) ซึ่งเป็นเมืองเก่าสมัยขอมเรืองอำนาจ พระไชยเชษฐาธิราชได้สร้างพระพุทธรูป วิหาร และขุดบ่อน้ำในบริเวณวัดศรีคูณเมือง และยกฐานะเป็นเมือง "เวียงจำปานครกาบแก้วบัวบาน" มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านของเมืองเวียงจันทน์ คนทั่วไปนิยมเรียกว่า "หนองบัวลุ่มภู" ซึ้งปัจจุบันเรียกเพี้ยนมาว่าหนองบัวลำภูถือว่าเป็นเมืองเอกล้านช้างตะวันตกของอาณาจักรล้านช้าง
ปี พ.ศ. 2117 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในระหว่างที่ไทยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 ให้แก่พม่าสมัยพระเจ้าหงสาวดี สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชได้ยกกองทัพช่วยพม่ารบกับกรุงเวียงจันทน์ โดยมีสมเด็จพระนเรศวรตามเสด็จพระราชบิดาช่วยรบ เนื่องจากพระไชยเชษฐาธิราชได้หายสาบสูญไปในระหว่างการรบปราบข่า ที่ลาวใต้ เวียงจันทน์เกิดการแย่งชิงราชสมบัติจึงได้ถือโอกาสเข้าตีกรุงเวียงจันทน์ สมเด็จพระมหาธรรมราชาและสมเด็จพระนเรศวร นำกองทัพเสด็จประทับแรมที่บริเวณหนองบัว เนื่องจากมีทัศนียภาพที่สวยงามและมีแหล่งน้ำเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภคในบริเวณนั้น สมเด็จพระนเรศวรได้ทรงพระประชวรด้วยไข้ทรพิษ พระเจ้าหงสาวดีได้รับข่าวจึงอนุญาตให้สมเด็จพระนเรศวรเดินทางกลับเพื่อรักษาพระองค์
ประมาณปี พ.ศ. 2302 ตรงกับสมัยพระเจ้าเอกทัศน์กษัตริย์องค์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา เจ้าอุปราชนอง(เจ้านอง) ขุนนางล้านช้างเชื้อสายไทพวน อุปราชในพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชที่ 2 หรือพระเจ้าไชยองค์เว้ มีบุตรชาย 2 คน คือ พระวอซึ่งมีบรรดาศักดิ์เป็นพระวรราชภักดีและพระตาซึ่งมีบรรดาศักดิ์เป็นพระวรราชปิตา มีภูมิลำเนาเดิมที่บ้านหินโงม เป็นเสนาบดีของพระเจ้ากรุงเวียงจันทน์มาตั้งแต่สมัยพระเจ้าสิริบุญสารหรือเจ้าองค์บุญ เป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ฝ่ายนอกของกษัตริย์กรุงเวียงจันทน์ ภายหลังมีเรื่องขัดใจกับพระเจ้าศิริบุญสาร พระวอและพระตาได้อพยพไพร่พลข้ามลำน้ำโขงมาตั้งภูมิลำเนา มาบูรณะสร้างบ้านแปลงเมืองที่ "เวียงจำปานครกาบแก้วบัวบาน"ให้เป็นเวียงใหม่เป็นเวียงนครใหญ่ชื่อว่า เวียงใหม่นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบานซึ่งแข็งเมืองไม่ขึ้นกับนครหลวงเวียงจันทน์อีกต่อไป มีกฏบัญญัติบ้านเมือง มีเจ้าผู้ครองเมือง มีดินแดนกำแพงคูเมืองล้อมรอบพร้อมประตูเวียง มีแม่น้ำแม่พระเนียงเป็นสายหลัก มีเมืองขึ้นของตัวเอง ได้แก่เมืองนาด้วง ภูเวียง ผาขาว พรรณา พร้อมผู้คนและช้างเผือกคู่เวียง
=== สมัยธนบุรี ===
ปีจุลศักราช 1140 ปีจอ สัมฤทธิศก ตรงกับปี พ.ศ. 2321 ตรงกับปลายสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระเจ้าศิริบุญสารแห่งเมืองเวียงจันทน์ยกทัพมาตีพระวอและพระตาที่เมือง "นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน" (ชื่อจังหวัดหนองบัวลำภูในสมัยนั้น) ทำการสู้รบกันที่ช่องน้ำจั่น (น้ำตกเฒ่าโต้) บนภูพานคำใช้เวลาอยู่ประมาณ 3 ปี ฝ่ายเวียงจันทน์ขอกำลังจากพม่ามาช่วยรบ จึงสามารถตีเมืองแตกได้ พระตาถูกข้าศึกฆ่าในสนามรบ ส่วนพระวออพยพหนีไปตามลุ่มแม่น้ำชี ลงไปขอพึ่งบารมีพระเจ้าไชยกุมาร ที่นครจำปาศักดิ์ และได้อนุญาตให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลเวียงดอนกอง (หรือเรียกว่าบ้านดู่บ้านแก) หลังจากนั้นพระวอเกิดผิดใจกับพระเจ้าไชยกุมาร จึงได้อพยพผู้คนขึ้นมาตั้งเมืองอยู่ที่ดอนมดแดง (ปัจจุบันคือจังหวัดอุบลราชธานี) แล้วขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระเจ้ากรุงธนบุรี ดังความในพระราชพงศาวดารกรุงธนบรีว่า
"...ในปีจอนั้น ฝ่ายข้างกรุงศรีสัตนาคนหุต พระวอผู้หนึ่งเป็น อุปฮาด มีความพิโรธขัดเคืองมาตั้งอยู่ ณ หนองบัวลำภู ซ่องสุมผู้คนได้มากจึงสร้างขึ้นเป็นเมืองตั้งค่ายเสาไม้แก่นให้ชื่อเมือง จัมปานครแขวงกาบแก้วบัวบาน แล้วแข็งเมืองต่อพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุต พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตแต่งกองทัพให้ยกมาตี พระวอก็ต่อรบตีทัพล้านช้างแตกกลับไป แล้วพระวอแต่งให้ขุนนางนำเครื่องราชบรรณาการขึ้นไปเมืองอังวะขอกองทัพพม่าลงมาตีกรุงศรีสัตนาคนหุต พระเจ้าอังวะให้แมงละแงเป็นแม่ทัพถือพลสี่พันยกลงมาจะตีกรุงศรีสัตนาคนหุต ทัพพม่ามาถึงกลางทางพระเจ้าล้านช้างได้ทราบข่าวศึกจึงแต่งท้าวเพี้ยให้นำเครื่อง บรรณาการไปให้แก่แม่ทัพพม่าขอขึ้นแก่กรุงอังวะ ให้กองทัพยกไปตีพระวอณเมืองหนองบัวลำภูซึ่งเป็นกบฎแก่กรุงศรีสัตนาคนหุต แล้วนำทัพพะม่ามาพักพล ณ เมืองล้านช้าง พระเจ้าล้านช้างแต่งต้อนรับแม่ทัพพม่าแล้วจัดแจงกองทัพเข้าบรรจบทัพพม่า แมงละแงแม่ทัพก็ยกทัพพม่าทัพลาวไปตีเมืองหนองบัวลำภู พระวอ ต่อสู้เหลือกำลังก็ทิ้งเมืองเสียพาครอบครัวอพยพแตกหนีไปตั้งอยู่ตำบลดอนมดแดงเหนือเมืองจัมปาศักดิ์ แล้วแต่งท้าวเพี้ยถือใบบอกแลเครื่องบรรณาการมาถึงพระยานครราชสีมา ขอเป็นเมืองขึ้นข้าขอบขัณฑสีมากรุงเทพมหานครศรีอยุธยา เอาพระเดชานุภาพสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเป็นที่พึ่งพำนักสืบไป พระยานครราชสีมาก็บอกส่งทูตแลศุภอักษร เครื่องบรรณาการลงมายังกรุงธนบุรี สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานสิ่งของตอบแทนไปแก่พระวอ แล้วโปรดให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ณดอนมดแดงนั้น..."
ต่อมาในปี พ.ศ. 2321 พระเจ้าศิริบุญสารได้ยกกองทัพมารุกรานพระวอ และปราบพระวอได้ เมื่อพระเจ้ากรุงธนบรีทราบ โปรดสั่งให้เจ้าพระยาจักรียกกองทัพไปมาช่วยพระวอ แล้วยกกองทัพติดตามเข้าโจมตีเมืองเวียงจันทน์จนได้ชัยชนะ และได้นำพระแก้วมรกตซึ่งพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชนำไปจากเมืองเชียงใหม่กลับมาคืนสู่เมืองไทยดังเดิม พระยาจักรีได้รับบำเหน็จความชอบเป็น "เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก" กรุงเวียงจันทน์ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของไทยในฐานะเมืองประเทศราช และเมือง "นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน" จึงได้ขึ้นกับราชอาณาจักรไทยตั้งแต่บัดนั้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยพระราชพงศาวดารกรุงธนบุรีระบุว่า
"...ฝ่ายพระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตได้ทราบข่าวพระวอยกลงไปตั้งเมืองอยู่ ณ ดอนมดแดง จึงแต่งให้พระยาสุโภเป็นนายทัพยกพลทหารลงมาตีเมืองดอนมดแดง จับตัวพระวอได้ให้ประหารชีวิตเสีย แล้วก็เลิกกองทัพกลับไปเมืองล้านช้าง ฝ่ายท้าวก่ำบุตรพระวอแล้วท้าวเพี้ยทั้งปวงจึงบอกหนังสือมาถึงพระยานครราชสีมาว่ากองทัพเมืองล้านช้างยกมาตีเมืองดอนมดแดงแตกฆ่าพระวอเสีย ข้าพเจ้าทั้งปวงมีกำลังน้อยสู้รบตอบแทนมิได้ จะขอทัพกรุงเทพมหานครยกไปตีเมืองล้านช้างแก้แค้น พระยานครราชสีมาก็บอกลงมายังกรุงธนบุรีกราบบังคมทูลพระกรุณาให้ทราบ สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระพิโรธดำรัสว่า พระวอเป็นข้าขอบขัณฑสีมาเมืองเรา แลพระยาล้านช้างมิได้ยำเกรงทำอำนาจมาตีบ้านเมืองแลฆ่าพระวอเสียฉะนี้ ควรเราจะยกกองทัพไปตีเมืองล้านช้างให้ยับเยินตอบแทนแก้แค้นให้จงได้ ครั้น ณ เดือนอ้ายปีจอ สัมฤทธิศก จงมีพระราชดำรัสให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นแม่ทัพ กับเจ้าพระยาสุรสีห์ แลท้าวพระยามุขมนตรีผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งในกรุงแลหัวเมืองเป็นอันมาก พลทหารสองหมื่นสรรพด้วยช้างม้าเครื่องสรรพาวุธพร้อมเสร็จ ให้ยกกองทัพไปตีกรุงศรีสัตนาคนหุต คือเมืองล้านช้าง..."
=== สมัยรัตนโกสินทร์ ===
ปี พ.ศ. 2369 ในรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ได้ ยกทัพมาบุกยึดเมืองนครราชสีมา ทางกรุงเทพได้ส่งกองทัพมาปราบ ฝ่ายเจ้าอนุวงศ์ได้ถอยร่นไปตั้งรับอยู่ที่เมือง "หนองบัวลุ่มภู" สู้รบกันเป็นสามารถ และติดตามจับเจ้าอนุวงศ์ได้ที่เมืองเวียงจันทน์ แล้วนำตัวไปพิจารณาโทษที่กรุงเทพ ในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านหนองบัวลุ่มภู เป็นเมืองชื่อ เมืองกมุทาสัยบุรีรมย์ หรือเมืองกมุทธาสัย ขึ้นกับเมืองหนองคาย โดยโปรดเกล้าฯ ให้ท้าวจันทกุมาร (ท้าวพิมพา) บุตรราชวงศ์เมืองหนองคาย เป็นเจ้าเมือง รับสัญญาบัตรเป็น พระวิชโยดมกมุทรเขตร ปรากฏตามสำเนาสัญญาบัตร เล่ม 1 การแต่งตั้งขุนนางหัวเมืองในสมัยรัชกาลที่ 5 ตรงกับวันจันทร์ ขั้น 8 ค่ำ เดือน 8 ปีจอ จุลศักราช 1239 ตรงกับพุทธศักราช 2417 ความว่า
"...ให้ท้าวจันทกุมาร บุตรราชวงศ์คนเก่า เปนพระวิชโยดมกมุทเขตร ครองเมืองกมุทาสัยบุรีรมย์ ซึ่งแต่ก่อนเปนบ้านหนองบัวลำภู ขึ้นเมืองหนองคาย ได้บังคับบัญชาท้าวเพี้ยกรมการ ตั้งแต่ ณ วัน ๑ ฯ ๘ ค่ำ ปีจอ ฉศก ศักราช ๑๒๓๖ เป็นวันที่ ๒๐๘๒ ในรัชกาลปัจจุบันนี้..."
ช่วงนี้เมืองกมุทธาสัยได้ขึ้นอยู่กับเมืองหนองคาย โดยมีพระยาปทุมเทวาภิบาล ผู้สำเร็จราชการเมืองหนองคายเป็นผู้ควบคุมบังคับบัญชา ต่อมาเมื่อโปรดเกล้าฯ ให้แต่งข้าหลวงใหญ่ล้วนเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 พระองค์ในปี พ.ศ. 2434 คือ กรมหลวงพิชิตปรีชากร เรียกว่า "ข้าหลวงเมืองลาวกาว" เป็นข้าหลวงประทับ ณ เมืองอุบลราชธานี และในปี พ.ศ. 2436 กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เป็นข้าหลวงใหญ่ประทับ ณ เมืองอุดรธานี เรียกว่า "ข้าหลวงเมืองลาวพวน" และกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เป็นข้าหลวงใหญ่ประทับ ณ เมืองอุบลราชธานี เรียกว่า "ข้าหลวงหัวเมืองลาวกาว" เมืองกมุทสัยมีฐานะเป็นหนึ่งในหัวเมืองชั้นเอกของมณฑลลาวพวน จนเมื่อปี พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เปลี่ยนชื่อมณฑลฝ่ายเหนือเป็นมณฑลอุดรและรวมผังเมืองต่างๆ ในมณลอุดรเป็น 5 บริเวณ ได้แก่ บริเวณบ้านหมากแข้ง บริเวณธาตุพนม บริเวณสกลนคร บริเวณพาชี บริเวณน้ำเหือง เมืองกมุทธาสัยได้ถูกรวมอยู่ในบริเวณบ้านหมากแข้งประกอบด้วย 7 เมืองคือ เมืองหมากแข้ง หนองคาย หนองหาน กุมภวาปี กมุทาสัย โพนพิสัย และรัตนวาปี ตั้งที่ว่าการอยู่ที่บ้านหมากแข้งปี ขึ้นกับบริเวณบ้านหมากแข้ง ต่อมาในปีพ.ศ. 2449 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ได้เสด็จตรวจราชในหัวเมืองอีสาน และมีพระดำริให้มีการเปลี่ยนชื่อเมืองกมุทธาสัยมาเป็น เมืองหนองบัวลำภูตามเดิม ดังปรากฏในพระนิพนธ์สาส์นสมเด็จซึ่งเป็น พระหัตถเลขาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีโต้ตอบถวาย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ฉบับวันที่12 ธันวาคม 2478 ความว่า “... เมื่อหม่อมฉันได้รับคำชี้แจงที่เมืองอุดรว่าหนองบัวลำภูนั้น คือเมืองกมุทาสัย ซึ่งยกขึ้นเป็นเมืองเมื่อในรัชกาลที่ 4 (ที่ถูกต้อง คือ สมัยรัชกาลที่ 5) หม่อมฉันกลับลงมากรุงเทพฯ ได้มีท้องตราสั่งให้เปลี่ยนชื่อเมืองกมุทาสัย ซึ่งลดลงเป็นอำเภออยู่ในเวลานั้น กลับ เรียกชื่อเดิมว่า อำเภอหนองบัวลำภู ดูเหมือนจะยังใช้อยู่จนบัดนี้..."
พระวิชโยดมกมุทรเขตร (พิมพา) เป็นเจ้าเมืองกมุทาสัยได้ 32 ปี ก็ถึงแก่กรรม ในปี พ.ศ. 2449 จึงมีท้องตรามหาดไทยให้ท้าวเสือ กรมการเมือง รั้งตำแหน่งเจ้าเมืองแทน รับสัญญาบัตรเป็นที่ พระวิจารณ์กมุทธกิจ
ในปี พ.ศ. 2450 ได้โปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงมหาดไทยรวมเมืองต่าง ๆ ในบริเวณบ้านหมากแข้งตั้งเป็นเมืองจัตวา เรียกว่า "เมืองอุดรธานี" ส่วนเมืองในสังกัดบริเวณให้มีฐานะเป็นอำเภอ เมืองกมุทาสัยซึ่งเวลานั้นเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองหนองบัวลำภู จึงกลายเป็น อำเภอหนองบัวลำภู โดยมี พระวิจารณ์กมุทธกิจ (เสือ เปรยะโพธิเดชะ) เป็นนายอำเภอคนแรก และมีอำเภอที่เป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดหนองบัวลำภูในปัจจุบัน โดยจัดตั้งขึ้นตามลำดับ 4 กิ่งอำเภอ คือ 1. กิ่งอำเภอโนนสัง เมื่อปี พ.ศ. 2491 2. กิ่งอำเภอศรีบุญเรือง เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2508 3. กิ่งอำเภอนากลาง เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2508 4. กิ่งอำเภอสุวรรณคูหา เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2516 (ส่วนกิ่งอำเภอนาวังแยกออกมาจากกิ่งอำเภอนากลางอีกต่อหนึ่ง) ปี พ.ศ. 2536 ประกาศจัดตั้งเป็น จังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2536 โดยประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ เล่มที่ 110 ตอนที่ 125 ลงวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2536
ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2565 จังหวัดหนองบัวลำภูมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเพียงรายเดียวเนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าราชการจังหวัดเกษียณอายุราชการ ดังนั้น นาย สุวิทย์ จันทร์หวร จึงเป็นผู้รักษาการราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภูโดยมีอำนาจเทียบเท่าผู้ว่าราชการจังหวัดตามกฎหมายพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 มาตราที่ 56
=== โครงการจัดตั้งอำเภอใหม่ ===
มี 3 ตำบลที่แยกเป็นกิ่งอำเภอ
อำเภอกุดดินจี่ แยกออกจาก อำเภอนากลาง มี 3+1 ตำบล ดังนี้ ตำบลกุดดินจี่ ตำบลเก่ากลอย ตำบลดงสวรรค์ และตำบลนาหนองทุ่ม แยกออกจากตำบลกุดดินจี่
อำเภอยางหล่อ แยกออกจาก อำเภอศรีบุญเรือง มี 5 ตำบล ดังนี้ ตำบลยางหล่อ ตำบลกุดสะเทียน ตำบลโนนม่วง ตำบลหนองกุงแก้ว ตำบลหนองแก
อำเภอหัวนา แยกออกจาก อำเภอเมืองหนองบัวลำภู มี 5 ตำบล ดังนี้ ตำบลหัวนา ตำบลบ้านขาม ตำบลบ้านพร้าว ตำบลนามะเฟือง ตำบลป่าไม้งาม
=== การตั้งอำเภอ ===
๙ กันยายน ๒๔๙๙ โนนสัง แยกจาก หนองบัวลำภู (อุดรธานี) ปัจจุบันคือหนองบัวลำภู
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๒ นากลาง แยกจาก หนองบัวลำภู (อุดรธานี) ปัจจุบันคือหนองบัวลำภู
๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๒ ศรีบุญเรือง แยกจาก หนองบัวลำภู (อุดรธานี) ปัจจุบันคือหนองบัวลำภู
๒๕ มีนาคม ๒๕๒๒ สุวรรณคูหา แยกจาก นากลาง (อุดรธานี)ปัจจุบันคือหนองบัวลำภู
๑๕ กันยายน ๒๕๔๐ นาวัง แยกจาก นากลาง (หนองบัวลำภู)
== รายนามผู้ว่าราชการจังหวัด ==
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ที่ตั้ง ===
จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นจังหวัดหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีที่ตั้งตามพิกัดภูมิศาสตร์ อยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 16 องศา 45 ลิปดา ถึง 17 องศา 40 ลิปดาเหนือ และเส้นแวงที่ 101 องศา 57 ลิปดา ถึง 102 องศา 30 ลิปดา ตะวันออก อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 518 กิโลเมตร จังหวัดหนองบัวลำภู มีขนาดพื้นที่ประมาณ 3,859.062 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 2,411,928.74 ไร่ ขนาดพื้นที่คิดเป็นร้อยละ 2.27 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 170,226 ตารางกิโลเมตร หรือ 106,392,250 ไร่ และคิดเป็นร้อยละ 0.75 ของประเทศ)
=== อาณาเขตติดต่อ ===
ทิศเหนือ ติดต่อกับ อำเภอน้ำโสม อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อำเภอบ้านผือ อำเภอกุดจับ อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี
ทิศใต้ ติดต่อกับ อำเภอสีชมพู อำเภอหนองนาคำ อำเภอภูเวียง อำเภออุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น
ทิศตะวันตก ติดต่อกับ อำเภอภูกระดึง อำเภอวังสะพุง อำเภอผาขาว อำเภอเอราวัณ จังหวัดเลย
=== ลักษณะภูมิประเทศ ===
จังหวัดหนองบัวลำภู มีพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง บางส่วนเป็นพื้นที่ลูกคลื่นลาดตื้นถึงลาดลึก แล้วลาดลงไปทางทิศใต้ และทิศตะวันออก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 200 เมตร ทางตอนบนของจังหวัดจะเป็นพื้นที่ภูเขาสูง โดยยอดดอยหรือภูเขาที่สูงที่สุดของจังหวัด ได้แก่ ดอยผาเวียง ภูสามยอดโดยสูงเฉลี่ย 900 เมตร และเป็นต้นน้ำสายย้อยต่างๆ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินปนทรายและลูกรังไม่สามารถเก็บกักน้ำหรืออุ้มน้ำในฤดูแล้ง
=== ลักษณะภูมิอากาศ ===
ลักษณะอากาศในจังหวัดหนองบัวลำภู แบ่งออกเป็น 3 ฤดู เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับมรสุมที่พัดผ่านประจำปี จัดอยู่ในประเภทภูมิอากาศแบบพื้นเมืองร้อนเฉพาะฤดู กล่าวคือจะมีฝนตกเฉพาะในฤดูฝน สลับกับช่วงแห้งแล้งในฤดูหนาวและฤดูร้อน
ฤดูร้อน อยู่ในระหว่างเดือน มีนาคมถึงพฤษภาคม อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 34 - 36 องศาเซลเซียส
ฤดูฝน อยู่ในระหว่างเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม และจะตกมากในเดือน สิงหาคม - กันยายน เนื่องจากอิทธิพลพายุดีเปรสชัน
ฤดูหนาว อยู่ในระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึง กุมภาพันธ์ อากาศจะหนาวมากในช่วงเดือนธันวาคม - มกราคม โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 15 - 16 องศาเซลเซียส
ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบสะวันนาคือฤดูฝนสลับกับฤดูแล้งอย่างชัดเจน ปริมาณฝนที่ตกในจังหวัดหนองบัวลำภูโดยเฉลี่ยอยู่ในช่วงระหว่าง 978.3 - 1,348.9 มิลลิเมตรต่อปี อำเภอสุวรรณคูหา มีปริมาณฝนตกโดยเฉลี่ยสูงสุด รองลงมา ได้แก่ อำเภอนากลาง ส่วนพื้นที่ที่มีฝนตกน้อยที่สุด ได้แก่ อำเภอเมืองหนองบัวลำภู ซึ่งมีปริมาณโดยเฉลี่ยประมาณ 978.3 มิลลิเมตรต่อปี
=== ทรัพยากรป่าไม้ ===
โดยทั่วไปพื้นที่ป่าเป็นป่าเต็งรังสลับกับป่าเบญจพรรณ มีพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติอยู่ทางด้านเหนือ และด้านตะวันตก จำนวน 6 แห่ง พื้นที่ป่าสงวนส่วนใหญ่ถูกบุกรุกทำลาย หลังจากนั้นพื้นที่บางส่วนกลายเป็นพื้นที่เพาะปลูก และกำลังเป็นที่ทำกินของเกษตรกร บางส่วนกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ปัจจุบันแบ่งเป็นป่าอนุรักษ์ประมาณ 312,500 ไร่ ป่าเศรษฐกิจ ประมาณ 1,039,000 ไร่ พื้นที่เหมาะสมแก่การเกษตร ประมาณ 170,000 ไร่ และพื้นที่ประกาศปฏิรูป ประมาณ 1,183,000 ไร่ พื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตสงวน และอนุรักษ์ มีพื้นที่ประมาณ 312,000 ไร่ ได้แก่
ป่าอุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ (ป่าภูเก้า) อยู่ทางด้านทิศใต้ของจังหวัดหนองบัวลำภู บริเวณอำเภอโนนสัง มีพื้นที่ประมาณ 103,000 ไร่
ป่าภูพาน อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของจังหวัดหนองบัวลำภู บริเวณอำเภอเมืองหนองบัวลำภู และอำเภอโนนสัง มีพื้นที่ประมาณ 16,000 ไร่
ป่าหนองบัว อยู่บริเวณอำเภอเมืองหนองบัวลำภู มีพื้นที่ประมาณ 3,000 ไร่
ป่าห้วยส้ม และ ป่าภูแดง อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของจังหวัดหนองบัวลำภู บริเวณอำเภอสุวรรณคูหา มีพื้นที่ประมาณ 138,000 ไร่
ป่าหนองเรือ อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของจังหวัดหนองบัวลำภู บริเวณอำเภอนากลาง อำเภอเมืองหนองบัวลำภู และอำเภอศรีบุญเรือง มีพื้นที่ประมาณ 39,000 ไร่
=== ทรัพยากรน้ำ ===
แหล่งน้ำสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ แหล่งน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและแหล่งน้ำที่สร้างขึ้นมา
แหล่งน้ำธรรมชาติ ได้แก่ แม่น้ำลำคลอง ลำห้วย หนองน้ำ บึงและน้ำบาดาล ในเขตจังหวัดหนองบัวลำภูมีอยู่เป็นจำนวนมาก แหล่งน้ำที่เปรียบเหมือนเส้นเลือดใหญ่ที่สำคัญได้แก่
* ลำพะเนียง มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาสันปันน้ำของลุ่มแม่น้ำโขงกับลุ่มแม่น้ำชี ไหลผ่านอำเภอนากลาง อำเภอเมืองหนองบัวลำภู อำเภอศรีบุญเรือง และอำเภอโนนสัง แล้วไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์
* ลำน้ำพอง มีต้นกำเนิดจากภูกระดึง และเทือกเขาสันปันน้ำ ของลุ่มแม่น้ำป่าสัก กับลุ่มน้ำชี ไหลผ่านเขตอำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย อำเภอศรีบุญเรือง และอำเภอโนนสัง แล้วไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ลำน้ำพองมีลำน้ำสาขาอยู่หลายสาย ที่ไหลผ่านเขตจังหวัดหนองบัวลำภู คือ ลำน้ำมอ ลำน้ำพวย ลำน้ำพอง ลำน้ำซำฐาน
* ลำห้วยโมง ไหลมาจากสันเขาภูซางใหญ่ เขตติดต่ออำเภอนาด้วง จังหวัดเลย แล้วไหลผ่านอำเภอสุวรรณคูหา เข้าเขตอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี แล้วไหลไปบรรจบแม่น้ำโขง
แหล่งน้ำเพื่อการชลประทาน ในปี พ.ศ. 2539 6 มีอยู่รวม 68 โครงการ เป็นโครงการขนาดกลางอยู่เพียงโครงการเดียวคือ อ่างเก็บน้ำห้วยเหล่ายาง อยู่ที่บ้านภูพานทอง ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองหนองบัวลำภู มีความจุประมาณ 2.14 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่รับประโยชน์ประมาณ 2,000 ไร่ โครงการที่เหลืออื่นๆ เป็นโครงการขนาดเล็ก มีความจุประมาณ 13.20 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่รับประโยชน์ประมาณ 30,000 ไร่
== ประชากร ==
กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ที่อยู่ในจังหวัดหนองบัวลำภูมีชาติพันธุ์ต่างๆ มีดังนี้
กลุ่มไท - ลาว อพยพมาจากเวียงจันทน์ ประเทศลาว โดยมีกลุ่มพระวอ - พระตาเป็นเชื้อสายลาวเวียงจันทน์
กลุ่มไท - เขมร อพยพมาจาก บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ
กลุ่มไท - สยาม อพยพมาจากภาคกลางของประเทศไทย
กลุ่มคนจีนและคนญวน อพยพมาเพื่อประกอบอาชีพค้าขาย และได้มีการแต่งงานกับคนในท้องถิ่น เกิดเป็นเชื้อสายจีนและเชื้อสายญวน แต่ยังมีจำนวนน้อย
ประชากรที่อาศัยอยู่ในจังหวัดหนองบัวลำภูสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
กลุ่มลาวพุงขาว (ล้านช้างเวียงจันทน์) กลุ่มชนนี้เป็นชนพื้นเมืองเดิมที่อาศัยอยู่บริเวณรอบนอกเมือง และเป็นกลุ่มใหญ่ของจังหวัดหนองบัวลำภู โดยมีสัญลักษณ์การสักลายดำใต้สะเอวลงมาและมีกินหมาก ปัจจุบันกลุ่มชนพื้นเมืองดังกล่าวเป็นคนฟันขาวเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ห้ามประชาชนทั่วไปกินหมากและสักลายดำ
กลุ่มคนจีน-ญวน ลักษณะเป็นคนผิวขาวเหลือง อพยพมาจากมณฑลกวางตุ้ง ยูนหนาน ในสมัยรัชการที่ 4 ที่มีพระราชดำริให้คนจีนกระจายอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ ในภาคอีสาน และภายหลังได้ย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในจังหวัดหนองบัวลำภู
กลุ่มคนไต กลุ่มชนนี้เป็นเผ่าไตหรือไท ซึ่งอพยพเข้ามาในเขตจังหวัดหนองบัวลำภูช่วงสงครามเดียนเบียนฟู (สงครามเวียดนาม - ฝรั่งเศส) ภายหลังสงครามสงบลงกลุ่มคนไตบางส่วนได้เดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมและบางส่วนตั้งรกรากอยู่ที่จังหวัดหนองบัวลำภู
== ลักษณะเฉพาะถิ่น ==
จังหวัดหนองบัวลำภูเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มั่งคั่งด้วยมรดกทางศิลปะและมรดกทางวัฒธรรมที่สั่งสมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เช่น การแต่งกายการปั่นหม้อดินเผา ภาษาประจำถิ่น
1. การแต่งกาย
ลักษณะการแต่งกายของชาวจังหวัดหนองบัวลำภูในอดีต
ผู้หญิงสวมเสื้อขาวเป็นพื้นเบี่ยงแพร ส่วนผ้าถุงจะเป็นผ้าไหมหมี่ขิด มีหัวซิ่นและตีนซิ่นที่ทอและหูกถึงสามหูก นำมาเย็บติดปะต่อกันเรียกว่า "สามทรวง" มีการทัดดอกไม้สำหรับหญิงสาวผู้เฒ่าผู้แก่แล้วแต่จะใส่อ้ม (ต้นอ้ม ใบมีกลิ่นหอม เมื่อนำใบมาเผาไฟพอลวก ๆ จะมีกลิ่นหอม) ไว้ทรงผมมวยสูงหรือดอกทุ่ม
ผู้ชายสวมเสื้อสีดำหรือสีหม้อนิล (สีครามทางเหนือเรียกหม้อฮ้อม) เป็นพื้น ใสผ้าโสร่งไหม มีกางเกงหัวรูดเป็นผ้าชั้นในหรือใส่นุ่งเล่นตามบ้านเรือนทั่วไป
ลักษณะการแต่งกายของชาวจังหวัดหนองบัวลำภูปัจจุบัน
ผู้หญิงวัยรุ่น แต่งกายตามสมัยนิยมใส่ เสื้อยืดหรือเสื้อเชิร์ตแขนสั้นและแขนยาว กระโปรงหรือกางเกงขาสั้นหรือขายาว หรือชุดแซก มีเครื่องประดับต่างๆ เช่น สร้อยคอ แหวน ต่างหู กำไลแขน ฯลฯ นิยมใส่รองเท้าหุ้มส้นเมื่อร่วมกิจกรรมนอกบ้าน ใส่รองเท้ามีส้นเมื่อร่วมกิจกรรมรื่นเริงและสังสรรค์
ผู้หญิงสูงวัย แต่งกายด้วยเสื้อลายปักต่างๆ ทั้งแขนสั้นและแขนยาว หรือเสื้อเชิร์ตแขนสั้นและแขนยาว ใส่ผ้าซิ่นลายต่างๆ ของท้องถิ่น หรือกางเกงขายาวพื้นสีดำทั้งขาสั้นและแขนยาว
ผู้ชายวัยรุ่น แต่งกายด้วยเสื้อยืดหรือเสื้อเชิร์ตแขนสั้นและแขนยาว ใส่กางเกงขาสั้นหรือขายาว กางเกงยืนหรือกางเกงสแล็ค
ผู้ชายสูงวัย แต่งกายด้วยเสื้อยืดหรือเสื้อเชิร์ตแขนสั้นและแขนยาว ใส่โสร่ง ผ้าขาวม้า ใส่กางเกงขาสั้นหรือขายาว กางเกงยืนหรือกางเกงสแล็ค
2. เครื่องปั้นดินเผา
เครื่องปั้นดินเผา คือ เอาดินเหนียวมาตีและปั้นเครื่องใช้ต่างๆ ในชีวิตประจำวันและนำไปใช้ในการประกอบพิธีกรรมด้วย จังหวัดหนองบัวลำภูมีมรดกทางวัฒนธรรมเครื่องปั้นดินเผามาตั้งแต่ก่อนยุคประวัติศาสตร์ประมาณ 3,500 - 4,000 ปีล่วงมาแล้ว จากการขุดค้นโดยชาวบ้านก่อนพุทธศักราช 2514 กรมศิลปกรขุดค้นเพื่อการศึกษาในพุทธศักราช 2538 ที่ป่าพร้าว บ้านกุดคำเมย ตำบลกุดดู่ และบ้านโนนกล้วย (ดอนกลาง) บ้านกุดกวางสร้อย อำเภอโนนสัง ปัจจุบันการปั้นดินเผามีอยู่ที่บ้านโค้งสวรรค์ ตำบลโนนทัน อำเภอเมืองหนองบัวลำภู เครื่องปั้นดินเผาดังกล่าวจะทำเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่าที่จะใช้ประกอบพิธีกรรม
== หน่วยการปกครอง ==
ปัจจุบันจังหวัดหนองบัวลำภูแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 6 อำเภอ 59 ตำบล 636 หมู่บ้าน ดังนี้
=== ประวัติการจัดตั้งอำเภอ ===
นับตั้งแต่ พ.ศ. 2499 ถึงปัจจุบัน จังหวัดหนองบัวลำภูการตั้งอำเภอขึ้นใหม่และขึ้นกับจังหวัดอุดรธานีสมัยนั้น ดังนี้
อำเภอโนนสัง โดยแยกจากอำเภอหนองบัวลำภู จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2499
อำเภอนากลางและอำเภอศรีบุญเรือง โดยแยกจากอำเภอหนองบัวลำภู จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2512
อำเภอสุวรรณคูหา โดยแยกจากอำเภอนากลาง จังหวัดอุดรธานี ในวันที่ 19 มีนาคม 2522
อำเภอนาวัง โดยแยกจากอำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู
== การคมนาคม ==
ระยะทางจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอใกล้เคียง
อำเภอนากลาง 30 กิโลเมตร
อำเภอศรีบุญเรือง 33 กิโลเมตร
อำเภอโนนสัง 42 กิโลเมตร
อำเภอนาวัง 42 กิโลเมตร
อำเภอสุวรรณคูหา 65กิโลเมตร
ระยะทางจากจังหวัดหนองบัวลำภูไปยังจังหวัดใกล้เคียง
จังหวัดอุดรธานี 46 กิโลเมตร
จังหวัดเลย 92 กิโลเมตร
จังหวัดขอนแก่น 117 กิโลเมตร
== การเดินทาง ==
รถยนต์
จากกรุงเทพมหานคร ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ถึงจังหวัดสระบุรี บริเวณกิโลเมตรที่ 107 แยกเข้าทาง หลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ผ่านอำเภอมวกเหล็ก เข้าเขตจังหวัดนครราชสีมา ผ่านอำเภอปากช่อง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา บริเวณกิโลเมตรที่ 105 แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวง หมายเลข 201 ผ่านอำเภอด่านขุนทด เข้าเขตจังหวัดชัยภูมิ ผ่านอำเภอจัตุรัส อำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอคอนสวรรค์ อำเภอแก้งคร้อ อำเภอภูเขียว เข้าเขตจังหวัดขอนแก่น ผ่านอำเภอชุมแพ บริเวณกิโลเมตรที่ 225 เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 228 ผ่านอำเภอสีชมพู เข้าเขตจังหวัดหนองบัวลำภู ผ่านอำเภอศรีบุญเรือง ถึงจังหวัดหนองบัวลำภู รวมระยะทาง 518 กิโลเมตร หรือ เมื่อถึงจังหวัดขอนแก่นแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2109 (น้ำพอง-เขื่อนอุบลรัตน์) เข้าอำเภอโนนสังถึง จังหวัดหนองบัวลำภู รวมระยะทางประมาณ 559 กิโลเมตร
รถโดยสาร
มีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน สายกรุงเทพมหานคร-หนองบัวลำภู ออกจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชั่วโมง
เส้นทางรถโดยสารที่มีในจังหวัดหนองบัวลำภู
=== เส้นทางรถโดยสารในจังหวัด ===
หนองบัวลำภู - นากลาง - นาวัง
หนองบัวลำภู - โนนสัง
หนองบัวลำภู - ศรีบุญเรือง
หนองบัวลำภู - สุวรรณคูหา
หนองบัวลำภู - ภูพระ
หนองบัวลำภู - ทรายมูล
หนองบัวลำภู - ทุ่งโปร่ง
หนองบัวลำภู - กุดจิก
โนนสมบูรณ์ - บ้านขาม
=== เส้นทางรถโดยสารระหว่างจังหวัด ===
หนองบัวลำภู - ท่าบ่อ - หนองคาย
หนองบัวลำภู - สุวรรณคูหา - สังคม
หนองบัวลำภู - ภูเวียง - ขอนแก่น
หนองบัวลำภู - อุบลรัตน์ - ขอนแก่น
อุดรธานี - หนองบัวลำภู - เลย
อุดรธานี - หนองบัวลำภู - ชุมแพ
หนองคาย - หนองบัวลำภู - ชัยภูมิ
อุดรธานี - หนองบัวลำภู - พิษณุโลก
อุดรธานี - หนองบัวลำภู - เชียงใหม่
นครพนม - หนองบัวลำภู - เชียงราย
ระยอง - หนองบัวลำภู - เลย
== แหล่งท่องเที่ยว ==
=== แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ===
อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่อำเภอโนนสัง จ.หนองบัวลำภู(หนองบัวลำภู-อุดรธานี-ขอนแก่น)
วนอุทยานน้ำตกเฒ่าโต้ อำเภอเมือง
วนอุทยานบัวบาน-ภูพานน้อย อำเภอเมือง
พิพิธภัณฑ์สุสานหอยหิน 150 ล้านปี อำเภอเมือง
อ่างเก็บน้ำหนองบัว อำเภอเมือง
จุดชมวิวช่องเขาขาด อำเภอโนนสัง
ผาสามยอด อำเภอนาวัง
ภูพานคำ อำเภอเมือง
ภูเก้า อำเภอโนนสัง
น้ำตกตาดฟ้า,น้ำตกตาดหินแตก,น้ำตกตาดโตน อำเภอโนนสัง
ภูหินลาดช่อฟ้า อำเภอเมือง
ภูผายา อำเภอสุวรรณคูหา
ถ้ำสุวรรณคูหา อำเภอสุวรรณคูหา
ถ้ำเอราวัณ อำเภอนาวัง
ถ้ำผาเวียง อำเภอนาวัง
ภูแปก บ้านสนามชัย ต.กุดแห่ อ.นากลาง
ธุดงคสถานวัดป่าธารน้ำทิพย์ (ซำไฮ) ภูแปก บ้านสนามชัย อำเภอนากลาง
หาดโนนยาว (เขื่อนอุบลรัตน์) อำเภอโนนสัง
อ่างเก็บน้ำโคกนกสาริกา
อ่างเก็บน้ำห้วยไร่
ถ้ำผาเจาะ,อ่างเก็บห้วยผาวัง อำเภอนาวัง
อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์บริเวณอำเภอโนนสังและอำเภอศรีบุญเรือง หนองบัวลำภู
สะพานเชื่อมฮักตาดไฮ บ้านตาดไฮ อ่างเก็บน้ำห้วยน้ำบอง อ.โนนสัง หนองบัวลำภู
=== แหล่งท่องเที่ยวทางศิลปะและวัฒนธรรม ===
หมู่บ้านหัตถกรรมปั้นหม้อบ้านโค้งสวรรค์
หมู่บ้านหัตถกรรมจักสานกระติบข้าวต้นคล้า
ศูนย์พัฒนาอาชีพวัดสว่างศิลา
กลุ่มทอผ้าไหมบ้านกุดแห่
แหล่งโบราณคดีภูผายา
แหล่งโบราณคดีบ้านกุดกวางสร้งและกุดค้อเมย
=== แหล่งท่องเที่ยวทางศาสนาและความเชื่อ ===
วัดถ้ำกลองเพล
* พิพิธภัณฑ์อัฐบริขารของหลวงปู่ขาว
* กุฏิเก่าของหลวงปู่ขาว
* พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่ขาว
* เจดีย์หลวงปู่ขาว
* มณฑปหลวงปู่ขาว
ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ศาลพระวอ - พระตา
พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลอด ปโมทิตะเจดีย์
วัดศรีคูณเมือง
วัดพระพุทธบาทภูเก้า
วัดป่าภูน้อย รอยพระพุทธบาทและเสมาหิน
สิมไม้ (โบสถ์ไม้) วัดเจริญทรงธรรม
โนนวัดป่า
วัดถ้ำผาเวียง
พระธาตุเมีองพิณ
พระธาตุหาญเทาว์
วัดภูภ้วยทอง
วัดป่าภูผายาว
===สวนสาธารณะ===
สวนสาธารณะหนองบัว อำเภอเมืองหนองบัวลำภู
สวนสาธารณะหนองน้ำนันทจันทร์ อำเภอนากลาง
สวนสาธารณะชุมชนโนนม่วง อำเภอนากลาง
===อุทยานแห่งชาติ/วนอุทยาน===
อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่บ้านท่าศิลา ตำบลบ้านค้อ อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู(หนองบัวลำภู,อุดรธานี,ขอนแก่น)
อุทยานแห่งชาติภูผายา ที่ทำการอุทยานฯตั้งอยู่ที่ภูหินจอมธาตุบ้านห้วยยางคำ ตำบลกุดจับ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี(ผนวกรวม วนอุทยานภูหินจอมธาตุ อำเภอกุดจับ อุดรธานี,วนอุทยานภูพระบาทบัวบก อำเภอบ้านผือ อุดรธานี,วนอุทยานภูผาแดง อำเภอบ้านผือ อุดรธานี/ภูผายา-ถ้ำสุวรรณคูหา อำเภอสุวรรณคูหา,ภูแปลก อำเภอนากลาง,ภูผาเวียง-ภูซางใหญ่ อำเภอนาวัง จังหวัดหนองบัวลำภู/ถ้ำเอราวัณ อำเภอนาวัง หนองบัวลำภู-อำเภอนาด้วง จังหวัดเลย)
วนอุทยานบัวบาน ที่ทำการวนอุทยานฯตั้งอยู่ที่ภูพานน้อยตำบลหนองบัว อำเภอเมือง
วนอุทยานน้ำตกเฒ่าโต้ ที่ทำการวนอุทยานฯตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง
== เทศกาลและงานประเพณี ==
อำเภอเมืองหนองบัวลำภู
งานบวงสรวงสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกาชาดหนองบัวลำภู (จัดเป็นประจำทุกปี ระหว่างวันที่ 18 - 27 มกราคม ณ ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สนามนเรศวรมหาราช)
เทศกาลน้ำตกเฒ่าโต้ (จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีช่วงเดือนกันยายน บริเวณวนอุทยานเฒ่าโต้)
เทศกาลเที่ยวหอยหิน กินลำไย ไหว้หลวงปู่ขาว (จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีช่วงเดือนสิงหาคม บริเวณชุมชนบ้านห้วยเดื่อ ตำบลโนนทัน)
อำเภอนากลาง
งานวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวามหาราช (สนามหน้าศูนย์ราชการอำเภอนากลาง)
งานตักบาตรเทโว ที่ภูแปก วัดป่าธารน้ำทิพย์ (ซำไฮ) บ้านสนามชัย ต.กุดแห่
บุญบั้งไฟเทศบาลตำบลนากลาง (จัดเดือนมิถุนายน ทุกปี) บ.กกค้อ ต.นากลาง
บุญบั้งไฟเทศบาลตำบลฝั่งแดง (จัดเดือนพฤษภาคม ทุกปี) บ.โนนธาตุ ต.ฝั่งแดง
เทศกาลฉลองศาลเจ้าคุณปู่-ย่า อำนากลาง (จัดเดือนพฤศจิกายน ทุกปี) บ.กกค้อ ต.นากลาง
บุญบั้งไฟเทศบาลตำบลกุดดินจี่ (จัดเดือนพฤษภาคม ทุกปี) บ.กุดดินจี่ ต.กุดดินจี่
บุญบั้งไฟเทศบาลตำบลกุดแห่ (จัดเดือนพฤษภาคม ทุกปี) บ.กุดแห่ ต.กุดแห่
บุญบั้งไฟชุมชนบ้านหนองด่าน (จัดเดือนพฤษภาคม ทุกปี) บ.หนองด่าน จ.ด่านช้าง
บุญบั้งไฟชุมชนบ้านโนนม่วง (จัดเดือนพฤษภาคม ทุกปี) บ.โนนม่วง จ.โนนเมือง
อำเภอโนนสัง
เทศกาลกินปลา (จัดขึ้นทุกปีบริเวณเทศบาลโนนสัง)
ประเพณีแข่งเรือยาว (จัดขึ้นทุกปีบริเวณเขื่อนอุบลรัตน์)
ประเพณีบุญผะเหวด (จัดขึ้นทุกปีบริเวณเทศบาลโนนสัง)
อำเภอศรีบุญเรือง
งานบุญบั้งไฟ (จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ช่วงเดือนพฤษภาคมหรือมิถุนายน บริเวณศูนย์ราชการอำเภอศรีบุญเรือง)
อำเภอสุวรรณคูหา
งานบุญข้าวจี่ยักษ์ (จัดขึ้นทุกปีช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือเดือนมีนาคม บริเวณเทศบาลตำบลสุวรรณคูหาและถ้ำสุวรรณคูหา)
อำเภอนาวัง
งานเทศกาลขึ้นเขาไหว้พระถ้ำเอราวัณ (จัดเป็นประจำทุกปี ระหว่างวันที่ 12 - 16 เมษายน บริเวณถ้ำเอราวัณ)
== การศึกษา ==
=== สถานศึกษาระดับขั้นพื้นฐาน ===
จังหวัดหนองบัวลำภู มีสถาบันการศึกษาระดับขั้นพื้นฐานหลากหลายแห่ง ดังนี้
การแบ่งเขตพื้นที่มัธยมศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เลย หนองบัวลำภู ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดหนองบัวลำภู 22 แห่ง
การแบ่งเขตพื้นที่ประถมศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลำภู เขต 1-2 ได้แก่
* เขต 1 - อำเภอเมืองหนองบัวลำภู อำเภอศรีบุญเรือง และอำเภอโนนสัง
* เขต 2 - อำเภอนากลาง อำเภอสุวรรณคูหา และอำเภอนาวัง
สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ -ครอบคลุมโรงเรียนประถมศึกษาและขยายโอกาศทางการศึกษาในจังหวัด 237 แห่ง
=== สถานศึกษาระดับอาชีวศึกษา ===
สถานศึกษาในระดับอาชีวศึกษาทั้งรัฐและเอกชน ปัจจุบันอยู่ในกำกับดูแลของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดหนองบัวลำภู มีดังนี้
รัฐบาล
อำเภอเมืองหนองบัวลำภู
* วิทยาลัยเทคนิคหนองบัวลำภู
อำเภอศรีบุญเรือง
* วิทยาลัยการอาชีพศรีบุญเรือง
เอกชน
อำเภอเมือง
* วิทยาลัยเทคโนโลยีพิชญบัณฑิต
* วิทยาลัยเทคโนโลยี ไทย – ญี่ปุ่น โยยากุ
อำเภอนากลาง
* วิทยาลัยเทคโนโลยีบริหารธุรกิจรักไทย
* วิทยาลัยสงวนเทคโนโลยีบริหารธุรกิจ
อำเภอศรีบุญเรือง
* วิทยาลัยเทคโนโลยีเอ็น-เทคบริหารธุรกิจศรีบุญเรือง
== การสาธารณสุข ==
โรงพยาบาลหนองบัวลำภู
โรงพยาบาลศรีบุญเรือง
โรงพยาบาลนากลาง
โรงพยาบาลนาวังเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา
โรงพยาบาลสุวรรณคูหา
โรงพยาบาลโนนสัง
โรงพยาบาลวีระพลการแพทย์
== ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ==
=== อำเภอเมืองหนองบัวลำภู ===
ผ้าไหมมัดหมี่ ตำบลโนนทัน
ผ้าไหมมัดหมี่ ตำบลนาคำไฮ
ผ้าฝ้ายลายฉลุ ตำบลป่าไม้งาม
ผ้าสไป ตำบลหนองสวรรค์
ขนมทองม้วนสมุนไพร ตำบลบ้านขาม
ผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว ตำบลหัวนา
ข้าวกล้อง ตำบลหนองภัยศูนย์
=== อำเภอโนนสัง ===
ปลาส้ม ตำบลโนนสัง
ศิลปะจากใบลาน ตำบลบ้านค้อ
ผ้าขิดยกดอก/ปลาส้ม ตำบลโคกม่วง
ผ้าฝ้ายยกดอก ตำบลหนองเรือ
ผ้าขิดย้อมคราม/ผ้าขิดหมักโคลน ตำบลโนนเมือง
ผ้าลายขิด ตำบลกุดดู่
=== อำเภอศรีบุญเรือง ===
น้ำผึ้งแท้สุวรรณฟาร์ม/กระติ๊บข้าว ตำบลหนองบัวใต้
เสื้อเย็บด้วยมือ ตำบลเมืองใหม่
ผ้าไหมมัดหมี่ ตำบลโนนม่วง
กระติ๊บข้าว ตำบลทรายทอง
ผ้าลายสายฝน ตำบลหนองแก
=== อำเภอนากลาง ===
ผ้าขิดไหม ตำบลกุดแห่
นาฬิกา 12 ราศี,ข้าวฮาง,พระธาตุเมืองพิณ ตำบลฝั่งแดง
ผ้าหุ่มสำลี ตำบลกุดดินจี่
เอ็นวัวทอดกรอบ ตำบลโนนเมือง
วัดภูถ้วยทอง ตำบลอุทัยสวรรค์
=== อำเภอสุวรรณคูหา ===
ผลิตภัณฑ์จากใยบวบ ตำบลนาดี
ผ้าฝ้ายลายน้ำไหล ตำบลนาสี
ผ้าฝ้ายทอมือ ตำบลนาด่าน
=== อำเภอนาวัง ===
ถ่านอัดแท่ง ตำบลวังปลาป้อม
ผ้าลายสายฝน ตำบลเทพคีรี
ผลิตภัณฑ์ไม้ไผ่ไทยนิยม ตำบลวังทอง
ผักปลอดสารพิษ ตำบลวังทอง
== ชาวหนองบัวลำภูที่มีชื่อเสียง ==
===พระเถระ===
หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล(เจดีย์/พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ขาว) อำเภอเมืองหนองบัวลำภู
หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม วัดป่าสิริสาลวัน (เจดีย์/พิพิธภัณฑ์หลวงปู่บุญมา ฐิตเปโม)อำเภอเมืองหนองบัวลำภู
หลวงปู่หลอด ปโมทิโต วัดป่าศรีสว่าง(เจดีย์/พิพิธภัณฑ์หลวงปู่หลอด ปโมทิโต)บ้านขามใหม่ ตำบลบ้านขาม อำเภอเมืองหนองบัวลำภู
หลวงปู่บุญมา สุชีโว วัดป่าสุขเกษม/วัดสามัคคีสิริมงคล ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองหนองบัวลำภู
หลวงพ่อทองพูน กาญจโน วัดป่าภูกระแต ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองหนองบัวลำภู
พระครูเขมสารสุธี (หลวงปู่สาย เขมธัมโม) วัดป่าพรหมวิหาร ตำบลโนนเมือง อำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู
===บุคคลมีชื่อเสียง/นักแสดง/นักกีฬา/นักการเมือง===
ดัสกร ทองเหลา นักฟุตบอลทีมชาติไทย
นภัทร สีเสริม นักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย
ยอดแสนไกล แฟร์เท็กซ์ นักมวยไทย
สุรชัย แสงมรกต นักมวยไทย
สาวมาด เมกะแดนซ์ นักร้อง
หนิงหน่อง เพชรพิณทอง นักร้องหมอลำ
เอ็ดดี้ ผีน่ารัก นักแสดงตลก
สมเกียรติ คุณานิธิพงศ์ นักแสดง
สรชาติ วิชย สุวรรณพรหม นักการเมือง
ธันวา ราศีธนู นักร้อง
สยาม หัตถสงเคราะห์ (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองบัวลำภู เขต 1 พรรคเพื่อไทย)
ไชยา พรหมา (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองบัวลำภู เขต 2 พรรคเพื่อไทย)
ณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดหนองบัวลำภู เขต 3 พรรคเพื่อไทย)
วิภาพรรณ พุดเพราะ (พิม นาคำไฮ) เน็ตไอดอล
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดหนองบัวลำภู
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดหนองบัวลำภู
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดหนองบัวลำภู
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
ภาคอีสาน
รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2536
|
thaiwikipedia
| 1,812 |
จอร์จ ลูคัส
|
จอร์จ วอลตัน ลูคัส จูเนียร์ (George Walton Lucas, Jr.; เกิด 14 พฤษภาคม ค.ศ. 1944) เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้อำนวยการสร้าง ผู้เขียนบทภาพยนตร์ ชาวอเมริกัน มีชื่อเสียงจากภาพยนตร์ชุดมหากาพย์สตาร์ วอร์ส และอินเดียน่า โจนส์ อีกทั้งเป็นหนึ่งในบรรดาผู้กำกับและผู้ผลิตที่ประสบผลสำเร็จทางธุรกิจอุตสาหกรรมทางภาพยนตร์ โดยมีผลกำไรสุทธิที่ 3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี ค.ศ. 2010
== ประวัติ ==
จอร์จ ลูคัสเคยฝันอยากเป็นนักขับรถแข่ง แต่เขาได้ประสบอุบัติเหตุในวันก่อนสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยม ต่อจากนั้นได้เข้าเรียนในโรงเรียนสอนทำหนังของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย และในฐานะนักเรียนหนัง เขาผลิตภาพยนตร์สั้นมาหลายเรื่องรวมทั้ง THX-1138: 4EB (Electronic labyinth) ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลจากเทศกาลหนังนักเรียนแห่งชาติเป็นครั้งแรกในปี 1967-68
และในปี 67 นั้น เขายังได้รับทุนการศึกษาจากทางวอร์เนอร์ บราเธอร์ส เพื่อให้เข้ามาสังเกตการณ์ในกองถ่ายหนังของฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา เรื่อง Finian's Rainbow ทั้งคู่สนิทสนมกันจนร่วมกันจัดตั้งบริษัท อเมริกัน โซโทรป ในปี 1969 และลูคัสก็ส่ง THX-1138 ฉบับภาพยนตร์ยาวออกสู่สายตาประชาชน จากนั้นไม่นานคอปโปลาก็มีผลงานเรื่อง The Godfather ที่เป็นที่รู้จัก ลูคัสแยกมาตั้งบริษัทของตัวเองในชื่อ ลูคัสฟิล์ม จำกัด
ปี 1973 หนังกึ่งอัตชีวประวัติเรื่อง American Graffiti ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำและเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 5 สาขา และด้วยความสำเร็จในครั้งนี้นี่เอง เป็นแรงผลักดันให้เขาเขียนบทหนังสงครามอวกาศซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก แฟลช กอร์ดอน และหนังเรื่อง Planet of the Apes จนออกมาเป็นสตาร์ วอร์ส
ในปี 1977 และเขายังก่อตั้ง บริษัท ไอแอลเอ็ม (ILM-Industrial Light & Magic) ผลิตงานด้านวิชวลเอฟเฟ็กต์ซึ่งเป็นส่วนที่จำเป็นของหนัง รวมทั้งยังมีการตั้งบริษัท สปร็อกเก็ต ซิสเต็มส์ ซึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อกำกับและมิกซ์เสียง จนต่อมาเป็นที่รู้จักกันดีในนาม สกายวอล์กเกอร์ ซาวนด์
แต่หนังของเขาถูกสตูดิโอหลายเจ้าปฏิเสธจนท้ายที่สุด ค่ายทเว็นตีเซ็นจูรีฟ็อกซ์ จึงหยิบยื่นโอกาสให้ ลูคัสยอมไม่รับค่าจ้างจากการกำกับหนังเรื่องนี้ แต่ขอส่วนแบ่งจากบ็อกซ์ออฟฟิส 40% และสิทธิในการจัดจำหน่ายสินค้าของหนังเป็นข้อแลกเปลี่ยน และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็สถิติของบ็อกซ์ออฟฟิส และรับออสการ์ให้หนังถึง 7 สาขาด้วยกัน (แต่ไม่มีให้ตัวเอง) พร้อมทั้งก่อให้เกิดคำว่า blockbuster หรือหนังฟอร์มยักษ์ทำเงินถล่มทลายขึ้นมาด้วย
ในช่วงเวลาพัก ลูคัสก็ทำสตาร์ วอร์สภาคต่อทันที เคียงข้างไปกับการจับมือ สตีเฟน สปิลเบิร์ก สร้างสรรค์ซีรีส์การผจญภัยของ อินเดียนา โจนส์ ขึ้นมาซึ่งก็ถล่มบ็อกซ์ออฟฟิส ไปอีกครั้ง จากนั้นปี 1980-1985 ลูคัสก็ง่วนอยู่กับการสร้างกิ่งก้านสาขาให้กับสกายวอล์กเกอร์ ทั้งในเรื่องของการเพิ่มฝ่ายครีเอทีฟ ฝ่ายเทคนิคและการจัดการบริหารซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อลูคัสฟิล์มทั้งสิ้น
นอกจากนี้ลูคัสยังเป็นผู้วิวัฒนาการให้โรงหนังเกิดระบบ THX ซึ่งถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อคงคุณภาพมาตรฐานสูงสุดของเสียงในการฉายภาพยนตร์ ทั้งยังสร้างหนังใหญ่ยักษ์ให้วงการอีกมากมาย พร้อมทั้งขึ้นเป็นประธานบอร์ดกองทุนเพื่อการศึกษา เดอะจอร์จ ลูคัสเอดดูวเคชันแนลฟาวเดชัน (The George Lucas Educational Foundation) อีกด้วย
ในปี 1992 จอร์จ ลูคัส ได้รับรางวัล ไอร์วิง จี ธัลเบิร์ก ซึ่งตัดสินโดยบอร์ดบริหารของทางสถาบันศิลปะและวิทยาศาสตร์การภาพยนตร์ผู้ทำการมอบรางวัลออสการ์ ให้กับคนในวงการภาพยนตร์ สำหรับการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานตลอดชีวิตของเขานั่นเอง
== นวัตกรรม ==
ลูคัสเป็นผู้บุกเบิกเทคนิคใหม่ ๆ ให้กับวงการภาพยนตร์มากมาย เขาก่อตั้งบริษัท อินดรัสเทรียลไลท์แอนด์เมจิก (Industrial Light and Magic - ILM) ซึ่งเป็นสตูดิโอที่ทำเกี่ยวกับด้านเทคนิคพิเศษ, มีส่วนร่วมในการพัฒนา ระบบเสียง THX และการถ่ายทำภาพยนตร์ด้วยกล้องวิดีโอดิจิทัลทั้งเรื่องใน กองทัพโคลนส์จู่โจม
== ผลงาน ==
===ภาพยนตร์===
==ผลตอบรับ==
ผลตอบรับ ทั้งคำวิจารณ์และรายได้ จากการกำกับภาพยนตร์ทั้งหมด 6 เรื่องของ จอร์จ ลูคัส
16px 0–59% คำวิจารณ์ที่นักวิจารณ์ไม่ชอบ 16px 60–74% คำวิจารณ์ที่นักวิจารณ์ชอบ 16px 75–100% คำวิจารณ์ที่นักวิจารณ์ชอบมาก
สีแดง 0–19 คำวิจารณ์ที่นักวิจารณ์ไม่ชอบเลย 20–39 คำวิจารณ์ที่นักวิจารณ์ไม่ชอบ สีส้ม 40–60 คำวิจารณ์ที่นักวิจารณ์ให้ปานกลาง สีเขียว 61–80 คำวิจารณ์ที่นักวิจารณ์ชอบ 81–100 คำวิจารณ์ที่นักวิจารณ์ชอบมาก
N/A ไม่ปรากฏ, หาข้อมูลไม่ได้
$ ดอลลาร์สหรัฐ
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวอเมริกัน
ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกัน
พุทธศาสนิกชนชาวอเมริกัน
ผู้สัญญาว่าจะให้
|
thaiwikipedia
| 1,813 |
อังคาร กัลยาณพงศ์
|
อังคาร กัลยาณพงศ์ (13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2470 – 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555) เป็นทั้งกวีและจิตรกร เกิดที่ตำบลท่าวัง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ศึกษาระดับประถมที่ โรงเรียนวัดจันทาราม ต่อมาก็เรียนที่วัดใหญ่จนจบประถมสี่ แล้วย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด คือ โรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช ศึกษาศิลปะที่โรงเรียนเพาะช่าง และที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
อังคารเป็นผู้ได้รับการยอมรับในฐานะเป็นจิตรกรและกวี เป็นกวีที่มีความโดดเด่น ทั้งในด้านความคิดและรูปแบบ อีกทั้งยังเป็นกวีที่มีความคิดเป็นอิสระ ไม่ถูกร้อยรัดด้วยรูปแบบที่ตายตัว จึงนับเป็นกวีผู้บุกเบิกกวีนิพนธ์ยุคใหม่ ซึ่ง นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้กล่าวถึงผลงานกวีนิพนธ์ของอังคาร กัลยาณพงศ์ ว่ามีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก
== ประวัติ ==
พื้นเพเดิมอังคารเป็นคนเมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งมีผู้กล่าวว่าเป็นเมืองแห่งกาพย์กลอนอยู่แล้ว หลังศึกษาจบระดับมัธยมที่โรงเรียนเบญจมราชูทิศ ได้เดินทางเข้ามาเรียนต่อที่ โรงเรียนเพาะช่าง และ มหาวิทยาลัยศิลปากร อังคารได้เป็นศิษย์ของศิลปินใหญ่อย่าง ศ.ศิลป พีระศรี, อ.เฟื้อ หริพิทักษ์ และ อ.เฉลิม นาคีรักษ์ ทำให้ได้ติดตามและร่วมงานกับอาจารย์ในการศึกษาค้นคว้างานด้านต่าง ๆ ทั้งศิลปกรรม โบราณคดี และประวัติศาสตร์
ความเป็นกวีและจิตรกรนั้นเป็นพรสวรรค์ที่อังคารเองเชื่อมั่นและฝึกฝนมาตั้งแต่วัยเยาว์ ซึ่งได้พูดถึงการเป็นทั้งจิตรกรและกวีของตนว่า บทกวีและจิตรกรรมนั้นมาจากดวงใจดวงเดียวกัน
"การวาดรูปกับการแต่งบทกวีต้องใช้ความคิดกับจินตนาการ อาจจะผิดกันในเรื่องเทคโนโลยีกับเทคนิค แต่ใช้จิตใจดวงเดียวกัน ทั้งงานเขียนรูปและเขียนหนังสือก็ต้องอาศัยมโนคติ บางคนเขาเรียก อิมเมจิเนชั่น ต้องมีจินตนาการความคิด เหมือนคนที่สร้างนครวัด เขาต้องมีภาพมาก่อนว่าทำอย่างไรจึงจะมีปราสาทขึ้นมา ถ้าเรามีมโนภาพกว้างใหญ่ไพศาล เราก็สามารถสร้างสรรค์อะไรที่ใหญ่โตขึ้นมา ถ้ามีมโนภาพคับแคบก็สร้างสรรค์อะไรอยู่ในกะลาเท่านั้น"
"คนอื่นเขาอาจจะไปทำขนมครก ไปรับเหมาทางด่วน ไปทำอะไรก็ได้ แต่กวีต้องเป็นกวีอยู่ทุกลมหายใจ คือโดยหลักจริง ๆ แล้วผมยังเขียนบทกวีอยู่เรื่อย ๆ จะชำระของที่ดูไม่ค่อยเรียบร้อยให้เรียบร้อย ให้หมดจดขึ้น มีถ้อยคำที่ลงตัว คือพูดง่าย ๆ ว่า ถ้าเราตายไปแล้ว เราก็หมดโอกาสที่จะเปิดฝาโลงขึ้นมาชำระโคลงของเราให้เรียบร้อย คนที่เขียนกวี ถ้าบทกวีชิ้นใดไม่สมบูรณ์ ก็เหมือนเราไปปรโลกแล้วยังมีห่วงอยู่"
แต่ในการจะสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ได้ดีนั้นก็ต้องมีอารมณ์ที่จดจ่ออยู่กับงานด้วย
"โดยหลักการ การเขียนกาพย์กลอนต้องโปร่งใส ต้องใช้อิสระเสรี ถึงจะทำได้ดี ก็เหมือนทะเลเวลามีคลื่นลมมากเรือที่ลอยอยู่ก็สามารถจมได้ บางครั้งอารมณ์ไม่ดีก็ทำไม่ได้"
ส่วนในด้านงานจิตรกรรมนั้น อังคารเรียนวิชาวาดเขียนได้คะแนนดีมาโดยตลอด จนได้รับคำบันทึกจากคุณครูเขียนลงในสมุดรายงานว่า เป็นผู้มีใจรักและฝักใฝ่ในวิชาวาดเขียน เขามองว่าการวาดเขียนถึงแม้จะไม่ได้เงินทองมาก แต่จะมีประโยชน์ไปบริการทางวิญญาณ จะทำให้วิญญาณมนุษย์ดีขึ้น
อังคารยังให้ทัศนะในการทำงานว่า ก็เหมือนกับการเติบโตของต้นไม้ มันค่อย ๆ ขึ้นทีละใบสองใบ ค่อยแตกไปเรื่อย ๆ ถึงฤดูกาลก็แตกดอกออกผล ก่อนออกผลก็ออกดอกเสียก่อนไปตามลำดับ พร้อมกับยืนยันว่าจะไม่ขอทำอย่างอื่นแล้วในชีวิตนี้ จะทำงานเหล่านี้ไปตลอดจนถึงชาติหน้า ทั้งงานศิลปะ ไม่ว่าจะวาดหรือปั้น รวมถึงงานเขียนบทกวี และกล่าวถึงผู้สืบทอดในงานว่า "ไม่ได้คิดอะไร เหมือนเราเกิดมาเป็นต้นโพธิ์ ถึงฤดูกาลใบมันก็หล่นลงมายังพื้นดิน กลายเป็นดิน น้ำ ลม ไฟตามเดิม ใครที่เขาเห็นคุณค่า เขามาไถ่ถามก็ให้เขาไปตามเรื่อง"
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิงศพ นายอังคาร กัลยาณพงศ์ ณ เมรุวัดทองนพคุณ เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม 2556 เวลา 17.00 น.
== ศิลปินแห่งชาติ ==
คำประกาศเกียรติคุณ : นายอังคาร กัลยาณพงศ์ เป็นกวีร่วมสมัยผู้ได้รับการยกย่องว่า เป็นผู้สร้างสรรค์กวีนิพนธ์สมัยใหม่ให้แก่วรรณศิลป์ไทย โดยชุบชีวิตขนบวรรณศิลป์ไทยให้เติบโตสอดคล้องกับวรรณศิลป์ร่วมสมัย โดยการศึกษาวรรณศิลป์จากกวีโบราณเพื่อเข้าใจแก่นแท้ของสุนทรียะทั้งด้านความงามและความคิด และนำความเข้าใจนี้มาเป็นฐานรองรับการสร้างสรรค์วรรณศิลป์เฉพาะตนขึ้น ผลงานกวีนิพนธ์เป็นศิลปะซึ่งมุ่งสร้างสรรค์ให้เป็น “ กุศลศิลป์ ” อันจักช่วยจรรโลงโอบอุ้มจิตใจมนุษย์ให้ล่วงพ้นมลทินแห่งความหลงใหลในวัตถุ มุ่งเตือนมนุษย์ให้เห็นปัญญาในสังคม การทำลายธรรมชาติและการทำลายมนุษย์ด้วยกันเองโดยความเขลา โดยมิได้แสดงถึงปัญหาอย่างสิ้นหวังไร้ทางแก้ไข หากแต่มีความมั่นใจว่า การพินิจธรรมชาติและเรียนรู้ธรรมะจากธรรมชาติ จะช่วยให้มนุษย์รอดพ้นจากหายนะภัย อันจะเกิดขึ้นได้จากความเห็นแก่ตัวและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของมนุษย์เอง ภาษาวรรณศิลป์ที่ใช้เป็นความงาม ความสะเทือนใจ ทำให้ตระหนักในคุณค่าของธรรมชาติซึ่งเป็นสุนทรียะและทางรอดของมนุษย์ ได้ประกาศหน้าที่ของตนเองในฐานะกวี ด้วยความภาคภูมิใจว่าเป็นสิ่งสูงสุด ความรักความมุ่งมั่นแน่วแน่ในหน้าที่ของกวี ที่จะมอบความดีความงามแก่โลกเช่นนี้ ช่วยให้งานมีพลังสร้างสรรค์เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ เป็นประโยชน์อันประมาณมิได้แก่สังคมไทยและมนุษย์ทั้งมวล
นายอังคาร กัลยาณพงศ์ จึงได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (กวีนิพนธ์) ประจำปี พุทธศักราช ๒๕๓๒
== ผลงานรางวัลซีไรต์ ==
ปณิธานกวี (พ.ศ. 2529)
== เครื่องราชอิสริยาภรณ์ ==
== อ้างอิง ==
สมบัติ จำปาเงิน, ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๑-๒๕๓๓, สำนักพิมพ์ชมรมเด็ก, กรุงเทพฯ
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
คำประกาศเกียรติคุณ นาย อังคาร กัลยาณพงศ์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ สาขาย่อยกวีนิพนธ์ ปีที่ได้รับ๒๕๓๒
กวีนิพนธ์บางบทของอังคาร กัลยาณพงศ์ ที่เว็บไซต์ว่ายเวิ้งวรรณศิลป์
ผลงานบางส่วน ที่ เว็บไซต์สมาคมคนน่ารัก
สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น
บุคคลจากวิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์
บุคคลจากคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
นักเขียนชาวไทย
นักประพันธ์รางวัลซีไรต์ชาวไทย
จิตรกรชาวไทย
ศิลปินชาวไทย
ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์
บุคคลจากอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
กวีชาวไทย
บุคคลจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
พรรคศิลปิน
ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จ.ม.
|
thaiwikipedia
| 1,814 |
สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 1 ภัยซ่อนเร้น
|
สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 1 ภัยซ่อนเร้น (Star Wars: Episode I – The Phantom Menace) เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวมหากาพย์บันเทิงคดีอวกาศ ฉายเมื่อปี ค.ศ. 1999 กำกับและเขียนบทโดย จอร์จ ลูคัส สร้างโดย ลูคัสฟิล์ม จัดจำหน่ายโดย ทเวนตีท์เซนจูรีฟอกซ์ แสดงนำโดย เลียม นีสัน, ยวน แม็คเกรเกอร์, นาตาลี พอร์ตแมน, เจค ลอยด์, เอียน แมกเดอร์มิด, แอนโทนี แดเนียลส์, เคนนี เบเกอร์, เพอร์นิลลา ออกัสต์และแฟรงค์ ออซ ภัยซ่อนเร้น เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สี่ในภาพยนตร์ชุด สตาร์ วอร์ส และเป็นตอนที่หนึ่งของ "มหากาพย์สกายวอร์คเกอร์" ภาพยนตร์ดำเนินเรื่อง 32 ปีก่อน ไตรภาคเดิม ในยุคสาธารณรัฐกาแลกติก เล่าเรื่องราวของอาจารย์เจได ไควกอน จินน์ และศิษย์ของเขา โอบีวัน เคโนบี ขณะที่พวกเขาพยายามปกป้อง ราชินี แพดเม่ อมิดาลา แห่ง นาบู โดยหวังว่าจะยุติข้อพิพาททางการค้าระหว่างดวงดาวได้โดยสันติ ต่อมาทั้งสองคนได้พบกับ อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ทาสเด็กที่มีสัมผัสแรงกล้าในพลัง พวกเขาต่อสู้ไปพร้อม ๆ กันกับการกลับมาอย่างลึกลับของซิธ
หลัง การกลับมาของเจได ฉายแล้ว ลูคัสไม่มีแรงจูงใจที่จะกลับสานต่อแฟรนไชส์และเล่าเรื่องราวต่อจาก การกลับมาของเจได แม้ว่าเรื่องราวเบื้องหลังของอนาคินที่เขาสร้างไว้จะจุดประกายความสนใจในตัวเขาในการพัฒนาไตรภาคต้น หลังจากที่เขาตัดสินใจแล้วว่า ภาพที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ (ซีจีไอ) ได้ก้าวหน้าไปสู่ระดับที่เขาต้องการสำหรับเทคนิคพิเศษในไตรภาคต้น ลูคัสเริ่มเขียนบทภาพยนตร์ ภัยซ่อนเร้น ในปี ค.ศ. 1993 และเริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1994 การถ่ายทำเริ่มต้นเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1997 ที่ ลิฟส์เดนฟิล์มสตูดิโอส์ และทะเลทรายในตูนิเซียและสิ้นสุดการถ่ายทำเมื่อวันที่ 30 กันยายน ภัยซ่อนเร้น เป็นการกำกับภาพยนตร์ครั้งแรกในรอบ 22 ปี ของลูคัส ตั้งแต่เขากำกับ สตาร์ วอร์ส ในปี ค.ศ. 1977
ภัยซ่อนเร้น ฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1999 เกือบ 16 ปีหลัง การกลับมาของเจได ฉายครั้งแรก รอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์ครองพื้นที่สื่อจำนวนมาก และได้รับการคาดหวังอย่างมากเนื่องจากวัฒนธรรมขนาดใหญ่ ที่เกิดขึ้นหลังมหากาพย์เรื่อง สตาร์ วอร์ส ได้รับการปลูกฝังมาอย่างยาวนาน ภาพยนตร์ได้รับการตอบรับจากนักวิจารณ์ที่หลากหลาย โดยชมในเรื่องของวิชวลเอฟเฟกต์, ฉากโลดโผน, ดนตรีประกอบและการแสดง (โดยเฉพาะการแสดงจากนีสันและแม็คเกรเกอร์) แต่ติในเรื่องของบทภาพยนตร์, จังหวะการดำเนินเรื่องและตัวละคร (โดยเฉพาะ จาร์ จาร์ บิงคส์) ภัยซ่อนเร้น ประสบความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศและทำลายสถิติหลายรายการในวันเปิดตัว ภาพยนตร์ทำเงิน 924.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก ในระหว่างการฉายครั้งแรก, กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดในปี ค.ศ. 1999, เคยเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดอันดับที่สองทั้งในอเมริกาเหนือและทั่วโลก (รองจาก ไททานิค) และเคยเป็นภาพยนตร์ สตาร์ วอร์ส ที่ทำเงินสูงสุด ภาพยนตร์ฉายใหม่ในรูปแบบสามมิติในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 ทำเงินเพิ่มอีก 102.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐในบ็อกซ์ออฟฟิศ ทำให้ภาพยนตร์ทำเงินรวมกันมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาพยนตร์มีภาคต่ออีกสองภาค ได้แก่ กองทัพโคลนส์จู่โจม (2002) และ ซิธชำระแค้น (2005) รวมกันเป็น สตาร์ วอร์ส ไตรภาคต้น
== โครงเรื่อง ==
ในปีที่ 32 ก่อนยุทธการยาวิน เกิดความขัดแย้งกันขึ้นในเรื่องเกี่ยวกับการค้าระหว่างสหพันธ์พาณิชย์กับดาวนาบู (Naboo) ซึ่งก่อให้เกิดการปิดล้อมดาวนาบูขึ้น สมุหนายกวาโลรัมได้ลอบส่งอัศวินเจไดสองนาย คือ ไควกอน จินน์ (Qui-Gon Jinn) และโอบีวัน เคโนบี (Obi-Wan Kenobi) ออกไปแก้ปัญหาอย่างลับๆ แต่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่า แท้จริงแล้วสหพันธ์พาณิชย์นั้นได้ร่วมมือกับดาร์ธ ซิเดียส (Darth Sidious) ผู้ลึกลับ ซึ่งเป็นผู้สั่งการรุกรานดาวนาบู และสั่งฆ่าเจไดทั้งสองทันทีที่เดินทางไปถึงยังยานสหพันธ์ แต่อย่างไรก็ตาม ไควกอน และโอบีวันก็หลบหนีออกมาได้และเดินทางไปยังพื้นผิวดาวนาบู
บนดาวนาบู เจไดทั้งสองได้พบกับจาร์ จาร์ บิงคส์ (Jar Jar Binks) ชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่บนดาวนาบู จาร์ จาร์ บิงส์ช่วยพาเจไดทั้งสองคนหลบหนีกองทัพสหพันธ์ฯ ไปยังนครกันก้าเมืองใต้บาดาลของชาวกันแกน ในขณะเดียวกันทางด้านสหพันธ์ฯ ก็บุกรุกเข้าสู่นาบูและจับตัวราชินีแพดเม่ อมิดาลา (Queen Amidala) ผู้นำนาบูไว้ ด้านเจไดได้พบกับบอสแนซ (Boss Nass) ผู้นำชาวกันแกน และขอให้แนซช่วยชาวนาบู แต่แนซปฏิเสธและให้ยานแก่เจไดทั้งสองไป ด้วยยานดังกล่าว เจไดทั้งสองพร้อมด้วยจาร์จาร์บิงส์ได้เดินทางไปถึงเมืองหลวงของนาบู และเข้าช่วยเหลือราชินีอมิดาล่าจากกองทัพดรอย์ของสหพันธ์ไว้ได้ จากนั้นพวกเขาเดินทางสู่คอรัสซานท์ (Coruscant) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐ (Galactic Republic) เพื่อขอความช่วยเหลือจากสภาสูง ในระหว่างการเดินทางหลบหนีออกจากดาวนาบูนั้น ดรอย์ตัวหนึ่ง รหัส R2-D2 ได้กลายเป็นฮีโร่ เมื่อสามารถช่วยซ่อมแซมยานขณะถูกยานของสหพันธ์ไล่ยิงได้
อย่างไรก็ตาม จากการถูกโจมตีระหว่างเดินทางหลบหนีนั้น ทำให้จำเป็นต้องลงจอดยานบนดาวทะเลทรายทาทูอีนเพื่อทำการซ่อมแซม ในระหว่างหาซื้ออะไหล่ที่ต้องการอยู่นั้น พวกเขาก็ได้พบกับอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ (Anakin Skywalker) ทาสของพ่อค้าอะไหล่ชาวต่างดาวนามวัตโต้ (Watto) อนาคินเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ทางด้านการเป็นนักบินและการประดิษฐ์สิ่งจักรกลต่างๆ (เขาได้สร้างดรอย์ตัวหนึ่งได้เกือบสมบูรณ์ โดยให้ชื่อว่า ซีทรีพีโอ (C-3PO) ไควกอน จินสัมผัสถึงพลังที่แข็งแกร่งในตัวอนาคิน และรู้สึกว่าเขาอาจเป็นผู้ที่ถูกเลือก และนำสมดุลมาสู่พลัง ตามคำทำนายโบราณของเจได
ไควกอนนำอนาคินเข้าสู่การแข่งขันพอดเรซ (podrace) และพนันกับวัตโต้ในการให้อิสระแก่อนาคินหากอนาคินชนะการแข่งขัน (เพียงอนาคินเท่านั้น เนื่องจากไควกอนไม่สามารถต่อรองขอแลกอิสรภาพของทั้งอนาคินและแม่ได้) พร้อมกับไควกอนจะได้อะไหล่ยานที่ต้องการ อนาคินชนะการแข่งขันและได้ร่วมเดินทางสู่คอรัสซานท์ซึ่งไควกอนตั้งใจจะขออนุญาตจากสภาเจไดในการฝึกฝนอนาคินให้เป็นเจได แต่ในขณะเดียวกันนั้นดาร์ธ มอล (Darth Maul) ศิษย์ของซีเดียสได้ถูกส่งมายังทาทูอีนเพื่อกำจัดเจไดทั้งสองและจับตัวควีนอมิดาล่า โดยดาร์ธ มอลปรากฏตัวขึ้นในขณะที่พวกไควกอนกำลังจะขึ้นยานเพื่อเดินทางออกจากทาทูอีน ดาร์ธ มอลได้ต่อสู้กับไควกอน แต่ไควกอนก็สามารถขึ้นยานและเดินทางออกจากทาทูอีนได้สำเร็จ
บนคอรัสซานท์ ไควกอนได้แจ้งแก่สภาเจไดถึงบุคคลลึกลับที่เขาต่อสู้ด้วยบนทาทูอีน และเนื่องจากบุคคลผู้นั้นมีศิลปะการต่อสู้แบบเจได ทำให้สภาเป็นกังวลว่านี่อาจจะเป็นสัญญาณการกลับมาของซิธ (Sith) ผู้อยู่ในด้านมืดของพลังที่ได้หายสาบสูญไปนานแล้ว จากนั้นไควกอนได้แจ้งแก่สภาถึงเรื่องอนาคินและหวังว่าเขาจะได้รับอนุญาตให้ฝึกฝนอนาคินเป็นเจได แต่หลังจากได้รับการทดสอบแล้ว สภาเจไดได้ทำการปฏิเสธที่จะฝึกฝนอนาคินให้เป็นเจไดเนื่องจากเขาวัยมากกว่าตามที่กฎของเจไดกำหนดไว้ และพวกเขายังกังวลถึงอนาคตที่มืดมัวและความกลัวอย่างรุนแรงที่พวกเขาสัมผัสได้ในตัวอนาคิน
ขณะเดียวกันวุฒิสมาชิกพัลพาทีน (จากดาวนาบู) ก็ได้ใช้สถานการณ์ของควีนอมิดาล่าให้เป็นประโยชน์ โดยโน้มน้าวให้เธอยื่นไม่ไว้วางใจสมุหนายกวาโลรัม เพื่อที่ตนเองจะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นสมุหนายกคนใหม่ หลังจากนั้นควีนอมิดาล่าได้ตัดสินใจเดินทางกลับไปยังนาบู เพื่อต่อสู้กับการรุกรานเนื่องจากเห็นว่าสภาไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ และกว่าที่พัลพาทีนจะได้รับเลือกให้เป็นสมุหนายกคนใหม่ก็คงสายเกินไป โดยที่เจไดทั้งสองนาย ไควกอนและโอบีวันได้ร่วมเดินทางไปยังนาบูกับราชินีอมิดาล่าด้วย
เมื่อถึงดาวนาบู ควีนอมิดาล่าได้เข้าพบชาวกันแกนและขอความช่วยเหลือ ในการต่อสู้กับกองทัพสหพันธ์ฯ หลังจากต่อสู้กับกองทัพดรอย์ของสหพันธ์ฯ ไปได้ระยะหนึ่ง กองทัพกันแกนก็จวนเจียนจะพ่ายแพ้ แต่ก็กลับมาเป็นฝ่ายชนะ เมื่ออนาคินขับเครื่องบินรบและสามารถทำลายยานบัญชาการกองทัพดรอย์ของสหพันธ์ฯ ซึ่งทำให้กองทัพดรอย์หยุดการทำงานได้สำเร็จ ขณะเดียวกัน ทางด้านราชินีอมิดาล่าก็ได้พากำลังทหารของเธอกลับไปที่พระราชวัง เพื่อจับตัวอุปราชของสหพันธ์ฯ และในเวลาเดียวกันดาร์ธ มอลก็กำลังต่อสู้กับเจไดทั้งสอง เขาสังหารไควกอนได้สำเร็จ แต่ดาร์ธ มอลก็กลับถูกโอบีวันฆ่าตาย ก่อนที่ไควกอนจะสิ้นใจ เขาได้สั่งเสียโอบีวันให้ฝึกฝนอนาคินเป็นเจได ซึ่งโอบีวันก็รับปากตามที่ไควกอนขอ
หลังการสู้รบจบสิ้น สภาเจไดแต่งตั้งให้โอบีวันเป็นอัศวินเจได โอบีวันเอ่ยถึงความตั้งใจของไควกอนที่ต้องการฝึกฝนให้อนาคินเป็นเจไดกับโยดา (Yoda) โยดาอนุญาตให้โอบีวันรับอนาคินเป็นศิษย์อย่างไม่เต็มใจ ในพิธีเผาศพของไควกอน เมซ วินดู (Mace Windu) และโยดาเห็นต้องกันว่าการตายของไควกอนนั้นเป็นฝีมือของซิธ และเนื่องจากซิธจะต้องมีสองคนเสมอ (อาจารย์และศิษย์) วินดูและโยดาจึงเชื่อว่ายังมีซิธอีกคนเหลืออยู่ที่ไหนสักแห่ง
ภาพยนตร์ปิดฉากลงด้วยการเฉลิมฉลองอิสรภาพจากสหพันธ์ฯ บนดาวนาบู ราชินีอมิดาล่าได้มอบของขวัญให้แก่แนซเพื่อเป็นการยกย่องและเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ
== ตัวละครหลัก ==
เลียม นีสัน เป็น ไควกอน จิน
ยวน แม็คเกรเกอร์ เป็น โอบีวัน เคโนบี
เรย์ พาร์ค, ปีเตอร์ เซราฟิโนวิกซ์ (เสียง) เป็น ดาร์ธ มอล
นาตาลี พอร์ตแมน เป็น แพดเม่ อมิดาล่า
เจค ลอยด์ เป็น อนาคิน สกายวอล์คเกอร์
เอียน แมคเดียร์มิด, นิค เจมสัน (เสียง) เป็น พัลพาทีน
แซมมวล แอล. แจ็กสัน เป็น เมซ วินดู
แฟรงค์ ออซ เป็น โยดา
อาห์เม็ด เบสท์ เป็น จาร์ จาร์ บิงคส์
แอนโทนี่ แดเนียล เป็น ซีทรีพีโอ
เคนนี่ เบเกอร์ เป็น อาร์ทูดีทู
แลร์รี่ วาร์ด เป็น แจบบา เดอะ ฮัทท์
== การตอบรับ ==
สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 1: ภัยซ่อนเร้น ได้รับคำวิจารณ์หลายแบบจากนักวิจารณ์ รวมถึงเหล่าผู้ชมในต่างประเทศ ภาพยนตร์ชุดนี้ได้รับการตอบรับที่เรต 61% จากเว็บไซต์รอทเทนโตเมโต้ ด้วยคะแนนเฉลี่ยที่ 5.9/10 ซึ่งถือเป็นอันดับต่ำสุดของภาพยนตร์ชุด สตาร์วอร์ส การเขียนสคริปต์บางส่วนได้รับการวิจารณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จาร์ จาร์ บิงคส์ ที่ได้รับการสรุปโดยผู้ชมรุ่นเก่าหลายคนว่า เหมาะสำหรับจัดทำในรูปแบบเมอร์แชนไดส์มากกว่าตัวละครแบบจริงจังในภาพยนตร์
== บ็อกซ์ออฟฟิศ ==
แม้จะได้รับคำวิจารณ์ที่หลากหลาย แต่ สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 1: ภัยซ่อนเร้น ก็ประสบความสำเร็จในแง่ของรายรับ ด้วยการทำลายสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศจากการเปิดตัว ภาพยนตร์ชุดนี้ได้ทำลายสถิติ เดอะ ลอสต์ เวิลด์ จูราสสิค พาร์ค ด้วยรายรับภายในวันเดียวกว่า 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐของวันเปิดตัว (ก่อนที่ แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ จะทำลายสถิติลงใน ค.ศ. 2001) และสามารถสร้างรายรับรวมได้ที่ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในช่วงระยะเวลาห้าวัน (ก่อนที่ สไปเดอร์แมน จะทำลายสถิติลงใน ค.ศ. 2002) ภาพยนตร์ชุดนี้ยังเป็นภาพยนตร์ที่สามารถทำรายได้ที่ 200 ล้าน และ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทำลายสถิติของ สงครามวันดับโลก และ ไททานิก โดย สตาร์ วอร์ส เอพพิโซด 1: ภัยซ่อนเร้น จัดเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดใน ค.ศ. 1999 ที่สามารถทำรายได้กว่า 431 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอเมริกาเหนือ และ 493 ล้านเหรียญสหรัฐในต่างแดน
== อ้างอิง ==
เชิงอรรถ
อ้างอิง
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Star Wars Episode I: The Phantom Menace ใน Wookieepedia: The Star Wars Wiki
สตาร์ วอร์ส
ภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2542
ภาพยนตร์ที่กำกับโดย จอร์จ ลูคัส
ภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส
ภาพยนตร์ปฐมบท
ภาพยนตร์โดยลูคัสฟิล์ม
ภาพยนตร์โดยทเวนตีธ์เซนจูรีฟอกซ์
ภาพยนตร์หุ่นยนต์
ภาพยนตร์ผจญภัยในอวกาศ
ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในประเทศตูนิเซีย
ภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในประเทศอิตาลี
|
thaiwikipedia
| 1,815 |
จังหวัดนครสวรรค์
|
นครสวรรค์ เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในตอนบนของภาคกลาง หรือบางหน่วยงานจัดให้อยู่ในตอนล่างของภาคเหนือ จึงได้รับสมญานามว่าเป็น "ประตูสู่ภาคเหนือ" มีพื้นที่ประมาณ 9,597 ตารางกิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์อีกจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย มีพื้นที่ติดต่อกับหลายจังหวัด ได้แก่ ด้านเหนือ ติดต่อกับจังหวัดพิจิตรและกำแพงเพชร ทางตะวันออกติดกับจังหวัดเพชรบูรณ์และลพบุรี ด้านใต้ติดกับจังหวัดสิงห์บุรี, ชัยนาท และอุทัยธานี ส่วนด้านตะวันตกติดกับจังหวัดตาก
== ประวัติศาสตร์ ==
นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าเมืองนครสวรรค์มีชื่อปรากฏมาตั้งแต่ก่อนสุโขทัยเป็นราชธานี มีชื่อในศิลาจารึกของสุโขทัย โดยเรียกว่าเมืองพระบาง เป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญในการทำศึกสงครามตั้งแต่สมัยสุโขทัย, กรุงศรีอยุธยา, ธนบุรี จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ ภายหลังเปลี่ยนเป็นนครสวรรค์ในที่สุด แต่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกกันติดปากว่า เมืองปากน้ำโพ ในประวัติศาสตร์มีหลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่านครสวรรค์เคยเป็นเมืองเกษตรกรรมมาตั้งแต่ยุคต้นประวัติศาสตร์ เป็นศูนย์กลางของการคมนาคม เป็นที่ตั้งของกลุ่มชนชาวจีนที่มาทำมาค้าขายระหว่างประเทศ
เมืองพระบางเป็นเมืองโบราณในสมัยสุโขทัยคู่กับเมืองคนที โดยตัวเมืองพระบางอยู่ที่เมืองนครสวรรค์เก่า ส่วนเมืองคนทีสันนิษฐานว่าอยู่ที่บ้านโคน ริมฝั่งแม่น้ำปิง จังหวัดกำแพงเพชร จากข้อมูลในศิลาจารึกสมัยสุโขทัย เมืองพระบางถูกผนวกรวมกันเข้ากับอาณาจักรสุโขทัยในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์และตั้งตัวเป็นอิสระเมื่อสิ้นสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช และถูกผนวกรวมอีกครั้งในสมัยพระยาลิไท พระองค์ได้ประดิษฐานพระพุทธบาทพร้อมทั้งศิลาจารึกวัดเขากบไว้ที่เขากบ ปัจจุบันอยู่ใจกลางเมืองนครสวรรค์ ในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 3 (ไสลือไท) ที่ประกาศให้สุโขทัยเป็นเอกราชได้รวมเมืองพระบางไว้ในอาณาเขตด้วย
เมื่ออำนาจของกรุงศรีอยุธยากล้าแข็งขึ้น เมืองพระบางจึงไปขึ้นกับกรุงศรีอยุธยาในที่สุด มีหลักฐานใน ตำนานมูลศาสนา ว่า พระญาณคัมภีร์ ขอที่สร้างวัดในอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 1972 สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ไม่อนุญาตจึงมาขอที่ที่เมืองพระบาง เจ้าเมืองพระบางไม่ยกที่ให้ อ้างว่าเป็นข้าขอบขัณฑสีมาของอยุธยา เมื่ออยุธยาไม่ให้ ทางเมืองพระบางก็ให้ไม่ได้
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้มีการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองส่วนภูมิภาค นครสวรรค์ได้เป็นที่ตั้งมณฑลนครสวรรค์ ซึ่งเป็น 1 ใน 4 มณฑลที่ตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2438 ในการจัดตั้งมณฑลนครสวรรค์ ได้รวมเอาหัวเมืองทางแม่น้ำเจ้าพระยาตอนเหนือขึ้นไปจนถึงแม่น้ำปิงเข้าด้วยกัน 8 เมืองได้แก่ นครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี พยุหะคีรี มโนรมย์ สรรคบุรี กำแพงเพชร และตาก โดยมีพระยาดัสกรปลาศ (ทองอยู่ โลหิตเสถียร) เป็นข้าหลวงเทศาภิบาลคนแรก ตั้งที่ว่าการมณฑลอยู่ที่เมืองนครสวรรค์ การจัดรูปปกครองในลักษณะมณฑลได้ดำเนินการ มาจนถึง พ.ศ. 2475 จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ยุบมณฑลและระเบียบเทศาภิบาลของเก่าไปให้คงไว้แต่หัวเมืองและอำเภอ โดยให้ทุกเมืองมีฐานะเท่าเทียมกัน ปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อเจ้ากระทรวง และรับคำสั่งจากเจ้ากระทรวงโดยตรง
เดิมทีเมืองพระบางหรือนครสวรรรค์ตั้งอยู่หลังตลาดปากน้ำโพ บริเวณวัดสี่เข่า หรือ วัดวรนาถบรรพต ต่อมาได้ย้ายไปตั้งอยู่ที่ตำบลทางฟากตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ห่างจากปากน้ำโพมาข้างใต้ประมาณ 200 เส้น หลักฐานแผนที่ของ ปิแอร์ ฟาน เดอ อา นักแผนที่ชาวฮอลันดา ระบุว่าในช่วงอยุธยาตอนปลาย รัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ เมืองนครสวรรค์ได้ตั้งอยู่บนบริเวณพื้นที่ทางใต้ บริเวณบ้านไผ่ล้อม ใต้มณฑลทหารบกที่ 4 ต่อมาในช่วงรัชกาลที่ 5 ได้มีการย้ายเมืองมาบริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ในปัจจุบัน โดยคนพื้นที่สมัยนั้นเรียกว่า “เมืองชอนตะวัน” เพราะตื่นขึ้นมาตะวันมันจะแยงตา ต่อมาเมื่อพื้นที่ของเมืองปากน้ำโพและเมืองนครสวรรค์ขยายตัวขึ้น จึงถูกควบรวมเข้าเป็นพื้นที่การปกครองเดียวกัน เรียกว่า อำเภอเมืองนครสวรรค์ โดยที่ว่าการอำเภอเมืองนครสวรรค์ ไปตั้งที่ปากน้ำโพ ส่วนศาลากลางจังหวัดตั้งที่เมืองนครสวรรค์เดิม
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ภูมิประเทศ ===
สภาพภูมิประเทศของจังหวัดนครสวรรค์อยู่ในดินแดนของลุ่มน้ำ เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำสายหลักของภาคกลาง นั่นคือ แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเกิดจากการไหลบรรจบของแม่น้ำสองสายจากภาคเหนือ ได้แก่ แม่น้ำปิงและแม่น้ำน่าน ด้วยเหตุนี้ นอกจากนี้ยังมีภูเขาขนาดย่อมกระจัดกระจายในอำเภอต่าง ๆ
=== ภูมิอากาศ ===
จังหวัดนครสวรรค์ตั้งอยู่ในเขตร้อนแบบมรสุม
== หน่วยการปกครอง ==
การปกครองส่วนภูมิภาคแบ่งออกเป็น 15 อำเภอ 130 ตำบล 1328 หมู่บ้าน
{|
| width="250" valign="top" |
อำเภอเมืองนครสวรรค์
อำเภอโกรกพระ
อำเภอชุมแสง
อำเภอหนองบัว
อำเภอบรรพตพิสัย
อำเภอเก้าเลี้ยว
อำเภอตาคลี
อำเภอท่าตะโก
| width="250" valign="top" |
อำเภอไพศาลี
อำเภอพยุหะคีรี
อำเภอลาดยาว
อำเภอตากฟ้า
อำเภอแม่วงก์
อำเภอแม่เปิน
อำเภอชุมตาบง
|}
== โครงสร้างพื้นฐาน ==
=== โรงพยาบาล ===
==== อ.เมืองนครสวรรค์ ====
โรงพยาบาลรัฐ
โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์
โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ (เขาเขียว)
โรงพยาบาลเมืองสี่แคว (ในเครือโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์)
โรงพยาบาลแม่และเด็ก (ศูนย์อนามัยที่ 3)
โรงพยาบาลค่ายจิรประวัติ
โรงพยาบาลเอกชน
โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ําโพ 1
โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ําโพ 2
โรงพยาบาลศรีสวรรค์ (ศูนย์หัวใจศรีสวรรค์ โดยโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ)
โรงพยาบาลร่มฉัตร
โรงพยาบาลรวมแพทย์
โรงพยาบาลสินแพทย์ (โครงการก่อสร้าง)
==== อ.พยุหะคีรี ====
โรงพยาบาลรัฐ
ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์
โรงพยาบาลจิตเวชนครสวรรค์ราชนครินทร์
โรงพยาบาลพยุหะคีรี
==== อ.ตาคลี ====
โรงพยาบาลรัฐ
โรงพยาบาลตาคลี
โรงพยาบาลกองบิน 4
โรงพยาบาลเอกชน
โรงพยาบาลแพทย์ช่องแค
=== อ.ลาดยาว ===
โรงพยาบาลรัฐ
โรงพยาบาลลาดยาว
=== การศึกษา ===
โรงเรียน
ระดับอาชีวศึกษา
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนครสวรรค์
วิทยาลัยการอาชีพบรรพตพิสัย
วิทยาลัยเทคนิคนครสวรรค์
วิทยาลัยเทคนิคแม่วงก์
วิทยาลัยอาชีวศึกษานครสวรรค์
วิทยาลัยการอาชีพนครสวรรค์
วิทยาลัยเทคโนโลยีภาคเหนือ
วิทยาลัยเทคโนโลยีและการจัดการตากฟ้า
วิทยาลัยอาชีวศึกษาวิริยาลัยนครสวรรค์
โรงเรียนสหพานิชยการ อำเภอเมืองนครสวรรค์
ระดับอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ศูนย์การศึกษาย่านมัทรี
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ศูนย์วิทยพัฒนา จังหวัดนครสวรรค์
มหาวิทยาลัยภาคกลาง
มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สวรรค์ประชารักษ์ นครสวรรค์
มหาวิทยาลัยนเรศวร ศูนย์วิทยบริการ จังหวัดนครสวรรค์
มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์
มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี ศูนย์ตาคลี อำเภอตาคลี
=== การขนส่ง ===
การขนส่งทางถนนในจังหวัดนครสวรรค์ ประกอบไปด้วยทางหลวงสำคัญ ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 หรือถนนพหลโยธิน เชื่อมต่อไปยังภาคกลางตอนล่างและภาคเหนือ, ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 117 เชื่อมต่อกับจังหวัดพิจิตรและจังหวัดพิษณุโลก, ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 11 เชื่อมต่อกับจังหวัดสิงห์บุรี, จังหวัดพิจิตร และจังหวัดพิษณุโลก และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 225 เชื่อมต่อกับจังหวัดเพชรบูรณ์, จังหวัดชัยภูมิ ไปจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี
จังหวัดนครสวรรค์มีสถานีรถไฟนครสวรรค์บนทางรถไฟสายเหนือของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตัวสถานีตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับตัวเมืองที่อยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขนส่งทางอากาศโดยมีท่าอากาศยานนครสวรรค์
== เศรษฐกิจ ==
จังหวัดนครสวรรค์เป็นศูนย์กลางการคมนาคมในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน เพราะเป็นชุมทางของคมนาคมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นถนน, รถไฟ หรือทางน้ำ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของท่าข้าวกำนันทรงหรือนาย ทรง องค์ชัยวัฒนะ ซึ่งเป็นตลาดกลางค้าข้าวแห่งแรกของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่มีเทศบาลนครที่เจริญเป็นอันดับที่ 13 ของประเทศไทย ข้อมูลจากรายชื่อเมืองใหญ่ของประเทศไทยเรียงตามจำนวนประชากร
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดนครสวรรค์
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดนครสวรรค์
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครสวรรค์
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
ข้อมูลจังหวัดนครสวรรค์จากเว็บไซต์ nakhonsawanprovince.com
|
thaiwikipedia
| 1,816 |
จังหวัดฉะเชิงเทรา
|
ฉะเชิงเทรา เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับกรุงเทพมหานคร จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดสระแก้ว จังหวัดจันทบุรี จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ รวมถึงมีอาณาเขตติดกับอ่าวไทยเป็นระยะสั้นประมาณ 12 กิโลเมตร
== ศัพทมูลวิทยา ==
ที่มาของคำว่า "ฉะเชิงเทรา" มีข้อสันนิษฐานที่แตกต่างกัน 2 ข้อ คือ
คำว่า ฉะเชิงเทรา มาจากคำภาษาเขมร 2 คำ คือ สทึง+เจรา ซึ่ง สทึง (ស្ទឹង) แปลว่า แม่น้ำสายย่อย และ เจรา (ជ្រៅ) แปลว่า ลึก เมื่อรวมความหมายก็ได้ว่า แม่น้ำลึก ซึ่งหมายถึงแม่น้ำบางปะกงนั่นเอง (มีผู้โต้แย้งข้อสันนิษฐานนี้ เนื่องจากว่าเมืองฉะเชิงเทรานั้นตั้งขึ้นมาในสมัยเดียวกับเมืองสาครบุรี เมืองนครไชยศรี และเมืองนนทบุรี ซึ่งไม่น่าจะมีคำเขมรมาปนอยู่ในชื่อเมืองแล้ว)
คำว่า ฉะเชิงเทรา อาจเพี้ยนมาจากคำว่า แสงเชรา แสงเซา หรือ แซงเซา (ข้อสันนิษฐานนี้ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน)
==ประวัติ==
พ.ศ. 1000 มีชุมชนบ้านเมืองโบราณบริเวณสองฝั่งคลองลำน้ำท่าลาด หรือคลองท่าลาด ที่ไหลผ่านอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา หลายแห่งตั้งแต่บ้านเกาะขนุน ถึงบ้านท่าเกวียน ฯลฯ หลังพ.ศ. 1500 ฉะเชิงเทราและดินแดนใกล้เคียงคือ เมืองมโหสถ (อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี) กับเมืองพระรถ (อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี) ต่างรุ่งเรืองขึ้นจากการค้าโลก และมีความเกี่ยวข้องเป็นเครือญาติกับกษัตริย์ขอมทั้งเมืองละโว้ (ลพบุรี) และเมืองพระนคร (กัมพูชา) จนหลังหลัง พ.ศ. 1700 บริเวณลุ่มน้ำบางปะกง ตั้งแต่เขตฉะเชิงเทราถึงปราจีนบุรีกลายเป็นป่าดง เนื่องจากเป็นที่ดอนมากขึ้นจากทับถมของตะกอนปากแม่น้ำ ส่งผลให้เส้นทางคมนาคมออกอ่าวไทยไม่ค่อยสะดวกเช่นเดิม จนหลัง พ.ศ. 2000 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 โปรดให้ซ่อมแปลงคลองสำโรง ซึ่งเชื่อมแม่น้ำบางปะกง กับแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อให้สะดวกในการคมนาคม
ในสมัยรัชกาลที่ 3 หลังปี พ.ศ. 2369 ทรงยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์ ได้มีการกวาดต้อนครัวลาวพวกหนึ่งมาอยู่ที่ลุ่มแม่น้ำบางปะกง เกิดเมืองใหม่ชื่อ เมืองฉะเชิงเทรา แต่ปากชาวบ้านเรียกชื่อเดิมที่มีมาก่อนว่า เมืองแปดริ้ว (ปัจจุบันคือ อำเภอบางคล้า) มีการสร้างป้อมเมืองฉะเชิงเทราเพื่อป้องกันศึกญวนและเขมรที่มาทางแม่น้ำบางปะกง และอ่าวไทย ราวปี พ.ศ. 2377 ต่อมา พ.ศ. 2381 ให้อพยพครอบครัวเจ้าองค์ด้วง แห่งกัมพูชา เข้ากรุงเทพฯ ส่วนบ่าวไพร่ทั้งหลายให้อยู่เมืองฉะเชิงเทรา (บริเวณ ชุมชนวัดดอนทอง ปากคลองบางตีนเป็ด ตรงข้ามอำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา)
ในสมัยรัชกาลที่ 4 โปรดให้ยกบ้านท่าถ่านเป็นเมืองพนมสารคาม (อำเภอพนมสารคาม) และต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ปี พ.ศ. 2459 โปรดให้เมืองฉะเชิงเทรากับเมืองพนมสารคาม รวมกันสถาปนาเป็น จังหวัดฉะเชิงเทรา
== ภูมิศาสตร์ ==
ภูมิประเทศของจังหวัดฉะเชิงเทราแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนตะวันตกของจังหวัดตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำบางปะกง ส่วนตะวันออกมีลักษณะเป็นเนินเขา ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยกว่า 100 เมตร จังหวัดฉะเชิงเทรามีเกาะจำนวน 1 เกาะ คือ เกาะกลาง ที่บริเวณปากแม่น้ำบางปะกง
== สัญลักษณ์ของจังหวัด==
ตราประจำจังหวัด เป็นรูปพระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหารหลังใหม่ หมายถึง ที่ประดิษฐานพระพุทธโสธร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญของเมือง ตำนานเล่าว่าเป็นพระพุทธรูปแสดงปาฏิหาริย์ ลอยทวนน้ำมา ขึ้นที่จังหวัด ชาวเมืองเคารพ ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บันดาลให้ดิน และน้ำอุดมสมบูรณ์ มีรูปครุฑ และชื่อจังหวัดฉะเชิงเทราอยู่ด้านล่างโบสถ์
สีหลังคาพระอุโบสถ : เป็นสีด่อน (สีเทาควันบุหรี่) ซึ่งเป็นจริงของหลังคาพระอุโบสถหลังใหม่
พื้นหน้าพระอุโบสถ : เป็นสีเทาอ่อน มิใช่สีดำ
ขอบสีรอบเครื่องหมายราชการ : เป็นสีแดงเลือดหมู ซึ่งเป็นสีประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา
ต้นไม้ประจำจังหวัด นนทรีป่า
ดอกไม้ประจำจังหวัด นนทรี
สัตว์น้ำประจำจังหวัด ปลากะพงขาวหรือปลาโจ้โล้
ลักษณะรูปร่างของจังหวัดฉะเชิงเทรา ลักษณะรูปร่างของจังหวัดฉะเชิงเทรามีรูปร่างคล้ายกับ "ค้อนตอกตะปู"
คำขวัญประจำจังหวัด “แม่น้ำบางปะกงแหล่งชีวิต พระศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อโสธร พระยาศรีสุนทรปราชญ์ภาษาไทย เขาอ่างฤๅไนป่าสมบูรณ์”
== หน่วยการปกครอง ==
การปกครองแบ่งออกเป็น 11 อำเภอ 93 ตำบล 859 หมู่บ้าน
อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
อำเภอบางคล้า
อำเภอบางน้ำเปรี้ยว
อำเภอบางปะกง
อำเภอบ้านโพธิ์
อำเภอพนมสารคาม
อำเภอราชสาส์น
อำเภอสนามชัยเขต
อำเภอแปลงยาว
อำเภอท่าตะเกียบ
อำเภอคลองเขื่อน
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
มีองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด 110 แห่ง แบ่งออกเป็น 1 เทศบาลเมือง 33 เทศบาลตำบล 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด และ 74 องค์การบริหารส่วนตำบล โดยมีรายชื่อเทศบาลดังนี้
อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา
เทศบาลตำบลนครเนื่องเขต
อำเภอบางคล้า
เทศบาลตำบลบางคล้า
เทศบาลตำบลปากน้ำ
อำเภอบางน้ำเปรี้ยว
เทศบาลตำบลดอนฉิมพลี
เทศบาลตำบลบางขนาก
เทศบาลตำบลบางน้ำเปรี้ยว
เทศบาลตำบลศาลาแดง
เทศบาลตำบลดอนเกาะกา
เทศบาลตำบลคลองแสนแสบ
อำเภอบางปะกง
เทศบาลตำบลท่าข้าม
เทศบาลตำบลพิมพา
เทศบาลตำบลท่าสะอ้าน
เทศบาลตำบลหอมศีล
เทศบาลตำบลบางปะกง
เทศบาลตำบลบางวัว
เทศบาลตำบลบางวัวคณารักษ์
เทศบาลตำบลบางผึ้ง
เทศบาลตำบลบางปะกงพรหมเทพรังสรรค์
เทศบาลตำบลบางสมัคร
อำเภอบ้านโพธิ์
เทศบาลตำบลเทพราช
เทศบาลตำบลบ้านโพธิ์
เทศบาลตำบลลาดขวาง
เทศบาลตำบลแสนภูดาษ
อำเภอพนมสารคาม
เทศบาลตำบลเกาะขนุน
เทศบาลตำบลเขาหินซ้อน
เทศบาลตำบลพนมสารคาม
เทศบาลตำบลบ้านซ่อง
เทศบาลตำบลท่าถ่าน
อำเภอราชสาส์น
ไม่มีเทศบาล
อำเภอสนามชัยเขต
เทศบาลตำบลสนามชัยเขต
อำเภอแปลงยาว
เทศบาลตำบลทุ่งสะเดา
เทศบาลตำบลแปลงยาว
เทศบาลตำบลหัวสำโรง
เทศบาลตำบลวังเย็น
อำเภอท่าตะเกียบ
ไม่มีเทศบาล
อำเภอคลองเขื่อน
ไม่มีเทศบาล
== ประชากร ==
== การศึกษา ==
=== มหาวิทยาลัย ===
มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์
มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา ฉะเชิงเทรา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาลัยสงฆ์พุทธโสธร
=== วิทยาลัย ===
วิทยาลัยอาชีวศึกษาฉะเชิงเทรา
วิทยาลัยเทคนิคฉะเชิงเทรา
วิทยาลัยเทคนิคจุฬาภรณ์ (ลาดขวาง)
วิทยาลัยเทคนิคพนมสารคาม
วิทยาลัยการอาชีพบางปะกง
วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีฉะเชิงเทรา
วิทยาลัยสารพัดช่างฉะเชิงเทรา
วิทยาลัยเทคโนโลยีฉะเชิงเทรา
วิทยาลัยเทคโนโลยียานยนต์โตโยต้า
วิทยาลัยเทคโนโลยีบุรณวิชญ์-บ้านโพธิ์
=== โรงเรียน ===
== การขนส่ง ==
=== ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ ===
อำเภอบ้านโพธิ์ 16 กิโลเมตร
อำเภอคลองเขื่อน 18 กิโลเมตร
อำเภอบางปะกง 20 กิโลเมตร
อำเภอบางนํ้าเปรี้ยว 21 กิโลเมตร
อำเภอบางคล้า 25 กิโลเมตร
อำเภอราชสาส์น 32 กิโลเมตร
อำเภอแปลงยาว 33 กิโลเมตร
อำเภอพนมสารคาม 35 กิโลเมตร
อำเภอสนามชัยเขต 51 กิโลเมตร
อำเภอท่าตะเกียบ 79 กิโลเมตร
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
วัดโสธรวรารามวรวิหาร
กำแพงเมืองฉะเชิงเทรา
ศาลหลักเมืองฉะเชิงเทรา
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ ฉะเชิงเทรา
วัดเมือง
วัดจีนประชาสโมสร
วัดโพธิ์บางคล้า
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน
เขาหินซ้อน
ศูนย์ศึกษาพัฒนาการสังคมหมู่บ้าน
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน
สมาคมสงเคราะห์การกุศลฉะเชิงเทรา (เจ้าแม่กวนอิมลอยน้ำ)
สวนน้ำเกาะแก้วบางปะกง
สวนปาล์มฟาร์มนก
ตลาดน้ำบางคล้า
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
=== ด้านศาสนา ===
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) – สมเด็จพระราชาคณะ เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร
พระพรหมคุณาภรณ์ (เจียม จิรปุญฺโญ) – พระราชาคณะเจ้าคณะรอง อดีตเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร
พระเทพวชิรโสภณ (สุรพล ชิตญาโณ) – เจ้าคณะภาค 12 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
พระราชปริยัติสุนทร (อมรภิรักษ์ ปสฺสนฺโน) – อดีตเจ้าคณะจังหวัด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร,ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 12
พระเทพภาวนาวชิรคุณ (ศิริวัฒน์ สิริวฑฺฒโน) – เจ้าคณะจังหวัด เจ้าอาวาสพระอารามหลวงวัดโสธรวรารามวรวิหาร
พระครูสิทธิสารคุณ (จาด คังคสโร) – อดีตเจ้าอาวาสวัดบางกะเบา
หลวงปู่ไข่ อินทสโร – พระเกจิอาจารย์ชาวไทย
หลวงพ่อฟู อติภทฺโท พระเกจิอาจารย์
พระชลญาณมุนี (สมโภช ธมฺมโภชฺโช) เจ้าคณะอำเภอเมืองชลบุรี (ธรรมยุต)
=== ด้านวงการบันเทิง ===
ธนพล นิ่มทัยสุข - นักแสดง
รุ่งเรือง อนันตยะ - นักแสดง
วี จิราพร - นักร้องลูกทุ่ง
วิจิตร คุณาวุฒิ - ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ภาพยนตร์และละคร) ประจำปี พ.ศ. 2530
ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก - นางสาวไทยปี 2531 และนางงามจักรวาลปี 1988
พัชราภา ไชยเชื้อ - นักแสดง นางแบบ
กนกอร บุญมา- นางสาวไทย พ.ศ. 2515
ชัยชนะ บุญนะโชติ- เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง
นิสา วงวัฒน์- นักแสดง
ปราบ ยุทธพิชัย- นักแสดง พิธีกร
เพิ่มพล เชยอรุณ- ผู้กำกับภาพยนตร์ไทย
ราม ราชพงษ์- นักแสดง
แมน ธีระพล- อดีตนักแสดง
ละอองดาว สกาวเดือน- นักร้องลูกทุ่ง
อุบลวรรณ บุญรอด- นักแสดง
ภูธนิน สินสมใจ- นักแสดง
พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร- นักแสดง
สไปร์ท (ศุกลวัฒน์ พวงสมบัติ) - นักร้องแร็ปเปอร์
รพีพรรณ แช่มเจริญ (เหมย CGM48) – นักร้อง
พิมพ์มาดา ตั้งสี (มีมี่ Last Idol) – นักร้อง
=== ด้านวงการกีฬา ===
พลเรือตรีหลวงเจียรกลกาล (เจียม เจียรกุล น้องชาย นายนี้ เจียรกุล ผู้ให้กำเนิด โรงเรียนบางปะกง “บวรวิทยายน”) นักฟุตบอลทีมนายเรือ ชุดถ้วยทองหลวง พ.ศ. 2458 ทูตทหารเรือไทยคนแรก ณ กรุงโรม และ นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ คนที่ 8
ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์ - นักมวยไทยชื่อดัง
สามารถ พยัคฆ์อรุณ - นักมวยไทยชื่อดังและอดีตแชมป์โลกมวยสากล
ก้องธรณี พยัคฆ์อรุณ - นักมวยไทยชื่อดัง
ทรงชัย รัตนสุบรรณ - โปรโมเตอร์มวย
อดุลย์ ศรีโสธร- ยอดมวยไทยในอดีต
ชูชัย ลูกปัญจมา- เป็นนักกีฬามวยไทย
เดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิต- เป็นนักมวยไทยชื่อดัง เจ้าของฉายา "ไอ้ปลิว" หรือ "ไอ้ปลิวใจเพชร"
มนต์ชัย สุภจิรกุล- เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนวอลเลย์บอลชายทีมชาติไทย
วิลาศ น้อมเจริญ- เป็นอดีตผู้รักษาประตูฟุตบอลทีมชาติไทย
ปรีชา พิมพ์พันธ์- เป็นคนไทยคนแรกที่ปั่นจักรยานทางไกล จากประเทศไทยไปประเทศสหรัฐอเมริกา เคยเป็นอดีตโค้ชนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย ปัจจุบันเป็นผู้จัดการโรงเรียนจิรศาสตร์วิทยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
=== ด้านวงการวิชาการ ===
พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) - ผู้แต่งตำราเรียนชุดแรกของไทย
โกวิท วรพิพัฒน์ - อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ อธิบดีกรมสามัญศึกษา อธิบดีกรมวิชาการ อธิบดีกรมการศึกษานอกโรงเรียน สมาชิกวุฒิสภา และอีกหลาย ๆ ตำแหน่ง
หม่อมหลวงมานิจ ชุมสาย- นักเขียน นักประวัติศาสตร์
เรียน วันเจริญ- ปราชญ์ชาวบ้านตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
สัชฌุเศรษฐ์ เรืองเดชสุวรรณ-ผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมทางวิทยาการและการประกอบการ มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การตลาด Micro SMEs เจ้าของโครงการ Mini-Giant Entrepreneurship
อมร วาณิชวิวัฒน์ - อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล - อาจารย์ภาควิชาอายุรศาสตร์ สาขาโรคปอดและวัณโรค คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ผู้นำนักรบเสื้อกาวน์และบุคลากรสาธารณสุขในการสู้ภัยการระบาดของโควิด-19 ของประเทศไทย
=== ด้านวงการธุรกิจ ===
▪ นายวิชัย มาลีนนท์ ผู้ก่อตั้งและบุกเบิก สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 อ.ส.ม.ท.
=== ด้านวงการทหาร ===
พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ - อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 และอดีตองคมนตรีในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
=== ด้านวงการตำรวจ ===
พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ - อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8
วินัย ทองสอง- อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล
=== ด้านราชการพลเรือน ===
ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร - เป็นข้าราชการชาวไทย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการ จังหวัดปทุมธานี เป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดจังหวัดพะเยา อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง อดีตผู้ตรวจราชการของกระทรวงมหาดไทย อดีตที่ปรึกษาด้านวิศวกรรมสำรวจของกรมที่ดิน อดีตผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีทำแผนที่กรมที่ดิน อดีตผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลแผนที่ของกรมที่ดิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นบัญชีของกระทรวงการคลัง สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับการให้เอกชนลงทุนในโครงการของรัฐ เขามีชื่อเสียงจากการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถานการณ์ช่วยเหลือเด็กและโค้ชติดถ้ำ 13 คน ในปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัยถ้ำหลวง ระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2561 – 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
=== ด้านอื่น ๆ ===
นายบุญทบ อรัณยะกานนท์- อดีตนายกเทศมนตรีเมืองฉะเชิงเทรา ปี พ.ศ. 2500-2515
ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ - นักการเมือง อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรและรัฐมนตรีในหลายกระทรวง ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยรังสิต
อนันต์ ฉายแสง - อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา และ อดีต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในสมัยรัฐบาล ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
พินิจ จารุสมบัติ - อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในหลายกระทรวง, อดีตหัวหน้าพรรคเสรีธรรม
จาตุรนต์ ฉายแสง - อดีตรองนายกรัฐมนตรี ,อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
วุฒิพงศ์ ฉายแสง - อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฐิติมา ฉายแสง - โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
สมชัย อัศวชัยโสภณ- สมาชิกาสภาผู้แทนราษฎร 3 สมัย,ประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุและผู้พิการ รัฐสภา,อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา 3 สมัย
บุญเลิศ ไพรินทร์ - อดีตสมาชิกวุฒิสภา และโหราจารย์ที่มีชื่อเสียง
ศ.ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน- อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อดีตปลัดทบวงมหาวิทยาลัย
กระจ่าง ตุลารักษ์- ผู้ทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475
ไกรสร นันทมานพ- นักการเมือง
นิคม ไวยรัชพานิช- อดีตประธานวุฒิสภาไทย
ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์- เป็นอดีตประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย
พิเชษฐ์ ตันเจริญ- อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
สวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์- อดีตจุฬาราชมนตรีของประเทศไทย
เสกสรรค์ ประเสริฐกุล- เป็นอดีตผู้นำนักศึกษาในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 และนักเขียนรางวัลศรีบูรพา
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดฉะเชิงเทรา
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดฉะเชิงเทรา
สโมสรฟุตบอลฉะเชิงเทรา
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดฉะเชิงเทรา
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดฉะเชิงเทรา
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
จังหวัดฉะเชิงเทรา
|
thaiwikipedia
| 1,817 |
บล็อก
|
''สำหรับความหมายอื่นของ บล็อก ดูได้ที่ บล็อก (แก้ความกำกวม)
บล็อก (blog) เป็นคำรวมมาจากคำว่า เว็บล็อก (weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่าง ๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอ
ในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทำให้ผู้เขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที คำว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคำกริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์"
บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่าไดอารีออนไลน์ ซึ่งไดอารีออนไลน์นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน นอกจากนี้ตามบริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทำบล็อกของทางบริษัทขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ใหักับลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น และได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าที่แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์
เว็บค้นหาบล็อกเทคโนราที ได้อ้างไว้ว่าปัจจุบันในอินเทอร์เน็ต มีบล็อกมากกว่า 112 ล้านบล็อกทั่วโลก
== ความนิยม ==
บล็อกได้เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบันในวงการสื่อมวลชนในหลายประเทศ เนื่องจากระบบแก้ไขที่เรียบง่าย และสามารถตีพิมพ์เรื่องราวได้โดยไม่ต้องใช้ความรู้ในการเขียนเว็บไซต์ โดยนอกเหนือจากที่ผู้เขียนข่าวส่งผลงานให้กับทางสื่อแล้ว ยังได้มาเขียนข่าวในอีกช่องทางหนึ่งในการเผยแพร่ข้อมูล หรือแนวความคิด โดยการเขียนบล็อกสามารถเผยแพร่ข้อมูลสู่ประชาชนได้รวดเร็วและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า สื่อในด้านอื่น ข่าวที่นิยมในการเขียนบล็อกต่อสื่อมวลชน ส่วนใหญ่จะเป็นในลักษณะเรื่องซุบซิบวงการดารา ข่าวการเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นต้น
จากความนิยมที่มากขึ้น ทำให้หลายเว็บไซต์เปิดให้มีส่วนการใช้งานบล็อกเพิ่มขึ้นมาในเว็บของตนเอง เพื่อเรียกให้มีการเข้าสู่เว็บไซต์มากขึ้นทั้งผู้เขียนและผู้อ่าน
== การใช้งานบล็อก ==
ผู้ใช้งานบล็อกจะแก้ไขและบริหารบล็อกผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์เหมือนการใช้งานและอ่านเว็บไซต์ทั่วไป โดยจะมีรูปแบบบริหารบล็อกที่แตกต่างกัน เช่นบางระบบที่มีบรรณาธิการของบล็อก ผู้เขียนหลายคนจะส่งเรื่องเข้าทางบล็อก และจะต้องรอให้บรรณาธิการอนุมัติให้บล็อกเผยแพร่ก่อน บล็อกถึงจะแสดงผลในเว็บไซต์นั้นได้ ซึ่งจะแตกต่างจากบล็อกส่วนตัวที่จะให้แสดงผลได้ทันที
ผู้เขียนบล็อกในปัจจุบันจะใช้งานบล็อกในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งไม่ว่า ติดตั้งซอฟต์แวร์ของตัวเอง หรือใช้งานบล็อกผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บริการบล็อก
สำหรับผู้อ่านบล็อกจะใช้งานได้ในลักษณะเหมือนอ่านเว็บไซต์ทั่วไป และสามารถแสดงความเห็นได้ในส่วนท้ายของแต่ละบล็อกโดยอาจจะต้องผ่านการลงทะเบียนในบางบล็อก นอกจากนี้ผู้อ่านบล็อกสามารถอ่านบล็อกได้ผ่านระบบฟีด ซึ่งมีให้บริการในบล็อกทั่วไป ทำให้ผู้ใช้สามารถอ่านบล็อกได้โดยตรง ผ่านโปรแกรมตัวอื่นโดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาสู่หน้าบล็อกนั้น
== สังคมบล็อก ==
สังคมบล็อก หมายถึง พื้นที่บนอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ผู้ที่ต้องการนำเสนอบทความ สามารถแบ่งบัน เรื่องราว รูปภาพ รูปถ่าย อันส่งผลประโยชน์ แก่ผู้เข้ารับชม อันนี้คือสิ่งที่จำกัดความหมายของสังคมบล็อก ตั้งเป้าหมายไว้ โดยผู้ใช้ สามารถที่จะหา ผลประโยชน์จาก บทความที่ตนเอง เป็นผู้นำเสนอ โดยอาจจะมีการ นำเสนอโฆษณา พร้อม ๆ กับการนำเสนอ บทความ แล้วแต่ความต้องการของผู้ใช้ อย่างอิสระ
อนึ่ง การใช้งานระบบสังคมบล็อก มีเนื้อหาของการนำเสนอ โดยจะต้องเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ ผู้นำเสนอ ระหว่างผู้ใช้งานด้วยกัน ไม่อาจจะทำการสำเนา เอกสารดังกล่าวได้ เพียงแต่สามารถทำการลิงก์เชื่อมโยง เพื่อส่งผลโดยตรงต่อผู้ใช้งานทั่วไป ให้สามารถใช้งานระบบได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
== บล็อกซอฟต์แวร์ ==
บล็อกซอฟต์แวร์ หรือ บล็อกแวร์ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในอินเทอร์เน็ต ในลักษณะของระบบจัดการเนื้อหาเว็บ ที่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และผู้เขียนหรือดูแลบล็อกจะแยกจากกันต่างหาก ส่งผลให้ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีพื้นฐานความรู้ในด้านเอชทีเอ็มแอล หรือการทำเว็บไซต์แต่อย่างใด ทำให้ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้เวลาส่วนใหญ่ในการ บริหารจัดการ เพิ่มเติม ข้อมูลและสารสนเทศแทนได้ นอกจากนี้บล็อกซอฟต์แวร์จะสนับสนุน ระบบ WYSIWYG ซึ่งทำให้ง่ายต่อการเขียน และอาจเพิ่มเติมการมีเทมเพลตในหลายแบบให้เลือกใช้
ซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้ทันทีโดยผู้ใช้ ซึ่งซอฟต์แวร์บางส่วนเป็นซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ซึ่งผู้พัฒนาสามารถนำมาปรับแก้ เป็นของตนเอง ติดตั้งไว้ใช้เป็นบล็อกส่วนตัว หรือเผยแพร่ให้คนอื่นมาใช้งานได้ ส่วนซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์นั้น จะมีทั้งในรูปแบบที่ให้ใช้งานแบบเสียค่าใช้จ่ายหรือให้ใช้งานฟรี
=== บล็อกซอฟต์แวร์ที่เป็นที่รู้จัก ===
รายชื่อบล็อกซอฟต์แวร์ที่เป็นที่นิยมพร้อมทั้งชื่อซอฟต์แวร์ที่ใช้พัฒนาในวงเล็บ
ดรูปาล (พีเอชพี/มายเอสคิวแอล)
เวิร์ดเพรสส์ (พีเอชพี/มายเอสคิวแอล)
สแลช (เพิร์ล)
ไลฟ์ไทป์ (พีเอชพี/มายเอสคิวแอล)
จุมล่า (พีเอชพี/มายเอสคิวแอล)
แมมโบ้ (พีเอชพี/มายเอสคิวแอล)
== ผู้ให้บริการบล็อกที่เป็นที่รู้จัก ==
รายชื่อผู้ให้บริการบล็อกที่มีชื่อเสียง
บล็อกเกอร์ (กูเกิล)
ไทป์แพด
เวิร์ดเพรสส์
ยาฮู! 360° หรือ ยาฮู! เดย์ (ยาฮู!)
วินโดวส์ไลฟ์ สเปซเซส (ไมโครซอฟท์)
มายสเปซ
มัลติพลาย
=== ผู้ให้บริการบล็อกในประเทศไทยที่เป็นที่รู้จัก ===
Blognone บล็อกสำหรับเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีและข่าวไอทีอย่างเดียว
GotoKnow
BlogGang.com
Oknation
นอกจากนี้ทางเว็บที่นิยมของไทยอย่าง สนุก.คอม, กระปุก.คอม หรือผู้จัดการออนไลน์ ก็ได้มีการเปิดให้บริการบล็อก
== ดูเพิ่ม ==
ไดอารีออนไลน์
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
บล็อกคืออะไร ความหมายของบล็อก จาก gotoknow
Sha Ke8 ความหมายของบล็อกจาก ShaKe8
การเมืองกับเทคโนโลยี
อนุทิน
|
thaiwikipedia
| 1,818 |
เดือนเพ็ญ
|
เดือนเพ็ญ อาจหมายถึง
พระจันทร์เต็มดวง
วันเพ็ญ
เพลงเดือนเพ็ญ แต่งโดย อัศนี พลจันทร
เดือนเพ็ญ นิยายของนามปากกา รัชวนาสา
|
thaiwikipedia
| 1,819 |
การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา
|
การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด (United Nations Conference on Trade and Development ย่อว่า UNCTAD) ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2507 เพื่อเป็นองค์กรถาวรระหว่างรัฐบาล ที่เป็นเครื่องมือหลักของสหประชาชาติที่จัดการด้านการค้า การลงทุน และการพัฒนา
เป้าหมายขององค์กรนี้คือ "การเพิ่มโอกาสทางการค้า การลงทุน และการพัฒนา และช่วยเหลือประเทศเหล่านั้นในการเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโลก ในพื้นฐานแห่งความเท่าเทียม" (จากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ)
ปัจจุบัน อังค์ถัดมีประเทศสมาชิก 194 ประเทศ และมีสำนักงานใหญ่ที่เจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อังค์ถัดมีเจ้าหน้าที่ประจำ 400 คนและมีงบประมาณรายปีประมาณ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีงบเพิ่มเติมช่วยเหลือด้านเทคนิคอีก 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เลขาธิการของคนไทย คือ ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2548-2551
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์ของ UNCTAD
International Trade Centre home page
กลุ่มพัฒนาแห่งสหประชาชาติ
องค์กรย่อยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ
การประชุมสหประชาชาติ
การพัฒนา
องค์การการค้าระหว่างประเทศ
องค์การที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2507
เจนีวา
|
thaiwikipedia
| 1,820 |
17 พฤษภาคม
|
วันที่ 17 พฤษภาคม เป็นวันที่ 137 ของปี (วันที่ 138 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 228 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2335 (ค.ศ. 1792) - วันก่อตั้ง ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
พ.ศ. 2389 (ค.ศ. 1846) - อดอล์ฟ แซกซ์ จดสิทธิบัตรแซกโซโฟน
พ.ศ. 2471 (ค.ศ. 1928) - พิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ณ อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ (พิธีปิดวันที่ 12 สิงหาคม)
พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) - วิทยาลัยนาฏศิลป เปิดสอนครั้งแรก ขณะนั้นใช้ชื่อว่า โรงเรียนนาฏดุริยางคศาสตร์ มีคณะครูอาจารย์และศิลปินจากราชสำนักมาทำการสอน
พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - สงครามโลกครั้งที่สอง: กองทัพเยอรมันเข้ายึดครองกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
พ.ศ. 2486 (ค.ศ. 1943) - กองทัพของสหรัฐอเมริกาได้ติดต่อมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ให้พัฒนาเครื่องอินีแอ็ค
พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก เขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกในประเทศไทย
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - หนังสือพิมพ์ด้พาดหัวข่าวการเสียชีวิตของประโนตย์ วิเศษแพทย์ และสมชาย แก้วจินดา
พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - การพิจารณาคดีวอเตอร์เกตในวุฒิสภาสหรัฐฯ เริ่มขึ้น
พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - กรณีมายาเกซ: นักศึกษาและประชาชนประมาณ 10,000 คน ชุมนุมประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ถนนวิทยุ
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - เลบานอน อิสราเอล และสหรัฐอเมริกา ลงนามในข้อตกลงให้อิสราเอลถอนทหารออกจากเลบานอน
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - สงครามอิรัก-อิหร่าน: เครื่องบินขับไล่ Dassault Mirage III ของอิรัก โจมตีเรือรบ USS Stark (FFG-31) ของสหรัฐอเมริกาด้วยขีปนาวุธ ส่งผลให้มีคนตายทั้งสิ้น 37 ศพ และบาดเจ็บอีก 21 ราย
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) – พฤษภาทมิฬ: ทหารและประชาชนผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย เริ่มปะทะกันอย่างรุนแรงบริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อเข้าสู่วันที่ 18 พฤษภาคม
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - หลังจากดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีอยู่ 18 ปี ชาก ชีรัก ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีฝรั่งเศส
พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - เอฮุด บารัค ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอล
พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) - เบราว์เซอร์ที่ขณะนี้ใช้ชื่อว่า มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์ เปลี่ยนชื่อจาก ฟีนิกซ์ เป็น ไฟร์เบิร์ด
พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - การแต่งงานกับบุคคลเพศเดียวกัน สามารถกระทำได้โดยถูกต้องตามกฎหมายในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2292 (ค.ศ. 1749) - เอ็ดเวิร์ด เจนเนอร์ ผู้คิดค้นวัคซีน (ถึงแก่กรรม 26 มกราคม พ.ศ. 2365)
พ.ศ. 2387 (ค.ศ. 1844) - เต๋อ ประทีปะเสน พยาบาลคนแรกของไทย (ถึงแก่กรรมปี พ.ศ. 2472)
พ.ศ. 2409 (ค.ศ. 1866) - เอริก ซาที คีตกวีชาวฝรั่งเศส (ถึงแก่กรรม 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2468)
พ.ศ. 2429 (ค.ศ. 1886) - พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 13 แห่งสเปน (สวรรคต 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2484)
พ.ศ. 2442 (ค.ศ. 1899) - หม่อมเจ้าวิมลปัทมราช จิรประวัติ (สิ้นชีพิตักษัย 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2508)
พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) - รูฮัลลาห์ โคไมนี (ถึงแก่กรรม 3 มิถุนายน พ.ศ. 2532)
พ.ศ. 2445 (ค.ศ. 1902) - ควง อภัยวงศ์ อดีตนายกรัฐมนตรี (ถึงแก่กรรม 15 มีนาคม พ.ศ. 2511)
พ.ศ. 2461 (ค.ศ. 1918) - ศักดิ์เกษม หุตาคม นักเขียน นักแต่งเพลง (ถึงแก่กรรม 21 ธันวาคม พ.ศ. 2529)
พ.ศ. 2464 (ค.ศ. 1921) - อิศรา อมันตกุล นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ (ถึงแก่กรรม 14 มีนาคม พ.ศ. 2512)
พ.ศ. 2478 (ค.ศ. 1935) - ทวีศักดิ์ เสนาณรงค์ อดีตประธานกรรมการ บริษัท บางสะพานบาร์มิล จำกัด (มหาชน) อดีตอธิบดีกรมศิลปากร และอดีต ปลัดกระทรวงศึกษาธิการของไทย (เสียชีวิต 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2564)
พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) - เดนนิส ฮอปเปอร์ นักแสดง ผู้สร้างภาพยนตร์ และศิลปินชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553)
พ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1955) - บิลล์ แพกซ์ตัน นักแสดงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560)
พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - ชูการ์ เรย์ เลนเนิร์ด นักมวยชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - เอนยา นักร้องและนักแต่งเพลงชาวไอริช
พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - จอร์แดน ไนต์ นักร้อง-นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) - สมเด็จพระราชินีแม็กซิมาแห่งเนเธอร์แลนด์
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - หวังลี่หง นักร้องและนักแต่งเพลงชาวไต้หวัน
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - แพดดี เคนนี นักฟุตบอลชาวอังกฤษ นายปุรเชษฐ์ มหาเศรษฐี 100000 ล้านและเป็นนักแสดงชื่อดัง
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) -
* ลีออน ออสแมน นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
* แอสตัน โซโลปอฟ นักมวยสากลชาวรัสเซีย
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) -
* สุเชาว์ นุชนุ่ม นักฟุตบอลทีมชาติไทย
* ตั๊กแตน ชลดา นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - กริสเตียน โบลัญโญส นักฟุตบอลชาวคอสตาริกา
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - วินเซ็นต์ คินนี่ นักแสดง นายแบบ ชาวไทย
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - ปาลิตา โกศลศักดิ์ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - การ์โลส กีโป นักมวยสากลสมัครเล่นชาวเอกวาดอร์
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - อิญญิโก มาร์ติเนซ นักฟุตบอลชาวสเปน
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) -
* รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก นักฟุตบอลชาวไทย
* ฮาน่า ลีวิส นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) -
* ทศวรรษ ลิ้มวรรณเสถียร นักฟุตบอลอาชีพชาวไทย
* ราฟา ซิลวา นักฟุตบอลชาวโปรตุเกส
พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - ภาดาศักดิ์ ตันวิริยะเวชกุล นักเทเบิลเทนนิสชาวไทย
พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - ชวิน ลิขิตเจริญพงษ์ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - ธนัท รัตนสิริพันธ์ นักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) - ภัทราพร สุปัชชา
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - หลวงสุขุมนัยประดิษฐ (ประดิษฐ์ สุขุม) ข้าราชการพลเรือนและนักประพันธ์เพลงชาวไทย (เกิด 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2447)
พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - บ. บุญค้ำ นักเขียน นักการศึกษา ทนายความ (เกิด 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2444)
พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) - ขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ.แดง) ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกไทย (เกิด 2 มิถุนายน พ.ศ. 2494)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - วันพืชมงคล
พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) - วันวิสาขบูชา
วันรัฐธรรมนูญในประเทศนอร์เวย์
World Information Society Day
วันสากลยุติความเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกัน (IDAHOT)
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
พฤษภาคม 17
พฤษภาคม
|
thaiwikipedia
| 1,821 |
พ.ศ. 2483
|
พุทธศักราช 2483 ตรงกับปีคริสต์ศักราช 1940 เป็นปีอธิกสุรทินที่วันแรกเป็นวันจันทร์ ตามปฏิทินเกรกอเรียน
== ผู้นำ ==
พระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร (2 มีนาคม พ.ศ. 2477 – 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489)
* เจ้านครประเทศราช : (ลำพูน) เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ (พ.ศ. 2454 – 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486)
นายกรัฐมนตรี: จอมพล แปลก พิบูลสงคราม (16 ธันวาคม พ.ศ. 2481 – 1 สิงหาคม พ.ศ. 2487)
== เหตุการณ์ ==
5 เมษายน - มิโคยาน กูเรวิชนำเครื่องบินรบ มิก 1เครื่องบินรบลำแรก ทยานสู่ท้องฟ้ารัสเซียเป็นครั้งแรก
9 เมษายน - สงครามโลกครั้งที่สอง: ปฏิบัติการเวเซรือบุง (Operation Weserübung) เยอรมนีรุกรานเดนมาร์ก และนอร์เวย์
10 พฤษภาคม - เยอรมันโจมตีเนเธอร์แลนด์
13 พฤษภาคม - เนเธอร์แลนด์ประกาศยอมแพ้ต่อเยอรมัน
15 พฤษภาคม - สงครามโลกครั้งที่สอง: กองทัพเยอรมันเข้ายึดครองกรุงอัมส์เตอร์ดัม และบุกเข้าโจมตีภาคเหนือของประเทศฝรั่งเศส
15 พฤษภาคม - ร้าน แมคโดนัลด์ ได้ถูกก่อตั้งขึ้นแล้ว
16 พฤษภาคม - สงครามโลกครั้งที่สอง: ประเทศเนเธอร์แลนด์ประกาศยอมจำนนต่อนาซีเยอรมนี
17 พฤษภาคม - สงครามโลกครั้งที่สอง: กองทัพเยอรมันเข้ายึดครองกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
25 พฤษภาคม - สงครามโลกครั้งที่สอง: ยุทธภูมิดันเคิร์ก เริ่มต้นขึ้น
28 พฤษภาคม - สงครามโลกครั้งที่สอง: ประเทศเบลเยียมประกาศยอมจำนนต่อเยอรมนี
10 มิถุนายน -
* สงครามโลกครั้งที่สอง: ทหารเยอรมันเดินทางถึงช่องแคบอังกฤษ
* สงครามโลกครั้งที่สอง: ประเทศแคนาดาประกาศสงครามกับอิตาลี
* สงครามโลกครั้งที่สอง: ประเทศนอร์เวย์ประกาศยอมจำนนต่อเยอรมนี
* อิตาลีประกาศสงครามกับอังกฤษ-ฝรั่งเศส
14 มิถุนายน - ปารีสตกอยู่ภายใต้การยึดครองของนาซีเยอรมัน
17 มิถุนายน - สหภาพโซเวียตเข้ายึดครองเอสโตเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย
22 มิถุนายน - รัฐบาลฝรั่งเศสยอมลงนามสงบศึกกับเยอรมัน
28 มิถุนายน - ประเทศโรมาเนียยกดินแดนเบสซาราเบีย (ประเทศมอลโดวาในปัจจุบัน) ให้แก่สหภาพโซเวียต
20 กรกฎาคม - นิตยสารบิลล์บอร์ด ตีพิมพ์เผยแพร่ "ตารางอันดับเพลงยอดนิยม" เป็นครั้งแรก
27 กรกฎาคม - บั๊กส์ บันนี่ ปรากฏตัวครั้งแรกในการ์ตูนแอนิเมชัน A Wild Hare
8 สิงหาคม - เยอรมันเริ่มยุทธการแห่งบริเตน โดยส่งฝูงบินไปทิ้งระเบิดเกาะอังกฤษ
30 สิงหาคม - เยอรมันบังคับให้โรมาเนียยกแคว้นทรานซิลเวเนียให้ฮังการี
=== ไม่ทราบวันที่ ===
ค้นพบ ธาตุแอสทาทีน, เนปทูเนียม และ พลูโทเนียม
=== เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ ===
สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง
สงครามโลกครั้งที่สอง
== วันเกิด ==
4 มกราคม -
* เกา ซิงเจี้ยน นักประพันธ์, นักเขียนบทละคร และนักวิจารณ์ผู้อพยพชาวจีน
* เฮลมุต ยาห์น สถาปนิกชาวอเมริกัน-เยอรมัน
6 มกราคม - ช็อง ชิน-โจ นักมวยสากลสมัครเล่นชาวเกาหลีใต้
10 มกราคม - พระเจ้าโอมูกาเบอึนตาเรที่ 6
11 มกราคม - สมนเล๊าะ โปขะรี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา 2 สมัย
12 มกราคม - มัททีอัส ฮาบิช นักแสดงชายชาวเยอรมัน
15 มกราคม - เดวิด แกสคอยน์ ทนายความ
17 มกราคม - นาโอฮิโระ อิเกดะ นักกีฬาวอลเลย์บอลชายชาวญี่ปุ่น
24 มกราคม -
* น้ำเงิน บุญหนัก นักแสดงและนักพากย์ชาวไทย
* โยอาคิม เกาค์ นักการเมืองและนักกิจกรรมด้านสิทธิพลเมืองชาวเยอรมัน
25 มกราคม - พิภพ อะสีติรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร 5 สมัย และ อดีตสมาชิกวุฒิสภา
27 มกราคม - เจมส์ ครอมเวล นักแสดงชาวอเมริกัน
28 มกราคม -
* การ์โลส เอสลิม เจ้าของธุรกิจสื่อสารในเม็กซิโก
* เบเวอร์ลี เบนบริดจ์ นักกีฬาว่ายน้ำ
3 กุมภาพันธ์ - ยาซูตากะ ซาโต นักกีฬาวอลเลย์บอลชายชาวญี่ปุ่น
4 กุมภาพันธ์ -
* จอร์จ โรเมโร ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกัน-แคนาดา (ถึงแก่กรรม 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2560)
* เวลกา วิลีปา นักแสดงภาพยนตร์และโรงละครชาวลัตเวีย (ถึงแก่กรรม 2 เมษายน พ.ศ. 2561)
5 กุมภาพันธ์ - ฮาแอร์ กีเกอร์ จิตรกรและนักออกแบบศิลปะชาวสวิส (ถึงแก่กรรม 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557)
6 กุมภาพันธ์ - เดวี ซูการ์โน นักธุรกิจ, นักสังคมสงเคราะห์, ผู้มีชื่อเสียง และผู้มีจิตการกุศลชาวญี่ปุ่น
7 กุมภาพันธ์ - โทนี ตัน เค็ง ยัม ประธานาธิบดีคนที่เจ็ดของประเทศสิงคโปร์
9 กุมภาพันธ์ - จอห์น แมกซ์เวล คุตซี นักเขียนและนักการศึกษาคนสำคัญชาวออสเตรเลีย
17 กุมภาพันธ์ - เคานต์อิงกอล์ฟแห่งโรเซินบอร์ก
19 กุมภาพันธ์ - สโมกีย์ โรบินสัน นักร้อง-นักแต่งเพลงชาวอเมริกัน
21 กุมภาพันธ์ - จอห์นนี่ คียส์ นักแสดงภาพยนตร์ลามก ลูกครึ่งแอฟริกา-อเมริกัน (ถึงแก่กรรม 3 มิถุนายน พ.ศ. 2561)
23 กุมภาพันธ์ - ปีเตอร์ ฟอนดา นักแสดงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562)
24 กุมภาพันธ์ -
* เจ้าหญิงมารีอา กาเบรียลลาแห่งซาวอย เจ้าหญิงแห่งอิตาลี
* เดนิส ลอว์ นักฟุตบอลชาวสกอตแลนด์
26 กุมภาพันธ์ - โทกูงาวะ สึเนนาริ ผู้นำ ตระกูลโทะกุงะวะ คนที่ 18
6 มีนาคม - ฟีลิป อามอรี นักธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ชาวฝรั่งเศส (ถึงแก่กรรม 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2549)
9 มีนาคม - สุรัตน์ สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย อดีตที่ปรึกษาด้านการเงินของเครือเจริญโภคภัณฑ์
10 มีนาคม - ชัค นอร์ริส นักแสดงชาวอเมริกัน
12 มีนาคม - อัล จาร์โร นักร้องชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560)
13 มีนาคม - โคเซ ฟูกูนางะ หญิงชนชั้นมูลนายชาวญี่ปุ่น
16 มีนาคม - เบอร์นาร์โด แบร์โตลุซซี นักประพันธ์และผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอิตาลี
19 มีนาคม - บิลลี บีสลีย์ นักการเมืองจากสหรัฐอเมริกา
20 มีนาคม - พอล เนวิล (นักการเมือง) นักการเมืองชาวออสเตรเลีย (ถึงแก่กรรม 1 มกราคม พ.ศ. 2562)
21 มีนาคม - ธีรเดช มีเพียร สมาชิกวุฒิสภาไทย อดีตสมาชิกวุฒิสภาแบบสรรหา อดีตประธานวุฒิสภา อดีตประธานผู้ตรวจการแผ่นดินของประเทศไทย
22 มีนาคม -
* เจ้าชายมีชาเอลแห่งปรัสเซีย (ถึงแก่กรรม 3 เมษายน พ.ศ. 2557)
* ฮัง โงร์ นักแสดงชาวกัมพูชา (ถึงแก่กรรม 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539)
24 มีนาคม - ไดแอนน์ ดัชเชสแห่งเวือร์ทเทิมแบร์ค
26 มีนาคม -
* เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ นักประพันธ์ชาวไทย
* แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา
29 มีนาคม - อัสตรุด ชิลเบร์ตู นักร้องเพลงบอสซาโนวาชาวบราซิล
1 เมษายน - อักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด
3 เมษายน - วัลลภ สุปริยศิลป์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดน่าน 8 สมัย (ถึงแก่กรรม 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561)
5 เมษายน - พีระพล เชาว์ศิริ หนึ่งใน ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครอง
5 เมษายน - พีระพล เชาว์ศิริ หนึ่งใน ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด
6 เมษายน - ธีระ ห้าวเจริญ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตผู้บัญชาการทหารเรือ
7 เมษายน - เจ้าหญิงเฟาซียะห์ ฟารุก แห่งอียิปต์ (ถึงแก่กรรม 27 มกราคม พ.ศ. 2548)
9 เมษายน - ภิญญา ช่วยปลอด อดีตรัฐมนตรีช่วยวาการกระทรวงพาณิชย์ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานี 4 สมัย
12 เมษายน -
* ไมเคิล ไรท นักคิด นักประพันธ์ และคอลัมนิสต์ชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 7 มกราคม พ.ศ. 2552)
* เฮอร์บี แฮนค็อก นักแต่งเพลงและนักเปียโนแจ๊สชาวอเมริกัน
13 เมษายน - ฌ็อง-มารี กุสตาฟว์ เลอ เกลซีโย นักเขียนนักเดินทางรอบโลกและศาสตราจารย์คนสำคัญชาวฝรั่งเศส
14 เมษายน - เจ้าหญิงมารีแห่งลิกเตนสไตน์
16 เมษายน- สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก
17 เมษายน - อิวอนน์ เบลก นีกแสดงหญิงชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2561)
21 เมษายน - สุชาติ เชาว์วิศิษฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ถึงแก่กรรม 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552)
23 เมษายน -
* พระธรรมธัชมุนี (อมร ญาโณทโย) พระภิกษุคณะธรรมยุติกนิกาย
* อดิศัย โพธารามิก นักการเมืองและวิศวกรชาวไทย
25 เมษายน -
* ชนิกา ตู้จินดา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์
* อัล ปาชิโน นักแสดงชาวอเมริกัน
26 เมษายน - จอร์โจ มอโรเดร์ โปรดิวเซอร์เพลง นักเขียนเพลง ศิลปินเพลง ดีเจ ชาวอิตาลี
3 พฤษภาคม - ปราโมทย์ ไม้กลัด นักการเมืองชาวไทย ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ อดีตสมาชิกวุฒิสภากรุงเทพมหานคร อดีตอธิบดีกรมชลประทาน
4 พฤษภาคม - วิจิตร สุวิทย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา 4 สมัย
5 พฤษภาคม - บรรจบ เจริญพร เข้าสู่วงการเพลงลูกทุ่งเมื่อปี 2511 (ถึงแก่กรรม 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559)
8 พฤษภาคม - ริกกี เนลสัน นักร้อง นักดนตรี และนักแสดงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 31 ธันวาคม พ.ศ. 2528)
11 พฤษภาคม -
* จันนา โปโฮเรนโค นักแสดงชาวรัสเซีย
* ฟิลิป เคนต์ เกรย์ เอิร์ลที่ 7 แห่งเกรย์ (ถึงแก่กรรม 1 สิงหาคม พ.ศ. 2554)
13 พฤษภาคม - สมลักษณ์ จัดกระบวนพล ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
18 พฤษภาคม -
* ครรชิต ขวัญประชา นักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์อาวุโสชาวไทย
* โมนิคา กริมม์ นักแสดงหญิงและนักร้องป็อปชาวเยอรมัน
20 พฤษภาคม - แชร์ (นักร้อง) นักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์ โปรดิวเซอร์เพลงชาวอเมริกัน
23 พฤษภาคม - นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักคิด นักเขียน และศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ชาวไทย
26 พฤษภาคม - เรืองวิทย์ ลิกค์ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกำแพงเพชร 9 สมัย
27 พฤษภาคม - ซอทชา ดลามินี นายกรัฐมนตรีแห่งประเทศสวาซิแลนด์ (ถึงแก่กรรม 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560)
30 พฤษภาคม - อดุลย์ ศรีโสธร นักมวยไทยชื่อดัง (ถึงแก่กรรม 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519)
1 มิถุนายน - เรเน ออเบอร์โจนอยส์ นักพากย์ชาวอเมริกัน
2 มิถุนายน -
* พจน์ วิเทตยนตรกิจ นักธุรกิจชาวไทย อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์
* สมเด็จพระราชาธิบดีคอนสแตนตินที่ 2 แห่งกรีซ พระมหากษัตริย์พระองค์สุดท้ายของกรีซ
4 มิถุนายน - ไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเพชรบูรณ์ 2 สมัย อดีตผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า
6 มิถุนายน -
* ชุมพล ศิลปอาชา นักการเมืองไทย (ถึงแก่กรรม 21 มกราคม พ.ศ. 2556)
* สุรชาติ ชำนาญศิลป์ นักการเมืองชาวไทย (ถึงแก่กรรม 9 สิงหาคม พ.ศ. 2560)
7 มิถุนายน -
* ทอม โจนส์ นักร้องชาวเวลส์
* ลัมแบร์ท ฮาเมิล นักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ชาวเยอรมัน
8 มิถุนายน - แนนซี ซินาตรา นักร้อง นักแสดงชาวอเมริกัน
17 มิถุนายน - ผณินทรา ภัคเกษม อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ 3 สมัย
24 มิถุนายน - มาลินีมงคล อมาตยกุล พระนามเดิม “หม่อมเจ้ามาลินีมงคล ยุคล” (สิ้นชีพิตักษัย 11 มิถุนายน พ.ศ. 2565)
28 มิถุนายน - มูฮัมหมัด ยูนูส นายธนาคารและนักเศรษฐศาสตร์ชาวบังกลาเทศ
2 กรกฎาคม -
* ดารา กันละยา กวี และนักเขียนชาวลาว
* รุริโกะ อะซะโอะกะ นักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่น
5 กรกฎาคม - หลิน ฟ่ง อดีตนักแสดงหญิงภาพยนตร์จีน (ถึงแก่กรรม 28 สิงหาคม พ.ศ. 2519)
7 กรกฎาคม - ริงโก สตาร์ นักดนตรี นักร้อง-นักแต่งเพลง นักพากย์และนักแสดงชาวอังกฤษ
12 กรกฎาคม - แพตทริเซีย ฮันทิงฟอร์ด นักกีฬาว่ายน้ำ
17 กรกฎาคม - มารีนา กาเรลลา
18 กรกฎาคม - ปีเตอร์ มุธาริกา นักการเมืองนักการศึกษาและทนายความชาวมาลาวี
19 กรกฎาคม - เจ้าหญิงฮานาโกะ พระชายาในเจ้าชายมาซาฮิโตะ
22 กรกฎาคม - เจ้าชายซิกซ์ตุส เฮนรีแห่งบูร์บง-ปาร์มา
31 กรกฎาคม - เจ้าหญิงทาทีอานาแห่งไซน์-วิทเกินชไตน์-แบร์เลอบวร์ค
1 สิงหาคม - โมซัมเมล ฮอสเซน (ถึงแก่กรรม 10 มกราคม พ.ศ. 2563)
10 สิงหาคม - อิสระชัย บำรุงพงศ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตผู้บัญชาการทหาร (ถึงแก่กรรม 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552)
13 สิงหาคม - บุษยา รังสี นักร้องสุนทราภรณ์ (ถึงแก่กรรม 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553)
20 สิงหาคม - พงศกร เลาหวิเชียร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ถึงแก่กรรม 15 มกราคม พ.ศ. 2554)
28 สิงหาคม -
* เดียร์ค กาลูบา นักแสดงโทรทัศน์ชายชาวเยอรมัน
* วิลเลียม โคเฮน นักการเมืองชาวอเมริกัน
7 กันยายน - อับดูร์ระฮ์มัน วาฮิด อดีตประธานาธิบดีแห่งอินโดนีเซีย (ถึงแก่กรรม 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552)
11 กันยายน - ไบรอัน เดอ ปาลมา ผู้กำกับภาพยนตร์และนักเขียนบทภาพยนตร์ชาวอเมริกัน
13 กันยายน - โอสการ์ อาเรียส ซันเชซ ประธานาธิบดีคอสตาริกา
19 กันยายน -
* คาริน บาล์ นักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ชาวเยอรมัน
* ลี เดวิส อดีตนักการเมืองจากประเทศออสเตรเลีย
20 กันยายน -
* ชัยวัฒน์ คุประตกุล นักวิทยาศาสตร์ นักการศึกษา นักเขียน นักแปล คอลัมนิสต์ นักจัดรายการวิทยุและโทรทัศน์
* ทาโร อาโซ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนปัจจุบันของญี่ปุ่น อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
* บูร์ฮานุดดีน รับบานี ประธานาธิบดีแห่งรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน (ถึงแก่กรรม 20 กันยายน พ.ศ. 2554)
21 กันยายน - กัลยา โสภณพนิช นักการเมืองไทย
23 กันยายน -
* ปัญญวัฒน์ บุญมี อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครปฐม (ถึงแก่กรรม 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556)
* มีแชล เตเมร์ นักการเมืองชาวบราซิล
* สุภาพร กิตติขจร บุตรคนที่.3 ของจอมพล ประภาส จารุเสถียร (ถึงแก่กรรม 17 มีนาคม พ.ศ. 2548)
2 ตุลาคม - เจ้าชายมูฮัมหมัด บิน เฏาะลาล
3 ตุลาคม - หลิว หย่งชิง อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง
8 ตุลาคม - อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา วิศวกรชาวไทย
9 ตุลาคม -
* จอห์น เลนนอน นักรองและนักดนตรีชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 8 ธันวาคม พ.ศ. 2523)
* ปราโมทย์ สุขุม อดีตกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ อดีตสมาชิกผู้แทนราษฎรเขตคลองสาน อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ถึงแก่กรรม 23 มีนาคม พ.ศ. 2550)
10 ตุลาคม - คิโยชิ ทานาเบะ นักมวยสากลชาวญี่ปุ่น
12 ตุลาคม -
* เป็กกา ปืกเกอ ศาสตราจารย์ชาวฟินแลนด์
* วิลเลียม ซิมส์ เบนบริดจ์ นักสังคมวิทยาชาวอเมริกัน
14 ตุลาคม - คลิฟฟ์ ริชาร์ด นักร้องชาวอังกฤษ
15 ตุลาคม - ปีเตอร์ ซี. โดเฮอร์ที สัตวแพทย์และนักวิจัยในสาขาการแพทย์ชาวออสเตรเลีย
17 ตุลาคม - เดชฤทธิ์ อิทธิอนุชิต นักมวยไทยชื่อดัง
19 ตุลาคม - ไมเคิล แกมบอน นักแสดงชาวอังกฤษ
20 ตุลาคม -
* เจสเปอร์ ลังเบิร์ก นักแสดงภาพยนตร์ชายจากประเทศเดนมาร์ก (ถึงแก่กรรม 29 มิถุนายน พ.ศ. 2562)
* อีฟแทค สเปกเตอร์ นายพลจัตวาชาวอิสราเอล
23 ตุลาคม -
* เปเล่ นักฟุตบอลชาวบราซิล
* สม จาตุศรีพิทักษ์ สมาชิกวุฒิสภาไทย ชุดที่ 12 อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
27 ตุลาคม - เจ้าหญิงชาห์นาซ ปาห์ลาวี
29 ตุลาคม - เจ้าหญิงลัลลา นูซาห์ (ถึงแก่กรรม 2 กันยายน พ.ศ. 2520)
7 พฤศจิกายน - เฮลมุท อาร์เทิลท์ นักกีฬายิงปืนชาวเยอรมัน
12 พฤศจิกายน - ธวัช วิชัยดิษฐ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ (ถึงแก่กรรม 11 ธันวาคม พ.ศ. 2541)
15 พฤศจิกายน - พรชัย มาตังคสมบัติ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล
16 พฤศจิกายน - สมพงษ์ เจริญเมือง นักมวยไทยชาวไทย
18 พฤศจิกายน - สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านกอบูส บิน ซะอีด อัสซะอีด สุลต่านแห่งโอมาน (สวรรคต 10 มกราคม พ.ศ. 2563)
22 พฤศจิกายน -
* เทรี กิลเลียม นักเขียนบทภาพยนตร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้ผลิตแอนิเมชัน นักแสดง นักแสดงตลกชาวอังกฤษ
* รอย โธมัส นักเขียนและบรรณาธิการหนังสือการ์ตูนชาวอเมริกัน
27 พฤศจิกายน - บรู๊ซ ลี นักแสดงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2516)
29 พฤศจิกายน - ชัก แมนจิโอนี นักเป่าฟลูเกิลฮอร์น นักเล่นทรัมเปต และนักประพันธ์เพลง ชาวอเมริกัน
7 ธันวาคม - ช่วง มูลพินิจ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี พ.ศ. 2556
11 ธันวาคม - เดวิด เกตส์ นักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน
12 ธันวาคม - ดิออน วอร์วิค นักร้องชาวอเมริกัน
18 ธันวาคม - เหลยเฟิง ทหารชาวจีน (ถึงแก่กรรม 15 สิงหาคม พ.ศ. 2505)
19 ธันวาคม - เจ้าชายวัลเดมาร์แห่งชัมเบิร์ก-ลิพเพอ
21 ธันวาคม -
* พระเผด็จ ทตฺตชีโว พระภิกษุชาวไทย
* แฟรงก์ แซปพา นักดนตรี นักประพันธ์เพลง นักกิจกรรม และผู้สร้างภาพยนตร์ ชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 4 ธันวาคม พ.ศ. 2536)
23 ธันวาคม - วีระชัย แนวบุญเนียร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง อดีตกรรมการการเลือกตั้ง อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด (ถึงแก่กรรม 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555)
24 ธันวาคม - เอนดน มะห์มูด อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศมาเลเซีย (ถึงแก่กรรม 20 ตุลาคม พ.ศ. 2548)
25 ธันวาคม - มูเซ ฮัสซัน ชีค ซายิด อับดุลเล นักการทหารและนักการเมืองอาวุโสชาวโซมาเลีย
31 ธันวาคม -
* เจ้าหญิงเอลิซาเบธ ดัชเชสในบาวาเรีย
* โสภณ เพชรสว่าง อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1
== เกิด (ไม่ทราบวัน) ==
เจ้าวัฒนัน ณ ลำพูน เจ้านายฝ่ายเหนือ ผู้สืบราชสกุลเจ้าผู้ครองนครลำพูน
แดง ไบเล่ บุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ (ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2507)
ไทสัน อาร์. โรเบิร์ตส์ นักวิชาการ, นักวิจัย และนักสำรวจทางด้านมีนวิทยาและธรรมชาติวิทยาชาวอเมริกัน
ปรียา รุ่งเรือง นักแสดงชาวไทย (ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2527)
พระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยาภรณ์ (เย็นเชี้ยวมหาเถระ) พระภิกษุนิกายมหายาน
โรเบิร์ต บุย สถาปนิกสัญชาติอเมริกัน
วินัย สะมะอุน นักวิชาการศาสนาอิสลาม อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อดีตสมาชิวุฒิสภา
ศิระ ปัทมาคม อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนคร
สมเด็จพระราชาธิบดีกาปีลีเล ฟาวปาลา
บุญนำ ชุ่มศรี นักร้องลูกทุ่งหญิงชาวไทย (ถึงแก่กรรม 2 กันยายน พ.ศ. 2538)
== วันถึงแก่กรรม ==
15 กรกฎาคม - โรเบิร์ต แวดโลว์ ชายที่สูงที่สุดในโลก (เกิด 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2461)
== รางวัล ==
=== รางวัลโนเบล ===
สาขาเคมี – ไม่มีการมอบรางวัล
สาขาวรรณกรรม – ไม่มีการมอบรางวัล
สาขาสันติภาพ – ไม่มีการมอบรางวัล
สาขาฟิสิกส์ – ไม่มีการมอบรางวัล
สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ – ไม่มีการมอบรางวัล
|
thaiwikipedia
| 1,822 |
ขั้นตอนวิธีการประมาณ
|
ขั้นตอนวิธีการประมาณ ในศาสตร์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์นั้น เป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้สำหรับจัดการกับปัญหาการหาค่าเหมาะที่สุดประเภทเอ็นพี-ฮาร์ด เนื่องจากเป็นที่เชื่อกันว่าไม่มีขั้นตอนวิธีใดที่มีประสิทธิภาพ (ทำงานได้รวดเร็ว) ที่สามารถแก้ไขปัญหาเอ็นพี-ฮาร์ดได้คำตอบที่เที่ยงตรง จึงได้เกิดความพยายามที่จะหาคำตอบที่อาจจะไม่ถูกต้องที่สุด แต่สามารถหาได้ในเวลาโพลิโนเมียล ข้อแตกต่างของขั้นตอนวิธีประเภทนี้กับฮิวริสติก (ซึ่งมักเป็นการหาคำตอบที่ดีในระดับหนึ่งโดยใช้เวลาไม่มากนัก) ก็คือ ขั้นตอนวิธีประมาณต้องการคำตอบที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าดีเพียงใด และพิสูจน์ได้ว่ามีขอบเขตการใช้เวลาไม่เกินเท่าใด ขั้นตอนวิธีในอุดมคติมักจะต้องผิดไปจากคำตอบจริงไม่เกินค่าคงที่ค่าหนึ่ง (เช่น คลาดเคลื่อนไม่เกิน 5%)
ปัญหาเอ็นพี-ฮาร์ดมีความหลากหลายอย่างมากในแง่ของการประมาณค่า บางปัญหาสามารถประมาณได้เป็นอัตราส่วนขนาดหนึ่ง (ขั้นตอนวิธีสำหรับประมาณปัญหาเหล่านี้มักเรียกกันว่า แบบแผนการประมาณในเวลาโพลิโนเมียล (polynomial time approximation scheme) หรือ PTAS) ส่วนบางปัญหานั้นก็ไม่สามารถที่จะประมาณได้เลย
ตัวอย่างของขั้นตอนวิธีประมาณที่มักกล่าวถึงกัน ได้แก่ ขั้นตอนวิธีสำหรับการคลุมจุดยอดในกราฟ โจทย์คือเลือกจุดยอดจำนวนน้อยที่สุด ให้ทุก ๆ ด้านมีปลายอย่างน้อยข้างหนึ่งถูกเลือก ขั้นตอนวิธีสำหรับประมาณปัญหานี้คือ หาด้านที่ยังไม่ถูกคลุม (ยังไม่มีปลายข้างใดถูกเลือก) มา แล้วเลือกปลายทั้งคู่ของด้านนี้ ขั้นตอนวิธีนี้ให้ผลลัพธ์ที่มีขนาดไม่เกินสองเท่าของคำตอบที่ดีที่สุด
วิธีหนึ่งที่ใช้ได้ผลบ่อยในการหาขั้นตอนวิธีประมาณคือ การพิจารณาการผ่อน (relax) กำหนดการเชิงเส้น
ใช่ว่าขั้นตอนวิธีประมาณทุกอันจะเหมาะสมกับงานในทางปฏิบัติ ตัวอย่างเช่น คนส่วนใหญ่คงไม่ค่อยประทับใจนัก กับขั้นตอนวิธีที่ช่วยให้พวกเขาจ่ายเงินไม่เกิน 20 เท่าของค่าใช้จ่ายที่ถูกที่สุด และเช่นกัน บางขั้นตอนวิธีอาจมีเวลาในการทำงานที่ไม่ค่อยดีนัก (ถึงแม้จะเป็นเวลาโพลิโนเมียลก็ตาม) เช่น O (n^{2000})
ข้อจำกัดอีกอย่างหนึ่งของวิธีการนี้ก็คือ มันใช้ได้กับปัญหาการหาค่าเหมาะที่สุด (optimization problem) เท่านั้น ไม่สามารถใช้กับปัญหาการตัดสินใจ“แท้ ๆ” เช่น ปัญหาความสอดคล้องแบบบูล ได้
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
แหล่งรวบรวมหัวข้อของปัญหาการหาค่าเหมาะที่สุดแบบเอ็นพี
ขั้นตอนวิธี
ทฤษฎีความซับซ้อนในการคำนวณ
ขั้นตอนวิธีการประมาณ
|
thaiwikipedia
| 1,824 |
คอมมานด์ & คองเคอร์
|
คอมมานด์ & คอนเคอร์ (Command & Conquer หรือ C&C) คือชื่อของเกมคอมพิวเตอร์แนวเกมวางแผนการรบเรียลไทม์ และ เฟิร์ตเพอร์เซินชูตเตอร์ พัฒนาครั้งแรกโดยบริษัท เวสท์วูด สตูดิโอ ระหว่างปี 1985 จนถึง 2003 ร่วมพัฒนากับบริษัท อิเลคโทรนิค อาร์ต
โดยเกมแรกได้วางแผงทั่วโลกใน วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2538 ใช้ ชื่อว่า Command & Conquer โดยได้รับความนิยมทั่วโลก ตลาดที่ขายดีที่สุดได้แก่ อเมริกาเหนือ, ยุโรป และ ออสเตรเลีย และได้มีการแปลเป็นภาษาอื่นๆ ได้แก่ ภาษาเยอรมัน, ภาษาฝรั่งเศส, ภาษาสเปน, ภาษาเกาหลี และ ภาษาจีน พัฒนาลงบนเครื่อง คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) เล่นผ่าน ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ และยังได้พอร์ตลงเครื่อง คอนโซล และเครื่อง แมคอินทอช อีกด้วย เกม คอมมานด์ & คอนเคอร์ 3: ไทบีเรียมวอร์ส และ คอมมานด์ & คอนเคอร์ 3: เคนแรธ เป็นเกมที่พอร์ทลงเครื่องคอนโซล ซึ่งพอร์ตลงในเครื่อง เอกซ์บอกซ์ 360 และเกม คอมมานด์ & คอนเคอร์: เรด-อเลิร์ท 3 ก็ได้มีการพัฒนาลงเครื่อง พีซี เอกซ์บอกซ์ 360 และ เพลย์สเตชัน 3 ด้วยเช่นกัน
ในปี 1999 บริษัท อิเลคโทรนิค อาร์ต ได้ซื้อบริษัท เวสท์วูด สตูดิโอ และต่อมาได้ปิดตัวลงในปี 2002 และรวมเข้ากับ อีเอ ลอสแอนเจลิส ซึ่งมีพนักงานเก่าของเวสท์วูดทำงานอยู่ แต่บางคนก็แยกตัวไปทำงานสตูดิโอใหม่ คือ Petroglyph Games
ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2003 ซีรีส์เกม คอมมานด์ & คองเคอร์ มียอดจำหน่ายทั่วโลกรวมแล้วมากกว่า 21 ล้านชุด และในปี 2008 เกมในซีรีส์นี้รวมแล้วมีทั้งหมด 8 ภาคหลัก และภาคเสริมอีกมากมาย โดย เกมที่วางจำหน่ายล่าสุดคือเกม เรดอเลิร์ท 3 และประกาศล่าสุดของเกมภาคสุดท้ายของซีรีส์ ไทบีเรียน ในชื่อว่า "คอมมานด์ & คองเคอร์ 4: ไทบีเรียน ทไวไลท์"
== ภาคเนื้อเรื่อง ==
=== ซีรีส์ ไทบีเรียม ===
เป็นซีรีส์ที่เป็นจุดกำเนิดของเกมส์ในซีรีส์ คอมมานด์ & คอนเคอร์ โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึงการต่อสู้ระหว่างสองฝ่าย ได้แก่ ฝ่าย กองกำลังพิทักษ์โลก หรือ จีดีไอ (Global Defense Initiative - GDI) ซึ่งก็คือองค์การสหประชาชาตินั่นเอง และ ฝ่าย ภราดรภาพแห่งน็อด (Brotherhood of Nod) ซึ่งเป็นฝ่ายที่ต้องการไทบีเรียมเพื่อใช้ในการครองโลก และในภาค ไทบีเรื่ยมวอร์ส ได้เพิ่มฝ่ายที่สาม ซึ่งเป็นมนุษย์ต่างดาวที่เรียกว่า สคริน
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นมาจากวัตถุประหลาดจากนอกโลก ที่เรียกว่า ไทบีเรียม มีรูปร่างเป็นเหมือนผลึกสีเขียว ตกลงมายังที่กราวด์ซีโร่ ประเทศอิตาลี และเกิดการแพร่กระจายไปทั่วโลก ทำลายสิ่งแวดล้อมทุกอย่างบนโลก จนถึงขั้นมนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ จนกระทั่งมีผู้ค้นพบวิธีการใช้งาน ไทบีเรียม ซึ่งสามารถนำไปแปรรูปเป็นพลังงาน ซึ่งฝ่ายจีดีไอเป็นผู้นำในการกำจัด ไทบีเรียม ให้หมดไปจากโลก ในขณะที่ฝ่ายน็อดนั้นศรัทธาเลื่อมใสในคำทำนาย ว่าผลึกสีเขียวนี้เป็น ของขวัญจากพระเจ้า ที่มอบให้เพื่อเปลี่ยนแปลงโลก
==== เกมในซีรีส์นี้ ====
คอมมานด์ & คอนเคอร์ (1995)
* คอมมานด์ & คอนเคอร์: โคเวิร์ทโอเปอร์เรชันส์ (ภาคเสริม) (1996)
* คอมมานด์ & คอนเคอร์: โซลเซอร์ไวเวอร์ (1997)
คอมมานด์ & คอนเคอร์: ไทบีเรียนซัน (1999)
* คอมมานด์ & คอนเคอร์: ไทบีเรียนซัน: ไฟร์สตอร์ม (ภาคเสริม) (2000)
เรนนีเกด (2002)
คอมมานด์ & คอนเคอร์ 3: ไทบีเรียมวอร์ส (2007)
* คอมมานด์ & คอนเคอร์ 3: เคนแรธ (ภาคเสริม) (2008)
คอมมานด์ & คอนเคอร์ 4: ไทบีเรียน ทไวไลท์ (2010)
=== ซีรีส์ เรด-อเลิร์ท ===
เนื้อเรื่องในซีรีส์เรด-อเลิร์ทนั้นเป็นซีรีส์คู่ขนาน โดยเมื่อ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ได้ย้อนเวลากลับไปอดีตเพื่อลบ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ออกจากประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้ไม่เกิด สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ทำให้ฝ่ายสหภาพโซเวียต นำโดย โจเซฟ สตาลิน บุกยุโรปแทน
ใน เรด-อเลิร์ท นั้นถูกตั้งเนื้อเรื่องไว้เป็น ภาคก่อนของ คอมมานด์ & คอนเคอร์ แต่หลังจากวางจำหน่ายคอมมานด์ & คอนเคอร์: เรดอเลิร์ท 2 เนื้อเรื่องก็ไม่ได้เชื่อมโยงกัน
ใน เรด-อเลิร์ท 2 นั้น สหภาพโซเวียต บุกโจมตีฝ่ายสหรัฐอเมริกา โดยใช้เทคโนโลยีการควบคุมจิตใจ เพื่อกำจัดกองทัพของสหรัฐฯ และตัดระบบการใช้งานของอาวุธนิวเคลียร์ ในภาคเสริม ยูริรีเวนจ์ ที่ปรึกษาของโรมานอฟ ชื่อว่า ยูริ ได้ใช้เทคโนโลยีการควบคุมจิตใจ ของตนเองยึดครองโลก
ใน เรด-อเลิร์ท 3 สหภาพโซเวียต นำโดย ผู้นำ อนาโตลี เซอร์เดนโก ได้สร้างเครื่องย้อนเวลาเพื่อให้ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นพวกเดียวกับโซเวียต โดยหวังว่าจะทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรอ่อนแอลง แต่ความผิดพลาดทำให้ ไอน์สไตน์ ถูกลบออกจากประวัติศาสตร์ และยังเกิดฝ่ายใหม่ขึ้นมา ก็คือฝ่าย จักรวรรดิแห่งแดนอาทิตย์อุทัย โดยมีเทคโนโลยีนาโน และ หุ่นยนต์ที่ล้ำยุค
ภาคเสริมสำหรับของ เรด-อเลิร์ท 3 ก็คือ คอมมานด์ & คอนเคอร์: เรดอเลิร์ท 3: อัพไรซิง จำหน่ายโดย อีเอ โดยภาคเสริมนี้ได้เพิ่มเติมแคมเปญใหม่ และโหมด "คอมมานเดอร์ ชาเลจ"
==== เกมในซีรีส์นี้ ====
คอมมานด์ & คอนเคอร์: เรดอ-เลิร์ต (1996)
* คอมมานด์ & คอนเคอร์: เรด-อเลิร์ท: เคาน์เตอร์สไตรค์ (ภาคเสริม) (1997)
* คอมมานด์ & คอนเคอร์: เรด-อเลิร์ท: ดิ อาฟเตอร์แมธ (ภาคเสริม) (1997)
* คอมมานด์ & คอนเคอร์: เรด-อเลิร์ท: รีเทลิเอชั่น (1998) - เป็นการรวมภาค เคาน์เตอร์สไตรค์ และ ดิ อาฟเตอร์แมธ เข้าด้วยกัน วางจำหน่ายสำหรับเครื่อง เพลย์สเตชัน
คอมมานด์ & คอนเคอร์: เรด-อเลิร์ท 2 (2000)
* คอมมานด์ & คอนเคอร์: ยูริ รีเวนจ์ (ภาคเสริม) (2001)
คอมมานด์ & คอนเคอร์: เรด-อเลิร์ท 3 (2008)
* คอมมานด์ & คอนเคอร์: เรด-อเลิร์ท 3 – อัพไรซิง (ภาคเสริมแบบไม่ต้องใช้ภาคหลัก) (มีนาคม 2009)
คอมมานด์ & คอนเคอร์: เรด-อเลิร์ท (ไอโอเอส) (2009)
=== ซีรีส์ เจเนรัลส์ ===
ซีรีส์ เจเนรัลส์ เป็นซีรีส์ที่แตกต่างจากซีรีส์อื่นๆ โดยตัวเกมใช้เอนจิน "SAGE" (หรือ Strategy Action Game Engine) ซึ่งเป็นครั้งแรกของเกม คอมมานด์ & คองเคอร์ ที่ใช้ภาพสามมิติเต็มรูปแบบในเวอร์ชันเกม RTS โดยพัฒนามาจากเอนจิน Westwood3D ซึ่งเคยใช้ในเกม เรนนีเกด และ Battle for Dune และเป็นครั้งแรกของเกมตระกูล C&C ที่ไม่มีภาพยนตร์คั่นฉากที่ใช้คนแสดงมาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆในเกม อินเตอร์เฟส การก่อสร้างฐาน ในเกมนั้นต่างจากซีรีส์อื่นๆมาก
ในเจเนรัลส์ นั้นประกอบด้วยสามฝ่าย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและกำลังเสริม สาธารณรัฐประชาชนจีน มีการป้องกัน รถถังและทหารจำนวนมาก และ กองทัพปลดปล่อยโลก (Global Liberation Army หรือ GLA) เครือข่ายผู้ก่อการร้าย ซึ่งใช้เทคโนโลยีต่ำและยุทธวิธีการรบแบบกองโจร รถกระบะติดปืนกล และตลาดมืด ศัตรูของฝ่ายจีแอลเอคือจีนและอเมริกา ฝ่ายอเมริกานั้นมี การสนับสนุนทางอากาศ, รถถังหุ้มเกราะ และ พลซุ่มยิง ขณะที่ฝ่ายจีนนั้นใช้ระเบิดนาปาล์ม, ทหารที่มีความรักชาติสูง และแฮกเกอร์ โรงทหารของฝ่ายจีนนั้นสามารถฝึกทหารได้เร็วกว่า ฝ่ายอื่นๆ ส่วนฝ่าย จีแอลเอ ใช้การรบแบบกลอุบายและกองโจร เช่น ระเบิดพลีชีพ อาวุธชีวภาพ และเทคโนโลยีของโซเวียต ก็คือจรวด SCUD
สำหรับภาคเสริมของ เจเนรัลส์ คือ คอมมานด์ & คอนเคอร์: เจเนรัลส์ - ซีโร่ เอาเออร์ ได้เพิ่มเติมเทคโนโลยีใหม่ๆให้ทั้งสามฝ่าย ซึ่งนำเสนอทางเลือกสามทางเลือกในการเลือก "นายพล" ของแต่ละฝ่ายที่มีลักษณะเฉพาะและยูนิตของตนเอง ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของนายพลที่ผู้เล่นเลือก มีนายพลให้เลือกทั้งหมดเก้านาย
ไม่มีการเพิ่มฝ่ายใหม่ในเกม และในภาคเสริมนี้มีการกลับมาใช้ภาพยนตร์คั่นฉาก โดยในรูปแบบการประกาศข่าว ก่อนเริ่มทุกภารกิจ
==== เกมในซีรีส์นี้ ====
คอมมานด์ & คอนเคอร์: เจเนรัลส์ (2003)
* คอมมานด์ & คอนเคอร์: เจเนรัลส์ - ซีโร่ เอาเออร์ (ภาคเสริม) (2003)
== ประวัติของผู้พัฒนา ==
เวสท์วูด สตูดิโอ (1992 – 2002)
1995 – คอมมานด์ & คองเคอร์
* 1996 – คอมมานด์ & คองเคอร์ – โคเวิร์ท โอเปอร์เรชั่นส์
1996 – เรดอเลิร์ต
* 1997 – คอมมานด์ & คองเคอร์: เรดอเลิร์ต – เคาน์เตอร์สไตรค์
* 1997 – คอมมานด์ & คองเคอร์: เรดอเลิร์ต – อาฟเตอร์แมธ
1997 – คอมมานด์ & คองเคอร์: โซล เซอร์ไวเวอร์
1999 – คอมมานด์ & คองเคอร์: ไทบีเรียน ซัน
* 2000 – คอมมานด์ & คองเคอร์: ไทบีเรียน ซัน - ไฟร์สตอร์ม
2002 – คอมมานด์ & คองเคอร์: เรนนีเกด
2000 – คอมมานด์ & คอนเคอร์: เรดอเลิร์ต 2
อีเอ แปซิฟิก (หรือ เวสท์วูด แปซิฟิก) (2002 – 2003)
2001 – คอมมานด์ & คอนเคอร์: ยูริ รีเวนจ์
2003 – คอมมานด์ & คอนเคอร์: เจเนรัลส์
อีเอ ลอสแอนเจลิส (2003 – 2010)
2003 – คอมมานด์ & คอนเคอร์: เจเนรัลส์ - ซีโร่ เอาเออร์
2007 – คอมมานด์ & คอนเคอร์ 3: ไทบีเรียมวอร์ส
* 2008 – คอมมานด์ & คอนเคอร์ 3: เคนแรธ
2008 – คอมมานด์ & คอนเคอร์: เรดอเลิร์ท 3
* 2009 – คอมมานด์ & คอนเคอร์: เรดอเลิร์ท 3 – อัพไรซิง
2010 – คอมมานด์ & คอนเคอร์ 4: ไทบีเรียน ทไวไลท์
อีเอ เพนโนมิค (2011)
2012 – คอมมานด์ & คอนเคอร์: ไทบีเรียม อะไลเอินซ์
วิคตอรี เกม (2011-2013)
2013 – คอมมานด์ & คองเคอร์ - ยกเลิก
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เกมสำหรับวินโดวส์
วิดีโอเกมที่ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2538
การก่อการร้ายในบันเทิงคดี
วิดีโอเกมบันเทิงคดีแนววิทยาศาสตร์
เกมจากค่ายอิเล็กทรอนิก อาตส์
วิดีโอเกมประวัติศาสตร์ประยุกต์
|
thaiwikipedia
| 1,825 |
พ.ศ. 2389
|
พุทธศักราช 2389 ตรงกับปีคริสต์ศักราช 1846 เป็นปีปกติสุรทินที่วันแรกเป็นวันพฤหัสบดี ตามปฏิทินเกรกอเรียน
== ผู้นำ ==
พระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (21 กรกฎาคม พ.ศ. 2367 - 2 เมษายน พ.ศ. 2394)
* เจ้าประเทศราช:
** เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่: พระยาพุทธวงศ์
** เจ้าผู้ครองนครลำพูน: เจ้าไชยลังกาพิศาลโสภาคย์คุณ
** เจ้าผู้ครองนครน่าน: พระยามหาวงษ์
== เหตุการณ์ ==
25 เมษายน - สงครามเม็กซิโก-อเมริกา: เกิดกรณีพิพาทเกี่ยวกับพรมแดนเท็กซัส
13 พฤษภาคม - สงครามเม็กซิโก-อเมริกา: สหรัฐอเมริกา ประกาศสงครามกับเม็กซิโก
17 พฤษภาคม - อดอล์ฟ แซกซ์ จดสิทธิบัตรแซกโซโฟน
10 มิถุนายน - สงครามเม็กซิโก-อเมริกา: สาธารณรัฐแคลิฟอร์เนีย ประกาศเอกราชจากเม็กซิโก
19 มิถุนายน - การแข่งขันกีฬาเบสบอลด้วยกฎสมัยใหม่ จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ณ เมืองโฮโบเคน รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา
10 สิงหาคม - รัฐสภาสหรัฐอเมริกาจัดตั้งสถาบันสมิธโซเนียนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยนำชื่อมาจาก โจเซฟ สมิธสัน ซึ่งบริจาคเงินให้ถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ
23 กันยายน - โยฮัน จี. กัลเล ค้นพบดาวเนปจูน
28 ธันวาคม - สหรัฐอเมริกาสถาปนาไอโอวาเป็นรัฐที่ 29
=== ไม่ทราบวัน ===
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดราชนัดดารามวรวิหาร
ไลบีเรียประกาศเอกราชเป็นสาธารณรัฐ
=== เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ ===
สงครามเม็กซิโก-อเมริกา (พ.ศ. 2389-2491)
== วันเกิด ==
28 พฤศจิกายน - พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอรรควรราชกัลยา (สิ้นพระชนม์ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2444)
== วันถึงแก่กรรม ==
17 มีนาคม - ฟรีดริช เบสเซล นักคณิตศาสตร์และนักดาราศาสตร์ชาวเยอรมัน (เกิด พ.ศ. 2327)
มิถุนายน - พระยาพุทธวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ (ไม่ทราบปีเกิด)
|
thaiwikipedia
| 1,826 |
พ.ศ. 2335
|
พุทธศักราช 2335 (นับแบบใหม่) ตรงกับปีคริสต์ศักราช 1792 เป็นปีอธิกสุรทินที่วันแรกเป็นวันอาทิตย์ ตามปฏิทินเกรกอเรียน
ปีชวด จัตวาศก จุลศักราช 1154 (วันที่ 12 เมษายน เป็นวันเถลิงศก)
== ผู้นำ ==
พระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (6 เมษายน พ.ศ. 2325 - 7 กันยายน พ.ศ. 2352)
* กรมพระราชวังบวรสถานมงคล: สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
** เจ้าประเทศราช:
*** เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่: พระเจ้ากาวิละ
*** เจ้าผู้ครองนครลำปาง: พระยาคำโสม
*** เจ้าผู้ครองนครน่าน: เจ้าฟ้าหลวงอัตถวรปัญโญ
== เหตุการณ์ ==
2 เมษายน - ประมวลกฎหมายการผลิตเหรียญกระษาปณ์ (สหรัฐอเมริกา) ผ่านความเห็นชอบ ทำให้เกิดโรงกระษาปณ์แห่งสหรัฐอเมริกา
24 เมษายน - ฝรั่งเศสทดลองใช้เครื่องประหารชีวิตกิโยตินเป็นครั้งแรก
17 พฤษภาคม - วันก่อตั้ง ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
1 มิถุนายน - สหรัฐอเมริกาสถาปนาเคนทักกี เป็นรัฐที่ 15 อย่างเป็นทางการ
10 สิงหาคม - กลุ่มผู้ก่อการจลาจลในการปฏิวัติฝรั่งเศสยกขบวนบุกพระราชวังตุยเลอรีส์
=== ไม่ทราบวัน ===
รัสเซียรุกรานโปแลนด์
ค้นพบ ธาตุไทเทเนียม
=== เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ ===
การปฏิวัติฝรั่งเศส - พ.ศ. 2332-2342 (ค.ศ. 1789-1799)
สงครามปฏิวัติฝรั่งเศส - พ.ศ. 2335-2345 (ค.ศ. 1792-1802)
== วันเกิด ==
7 มีนาคม - จอห์น เฮอร์เชล นักคณิตศาสตร์และนักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ (เสียชีวิต พ.ศ. 2414)
13 พฤษภาคม - สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุส ที่ 9 (สิ้นพระชนม์ พ.ศ. 2421)
9 กรกฎาคม - พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นณรงค์หริรักษ์ (สิ้นพระชนม์ 13 กันยายน พ.ศ. 2389)
4 สิงหาคม - เพอร์ซี บิช เชลลีย์ กวีชาวอังกฤษ (เสียชีวิต พ.ศ. 2365)
17 ตุลาคม - เซอร์จอห์น เบาว์ริง นักเศรษฐศาสตร์การเมืองชาวอังกฤษ (เสียชีวิต พ.ศ. 2415)
6 ธันวาคม - พระเจ้าวิลเลิมที่ 2 แห่งเนเธอร์แลนด์ (สวรรคต 17 มีนาคม พ.ศ. 2392)
== วันถึงแก่กรรม ==
1 มีนาคม - สมเด็จพระราชาธิบดีลีโอโพลด์ที่ 2 จักรพรรดิโรมันศักดิ์สิทธิ์ (ประสูติ พ.ศ. 2290)
29 มีนาคม - สมเด็จพระราชาธิบดีกุสตาฟที่ 3 แห่งสวีเดน (ถูกลอบปลงพระชนม์) (พระราชสมภพ พ.ศ. 2289)
พ.ศ. 2335
|
thaiwikipedia
| 1,827 |
จังหวัดขอนแก่น
|
ขอนแก่น (เดิมชื่อ ขามแก่น) เป็นจังหวัดที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 6 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 3 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง คือ จังหวัดร้อยเอ็ด ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ โดยขอนแก่นเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์ปฏิบัติการของกลุ่ม
จังหวัดขอนแก่นมีเทศบาลนครขอนแก่นเป็นศูนย์กลางของจังหวัด ซึ่งตั้งอยู่ในจุดที่ถนนมิตรภาพ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2) และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (ถนนสายเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก) ตัดผ่าน ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญอีกเส้นหนึ่งในการเดินทางจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางเข้าไปสู่ภาคเหนือตอนล่างที่อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ และเดินทางเข้าสู่ประเทศลาวทางด้านทิศใต้ของลาว อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับจังหวัดเลย จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดอุดรธานี ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดมหาสารคามและจังหวัดกาฬสินธุ์ ทิศใต้ติดกับจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดนครราชสีมา ทิศตะวันตกติดกับจังหวัดชัยภูมิและจังหวัดเพชรบูรณ์
== ที่มาของชื่อ ==
เหตุที่เมืองนี้มีนามว่า เมืองขอนแก่นนั้นได้มีตำนานแต่โบราณเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ก่อนที่เพี้ยเมืองแพนจะอพยพไพร่พลมาตั้งบ้านตั้งเมืองขึ้นนั้น ปรากฏว่าบ้านขาม หรือตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพองปัจจุบัน ซึ่งเป็นเขตแขวงร่วมการปกครองกับบ้านชีโล้น มีตอมะขามขนาดใหญ่ที่ตายไปหลายปีแล้ว กลับมีใบงอกงามเกิดขึ้นใหม่อีก และหากผู้ใดไปกระทำมิดีมิร้ายหรือดูถูกดูหมิ่น ไม่ให้ความเคารพยำเกรง ก็จะมีอันเป็นไปในทันทีทันใด เป็นที่น่าประหลาดและมหัศจรรย์ยิ่งนัก
ดังนั้น บรรดาชาวบ้านชาวเมืองในแถบถิ่นนั้นจึงได้พร้อมใจกันก่อเจดีย์ครอบตอมะขามนั้นเอาไว้เสีย เพื่อให้เป็นที่สักการะของคนทั่วไป พร้อมกับได้บรรจุพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า 9 บทเข้าไว้ในเจดีย์ครอบตอมะขามนั้นด้วย ซึ่งเรียกว่า พระเจ้า 9 พระองค์ แต่เจดีย์ที่สร้างในครั้งแรกเป็นรูปปรางค์ หลังจากได้ทำการบูรณะใหม่เมื่อราว 50 ปีที่ผ่านมานี้ จึงได้เปลี่ยนเป็นรูปทรงเจดีย์ และมีนามว่า พระธาตุขามแก่น ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตวัดเจติยภูมิ บ้านขาม ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น พระเจดีย์ขามแก่นถือว่าเป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวจังหวัดขอนแก่น ซึ่งจะมีงานพิธีบวงสรวง เคารพสักการะกันในวันเพ็ญเดือน 6 ทุกปี
ส่วนทางด้านทิศตะวันตกของเจดีย์พระธาตุขามแก่นนั้น มีซากโบราณที่ปรักหักพังปรากฏอยู่ โดยอยู่ห่างจากเจดีย์ราว 15 เส้น หรืออยู่คนละฟากทุ่งของบ้านขาม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริเวณแถบนี้น่าจะเป็นที่ตั้งของเมืองมาก่อน แต่ได้ร้างไปนาน ดังนั้น จึงได้ถือเอานิมิตนี้มาตั้งนามเมืองว่าขามแก่น แต่ต่อมาจึงเรียกเพี้ยนมาเป็นเมืองขอนแก่น จนกระทั่งทุกวันนี้
แต่จากการศึกษาเอกสารต่างๆ ของประมวล พิมพ์เสน ไม่เคยมีคำว่าเมืองขามแก่น มีเพียงชื่อเมืองขอรแก่น, ขรแก่น, ขรแกน, และขอนแก่น และพระธาตุขามแก่นเดิมชื่อพระธาตุบ้านขาม พ.ศ. 2498 - 2499 พระราชสารธรรมมุนี (กัณหา ปภสฺสโร) ได้ทำการบูรณะพระธาตุบ้านขาม เปลี่ยนยอดเดิมที่เป็นไม้เป็นฉัตรโลหะ และเปลี่ยนชื่อจากพระธาตุบ้านขามเป็นพระธาตุขามแก่น และวัดบ้านขามเป็นวัดเจติยภูมิ และมีการรณรงค์ให้ชื่อเมืองขอนแก่นเพี้ยนมาจากเมืองขามแก่น ดังนั้นชื่อเมืองขอนแก่นน่าจะเชื่อได้ว่าแต่แรกเริ่มชื่อเมืองขอนแก่นอยู่แล้ว ไม่ได้เพี้ยนมาจากขามแก่นแต่อย่างใด
== ประวัติ ==
=== การก่อตั้ง ===
ประวัติเมืองขอนแก่นนั้น มีความเกี่ยวข้องกับ เหตุการณ์สำคัญ นับตั้งแต่เกิดเหตุความวุ่นวาย ในราชอาณาจักรล้านช้าง และการสร้างบ้านแปงเมือง ในเขตตอนกลางภาคอีสาน โดยเดิม เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของเมืองสุวรรณภูมิ (เดิม เมืองท่งศรีภูมิ) ที่สถาปนาในปี พ.ศ. 2256 โดย เจ้าแก้วมงคล (พระบิดา ของ พระขัติยวงษา (ทนต์) เจ้าเมืองร้อยเอ็ดท่านแรก) เป็น ผู้ครองเมืองพระองค์แรก ภายใต้การสถาปนาแต่งตั้ง ของ เจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร กษัตริย์แห่งราชอาณาจักรล้านช้างจำปาสัก และต่อมา เพียเมืองแพน ที่เป็นกรมการเมือง ของเจ้าเมืองสุวรรณภูมิ ในราวปี พ.ศ. 2331 ได้ขอแบ่งไพร่พล จำนวน 500 คน แยกออกมาตั้งเมือง โดยแรกเริ่มอยู่บริเวณ บึงบอน จากนั้น 9 ปี ต่อมา ในปี 2340 จึงได้รับการแต่งตั้งและสถาปนาเมืองเป็น เมืองขอนแก่น และ เพี้ยเมืองแพน (ตำแหน่งของกรมการเมือง ในระบบอาญาสี่) เป็น "พระนครศรีบริรักษ์" แยกอาณาเขตตั้งแต่บ้านกู่ทอง หนองกองแก้ว (ปัจจุบัน คือ เมืองชนบท) จากเขตเมืองสุวรรณภูมิ (ปัจจุบัน คือ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด) มานับแต่สมัยนั้น
โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า นับจากสมัยที่ สมเด็จพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช พระเจ้ามหาชีวิตแห่งพระนครจันทบุรีศรีสัตนาคนหุตเสด็จสวรรคตใน พ.ศ. 2231 พระองค์มีพระราชโอรสที่ยังทรงพระเยาว์มากองค์หนึ่งพระนามว่า เจ้าองค์หล่อ พระชนม์ 3 พรรษา พระยาแสนสุรินทรลือชัยไกรเสนาบดีศรีสรราชสงคราม (ท้าวมละ) ตำแหน่งพระยาเมืองแสนหรืออัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวา จึงถือโอกาสแย่งเอาราชสมบัติจากพระราชกุมารที่ยังทรงพระเยาว์ เพื่อความชอบธรรมในการครองอำนาจพระยาเมืองแสนจึงหมายจะบังคับเอาเจ้านางสุมังคลราชเทวีพระมเหสีของสมเด็จพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช พระมารดาของเจ้าองค์หล่อและขณะนั้นพระนางก็ทรงพระครรภ์อยู่ด้วย มาเป็นมเหสีของตนเพื่อความชอบธรรมในราชบัลลังก์แต่พระนางไม่ยอม พระนางจึงขอความช่วยเหลือไปยังเจ้าราชครูหลวง วัดโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม)
เจ้าราชครูหลวง วัดโพนเสม็ดจึงวางอุบายให้ให้ศิษย์นำเสด็จพระนางเสด็จหนีไปหลบซ้อนที่ภูฉะง้อหอคำ (อยู่ในแขวงบอลิคำไซ) และต่อมาพระนางได้ประสูติการพระราชโอรส เจ้าราชครูหลวงถวายพระนามว่า เจ้าหน่อกระษัตริย์ ส่วนเจ้าองค์หล่อนั้นขุนนางที่จงรักภักดีพาหนีไปยังเมืองพานภูชน
พระยาเมืองแสน เห็นว่าเจ้าราชครูหลวงวัดโพนเสม็ดเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือวางอุบายให้เจ้านางสุมังคลราชเทวีหลบหนีเป็นแน่ อีกทั้งเจ้าราชครูหลวงยังเป็นที่เคารพของราชวงศ์ล้านช้าง มีลูกศิษย์ที่เป็นเชื้อพระวงศ์และเป็นขุนนางในราชสำนักเป็นจำนวนมาก รวมถึงราษฎรล้านช้างก็ให้ความเคารพเชื่อฟังนับถือมาก ต่อไปในภายหน้าเจ้าราชครูหลวงวัดโพนเสม็ดคงจะวางอุบายชิงเอาบ้านเมืองกลับไปถวายเชื้อพระวงศ์ล้านช้างองค์ใดองค์หนึ่งอย่างแน่นอน จึงวางอุบายจะกำจัดเจ้าราชครูหลวงวัดโพนเสม็ด
เจ้าราชครูหลวงเองก็รู้ตัวอยู่แล้วว่าพระยาเมืองแสนหาทางจะกำจัดตน เจ้าราชครูหลวงจึงวางอุบายหนีด้วยการไปบูรณพระธาตุพนม ให้เจ้าแก้วมงคลแล้วและลูกศิษย์รวบรวมกำลังคนนัดแนะกันหนีออกจากพระนครจันทบุรีไปยังนครพนม ให้เจ้าจันทรสุริยวงศ์ไปอารักขาเจ้านางสุมังคลาราชเทวีและเจ้าหน่อกษัตริย์มายังบ้านงิ้วพันลำสมสนุก
เจ้าราชครูหลวงได้บูรณพระธาตุพนมอยู่สามปีจึงเสร็จ แล้วก็พาคณะศิษย์เดินทางลงทิศใต้เพื่อที่จะหาสถานที่ตั้งบ้านเมือง ระหว่างทางมีชาวบ้านขอติดตามไปด้วยเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งได้เดินทางล้ำเข้าไปในดินแดนกรุงกัมพูชา พระเจ้ากรุงกัมพูชาจึงเรียกเก็บส่วย เจ้าราชครูจึงได้พาคณะเดินทางกลับขึ้นมาตามลำน้ำโขงจนถึงเมืองหนึ่งนามว่า นครกาละจำบากนาคบุรีศรี ซึ่งมีเจ้าผู้ครองนครเป็นผู้หญิงที่ทรงพระชราภาพมากแล้ว เจ้าราชครูหลวงจึงขอเข้าพักในเขตนครกาละจำบากนาคบุรีศรี
เจ้านางผู้ครองนครกาละจำบากนาคบุรีศรีซึ่งทรงชราภาพมากไม่สามารถบริหารบ้านเมืองได้และพระองค์ก็ทรงศรัทธาเจ้าราชครูหลวงเป็นอย่างมาก จึงทรงมอบพระราชอำนาจให้เจ้าราชครูหลวงเป็นผู้สำเร็จราชการทุกอย่างในพระนคร
พ.ศ. 2252 เจ้าราชครูหลวงจึงให้เจ้าแก้วมงคลนำกำลังขึ้นไปบ้านงิ้วพันลำสมสนุก เพื่อช่วย เจ้าจันทรสุริยวงศ์เชิญเสด็จเจ้าหน่อกระษัตริย์และพระมารดามายังนครกาละจำบากนาคบุรีศรี ต่อมาเกิดความวุ่นวายขึ้นในพระนครกาละจำบากนาคบุรีศรี แต่สามารถปราบได้อย่างรวดเร็ว
พ.ศ. 2256 เจ้าราชครูหลวง จึงจัดพระราชพิธีราชาภิเสกเจ้าหน่อกระษัตริย์ ขึ้นเป็นพระเจ้ามหาชีวิต ถวายพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูร ครองราชย์สมบัติเป็นเอกราช เปลี่ยนนามนครใหม่ ว่า นครจำปาสักนัคบุรีศรี (อาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์) จัดการบ้านเมืองตามโบราณราชประเพณีล้านช้างทุกประการ
และมีพระราชโอการให้ เจ้าแก้วมงคล โอรสของเจ้าองค์ศรีวิชัย, พระนัดดา(หลาน)ของเจ้ามหาอุปราชศรีวรมงคล, พระราชปนัดดา(เหลน)ของสมเด็จพระเจ้าศรีวรวงษาธิราช (เจ้ามหาอุปราชศรีวรวงษา หรือสยามออกพระนามว่า "พระมหาอุปราชวรวังโส" นำกำลังในสังกัดข้ามแม่น้ำโขงมาตั้งเมืองขึ้นบนบริเวณที่ราบริมฝังแม่น้ำ (แม่น้ำเสียว) ซึ่งเป็นแหล่งเกลือและนาข้าวที่อุดมสมบูรณ์ ให้ชื่อว่า เมืองทุ่งศรีภูมิ มีพระราชโองการให้ เจ้าแก้วมงคล เป็นเจ้าผู้ครองเมืองทุ่งศรีภูมิ (องค์ที่ 1) ให้เจ้ามืดดำโดนเป็นอุปราช มีการจัดการบริหารบ้านเมืองเช่นเดียวกับนครจำปาสักนัคบุรีศรี
พ.ศ. 2268 เจ้าแก้วมงคล สิ้นพระชนม์ เมื่อ 84 พรรษา มีโอรส 3 องค์ คือ เจ้าองค์หล่อหน่อคำ (เจ้าเมืองน่าน), เจ้ามือดำโดน, เจ้าสุทนต์มณี สมเด็จพระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูรจึงมีพระราชโอการให้ เจ้ามืดดำโดนอุปราช ขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองเมืองทุ่งศรีภูมิ (องค์ที่ 2) ให้เจ้าสุทนต์มณีเป็นอุปฮาดเมืองทุ่งศรีภูมิ เจ้ามืดดำโดนได้แต่งตั้งตำแหน่งเมืองแสน เมืองจันทร์ ท้าว เพี้ย เต็มอัตรากำลังเช่นเมืองหลวงทุกประการ
ต่อมาสมเด็จพระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูรทรงพระประชวร จึงมีพระราชโอการให้เจ้ามหาอุปราชไชยกุมารเป็นผู้สำเร็จราชการ
พ.ศ. 2280 สมเด็จพระเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูรเสด็จสวรรคต พระชนม์ได้ 50 พรรษา ครองราชย์สมบัติได้ 25 ปี เจ้ามหาอุปราชไชยกุมาร จึงขึ้นเสวยราชสมบัติ ทรงพระนามว่า สมเด็จพระพุทธเจ้าองค์หลวง และมีพระราชโองการให้เจ้าธรรมเทโวผู้เป็นพระราชอนุชา(น้องชาย)เป็นเจ้ามหาอุปราช พ.ศ. 2306 เจ้าผู้ครองเมืองทุ่งศรีภูมิ (เจ้ามืดดำโดน) สิ้นพระชนม์ มีโอรส 3 องค์ คือ เจ้าเชียง เจ้าสูน เจ้าอุ่น(ปลัดเมืองขุขันธ์ซึ่งต่อมาได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองศีรษะเกษท่านแรก นามว่า พระยารัตนวงศา อีกทั้งยังเป็นลูกเขยของพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวนหรือตากะจะเจ้าเมืองขุขันธ์ท่านแรกและเป็นบิดาของพระประจันตประเทศหรือเจ้าเมืองชลบถวิบูลย์ท่านแรก) สมเด็จพระพุทธเจ้าองค์หลวง พระเจ้ามหาชีวิตจึงมีพระราชโองการให้เจ้าสุทนต์มณีอุปราชขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองเมืองทุ่งศรีภูมิ (องค์ที่ 3) เจ้าเชียงและเจ้าสูนโอรสเจ้ามืดดำโดนเจ้าผู้ครองเมืององค์ก่อนไม่พอใจ จึงสมคบกับขุนนางส่วนหนึ่งหนีไปพึ่งขุนหลวงเอกทัศน์แห่งกรุงศรีอยุธยา
พ.ศ. 2308 เจ้าเชียงและเจ้าสูนเมื่อไปถึงอยุธยาแล้วจึงของกองทัพเพื่อจะขึ้นมาตีเมืองทุ่งศรีภูมิ หากตีเมืองได้ เจ้าเชียงจะขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองเมืองและจะขอเป็นเมืองประเทศราชส่งเครื่องบรรณาการแก่อยุธยา แต่ระหว่างนั้นอยุธยากำลังถูกกองทัพพระเจ้ามังระแห่งย่างกุ้งรุกรานไม่สามารถส่งกองทัพขึ้นมาได้ ทางอยุธยาจึงสั่งรวบรวมกำลังหัวเมืองขึ้นของอยุธยาที่อยู่ใกล้เข้าตีเมืองทุ่งศรีภูมิจนแตก ประกอบกับช่วงนั้นทางนครจำปาสักนัคบุรีศรีเกิดความวุ่นวายสมเด็จพระเจ้ามหาชีวิตพระพุทธเจ้าองค์หลวงทรงอ่อนแอไม่สามารถส่งกองทัพมาช่วยได้ เจ้าสุทนต์มณีจึงทิ้งเมืองหนี เจ้าเชียงจึงขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองเมือง (องค์ที่ 4) และให้เจ้าสูนเป็นอุปราช เมืองทุ่งศรีภูมิจึงตกเป็นเมืองประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา
พ.ศ. 2310 กองทัพพระเจ้ามังระก็ตีกรุงศรีอยุธยาแตกเป็นเหตุให้อาณาจักรอยุธยาล่มสลาย แต่ไม่นานในปลายปีเดียวกันพระยาตากขุนนางของกรุงศรีอยุธยาก็รวบรวมกองทัพขับไล่กองกำลังของพระเจ้ามังระที่ประจำอยู่ในอยุธยาแตกหนีกลับไปได้ และพระยาตากก็สถาปนาราชวงศ์ใหม่และย้ายเมืองหลวงมายังกรุงธนบุรี
พ.ศ. 2319 พระเจ้ากรุงธนบุรีได้ส่งกองทัพขึ้นมารวบรวมหัวเมืองที่เคยเป็นเมืองประเทศราชของกรุงศรีอยุธยาให้กลับไปเป็นเมืองประเทศราชส่งบรรณาการให้กับกรุงธนบุรี กองทัพกรุงธนบุรีมาถึงเมืองทุ่งศรีภูมิเจ้าผู้ครองเมืองทุ่งศรีภูมิ (เจ้าเซียง) จึงออกไปอ่อนน้อมขอส่งเครื่องบรรณาการให้กรุงธนบุรีเช่นเดียวกลับที่เคยส่งให้กรุงศรีอยุธยา เมื่องกองทัพกรุงธนบุรีเข้าเมืองแล้ว เจ้าผู้ครองเมืองทุ่งศรีภูมิ (เจ้าเซียง) เห็นว่าเมืองท่งศรีภูมินั้นตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเสียวถึงฤดูฝนน้ำก็ท่วม จึงปรึกษากับแม่ทัพกรุงธนบุรีเพื่อขอพระราชโองการย้ายเมืองไปยังดงเท้าสาร ซึ่งห่างจากตัวเมืองเดิมประมาณ ๑๐๐ เส้น พระเจ้ากรุงธนบุรีจึงโปรดให้ย้ายเมืองตามที่ขอ และพระราชทานนามเมืองใหม่ว่า เมืองสุวรรณภูมิประเทศราช
เจ้าเซียงมีบุตร 3 คน คือ ท้าวเพ (เจ้าเมืองหนองหานท่านแรก), ท้าวโอ๊ะ (เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ), ท้าวพร และธิดาไม่ทราบนามอีก 2 คน ในพื้นเมืองท่ง ระบุว่าท้าวพรซึ่งเป็นบุตรของท้าวเซียงมีบุตรชาย 2 คน คือ เพี้ยเมืองแพน (พระนครศรีบริรักษ์ เจ้าเมืองขอนแก่นท่านแรก) เพี้ยศรีปาก (พระเสนาสงคราม เจ้าเมืองพุทไธสงท่านแรก และเป็นบิดาของพระยานครภักดี เจ้าเมืองแปะหรือบุรีรัมย์ท่านแรก)
ประวัติศาสตร์ พื้นที่ส่วนนี้ยังเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ กระจัดกระจายกันตามพื้นที่ราบสูง ในปี พ.ศ. 2322 ขณะนั้นเมืองเวียงจันทน์ได้เกิดเหตุพิพาทกับกลุ่มของเจ้าพระวอจนถึงกับยกทัพไปตีค่ายของเจ้าพระวอแตกที่บ้านดอนมดแดง (อุบลราชธานีปัจจุบัน) และจับเจ้าพระวอประหารชีวิต สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงถือว่าฝ่ายเจ้าพระวอเป็นข้าขอบขัณฑสีมาของไทยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกับเจ้าพระยาสุรสีห์ยกทัพขึ้นไปตีเวียงจันทน์ จากนั้นจึงได้ยกทัพกลับมายังกรุงเทพมหานคร พร้อมกับได้อัญเชิญพระแก้วมรกต พระพุทธปฏิมากร และพระบางกลับมาถวายแต่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีด้วย
โดยในช่วงที่ พระรัตนวงษา (อ่อน) เป็นบุตร ของพระขัติยวงษาทนต์ และเป็นหลานของ เจ้าแก้วมงคล ได้ครองเมืองสุวรรณภูมิ แล้ว ได้ขอพระราชทาน แต่งตั้ง ท้าวโอ๊ะ (บุตร พระรัตนวงษาเซียง) ที่ดำรงตำแหน่ง ราชบุตร เดิมนั้น ขึ้นดำรงตำแหน่ง เป็น "อุปฮาด" ต่อมา ราว พ.ศ. 2331 เพี้ยเมืองแพน ซึ่ง เป็นหนึ่ง ในตำแหน่งกรมการเมืองสุวรรณภูมิ ได้ขอ พระรัตนวงษา (อ่อน) เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ พาราษฎรและไพร่พลประมาณ 330 คน ขอแยกตัวออกจากเมืองสุวรรณภูมิไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ฝั่งบึงบอน ยกขึ้นเป็นเมืองที่บ้านดอนพยอมเมืองเพี้ย (ปัจจุบันคือ บ้านเมืองเพีย ตำบลเมืองเพีย อำเภอบ้านไผ่) เพี้ยเมืองแพน (ภายหลังได้รับการสถาปนา เป็น พระยานครศรีบริรักษ์) ได้ขออพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ในบ้านชีโหล่น คุมไพร่พลคนละ 500 คน แยกออกมาจาก "เมืองท่ง" หรือ "เมืองสุวรรณภูมิ" และให้ขึ้นตรงต่อเมืองสุวรรณภูมิ ครั้นต่อมาอีกราว 9 ปี ในปี พ.ศ. 2340 เพี้ยเมืองแพนก็ได้พาราษฎรและไพร่พล ย้ายมาตั้งเมืองใหม่ ที่บริเวณ เมืองเก่า ริมบึงแก่นนคร ในปัจจุบัน และได้รับพระบรมราชานุญาต ตั้งเป็นเมือง ขอนแก่น และ สถาปนายศ เจ้าเมือง "เพี้ยเมืองแพน" เป็น "พระนครศรีบริรักษ์" เจ้าเมืองขอนแก่น ท่านแรก ในปี พ.ศ. 2340 โดยในปีเดียวกันนั้น เจ้าเมืองสุวรรณภูมิ พระรัตนวงษา (อ่อน) เป็นบุตร ของพระขัติยวงษาทนต์ ได้ครองเมืองสุวรรณภูมิ แล้ว ได้ขอพระราชทาน แต่งตั้ง ท้าวโอ๊ะ (บุตร พระรัตนวงษาเซียง) ที่ดำรงตำแหน่ง ราชบุตร เดิมนั้น ขึ้นดำรงตำแหน่ง เป็น "อุปฮาด" ต่อมา และ มีใบบอกไปยังกรุงเทพมหานครฯ ว่า เพี้ยเมืองแพน ได้ขอแบ่งไพร่พล และตั้งเป็นเมืองขอนแก่น นับแต่นั้น โดยแบ่งพื้นที่ตั้งแต่ บ้านกู่ทอง หนองกองแก้ว ขึ้นเป็นเมืองขอนแก่น
บึงบอนหรือดอนพยอมในปัจจุบันได้ตื้นเขินเป็นที่นาไปหมดแล้ว แต่ก็ยังปรากฏเป็นรูปของบึงซึ่งมีต้นบอนขึ้นอยู่มากมาย ต่อมาก็ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เมืองแพนเป็นพระนครศรีบริรักษ์ เจ้าเมืองขอนแก่น ดังปรากฏข้อความในพงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสานของหม่อมอมรวงศ์วิจิตรว่า
เอกสารพงศาวดารอีสานฉบับพระยาขัติยวงศา (เหลา ณ ร้อยเอ็ด) ได้กล่าวถึงการตั้งเมืองขอนแก่นว่า “...ได้ทราบข่าวว่าเมืองแพน บ้านชีโล่น แขวงเมืองสุวรรณภูมิ พาราษฎร ไพร่พลประมาณ 330 คน แยกจากเมืองสุวรรณภูมิไปขอตั้งฝั่งบึงบอนเป็นเมือง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เมืองแพนเป็นพระนครศรีบริรักษ์ ผู้ว่าราชการเมืองขอนแก่น...” ขอนแก่นจึงได้ที่มาว่าเป็นเมืองคู่กับมหาสารคามนั้นเอง
ส่วนเมืองบริวารอื่นๆ ที่มีส่วนกี่ยวข้องกับการแยกตัวออกมาจากเมืองสุวรรณภุมิ และภายหลังมีการแยกออกมาตั้งเป็น เมือง ในเขตจังหวัดขอนแก่น หลังปี พ.ศ. 2340 นั้น ได้แก่ เมืองมัญจาคีรีหรืออำเภอมัญจาคีรี ปรากฏอยู่ในทำเนียบมณฑลอุดร กล่าวว่า เมื่อ พ.ศ. 2433 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 5) โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งเมืองขึ้นชื่อเมืองมัญจาคีรี โดยมีจางวางเอกพระยาพฤติคุณธนเชษ (สน สนธิสัมพันธ์) เป็นเจ้าเมืองคนแรกเมื่อ พ.ศ. 2433-2439
=== การย้ายถิ่นฐาน ===
ในปี พ.ศ. 2439 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เปลี่ยนการปกครองหัวเมืองไกลใหม่ โดยเปลี่ยนเป็นบริเวณหัวเมืองลาวฝ่ายเหนือ ให้เป็นหัวเมืองลาวพวน ดังนั้น เมืองขอนแก่นจึงอยู่ภายใต้การปกครองของเมืองอุดรธานี หรือมณฑลอุดรธานี โดยมีกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมเป็นผู้ปกครองมณฑล ในสมัยนั้นได้มีสายโทรเลข ที่เดินจากเมืองนครราชสีมา ผ่านเมืองชนบท เข้าเขตเมืองขอนแก่นข้ามลำน้ำชีที่ท่าหมากทัน ตรงไปท่าพระ บ้านทุ่ม โดยไม่เข้าเมืองขอนแก่น และตรงไปข้ามลำน้ำพองไปบ้านหมากแข้งเมืองอุดรธานี ศูนย์กลางมณฑลอุดร กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม (ผู้ปกครองมณฑลอุดรธานีในขณะนั้น) ซึ่งเป็นข้าหลวงใหญ่ประจำมณฑลอุดรธานีทรงดำริว่า ที่ว่าการเมืองขอนแก่นที่ตั้งอยู่ที่บ้านดอนบม ไม่สะดวกแก่ราชการ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ย้ายเมืองขอนแก่นไปตั้งอยู่ที่บ้านทุ่ม (อำเภอเมืองขอนแก่นในปัจจุบัน) ในปลาย พ.ศ. 2439 และเปลี่ยนนามตำแหน่งเจ้าเมืองเป็นผู้ว่าราชการเมือง และตั้งชื่อเมืองว่า "ขอนแก่น" จนถึงปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2440 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานบรรดาศักดิ์ท้าวหนูหล้าปลัดเมืองขอนแก่นเป็นพระพิทักษ์สารนิคม และในปี พ.ศ. 2442 ก็ได้ย้ายเมืองขอนแก่นจากบ้านทุ่มกลับไปตั้งอยู่ที่บ้านเมืองเก่าตามเดิม โดยตั้งศาลากลางขึ้นที่ริมบึงเมืองเก่าทางด้านเหนือ (หน้าสถานีโทรทัศน์ในปัจจุบัน) ด้วยเหตุผลที่ว่า บ้านทุ่มนั้นกันดารน้ำในฤดูแล้ง
ในปี พ.ศ. 2444 ทางราชการได้เกณฑ์แรงงานของราษฎรที่เคยหลงผิดไปเชื่อผีบุญ-ผีบาป ที่เขตแขวงเมืองอุบลราชธานีในตอนนั้น โดยให้พากันมาช่วยสร้างทำนบกั้นน้ำขึ้นเป็นถนนรอบบึงเมืองเก่า เพื่อกักน้ำไว้ใช้สอยในฤดูแล้ง เพราะบึงนี้เป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของชาวเมืองขอนแก่น
ต่อมาในปี พ.ศ. 2447 พระนครบริรักษ์ (อุ นครศรี) เจ้าเมืองขอนแก่น ได้กราบถวายบังคมลาออกจากราชการ เหตุเพราะชราภาพ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนตำแหน่งพระพิทักษ์สารนิคม (หนูหล้า สุนทรพิทักษ์) ปลัดเมืองขอนแก่นขึ้นเป็นเจ้าเมืองขอนแก่น และในปีนั้นเอง ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เปลี่ยนนามตำแหน่งข้าหลวงประจำเมืองขอนแก่นเป็นข้าหลวงประจำบริเวณพาชี ส่วนเมืองต่าง ๆ ที่ขึ้นต่อนั้น ก็ให้เปลี่ยนเป็นอำเภอ และผู้เป็นเจ้าเมืองนั้น ๆ ก็ให้เปลี่ยนเป็นนายอำเภอ ตำแหน่งอุปฮาดก็เป็นปลัดอำเภอไป แต่ขึ้นตรงต่อเมืองอุดรธานี มณฑลอุดรธานีในขณะนั้น
ต่อมาในวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2459 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกเลิกระบบมณฑลในประเทศ ให้เปลี่ยนคำว่าเมืองเป็นจังหวัดแทน ตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองจึงกลายเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด และศาลาว่าการเมืองก็เปลี่ยนมาเป็นศาลากลางจังหวัด นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาขอนแก่นจึงได้กำเนิดเป็น "จังหวัดขอนแก่น"
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ภูมิประเทศ ===
จังหวัดขอนแก่นมีสภาพพื้นที่ลาดเอียงจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออกและทิศใต้ บริเวณที่สูงทางด้านตะวันตกมีสภาพพื้นที่เป็นเขาหินปูนตะปุ่มตะป่ำสลับกับพื้นที่เป็นลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย มีระดับความสูงประมาณ 200-250 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีภูเขารูปแอ่งหรือภูเวียงวางตัวอยู่ติดอำเภอภูเวียง บริเวณที่สูงตอนกลางและด้านเหนือมีสภาพพื้นที่เป็นเทือกเขา ได้แก่ ภูเก้า ภูเม็ง ภูพานคำ เป็นแนวขวางมาจากด้านเหนือ แล้ววกลงมาทางตะวันตกเฉียงใต้ ไหล่เขาด้านนอกมีความสูงและลาดชันมาก สูงประมาณ 300-660 เมตร ไหล่เขาด้านในมีความลาดชันน้อย มีระดับความสูงประมาณ 220-250 เมตร
บริเวณแอ่งโคราช ครอบคลุมพื้นที่ทางด้านใต้จังหวัด สภาพพื้นที่เป็นลูกคลื่นลอนลาดเล็กน้อย มีความสูงประมาณ 150-200 เมตร มีบางส่วนเป็นเนิน สูงประมาณ 170-250 เมตร และลาดต่ำไปทางราบลุ่มที่ขนานกับลำน้ำชี มีความสูงประมาณ 130-150 เมตร จากนั้น พื้นที่จะลาดชันไปทางตะวันออก มีลักษณะเป็นลูกคลื่นลอนลาดมีความสูงประมาณ 200-250 เมตร และค่อนข้างราบ มีความสูงประมาณ 170 -180 เมตร
จังหวัดขอนแก่นมีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดอื่น ๆ ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดเลย จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดอุดรธานี
ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดกาฬสินธุ์และจังหวัดมหาสารคาม
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดนครราชสีมาและจังหวัดบุรีรัมย์
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดชัยภูมิและจังหวัดเพชรบูรณ์
=== ภูมิอากาศ ===
สภาพภูมิอากาศของขอนแก่น โดยทั่วไปเป็นแบบทุ่งหญ้าในเขตร้อน คือ มีฝนตกสลับกับแห้งแล้ง ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีอุณหภูมิสูงสุดโดยเฉลี่ย 36.35 องศาเซลเซียส และมี 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม อากาศร้อนจัดในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม โดยจะมีฝนตกชุกในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี และฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ สภาพอากาศจะหนาวเย็น โดยทั่วไปจะหนาวจัดในช่วงเดือนธันวาคมจนถึงเดือนมกราคมของทุกปี อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 15.4 องศาเซลเซียส
== การเมืองการปกครอง ==
=== การปกครองส่วนภูมิภาค ===
แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 26 อำเภอ 199 ตำบล 2331 หมู่บ้าน
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
มีจำนวนทั้งสิ้น 225 แห่ง แบ่งออกเป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลนคร 1 แห่ง เทศบาลเมือง 6 แห่ง เทศบาลตำบล 77 แห่ง และ องค์การบริหารส่วนตำบล 140 แห่ง โดยเทศบาลสามารถจำแนกได้ตามพื้นที่ดังนี้
{|
||
อำเภอเมืองขอนแก่น
เทศบาลนครขอนแก่น
เทศบาลเมืองศิลา
เทศบาลเมืองบ้านทุ่ม
เทศบาลตำบลท่าพระ
เทศบาลตำบลเมืองเก่า
เทศบาลตำบลบ้านเป็ด
เทศบาลตำบลสาวะถี
เทศบาลตำบลบ้านค้อ
เทศบาลตำบลโนนท่อน
เทศบาลตำบลสำราญ
เทศบาลตำบลหนองตูม
เทศบาลตำบลพระลับ
เทศบาลตำบลบึงเนียม
อำเภอกระนวน
เทศบาลเมืองกระนวน
เทศบาลตำบลห้วยยาง
เทศบาลตำบลหนองโน
เทศบาลตำบลน้ำอ้อม
||
อำเภอชุมแพ
เทศบาลเมืองชุมแพ
เทศบาลตำบลโคกสูงสัมพันธ์
เทศบาลตำบลโนนหัน
เทศบาลตำบลหนองเสาเล้า
เทศบาลตำบลหนองไผ่
เทศบาลตำบลนาเพียง
เทศบาลตำบลโนนสะอาด
อำเภอพล
เทศบาลเมืองเมืองพล
อำเภอบ้านไผ่
เทศบาลเมืองบ้านไผ่
เทศบาลตำบลในเมือง
อำเภอน้ำพอง
เทศบาลตำบลน้ำพอง
เทศบาลตำบลวังชัย
เทศบาลตำบลลำน้ำพอง
เทศบาลตำบลกุดน้ำใส
เทศบาลตำบลม่วงหวาน
เทศบาลตำบลสะอาด
||
อำเภอหนองเรือ
เทศบาลตำบลดอนโมง
เทศบาลตำบลหนองแก
เทศบาลตำบลหนองเรือ
เทศบาลตำบลโนนทอง
เทศบาลตำบลกุดกว้าง
เทศบาลตำบลโนนสะอาด
เทศบาลตำบลยางคำ
เทศบาลตำบลบ้านผือ
อำเภออุบลรัตน์
เทศบาลตำบลเขื่อนอุบลรัตน์
เทศบาลตำบลโคกสูง
เทศบาลตำบลนาคำ
อำเภอเปือยน้อย
เทศบาลตำบลเปือยน้อย
เทศบาลตำบลสระแก้ว
อำเภอมัญจาคีรี
เทศบาลตำบลมัญจาคีรี
เทศบาลตำบลนาข่า
อำเภอภูเวียง
เทศบาลตำบลภูเวียง
||
อำเภอภูผาม่าน
เทศบาลตำบลภูผาม่าน
เทศบาลตำบลโนนคอม
อำเภอสีชมพู
เทศบาลตำบลสีชมพู
เทศบาลตำบลวังเพิ่ม
เทศบาลตำบลนาจาน
อำเภอพระยืน
เทศบาลตำบลบ้านโต้น
เทศบาลตำบลพระยืน
เทศบาลตำบลพระบุ
เทศบาลตำบลพระยืนมิ่งมงคล
อำเภอบ้านฝาง
เทศบาลตำบลบ้านฝาง
เทศบาลตำบลโนนฆ้อง
เทศบาลตำบลป่ามะนาว
เทศบาลตำบลโคกงาม
เทศบาลตำบลแก่นฝาง
เทศบาลตำบลหนองบัว
||
อำเภอหนองสองห้อง
เทศบาลตำบลหนองสองห้อง
อำเภอชนบท
เทศบาลตำบลชนบท
เทศบาลตำบลชลบถวิบูลย์
อำเภอแวงน้อย
เทศบาลตำบลแวงน้อย
เทศบาลตำบลก้านเหลือง
อำเภอโคกโพธิ์ไชย
เทศบาลตำบลบ้านโคก
เทศบาลตำบลโพธิ์ไชย
เทศบาลตำบลภูผาแดง
เทศบาลตำบลนาแพง
อำเภอบ้านแฮด
เทศบาลตำบลบ้านแฮด
เทศบาลตำบลวังสวรรค์
เทศบาลตำบลโคกสำราญ
||
อำเภอแวงใหญ่
เทศบาลตำบลแวงใหญ่
อำเภอเขาสวนกวาง
เทศบาลตำบลเขาสวนกวาง
เทศบาลตำบลโนนสมบูรณ์
อำเภอโนนศิลา
เทศบาลตำบลโนนศิลา
อำเภอซำสูง
เทศบาลตำบลซำสูง
อำเภอเวียงเก่า
เทศบาลตำบลในเมือง
อำเภอหนองนาคำ
เทศบาลตำบลหนองนาคำ
เทศบาลตำบลขนวน
|}
=== รายนามผู้ว่าราชการขอนแก่น ===
=== ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ===
จังหวัดขอนแก่นมีความสัมพันธ์ในฐานะเมืองพี่น้องกับเมืองดังต่อไปนี้
หนานหนิง ประเทศจีน
ฝูเจี้ยน ประเทศจีน
มิสึโฮะ ประเทศญี่ปุ่น
== ประชากร ==
จังหวัดขอนแก่นมีประชากรทั้งสิ้น 1,790,055 คน นับเป็น 576,964 ครัวเรือน นับเป็นประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตอำเภอเมือง 1,802,872 คน (ณ ปี พ.ศ. 2563)
จังหวัดขอนแก่นเคยเคยอยู่ในเขตการปกครองของอาณาจักรล้านช้าง เวียงจันทน์ จำปาศักดิ์ มีการอพยพของประชาชนชาวลาวเข้ามาอาศัย โดยเกิดขึ้นในสมัยธนบุรีและต้นสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นประชากรดั้งเดิมของจังหวัด นอกจากนั้นแล้ว ในเขตเมืองยังมีชาวไทยเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นชุมชนใหญ่และมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก รวมถึงชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ชาวไทญ้อและชาวต่างชาติอื่นๆ ซึ่งย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดขอนแก่น
=== ศาสนาและวัฒนธรรม ===
ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ มีสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา 1,466 แห่ง ประกอบด้วย วัด 1,371 แห่ง โบสถ์คริสต์ 58 แห่ง มัสยิด 7 แห่ง และสุเหร่า 2 แห่ง โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม - บาลี 26 แห่ง และมหาวิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่ง (ส่านักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น 2557)
== การศึกษา ==
จังหวัดขอนแก่น มีสถาบันการศึกษาระดับขั้นพื้นฐานหลากหลายสิบแห่ง
โรงเรียนประถมศึกษา อยู่ภายใต้สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น ซึ่งมีทั้งหมด 5 เขต สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งครอบคลุมโรงเรียนขยายโอกาศทางการศึกษา 43 แห่ง และสังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่น อีก 2 แห่ง
โรงเรียนมัธยมศึกษา โดยประกอบด้วยโรงเรียนมัธยมจาก 3 สังกัด ได้แก่
- สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดขอนแก่น 84 แห่ง
- สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัดขอนแก่น 17 แห่ง
- สังกัดมหาวิทยาลัยขอนแก่น อีก 2 แห่ง
3. สถานศึกษาในระดับอาชีวศึกษาทั้งรัฐและเอกชน ในกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรรมการการอาชีวศึกษา
4. สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน โดยมี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ ที่เก่าแก่ และมีความสำคัญที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
== การสาธารณสุข ==
สถานบริการด้านสาธารณสุข มีโรงพยาบาล 32 แห่ง
สังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ขอนแก่น 22 แห่ง มหาวิทยาลัยขอนแก่น 2 แห่ง กระทรวงกลาโหม 1 แห่ง กรมอนามัย 1 แห่ง กรม สุขภาพจิต 1 แห่ง กรมการแพทย์ 1 แห่ง เอกชน 4 แห่ง ประกอบไปด้วย
===== 1. สถานบริการสาธารณสุข สังกัดกระทรวงสาธารณสุข =====
1) โรงพยาบาลขอนแก่น (โรงพยาบาลศูนย์) ขนาด 1,000 เตียง 1 แห่ง
2) โรงพยาบาลสิรินธร จังหวัดขอนแก่น (รพท.) ขนาด 250 เตียง 1 แห่ง
3) โรงพยาบาลชุมชน ขนาด 120 เตียง 1 แห่ง, ขนาด 90 เตียง 2 แห่ง, ขนาด 60 เตียง 5 แห่ง และ ขนาด 30 เตียง 12 แห่ง
4) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 248 แห่ง
5) ศูนย์แพทย์ 4 มุมเมือง (สังกัดโรงพยาบาลขอนแก่น) 4 แห่ง - ศูนย์แพทย์ชาตะผดุง - ศูนย์แพทย์ประชาสโมสร - ศูนย์แพทย์มิตรภาพ - ศูนย์แพทย์ชุมชนวัดหนองแวง พระอารามหลวง
6) ศูนย์อนามัยที่ 6 - โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ขนาด 100 เตียง 1 แห่ง
7) ศูนย์บ่าบัดรักษายาเสพติด จังหวัดขอนแก่น ขนาด 150 เตียง 1 แห่ง
8) โรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ ขนาด 400 เตียง 1 แห่ง
===== 2. สถานบริการสาธารณสุข สังกัดกระทรวงอื่น =====
1) โรงพยาบาลศรีนครินทร์ สังกัด มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขนาด 1,466 เตียง 1 แห่ง
2) ศูนย์หัวใจสิริกิติ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สังกัด มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขนาด 200 เตียง 1 แห่ง โรงพยาบาลเฉพาะทางโรคหัวใจและหลอดเลือดมาตรฐานสากล ตรวจรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดตลอด 24 ชั่วโมง โดยวิธีการผ่าตัดแบบเปิดและปิด รวมทั้งตรวจวินิจฉัย ขยายหลอดเลือดหัวใจตีบด้วยบอลลูน ใส่ขดลวดค้ำยัน รักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วยวิธี Electrophysio Study & Radio Frequency Ablation เป็นที่แรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.
3) โรงพยาบาลค่ายศรีพัชรินทร จังหวัดขอนแก่น ขนาด 50 เตียง 1 แห่ง
4) ศูนย์บริการสาธารณสุขสังกัดเทศบาลนครขอนแก่น 3 แห่ง - ศูนย์บริการสาธารณสุขที่ 1 เทศบาลนครขอนแก่น - ศูนย์บริการสาธารณสุขที่ 3 บ้านโนนชัย - ศูนย์บริการสาธารณสุขที่ 5 บ้านหนองใหญ่
===== 3. สถานบริการสาธารณสุขเอกชน =====
1) โรงพยาบาลขอนแก่นราม ขนาด 300 เตียง
2) โรงพยาบาลราชพฤกษ์ แห่งที่ 1 ขนาด 50 เตียง (ปัจจุบันยกเลิกการให้บริการแล้ว)
3) โรงพยาบาลราชพฤกษ์ แห่งที่ 2 ขนาด 200 เตียง
4) โรงพยาบาลกรุงเทพฯ ขอนแก่น ขนาด 150 เตียง
==== 4. การปรับปรุงและพัฒนาขีดความสามารถของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ====
เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพ และสาธารณสุขแก่ประชาชนในพื้นที่เขตภาคอีสาน 20 จังหวัด ที่มีจำนวนมากกว่า 20 ล้านคน ให้สามารถเข้าถึงการรักษา ทางคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงได้เริ่มปรับปรุงโรงพยาบาลศรีนครินทร์ ให้เป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทย ที่มีจำนวน 5,000 เตียง โดยใช้งบประมาณ 24,500 ล้านบาท โดยจะมีความทันสมัย มีอุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ และมีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีทักษะความรู้ ความสามารถ เชี่ยวชาญในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และโรคเฉพาะทาง
โดยโครงการดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ระยะแรก จำนวน 3,500 เตียง ใช้งบประมาณ 14,000 ล้านบาท คาดว่าจะใช้เวลา 2 - 3 ปี เมื่อดำเนินการระยะแรกเสร็จก็จะดำเนินการระยะที่ 2 ทันที ให้ครบ 5,000 เตียง ใช้งบฯ 10,500ล้านบาท โดยจะสร้างอาคารสูงประมาณ 20-39 ชั้น เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มาใช้บริการ มีที่จอดรถ 1,600 คัน มีห้องผ่าตัดเพิ่ม 2-3 เท่าจากเดิม มีเตียงสำหรับผู้ป่วยวิกฤตในห้องไอซียูเพิ่มอีก 30% มีเรือนพักญาติ อาคารสนับสนุนบริการ โดยจะให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One stop service) แก่ผู้ป่วยทุกกลุ่ม
== เศรษฐกิจ ==
จังหวัดขอนแก่นมี เศรษฐกิจมูลค่า 185,603 ล้านบาท เป็นลำดับที่ 14 ของประเทศ และเป็นอันดับที่ 2 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สาขาการผลิตที่สร้างรายได้ให้กับจังหวัดขอนแก่น ในปี 2555 คือ สาขานอกภาคเกษตร มีมูลค่า 163,144 ล้านบาท ในขณะที่สาขาภาคเกษตรมีมูลค่า 22,451 ล้านบาท สาขานอกภาคเกษตร มีมูลค่าอันดับ 1 คือ สาขาผลิตอุตสาหกรรม มีมูลค่า 77,001 ล้านบาท รองลงมา คือสาขาการศึกษา มีมูลค่า 18,468 ล้านบาท และการขายส่ง ขายปลีก ซ่อมแซมฯ มีมูลค่า 16,426 ล้านบาท
รายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากร (Per Capita GPP) ของจังหวัดขอนแก่น ปี 2555 คือ 106,583 บาท อยู่ใน อันดับที่ 1 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นอันดับที่ 33 ของประเทศ
(ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)
กรมธนารักษ์ประเมินราคาที่ดินระยะ 4 ปี โดยประกาศใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2559 - 31 ธ.ค.2562 พบว่าจังหวัดขอนแก่นมีราคาที่ดินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 29% แพงที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยย่าน ถนนศรีจันทร์ มีราคาสูงที่สุด เฉลี่ย 5,000-200,000 ต่อตารางวา ซึ่งทำให้อสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมีเนียมแบบ high rise ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จาก คอนโดมีเนียมความสูง 30 ชั้นขึ้นไปหลายแห่งภายในเขตเทศบาล
=== ภาคการเกษตร ===
จังหวัดขอนแก่นมีพื้นที่การเกษตร 4,369,043 ไร่ (ร้อยละ 64.19 ของพื้นที่จังหวัด) โดยอยู่ในเขตชลประทาน 757,542 ไร่ (คิดเป็นร้อยละ 13.14 ของพื้นที่การเกษตร หรือร้อยละ 8 ของพื้นที่จังหวัด) จำนวนคนทำงานในภาค เกษตร 439,583 คน
โดยพืชที่สำคัญ คือ ข้าว มัน สำปะหลัง และอ้อยโรงงาน และสัตว์เศรษฐกิจสำคัญ คือ โคเนื้อ สุกร ไก่เนื้อ และโคนม
(ที่มา : สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดขอนแก่น)
=== ภาคการเงินการธนาคาร ===
จังหวัดขอนแก่น เป็นที่ตั้งของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสถาบันการเงิน พิเศษของรัฐ ได้แก่ ธ.เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธ.ออมสิน ธ.อาคารสงเคราะห์ ธ.พัฒนาวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธ.เพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธ.อิสลามแห่งประเทศ ไทย รวมทั้ง ธ.พาณิชย์สาขาหลักและสาขาย่อย รวมทั้งสิ้น 168 แห่ง
=== ธุรกิจ Mice ===
จากสภาพที่ตั้งของเมือง ขอนแก่นจึงเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการศึกษาของภูมิภาค และเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว เป็นเมืองศูนย์กลางการปฏิบัติงานตาม "แผนงานพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจ" และเชื่อมต่อประเทศไทย พม่า เวียดนามเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางบกและทางอากาศที่สำคัญ ทำให้ขอนแก่นเป็นเมืองไมซ์ที่สำคัญของประเทศ มีศักยภาพในการรองรับผู้เดินทางมาร่วมอีเวนต์ทางธุรกิจได้เป็นจำนวนมาก โดยมี ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น บนถนนมะลิวัลย์ และ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ขอนแก่น (KICE) บนถนนมิตรภาพ เป็นสองศูนย์ประชุมหลักของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่รองรับการประชุมสัมนาขนาด 10,000 คน และการแสดงสินค้าระดับนานาชาติได้ ทำให้จังหวัดขอนแก่น เป็นศูนย์กลางการประชุมสัมมนา (MICE City) การคมนาคมสะดวกทั้งทางรถยนต์ รถไฟ เครื่องบิน พื้นที่ฟรี WiFi ในที่สาธารณะ จำนวน 661 จุด สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ ท่าให้มีนักท่องเที่ยว และผู้มาประชุมสัมมนา รวมถึงรายได้จากการท่องเที่ยวมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
=== ธุรกิจการท่องเที่ยว ===
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศความสำเร็จถึงยอดนักท่องเที่ยวที่เข้าไปยังขอนแก่นทะลุเป้า 5 ล้านคน โดยขยับจากเมืองรองก้าวขึ้นสู่เมืองหลักทางการท่องเที่ยว จากรายงานสถิติกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปี 2561 พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวของขอนแก่นมีจำนวน 5,207,787 คน เติบโตขึ้นถึงร้อยละ 11 จากปี 2560 โดยส่วนหนึ่งของความสำเร็จมาจากการส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวของ ททท. ภายใต้กลยุทธ์ ขอนแก่น โมเดล ที่นำการท่องเที่ยวมาเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น สร้างรายได้กว่า 17,018 ล้านบาท
=== ธุรกิจโรงแรม ===
ขอนแก่นมีจำนวนห้องพักมากกว่า 10,000 ห้อง โดยมีโรงแรมมาตรฐาน 3 และ 4 ดาว หลายแห่งเปิดให้บริการห้องพัก และโรงแรม พูลแมน ราชาออร์คิด ยังเป็นโรงแรมมาตรฐาน 5 ดาว แห่งแรกและแห่งเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ วันที่ 1 มีนาคม 2539
=== อุตสาหกรรมหนัก ===
การผลิตภาคอุตสาหกรรมมีอัตราการขยายตัวในอัตราที่สูงอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มความสำคัญต่อเศรษฐกิจของจังหวัดมากขึ้นเป็นลำดับ มีโรงงานอุตสาหกรรมได้รับอนุญาตให้ประกอบการ จ่านวนทั้งสิ้น 4,131 โรงงาน เงินทุน 77,233,083,744 บาท คนงาน 85,528 คน ประเภทของอุตสาหกรรมได้เริ่มปรับเปลี่ยน จากอุตสาหกรรมเกษตร มาเป็นอุตสาหกรรมวิศวการ ทั้งนี้อุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัตถุดิบทางการเกษตร เช่น โรงสีข้าว โรงงานมันเส้น โรงงานน้ำตาล โรงงานเยื่อกระดาษ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องจากการค้นพบแหล่งปิโตรเลียม (แก๊สธรรมชาติ) ฯลฯ
อุตสาหกรรมที่สำคัญของจังหวัด 7 อันดับ ได้แก่
อุตสาหกรรม กระดาษและผลิตภัณฑ์จากกระดาษ
อุตสาหกรรม การผลิตไฟฟ้า
อุตสาหกรรม การผลิตปิโตรเลียม (แก๊สธรรมชาติ)
อุตสาหกรรม การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
อุตสาหกรรม อาหาร และเครื่องดื่ม
อุตสาหกรรม การผลิดอาหารสัตว์
อุตสาหกรรม ผลิตเอทานอล
=== พลังงาน ===
จังหวัดขอนแก่นโรงงานผลิตเอทานอล 2 แห่ง โดยมีก่าลังการผลิตจากมันส่าปะหลัง 130,000 ลิตร/วัน และจาก กากน้าตาล 150,000 ลิตร/วัน สถานีบริการน้ามันเชื้อเพลิง 667 แห่ง สถานีบริการแก๊สธรรมชาติ (NGV) จ่านวน 9 แห่ง สถานีบริการก๊าซ LPG 61 แห่ง และร้านจ่าหน่ายก๊าซหุงตุ้ม (LPG) 680 แห่ง
การไฟฟ้ามีแหล่งผลิตไฟฟ้าที่ส่าคัญ คือ โรงไฟฟ้าพลังน้าเขื่อนอุบลรัตน์ และโรงไฟฟ้าพลังความ ร้อนร่วมน้าพอง ก่าลังผ ลิต 30 เมกกะวัตต์ และ 750 เมกกะวัตต์
สถานการณ์ใช้ ไฟฟ้าของจังหวัด ขอนแก่น 478,919 ครัวเรือน มีไฟฟ้าใช้แล้ว 464,286 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละที่มีไฟฟ้าใช้แล้ว 96.94
== การคมนาคม ==
=== ทางถนน ===
ขอนแก่นอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร 449 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ถึงจังหวัดสระบุรี ตรงหลักกิโลเมตรที่ 107 แยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านจังหวัดนครราชสีมาถึงจังหวัดขอนแก่น
รถโดยสารประจำทาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง รถออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ (หมอชิต 2) มีรถโดยสารธรรมดา รถปรับอากาศ และรถนอนพิเศษชนิด 24 ที่นั่ง วิ่งบริการทุกวัน
รถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศ บริษัทขนส่งจำกัด และรัฐวิสาหกิจรถเมล์นครหลวงเวียงจันทน์ ร่วมเปิดเส้นทางเดินรถระหว่าง ขอนแก่น-นครหลวงเวียงจันทน์ โดบจัดรถปรับอากาศมาตรฐาน 45 ที่นั่ง ให้บริการ 2 เที่ยวต่อวัน มีต้นทางและปลายทางที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดขอนแก่น แห่งที่ 2 และ สถานีรถเมล์ขนส่งผู้โดยสารตลาดเช้า นครหลวงเวียงจันทน์ โดยไม่มีจุดจอดระหว่างทาง
=== ทางรถไฟ ===
ขบวนรถไฟออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ ผ่านจังหวัดขอนแก่นไปยังจังหวัดอุดรธานีและหนองคายทุกวัน ขบวนรถที่ให้บริการได้แก่ รถด่วนพิเศษอีสานมรรคา (ขบวนที่ 25), รถด่วนดีเซลรางปรับอากาศที่ 75 และ 77 และรถเร็วที่ 133
สถานีรถไฟขอนแก่นเป็นสถานีรถไฟประจำจังหวัด โดยด้านหน้าสถานีจะมีขอนไม้ตั้งอยู่พร้อมตัวอักษร "ขอน–แก่น" ปัจจุบันตัวอาคารหลังเดิมถูกรื้อทิ้ง เพื่อสร้างอาคารสถานีรถไฟขอนแก่นหลังใหม่ ในรูปแบบสถานีรถไฟยกระดับขนาดใหญ่แห่งแรก โดยเป็นระบบรางคู่สายแรกของประเทศที่เปิดให้บริการ โดยมีจุดสิ้นสุดที่สถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ จังหวัดนครราชสีมา
=== ทางอากาศ ===
ท่าอากาศยานขอนแก่น มีจำนวนผู้โดยสารราว 1.9 ล้านคนต่อปี มีสายการบินให้บริการเป็นจำนวนมาก มีจุดหมายปลายทางได้แก่ กรุงเทพฯ, สงขลา (หาดใหญ่), เชียงใหม่, ภูเก็ต และ ระยอง (อู่ตะเภา) ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการดำเนินการขยายอาคารสนามบิน เพื่อให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
=== สถานที่ทางประวัติศาสตร์ ===
ศาลหลักเมืองขอนแก่น : เป็นสถานที่เคารพบูชาของชาวขอนแก่น ประดิษฐานอยู่ที่ศาลาสุขใจ ถนนเทพารักษ์ หน้าสำนักงานเทศบาลนครขอนแก่น ท่านเจ้าคุณปู่พระราชสารธรรมมุนีและหลวงธุรนัยพินิจ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้นำหลักศิลาจารึกมาจากโบราณสถานในท้องที่อำเภอชุมแพมาประกอบพิธีตามแนวทางพระพุทธศาสนาทำเป็นหลักเมืองเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2499 ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2549 เทศบาลนครขอนแก่น ได้ทำการบูรณะศาลหลักเมืองขอนแก่น ตามโครงการบูรณะพัฒนาปฏิสังขรณ์ศาลหลักเมืองและในวโรกาสมหามงคลสมัยเพื่อน้อมถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชทรงเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา โดยผลการคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างวิธีพิเศษ ได้ตกลงว่าจ้าง หจก.แก่นชาญกิจวิศวกรรม มาดำเนินการก่อสร้าง แล้วเสร็จและมีการฉลองสมโภชศาลหลักเมืองขอนแก่น เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ 80 พรรษา เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2550 สิ้นค่าก่อสร้างกว่า 54 ล้านบาท ศาลหลักเมืองขอนแก่นที่ปรับปรุงใหม่นั้น อยู่ ณ บริเวณจุดเดิม ลักษณะตัวอาคารมีศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ ทรวดทรงและส่วนประกอบงานศิลป์เป็นการอนุรักษ์งานสถาปัตยกรรมที่สำคัญของ ท้องถิ่นอีสาน ขนาดและรูปทรงเป็นเป็นอาคารโถงจัตุรมุข กว้างขวางโอ่โถงกว่าของเดิมมาก โดยมีขนาดตัวอาคาร 13 x 13 เมตร โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กมีพื้นที่ภายในเป็นห้องโถงรวม 73 ตารางเมตร ย่อมุมตัวอาคารโดยรอบมีระเบียงยื่นทั้ง 4 ด้าน ความสูงจากพื้นลานรอบอาคารถึงถึงยอดฉัตรทองคำรวม 27.50 เมตร หลังคาเป็นทรงจั่วจัตุรมุขหลังคาซ้อน 3 ชั้น และชั้นเครื่องยอดเป็นรูปเจดีย์ศิลปะพื้นเมืองอีสาน สัณฐานเป็นเจดีย์จำลองจากองค์พระธาตุขามแก่น
พระมหาธาตุแก่นนคร: ตั้งอยู่ภายในวัดหนองแวงพระอารามหลวง ถนนกลางเมือง เป็นศิลปะสมัยทวารวดีผสมผสานศิลปะอินโดจีน รูปทรงแบบชาวอีสานตากแห มี 9 ชั้น เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีการตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลัก และภาพเขียนอย่างงดงาม เป็นสถานที่เคารพบูชาของชาวขอนแก่น และเป็นสถานที่ชมทัศนียภาพเมืองขอนแก่น
อนุสาวรีย์พระนครศรีบริรักษ์: ตั้งอยู่ที่สวน เจ.ซี. ถนนรอบบึง พระนครศรีบริรักษ์หรือท้าวเพี้ยเมืองแพนเป็นขุนนางเชื้อพระวงศ์กษัตริย์เวียงจันทน์ มีธิดาชื่อนางคำแว่นเป็นสนมเอกในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในปี พ.ศ. 2332 ท้าวเพี้ยเมืองแพนได้พาสมัครพรรคพวกประมาณ 330 คน อพยพมาอยู่ที่บ้านบึงบอน ขึ้นตรงต่อพระยานครราชสีมา ต่อมาในปี พ.ศ. 2340 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ยกบ้านบึงบอนขึ้นเป็น "เมืองขอนแก่น" และยกฐานันดรศักดิ์ท้าวเพี้ยเมืองแพนขึ้นเป็น "พระนครศรีบริรักษ์" พ่อเมืองคนแรกของจังหวัดขอนแก่น ในปี พ.ศ. 2525 ประชาชนชาวขอนแก่น ได้ร่วมใจกันสร้างอนุสาวรีย์พระนครศรีบริรักษ์ขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์และเคารพสักการะของชาวเมือง
น้ำส่างสนามบิน: ตั้งอยู่บริเวณถนนหน้าศูนย์ราชการ ตรงข้ามโรงเรียนสนามบินด้านทิศเหนือ เป็นบ่อน้ำประวัติศาสตร์ที่มีมาก่อนที่เมืองขอนแก่นจะมีน้ำประปาบริโภค เป็นจุดรวมใจของชาวขอนแก่น เป็นแหล่งน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวขอนแก่นในอดีต และให้คุณประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่แก่ประชาชนชาวขอนแก่นมาเป็นเวลายาวนาน
ศาลหลักเมือง (เมืองเก่า) : เป็นศาลหลักเมืองหรือบือบ้านที่ท้าวเพี้ยเมืองแพนได้ตั้งไว้ ณ บริเวณใจกลางหมู่บ้าน เป็นเสาหลักเมืองขอนแก่นหลักแรกก่อนจะมีการย้ายเมืองอีก 5 ครั้ง ปัจจุบันตั้งอยู่บริเวณซอยกลางเมือง 21 ด้านข้างศูนย์กัลยาณมิตร
พระธาตุขามแก่น: พระธาตุขามแก่นตั้งอยู่ที่วัดเจติยภูมิ บ้านขาม หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง เป็นปูชนียสถานของจังหวัดขอนแก่น บ้านขามเคยเป็นเมืองมาตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นเวลาประมาณ 2000 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 500
บึงละเลิงหวาย อำเภอพล : เป็นบึงขนาดเล็กซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าละเลิงหวาย และเป็นที่กราบสักการะของคนไทยเชื้อสายจีน และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง
ปราสาทเปือยน้อย ตั้งอยู่ที่ อ.เปือยน้อย เป็นปราสาทศิลปะขอมโบราณผสมระหว่างศิลปะเขมรแบบบาปวนและแบบนครวัด สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 เพื่อใช้เป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู เป็นปราสาทที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในเขตภาคอีสานตอนบน
นาหลังหมู่บ้านทุ่งน้อย ( นาเช้าสุข ) : เป็นทุ่งนาบริเวณกว้าง อยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้านทุ่งน้อย ตำบลลอมคอม อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ และมีทิวทัศน์ที่สวยงาม
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 7 ขอนแก่น: ตั้งอยู่ที่ถนนกสิกรทุ่งสร้าง เป็นสถานที่ที่เก็บรักษาและจัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุที่เป็นของแถบอีสานตอนเหนือ โดยรอบอาคารพิพิธภัณฑ์จัดตั้งใบเสมาหินที่ได้จาก "เมืองฟ้าแดดสงยาง" ไว้เป็นจำนวนมาก
หอศิลปวัฒนธรรมและอาคารศูนย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น: เป็นแหล่งแสดงศิลปะพื้นบ้านและเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการต่างๆ ตั้งอยู่ที่ถนนมะลิวัลย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
โฮงมูนมังเมืองขอนแก่น: โฮงมูนมังเมืองขอนแก่น ตั้งอยู่ ณ บริเวณชั้นล่างอาคารสวนสาธารณะ 200 ปี บึงแก่นนคร เทศบาลนครขอนแก่น ภายในโฮงมูนมันเมืองขอนแก่น ได้จัดแบ่งพื้นที่ออกเป็นพื้นที่ในส่วนของนิทรรศการ และห้องจำหน่ายของที่ระลึก สำหรับการจัดนิทรรศการได้แบ่งออกเป็น 5 โซน โดยแบ่งตามเนื้อหาสาระในระบบการปกครอง วิถีชีวิต ภูมิปัญญา และเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันน่าภาคภูมิใจของชาวขอนแก่น นับตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ยุคสร้างบ้านแปงเมือง จวบจนเป็นเมืองขอนแก่นในปัจจุบัน
=== สถานที่ทางธรรมชาติ ===
ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ประจำท้องถิ่น จังหวัดขอนแก่น: ตั้งอยู่ที่ศูนย์บริการสาธารณสุขที่ 4 บ้านสามเหลี่ยม ถนนศรีมารัตน์ เป็นแหล่งศึกษาความรู้สำหรับเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป ที่พร้อมไปด้วยข้อมูลพื้นฐาน ความรู้ หลักการทฤษฎีทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนเป็นแหล่งรวบรวมอุปกรณ์เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ และการแสดงถึงวิวัฒนาการในการนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง: ตั้งอยู่ในเขตตำบลในเมือง อำเภอเวียงเก่า เป็นพิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการกำเนิดและวิวัฒนาการของโลก ประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาและกำเนิดและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งไดโนเสาร์ที่ขุดค้นพบในหุบเขาภูเวียง ถือเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เหมาะกับสถานศึกษาและนักท่องเที่ยวทั่วไป
บึงทุ่งพึงพืด: ศูนย์รวมพรรณไม้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดขอนแก่น อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น เป็นสาขา สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ จังหวัดเชียงใหม่ ทำหน้าที่รวบรวม พรรณไม้ประจำถิ่นและข้อมูลพืชของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นศูนย์ทดลอง สาธิตและวิจัยพืชเศรษฐกิจและพืชทนเค็มตลอดจนที่ข้องเกี่ยวโดยร่วมมือกับนักวิจัยจากสถาบันในภูมิภาค ตลอดจนการพัฒนาพื้นที่และภูมิทัศน์ ให้เป็นสถานที่ศึกษาฝึกอบรมของนักเรียน นักศึกษาจากสถาบันการศึกษาในภูมิภาคและเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในธรรมชาติตลอดจนแหล่งสันทนาการและท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์แก่ผู้เข้าเยี่ยมชม
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดขอนแก่น: ตั้งอยู่ติดถนนมิตรภาพ ทางไปจังหวัดนครราชสีมา ประมาณกิโลเมตรที่ 44-45 ในเขตอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น
บึงแก่นนคร : เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและสถานที่ท่องเที่ยวใจกลางเมือง เป็นบึงธรรมชาติคู่เมืองขอนแก่น ที่มีความกว้างถึง 600 ไร่ในฤดูฝนจะมีระดับน้ำปริ่มฝั่ง มีสถานที่ออกกำลังกาย โซนตกปลา ลานกีฬา แหล่งอนุรักษ์พันธุ์ปลา ตั้งอยู่ติดกับถนนรอบบึง
บึงทุ่งสร้าง : ตั้งอยู่ที่ ถนนจอมพล ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น (ทางไปบ้านดอนหญ้านาง) เป็นบึงน้ำและสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีเขตเทศบาลนครขอนแก่นคอยดูแล เพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและใช้เป็นสถานที่ออกกำลังกายให้กับชาวเมือง มีการให้บริการต่างๆ เช่น สนามบาสเกตบอล ลานอเนกประสงค์ สระน้ำ และยังมีสวนนกขนาดใหญ่อยู่ภายในสวนสาธารณะด้วย บรรยากาศร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ที่มีทั้งไม้ดอกไม้ประดับปลูกไว้อย่างสวยงาม ปัจจุบันบึงทุ่งสร้าง ทางองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยกำลังปรับปรุงสถานที่ให้เป็นสวนสัตว์ ไนท์ซาฟารี หรือ ซิตตี้ซู
บึงหนองโคตร
สวนประตูเมือง ขอนแก่น (สวนเรืองแสง)
== งานประจำปี ==
จังหวัดขอนแก่นมีงานประเพณีและงานเทศกาลท้องถิ่นที่สำคัญ ดังนี้
งานประเพณีทำบุญตักบาตรในวันขึ้นปีใหม่ โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 1 มกราคม ของทุกปี
งานประเพณีสุดยอดสงกรานต์อีสานเทศกาลดอกคูน–เสียงแคน และถนนข้าวเหนียว โดยจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 13–15 เมษายน ของทุกปี
งานประเพณีวันเข้าพรรษา โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันเข้าพรรษาของทุกปี
งานประเพณีออกพรรษา ไต้ประทีปบูชา พุทธกตัญญู โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันออกพรรษาของทุกปี
งานเทศกาลไหมนานาชาติประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาด จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน–10 ธันวาคม ของทุกปี
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
กร คุณาธิปอภิสิริ
กรกมล เจริญชัย
กฤตฤทธิ์ บุตรพรม
กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี
กุลธิดา พริ้งเกษมชัย
ณเดชน์ คูกิมิยะ
ณัฐฐาวีรนุช ทองมี
ณิชาภัทร ฉัตรชัยพลรัตน์
ธนฉัตร ตุลยฉัตร
ธิติ มหาโยธารักษ์
พรพิพัฒน์ พัฒนเศรษฐานนท์
พันนา ฤทธิไกร
พีชญา วัฒนามนตรี
ภัทรเดช สงวนความดี
ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ
ภาคิน คำวิลัยศักดิ์
ภาวิณี วิริยะชัยกิจ
วรรณปิยะ ออมสินนพกุล
วรรธนา วีรยวรรธน
ศุกลวัฒน์ คณารศ
ศุภรุจ เตชะตานนท์
สหรัฐต์ หิรัญญ์ธนภูวดล
สิทธิชัย ผาบชมภู
ณิชนันทน์ อินทรสอน (แอน อรดี)
พรศักดิ์ ส่องแสง
สมรักษ์ คำสิงห์
== อ้างอิง ==
สำนักการศึกษา เทศบาลนครขอนแก่น (ข้อมูลสำรวจเมื่อเดือนตุลาคม 2549)
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดขอนแก่น
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดขอนแก่น
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดขอนแก่น
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดขอนแก่น
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
ประวัติจังหวัดขอนแก่น
เว็บไซต์ชุมชนคนขอนแก่น
เว็บไซต์ข้อมูลข่าวสารเมืองขอนแก่น
|
thaiwikipedia
| 1,828 |
Cassia bakeriana
|
redirect กัลปพฤกษ์
|
thaiwikipedia
| 1,829 |
จังหวัดยะลา
|
ยะลา (มลายูปัตตานี: جالا; ) เป็นจังหวัดหนึ่งตั้งอยู่ในภาคใต้ของประเทศไทย มีพื้นที่ 4,521.078 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 542,314 คน มีอาณาเขตทางใต้ติดกับประเทศมาเลเซีย เป็นจังหวัดเดียวในภาคใต้ที่ไม่ติดทะเล และเป็นจังหวัดที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย ดังปรากฏในคำขวัญประจำจังหวัดคือ "ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน"
จังหวัดยะลาเป็นหนึ่งในสี่จังหวัดที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และเป็นหนึ่งในสามจังหวัดที่ประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษามลายูปัตตานีในการสื่อสาร ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายมลายู รองลงมาคือชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวไทยพุทธ อย่างไรก็ตามยะลาถือเป็นจังหวัดที่ดำรงความเป็นพหุวัฒนธรรมได้อย่างชัดเจน เพราะมีความแตกต่างกันทั้งด้านเชื้อชาติ ภาษา และศาสนา แต่ชนทุกกลุ่มยังคงรักษาวิถีชีวิตและประเพณีของตนไว้อย่างเหนียวแน่น
== ศัพทมูลวิทยา ==
เหตุที่เรียกชื่อว่ายะลานั้นเพราะพระยาเมืองคนแรกได้ตั้งที่ทำการขึ้นที่บ้านยะลา คำว่า ยะลา (Jala, جالا) หรือสำเนียงภาษามลายูพื้นเมืองเรียกว่า ยาลอ (Jalor, جالور, ญาโลร์) แปลว่า "แห" ซึ่งเป็นคำยืมมาจากภาษาบาลี-สันสกฤตว่า ชาละ หรือ ชาลี หมายถึง "แห" หรือ "ตาข่าย" มีภูเขาลูกหนึ่งในเขตอำเภอเมืองยะลามีลักษณะเหมือนแหจับปลา โดยผูกจอมแหแล้วถ่างตีนแหไปโดยรอบ ผู้คนจึงเรียกภูเขานี้ว่า ยะลา หรือ ยาลอ แล้วนำมาตั้งนามเมือง
แต่ตามประวัติศาสตร์ซึ่งได้เขียนไว้ในสมัยเจ็ดหัวเมือง โดยเจ้าผู้ครองเมืองเดิมได้เขียนไว้เป็นประวัติศาสตร์เป็นภาษามลายูว่า “เมืองยะลา” เป็นสำเนียงภาษาอาหรับ โดยชาวอินโดนีเซียที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาอิสลามในบริเวณเจ็ดหัวเมืองซึ่งอยู่ในแหลมมลายูเป็นผู้ตั้งชื่อเมืองไว้
เมืองยะลาเดิมตั้งอยู่ใกล้ภูเขายาลอ ห่างจากที่ว่าการอำเภอเมืองยะลาปัจจุบันไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 กิโลเมตร ต่อมาเมืองยะลาได้ยกฐานะเป็นเมือง ๆ หนึ่งของบริเวณเจ็ดหัวเมือง คำว่าเมืองยะลาหรือยาลอ ยังคงเรียกกันจนถึงปัจจุบันนี้
== ประวัติ ==
ยะลาเดิมเป็นท้องที่หนึ่งของเมืองปัตตานี ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้มีการปรับปรุงการปกครองใหม่เป็นการปกครองแบบเทศาภิบาลและได้ออกประกาศข้อบังคับสำหรับปกครอง 7 หัวเมือง รัตนโกสินทรศก 120 ซึ่งประกอบด้วยเมืองปัตตานี หนองจิก ยะหริ่ง สายบุรี ยะลา ระแงะ และรามัน ในแต่ละเมืองจะแบ่งเขตการปกครองเป็นอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ต่อมาในปี พ.ศ. 2447 ประกาศจัดตั้งมณฑลปัตตานีขึ้นดูแลหัวเมืองทั้ง 7 แทนมณฑลนครศรีธรรมราช และยุบเมืองเหลือ 4 เมือง ได้แก่ ปัตตานี ยะลา สายบุรี และระแงะ ต่อมา พ.ศ. 2450 เมืองยะลาแบ่งเขตการปกครองเป็น 2 อำเภอ ได้แก่อำเภอเมืองยะลาและอำเภอยะหา ต่อมา พ.ศ. 2475 ได้มีการยกเลิกมณฑลปัตตานี และในปี พ.ศ. 2476 เมืองยะลาได้รับการเปลี่ยนแปลงฐานะเป็นจังหวัดยะลาตามพระราชบัญญัติราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2476 เรื่อง การจัดระเบียบราชการบริหารส่วนภูมิภาค ออกเป็นจังหวัด เป็นอำเภอ และให้มีข้าหลวงประจำจังหวัด และกรมการจังหวัดเป็นผู้บริหารราชการ
== หน่วยการปกครอง ==
=== การปกครองส่วนภูมิภาค ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 8 อำเภอ 58 ตำบล 341 หมู่บ้าน มีรายชื่อดังนี้
{|
|--- valign=top
||
|}
วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558 กระทรวงมหาดไทยประชุมเพื่อพิจารณาร่างกฤษฎีกาจัดตั้งอำเภอลำใหม่แยกจากอำเภอเมืองยะลา และอำเภอโกตาบารูแยกจากอำเภอรามันเป็นกรณีพิเศษ โดยอ้างความจำเป็นพิเศษด้านความมั่นคง และหากมีการจัดตั้งแล้ว อำเภอโกตาบารูจะมีการขอพระราชทานชื่อใหม่
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วยองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง (องค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา) เทศบาลนคร 1 แห่ง (เทศบาลนครยะลา) เทศบาลเมือง 2 แห่ง เทศบาลตำบล 13 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 47 แห่ง รายชื่อเทศบาลทั้งหมดมีดังนี้
{|class="wikitable" style="line-height:137%"
|+ข้อมูลเทศบาลในจังหวัดยะลา
|-
! rowspan=2 | ลำดับ
! rowspan=2 | ชื่อเทศบาล
! rowspan=2 | พื้นที่ (ตร.กม.)
! rowspan=2 | ตั้งเมื่อ (พ.ศ.)
! rowspan=2 | อำเภอ
! colspan=3 | ครอบคลุมตำบล
! rowspan=2 | ประชากร สิ้นปี 2561 (คน)
|-
! width="7%"| ทั้งตำบล
! width="7%"| บางส่วน
! width="7%"| รวม
|-align="center"
|-
! colspan="9" | เทศบาลนคร
|-align="center"
| 1
| align = "left" | เทศบาลนครยะลา
| align = "right" | 19.4
| 2538
| align = "left" | เมืองยะลา
|1||–||1
| align = "right" | 61,218
|-align="center"
! colspan="9" | เทศบาลเมือง
|-align="center"
| 1
| align = "left" | เทศบาลเมืองเบตง
| align = "right" | 78
| 2547
| align = "left" | เบตง
|1||–||1
| align = "right" | 26,668
|-align="center"
| 2
| align = "left" | เทศบาลเมืองสะเตงนอก
| align = "right" | 34.78
| 2554
| align = "left" | เมืองยะลา
|1||–||1
| align = "right" | 32,353
|-align="center"
! colspan="9" | เทศบาลตำบล
|-align="center"
| 1
| align = "left" | เทศบาลตำบลโกตาบารู
| align = "right" | 17
| 2542
| align = "left" | รามัน
|1||–||1
| align = "right" | 5,692
|-align="center"
| 2
| align = "left" | เทศบาลตำบลเขื่อนบางลาง
| align = "right" | 82.5
| 2550
| align = "left" | บันนังสตา
|1||–||1
| align = "right" | 4,422
|-align="center"
| 3
| align = "left" | เทศบาลตำบลคอกช้าง
| align = "right" | 2.44
| 2542
| align = "left" | ธารโต
|–||1||1
| align = "right" | 1,558
|-align="center"
| 4
| align = "left" | เทศบาลตำบลท่าสาป
| align = "right" | 16.11
| 2555
| align = "left" | เมืองยะลา
|1||–||1
| align = "right" | 7,984
|-align="center"
| 5
| align = "left" | เทศบาลตำบลธารน้ำทิพย์
| align = "right" | 138.51
| 2555
| align = "left" | เบตง
|1||–||1
| align = "right" | 4,433
|-align="center"
| 6
| align = "left" | เทศบาลตำบลบันนังสตา
| align = "right" | 1.5
| 2542
| align = "left" | บันนังสตา
|–||1||1
| align = "right" | 2,721
|-align="center"
| 7
| align = "left" | เทศบาลตำบลบาลอ
| align = "right" | 26.41
| 2556
| align = "left" | รามัน
|1||–||1
| align = "right" | 5,582
|-align="center"
| 8
| align = "left" | เทศบาลตำบลบุดี
| align = "right" | 48.92
| 2551
| align = "left" | เมืองยะลา
|1||–||1
| align = "right" | 11,221
|-align="center"
| 9
| align = "left" | เทศบาลตำบลปะแต
| align = "right" | 208.31
| 2555
| align = "left" | ยะหา
|1||–||1
| align = "right" | 16,962
|-align="center"
| 10
| align = "left" | เทศบาลตำบลเมืองรามันห์
| align = "right" | 8.24
| 2542
| align = "left" | รามัน
|–||1||1
| align = "right" | 5,120
|-align="center"
| 11
| align = "left" | เทศบาลตำบลยะหา
| align = "right" | 1.89
| 2542
| align = "left" | ยะหา
|–||1||1
| align = "right" | 2,618
|-align="center"
| 12
| align = "left" | เทศบาลตำบลยุโป
| align = "right" | 33.77
| 2555
| align = "left" | เมืองยะลา
|1||–||1
| align = "right" | 6,983
|-align="center"
| 13
| align = "left" | เทศบาลตำบลลำใหม่
| align = "right" | 0.69
| 2542
| align = "left" | เมืองยะลา
|–||1||1
| align = "right" | 1,050
|}
== ประชากร ==
=== ชาติพันธุ์ ===
ประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดยะลาเป็นชาวไทยเชื้อสายมลายูเป็นพื้น ในอดีตจะถูกเรียกอย่างรวม ๆ กับชาวชวา-มลายูทั่วไปว่าคนยาวี (Orang Jawi) แต่จะเรียกตัวเองว่าออแฆนายู และพึงใจที่ผู้อื่นเรียกว่าคนนายูมากกว่าคนยาวี เมื่อ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2482 ในสมัยหลวงพิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยรัฐนิยมฉบับที่ 3 เรื่องการเรียกชื่อชาวไทยโดยให้เรียกชาวมลายูมุสลิมว่าไทยอิสลาม และปัจจุบันทางราชการของไทยยังคงเรียกคนเชื้อสายมลายูว่าคนไทยหรือไทยมุสลิมอยู่ นอกจากนั้นก็จะมีชาวไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีนเป็นชนกลุ่มน้อย อาศัยอยู่ตามเมืองใหญ่ ๆ โดยเฉพาะอำเภอเบตงถือเป็นชุมชนชาวจีนที่มีขนาดใหญ่และเข้มแข็ง สามารถคงอัตลักษณ์ความเป็นจีนไว้อย่างเหนียวแน่น โดยมากเป็นชาวจีนกวางไส บรรพบุรุษอพยพจากเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ส่วนชาวไทยเชื้อสายจีนในเทศบาลนครยะลาโดยมากเป็นชาวฮกเกี้ยน ขณะที่ชาวไทยพุทธมีอยู่หนาแน่นในเขตเทศบาลนครยะลา แต่ระยะหลังเมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวไทยพุทธอพยพออกจากพื้นที่เป็นจำนวนมาก เช่นชุมชนชาวจีนที่บ้านเนียง อำเภอเมืองยะลา และชุมชนจีนบ้านแบหอ อำเภอรามัน ที่ลูกหลานโยกย้ายออกจากถิ่นฐานเดิมจนสิ้น ซึ่งใน พ.ศ. 2562 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้จัดโครงการไทยพุทธคืนถิ่น จำนวน 12 หมู่บ้าน และกิจกรรมอาสาสมัครพัฒนาศาสนสถาน จำนวน 13 หมู่บ้าน เพื่อฟื้นฟูสังคมพหุวัฒนธรรมของจังหวัดยะลาขึ้นอีกครั้ง
ขณะที่ชาวซาไกเผ่ากันซิวและจำนวนน้อยเป็นเผ่ากินตัก ซึ่งเคยตั้งถิ่นฐานในเขตหมู่ 3 ตำบลบ้านแหร อำเภอธารโต แต่ปัจจุบันส่วนใหญ่อพยพไปประเทศมาเลเซีย ด้วยเหตุผลด้านที่ทำกินและวิถีชีวิตที่ดีกว่า ประกอบกับเหตุผลด้านความไม่สงบ นอกจากนี้ยังมีชาวพม่า ลาว และกัมพูชา เข้าเป็นแรงงานในยะลาเป็นจำนวนมากในเขตอำเภอเมืองยะลาและอำเภอเบตง โดยใน พ.ศ. 2552 มีจำนวนไม่ต่ำกว่า 5,000 คน และมีชาวเขาจากภาคเหนืออพยพมาลงหลักปักฐานที่ยะลาหลายเผ่าเพื่อเป็นแรงงาน เช่น เผ่าม้งเข้ามาอาศัยในอำเภอเบตงและอำเภอธารโตจำนวนหนึ่ง และพบว่าม้งส่วนหนึ่งอาศัยอยู่ร่วมนิคมกับเผ่าซาไกที่บ้านซาไก ส่วนชุมชนมูเซอบ้านบ่อน้ำร้อนในอำเภอเบตง มีประชากรมากถึงขั้นก่อตั้งโบสถ์คริสต์ในชุมชนของตัวเอง
=== ภาษา ===
จังหวัดยะลาเป็นหนึ่งในสามจังหวัดของประเทศไทยที่ประชากรส่วนใหญ่ใช้ภาษามลายูปัตตานีในการสื่อสาร เป็นสำเนียงที่ใช้ในจังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส และทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดสงขลา ภาษานี้มีการใช้อักษรยาวีซึ่งได้รับอิทธิพลจากอักษรอาหรับสำหรับการเขียน สำหรับการเผยแผ่ศาสนาโดยเฉพาะ ทว่าในยุคหลังมานี้มีการยืมคำไทยเข้าปะปนมากขึ้น โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่พูดมลายูปนไทย ปัจจุบันมีการส่งเสริมให้ติดป้ายประกาศของสถานที่ราชการเป็นภาษามลายูปัตตานีและอักษรยาวีทั่วไปในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ชาวไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีนบางส่วนสามารถพูดภาษามลายูเพื่อสื่อสารกับคนมลายูซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่
ขณะที่ชาวไทยพุทธจะใช้ภาษาไทยถิ่นใต้ มีสำเนียงใกล้เคียงกับสำเนียงสงขลา มีลักษณะเช่นเดียวกับภาษาใต้ถิ่นอื่นที่มีการรวบคำให้สั้นกระชับ ทว่ามีลักษณะเด่นคือการออกเสียงที่นุ่มนวลไม่หยาบกระด้างต่างจากภาคใต้ถิ่นอื่น และมีการยืมคำมลายูมาก โดยมีความหนาแน่นของคำยืมจากมลายูมากถึงร้อยละ 75.75 เช่น ซะด๊ะ แปลว่า อร่อย มอแระ แปลว่า สวยงาม และลากู แปลว่า ขายดี
ส่วนชาวไทยเชื้อสายจีน โดยเฉพาะอำเภอเบตงที่มีคนเชื้อสายจีนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก พวกเขาธำรงอัตลักษณ์ความเป็นจีนคือการใช้ภาษาจีน ซึ่งมีอยู่หลายกลุ่มได้แก่ ภาษาจีนกลาง ภาษาจีนกวางไส ภาษาจีนฮกเกี้ยน ภาษาจีนแต้จิ๋ว และภาษาจีนแคะ เช่นประชาชนในชุมชนวัดปิยมิตรที่สามารถสื่อสารภาษาจีนกลางได้ ปัจจุบันคนยุคหลังใช้ภาษาจีนน้อยลง และลูกหลานจีนหลายคนนิยมใช้ภาษาไทยมาตรฐาน แต่บุคคลเชื้อสายจีนในเทศบาลนครยะลาที่อายุต่ำกว่า 50 ปีจะพูดจีนไม่ได้แต่พอฟังรู้ความ
ปัจจุบันชาวไทยพุทธและชาวไทยเชื้อสายจีนในเทศบาลนครยะลาเกินครึ่งพูดภาษาไทยถิ่นใต้ไม่ได้เพราะหันไปพูดภาษาไทยมาตรฐาน ส่วนชาวไทยเชื้อสายมลายูนอกเขตเทศบาลจะพูดภาษาไทยไม่ชัดเจน และหากมีอายุ 70 ปีขึ้นไปจะไม่สามารถพูดภาษาไทยได้เลย
=== ศาสนา ===
จังหวัดยะลาเป็นหนึ่งในสี่จังหวัดของไทยที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม แต่ก็เป็นจังหวัดที่มีสัดส่วนของผู้ที่นับถือศาสนาพุทธมากที่สุดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีชุมชนชาวคริสต์ขนาดย่อมทั้งนิกายโรมันคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ในเขตเทศบาลนครยะลาและเทศบาลเมืองเบตง นอกจากนี้ยังมีชุมชนของผู้นับถือศาสนาซิกข์ขนาดน้อย อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลนครยะลา ส่วนชาวซาไกหันมานับถือศาสนาพุทธโดยให้เหตุผลว่านับถือตามสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี แต่ปัจจุบันยังปะปนไปด้วยความเชื่อพื้นเมือง และแรงงานต่างด้าวชาวพม่าในยะลาที่นับถือศาสนาพุทธและร่วมปฏิบัติศาสนกิจร่วมกับชาวไทยพุทธในท้องถิ่น
จากการสำรวจการนับถือศาสนาเมื่อ พ.ศ. 2542 พบว่า ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 62.79 ศาสนาพุทธร้อยละ 36.40 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 0.14 ศาสนาฮินดูร้อยละ 0.01 ศาสนาอื่น ๆ (เช่นศาสนาพื้นบ้านจีน) ร้อยละ 0.01 และไม่ได้ระบุร้อยละ 0.61 ต่อมาใน พ.ศ. 2550 พบว่า มีผู้นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 75.42 รองลงมาคือศาสนาพุทธร้อยละ 24.25 และศาสนาอื่น ๆ ร้อยละ 0.33 พ.ศ. 2553 พบว่า ประชากรนับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 76.59 ผู้นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 22.74 พ.ศ. 2557 พบว่า ประชากรนับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 79.60 ผู้นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 20.13 และผู้นับถือศาสนาคริสต์และอื่น ๆ ร้อยละ 0.27 และการสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2559 พบว่า ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 74.06 ผู้นับถือศาสนาพุทธร้อยละ 21.16 และผู้นับถือศาสนาคริสต์และอื่น ๆ ร้อยละ 4.78 และการสำรวจใน พ.ศ. 2562 พบว่าประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 81.46 ศาสนาพุทธลดลงเหลือร้อยละ 18.45 ศาสนาคริสต์ร้อยละ 0.08 ศาสนาซิกข์และอื่น ๆ ร้อยละ 0.01 ชาวพุทธในพื้นที่รู้สึกว่าพวกตนเป็นพลเมืองชั้นสอง หลังการก่อวินาศกรรมด้วยการวางระเบิดถนนสายหลักในปัตตานีเมื่อ พ.ศ. 2555 ส่งผลให้ชาวไทยเชื้อสายจีนและชาวไทยพุทธจำนวนมากอพยพออกจากยะลา ประชากรที่นับถือศาสนาพุทธจึงหดตัวอย่างเฉียบพลัน รวมทั้งวัดหลายแห่งกลายเป็นวัดร้างไม่มีพระสงฆ์เข้าไปจำพรรษา เช่น วัดหัวสะพาน อำเภอเมืองยะลา วัดจินดาพลาราม อำเภอบันนังสตา และวัดปูแหล อำเภอยะหา ซึ่ง พ.ศ. 2563 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พยายามฟื้นฟูวัดเหล่านี้ให้มีพระสงฆ์เข้าไปจำพรรษา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่พุทธศาสนิกชนในพื้นที่ เพื่อสนองพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงว่า "จะปล่อยให้คนไทยอพยพทิ้งถิ่นฐานไม่ได้ จะต้องรักษาพระพุทธศาสนาให้มีความมั่นคง ให้มีความมั่นคงอยู่ในภาคใต้ เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจของราษฎรไทยพุทธสืบไป"
สำนักงานสถิติจังหวัดยะลารายงานว่า ใน พ.ศ. 2560 จังหวัดยะลามีมัสยิด 508 แห่ง วัดพุทธ 52 แห่ง สำนักสงฆ์ 13 แห่ง โบสถ์คริสต์ 9 แห่ง และคุรุดวารา 1 แห่ง
วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562 กลุ่มสมาพันธ์ไทยพุทธจังหวัดยะลา จำนวน 60 คน เรียกร้องให้โรงพยาบาลในจังหวัดยะลาและในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดทำห้องครัวสำหรับไทยพุทธและอาคารสำหรับพระสงฆ์อาพาธ
== อุทยาน ==
อุทยานแห่งชาติบางลาง
อุทยานน้ำตกธารโต
น้ำตกละอองรุ้ง
น้ำตกสุขทาลัย
น้ำตกลาตอ
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
อำเภอเบตง
วัดคูหาภิมุข
พระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง
อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์
น้ำตกคอกช้าง
น้ำตกเฉลิมพระเกียรติ ร.9
น้ำตกธารโต
น้ำตกบูเก๊ะปิโล หรือ น้ำตกตะวันรัศมี
น้ำตกผาแดง (จังหวัดยะลา)
น้ำตกละอองรุ้ง
น้ำตกวันวิสาข์
น้ำตกสองขา
น้ำตกสุขทาลัย หรือ น้ำตกกือลอง
น้ำตกอินทรศร
น้ำตกฮาลาซะห์
== การศึกษา ==
ระดับอุดมศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
วิทยาลัยชุมชนยะลา
ศูนย์วิทยพัฒนา มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช จังหวัดยะลา
มหาวิทยาลัยฟาฏอนี
สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตยะลา
วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดยะลา
วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ยะลา
วิทยาลัยอาชีวศึกษายะลา ยะลา
วิทยาลัยเทคนิคยะลา ยะลา
วิทยาลัยสารพัดช่าง ยะลา
วิทยาลัยการอาชีพรามัน ยะลา
วิทยาลัยการอาชีพเบตง ยะลา
ระดับมัธยมศึกษา
โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จังหวัดยะลา
โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง 2
โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง 3
โรงเรียนสตรียะลา
โรงเรียนกาบังพิทยาคม
โรงเรียนอาลาวียะห์วิทยา
โรงเรียนพัฒนาวิทยา
โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง
โรงเรียนจันทร์ประภัสสร์อนุสรณ์
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ยะลา
โรงเรียนธารโตวัฑฒนวิทย์
โรงเรียนนิคมพัฒนวิทย์
โรงเรียนบันนังสตาวิทยา
โรงเรียนเบตง (วีระราษฎร์ประสาน)
โรงเรียนยะหาศิรยานุกูล
โรงเรียนรามันห์ศิริวิทย์
โรงเรียนยะลาวิทยาลัย
โรงเรียนรังสีอนุสรณ์
โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ยะลา
โรงเรียนสตรีอิสลามวิทยามูลนิธิ ยะลา
โรงเรียนสุขสวัสดิ์วิทยา
โรงเรียนสมบูรณ์ศาสน์
โรงเรียนธรรมอิสลามศึกษา
โรงเรียนคุรุชนพัฒนา
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
กุลชญา ตันศิริ
ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ
นิกัลยา ดุลยา
ปชาบดี ตัณฑปุตตะ
ปานวาด เหมมณี
ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์
ภัททิยา พงศ์ไทย
ศิริพร วงศ์สวัสดิ์
วันมูหะมัดนอร์ มะทา
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดยะลา
รายชื่อมัสยิดในจังหวัดยะลา
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดยะลา
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดยะลา
ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
|
thaiwikipedia
| 1,830 |
พฤษภาทมิฬ
|
เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ เป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนเคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาลครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองที่มี พล.อ. สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรี และต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ระหว่างวันที่ 17-24 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นการรัฐประหาร รัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 นำไปสู่เหตุการณ์ปราบปรามและปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารกับประชาชนผู้ชุมนุม มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก (พลเอกสุจินดาแถลงว่ามีผู้เสียชีวิต 44 คน บาดเจ็บ 1,728 คน) และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
เหตุการณ์ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ รสช. ได้ทำการรัฐประหารรัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ โดยมีหัวหน้าคณะคือ พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในขณะนั้นภายหลังการรัฐประหารได้เลือกนาย อานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีและได้ร่างรัฐธรรมนูญจนมีการเลือกตั้งผลปรากฏว่านายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมที่ตั้งขึ้นและได้รับการสนับสนุนจากบุคคลในคณะรสช. ได้คะแนนมากที่สุด แต่สุดท้ายไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เนื่องจากถูกรัฐบาลสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำจากความใกล้ชิดกับนักค้ายาเสพติด ทำให้ พล.อ. สุจินดา ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งเป็นการตระบัดสัตย์ที่เคยกล่าวไว้ว่าจะไม่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนได้รับฉายา "เสียสัตย์เพื่อชาติ" จากสื่อมวลชนในเวลาต่อมา
จากผลดังกล่าว ทำให้ประชาชนหลายส่วนไม่พอใจการขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ. สุจินดา ซึ่งขัดกับหลักประชาธิปไตย จนนำไปสู่การประท้วงทั้งการอดอาหาร การเดินขบวน และการชุมนุมในสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร ทำให้รัฐบาล พล.อ. สุจินดาใช้คำสั่งสลายการชุมนุม เกิดการปะทะขึ้น มีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ในเวลาต่อมาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้ทรงรับสั่งให้พลเอกสุจินดา คราประยูรและ พล.ต. จำลอง ศรีเมืองเข้าเฝ้า โดยทรงพระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ซึ่งได้มีการเผยแพร่ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย(ทรท.) หลังจากนั้นอีก 4 วัน พล.อ.สุจินดา จึงได้ประกาศลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี และนายอานันท์ ปันยารชุน ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ก่อนการเลือกตั้งในเวลาต่อมา
== สาเหตุ ==
เหตุการณ์ครั้งนี้ เริ่มต้นมาจากเหตุการณ์รัฐประหาร 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 หรือ 1 ปีก่อนหน้าการประท้วง ซึ่ง รสช. ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาล ซึ่งมีพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็น นายกรัฐมนตรี โดยให้เหตุผลหลักว่า มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างหนักในรัฐบาล และรัฐบาลพยายามทำลายสถาบันทหาร โดยหลังจากยึดอำนาจ คณะ รสช. ได้เลือก นายอานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรี มีการแต่งตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติขึ้น รวมทั้งการแต่งตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 20 คน โดย มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานคณะกรรมการ เพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นแทนธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2534 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2534
หลังจากร่างรัฐธรรมนูญสำเร็จ ก็ได้มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 โดยพรรคที่ได้จำนวนผู้แทนมากที่สุดคือ พรรคสามัคคีธรรม (79 คน) ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีการรวมตัวกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ คือ พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม และพรรคราษฎร และมีการเตรียมเสนอนายณรงค์ วงศ์วรรณ หัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมในฐานะหัวหน้าพรรคที่มีผู้แทนมากที่สุด ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่า ทางโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา มาร์กาเร็ต แท็ตไวเลอร์ ได้ออกมาประกาศว่า นายณรงค์ นั้นเป็นผู้หนึ่งที่ไม่สามารถขอวีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา ได้ เนื่องจากมีความใกล้ชิดกับนักค้ายาเสพติด
ในที่สุด จึงมีการเสนอชื่อ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ซึ่งเมื่อได้รับพระราชทานแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว ก็เกิดความไม่พอใจของประชาชนในวงกว้าง เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการทักท้วงโต้แย้งเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาใหม่ว่า ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ได้ถูกประกาศใช้
=== พรรคเทพ พรรคมาร ===
พรรคเทพ พรรคมาร เป็นคำที่สื่อมวลชนใช้เรียกกลุ่มพรรคการเมืองในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่แบ่งแยกเป็น 2 ฝ่ายชัดเจน พรรคที่ถูกเรียกว่า พรรคเทพ คือพรรคที่ประกาศตัวเป็นฝ่ายค้าน ไม่สนับสนุนการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ผู้นำคณะรัฐประหาร รสช. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และได้ประกาศต่อสาธารณะมาตลอดว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยที่กระแส "นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง" เป็นกระแสหลักของสังคมไทยในขณะนั้น พรรคเทพ ประกอบด้วย 4 พรรคการเมือง ได้แก่
พรรคความหวังใหม่ (72 เสียง)
พรรคประชาธิปัตย์ (44 เสียง)
พรรคพลังธรรม (41 เสียง)
พรรคเอกภาพ (6 เสียง)
ในขณะที่ พรรคมาร คือพรรคที่สนับสนุนพลเอกสุจินดา คราประยูร ประกอบด้วยพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล 5 พรรค ได้แก่
พรรคสามัคคีธรรม (79 เสียง)
พรรคชาติไทย (74 เสียง)
พรรคกิจสังคม (31 เสียง)
พรรคประชากรไทย (7 เสียง)
พรรคราษฎร (4 เสียง)
ซึ่งก่อนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬมีกระแสเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง และทั้ง 5 พรรคนี้ต่างเคยตอบรับมาก่อน แต่ในที่สุดกลับหันมาสนับสนุน พล.อ.สุจินดา คราประยูร และเห็นว่าเป็นการพยายามสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร (รสช.)
== การต่อต้านของประชาชน ==
พลเอกสุจินดา คราประยูร ได้ให้สัมภาษณ์หลายครั้งว่า ตนและสมาชิกในคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติจะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ แต่ภายหลังได้มารับตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งไม่ตรงกับที่เคยพูดไว้ เหตุการณ์นี้ จึงได้เป็นที่มาของประโยคที่ว่า "เสียสัตย์เพื่อชาติ" และเป็นหนึ่งในชนวนให้ฝ่ายที่คัดค้านรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำการเคลื่อนไหวอีกด้วย
การรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพลเอกสุจินดา ดังกล่าว นำไปสู่การเคลื่อนไหวคัดค้านต่าง ๆ ของประชาชน รวมถึงการอดอาหารของ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง (หัวหน้าพรรคพลังธรรมในขณะนั้น) สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ที่มีนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล เป็นเลขาธิการ ตามมาด้วยการสนับสนุนของพรรคฝ่ายค้านประกอบด้วยพรรคประชาธิปัตย์, พรรคเอกภาพ, พรรคความหวังใหม่และพรรคพลังธรรมโดยมีข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง และเสนอว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง
หลังการชุมนุมยืดเยื้อตั้งแต่เดือนเมษายน เมื่อเข้าเดือนพฤษภาคม รัฐบาลเริ่มระดมทหารเข้ามารักษาการในกรุงเทพมหานคร และเริ่มมีการเผชิญหน้ากันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในบริเวณราชดำเนินกลาง ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ
กระทั่งในคืนวันที่ 17 พฤษภาคม ขณะที่มีการเคลื่อนขบวนประชาชนจากสนามหลวงไปยังถนนราชดำเนินกลางเพื่อไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาล ตำรวจและทหารได้สกัดการเคลื่อนขบวนของประชาชน ณ สะพานผ่านฟ้าลีลาศ เริ่มเกิดการปะทะกันระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในบางจุด และมีการบุกเผาสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง จากนั้นวันที่ 18 พฤษภาคม เวลา 00.30 น.รัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเทพมหานคร จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนนทบุรี,ประกาศ ห้ามมิให้ชุมนุมหรือมั่วสุมกันและประกาศให้วันที่ 18 - 20 พฤษภาคม เป็นวันหยุดราชการพร้อมกับปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในจังหวัดที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 3 วันและงดการตรวจร่างกายและเอกซเรย์ เนื่องจากวันหยุดราชการ โดยให้ตรวจระหว่างวันที่ 21 - 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 แทน โดยให้ทหารกับตำรวจตระเวนชายแดนทำหน้าที่รักษาความสงบ แต่ได้นำไปสู่การปะทะกันกับประชาชน มีการใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุมในบริเวณถนนราชดำเนินจากนั้นจึงเข้าสลายการชุมนุมในเช้ามืดวันเดียวกันนั้น ตามหลักฐานที่ปรากฏมีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน
เวลา 15.30 นาฬิกา ของวันที่ 18 พฤษภาคม ทหารได้เคลื่อนกำลังครั้งสำคัญครั้งหนึ่งและควบคุมตัวพลตรีจำลอง ศรีเมือง จากบริเวณที่ชุมนุมกลางถนนราชดำเนินกลาง และรัฐบาลได้ออกแถลงการณ์หลายฉบับและรายงานข่าวทางโทรทัศน์ของรัฐบาลทุกช่องยืนยันว่าไม่มีการเสียชีวิตของประชาชน แต่การชุมนุมต่อต้านของประชาชนยังไม่สิ้นสุด เริ่มมีประชาชนออกมาชุมนุมอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง พร้อมมีการตั้งแนวป้องกันการปราบปรามตามถนนสายต่าง ๆ ขณะที่รัฐบาลได้ออกประกาศจับแกนนำอีก 7 คน คือ
ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล
นพ.เหวง โตจิราการ
นพ.สันต์ หัตถีรัตน์
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข
นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ
นางสาวจิตราวดี วรฉัตร
นายวีระ มุสิกพงศ์
โดยตั้งข้อหาฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2495 และระบุว่าบุคคลเหล่านี้ยังคงชุมนุมไม่เลิก และยังปรากฏข่าวรายงานการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชนในหลายจุดและเริ่มเกิดการปะทะกันรุนแรงมากขึ้นในคืนวันนั้นในบริเวณถนนราชดำเนินกลาง
19 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่เริ่มเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณถนนราชดำเนินกลางได้ และควบคุมตัวประชาชนจำนวนมากขึ้นรถบรรทุกทหารไปควบคุมไว้พลเอกสุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ย้ำว่าสถานการณ์เริ่มกลับสู่ความสงบและไม่ให้ประชาชนเข้าร่วมชุมนุมอีก แต่ยังปรากฏการรวมตัวของประชาชนใหม่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงในคืนวันเดียวกัน และมีการเริ่มก่อความไม่สงบเพื่อต่อต้านรัฐบาลโดยกลุ่มจักรยานยนต์หลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร เช่น การทุบทำลายป้อมจราจรและสัญญาณไฟจราจร เป็นต้น
วันเดียวกันนั้นเริ่มมีการออกแถลงการณ์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของประชาชน ขณะที่สื่อของรัฐบาลยังคงรายงานว่าไม่มีการสูญเสียชีวิตของประชาชน แต่สำนักข่าวต่างประเทศอย่างซีเอ็นเอ็นและบีบีซีได้รายงานภาพของการสลายการชุมนุมและการทำร้ายผู้ชุมนุม หนังสือพิมพ์ในประเทศไทยบางฉบับเริ่มตีพิมพ์ภาพการสลายการชุมนุม ขณะที่รัฐบาลได้ประกาศให้มีการตรวจและควบคุมการเผยแพร่ข่าวสารทางสื่อมวลชนเอกชนในประเทศ
ซึ่งการชุมนุมในครั้งนี้ ด้วยผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางในเขตตัวเมือง เป็นนักธุรกิจหรือบุคคลวัยทำงาน ซึ่งแตกต่างจากเหตุการณ์ 14 ตุลา ในอดีต ซึ่งผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เป็นนิสิต นักศึกษา ประกอบกับเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งเข้ามาในประเทศไทย และใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดต่อสื่อสารในครั้งนี้ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬนี้จึงได้ชื่อเรียกอีกชื่อนึงว่า "ม็อบมือถือ"
=== ไอ้แหลม ===
ไอ้แหลม เป็นชื่อที่เรียกบุคคลลึกลับซึ่งไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดจนถึงทุกวันนี้ เป็นชายที่ส่งเสียงรบกวนวิทยุสื่อสารของทหารและตำรวจตลอดระยะเวลาการชุมนุม โดยมักกวนเป็นเสียงแหลมสูง และมีประโยคด่าทอรัฐบาล ทหารและตำรวจด้วยวาทะที่เจ็บแสบ
=== แผนไพรีพินาศ ===
แผนไพรีพินาศ เป็นแผนยุทธการจัดวางกองกำลังและสลายการชุมนุม ในลักษณะของแผนเผชิญเหตุ จัดทำขึ้นโดยกองกำลังรักษาพระนครตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบ ได้แก่ ทหาร ตำรวจ และข้าราชการพลเรือน นำไปปฏิบัติ ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 และ พ.ศ. 2529 ได้มีการพัฒนาปรับปรุงแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์มากขึ้น
ส่วนแผนที่มีผลบังคับใช้ขณะเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ คือ แผนไพรีพินาศ/33 ซึ่งมี 4 ขั้นตอน ได้แก่
ขั้นการเตรียมการ โดยให้ทุกกองกำลังออกหาข่าว รวบรวมข่าวสาร และเตรียมกำลัง เจ้าหน้าที่ รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ในการปฏิบัติการ
ขั้นป้องกัน ใช้กองกำลังตำรวจในการสกัดกั้น ให้การประชาสัมพันธ์เพื่อให้ผู้ก่อความไม่สงบ ทราบถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์โดยถูกต้องและยุติการกระทำเอง ทางเจ้าหน้าที่จะปิดล้อมพื้นที่สำคัญ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งอารักขาสถานที่และบุคคลสำคัญของประเทศ
ขั้นปราบปรามรุนแรง หากการปฏิบัติการขั้นที่ 2 หรือกองกำลังตำรวจไม่สามารถที่จะระงับสถานการณ์ได้สำเร็จ และสถานการณ์ทวีความรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมได้แล้ว จึงใช้กองกำลังของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ เข้าระงับยับยั้งยุติภัยคุกคาม
ขั้นสุดท้าย คือ การส่งมอบพื้นที่และความรับผิดชอบ ให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือนหรือตำรวจรับผิดชอบต่อไป เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว
=== พระราชทานพระราชดำรัส ===
เมื่อเวลาประมาณ 21:30 นาฬิกา ของวันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้
ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี
พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีและรัฐบุรุษ
ในขณะนั้น นำโดย
พล.อ.สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรี
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท โอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะผู้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย ซึ่งโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย นำเทปบันทึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าว ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ทั้ง 5 ช่อง เมื่อเวลา 24:00 นาฬิกาของคืนเดียวกัน วันที่ 24 พฤษภาคม พล.อ.สุจินดา จึงกราบบังคมทูล ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้มีชัย ฤชุพันธุ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาราชการแทนเป็นการชั่วคราว
== ลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ถึง พ.ศ. 2535 ==
พ.ศ. 2534
23 กุมภาพันธ์ - เวลา 11.30 น. คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ
พ.ศ. 2535
22 มีนาคม - มีการเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ พรรคสามัคคีธรรม ของนายณรงค์ วงศ์วรรณ ได้รับเลือกตั้งมาเป็นลำดับหนึ่ง แต่ถูกขึ้นบัญชีดำผู้ค้ายาเสพติดจากสหรัฐอเมริกา
27 มีนาคม - พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2535
2 เมษายน - เวลา 15.40 น. พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดประชุมรัฐสภา ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต และทรงพระราชทานพระราชดำรัส
5 เมษายน - นายมนตรี พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคกิจสังคม ได้แถลงข่าวว่า พรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติไทย พรรคกิจสังคม พรรคประชากรไทย และพรรคราษฎร ได้มีมติให้พลเอกสุจินดา คราประยูร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก เป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคงของประเทศและเศรษฐกิจ
7 เมษายน - พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พลเอกสุจินดา คราประยูร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนทื่ 19 ของประเทศไทย
8 เมษายน - ร้อยตรีฉลาด วรฉัตร เริ่มอดอาหารประท้วงวันแรก
17 เมษายน - มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
20 เมษายน - พรรคฝ่ายค้านเริ่มการปราศรัยที่ลานพระบรมรูปทรงม้ามีผู้ร่วมชุมนุมเกือบ 100,000 คน
4 พฤษภาคม -พลตรีจำลอง ศรีเมือง เริ่มอดอาหารประท้วงวันแรก
7 พฤษภาคม -พลเอกสุจินดา แถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่พรรคฝ่ายค้านไม่เข้าร่วม ขณะเดียวกันบริเวณหน้ารัฐสภามีผู้ชุมนุมร่วมประท้วง จนต้องมีการปิดประชุมโดยกะทันหันให้มาประชุมใหม่ในวันรุ่งขึ้น
8 พฤษภาคม -พลเอกสุจินดา แถลงถึงเหตุผลที่ต้องมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
9 พฤษภาคม - นายอุกฤษ มงคลนาวิน ประธานรัฐสภาประสานให้พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านร่วมกันตกลงว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญบางประการ และพลตรีจำลอง ประกาศเลิกอดอาหาร
11 พฤษภาคม -พลตรีจำลอง ประกาศสลายการชุมนุมและประกาศชุมนุมใหม่อีกครั้งในวันที่ 17 พฤษภาคม หากในวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่พรรคร่วมรัฐบาลให้สัญญาว่าจะแถลงถึงเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่มีความคืบหน้า
15 พฤษภาคม - พรรคร่วมรัฐบาลเปลี่ยนท่าทีเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าเป็นการให้สัมภาษณ์โดยพลการของ นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยอ้างว่าจะแก้ให้มีบทเฉพาะกาล ว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งพลเอกสุจินดา ต้องดำรงตำแหน่งจนครบวาระ 4 ปี เสียก่อน
17 พฤษภาคม - รัฐบาลจัดคอนเสิร์ตต้านภัยแล้งสกัดม็อบที่สนามกีฬากองทัพบกและวงเวียนใหญ่ โดยขนรถสุขาของกรุงเทพ ฯมาไว้ที่นี่หมด ช่วงเที่ยงคืนเริ่มเกิดการตำรวจปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 18 พฤษภาคม
18 พฤษภาคม - ก่อนรุ่งสาง รัฐบาลเริ่มนำกำลังทหารและตำรวจตระเวนชายแดนจัดการกับผู้ชุมนุมอย่างรุนแรงและประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินพร้อมกับแถลงการณ์ของรัฐบาล,กองทัพบกและกองกำลังรักษาพระนครให้เลิกการชุมนุม และออกประกาศอีกหลายฉบับ เช่น ประกาศ ห้ามเสนอข้อความหรือเผยแพร่รวมไปถึงพิมพ์เอกสารที่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงเวลาบ่ายพลตรีจำลอง ศรีเมือง และผู้ชุมนุมบางส่วนถูกจับกุม
19 พฤษภาคม - กลุ่มผู้ชุมนุมที่ไม่ได้ถูกจับกุมย้ายสถานที่ชุมนุมไปที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
20 พฤษภาคม - พลเอก สุจินดา คราประยูร ได้ประกาศห้ามมิให้บุคคลใดในกรุงเทพมหานครออกนอกเคหสถาน เวลา 21.00 น. ถึง 04.00 น. ของวันที่ 21 พฤษภาคม
- พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีรับสั่งให้ผู้นำทั้งสองฝ่าย คือพลเอกสุจินดา และพลตรีจำลอง เข้าเฝ้า โดยผู้ที่นำเข้าเฝ้าคือพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และสัญญา ธรรมศักดิ์ ประธานองคมนตรี ในขณะนั้น
- กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศให้สถานศึกษาปิดเรียนเพิ่มเติมในจังหวัดที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปจนถึงวันที่ 22 พฤษภาคม
21 พฤษภาคม - เวลา 12.00 น. พลเอก สุจินดา คราประยูร ได้ประกาศยกเลิกการห้ามมิให้บุคคลใดในกรุงเทพมหานครออกนอกเคหสถาน เนื่องจากสถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว
23 พฤษภาคม - พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชกำหนดนิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิดเนื่องในการชุมนุมกันระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ถึงวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 พ.ศ. 2535
24 พฤษภาคม - พลเอกสุจินดา และพลตรีจำลอง แถลงการณ์ร่วมกันผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยและพลเอกสุจินดา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
26 พฤษภาคม - ได้มีประกาศยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดปทุมธานี โดยยกเลิกตั้งแต่เวลา 12.00 น.ของวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2535
10 มิถุนายน - แกนนำจัดตั้งรัฐบาลเสนอชื่อพลอากาศเอกสมบุญ ระหงษ์ หัวหน้าพรรคชาติไทย เป็นนายกรัฐมนตรี แต่นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร และรักษาการประธานรัฐสภา ตัดสินใจนำชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ ให้ กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง เพื่อบริหารประเทศชั่วคราว ยุบสภาผู้แทนราษฎร และจัดการเลือกตั้งใหม่
30 มิถุนายน - พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ประกาศใช้ พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร โดยกำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2535 เป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
13 กันยายน - มีการเลือกตั้งใหญ่ทั่วทั้งประเทศ พรรคประชาธิปัตย์ได้รับคะแนนเสียงมาเป็นลำดับหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี
== เหตุการณ์สืบเนื่อง ==
ภายหลังการประกาศลาออกของพลเอกสุจินดา คราประยูร ทำให้นายมีชัย ฤชุพันธ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งมีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันที่ 10 มิถุนายน 2535 คณะรัฐมนตรีคณะที่ 48 ของรัฐบาลพลเอก สุจินดา คราประยูร จึงพ้นจากตำแหน่งไปตามวาระ
ภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 และ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ประกาศลาออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ในเวลานั้น พล.อ.อ.สมบุญ อดีตผู้ว่าการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ดำรงตำแหน่งเป็น หัวหน้าพรรคชาติไทย สืบต่อจาก พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ที่ลาออกหลังรัฐประหาร เป็นที่เชื่อกันในขณะนั้นว่า พล.อ.อ.สมบุญ จะต้องได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ต่อจาก พล.อ.สุจินดา อย่างแน่นอน แต่แล้วเมื่อ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ นำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ กลับกลายเป็นการแต่งตั้งให้ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีระหว่างการรัฐประหาร กลับมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และทำให้เป็นที่พูดต่อๆ กันมาถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า พล.อ.อ.สมบุญ "แต่งชุดขาวรอเก้อ"
5 พรรคที่สนับสนุนสุจินดาเป็นนายกรัฐมนตรี ได้แก่ พรรคสามัคคีธรรม พรรคชาติไทย พรรคประชากรไทย พรรคราษฎร ยกเว้น พรรคกิจสังคม เป็นฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 18
มีการแก้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 จำนวน 6 ครั้ง มีประเด็นสำคัญในการแก้ไขเพิ่มเติม คือ แก้ไขให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานรัฐสภา และประธานวุฒิสภาเป็นรองประธานรัฐสภา รวมทั้งแก้ไของค์ประกอบของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญให้เหมาะสมยิ่งขึ้น , การกำหนดคุณสมบัติของผู้จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
รัฐบาลได้เปิดให้เอกชนประมูลจัดตั้งสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ในระบบยูเอชเอฟ เพื่อเป็นทางเลือกในการรับข้อมูลข่าวสารของประชาชน ภายใต้ชื่อสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี และกลายเป็น สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ในปัจจุบัน
=== ผลกระทบต่อความคิดเปลี่ยนแปลงสังคม ===
จากเหตุการณ์สูญเสียชีวิตประชาชนดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดทัศนะว่าผู้นำการประท้วงหรือชุมนุมพึงรู้จักใช้วิธีการเพื่อรักษาชีวิตของประชาชนไว้ อาจยอมลดเป้าหมายของข้อเรียกร้องเพื่อลดโอกาสนองเลือด หรือยอมแพ้ทางการเมืองเสียดีกว่า ซึ่งสุรพล ธรรมร่มดีมองว่าเป็นการยอมรับอนุรักษนิยมทางสังคม และบอกให้ประชาชนทนกับความเลวร้ายที่น้อยกว่า (lesser evil)
=== ตลาดหุ้น ===
เมื่อตลาดหุ้นเปิดทำการในวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 ดัชนีหุ้นไทยเซ็ท อินเด็กซ์ ตกลง 9% จาก 732.89 จุดไปอยู่ที่ 675.51 จุด ทันทีที่เหตุการณ์สงบลง ดัชนีปรับขึ้น 13% ในช่วง 1 เดือนหลังจากนั้น
== ดูเพิ่ม ==
บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
พฤษภาอำมหิต 2553
== อ้างอิง ==
17-20 พฤษภาทมิฬ ลำดับเหตุการณ์ความรุนแรงทั้ง 4 วันด้วยภาพและเสียง 78 ภาพ เว็บไซต์โอเคเนชั่น
รำลึก13ปี...พฤษภาทมิฬ , ผู้จัดการออนไลน์, 17 พฤษภาคม 2548
พฤษภาทมิฬ Thaifreeman
ไศล ภูลี้. บันทึกพฤษภา 2535 ปากคำประวัติศาสตร์จากเลือดเนื้อและน้ำตา. มหาสารคาม : พอเพียงพริ้นติ้ง, 2545.
ประกาศ เรื่อง แต่งตั้งเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2495
ประกาศ เรื่อง พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอนุญาตให้บุคคลออกนอกเคหสถาน
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ให้ข้อพิพาทแรงงานที่ตกลงไม่ได้เข้าสู่การชี้ขาดของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์และห้ามนายจ้างปิดงานหรือลูกจ้างนัดหยุดงานในระหว่างประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Black May 1992 , ลำดับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จากข่าวในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ โดย SiamWEB.org (ภาษาอังกฤษ)
รำลึก13ปี...พฤษภาทมิฬ , ผู้จัดการออนไลน์, 17 พฤษภาคม 2548 (มีคลิปเสียงเหตุการณ์)
17-20 พฤษภาทมิฬ ลำดับเหตุการณ์ความรุนแรงทั้ง 4 วันด้วยภาพและเสียง 78 ภาพ
พฤษภาทมิฬ , รากฐานไทย - ข้อมูลพื้นหลัง และลำดับเหตุการณ์
ร่วมกันสู้, หนังสือบันทึกเหตุการณ์โดยพลตรีจำลอง ศรีเมือง
วีดิทัศน์จากเว็บไซต์ยูทูบ การปราบปรามอย่างรุนแรงโดยใช้อาวุธของฝ่ายทหารที่โรงแรมรัตนโกสินทร์และสรุปลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ในตอนท้ายมีพลเอกสุจินดา กล่าวว่าจำเป็นต้องเสียสัตย์เพื่อชาติ
๑๐ ปี พฤษภาคม ๒๕๓๕,นิตยสาร สารคดี โดย ธนาพล อิ๋วสกุล
กระทู้ที่ 149 ร.เรื่อง นโยบายรัฐบาลต่อเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ถามโดย นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคความหวังใหม่ จังหวัดขอนแก่น
สรุปเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ (2535) จาก สถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อ.ส.ม.ท.
การประท้วงในประเทศไทย
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยรัตนโกสินทร์
การสังหารหมู่ในประเทศไทย
การสังหารหมู่ที่ก่อการโดยไทย
เหตุการณ์ในรัชกาลที่ 9
การใช้กำลังเกินกว่าเหตุโดยตำรวจในประเทศไทย
ความรุนแรงทางการเมืองในประเทศไทย
การจลาจลและก่อความไม่สงบในประเทศไทย
|
thaiwikipedia
| 1,831 |
การปฏิวัติอุตสาหกรรม
|
การปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution) คือช่วงเวลาตั้งแต่ ค.ศ. 1760 ถึง ค.ศ. 1850 เมื่อการเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตรกรรม การผลิต การทำเหมืองแร่ การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยี ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อสภาพสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมในขณะนั้น การปฏิวัติเริ่มต้นในสหราชอาณาจักร จากนั้นจึงแพร่ขยายไปยังยุโรปตะวันตก อเมริกาเหนือ ญี่ปุ่น จนขยายไปทั่วทั้งโลกในเวลาต่อมา
การปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งส่งผลกระทบในเกือบทุกแง่มุมของชีวิตประจำวันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ที่เห็นเด่นชัดที่สุดคือการที่รายได้และจำนวนประชากรโดยเฉลี่ยเริ่มที่จะขยายตัวอย่างยั่งยืนในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้สองร้อยปีหลังจาก ค.ศ. 1800 ค่าเฉลี่ยรายได้ต่อหัวของโลกขยายตัวมากกว่าสิบเท่า ในขณะที่จำนวนประชากรขยายตัวมากกว่าหกเท่า ผู้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ โรเบิร์ต อี. ลูคัส จูเนียร์ ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในยุคอุตสาหกรรมว่า: "เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่มาตรฐานการดำรงชีวิตของประชาชนธรรมดาส่วนมากเริ่มเติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งไม่เคยมีพฤติการณ์ทางเศรษฐกิจเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน"
สหราชอาณาจักรได้วางรากฐานทางกฎหมายและวัฒนธรรมซึ่งเปิดโอกาสให้นายทุนสามารถริเริ่มการปฏิวัติอุตสาหกรรม ตัวแปรหลักที่ก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยนี้ได้แก่
ช่วงเวลาแห่งความสงบสุขและมั่นคงจากการรวมกันของราชอาณาจักรอังกฤษและราชอาณาจักรสกอตแลนด์
ไม่มีข้อกีดกันทางการค้าระหว่างอังกฤษและสกอตแลนด์
หลักนิติรัฐ (เคารพความศักดิ์สิทธิ์ของสัญญาการค้า)
ความเถรตรงของระบบกฎหมายซึ่งเปิดโอกาสให้มีการจัดตั้งบริษัทมหาชน
แนวคิดการค้าเสรี (เศรษฐกิจทุนนิยม)
กระบวนการเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายของคริสต์ศตวรรษที่ 18 ด้วยการเปลี่ยนผ่านซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนจากเศรษฐกิจแบบพึ่งพาแรงงานคนและสัตว์เป็นหลักไปเป็นเศรษฐกิจแบบพึ่งพาเครื่องจักรเป็นหลักของสหราชอาณาจักร โดยเริ่มในอุตสาหกรรมสิ่งทอเป็นอุตสาหกรรมแรก อันเป็นผลมาจากการพัฒนากรรมวิธีการหลอมเหล็กและความนิยมในการใช้ถ่านหินโค้กที่แพร่หลายขึ้น การขยายตัวของการค้าขายเป็นผลมาจากการพัฒนาคลอง ถนน และทางรถไฟ ด้วยการเปลี่ยนแปลงจากเศรษฐกิจแบบพึ่งพาเกษตรกรรมไปเป็นเศรษฐกิจแบบพึ่งพาอุตสาหกรรมการผลิต ทำให้เกิดการไหลบ่าของประชากรจากชนบทเข้าสู่เมืองขนานใหญ่ และก่อให้เกิดการขยายตัวของจำนวนประชากร
การเปลี่ยนแปลงการผลิตครั้งสำคัญในการปฏิวัติอุตสาหกรรมคือการผลิตชิ้นส่วนซึ่งสามารถสับเปลี่ยนกันได้ เครื่องกลึงและเครื่องกลอื่น ๆ ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้การผลิตสินค้ามีความละเอียดแม่นยำสูงและสามารถผลิตซ้ำเช่นเดิมได้เป็นจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น การผลิตปืนซึ่งในอดีตผลิตได้ทีละกระบอกด้วยการนำชิ้นส่วนเข้าประกอบกันอย่างพอดีจนได้ออกมาเป็นหนึ่งกระบอก หากแต่ชิ้นส่วนในการประกอบปืนครั้งนั้นไม่สามารถใช้แทนกันกับชิ้นส่วนจากปืนกระบอกอื่นได้ ด้วยความละเอียดแม่นยำในการผลิตซ้ำจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมนี้เอง ทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ของปืนสามารถแลกเปลี่ยนทดแทนกันได้ และยังก่อให้เกิดการผลิตแบบจำนวนมาก ๆ จนส่งผลให้ราคาสินค้าจากการผลิตแบบนี้ลดลงไปอย่างมาก
การกำเนิดขึ้นของเครื่องจักรไอน้ำซึ่งใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงหลัก ความนิยมในอรรถประโยชน์ของกังหันน้ำ และเครื่องจักรที่ใช้พลังงานขับเคลื่อน (โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสิ่งทอ) เป็นตัวสนับสนุนให้กำลังการผลิตขยายตัวอย่างมาก การพัฒนาเครื่องมือโลหะในช่วงสองทศวรรษแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 19 อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการมีเครื่องจักรการผลิตที่มากขึ้นแลบะนำไปใช้ได้กับอุตสาหกรรมอื่น ๆ ผลกระทบเกิดขึ้นแพร่ขยายออกไปทั่วยุโรปตะวันตกและอเมริกาเหนือในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 จนในที่สุดก็ได้แพร่หลายไปทั่วโลก กระบวนการที่ดำเนินไปนี้เรียกว่าการทำให้เป็นอุตสาหกรรม และทำให้เกิดผลกระทบอย่างมโหฬารต่อสังคม
การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งแรกซึ่งเริ่มในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ถูกรวมเข้ากับการปฏิวัติครั้งที่สองในราวปี ค.ศ. 1850 เมื่อความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีได้รับแรงขับเคลื่อนจากการพัฒนาเรือกลไฟ ทางรถไฟ และต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ช่วงของเวลาที่ถูกครอบคลุมด้วยการปฏิวัติอุตสาหกรรมนั้นหลากหลายและแตกต่างกันออกไปในนักประวัติศาสตร์แต่ละคน อีริก ฮอบส์บอว์ม กล่าวว่ามันเกินขึ้นในสหราชอาณาจักรในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1780 และไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างจริงจังจนกระทั่งทศวรรษที่ 1830 หรือ 1840 ขณะที่ ที. เอส. แอชตัน กล่าวว่ามันเกิดขึ้นอย่างฉาบฉวยระหว่างคริสต์ทศวรรษที่ 1760 และ 1830
นักประวัติศาสตร์ในคริสต์ศตวรรษที่ 20 บางคนอย่าง จอห์น คลาแฟม และนิโคลัส คราฟต์ส ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่ากระบวนการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป และเห็นว่าวาทกรรมในเชิงการปฏิวัตินั้นเป็นการเรียกที่ผิดเพี้ยน ซึ่งนี่ยังคงเป็นเรื่องที่ถูกถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัวนั้นเคยนิ่งเฉยไม่มีการเปลี่ยนแปลงก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมและการกำเนิดขึ้นของเศรษฐกิจทุนนิยมสมัยใหม่ การปฏิวัติอุตสาหกรรมก่อให้เกิดยุคของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระบบเศรษฐกิจทุนนิยม นักประวัติศาสตร์เศรษฐศาสตร์เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าการเริ่มต้นของการปฏิวัติอุตสาหกรรมคือเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ตั้งแต่มนุษย์รู้จักการทำเกษตรกรรมและเลี้ยงปศุสัตว์
== ศัพท์มูลวิทยา ==
การใช้คำว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งแรกสุดสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นจดหมายของราชทูตฝรั่งเศส หลุยส์-กิโยม อ็อตโต ฉบับวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ. 1799 ประกาศว่าฝรั่งเศสได้เข้าร่วมการแข่งขันในการ อ็องดุซตรีแยลีส (การทำให้เป็นอุตสาหกรรม) ในหนังสือของเรย์มอนด์ วิลเลียมส์ ในปี ค.ศ. 1976 คำหลัก: คำศัพท์แห่งวัฒนธรรมและสังคม เข้าได้กล่าวในคำนำถึงคำว่าอุตสาหกรรม: "แนวคิดด้านการจัดระเบียบสังคมใหม่โดยยึดหลักการบนการเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรมที่สำคัญซึ่งกระจ่างชัดในโรเบิร์ต เซาท์ธีย์ และโรเบิร์ต โอเวน ระหว่างปี ค.ศ. 1811 และ 1818 และเป็นการแน่แท้เร็วเท่ากับวิลเลียม เบลค ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1790 และวิลเลียม เวิร์ดเวิร์ธ ในช่วงเปลี่ยนศตวรรษใหม่" การใช้คำว่า "การปฏิวัติอุตสาหกรรม" ใช้หมายถึงการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้กลายมาเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษที่ 1830 ที่ซึ่งเชร็อง-อะด็อฟเฟอ บล็องกิ ได้ให้นิยามไว้ใน ลาเรวอลูซียงอ็องดุซตรีแยล (La révolution industrielle) ฟรีดริช เอ็นเกลส์กล่าวในหนังสือ สภาพความเป็นอยู่ของชนชั้นแรงงานในอังกฤษ ค.ศ. 1844 (The Condition of the Working Class in England in 1844) ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมคือ "การปฏิวัติที่เปลี่ยนแปลงสังคมอารยชนในเวลาเดียวกัน" และอาร์โนลด์ โทยินบี คือผู้ที่ทำให้วาทกรรมนี้โด่งดังจาการเขียนรายละเอียดอรรถาธิบายเพิ่มเติมในปี ค.ศ. 1881
== นวัตกรรม ==
จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติอุตสาหกรรมถูกเชื่อมโยงอย่างมากกับนวัตกรรมจำนวนหนึ่ง ที่ถูกคิดค้นขึ้นในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 18 ดังต่อไปนี้:
สิ่งทอ – การปั่นฝ้ายโดยใช้เครื่องปั่นด้ายพลังน้ำ วอเทอร์เฟรม ของริชาร์ด อาร์คไรต์, เครื่องปั่นด้าย สปินนิงเจนนี ของเจมส์ ฮาร์กรีฟส์ และเครื่องปั่นด้าย สปินนิงมูล ของแซมมูเอล ครอมป์ตัน (สิ่งประดิษฐ์ผสมผสานระหว่างวอเทอร์เฟรมและสปินนิงเจนนี) สิ่งประดิษฐ์นี้ได้รับสิทธิบัตรในปี ค.ศ. 1769 ก่อนจะหลุดจากสิทธิบัตรในปี ค.ศ. 1783 จากจุดนี้เองที่ตามมาด้วยการสร้างโรงงานปั่นฝ้ายมากมาย เทคโนโลยีนี้ยังถูกนำไปประยุกต์กับการปั่นผ้าเนื้อละเอียดและเส้นด้ายในภายหลังเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการทำผ้าลินินและสิ่งทอต่างๆ การปฏิวัติฝ้ายครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นในเมืองเดอร์บี ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันในฉายาว่า "โรงไฟฟ้าแห่งภาคเหนือ"
เครื่องจักรไอน้ำ – เครื่องจักรไอน้ำถูกประดิษฐ์โดยเจมส์ วัตต์ และได้รับสิทธิบัตรในปี ค.ศ. 1775 ซึ่งจุดประสงค์หลักก็เพื่อสร้างพลังงานในการสูบน้ำออกจากเหมือง แต่เมื่อถึงยุค ค.ศ. 1780 เป็นต้นไป มันก็ถูกประยุกต์ใช้กับการสร้างพลังงานให้แก่เครื่องจักรชนิดอื่น ๆ ก่อให้เกิดการพัฒนาโรงงานกึ่งอัตโนมัติขึ้นอย่างรวดเร็วในระดับที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้คาดการณ์ไว้มาก่อน โดยเป็นครั้งแรกในหน้าประวัติศาสตร์ที่ผู้คนไม่ต้องพึ่งพาแรงงานมนุษย์ แรงงานสัตว์ จากลมหรือจากน้ำอีกต่อไป เครื่องจักรไอน้ำจึงถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย เช่น ใช้สูบน้ำออกจากเหมือง, ใช้ลากล้อเลื่อนบรรทุกถ่านหินขึ้นมายังผิวโลก ใช้เป่าลมเข้าสู่เตาหลอมเหล็ก ใช้บดดินในอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา และใช้สร้างพลังงานแก่โรงงานทุกประเภท กล่าวได้ว่าเป็นเวลามากกว่าหนึ่งร้อยปีที่เครื่องจักรไอน้ำครองตำแหน่งราชาแห่งบรรดาอุตสาหกรรม
การผลิตเหล็กกล้า – ในอุตสาหกรรมผลิตเหล็ก ถ่านหินถูกประยุกต์เข้ากับทุกขั้นตอนของการหลอมเหล็กแทนที่ถ่านฟืนจากไม้ การนำถ่านหินมาใช้นี้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมผลิตทองแดงและตะกั่วมาก่อนแล้ว เช่นเดียวกับในอุตสาหกรรมผลิตเหล็กดิบในเตาถลุงทรงสูง แต่ในขั้นที่สองของการผลิตเหล็กดัดต้องพึ่งพานวัตกรรมการขึ้นรูปและการประทับตรา (ซึ่งสิทธิบัตรหมดอายุลงในปี ค.ศ. 1786) และเตาพุดดลิงของเฮนรี คอร์ต (ได้รับสิทธิบัตรในปี ค.ศ. 1784)
"ภาคอุตสาหกรรมชั้นนำ" ข้างต้นทั้งสามภาคนี้คือนวัตกรรมหลักที่ก่อให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดโดยการปฏิวัติอุตสาหกรรมมักจะกล่าวถึงอยู่เสมอ นี้ไม่ได้หมายถึงการดูแคลนนวัตกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกล่าวถึงอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งหากปราศจากนวัตกรรมยุคก่อนหน้าอย่าง สปินนิงเจนนี หรือ ฟลายอิงชัตเทิล หรือการหลอมเหล็กดิบด้วยถ่านฟืน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นครั้งสำคัญนี้ก็อาจจะเป็นไปไม่ได้ ส่วนนวัตกรรมยุคหลังๆ อย่าง หูกทอผ้า หรือ เครื่องจักรไอน้ำแรงดันสูง ของริชาร์ด เทรวิทิค ก็ยังเป็นส่วนสำคัญในการปฏิวัติอุตสาหกรรมในสหราชอาณาจักร การใช้เครื่องจักรไอน้ำให้พลังงานแก่โรงงานปั่นฝ้ายและโรงงานผลิตเหล็กยังทำให้การตั้งโรงงานสามารถทำในที่ใดก็ได้ตามแต่สะดวก ไม่จำเป็นต้องตั้งใกล้แม่น้ำในการใช้พลังงานจากกังหันน้ำอีกต่อไป
นอกจากนี้การค้นพบวิธีการทำคอนกรีตอีกครั้งในปี ค.ศ. 1756 (บนพื้นฐานมาจากการทำปูนปลาสเตอร์) โดยวิศวกรชาวอังกฤษนามว่า จอห์น สมีตัน ก็ยังมีส่วนสำคัญในการปฏิวัติอุตสาหกรรม ซึ่งความรู้ดังกล่าวสูญหายไปเป็นเวลากว่า 1,300 ปี
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Internet Modern History Sourcebook: Industrial Revolution
BBC History Home Page: Industrial Revolution
== อ้างอิง ==
== อ่านเพิ่ม ==
Chambliss, William J. (editor), Problems of Industrial Society, Reading, Massachusetts: Addison-Wesley Publishing Co, 1973.
online
Cipolla, Carlo M. The Fontana Economic History of Europe, vol. 3: The Industrial Revolution (1973)
Cipolla, Carlo M. The Fontana Economic History of Europe: The Emergence of industrial societies vol 4 part 1 (1973) covers France, Germany, Britain, Habsburg Empire (Austria), Italy, and Low Countries. online
Cipolla, Carlo M. The Fontana Economic History of Europe: The Emergence of industrial societies (1973) vol 4 part 2 covers topics online
Clapham, J.H. (1930) An Economic History of Modern Britain: The Early Railway Age, 1820–1850 (2nd ed. 1930) online
Clapham, J.H. The Economic Development of France and Germany: 1815–1914 (1921) online, a famous classic, filled with details.
Crafts, Nicholas. "The first industrial revolution: Resolving the slow growth/rapid industrialization paradox." Journal of the European Economic Association 3.2–3 (2005): 525–534. online
Green, Constance Mclaughlin. (1939) Holyoke Massachusetts A Case History Of The Industrial Revolution In America online
Kornblith, Gary. The Industrial Revolution in America (1997)
Milward, Alan S. and S.B. Saul. The Development of the Economies of Continental Europe: 1850–1914 (1977)
Milward, Alan S. and S.B. Saul. The Economic Development of Continental Europe 1780–1870 (1973)
Olson, James S. Encyclopedia of the Industrial Revolution in America (2001)
Rider, Christine, ed. Encyclopedia of the Age of the Industrial Revolution, 1700–1920 (2 vol. 2007)
. Reprinted by McGraw-Hill, New York and London, 1926 ; and by Lindsay Publications, Inc., Bradley, Illinois, .
Smelser, Neil J. Social Change in the Industrial Revolution: An Application of Theory to the British Cotton Industry (U of Chicago Press, 1959).
Staley, David J. ed. Encyclopedia of the History of Invention and Technology (3 vol 2011), 2000 pp
Zmolek, Michael Andrew. Rethinking the industrial revolution: five centuries of transition from agrarian to industrial capitalism in England (2013)
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
วิวัฒนาการทางสังคมวัฒนธรรม
อุตสาหกรรม
การปฏิวัติอุตสาหกรรม
|
thaiwikipedia
| 1,832 |
วิทยุสมัครเล่น
|
วิทยุสมัครเล่น (Amateur radio หรือ Ham radio) คือ งานอดิเรกอย่างหนึ่งของผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารด้วยการส่งคลื่นวิทยุ มีกิจกรรมประกอบด้วย การศึกษาเชิงเทคนิคเกี่ยวกับวิทยุและการติดต่อสื่อสาร และการตั้งสถานีวิทยุคมนาคมเพื่อการศึกษา การทดลอง การให้ความช่วยเหลือระหว่างกัน การพักผ่อนหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างนักวิทยุสมัครเล่นด้วยกัน นักวิทยุสมัครเล่นมักเรียกตัวเองว่า ham
== กิจกรรมต่าง ๆ ของนักวิทยุสมัครเล่น ==
นักวิทยุสมัครเล่นติดต่อสื่อสารกันในหลายรูปแบบ โดยทั่วไปนิยมติดต่อสื่อสารกันด้วยเสียงพูด ซึ่งถ้าใช้การผสมคลื่นความถี่แบบการกล้ำความถี่ (Frequency Modulation: FM) จะได้คุณภาพของเสียงที่ดีมาก แต่หากต้องการติดต่อสื่อสารเป็นระยะทางไกลๆ โดยใช้แถบความถี่น้อยหรือมีแถบความถี่ค่อนข้างจำกัดก็จะใช้การผสมคลื่นแบบ Single Sideband (SSB) ได้ การติดต่อสื่อสารด้วยรหัสมอร์ส (Morse's code) ยังคงได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับนักวิทยุสมัครเล่นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่านความถี่สูง (HF-High Frequency) ซึ่งจากการทดลองก็พบว่าเป็นการติดต่อสื่อสารที่ดีมากหากเทียบอัตราส่วนระหว่างสัญญาณรบกวนและสัญญาณข้อมูล
การติดต่อด้วยรหัสมอร์สนั้นเป็นส่วนช่วยให้นักวิทยุสมัครเล่นที่อยู่คนละประเทศ พูดคนละภาษา แต่สามารถใช้รหัสมอร์สพูดคุยหรือสื่อสารกันได้ด้วยรูปแบบที่เป็นสากล และที่สำคัญเครื่องรับ-ส่ง CW นั้นสามารถสร้างได้ง่ายอีกด้วย สำหรับการติดต่อสื่อสารในปัจจุบันที่ทันสมัยของนักวิทยุสมัคเล่นโดยอาศัยคอมพิวเตอร์เข้ามาเป็นส่วนเสริมให้การติดต่อสื่อสารแบบดิจิตอลได้รับความนิยมขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งหากเป็นสมัยก่อนจะต้องใช้เครื่องมือมากมายในการติดต่อสื่อสารที่เป็นดิจิตอล ที่ผ่านมานักวิทยุสมัครเล่นเป็นผู้ริเริ่มนำระบบ Packet Radio เข้ามาใช้งาน ซึ่งต่อมาได้มีหลายๆ องค์กรนำไปพัฒนาและใช้งานให้เกิดประโยชน์มากมาย อีกทั้งนักวิทยุสมัครเล่นยังได้พัฒนาการติดต่อสื่อสารดิจิตอลอีกหลายรูปแบบ เช่น PSK31 ที่ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารแบบทันทีและใช้กำลังส่งที่น้อยในความถี่คลื่นสั้น (HF) WSJT ซึ่งนิยมใช้สำหรับการติดต่อสื่อสารที่สัญญาณอ่อนมากๆ โดยเฉพาะการติดต่อสื่อสารสะท้อนพื้นผิวดวงจันทร์ การติดต่อสื่อสารด้วยภาพคล้ายการส่งสัญญาณโทรทัศน์นักวิทยุสมัครเล่นก็สามารถพัฒนาขึ้นมาใช้งานได้เช่นกัน
== การจับกลุ่มคุยกัน ==
นักวิทยุสมัครเล่นจำนวนไม่น้อยชอบที่จะพูดคุยกับนักวิทยุสมัครเล่นคนอื่น ๆ บนความถี่วิทยุเป็นประจำ โดยการคุยกันเป็นกลุ่มหลาย ๆ คน เรียกการจับกลุ่มคุยแบบนี้ว่า "Rag Chew" การคุยกันแบบนี้นับได้ว่ามีมาตั้งแต่เริ่มแรกของวิทยุสมัครเล่นเลยก็ว่าได้
เรื่องที่พูดคุยกันนั้นก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไป หรือเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยุสมัครเล่น เช่น ความรู้สายอากาศ การซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ คอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
นอกจากนี้ อีกกลุ่มหนึ่งที่มีการรวมตัวกันทำกิจกรรมเกี่ยวกับวิทยุสมัครเล่น คือ กลุ่มนักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ รวมตัวกันเป็นกลุ่มเรียกว่า "ชมรมนักวิทยุสมัครเล่น" ประจำสถาบันต่างๆ
== บัตรยืนยันการติดต่อ ==
อ่านเพิ่มเติมหัวข้อ : บัตรยืนยันการติดต่อ
โดยทั่วไปนักวิทยุสมัครเล่นมักนิยมแลกเปลี่ยนบัตรยืนยันการติดต่อ หรือ QSL card ระหว่างกัน เพื่อที่จดบันทึกการติดต่อสื่อสารครั้งนั้นไว้ ซึ่งรางวัลต่าง ๆ ในกิจการวิทยุสมัครเล่น หลายรางวัลจำเป็นต้องใช้บัตรยืนยันการติดต่อนี้เพื่อรับรางวัล นักวิทยุสมัครเล่นบางคนก็นิยมเก็บสะสม เพราะมีความสวยงาม นอกจากการยืนยันโดยบัตรยืนยันการติดต่อแล้ว ปัจจุบันมีการยืนยันแบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Logbook of the World (LoTW) จัดทำโดยสมาคมวิทยุสมัครเล่นอเมริกา (ARRL) การยืนยันแบบนี้สามารถแลกรางวัล (ที่จัดโดยสมาคม) ได้เช่นกัน
== การติดต่อทางไกล (DX) ==
นักวิทยุสมัครเล่นหลายคนก็นิยมติดต่อกับสถานีที่อยู่ไกลออกไปจากที่อยู่ของตนเอง เช่น ติดต่อกันผ่านความถี่ย่าน HF ซึ่งสามารถติดต่อระหว่างประเทศ ระหว่างทวีปได้ทั่วโลก หรือแม้กระทั่งพยายามใช้ความถี่ย่าน VHF สามารถติดต่อได้ไกลๆ โดยเทคนิคด้านการสื่อสารแบบต่าง เช่น การติดต่อสื่อสารโดยการสะท้อนคลื่นวิทยุจากผิวพื้นดวงจันทร์ การติดต่อแบบสะท้อนฝนดาวตก เป็นต้น
== การเดินทางไปติดต่อตามสถานที่ต่างๆ (DX-peditions) ==
มีหลายประเทศหรือหลายสถานที่ ที่มีนักวิทยุสมัครเล่นอยู่น้อยหรือไม่มีเลย ซึ่งเป็นที่ต้องการของนักวิทยุสมัครเล่นจากส่วนต่างๆ ของโลกที่ต้องการติดต่อกับสถานีวิทยุสมัครเล่นในสถานที่เหล่านี้ ซึ่งอาจมีการวมตัวกันเดินทางไปตั้งสถานีชั่วคราว เพื่อทำการติดต่อออกมาจากสถานที่เหล่านี้ ซึ่งการเดินทางไปเช่นนี้เรียกว่า DX-peditions ซึ่งถ้าเป็นการเดินทางไปยังสถานที่ที่ยากลำบากหรือมีความต้องการติดต่อกับสถานที่นั้นมาก จะสามารถติดต่อได้เป็นแสนสถานีจากทั่วทุกประเทศ ภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์
== รางวัล ==
มีรางวัลสำหรับนักวิทยุสมัครเล่นที่สามารถติดต่อ (มักนิยมเรียกว่า "Work") กับสถานีวิทยุสมัครเล่นในส่วนต่างๆ ของโลก มากมายหลายรางวัล รางวัลที่เป็นที่นิยมได้แก่ รางวัล DX Century Club (DXCC) คือรางวัลที่ให้กับผู้ที่สามารถติดต่อและยืนยันด้วยบัตรยืนยันการติดต่อได้ 100 ประเทศขึ้นไป จากทั้งหมด 335 ประเทศ ซึ่งเป็นรางวัลที่นิยมมากที่สุด ถ้าใครได้รับรางวัลนี้ก็เป็นการพิสูจน์ว่าเป็นผู้มีทักษะและความพยายาม ในการใช้ความสามารถในการติดต่อได้หลายประเทศ (หลังจากประกาศใช้ระเบียบ กบถ.2530 แล้วผู้ได้รับรางวัลคนแรกของไทยคือ HS1CDX ในรูปแบบการสือสารผ่านสัญญาณรหัสมอร์ส (CW) เป็นลำดับที่ 6054 ของโลก 26-aug-1993) นอกจากนี้ยังมี รางวัล Work All States (WAS)สำหรับผู้ที่สามารถติดต่อครบทุกรัฐของสหรัฐอเมริกา รางวัล Work All Continents (WAC) ให้กับผู้ที่สามารถติดต่อได้ครบ 6 ทวีปของโลก (หลังจากประกาศใช้ระเบียบ กบถ.2530 แล้วผู้ได้รับรางวัลคนแรกของไทยคือ HS1CDX ในรูปแบบการสือสารผ่านสัญญาณรหัสมอร์ส (CW) 9-jun-1992) รางวัล Work All Zones (WAZ) มอบให้ผู้ที่ติดต่อได้ครบทุก Zone
== การแข่งขัน ==
การแข่งขัน หรือ Contesting หรือ Radiosport คือ กิจกรรมการแข่งขันของนักวิทยุสมัครเล่นที่จัดและดำเนินการโดยนักวิทยุสมัครเล่น ซึ่งในการแข่งขันนั้น สถานีวิทยุสมัครเล่น อาจออกอากาศด้วยนักวิทยุสมัครเล่นเพียงคนเดียวหรือรวมกลุ่มกัน เพื่อจะพยายามติดต่อสถานีวิทยุสมัครเล่นอื่นๆ ให้ได้มากที่สุดภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยในการติดต่อกันนั้นจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันด้วย ซึ่งกติกาการแข่งขันนั้นก็จะกำหนดความถี่ที่ใช้ในการติดต่อและข้อมูลที่ต้องแลกเปลี่ยนกันในแต่ละครั้ง ซึ่งการติดต่อแต่ละสถานีจะถูกคำนวณออกมาเป็นคะแนน ซึ่งจะนำมาจัดลำดับหลังจากจบการแข่งขัน การแข่งขันแต่ละรายการจะมีผู้สนับสนุนและกติกาแตกต่างกันออกไป ส่วนมากผลการแข่งขันจะประกาศในนิตยสารวิทยุสมัครเล่นที่เป็นที่รู้จักหรือตามเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับวิทยุสมัครเล่น นับวันจะมีจำนวนการแข่งขันเพิ่มขึ้น รวมทั้งนักวิทยุสมัครเล่นที่เข้าร่วมแข่งขันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และนักวิทยุสมัครเล่นหลายๆ คน มักเข้าร่วมแข่งขันเป็นประจำทุกรายการ เหมือนกับว่าเป็นกิจกรรมหลักของนักวิทยุสมัครเล่นนั้น ๆ ก็ว่าได้
== สถานีพิเศษ ==
ในเหตุการณ์สำคัญต่างๆ มักจะมีการกำหนดสัญญาณเรียกขานพิเศษ เพื่อใช้สำหรับการทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น ซึ่งนักวิทยุหลายคนก็คอยจะติดต่อกับสถานีพิเศษเหล่านี้ เพื่อจะขอรับบัตรยืนยันการติดต่อไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งในบางโอกาสอาจมีการใช้ prefix พิเศษ เช่น HS2000 ซึ่งเป็นสถานีรายงานการปรับเปลี่ยนปี ค.ศ. ใหม่ HS50A สัญญาณเรียกขานพิเศษสำหรับเฉลิมฉลองเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี
== การตั้งสถานีติดต่อชั่วคราว (Portable) ==
นักวิทยุสมัครเล่นมักจะนำอุปกรณ์วิทยุสื่อสารของตนเองติดตัวไปด้วยเวลาไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง และจะออกอากาศหรือทำการติดต่อจากสถานที่เหล่านั้น (ต้องได้รับอนุญาตสำหรับการออกอากาศในสถานที่นอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาต) ด้วยกำลังส่งต่ำ และสายอากาศที่สามารถติดตั้งได้ง่าย ซึ่งก็มีบ่อยครั้งที่ตั้งใจเดินทางไปยังสถานที่ที่ห่างไกลและไม่มีนักวิทยุสมัครเล่นไปออกอากาศ เพื่อเปิดโอกาสให้นักวิทยุสมัครเล่นจากที่ต่าง ๆ ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อแลกบัตรยืนยันการติดต่อ แม้กระทั่ง นักวิทยุที่ชอบเดินทางด้วยเรือหรือเครื่องบินก็สามารถใช้เครื่องมือสื่อสารติดต่อกับนักวิทยุสมัครเล่นอื่น ๆ ได้เช่นกัน
== การติดต่อด้วยกำลังส่งต่ำ (QRP) ==
มีนักวิทยุสมัครเล่นบางคนที่ชอบสร้างเครื่องวิทยุ รับ-ส่ง ด้วยตนเอง แบบง่าย ๆ ด้วยงบประมาณที่ไม่สูงมาก และเครื่องวิทยุ รับ - ส่ง เหล่านี้มักจะมีกำลังส่งที่ต่ำ หรือที่เรียกกันว่า QRP ซึ่งย่อมาจาก Q code ที่มีความหมายว่า "ลดกำลังส่ง" การออกอากาศด้วย QRP ใช้กำลังส่งไม่เกิน 5 วัตต์ สำหรับการติดต่อแบบ รหัสมอร์ส และไม่เกิน 10 วัตต์สำหรับการติดต่อแบบ เสียงพูด
== วิทยุสมัครเล่นกับอวกาศ ==
ที่ผ่านมานักวิทยุสมัครเล่นได้ส่งดาวเทียมสำหรับการติดต่อสื่อสารหรือการทดลองของนักวิทยุสมัครเล่นมากกว่า 70 ดวงแล้ว ในโครงการที่ชื่อว่า Orbiting Satellite Carrying Amateur Radio หรือ OSCAR ซึ่งบางดวงก็สามารถใช้งานด้วยการใช้เครื่องวิทยุรับ-ส่งชนิดมือถือ และสายอากาศชนิดติดกับตัวเครื่อง หรือ "rubber duck" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AO-51 หรือ AMSAT Echo นักวิทยุสมัครเล่นยังสามารถใช้ "ดาวเทียมธรรมชาติ" ได้แก่ ดวงจันทร์ และ ดาวตก สำหรับการสะท้อนคลื่นเพื่อการติดต่อสื่อสาร นักวิทยุสมัครเล่นยังสามารถติดต่อสื่อสารกับสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station หรือ ISS) ซึ่งนักบินอวกาศเกือบทุกคนที่ประจำอยู่จะได้รับใบอนุญาตการเป็นนักวิทยุสมัครเล่นเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีโครงการให้นักเรียนได้ติดต่อพูดคุยกับนักบินอวกาศผ่านความถี่วิทยุสมัครเล่น อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นความถี่สำรองสำหรับสถานีอวกาศนานาชาติอีกด้วย
== ระบบรายงานพิกัดอัตโนมัติผ่านวิทยุสมัครเล่น ==
นักวิทยุสมัครเล่น ได้ชื่อว่าเป็นนักค้นคว้าและทดลอง จนได้มีการพัฒนาระบบรายงานพิกัดอัตโนมัติผ่านวิทยุสมัครเล่น (Automatic Packet Reporting System (APRS)) ขึ้น โดยเป็นการประยุกต์ใช้อุปกรณ์ระบุพิกัดสัญญาณดาวเทียม GPS และทำการส่งพิกัดที่อยู่หรือที่ตั้งสถานีของนักวิทยุสมัครเล่น ยานพาหนะ ทั้งรถยนต์ เรือ หรือเครื่องบิน ผ่านเครือข่ายวิทยุสมัครเล่น โดยมีสถานีรับสัญญาณที่เป็นสถานีที่นักวิทยุสมัครเล่นจัดตั้งขึ้นและกระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศรับสัญญาณและส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต และสามารถเรียนดูพิกัดดังกล่าวได้ทั่วโลก
== กีฬาการค้นหาแหล่งกำเนิดสัญญาณวิทยุ (ARDF) ==
ARDF (Amateur radio direction finding) เป็นกีฬาการแข่งขันค้นหาสัญญาณวิทยุจากแหล่งกำเนิดสัญญาณวิทยุ ซึ่งจะต้องเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเพื่อค้นหาตัวส่งสัญญาณวิทยุให้ได้มากที่สุดภายในระยะเวลาที่กำหนด สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัยและความพร้อมของร่างกาย โดยจำเป็นจะต้องใช้ทักษะพื้นฐานเกี่ยวกับการแพร่กระจายของคลื่นวิทยุจากสายอากาศชนิดต่างๆ ทักษะการอ่านแผนที่ การใช้เข็มทิศ และเครื่องรับสัญญาณวิทยุในการรับสัญญาณจากเครื่องส่งสัญญาณ
== ข้อห้ามสำหรับกิจการวิทยุสมัครเล่น ==
ติดต่อกับสถานีวิทยุสมัครเล่นที่ไม่อนุญาตให้มีกิจการวิทยุสมัครเล่นในประเทศนั้น
ใช้รหัสลับในการติดต่อสื่อสาร
รับ - ส่งข่าวสารนอกเหนือไปจากกิจการวิทยุสมัครเล่น
จ้างวาน รับ - ส่งข่าวสารไปยังบุคคลที่สาม
ใช้ถ้อยคำหยาบคายในการติดต่อสื่อสาร
รับ - ส่ง ข่าวสารอันมีเนื้อหาละเมิดกฎหมายบ้านเมือง
ส่งเสียงดนตรี รายการบันเทิง หรือรายการโฆษณาทุกประเภท
การกระทำให้เกิดการรบกวนต่อการสื่อสารของสถานีอื่นโดยเจตนา เช่น การส่งสัญญาณคลื่นรบกวนประเภทต่าง ๆ ใช้ช่องสัญญาณติดต่อสื่อสารทับซ้อนกัน
ติดต่อกับสถานีวิทยุคมนาคม ที่ไม่ได้รับอนุญาต
ใช้สัญญาณเรียกขานปลอม หรือแอบอ้างใช้สัญญาณเรียกขานผู้อื่น
แย่งใช้ช่องสัญญาณในการติดต่อสื่อสาร หรือใช้ช่องสัญญาณในลักษณะยึดครอบครองเฉพาะกลุ่มบุคคล
ยินยอมให้ผู้อื่นที่ไม่มีใบอนุญาตใช้สถานีวิทยุคมนาคมหรือเครื่องวิทยุคมนาคมกระทำผิดกฎหมายวิทยุคมนาคม หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ไม่บันทึกการติดต่อสื่อสารในสมุดบันทึก (Log Book)
== วันสำคัญ ==
วันที่ 18 เมษายน - วันวิทยุสมัครเล่นโลก
วันที่ 25 เมษายน - วันมาร์โคนีสากล
== ดูเพิ่ม ==
สัญญาณเรียกขาน
วิทยุสมัครเล่นในประเทศไทย
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
กำหนดการจัดอบรมและสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรพนักงานวิทยุสมัครเล่น
รายชื่อผู้รับใบประกาศนิยบัตรและใบอนุญาตพนักงานวิทยุสมัครเล่น
สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU)
สมาคมวิทยุสมัครเล่นแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
วิทยุสมัครเล่น SPACE STATION
กลุ่ม American QRP
https://p1k.arrl.org/lotw/default
สมาคมวิทยุสมัครเล่นจังหวัดตราด
วิทยุสมัครเล่น
งานอดิเรก
การสื่อสารไร้สาย
|
thaiwikipedia
| 1,833 |
จังหวัดนราธิวาส
|
นราธิวาส (มลายูปัตตานี: منارا / Menara /มือนารา มือนารอ) เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย เป็นหนึ่งในจังหวัดชายแดนใต้สุดของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลตะวันออกของแหลมมลายู ห่างจากกรุงเทพมหานคร ทางรถยนต์ประมาณ 1,149 กิโลเมตร โดยมีเนื้อที่ประมาณ 4,475.43 ตารางกิโลเมตร หรือ 2,797,143.75 ไร่ ทิศเหนือติดต่อกับจังหวัดปัตตานีในเขตอำเภอกะพ้อ อำเภอสายบุรี อำเภอไม้แก่น และอ่าวไทย ทิศตะวันออกติดต่อกับอ่าวไทยและรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ทิศใต้ติดต่อกับรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ทิศตะวันตกติดต่อกับจังหวัดยะลาในเขตอำเภอเบตง อำเภอธารโต อำเภอบันนังสตา และอำเภอรามัน พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าไม้และภูเขา 2 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมด มีป่าพรุประมาณ 361,860 ไร่ ทางแถบทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดทิวเขาสันกาลาคีรีซึ่งเป็นแนวกั้นพรมแดนไทย-มาเลเซีย ลักษณะพื้นที่จะมีความลาดเอียงจากทิศตะวันตกไปสู่ทิศตะวันออก พื้นที่ราบส่วนใหญ่อยู่บริเวณติดกับอ่าวไทยและที่ราบลุ่มบริเวณแม่น้ำ 4 สาย คือ แม่น้ำบางนรา แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำตากใบ และแม่น้ำโก-ลก ตามหลักฐานการทะเบียนราษฏรของกระทรวงมหาดไทย ปี พ.ศ. 2565 จังหวัดนราธิวาส มีประชากรจำนวน 812,924 คน แยกเป็นชาย 402,020 คน หญิง 410,905 คน โดยจังหวัดนราธิวาสมีศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน
== ที่มาของชื่อ ==
"นราธิวาส" เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาใหม่ใน พ.ศ. 2458 ชื่อเดิมของพื้นที่นี้คือ "เมอนารา" หรือ "เมอนารอ" (Menara, منارا) ซึ่งมีความหมายว่า "หอคอย" ที่กลายมาจากคำว่า "กัวลาเมอนารา" (Kuala Menara) ที่มีความหมายว่า "กระโจมไฟ" หรือ "หอคอยที่ปากน้ำ" ส่วนชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธจะเรียกว่า "บางนรา" หรือ "บางนาค" ต่อมาใน พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเมืองขึ้นใหม่ว่า "นราธิวาส" อันมีความหมายว่า "ที่อยู่อันยิ่งใหญ่ของประชาชน"
== ประวัติ ==
จังหวัดนราธิวาส เดิมมีฐานะเป็นเพียงเมืองหนึ่งในอาณาจักรลังกาสุกะซึ่งพบหลักฐานโบราณคดีค่อนข้างน้อยเช่น ซากเจดีย์ 3 องค์บริเวณวัดเขากง อายุ 1,300 ปี (ต่อมาถูกรื้อถอนแล้วสร้างพระพุทธทักษิณมิ่งมงคลแทน) พระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์นิกายมนตยานบริเวณวัดเขากงเช่นกัน ต่อมาก็กลายเป็นอำเภอหนึ่ง เรียกว่า อำเภอบางนรา ขึ้นกับเมืองสายบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดหัวเมืองภาคใต้ ต่อมาได้โอนไปขึ้นกับเมืองระแงะ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดหัวเมืองเช่นกัน โดยประวัติความเป็นมาของนราธิวาสนั้น มีความเชื่อมโยงกับเรื่องราวของเมืองปัตตานี เมืองสายบุรี และเมืองระแงะ
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีรับสั่งให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ยกทัพหลวงลงมาปักษ์ใต้เพื่อปราบปรามข้าศึกที่เข้ามาทางปักษ์ใต้ เมื่อข้าศึกแตกพ่ายหนีไปหมดแล้ว จึงเสด็จประทับ ณ เมืองสงขลา และได้มีรับสั่งออกไปถึงหัวเมืองมลายูทั้งหลาย ที่เคยขึ้นกับอยุธยามาก่อน ให้มาอ่อนน้อมดังเดิม โดยพระยาไทรบุรี และพระยาตรังกานูยอมอ่อนน้อมแต่โดยดี แต่พระยาปัตตานีแข็งเมืองไม่ยอมอ่อนน้อม จึงรับสั่งให้ยกทัพไปเมืองปัตตานีเมื่อ พ.ศ. 2332 เมื่อได้เมืองปัตตานีแล้ว ได้โปรดเกล้าฯ ให้พระราชทานตราตั้งให้แก่พระยาสงขลา (บุญฮุย) เป็นพระยาปัตตานี และให้อยู่ในความกำกับดูแลของเมืองสงขลาต่อไป และตั้งในเป็นเมืองมนตรีขึ้นอยู่กับกรุงรัตนโกสินทร์โดยตรง ในระหว่างที่พระยาปัตตานี (ขวัญซ้าย) ว่าราชการเมืองปัตตานีอยู่นั้น บ้านเมืองสงบเรียบร้อยปกติสุขตลอดมา ครั้นเมื่อพระยาปัตตานีถึงแก่กรรม โปรดเกล้าฯ ให้นายพ่าย น้องชายพระยาหลวงสวัสดิภักดีผู้ช่วยราชการเมืองปัตตานี และได้ย้ายที่ว่าการเมืองปัตตานีจากบ้านมะนา (อ่าวนาเกลือ) ไปตั้งอยู่ที่บ้านยามู
ในระหว่างนั้นพวกของซาเห็ดรัตนวงศ์ฯ และพวกโมเซฟได้เริ่มก่อกวนความสงบสุขของบ้านเมือง โดยคบคิดกับปล้นบ้านพระยาปัตตานี และบ้านหลวงสวัสดิภักดี แต่ก็ได้ถูกตีถอยหนีไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านกะลาพอ แขวงเมืองสายบุรี นอกจากนั้นเมืองปัตตานีซึ่งมีอาณาเขตกว้างขวาง และมีโจรผู้ร้ายชุกชุม เที่ยวปล้นบ้านเรือนราษฎรจนเหลือกำลังที่พระยาปัตตานีจะปราบให้ราบคาบได้ จึงแจ้งราชการไปยังเมืองสงขลา พระยาสงขลา (เถียนจ๋อง) ออกมาปราบปราม และจัดนโยบายแบ่งแยกเมืองปัตตานีออกเป็น 7 เมือง ได้แก่ เมืองปัตตานี เมืองหนองจิก เมืองยะลา เมืองรามันห์ เมืองระแงะ เมืองสายบุรี และเมืองยะหริ่ง ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้มีพระยาปัตตานี (ต่วนสุหลง) พระยาหนองจิก (ต่วนกะจิ) พระยายะลา (ต่วนบางกอก) และพระยาระแงะ (หนิเดะ) โดยเจ้าเมืองทั้ง 4 ได้สมคบคิดกันเป็นกบฏขึ้น จึงโปรดเกล้าให้พระยาเพชรบุรี และพระยาสงขลา (เถี้ยนเส้ง) ลงมาปราบ และพิจารณาเห็นว่า หนิบอสูชาวบ้านบางปูซึ่งพระยายะหริ่งแต่งตั้งให้เป็นกรมการเมืองยะหริ่งได้เป็นกำลังสำคัญ และได้ทำการต่อสู้ด้วยความกล้าหาญยิ่ง ด้วยคุณงามความดีนี้จึงได้แต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาราชการเมืองระแงะ สืบต่อจากพระยาระแงะ (หนิเดะ) ที่หนีไป และได้ย้ายที่ว่าราชการจากบ้านระแงะมาตั้งใหม่ที่ตำบลตันหยงมัส
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงให้ยกเลิกการปกครองแบบเก่า เพราะการแบ่งเขตแขวงการปกครอง และตำแหน่งหน้าที่ราชการในหัวเมืองทั้ง 7 ที่ยังทับซ้อนกันอยู่หลายแห่ง จึงได้วางระเบียบแผนการปกครองและตำแหน่งหน้าที่ราชการให้เป็นระเบียบตามสมควรแก่กาลสมัย เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2444
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2449 มีประกาศพระบรมราชโองการให้แยกบริเวณ 7 หัวเมืองออกมาจากมณฑลเทศาภิบาล เรียกว่า มณฑลปัตตานี เพื่อสะดวกแก่ราชการ และทำนุบำรุงบ้านเมืองให้เจริญขึ้นกว่าแต่ก่อน ในปี พ.ศ. 2458 ได้ย้ายที่ว่าราชการจากเมืองระแงะ ตำบลตันหยงมัส มาตั้งที่บ้านมะนาลอ (บางมะนาวในปัจจุบัน) อำเภอบางนรา ส่วนท้องที่เมืองระแงะ และได้ยกฐานะอำเภอบางนราขึ้นเป็นเมืองบางนรา มีอำเภอในการปกครองได้แก่ อำเภอบางนรา อำเภอตันหยงมัส กิ่งอำเภอยะบะ อำเภอสุไหงปาดี และกิ่งอำเภอโต๊ะโมะ
ครั้นต่อมาสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้เสด็จประพาสมณฑลปักษ์ใต้ เมื่อพระองค์เสด็จถึงเมืองบางนรา ทรงพระราชทานพระแสงศาสตราแก่เมืองบางนรา และทรงดำริว่าบางนรานั้นเป็นชื่อตำบลบ้าน และควรที่จะมีชื่อเมืองไว้เป็นหลักฐานสืบไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเป็น "เมืองนราธิวาส" ซึ่งหมายถึงที่อยู่ของคนดี เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2458
ในปีพ.ศ. 2476 ได้มีการปรับปรุงระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาคครั้งยิ่งใหญ่ และให้เปลี่ยนชื่อเมืองเป็นจังหวัด เมืองนราธิวาสจึงเป็นเปลี่ยนเป็น "จังหวัดนราธิวาส" จากนั้นเป็นต้นมา
== รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ==
== การเมืองการปกครอง==
=== อำเภอ ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 13 อำเภอ 77 ตำบล 589 หมู่บ้าน
{|
|--- valign=top
||
อำเภอเมืองนราธิวาส
อำเภอตากใบ
อำเภอบาเจาะ
อำเภอยี่งอ
อำเภอระแงะ
อำเภอรือเสาะ
อำเภอศรีสาคร
อำเภอแว้ง
อำเภอสุคิริน
อำเภอสุไหงโก-ลก
อำเภอสุไหงปาดี
อำเภอจะแนะ
อำเภอเจาะไอร้อง
||
|}
=== เทศบาล ===
{|
|--- valign=top
||
อำเภอเมืองนราธิวาส
เทศบาลเมืองนราธิวาส
เทศบาลตำบลกะลุวอเหนือ
อำเภอตากใบ
เทศบาลเมืองตากใบ
อำเภอบาเจาะ
เทศบาลตำบลบาเจาะ
เทศบาลตำบลต้นไทร
อำเภอยี่งอ
เทศบาลตำบลยี่งอ
||
อำเภอระแงะ
เทศบาลตำบลตันหยงมัส
เทศบาลตำบลมะรือโบตก
อำเภอรือเสาะ
เทศบาลตำบลรือเสาะ
อำเภอศรีสาคร
เทศบาลตำบลศรีสาคร
||
อำเภอแว้ง
เทศบาลตำบลบูเก๊ะตา
เทศบาลตำบลแว้ง
อำเภอสุคิริน
เทศบาลตำบลสุคิริน
อำเภอสุไหงโก-ลก
เทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก
เทศบาลตำบลปาเสมัส
||
อำเภอสุไหงปาดี
เทศบาลตำบลปะลุรู
|}
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
=== ดอกไม้ประจำจังหวัด ===
ดอกบานบุรีเหลือง
===ตราประจำจังหวัด===
รูปเรือใบแล่นกางใบ ตรงกลางใบมีรูปช้างเผือกประดับเครื่องคชาภรณ์ อยู่ในวงกลม มีความหมายดังนี้
รูปเรือใบแล่นกางใบ หมายถึง ที่ตั้งอยู่ริมทะเล มีการค้าขาย การประมง และการ ติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง
ในเรือมีรูปช้างเผือกประดับเครื่องคชาภรณ์อยู่ในวงกลม หมายถึง ช้างสำคัญคู่บุญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ชื่อว่า “พระศรีนรารัฐราชกิริณี”
=== ต้นไม้ประจำจังหวัด ===
ตะเคียนชันตาแมว (Neobalanocarpus heimii)
=== คำขวัญประจำจังหวัด ===
ชาวจังหวัดนราธิวาสส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น การทำนา การเพาะปลูกพืชทางเศรษฐกิจ คือ ยางพารา ลองกอง เงาะ ทุเรียน เป็นต้น พืชที่สร้างชื่อเสียงของนราธิวาสคือ ลองกองบ้านซีโปตันหยงมัส มีรสชาติหวานนุ่มหอมอร่อยสามารถขายได้ราคาดี นอกจากการเกษตรแล้วบางส่วนก็ทำธุรกิจค้าขาย และทำงานในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน เป็นต้น
== เศรษฐกิจ ==
=== ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด GPP p1 (ปี 2548) 35,135 ล้านบาท ===
เกษตรกรรม 48.66 %
อุตสาหกรรม 4.97 %
โรงแรม/ภัตตาคาร 0.63 %
ค้าปลีก-ค้าส่ง 13.69 %
ก่อสร้าง 2.68 %
อื่นๆ 29.37 %
=== ภาวะราคาสินค้า ===
รายได้เฉลี่ยต่อหัว (ปี 2548 p1) 44,553 บาท
อัตราการว่างงาน (เม.ย.–มิ.ย.49) 2.11 %
ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วัน
อัตราเงินเฟ้อ (เม.ย.–ส.ค. 49/เม.ย.–ส.ค. 48) 5.4 %
=== การจำหน่ายสินค้า OTOP (ม.ค.–สค. 49) ===
ยอดจำหน่ายสินค้า OTOP19.73 ล้านบาท
=== มูลค่าการค้าชายแดน (ม.ค.–ส.ค.49) ===
การค้ารวม 3,329.69 ล้านบาท
การส่งออก 1,248.96 ล้านบาท
การนำเข้า 2,080.73 ล้านบาท
ดุลการค้า -831.77 ล้านบาท
== สังคมและวัฒนธรรม ==
เชื้อชาติ ส่วนมากเป็นชาวไทยเชื้อสายมลายูดั้งเดิม ชาวไทย ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวมาเลเซียอพยพจากมาเลเซีย
ศาสนา นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 89.05 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 10.74 นับถือศาสนาคริสต์และอื่น ๆ ร้อยละ 0.20
ภาษา ส่วนใหญ่ 80.4% ใช้ภาษามลายูปัตตานี นอกจากนี้ยังมีการใช้ภาษาไทยถิ่นใต้ ภาษาไทยตากใบ และภาษาจีน
การศึกษา
ปัจจุบันมีสถานศึกษารวมทั้งหมด 488 แห่ง (ไม่รวมแหล่งวิชาการนอกระบบ) สังกัด สปช. 255 แห่ง สังกัด สศ. 18 แห่ง สังกัด สช. 82 แห่ง สังกัด กศป. 15 แห่ง สังกัดเทศบาล 10 แห่ง สถาบันศึกษาปอเนาะที่จดทะเบียน 76 สถาบัน
จำนวนนักศึกษาก่อนประถมศึกษา 31,200 คน ระดับประถมศึกษา 88,200 คน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 17,300 คน ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและหรือ ปวช. 9,400 คน ระดับอุดมศึกษา (ปวส.) 900 คน ระดับอุดมศึกษา (วิทยาลัยพยาบาล) 800 คน รวม 147,700 ค
ศิลปและวัฒนธรรม ลิเกฮูลู (ดิเกฮูลู) มะโย่ง โนราแขก
== การศึกษา ==
=== โรงเรียน ===
ดูที่ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดนราธิวาส
=== ระดับอุดมศึกษา ===
มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
โครงการจัดตั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์นราธิวาส
== การขนส่ง ==
=== ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่างๆ ===
อำเภอยี่งอ 14 กิโลเมตร
อำเภอระแงะ 19 กิโลเมตร
อำเภอบาเจาะ 27 กิโลเมตร
อำเภอเจาะไอร้อง 29 กิโลเมตร
อำเภอตากใบ 33 กิโลเมตร
อำเภอรือเสาะ 43 กิโลเมตร
อำเภอจะแนะ 45 กิโลเมตร
อำเภอสุไหงปาดี 48 กิโลเมตร
อำเภอศรีสาคร 56 กิโลเมตร
อำเภอสุไหงโก-ลก 64 กิโลเมตร
อำเภอแว้ง 68 กิโลเมตร
อำเภอสุคิริน 68 กิโลเมตร
== แหล่งท่องเที่ยว ==
พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์
อุทยานแห่งชาติอ่าวมะนาว-เขาตันหยง
อุทยานแห่งชาติน้ำตกซีโป
อุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา
ป่าพรุโต๊ะแดง
พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ ๕
ศาลเจ้าแม่กวนอิม
วัดชลธาราสิงเห (วัดพิทักษ์แผ่นดินไทย)
มัสยิด 300ปี (มัสยิดวาดีลฮูเซ็นหรือมัสยิดตะโละมาเนาะ)
น้ำตกสิรินธร
น้ำตกปาโจ
น้ำตกฉัตรวาริน
หาดนราทัศน์
ผานับดาว
พิพิธภัณฑ์เมืองนราธิวาส
ศาลเจ้าแม่โก้วเล้งจี่
พระพุทธทักษิณมิ่งมงคล
เขื่อนท่าพระยาสาย
ริมเขื่อน มาร์เก็ต
ตลาดน้ำยะกังขนม 100 ปี
== การคมนาคม ==
=== ทางบก ===
ระยะทาง 1,149 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์–จังหวัดชุมพร และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 ผ่านจังหวัดสุราษฎร์ธานี–จังหวัดนครศรีธรรมราช–จังหวัดพัทลุง–อำเภอหาดใหญ่ และต่อด้วยทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 เข้าสู่จังหวัดปัตตานี–จังหวัดนราธิวาส มีรถโดยสารประจำทางกรุงเทพฯ–นราธิวาส–สุไหงโก-ลก บริการทุกวัน
=== ทางรถไฟ ===
การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดบริการเดินรถไฟระหว่างกรุงเทพ–สุไหงโก-ลก ยะลา–สุไหงโก-ลก นครศรีธรรมราช–สุไหงโก-ลก
สุราษฎ์ธานี–สุไหงโก-ลก ชุมทางหาดใหญ่–สุไหงโก-ลก พัทลุง–สุไหงโก-ลก ทุกวันทั้งรถด่วน รถเร็ว รถท้องถิ่น โดยผู้ที่ต้องการเดินทางมายังอำเภอเมืองนราธิวาสจะต้องลงที่สถานีรถไฟตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อต่อรถเข้าสู่อำเภอเมืองนราธิวาส
สามารถเดินทางได้กับขบวนรถ ดังนี้
รถด่วนพิเศษที่ 37/38 กรุงเทพ–สุไหงโก-ลก-กรุงเทพ
รถเร็วที่ 171/172 กรุงเทพ–สุไหงโก-ลก-กรุงเทพ
รถเร็วที่ 175/176 ชุมทางหาดใหญ่–สุไหงโก-ลก-ชุมทางหาดใหญ่
รถท้องถิ่นที่ 451/452 นครศรีธรรมราช–สุไหงโก-ลก-นครศรีธรรมราช
รถท้องถิ่นที่ 463/464 พัทลุง-สุไหงโกลก-พัทลุง
รถท้องถิ่นที่ 447/448 สุราษฎร์ธานี–สุไหงโก-ลก-สุราษฎร์ธานี
รถท้องถิ่นที่ 453/454 ยะลา-สุไหงโก-ลก-ยะลา
=== ทางอากาศ ===
ท่าอากาศยานนราธิวาส ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือ ระยะทาง 13 กิโลเมตร ปัจจุบันมีสายการบินเปิดให้บริการ ดังนี้
สายการบินแอร์เอเซีย
เที่ยวไป
เดินทางจากดอนเมือง FD3130 เวลา 10:30 น. ถึง นราธิวาส เวลา 12:05 น. [ทุกวัน]
เดินทางจากดอนเมือง FD3133 เวลา 14:25 น. ถึง นราธิวาส เวลา 15:50 น. [อังคาร พฤหัสบดี เสาร์]
เที่ยวกลับ
เดินทางจากนราธิวาส FD3131 เวลา 12:30 น. ถึง ดอนเมือง เวลา 14:00 น. [ทุกวัน]
เดินทางจากนราธิวาส FD3134 เวลา 14:20 น.ถึง ดอนเมือง เวลา 17:45 น. [อังคาร พฤหัสบดี เสาร์]
สายการบินไทยสมายล์
เที่ยวไป
เดินทางจากสุวรรณภูมิ WE293 เวลา 08:05น. ถึง นราธิวาส เวลา 09:35 น. [ทุกวัน]
เดินทางจากสุวรรณภูมิ WE291 เวลา 13:05 น. ถึง นราธิวาส เวลา 14:35 น. [ทุกวัน]
เที่ยวกลับ
เดินทางจากนราธิวาส WE294เวลา 10:05 น. ถึง สุวรรณภูมิ เวลา 11:45 น. [ทุกวัน]
เดินทางจากนราธิวาส WE292เวลา 15:05 น. ถึง สุวรรณภูมิ เวลา 16:45 น. [ทุกวัน]
(ข้อมูล ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2563)
== ชาวนราธิวาสที่มีชื่อเสียง ==
วงการบันเทิง
อรรถชัย อนันตเมฆ (โด่ง) - เป็นนักแสดง พิธีกร นักการเมือง และ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวไทย อดีตข้าราชการการเมืองตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
พิมพ์ปฏิภาณ พึ่งธรรมจิตต์ - นักดนตรี ศิลปินแห่งชาติ ปี 2560
เมธี อรุณ (เมธี) - นักร้องนำวงลาบานูน
พสธร ทรงถาวรทวี (เซินเจิ้น) - นักแสดงและนักร้อง
ปาณรวัฐ ลิ่มรัตนอาภรณ์ (ริว) - นักจัดรายการโทรทัศน์
จิคัยดีล เจะและ (ดีน) - ยูทูบเบอร์
วงการกีฬา
อิรฟาน ดอเลาะ (ปัง) - นักฟุตบอล
อับดุลฮาฟิส บือราเฮง (อาแว) - นักฟุตบอล
เอเลียส ดอเลาะ - นักฟุตบอล (ลูกครึ่งไทย-สวีเดน)
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
ท่าอากาศยานนราธิวาส
ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย
สโมสรฟุตบอลนราธิวาส
สโมสรฟุตบอลนรา ยูไนเต็ด
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดนราธิวาส
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดนราธิวาส
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนราธิวาส
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
สภาพอากาศจังหวัดนราธิวาส
แผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดนราธิวาส
จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทย
|
thaiwikipedia
| 1,834 |
พะเยา (แก้ความกำกวม)
|
พะเยา อาจหมายถึง:
จังหวัดพะเยา
อำเภอเมืองพะเยา
ทะเลสาบกว๊านพะเยา
หน้าแก้ความกำกวมชื่อสถานที่
|
thaiwikipedia
| 1,835 |
แสตมป์
|
แสตมป์ หรือ ตราไปรษณียากร (Postage stamp หรือ Stamp) เป็นหลักฐานการชำระค่าบริการไปรษณีย์ มักเป็นกระดาษรูปสี่เหลี่ยมเพื่อติดบนซองจดหมาย แสตมป์ที่มีรูปร่างหรือทำจากวัสดุอื่นก็มีปรากฏให้เห็นอยู่บ้าง
แสตมป์มักพิมพ์ออกเป็นแผ่น ประกอบด้วยแสตมป์หลายดวง ปกติอยู่ระหว่าง 20 ถึง 120 ดวง มีการปรุรู รอบดวงแสตมป์เพื่อเพิ่มความสะดวกในการฉีก รอยฉีกที่ได้เรียกว่า ฟันแสตมป์ ด้านหลังแสตมป์มีกาวเคลือบอยู่ กระดาษที่ใช้พิมพ์มักมีสิ่งพิเศษไว้เพื่อป้องกันการปลอมแปลง เช่น ลายน้ำ (watermark) หรือ ด้ายสี
หากติดแสตมป์เพื่อใช้งานบนซองแล้ว ต้องมีการประทับตราทุกครั้ง เพื่อป้องกันการนำกลับมาใช้อีก
การสะสมแสตมป์เป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
== ประวัติศาสตร์ ==
แนวคิดเรื่องการใช้แสตมป์เป็นค่าไปรษณีย์ริเริ่มโดยนาย เจมส์ ชาลเมอส์ (James Chalmers) ชาวสกอตแลนด์ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2377 (ค.ศ. 1834) ซึ่งความคิดดังกล่าวก็ได้รับการยอมรับต่อมาใน พ.ศ. 2382 ภายใต้การผลักดันของ เซอร์ โรว์แลนด์ ฮิลล์ (Sir Rowland Hill) เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2383 ก็ได้ออกแสตมป์ดวงแรกของโลกคือ แสตมป์เพนนีแบล็ค (Penny Black) มีราคาหน้าดวง 1 เพนนี ซึ่งเป็นอัตราค่าไปรษณีย์สำหรับจดหมาย สามารถส่งได้ทุกปลายแห่งด้วยอัตราเดียวกันและเริ่มมีผลบังคับใช้ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2383 เนื่องจากสหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกที่ออกแสตมป์ สหภาพสากลไปรษณีย์ (Universal Postal Union หรือ UPU) กำหนดให้สหราชอาณาจักรเป็นชาติเดียวที่ยกเว้นไม่ต้องพิมพ์ชื่อประเทศบนดวงแสตมป์ดังเช่นของประเทศอื่น ๆ
แสตมป์ชุดแรกของไทย คือ แสตมป์ชุดที่หนึ่ง หรือ ชุดโสฬศ ออกเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ประกอบด้วยแสตมป์ราคา หนึ่งโสฬส (ครึ่งอัฐ) , หนึ่งอัฐ, หนึ่งเสี้ยว (สองอัฐ) , หนึ่งซีก (สี่อัฐ) , หนึ่งสลึง (สิบหกอัฐ) แสตมป์อีกดวงราคาหนึ่งเฟื้อง (แปดอัฐ) มาถึงล่าช้าและไม่มีการใช้งานจริงทางไปรษณีย์ แสตมป์ชุดนี้ออกแบบและพิมพ์ที่บริษัท วอเตอร์โลว์แอนด์ซันส์ (Waterlow and Sons) กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ในช่วงนั้นไทยยังไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพสากลไปรษณีย์ แสตมป์ชุดนี้จึงยังไม่มีชื่อประเทศปรากฏบนดวง ส่วนแสตมป์ที่สั่งพิมพ์ชุดต่อ ๆ มาเป็นไปตามกฎของสหภาพสากลไปรษณีย์ กล่าวคือ มี ชื่อประเทศและราคาในภาษาอังกฤษ และ มีคำว่า "postage" ซึ่งหมายถึงเป็นการชำระค่าไปรษณีย์
== ประเภทของแสตมป์ ==
เราสามารถจำแนกแสตมป์ได้หลายแบบ โดยทั่วไปนิยมแบ่งเป็นสองสามประเภท ได้แก่ แสตมป์ทั่วไป แสตมป์ที่ระลึก บางครั้งก็เพิ่ม แสตมป์พิเศษ เข้าไปอีกประเภทหนึ่ง
==== แสตมป์ทั่วไป ====
แสตมป์ที่พิมพ์เพื่อการใช้งานไปรษณีย์เป็นหลัก เรียกว่า แสตมป์ทั่วไป (definitive stamp) ถือเป็นแสตมป์ประเภทแรกที่จัดพิมพ์ขึ้น เพราะค่าไปรษณีย์มีหลายอัตราขึ้นกับน้ำหนัก ที่หมาย ความด่วนของการส่ง การรับประกันการสูญหาย เป็นต้น แสตมป์ทั่วไปมักพิมพ์หลายราคา โดยแต่ละราคารูปมีแบบเหมือนกัน มีจำนวนที่พิมพ์สูง และอาจมีการพิมพ์เพิ่มเติมหลายครั้ง
ภาพที่นิยมใช้บนแสตมป์ทั่วไป ได้แก่ ภาพพระมหากษัตริย์ของประเทศนั้น ๆ กรณีที่พระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ ภาพสวยงามอื่นซึ่งเป็นภาพลักษณ์ของประเทศ เช่น ดอกไม้ สัตว์ สิ่งก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งแสตมป์ดวงแรกของโลกเป็นภาพสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย สำหรับประเทศไทยนิยมใช้ภาพพระมหากษัตริย์ไทยบนดวงแสตมป์ทั่วไป เรียกว่าแสตมป์พระบรมฉายาลักษณ์ แต่ปัจจุบันมีการใช้รูปอื่น เช่น รูปธงชาติ รูปช้าง บนดวงแสตมป์ด้วย
==== แสตมป์ที่ระลึก ====
แสตมป์ที่ระลึก (commemorative stamp) เป็นแสตมป์ที่พิมพ์ขึ้นเนื่องในโอกาสทั่วไป และพิมพ์เป็นจำนวนจำกัด เมื่อจำหน่ายหมดแล้วก็ไม่มีการพิมพ์เพิ่ม มีได้หลายลักษณะ เช่น
เป็นที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบเหตุการณ์ที่สำคัญ หรือ วันครบรอบของบุคคลสำคัญ
เป็นที่ระลึกเนื่องในกิจกรรมพิเศษ เช่น งานกาชาด หรือ วันสำคัญของปี เช่น วันสงกรานต์ วันวาเลนไทน์
สำหรับเผยแพร่เรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับ ธรรมชาติ, งานศิลปะ เช่น แมวไทย, จิตรกรรมฝาผนัง, อุทยานแห่งชาติ เป็นต้น
แสตมป์ที่ระลึกประเภทหลังมีอีกชื่อเรียกว่าแสตมป์พิเศษ (special stamp) และอาจจัดแสตมป์ที่ระลึกประเภทที่สองเป็นแสตมป์พิเศษด้วยก็ได้
แสตมป์ที่ระลึกเกิดขึ้นมาภายหลังเมื่อความนิยมการสะสมแสตมป์เพิ่มขึ้น แสตมป์ที่พอจะจัดเป็นแสตมป์ที่ระลึกดวงแรก ๆ เช่น แสตมป์ของสหรัฐอเมริการูปอับราฮัม ลิงคอล์น ที่ออกใน พ.ศ. 2409 ภายหลังที่เขาถูกลอบสังหารในปีก่อนหน้า แต่ไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าออกเพื่อการไว้อาลัย แสตมป์ดวงแรกที่มีข้อความแสดงเหตุการณ์ที่ระลึกคือแสตมป์ของนิวเซาท์เวลส์ (ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของออสเตรเลีย) ที่ออกในปี พ.ศ. 2431 มีข้อความว่า "ONE HUNDRED YEARS" ออกมาเพื่อฉลองครบรอบร้อยปีของการก่อตั้ง แสตมป์ที่ระลึกชุดแรกของไทย คือ แสตมป์ฉลองพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก สมัยรัชกาลที่ 5
=== แสตมป์เพื่อใช้งานเฉพาะกรณี ===
แสตมป์ทั่วไปบางดวงจัดพิมพ์ขึ้นเพื่อใช้งานเฉพาะทาง ตัวอย่างเช่นแสตมป์สำหรับอากาศไปรษณีย์ (airmail) แสตมป์สำหรับองค์กรที่ส่งจดหมายทีละมาก ๆ (bulk mail) ซึ่งมีราคาบนดวงแสตมป์ตรงกับอัตราค่าส่งแบบพิเศษนั้น ๆ อีกตัวอย่างหนึ่งคือแสตมป์ที่พิมพ์เพื่อใช้งานโดยหน่วยงานของรัฐบาล (official stamp) ซึ่งประเทศไทยเคยออกแสตมป์แบบนี้เรียกว่าแสตมป์ทดสอบสถิติราชการ ออกมาใช้งานช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อเก็บสถิติการส่งไปรษณีย์ของหน่วยงานแต่ละแห่งของรัฐบาล
=== แสตมป์แบบอื่น ๆ ที่มีชื่อเรียกเฉพาะ ===
แสตมป์ต่าง ๆ ต่อไปนี้ ไม่ได้แยกประเภทต่างหากจากแสตมป์ทั่วไปและแสตมป์ที่ระลึกที่กล่าวไว้ข้างบน แต่ก็มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัว และมีชื่อเรียกเฉพาะ
==== แสตมป์พิมพ์แก้ ====
แสตมป์ต่าง ๆ ที่นำออกมาจำหน่ายและใช้งานทางไปรษณีย์ไม่จำเป็นต้องเป็นแสตมป์ที่พิมพ์ขึ้นใหม่เสมอ แต่อาจเป็นแสตมป์พิมพ์แก้ (overprint) คือแสตมป์ของเดิมที่มีอยู่แล้วแต่นำมาพิมพ์เพิ่มเติมบางอย่างลงบนตัวแสตมป์ แสตมป์พิมพ์แก้มีทั้งแสตมป์ทั่วไปและแสตมป์ที่ระลึก ตัวอย่างแสตมป์พิมพ์แก้เพื่อเป็นที่ระลึกของไทย เช่นงานกาชาดบางปี
แสตมป์พิมพ์แก้ที่ใช้เป็นแสตมป์ทั่วไป อาจมีวัตถุประสงค์ในการจัดพิมพ์ต่าง ๆ กันเช่น นำแสตมป์ของประเทศหนึ่งพิมพ์ข้อความเพิ่มเพื่อนำไปใช้ในดินแดนอาณานิคม และนำแสตมป์ราคาหนึ่งมาแก้ไขเป็นอีกราคาหนึ่ง เรียกว่า พิมพ์แก้ราคา (surcharge) ใช้กรณีที่ไปรษณีย์ขาดแคลนแสตมป์บางราคา หรือมีการปรับเปลี่ยนหน่วยเงินตรา และใช้งานระหว่างที่รอแสตมป์ราคาที่ขาดแคลนพิมพ์เสร็จ แสตมป์พิมพ์แก้พบมากในแสตมป์ยุคแรก ๆ เนื่องจากการพิมพ์และการขนส่งใช้เวลานาน
==== แสตมป์ส่วนตัว ====
แสตมป์ส่วนตัว (personalized stamp) คือแสตมป์ที่ด้านข้างมีภาพอื่นซึ่งผู้ที่ซื้อแสตมป์ สามารถนำมาใส่ได้ เช่น ภาพถ่าย ซึ่งตามงานแสดงต่าง ๆ ที่ไปรษณีย์ไปเปิดให้บริการในช่วงหลัง ๆ มักมีบริการถ่ายรูปเพื่อพิมพ์ลงบนแสตมป์ส่วนตัวด้วย แสตมป์ดังกล่าวสามารถใช้จริงทางไปรษณีย์ได้ แต่ต้องติดส่วนที่เป็นภาพถ่ายและแสตมป์ไปคู่กัน
==== แสตมป์ตลก ====
สำหรับแสตมป์ที่มีความผิดปกติระหว่างการพิมพ์ เรียกว่า แสตมป์ตลก (error หรือ variety) ซึ่งอาจเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญเพียงบางแผ่น เช่น หมึกเลอะ, ปรุรูเคลื่อน, พิมพ์ซ้ำ หรือเกิดจากรอยตำหนิบนแม่พิมพ์ ซึ่งมีผลให้แสตมป์ตรงตำแหน่งดังกล่าวของทุกแผ่นมีความผิดพลาดทั้งหมด แสตมป์ตลกสามารถใช้งานได้จริงทางไปรษณีย์ และเป็นที่นิยมสะสมโดยแสตมป์ตลกบางดวงมีค่ามากกว่าแสตมป์จริงเสียอีกเพราะมีปริมาณน้อยมาก
== วิธีการจำหน่ายแสตมป์ ==
แสตมป์รูปแบบที่มีมาแต่ดั้งเดิม คือ พิมพ์เป็นแผ่นและฉีกขายที่ไปรษณีย์ แต่เพื่อความสะดวกกับผู้ใช้บริการไปรษณีย์จึงมีการพัฒนารูปแบบอื่น ๆ ตามมา รูปแบบหนึ่งที่นิยมคือ สมุดตราไปรษณียากร หรือ สมุดตราไปรษณียากรเล่มเล็ก (stamp booklet) ซึ่งมีลักษณะเป็นเล่มภาย ในบรรจุแสตมป์จำนวนหนึ่ง สามารถฉีกออกมาติดจดหมายได้ อาจจำหน่ายทางที่ทำการไปรษณีย์ ตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น
มีแสตมป์อีกแบบที่พิมพ์ขึ้นสำหรับจำหน่ายผ่านตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ เรียกว่า coil stamp แสตมป์พิมพ์ให้มีลักษณะเป็นม้วนเหมือนกับเทปกาว เมื่อหยอดเหรียญก็จะส่งแสตมป์ออกมาจากเครื่องตามจำนวนเงินที่ใส่ ให้ผู้ซื้อฉีกออกจากม้วนไปใช้งาน แสตมป์แบบนี้ประเทศไทยยังไม่มี
ปัจจุบันมีแสตมป์แบบที่ตอนพิมพ์ยังไม่ได้ระบุราคาบนดวงแสตมป์ แต่จะใช้เครื่องพิมพ์พิมพ์ราคาทีหลังตามอัตราค่าไปรษณีย์ที่ต้องการฝากส่ง อาจให้บริการจากเคาน์เตอร์บริการหรือเครื่องหยอดเหรียญก็ได้ ของประเทศไทยปัจจุบันเป็นแสตมป์รูปช้างนิยมเรียกว่าเลเบล หรือแสตมป์สติกเกอร์ เนื่องจากมีกาวแบบสติกเกอร์ด้านหลังแสตมป์
เมื่อ พ.ศ. 2541 ไปรษณีย์สหรัฐอเมริกาได้อนุญาตให้บริษัท Stamps.com บริการแสตมป์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้ต้องเปิดบัญชีกับบริษัทและฝากเงินในบัญชี เมื่อต้องการใช้แสตมป์ก็เรียกใช้โปรแกรมซึ่งจะไปตัดบัญชีทางอินเทอร์เน็ตและพิมพ์แสตมป์ออกมาทางเครื่องพิมพ์ที่ต่อกับคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไปรษณีย์เพื่อซื้อแสตมป์อีก ปัจจุบันมีหลายบริษัท เช่น Endicia และ Pitney Bowes ของสหรัฐอเมริกา STAMPIT ของเยอรมนี ได้ให้บริการรูปแบบเดียวกัน
== การสะสมแสตมป์ ==
ดูบทความหลักที่ การสะสมแสตมป์
การสะสมแสตมป์จัดเป็นงานอดิเรกที่นิยมทั่วโลกอย่างหนึ่ง ผู้สะสมจะพยายามหาแสตมป์ให้ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งอาจจะมาจากซองจดหมาย หรือ ซื้อแสตมป์ที่ยังไม่ได้ใช้งานที่ไปรษณีย์ การสะสมแสตมป์ไม่ได้จำกัดเฉพาะแสตมป์เท่านั้น หน่วยงานไปรษณีย์ยังจัดทำของที่ระลึกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมาจำหน่ายเพื่อการสะสมโดยเฉพาะ ตัวอย่างของสะสมที่นิยมได้แก่
ซองวันแรกจำหน่าย (first day cover)
แผ่นตราไปรษณียากรที่ระลึก หรือ ชีทที่ระลึก (souvenir sheet หรือ miniature sheet)
สมุดตราไปรษณียากร หรือ สมุดตราไปรษณียากรเล่มเล็ก (stamp booklet)
บัตรภาพตราไปรษณียากร (maximum card)
บัตรตราไปรษณียากรที่ระลึก (presentation pack)
== ตัวอย่างแสตมป์ที่มีชื่อเสียง ==
ไฟล์:Penny black.jpg|เพนนีแบล็ค แสตมป์ดวงแรกของโลกจากสหราชอาณาจักร
ไฟล์:Inverted Jenny.jpg|Inverted Jenny แสตมป์ตลกของสหรัฐอเมริกา ที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดดวงหนึ่ง จากความผิดพลาดในการพิมพ์ทำให้ภาพเครื่องบินในแสตมป์กลับหัว พบทั้งหมด 1 แผ่น หรือ 100 ดวง
ไฟล์:Gul tre skilling banco.jpg|Triskilling Yellow แสตมป์ตลกของสวีเดนที่พบเพียงดวงเดียวในโลก หนึ่งในแสตมป์ที่แพงที่สุด ถูกประมูลเมื่อ พ.ศ. 2539 ที่ราคา 2.5 ล้านฟรังค์สวิส แสตมป์ราคา 3 สคิลลิงปกติมีสีเขียวอมน้ำเงิน แต่ดวงนี้มีสีเหลืองเหมือนราคา 8 สคิลลิง
ไฟล์:British guiana 1c magenta reconstitution.jpg|แสตมป์ราคาหนึ่งเซ็นต์ของบริติชกิอานา (ปัจจุบันคือประเทศกายอานา) แสตมป์อีกดวงที่พบเพียงดวงเดียว (แต่ไม่ใช่แสตมป์ตลก) ประมูลครั้งสุดท้าย เมื่อ พ.ศ. 2523 ที่ราคา 935,000 ดอลลาร์สหรัฐ
== อ้างอิง ==
อาณัฐชัย รัตตกุล, ตำนานไปรษณีย์ไทย พ.ศ. ๒๒๓๑ - ปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, ทรีดีการพิมพ์, พ.ศ. 2543
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับแสตมป์ พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรสามเสนใน
เว็บไซต์ผู้ได้รับอนุญาตให้บริการพิมพ์แสตมป์ทางอินเทอร์เน็ต Stamps.com Inc., Endicia, Pitney Bowes Stamp Expressions , STAMPIT
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ไปรษณีย์ไทย
สยามแสตมป์
รักแสตมป์ไทย
แสตมป์ออกร่วมของประเทศไทย
Art History on Stamps (แสตมป์ประวัติศิลปะ)
สแตมป์
สแตมป์
ผลิตภัณฑ์กระดาษ
|
thaiwikipedia
| 1,836 |
18 พฤษภาคม
|
วันที่ 18 พฤษภาคม เป็นวันที่ 138 ของปี (วันที่ 139 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 227 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2195 (ค.ศ. 1652) - หมู่เกาะโรดผ่านกระบวนการกฎหมายในอเมริกาเหนือ ส่งผลให้ ทาส เป็นเรื่องผิดกฎหมาย
พ.ศ. 2346 (ค.ศ. 1803) - สงครามนโปเลียน: สหราชอาณาจักรฉีกสัญญาพันธมิตรและประกาศสงครามกับประเทศฝรั่งเศส
พ.ศ. 2347 (ค.ศ. 1804) - นโปเลียน โบนาปาร์ตได้รับการแต่งตั้งเป็นจักรพรรดิของประเทศฝรั่งเศสโดยสภาสูงของประเทศฝรั่งเศส
พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) - สงครามโลกครั้งที่ 2: หน่วยเอสเอส (Schutzstaffel) ของนาซีเยอรมัน บุกทำลายหกหมู่บ้านทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสโลวีเนีย
พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - มีการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ภายใต้โครงการ Smiling Buddha ที่ประเทศอินเดีย ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้อินเดียก้าวขึ้นเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศที่ 6 ผู้มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง
พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) - สหราชอาณาจักรประกาศว่าตองงาเป็นรัฐในอารักขา
พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) - โลกเคลื่อนผ่านแนวหางของดาวหางฮัลเลย์
พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - เครื่องบินขับไล่ F-104 Starfighter ทำสถิติโลกด้วยความเร็ว 1,404.19 ไมล์ต่อชั่วโมง
พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) - โครงการอะพอลโล: ยานอะพอลโล 10 ขึ้นสู่อวกาศ
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - ภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์ระเบิด คร่าชีวิตประชาชน 57 คน และทรัพย์สินเสียหายเป็นมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - เหตุการณ์จลาจลที่เมืองกวางจู เกาหลีใต้
พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และ 20 รัฐ ยื่นเอกสารฟ้องในกรณี บริษัทไมโครซอฟท์ละเมิดกฎหมายป้องกันการผูกขาด
พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - เกิดอุบัติเหตุรถไฟขบวนที่ 647 (บรรทุกน้ำมัน) วิ่งระหว่างนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด - เชียงใหม่ ชนกับรถบรรทุกบริเวณสถานีรถไฟชุมทางศรีราชา ทำให้รถจักรและรถโบกี้ 2 โบกี้เกิดเพลิงลุกไหม้ สร้างความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2411 (ค.ศ. 1868) - จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย (สวรรคต 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2461)
พ.ศ. 2415 (ค.ศ. 1872) - เบอร์ทรันด์ รัสเซลล์ นักคณิตศาสตร์ นักปรัชญา และผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2513)
พ.ศ. 2434 (ค.ศ. 1891) - รูดอร์ฟ คาร์นาพ นักปรัชญาชาวเยอรมัน (ถึงแก่กรรม พ.ศ. 2513)
พ.ศ. 2452 (ค.ศ. 1909) - หม่อง ทินอ่อง นักประวัติศาสตร์ชาวพม่า (ถึงแก่กรรม 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2521)
พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) - เพอร์รี โคโม นักร้องชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2544)
พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920) - สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 (สิ้นพระชนม์ 2 เมษายน พ.ศ. 2548)
พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - ครรชิต ขวัญประชา นักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์อาวุโสชาวไทย
พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - ประชา พรหมนอก อดีตรองนายกรัฐมนตรี
พ.ศ. 2486 (ค.ศ. 1943) - จิมมี สนูกกา นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกันเชื้อสายฟิจิ (ถึงแก่กรรม 15 มกราคม พ.ศ. 2560)
พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) - สุทัศน์ เงินหมื่น นักการเมืองชาวไทย
พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - เนาวรัตน์ วัชรา นักแสดงอาวุโส
พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) - จอร์จ สเตรต นักร้อง นักแต่งเพลง นักแสดง และโปรดิวเซอร์เพลงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดงและผู้กำกับชาวไทย
พ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1955) - โจว เหวินฟะ นักแสดงชาวฮ่องกง
พ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1955) - ประภัสร์ จงสงวน ข้าราชการไทย
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - ประภาส ชลศรานนท์ นักเขียนชาวไทย
พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - ทีน่า เฟย์ นักแสดง นักเขียน ดาราตลก และโปรดิวเซอร์รายการโทรทัศน์ชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) - แสน ส.เพลินจิต นักมวยชาวไทย
พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - นาตยา จันทร์รุ่ง นักแสดงหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975)
* จอห์น ฮิกกินส์ นักสนุกเกอร์ชาวสกอตแลนด์
* แจ็ค จอห์นสัน นักร้องชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - ศิรศักดิ์ อิทธิพลพาณิชย์ นักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978)
* ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น นักฟุตบอลชาวไทย
* รีการ์ดู การ์วัลยู นักฟุตบอลชาวโปรตุเกส
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980)
* กวี ตันจรารักษ์ นักร้องและนักแสดงชาวไทย
* แมตต์ ลอง นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981)
* คริสตา เชแปร์เทินส์ นักฟุตบอลชาวเยอรมัน
* ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ นักแสดงชายชาวไทย
* มาอามาดู ดียารา นักฟุตบอลชาวมาลี
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - เจสัน บราวน์ อดีตผู้รักษาประตูฟุตบอลชาวเวลส์
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - แวเซสลาฟ โกยัน นักมวยสากลสมัครเล่นชาวมอลโดวา
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - จีระ เจริญสุข นักฟุตบอลอาชีพชาวไทย
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - แทยัง นักร้องชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - ชเต็ฟฟัน อิลซังเคอร์ (นักฟุตบอล) นักฟุตบอลชาวออสเตรีย
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990)
* ยูยะ โอซาโกะ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น
* ฮอ กายุน นักร้องชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - คอเนอร์ วอชิงตัน นักฟุตบอลชาวอังกฤษ-ไอร์แลนด์เหนือ
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - ไคล์ แร็ปเปอร์ นักร้อง นักแต่งเพลงและนักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994)
* เอสเธอร์ สุปรีย์ลีลา นักแสดงหญิงลูกครึ่งไทย-มาเลเซีย
* แก้วใส คริสตัล นักแสดงหญิงลูกครึ่งไทย-อเมริกัน
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - ชาโน แพมเบอร์เกอร์ นักแสดงสายเลือดไทย–ออสเตรีย–เยอรมัน
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ นักฟุตบอลอาชีพชาวไทย
พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) - ไรอัน เซสเซยง นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 1069 (ค.ศ. 526) - สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 1
พ.ศ. 2231 (ค.ศ. 1688) - พระปีย์ พระราชโอรสบุญธรรมในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
พ.ศ. 2470 (ค.ศ. 1927) - กรมหมื่นกวีพจน์สุปรีชา (ประสูติ 25 กันยายน พ.ศ. 2414)
พ.ศ. 2474 (ค.ศ. 1931) - หม่อมเจ้าอากาศดำเกิง รพีพัฒน์ นักเขียนชาวไทย (เกิด 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2448)
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - สุรัฐ พุกกะเวส นักแต่งเพลงชาวไทย (เกิด 11 กันยายน พ.ศ. 2467)
พ.ศ. 2560 (ค.ศ. 2017) - ชินกร ไกรลาศ นักร้องลูกทุ่งที่ประยุกต์เพลงพื้นบ้านมาผสมผสานกับการแสดงดนตรีลูกทุ่งในหลายลักษณะ (เกิด 1 เมษายน พ.ศ. 2489)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) พ.ศ. 2562 (ค.ศ. 2019) - วันวิสาขบูชา
วันสากลแห่งพิพิธภัณฑสถาน
คริสตจักรโรมันคาทอลิก - วันฉลองนักบุญสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 1
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
Today in History: May 18
พฤษภาคม 18
พฤษภาคม
|
thaiwikipedia
| 1,837 |
สงขลา (แก้ความกำกวม)
|
สงขลา อาจหมายถึง:
จังหวัดสงขลา
อำเภอเมืองสงขลา
เทศบาลนครสงขลา
สถานีรถไฟสงขลา
ทะเลสาบสงขลา
กรมหลวงสงขลานครินทร์ - พระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 และพระบรมราชชนกในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
หน้าแก้ความกำกวมชื่อสถานที่
|
thaiwikipedia
| 1,838 |
จังหวัดนครนายก
|
นครนายก เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลาง (บางหน่วยงานจัดให้อยู่ในภาคตะวันออก) ของประเทศไทย จัดตั้งขึ้นครั้งล่าสุดโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนครนายก พุทธศักราช 2489 ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2489
== ประวัติศาสตร์ ==
สันนิษฐานว่าเคยเป็นเมืองสมัยทวารวดี มีหลักฐานแนวกำแพงเนินดินและสันคูอยู่ที่ตำบลดงละคร แต่นครนายกนั้นปรากฏหลักฐานในสมัยอยุธยาเป็นเมืองหน้าด่านทางทิศตะวันออกในสมัยพระเจ้าอู่ทอง ต่อมาในปี พ.ศ. 2437 รัชกาลที่ 5 ทรงจัดลักษณะการปกครองโดยแบ่งเป็นมณฑล นครนายกได้เข้าไปอยู่ในเขตมณฑลปราจีนบุรีจนเมื่อปี พ.ศ. 2445 ทรงเลิกธรรมเนียมการมีเจ้าครองเมืองและให้มีตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดขึ้นแทน ในช่วง พ.ศ. 2486-2489 นครนายกได้โอนไปรวมกับจังหวัดปราจีนบุรีและสระบุรี หลังจากนั้นจึงแยกเป็นจังหวัดอิสระ
=== ในเอกสารโบราณ ===
จังหวัดนครนายก ระหว่างปี พ.ศ. 2382 - 2387 ปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีชาวต่างประเทศคือ บาทหลวงปาเลอกัวซ์ และ ดาเวนพอร์ท เดินทางมาถึงเมืองนครนายก และได้บันทึกว่า เมืองนครนายกมีพลเมืองประมาณ 5,000 คน ส่วนมากเป็นชาวลาว และมีชาวสยามอยู่ด้วย ราษฎรประกอบอาชีพในการปลูกข้าวและหาของป่าส่งไปขายที่กรุงเทพ
=== ที่มาของชื่อ ===
ที่มาของชื่อนครนายกนั้นไม่ชัดเจนทางประวัติศาสตร์ แนวคิดหลักของที่มาของชื่อมีดังนี้
จังหวัดนครนายกเดิมชื่อบ้านนาแต่ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็นจังหวัดนครนายก ในสมัยกรุงศรีอยุธยาดินแดนของนครนายกเป็นป่ารกชัฏ เป็นที่ดอนทำนา หรือทำการเพาะปลูกอะไรไม่ค่อยได้ผล มีไข้ป่าชุกชุมผู้คนจึงพากันอพยพไปอยู่ที่อื่นจนกลายเป็นเมืองร้าง ต่อมาพระมหากษัตริย์ทรงทราบความเดือดร้อนของชาวเมืองจึงโปรดให้ยกเลิกภาษีค่านา เพื่อจูงใจให้ชาวเมืองอยู่ที่เดิมทำให้มีคนอพยพมาอยู่เพิ่มมากขึ้นจนเป็นชุมชนใหญ่ และเรียกเมืองนี้จนติดปากว่า เมืองนา-ยก ภายหลังจึงกลายเป็นนครนายกจนทุกวันนี้
สมัยก่อนรัชกาลที่ 5 การปกครองส่วนภูมิภาคถูกแบ่งเป็นสมุหนายกและสมุหกลาโหม โดยสมุหกลาโหมปกครองทั้งฝ่ายพลเรือนและทหารในหัวเมืองด้านใต้ และสมุหนายกปกครองทั้งฝ่ายพลเรือนและทหารในหัวเมืองด้านเหนือ พื้นที่เดิมของจังหวัดนครนายกนั้นเป็นพื้นที่ที่เคยอยู่สังกัดกับสมุหกลาโหมแต่ภายหลังถูกโอนให้อยู่ภายใต้การดูแลของสมุหนายก พื้นที่ตรงนี้จึงได้ชื่อว่านครนายกนับแต่นั้นเป็นต้นมา
== ภูมิศาสตร์ ==
จังหวัดนี้ตั้งอยู่ที่ละติจูดที่ 14 องศาเหนือ และลองจิจูดที่ 101 องศาตะวันออก มีระยะทางจากจากกรุงเทพมหานครตามถนนรังสิต-นครนายก (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 305) ผ่านอำเภอองครักษ์ถึงจังหวัดนครนายก ระยะทาง 105 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 2,122 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 1,326,250 ไร่
สภาพโดยทั่วไปเป็นที่ราบ ทางตอนเหนือและตะวันออกเป็นภูเขาสูงชันในเขตอำเภอบ้านนา อำเภอเมืองนครนายก และอำเภอปากพลี ส่วนหนึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ซึ่งเป็นเขตรอยต่อกับอีก 3 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี นครราชสีมา และปราจีนบุรี ซึ่งมีเทือกเขาติดต่อกับทิวเขาดงพญาเย็น มียอดเขาสูงที่สุดของจังหวัดคือ ยอดเขาเขียวมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,351 เมตร ส่วนทางตอนกลางและตอนใต้เป็นที่ราบอันกว้างใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของที่ราบสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาที่เรียกว่า "ที่ราบกรุงเทพฯ"
ลักษณะดินเป็นดินปนทรายและดินเหนียวเหมาะแก่การ ทำนา ทำสวนผลไม้ และการอยู่อาศัย
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด: นครนายก เมืองในฝันที่ใกล้กรุง ภูเขางาม น้ำตกสวย รวยธรรมชาติ ปราศจากมลพิษ
ตราประจำจังหวัด: รูปช้างชูรวงข้าว
ต้นไม้ประจำจังหวัด: ต้นสุพรรณิการ์ (Cochlospermum religiosum)
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกสุพรรณิการ์
สัตว์น้ำประจำจังหวัด: ปลาตะเพียนทอง (Barbonymus altus)
ไฟล์:Seal Nakhon Nayok.png|ตราประจำจังหวัดนครนายก
ไฟล์:Cochlospermum regium (yellow cotton tree) flower.jpg|ต้นสุพรรณิการ์และดอกสุพรรณิการ์ ซึ่งเป็นต้นไม้และดอกไม้ประจำจังหวัดตามลำดับ
ไฟล์:Barbonymus schwanenfeldii by OpenCage.jpg|ปลาตะเพียนทอง สัตว์น้ำประจำจังหวัด
== การเมืองการปกครอง ==
=== หน่วยการปกครอง ===
==== การปกครองส่วนภูมิภาค ====
การปกครองส่วนภูมิภาคของจังหวัดนครนายกแบ่งออกเป็น 4 อำเภอ 41 ตำบล 403 หมู่บ้าน
ข้อมูลอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดนครนายก
==== การปกครองส่วนท้องถิ่น ====
จังหวัดนครนายกมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 46 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก, เทศบาลเมือง 1 แห่ง คือ เทศบาลเมืองนครนายก, เทศบาลตำบล 5 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 39 แห่ง โดยรายชื่อเทศบาลทั้งหมดในจังหวัดนครนายกมีดังนี้
เทศบาลเมืองนครนายก อำเภอเมืองนครนายก
เทศบาลตำบลท่าช้าง อำเภอเมืองนครนายก
เทศบาลตำบลเกาะหวาย อำเภอปากพลี
เทศบาลตำบลบ้านนา อำเภอบ้านนา
เทศบาลตำบลพิกุลออก อำเภอบ้านนา
เทศบาลตำบลองครักษ์ อำเภอองครักษ์
=== ทำเนียบผู้ว่าราชการจังหวัด ===
{|
| width="50%" valign="top" |
| width="50%" valign="top" |
|}
== การศึกษา ==
ในจังหวัดนครนายก มีสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ได้แก่
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์นครนายก อำเภอเมืองนครนายก
โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า อำเภอเมืองนครนายก
โรงเรียนเตรียมทหาร อำเภอบ้านนา
ศูนย์วิทยพัฒนามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช นครนายก อำเภอบ้านนา
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ องครักษ์ อำเภอองครักษ์
วิทยาลัยนานาชาติเซนต์เทเรซา อำเภอองครักษ์
== สถานที่สำคัญวัดที่สำคัญ ==
วัดโพธิ์ไทร ต.บ้านใหญ่ อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก
ตั้งวัดเมื่อ 2300 ปลายสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
สถานที่ ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงปู่แสง ( พระครูญาณนายก )
เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ไทร เจ้าคณะจังหวัดองค์แรกของจังหวัด พระอุปัชฌาย์
องค์แรกของจังหวัดนครนายก ( ญาครู ญาชา )
{|
|
| width="500" valign="top" |
วัดโพธินายก
วัดอุดมธานี (พระอารามหลวง)
วัดวังกระโจม อ.เมืองนครนายก จ.นครนายก สถานที่ประดิษฐาน พระพุทธมงคลนายก พระประธานในอุโบสถ ศิลปะสุโขทัย ท่านเจ้าคุณนรฯ ประกอบพิธีปั้นหุ่นด้วยตนเอง และเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2508 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธีเททองพระพุทธรูป ณ ประรำพิธีมณฑล วัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันที่ พร้อมทั้งทรงเจิม พระสุหร่าย เบิกพระเนตร และพระราชทานนามว่า "พระพุทธมงคลนายก" จากนั้นอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ อุโบสถวัดวังกระโจม เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2508
วัดศรีเมือง วัดโบราณติดกำแพงเมืองนครนายก
วัดถ้ำสาริกา
วัดเจดีย์ทอง
วัดเขานางบวช รอยพระพุทธบาทจำลอง
วัดบุญนาครักขิตาราม หลวงพ่อเศียรนคร
| width = "500" valign="top" |
วัดป่าศรีถาวรนิมิต
วัดพราหมณี (พระอารามหลวง) หลวงพ่อปากแดง
วัดเขาทุเรียน วัดที่ทาด้วยสีชมพูทั้งวัด
วัดคีรีวัน พระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่
วัดสะแกซึง
วัดพระธรรมจักร
|}
สถานที่ท่องเที่ยว
{|
| width = "500" valign="top" |
น้ำตกวังตะไคร้
น้ำตกสาริกา
น้ำตกนางรอง
พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยพวน
| width = "500" valign="top" |
อุทยานพระพิฆเนศ
ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ
วีฟาร์ม
สะพานทุ่งนามุ้ย
เอเดนฟาร์ม
|}
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
พระสงฆ์ พระภิกษุ
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (หม่อมราชวงศ์เจริญ ญาณฉนฺโท) – สมเด็จพระราชาคณะฝ่ายมหานิกาย เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ และอดีตเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร และวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร
พระราชพรหมคุณ (สวาท สุภาจาโร) - เจ้าคณะจังหวัดนครนายก เจ้าอาวาสวัดพราหมณี พระอารามหลวง
พระครูวิมุตยาภรณ์ (เกิด ปริมุตฺโต) (หลวงพ่อเกิด) – พระเกจิอาจารย์ดัง และท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์แทน จังหวัดนครนายก
พระครูพิศาลธรรมประยุต (เกิด ปุณณปัญโญ) – พระเกจิอาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดสะพาน จังหวัดนครนายก
หลวงปู่สนธิ์ สุมโน – อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาคอกสุมมนาราม จังหวัดนครนายก (สรีระไม่เน่าเปื่อย)
หลวงปู่สี ฐานิโย – อดีตเจ้าอาวาสวัดพระฉาย (เขาชะโงก) จังหวัดนครนายก (สรีระไม่เน่าเปื่อย)
หลวงปู่ชื่น – อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาหัวนา จังหวัดนครนายก (สรีระไม่เน่าเปื่อย)
หลวงพ่อแดง – อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าแห จังหวัดนครนายก (ร่างเป็นหิน)
พระครูเขมาจารคุณ (หลวงพ่อบุญถม เขมจาโร สุขทวี) อดีตเจ้าอาวาสวัดวังกระโจม อ.เมือง จ.นครนายก (สรีระไม่เน่าเปื่อย)
พระครูปลัดมานัส ญาณมานโส – พระสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในจังหวัดนครนายก
พระครูอดิสัยกิจจาทร (สุข ปุญญวันโต)อดีตเจ้าคณะอำเภอบ้านนา อดีตเจ้าอาวาสวัดทางกระบือ (สรีระไม่เน่าเปื่อย)
พระครูสุตธรรมาภรณ์ (สำราญ ญาณวุฑฺโฒ) รองเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา ฝ่ายมหานิกาย
นักการเมือง
จังหวัดนครนายกมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนแรก คือ พระยาวิเศษสิงหนาท (หร่าย รัตนกสิกร)
พันเอก ช่วง เชวงศักดิ์สงคราม – อดีตรองนายกรัฐมนตรี, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
ศาสตราจารย์พิเศษ เดช บุญ-หลง – อดีตรองนายกรัฐมนตรี, อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม, อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ – อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
วุฒิชัย กิตติธเนศวร – อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ทวีเกียรติ ดุษฎีธรรม - อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนายก อดีตประธานสภาจังหวัดนครนายก
สมาน ศรีงาม – เป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการทั่วไปขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ และจัดรายการวิทยุทางคลื่น F.M. 92.25
ประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ – สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดยะลา สังกัดพรรคประชาธิปัตย์
อภัย จันทนจุลกะ – อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในรัฐบาลของพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
ประเสริฐ เสือสวย (กำนันเสริฐ) – กำนันตำบลพรหมณี อ.เมือง จ.นครนายก เป็นเจ้าของ หจก.กุศลส่งวัสดุก่อสร้าง จำกัด ทำธุรกิจบ่อดินและเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ฉายา “ขุนแผนนครนายก”
บันเทิง
{|
| width = "500" valign="top" |
สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ – นางงาม, นักแสดง
สมัคร ผลประเสริฐ – นักแสดง, นักการเมือง, พิธีกรรายการโทรทัศน์
กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข – นักร้อง นักแสดง
พรปวีณ์ เทพมงคล – นักแสดง
กานท์ การุณวงศ์ – นักแต่งเพลง นักดนตรี
กาเหว่า เสียงทอง – นักร้อง
จุ๋มจิ๋ม เข็มเล็ก – อดีตนักแสดงตลก
| width = "500" valign="top" |
รพีภัทร เอกพันธ์กุล – นักแสดง, พิธีกร, นักร้อง
ดร. ไสว บุญมา – อดีตเศรษฐกรอาวุโส (Senior Country Economist) ธนาคารโลก (World Bank) ปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระ
นุ้ย เชิญยิ้ม – นักแสดง, พิธีกร, ผู้กำกับ
โหน่ง ชะชะช่า – นักแสดง, พิธีกร
อารี ประธาน – นักร้อง
ปฏิมา สำเร็จ – อดีตแชมป์ศึกวันดวลเพลง เด็ก
|}
นักกีฬา
เทพไชยา อุ่นหนู – นักสนุกเกอร์อาชีพ
วิษณุ ฮวดประดิษฐ์ – นักกีฬาบอคเซียพาราทีมชาติไทย
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดนครนายก
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดนครนายก
รายการห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครนายก
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
เว็บไซต์เพื่อการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์จังหวัดนครนายก
|
thaiwikipedia
| 1,839 |
นครนายก (แก้ความกำกวม)
|
นครนายก อาจหมายถึง:
จังหวัดนครนายก
อำเภอเมืองนครนายก
ตำบลนครนายก
เทศบาลเมืองนครนายก
แม่น้ำนครนายก
หน้าแก้ความกำกวมชื่อสถานที่
|
thaiwikipedia
| 1,840 |
ลพบุรี (แก้ความกำกวม)
|
ลพบุรี อาจหมายถึง:
จังหวัดลพบุรี
อำเภอเมืองลพบุรี
เทศบาลเมืองลพบุรี
แม่น้ำลพบุรี
สถานีรถไฟลพบุรี
กรมหลวงลพบุรีราเมศร์ - พระราชโอรสในรัชกาลที่ 5
ลพ บุรีรัตน์ นักแต่งเพลงลูกทุ่ง
นามปากกาของ รองอำมาตย์โท ชุ่ม ณ บางช้าง
หน้าแก้ความกำกวมชื่อสถานที่
|
thaiwikipedia
| 1,841 |
19 พฤษภาคม
|
วันที่ 19 พฤษภาคม เป็นวันที่ 139 ของปี (วันที่ 140 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 226 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2192 (ค.ศ. 1649) - รัฐสภาอังกฤษผ่านพระราชบัญญัติสถาปนาเครือจักรภพอังกฤษ อย่างเป็นทางการ
พ.ศ. 2345 (ค.ศ. 1802) - นโปเลียน โบนาปาร์ต สถาปนาเครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ (Legion of Honour) อันเป็นเครื่องราชชั้นสูงสุดของฝรั่งเศส
พ.ศ. 2464 (ค.ศ. 1921) - รัฐสภาสหรัฐอเมริกาผ่านรัฐบัญญัติ จำกัดจำนวนคนอพยพย้ายถิ่นเข้าสหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2486 (ค.ศ. 1943) - สงครามโลกครั้งที่ 2: วินสตัน เชอร์ชิลล์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษและ แฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้วางแผนที่จะให้วันที่ 1 พ.ค. ค.ศ. 1944 เป็นวันที่จะยกพลเข้าช่องแคบอังกฤษ (วันดีเดย์นี้ถูกเลื่อนไปมากกว่าหนึ่งเดือนเนื่องจากสภาพอากาศไม่เหมาะสม)
พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) - ประเทศญี่ปุ่น มีแชมป์โลกมวยสากลคนแรกเมื่อ โยชิโอะ ชิราอิ ชิงแชมป์โลกรุ่นฟลายเวทชนะคะแนน ดาโด มาริโน ที่ ญี่ปุ่น
พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - สงครามเวียดนาม: กองทัพอากาศของประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่ม ปฏิบัติการแยงกี้ทีม (Yankee Team Operation)
พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) - สหภาพโซเวียตส่งยานมาร์ส 2 ขึ้นสู่อวกาศ
พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) - ภาพยนตร์เรื่อง ซิธชำระแค้น ออกฉายรอบปฐมทัศน์
พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) - กำเนิดสโมสรฟุตบอล แอร์เบ ไลพ์ซิจ แห่งเยอรมัน (ในเครือกระทิงแดง)
พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) - การสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. บริเวณแยกราชประสงค์ มีผู้เสียชีวิต 6 คน แกนนำ นปช. ประกาศยุติการชุมนุมในปีนั้น
พ.ศ. 2561 (ค.ศ. 2018) - เจ้าชายเฮนรี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ทรงเสกสมรสกับเมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ (พระนามก่อนเสกสมรส เมแกน มาร์เกิล) และทรงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ จากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2404 (ค.ศ. 1861) - พระองค์เจ้าอลังการ (สิ้นพระชนม์ 13 มีนาคม พ.ศ. 2479)
พ.ศ. 2418 (ค.ศ. 1875) - เจ้าจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์สุดท้าย (พิราลัย 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486)
พ.ศ. 2424 (ค.ศ. 1881) - มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ผู้ก่อตั้งและประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี (เสียชีวิต 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481)
พ.ศ. 2433 (ค.ศ. 1890) - โฮจิมินห์ ผู้นำและนักปฏิวัติของเวียดนาม (เสียชีวิต พ.ศ. 2512)
พ.ศ. 2468 (ค.ศ. 1925) - พลพต ผู้นำเขมรแดง (เสียชีวิต 15 เมษายน พ.ศ. 2541)
พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) - อ็องเดรเดอะไจแอนต์ ตำนานนักมวยปล้ำคนแรกที่ได้เข้าสู่ หอเกียรติยศดับเบิลยูดับเบิลยูอี (ถึงแก่กรรม 27 มกราคม พ.ศ. 2536)
พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) - แบร์ต ฟัน มาร์ไวก์ ผู้จัดการทีมฟุตบอลชาวดัตช์
พ.ศ. 2500 (ค.ศ. 1957) - จันทนีย์ อูนากูล นักร้อง นักแต่งเพลงชาวไทย
พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - วุฒิไกร เจริญยุทธ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ประเทศไทย
พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) - เซซิเลีย โบลอกโค นักแสดง ผู้จัดรายการโทรทัศน์ นางงามชาวชิลี
พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) - นำพล หนองกี่พาหุยุทธ นักมวยไทย (ถึงแก่กรรม 19 กันยายน พ.ศ. 2559)
พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) -
* เฉิน จื้อเผิง นักร้อง, นักแสดงชาวไต้หวัน อดีตสมาชิกวง เสียวหู่ตุ้ย
* ทัฬห์ อมรบุณยกร นักแสดงละครโทรทัศน์ชาวไทย
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976)
*เควิน การ์เน็ตต์ นักบาสเก็ตบอลชาวอเมริกัน
*ปารีณา ไกรคุปต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยหลายสมัย
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - มานูเอล อัลมูเนีย ผู้รักษาประตูชาวสเปน
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) -
* อันเดรอา ปีร์โล นักฟุตบอลชาวอิตาลี่
* เดียโก ฟอร์ลัน นักฟุตบอลชาวอุรุกวัย
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - ฌอร์ฌ แซ็ง-ปีแยร์ อดีตนักศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานมืออาชีพชาวแคนาดา
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) -
* มิฮิโระ นางแบบ, นักร้อง, ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์
* แอลัน แมนนัส นักฟุตบอลชาวไอร์แลนด์
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - วีรวัลย์ โพธิ์งาม นักร้อง, นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - รานีนี คุนดาซอมี นักมวยไทยชาวมอริเชียส
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) -
* ซีแนม สุนทร
* อำพร หญ้าผา อดีตนักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - เคนตะ ยามาซากิ นักฟุตบอลอาชีพชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - ชนุชตรา สุขสันต์ นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) -
* แช จง-ฮย็อบ นักแสดงและนายแบบชาวเกาหลีใต้
* มาเทอุส อัลวีส นักฟุตบอลอาชีพชาวบราซิล
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - กาเบรียลา กิมาเรส นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงชาวบราซิล
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - สินีนาฏ โพธิ์เจริญ นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - ปวรพัฒน์ จารุศักดิ์วีรกุล นักแสดงชายชาวไทย
พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - พัชรพร จันทรประดิษฐ์ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020
พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) - ฟรันซิสโก กาฟาโร บาสเกตบอลวิทยาลัยชาวอาร์เจนตินา
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 2079 (ค.ศ. 1536) - แอนน์ โบลีน พระชายาของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แห่งอังกฤษ
พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1923) - กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (ประสูติ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2423)
พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) -
*พระยาสุรินทราชา (นกยูง วิเศษกุล) นักแปลชาวไทย (เกิด พ.ศ. 2422)
*พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) (เกิด 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2422)
พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) - พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา (ประสูติ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2447)
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - แจ็คเคอลีน เคเนดี สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ (เกิด พ.ศ. 2472)
พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008) - หม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา (เกิด 5 เมษายน พ.ศ. 2451)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันกรมหลวงชุมพร
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989), พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008) - วันวิสาขบูชา
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - วันพืชมงคล
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
Today in History: May 19
พฤษภาคม 19
พฤษภาคม
|
thaiwikipedia
| 1,842 |
พ.ศ. 2523
|
พุทธศักราช 2523 ตรงกับปีคริสต์ศักราช 1980 เป็นปีอธิกสุรทินที่วันแรกเป็นวันอังคารตามปฏิทินเกรกอเรียน และเป็น
ปีวอก โทศก จุลศักราช 1342 (วันที่ 15 เมษายน เป็นวันเถลิงศก)
== ผู้นำประเทศไทย ==
พระมหากษัตริย์: พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 – 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559)
นายกรัฐมนตรี
* พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ (11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2520 – 3 มีนาคม พ.ศ. 2523)
* พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ (3 มีนาคม พ.ศ. 2523 – 4 สิงหาคม พ.ศ. 2531)
== เหตุการณ์ ==
=== มกราคม-มิถุนายน ===
1 มกราคม - วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ครบ 100 ปี
29 กุมภาพันธ์ – พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤติการณ์น้ำมัน และผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา
3 มีนาคม
* พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมติสภาผู้แทนราษฎร
* ทีมฟุตบอลทีมชาติออสเตรเลียชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติโอเชียเนีย ครั้งที่ 2 ณ นิวแคลิโดเนีย
22 มีนาคม – ทีมฟุตบอลทีมชาติไนจีเรียชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติแอฟริกา ครั้งที่ 12 ณ ประเทศไนจีเรีย
21 มีนาคม – จิมมี คาร์เตอร์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศคว่ำบาตรไม่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่จะมีขึ้นในกรุงมอสโก
25 มีนาคม – วันสถาปนาโรงเรียนเทพศิรินทร์ร่มเกล้า
18 เมษายน – โรดีเชีย สถาปนาขึ้นเป็นสาธารณรัฐซิมบับเว
24 – 25 เมษายน – ภารกิจช่วยเหลือตัวประกันโดยคอมมานโดสหรัฐ ในอิหร่านประสบความล้มเหลว เนื่องจากเกิดปัญหากับเฮลิคอปเตอร์ ทหารสหรัฐ 8 นาย เสียชีวิต
27 เมษายน – เครื่องบินเดินอากาศไทย เที่ยวบินที่ 231 ต้นทางขอนแก่นปลายทางกรุงเทพฯ ตกที่ระยะประมาณ 13 กม. จากท่าอากาศยานกรุงเทพ บริเวณอำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี มีผู้เสียชีวิต 44 คน บาดเจ็บอีก 9 คน สาเหตุเกิดจากการสูญเสียการควบคุมเนื่องจากพายุฝน
30 เมษายน – เจ้าหญิงเบียทริกซ์ เจ้าหญิงแห่งออเรนจ์ เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็น สมเด็จพระราชินีนาถแห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ หลังจากพระราชมารดา สมเด็จพระราชินีนาถยูเลียนาสละราชสมบัติใน พ.ศ. 2523
18 พฤษภาคม – ภูเขาไฟเซนต์เฮเลนส์ระเบิด คร่าชีวิตประชาชน 57 คน และทรัพย์สินเสียหายเป็นมูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
24 พฤษภาคม – ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เรียกร้องให้ปล่อยตัวประกัน ที่ถูกกักในสถานทูตสหรัฐประจำกรุงเตหะราน
1 มิถุนายน – สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น แพร่สัญญาณเป็นครั้งแรก
=== กรกฎาคม-ธันวาคม ===
19 กรกฎาคม – พิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ณ กรุงมอสโก สหภาพโซเวียต (พิธีปิดวันที่ 3 สิงหาคม)
30 กรกฎาคม – ประเทศวานูอาตูประกาศเอกราช
12 สิงหาคม – พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 4 รอบ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
25 สิงหาคม – ไมโครซอฟท์ประกาศระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ของตนเอง ในชื่อ ซีนิกซ์ (Xenix)
22 กันยายน – อิรักเริ่มแผนรุกรานอิหร่าน เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามอิรัก-อิหร่าน
30 กันยายน – ทีมฟุตบอลทีมชาติคูเวตชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชีย ครั้งที่ 7 ณ กรุงคูเวตซิตี รัฐคูเวต
21 ตุลาคม – พระราชพิธีฉลองพระชนมายุ 80 พรรษา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
4 พฤศจิกายน – โรนัลด์ เรแกน จากพรรครีพับลิกัน ชนะจิมมี คาร์เตอร์ จากพรรคดีโมแครต ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
12 พฤศจิกายน
* หมู่เกาะอ่างทองได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ
* โครงการวอยเอเจอร์ : ยานวอยเอเจอร์ 1 ขององค์การนาซา ผ่านใกล้ดาวเสาร์มากที่สุด
19 พฤศจิกายน – สวนสยาม เปิดให้บริการวันแรก
23 พฤศจิกายน – เกิดแผ่นดินไหวหลายระลอกทางใต้ของประเทศอิตาลี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4,800 คน
1 ธันวาคม – มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชรับนักศึกษารุ่นแรก เปิดสอน 3 สาขาวิชา คือ ศิลปศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ และวิทยาการจัดการ
8 ธันวาคม – มาร์ก เดวิด แชปแมน ยิงจอห์น เลนนอน อดีตสมาชิกวงเดอะ บีเทิลส์ เสียชีวิตนอกอพาร์ตเมนต์ของเขาในนครนิวยอร์ก
16 ธันวาคม – เอเปกตัดสินใจเพิ่มราคาปิโตรเลียม 10% ในการประชุมที่เกาะบาหลี
== วันเกิด ==
===มกราคม===
9 มกราคม – เซอร์จิโอ การ์เซีย นักกอล์ฟชาวสเปน
15 มกราคม – ดวงเพชร แสงมรกต นักมวยชาวไทย
20 มกราคม – รุ้งนภัฐ บริจินดากุล นักแสดงชาวไทย
23 มกราคม – ทฤษฎี สหวงษ์ นักแสดงชาวไทย (ถึงแก่กรรม 18 มกราคม พ.ศ. 2559)
27 มกราคม – ทวีเวท ศรีณรงค์ นักดนตรีชาวไทย
29 มกราคม
* ทาเคฟูมิ ซากาตะ นักมวยสากลชาวญี่ปุ่น
* อิวาน คลาสนิซ นักฟุตบอลชาวโครเอเชีย
31 มกราคม – เจสัน ยัง นักแสดงชาวไทย
===กุมภาพันธ์===
5 กุมภาพันธ์ – เจ้าฟ้าชายปีเตอร์ รัชทายาทแห่งเซอร์เบีย
8 กุมภาพันธ์ - อิสราภรณ์ จันทรโสภาคย์ นักร้องและนักแสดงชาวไทย
13 กุมภาพันธ์ – เดวิด นครหลวงโปรโมชั่น นักมวยชาวไทย
5 กุมภาพันธ์ – วันดี สิงห์วังชา นักมวยชาวไทย
12 กุมภาพันธ์ – ฆวน การ์โลส เฟร์เรโร นักเทนนิสชาวสเปน
21 กุมภาพันธ์
* ลำยอง หนองหินห่าว นักร้องเพลงลูกทุ่งชาวไทย
* สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 5 แห่งราชอาณาจักรภูฎาน
===มีนาคม===
17 มีนาคม — บัวชมพู ฟอร์ด นักร้องและนักแสดงชาวไทย
17 มีนาคม – ธัญญ์ ธนากร นักแสดงชาวไทย
21 มีนาคม – รอนัลดีนโย นักฟุตบอลชาวบราซิล
27 มีนาคม – ต่าย อรทัย นักร้องชาวไทย
===เมษายน===
9 เมษายน – ธิติยา นพพงษากิจ นักร้องและนักแสดงชาวไทย
17 เมษายน – กรุณ ซอโสตถิกุล นักร้องชาวไทย
26 เมษายน – แชนนิง เททัม นักแสดงชาวอเมริกัน
===พฤษภาคม===
18 พฤษภาคม – กวี ตันจรารักษ์ นักแสดงชาวไทย
30 พฤษภาคม – สตีเวน เจอร์ราร์ด นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
===มิถุนายน===
3 มิถุนายน – ตะมีม บิน ฮะมัด อัษษานี เจ้าผู้ครองรัฐกาตาร์พระองค์ปัจจุบัน
9 มิถุนายน – นพพล พิทักษ์โล่พานิช นักแสดงชาวไทย
12 มิถุนายน – แสงหิรัญ กระทิงแดงยิม นักมวยชาวไทย
17 มิถุนายน –
* ธัญวิสิฎฐ์ เสียงหวาน นักแสดงชาวไทย
* วีนัส วิลเลียมส์ นักเทนนิสชาวอเมริกัน
20 มิถุนายน – พรชิตา ณ สงขลา นักแสดงชาวไทย
===กรกฎาคม===
5 กรกฎาคม
* คริส หอวัง นักแสดงชาวไทย
* อีวา กรีน นักแสดงชาวฝรั่งเศส
8 กรกฎาคม – ร็อบบี คีน นักฟุตบอลชาวไอร์แลนด์
27 กรกฎาคม – ดานิเอล ปอนเซ เด เลออน นักมวยสากลชาวเม็กซิโก
===สิงหาคม===
1 สิงหาคม - อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี นักร้องชาวไทย
13 สิงหาคม – กันยารัตน์ ติยะพรไชย นักร้องชาวไทย
15 สิงหาคม – ไมเคิล คัตซิดิส นักมวยสากลชาวออสเตรเลีย
26 สิงหาคม – คริส ไพน์ นักแสดงชาวอเมริกัน
28 สิงหาคม – เข็มอัปสร สิริสุขะ นักแสดงชาวไทย
=== กันยายน ===
5 กันยายน – พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร นักแสดงชาวไทย
12 กันยายน
* เหยา หมิง นักบาสเกตบอลชาวจีน
* จันทร์ทัย น้อยหอม นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
14 กันยายน – โยกเยก เชิญยิ้มนักแสดงตลกชาวไทย
15 กันยายน – เมธี อรุณ นักร้องชาวไทย
24 กันยายน – วรนุช วงษ์สวรรค์ นักแสดงชาวไทย
30 กันยายน – มาร์ตินา ฮิงกิส นักเทนนิสชาวสวิตเซอร์แลนด์
===ตุลาคม===
5 ตุลาคม – อรชุน รินทรวิฑูรย์ ผู้ประกาศข่าวชาวไทย
17 ตุลาคม – ชมพูนุช ตัณฑเศรษฐี ผู้ประกาศข่าวชาวไทย
27 ตุลาคม – ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ นักแสดงชาวไทย
28 ตุลาคม – อลัน สมิธ นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
===พฤศจิกายน===
6 พฤศจิกายน
* ญารินดา บุนนาค นักร้อง, นักแสดง, พิธีกร และสถาปนิกหญิง ชาวไทย
* พิจิกา จิตตะปุตตะ นักจัดรายการวิทยุ/นักร้อง/นักแสดงชาวไทย
* ภัทร ปิยภัทร์กิติ นักฟุตบอลชาวไทย
12 พฤศจิกายน – ไรอัน กอสลิง นักแสดงชาวแคนาดา
16 พฤศจิกายน – ดล เหตระกูล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
28 พฤศจิกายน – เจ้าหญิงมาเรีย เทเรเซียแห่งทวร์นและทักซิส (ประสูติ ค.ศ. 1980)
===ธันวาคม===
3 ธันวาคม – เปรมสุดา สันติวัฒนา ผู้ประกาศข่าวชาวไทย
6 ธันวาคม – เค ยาซูดะ นักร้องชาวญี่ปุ่น
7 ธันวาคม – จอห์น เทร์รี นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
10 ธันวาคม – เทพกิจ ฉัตรสุริยาวงศ์ ผู้ประกาศข่าวชาวไทย
14 ธันวาคม
* อมิตา มารี ยัง นักร้องชาวไทย
* อดิศร อรรถกฤษณ์ นักร้องและนักแสดงชาวไทย
16 ธันวาคม – โฮซูมิ ฮาเซกาวา นักมวยสากลชาวญี่ปุ่น
18 ธันวาคม – คริสตินา อากีเลรา นักร้องชาวอเมริกัน
19 ธันวาคม – เจค จิลเลนฮอล นักแสดงชาวอเมริกัน
20 ธันวาคม – แอชลีย์ โคล นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
23 ธันวาคม
*พาสนา ทองบุญเรือง นักร้องชาวไทย
* ทราย เจริญปุระ นักแสดงชาวไทย
*สมาน กุนัน อดีตหน่วยซีล (ถึงแก่กรรม 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2561)
25 ธันวาคม – ภพธร สุนทรญาณกิจ นักดนตรีชาวไทย
31 ธันวาคม – โก๊ะตี๋ อารามบอย นักแสดงชาวไทย
== วันถึงแก่กรรม ==
19 มีนาคม – หม่อมเจ้าบุญจิราธร จุฑาธุช (ประสูติ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2440)
15 เมษายน – ฌ็อง-ปอล ซาทร์ นักปรัชญาและนักเขียนชาวฝรั่งเศส (เกิด 21 มิถุนายน พ.ศ. 2448)
29 เมษายน – อัลเฟร็ด ฮิตช์ค็อก ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอังกฤษ (เกิด 13 สิงหาคม พ.ศ. 2442)
19 มิถุนายน – พระครูรัตนสราธิคุณ (ทอง รตนสาโร) (เกิด 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2449)
7 กรกฎาคม – สมจิตต์ ทรัพย์สำรวย นักแสดงหญิงชาวไทย (เกิด 22 มกราคม พ.ศ. 2467)
19 สิงหาคม – ออตโต แฟรงค์ นักเขียนชาวเยอรมนี (เกิด 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2432)
7 พฤศจิกายน – สตีฟ แม็คควีน นักแสดงชาวอเมริกัน (เกิด 24 มีนาคม พ.ศ. 2473)
8 ธันวาคม – จอห์น เลนนอน นักดนตรีชาวอังกฤษ (เกิด 9 ตุลาคม พ.ศ. 2483)
16 ธันวาคม – ฮาร์แลนด์ เดวิด แซนเดอร์ส หรือ ผู้พันแซนเดอร์ส นักธุรกิจชาวอเมริกัน (เกิด 9 กันยายน พ.ศ. 2433)
== รางวัล ==
=== รางวัลโนเบล ===
สาขาเคมี – Paul Berg, Walter Gilbert, Frederick Sanger
สาขาวรรณกรรม – เชสลอว์ มีลอซ
สาขาสันติภาพ – อดอลโฟ เปเรซ เอสกุยเวล
สาขาฟิสิกส์ – James Watson Cronin, Val Logsdon Fitch
สาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ – บารุค เบนาเซอร์รัฟ, ฌอง โดส์เซต์, จอร์จ ดี. สเนลล์
สาขาเศรษฐศาสตร์ – Lawrence Klein
|
thaiwikipedia
| 1,843 |
เกม
|
เกม เป็นลักษณะของกิจกรรมของมนุษย์เพื่อประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เพื่อความสนุกสนานบันเทิง เพื่อฝึกทักษะ และเพื่อการเรียนรู้ เป็นต้น และในบางครั้งอาจใช้เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาได้
เกมประกอบด้วยเป้าหมาย กฎเกณฑ์ การแข่งขันและปฏิสัมพันธ์ เกมมักจะเป็นการแข่งขันทางจิตใจหรือด้านร่างกาย หรือทั้งสองอย่างรวมกัน ซึ่งส่งผลให้เกิดพัฒนาการของทักษะ ใช้เป็นรูปแบบของการออกกำลังกาย หรือการศึกษา บทบาทสมมุติและจิตศาสตร์ เป็นต้น
เกมเป็นกิจกรรมของมนุษย์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน Royal Game of Ur, Senet และ Mancala เป็นเกมที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ โดยสามารถย้อนไปได้ถึง 2,600 ปีก่อนคริสตกาล
== การจำกัดความ ==
== องค์ประกอบ ==
เกมจะต้องประกอบด้วย
ผู้เล่นตามจำนวนของเกมนั้นๆ ที่กำหนด บางเกมหากผู้เล่นไม่ครบตามจำนวนก็ไม่สามารถเล่นได้
อุปกรณ์การเล่นเกมนั้นๆ
เป้าหมายของเกม ซึ่งอาจมีเป้าหมายเดียวหรือหลายเป้าหมาย โดยผู้เล่นสามารถเลือกวิธีการเล่นได้
กฎ กติกา และแนวทางของเกม ที่ผู้เล่นจะต้องปฏิบัติตาม
== ประเภทของเกม ==
=== กีฬา ===
=== เกมการละเล่น ===
เกมการละเล่น เกิดจากการสืบทอดทางวัฒนธรรมของในแต่ละพื้นที่นั้น ๆ โดยจะมีจุดประสงค์หลักเพื่อการสร้างความสัมพันธ์ในชุมชน ซึ่งจะมีผู้เล่นจำนวนมากเข้ามาร่วมเล่นได้ เกมการละเล่นจะมีคุณลักษณะพิเศษแตกต่างกันออกไป เช่น
งูกินหาง
มอญซ่อนผ้า
ขี่ม้าส่งเมือง
เก้าอี้ดนตรี
ลูกข่าง
=== เกมกระดาน ===
จุดมุ่งหมายของเกมกระดาน ส่วนใหญ่เพื่อวัตถุประสงค์ในการ ฝึกทักษะ และ การคิดวางแผน เช่น
หมากรุก
หมากล้อม หรือโกะ
หมากฮอส
หมากข้าม
หมากหนีบ
สแครบเบิ้ล (Scrabble)
เกมเศรษฐี
โอเอกซ์ (OX Game)
เกมบันไดงู
=== เกมพนัน ===
จุดมุ่งหมายของเกมพนัน ส่วนใหญ่เพื่อใช้ในการพนัน หรือใช้ในการตัดสินสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยอาจมีเดิมพันหรือไม่มีเดิมพัน แล้วแต่ผู้เล่นจะตกลงกัน เช่น
รูเล็ต
สล็อต
โป๊กเกอร์
แบล็กแจ๊ก
ลูกเต๋า
ลอตเตอร์รี่
แคร็บ
=== เกมไพ่ ===
เกมไพ่ เป็นเกมที่ใช้ไพ่เป็นอุปกรณ์ ซึ่งสามารถถือเป็นเกมฝึกสมอง ถ้าไม่มีการวางเดิมพัน เช่น
ไพ่บริดจ์
ไพ่จับหมู
ไพ่เฟรนด์
ไพ่ดัมมี่ (ไพ่รัมมี่)
ไพ่กบดำกบแดง
ไพ่ผสมสิบ
ไพ่อีแก่กินน้ำ
ไพ่รถไฟ
ป็อกเด้ง
เก้าเก
แบล็คแจ็ค
โป้กเกอร์
อินเดียน โป้กเกอร์
เผ
สลาฟ
ห้อง
เก้าสิบเก้า
เอโน่
=== เกมการ์ด ===
เกมการ์ด เป็นเกมแนวใหม่ที่พัฒนามาจากเกมไพ่ โดยเกมการ์ดนั้นจะมีชุดการ์ดที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ แตกต่างจากเกมไพ่ธรรมดาที่ใช้ชุดไพ่ป็อกในการเล่น เกมการ์ดแบ่งออกเป็น เกมการ์ดชุดเดี่ยว (standalone card game) การ์ดทั้งหมดจะรวมอยู่ในชุดเดียวกัน ทำให้ได้การ์ดทั้งหมดโดยไม่มีเพิ่มเติม (ยกเว้นมีชุดเสริม) มีการ์ดเหมือนกันทุกกล่อง และเกมการ์ดสะสม (collectible card game) ผู้เล่นจะต้องหาซื้อการ์ดเข้ามาสะสมในกองของตัวเองเพื่อให้มีความสามารถสูงขึ้น ในแต่ละกล่องหรือซองมีการ์ดไม่เหมือนกัน การ์ดแต่ละใบหาได้ยากง่ายต่างกัน การ์ดที่หายากมักจะเป็นการ์ดที่เก่ง และมักมีราคาสูง มักนำเนื้อเรื่องจากนิยายและภาพยนตร์ที่โด่งดังมาเป็นจุดขาย เช่น การ์ดสตาร์ วอร์ส การ์ดยูกิโอ การ์ดแฮรี่ พอตเตอร์ เป็นต้น มักมีการจัดชุดการ์ด เรียกว่า เด็ค (deck) เพื่อสร้างชุดการ์ดของตนเอง แล้วนำไปต่อสู้กับชุดการ์ดของผู้เล่นคนอื่นๆ มีการใช้การ์ดตั้งแต่สองใบขึ้นไปร่วมกันจนเกิดผลที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมเรียกว่าการทำ Combo
=== เกมบุค ===
เกมบุค หรือ เกมหนังสือ เป็นเกมที่ใช้หนังสือในการเล่น มักมีเนื้อหาเกี่ยวกับการผจญภัย และมีตัวเลือกให้ผู้เล่นเลือก ซึ่งแต่ละตัวเลือกจะนำผู้เล่นไปตามหน้าต่างๆ ของหนังสือ ที่มีจุดจบแตกต่างกันออกไป ในไทยเคยจัดพิมพ์ชุด ผจญภัยตามใจเลือก (Choose your own adventure) แต่ไม่ได้รับความนิยมมากนัก ในต่างประเทศเคยโด่งดังในยุคที่ยังไม่มีเกมคอมพิวเตอร์ อย่างไรก็ตาม เกมบุค ถือได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของเกมสวมบทบาท (Role playing game) และเกมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน ส่วนซีรีส์ในอดีตที่เคยโด่งดังประกอบด้วย Fighting Fantasy, Lone wolf, Fable land เป็นต้น ล่าสุดนานมีบุ๊คทีน ได้นำเกมบุคในซีรีส์ Fighting Fantasy มาจัดพิมพ์เป็นภาษาไทยในชื่อชุด เกมปริศนาท้าความตาย จำนวน 4 เล่มด้วยกัน เช่น ขุมทรัพย์พ่อมดเขาอัคคี (Warlock of the firetop mountain) เป็นต้น
=== เกมอิเล็กทรอนิกส์ ===
เป็นอุปกรณ์เกมสมัยใหม่ที่ใช้เครื่องไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เข้ามาเป็นอุปกรณ์หลักในการเล่น โดยจะมีความสามารถในการเปลี่ยนเกมจากเกมหนึ่งไปอีกเกมหนึ่งได้ สามารถเล่นเกมได้ตามเว็บไซด์ต่างๆ ด้วยอุปกรณ์ใดๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อเครื่องเกมนั้นๆ ซึ่งสร้างความหลากหลาย และความสมจริงได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง โดยอาจแบ่งได้โดยตามคุณลักษณะเด่น ดังนี้
เกมเครื่องพื้นฐาน (Console) - เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะ ที่ใช้ สื่อเฉพาะในการนำเข้าข้อมูล และแสดงผล ซึ่งมีหลายบริษัทที่ผลิตเกมเครื่องพื้นฐาน โดยจะมีค่ายผลิตเกม คอยผลิตเกมให้กับบริษัทผู้ผลิตเกมเครื่องพื้นฐาน ตัวอย่างเครื่องเล่นเกมประเภทนี้เช่น เครื่องเล่นเกมเพลย์สเตชันของบริษัทโซนี่ เครื่องX-Box ของไมโครซอฟท์ หรือเครื่องเกมคิวบ์ของนินเทนโด เป็นต้น
เกมเครื่องพกพา (Handheld) - เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะ คล้ายกับเกมเครื่องพื้นฐาน แต่จะเน้นไปที่การพกพาได้สะดวก โดยคุณสมบัติโดยรวมอาจด้อยกว่าเล็กน้อย แต่แนวทางของเกมเป็นแนวทางเดียวกัน ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมแพร่หลาย เนื่องจากมีคุณภาพใกล้เคียงกับเครื่องเกมพื้นฐาน (Console) แต่สามารถนำติดตัวไปเล่นที่ใดก็ได้ ตัวอย่างเช่นเครื่อง Nintendo DS ของนินเทนโด หรือ PSP ของโซนี่
เกมคอมพิวเตอร์ (PC Games) - เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทรงประสิทธิภาพมากในปัจจุบัน เพราะมีความสามารถที่หลากหลาย และการพัฒนาไม่หยุดยั้งของบริษัทผู้ผลิตต่างๆ ที่มีแนวโน้มการแข่งขันที่สูงขึ้นทุกปี เนื่องจากคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันกลายเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจต่างๆ รวมถึง เป็นสื่อในการให้ความบันเทิงด้วย ซึ่งเกมคอมพิวเตอร์จะมีความหลากหลาย และแตกต่างจากเกมเครื่องพื้นฐาน เกมคอมพิวเตอร์จะใช้สิ่งที่เรียกว่า ซอฟต์แวร์ ในการนำเข้าชุดข้อมูล เพื่อใช้ในการประมวลผล และแสดงผลออกมา เกมคอมพิวเตอร์ยังคงมีความสลับซับซ้อนสูงกว่าเครื่องเกมพื้นฐาน เนื่องจากคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อเนกประสงค์ (Multi Functions) ซึ่งจะทำให้ส่วนประกอบทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์มีมากและซับซ้อนกว่า อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมอีกมากมายที่เข้ามาช่วยพัฒนาการทำงาน หรือการแสดงผลของเครื่องคอมพิวเตอร์
เกมตู้ (Arcade) - เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เฉพาะเช่นเดียวกัน แต่จะเป็นอุปกรณ์ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง ผู้เล่นมักไม่สามารถเลือกเล่นเกมได้ ตู้เกมโดยทั่วไปจะใช้การหยอดเหรียญในการเข้าเล่น ตู้เกมมักมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ และมีแผงบังคับที่เล่นได้อย่างสะดวก เกมประเภทนี้มักเป็นเกมที่เล่นจบได้ในเวลาอันสั้น
== ดูเพิ่ม ==
วิดีโอเกม
== อ้างอิง ==
กิจกรรมเวลาว่าง
|
thaiwikipedia
| 1,844 |
จังหวัดบุรีรัมย์
|
บุรีรัมย์ เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับที่ 6 และมีพื้นที่กว้างเป็นอันดับที่ 17 ของประเทศไทย
จังหวัดบุรีรัมย์เป็นที่ตั้งของโบราณสถานสำคัญสมัยอารยธรรมขอมอย่างพนมรุ้ง และเมืองต่ำ และในปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศูนย์กีฬาขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยสโมสรฟุตบอล, สนามแข่งรถ และค่ายมวย
== ประวัติศาสตร์ ==
บุรีรัมย์เป็นเมืองแห่งความรื่นรมย์ตามความหมายของชื่อเมืองที่น่าอยู่สำหรับคนในท้องถิ่นและเป็นเมืองที่น่ามาเยือนสำหรับคนต่างถิ่น เมืองปราสาทหินในเขตจังหวัดบุรีรัมย์มากมีไปด้วย ปราสาทหินใหญ่น้อย อันหมายถึงความรุ่งเรืองมาแต่อดีต จากการศึกษาของนักโบราณคดีพบหลักฐานการอยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยทวารวดี และที่สำคัญที่สุดพบกระจายอยู่ทั่วไปในจังหวัดบุรีรัมย์มาก คือ หลักฐานทางวัฒนธรรมของไทยโบราณ ซึ่งมีทั้งปราสาทอิฐ และปราสาทหินเป็นจำนวนมากกว่า 60 แห่ง รวมทั้งได้พบแหล่งโบราณคดีที่สำคัญ คือ เตาเผา, ภาชนะดินเผา และภาชนะดินเผาแบบที่เรียกว่าเครื่องถ้วยไทย ซึ่งกำหนดอายุได้ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15-18 อยู่ทั่วไป และพระพุทธรูปมหาปรัชญาปารมิตตา หลังจากสมัยของวัฒนธรรมขอมหรือไทยบราณ แล้วหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของจังหวัดบุรีรัมย์ เริ่มมีขึ้นอีกครั้งตอนปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยปรากฏชื่อว่าเป็นเมืองเก่า และปรากฏชื่อต่อมาในสมัยกรุงธนบุรีถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ว่าบุรีรัมย์มีฐานะเป็นเมืองหนึ่ง และรู้จักในนามเมืองแปะจนถึง พ.ศ. 2476 ได้มีการจัดระเบียบราชการบริหารส่วนภูมิภาคใหม่ จึงได้ชื่อเป็นจังหวัดบุรีรัมย์มาจนถึงปัจจุบันนี้ชื่อเมืองบุรีรัมย์ ไม่ปรากฏในเอกสารประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา และธนบุรีเฉพาะชื่อเมืองอื่น ซึ่งปัจจุบันเป็นอำเภอในจังหวัดบุรีรัมย์ ได้แก่ เมืองนางรอง, เมืองพุทไธสง และเมืองประโคนชัย
ในปีพ.ศ. 2319 ซึ่งตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กรุงธนบุรี กรมการเมืองนครราชสีมา มีใบบอกเข้ามาว่า พระยานางรองคบคิดเป็น กบฏร่วมกับเจ้าโอ, เจ้าอิน และอุปฮาดเมืองจำปาศักดิ์ จึงโปรดให้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อยังดำรงตำแหน่ง เจ้าพระยาจักรีเป็นแม่ทัพไปปราบจับตัวพระยานางรองประหารชีวิต และสมทบเจ้าพระยาสุรสีห์ (สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท) คุมกองทัพหัวเมืองฝ่ายเหนือยกไปตีเมือง จำปาศักดิ์, เมืองโขง และเมืองอัตตะปือ ได้ทั้ง 3 เมือง ประหารชีวิต เจ้าโอ, เจ้าอิน และอุปฮาด เมืองจำปาศักดิ์ แล้วเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ ใกล้เคียงให้สวามิภักดิ์ ได้แก่ ตะลุง, สุรินทร์, สังขะ และเมืองขุขันธ์ รวบรวมผู้คนตั้งชุมชนขึ้น และต่อมาในปี พ.ศ. 2350 หรือสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชการที่ 1 จึงทรงโปรดเกล้าให้ตั้งเมืองขึ้นในเขตชุมชนดังกล่าว เรียกว่า เมืองแปะ แต่งตั้งบุรีรัมย์ และให้บุตรเจ้าเมืองผไทสมันต์แห่งพุทธไธสงเป็นเจ้าเมืองคนแรก ให้นามเจ้าเมืองว่า พระยานครภักดี ปกครองชาวไทยป่าดง,ชาวลาวและชนเผ่าอื่นๆ ซึ่งพื้นเพของเจ้าเมืองแปะคนแรกเดิมมีนามเดิมว่า เพี้ยเหล็กสะท้อน บุตรชายของเพี้ยศรีปากหรือพระยาเสนาสงคราม เจ้าเมืองพุทไธสงคนแรก (อำเภอพุทไธสง จังหวัดบุรีรัมย์) เพี้ยศรีปากและเพี้ยเหล็กสะท้อนเคยเป็นกรมการเมืองในตำแหน่งเพี้ยโฮงหลวงของเมืองสุวรรณภูมิราชบุรินทร์ประเทศราชหรือเมืองท่งศรีภูมิ (อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด) ก่อนที่ต่อมาเพี้ยศรีปากจะแยกดินแดนเมืองสุวรรณภูมิเดิมออกมาตั้งเป็นเมืองพุทไธสงในภายหลัง เพี้ยศรีปากเป็นบุตรของท้าวพร อัญญาเมืองสุวรรณภูมิบุตรชายของท้าวเซียงเจ้าเมืองสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นเจ้าหลานและสืบเชื้อสายมาจากเจ้าแก้วมงคลเจ้าเมืองท่งศรีภูมิท่านแรก อันมีเชื้อสายกษัตริย์ราชวงศ์ล้านช้าง อีกทั้งยังเป็นปฐมบรรพบุรุษของเจ้าเมืองภาคอีสานที่ส่งลูกหลานไปปกครองหัวเมืองอีสานกว่า20หัวเมืองและภาคเหนืออีก1หัวเมือง ได้แก่ เมืองสุวรรณภูมิราชบุรีประเทษราช (เมืองสุวรรณภูมิ) เมืองร้อยเอ็ด เมืองชลบทวิบูลย์ เมืองขอนแก่น เมืองเพี้ย เมืองรัตนนคร เมืองมหาสารคาม เมืองศีร์ษะเกษ เมืองโกสุมพิสัย เมืองกันทรวิชัย (เมืองโคกพระ) เมืองวาปีปทุม เมืองหนองหาน (อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี) เมืองโพนพิสัย (อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย) เมืองพุทไธสง (เมืองผไทสมัน) เมืองบุรีรัมย์ (เมืองแปะ) เมืองเกษตรวิสัย เมืองพนมไพรแดนมฤค เมืองธวัชบุรี เมืองพยัคฆภูมิพิสัย (เมืองเสือ) เมืองจตุรพักตรพิมาน (เมืองหงษ์) เมืองขามเฒ่า เมืองเปือยใหญ่ (บ้านค้อ) เมืองนันทบุรี (เมืองน่าน) เมืองรัตนบุรี เมืองเดชอุดม เมืองราษีไศล เมืองรัตนวาปี เมืองสนม เเละเมืองประชุมพนาลัย (เมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว) ซึ่งบอกได้ว่าพระยานครภักดีเจ้าเมืองแปะหรือบุรีรัมย์ท่านแรกสืบเชื้อสายมาจากเจ้าจารย์แก้วแห่งเมืองท่งศรีภูมิและพระเสนาสงครามแห่งเมืองพุทไธสง อีกทั้งยังมีเครือข่ายทางเครือญาติกับหลายหัวเมืองทั่วภาคอีสานร่วม20กว่าหัวเมือง
ต่อมา ในปี พ.ศ. 2370 เจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์เป็นกบฎ ได้ให้เจ้าราชวงศ์ยกกองทัพมากวาดต้อนผู้คนและเสบียงอาหารแถบเมืองพุทไธสง เมืองแปะ เมืองนางรอง พระนครภักดี (หงษ์) บุตรชายของพระยานครภักดีท่านแรก นำราษฎรออกต่อสู้อย่างองอาจ เมื่อสู้ไม่ได้จึงหนีไปเมืองพุทไธสมัน ทหารลาวตามไปทันแล้วจับตัวได้ที่ช่องเสม็ด (ช่องเขาที่จะไปประเทศกัมพูชา) เมื่อถูกจับแล้ว ทหารลาวนำตัวพระยานครภักดี (หงษ์) และครอบครัวที่จับได้ไปให้เจ้าราชวงศ์ แล้วถูกควบคุมตัวไว้ที่ทุ่งเมืองสุวรรณภูมิ ในเขตจังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งเจ้าราชวงศ์ตั้งทัพอยู่ที่นั่น แต่พระยานครภักดี (หงษ์) และครอบครัวที่ถูกควบคุมตัวได้จับอาวุธต่อสู้เพื่อหนี จึงถูกฆ่าตายหมด หลังจากที่กองทัพหลวงไทยตีทัพเจ้าอนุวงศ์แห่งนครเวียงจันทน์แตกแล้ว ได้แต่งตั้งให้หลวงปลัดซึ่งเป็นบุตรชายพระนครภักดี (หงส์) เป็นผู้รั้งตำแหน่งเจ้าเมืองแทนตั้งแต่เมืองแปะ ถือได้ว่าเป็นวีรกรรมที่กล้าหาญชาญชัยและน่ายกย่องของเจ้าเมืองที่ไม่ยอมศิโรราบต่ออริศัตรู แม้ว่ากำลังพลของตนจะน้อยกว่าเป็นอย่างมากก็ตาม
ต่อมามีการเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น เมือง"บุรีรัมย์" และในปี พ.ศ. 2433 มีการประกาศเรียกชื่อข้าหลวงกำกับหัวเมืองทั้ง 4 ขึ้น โดยแยกเมืองบุรีรัมย์ไปขึ้นกับลาวฝ่ายเหนือ และพ่วงเมืองนางรองไปด้วย ซึ่งเมืองนางรองขึ้นกับเมืองบุรีรัมย์ ขณะที่เมืองพุทไธสง และเมืองตะลุง ยังคงสังกัดอยู่กับเมืองนครราชสีมา
ครั้นถึง สมัยพระยานครภักดี (ทองดี) บุตรหลวงปลัดหรือเจ้าเมืองแปะคนที่ 3 (บุตรของพระยานครภักดีหงษ์) เป็นเจ้าเมืองบุรีรัมย์คนสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนตำแหน่งเจ้าเมืองเป็นผู้ว่าราชการเมือง นอกจากนี้ภายหลังท่านยังได้รักษาการเมืองนางรอง ในราว พ.ศ. 2440-2441 เมืองบุรีรัมย์ได้กลับไปขึ้นกับมณฑลนครราชสีมาเรียกว่า "บริเวณนางรอง" ประกอบด้วย เมืองบุรีรัมย์ นางรอง รัตนบุรี ประโคนชัย และพุทไธสง ภายหลังยุบตำแหน่งเจ้าเมืองเป็นผู้ว่าราชการเมืองมีพระรังสรรค์สารกิจ(เลื่อน) เป็นผู้ว่าราชการเมืองท่านแรก พ.ศ. 2442 มีประกาศเปลี่ยนชื่อ ในคราวนี้เปลี่ยนชื่อ บริเวณนางรองเป็น "เมืองนางรอง"มีฐานะเป็นเมืองจัตวา ตั้งที่ว่าการอยู่ที่เมืองบุรีรัมย์ แต่ตราตำแหน่งเป็นตราผู้ว่าการนางรอง กระทรวงมหาดไทยจึงได้ประกาศเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น "บุรีรัมย์" และเปลี่ยนตราตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการเมืองบุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2444 เป็นต้นมา
พ.ศ. 2450 กระทรวงมหาดไทยปรับปรุงหัวเมืองในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้มณฑลนครราชสีมาประกอบด้วย 3 เมือง 17 อำเภอ คือเมืองนครราชสีมา 10 อำเภอ, เมืองชัยภูมิ 3 อำเภอ และเมืองบุรีรัมย์ 4 อำเภอ ซึ่งได้แก่ นางรอง, พุทไธสง, ประโคนชัย (ตะลุง) และรัตนบุรี (ปัจจุบันขึ้นกับจังหวัดสุรินทร์)
ต่อมาได้มีการตราพระราชบัญญัติระเบียบบริหารแห่งราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2476 ขึ้น ยุบมณฑลนครราชสีมา จัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาคออกเป็นจังหวัดและอำเภอ เมืองบุรีรัมย์จึงมีฐานะเป็น จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ไฟล์:รัชกาล ๑.jpg|พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ไฟล์:PhnomRung5.jpg|อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ที่ตั้งและอาณาเขต ===
จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย ระหว่างเส้นรุ้งที่ 14 องศา 15 ลิปดาเหนือกับ 15 องศา 45 ลิปดาเหนือ เส้นแวงที่ 102 องศา 30 ลิปดากับ 103 องศา 45 ลิปดาตะวันออก ห่างจากกรุงเทพมหานครโดยทางรถยนต์ประมาณ 412 กิโลเมตร ทางรถไฟประมาณ 376 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดและประเทศใกล้เคียงดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดสุรินทร์
ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดสุรินทร์
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดสระแก้ว และประเทศกัมพูชา
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดนครราชสีมา
จังหวัดบุรีรัมย์ มีเนื้อที่รวม 10,322.885 ตารางกิโลเมตร หรือ 6,451,178,125 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 6.11 ของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 2.01 ของพื้นที่ประเทศ
=== ภูมิประเทศ ===
สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง พื้นที่ลาดจากทิศใต้ลงไปทิศเหนือ พื้นที่มีลักษณะเป็นลูกคลื่นน้อยเป็นที่ราบขั้นบันไดช่องเขาเกิดจากภูเขาไฟระเบิดเมื่อประมาณเก้าแสนถึงหนึ่งล้านปีเศษ ทำให้จังหวัดบุรีรัมย์มีลักษณะภูมิประเทศที่สำคัญได้แก่ พื้นที่สูงและภูเขาทางตอนใต้, พื้นที่ลูกคลื่นลอนตื้นตอนกลางของจังหวัด และพื้นที่ราบลุ่มตอนเหนือริมฝั่งแม่น้ำมูล
แหล่งน้ำที่สำคัญในจังหวัดบุรีรัมย์ มีดังต่อไปนี้
=== ภูมิอากาศ ===
ภูมิอากาศในจังหวัดบุรีรัมย์ มีอยู่ 3 ฤดู คือ
ฤดูร้อน ปลายเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม มีอุณหภูมิสูงสุด 36 องศาเซลเซียส ในเดือนเมษายน
ฤดูฝน เดือนมิถุนายน - กันยายน เนื่องจากมีเทือกเขาพนมดงรักขวางกั้นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จึงได้รับปริมาณน้ำฝนไม่มากนัก
ฤดูหนาว เริ่มประมาณเดือนตุลาคม - มกราคม มีอากาศหนาว และแห้งแล้ง อุณหภูมิต่ำสุด 11 องศาเซลเซียส
=== ความหลากหลายทางชีวภาพ ===
ในจังหวัดบุรีรัมย์ สามารถพบนกที่หายากได้หลายสายพันธุ์ แหล่งดูนกที่สำคัญมักอยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำระดับนานาชาติ อาทิ อ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก, อ่างเก็บน้ำห้วยตลาด และอ่างเก็บน้ำสนามบิน โดยเฉพาะที่อ่างเก็บน้ำสนามบินนั้น สามารถพบนกใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด เช่น นกปากห่าง, นกกาน้ำเล็ก และนกกระจาบทอง เป็นต้น นกเหล่านี้สามารถพบได้ในช่วงฤดูฝนแม้ว่าจะไม่ใช่ฤดูที่นกอพยพก็ตาม
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2560 ได้ค้นพบนกกระเรียนพันธ์ไทยซึ่งคาดว่าสูญพันธุ์จากธรรมชาติมาแล้ว 50 ปี ที่พื้นที่ชุ่มน้ำหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยแสงเหนือ
นอกจากนั้นบริเวณตอนใต้ของจังหวัดบุรีรัมย์ บริเวณพื้นที่เทือกเขาเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ และอุทยานแห่งชาติตาพระยา อันเป็นส่วนหนึ่งของผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่มรดกโลกทางธรรมชาติ มีสัตว์ป่าหายากหลากชนิดอาศัย เป็นแหล่งกำเนิดแม่น้ำลำธารหลายสาย ไหลลงแม่น้ำมูล อันเป็นแม่น้ำสำคัญของภาคอีสานที่ไหลผ่านจังหวัดบุรีรัมย์
== การเมืองการปกครอง ==
=== การปกครองส่วนภูมิภาค ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 23 อำเภอ 189 ตำบล 2,212 หมู่บ้าน ซึ่งอำเภอทั้ง 23 อำเภอมีดังนี้
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
ประกอบด้วย 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด, 3 เทศบาลเมือง, 60 เทศบาลตำบล และ 145 องค์การบริหารส่วนตำบล โดยมีรายชื่อเทศบาลดังนี้
{|
| width="333" valign="top" |
อำเภอเมือง
เทศบาลเมืองบุรีรัมย์
เทศบาลเมืองชุมเห็ด
เทศบาลตำบลอิสาณ
เทศบาลตำบลหลักเขต
เทศบาลตำบลหนองตาด
เทศบาลตำบลบ้านบัว
อำเภอนางรอง
เทศบาลเมืองนางรอง
เทศบาลตำบลทุ่งแสงทอง
อำเภอคูเมือง
เทศบาลตำบลคูเมือง
เทศบาลตำบลหินเหล็กไฟ
อำเภอกระสัง
เทศบาลตำบลกระสัง
เทศบาลตำบลสองชั้น
เทศบาลตำบลหนองเต็ง
เทศบาลตำบลอุดมธรรม
อำเภอหนองกี่
เทศบาลตำบลหนองกี่
เทศบาลตำบลศาลเจ้าพ่อขุนศรี
เทศบาลตำบลดอนอะราง
อำเภอละหานทราย
เทศบาลตำบลละหานทราย
เทศบาลตำบลตาจง
เทศบาลตำบลหนองแวง
เทศบาลตำบลสำโรงใหม่
เทศบาลตำบลหนองตะครอง
| width="333" valign="top" |
อำเภอประโคนชัย
เทศบาลตำบลประโคนชัย
เทศบาลตำบลแสลงโทน
เทศบาลตำบลโคกม้า
เทศบาลตำบลเขาคอก
อำเภอบ้านกรวด
เทศบาลตำบลบ้านกรวด
เทศบาลตำบลตลาดนิคมปราสาท
เทศบาลตำบลบ้านกรวดปัญญาวัฒน์
เทศบาลตำบลหนองไม้งาม
เทศบาลตำบลจันทบเพชร
เทศบาลตำบลโนนเจริญ
เทศบาลตำบลบึงเจริญ
เทศบาลตำบลปราสาท
อำเภอพุทไธสง
เทศบาลตำบลพุทไธสง
อำเภอลำปลายมาศ
เทศบาลตำบลลำปลายมาศ
เทศบาลตำบลทะเมนชัย
อำเภอสตึก
เทศบาลตำบลสตึก
เทศบาลตำบลศรีสตึก
เทศบาลตำบลดอนมนต์
เทศบาลตำบลสะแก
อำเภอปะคำ
เทศบาลตำบลปะคำ
อำเภอนาโพธิ์
เทศบาลตำบลนาโพธิ์
| width="333" valign="top" |
อำเภอหนองหงส์
เทศบาลตำบลหนองหงส์
เทศบาลตำบลห้วยหิน
อำเภอพลับพลาชัย
เทศบาลตำบลพลับพลาชัย
เทศบาลตำบลจันดุม
เทศบาลตำบลโคกขมิ้น
อำเภอห้วยราช
เทศบาลตำบลห้วยราช
เทศบาลตำบลโคกเหล็ก
เทศบาลตำบลสามแวง
อำเภอโนนสุวรรณ
เทศบาลตำบลโนนสุวรรณ
เทศบาลตำบลโกรกแก้ว
อำเภอชำนิ
เทศบาลตำบลชำนิ
เทศบาลตำบลหนองปล่อง
อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์
เทศบาลตำบลบ้านใหม่ไชยพจน์
อำเภอโนนดินแดง
เทศบาลตำบลโนนดินแดง
อำเภอบ้านด่าน
เทศบาลตำบลบ้านด่าน
เทศบาลตำบลปราสาท
อำเภอแคนดง
เทศบาลตำบลแคนดง
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
เทศบาลตำบลพนมรุ้ง
เทศบาลตำบลยายแย้มวัฒนา
เทศบาลตำบลถาวร
|}
=== ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ===
จังหวัดบุรีรัมย์มีพรมแดนติดกับประเทศกัมพูชาทางทิศใต้ โดยมีพรมแดนทั้งทางธรรมชาติและการค้าทั้งหมด 2 แห่ง ได้แก่
ช่องโอบก ตั้งอยู่ที่บ้านสายโท 1 ตำบลปราสาท อำเภอบ้านกรวด ช่องโอบกมีลักษณะเหมือนหน้าผา ด้านล่างเป็นหมู่บ้านของประเทศกัมพูชา ในระหว่างทางเป็นผืนป่าในเขตอุทยานแห่งชาติตาพระยาซึ่งเป็นหนึ่งในเขตผืนป่ามรดกโลก
ช่องสายตะกู ตั้งอยู่ในอำเภอบ้านกรวด ตรงข้ามกับจุ๊บโจกี อำเภอบันเตียอำปึล จังหวัดอุดรมีชัย ปัจจุบันได้เปิดเป็นจุดผ่อนปรนเพื่อให้ชาวบ้านสามารถค้าขายและแลกเปลี่ยนสินค้าได้
== เศรษฐกิจ ==
=== ภาพรวม ===
ในปัจจุบัน ทั้งเกษตรกรรม, อุตสาหกรรม และพาณิชยกรรมต่าง ๆ ในจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ในด้านการเกษตร พืชผลิตผลที่สำคัญของบุรีรัมย์ ได้แก่ ข้าว (มากกว่า 500,000 ไร่), อ้อย (มากกว่า 5,000 ไร่), ยางพารา (มากกว่า 50,000 ไร่) และพืชอื่น ๆ ในสัดส่วนน้อย ส่วนในด้านอุตสาหกรรม แหล่งอุตสาหกรรมหลักของบุรีรัมย์อยู่ที่อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ส่วนแหล่งอุตสาหกรรมอื่น ๆ ได้แก่ที่อำเภอนางรอง, ลำปลายมาศ และสตึก
=== การขนส่ง ===
==== ทางบก ====
ทางหลวงแผ่นดิน
ทล.24 ผ่านอำเภอหนองกี่, อำเภอนางรอง, อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และอำเภอประโคนชัย
ทล.226 ผ่านอำเภอลำปลายมาศ, อำเภอเมืองบุรีรัมย์ และอำเภอกระสัง
ทล.219 ผ่านอำเภอสตึก, อำเภอบ้านด่าน และอำเภอเมืองบุรีรัมย์
ทล.218 ผ่านอำเภอเมืองบุรีรัมย์ และอำเภอนางรอง
ทล.224 ผ่านอำเภอปะคำ, อำเภอละหานทราย และอำเภอบ้านกรวด
ทล.348 ผ่านอำเภอนางรอง, อำเภอปะคำ และอำเภอโนนดินแดง
ทล.202 ผ่านอำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ และอำเภอพุทไธสง
ทล.207 ผ่านเฉพาะอำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์
ทล.2074 ผ่านอำเภอเมืองบุรีรัมย์, อำเภอคูเมือง และอำเภอพุทไธสง
ทล.2445 ผ่านอำเภอเมืองบุรีรัมย์, อำเภอประโคนชัย และอำเภอบ้านกรวด
ทล.2208 ผ่านอำเภอกระสัง, อำเภอพลับพลาชัย และอำเภอประโคนชัย
ทล.2226 ผ่านอำเภอแคนดง และอำเภอสตึก
ทล.2073 ผ่านอำเภอลำปลายมาศ, อำเภอชำนิ และอำเภอนางรอง
ทล.2166 ผ่านอำเภอลำปลายมาศ, อำเภอหนองหงส์ และอำเภอหนองกี่
ทางหลวงชนบท บร.2016 ผ่านอำเภอนางรอง และอำเภอโนนสุวรรณ
ทางหลวงชนบท บร.3048 ผ่านอำเภอเมืองบุรีรัมย์ และอำเภอห้วยราช
ทางหลวงชนบท บร.4031 ผ่านอำเภอพุทไธสง และอำเภอนาโพธิ์
รถโดยสารประจำทาง
การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางจากกรุงเทพมหานครมายังจังหวัดบุรีรัมย์ สามารถขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ และลงที่สถานีขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้ให้บริการ อาทิ กิจการทัวร์, บริษัท ขนส่ง จำกัด, ศิริรัตนพลทัวร์, นครชัยแอร์ นอกจากนี้ยังมีรถโดยสารจากกรุงเทพฯ มายังอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้งโดยตรง
นอกจากเส้นทางกรุงเทพฯ – บุรีรัมย์ และกรุงเทพฯ – พนมรุ้ง แล้ว ยังมีเส้นทางจากจังหวัดบุรีรัมย์ไปยังจังหวัดอื่น ๆ และภูมิภาคอื่น ๆ ของประเทศไทย
จังหวัดบุรีรัมย์มีสถานีขนส่งผู้โดยสารหลัก 3 แห่ง ได้แก่
สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดบุรีรัมย์ ดำเนินการโดย เทศบาลเมืองบุรีรัมย์
สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอนางรอง ดำเนินการโดย บริษัท นางรองอุตสาหกรรม จำกัด
สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอประโคนชัย ดำเนินการโดย บริษัท แสงสมชัย จำกัด
ระบบขนส่งในเขตเมือง
ในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์ มีรถสองแถวสีชมพูให้บริการทั้งหมด 2 สาย ดังนี้
สายตลาดเทศบาล - เขากระโดง ขึ้นรถได้ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ โรงพยาบาลบุรีรัมย์ และสถานีขนส่ง
สาย บขส.เก่า - บิ๊กซ๊ - แม็คโคร ขึ้นรถได้ที่สถานีขนส่งจังหวัดบุรีรัมย์
ไฟล์:1471-2 Buriram-Satuek Bus.jpg|รถโดยสารประจำทาง บุรีรัมย์-สตึก
ไฟล์:รูปภาพ1315.jpg|รถสองแถวสีชมพูในเมืองบุรีรัมย์ มี 2 สาย
ไฟล์:Road Sign in Buriram 1.jpg|ทล. 218 ในอำเภอเมืองบุรีรัมย์
ไฟล์:สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.บุรีรัมย์.jpg|สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดบุรีรัมย์
รถไฟ
จังหวัดบุรีรัมย์มีสถานีรถไฟตามเส้นทางรถไฟสายนครราชสีมา-อุบลราชธานี ผ่านอำเภอต่าง ๆ ได้แก่ ลำปลายมาศ, เมืองบุรีรัมย์, ห้วยราช และกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์มีสถานีรถไฟทั้งหมด 9 แห่ง และที่หยุดรถ 1 แห่ง และมีทางแยกไปลานเก็บหินโรงโม่หินศิลาชัย ระยะทาง 8 กิโลเมตร
สถานีรถไฟบุรีรัมย์เป็นสถานีรถไฟประจำจังหวัด ขบวนรถที่ให้บริการอาทิ รถด่วนพิเศษอีสานวัตนา (ขบวนที่ 23), รถด่วนพิเศษดีเซลรางที่ 21, รถด่วนที่ 67, รถด่วนดีเซลรางที่ 71 นอกจากนี้ยังมีขบวนรถเร็วซึ่งวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ – อุบลราชธานี และขบวนรถท้องถิ่น วิ่งระหว่างนครราชสีมา – อุบลราชธานี
ไฟล์:Buri Ram Railway Station.JPG|สถานีรถไฟบุรีรัมย์
ไฟล์:BuriramTrain4.jpg|ขบวนรถท้องถิ่นนครราชสีมา – อุบลราชธานี
==== ทางอากาศ ====
ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ตั้งอยู่ที่อำเภอสตึก สายการบินที่ให้บริการจากท่าอากาศยานดอนเมือง ได้แก่ ไทยแอร์เอเชีย และนกแอร์ ปัจจุบันกำลังก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ และมีแผนพัฒนาเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ
ไฟล์:Buriram Airport 2020.jpg|ท่าอากาศยานบุรีรัมย์
== การท่องเที่ยว ==
อำเภอเมืองบุรีรัมย์
สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์
* ศูนย์วัฒนธรรมอีสานใต้ เป็นสถานที่จัดแสดงโบราณวัตถุ และเป็นแหล่งค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เปิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2536
* พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ที่ชาวบุรีรัมย์ได้ร่วมกันสร้างขึ้น ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งผู้สถาปนาเมืองบุรีรัมย์ และเพื่อเป็นอนุสรณ์สักการะ รวมทั้งศูนย์รวมจิตใจที่แสดงถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยและราชวงศ์จักรี
* ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์
*บ้านโนนสำราญ หมู่บ้านท่องเที่ยวของจังหวัดบุรีรัมย์ มีการทอผ้าไหมเพื่อจัดจำหน่าย
วนอุทยานเขากระโดง ตั้งอยู่ที่บ้านน้ำซับ ตำบลเสม็ด อดีตรู้จักกันในชื่อ "พนมกระดอง" มีความหมายว่า "ภูเขากระดองเต่า" เพราะคล้ายกระดองเต่า ซึ่งต่อได้เรียกเพี้ยนเป็น "กระโดง" บนยอดเขามีพระสุภัทรบพิตร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปก่ออิฐฉาบปูนขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 12 เมตร ฐานยาว 14 เมตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2512 เดิมองค์พระเป็นสีขาว แต่เมื่อโดนแดดทำให้คล้ายสีดำ จึงแก้เป็นสีทอง นอกจากนั้นยังมีบันไดนาคราช, พระพุทธบาทจำลอง, ปราสาทเขากระโดง, ปากปล่องภูเขาไฟ และอ่างเก็บน้ำเขากระโดง (อ่างเก็บน้ำวุฒิสวัสดิ์) บริเวณหน้าที่ทำการวนอุทยาน
อ่างเก็บน้ำและชลประทาน
* อ่างเก็บน้ำห้วยตลาด เป็นแหล่งดูนกน้ำแห่งหนึ่งของจังหวัดบุรีรัมย์ มีพื้นที่ 4,434 ไร่ มีนกกระสาปากเหลืองอาศัยอยู่ นอกจากนี้ยังพบนกกระสาดำ, นกกาบบัว, นกอ้ายงั่ว, เป็ดเทา และนกน้ำต่าง ๆ อีกมากมาย
* อ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเพื่อการชลประทานและการประปา มีพื้นที่ 3,876 ไร่ อยู่ในตำบลบ้านบัว ตำบลเสม็ด และตำบลสะแกโพรง มีไม้พื้นเมืองยืนต้น นกประจำถิ่น และนกอพยพตามฤดูกาลเป็นจำนวนมากกว่า 170 ชนิด
ศูนย์กีฬาของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
* ช้างอารีนา (เดิมคือ ไอ-โมบาย สเตเดียม) เป็นสนามฟุตบอลที่ได้มาตรฐานแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีลู่วิ่งคั่นสนามและผ่านมาตรฐานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) สามารถจัดเกมการแข่งขันระดับชาติได้ เป็นสนามที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย ปัจจุบันเป็นสนามเหย้าของทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
* ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามแข่งรถมาตรฐานสมาพันธ์รถยนต์นานาชาติ และเป็นสนามแข่งรถที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
* บุรีรัมย์ คาสเซิ่ล เป็นแหล่งการค้าแห่งใหม่ของบุรีรัมย์ ตั้งอยู่ระหว่างช้างอารีนา กับช้างเซอร์กิต มีปราสาทหินพนมรุ้งจำลอง สวนศิวะ 12 และมีร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ
ไฟล์:รัชกาล ๑.jpg|พระบรมราชานุสาวรีย์ ร.1
ไฟล์:Buriram City Pillar.jpg|ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์
ไฟล์:Thunder Castle 2.jpg|ช้างอารีนา
อำเภอลำปลายมาศ
อุทยานลำน้ำมาศ
พระธาตุทะเมนชัย
สะพานไม้หนองผะอง
บ้านสวนฟรุ๊ตการ์เด้น
อำเภอหนองหงส์
พิพิธภัณฑ์เมืองฝ้าย
สวนไทรงาม
พิพิธภัณฑ์ชาวบ้าน บ้านโคกกลาง
อำเภอห้วยราช
หมู่บ้านท่องเที่ยว บ้านสนวนนอก
อำเภอพุทไธสง
วัดศีรษะแรด (วัดหงส์) มีพระเจ้าใหญ่วัดหงส์เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ขนาดหน้าตัก 1.6 เมตร สูง 2 เมตร สร้างด้วยศิลาแลง มีศิลปะพื้นเมืองปรากฏอยู่ ทุกปีในวันขึ้น 14 ค่ำ หรือวันแรม 1 ค่ำเดือน 3 จะจัดงานเฉลิมฉลองทุกปี โดยผู้คนไปนมัสการกราบไหว้เป็นจำนวนมาก
วัดมณีจันทร์ มีภาพติดกระจกสีที่งดงาม มีเพียงแห่งเดียวในภาคอีสาน
วัดบรมคงคา มีภาพฮูปแต้มศิลปะอีสานที่งดงาม
หมู่บ้านท่องเที่ยวไหมหัวสะพาน เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวที่ให้การเรียนรู้เกี่ยวกับการทอผ้าไหม
คูเมืองเมืองพุทไธสงและบึงสระบัว
อนุสาวรีย์พระยาเสนาสงคราม เจ้าเมืองพุทไธสงท่านแรก ตั้งอยู่ที่ว่าการอำเภอพุทไธสง
;อำเภอแคนดง
หมู่บ้านท่องเที่ยว บ้านเมืองทะเล
อำเภอนาโพธิ์
หมู่บ้านทอผ้าไหมนาโพธิ์ โดยมีผ้าไหมพื้นไหมหางกระรอก, ผ้าโสร่ง, ผ้าขาวม้า และผ้ามัดหมี่ ลักษณะเด่นของผ้าไหมนาโพธิ์ คือ เนื้อแน่น และเส้นไหมละเอียด
วัดท่าเรียบ มีศิลปะแบบอีสาน และภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบอีสานหรือฮูปแต้ม
พระธาตุบ้านดู่ เป็นพระเจดีย์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุหลายร้อยปี
อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์
ปรางค์กู่สวนแตง เป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดู สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 โดยได้รับอิทธิพลจากศิลปกรรมสมัยนครวัดเป็นโบราณสถานอีกแห่งที่ถูกวางระเบิดจนองค์ปรางค์พังทลายลงมาเพื่อโจรกรรม ชิ้นส่วนปราสาทไปขาย ภายหลังกรมศิลปากรได้บูรณะใหม่จนมีความสมบูรณ์ และประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2547ลักษณะของกู่ประกอบด้วย ปรางค์อิฐ 3 องค์ ตั้งเรียงกันในแนวเหนือ-ใต้ บนฐานศิลาแลงเดียวกัน อาคารทั้งหมดหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีประตูหน้าเพียงประตูเดียว อีก 3 ด้าน สลักเป็นประตูหลอก ปรางค์องค์กลางมีขนาดใหญ่และมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้านหน้าทั้ง 3 ด้าน มีลักษณะยื่นออกมาและมีแผ่นศิลาทรายรองรับ ส่วนปรางค์อีกสององค์มีขนาดเล็กกว่าฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีประตูเดียวทางด้านหน้า เช่นกัน ส่วนผนังอีก 3 ด้าน ก่อเรียบทึบ สำหรับบนพื้นหน้าปรางค์มีส่วนประกอบสถาปัตยกรรมหินทรายอื่น ๆ ตกหล่นอยู่ เช่น ฐานบัว, ยอดปรางค์, กลีบขนุน, รูปนาค 6 เศียร อายุของกู่สวนแตงสามารถกำหนดได้จากทับหลังของปรางค์ ซึ่งปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร อยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ 17 เนื่องจากภาพสลักบนทับหลังทั้งหมดมีลักษณะตรงกับศิลปะขอมแบบนครวัด ที่มีอายุอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว อาทิเช่น ทับหลังสลักภาพพระนารายณ์ตรีวิกรม (ตอนหนึ่งในวามนาวตารแสดงภาพพระนารายณ์ย่างพระบาท 3 ก้าว เหยียบโลกบาดาล, โลกมนุษย์ และโลกสวรรค์), ทับหลังภาพศิวนาฎราช, ทับหลังภาพการกวนเกษียรสมุทร, ทับหลังภาพนารายณ์บรรทมสินธุ์ ฯลฯ แต่ละชิ้นมีขนาดใหญ่สวยงามน่าสนใจยิ่ง
กู่ฤๅษีหนองเยือง เป็นอโรคยาศาลหรือโรงพยาบาล สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
วัดหลักศิลา มีพระอุโบสถอายุนับร้อยปี สร้างในแบบศิลปะเชิงช่างกุลา คือมีการมุงหลังคาซ้อนเป็นชั้น ๆ คล้ายกับศิลปะไทใหญ่ ซึ่งหาชมได้ยากในปัจจุบัน
อำเภอคูเมือง
อุทยานไม้ดอกเพลาเพลิน แหล่งเรียนรู้ธรรมชาติ ภายในมีโรงเรือนจัดแสดงดอกไม้ทั่วโลก สมบูรณ์ที่สุดในภาคอีสาน ภายในประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วจำลอง ที่ได้อัญเชิญมาจากศรีลังกา
อำเภอสตึก
พระพุทธรูปใหญ่ (พระพุทธรูปปฏิมาสันตยาภิรมย์สตึกอุดมราษฎรนิมิตนมิน) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐาน ณ บริเวณที่ว่าการอำเภอสตึก สามารถชมทัศนียภาพแม่น้ำมูล
ศาลเจ้าพ่อวังกรูด ตั้ง ณ ริมฝั่งแม่น้ำมูล เป็นที่เลื่อมใสแก่ประชาชนชาวอำเภอสตึก
พระเจ้าใหญ่ดงแสนตอ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ณ ตำบลทุ่งวัง อำเภอสตึก
หมู่บ้านพิมานโพนเงิน หมู่บ้านที่มีการเลี้ยงช้างมากที่สุดในจังหวัดบุรีรัมย์
อำเภอนางรอง
อ่างเก็บน้ำทุ่งแหลม
วัดภูม่านฟ้า เป็นวัดเก่าในเขตเทศบาลเมืองนางรอง ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สามารถศึกษาสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ได้ เพราะเมืองนางรองเป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดอีกแห่งในประเทศ อาทิ วัดกลางนางรอง วัดขุนก้อง วัดร่องมันเทศ
หมู่บ้านท่องเที่ยวไหม หนองตาไก้
อำเภอหนองกี่
หาดปราสาททอง หรืออ่างเก็บน้ำทุ่งกระเต็น ตั้งอยู่หน้าองค์การบริหารส่วนตำบลเย้ยปราสาท ระยะห่างระหว่างขอบสระถึงเกาะกลาง 250 เมตร เนื้อที่ 2450 ไร่ หาดปราสาททอง ยังเหมาะแก่การปั่นจักรยานรอบ ๆ อ่างเก็บน้ำ โดยรวมของระยะทางทั้งหมด เกือบ 10 กิโลเมตร ที่พิเศษกว่านั้น ยังเป็นสถานที่ฝึกซ้อมกีฬาทางน้ำ เช่น เจ็ทสกี ระยะทางฝึกซ้อมและการแข่งขัน 9.3 กิโลเมตร โดยสามารถเดินทางผ่านทางแยกต่างระดับ อำเภอสีคิ้ว เลี้ยวมาทางอำเภอโชคชัย ผ่านอำเภอหนองบุญมาก ถึงสี่แยกอำเภอหนองกี่ จากนั้นเลี้ยวซ้ายประมาณ 3 กิโลเมตร ก็จะถึงหาด
อำเภอปะคำ
ปราสาทวัดโคกงิ้ว
ปราสาทตาดำ
อำเภอโนนดินแดง
เขื่อนลำนางรอง เป็นเขื่อนดินฐานคอนกรีตขนาดใหญ่ จุน้ำได้ประมาณ 150 ล้านลูกบาศก์เมตร มีถนนลาดยางบนสันเขื่อนเชื่อมต่อไปยังหมู่บ้านตัวอย่าง หมู่บ้านพัฒนาหนองตาเยาว์ และหนองหว้า ซึ่งอยู่ใกล้ชายแดนเพียง 20 กว่ากิโลเมตรเท่ากัน ที่สันเขื่อนมีหินลอย (หินภูเขาไฟอีกชนิดหนึ่ง) เป็นก้อนและแผ่นสีสันแบ่งกันเป็นชั้นสวยงาม ซึ่งได้นำไปกองกั้นน้ำเซาะสันเขื่อน นอกจากนี้ ยังเป็นที่เที่ยวที่มีชื่อเสียงในอำเภอโนนดินแดง บรรยากาศสวยงาม มีที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก ด้วยทะเลสาบเหนือเขื่อนอันกว้างใหญ่ หาดทรายสวยงามบรรยากาศดี ชาวบุรีรัมย์จึงนิยมพาครอบครัวไปพักผ่อน เล่นน้ำและรับประทานปลาสดจากเขื่อน
ปราสาทหนองหงส์
อนุสาวรีย์เราสู้ อยู่ริมทางหลวงในเขต ต.โนนดินแดง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ชาวบุรีรัมย์ร่วมสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2522 เพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของประชาชน, ตำรวจ และทหาร ที่เสียชีวิตจากการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ซึ่งขัดขวางการก่อสร้าง ถนนสายละหานทราย - ตาพระยา
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ป่าที่อุดมสมบูรณ์ทางตอนใต้ของจังหวัดบุรีรัมย์ ห่างจากอำเภอโนนดินแดง 5 กิโลเมตร เป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญ ทำให้เกิดพืชพันธุ์ สัตว์ป่าที่หลากหลาย
ผาแดง อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ บ้านหนองเสม็ด ต.ลำนางรอง อ.โนดินแดง จ.บุรีรัมย์ เป็นเขตติดต่อระหว่าง อ.โนนดินแดง กับ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งใหม่ของจังหวัดบุรีรัมย์ นักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติสามารถมาสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ชมดวงอาทิตย์ตก ทัศนียภาพของผืนป่าธรรมชาติอันกว้างใหญ่สวยงามของเทือกเขาบรรทัด และป่าสงวนแห่งชาติดงใหญ่ โดยเฉพาะช่วงที่มีอากาศหนาวเย็นในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวจะได้พบกับทะเลหมอกปกคลุมป่าดงใหญ่ - เทือกเขาบรรทัดอันซับซ้อนสวยงามด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นจุดพักรถของคนเดินทางผ่านจังหวัดบุรีรัมย์ ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ในภาคตะวันออกด้วย ซึ่งช่วงนี้ในแต่ละวันได้มีนักท่องเที่ยวและผู้ที่เดินทางแวะมาเที่ยวชมพักผ่อน ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกเป็นจำนวนมาก ไม่แพ้แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอื่น ๆ แหล่งท่องเที่ยวดังกล่าว สามารถเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ ในพื้นที่อำเภอโนนดินแดงอีกด้วย
อำเภอละหานทราย
วัดโพธิ์ทรายทอง เป็นวัดของหลวงปู่ศุข เกจิอาจารย์ดังแห่งอีสานใต้
วัดป่าละหานทราย ภายในวัดมีพระอุโบสถศิลปะล้านนาผสมล้านช้าง ประดิษฐานตั้งอยู่กลางน้ำ มีความงดงาม นอกจากนั้นยังมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานหลายองค์
หินหลุม เป็นกลุ่มหินหลุมกุมภลักษ์ เป็นสถานที่เรียนรู้ด้านธรณีวิทยา
อ่างเก็บน้ำลำจังหัน
อ่างเก็บน้ำลำปะเทีย
อำเภอประโคนชัย
ปราสาทเมืองต่ำ เมืองโบราณร่วมสมัยกับปราสาทเขาพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำเป็นปราสาทหินของโบราณที่มีขนาดใหญ่มาก สร้างขึ้นตามคติความเชื่อของศาสนาฮินดูเพื่อใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตัวปราสาทออกแบบได้อย่างงดงาม มีโครงสร้างที่ได้สัดส่วนบริเวณโดยรอบปราสาท เป็นชุมชนโบราณสมัยขอม ที่มีประวัติเกี่ยวเนี่ยงกับปราสาทเขาพนมรุ้ง ปราสาทเมืองต่ำจึงมีความสำคัญทางโบราณคดี นอกเหนือจากเป็นมรดกทางศิลปกรรมที่งดงาม ปราสาทแห่งนี้ได้รับการบูรณะในปี พ.ศ. 2540
กุฏิฤๅษีโคกเมือง เป็นปราสาทขอม สร้างขึ้นเพื่อเป็นอโรคยาศาล หรือโรงพยาบาลประจำเมือง ตั้งอยู่ใกล้กับปราสาทเมืองต่ำ อยู่ติดกับยารายเมืองต่ำ หรือทะเลเมืองต่ำ ชาวบ้านโคกเมืองเรียกปราสาทหลังนี้ว่า "ปราสาทน้อย" เป็นอโรคยาศาลที่สมบูรณ์ที่สุดอีกแห่งในประเทศ
กุฏิฤๅษีหนองบัวราย เป็นปราสาทขอม สร้างขึ้นเพื่อเป็นอโรคยาศาล ตั้งอยู่บ้านหนองบัวราย ตำบลจรเข้มาก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาพนมรุ้ง
ปราสาทบ้านบุ บ้านบุ ตำบลจรเข้มาก เป็นปราสาทขอมสร้างขึ้นเพื่อเป็นธรรมศาลา ที่พักของผู้แสวงบุญในสมัยขอมโบราณ
หมู่บ้านโฮมสเตย์โคกเมือง ตั้งอยู่ที่บ้านโคกเมือง ตำบลจรเข้มาก เป็นหมู่บ้านโฮมสเตย์ที่ได้รับรางวัลระดับประเทศมากมาย มีกิจกรรมให้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นมากมาย อาทิ เรียนรู้การปลูกข้าวหอมมะลิภูเขาไฟ, การทอเสื่อกก, การทอผ้าไหม, การเรียนรู้เกษตรวิถีพอเพียง เป็นต้น
อ่างเก็บน้ำสนามบิน อดีตเป็นสนามบินเพื่อใช้ในการส่งเสบียง สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามยุติ จึงได้สร้างอ่างเก็บน้ำกั้นลำห้วยระเวีย เพื่อกักเก็บน้ำใช้ในการอุปโภคบริโภคภายในเขตเทศบาลตำบลประโคนชัย ปัจจุบันได้รับการประกาศเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบิน เป็นสถานที่พักผ่อน ชมธรรมชาติ โดยมีนกประจำถิ่นและนกอพยพอาศัยมากมาย ปัจจุบันมีการปล่อย นกกระเรียนพันธุ์ไทย ในบริเวณนี้อีกด้วย
เมืองโบราณแสลงโทน เป็นเมืองโบราณตั้งอยู่ในเขตบ้านแสลงโทน ต.แสลงโทน อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศใต้ ตามทางหลวงหมายเลข 2445 สายบุรีรัมย์-ประโคนชัย ระยะทาง 25 กิโลเมตร ทางหลวงตัดผ่ากลางชุมชนโบราณ มองเห็นคันดินเป็นแนวสูงประมาณ 5-7 เมตร อยู่สองข้างทาง เมืองโบราณแห่งนี้มีลักษณะเป็นรูปกลมรีวางตามแนวตะวันออก ตะวันตก มีพื้นที่ในเขตเมืองโบราณโดยประมาณทั้งสิ้น 1.19 ตารางกิโลเมตร มีคูเมืองโอบอยู่นอกคันดิน 3 ชั้น ปัจจุบันเหลือเพียงชั้นเดียว ใกล้คันดินด้านที่ตั้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลแสลงโทนในปัจจุบัน มีเนินดินซึ่งมีก้อนหินศิลาแลงกระจัดกระจายเข้าใจว่าเคยมีศาสนสถาน แต่ปัจจุบันเป็นที่ตั้งศาลเจ้าพ่อแสลงโทน เรียกว่า ศาลปู่เจ้าหรือกระท่อมเนียะตา เป็นศาลเจ้า ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านแสลงโทนและชาวบ้านใกล้เคียง สร้างด้วยไม้ระแนง หลังคามุงกระเบื้องและพื้นเป็นปูนซีเมนต์ ทั้งคูน้ำคันดิน (ที่เหลืออยู่ริมทางหลวง) และเนินดินศาลเจ้าพ่อแสลงโทน ได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานแล้ว นอกจากนี้ยังพบหลักฐานอื่นที่สำคัญ คือ สระน้ำโบราณรูปสี่เหลี่ยมในเขตวัดแสลงโทน 2 สระ พบเศษภาชนะดินเผา โครงกระดูกมนุษย์ เครื่องประดับ เทวรูปเก่าและใบเสมาเก่า ซึ่งเข้าใจว่าบริเวณนี้เคยเป็นศาสนสถานสำคัญประจำชุมชนโบราณ
เส้นทางกุ้งจ่อม กระยาสารท ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลตำบลประโคนชัย มีการผลิตกุ้งจ่อม ซึ่งเป็นภูมิปัญญาการถนอมอาหารเฉพาะถิ่นของอำเภอประโคนชัย และกระยาสารท อาหารหวานที่คู่เมืองประโคนชัย ซึ่งเป็นขนมสำคัญในงานประเพณีแซนโฎนตา ประเพณีสำคัญของคนไทย ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ของอำเภอประโคนชัย นอกจากนั้นยังมีอาหารท้องถิ่นเฉพาะถิ่นประโคนชัย อาทิ กุ้งจ่อมผัด, แกงฮ็อง, แกงบวน เป็นต้น
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ปราสาทเขาพนมรุ้งได้รับการยกย่องว่าเป็นปราสาทหินที่งดงามมากแห่งหนึ่งของไทย ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้งซึ่งเคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน ตัวปราสาทสร้างด้วยหินทรายสีชมพู และศิลาแลงอย่างยิ่งใหญ่อลังการมีการออกแบบผังปราสาทตามแนวความเชื่อที่สอดคล้องกับภูมิประเทศศาสนสถานแต่ละส่วนประดับด้วยลวดลายวิจิตรงามตาโดยเฉพาะหน้าบันศิวนาฎราชและทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ที่มีความงดงามละเอียดอ่อนช้อย นับเป็นโบราณสถานอันทรงคุณค่าที่ไม่ควรพลาดชมในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 (ประมาณเดือน เม.ย. - พ.ค.) ของทุกปีจะมีประเพณีเดินขึ้นเขาพนมรุ้งเพื่อชมปรากฏการณ์ธรรมชาติอันน่ามหรรศจรรย์ คือ พระอาทิตย์จะสาดแสงตรงเป็นลำทะลุช่องประตูปราสาททั้ง 15 บานราวปาฏิหาริย์และเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบปีเท่านั้น
น้ำตกเขาพนมรุ้ง
ปราสาทหนองกง ห่างจากเชิงพนมรุ้งไปทางทิศใต้ 2.8 กิโลเมตร
วัดเขาพระอังคาร เป็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่ ตั้งอยู่บนยอดเขาพระอังคารซึ่งสูงประมาณ 320 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีโบสถ์ที่ประยุกต์จากสถาปัตยกรรมหลายสมัย ดูสวยงามแปลกตา เป็นวัดที่สวยงามใหญ่โตแห่งหนึ่งของบุรีรัมย์ มีโบสถ์, ศาลา และอาคารต่าง ๆ สร้างเลียนแบบสถาปัตยกรรมสมัยต่าง ๆ หลายรูปแบบงดงาม แปลกตาและน่าสนใจยิ่ง ภายในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง และเรื่องราวพุทธชาดกเป็นภาษาอังกฤษด้วย บริเวณวัดเป็นปากปล่องภูเขาไฟคาดว่าเคยเป็นที่ตั้งของโบราณสถานสมัยทวารวดีเพราะเสมาหินแกะสลักสมัยดังกล่าวหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก
เขาอังคาร เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้วอีกลูกหนึ่งในบุรีรัมย์ อยู่ในเขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ห่างจากปราสาทพนมรุ้ง 20 กิโลเมตร โดยลงมาจากพนมรุ้ง ถึงบ้านตาเป็กแล้วเลี้ยวซ้ายมาตามทางที่จะไปละหานทรายประมาณ 13 กิโลเมตรแล้วเลี้ยวขวาเข้าทางลูกรังอีกประมาณ 7 กิโลเมตรพบโบราณสถานเก่าแก่ และใบเสมาหินทรายสมัยทวารวดีสำคัญหลายชิ้น
น้ำตกเขาพระอังคาร ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการสำรวจเพื่อเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัด
อำเภอบ้านกรวด
แหล่งหินตัด แหล่งหินตัด จังหวัดบุรีรัมย์ห่างจากตัวอำเภอบ้านกรวด 7 กม. เป็นลานหินกว้างเกือบ 2,000 ไร่ ใกล้ชายแดนติดกับราชอาณาจักรกัมพูชา มีร่องรอยการตัดหิน เพื่อนำไปสร้างปราสาทหินต่าง ๆ ในเขตอีสานใต้ รวมทั้งปราสาทพนมรุ้ง และปราสาทเมืองต่ำ
เตานายเจียน เป็นเตาเผาโบราณอายุประมาณ 1,000 ปี และได้พบเครื่องเคลือบโบราณจำนวนมาก คนโบราณใช้เผาเครื่องปั้นดินเผา หม้อ และไหต่าง ๆ
เตาสวาย เป็เตาเผาโบราณอายุประมาณ 1,000 ปี เป็นที่ผลิตเครื่องถ้วยศิลปะขอม ที่มีขนาดใหญ่ กรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นและสร้างอาคารครอบเตาไว้ ภายในมีนิทรรศการเครื่องเคลือบโบราณ และมีเศษเครื่องถ้วยที่ขุดพบบางส่วน ตั้งอยู่ที่บ้านโคกเมือง เทศบาลตำบลโนนเจริญ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
จุดผ่อนปรนชายแดนช่องสายตะกู ตั้งอยู่ในเขต เทศบาลตำบลจันทบเพชร เป็นตลาดค้าขายติดชายแดนบนเทือกเขาพนมดงรัก ประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าบริเวณชายแดนได้
สวนป่าบ้านกรวด เป็นผืนป่าที่มีการปลูกขึ้น เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ สามารถชมธรรมชาติได้ ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติตาพระยา ส่วนหนึ่งของผืนป่ามรดกโลก ป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่
เขื่อนห้วยเมฆา เป็นการพัฒนาพื้นที่แนวชายแดนชายไทย-กัมพูชา บริเวณช่องเขาเมฆาเพื่อใช้น้ำในทางการเกษตรกร โดยได้รับงบประมาณจากการสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ. 2528
พิพิธภัณฑ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ วัดป่าพระสบาย เป็นที่เก็บรวบรวมวัตถุโบราณในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่พบในเขตตำบลบึงเจริญ
ศูนย์วัฒนธรรมอำเภอบ้านกรวด ตั้งอยู่ในโรงเรียนบ้านกรวดวิทยาคาร เป็นที่เก็บรักษาเครื่องเคลือบที่ขุดพบในเขตอำเภอบ้านกรวด
ผึ้งร้อยรัง เป็นสถานที่ที่ผึ้งจะมาทำรังบนต้นไม้ขนาดใหญ่เป็นร้อย ๆ รัง
ปราสาทถมอ ปราสาทหินเก่าแก่สันนิษฐานว่าเป็นธรรมศาลา สร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18
ปราสาททอง ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังตลาดสดเทศบาลตำบลบ้านกรวด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 16 มีการขุดพบทับหลังในสภาพสมบูรณ์
ปราสาทละลมทม ตั้งอยู่ที่บ้านศรีสุข ตำบลเขาดินเหนือ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นช่วงพุทธศตวรรษที่ 16
ปราสาทบายแบก ตั้งอยู่ที่บ้านสายโท 5 เทศบาลตำบลจันทบเพชร เป็นปราสาทขอมที่ติดชายแดนที่สุดในจังหวัดบุรีรัมย์ มีลักษณะพิเศษคือ เป็นปราสาทที่หันหน้าทางทิศตะวันตก
== ประชากรศาสตร์ ==
=== กลุ่มชาติพันธุ์ ===
ประชากรในจังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบด้วยชาว ไทยลาว, ไทยโคราช และชาวกูย มีภาษาพูดที่ยังใช้อยู่ในปัจจุบันสี่ภาษาด้วยกันดังนี้
ภาษาไทยถิ่นอีสาน (ลาวร้อยเอ็ด หรือลาวตะวันตก) มีคนใช้อยู่ประมาณร้อยละ50 มีใช้ในอำเภอลำปลายมาศ, อำเภอพุทไธสง, อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์, อำเภอนาโพธิ์, อำเภอคูเมือง, อำเภอหนองหงส์, อำเภอแคนดง และบางส่วนของอำเภอสตึก, อำเภอโนนดินแดง, อำเภอโนนสุวรรณ, อำเภอหนองกี่, อำเภอปะคำ, อำเภอเมืองบุรีรัมย์, อำเภอบ้านกรวด, อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
ภาษาถิ่นไทย หรือ ภาษาสุรินทร์ มีคนใช้อยู่ประมาณร้อยละ 18มีใช้ในอำเภอพลับพลาชัย, อำเภอห้วยราช, อำเภอประโคนชัย, อำเภอกระสัง, อำเภอบ้านกรวด และบางส่วนของอำเภอเมืองบุรีรัมย์
ภาษาไทยโคราช มีคนใช้อยู่ประมาณร้อยละ 30มีใช้ในอำเภอนางรอง, อำเภอละหานทราย, อำเภอปะคำ, อำเภอชำนิ, อำเภอหนองกี่ และบางส่วนของอำเภอเมืองบุรีรัมย์, อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
ภาษาส่วยหรือกูย มีคนใช้อยู่เล็กน้อยประมาณร้อยละ 2 มีใช้ในพื้นที่บางส่วนของอำเภอสตึก, อำเภอบ้านด่าน, อำเภอห้วยราช, อำเภอประโคนชัย, อำเภอหนองกี่ และอำเภอหนองหงส์
== สาธารณสุข ==
โรงพยาบาลบุรีรัมย์
โรงพยาบาลนางรอง
โรงพยาบาลบุรีรัมย์ราม
โรงพยาบาลค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์
โรงพยาบาลห้วยราช
โรงพยาบาลกระสัง
โรงพยาบาลลำปลายมาศ
โรงพยาบาลสตึก
โรงพยาบาลคูเมือง
โรงพยาบาลประโคนชัย
โรงพยาบาลพลับพลาชัย
โรงพยาบาลชำนิ
โรงพยาบาลหนองหงส์
โรงพยาบาลพุทไธสง
โรงพยาบาลบ้านกรวด
โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติ
โรงพยาบาลโนนสุวรรณ
โรงพยาบาลปะคำ
โรงพยาบาลนาโพธิ์
โรงพยาบาลบ้านใหม่ไชยพจน์
โรงพยาบาลหนองกี่
โรงพยาบาลโนนดินแดง
โรงพยาบาลละหานทราย
โรงพยาบาลแคนดง
โรงพยาบาลบ้านด่าน
ไฟล์:Buriram Hospital 02.jpg|โรงพยาบาลบุรีรัมย์
ไฟล์:ภายในโรงพยาบาลบุรีรัมย์.jpg|ภายในโรงพยาบาลบุรีรัมย์
ไฟล์:โรงพยาบาลเอกชนบุรีรัมย์.jpg|โรงพยาบาลเอกชนบุรีรัมย์
== กีฬา ==
จังหวัดบุรีรัมย์เป็นที่ตั้งของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลใหญ่ในไทยลีก เป็นสโมสรฟุตบอลที่ชนะเลิศไทยลีกมากที่สุดด้วยจำนวน 7 สมัย และเคยทำผลงานระดับทวีปได้ดีที่สุดคือ การเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2013 โดยมีสยามเหย้าของสโมสร คือ ช้างอารีนา มีความจุ 32,600 ที่นั่ง
นอกจากฟุตบอลแล้ว ยังมีสนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ซึ่งเคยใช้จัดแข่งขันโมโตจีพีมาแล้ว นอกจากนี้ยังมีการจัดแข่งขันมาราธอนในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
สนามกีฬาอื่น ๆ อาทิ สระว่ายน้ำ, สนามเทนนิส ตั้งอยู่ในตัวเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ นอกจากนี้ยังมีโรงพลศึกษาของการกีฬาแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ในพื้นที่ของโรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม
ไฟล์:Buriram United Camp.jpg|ที่พักของนักฟุตบอลสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
== วัฒนธรรม ==
=== งานประเพณีและเทศกาลท่องเที่ยวสำคัญ ===
งานดอกฝ้ายคำบาน: ช่วงเดือน ม.ค. - ก.พ. ของทุกปี บริเวณปราสาทเขาพนมรุ้ง
มหกรรมว่าวอีสาน: ช่วงเดือน ม.ค. บริเวณสนามกีฬามหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบุรีรัมย์ อ.ห้วยราช ในงานมีการประกวดขบวนว่าว, ธิดาว่าว, การนำเสนอสินค้า, วัฒนธรรม, ภูมิปัญญาอำเภอห้วยราช และไฮไลท์อยู่ที่ การแข่งขันว่าวอีสานหรือว่าวแอก ที่มีรูปร่างเอกลักษณ์ของบุรีรัมย์ ด้านบนติดแอก ซึ่งแอกเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเสียง ซึ่งมีการวิ่งว่าวในช่วงเช้าของวันแรก และเอาว่าวลงในช่วงเช้าของวันที่ 2 ในช่วงกลางคืนของคืนแรก จึงมีกิจกรรม "นอนดูดาว ชมว่าวกลางคืน"
มหกรรมมวยไทยเทศกาลกินไก่ไหว้เจ้าพ่อขุนศรี: ประมาณปลายเดือน กุมภาพันธ์ ของทุกปี บริเวณสนามที่ว่าการอำเภอ อ.หนองกี่
นมัสการพระเจ้าใหญ่วัดศีรษะแรด (วัดหงส์): วันขึ้น 14 ค่ำ ถึงวันแรก 1 ค่ำ เดือน 3 หรือตรงกับ วันมาฆบูชา ของทุกปี ที่วัดศีรษะแรด อ.พุทไธสง
นมัสการรอยพระพุทธบาทจำลอง: วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 หรือ วันมาฆบูชา
งานประเพณีขึ้นเขากระโดง: ช่วงเดือน เม.ย. ของทุกปี ณ วนอุทยานแห่งชาติเขากระโดง ตำบลเสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์
งานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง: เดือนเมษายน ของทุกปี (วันเพ็ญเดือนห้า) ณ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ
งานเครื่องเคลือบพันปี: ช่วงเดือน เม.ย. ของทุกปี ที่ หน้าที่ว่าการอำเภอ อ.บ้านกรวด ในงานมีการจัดขบวนนางรำ ขบวนเครื่องเคลือบจำลอง การขายผลิตภัณฑ์ชุมชนจากทุกตำบลในเขตอำเภอบ้านกรวด
งานประเพณีบุญบั้งไฟ: ประมาณสิ้นเดือน พ.ค. - ต้นเดือน มิ.ย. ของทุกปี ที่บ้านหนองบัวลี-หนองบัวลอง ต.ไทยสามัคคี อ.หนองหงส์
งานสืบสานประเพณี ของดีโนนสุวรรณ: จัดขึ้นช่วงเดือน พ.ค. - มิ.ย. ของทุกปี ณ บริเวณที่ว่าการ อำเภอโนนสุวรรณ ซึ่งเป็นงานมีการสืบสานประเพณีบุญบั้งไฟ จัดการแข่งขบวนเซิ้งบั้งไฟ และมีการนำเสนอของดีโนนสุวรรณที่หลากหลาย อาทิ ผ้าไหม, ผลไม้ เพราะโนนสุวรรณถือว่าเป็นแหล่งผลไม้สำคัญของจังหวัด อาทิ เงาะ, ทุเรียน, ฝรั่ง ฯลฯ ทำให้ผู้มาเที่ยวงานสามารถเลือกซื้อผลไม้ และสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนได้จากผู้ผลิตโดยตรง
งานปรางค์กู่สวนแตงและประเพณีบุญบั้งไฟ: จัดขึ้นช่วงเดือน พ.ค. ของทุกปี ณ บริเวณ ปรางค์กู่สวนแตง อำเภอบ้านใหม่ไชยพจน์ ภายในงานมีการประกวดขบวนบั้งไฟสวยงาม, การประกวดขบวนเซิ้ง, การนำเสนอผลิตภัณฑ์ชุมชน และการแสดงแสงสีเสียง เล่าเรื่องราวปรางค์กู่สวนแตง โบราณสถานที่สำคัญของบุรีรัมย์
ประเพณีแข่งเรือยาว: วันเสาร์-อาทิตย์แรก ของเดือน พ.ย. ที่ลำน้ำมูล ที่ที่ว่าการ อ.สตึก
งานวันหอมแดง แข่งเรือยาว ชาวหนองหงส์: ช่วงประมาณเดือน ธ.ค. ของทุกปี - มี.ค. ของปีถัดไป ที่หนองสระแก้ว อ.หนองหงส์
ประเพณีแห่ตาปู่แสลงโทน และประเพณีสงกรานต์โบราณชาวแสลงโทน: ช่วงประมาณเดือน เม.ย. - พ.ค. ของทุกปี ที่บ้านแสลงโทน ต.แสลงโทน อ.ประโคนชัย
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
===พระภิกษุ===
พระธรรมวัชรวิสุทธิ์ (พรหมา สปฺปญฺโญ) ป.ธ.9 ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร
พระธรรมวัชรบัณฑิต (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ) ป.ธ.9
พระธรรมราชานุวัตร (สุทัศน์ วรทสฺสี) ป.ธ.9
พระเทพวชิรเมธาจารย์ (บุญร่วม อตฺถกาโม) ป.ธ.9 เจ้าคณะภาค 11,เจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร
พระราชพิศาลสุธี (อาจ อาวุธปญฺโญ) ประโยค 1-2 เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ (ธรรมยุติกนิกาย)
พระสังวรวิสุทธิคุณ (แผ่นทอง จาครโต)
พระสุนทรธรรมเมธี (สุเทพ อาสโภ) ป.ธ.4
พระสุธีวีรบัณฑิต (โชว์ ทสฺสนีโย) ป.ธ.7
พระศรีปริยัติธาดา (ทองสา ฐานิสฺสโร) ป.ธ.9 รองเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์
พระวชิรกิตติบัณฑิต (ทองขาว กิตฺติธโร) ป.ธ.4
พระวิมลศาสนวิเทศ (สำรวจ กมโล) น.ธ.เอก, Ph.D,พธ.ด.(กิตติมศักดิ์) เจ้าอาวาสวัดไทยนอร์เวย์ ราชอาณาจักรนอร์เวย์,ประธานสหภาพพระธรรมทูตไทยในยุโรป (ส.ธ.ย.),รองประธานองค์การพระธรรมทูตโลก W.B.D.O.
พระมงคลสุตกิจ (บุญถิ่น ปุญฺญสิริ) ป.ธ.7 เจ้าคณะอำเภอห้วยราช,เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์
พระเลอศักดิ์ วราสโภ
===นักการเมือง, ข้าราชการ===
พลเอกพิรุณ แผ้วพลสง อดีตรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด กระทรวงกลาโหม
ครูโสภณ ซารัมย์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย,อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2551 - พ.ศ. 2554
ทรงศักดิ์ ทองศรี พรรคภูมิใจไทย, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายเสกข์สรร ธีระวาณิชย์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2548
ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย
สนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย
ไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย
อดิพงษ์ ฐิติพิทยา ส.ส.พรรคภูมิใจไทย
รังสิกร ทิมาตฤกะ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย
ศักดิ์ ซารัมย์ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย
พรชัย ศรีสุริยันโยธิน ส.ส.พรรคภูมิใจไทย
ไตรเทพ งามกมล ส.ส.พรรคภูมิใจไทย
รุ่งโรจน์ ทองศรี ส.ส.พรรคภูมิใจไทย
จักรกฤษณ์ ทองศรี ส.ส.พรรคภูมิใจไทย
อนุสรณ์ แก้วกังวาล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัด,อดีตนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดบุรีรัมย์
ดํารงชัย เนรมิตตกพงศ์ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์
===นักแสดง, นักร้อง===
ทฤษฎี สหวงษ์ นักแสดง นายแบบ พิธีกรชาวไทย
แช่ม แช่มรัมย์ นักร้อง นักดนตรี
ลลิษา มโนบาล สมาชิกของวงแบล็กพิงก์ เกิร์ลกรุปจากเกาหลีใต้
ศันสนีย์ วัฒนานุกูล นักพากย์ และนักแสดงหญิง
สิงโต นำโชค นักร้อง นักดนตรี และนักแสดง
ลำเพลิน วงศกร นักร้องลูกทุ่งและหมอลำ
หญิงลี ศรีจุมพล นักร้องเพลงลูกทุ่ง
จิ๋ว สกุณชัย นักร้อง นักดนตรี
===นักกีฬา===
ชัชชุอร โมกศรี นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย
พิมพิชยา ก๊กรัมย์ นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย
===บุคคลทางศิลปะวัฒนธรรม===
อ.แดน บุรีรัมย์ (บุญชื่น บุญเกิดรัมย์) คณะกรรมการคอมเมนต์ รายการชิงช้าสวรรค์,นักประพันธ์เพลงไทยลูกทุ่ง
อ.สัญญาลักษณ์ ดอนศรี (สัญญาลักษณ์ ดอนศรีฐิติโชติ) ศิลปินมรดกอีสาน สาขาวรรณศิลป์ (นักประพันธ์เพลงลูกทุ่งหมอลำอีสาน) ประจำปีพ.ศ. 2555 มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ธนบดี ถนอมเมือง (ครูแจ็ค) หัวหน้าวงกันตรึมลิเกกล้วยหอมบรรจงศิลป์
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดบุรีรัมย์
รายชื่อวัดในจังหวัดบุรีรัมย์
รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดบุรีรัมย์
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดบุรีรัมย์
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
|
thaiwikipedia
| 1,845 |
บางปะกง
|
บางปะกง อาจหมายถึง
อำเภอบางปะกง - อำเภอในจังหวัดฉะเชิงเทรา
แม่น้ำบางปะกง - แม่น้ำที่ไหลผ่าน จังหวัดปราจีนบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา และมาไหลออกที่อำเภอบางปะกงจังหวัดฉะเชิงเทรา
ร.ล.บางปะกง (เรือหลวงบางปะกง เรือลำที่สอง)
|
thaiwikipedia
| 1,846 |
โมบิลสูทกันดั้ม : ชาร์ เคาน์เตอร์ แอทแทค
|
โมบิลสูทกันดั้ม : ชาร์ เคาน์เตอร์ แอทแทค (ญี่ปุ่น: 機動戦士ガンダム 逆襲のシャア คิโดเซนชิ กันดั้ม เกียคุชู โนะ ชาร์ ; อังกฤษ: Mobile Suit Gundam Char's Counter Attack) เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันซึ่งออกฉายเป็นครั้งแรกในโรงภาพยนตร์ของประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1988 และเป็นแอนิเมชันกันดั้มเรื่องแรกที่สร้างขึ้นเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์โดยเฉพาะ (แอนิเมชันกันดั้มเรื่องต่อมาที่สร้างขึ้นเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์คือ โมบิลสูทกันดั้ม F91 ซึ่งออกฉายในญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1991) โดยเป็นผลงานกำกับของ "โยชิยูกิ โทมิโนะ" บุคคลซึ่งถือว่าเป็นบิดาของกันดั้ม ผู้มีชื่อเล่นตามเว็บไซต์ของฝั่งอเมริกาว่า "ฆ่ามันให้เหี้ยน โทมิโนะ" เนื่องจากงานส่วนใหญ่ของเขามักจะให้ตัวละครตายอย่างไม่ปราณีคนดู
ในปี พ.ศ. 2562 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบ 40 ปีของกันดั้ม ได้มีการนำภาพยนตร์เรื่องนี้กลับมาฉายในรูปแบบ 4DX เป็นครั้งแรก โดยออกฉายในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2562
ในประเทศไทย โมบิลสูทกันดั้ม : ชาร์ เคาน์เตอร์ แอทแทค ไม่เคยฉายในโรงภาพยนตร์ แต่ได้ออกจำหน่ายในรูปแบบวีซีดีในช่วงปลายปี พ.ศ. 2548 โดยบริษัท ดรีม เอกซ์เพรส (เดกซ์)แปลคำบรรยายภาษาไทยโดยดร.เค. อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2563 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบ 40 ปีของกันดั้มเช่นเดียวกับทางญี่ปุ่นในปีก่อนหน้า จึงได้มีการนำภาพยนตร์เรื่องนี้เข้ามาฉายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก โดยฉายรอบพิเศษวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ในระบบ 4DX และรอบปกติในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 แบบจำกัดโรงฉาย
== เนื้อเรื่อง ==
สาธารณรัฐซีออนที่ซึ่งกำลังอ่อนแอเนื่องจากเสียผู้นำไปจากครั้งการก่อกบฏในซีออนนั้น ได้รับการจุดประกายความหวังอีกครั้งเมื่อชายที่ชื่อ ชาร์ อัสนาเบิ้ล ซึ่งแท้จริงแล้วเขาคือ "แคสวัล เลม ไดคุน" ผู้สืบทอดของซีออนที่แท้จริงได้ปรากฏตัวขึ้นมาและนำกองทัพนีโอ ซีออน บุกโจมตีโลกอีกครั้ง โดยครั้งนี้พวกเขามีแผนที่จะใช้ ทิ้งลูน่าที่ 5 ซึ่งเป็นสถานีอวกาศที่เคยใช้ในการสร้างโคโลนี่เมื่อครั้งมนุษย์เริ่มออกเดินทางสู่อวกาศ, ลงสู่บนพื่นโลกซึ่งเป็นฐานทัพของกองทัพโลกซึ่งตั้งอยู่ ณ ทิเบต เมืองลาซา ทำให้หน่วยลอนโด เบลล์ กองกำลังอิสระภายใต้สังกัดกองทัพโลก ซึ่งมี อามุโร่ เรย์ ศัตรูคู่แค้นของชาร์ในสงครามหนึ่งปี ชายผู้นำชัยชนะมาสู่กองทัพโลก ซึ่งรับรู้ถึงแผนการอันชั่วร้ายของชาห์ ดังนั้นอามุโร่จึงต้องร่วมมือกับ ไบรท์ โนอา อดีตกัปตันไวท์เบสเมื่อครั้งสงครามหนึ่งปี ในการที่จะหยุดการกระทำครั้งนี้ รวมไปถึงการตัดสินขั้นเด็ดขาดกับชาร์อีกด้วย
== ตัวละครหลัก ==
=== ฝ่ายโลก ===
อามุโร่ เรย์
ไบรท์ โนอา
เชน อากิ
เคร่า ชู
=== ฝ่ายนีโอซีออน ===
ชาร์ อัสนาเบิ้ล
เควส ปาราย่า
กิวเน่ กัส
นาไน มิเกล
=== พลเรือน ===
ฮาซาเวย์ โนอา
เซมิ่ง โนอา
มิไร โนอา
ลาล่า ซูน
== โมบิลสูทที่สำคัญในภาคนี้ ==
MSN-04 ซาซาบี (Sazabi)
โมบิลสูทประจำตัว ชาร์ อัสนาเบิ้ลในภาคนี้เป็นโมบิลสูทตัวแรกในจักรวาล UC ที่ติดตั้งระบบไซโคเฟรม ระบบที่ช่วยให้นิวไทป์ขับโมบิลสูทได้ดียิ่งขึ้น จึงทำให้ซาซาบีนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วกว่าหุ่นตัวอื่นในยุคเดียวกัน(และรักษาภาพลักษณ์ของชาร์ ที่มีฉายาว่า ดาวหางสีแดง) ทั้งยังสามารถใช้ฟันเนลได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
อาวุธของซาซาบี ประกอบไปด้วย ฟันเนล 3 คู่ , บีมชอร์ต-ไรเฟิล ปืนสองลำกล้องที่ยิงได้ทั้งแบบไรเฟิลปกติและแบบกระสุนปรายอย่างลูกซอง , ปืนใหญ่มหาอนุภาคที่ติดตั้งไว้บริเวณเอวซึ่งสามารถจัดการศัตรูได้เป็นจำนวนมากภายในการยิงหนึ่งครั้ง และ บีมโทมาฮอคซอร์ดทีใช้เป็นอาวุธระยะประชิดสองเล่ม
RX-93 นิว กันดั้ม (Nu-Gundam)
โมบิลสูทของอามุโร่ เรย์ ที่ปรากฏออกมาในช่วงกลางของเรื่อง มีลักษณะพิเศษเช่นเดียวกับซาซาบีคือติดตั้งระบบไซโคเฟรมไว้เช่นกัน (ซึ่งในช่วงท้ายสุด ระหว่างการประจันหน้าบนแอกซิสที่กำลังตกลงมา ชาร์สารภาพกับอามุโร่ว่าตนเป็นผู้แอบมอบไซโคเฟรมให้อามุโร่ เนื่องจากเขาไม่ต้องการให้คู่แข่งของเขาใช้หุ่นดั้งเดิมที่มีประสิทธิภาพต่างจากซาซาบีมากเกินไป) จึงทำให้เครื่องยนต์ของนิวกันดั้มมีความคล่องแคล่วสูสีกับซาซาบี
สำหรับอาวุธของนิวกันดั้มนั้นประกอบไปด้วยอุปกรณ์พื้นฐานอย่าง บีมไรเฟิล , บีมเซเบอร์ , บาซูก้า , โล่ซึงติดตั้งบีมแคนน่อนและมิซไซล์อีกสี่ลูก แต่จุดที่ทำให้นิวกันดั้มโดนเด่นกว่าหุ่นตัวอื่นๆนั่นก็คือ ฟิน ฟันเนล จำนวนหกชิ้นที่ติดตั้งไว้ที่หลัง ความแตกต่างของมันกับฟันเนลทั่วไปนั้นอยู่ตรงที่ ฟิน ฟันเนล จะมีเครื่องกำเนิดพลังงานภายในตัว จึงไม่จำเป็นต้องกลับไปชาร์จพลังงานจากหุ่นตัวแม่ที่ปล่อยมันออกมา รวมไปทั้งฟิน ฟันเนลแต่ละชิ้นสามารถทำความรุนแรงได้ใกล้เคียงกับปืนใหญ่ของยานแม่ นอกจากนี้ฟิน ฟันเนลยังสามารถสร้าง บีมบาเรีย ที่สามารถป้องกันการโจมตีหรือใช้กักขังศัตรูไว้ให้อยู่ในอาณาเขตของบาเรียอีกด้วย
== รายชื่อตอน ==
== ดูเพิ่ม ==
mahq.net (ภาษาอังกฤษ)
gundamofficial.com (ภาษาอังกฤษ)
== อ้างอิง ==
|
thaiwikipedia
| 1,847 |
ภาพยนตร์
|
ภาพยนตร์ หรือเรียกกันทั่วไปว่า หนัง คือ กระบวนการบันทึกภาพด้วยฟิล์ม แล้วนำออกฉายให้เห็นภาพเคลื่อนไหว ภาพที่ปรากฏบนฟิล์มภาพยนตร์หลังจากผ่านกระบวนการถ่ายทำแล้วเป็นเพียงภาพนิ่งจำนวนมาก ที่มีอิริยาบถหรือแสดงอาการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อยต่อเนื่องกันเป็นช่วง ๆ ตามเรื่องราวที่ได้รับการถ่ายทำและตัดต่อมา ซึ่งอาจเป็นเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง หรือเป็นการแสดงให้เหมือนจริง หรืออาจเป็นการแสดงและสร้างภาพจากจินตนาการของผู้สร้างก็ได้
ไม่ว่าจะเป็นชนิดฟิล์มเนกาทีฟ (negative) หรือฟิล์มโพซิทีฟ (positive) ซึ่งได้ถูกถ่าย อัด หรือกระทำด้วยวิธีใด ๆ ให้ปรากฏรูปหรือเสียงหรือทั้งรูปและเสียง เป็นเรื่องหรือเหตุการณ์ หรือข้อความอันจักถ่ายทอดรูปหรือเสียง หรือทั้งรูปและเสียงได้ด้วยเครื่องฉายภาพยนตร์หรือเครื่องอย่างอื่นทำนองเดียวกัน และหมายความตลอดถึงฟิล์มซึ่งได้ถูกถ่าย อัด หรือทำด้วยวิธีใด ๆ ให้ปรากฏสี เพื่ออัดลงในฟิล์มชนิดดังกล่าว เป็นสาขาที่สร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะในรูปของภาพเคลื่อนไหว และเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมบันเทิง
== เทคโนโลยีภาพยนตร์ ==
ภาพยนตร์ คือ ภาพนิ่ง หลาย ๆ ภาพเรียงติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง ใช้หลักการที่เรียกว่า การเห็นภาพติดตา และเมื่อนำเอาภาพนิ่งเหล่านั้นมาฉายดูทีละภาพด้วยอัตราความเร็วในการฉายต่อภาพเท่า ๆ กัน สายตามนุษย์จะยังคงรักษาภาพไว้ที่เรติน่าเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 1 ส่วน 3 วินาที ถ้าหากภายในระยะเวลาดังกล่าวมีอีกภาพแทรกเข้ามาแทนที่ สมองของคนจะทำการเชื่อมโยงสองภาพเข้าด้วยกัน และจะทำหน้าที่ดังกล่าวต่อไปเรื่อย ๆ หากมีภาพต่อไปปรากฏในเวลาใกล้เคียงกัน ในกรณีที่ภาพแต่ละภาพที่มองเห็น เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความสอดคล้องในลักษณะของการเคลื่อนไหว เมื่อนำมาเรียงต่อกันในระยะเวลากระชั้นชิด ภาพนิ่งเหล่านั้นจะกลายเป็นภาพเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่องกันเป็นธรรมชาติ ปัจจุบัน ความเร็วที่ใช้ในการถ่ายทำคือ 24 เฟรม ต่อ 1 วินาที
ในยุคต่อมามีการพัฒนาภาพยนตร์สามมิติ โดยให้ผู้ชมสวมใส่แว่นตาพิเศษเพื่อให้ได้อรรถรสในการชม โดยภาพที่เห็นมีมิติความลึกสมจริง ในปี พ.ศ. 2495 ภาพยนตร์อเมริกันเรื่อง Bwana Evil เป็นภาพยนตร์สามมิติเรื่องแรกและล่าสุดในปี 2010 "อวตาร" เป็นภาพยนตร์ที่มีคนเข้าชมในระบบ 3 มิติเป็นจำนวนมาก
== ประวัติ ==
ผู้ที่คิดประดิษฐ์ ต้นแบบของภาพยนตร์ขึ้นคือ โทมัส แอลวา เอดิสัน (Thomas Alva Adison) และผู้ร่วมงานของเขาชื่อ วิลเลียม เคนเนดี้ ดิคสัน (William kenady dickson) เมื่อ พ.ศ. 2432 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 เรียกชื่อว่า "คิเนโตสโคป" (Kinetoscope) มีลักษณะเป็นตู้สูงประมาณ 4 ฟุต มักเรียกชื่อว่า "ถ้ำมอง" มีลักษณะการดูผ่านช่องเล็ก ๆ ดูได้ที่ละคน ภายในมีฟิล์มภาพยนตร์ซึ่งถ่ายด้วยกล้องคิเนโตกราฟ (Kinetograph) ที่เอดิสันประดิษฐ์ขึ้นเอง ฟิล์มยาวประมาณ 50 ฟุต วางพาดไปมา เคลื่อนที่เป็นวงรอบ ผ่านช่องที่มีแว่นขยายกับหลอดไฟฟ้าด้วยความเร็ว 48 ภาพต่อวินาที ต่อมาลดลงเหลือ 16 ภาพต่อวินาที
ต่อมาพี่น้องตระกูลลูมิแอร์ (Lumiere) ชาวฝรั่งเศสได้พัฒนาภาพยนตร์ถ้ำมองของเอดิสันให้สามารถฉายขึ้นจอขนาดใหญ่ และดูได้พร้อมกันหลายคน เรียกเครื่องฉายภาพยนตร์แบบนี้ว่า แบบ "ซีเนมาโตกราฟ" (Cinematograph) ซึ่งถือว่าเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2438 ต่อมาได้นำออกมาฉายตามเมืองใหญ่ ๆ ทั่วโลกตั้งแต่ พ.ศ. 2439 เป็นต้นมา ซึ่งคำว่า "ซีเนมา" (Cinema) ได้ใช้เรียกเกี่ยวกับภาพยนตร์มาถึงปัจจุบัน**
ภาพยนตร์ที่สามารถฉายภาพให้ปรากฏบนจอขนาดใหญ่ ได้พัฒนาสมบูรณ์ขึ้นในอเมริกาในปี พ.ศ. 2438 โดยความร่วมมือระหว่างโทมัส อาแมท (Thomas Armat) ซี. ฟรานซิส เจนกินส์ (C. Francis Jenkins) และเอดิสัน เรียกเครื่องฉายภาพยนตร์ชนิดนี้ว่า ไบโอกราฟ (Biograph) ในเวลาต่อมา หลังจากนั้นภาพยนตร์ได้แพร่หลายไปในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เกิดอุตสาหกรรมการผลิตจำหน่ายและบริการฉายภาพยนตร์ขนาดใหญ่หลายแห่ง ทั้งในประเทศอังกฤษ ประเทศฝรั่งเศสและประเทศอเมริกา ภาพยนตร์ได้กลายเป็นสื่อถ่ายทอดเหตุการณ์ ศิลปการบันเทิงและวรรณกรรมต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางตลอดมา
พ.ศ. 2440 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป ซึ่งในครั้งนั้นได้มีช่างภาพของบริษัทลูมิแอร์ ประเทศฝรั่งเศส บันทึกภาพยนตร์การเสด็จถึงกรุงเบิร์นของพระเจ้ากรุงสยามไว้ 1 ม้วน ใช้เวลาประมาณ 1 นาที นับว่าเป็นการถ่ายภาพยนตร์ม้วนแรกของโลกที่บันทึกเกี่ยวกับชนชาติไทย
ภาพยนตร์ในปัจจุบันมีการเผยแพร่อยู่ 4 ทางคือ ฉายตามโรงภาพยนตร์ ภาพยนตร์กลางแปลง และภาพยนตร์เร่ ถ่ายทอดลงแผ่น VCD, DVD และ Blu-ray Disc เผยแพร่ทางโทรทัศน์และอินเทอร์เน็ต
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุด
รายชื่อภาพยนตร์แอนิเมชันที่ทำเงินสูงสุด
รายชื่อภาพยนตร์ไทยที่ทำเงินสูงสุดในประเทศไทย
บุคลากรในงานภาพยนตร์
ภาพยนตร์ไทย
ภาพยนตร์จีน
ภาพยนตร์ญี่ปุ่น
ภาพยนตร์เกาหลี
ภาพยนตร์อินเดีย
ฮอลลีวูด
ภาพยนตร์ออนไลน์
ภาพยนตร์โลกสมมติ
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ภาพยนตร์แบ่งตามปีที่ออกฉาย
ศิลปะ
|
thaiwikipedia
| 1,848 |
เจิ้ง เหอ
|
เจิ้งเหอ ( ; แต้จิ๋ว: แต้ฮั้ว) เป็นผู้บัญชาการทหารเรือจีนในยุคราชวงศ์หมิง (明 ; Ming)
มีบันทึกว่าเจิ้งเหอเริ่มเดินทางรอบโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1421 และเคยติดต่อกับอาณาจักรอยุธยาด้วย มีผู้เสนอทฤษฎีว่า เจิ้งเหอน่าจะค้นพบทวีปอเมริกาก่อนคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส โดยไม่มีหลักฐานใดๆมายืนยันได้ชัดเจนเลยว่าเจิ้งเหอเคยเดินทางผ่านแอฟริกาใต้ หรือ อเมริกา เจิ้งเหออาจเป็นแค่ทฤษฎีที่ชาวต่างชาติบางคนคิดขึ้นมาเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองเท่านั้น
== ประวัติ ==
เดิมทีนั้นเจิ้งเหอมีชื่อว่า "ซานเป่า" แซ่หม่า เกิดที่มณฑลยูนนาน ซึ่งเป็นเขตแดนของมองโกลทางตอนใต้ของประเทศจีน เมื่อปี ค.ศ. 1371 มีชื่อมุสลิมเป็นภาษาอาหรับว่า มูฮัมมัด อับดุลญับบารฺ เกิดในตระกูลขุนนางมุสลิม เซมูร์ และเป็นลูกหลานชนชั้นที่หกของ ซัยยิด อัจญาล ชัมสุดดีน อุมัร ผู้ปกครองมณฑลยูนนานผู้ลือนาม จากบุคอรอ ในอุซเบกิสถาน แซ่หม่า มาจาก มาสูฮฺ (มาสีหฺ) บุตรคนที่ 5 ของ ซัยยิด อัจญาล ชัมสุดดีน อุมัร บิดาของเจิ้งเหอมีนามว่า มีร ตะกีน และปู่มีนามว่า กะรอมุดดีน ได้ไปทำพิธีฮัจญ์ในมักกะหฺ จึงได้พบเห็นผู้คนจากทุกสารทิศ และต้องเล่าเรื่องนี้ให้แก่เจิ้งเหออย่างแน่นอน
แต่ก่อนแซ่หม่าเรียกว่าหม่าเหอ เจิ้งเหอมีพี่น้อง 5 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 4 คน เมื่อหม่าเหออายุได้ 12 ปี ตรงกับช่วงที่กองทัพของจักรพรรดิหงหวู่หรือจูหยวนจาง ปฐมราชวงศ์หมิงนำกำลังทัพเข้ามาขับไล่พวกมองโกลที่มาตั้งราชวงศ์หยวนออกจากประเทศจีน ทำการยึดครองยูนนานเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรหมิงได้สำเร็จ ในเวลานั้นหม่าเหอได้ถูกจับตอนเป็นขันทีมีหน้าที่รับใช้เจ้าชายจูตี้ จนได้รับความไว้วางใจอย่างสูง ช่วงสงครามแย่งชิงบัลลังก์ระหว่างเอี้ยนหวังจูตี้กับหมิงฮุ่ยตี้ กษัตริย์ที่สืบราชบัลลังก์ต่อจากหมิงไท่จู่ เจิ้งเหอมีส่วนสำคัญช่วยให้จูตี้ได้รับชัยชนะขึ้นสู่บัลลังก์เป็นจักรพรรดิหมิงเฉิงจู่ มีชื่อรัชกาลว่า "หย่งเล่อ" และได้รับการสนับสนุนเป็นหัวหน้าขันที ต่อมาได้รับพระราชทานแซ่เจิ้ง จึงเรียกขานว่า "เจิ้งเหอ" แต่ชื่อที่รู้จักกันดีก็คือ "ซันเป่ากง" หรือ "ซำปอกง" (三寶公/三宝公).
== การเดินทางสำรวจ ==
การเดินเรือสำรวจทางทะเลในระยะเวลา 28 ปี กองเรือของเจิ้งเหอออกสำรวจทางทะเลรวม 7 ครั้ง เดินทางมากกว่า 50,000 กิโลเมตร ท่องต่างแดนมากกว่า 37 ประเทศ เริ่มต้นเป็นครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1405 (พ.ศ. 1948) ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระรามราชาธิราชแห่งราชวงศ์อู่ทองปกครองกรุงศรีอยุธยา เจิ้งเหอทำหน้าที่ผู้บังคับกองเรือสำเภาขนาดใหญ่ เรียกว่า "เป่าฉวน" แปลว่า "เรือมหาสมบัติ" ต่อขึ้นที่เมืองนานกิง อดีตเมืองหลวงอันเก่าแก่ของจีนเป็นอีกสถานที่หนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของ "อู่ต่อเรือ" ใช้ในการเดินเรือของเจิ้งเหอ เรือมหาสมบัติของเจิ้งเหอยาว 400 ฟุต ขนาดใหญ่กว่าเรือ ซานตา มาเรีย ของโคลัมบัสที่ยาวเพียง 85 ฟุต ถึง 5 เท่า
การเดินทะเลในครั้งแรกมีเรือขนาดใหญ่ตามไปด้วย 60 ลำ ขนาดเล็ก 255 ลำ มีลูกเรือทั้งหมด 27,870 คน แล่นเลียบชายฝั่งฟุเกี้ยน ผ่านไปยังอาณาจักรจามปา ชวา มะละกา สมุทรา (เซมูเดรา) และแลมบรีทางตอนเหนือของเกาะสุมาตรา จากนั้นเดินทางต่อไปยังเกาะลังกา กาลิกัต ขากลับได้นำคณะทูตจากเมืองเหล่านี้มาเข้าเฝ้าฯ จักรพรรดิหย่งเล่อ
ในการเดินเรือแต่ละครั้ง ขากลับจะนำเครื่องบรรณาการจากเมืองต่าง ๆ มาถวายจักรพรรดิหย่งเล่อ โดยเฉพาะสัตว์จากหลาย ๆ เมืองที่ผ่าน อย่างเช่นขากลับจากการเดินเรือทางทะเลในครั้งที่ 5 เจิ้งเหอได้นำสิงโต เสือดาว นกกระจอกเทศ ม้าลาย และยีราฟ (โดยบอกว่าเป็น กิเลน) กลับไปถวายแด่จักรพรรดิหย่งเล่อ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบมาก และกลายเป็นของแปลกและน่าตื่นเต้นสำหรับชาวจีนที่พบเห็นเป็นครั้งแรก
ต้นปีถัดมาเจิ้งเหอก็เริ่มออกเดินทางในครั้งที่ 2 เวลานั้นอายุ 36 ปี ครั้งที่ 3 อายุ 38 ปี ครั้งที่ 4 อายุ 42 ปี ครั้งที่ 5 อายุ 46 ปี ครั้งที่ 6 อายุ 50 ปี ครั้งที่ 7 อายุ 60 ปี โดยครั้งสุดท้ายมีจำนวนลูกเรือ 27,550 คน ไปไกลถึงทวีปแอฟริกา
เจิ้งเหอได้เข้าเยี่ยมสุสานศาสนทูตมุฮัมมัดในมะดีนะหฺและประกอบพิธีฮัจญ์ในมักกะหฺ นอกจากนั้นเจิ้งเหอได้ผ่านเข้าไปในเปอร์เซีย อ่าวเปอร์เซีย อารเบีย ทะเลแดง และอียิปต์
ภายหลังการเดินเรือทางทะเลในครั้งที่ 7 สิ้นสุดลง จากนั้นจีนก็หยุดดำเนินการสำรวจทางทะเล ส่วนเจิ้งเหอเสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1432 ที่อินเดีย แต่มีการสร้างหลุมฝังศพจำลองของเขาอยู่บนภูเขาในเมืองนานกิง ไม่มีศพอยู่ในนั้น มีเพียงเส้นผมและเสื้อผ้าที่เคยใช้เท่านั้น ก่อสร้างตามแบบประเพณีมุสลิม เรียกว่า เจิ้งเหอมู่ หรือ สุสานเจิ้งเหอ ซึ่งได้รับการบูรณะใหม่ในปี ค.ศ. 1985 บนสุสานมีคำว่า อัลลอหุ อักบัร แปลว่า อัลลอหฺใหญ่ยิ่ง
== เจิ้งเหอและประเทศไทย ==
ในประเทศไทย เจิ้งเหอเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "เจ้าพ่อซำปอกง" (ซานเป่ากง). วัดซำปอกง หรือชื่อทางการ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ตั้งอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สาเหตุที่ชาวจีนมาเซ่นไหว้วิญญาณซำปอกงที่วัดกัลยาณมิตรเป็นเพราะความเข้าใจผิด กล่าวคือ ชาวจีนผู้นับถือพุทธศาสนากลุ่มหนึ่งได้นมัสการหลวงพ่อโตที่วัดกัลยาณมิตร แล้วเกิดความเลื่อมใส จึงได้เขียนหนังสือจีนไว้ที่หน้าวิหารว่า 'ซำปอฮุดกง' ซึ่งแปลว่าพระเจ้า 3 พระองค์ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ชาวจีนกลุ่มที่นับถือซำปอกง อ่านเห็นเป็น 'ซำปอกง' จึงคิดว่าเป็นสถานที่เซ่นไหว้วิญญาณของซำปอกง และได้มาเซ่นไหว้ซำปอกงเรื่อยมา อีกทั้งยังพบหลักจำนวนมากที่เจิ้งเหอนับถือศาสนามาถือพุทธ คือการพบหลักฐานว่าเจิ้งเหอถวายพระสูตร 9 วัดและมีฉายาทางธรรมว่า "สุนันทะ"
ทว่าการที่เจิ้งเหอทำฮัจญ์และมีสุสานแบบมุสลิมแสดงว่าเจิ้งเหอเป็นมุสลิมจนถึงแก่กรรม แม้ว่าเจิ้งเหอจะไม่มีลูก เพราะถูกตอนเป็นขันทีตั้งแต่เด็ก หากแต่หม่าเหวินหมิงพี่ชายได้ยกลูกชายหญิงให้กับเจิ้งเหอ ทายาทของเจิ้งเหอบางส่วนอาศัยอยู่ในประเทศไทย ใช้นามสกุล วงศ์ลือเกียรติ อันเป็นนามสกุลที่เจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าเชียงใหม่ ได้ประทานให้ เจิ้งชงหลิ่ง ผู้ซึ่งได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ "ขุนชวงเลียงฦๅเกียรติ" จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เจิ้งชงหลิ่งอพยพเข้าเมืองไทยในปี 2448 คนในตระกูลวงศ์ลือเกียรติเป็นมุสลิม
== การค้นพบทวีปอเมริกาคนแรก ==
เมื่อนักประพันธ์ชื่อดัง เควิน เมนซีส์ ได้แต่งหนังสือชื่อ 1421 : The Year China Discovered the World ขึ้น โดยมีการอ้างอิงทฤษฎีว่า นายพลเรือผู้กล้าหาญชาวจีนผู้หนึ่งได้ล่องเรือสำเภาไม้ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโลก เดินทางมาถึงอเมริกาก่อนหน้าคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส จะค้นพบถึง 71 ปี
เควิน เมนซีส์ ไม่ได้ตั้งใจที่จะมานั่งลบล้างประวัติศาสตร์ที่สืบทอดกันมายาวนาน แต่เขาเกิดไปเจอข้อมูลบางอย่างเข้าโดยบังเอิญขณะเดินทางไปฉลองครบรอบแต่งงาน 25 ปีที่ประเทศจีน เมนซีส์ได้รับการบอกเล่าเรื่องราวของกองเรือขนาดใหญ่ ที่นำพาเจ้าผู้ครองนครจากดินแดนต่างๆ ทั่วโลกมาร่วมในงานเฉลิมฉลองการสถาปนาพระราชวังต้องห้าม ในวันปีใหม่เมื่อปี ค.ศ.1421 และนั่นทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเหตุใดจึงมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นหากว่าไม่ได้มีการติดต่อสื่อสารกับนานาประเทศมาก่อน
ก่อนที่หนังสือจะตีพิมพ์เมนซีส์ได้มีโอกาสเห็นแผนที่ซึ่งจำลองพื้นที่ในแถบทะเลแคริบเบียนและหมู่เกาะต่างๆ นอกชายฝั่งอเมริกา ซึ่งถูกตีพิมพ์ก่อนหน้าที่โคลัมบัสจะออกเดินทางสำรวจโลก 70 ปี การที่ได้เห็นเปอร์โตริโกและกัวลาลูปนั้นทำให้เมนซีส์เชื่อว่าผู้ที่มาถึงก่อนโคลัมบัสก็คือพวกโปรตุเกส ซึ่งมีการส่งเรือออกไปค้นหาเกาะซึ่งปรากฏอยู่ในแผนภูมิแม่บทของโลกในเวลาต่อมา
ไม่เพียงโปรตุเกสที่ยืนยันว่าแผนภูมิแม่บทฉบับนี้มีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงชาวจีนเท่านั้น แต่ชาวยุโรปพวกแรกที่ไปอเมริกาก็พบว่ามีชาวจีนอยู่ที่นั่นแล้วถึง 38 คณะไม่ว่าจะเป็นคณะของวาสเควซ, โคโรนาโด เฟเรลโล, เมเจอร์ เพาเวอร์ส, เปโดร เมเนนเดซ หรืออวิลเลส เวอร์ราซาโน คณะของชาวยุโรปจึงมีการสันนิษฐานว่าราชวงศ์หมิงอาจจะนำชาวจีนมาตั้งรกรากในดินแดนอเมริกาแล้ว ในฐานะเป็นอาณานิคม อีกทั้งในภายหลังได้มีการตรวจสอบ DNA ของชนพื้นเมืองอินเดียนแดงเผ่าต่างๆ เช่น เผ่าไอระควอย (Iroquois) และเผ่าลาโกต้า (Lakota) พบมีลักษณะใกล้เคียงกับชาวจีนในแผ่นดินใหญ่ปัจจุบัน
หลังจากหนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ออกมา เรื่องราวการเดินทางของโคลัมบัส นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ก็มีอันต้องแปดเปื้อน และกลายเป็นที่ถกเถียงถึงประวัติศาสตร์ที่อาจผิดเพี้ยนไป เพราะเมนซีส์ไม่เพียงชี้ชัดลงไปว่า นายพลเจิ้งเหอและกองเรือของเขาซึ่งบรรทุกสิ่งของมีค่าตามพระราชโองการของจักรพรรดิจูตี้ แห่งราชวงศ์หมิง เมื่อราวต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นผู้ค้นพบทวีปนี้ก่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้รวบรวมอเมริกาให้เป็นเมืองขึ้นของจีนก่อนที่โคลัมบัสจะมาถึงด้วย
“ข้อโต้แย้งที่ผมต้องการจะบอกก็คือ กองเรือของจีนได้เดินทางรอบโลกและได้ทำแผนภูมิการเดินเรือขึ้นก่อนชาวยุโรป และชาวยุโรปได้ค้นพบโลกใหม่โดยใช้แผนภูมิที่คนจีนทำขึ้น นักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่ของยุโรปทุกคนล้วนออกเดินทางโดยใช้แผนภูมิในการบอกทางที่พวกเขาจะไปทั้งสิ้น” เจ้าของผลงานพลิกประวัติศาสตร์โลกย้ำ
เพราะขณะที่กัปตันคุกมีแผนที่ของออสเตรเลีย โคลัมบัสมีแผนที่ของแคริบเบียน และแม็คเจลแลนมีแผนที่ของแปซิฟิกนั้น แผนที่ทั้งหมดล้วนมาจากแผนภูมิแม่บทของโลก (Master Chart) ที่ชาวจีนเป็นผู้ทำขึ้น เควิน เมนซีส์ ผู้เขียนซึ่งเป็นอดีตผู้บัญชาการเรือดำน้ำชาวอังกฤษ ทุ่มเทเวลากว่า 9 ปี ในการพิสูจน์ทฤษฎีนี้ จนได้หลักฐานและข้อมูลใหม่ๆ จนทำให้เชื่อได้ว่าทฤษฎีที่เขาค้นพบนี้เป็นความจริง
ชาวโปรตุเกสอ้างว่าพวกเขามีแผนภูมิแม่บท ของโลกในราวปี ค.ศ.1420 ซึ่งเป็นแผนภูมิแม่บทของโลกที่เมนซีส์ค้นพบในเวลาต่อมาเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยัน เช่นเดียวกับเหตุผลที่ว่าทำไมมีคนจีนไปอาศัยอยู่บนแผ่นดินเหล่านั้นก่อนที่ชาวยุโรปจะไปถึง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีการพบดีเอ็นเอของชาวจีนอยู่ในสายเลือดของชาวยุโรป
ที่น่าตกใจไปมากกว่านั้นก็คือ ไม่นานมานี้ได้มีการค้นพบภาพใบหน้าของเจิ้งเหอในอเมริกาเหนือโดยสถาปนิกผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่ง และนี่จะเป็นข้อพิสูจน์สำคัญที่ว่า กองเรือของนายพลเจิ้งเหอได้เดินทางมายังชายฝั่งทั้งด้านแอตแลนติกและแปซิฟิกของทวีปอเมริกาเหนือและใต้จริง โดยมีหลักฐานยืนยัน
== อ้างอิง ==
Deng, Gang (2005). Chinese Maritime Activities and Socioeconomic Development, c. 2100 BC - 1900 AD. Greenwood Press. ISBN 0-313-29212-4.
Dreyer, Edward L. (2006). Zheng He: China and the Oceans in the Early Ming, 1405–1433 (Library of World Biography Series). Longman. ISBN 0-321-08443-8.
Levathes, Louise (1997). When China Ruled the Seas: The Treasure Fleet of the Dragon Throne, 1405–1433. Oxford University Press, trade paperback. ISBN 0-19-511207-5.
Mills, J. V. G. (1970). Ying-yai Sheng-lan, The Overall Survey of the Ocean's Shores (1433), translated from the Chinese text edited by Feng Ch'eng Chun with introduction, notes and appendices by J. V. G. Mills. White Lotus Press. Reprinted 1970, 1997. ISBN 974-8496-78-3.
Ming-Yang, Dr Su. 2004 Seven Epic Voyages of Zheng He in Ming China (1405–1433)
Viviano, Frank (2005). "China's Great Armada." National Geographic, 208(1):28–53, July.
Joseph Kahn: China Has an Ancient Mariner to Tell You About. In The New York Times of 2005-7-20.
Newsletter, in Chinese, on academic research on the Zheng He voyages
Cummins, Joseph (2006). History's Great Untold Stories. Murdoch Books. ISBN 1-74045-808-7.
Shipping News: Zheng He's Sexcentenary - China Heritage Newsletter, June 2005, ISSN 1833-8461. Published by the China Heritage Project of The Australian National University.
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เจิ้งเหอ สยามิค, สารานุกรมอิสลาม
เจิ้งเหอ , ผู้จัดการออนไลน์, 18 พฤษภาคม 2548
1421 The year China discovered the World
TIME: The Next Asian Journey
บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 1914
บุคคลในศาสนาอิสลาม
นักสำรวจชาวจีน
พลเรือเอกชาวจีน
จอมพลเรือชาวจีน
บุคคลในยุคราชวงศ์หมิง
ขันทีจีน
ขุนนางราชวงศ์หมิง
มุสลิมชาวจีน
บุคคลจากมณฑลยูนนาน
|
thaiwikipedia
| 1,849 |
วชิราวุธวิทยาลัย
|
วชิราวุธวิทยาลัย เป็นโรงเรียนประจำชายล้วน สถาปนาขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้มีพระบรมราชโองการให้รวมโรงเรียนมหาดเล็กหลวง กรุงเทพ และโรงเรียนราชวิทยาลัยเข้าด้วยกัน โดยให้นักเรียนย้ายมาเรียนรวมกันที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงกรุงเทพ พร้อมทั้งได้พระราชทานนามโรงเรียนขึ้นใหม่ว่า “วชิราวุธวิทยาลัย” เพื่อเป็นพระบรมราชานุสรณ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
วชิราวุธวิทยาลัยมีตึกที่พักนักเรียน เรียกว่า "คณะ" เป็นเสมือนบ้านของนักเรียน แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ คณะเด็กโต สำหรับนักเรียนชั้นมัธยม แบ่งออกเป็น 6 คณะ คือ คณะผู้บังคับการ คณะดุสิต คณะจิตรลดา คณะพญาไท คณะจงรักภักดี คณะศักดิ์ศรีมงคล ส่วนคณะเด็กเล็กสำหรับนักเรียนชั้นประถม แบ่งออกเป็น 3 คณะ คือ คณะสนามจันทร์ คณะนันทอุทยาน และ คณะสราญรมย์ นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังส่งเสริมให้นักเรียนได้เล่นกีฬาต่าง ๆ เช่น รักบี้ฟุตบอล แบดมินตัน และสควอต นอกจากนี้ ยังมีการจัดการแข่งขันรักบี้ประเพณีกับมาเลย์ คอลเลจ (Malay College Kuala Kangsar) จากประเทศมาเลเซีย เป็นประจำทุก ๆ ปีและยังมีการแข่งกีฬาภายในโรงเรียนของแต่ละคณะอีกด้วย
ปัจจุบัน ดำเนินการสอนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ตั้งอยู่ที่ ถนนราชวิถี แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
== ประวัติ ==
เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 6 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ซึ่งในเวลานั้นคือพระยาไพศาลศิลปศาสตร์ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเป็นการส่วนพระองค์ ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เมื่อวันพุธที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2453 เพื่อรับกระแสพระราชดำริเกี่ยวกับการจัดการศึกษาของชาติ
ในวันรุ่งขึ้น วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2453 จึงได้เปิดโรงเรียนสำหรับมหาดเล็กข้าหลวงเดิมเป็นการชั่วคราว โดยแบ่งพื้นที่ของอาคารโรงเรียนราชกุมารเก่าในพระบรมมหาราชวังสำหรับโรงเรียนมหาดเล็กซึ่งต่อมาได้พระราชทานนามโรงเรียนใหม่ว่า ‘โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว’ โดยโรงเรียนสำหรับมหาดเล็กข้าหลวงเดิมที่เปิดทำการสอนขึ้นใหม่นั้น ได้พระราชทานนามว่า ‘โรงเรียนมหาดเล็กหลวง’
นอกจากนั้นยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงิน 100,000 บาทเป็นทุนรอนของโรงเรียน โดยนำไปฝากไว้กับแบงก์สยามกัมมาจลหรือธนาคารไทยพาณิชย์ในปัจจุบัน
สำหรับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง นอกจากเป็นสถานที่ทรงทดลองการจัดการศึกษาของชาติ ในลักษณะเดียวกับการที่ทรงตั้งดุสิตธานีสำหรับทดลองการปกครองในระบอบประชาธิไตยแล้ว ยังมีพระราชดำริอย่างใหม่ในการสร้างโรงเรียนแทนวัดด้วย เนื่องจากทรงเล็งเห็นว่าในรัชสมัยของพระองค์มีพระอารามหลวงอยู่มากแล้ว หากสถาปนาพระอารามหลวงขึ้นอีก ก็จะเป็นพระราชภาระในการบูรณปฏิสังขรณ์ อีกทั้งทรงเห็นว่าสิ่งจำเป็นในขณะนั้นคือการให้การศึกษาแก่ราษฎร อันจะนำพามาซึ่งความเจริญแก่ชาติบ้านเมืองในอนาคต
ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หาที่ตั้งถาวรของโรงเรียนมหาดเล็กหลวง โดยทรงให้พระยาไพศาลศิลปศาสตร์ (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) และพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ (นพ ไกรฤกษ์) จางวางมหาดเล็ก และกรรมการโรงเรียนมหาดเล็กหลวง เป็นผู้ไปตรวจพิจารณาหาสถานที่อันเหมาะสม ซึ่งได้พิจารณาเลือกที่ดินพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ที่ ‘สวนกระจัง’ บริเวณริมคลองเปรมประชากร ส่วนหนึ่งของพระราชวังดุสิต เป็นสถานที่ตั้งถาวรของโรงเรียน
โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ เอ็ดเวิร์ด ฮิลลี่ (Edward Healey) อาจารย์ใหญ่โรงเรียนช่างของสามัคยาจารย์เป็นผู้วางผังโรงเรียนให้สอดรับกับวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เมื่อการก่อสร้างโรงเรียนชั่วคราวเป็นเรือนไม้หลังคามุงจากที่สวนกระจังแล้วเสร็จ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายนักเรียนจากโรงเรียนชั่วคราวในพระบรมมหาราชวังมาอยู่ที่โรงเรียนแห่งใหม่ ณ สวนกระจัง พร้อมกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีทำบุญขึ้นโรงเรียนใหม่เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2454
เมื่อเอ็ดเวิร์ด ฮิลลี่ พร้อมด้วยพระสมิทธเลขา (ปลั่ง วิภาตะศิลปิน) นายช่างออกแบบของกรมศิลปากรจัดการออกแบบก่อสร้างหอสวดและหอนอนของนักเรียนแล้วเสร็จ ได้โปรดพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 750,000 บาท เพื่อจัดสร้างโรงเรียนถาวรด้วยสถาปัตยกรรมไทยอันวิจิตร
สำหรับการจัดการศึกษาของโรงเรียนมหาดเล็กหลวง นอกจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการศึกษาไปในแนวทางแบบพับบลิคสกูลของอังกฤษแล้ว ยังได้พระราชทานพระบรมราโชบายในการอบรมสั่งสอนนักเรียนมหาดเล็กหลวงไว้เป็นพิเศษ ดังปรากฏในพระราชบันทึกที่พระราชทานไปยังเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (ม.ร.ว.เปีย มาลากุล) เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ซึ่ง ม.ล.ปิ่น มาลากุล ได้นำมาแปลเป็นภาษาไทย ความว่า
ข้าส่งข้อความนี้มาเพื่อให้เสนาบดีและปลัดทูลฉลองกระทรวงธรรมการอ่าน ข้าได้ขีดเส้นแดงใต้ข้อความบางตอน คือตอนที่ถูกใจข้าและตอนที่แสดงให้เห็นอย่างแจ่มแจ้งในเรื่องที่ข้ารู้สึกตลอดมา
ระบบการศึกษาและกฎเกณฑ์ทั้งหลาย ตลอดจนหลักสูตรแท้จริงทำให้เปลืองกระดาษไปเปล่า ๆ ยิ่งกว่านั้นคือ เปลืองเวลาด้วย ถ้าไม่ทำให้ประชาชนเป็นอย่างที่เราต้องการสำหรับประเทศของเราได้เป็นผลสำเร็จ ข้าไม่หมายความว่าอะไรดีสำหรับเมืองอังกฤษจะต้องดีสำหรับเมืองไทยด้วย ตรงกันข้าม ถ้าจะเอาวิธีการของคนอังกฤษมาใช้ทั้งดุ้นโดยไม่มีการดัดแปลง ก็จะเป็นการผิดพลาดอย่างมหันต์ แต่บันทึกนี้อาจทำให้ผู้อ่านเกิดความคิดอะไรบ้าง
สำหรับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ข้าไม่เป็นห่วงการปั้นนักเรียน ‘ชั้นมัธยม’ ให้เป็นเทวดาเหมือน กันหมดทุกคน ได้คะแนนกันคนละหลายพันคะแนนเท่าการสร้างเด็กหนุ่มที่ขยันขันแข็ง และสะอาดทั้งทางร่างกายและจิตใจ เตรียมพร้อมที่จะรับภาระต่าง ๆ ซึ่งจะมีมาในอนาคต ข้าไม่ต้องการนักเรียนตัวอย่างที่สอบไล่ได้คะแนนขั้นเกียรตินิยมทุก ๆ ครั้ง ข้าไม่ต้องการตำราเรียนที่เดินได้ ที่ข้าอยากได้นั้นคือ เยาวชนที่เป็นสุภาพบุรุษ ซื่อสัตย์สุจริต มีอุปนิสัยใจคอดี และข้าจะไม่โศกเศร้าเลย ถ้าเจ้ามารายงานว่า เด็กคนหนึ่งเขียนหนังสือไม่คล่อง คิดเลขเศษซ้อนไม่เป็น และไม่รู้วิชาเรขาคณิตเลย ถ้าข้ารู้ว่าเด็กคนนั้นได้ศึกษาพอที่จะรู้ว่าความเป็นลูกผู้ชายคืออะไร และขี้แยคืออะไร ข้าไม่อยากได้ยิน ‘คนฉลาด’ บ่นอีกว่า ‘ปัญญาท่วมหัวเอาตัวไม่รอด’ สิ่งที่ข้าต้องการในโรงเรียนมหาดเล็กหลวงคือ ให้การศึกษาเป็นเครื่องทำให้เด็กเป็นเยาวชนที่น่ารัก และเป็นพลเมืองดี ไม่ใช่ทำลายบุคลิกภาพเสียหมด โดยบรรทุกหลักสูตรและระบบการต่าง ๆ ลงไป ข้าต้องการให้การศึกษาเป็นสิ่งที่งดงาม จนทำให้เด็กที่ออกไปแล้วหวนกลับมาคิดถึงในวันข้างหน้าด้วยความภาคภูมิใจ ขออย่าเอาโรงเรียนของข้าไปเปรียบกับโรงเรียนอื่น เพราะมีจุดหมายต่างกัน ถ้าข้าอยากจะได้โรงเรียนธรรมดาเพียงหลังหนึ่งสร้างเป็นโรงเรียนไปมาจะไม่ดีกว่าหรือจะสร้างโรงเรียนกินนอนขึ้นมาทำไม
ที่ข้ากล่าวมานี้จะเข้ากันได้กับระบบการศึกษาของเจ้าหรือไม่ก็ตาม ถ้าเข้ากันได้ข้าก็ดีใจ แต่ถ้าเข้ากันไม่ได้ก็ขอให้วิธีการของข้าได้รับการพิจารณาดำเนินการโดยยุติธรรมด้วย อย่าพยายามบังคับให้ครูของข้าทำตามข้อไขของเจ้า ให้ทำตามข้อไขของข้าเถิด เพราะกีฬาประเภทนี้ข้าคิดให้เขาเล่น และตัวข้าเองจะเป็นผู้ให้ถ้วยรางวัล
ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคตเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 7 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ และทรงรับเป็นองค์บรมราชูปถัมภกโรงเรียนมหาดเล็กหลวง แต่ด้วยในช่วงนั้นเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้เศรษฐกิจที่ตกต่ำทั่วโลกส่งผลกระทบให้สภาวะเศรษฐกิจไทยฝืดเคือง รัฐบาลจึงต้องปรับลดงบประมาณรายจ่ายลง รวมทั้งพระราชทรัพย์รายปีที่ถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ถูกตัดทอนลงด้วย พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมโรงเรียนราชวิทยาลัยเข้ากับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง กรุงเทพ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามโรงเรียนให้ใหม่ว่า ‘วชิราวุธวิทยาลัย’
== อาคารเรียน==
อาคารเรียน พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานกำเนิดโรงเรียนมหาดเล็กหลวง โดยพระราชทานที่ดินและพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ซึ่งลักษณะของหอประชุม หอนาฬิกา อาคารจิตรลดา และตึกขาว เป็นอาคารที่มีรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทย ผสมผสานสถาปัตยกรรมตะวันตก โดยได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ในปี พ.ศ. 2525
===หอสวดหรือหอประชุม===
หอสวดหรือหอประชุม ตั้งอยู่กลางพื้นที่ของโรงเรียน เป็นอาคารรูปทรงโกธิกที่ผสานรูปแบบศิลปกรรมไทยตามแนวคิดของศาสนสถานในพระพุทธศาสนาไว้อย่างกลมกลืน หน้าบันของหอประชุมทั้ง 4 ด้านจำหลักไม้เป็นสัญลักษณ์แทนองค์เทพทั้งสี่ในศาสนาฮินดู หอประชุมนี้จึงเปรียบเสมือนวิมานของทวยเทพ และเป็นที่ประชุมสวดมนต์ไหว้พระของนักเรียน ประกอบพิธีกรรมสำคัญของโรงเรียนสืบมาจนปัจจุบัน
หอประชุมนี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาทรงวางศิลาพระฤกษ์เมื่อวันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2458 และเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเหยียบหอสวดของโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเป็นปฐม เมื่อวันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2460
เอ็ดเวิร์ด ฮิลลี่ ออกแบบหอสวดประจำโรงเรียนมหาดเล็กหลวงให้เป็นไปตามแบบของพับลิกสกูลในอังกฤษ คืออยู่ตรงกลางโรงเรียน แต่ยังคงความเป็นไทยด้วยการใช้สถาปัตยกรรมไทยและให้หันหน้ามาทางทิศตะวันออก
สุดทางเดินของหอสวดด้านทิศตะวันตก ประดิษฐานธรรมาสน์บุษบกซึ่งได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมาประดิษฐานใว้ ธรรมาสน์บุษบกนี้ได้รับมาจากงานพระศพของพลเรือเอก สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา โดยมีสัญลักษณ์ให้สังเกตและจำได้ว่าเป็นของพระองค์คือมีรูปราชสีห์จำหลักไม้ปิดทองเป็นฐานทั้ง 4 ด้านกับมีราชสีห์ปิดทองหมอบรองรับขั้นบันไดขึ้นธรรมาสน์ 3 ขั้น รูปราชสีห์นั้นสันนิษฐานว่า น่าจะมีที่มาจากพระนามกรมนครราชสีมา แหงนขึ้นไปมองด้านบนจะพบกับพระวิสูตร 3 องค์ สำหรับประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ขององค์บรมราชูปถัมภกวชิราวุธวิทยาลัย องค์กลางประดิษฐานพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์บรมราชภูษิตาภรณ์ องค์ซ้ายประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์จอมพล จอมทัพบกสยาม และองค์ขวาประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงฉลองพระองค์เต็มยศจอมพล ผู้บังคับการพิเศษกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมฉายาลักษณ์ทั้ง 3 องค์นี้ ประดิษฐานอยู่ภายในพระวิสูตร ซึ่งจะเปิดต่อเมื่อมีงานประจำปีของโรงเรียนเท่านั้น
ลงมาข้างล่าง จะพบกับหน้าบันที่ไม่เหมือนกันทั้ง 4 ด้านของหอสวดแห่งนี้
ทิศตะวันออก หรือด้านหน้าของหอสวด เป็นตราพระราชลัญจกรพระวชิระ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระอินทร์ในคัมภีร์ไตรเพท ซึ่งเป็นมูลรากแห่งศาสนาพราหมณ์นั้น พระอินทร์เป็นพระเจ้าใหญ่ยิ่งกว่าเทวดาทั้งหลาย นับว่าเป็นเจ้าแห่งฟ้า เป็นผู้ถือไว้ซื่งอสุนีบาต และเป็นผู้บันดาลให้ฝนตกเพื่อบำรุงพืชผลทั้งปวงในแผ่นดิน
ทิศเหนือ เป็นตราพระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระนารายณ์ ซึ่งเป็นพระเป็นเจ้าองค์หนึ่งในหมู่พระเป็นเจ้าทั้ง 3 ในศาสนาพราหมณ์ มีความในหนังสือวิษณุปุราณะ ซึ่งเป็นตำรับสำหรับแสดงเรื่องพระวิษณุสรุปไว้ตอนหนึ่งว่า โลกนี้ไซร้ ได้บังเกิดมาแต่พระวิษณุ โลกนี้มีอยู่ในพระองค์ พระองค์เป็นผู้บันดาลให้โลกนี้คงอยู่และสูญไป
ทิศตะวันตก เป็นตราพระราชลัญจกรหงส์พิมาน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระพรหม ซึ่งเป็นพระเป็นเจ้าองค์หนึ่งในหมู่พระเป็นเจ้าทั้ง 3 ในศาสนาพราหมณ์ นับถือว่าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวง เป็นสยัมภู คือเกิดขึ้นอีกเอง กำเนิดของพระพรหมนี้ ตามคัมภีร์ต่าง ๆ ข้างศาสนาพราหมณ์มีเล่าเรื่องไว้ต่าง ๆ กันหลายอย่าง พระมนูว่าแรกบังเกิดนั้นเป็นไข่ฟองใหญ่ก่อน ไข่แตกออกแล้วจึ่งเป็นองค์พระพรหม แต่หนังสือมหาภารตะและคัมภีร์ปุราณะบางฉบับว่า พระพรหมาได้เกิดขึ้นในดอกบัวหลวง ซึ่งผุดขึ้นมาจากพระนาภีพระนารายณ์ พรหมาปุราณะกลับว่าพระพรหมา ฤๅในที่นี้เรียกว่า ‘อาปวะ’ ได้แบ่งพระองค์เป็น 2 ภาค เป็นชายภาคหนึ่ง หญิงภาคหนึ่ง และพระนารายณ์ได้เกิดมาแต่ภาคทั้งสองนี้ แล้วพระนารายณ์จึ่งสร้างพระวิราช ซึ่งเป็นบิดาของมนุษย์คนแรก แต่ในคัมภีร์นี้เองมีฎีกาอธิบายไว้ว่า ในชั้นต้นพระนารายณ์ได้สร้างพระอาปวะ ฤๅ วิสิษฎ ฤๅ วิราช ขึ้น โดยอาสํยกำลังพระพรหมา แล้วพระวิราชจึ่งสร้างพระมนูซึ่งเป็นบิดาแห่งมนุษย์ทั้งหลายอีกชั้นหนึ่ง
ทิศใต้ เป็นตราพระราชลัญจกรมหาโองการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระอิศวรซึ่งเป็นพระเป็นเจ้าองค์หนึ่งในหมู่พระเป็นเจ้าทั้งสามในศาสนาพราหมณ์ ถือว่าเป็นผู้ล้างฤๅทำลาย แต่โดยเหตุที่ในศาสนาพราหมณ์ถือว่าสัตว์ไม่ตายสูญเลย คงท่องเที่ยวอยู่ในวัฏสงสาร จึ่งไม่ถือว่าพระอิศวรเป็นผู้ผลาญอย่างเดียว ทั้งเป็นผู้สร้างขึ้นใหม่ด้วย เพราะฉะนั้น นับว่าเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงของเก่าให้เป็นใหม่ดีขึ้น
===ตึกวชิรมงกุฎ===
ตึกวชิรมงกุฎ เป็นตึกเรียน 2 ชั้น มีทั้งหมด 12 ห้องเรียน สร้างขึ้นโดยเงินทุนพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและเงินสะสมของโรงเรียนในวงเงินค่าก่อสร้าง 105,900 บาท เป็นตึกทรงไทย 2 ชั้น มีมุขหน้าและมุขหลัง ที่ตอนปลายอาคารทั้งสองด้านหลังคาลดสามชั้นพร้อมช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันมุขหน้าเป็นปูนปั้นลายใบเทศ การก่อสร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทร เสด็จแทนพระองค์ทรงเปิดตึกเรียนถาวรที่ได้พระราชทานนามว่าตึกวชิรมงกุฎ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2475
===อาคารเพชรรัตน===
อาคารเพชรรัตน เป็นอาคาร 2 ชั้น ตั้งชื่อตามพระนามของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ใช้เงินค่าก่อสร้างจากเงินส่วนพระองค์และเงินจากการแสดงละครพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 ออกแบบโดยหม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ นักเรียนเก่ามหาดเล็กหลวง และคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอาคารนี้เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2506
===อาคารสุวัทนา===
อาคารสุวัทนา เป็นอาคารเรียน 2 ชั้น ตั้งชื่อตามพระนามของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวีในรัชกาลที่ 6 และเป็นพระมารดาของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ออกแบบโดย หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอาคารนี้เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2507
===อาคารประชาธิปก===
อาคารประชาธิปก เป็นอาคารเรียน 3 ชั้น ตั้งชื่อตามพระนามของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวในโอกาสพระบรมราชสมภพครบ 100 ปี ออกแบบโดยนายโอภาส สายะเสวี สถาปนิกประจำสำนักพระราชวัง สิ้นค่าก่อสร้าง 11,400,000 บาท สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดีเสด็จมาทรงเปิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536
===ตึกวชิราวุธานุสรณ์===
ตึกวชิราวุธานุสรณ์ เป็นอาคารกีฬาในร่มเอนกประสงค์ (Indoor Stadium) ที่สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ บริจาคทุนทรัพย์จากเงินรายได้การจัดงานวชิราวุธานุสรณ์ ณ พระราชอุทยานสราญรมย์ จัดสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2514 โดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดตึกวชิราวุธานุสรณ์นี้เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 ต่อมาใน พ.ศ. 2548 จึงได้รื้ออาคารเดิมซึ่งชำรุดทรุดโทรมลง และก่อสร้างอาคารกีฬาในร่มใหม่แทนอาคารเดิม การก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดใช้งานเมื่อปี พ.ศ. 2550
===อาคารเวสสุกรรมสถิต===
เป็นตึก 3 ชั้นรูปทรงสถาปัตยกรรมไทยสร้างขึ้นทดแทนตึกเรียนวิชาหัตถศึกษา การก่อสร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2543 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามอาคารเรียนศิลปกรรมหลังใหม่นี้ว่า ‘ตึกเวสสุกรรมสถิต’ และโปรดเกล้าฯ ให้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงเปิดอาคารนี้เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543
===อาคารวชิราวุธ 100 ปี===
อาคารวชิราวุธ 100 ปี สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่วชิราวุธวิทยาลัยมีอายุครบ 100 ปี ใน พ.ศ. 2553 เป็นอาคารสูง 5 ชั้น ลักษณะอาคารเป็นงานสถาปัตยกรรมไทย มี 19 ห้องเรียน มีพื้นที่ใช้งาน 3,000 ตารางเมตร มีความพร้อมที่จะใช้สื่อการสอนที่ทันสมัย โดยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงเปิดอาคารนี้เมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555
===หอประวัติ===
หอประวัติ เดิมเป็นตึกพยาบาล เป็นอาคารสำหรับพยาบาลนักเรียนเจ็บป่วย พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จัดสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2475 เป็นการทำผาติกรรมทดแทน ‘พระตำหนักสมเด็จ’ ซึ่งโรงเรียนจัดเป็นตึกพยาบาล แต่ได้โปรดเกล้าฯ ให้รือย้ายไปปลูกสร้างเป็นกุฏิสงฆ์วัดราชาธิวาส ต่อมาได้เปลี่ยนตึกพยาบาลนี้เป็นหอประวัติ และให้ย้ายตึกพยาบาลไปไว้ในสถานที่ที่เหมาะสม
===อาคารนวมภูมินทร์===
อาคารนวมภูมินทร์ เป็นอาคารเอนกประสงค์คอนกรีตเสริมเหล็กทรงไทยประเพณี 3 ชั้น ออกแบบโดยนิธิ สถาปิตานนท์ ศิษย์เก่าซึ่งตั้งใจสร้างอาคารใหม่ให้กลมกลืนกับอาคารเก่าโดยรอบ ผสมผสานวัสดุแบบโบราณกับเทคโนโลยีสมัยใหม่
ปัจจุบันชั้นล่างจัดเป็นห้องประชุมขนาดเล็ก ห้องทำงานผู้บังคับการ ห้อง Community Room ห้องพักครู และห้องเอนกประสงค์ ชั้นที่ 2 จัดเป็นห้องประชุมใหญ่ ชั้นที่ 3 จัดเป็นห้องรับรองและห้องประชุม ชื่อนวมภูมินทร์นี้ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2561
===หอนาฬิกา===
คณะข้าราชบริพารในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในนาม ‘คณะละครไทยเขษม’ ได้ร่วมกันจัดแสดงละครพระราชนิพนธ์เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 1 มกราคม พ.ศ. 2471 – 2472 เพื่อจัดหารายได้ก่อสร้างหอนาฬิกาอุทิศเป็นพระราชกุศล เมื่อ พ.ศ. 2473 โดยหอนาฬิกานี้นำนาฬิกาเรือนใหญ่ที่เคยติดบนหอประชุมของโรงเรียนราชวิทยาลัย ซึ่งพระยาปรีชานุสาสน์ (เสริญ ปันยารชุน) ผู้บังคับการในขณะนั้นได้ให้พระสาโรชรัตนนิมมานก์ และศาสตราจารย์หลวงวิศาลศิลปกรรม (เชื้อ ปัทมจินดา) ร่วมกันออกแบบหอนาฬิกาพร้อมระฆังรูปสี่เหลี่ยมมีลวดลายเป็นพิเศษแบบสุโขทัย
== กิจกรรมนักเรียน ==
=== กีฬา ===
วชิราวุธวิทยาลัยส่งเสริมให้นักเรียนได้เล่นกีฬา รวมทั้ง มีการจัดการแข่งขันกีฬาภายในทุกปี โดยมีการแบ่งประเภทกีฬาออกเป็นภาคการศึกษา ดังนี้
ภาควิสาขะ : รักบี้ฟุตบอล สควอช ไฟฟ์
ภาคปวารณา : บาสเกตบอล ฟุตบอล ว่ายน้ำ
ภาคมาฆะ : เทนนิส กรีฑา แบดมินตัน ระเบียบแถว
( ระเบียบแถว ) เป็น กีฬาที่ไม่ใช้แรงในการเล่นแต่เป็นการใช้ความอดทนการฝึกฝนที่ได้มาอย่างเป็นระเบียบ
โดยกีฬาแต่ละประเภทที่แข่งขัน คณะที่ชนะเลิศจะได้รับถ้วยรางวัลซึ่งแต่ละถ้วยรางวัลจะเป็นถ้วยรางวัลที่ได้รับพระราชทาน อาทิ ถ้วยชนะเลิศรักบี้ฟุตบอลรุ่นใหญ่ เป็นถ้วยพระราชทานของ
กีฬาหลักของโรงเรียน คือ รักบี้ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริว่ารักบี้นั้นจะเป็นกีฬาที่สอนให้นักเรียนรู้จักแพ้ ชนะ และอภัย และจะฝึกให้นักเรียนเป็นสุภาพบุรุษอย่างสมบูรณ์แบบ รักบี้ประเพณีกับมาเลย์ คอลเลจ (Malay College Kuala Kangsar) จากประเทศมาเลเซียจะถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุก ๆ ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 และรักบี้ประเพณีกับ Saad foundation school ประเทศมาเลเซีย
ด้วยวชิราวุธวิทยาลัยเป็นโรงเรียนประจำชายล้วน จึงทำให้ที่นี่มีกีฬาให้เล่นเยอะมาก ได้แก่ รักบี้ฟุตบอลซึ่งเป็นกีฬาหลักของโรงเรียน มินิรักบี้ ฟุตบอล บาสเกตบอล ปิงปอง แบดมินตัน เทนนิส สควอช ไฟฟ์ ว่ายน้ำ กรีฑา โดยจะมีการแข่งขันกีฬาภายในระหว่างคณะเป็นประจำทุกปี คณะใดชนะเลิศจะได้ครองถ้วยรางวัลเงินแท้ หากเป็นรุ่นใหญ่มูลค่าถ้วยเกือบแสนเลยทีเดียว
นอกจากจะมีการแข่งขันกีฬาต่าง ๆ ที่นี่ยังมีการแข่งขันระเบียบวินัย การแข่งขันทดสอบสมรรถภาพร่างกาย กิจกรรมดนตรี และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนที่เรียกว่าชมรมวันเสาร์ ซึ่งให้เวลาเรียนรู้ตลอดวัน เพื่อเพิ่มทักษะและประสบการณ์ต่าง ๆ นอกห้องเรียน
=== หอพัก หรือคณะ ===
วชิราวุธวิทยาลัยมีหอพัก หรือที่เรียกว่า "คณะ" เพื่อให้นักเรียนใช้เป็นที่พักอาศัยในช่วงระหว่างที่อยู่โรงเรียนสามอาทิตย์ คณะหนึ่งนั้นจะมีนักเรียนประมาณ 85 คน แต่ละคณะนั้นจะแบ่งกระจายนักเรียนของแต่ละชั้นเรียนให้เท่า ๆ กัน แบ่งเป็นสองฝั่ง คือ คณะเด็กใน และ คณะเด็กเล็ก โดยที่คณะเด็กในจะใช้เป็นที่พักพิงของนักเรียนตั้งแต่ชั้น ม.1 ถึง ม.6 ทั้งนี้ มีด้วยกันอยู่ 6 คณะ คือ คณะผู้บังคับการ คณะดุสิต คณะจิตรดา คณะพญาไท คณะจงรักภักดี คณะศักดิ์ศรีมงคล ส่วนคณะเด็กเล็กนั้นจะใช้เป็นที่พักของเด็กนักเรียนชั้น ป.4 ถึง ป.6 เมื่อนักเรียนแต่ละคนเข้าเรียนชั้น ม.1 แล้วจะทำการย้ายเข้าไปอยู่เด็กในกับรุ่นพี่ คณะของคณะเด็กเล็ก ได้แก่ คณะสนามจันทร์ คณะนันทอุทยาน และคณะสราญรมย์ การปกครองของคณะเด็กใน และเด็กเล็กนั้นจะต่างกันเพียงเล็กน้อย โดยคณะเด็กเล็กนั้นจะมีหัวหน้าครูคณะ และครูคณะมาช่วยดูแล และควบคุมเด็ก ๆ ส่วนคณะเด็กในนั้นจะมีเพียงผู้กำกับคณะคอยดูแล และหน้าที่ควบคุมเด็กในคณะนั้นจะตกอยู่กับรุ่นพี่หัวหน้าคณะโดยมีผู้กำกับคณะเป็นที่ปรึกษา การปกครองในคณะเด็กในนั้นจะเป็นระบบรุ่นพี่ รุ่นน้อง โดยจะเน้นอยู่ว่า "การจะเป็นผู้นำที่ดีได้ ต้องเคยเป็นผู้ตามที่ดีมาก่อน" ดังนั้น ก่อนที่นักเรียนแต่ละคนจะมาเป็นหัวหน้าคณะปกครองรุ่นน้อง ก็จะเคยเป็นผู้ตามถูกปกครองโดยรุ่นพี่มาก่อน และเรียนรู้การปกครองนั้นมาปกครองรุ่นน้องถัด ๆ ไป
ตึกครูและนักเรียน มีที่มาจากคำว่า House ซึ่งแปลว่า บ้าน เพราะอาคารที่จัดเป็นตึกครูและนักเรียนนั้น ในพับลิกสกูลของอังกฤษคือบ้านพักของนักเรียนที่อยู่ประจำในโรงเรียน เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชประสงค์ให้โรงเรียนนี้เป็นเสมือนพระอารามหลวงประจำรัชกาล จึงโปรดเกล้าฯ ให้เรียกบ้านของนักเรียนในโรงเรียนนี้ว่า ‘คณะ’ เช่นเดียวกับการเรียกหมู่กุฎิสงฆ์ในพระอารามซึ่งรวมหมู่กัน โดยมีครูกำกับกับคณะ หรือ House Master หรือที่เรียกกันว่าผู้กำกับคณะ เป็นเสมือนพระภิกษุอาวุโสที่ทำหน้าเจ้าคณะปกครองดูแลสงฆ์
เมื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างหอสวดโรงเรียนมหาดเล็กหลวงใน พ.ศ. 2458 ก็โปรดเกล้าฯ ให้สร้างตึกครูและนักเรียนที่ 4 มุมโรงเรียนไปพร้อมกัน โดยเอ็ดเวิร์ด ฮิลลี่เป็นผู้ออกแบบอาคารทั้งสี่คณะแรก
นอกจากมีผู้กำกับคณะ ยังมีหัวหน้าคณะ คือกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าดูแลความเรียบร้อยในคณะตนเอง
===คณะผู้บังคับการ (School House)===
คณะผู้บังคับการ มีที่มาจากชื่อภาษาอังกฤษของคณะคือ School House เพื่อรักษาประเพณีของ Public schools ที่คณะนี้มีผู้บังคับการเป็นผู้กำกับคณะ เป็นสถาปัตยกรรมแบบทวารวดี สร้างเสร็จใน พ.ศ. 2459 สิ้นงบประมาณ 120,000 บาท
===คณะดุสิต (Dusit House)===
คณะดุสิต มาจากนามของพระราชวังดุสิต เป็นสถาปัตยกรรมแบบอยุธยา สร้างเสร็จใน พ.ศ. 2459 สิ้นงบประมาณ 130,000 บาท แต่ต่อมาเสียหายจากการทิ้งระเบิดของเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตรในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ส่วนหนึ่งของอาคารคณะดุสิตได้ถูกทำลายลง และมีการบูรณะขึ้นใหม่ใน พ.ศ. 2496 โดยต่อมาได้มีการบูรณะคณะดุสิตขึ้นใหม่อีกครั้งใน พ.ศ. 2553 จนสภาพเป็นเช่นในปัจจุบัน
===คณะจิตรลดา (Chitrlada House) ===
คณะจิตรลดา มาจากนามของพระตำหนักจิตรลดารโหฐานในพระราชวังดุสิต เป็นสถาปัตยกรรมแบบรัตนโกสินทร์ สร้างเสร็จใน พ.ศ. 2459 สิ้นงบประมาณ 145,000 บาท ว่ากันว่า ก่อสร้างคณะจิตรลดาให้วิจิตรงดงามที่สุดเพราะว่าคณะนี้เป็นทางเสด็จผ่านเข้าโรงเรียนในงานประจำของโรงเรียน
===คณะพญาไท (Phyathai House)===
คณะพญาไท มาจากนามของพระราชวังพญาไท เป็นสถาปัตยกรรมแบบสุโขทัย สร้างเสร็จใน พ.ศ. 2459 สิ้นงบประมาณ 125,000 บาท
สีประจำคณะคือสีชมพู นักเรียนคณะนี้ขึ้นชื่อเรื่องกีฬาว่ายน้ำ
===คณะจงรักภักดี และคณะศักดิ์ศรีมงคล===
ต่อมาเมื่อวชิราวุธวิทยาลัยขยายตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้จำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความแออัดในการพักอาศัย จึงได้มีการสร้างตึกนักเรียนขึ้นใหม่อีก 4 คณะ ได้แก่คณะจงรัก คณะภักดี คณะศักดิ์ศรี และคณะมงคล โดยในวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์มาเปิดอาคารคณะใหม่ทั้ง 4 คณะ ซึ่งต่อมาได้มีการยุบรวมคณะทั้งสี่นี้ โดยให้เหลือเพียง 2 คณะ เป็น คณะจงรักภักดี และคณะศักดิ์ศรีมงคล
== ประเพณีโรงเรียน ==
=== เพลงโรงเรียน ===
หนึ่งในประเพณีของวชิราวุธวิทยาลัย คือ การร้องเพลงในงานสำคัญต่าง ๆ รวมถึงเพลงเชียร์กีฬา โดยเพลงที่มักจะได้ยินบ่อย ๆ มีดังนี้
เพลงมหาวชิราวุธราชสดุดี ประพันธ์โดยท่านผู้หญิงดุษฎี มาลากุล ณ อยุธยา และทำนองโดย โฉลก เนตรสูตร เป็นเพลงประจำโรงเรียนมักถูกขับร้องในงานพิธีสำคัญ เพื่อเทิดทูนพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้สถาปนาโรงเรียน
เพลง Graduates Song Goodbye เป็นเพลงภาษาอังกฤษทำนองและเนื้อร้องโดย F.Rico ถูกขับร้องในงานพระราชทานประกาศนียบัตรนักเรียนเก่า โดยนักเรียนปัจจุบันที่กำลังจะจบการศึกษา เนื้อหาของเพลงนั้นเพื่อนึกถึงอนาคตเมื่อออกไปจากโรงเรียน และรำลึกถึงชีวิตในโรงเรียน
เพลงอีกสี่สิบปี ประพันธ์โดยท่านผู้หญิงดุษฎี มาลากุล ณ อยุธยา ทำนองนั้นคัดมาจาก Forty Years On ของโรงเรียนแฮร์โรว ในอังกฤษ มักถูกร้องในงานราชพิธีสำคัญ เนื้อหาในเพลงเพื่อรำลึกถึงชีวิตในโรงเรียน
เพลงเราเด็กในหลวง พระราชนิพนธ์โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทำนอง สิงโตเล่นหาง เป็นเพลงกลอนบรรเลงโดยวงดนตรีไทย เป็นเพลงปฏิญาณนึกถึงความสำคัญของนักเรียนมหาดเล็ก ดังมีตัวอย่างท่อนจบว่า "รักษาชาติศาสนากว่าจะตาย เป็นผู้ชายชาติไทยไม่ลืมเอย"
เพลงเชียร์กีฬา มักถูกขับร้องในการแข่งขันรักบี้ระหว่างโรงเรียน นอกจากนั้นสำหรับการแข่งขันภายใน แต่ละคณะก็จะมีเพลงเชีย์กีฬาของตัวเองอีกด้วย
เพลงจรรยานักกีฬา เป็นเพลงกลอนมักถูกขับร้องก่อนการแข่งขันกีฬาระหว่างคณะ เพื่อนึกถึงจรรยาของนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย
== ผู้บังคับการ ==
ผู้บังคับการ เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบสูงสุดในการดูแลจัดการวชิราวุธวิทยาลัย เป็นทั้งหัวหน้าฝ่ายบริหาร และครูใหญ่ รวมทั้งผู้รับใบอนุญาตผู้จัดการโรงเรียน ทั้งนี้ เมื่อตำแหน่งผู้บังคับการว่างลง คณะกรรมการอำนวยการวชิราวุธวิทยาลัย จะดำเนินการสรรหาผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย และนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อขอพระบรมราชานุมัติ จึงจะสามารถดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยโดยสมบูรณ์
{| border="1" cellpadding="4" cellspacing="1" style="margin: 1em 1em 1em 0; background: #f9f9f9; border: 1px #aaa solid; text-align:center; border-collapse: collapse; font-size: 95%;"
|- style="background:#3399FF"
| colspan=4| อาจารย์ใหญ่/ผู้บังคับการ
|- style="background:#FFFF99"
! ลำดับ || ชื่อ || ตำแหน่ง || ระยะเวลา
|-
! bgcolor="#FFFFFF"| 1
| | พระยาโอวาทวรกิจ (เหม ผลพันธิน)
| อาจารย์ใหญ่โรงเรียนมหาดเล็กหลวง
| 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2454 - 8 กันยายน พ.ศ. 2455
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 2
| |พระยาบริหารราชมานพ (ศร ศรเกตุ)
| อาจารย์ใหญ่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงผู้บังคับการโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
| 8 กันยายน พ.ศ. 2455 - 11 เมษายน พ.ศ. 245811 เมษายน พ.ศ. 2458 - 26 มีนาคม พ.ศ. 2460
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 3
| |พระยาบรมบาทบำรุง (พิณ ศรีวรรธนะ)
| ผู้บังคับการโรงเรียนมหาดเล็กหลวงผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
| 26 มีนาคม พ.ศ. 2460 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 24694 พฤษภาคม พ.ศ. 2476 - 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 4
| |พระยาปรีชานุสาสน์ (เสริญ ปันยารชุน)
| ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
| 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2469 - 16 เมษายน พ.ศ. 2476
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 5
| |อำมาตย์เอก พระพณิชยสารวิเทศ (ผาด มนตธาตุผลิน)
| ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
| 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 - 1 มกราคม พ.ศ. 2486
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 6
| |มหาอำมาตย์ตรี พระยาภะรตราชา (หม่อมหลวงทศทิศ อิศรเสนา)
| ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
| 1 มกราคม พ.ศ. 2486 - 28 ธันวาคม พ.ศ. 2518
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 7
| |ศาสตราจารย์ ดร.กัลย์ อิศรเสนา ณ อยุธยา
| ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
| 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519 - 30 มิถุนายน พ.ศ. 2539
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 8
| |ศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช
| ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
| 30 มิถุนายน พ.ศ. 2539 - 28 มิถุนายน พ.ศ. 2550
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 9
| |ดร.สาโรจน์ ลีสวรรค์
| ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
| 28 มิถุนายน พ.ศ. 2550 - 8 มิถุนายน พ.ศ. 2559
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 10
| |ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุรวุธ กิจกุศล
| ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
| 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559 - 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
|-
|11
|เกียรติคุณ ชาติประเสริฐ
|ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
|1 มีนาคม พ.ศ. 2564 - ปัจจุบัน
|}
== รายพระนามและรายนามนักเรียนเก่าที่มีชื่อเสียง ==
{| border="1" cellpadding="4" cellspacing="1" style="margin: 1em 1em 1em 0; background: #f9f9f9; border: 1px #aaa solid; text-align:center; border-collapse: collapse; font-size: 95%;"
|- style="background:#3399FF"
| colspan=3| นักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง
|- style="background:#FFFF99"
! ลำดับ || พระนาม/นาม || เกียรติประวัติ
|-
! bgcolor="#FFFFFF"| 1
| | พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา
| ประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
|-
! bgcolor="#FFFFFF"| 2
| | พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย
| รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 3
| | หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล
| นักโบราณคดี อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 4
| | หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล
| ผู้กำกับภาพยนตร์ และศิลปินแห่งชาติ
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 5
| | หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี
| ประธานมูลนิธิโครงการหลวง
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 6
| | หม่อมเจ้าโวฒยากร วรวรรณ
| สถาปนิก ผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมสถาปนิกสยามฯ คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 7
| | หม่อมราชวงศ์เทพฤทธิ์ เทวกุล
| นักการเกษตร
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 8
| | หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล
| ผู้กำกับภาพยนตร์
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 10
| | หม่อมราชวงศ์เกษมสโมสร เกษมศรี
| อดีตรองนายกรัฐมนตรี
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 11
| | พลตรี หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์(หม่อมราชวงศ์เฉลิมลาภ ทวีวงศ์)
| องคมนตรี เลขาธิการพระราชวัง
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 12
| | หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล
| บุคคลสำคัญของโลก ศิลปินแห่งชาติ รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 13
| | หม่อมหลวงทวีสันต์ ลดาวัลย์
| องคมนตรี ราชเลขาธิการ
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 16
| | จุลนภ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
| อดีตองคมนตรี
อดีตสมาชิกวุฒิสภา
อดีตกรรมการมูลนิธิชัยพัฒนา
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 17
| | พลากร สุวรรณรัฐ
| องคมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 18
| | เชาวน์ ณ ศีลวันต์
| องคมนตรี สมาชิกวุฒิสภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 19
| | พูนเพิ่ม ไกรฤกษ์
| เลขาธิการพระราชวัง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 20
| | จักรพันธุ์ โปษยกฤต
| ศิลปินแห่งชาติ
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 21
| | นิธิ สถาปิตานนท์
| ศิลปินแห่งชาติ
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 22
| | วิจิตร คุณาวุฒิ
| ศิลปินแห่งชาติ
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 23
| | เสวกตรี นายลิขิตสารสนอง (ชัพน์ บุนนาค)
| ลูกเสือคนแรกของไทย
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 25
| | ศาสตราจารย์ชัยอนันต์ สมุทวณิช
| อดีตผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย
อดีตนายกราชบัณฑิตยสถาน
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 26
| | ศาสตราจารย์พิเศษประกอบ หุตะสิงห์
| อดีตองคมนตรี อดีตประธานศาลฎีกา
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 27
| | สุเมธ ตันติเวชกุล
| เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 28
| | อดิศัย โพธารามิก
| อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตกระทรวงพาณิชย์
อดีตกระทรวงศึกษาธิการ
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 30
| | พลตำรวจเอก เภา สารสิน
| อดีตอธิบดีกรมตำรวจ
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 31
| | พลตำรวจเอก อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช
| อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 32
| | ประสพสุข บุญเดช
| อดีตประธานวุฒิสภา, ผู้พิพากษาศาลฎีกา
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 33
| | จุลสิงห์ วสันตสิงห์
| อดีตอัยการสูงสุด
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 34
| | พระนาย สุวรรณรัฐ
| ปลัดกระทรวงมหาดไทย
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 36
| | รองศาสตราจารย์วุฒิชัย กปิลกาญจน์
| อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 37
| | พชร อิศรเสนา ณ อยุธยา
| ปลัดกระทรวงพาณิชย์, สมาชิกวุฒิสภา
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 38
| | ดุสิต นนทะนาคร
| ประธานสภาหอการค้าไทย
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 39
| | ศาสตราจารย์พิเศษอำนวย วีรวรรณ
| รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 40
| | ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย
| ประธานวุฒิสภา ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้พิพากษาศาลฎีกา
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 42
| | พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา
| ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สมาชิกวุฒิสภา
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 44
| | พันตำรวจเอก ดุษฎี อารยวุฒิ
| รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 45
| | พันเอก วินธัย สุวารี
| โฆษกกองทัพบก
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 46
| | เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
| อธิบดีกรมสรรพากร
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 47
| | นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร
| ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 49
| | บรรยง พงษ์พานิช
| นักธุรกิจ
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 50
| | พิภู พุ่มแก้ว
| ผู้ประกาศข่าว
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 51
| | ธนากร โปษยานนท์
| นักแสดง พิธีกร
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 52
| | ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา
| นักแสดง พิธีกร
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 54
| | ธราวุธ นพจินดา
| อดีตผู้ประกาศข่าวกีฬา
อดีตผู้บรรยายการแข่งขันกีฬาทางโทรทัศน์
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 55
| | ปรัชฌา สนั่นวัฒนานนท์
| นักแสดง
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 56
| | วรชาติ มีชูบท
| นักประวัติศาสตร์
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 57
| | พลตำรวจเอก สมาน ธูปะคุปต์
| ผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 58
| | ศาสตราจารย์กิตติคุณเติมศักดิ์ กฤษณามระ
| อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายกสมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 59
| | ภราเดช พยัฆวิเชียร
| อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายกสภามหาวิทยาลัยศิลปากร
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 60
| | พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา
| สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานกรรมการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 61
| | สยาม สังวริบุตร
| ผู้กำกับละคร
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 62
| | ชาติเชื้อ กรรณสูต
| สมาชิกวุฒิสภา กรรมการช่อง 7
|-
| bgcolor="#FFFFFF"| 63
| | ชวลิต เสริมปรุงสุข
| ศิลปินแห่งชาติ
|}
== ดูเพิ่ม ==
งานรักบี้ฟุตบอลประเพณีราชวิทย์-วชิราวุธ
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
โรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย
สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยฯ
โรงเรียนในเขตดุสิต
โรงเรียนชายในกรุงเทพมหานคร
โรงเรียนที่สร้างขึ้นเป็นพระบรมราชานุสรณ์แห่งรัชกาลที่ 6
สถานที่ที่ตั้งชื่อตามพระนามของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
โรงเรียนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2453
โรงเรียนที่มีอายุเกิน 100 ปีในประเทศไทย
โบราณสถานในเขตดุสิต
|
thaiwikipedia
| 1,850 |
20 พฤษภาคม
|
วันที่ 20 พฤษภาคม เป็นวันที่ 140 ของปี (วันที่ 141 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 225 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2041 (ค.ศ. 1498) - วัชกู ดา กามา นักสำรวจชาวโปรตุเกส เดินทางถึงเมืองกาลิกัต ประเทศอินเดีย
พ.ศ. 2050 (ค.ศ. 1507) - อับราฮัม ออร์ทีเลียส เผยแพร่แผนที่แบบใหม่เล่มแรก
พ.ศ. 2426 (ค.ศ. 1883) - ภูเขาไฟกรากะตัวได้เริ่มปะทุขึ้นพ่นเถ้าถ่านควันไฟจำนวนมาก ต่อมาวันที่ 27 สิงหาคม ได้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่สุด พ่นเถ้าธุลีลอยสูงขึ้นไปถึง 80 กิโลเมตร ในรัศมี 240 กิโลเมตร เสียงระเบิดดังไปถึงเมืองปัตตาเวียที่อยู่ห่างออกไป150กิโลเมตร ผู้คนยังต้องเอามืออุดหูกันเสียงระเบิด
พ.ศ. 2445 (ค.ศ. 1902) - ประเทศคิวบาได้รับเอกราชจากสหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2440 (ค.ศ. 1927) - เวลา 7:52 น. ชาลส์ ลินด์เบิร์ก นักบินชาวอเมริกัน ขับเครื่องบินใบพัดเครื่องยนต์เดี่ยวที่ชื่อว่าสปิริตออฟเซนต์หลุยส์จากนครนิวยอร์ก เพื่อทำสถิตินักบินคนแรกที่บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกโดยไม่หยุดพัก ลงจอดที่นครปารีส เวลา 22:22 น. วันถัดมา
พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1923) - สนามกีฬาเมสตายาเปิดใช้งานเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2475 (ค.ศ. 1932) - อะมีเลีย แอร์ฮาร์ต นักบินชาวอเมริกัน ขับเครื่องบินใบพัดเครื่องยนต์เดี่ยว Lockheed Vega 5b จาก Harbour Grace รัฐนิวฟันด์แลนด์ เพื่อทำสถิตินักบินหญิงคนแรกที่บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกโดยไม่หยุดพัก เดิมตั้งใจจะไปลงจอดที่ปารีส แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ลมแรง น้ำแข็งจับทำให้ต้องลงจอดที่ไอร์แลนด์ ในวันถัดมา
พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - สหรัฐอเมริกาเริ่มการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ฟิวชั่น (ระเบิดที่ได้จากการหลอมไฮโดรเจน) ที่หมู่เกาะบิกินี ใน มหาสมุทรแอตแลนติก ที่ต่อมาชื่อหมู่เกาะได้กลายมาเป็นชื่อชุดว่ายน้ำ
พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - ประเทศติมอร์-เลสเตได้รับเอกราช หลังจากอยู่ภายใต้การปกครองของอินโดนีเซีย
พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008) - เป็นวันแรกที่ กฎหมาย โทรไม่ขับ มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันนี้
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2342 (ค.ศ. 1799) - ออนอเร เดอ บาลซัก นักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส (ถึงแก่กรรม 18 สิงหาคม พ.ศ. 2393)
พ.ศ. 2349 (ค.ศ. 1806) - จอห์น สจวต มิลล์ นักปรัชญาและนักเศรษฐศาสตร์การเมืองชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2416)
พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) - เจมส์ สจวร์ต นักแสดงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2540)
พ.ศ. 2458 (ค.ศ. 1915) - โมเช่ ดายัน แม่ทัพและนักการเมืองชาวอิสราเอล (ถึงแก่กรรม 16 ตุลาคม พ.ศ. 2524)
พ.ศ. 2475 (ค.ศ. 1932) - ณรงค์ วงษ์สวรรค์ ('รงค์ วงษ์สวรรค์) นักประพันธ์และศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2538 (ถึงแก่กรรม 15 มีนาคม พ.ศ. 2552)
พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - รุ่งเพชร แหลมสิงห์ นักร้องลูกทุ่งชาวไทย
พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) - โจ ค็อกเกอร์ นักร้อง/นักแสดงชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557)
พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) - แชร์ นักร้อง นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) - โรเจอร์ มิลลา นักฟุตบอลชาวแคเมอรูน
พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) - สุภโชค สัมปัตตะวนิช รองผู้บัญชาการ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) - อิสราเอล คามาคาวิโวโอเล นักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรีชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 26 มิถุนายน พ.ศ. 2540)
พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - ณัฐิยา ศิรกรวิไล นักเขียนบทละครโทรทัศน์ชาวไทย
พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - แกรแฮม พอตเตอร์ ผู้จัดการทีมฟุตบอลและอดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977)
* อีริค จามิลี่ แชมป์โลกมวยสากลชาวฟิลิปปินส์
* ไทเกอร์ ไทสัน นักแสดง นายแบบ และผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - อิเกร์ กาซิยัส นักฟุตบอลชาวสเปน
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) -
* เซียร์รา บ็อกเกสส์ นักร้อง นักแสดงละครเพลงชาวอเมริกัน
* แปเตอร์ แช็ค นักฟุตบอลชาวสาธารณรัฐเช็ก
* เวส ฮูลาฮัน นักฟุตบอลชาวไอริช
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - ซาร่า เล็กจ์ นักแสดงนางแบบและพิธีกร
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - ภัทรนันท์ ดีรัศมี นักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) -
* ฟรา ฟี นักแสดงและนักร้องชาวไอริช
* ไมค์ ฮาเวนนาร์ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น
* อูมาร์ เซมาตา นักมวยไทยชาวยูกันดา
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - โอบันซุก นักฟุตบอลอาชีพชาวเกาหลีใต้
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - ฆวนมิ นักฟุตบอลอาชีพชาวสเปน
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - ศศิ สินทวี มิสอินเตอร์เนชันแนลไทยแลนด์ 2015
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) -
* เจมส์ ฮีตลี นักกระโดดน้ำชาวอังกฤษ
* เดชาพล พัววรานุเคราะห์ นักแบดมินตันชาวไทย
* โยแอคิม เมเลอ นักฟุตบอลชาวเดนมาร์ก
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 1820 (ค.ศ. 1277) - สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 21 (ประสูติ พ.ศ. 1758)
พ.ศ. 2049 (ค.ศ. 1506) - คริสตอเฟอร์ โคลัมบัส นักสำรวจชาวอิตาลี (เกิด พ.ศ. 1994)
พ.ศ. 2554 (ค.ศ. 2011) - แรนดี ซาเวจ นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน (เกิด 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2495)
พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) - โรบิน กิบบ์ นักร้องและนักดนตรีชาวอังกฤษ (เกิด พ.ศ. 2492)
พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) - สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย (เกิด 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2496)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997), พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) - วันวิสาขบูชา
วันชาติในแคเมอรูน
วันเอกราชในติมอร์-เลสเต
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
พฤษภาคม 20
พฤษภาคม
|
thaiwikipedia
| 1,851 |
การดูนก
|
การดูนก เป็นงานอดิเรกที่เกี่ยวข้องกับการสังเกตและศึกษานก โดยเรียกศาสตร์ด้านนี้ว่า "ปักษีวิทยา" หลาย ๆ คนอาจคิดว่าการดูนกเป็นกิจกรรมของคนที่มีเวลาเหลือเฟือ หรือไม่มีอะไรทำ แต่แท้จริงแล้วการดูนกไม่ได้เป็นการใช้เวลาให้สูญเปล่าแต่อย่างใด กลับเป็นการผ่อนคลายและได้รับความเพลิดเพลิน เนื่องจากนกเป็นสัตว์โลกที่น่ารักสีสันสวยงาม และมีเสียงที่ไพเราะ นอกจากนี้แล้วยังเป็นจุดเริ่มต้นง่าย ๆ ที่เราจะศึกษาธรรมชาติได้เป็นอย่างดี
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Birdingonthe.net
Surfbirds Birding
Worldtwitch - rare bird news around the world
BirdForum
BirdGuides
งานอดิเรก
|
thaiwikipedia
| 1,852 |
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
|
ประจวบคีรีขันธ์ เป็นจังหวัดในภาคตะวันตกของประเทศไทย เป็นจังหวัดที่มีรูปร่างยาวในแนวเหนือ-ใต้ และแคบในแนวตะวันออก-ตะวันตก โดยส่วนที่แคบที่สุดมีระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นที่ตั้งศาลากลางจังหวัดอยู่ที่เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ในขณะที่ชุมชนเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในจังหวัด คือ เทศบาลเมืองหัวหิน
== ประวัติศาสตร์ ==
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาไม่ค่อยแน่ชัด เนื่องจากเป็นพื้นที่แคบ ยามมีศึกสงครามยากแก่การป้องกันจึงต้องปล่อยให้เป็นเมืองร้างหรือยุบเมืองเป็นส่วนหนึ่งของเมืองเพชรบุรี ในอดีตเป็นเพียงเมืองชั้นจัตวาเล็ก ๆ ที่รวมกันอยู่ภายใต้การปกครองของเมืองเพชรบุรี พอถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงได้โปรดเกล้าฯ ตั้ง เมืองบางนางรม ที่ปากคลองบางนางรม แต่ที่ดินไม่เหมาะสมแก่การเพาะปลูกจึงย้ายที่ว่าการเมืองไปตั้งที่เมืองกุย ที่มีความอุดมสมบูรณ์และการตั้งบ้านเรือนหนาแน่นกว่า
ครั้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2398 โปรดเกล้าฯ ให้รวมเมืองกุย เมืองคลองวาฬ และเมืองบางนางรมเข้าด้วยกัน โดยที่ตั้งเมืองยังคงตั้งอยู่ที่เมืองกุย (คืออำเภอกุยบุรีในปัจจุบัน) และโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเมืองกุยเป็น เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้ชื่อคล้องจองกันกับเมืองประจันตคีรีเขตซึ่งเดิมคือเกาะกงที่แยกออกจากจังหวัดตราด
ครั้นถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2441 จึงย้ายเมืองมาอยู่ที่บ้านเกาะหลัก ต่อมาพระองค์ทรงจัดการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เมืองประจวบคีรีขันธ์ เมืองชั้นจัตวาซึ่งขึ้นตรงกับเมืองเพชรบุรี มีฐานะเป็นอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ สังกัดเมืองเพชรบุรี ในช่วงนี้เมืองปราณบุรีซึ่งมีอาณาเขตติดอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ด้านทิศเหนือและเคยมีฐานะเป็นเมืองชั้นจัตวาขึ้นกับเมืองเพชรบุรี ก็ได้จัดตั้งเป็นอำเภอเมืองปราณบุรี สังกัดเมืองเพชรบุรีด้วย ส่วนเมืองกำเนิดนพคุณขึ้นตรงกับเมืองชุมพร ด้วยมีพระราชดำริสงวนชื่อเมืองปราณไว้ (เมืองเก่าที่ตั้งอยู่ที่ปากน้ำปราณบุรี) ต่อมา วันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2449 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีพระบรมราชโองการให้รวมเอาอำเภอเมืองปราณบุรี อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เมืองเพชรบุรี และอำเภอกำเนิดนพคุณ เมืองชุมพร ซึ่งเป็นเมืองชั้นจัตวามาก่อน ตั้งเป็นเมืองปราณบุรี มีที่ทำการเมืองอยู่ที่ตำบลเกาะหลัก ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเมืองปราณบุรีเป็นเมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อป้องกันการสับสนกับเมืองปราณที่ปากน้ำปราณบุรี หลังจากมีการยกเลิกระบบการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล เมืองประจวบคีรีขันธ์จึงไม่ได้ขึ้นตรงกับเมืองเพชรบุรีและมณฑลราชบุรีอีก
== ภูมิศาสตร์ ==
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ตั้งอยู่ในภาคตะวันตก ตามการแบ่งระบบ 6 ภาคอย่างเป็นทางการโดยคณะกรรมการภูมิศาสตร์แห่งชาติและราชบัณฑิตยสภา ในขณะที่การแบ่งภูมิภาคด้วยระบบ 4 ภาค (เหนือ กลาง อีสานใต้) จัดเป็นจังหวัดในภาคกลาง และการแบ่งทางอุตุนิยมวิทยาจัดเป็นจังหวัดในภาคใต้ตอนบน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีเนื้อที่ประมาณ 6,367.620 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 3,979,762.5 ไร่ มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอแก่งกระจาน อำเภอท่ายางและอำเภอชะอำ (จังหวัดเพชรบุรี)
ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอท่าแซะและอำเภอปะทิว (จังหวัดชุมพร)
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอ่าวไทย
ทิศตะวันตก ติดต่อกับภาคตะนาวศรี (ประเทศพม่า)
ความยาวจากทิศเหนือจรดทิศใต้ ประมาณ 212 กิโลเมตร และชายฝั่งทะเลยาวประมาณ 224.8 กิโลเมตร มีส่วนที่แคบที่สุดอยู่ในตำบลคลองวาฬ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จากอ่าวไทยถึงเขตแดนพม่าประมาณ 12 กิโลเมตร มีเขาที่สูงที่สุดคือ เขาหลวงประจวบ มีความสูง 1,250 เมตร ระยะทางจากกรุงเทพมหานครตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ประมาณ 399 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงเศษ และตามเส้นทางรถไฟสายใต้ ประมาณ 318 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-6 ชั่วโมง
== การเมืองการปกครอง ==
=== หน่วยการปกครอง ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 8 อำเภอ 48 ตำบล 388 หมู่บ้าน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด 61 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์, เทศบาลเมือง 2 แห่ง ได้แก่ เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ และเทศบาลเมืองหัวหิน, เทศบาลตำบล 14 แห่ง, และองค์การบริหารส่วนตำบล 44 แห่ง โดยรายชื่อเทศบาลทั้งหมดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีดังนี้
อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์
เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์
เทศบาลตำบล กม.5
เทศบาลตำบลคลองวาฬ
อำเภอกุยบุรี
เทศบาลตำบลกุยบุรี
เทศบาลตำบลไร่ใหม่
อำเภอทับสะแก
เทศบาลตำบลทับสะแก
อำเภอบางสะพาน
เทศบาลตำบลกำเนิดนพคุณ
เทศบาลตำบลบ้านกรูด
เทศบาลตำบลร่อนทอง
อำเภอบางสะพานน้อย
เทศบาลตำบลบางสะพานน้อย
อำเภอปราณบุรี
เทศบาลตำบลปราณบุรี
เทศบาลตำบลปากน้ำปราณ
เทศบาลตำบลเขาน้อย
อำเภอหัวหิน
เทศบาลเมืองหัวหิน
เทศบาลตำบลหนองพลับ
อำเภอสามร้อยยอด
เทศบาลตำบลไร่ใหม่
เทศบาลตำบลไร่เก่า
หมายเหตุ
เทศบาลตำบลไร่ใหม่ตั้งอยู่ทั้งในอำเภอกุยบุรีและในอำเภอสามร้อยยอด
=== ทำเนียบผู้ว่าราชการจังหวัด ===
== การศึกษา ==
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ศูนย์หัวหิน
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หัวหิน
วิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล
วิทยาลัยเทคโนโลยีประจวบคีรีขันธ์
วิทยาลัยเทคนิคประจวบคีรีขันธ์
วิทยาลัยการอาชีพบางสะพาน
วิทยาลัยการอาชีพปราณบุรี
== แหล่งท่องเที่ยว ==
ศาลหลักเมืองจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สร้างขึ้นมาในสมัย ร.ต.อำนวย ไทยานนท์ เป็นผู้ว่าราชการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ทรงเปิดศาลหลักเมือง เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2537 เพื่อให้เป็นสิริมงคลและเป็นหลักชัยคู่บ้านคู่เมือง
ชายฝั่งทะเลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นชายฝั่งทะเลในพื้นที่แหลมผักเบี้ย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกชื่อชายฝั่งทะเลของจังหวัดเพชรบุรี-จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีความยาว 200 กิโลเมตร มีความยาวคอดไปถึงอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อแสดงถึงวีรกรรม พระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและเพื่อประกาศพระเกียรติคุณของพระมหากษัตริย์ไทย ให้ปรากฏพระนามบนแผนที่
หาดบ้านกรูด
อ่าวมะนาว
อ่าวประจวบ
อ่าวน้อย
ด่านสิงขร
อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ)
อุทยานราชภักดิ์
=== ศาสนสถาน ===
วัดคลองวาฬพระอารามหลวง
วัดธรรมมิการามวรวิหาร (วัดเขาช่องกระจก)
วัดเกาะหลัก
วัดเขาอิติสุคโต
วัดใหญ่คลายคีรี (เขาอิติสุคโต 2)
วัดพรหมรังษี (เขาอิติสุคโต 3)
วัดห้วยมงคล
วัดทางสาย
วัดตาลเจ็ดยอด
=== อุทยาน ===
อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
อุทยานแห่งชาติหาดวนกร
อุทยานแห่งชาติกุยบุรี
อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
เว็บไซต์วัดเขาอิติสุคโต
เว็บไซต์สำนักปฏิบัติธรรมพรหมรังษี (เขาอิติสุคโต 3)
เวปไซด์สามอ่าวดอตคอม อีกเสียงของชาวประจวบ
จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทย
|
thaiwikipedia
| 1,853 |
จังหวัดชัยนาท
|
ชัยนาท เดิมสะกดว่า ไชยนาท เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลางของประเทศไทย มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดต่าง ๆ ตามเข็มนาฬิกาจากทิศเหนือ ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดสุพรรณบุรี และจังหวัดอุทัยธานี
== ประวัติ ==
ชัยนาทแปลตามศัพท์มีความหมายว่า "เสียงบันลือแห่งชัยชนะ" เป็นเมืองโบราณเมืองหนึ่ง ตัวเมืองเดิมอยู่บริเวณฝั่งขวาแม่น้ำเจ้าพระยาที่ปากคลองแพรกศรีราชา ใต้ปากน้ำเก่า สันนิษฐานว่าคงจะสร้างขึ้นในสมัยพญาเลอไทครองกรุงสุโขทัยระหว่าง พ.ศ. 1860–1879 เมืองแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า เมืองแพรกหรือเมืองสรรค์ มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านทางใต้ เมื่อกรุงสุโขทัยเสื่อมอำนาจลง เมืองแพรกได้กลายเป็นเมืองหน้าด่านทางตอนเหนือของกรุงศรีอยุธยา ต่อมาได้เกิดชุมชนใหม่ไม่ไกลจากเมืองสรรค์ เมืองที่เกิดขึ้นใหม่นี้เป็นเมืองใหญ่ มีชื่อว่า ชัยนาท ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ย้ายตัวเมืองจากบริเวณแหลมยาง มาตั้งตรงฝั่งซ้ายแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนเมืองสรรค์นั้นเสื่อมลงเรื่อย ๆ เพราะผู้คนอพยพมาอยู่ที่ชัยนาทเป็นส่วนใหญ่ ในที่สุดก็กลายเป็นเพียงอำเภอหนึ่งของชัยนาทเท่านั้น ชัยนาทเป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญ เคยใช้เป็นที่ตั้งทัพรับศึกพม่าหลายครั้งและมีชัยทุกครั้งไป จึงเป็นที่มาของชื่อเมืองชัยนาทแห่งนี้
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ลักษณะภูมิประเทศ ===
จังหวัดชัยนาทมีลักษณะภูมิประเทศ โดยทั่วไปเป็นพื้นที่ราบลุ่มมีพื้นที่ประมาณ 99.06 ของพื้นที่ทั้งหมด ได้แก่ พื้นที่ตอนกลางตอนใต้และตะวันออกของจังหวัดมีลักษณะเป็นที่ราบจนถึงพื้นที่ลูกคลื่นลอนลาดมีแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำน้อย ไหลผ่านพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วทุกอำเภอ เช่น
แม่น้ำเจ้าพระยา ไหลผ่านอำเภอมโนรมย์ วัดสิงห์ เมืองชัยนาท และสรรพยา
แม่น้ำท่าจีน หรือแม่น้ำมะขามเฒ่า ไหลผ่านอำเภอวัดสิงห์ และหันคา
แม่น้ำน้อย ไหลผ่านอำเภอสรรคบุรี
คลองชลประทาน ซึ่งมีหลายสายไหลผ่านพื้นที่ต่าง ๆ ได้แก่ คลองอนุศาสนนันท์ คลองมหาราช คลองพลเทพ เป็นต้น ล้วนเป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับการเกษตรกรรมตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วไป
นอกจากลักษณะภูมิประเทศเป็นพื้นที่ราบแล้ว ยังมีเนินเขาเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1 – 3 กิโลเมตร กระจ่ายอยู่ทั่วไปที่สำคัญได้แก่ เขาธรรมามูล ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของจังหวัดชัยนาท เขาพลอง เขาขยาย เขากระดี่ เขาใหญ่เขารัก เขาดิน เขาหลัก เขาไก่ห้อย เขาสารพัดดี เขาราวเทียน เขาสรรพยา และเขาแก้ว เป็นต้น
=== อาณาเขต ===
จังหวัดชัยนาทเป็นจังหวัดหนึ่งของภาคกลางตอนบน ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี และชัยนาท ตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยาและเป็นตอนเหนือสุดของภาคกลาง บนเส้นรุ้งที่ 15 องศาเหนือ และเส้นแวงที่ 100 องศาตะวันออก สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 16.854 เมตร มีพื้นที่ประมาณ 2,469.746 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,543,591 ไร่หรือเท่ากับร้อยละ 15.5 ของพื้นที่ในภาคกลางตอนบนเป็นพื้นที่เกษตรกรรม 1,219,669 ไร่ หรือประมาณร้อยละ 79.02 ของพื้นที่ทั้งหมด ห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 195 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียงคือ
ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดอุทัยธานี และจังหวัดนครสวรรค์
ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดสุพรรณบุรี
ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดนครสวรรค์ และจังหวัดสิงห์บุรี
ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดอุทัยธานี
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
คำขวัญประจำจังหวัด: หลวงปู่ศุขลือชา เขื่อนเจ้าพระยาลือชื่อ นามระบือสวนนก ส้มโอดกขาวแตงกวา
ตราประจำจังหวัด: รูปพระธรรมจักร รองรับด้วยพญาครุฑ เบื้องหลังเป็นแม่น้ำและภูเขา ซึ่งหมายถึงสัญลักษณ์รูปพระธรรมจักรที่ประดิษฐานอยู่ ณ วิหารวัดธรรมามูลวรวิหาร ตั้งอยู่บนไหล่เขาธรรมามูล
ธงประจำจังหวัด: เป็นรูปตราประจำจังหวัดบนพื้นสีบานเย็น (magenta) ซึ่งเป็นสีประจำจังหวัด
ต้นไม้ประจำจังหวัด: มะตูม (Aegle marmelos)
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกชัยพฤกษ์ (Cassia javanica)
สัตว์น้ำประจำจังหวัด: ปลาแดง (Phalacronotus bleekeri)
ไฟล์:Seal Chainat.png| ตราประจำจังหวัดชัยนาท
ไฟล์:Bael (Aegle marmelos) tree at Narendrapur W IMG 4116.jpg| ต้นมะตูม (Aegle marmelos) ต้นไม้ประจำจังหวัด
ไฟล์:Cassia javanica, closeup.jpg| ดอกชัยพฤกษ์ (Cassia javanica) ดอกไม้ประจำจังหวัด
ไฟล์:Micronema bleekeri.jpg| ปลาแดง (Phalacronotus bleekeri) สัตว์น้ำประจำจังหวัด
== การเมืองการปกครอง ==
=== หน่วยการปกครอง ===
==== การปกครองส่วนภูมิภาค ====
จังหวัดชัยนาทแบ่งการปกครองส่วนภูมิภาคแบ่งออกเป็น 8 อำเภอ 53 ตำบล 503 หมู่บ้าน โดยอำเภอทั้ง 8 มีดังนี้
อำเภอเมืองชัยนาท
อำเภอมโนรมย์
อำเภอวัดสิงห์
อำเภอสรรพยา
อำเภอสรรคบุรี
อำเภอหันคา
อำเภอหนองมะโมง
อำเภอเนินขาม
==== การปกครองส่วนท้องถิ่น ====
จังหวัดชัยนาทมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวม 60 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท, เทศบาลเมือง 1 แห่ง คือ เทศบาลเมืองชัยนาท, เทศบาลตำบล 38 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 20 แห่ง โดยรายชื่อเทศบาลทั้งหมดจำแนกตามอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดชัยนาทมีดังนี้
{|
| width="250" valign="top" |
อำเภอเมืองชัยนาท
เทศบาลเมืองชัยนาท
เทศบาลตำบลชัยนาท
เทศบาลตำบลหาดท่าเสา
เทศบาลตำบลเสือโฮก
เทศบาลตำบลบ้านกล้วย
เทศบาลตำบลนางลือ
เทศบาลตำบลธรรมามูล
อำเภอมโนรมย์
เทศบาลตำบลคุ้งสำเภา
เทศบาลตำบลหางน้ำสาคร
เทศบาลตำบลศิลาดาน
เทศบาลตำบลมโนรมย์
| width="250" valign="top" |
อำเภอวัดสิงห์
เทศบาลตำบลวัดสิงห์
เทศบาลตำบลหนองน้อย
เทศบาลตำบลหนองขุ่น
อำเภอสรรพยา
เทศบาลตำบลโพธิ์พิทักษ์
เทศบาลตำบลสรรพยา
เทศบาลตำบลบางหลวง
เทศบาลตำบลหาดอาษา
เทศบาลตำบลตลุก
เทศบาลตำบลโพนางดำออก
เทศบาลตำบลโพนางดำตก
เทศบาลตำบลเจ้าพระยา
| width="250" valign="top" |
อำเภอสรรคบุรี
เทศบาลตำบลแพรกศรีราชา
เทศบาลตำบลสรรคบุรี
เทศบาลตำบลดงคอน
เทศบาลตำบลห้วยกรด
เทศบาลตำบลบางขุด
เทศบาลตำบลโพงาม
เทศบาลตำบลดอนกำ
เทศบาลตำบลห้วยกรดพัฒนา
| width="250" valign="top" |
อำเภอหันคา
เทศบาลตำบลหันคา
เทศบาลตำบลสามง่ามท่าโบสถ์
เทศบาลตำบลหนองแซง
เทศบาลตำบลบ้านเชี่ยน
เทศบาลตำบลสามง่ามพัฒนา
เทศบาลตำบลห้วยงู
อำเภอหนองมะโมง
เทศบาลตำบลวังตะเคียน
เทศบาลตำบลหนองมะโมง
อำเภอเนินขาม
เทศบาลตำบลเนินขาม
|}
=== รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ===
{|
| width="55%" valign="top" |
| width="45%" valign="top" |
|}
== วัฒนธรรมและประเพณี ==
=== งานมหกรรมหุ่นฟางนก ===
เป็นการนำฟางข้าวที่ไม่ได้ใช้ทำประโยชน์ มาประดิษฐ์เป็นรูปนกขนาดใหญ่หลายชนิด โดยนก แต่ละชนิด นำมาติดตั้งบนรถแต่ละคัน ซึ่งตกแต่งไว้อย่างสวยงามเป็นรูปขบวน หลังจากการ ประกวดหุ่นฟางนกทั้งหมดจะนำมาตั้งแสดงที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัด กำหนดจัดงานประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี นอกจากนี้ ในบริเวณงานจะมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง และผลิตผลทางการเกษตร
=== งานส้มโอชัยนาท ===
ชัยนาทเป็นจังหวัดที่สามารถปลูกส้มโอทุกพันธุ์ได้ผลดี ส้มโอสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชัยนาทคือ ส้มโอพันธุ์ขาวแตงกวา ซึ่งมีลักษณะพิเศษดังนี้คือ ผลกลม ผิวเรียบ เปลือกบาง รสหวานกรอบอมเปรี้ยว ไม่มีรสขม ปัจจุบันจังหวัดเร่งส่งเสริมให้เกษตรกรชาวสวนปลูกกันเป็นอาชีพและจัดงานส้มโอชัยนาทเป็นประจำทุกปี ช่วงระหว่างปลายเดือนสิงหาคมหรือต้นเดือนกันยายนที่บริเวณหน้าศาลากลาง จังหวัดชัยนาท มีกิจกรรมที่น่าสนใจคือการประกวดส้มโอ การจัดนิทรรศการให้ความรู้ จากหน่วยงานทางราชการ การออกร้านจำหน่ายกิ่งพันธุ์และผลส้มโอของเกษตรกรชาวชัยนาท
== สถานที่สำคัญ ==
{|
| width="500" valign="top" |
สวนนกชัยนาท
วัดธรรมามูลวรวิหาร
วัดพระบรมธาตุวรวิหาร
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติชัยนาทมุนี
วัดปากคลองมะขามเฒ่า
ฟาร์มจระเข้วสันต์
วัดอินทาราม
เขื่อนเจ้าพระยา
วัดกรุณา
| width="500" valign="top" |
อนุสาวรีย์ขุนสรรค์
วัดพระมหาธาตุ
วัดสองพี่น้อง
วัดพระแก้ว จังหวัดชัยนาท
สวนลิงชัยนาท
วัดไกลกังวล
วัดพิชัยนาวาส
เขาพลองสเตเดียม
|}
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
{|
| width="500" valign="top" |
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม พุทฺธสโร) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตสังฆมนตรีว่าการองค์การสาธารณูปการ อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตเจ้าคณะมณฑลพิษณุโลก อดีตเจ้าคณะจังหวัดธนบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดอนงคารามวรวิหาร
พระครูวิมลคุณากร (ศุข เกสโร) - อดีตเจ้าอาวาสวัดปากคลองมะขามเฒ่า
ธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม
จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ - เป็นศิลปินลิเกหญิง และนักร้องลูกทุ่งหญิงชาวไทย
โชคชัย เจริญสุข - เป็นนักแสดง นักร้องชาวไทย
ดิลก ทองวัฒนา - เป็นนักแสดงชาวไทย
นันทนา สงฆ์ประชา - นักการเมืองชาวไทย
ผ่องศรี วรนุช - นักร้องเพลงลูกทุ่ง เจ้าของฉายา ราชีนีลูกทุ่งไทย
เพชรชัยนาท ดอนเจดีย์ - นักมวยชาวไทย
เพชรไทย ชูวัฒนะ - นักมวยชาวไทย
เมืองชัย กิตติเกษม - นักมวยชาวไทย
| width="500" valign="top" |
'รงค์ วงษ์สวรรค์ - นักเขียนชาวไทย
วิสารท เดชกุล - ผู้ประกาศข่าว ทาง สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ศรัณยู วินัยพานิช - นักร้องชาวไทย
ศรายุทธ ชะนะกุล - นักการเมืองชาวไทย
ศักดิ์สิริ มีสมสืบ - นักเขียนได้รับรางวัลซีไรต์
ศันสนีย์ นาคพงศ์ - นักการเมืองชาวไทย
ศุภณัฐ เฉลิมชัยเจริญกิจ - นักร้อง นักแสดง
สุริยัน ส่องแสง - เป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งชายชาวไทย
อนุชา นาคาศัย - นักการเมืองชาวไทย
เทียม ไชยนันทน์ - เป็นอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย
ศิวดล จันทเสวี - นักร้องวง 3.50
พุ่มพวง ดวงจันทร์ - นักร้องเพลงลูกทุ่ง เจ้าของฉายา ราชีนีลูกทุ่งไทย
จตุพล ภูอภิรมย์ - เป็นนักแสดงชาวไทย
ณัฐณิชา ใจแสน - นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย
|}
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดชัยนาท
รายชื่อวัดในจังหวัดชัยนาท
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดชัยนาท
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดชัยนาท
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
|
thaiwikipedia
| 1,854 |
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
|
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (Suankularb Wittayalai School; อักษรย่อ: ส.ก. / S.K.) เป็นโรงเรียนชายล้วน ระดับชั้น มัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ชื่อเดิม: กรมสามัญศึกษา) กระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งโดย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับการสถาปนาขึ้นในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2424 (ขณะนั้นนับวันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ เมื่อนับอย่างสากลถือเป็น พ.ศ. 2425) โดยเป็นโรงเรียนรัฐบาลแห่งแรกของประเทศไทย
ปัจจุบันตั้งอยู่เลขที่ 88 ถนนตรีเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร บนเนื้อที่ 11 ไร่ 2 งาน 23 ตารางวา ประกอบด้วยอาคารเรียน 7 หลัง สนามฟุตบอล สระว่ายน้ำ โรงอาหาร อาคารอเนกประสงค์ และหอประชุม จัดการเรียนการสอน ในช่วงชั้นการศึกษาที่ 3 และ 4 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น จำนวน 36 ห้องเรียน มัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 42 ห้องเรียน รวมทั้งสิ้น 78 ห้องเรียน จัดการเรียนการสอนรูปแบบเป็น 12-12-12/14-14-14
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพ นั้นมีความโดดเด่นในเรื่องคุณภาพมาตรฐานของศิษย์เก่าที่จบไปโดยเฉพาะด้านวิชาการ ภาษา และความเป็นผู้นำ โดยเป็นโรงเรียนต้นแบบในเครือ "สวนกุหลาบวิทยาลัย" มีการสร้างพันธกิจสำคัญร่วมกันขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาโดยการบริหารจัดการขององค์กรเครือข่ายสวนกุหลาบ สร้างบรรทัดฐานการเรียนการสอนไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีงานสวนกุหลาบสัมพันธ์และงานลูกเสือสวนกุหลาบสัมพันธ์ ซึ่งจัดขึ้นร่วมกับโรงเรียนในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัย เป็นประจำทุกปี
นอกจากนี้ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพ เป็น 1 ในกลุ่มโรงเรียนจตุรมิตรสามัคคี ซึ่งประกอบด้วย โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพ โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย มีการแข่งขันฟุตบอลและมีการแปรอักษรของทั้ง 4 โรงเรียน ซึ่งเป็นอีกสัญลักษณ์สำคัญของงาน โดยฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคีจะจัดขึ้นทุก ๆ 2 ปีที่ สนามศุภชลาศัย โดยแต่ละโรงเรียนจะผลัดกันเป็นเจ้าภาพ
== ประวัติ ==
=== ประวัติโรงเรียน ===
ราว พ.ศ. 2325 เมื่อแรกสร้างพระบรมมหาราชวังในสมัยรัชกาลที่ 1 บริเวณวังข้าง ด้านใต้หมดเพียงป้อมอนันตคิรี กำแพงพระราชวังหักตรงไปทางตะวันตกจนถึงป้อมสัตบรรพตในระหว่าง กำแพงพระบรมมหาราชวังกับวัดพระเชตุพนมีบ้านเสนาบดีและวังเจ้า คั่นอยู่หลายบริเวณครั้นเมื่อถึงรัชกาลที่ 2 จึงมีการขยายเขตพระราชวังออกไป ในพระราชวังด้านใต้มีที่ว่าง โปรดฯให้ทำสวนปลูกต้นกุหลาบ สำหรับเก็บดอกใช้ในราชการจึงเกิดมีสวนกุหลาบขึ้นในพระราชวัง ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 เป็นต้นมา และในสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดฯให้แบ่งสวนกุหลาบส่วนหนึ่งสร้างพระคลังศุภรัตน ทำเป็นตึกรูปเก๋งจีน แต่พื้นที่นอกจากสร้างคลังศุภรัตน ยังคงเป็นสวนกุหลาบต่อมาอย่างเดิม
ต่อมาในรัชกาลที่ 4 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เจริญพระชันษาถึงเวลาจะเสด็จมาประทับอยู่พระราชวังชั้นนอก แต่พระบรมพระชนกนาถมีพระประสงค์ที่จะให้เสด็จประทับอยู่ในที่ใกล้พระองค์ จึงโปรดฯให้จัดตำหนักพระราชทานเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ในสวนกุหลาบ บริเวณอาคารพระคลังศุภรัตน ซึ่งสร้างไว้ในสมัยรัชกาลที่ 3 และได้เรียกพระตำหนักนี้ว่า พระตำหนักสวนกุหลาบ และหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว ก็โปรดฯให้กรมหลวงอดิศรอุดมเดช เสด็จไปประทับอยู่ที่พระตำหนักสวนกุหลาบแทน จนออกจากวัง และจากนั้นมาก็ใช้เป็นคลังเก็บของเรื่อยไป
ยุคที่ 1 พระพุทธเจ้าหลวงทรงให้กำเนิด
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว โปรดฯ ให้เลือกสรรลูกผู้ดีมาฝึกหัด จัดเป็นกรมทหารมหาดเล็กสำหรับรักษาพระองค์ และให้เป็นที่ศึกษาหาความรู้ในราชสำนักสำหรับราชการด้วย และพระองค์เองก็ทรงดำรงตำแหน่งผู้บังคับการกรมทหารมหาดเล็ก ครั้นเมื่อกรมทหารมหาดเล็กเจริญขึ้นทรงพระราชดำริว่า เชื้อสายราชสกุลชั้นหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์มีอยู่มากแต่มักไม่ได้รับการอบรม บางคนประพฤติเสเพลเป็นนักเลงหัวไม้ เมื่อเกิดถ้อยความก็ขึ้นชื่อว่า เชื้อเจ้านายไปรังแกผู้อื่น จึงโปรดให้หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ ซึ่งมีอายุสมควรจะฝึกหัด เข้าเป็นทหารมหาดเล็ก
ต่อมากรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับการกรมทหารมหาดเล็ก ได้ทรงดำริที่จะจัดตั้งโรงเรียนขึ้นแห่งหนึ่ง เพื่อฝึกหัดหม่อมเจ้า และหม่อมราชวงศ์โดยเฉพาะ ให้เป็นทหารมหาดเล็ก ทั้งนี้เนื่องจากฐานะทหารมหาดเล็กได้เสื่อมไปไม่เหมือนแต่ก่อน ประกอบกับสมัยนั้นราชการกระทรวงต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงแบบแผนเป็นอย่างใหม่ เป็นที่นิยมของคนหนุ่ม ๆ ขึ้นมาก ไม่เหมือนสมัยก่อนซึ่งมีเพียงทหารมหาดเล็กอย่างเดียว ดังนั้นกรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงคิดว่าควรจะจัดตั้งโรงเรียนจะได้มีผู้สมัครเข้ามามาก กรมพระยาดำรงราชานุภาพจึงนำความเห็น ขึ้นกราบทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และได้รับความเห็นชอบด้วย พระองค์ดำรัสสั่งให้จัดตั้งโรงเรียน ตามที่คิดนั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรับจะทรงอุดหนุน ครั้นจะเลือกหาที่ตั้งโรงเรียนในโรงเรียน มหาดเล็กก็ไม่มีที่พอแก่การจัด จึงได้เลือก พระตำหนักสวนกุหลาบ ซึ่งตอนนั้นใช้เป็นคลังรุงรังรกอยู่ไม่เป็นประโยชน์นัก จึงกราบทูลฯ ขอ ก็ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนขึ้นในที่นั้น อาศัย เหตุนั้นจึงได้เรียกชื่อว่า "โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ" เมื่อ พ.ศ. 2425 เป็นต้น
โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบได้จัดทั้งการฝึกหัดอย่างทหาร และเรียนแบบสามัญเหมือนโรงเรียนทั้งปวงด้วย ต่อมากิจการงานของโรงเรียนเจริญก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ มีหม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์และบุตรหลานของข้าราชการ สมัครเรียนมากขึ้นทุกที จนเกินจำนวนตำแหน่งนายทหารมหาดเล็ก ฉะนั้น ณ จุดนี้เอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงตัดสินพระทัยว่า ถ้าหากเปลี่ยนให้เป็นโรงเรียน สำหรับข้าราชการทั่วไป จะเป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองยิ่งกว่าเป็นโรงเรียนสำหรับนายทหารมหาดเล็กกรมเดียว และได้เปลี่ยนฐานะนักเรียนจากทหารมาเป็นนักเรียนพลเรือน นอกจากนั้นพระองค์ก็ได้โปรดฯ ให้สร้างตึกยาวทางพระราชวังด้านใต้ ใช้เป็นที่เล่าเรียนและที่อยู่นักเรียนอีกหลังหนึ่งด้วย การตั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบจึงนับว่าสำเร็จบริบูรณ์เมื่อ ปีระกา พ.ศ. 2427 นั่นเอง โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบมีนักเรียนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเมื่อ พ.ศ. 2436 จึงขยายออกไปตั้งนอกพระบรมมหาราชวัง และจากเหตุนี้เองจึงเรียกชื่อเพียง "โรงเรียนสวนกุหลาบ" กับได้แยกเป็น 2 แห่ง คือ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายไทย และ โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษ
ยุคที่ 2 ขยายออกนอกวัง
โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายไทย
หลังจากออกย้ายจากพระบรมมหาราชวัง โรงเรียนสวนกุหลาบก็ได้เคลื่อนย้ายไปยังศาลา 4 หลัง ของวัดมหาธาตุด้านทิศเหนือเรียกว่า โรงเรียนสวนกุหลาบวัดมหาธาตุด้านทิศเหนือ เพื่อรอการก่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ ซึ่งในช่วงนี้มีโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายไทยอยู่ 2 ที่ ซึ่งอีกที่หนึ่งอยู่ที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงในพระบรมมหาราชวัง เรียกว่า โรงเรียนสวนกุหลาบไทยในโรงเรียนมหาดเล็กหลวง ซึ่งโรงเรียนนี้คาดว่าเกิดจากการเคลื่อนย้าย ไปยังวัดมหาธาตุนั้นเคลื่อนย้ายไปไม่หมด ต่อมากระทรวงธรรมการได้งบประมาณในการสร้างที่ว่าการกระทรวงใหม่ และกระทรวงต้องการให้โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบเป็นโรงเรียนสำหรับฝึกหัดทดลองวิธีสอนและตำราเรียน จึงยกตึกหลังแรกใน 3 หลัง ให้เป็นโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ เรียกว่า โรงเรียนสวนกุหลาบวังหน้า ซึ่งจริง ๆ กระทรวงต้องการให้โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายอังกฤษมารวมกันที่นี่ แต่สถานที่คับแคบไป จึงนำมาเฉพาะโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายไทยเพียงฝ่ายเดียว ต่อมาในปี พ.ศ. 2452 กระทรวงธรรมการ ได้ย้ายสถานที่ใหม่ ดังนั้นโรงเรียนสวนกุหลาบจึงต้องย้ายด้วย ซึ่งได้ย้ายไปอาศัยอยู่ ณ บริเวณศาลาวัดมหาธาตุด้านใต้เป็นการชั่วคราว จนกระทั่งย้ายมาอยู่ที่โรงเลี้ยงเด็กริมคลองมหานาค (โรงเรียนสวนกุหลาบโรงเลี้ยงเด็กริมคลองมหานาค) หลังจากโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายไทยได้ย้ายไปตามสถานที่ต่าง ๆ ถึง 5 แห่ง โรงเรียนสวนกุหลาบก็ได้กลับมารวมอีกครั้งที่ "ตึกแถวหลังยาววัดราชบูรณะ" โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมโยธาธิการออกแบบ แล้วใช้งบประมาณของวัดราชบูรณะเพื่อเช่าสถานที่ และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กำหนดเป็นโรงเรียนชั้นมัธยมศึกษาพิเศษ แล้วให้ชื่อว่า "โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย" และการรวมตัวครั้งนี้เป็นการรวม "สวนกุหลาบ" ทั้งหมด ซึ่งรวมทั้งโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษด้วย
โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษ
หลังจากโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายไทย ย้ายออกจากพระบรมมหาราชวังไปแล้ว แต่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบฝ่ายอังกฤษยังคงอยู่ในพระบรมหาราชวัง โดยย้ายจากที่เดิมมาอยู่ที่ตึก 2 หลังริมพระที่นั่งสุทไธสวรรย เรียกว่า "โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบริมพระที่นั่งสุทธัยสวรรค์" ต่อมาได้ย้ายไปตั้งอยู่ ณ วังพระองค์เจ้าภานุมาศ ซึ่ง หมายถึง "วังหน้า" เดิมในสมัยรัชกาลที่ 4 เรียกว่า โรงเรียนสวนกุหลาบวังหน้า โดยอาศัยเก๋งจีนที่เป็นฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นที่สอน หลังจากอาศัยอยู่ที่นี่ช่วงหนึ่ง ก็ได้ย้ายมาตั้งอยู่ที่สตรีสวนสุนันทาลัย (ปากคลองตลาด) เนื่องจากโรงเรียนนี้มีนักเรียนน้อยลงเรื่อย ๆ จำต้องปรับปรุง มีการพักการเรียนการสอนไว้ก่อน โรงเรียนสวนกุหลาบซึ่งยังไม่มีสถานที่แน่นอน จึงได้ย้ายมาเปิดการสอนเป็นชั่วคราว เรียกว่า โรงเรียนสวนกุหลาบอังกฤษสุนันทาลัย จนกระทั่งสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้มีหนังสือขอพระราชทานที่โรงเรียนสตรีสุนันทาลัยเพื่อปรับปรุงให้เป็น "โรงเรียนราชินี" โรงเรียนสวนกุหลาบอังกฤษสุนันทาลัยจึงได้ย้ายมารวมอยู่กับโรงเรียนเทพศิรินทร์ เพราะว่าโรงเรียนเทพศิรินทร์ได้มีการปรับปรุงซ่อมแซมโรงเรียนครั้งใหญ่ ใช้งบประมาณในการสร้างโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบแห่งใหม่ โดยมีข้อตกลงในการก่อสร้าง "ตึกแม้นนฤมิตร์" เป็นตึกเรียนหลังใหม่ และให้ชื่อว่า โรงเรียนสวนกุหลาบตึกแม้นนฤมิตร์ ทั้งนี้โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการให้กรมศึกษาธิการเป็นผู้ดำเนินการทำสัญญาก่อสร้าง ต่อมาได้มีการเปลี่ยนนามโรงเรียนสวนกุหลาบเป็นโรงเรียนเทพศิรินทร์ตึกแม้นนฤมิตร์แทน โดยเหตุที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นว่าพระองค์ได้ออกเงินเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
ยุคที่ 3 กลับมารวมตัว
ต่อมาการเดินทางอันยาวนานของ "สวนกุหลาบ" จึงได้สิ้นสุดลงเมื่อปี พ.ศ. 2454 โดยโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ได้รวมกับฝ่ายไทยและได้แหล่งที่พำนักถาวร พร้อมกับนามว่า "โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย" ถึงตรงนี้ โรงเรียนสวนกุหลาบทั้งสองฝ่ายก็ได้มารวมกันอีกครั้งโดยอยู่ในพื้นที่ของวัดราชบุรณะ และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้สร้างตึกยาวขึ้นเพื่อดำเนินการสอน การที่พระองค์ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างตึกยาวนี้ ทรงมอบให้กรมโยธาธิการเป็นผู้ออกแบบโดยใช้งบประมาณของวัดราชบูรณะ ซึ่งในเวลานั้นเงินสร้างตึกให้ชาวบ้านเช่าโดยเปลี่ยนเป็นให้โรงเรียนเช่า เพื่อใช้เป็นโรงเรียนแผนใหม่ ทั้งนี้ด้วยความคิดของเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์เปีย มาลากุล) ศิษย์เก่าเลขประจำตัวหมายเลข 2 ของโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ เสนาบดีกระทรวงธรรมการในขณะนั้น โดยมีการเซ็นสัญญาเช่ากับพระธรรมดิลก เจ้าอาวาสวัดราชบูรณะในสมัยนั้น โดยมีนายเอง เลียงหยง เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 10,150 บาท จึงได้เกิดตึกยาว รวมนักเรียนสวนกุหลาบจากที่ต่าง ๆ
ในปี พ.ศ. 2453 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทอดพระเนตรการก่อสร้างด้วยพระองค์เอง ก่อนสวรรคตในปี พ.ศ. 2453 นั้นเอง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าทรงเป็นผู้ก่อกำเนิดโรงเรียนนี้โดยแท้ นับเป็นมหากรุณาธิคุณแก่ทวยราษฎร์อย่าง ล้นเกล้าฯ หาที่สุดมิได้
ตึกยาว ที่เคียงข้างตึกยาว (สวนกุหลาบ) ความจริงแล้วก่อนช่วงเกิดสงครามโลก ตึกยาวดังกล่าวเป็นของโรงเรียนเพาะช่าง ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพป้ายโรงเรียนเพาะช่างติดอยู่บริเวณทางเข้าตึกยาว
บทบาททางวิชาการ สังคม และการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม
ริเริ่มโครงการฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์
โรงเรียนมีความโดดเด่น ในด้าน ความรักความสมานสามัคคีกลมเกลียวระหว่างรุ่นพี่-รุ่นน้อง ความรักกตัญญูกตเวที ทั้งระหว่าง พ่อ-แม่ ระหว่างอาจารย์-ลูกศิษย์ มีความเป็นผู้นำ ดังคติประจำใจที่ว่า "เป็นผู้นำ รักเพื่อน นับถือพี่ เคารพครู กตัญญูพ่อ-แม่ ดูแลน้อง"
โรงเรียนมีความโดดเด่นด้านกิจกรรมมากมาย โดยจัดขึ้นในกลุ่ม ของนักเรียน (ตัวอย่าง ภายใน รร. คือ งานสมานมิตร และงานมุทิตาจิต ภายนอกโรงเรียน ได้แก่ สวนจาม สวนโดม สวนศรีตรัง เป็นต้น) ชึ่งในโรงเรียนได้จัดกิจกรรมชุมนุมขึ้นของนักเรียนที่เปิดทำการทั้งหมดทั้งที่มีในคำสั่งโรงเรียนและไม่มีในคำสั่งโรงเรียน จำนวนทั้งหมดเฉลี่ย 30-50 ชุมนุมในแต่ละปีการศึกษา
บทบาททางการเมืองและการก้าวสู่ปัจจุบัน
ปี พ.ศ. 2475 มี การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นที่ไม่คาดคิดว่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนหลวงแห่งแรกของประเทศไทย จะมีหน้าประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครองในสมัยนั้นด้วย เมื่อ วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 คณะราษฎร ได้จับตัวพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นตัวประกัน รวมทั้ง สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ด้วย บรรยากาศขณะนั้นตึงเครียดมีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก บรรยากาศด้านการเมืองรุนแรงน่าหวาดกลัวแม้กระทั่งในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น มีรถถังแล่นมาจอดขวางประตูโรงเรียน มีนายทหารและพลเรือนของคณะราษฎร นำโดย นายสงวน ตุลารักษ์ ได้เข้ามาในโรงเรียน เชิญอาจารย์ใหญ่ ซึ่งขณะนั้นคือ อาจารย์เอซี เชอร์ชิล และนักเรียน ม.6-ม.8 เข้าหอประชุมสามัคคยาจารย์สมาคม ประกาศทุกคนได้รับทราบว่า ขณะนี้ได้มีการปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครอง ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
จากบทสัมภาษณ์ศิษย์เก่าในหนังสือ "ตำนานสวนกุหลาบ" ซึ่งเป็นหนังสือที่จัดทำขึ้นในปี พ.ศ. 2538 เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนสวนกุหลาบฯ ครั้งสำคัญ เพื่อเฉลิมฉลองโรงเรียนสวนกุหลาบฯ ในวาระครบ 12 ทศวรรษ ได้มีสัมภาษณ์ สมจิตต์ โฆสุวรรณะ (สก.6487 เข้าเรียน พ.ศ. 2474) โดยมีรายละเอียดว่า
นักเรียนสวนกุหลาบได้ลุกขึ้นถามว่า "ทำไมต้องเปลี่ยนแปลงการปกครอง" นายสงวน ตอบว่า "ไม่ต้องถามเวลานี้ ถ้าต้องการรายละเอียดต้องตอบด้วยปืน ขณะนี้ได้จับเจ้านายไปแล้ว"
บรรยากาศตอนนี้มีความสับสน นักเรียนที่ไม่เข้าใจเหตุการณ์ บ้างก็หลบอยู่ตามห้องเรียน บ้างก็กระโดดหนีออกจากโรงเรียนไป ที่เข้าประชุมก็ไม่ค่อยเข้าใจแจ่มชัดนัก แต่การกระทำครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะควบคุมความสงบสุขของ ครูและนักเรียนในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ซึ่งเป็นโรงเรียนใหญ่ และในขณะนั้นถือว่าใกล้ชิดกับราชวงศ์และข้าราชการชั้นสูงของกระทรวงธรรมการนั่นเอง
จากเหตุการณ์ตอนนี้พอสันนิษฐานว่า โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยเป็นโรงเรียนที่มีบทบาทสำคัญแห่งหนึ่ง ซึ่งคณะราษฎร์จำเป็นจะต้องควบคุมสถานการณ์ไว้ เพราะเป็นต้นแบบในด้านต่าง ๆ ของโรงเรียนทั่วไป ครูอาจารย์ และ นักเรียน ก็น่าจะเป็นพลังที่จะต่อต้านคณะปฏิวัติ ซึ่งก่อให้เกิดความระส่ำระสาย ยากที่คณะราษฎร์จะดูแลได้ จึงได้ใช้วิธีนำรถถังมาปิดโรงเรียนและควบคุมสถานการณ์ดังกล่าว
อย่างไรก็ตามตัวแทนของคณะปฏิวัติมิได้กระทำการใด ๆ แก่ครูและนักเรียน เพียงเรียกให้มาชุมนุมและประกาศสถาณการณ์ในขณะนั้น อิงจากบทสัมภาษณ์ ประดิษฐ อเนกานนท์ (ส.ก.6557 เข้าเรียนพ.ศ. 2474) ในหนังสือ "ตึกยาวสอนให้มีความสำนึกในการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน" ได้เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่า "ตอนปี 2475 เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองทางคณะราษฎร์เอารถถังเข้ามาจอดในโรงเรียนเลย ตอนนั้นผมอยู่ ม.4 ทหารมาถาม "ใครจะสมัครอยู่คณะราษฎร์บ้าง" ก็ไปกันพรึบเลย"
นอกจากนี้ กิจกรรมอีกประการหนึ่งที่เป็นผลสะท้อนให้เห็นว่า โรงเรียนสวนกุหลาบมีบทบาททางการเมืองการปกครอง สมัยนั้นคือ การที่ลูกเสือโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย มีส่วนช่วยรัฐบาลในการปราบกบฏบวรเดช ในกรณีของการปราบกบฏบวรเดชนี้ รัฐบาลขณะนั้นได้ขอความร่วมมือจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ให้ส่งอาสาสมัครที่เป็นลูกเสือไปช่วยเป็นกองกำลัง ด้านลำเลียงกระสุนปืนส่งเสบียงบริเวณบางซื่อบ้าง และหลักสี่ทำหน้าที่เฝ้าคุกเพื่อไม่ให้มีการจลาจลบ้าง โดยแต่งกายชุดลูกเสือไปช่วยเป็นพลรบ การสู้รบครั้งนี้มีลูกเสือโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยที่ช่วย เป็นกองกำลังสนับสนุนจนฝ่ายรัฐบาลได้รับชัยชนะ ต่อมาจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้มอบโล่เกียรติยศ จากการปราบกบฏครั้งนี้ ให้กับโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (อยู่ในห้องนิทรรศการ จาริกานุสรณ์) และนักเรียนรุ่นนั้นทุกคนได้รับเหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ซึ่งมีการประกาศไว้ในราชกิจจานุเบกษาด้วย
เมื่อในปี พ.ศ. 2541 เหตุการณ์ทางการเมืองที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นอีกเป็นหนที่สอง เมื่อนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กว่า 2,000 คน ได้เดินทางไปยังกระทรวงศึกษาธิการเพื่อสอบถามข้อข้องใจ ในเรื่องสาเหตุของการสั่งย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนในสมัยนั้น (นายธานี สมบูรณ์บูรณะ) จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปรากฏไปตามสื่อต่างๆ ทั้ง โทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์
=== ประวัติสิ่งปลูกสร้าง ===
ในระยะก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ได้มีการสร้างอาคารต่างๆเพิ่มเติม รวมทั้งสิ้นแล้วมีอาคารอยู่ 10 หลัง คือ อาคารเรียนหลังยาว (ตึกยาว) ซึ่งยังคงตั้งตระหง่านมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ตึกวิทยาศาสตร์ชั้นเดียว โรงอาหาร โรงพลศึกษา ตึกหลังกลางและบ้านพักครู ที่พักภารโรง รวม 5 หลัง ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น อาคารบางหลังได้รับความเสียหายจากลูกระเบิด และเมื่อสงครามสงบก็ได้รับการซ่อมแซมดังนี้คือ อาคารหลังยาว และตึกวิทยาศาสตร์ได้รับการซ่อมแซมจนใช้การได้ดี ส่วนโรงอาหาร โรงพลศึกษา และตึกหลังกลาง นั้นถูกระเบิดเมื่อ 14 กันยายน พ.ศ. 2488 ได้รับความเสียหายมากจนเกินกว่าจะซ่อมแซมให้ใช้ได้ดังเดิมได้
พ.ศ. 2502 ทุบ ตึกสามัคยาจารย์สโมสรสถาน หรือ ตึกสามัคยาจารย์หลังแรก
พ.ศ. 2504 เปิดใช้ ตึกสามัคยาจารย์ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2504
พ.ศ. 2496 ก็ได้สร้างหอประชุม "สวนกุหลาบรำลึก" เคียงข้างกับตึกหลังยาวทางด้านวิทยาลัยเพาะช่าง และมีสะพานลอยโยงถึงตึกเรียนหลังยาวด้วย หอประชุมนี้ภายหลังทรุดโทรมลง และได้ทุบในปี พ.ศ. 2534 สร้างเป็น "อาคารสวนกุหลาบรำลึก"
พ.ศ. 2510 มีการสร้างตึกพละศึกษา ทางด้านทิศตะวันตกใกล้ตึกวิทยาศาสตร์และอีก 2 ปีต่อมาก็ ได้สร้างโรงอาหารขึ้นใกล้กับตึกพลศึกษา หลังจากนั้นก็ได้สร้างตึกสามัคยาจารย์สมาคม 3 ชั้น แทนที่สามัคยาจารย์สมาคม ทางด้านใต้ของโรงเรียน และสุดท้ายก็ได้สร้างอาคารสามัคยาจารย์ 4 ชั้น ติดกับตึกสามัคยาจารย์เดิมขึ้น พร้อมกับอาคารพระเสด็จ ซึ่งสร้างแทนที่ศาลาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี
พ.ศ. 2519 เปิดใช้สนามกีฬาเอนกประสงค์ "สนามไพศาล" เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2519 โดยที่มาของนาม "สนามไพศาล" เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ "นายไพศาล นันทาภิวัฒน์ ศิษย์เก่าสวนกุหลาบฯ ปี พ.ศ. 2481" ซึ่งถึงแก่กรรมด้วยโรคหัวใจวาย เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2518 สนามไพศาลเป็นลานซีเมนต์ล้อมตาข่ายเหล็ก ใช้เป็น สนามบาสเกตบอล สนามตะกร้อ สนามเทนนิส ลานจัดกิจกรรมนักเรียน ภายหลังทุบเพื่อสร้าง "อาคาร 123 ปี สวนกุหลาบวิทยาลัย" ปลายปี พ.ศ. 2547
พ.ศ. 2521 สร้างตึกดำรงราชานุภาพ บนพื้นที่เดิมซึ่งเป็นโรงอาหารเป็นอาคารเรียน 5 ชั้น ชั้นล่างเป็นโรงอาหาร ต่อมาเมื่อตึกปิยมหาราชานุสรณ์สร้างเสร็จแล้วได้ย้ายโรงอาหารไปชั้นล่างของตึกปิยมหาราชานุสรณ์ ส่วนชั้นล่างของตึกดำรงราชานุภาพได้กั้นเป็นห้องเรียนและห้องโสตทัศนศึกษา
พ.ศ. 2525 เนื่องในโอกาสที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยมีอายุครบ 100 ปี ได้ก่อสร้างตึกปิยมหาราชานุสรณ์ ซึ่งเดิมเป็นอาคารโรงยิมชั้นเดียว
พ.ศ. 2527 เปิดใช้ ตึกปิยมหาราชานุสรณ์ (ตึก ๑๐๐ ปี) โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นเกล้าล้นกระหม่อมจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงเปิดอาคารเมื่อ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2527
ไฟล์:หอประชุมสวนกุหลาบรำลึก2.jpg|หอประชุมสวนกุหลาบรำลึก
ไฟล์:ตึกยาว-โรงไฟฟ้าวัดเลียบ.jpg|ตึกยาว ด้านหลังเป็นปล่องโรงไฟฟ้าวัดเลียบ
ไฟล์:ศาลาพระเสด็จ 2496.jpg|โรงพละ และศาลาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี
ไฟล์:สามัคยาจารย์สมาคม-ตึกยาว.jpg|สามัคยาจารย์สมาคม
พ.ศ. 2530 กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอนุรักษ์อาคารหลังยาวเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2530 เนื่องจากมีความสำคัญทางประวัติการศึกษาแห่งชาติ ในปีเดียวกันทางโรงเรียนได้ทำการรื้อถอนอาคารพระเสด็จฯ เพื่อก่อสร้างใหม่ เนื่องจากบริเวณที่ตั้งอาคารเกิดการทรุดตัวเกรงว่าจะเป็นอันตราย และได้สร้างอาคารพระเสด็จฯ ขึ้นมาใหม่ เสร็จสมบูรณ์และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอาคาร เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2535 และในปีเดียวกันมีพิธีเปิดอาคารสุทธิ เพ็งปาน ซึ่งเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2534 ด้านหลังของอาคารสามัคยาจารย์ ใช้เป็นที่พักนักกีฬาและสระว่ายน้ำ
พ.ศ. 2537 ดำเนินการก่อสร้างอาคารหอประชุมสวนกุหลาบรำลึก หลังใหม่ขึ้น แทนหลังเดิมซึ่งชำรุดทรุดโทรม โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จมาพระราชดำเนินมา ทรงทำพิธีเปิดในวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2538
พ.ศ. 2538 จุดรวมสำคัญของสวนกุหลาบวิทยาลัยในรอบ 113 ปี คืองาน "สวนกุหลาบวิทยาลัย ใน 12 ทศวรรษ" 8-11 มีนาคม พ.ศ. 2538 เพื่อรวบรวมประวัติศาสตร์อันยาวนานของสวนกุหลาบวิทยาลัยเพื่อจัดตั้งพิพิธภัณฑ์การศึกษาแห่งชาติ ณ ตึกยาว ปัจจุบันนี้ตึกยาวได้มีอายุ ปีแล้ว และตึกยาวก็เป็นตึกที่ใช้อบรมนักเรียน ผลิตบุคลากรและเยาวชนที่มีคุณภาพออกไปรับใช้ประเทศชาติ ตึกยาวจึงเป็นที่รักใคร่ของนักเรียนสวนกุหลาบยากยิ่งเสมอมาโดยตลอด
พ.ศ. 2547 รื้อสนามกีฬาเอนกประสงค์ สนามไพศาล และสร้างอาคารเอนกประสงค์ อาคาร ๑๒๓ ปี สวนกุหลาบวิทยาลัย เปิดใช้เมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2549
พ.ศ. 2549 อัญเชิญหลวงพ่อสวนกุหลาบองค์จำลอง ประดิษฐาน ณ บุษบก ซึ่งสร้างขึ้นใหม่ ณ หน้าอาคาร ๑๒๓ ปี สวนกุหลาบวิทยาลัย เมื่อ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2549
จากบทนิพนธ์ของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ที่ว่า
จากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากการพระราชทานรางวัลนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบ พ.ศ. 2427 ที่ว่า
ได้แสดงให้เห็นว่าโรงเรียนสวนกุหลาบเป็นบ่อเกิดของความรู้รวมทั้งบุคลากรที่มีความสามารถมากมายเพื่อเผยแพร่วิชาความรู้แก่เยาวชนรุ่นหลังต่อไป ปัจจุบันนี้โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยก็ได้จัดตั้งมาเป็นเวลากว่า ปีและสามารถผลิตบุคลากรและเยาวชนที่มีคุณภาพออกไปรับใช้ประเทศชาติเสมอมาโดยตลอด สมกับคำนิพนธ์ของ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และ พระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้ก่อตั้งสถานศึกษาแห่งนี้ทุกประการ
== สัญลักษณ์ ==
=== สัญลักษณ์ร่วมสถาบันสวนกุหลาบ ===
ไฟล์:Suankularb_Wittayalai_2425-2452.jpg|ตราประจำโรงเรียน พ.ศ. 2425 - 2452
ไฟล์:Suankularb_Wittayalai_2452-2459.jpg|ตราประจำโรงเรียน พ.ศ. 2452 - 2459
ไฟล์:Suankularb_Wittayalai_2459-2475.jpg|ตราประจำโรงเรียน พ.ศ. 2459 - 2475
ไฟล์:Suankularb_Wittayalai_2475.jpg|ตราประจำโรงเรียน พ.ศ. 2475 - ปัจจุบัน
ตราประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย มีวิวัฒนาการมาหลายยุคสมัยเริ่มต้นจากแบบแรกเมื่อจุลศักราช 1244 เรื่อยมาจวบจนปัจจุบันที่ใช้อยู่เป็นแบบที่ 4 (พ.ศ. 2475 - ปัจจุบัน) โดยเป็นตราของโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้พระมหาปรมาภิไธยย่อ "จปร." ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 กลับมาบรรจุในตราประจำโรงเรียนอีกครั้งหนึ่ง หลังมีการเปลี่ยนแปลงตราประจำโรงเรียนมาแล้ว 4 แบบ นับแต่มีการก่อตั้งโรงเรียนในปี พ.ศ. 2425 เป็นต้นมา มีลักษณะของตราเป็นรูปหนังสือ ที่บริเวณหน้าปกได้ประดิษฐาน พระปรมาภิไทยย่อ จ.ป.ร. และมีพระเกี้ยวยอดอยู่ด้านบน ในหนังสือมีขนนก ดินสอ ไม้บรรทัด ด้านขวามีช่อกุหลาบ 4 ดอก อันหมายถึงหัวใจนักปราชญ์ คือ สุ จิ ปุ ริ หรือ ฟัง พูด อ่าน เขียน การเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพย่อมเกิดจากการฟัง คิด สอบถาม และจดบันทึก จึงจะเรียนได้อย่างสัมฤทธิ์ผล ด้านล่างซ้ายของหนังสือมีริบบิ้นผูกอยู่ที่ก้านกุหลาบ มีข้อความอยู่ที่ริบบิ้น เขียนว่า “โรงเรียนหลวงสวนกุหลาบ” ด้านบนปรากฏมีปรัชญาและคติพจน์ “สุวิชาโน ภว โหติ” ด้านล่างมีคำแปลว่า “ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ”ตรานี้จึงประมวลความดีทั้งหลายรวบรวมไว้ในตราโรงเรียน จึงถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่ชาวสวนกุหลาบวิทยาลัยควรภาคภูมิใจ
สัญลักษณ์เสมาชมพู-ฟ้า เป็นตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนรูปแบบที่ 3 เดิมเป็นเข็มประดับชุดนักเรียน "รูปเสมาตราโรงเรียน" ตรงกลางเป็นรูปดอกกุหลาบ ด้านล่างมีข้อความ "สุวิชา โน ภวํ โหติ" ที่โรงเรียนได้ให้โรงเรียนเพาะช่างออกแบบ ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นเข็มเสมาชมพู-ฟ้า และเปลี่ยนมาเป็นการปักด้วยด้ายรูปทรงใบเสมาสีชมพู-ฟ้าอย่างละครึ่ง ประดับเหนืออักษรย่อโรงเรียนบนชุดนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ใช้มาจวบจนปัจจุบัน
สีประจำโรงเรียน ชมพู - ฟ้า
* สีชมพู เป็นสีประจำวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งตรงกับวันอังคาร ความหมายของสีชมพู คือ ความสุภาพอ่อนหวาน อ่อนโยน นอบน้อมเป็นสีแห่งความรัก ความเอื้อเฟื้อที่มีต่อบุลคลทั่วไป เป็นสีแห่งความเมตตา
* สีฟ้า เป็นสีประจำนพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ซึ่งตรงกับวันศุกร์ ความหมายของสีฟ้า คือ ความเข้มแข็งอดทน ความกล้าหาญ ความเสียสละเป็นสีของท้องฟ้าที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ ไพศาลไม่มีที่สิ้นสุด เป็นสีแห่งจักรวาล
* สีชมพู-ฟ้า จึงมีความหมายถึง องค์ผู้พระราชทานกำเนิดโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และพระบรมราชินีนาถ ทั้งยังหมายถึง เป็นแหล่งที่มีความรัก ความสามัคคี ของผู้ที่มีความดีงาม มีความนึกคิดที่สูงส่ง
คติพจน์ประจำโรงเรียน ความว่า “สุวิชาโน ภวํ โหติ” อ่านว่า "สุ-วิ-ชา โน พะ-วัง โห-ติ" แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “ผู้รู้ดี เป็นผู้เจริญ”
ผู้รู้ดี คือ ผู้รู้และเข้าใจในสิ่งต่างๆได้ดี คือรู้อ่าน รู้คิด รู้เท่าทัน รู้ความและรู้คุณ
ผู้เจริญ คือผู้ที่เจริญด้วย ความประพฤติดี ดีพร้อมทั้งกาย วาจา และใจ กระทำแต่สิ่งที่ดีงาม สร้างสรรค์คำนึงถึงผลประโยชน์ ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว
สุภาพบุรุษสวนกุหลาบฯ "สุภาพบุรุษสุภาพสตรีสวนกุหลาบฯ" เป็นผู้นำ รักเพื่อน นับถือพี่ เคารพครู กตัญญูพ่อแม่ ดูแลน้อง สนองคุณแผ่นดิน เป็นอัตลักษณ์โรงเรียนสวนกุหลาบและโรงเรียนในเครือ
ดอกกุหลาบ พันธุ์จุฬาลงกรณ์ คือ ดอกไม้ประจำโรงเรียน ดอกกุหลาบพันธุ์หนึ่ง ไม่มีหนามที่ลำต้น มีขนาดดอกที่ใหญ่มาก เกือบครึ่งหนึ่งของใบหน้าคน สีชมพู และมีกลิ่นหอมจัด เกิดการการเพาะพันธุ์ของชาวยุโรปผู้หนึ่ง และชาวยุโรปผู้นั้นได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ตั้งชื่อกุหลาบงามพันธุ์ที่เขาผสมขึ้นใหม่ว่า “King of Siam” ซึ่งเป็นดอกกุหลาบที่โปรดของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี และทรงถวายนามกุหลาบนั้นว่า กุหลาบจุฬาลงกรณ์
เพลงประจำโรงเรียน เพลงประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ประพันธ์ขึ้นตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว คำร้องโดย หม่อมราชวงศ์เลื่อน สิงหรา ผู้เรียบเรียงคือ สุวัฒน์ เทียมหงษ์ ทำนองจากเพลงแขกต่อยหม้อ อัตราจังหวะสองชั้น เป็นเพลงไทยเดิมที่ใช้ประกอบการแสดง ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีจังหวะการเอื้อนทำนองโดยเฉพาะ โดยเพลงนี้ได้ขับร้องครั้งแรกในงานรื่นเริงประจำปีพ.ศ. 2471 รู้จักกันในชื่อ บรรดาเรา และมีเพลงอื่นๆ อีกดังต่อไปนี้
มาร์ชสวนกุหลาบ
มาร์ชชมพูฟ้า
กลิ่นกุหลาบ
กุหลาบคืนสวน
รหัสสวน
กุหลาบที่ไม่เคยโรย
จากแดนสวน
ชมพู-ฟ้า อาลัย
ชมพู-ฟ้า คู่ใจ
วันสมานมิตร
สู่แดนสวน
หอมกลิ่นกุหลาบ
จตุรมิตร
ร้อยสิบปีที่เรารอคอย
วันดอกกุหลาบ
=== สิ่งเคารพสักการะ ===
หลวงพ่อสวนกุหลาบ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้าง พระราชทานเป็นพระพุทธรูปประจำโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร เมื่อครั้งเป็นโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ซึ่งรัชกาลที่ 5 ทรงพระมหากรุณาธิคุณให้ตั้งชื่อเป็นครั้งที่พระตำหนักสวนกุหลาบในพระบรมมหาราชวัง เมื่อ พ.ศ. 2424 เข้าใจว่าเมื่อโรงเรียนย้ายออกมาตั้งภายนอก พระบรมมหาราชวัง หลวงพ่อสวนกุหลาบคงได้เป็นพระพุทธรูปประจำโรงเรียนต่อมา
พ่อปู่สวนกุหลาบ ถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวสวนกุหลาบมาอย่างยาวนาน เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลำดับแรกที่ชาวสวนกุหลาบเคารพกราบไหว้ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาเป็นนักเรียนสวนกุหลาบ รวมถึงทุกเช้ายามที่เราเดินเข้ามายังโรงเรียน และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลำดับสุดท้ายที่พวกเรากราบไหว้ยามที่เราเดินออกจากโรงเรียนในยามเย็น และแม้ในยามค่ำย่ำสนธยาของคืนวันจากเหย้า วันสุดท้ายของการใช้ชีวิตนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย พ่อปู่สวนกุหลาบเป็นสิ่งที่ชาวสวนกุหลาบให้ความเคารพมารุ่นต่อรุ่น เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวสวนกุหลาบตลอดระยะเวลา6 ปี ที่อยู่ในรั้วโรงเรียน และถึงแม้จะจบการศึกษาไปแล้วลูกสวนกุหลาบยังคงกลับมากราบเคารพกันและเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจอย่างไม่เสื่อมคลาย
พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระบรมรูปประทับยืนเต็มพระองค์ ขนาดหนึ่งเท่าครึ่งของพระองค์จริง ฉลองพระองค์ชุดสากล พระหัตถ์ซ้ายถือธารพระกร พระหัตถ์ขวาถือพระมาลา ความสูง 267 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 800 กิโลกรัม รมสีเนื้อมันปู หรือสีเม็ดมะขามสุก บนแผ่นจารึกที่ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ อัญเชิญตราพระปรมาภิไธยย่อ จปร ไว้เหนือข้อความดังต่อไปนี้ :-
== กิจกรรม ==
=== กิจกรรม-ประเพณี ===
วันละอ่อน
วันรับขวัญเสมา
วันแนะนำกิจกรรม
วันสมานมิตร
วันมุทิตาจิต
วันจากเหย้า
นิทรรศสวนฯ (Suankularb Exhibition)
จตุรมิตรสามัคคี (Jaturamitr)
=== กิจกรรมร่วมสถาบันสวนกุหลาบ ===
งานชุมนุมลูกเสือ-เนตรนารีสวนกุหลาบสัมพันธ์
กลุ่มโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้ร่วมกันจัด งานชุมนุมลูกเสือ-เนตรนารี “สวนกุหลาบสัมพันธ์” ขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ จังหวัดชลบุรี ซึ่งนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2 จะเป็นผู้แทนของแต่ละโรงเรียน เข้าร่วมกิจกรรมนี้
การแข่งขันกรีฑาสวนกุหลาบสัมพันธ์
กลุ่มโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ได้ร่วมกันจัด “การแข่งขันกรีฑาสวนกุหลาบสัมพันธ์” ขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ สนามเมนสเตเดียม ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต โดยจะสลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ ดังต่อไปนี้
ครั้งที่ 13 วันที่ 26-27 ธันวาคม 2550 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี
ครั้งที่ 14 วันที่ 26-27 ธันวาคม 2551 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
ครั้งที่ 15 วันที่ 12-13 ธันวาคม 2552 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ชลบุรี
ครั้งที่ 16 วันที่ 28-29 มกราคม 2554 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
ครั้งที่ 17 วันที่ 26-27 มกราคม 2555 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย สมุทรปราการ
ครั้งที่ 18 วันที่ 26-27 ธันวาคม 2556 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
ครั้งที่ 19 วันที่ 25-26 ธันวาคม 2557 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี
ครั้งที่ 20 วันที่ 28-29 ธันวาคม 2558 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
ครั้งที่ 21 วันที่ 26-27 ธันวาคม 2559 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี
ครั้งที่ 22 วันที่ 10-11 มกราคม 2562 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย สมุทรปราการ
ครั้งที่ 23 วันที่ 29-30 มกราคม 2563 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
ครั้งที่ 24 วันที่ 19-20 มกราคม 2566 โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี
ครั้งที่ 25 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
=== กลุ่มมวลกุหลาบ ===
กลุ่มคณะกรรมการนักเรียนประสานทำงานร่วมกัน เริ่มแรกก่อตั้งโดยโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย 5 แห่งแรกในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ได้แก่
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี
โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย สมุทรปราการ
โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกลุ่มโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ตลอดจนเป็นแกนนำในการเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และถ่ายทอดขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงาม ของชาวสวนกุหลาบวิทยาลัย เพื่อให้นักเรียนของกลุ่มโรงเรียน มีแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งมีส่วนร่วมในกิจกรรมหลักของกลุ่มโรงเรียนฯ ทั้งหมด อาทิ งานชุมนุมลูกเสือสวนกุหลาบสัมพันธ์ การแข่งขันกรีฑาสวนกุหลาบสัมพันธ์ เป็นต้น ซึ่งภายหลังการประชุมและประสานงานในทุกๆ กิจกรรม จะถูกส่งต่อให้โรงเรียนในเครือสวนกุหลาบทั้งหมด เพื่อจัดกิจกรรมต่อไป
=== คณะกรรมการนักเรียน โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ===
คณะกรรมการนักเรียน เป็นองค์กรนักเรียนที่ดำเนินการจัดตั้งอย่างถูกต้อง ภายใต้ระเบียบโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ว่าด้วยการทำกิจกรรมของนักเรียน พ.ศ. 2539 โดยไม่มีหลักฐานการจัดตั้งในยุคเริ่มต้นอย่างเด่นชัด แต่คาดว่าน่าจะมีการจัดตั้งมาเป็นระยะเวลานานแล้ว
คณะกรรมการนักเรียน โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย มีบทบาทในการเป็นแกนนำนักเรียนที่ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน ทั้งกิจกรรมตามประเพณี และกิจกรรมตามวาระและโอกาสพิเศษต่างๆ เพื่อรักษาประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมสวนกุหลาบวิทยาลัย ให้สนองต่อความต้องการของนักเรียน สังคมและชุมชน ดูแลระบบการทำกิจกรรมชุมนุมของนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยทั้งระบบ มีส่วนช่วยในการสนับสนุน ส่งเสริม และให้คำแนะนำต่อการทำกิจกรรมของนักเรียนทุกประเภท ตลอดจนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเพื่อการตัดสินใจของคณะครูและผู้บริหารในมุมมองของนักเรียน รวมทั้งเป็นตัวแทนของนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เพื่อไปแสดงออกถึงความเห็นและมุมมองในเรื่องต่างๆ ต่อสังคมภายนอกในโอกาสที่เหมาะสม ซึ่งบทบาทเหล่านี้ยังคงได้รับการสืบทอดต่อจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน งานส่งเสริมกิจกรรมนักเรียน กลุ่มบริหารกิจการนักเรียน ในการควบคุมดูแลของคณาจารย์ที่ปรึกษา โดยมี ภารกิจและหน้าที่รับผิดชอบ ดังต่อไปนี้
รับผิดชอบการจัดกิจกรรมตามประเพณีของชาวสวนกุหลาบวิทยาลัย ที่ดำเนินการโดยฝ่ายนักเรียนเป็นผู้รับผิดชอบควบคู่กับทางโรงเรียน เช่น วันละอ่อน, วันสมานมิตร, วันจากเหย้า, วันแนะนำกิจกรรม, งานนิทรรศการสวนกุหลาบฯ เป็นต้น
ร่วมมือกับทางโรงเรียนในการจัดกิจกรรมของชาวสวนกุหลาบวิทยาลัยที่ทางโรงเรียนเป็นผู้รับผิดชอบหลัก เช่น ค่ายปฐมนิเทศและฝึกอบรมนักเรียนใหม่ มัธยมศึกษาปีที่ 1, การแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี รวมทั้งกิจกรรมตามวาระและโอกาสพิเศษอื่นๆ เช่น กิจกรรมวันแม่ วันพ่อ พิธีไหว้ครู กิจกรรมแห่เทียนพรรษา เป็นต้น
รับผิดชอบการจัดทำหนังสืออนุสรณ์ประจำปีของโรงเรียน (หนังสือสมานมิตร) ร่วมกับคณะกรรมการรุ่น
ดูแล จัดระบบ ส่งเสริม และให้คำแนะนำในการทำกิจกรรมในระบบชุมนุมของนักเรียนทั้งหมด อนึ่ง ในบางรุ่น คณะกรรมการนักเรียนอาจมีการตั้งคณะบุคคลเพื่อดูแลรับผิดชอบกิจการด้านนี้เป็นพิเศษโดยเฉพาะ
ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยในโรงเรียน ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน เพื่อนำมาสู่การจัดกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาโรงเรียนในฐานะที่นักเรียนสามารถกระทำได้
รับฟังความคิดเห็นของนักเรียน ตลอดจนมีส่วนร่วมในการเสนอมุมอง ตัดสินใจและแสดงความคิดเห็นต่างๆ ในเรื่องที่มีผลกระทบโดยตรงต่อทางโรงเรียนหรือตัวนักเรียนกับทางผู้บริหาร และคณาจารย์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประเด็นสาธารณะ ต่อองค์กรภายนอก หรือต่อสาธารณชนตามที่ได้รับมอบหมาย หรือตามที่โอกาสอำนวย
จัดกิจกรรม และส่งเสริม สนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมอันดีงามของชาวสวนกุหลาบวิทยาลัยทุกประเภท รวมทั้งกิจกรรมเพื่อเพิ่มพูนคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสุภาพบุรุษสวนกุหลาบฯ
ร่วมพิจารณาและดูแล เฝ้าระวังความเปลี่ยนแปลงภายในสังคมของนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ในทางที่จะส่งผลกระทบต่อขนบธรรมเนียม ประเพณี จารีตของสังคมโดยรวม และนำเข้าสู่การหารือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อหาทางแก้ไขปัญหา
ร่วมกับคณะกรรมการนักเรียนของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย 5 สถาบันในการจัดตั้งองค์กรเครือข่าย กลุ่มมวลกุหลาบ เพื่อเป็นแกนนำในการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างโรงเรียนในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัยทั้งหมด ตลอดจนเป็นแกนนำในการเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และถ่ายทอดขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามของชาวสวนกุหลาบวิทยาลัย ให้แก่นักเรียนของโรงเรียนในเครือสวนกุหลาบวิทยาลัยทั้งหมด ให้มีแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งมีส่วนร่วมในกิจกรรมหลักของโรงเรียนเครือทั้งหมด ได้แก่ งานชุมนุมลูกเสือสวนกุหลาบสัมพันธ์ และการแข่งขันกรีฑาสวนกุหลาบสัมพันธ์ เป็นต้น
ประสานงานกับผู้บริหารและคณาจารย์ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการต่างๆ ของโรงเรียนเพื่อให้การดำเนินการเหล่านั้นเป็นไปอย่างเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพตามที่ได้รับมอบหมาย
== ผู้อำนวยการ ==
{|class="wikitable" style="margin:auto; text-align:center"
|-
! colspan = "4" style = "background: #ffddf4; " | ทำเนียบผู้บริหาร
|-
! style = "background: LightCyan; " | ลำดับ
! style = "background: LightCyan; " | รายนาม
! style = "background: LightCyan; " | วาระการดำรงตำแหน่ง
|-
| 1
|align="left"| ม.อ.ต.พระยาศึกษาสมบูรณ์ (ม.ล.แหยม อินทรางกูร)
|align="left"|
|-
| 2
|align="left"| อ.อ.พระยาอุปการศิลปเสริฐ (อั๋น ชัชกุล)
|align="left"|
|-
| 3
|align="left"| Ernest Young
|align="left"| พ.ศ. 2437 - พ.ศ. 2438
|-
| 4
|align="left"| W.G. Johnson
|align="left"| พ.ศ. 2438 - พ.ศ. 2440
|-
| 5
|align="left"| E.S. Smith
|align="left"| พ.ศ. 2438 - พ.ศ. 2440
|-
| 6
|align="left"| H.E. Spivey
|align="left"| พ.ศ. 2446 - พ.ศ. 2458
|-
| 7
|align="left"| พระยาวินิจวิทยาการ (กร อมาตยกุล)
|align="left"| พ.ศ. 2450 - พ.ศ. 2457
|-
| 8
|align="left"| นอร์แมน ซัตตัน
|align="left"| พ.ศ. 2458 - พ.ศ. 2473
|-
| 9
|align="left"| พระปวโรฬารวิทยา (ป๋อ เชิดชื่อ)
|align="left"| พ.ศ. 2473 - พ.ศ. 2475
|-
| 10
|align="left"| A.C. Churchill
|align="left"| พ.ศ. 2475 - พ.ศ. 2477
|-
| 11
|align="left"| หลวงบุญปาลิตวิชชาสาสก์
|align="left"| พ.ศ. 2481 - พ.ศ. 2496
|-
| 12
|align="left"| นายนพ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา
|align="left"| พ.ศ. 2498 - พ.ศ. 2500
|-
| 13
|align="left"| นายสำเนียง ตีระวนิช
|align="left"| พ.ศ. 2500 - พ.ศ. 2501
|-
| 14
|align="left"| นายถวิล สุริยนต์
|align="left"| พ.ศ. 2501 - พ.ศ. 2503
|-
| 15
|align="left"| นายโปร่ง ส่งแสงเติม
|align="left"| พ.ศ. 2503 - พ.ศ. 2509
|-
| 16
|align="left"| นายวินัย เกษมเศรษฐ
|align="left"| พ.ศ. 2509 - พ.ศ. 2513
|-
| 17
|align="left"| นายสุวรรณ จันทร์สม
|align="left"| พ.ศ. 2513 - พ.ศ. 2519
|-
| 18
|align="left"| นายกมล ธิโสภา
|align="left"| พ.ศ. 2519 - พ.ศ. 2521
|-
| 19
|align="left"| นายประยูร ธีระพงษ์
|align="left"| พ.ศ. 2521 - พ.ศ. 2522
|-
| 20
|align="left"| นายสำเริง นิลประดิษฐ์
|align="left"| พ.ศ. 2522 - พ.ศ. 2526
|-
| 21
|align="left"| นายสุทธิ เพ็งปาน
|align="left"| พ.ศ. 2526 - พ.ศ. 2535
|-
| 22
|align="left"| นางสมหมาย วัฒนะคีรี
|align="left"| พ.ศ. 2535 - พ.ศ. 2539
|-
| 23
|align="left"| นายธานี สมบูรณ์บูรณะ
|align="left"| พ.ศ. 2539 - พ.ศ. 2541
|-
| 24
|align="left"| นายศิริ สุงคาสิทธิ์
|align="left"| พ.ศ. 2541 - พ.ศ. 2542
|-
| 25
|align="left"| นายณรงค์ รักเดช
|align="left"| พ.ศ. 2542 - พ.ศ. 2543
|-
| 26
|align="left"| นายสมพงษ์ รุจิรวรรธน์
|align="left"| พ.ศ. 2543 - พ.ศ. 2545
|-
| 27
|align="left"| นายสิทธิรักษ์ จันทร์สว่าง
|align="left"| พ.ศ. 2545 - พ.ศ. 2549
|-
| 28
|align="left"| นายมนตรี แสนวิเศษ
|align="left"| พ.ศ. 2549 - พ.ศ. 2552
|-
| 29
|align="left"| นายพีระ ชัยศิริ
|align="left"| พ.ศ. 2552 - พ.ศ. 2554
|-
| 30
|align="left"| ดร.เชิดศักดิ์ ศุภโสภณ
|align="left"| พ.ศ. 2554 - พ.ศ. 2558
|-
| 31
|align="left"| นายวิฑูรย์ วงศ์อิน
|align="left"| พ.ศ. 2558 - พ.ศ. 2559
|-
| 32
|align="left"| ดร.วิทยา ศรีชมภู
|align="left"| พ.ศ. 2559 - พ.ศ. 2561
|-
| 33
|align="left"| นายจิณณภัทร พิบูลวิทิตธำรง
|align="left"| พ.ศ. 2561 - ปัจจุบัน
|}
== ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง ==
พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) นายกรัฐมนตรีสยามคนแรก
ศ.ปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 7
ศ. พล.ต. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 13
พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 16
พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรีและนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 24
พล.อ. สุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นักการเมืองชาวไทย, รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คนที่ 8
พล.ต.อ เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
เนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
วัน อยู่บำรุง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร
ทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
ร.ต.อ. พงศกร ขวัญเมือง อดีตโฆษกกรุงเทพมหานคร
อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้อง
กิตติภพ เสรีวิชยสวัสดิ์ ศิลปินและนักแสดง
อรัญญ์ อัศวสืบสกุล ศิลปินและนักแสดง
กัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเป็นธรรม
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นักวิชาการและนักประวัติศาสตร์ชาวไทย
พระไชยบูลย์ ธมฺมชโย พระภิกษุชาวไทย เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
== สถาบันสวนกุหลาบ ==
ปัจจุบันโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยมีสถานศึกษาในเครือที่ใช้ชื่อ “สวนกุหลาบวิทยาลัย” ในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทยทั้งหมด 11 แห่ง มีการสร้างพันธกิจสำคัญร่วมกันขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาโดยการบริหารจัดการขององค์กรเครือข่ายสวนกุหลาบ สร้างบรรทัดฐานการเรียนการสอนทั้ง 11 แห่งให้ไปในทิศทางเดียวกัน ได้แก่
{|class="wikitable" style="margin:auto; text-align:center"
!bgcolor="gray" style = "background: Khaki; " |ลำดับ
!bgcolor="gray" style = "background: Khaki; " |โรงเรียน
!bgcolor="gray" style = "background: Khaki; " |อักษรย่อ
!bgcolor="gray" style = "background: Khaki; " |จังหวัด
!bgcolor="gray" style = "background: Khaki; " |สถาปนา / ยกฐานะ
!bgcolor="gray" style = "background: Khaki; " |สถานศึกษาเดิม
|-
|1
|align="left"|โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
|ส.ก. / S.K.
|กรุงเทพมหานคร
|8 มีนาคม พ.ศ. 2425
|
|-
|2
|align="left"|โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี
|ส.ก.น. / S.K.N.
|นนทบุรี
|30 มีนาคม พ.ศ. 2521
|
|-
|3
|align="left"|โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย สมุทรปราการ
|นมร.ส.ก.ส. / NMR.S.K.S.
|สมุทรปราการ
|8 เมษายน พ.ศ. 2534
|
|-
|4
|align="left"|โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี
|นมร.ส.ก.ป. / NMR.S.K.P.
|ปทุมธานี
|4 มีนาคม พ.ศ. 2535
|
|-
|5
|align="left"|โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย รังสิต
|ส.ก.ร. / S.K.R.
|ปทุมธานี
|3 มีนาคม พ.ศ. 2536
|
|-
|6
|align="left"|โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ชลบุรี
|ส.ก.ช. / S.K.C.
|ชลบุรี
|5 มีนาคม พ.ศ. 2542
|
|-
|7
|align="left"|โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย เพชรบูรณ์
|ส.ก.พ. / S.K.PB.
|เพชรบูรณ์
|24 มิถุนายน พ.ศ. 2542
|โรงเรียนท่าพลพิทยาคม (พ.ศ. 2519)
|-
|8
|align="left"|โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย สระบุรี
|ส.ก.บ. / S.K.B.
|สระบุรี
|6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549
|โรงเรียนปากเพรียววิทยาคม (พ.ศ. 2537)
|-
|9
|align="left"|โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (จิรประวัติ) นครสวรรค์
|ส.ก.จ. / S.K.J.
|นครสวรรค์
|27 ธันวาคม พ.ศ. 2550
|โรงเรียนจิรประวัติวิทยาคม (พ.ศ. 2517)
|-
|10
|align="left"|โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ธนบุรี
|ส.ก.ธ. / S.K.T.
|กรุงเทพมหานคร
|8 สิงหาคม พ.ศ. 2551
|
|-
|11
|align="left"|โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นครศรีธรรมราช
|ส.ก.นศ. / S.K.NS.
|นครศรีธรรมราช
|3 มีนาคม พ.ศ. 2554
|โรงเรียนลานสกาประชาสรรค์ (พ.ศ. 2516)
|-
|}
== ดูเพิ่ม ==
จตุรมิตรสามัคคี
อาคารสวนกุหลาบ
สโมสรฟุตบอลสวนกุหลาบ
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
=== หนังสือและบทความ ===
Teeraeak, A & Vilaithong, V. (2016). Suankularb English School: A School for Future Bureaucrats and the Ruling Class, 1883-1897. Rian Thai: International Journal of Thai Studies, 9, 29-52.
=== เว็บไซต์ ===
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
สมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย
พิพิธภัณฑ์การศึกษาแห่งชาติ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
เว็บบอร์ดไม่เป็นทางการ
จตุรมิตรดอตคอม
คนเสื้อชมพูฟ้า Facebook Page
ตำนานบรรดาเรา Facebook Page
สมาคมศิษย์เก่าสวนกุหลาบ
โรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ
สวนกุหลาบวิทยาลัย
โรงเรียนมาตรฐานสากล
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
สวนกุหลาบวิทยาลัย
โรงเรียนชายในกรุงเทพมหานคร
โรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง
โรงเรียนที่มีอายุเกิน 100 ปีในประเทศไทย
โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1
โบราณสถานในเขตพระนคร
|
thaiwikipedia
| 1,855 |
รายชื่อกลุ่มดนตรีสัญชาติไทย
|
รายชื่อกลุ่มดนตรีและวงดนตรีสัญชาติไทย ชื่อในวงเล็บสำหรับกลุ่มที่ใช้ชื่อภาษาต่างประเทศ
== ก ==
กงล้อ
กรรมาชน
กรีนแอปเปิลส์ (Green Apples)
กรุงเทพมาราธอน (Krungthep Marathon)
กรู๊ฟไรเดอร์ส (Groove Riders)
กรู๊ฟวี่ แอร์ไลน์ (Groovy Airline)
กล้วยไทย (Kluay Thai)
กอล์ฟ-ไมค์ (Golf-Mike)
กอหญ้า
กัมปะนี
กะท้อน
กะลา
กางเกง
ก้านคอบอยส์
วง(การบันเทิง)
กาเนชา (Ganesha)
กินรี
กู๊ด บอยส์ (Good Boys)
กูดเซปเทมเบอร์ (Good September)
เก็ตสึโนวา (Getsunova)
เกิร์ล (Girl)
เกิร์ลฟอร์ซ (Girl Force)
เกิร์ลลีเบอร์รี (Girly Berry)
เกียร์ไนต์ (Gear Knight)
แกงเนื้อ
แก๊งโฟร์ (Gang 4)
แก๊งปากซอย
แกรนด์เอ็กซ์ (Grand Ex')
กราวิตี้ (Gravity)
โกแกง
โกรว์วิ่ง เพน (Growing Pain)
== ข ==
ขอนแก่น
ขัดใจแม่
ข้าราชการคลาสสิก
ไข่เดือน
== ค ==
คณะดนตรีร่วมสมัย คณะมะขามป้อม
คณะมโหรีดนตรีสกา (The Superglasses Ska Ensemble)
คนกันเอง
คนคู่
คนด่านเกวียน
คนมอ
คร็อคโคไดล์ จูเนียร์ (Crocodile Junior)
ครับ (Crub)
คริสตัล (Crystal)
ครีม (Cream)
ควอนตั้ม (Quantum)
ค็อกเทล (Cocktail)
คอมมอนเซนส์ (Common Sense)
คันไถ
คาซอย
คาซาม่า (Kasama)
คาราบาว (Carabao)
คาราวาน
คาราเมล (Karamail)
คาไลโดสโคป (Kaleidoscope)
คาวบอยน้ำปู๋
คำภีร์
คิดแน็ปเปอร์ส (Kidnappers)
คิดอินเซน (Kid Insane)
คินเดอร์การ์เท็น (Kindergarten)
คิว (Q)
คิวตี้ (Q'Ty)
คิส มี ไฟฟ์ (Kiss Me Five)
คีตาญชลี
คีรีบูน
คุกคู (Cuckoo)
คุณคำรณ
คูณสามซูเปอร์แก๊งค์ (X3 Super Gang)
เครซี่ (Crazy)
เควก (Quake)
เคลิ้ม
เคลิ้มสมาคม
เคลียร์ (Klear)
เคหะสถาน
เคไนน์ (K-9)
เครสเชนโด้ (Crescendo)
เค-โอติก (K-OTIC)
แคท-แพท (Kat-Pat)
แคนดี้มาเฟีย (Candy Mafia)
แคลช (Clash)
แคลอรี่ส์ บลาห์ บลาห์ (Calories Blah Blah)
โคคำราม
โคโค่แจ๊ส (Coco Jazz)
โคโคนัตซันเดย์ (Coconut Sunday)
โคบาล
โคลน (Clone)
ไคโจบราเธอร์ส (Kai-Jo Brothers)
ไคลแม็กซ์ (Climax)
== ง ==
== จ ==
จริญตนาใก
จอยบอย (JoyBoy)
จำรัส แอนด์ เดอะ เรดิโอ
จี-จูเนียร์ (G-Jr)
จีซิกพีดี (G6pd)
จี-ทเวนตี้ (G-TWENTY)
จีทูจี (G2G)
จีว่า (JIWA)
จุฬารัตน์
จูซ (Juice)
เจ เคน ไอซ์ (JKI)
เจเนอเรชั่น (Generation)
เจอาร์-วอย (JR-Voy)
เจ็ตเซ็ตเตอร์ (Jetset'er)
เจียะ ป้า บ่อ สื่อ
แจมป์ (Jamp)
แจสมิน (Jeasmine)
โจ-ป๊อป (Jo-Pop)
โจ๋แฟกซ์ (Jofax)
ไจแอนท์ (Giant)
== ฉ ==
ฉ่ำ ฉ่ำ
เฉลียง
เฉย
== ช ==
ช็อคโกแล็ตคิท (Chocolate Kit)
ชัคกี้ ธัญญรัตน์ แอนด์ เดอะ บลู แพลเน็ต
ชาตรี
ชาย
ชายกะสัน
ชิลลี่ไวท์ช็อค (Chilli White Choc)
ชีส (Zheese)
ชูการ์ อายส์ (Sugar Eyes)
เชอร์รี่ ดั๊ก (Sherry Duck)
เชอร์รี่แบล็ค (Cherry Black)
แชมพู (Shampoo)
โชกุนจั๊มป์ (Shogun Jump)
ไชน่าดอลส์ (China Dolls)
== ซ ==
ซัคเซส (Success)
ซันไชน์ (Sunshine)
ซันเดย์พาเหรด (Sundae Parade)
ซันเดย์ บอย (Sunday Boy)
ซันนี่ พาเหรด (Sunny Parade)
ซับใน
ซับเทนชั่น (Subtention)
ซัมเมอร์เดรส (Summer Dress)
ซัสเทนเนอร์ (Sustainer)
ซาซ่า (Zaza)
ซาแน็กซ์ (Zanax)
ซามูไรลาว (Samurai Loud)
ซาไลวาบาสตาดส์ (Saliva Bastards)
ซาวด์เซิร์ฟ (Soundsurf)
ซาวด์ วอล์กเกอร์ (Sound Walker)
ซ่าหริ่ม
ซิกซ์เซ้นซ์ (Six Sense)
ซิกซ์ตี้ ซี (60 C)
ซิกซ์ตี้ ไมล์ส (Sixty Miles)
ซิกแซก (Zigzag)
ซิกเนเจอร์ (Signature)
ซิงกูล่าร์ (Singular)
ซินญอริต้า (Senorita)
ซินเดอเรลล่า (Cinderella)
ซิลเวอร์แซนด์ (Silver Sand)
ซิลลี่ฟูลส์ (Silly Fools)
ซิสก้า (Siska)
ซิสเต็ม โฟร์ (System 4)
ซีควินท์ (C-Quint)
ซีซั่นไฟว์ (Season 5)
ซีบรา (Zebra)
ซีเปีย (Sepia)
ซีโร่ ฮีโร่ (Zero Hero)
ซีเรียสเบคอน (Serious Bacon)
ซีล (Zeal)
ซีลพิลโลว (Seal Pillow)
ซีโอทู (CO2)
ซูซู
ซูเปอร์กลู (Super Glue)
ซูเปอร์พาวเวอร์กลู (Super Power Glue)
ซูเปอร์ซับ (Supersub)
ซูเปอร์เบเกอร์ (Superbaker)
ซูเปอร์สตริงส์ (Superstrings)
เซ็งลี้
เซน (Sane)
เซนซิทีฟ แอเรีย (Sensitive Area)
เซมิโคล่อน (Semi-colon;)
เซเวนเดส์ (Seven Days)
เซเว่นเดย์ เครซี่ (7Days Crazy)
เซเว่นธ์ซีน (7th Scene)
เซอร์เคิล กรีน (Circle Green)
เซาท์ไซด์ (Southside)
เซอร์เรนเด้อ ออฟ ดิวินิตี้ (Surrender of Divinity)
แซทเทอร์เดย์ เซโกะ (Saturday Seiko)
แซนด์-แบงค์
แซนด์ สโตน (Sand Stone)
โซคูล (So Cool)
โซมีเดย์ (So-Me-Day)
โซดา (Soda)
โซฟา (Sofa)
โซลดา (Soul-Da)
โซลอาฟเตอร์ซิกซ์ (Soul After Six)
โซลเอาต์ (Soul Out)
โซลิดสเตต (Solid State)
ไซโคสลิม (Psychoslim)
ไซเลนท์ สครีม (Silent Scream)
ไซมีซเก็ตโต (Siamese Ghetto)
ไซแอม (Syam)
== ฌ ==
ฌามา
เฌอ
== ญ ==
ญารินดา แอนด์ เฟรนด์ส (Yarinda and Friends)
== ด ==
ดร.คิดส์ (Dr.Kids)
ดราก้อนไฟว์ (Dragon 5)
ดราม่า สตรีม (Drama Stream)
ด็อกเตอร์ ฟู (Dr.Fuu)
ดอกเบี้ยบานแบนด์
ดอกไม้ป่า
ดอนผีบิน
ดับเบิ้ล ยู (Double U)
ดาคิลเลอส์ (Da Killerz)
ดาวพลูโต
ดิ ออริจินอล ทรี (The Original Three)
ดิ ออฟติก (The Optic)
ดิ อิมพอสซิเบิ้ล (The Impossible)
ดิ อินโนเซ้นท์ (The Innocent)
ดิแอทลาส (The Atlas)
ดิโอเปี้ยม (Di-Opium)
ดิ โอฬาร โปรเจ็คต์ (The Olarn Project)
ดินสอดำ
ดีซีแบนด์ (D.C. Band)
ดีเซมเบอร์ (Dezember)
ดีทูบี (D2B)
ดีเทลส์ (Details)
ดีปลี
ดูบาดู (Doobadoo)
เดจา วู (Deja Vu)
เดย์ ทริปเปอร์ (Day Tripper)
เดอะ จั๊กส์ (The Jukks)
เดอะซัน (The Sun)
เดอะ ซิตี้ คอรัส (The City Chorus)
เดอะซิส (The Sis)
เดอะเซ้นท์ (The Saint)
เดอะ ไดเอต พิลส์ (The Diet Pills)
เดอะ เทอร์ตี้ เอท เยียร์ส อโก (The 38 Years Ago)
เดอะไทคูน (The Tycoon)
เดอะ โน้ต (The Note)
เดอะ บอททอม บลูส์ (The Bottom Blues)
เดอะ บีกินส์ (The Begins)
เดอะ เบลสส์ (The Bless)
เดอะ แบ็คอัพ (The Back Up)
เดอะ เป็ด
เดอะ เปเปอส์ (The Papers)
เดอะ พีชแบนด์ (The Peach Band)
เดอะพีเพิล (The People)
เดอะ ฟ็อกซ์ (The Fox)
เดอะ ฟิน (The Fin)
เดอะ โฟโต้ สติกเกอร์ แมชีน (The Photo Sticker Machine)
เดอะม้ง (The hmong)
เดอะ มัสต์ (The Must)
เดอะมูสส์ (The Mousses)
เดอะเยอร์ส (The Yers)
เดอะริชแมนทอย (The Richman Toy)
เดอะ เวิร์ม (The Worm)
เดอะ ฮอตเปปเปอร์ซิงเกอร์ (The Hot Pepper Singers)
แดดดี้ ด็อก (Daddy Dog)
แดน-บีม (Dan-Beam)
แดนซ์ อาร์มี่ (Dance Army)
โดส (Dos)
โดมิแนนท์ (Dominant)
== ต ==
ตเลง
ต้อง แอนด์ เจนนี่
ตะกร้า
ตาวัน
เตกีล่า ซันเซ็ต (Tequila Sunset)
เตปาป้า (Tepapa)
== ถ ==
| width = "33%" valign="top"|
== ท ==
ทรงหรรษา
ทรัย (Try)
ทรานซ์ ซิสเตอร์ (Trance Ziztor)
ทราย
ทรายมายชูส์ (Trymyshoes)
ทรีจี (3G)
ทรี แซทเทอร์เดย์ (Three Saturday)
ทรีดิฟฟ์ (3Diff)
ทรีดีซี (3DC)
ทรี ทู วัน (3.2.1)
ทรีพลัสวัน (Three Plus One)
ทรีแมนดาวน์ (Three Man Down)
ทวินโซล (Twin Soul)
ทเวนติไฟว์ฮาวส์ (25 hours)
ทโมน
ทอล์คเลส (Talkless)
ทักซ์ แมนชั่น (Thugz Mansion)
ทัวร์ (Tour)
ทาบาสโก้ (Tabasco)
ทาร์ซานส์ บอย (Tarzan's Boy)
ทิค แทค โท (Tic Tac To)
ทีนเอจเกรดเอ (Teen 8 Grade A)
ทีโบน (T-Bone)
ทีฟอร์ทรี (Tea For Three)
ทีมอร์โรว์ (T-Morrow)
ทิลลี่เบิร์ด (Tilly Birds)
ทีสเกิ๊ต (T-Skirt)
ทีเคโอ (TKO)
ทู (Two)
ทู พีซเซส (2 Pcs.)
ทูฟลาวเวอร์ส (Twoflowers)
ทู ไฮ (2 High)
ทูเดย์ส อะโกคิดส์ (2 Days Ago Kids)
เท็ดดี้ สกา แบนด์ (Teddy Ska Band)
เท็น ทู ทเวลฟ์ (Ten to Twelve)
เท็นอีเลฟเวน (1011)
เทอร์ตี้ทู อ็อคโทเบอร์ (32 October)
เทอร์โบ (Turbo)
เทอร์ราคอตตา (Terracotta)
เทอร์แรนส์ อาร์ ชีทเทอร์ส (Terrans Are Cheaters!)
แท็กซี่ (Taxi)
แทททูคัลเลอร์ (Tattoo Colour)
แทสมาเนียน (Tazzmanian)
เทิร์นออน (Turn On)
ไทม์ (Time)
ไทยเทเนี่ยม (Thaitanium)
ไทยแลนด์ ฟิลฮาร์โมนิก ออเคสตรา (Thailand Philharmonic Orchestra)
ไทรอัมพ์ส คิงดอม (Triumphs Kingdom)
ไทร็อก (Thai Rock)
ไทละเมอ
ไทลากูน
== ธ ==
ธาร์ มาส ด่า
== น ==
นกแล
นกแสก
น็อคเดอะน็อค (Knock The Knock)
น็อต-เก็น
นอน ท็อกซิค (Non-Toxic)
นอนมา
นอยซ์ (Noize)
นอส (Nos)
นักเพลง
นัทแครกเกอร์ (Nutcracker)
นั่งเล่น
นาตาลี - แจ๊สกี้
นานา (Nana)
น้า น้า
นานาช่า (Na Na Cha)
นายครรชิตกับทิดแหลม
นาวิน
น้ำใจ
นิธิทัศน์แบนด์
นิรนาม
นิว-จิ๋ว
นิวสคูล (New School)
นิว โอลด์ สต็อก (New Old Stock)
นีซ (Niece)
นีโอย้อนแยง
นีโอ-เอ็กซ์ (NEO-X)
นูโว (Nuvo
นูทราไลซ์ (Neutralize)
เนโกะ จัมพ์ (Neko Jump)
เนิร์สเซอรี่ซาวด์ (Nursery Sound)
เนื้อกับหนัง
แน็พ อะ ลีน (Nap a Lean)
โนชั่น แอ้ต (notion8)
โน้ต-ตูน
โน้ต-บาส
โน้ต แอนด์ ฮ็อท ทู ทร็อท (Note and Hot to Trot)
โน มอร์ เทียร์ (No More Tear)
โน รีฟันด์ (No Refund)
โนโลโก้ (Nologo)
โน้ส แคนดี้ (Nose Candy)
ไนซ์ ทู มีท ยู (Nice 2 Meet U)
== บ ==
บราเธอร์ส (Brothers)
บราวน์ ฟลายอิ้ง (Brown Flying)
บรั่นดี (Brandy)
บรูเนทไฟว์ (Brunet 5)
บลูด็อค (Blue Dock)
บลูเบอร์รี่ อาร์-สยาม
บ็อกเซอร์ (Boxer)
บอดี้สแลม (Bodyslam)
บอยไทย (Boy Thai)
บอยสเก๊าท์ (Boyscout)
บอลพลาสติก (Ballplastic)
บั๊ก บันจี้ (Bug Bunji)
บังกลาเทศ แบนด์ (Bangladesh Band)
บัตเตอร์ คาราเมล (Butter Caramel)
บัตเตอร์ฟลาย (Butterfly)
บัตเตอร์ฟลาย เอฟเฟ็กต์ (Butterfly Effect)
บับเบิ้ลเกิร์ลส์ (Bubble Girls)
บัวหิมะ
บางกอก จิ๊กกะโล่ (Bangkok Gigolo)
บางกอก ซิมโฟนี ออเคสตรา (Bangkok Symphony Orchestra)
บางแก้ว
บางลำพู แบนด์ (Banglumpoo Band)
บาซู (Bazoo)
บาซูก้า (Bazooka)
บาย ฮาร์ท (By Heart)
บาร์บี้ (Barbie)
บาราคูดัส (Barracudas)
บา-ลา-มี
บาสเก็ตแบนด์ (Basket Band)
บลิสโซนิค (Blissonic)
บิ๊กกัน (Biggun)
บิ๊กทรี (Big 3)
บิ๊ก บ๊อบ บีต
บิ๊กแบง (Big Bang)
บิ๊กโบ (ฺBig Beau)
บิ๊กแอ๊ปเปิ้ล (Big Apple)
บิ๊กแอส (Big Ass)
บิ๊กฮาร์ทิค (Bighartic)
บิกินี (Bikiny)
บิวตี้ จี (Beauty G)
บิสกิต (Biscuit)
บีน (Bean)
บี-มิกซ์ (B-Mix)
บีคิง (B-King)
บีเคเค (BKK)
บีไฟว์ (B5)
บีโอ (BeeO)
บี-โอ-วาย (B.O.Y. Blood Of Youth)
บุดดาเบลส (Buddha Bless)
บุดดิสต์ ฮอลิเดย์ (Buddist Holiday)
บุปผาชน
บูโดกัน (Budokan)
บู แมนชั่น (Boo Mansion)
บูสท์ (Boost)
เบดรูม ออดิโอ (Bedroom Audio)
เบทเทอร์ เวเธอร์ (Better Weather)
เบบี้คอร์น (Baby Corn)
เบบี้ซิตเตอร์ (Babysitter)
เบบี้ บูลล์ (Baby Bull)
เบรกฟาสต์ อิน เบด (Breakfast in Bed)
เบิร์ดกะฮาร์ท
แบง แบง (Bang Bang)
แบชเชอร์ (Basher)
แบดกายส์ (Bad Guys)
แบดเทสต์ (Badtaste)
แบดบอย (Bad Boy)
แบดซ์ (Badz)
แบมบู (Bamboo)
แบล็คบิวตี้ (Black Beauty)
แบล็ควานิลลา (Black Vanilla)
แบล็คเฮด (Blackhead)
แบนด์วากอน (Bandwagon)
โบกี้-ดอดจ์
โบโซ่ (bozo)
== ป ==
ประจัญบาน
ปลานิลเต็มบ้าน
ปลื้ม
ปะการัง
ปัจฉิมลิขิต
ปา-ท่อง-โก๋
ปานามา (Panama)
ปาร์คและแจกัน
ปิ๊ก-อัพ (Pick-Up)
ปิ่นโต
ปุยฝ้าย
เปเปอร์ แจม (Paper Jam)
เปเปอร์ แพลน (Paper Plans)
8 ไม้เท้า
โปงลางสะออน
โปเตโต้ (Potato)
ไปส่งกู บขส. ดู๊
== ผ ==
ผู้หญิง
แผ่นดิน
== ฝ ==
ฝันดี-ฝันเด่น
== พ ==
พรรณนา
พราว
พริกไทย
พริ้งกี้ กรูฟ (Prinky Groove)
พริตตี้ พลีส (Pretty Please)
พริ้ว
พรีเทนเดอร์ (Pretender)
พรู (Pru)
พลพรรครักเอย
พล็อต (Plot)
วงพลอย
พลเอก
พลัสม่า (PLASMA)
พล่าน
พลาสติก พลาสติก (Plastic Plastic)
พอง พอง (Pong Pong)
พ็อพชิพ (Popship)
พ็อพ แองเจิลส์ (Pop Angels)
พอร์คีปเปอร์ส (Porkeepers)
พอส (Pause)
พัซเซิล (Puzzle)
พาย (Pi)
พาร์ทไทม์ มิวสิคเชียนส์ (Part Time Musicians)
พาราไซท์ (Parasite)
พาราณสี ออร์เคสตรา (Varanasi Orchestra)
พาราด็อกซ์ (Paradox)
พาวเวอร์แพท (Power Pat)
พิกซิล (Pixyl)
พิกเซล (Pixel)
พิงค์แพนเตอร์ (Pink Panther)
พิ้งค์ (Pink)
พิณ
พิมาน
พีค (Peak)
พีซเมเกอร์ (Peacemaker)
พีเอมเซเว่น (PM Seven)
พีเอมไฟว์ (PM Five)
พีโอพี (P.O.P)
พีทูวอร์ชิพ (P2Warship)
เพชรพิณทอง
เพนทาแกรม (Pentagram)
เพนแทงเกิล (Pentangle)
เพรสซิเดนต์ (President)
เพรสเซนต์ เพอร์เฟ็กต์ (Present Perfect)
เพลย์ (Play)
เพลย์กราวด์ (Playground)
เพลินจิตอาเขต
เพอร์กาทอรี (Purgatory)
เพอร์เฟ็กต์ ซันเดย์ (Perfect Sunday)
เพอร์เฟ็กต์ ร็อกสตาร์ส (Perfect Rock Stars)
เพาเวอร์แบนด์ (Power Band)
เพียว (Pure)
เพียว ฟีล (Pure Feel)
เพื่อน
แพนเค้ก (Pancake)
แพนิค สตาร์ตเตอร์ (Panic Starter)
แพลม (Plam)
โพสิชั่น (Position)
โพลารอยด์ (Polaroid)
โพลีแคท (Polycat)
ไพบูลส์ (Paiblus)
== ฟ ==
ฟรายเดย์ (Friday)
ฟริค (Frick)
ฟรีเบิร์ดส (Freebirds)
ฟรีเพลย์ (Freeplay)
ฟรุตตี้ (Fruity)
ฟลาย (Fly)
ฟลายอิ้ง ซูโม่ (Flying Sumo)
ฟลัวร์ (Flure)
ฟองน้ำ
ฟองสบู่
ฟอร์กอต ยัวร์ เคส (Forgot Your Case)
ฟอร์เกท มี นอท (Forget Me Not)
ฟอร์เต้ (Forté)
ฟอร์แมท (Format)
ฟอร์เอฟเวอร์ (Forever)
ฟอสซิล (Fossil)
ฟังกี เบอร์เกอร์ (Funky Burger)
ฟังค์ชัน (Funktion)
ฟาเรนไฮธ์ (Fahrenheit)
ฟ้าใหม่
ฟิฟ (FiF)
ฟิฟทีน ซีนเนอรี่ (Fifteenth Scenery)
ฟีดแบค (Feedback)
ฟีนิกซ์ (Phoenix)
ฟีเมล ฟรุตตี้ บุลด็อก (Female Fruity Bulldog)
ฟื้น
ฟุตปาธ (Footpath)
ฟูนัน
ฟูตอง (Futon)
เฟธ (Faith)
เฟม (Fame)
เฟรปเป้ เมจิ (Frappe Meiji)
เฟรม (Frame)
เฟลม (Flame)
เฟลเวอร์ (Flavour)
เฟย์ ฟาง แก้ว (Faye Fang Kaew )
เฟิสท์แก็งค์ (Firstgang)
แฟกต์ ยู (Fact U)
แฟชั่นโชว์ (Fashion Show)
แฟลช (Flash)
แฟรี่ เทลส์ (Fairy Tales)
โฟกัสซั่ม (4Gzm)
โฟโน (Fono)
โฟร์ & มด (Four - Mod)
โฟร์กอตเทน (4 Gotten)
โฟร์มังกี้ซีซั่น (4 Monkey s Season)
ไฟท์ (Fight)
ไฟนอล คิด (Final Kid)
ไฟลท์ 787 (Flight 787)
== ภ ==
ภราดร
ภารต้า (Parata)
== ม ==
มนต์รักโบรา โบร่า
มอนสเตอร์ (Monster)
มอนสเตอร์ส เซอร์คัส (Monsters Circus)
มอร์กะจาย
มอร์แกน
มอร์นิ่ง เซิร์ฟเฟอร์ส (Morning Surfers)
มอร์นิ่ง ทีชเชอร์ส (Morning Teachers)
มอร์ ฟันนิ่ง (More Funning)
มะตูม
มะลิ
มะลิลา บราซิลเลี่ยน (Malila Brazillian)
มักกะโรนี (Macaroni)
มังกี้แพนต์ส (Monky Pants)
มังกี้แอ๊ค (Monky Act)
มังกี้ เกิร์ล (Monkey GirlZ)
มังกี้ ฮีโร่ (Monkey Hero)
มัลฟังค์ชั่น (MALFUNKTION)
มัวร์ (Moor)
มัสเกตเทียส์ (Musketeers)
มัชรูม (Mushroom)
มาเจนต้า (Magenta)
มาตาฮีโร่ (Matahari)
มานะ มานี ปิติ ชูใจ
มาฟ (MAF)
มายด์ (Mild)
มายา
มาลัย
มาลีฮวนน่า
ม้าเหล็ก
มิติ
มิราคูลัส (Miraculous)
มิลิทารี่ (Military)
มิสเตอร์ทีม (Mr.Team)
มิสเตอร์ซิสเตอร์ (Mr.Sister)
มูน (Moon)
มูแลตโต (Mulatto)
มูเทร่า (Mutera)
เมดูซา (Meduza)
เมนทอลลี่ อิล (Mentally ill)
เมลโรส (Malerose)
เมอร์รี โก ราวนด์ (Merry Go Round)
แมคอินทอช (Macintoch)
แมด แพ็ค อิท (Mad Pack It)
แมทนิแมร์ (Mattnimare)
โมเดิร์นด็อก (Modern Dog)
โมทีฟ (Motif)
โมโน (Mono)
โมโนโทน กรุ๊ป (Monotone Group)
โมโนมาเนีย (Monomania)
โมลา โมล่า ซันไชน์ (Mola Mola Sunshine)
ไมเกรท ทู ดิ โอเชี่ยน (Migrate to the Ocean)
ไมโคร (Micro)
ไมตี้ ควีน (Mighty Queen)
ไม้ไผ่
ไม้เมือง
ไมลด์ เกรน (Mild Gain)
มังกี้ เฮด (Monkëy Head)
| width = "33%" valign="top"|
== ย ==
ยัง ซิง (Young Sing)
ย้ากส์ แล็ป (Yaak Lab)
ยิ้มกริ่ม (Yimgrimm)
ยูจีน (U-Gene)
ยูเอชที (UHT)
ยูโฟร์ (U-4)
ยูเรเซีย (Eurasia)
ยูเรเนียม (Uranium)
ยูสด์ (Used)
ยูสเลส แลนด์สเคป (Useless Landscape)
เยื้อง เจนเทิลแมน
เยื่อไม้
แย้กับบอมบ์
โยคีเพลย์บอย (Yokee Playboys)
== ร ==
ร่มไทร
รวมดาวกระจุย
รอยัลสไปรท์ (Royal Sprite)
ร็อกเกอร์ส (Rockers)
ร็อกเคสตร้า (Rockesta)
ร็อกฟาเธอร์ (Rockfather)
ระบาย
รัน แรน รัน (Run Ran Run)
รันเวย์ (Runway)
รามสูร
รามา อวตาร (Rama Avatar)
ริทึมมาติก (Rhythmatique)
รีแคป (Recap)
รูกกีบีบี (Rookie BB)
รูฟ (Roof)
รูม 39 (Room 39)
รูลดาร์ก (Rule Dark)
เรดคิงพาเลซ (Red King Palace)
เรดทเวนตี้ (Red Twenty)
เรดิโอ การ์เด้น (Radio Garden)
เรดิโอนิกซ์ (Radionix)
เรโทรสเปกต์ (Retrospect)
เรนโบว์ (Rainbow)
เราระบาย (Lullaby)
แรคคูนส์ พาร์ตี้ (Raccoon's Party)
แรมเพจ (Rampage)
แร็พเตอร์ (Raptor)
แร็ปบิทดอลส์ (Rapbit Dolls)
โรงงานผลิตเต้าเจี้ยว
โรเมอร์ (Romer)
โรแมนติก (Romantic)
ไรทาลิน (Ritallin)
== ล ==
ลอลลี่ป๊อป (Lolly Pop)
ละมุน
ละอองฟอง (La-Ong-Fong)
ละอ่อน
ลันตา
ลาโคนิคส์ (Laconics)
ลา ซิสต้า (La Sista)
ลาเซอ (Lasur)
ลาบานูน (Labanoon)
ลาฟฟิ่ง สกัลล์ (Laughing Skull)
ลาฟเฟอร์-แอมเมอร์
ลาวา (Lawa)
ลำดวน
ลิงก์ คอร์เนอร์ (Link Corner)
ลิเบอร์ตี้ (Liberty)
ลิปตา (Lipta)
ลิฟท์ & ออย (Lift & Oil)
ลีฟวิ่ง รูม (Living Room)
ลีโซว่า (Lesova)
ลูกหิน
ลูนาทิค (Lunatic)
เลเซอร์ (Laser)
เลดี้คิลเลอร์ (Lady killers)
เล็บ
เลบง
เลเบอร์ (Labour)
เลม่อนซุป (Lemon Soup)
เลม่อน ป๊อป (Lemon Pop)
เลซซิ่ง (Lassing)
เลอโดม (LEDOME)
เล้าโลม
เลิฟ มี พลีส (Love Me Please)
เลื้อยคลาน
โลโซ (Loso)
โลกเบี้ยว
โลนลี่ แพลเน็ต (Lonely Planet)
โลโมโซนิก (Lomosonic)
โลลิต้า (Lolita)
== ว ==
วงกลม
วอลรัส (Walrus)
วัชราวลี
วันเดอร์เกย์ (Wonder Gay)
วันเดอเรอร์ส (Wanderers)
วัน ทู ทรี โซล (1 2 3 Soul)
วาเคชั่น (Vacation)
วาย น็อต เซเว่น (Y Not 7)
วาร์เปเปอร์ (Warpaper)
วาสนา
วาสุชา
วิธยูแอทโฮม (withyouathome)
วิบัติ ชน (Wibutchon)
วิปลาส
วิวาเช่ (Vivace)
วิวิด (Vivid)
วิเศษนิยม
วีนัส (Venus)
วีนัส บัตเตอร์ฟลาย (Venus Butterfly)
วีนัส ฟลายแทร็บ (Venus Flytrap)
วีวี่โค (ViviCo)
วีไอพี (VIP)
วูล์ฟแพ็ค (Wolf Pack)
เวค อัพ เออร์ลี่ (Wake up Early)
เวตาล่า (Vetala)
เวย์ สเตชัน (Way Station)
แวน ฮาร์แมน (Van Harman)
== ศ ==
ศรีราชา ร็อกเกอร์ส (Srirajah Rockers)
ศาลา
ศิลา
ศูนย์ศูนย์หนึ่ง
== ส ==
สกั๊งค์ (Skunk)
สกาเบอร์รี่ (Skaberry)
สกาแล็กซี่ (Skalaxy)
สกายคิ๊กเรนเจอร์ (Skykick Ranger)
สกายแบนด์ (Sky Band)
สกายพาส (Sky Pass)
สกูบา (Skooba)
สก็อต จั้มป์ (Scotch jamp)
สครับบ (Scrubb)
สควีซแอนิมอล (Sqweez Animal)
สคัม (Scum)
สคิปปิท (Skipit)
สคูลเกิร์ลเมมโมรี่ (School Girl Memory)
สตรีทฟังก์โรลเลอร์ส (Street Funk Rollers)
สตอรีไลน์ (Storyline)
สติวเดนต์อั๊กลี่ (Student Ugly)
สตูดิโอโตโม (Ztudiotomo)
สตูนดิโอ (Stoondio)
สเตทเอ็กซ์เพรส (State Express)
สเตป วัน (Step One)
สเตอร์ (Ster)
สโตนโซล (Stone Soul)
สไตรเกอร์ส (Strikerz)
สไตรีนจังเกิล (Styrene Jungle)
สไตลิช นอนเซ็นส์ (Stylish Nonsense)
สเนล (Snail)
สโนว์บอลล์ (Znowball)
สปัญ (Span)
สปาย (Spy)
สปินนาเคิล (Spinnacle)
สปิน เฮด (Spin Head)
สปูนฟูลซ์ (Spoonfulz)
สฟิงซ์ (Sphinx)
สมเกียรติ
สมรม แบนด์
สมิธแอนด์เชน (Smith & Shane)
สไมล์บัฟฟาโล่ (Smile Buffalo)
สยาม ซีเคร็ต เซอร์วิส (Siam Secret Service)
สราญรมย์แบน
สล็อต แมชชีน (Slot Machine)
สลัด (Salad)
สลีปปี้งชี้ป (Sleeping Sheep)
สลีป-ปี้ (Sleep-Py)
สโลว์ รีเวิร์ส (Slow Reverse)
สวอน (Swan)
สวิงกิ้ง (Swinging)
สวีต ดี (SWEE:D)
สวีตมัลเล็ต (Sweet Mullet)
สวีต แบล็ค (Sweet Black)
สองวัย
สองหนุ่ม
2549
สะเดาะเคราะห์
สเลอ (Slur)
สันขวานเรคคอร์ด
สันติภาพ
สาธร
สามหน่อ
สามโทน
สามบอมบ์
สามโลกธาตุ
สามศักดิ์
สามเสนเลเซอร์
สามเสนสเตชัน
สาวรำวง
สาว สาว สาว
สิชล
สิงห์เหนือ-เสือใต้
สิงหลกะ
สินเจริญบราเธอร์ส
18 กะรัต
สิบล้อ
สิริ เย็นสุข (Siri Yensook)
สี่เต่าเธอ
๔ ยอดกุมาร
สีลม ดีไลท์ (Silom D.Light)
สุขุมวิท 66
สุเทพ แอนด์ เดอะ แซ็กส์ (Suthep and the Sax)
วงดนตรีสุนทราภรณ์
สุนทรี
สุเมธแอนด์เดอะปั๋ง
เสมอ
เสือโคร่ง
เสือน้อย
เสือใหญ่
เสียด
เสียงอิสาน
แสตมป์ (Stamp)
แสนแสบ ดีพาร์ตเมนต์ (Sansab Department)
== ห ==
หนึ่ง โม่ โจ้ หวัง
หน่อยน้อยนอย
หรู (H.R.U.)
หมีพูห์
หมีน้อย
หมูกระทะ 69
หมูสว่าน
หวานเย็น
หิน เหล็ก ไฟ (Stone Metal Fire)
หินอ่อน
เหน็บ
เหมี่ยวเอ๋อ
ไหมไทย
== อ ==
อนัตตา
อพาร์ตเมนต์คุณป้า (Apartment Khunpa)
อภิรมย์
อมตะ
อวสานเซลส์แมน (Death of a Salesman)
อวอร์ด (Award)
ออกัส (The August Band)
ออโต้บาห์น (Autobahn)
ออร์ฟุส (Orpheus)
ออล กู๊ด ธิงส์ (ALL Good Things)
ออลโมสต์ 100 (Almost 100)
อะคินริก (Akinlic)
อะแค็ปเปล่า เซเว่น (Acappella 7)
อะไรจ๊ะ
อะลัม ซัมซัม
อะลาดิน (Aladdin)
อะอา
อันมิดี้ (Unmidi)
อัลตร้า สลิม (Ultra Slim)
อัศจรรย์จักรวาล (Assajan Jakgawan)
อัสนี & วสันต์
อาฟเตอร์นูน (Afternoon)
อาฟเตอร์ บลูส์มูน (After Bluesmoon)
อามาตา
อาร์ทฟลอร์ (artfloor)
อาร์มแชร์ (Armchair)
อาร์สยาม คอรัส (R-Siam Chorus)
อาร์-อาร์ม
อาร์อาร์อาร์แอนด์บี (RRR&B)
อารักษ์ แอนด์ เดอะ ปีศาจ แบนด์
อ่าวอันดา
อิงฟ้า
อินสติงต์ (Instinct)
อินคา (Inca)
อินโดจีน
อินทนิล
อินโทรดัคชั่น (Introduction)
อินฟินิตี้ (Infinity)
อินเฟมัส (Infamous)
อินเฟอร์โน (Inferno)
อินสไปเรทีฟ (Inspirative)
อิ๊มป์ (Imp)
อิลสลิก (illslick)
อิเล็กทริก นีออน แลมพ์ (electric.neon.lamp)
อีซี่ อีซี่ (Easy Easy)
อีนีมี่ (Enemy)
อีทีซี (ETC)
อีเทริ์นนิตี้บ็อกซ์ (Eternity-Box)
อีเทอร์เนิล ซันเซ็ท (Eternal sunseT)
อีโบล่า (Ebola)
อีฟ (Eve)
อีฟ แอนด์ ดิ อดัมส์ (Eve and the Adams)
อีโมชั่น ทาวน์ (Emotion Town)
อีเลฟแฟนท์ ก๊อด (Elephant God)
อีเลฟเว่นอาร์ดี (11rd)
อีเวอร์รี่ (Ewery)
อีสซึ่น (Isn't)
อุลตร้า ชวดซ์ (Ultra Chuadz)
เอ็สซีที(S.C.T)
เอสดีเอฟ (S. D. F)
เอช (H)
เอ็กซิต (Exit)
เอ็กซ์วายแซด (XYZ)
เอกซ์แอลสเต็ป (XL Step)
เอกซ์ ไอ เอส (X-I-S)
เอ็กตาซี่ (Extazy)
เอเชีย (Asia)
เอเซียร์
เอ็ด-มาร์ท
เอท ฟลอร์ (8th Floor)
เอ็นโดรฟิน (Endorphine)
เอ็นไนน์ (N9)
เอ็นเอ็มซี (N.M.C.)
เอนี่ธิง เอลส์ (Anything Else)
เอ เนเจอร์ (A Nature)
เอบีนอร์มัล (AB Normal)
เอพริล ฟูลส์ เดย์ (April Fool's Day)
เอฟ บี ไอ (F.B.I.)
เอ็มตี้ กลาส มีน น็อตติ้ง (Empty Glass Means Nothing)
เอ็มพีทู (MPII)
เอ็ม โรมานซ์ (M-Romance)
เอมีลี่ (Emely)
เอราวัณ
เอรีน่า แอนด์ ดี อัฟโฟร โบรส์ (Erina and the Afro Bros)
เอโอเค (A.O.K)
เอลิเซ่ (Alize')
เอลีน-เบส
เอสร่า (Ezra)
เออ
เอา
เอาท์ (Out)
เอาท์ไซเดอร์ (Outsider)
เอาท์โทร (Outro)
เอียร์เบิร์นเนอร์ (Ear Burner)
แองเจิล (Angel)
แองเจิล คอล (Angel Call)
แอซิด ทาวน์ (Acid Town)
แอนตี้-ออล (Anti-All)
แอนนาลิน (Annalynn)
แอทเทมพท์ (Attempt)
แอปเปิล เกิร์ลส แบนด์ (Apple Girls Band)
แอมฟายน์ (Am Fine)
แอม ไฟน์ แทงค์ยู (I'm Fine Thank You)
แอเรีย 51 (Area 51)
แอร์บอร์น (Airborne)
แอร์เฮด (Airhead)
อ็อบบลิเวียส (Oblivious)
โอเค มอคค่า (OK Mocca)
โอโซน (Ozone)
โอ๋ โมเดลลิ่ง (O Modeling)
โอเรียนทอล ฟังก์ (Oriental Funk)
โอลีฟส์ (Olives)
โอเวชั่น (Ovation)
โอเวอร์คลอก (Over Clock)
โอเวอร์มี (Over Me)
โอเวอร์เฮียร์ (Overhear)
โอ๋-แอน
โอโฮ (OHO)
ไอ-แซ็ค (I-Zax)
ไอดี คิดส์ (I.D. Kids)
ไอน้ำ
ไอ-เบบี้
ไอเฟล (Eiffel)
ไอเร่ (Aire)
ไอวี่ (IVY)
ไอศครีม (Ice Cream)
ไอสครีม (I-Scream)
ไอ อิส มี (I Is Me)
ไอ เอ็น ดี วาย (i.n.d.y.)
ไอโอเนียน (Ionion)
== ฮ ==
ฮอบบิท (Hobbit)
ฮอลลี่ เบอร์รี่ (Holly Berry)
ฮัม (Hum)
ฮาร์ทบีท (Heartbeat)
ฮาร์โมนิก้า ซันไรส์ (Harmonica Sunrise)
ฮาริกึ่ม ซาโบ้ย
ฮาเร็ม เบลล์ (Harem Belle)
ฮาล์ฟ สปูน (Half spoon)
ฮิร็อคชิม่า (Hirockshima)
ฮิวมัส (Humus)
ฮูฟส์ (Hooves)
เฮฟวี่ มด
เฮฟวี่ เมาน์เทน (Heavy Mountain)
เฮท ทู เฮด (Hate2Head)
เฮโรเทคซ์ (Herotex)
เฮเรติค แองเจลส์ (Heretic Angels)
เฮลเมท เฮดส์ (Helmet Heads)
เฮ้าส์แท็ป (Housetrap)
แฮรี่ เทรนด์ (Hairy trend)
แฮงก์ (Hang)
แฮงแมน (Hangman)
แฮปปี้แบนด์ (Happyband)
แฮมเมอร์ (Hammer)
โฮป (Hope)
ไฮแจ็ค (Hi-Jack)
ไฮดร้า (Hydra)
ไฮเปอร์ (Hyper)
ไฮ-ร็อก (Hi-Rock)
ไฮโร
!
กลุ่มดนตรี
|
thaiwikipedia
| 1,856 |
หิน เหล็ก ไฟ
|
หิน เหล็ก ไฟ (Stone Metal Fire, ตัวย่อ: SMF) เป็นวงดนตรีแนวร็อกและเฮฟวี่เมทัลสัญชาติไทย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2534 สังกัด อาร์เอส โปรโมชัน และเรียลแอนด์ชัวร์
== ประวัติ ==
พ.ศ. 2534 ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ (โป่ง) นักร้องนำจากวง ดิ โอฬาร โปรเจ็คต์ และ นำพล ขจรพิมานมาศ (โต) มือกีตาร์จากวง Index, 50 Miles, Dexter และวงกิตติ กาญจนสถิตย์ ร่วมกับเพื่อนนักดนตรีอีกสองคน คือ เกียรติชัย แซ่โอ้ว (หมูพีท) มือเบสจากวง Zex, Blue Planet และปรีชา ทองนพ (แจ็ค) มือกลอง จัดตั้งวงดนตรีแนวเฮฟวี่เมทัล เพื่อทำเดโมและออกผลงาน โดยแรกเริ่มนั้นมีความพยายามใช้ชื่อวงหลายชื่อ อาทิ บรึห์, อิมมอทอล และหนุมาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีความชัดเจนว่าจะใช้ชื่อวงว่าอะไร
ต่อมาในปีเดียวกัน เกิดการเปลี่ยนแปลงสมาชิก คือ ณรงค์ ศิริสารสุนทร (รงค์) จากวง Burn และ ดิ โอฬาร โปรเจ็คต์ ได้มาทำหน้าที่เล่นเบส, สมาน ยวนเพ็ง (หมาน) จากวง 50 Miles รับหน้าที่เล่นกลอง และ จักรรินทร์ ดวงมณีรัตนชัย (ป๊อป) จากวง Force ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มารับหน้าที่เล่นกีตาร์เพิ่มอีกหนึ่งคน โดย ทิวา สาระจูฑะ (บรรณาธิการนิตยสารสีสัน) ตั้งชื่อวงให้ว่า หิน เหล็ก ไฟ (ชื่อภาษาอังกฤษ Stone Metal Fire ตัวย่อ SMF)
15 มีนาคม พ.ศ. 2536 หิน เหล็ก ไฟ ออกอัลบั้มชุดแรกซึ่งมีชื่อเดียวกับชื่อวง สังกัดค่าย อาร์เอส โปรโมชัน โดยได้บันทึกเสียงที่ห้องอัด เซ็นเตอร์ สเตจ ของแอ๊ด คาราบาว เพลงที่ได้รับความนิยมในอัลบั้มนี้ได้แก่ ยอม, เพื่อเธอ, นางแมว, พลังรัก, สู้, ร็อคเกอร์ โดยอัลบั้มหิน เหล็ก ไฟ เป็นอัลบั้มที่มียอดจำหน่ายมากกว่า 1 ล้านตลับ และได้รับรางวัลสีสันอะวอร์ดส์ ครั้งที่ 6 (พ.ศ. 2536) สาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม และโปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงคอนเสิร์ต ช็อต ชาร์จ ช็อก ร็อก คอนเสิร์ต (Short Charge Shock Rock Concert) ครั้งที่ 1 ที่อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการดนตรีไทย และคอนเสิร์ต ช็อต ชาร์จ ช็อก ร็อก คอนเสิร์ต ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยเป็นคอนเสิร์ตของศิลปินไทยที่มียอดผู้ชมมากที่สุดในปี พ.ศ. 2536 จนต้องจัดครั้งต่อมาในปี พ.ศ. 2537, พ.ศ. 2538 และ พ.ศ. 2556
หิน เหล็ก ไฟ ออกอัลบั้มอีกเป็นชุดที่ 2 และวางแผงอัลบั้มในวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2538 ใช้ชื่อชุดว่า คนยุคเหล็ก มีเพลงที่ได้รับความนิยมเช่น คนยุคเหล็ก, หลงกล, มั่วนิ่ม, คิดไปเอง เป็นต้น จากนั้นได้ประกาศพักและยุบวงในปลายปี พ.ศ. 2538
ต้นปี พ.ศ. 2539 โป่ง ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ กับ ป๊อป จักรรินทร์ ดวงมณีรัตนชัย ได้จัดตั้งวงใหม่ชื่อวง เดอะ ซัน ออกอัลบั้มอีกทั้งสิ้น 3 ชุดระหว่างปี พ.ศ. 2539 - พ.ศ. 2543 (โดยปี พ.ศ. 2543 เดอะ ซันได้ย้ายสังกัดไปอยู่กับ เบเกอรี่มิวสิค ออกอัลบั้ม ถนนพระอาทิตย์ และเปลี่ยนมือกลองเป็น ปิงปอง ดำรงสิทธิ์ ศรีนาค จากวง ไฮ-ร็อก)
วันที่ 5 สิงหาคม 2545 สมาน ยวนเพ็ง หรือ หมาน (อดีตมือกลองของวงในช่วง พ.ศ. 2534 - 2537) เสียชิวิตด้วยโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร
วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2546 หิน เหล็ก ไฟ ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง และเล่นคอนเสิร์ตทรัพย์สินทางปัญญาฯ ณ สวนลุมไนท์บาซาร์
ในปี พ.ศ. 2548 หิน เหล็ก ไฟ ได้กลับมาทำอัลบั้มอีกครั้ง โดยมีปิงปอง ดำรงสิทธิ์ ศรีนาค จากวง ไฮ-ร็อก รับหน้าที่มือกลองเช่นเดียวกับเดอะ ซันชุดที่ผ่านมา และเพิ่มสมาชิกใหม่เข้ามาอีก คือ หมู ประทีป วรภัทร์ ในตำแหน่งคีย์บอร์ด และออกอัลบั้มเป็นชุดที่ 3 วางแผงอัลบั้มวันแรกในวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 ใช้ชื่อชุดว่า Never Say Die มีเพลงที่ได้รับความนิยมคือ ศรัทธา
ปี พ.ศ. 2549 ออกอัลบั้มชุดที่ 4 Acoustique นำ 11 บทเพลงดังมาทำใหม่ในสไตล์อคูสติกผสมกับแนวลูกทุ่ง รวมกับ 2 เพลงใหม่ "อภัย" และ "ดีดี" รวมทั้งหมด 13 เพลง วางแผงในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2549
วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556 หิน เหล็ก ไฟได้แสดงสดในคอนเสิร์ต Short Charge Shock Rock Legend เหล็ก พันธุ์ เสือ ร่วมกับเสือ ธนพล อินทฤทธิ์ และร็อกอำพัน ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี
ปี พ.ศ. 2557 ได้รับรางวัล Seed Hall Of Fame ใน Seed Awards ครั้งที่ 9 ประจำปี พ.ศ. 2556
วันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 ปรีชา ทองนพ หรือ แจ็ค (อดีตมือกลองยุคก่อตั้งวง พ.ศ. 2534) เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว
วันที่ 1 มีนาคม 2563 เกียรติชัย แซ่โอ้ว หรือ หมูพีท (อดีตมือเบสยุคก่อตั้งวง พ.ศ. 2534) เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งลำไส้
==สมาชิกหลัก==
ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ (โป่ง) ตำแหน่ง ร้องนำ (พ.ศ. 2534 - 2538), (พ.ศ. 2546 - ปัจจุบัน)
ณรงค์ ศิริสารสุนทร (รงค์) ตำแหน่ง เบส (พ.ศ. 2534 - 2538), (พ.ศ. 2546 - ปัจจุบัน)
นำพล ขจรพิมานมาศ (โต) ตำแหน่ง กีตาร์ (พ.ศ. 2534 - 2538), (พ.ศ. 2546 - ปัจจุบัน) [ใช้นามสกุลแฝงในเครดิตว่า รักษาพงษ์]
จักรรินทร์ ดวงมณีรัตนชัย (ป๊อป) ตำแหน่ง กีตาร์ (พ.ศ. 2534 - 2538), (พ.ศ. 2546 - ปัจจุบัน)
ดำรงสิทธิ์ ศรีนาค (ปิงปอง) ตำแหน่ง กลอง (พ.ศ. 2546 - ปัจจุบัน)
==สมาชิกทัวร์คอนเสิร์ต==
ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ (โป่ง) ตำแหน่ง ร้องนำ (พ.ศ. 2534 - 2538), (พ.ศ. 2546 - ปัจจุบัน)
จักรรินทร์ ดวงมณีรัตนชัย (ป๊อป) ตำแหน่ง กีตาร์ (พ.ศ. 2534 - 2538), (พ.ศ. 2546 - ปัจจุบัน)
ดำรงสิทธิ์ ศรีนาค (ปิงปอง) ตำแหน่ง กลอง (พ.ศ. 2546 - ปัจจุบัน)
ประทีป วรภัทร์ (หมู) ตำแหน่ง คีย์บอร์ด (พ.ศ. 2548 - ปัจจุบัน)
เถลิงพงษ์ มีมุทา (เปิ๊ด) ตำแหน่ง เบส (พ.ศ. 2550 - ปัจจุบัน)
==อดีตสมาชิก==
สมาน ยวนเพ็ง (หมาน) ตำแหน่ง กลอง (พ.ศ. 2534 - 2537) (เสียชีวิต 5 สิงหาคม พ.ศ. 2545)
Sel Vester Lester C.Esteban ตำแหน่ง กลอง (พ.ศ. 2537 - 2538)
เกียรติชัย แซ่โอ้ว (หมูพีท) ตำแหน่ง เบส (สมาชิกยุคก่อตั้ง พ.ศ. 2534) (เสียชีวิต 1 มีนาคม พ.ศ. 2563)
ปรีชา ทองนพ (แจ็ค) ตำแหน่ง กลอง (สมาชิกยุคก่อตั้ง พ.ศ. 2534) (เสียชีวิต 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560)
==ผลงาน==
สตูดิโออัลบั้ม
หิน เหล็ก ไฟ (15 มีนาคม 2536)
คนยุคเหล็ก (7 มีนาคม 2538)
Never Say Die (12 พฤษภาคม 2548)
Acoustique (23 มีนาคม 2549)
อัลบั้มพิเศษ และอัลบั้มรวมเพลง
ร็อกเพื่อนกัน - ร่วมกับ หรั่ง ร็อคเคสตร้าและไฮ-ร็อก (ตุลาคม 2536)
15th Anniversary RS - หิน เหล็ก ไฟ (2539)
RS SAVE HITS - หิน เหล็ก ไฟ (2540)
RS Big Bonus - หิน เหล็ก ไฟ (2541)
RS TIME MACHINE - หิน เหล็ก ไฟ The Legend of SMF 1993-2009 (2552)
RS.Classic - หิน เหล็ก ไฟ (2556)
MP3 - หิน เหล็ก ไฟ THE ROCKFATHER (2558)
==คอนเสิร์ต==
คอนเสิร์ต ช็อต ชาร์จ ช็อก ร็อก (29 พฤษภาคม 2536)
คอนเสิร์ต ช็อต ชาร์จ ช็อก ร็อก คอนเสิร์ต เหล็กคำราม (13 พฤษภาคม 2538)
คอนเสิร์ต ทรัพย์สินทางปัญญา (29-30 สิงหาคม 2546)
คอนเสิร์ต Trilogy Rock Concert (30 เมษายน 2548)
คอนเสิร์ต SMF Meeting Concert : รวมพลคนหิน เหล็ก ไฟ (10 กันยายน 2548)
คอนเสิร์ต Pattaya International Music Festival 2006 (17-19 มีนาคม 2549)
คอนเสิร์ต ผาดำ ครั้งที่ 3 (14 มีนาคม 2553)
คอนเสิร์ต ร็อก ดาว คอนเสิร์ต (7 กันยายน 2553)
คอนเสิร์ต 40 ปี the legend of the guitar (20-21 พฤศจิกายน 2553)
คอนเสิร์ต แคมป์ไฟดนตรี มาลีฮวนน่า 2 (11 ธันวาคม 2553)
คอนเสิร์ต แคมป์ไฟดนตรี มาลีฮวนน่า 3 (10 ธันวาคม 2554)
คอนเสิร์ต ผาดำ ครั้งที่ 6 (16 มีนาคม 2556)
คอนเสิร์ต ช็อต ชาร์จ ช็อก ร็อก ลีเจนด์ เหล็ก พันธุ์ เสือ (17 สิงหาคม 2556)
คอนเสิร์ต แคมป์ไฟดนตรี มาลีฮวนน่า 5 (7 ธันวาคม 2556)
คอนเสิร์ต ผาดำ ครั้งที่ 7 (2 มีนาคม 2557)
คอนเสิร์ต Rock And Roll Come Back #2 Music Festival (22 - 23 พฤศจิกายน 2557)
คอนเสิร์ต แคมป์ไฟดนตรี มาลีฮวนน่า 6 (6 ธันวาคม 2557)
คอนเสิร์ต คืนรัง (20 ธันวาคม 2557)
คอนเสิร์ต คืนรัง 2 (6 ธันวาคม 2558)
คอนเสิร์ต The Legends (30 พฤษภาคม 2558)
คอนเสิร์ต Love & Hurt : Super Rock Ballads (30 เมษายน 2559)
คอนเสิร์ต Love & Hurt : Super Rock (23 กรกฎาคม 2559)
คอนเสิร์ต The Legend of The Guitar (30 กรกฎาคม 2559)
คอนเสิร์ต The Legend Music Festival 2017 (11 พฤศจิกายน 2560)
คอนเสิร์ต แคมป์ไฟดนตรี มาลีฮวนน่า 8 (10 ธันวาคม 2560)
คอนเสิร์ต เพื่อผู้พิทักษ์ป้า (19 มีนาคม 2561)
คอนเสิร์ต คำภีร์ ไอ้เสือบุก (29 กรกฎาคม 2561) รับเชิญ
คอนเสิร์ต ชีวิตสัมพันธ์ Rock On The Beach (11 มกราคม 2562)
คอนเสิร์ต The Rock Power Concert ระเบิดพลังร็อก (27 กรกฎาคม 2562)
คอนเสิร์ต Pong Fest (1 กุมภาพันธ์ 2563)
คอนเสิร์ต ผาดำ ครั้งที่ 11 (27 มีนาคม 2563)
คอนเสิร์ต Khaosod Legends Charity (23 พฤษภาคม 2563)
คอนเสิร์ต The Virtual LIVE Concert (29 สิงหาคม 2563)
คอนเสิร์ต Khaosod Acoustic Love (13 กุมภาพันธ์ 2564)
คอนเสิร์ต Pattaya Countdown 2023 (30 ธันวาคม 2565)
คอนเสิร์ต RS MUSIC ร่วมกับ อำพลฟูดส์ Present CONCERT SHORT CHARGE SHOCK REAL ROCK RETURN (16 ธันวาคม 2566)
ซิงเกิล
ยอม / เพื่อเธอ (2536)
มั่วนิ่ม / หวาดระแวง (2538)
หลงกล / คนยุคเหล็ก (2538)
ศรัทธา / สิบปากว่า (2548)
== อ้างอิง ==
ประวัติของวง
==แหล่งข้อมูลอื่น==
StoneMetalFire.com เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของวง
เฟสบุ๊คเพจอย่างเป็นทางการหิน เหล็ก ไฟ
อินสตาแกรมหิน เหล็ก ไฟ
ทวิตเตอร์หิน เหล็ก ไฟ
ยูทูปหิน เหล็ก ไฟ
ฟังอัลบั้ม คนยุคเหล็ก
กลุ่มดนตรีเฮฟวีเมทัลสัญชาติไทย
ศิลปินสังกัดอาร์เอส
กลุ่มดนตรีไทยในยุค 1990
กลุ่มดนตรีที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2536
ศิลปินสังกัดเรียลแอนด์ชัวร์
|
thaiwikipedia
| 1,857 |
โมบิลสูท กันดั้ม F91
|
โมบิลสูท กันดั้ม F - 91 เป็นการเล่าเรื่องราวถึง กลุ่ม ครอสโบน แวนการ์ด ที่นำกำลังทหารเข้ารุกรานโคโลนี ฟรอนเทียร์ โคโลนีอันอยู่ใต้การปกครองของสหพันธ์โลก ซีบุค อาโน ผู้อาศัยอยู่ใน โคโลนี ฟรอนเทียร์ หมายเลข4 และเพื่อน ขณะที่กำลังหลบหนีจากการโจมตี กลุ่ม ครอสโบน แวนการ์ด ได้เข้ามาลักพาตัวเพื่อนของ ซีบุค อาโน ที่ชื่อ เซซิลี แฟร์ชาย ซึ่งเป็น ลูกสาวของหัวหน้ากลุ่ม ครอสโบน แวนการ์ด อาโน และเพื่อนที่เหลือจึงหนีไป ด้วยยานกู้ภัยและ ถูกคนของทางกองทัพสหพันธโลกยื้อตัวเข้าไปช่วยในสงครามเพื่อแย่งชิง ฟรอนเทียร์ คืนภายหลังเมื่อกองทัพโลกรู้ว่า อาโนนั้นคือนิวไทบ์ที่หายากยิ่งแล้ว จึงใช้เพื่อนและน้องสาวของอาโนบังคับให้อาโนออกสู้ ด้วยโมบิลสูทรุ่น ทดลองที่ชื่อF-91 หลังจากที่อาโน พบขึ้นขับF-91ในสนามรบก็พบกับ เซซิลี แฟร์ชาย อีกครั้งในครั้งนี้เธอเป็นนักบินของกลุ่มครอสโบน เมื่อทั้งคู่รู้ตัวว่ากำลังสู้กับใคร ทั้งคู่จึง ร่วมมือกันทำลายแผนของกลุ่มครอสโบน ที่จะใช้ บัคและโมบิลอาเมอ ราเฟิลเซีย ทำลายล้างระบบของสหพันธ์ที่กำลังปกครอง
โคโลนีอยู่
== ตัวละคร ==
== รายชื่อตอน ==
|
thaiwikipedia
| 1,858 |
กันดั้ม 0083 : ความทรงจำแห่งละอองดาว
|
กันดั้ม 0083 : ความทรงจำแห่งละอองดาว (Gundam 0083: Stardust Memory) เป็นเรื่องราวการต่อสู้หลังจากที่ซีออนได้พ่ายแพ้ในศึกสงครามที่อาบาวคู และมีซีออนกลุ่มหนึ่งหนีออกจาก อาบาวคู ไปซ่อนตัวเพื่อรอเวลาแห่งการแก้แค้น และ เพื่อความหวังที่จะจุดประกายความหวังให้กับเหล่าทหารซีออนนั้นคือแผนการขโมยโมบิลสูทรุ่นใหม่ของพันธมิตรกันดั้มที่กำลังพัฒนาขึ้นโดยใช้คอนเซปต์ทางอาวุธของโมบิลอาร์เมอร์ในการสร้างโดยใช้ชื่อว่า จีพี (GP - Gundam development Project) โดยมี อนาเวล กาโต้ ฉายา "ฝันร้ายแห่งโซโลม่อน" เป็นหัวหอกให้แผนปฏิบัติการนี้เป้าหมายคือการขโมยกันดั้มเครื่องทดสอบเครื่องที่2 GP-02 ซึ่งมีการติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์นับเป็นการละเมิด สนธิสัญญาแอนตาร์คติก หากเขานำมันไปเปิดเผยแก่สายตาชาวโลกจะมีผลทางการเมืองที่จะเป็นประโยชณ์แก่ซีออน แต่โค อุรากิ นักบินทดสอบได้เผชิญหน้ากับเขาระหว่างการขโมยกันดั้ม GP-02 และเข้าขัดขวางโดย โค อุรากิ นั้นขับโมบิลสูทกันดั้ม GP-01 (ซึ่งภายหลังได้อัพเกรดเป็น GP-01Fb (Full burner)) ในการเข้าต่อกรเพื่อการชิงกันดั้มกลับคืนมา หลังจากที่กันดั้มถูกขโมยไปได้นั้น โค อูรากิ ได้รู้ถึงความน่ากลัวของสงคราม และตัดสินใจเลือกที่จะเผชิญหน้าแทนการหนีจากความจริง ปัจจุบัน บริษัท dream Express จำกัด ของประเทศได้ลิขสิทธิ์ในการจัดทำเป็น Vcd และ dvd แล้วโดยออกวางจำหน่ายในวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2551
== ตัวละคร ==
== รายชื่อตอน ==
|
thaiwikipedia
| 1,859 |
โมบิลสูท กันดั้มซี้ดเดสทินี
|
กันดั้มซี้ดเดสทินี เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นหนึ่งในซีรีส์กันดั้ม ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นภาคต่อของกันดั้มซี้ด ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 18:00-18:30 น. ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 2004 (บางท้องถิ่นเป็นวันที่ 16 ตุลาคม) ถึง 1 ตุลาคม ค.ศ. 2005 (บางท้องถิ่นเป็นวันที่ 8 ตุลาคม) ทางสถานี TBS รวมความยาวทั้งสิ้น 50 ตอน เมล็ดกันดั้มเดสตินี่ นินจา (ทรีเควล)
ในประเทศไทย กันดั้มซี้ดเดสทินี ไม่ได้ออกอากาศทางฟรีทีวี แต่ได้ออกกอากาศทางทรูสปาร์กในช่วงปลายปี พ.ศ. 2550 โดยออกอากาศครบตามจำนวนตอนปกติเหมือนครั้งออกอากาศทางญี่ปุ่น และในปี พ.ศ. 2553 ได้กลับมาออกอากาศในรายการการ์ตูนทางช่อง 5 อีกครั้ง ส่วนรูปแบบวีซีดีและดีวีดี เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท DEX ซึ่งในรูปแบบดีวีดี แผ่นสุดท้ายได้มีตอนพิเศษแถมมาให้ซึ่งก็คือเนื้อเรื่องตอนที่ 50 นำมาดัดแปลงบางส่วนของตอนจบให้ต่างจากของต้นฉบับเดิม อนึ่ง กันดั้มซี้ดเดสทินี เป็นอะนิเมะเรื่องแรกๆ ของประเทศไทยที่มีการออกวางจำหน่ายวีซีดีในช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นยังคงออกอากาศต่อเนื่องอยู่
== เรื่องย่อ ==
เรื่องราวเกิดขึ้นจากผลกระทบของสงครามระหว่างกองทัพโลกและกองทัพซาฟต์ในสงครามครั้งก่อน เมื่อ ออร์บ ประเทศเป็นกลางโดนกองทัพโลกบุกโจมตีเพื่อยึดโรงงานโมบิลสูทมาเป็นของตัวเอง เพื่อใช้ในการผลิตโมบิลสูทต่อสู้กับกองทัพซาฟต์และนำเทคโนโลยีของออร์บมาใช้ ในขณะนั้นเองตัวประกอบของเรื่อง ชิน อาสึกะ นั้นก็ได้รับผลกระทบจากสงครามที่เกิดขึ้นจนทำให้เสียครอบครัวอันเป็นที่รักไป ต่อมาในภายหลังก็ได้อพยพย้ายไปอยู่ที่ แพลนท์ และได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักบินของซาฟต์ในการขับหุ่นกันดั้มรุ่นใหม่ของซาฟต์ อิมพัลส์กันดั้ม และด้วยเหตุอันสุดวิสัยจึงต้องเข้ามาเกี่ยวกับสงครามครั้งใหม่ที่เกิดจากการจู่โจมของหน่วยลับบลูคอสมอส นำโดยพันเอกนีโอ ลอร์นอร์ค ได้ขโมยกันดั้มรุ่นใหม่ของทางซาฟต์ไปถึง 3 เครื่อง เคออสกันดั้ม ไกอากันดั้ม อบีสกันดั้ม ซึ่งในขณะนั้น อัสรัน ซาล่า และ คางาริ ได้อยู่ที่แพลนท์ด้วย ทำให้ทั้งสองต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับสงครามที่จะประทุขึ้นมาครั้งใหม่ ทั้งการก่อการณ์ร้ายของเหล่าโคออดิเนเตอร์ที่แพ้สงครามครั้งก่อน และยังยึดมั่นในอุดมคติของ แพททริก ซาร่า ทำให้พวกเขาส่ง ยูนิอุส เซเวน (JUNIUS SEVEN) ตกลงสู่โลก ทั้งการที่หน่วยลับของโคออดิเนเตอร์พยายามสังหาร ลักส์ ไคลน์ การตัดสินใจของคิระและอัสรันในสงครามที่สวนทางกัน ทั้ง ๆ ที่ความตั้งใจของเขาทั้งสองเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เหตุการณ์จึงยิ่งเลวร้ายยิ่งขึ้น เมื่อบลูคอสมอสยื่นมือเข้ามาในสงครามนี้ และ ออร์บ ที่เข้าไปเป็นพันธมิตรกับ สหพันธ์แอตแลนติก
== ตัวละครหลัก ==
ชิน อาสึกะ (Shinn Asuka) ตัวประกอบของเรื่องในภาคนี้ เขาขับโมบิลสูทให้กับซาฟท์ ก่อนมาเป็นทหารเคยอาศัยอยู่ที่ORBมาก่อนแต่ได้เสียพ่อแม่และน้องสาวไปต่อหน้าต่อตาในสงคราม เขาได้เข้าร่วมกับซาฟท์ ในตอนแรกชินไม่ยอมรับอัสรัน เพราะว่าอัสรันเคยไปอยู่กับพวกคิระ เป็นเหตุให้ชินและอัสรันไม่ค่อยลงรอยกันนัก หลังจากที่คิระฆ่าสเตลล่า ที่เบอร์ลิน ทำให้ชินแค้นคิระมาก จึงต่อสู้กับคิระพร้อมกับทำลายฟรีดอมกันดั้มบนทะเลแถวชายฝั่งของเยอรมนี และคิดว่าคิระตายไปแล้ว หลังจากนั้น ชินก็ได้รับโมบิลสูทตัวใหม่จาก ดูแรลดัล ชื่อว่า เดสทินี่ แต่ว่าหลังจากนั้นได้ไม่นาน ก็ได้รับคำสั่งจากดูแรนดัลให้ชินกับเรย์กำจัดอัสรันกับเมรินที่หนีออกมา ชินอดคิดไม่ได้ว่าทำไมทั้ง2คน ถึงหนีออกมา และสับสนระหว่างคำพูดของงอัสรันและเรย์ แต่สุดท้ายก็เกิดอาการซีด และได้ลงมือกำจัดอัสรันด้วยตัวเอง หลังจากนั้นก็ได้มีความรัก กับ ลูน่ามาเรีย
เรย์ ซา บาเรล (Rey Za Barrel)
เพื่อนสนิทของ ชิน อาซึกะ คอยให้คำปรึกษาต่างๆ เป็นคนที่สนิทกับ ประธานกิลเบิร์ต ดูแรนดัล อย่างมาก ซึ่งเบื้องหลังของเค้านั้นคือ ร่างโคลน ของ ลาอู เลอ ครูเซ่ นั้นเอง ซึ่งหลังจากที่ ลาอูตายจากไป เรย์ ได้ทำหน้าที่แทนตัวเค้าเป็นอย่างดีในฐานะโคลนของลาอู แต่ก็คิดได้เมื่อได้ต่อสู้กับคิระ เมื่อคิระกล่าวว่า "ชีวิตเป็นของของนาย ไม่ใช่ของเค้า (ลาอู)" ทำให้เรย์ได้สติ ต่อมาได้ตายในแมสไซอาร์ พร้อมกิลเบิร์ต ผู้ที่เค้าลั่นไกสังหารเอง มีความสามารถในการขับโมบิลสูทสูงมาก ถึงแม้จะเอารถบัสสามคันมาขวาง ก็สามารถขับโมบิลสูทผ่านไปได้
ลูน่ามาเรีย ฮอว์ค (Lunamaria Hawke)
พี่สาวของ เมย์ริน ฮอว์ค จบโรงเรียนทหารมาพร้อมกับ ชิน และ เรย์ ในยศ ซาฟท์เรด เป็นผู้ขับอิมพัลส์ ต่อจาก ชินที่ได้ เดสตินี่ไปแล้ว (ก่อนขับอิมพัลส์ก็เคยขับกันเนอร์แซกวอริเออร์รุ่นสีแดงมาแล้ว) เธอมีผมสีแดง เป็นคนรักของชิน อาสึกะ สูง160ซ.ม.หนัก43.5ก.ก.
เมย์ริน ฮอว์ค (Meyrin Hawke)
น้องสาวของลูน่ามาเรีย อดีตหน่วย CIC ของมิเนอร์ว่า หน้าที่คอยสั่งการโมบิลสูท และคอยติดต่อด้านการสื่อสารและระบบเครื่องของยาน ได้ช่วยเหลือในการหลบหนีของอัสรันและตัวเองก็ไปด้วย น่าจะมีความรักต่ออัสรันด้วยเธอมีผมสี แดงชมพูนิดๆ สูง156ซ.ม.หนัก54ก.ก.
สเตลล่า ลูซิเอ้ (Stella Loussier)
หนึ่งในเด็กที่โดนทดลองโดยกองทัพโลกเรียกว่า EXTENDED ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ พันเอก นีโอ ลอร์นอร์ค ซึ่งเธอเกลียดและกลัวคำที่เกี่ยวกับคำว่า "ตาย" เป็นอย่างมาก ถ้าได้ยินจะคลั่งจนควบคุมสติไม่อยู่ ต้องหายาระงับบ่อยครั้ง และเป็นคนรักของ ชิน อาสึกะ อีกด้วย ภายหลังได้เสียชีวิตโดยฝีมือของ คิระ จากการระเบิดของหุ่นยักษ์ DESTROY GUNDAM ซึ่งเธอเป็นคนบังคับ เธอมีผมสีส้มออกเหลืองบางส่วนสูง155ซ.ม.หนัก37.5
สติง โอคเลย์ (Sting Oakley)
หนึ่งในเด็กที่โดนทดลองโดยกองทัพโลกเรียกว่า EXTENDED ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ พันเอก นีโอ ลอร์นอร์ค ดูเป็นผู้ใหญ่มากที่สุดใน สามคน ผมเป็นสีเขียวสนิทกับอาว
อาว นีเดอร์ (Auel neider)
หนึ่งในเด็กที่โดนทดลองโดยกองทัพโลกเรียกว่า EXTENDED ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของ พันเอก นีโอ ลอร์นอร์คเหมือนกัน เป็นเพื่อนกับ สติงและ สเตลล่า มีผมสีฟ้าอ่อน หุ่นของเขาสามารถเปลี่ยนร่างเป็นเรือดำน้ำได้
นีโอ ลอร์นอร์ค (Neo roanoke)
เป็นคนที่เคยเสียความทรงจำจากการทำสงคราม แต่ความจริงแล้วนีโอ คือ มู รา ฟราก้า สุดท้ายมูก็ฟื้นความทรงจำและกลับไปอยู่กับฝ่ายคิระ
กิลเบิร์ต ดูแรนดัล (Gilbert Duraivdal)
ประธานวุฒิสภาแห่งซาร์ฟที่ทำหน้าที่ต่อจากแพทริก ซาล่าที่ตั้งใจจะนำแผนการ "เดสทินี่ แพลนท์" มาใช้แต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายก็จบชีวิตลงด้วยมือของเรย์ที่ตนรักเหมือนกับลูกหลาน
มีอา แคมป์เบลล์ (Meer Campbell)
หญิงสาวผู้มีเสียงคล้าย ลักซ์ ไคลน์ ซึ่งโดนประธานดูแรนดาล สั่งให้ทำศัลยกรรมให้มีรูปร่างลักษณะเหมือนลักซ์ เพื่อชักจูงจิตใจของประชาชนให้เชื่อมั่นในตัวดูลแรนดัล ภายหลังเมื่อลักซ์ตัวจริงได้เปิดเผยตัวเพื่อขัดขวางแผนการของประธาน เธอก็ถูกลอยแพ และได้เสียชีวิตเพราะช่วยเหลือลักซ์
เมื่อก่อนเธอมีผมสีนำตาลที่ชื่นชอบลักซ์ ไคลน์มากสูง160ซ.ม.หนัก52ก.ก.
อัสรัน ซาล่า (Athrun Zala)
อดีตคู่หมั้นของลักซ์ ไคลน์ แต่ตอนนี้รักกับคางาริพี่สาวของคิระ(แผนที่ความสัมพันธ์ของตัวละครอย่างเป็นทางการนั้นเขียนเป็นพี่สาวและน้องชาย) อัสรันเป็นเพื่อนเก่าแก่ของคิระ แต่เนื่องจากการเป็นทหารคนละฝ่าย และเพราะการตัดสินใจไม่ถูกของอัสรัน ทำให้หลังจากสงครามครั้งที่ 2 นี้คิระและอัสรันทะเลาะและกลาอดีตคู่หมั้นของลักส์ ไคลน์ แต่ตอนนี้รักกับคางาริพี่สาวของคิระยเป็นศัตรูไป แต่เมื่อใดที่จะเกิดอันตรายกับอีกคน ก็จะเข้ามาคอยช่วยเหลือกันเสมอ
คางาริ ยูระ อัธฮา (Cagalli Yula Athha)
แฟนของอัสรัน รู้สึกเป็นห่วงอัสรันอยู่เนืองๆในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่เป็นผู้นำของORBไปในตัว และการที่เป็นผู้นำของORB ทำให้ความสัมพันธ์รักระหว่างของเธอกับอัสรันแทบจะเป็นไปไม่ได้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงยังคลุมเครือ แม้ใน Gundam SEED Destiny: Special Edition IV อัสรันจะใส่ชุดนายพลของออร์บ ซึ่งหมายความว่าเขากลับไปหาคางาริก็ตาม
คิระ ยามาโตะ (Kira Yamato)
พระเอกจากภาคแรกและภาคนี้ ซึ่งเป็นบุคคลที่น่ายกย่องทางด้านฝีมือและการตัดสินใจจนเป็นที่กล่าวขวัญถึง บุคคลิกในภาคนี้จะต่างจากซี้ดเป็นอย่างมาก เขาสุขุมและมีความคิดความอ่านมากขึ้น ช่วงแรกๆของเรื่องยังไม่ค่อยมีบทบาทมากเท่าไรนัก แต่ภายหลังเกิดเหตุการณ์ลอบสังหารลักซ์ที่ORBทำให้ต้องขึ้นขับฟรีด้อมและกลับสู่สนามรบอีกครั้ง ตั้งแต่กลางเรื่องไปเขาจะมีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญและเป็นกำลังหลักในการหยุดยั้งกิลเบิร์ต ในช่วงที่เขาได้ไปที่เบอร์ลินเพื่อยุติการสู้รบ และหลังจากที่ฆ่า สเตลล่า คนรักของชิน ก็ถูกยานมิเวอน์วาและชินไล่ตามจนพลาดท่าขณะกำลังหนี พร้อมกับเสีย ฟรีดอม แต่โชคดีที่พวก คางาริ ช่วยเอาไว้ได้เลยรอดตายมาอย่างหวุดหวิด ต่อมาก็ได้ สไตรค์ฟรีดอม จาก ลักส์ และได้กลับมาสู้อีกครั้ง
ลักส์ ไคลน์ (Lacus Clyne)
อดีตนักร้องของฝ่ายซาฟท์และเป็นอดีดคู่หมั้นของอัสรัน เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน เข้มแข็ง ใจดี เป็นแฟนสาวของคิระในภาคนี้ รู้เรื่องราวทุกอย่าง ทั้งเรื่องที่ใครทำอะไรผิดหรือถูก หรือแม้แต่การรบ ลักซ์ก็สามารถทำได้ ในภาคนี้ลักซ์ได้ลอบกลับเข้าไปในฐานซาฟท์เพื่อเอายานออกมา ภายหลังจบศึกเดสทินี ลักซ์ได้เป็นผู้นำของซาฟท์ และนำพาสันติสุขแด่ซาฟท์
มิริอาเรีย ฮาล์วในภาคซี้ดเดสทินี่ทำหน้าที่เป็นช่างภาพอิสระ
== รายชื่อตอน ==
ในการนับจำนวนตอนของเรื่องจะถูกเรียกว่า เฟซ-... (PHASE-00) ตามด้วยจำนวนเลข
== เพลงประกอบ ==
เพลงเปิดเรื่อง (Opening)
Ignited ขับร้องโดย T.M. Revolution (ตอนที่ 1-13)
Pride ขับร้องโดย High and Mighty Color (ตอนที่ 14-24)
Boku-tachi No Yukue ขับร้องโดย ฮิโตมิ ทาคาฮาชิ (ตอนที่ 25-37)
Wings of Word ขับร้องโดย CHEMISTRY (ตอนที่ 38-50)
Vestige ขับร้องโดย T.M. Revolution (ตอน Final Plus)
เพลงปิดเรื่อง (Endings)
Reason ขับร้องโดย ทามากิ นามิ (ตอนที่ 1-13)
Life Goes On ขับร้องโดย มิกะ อาริซากะ (ตอนที่ 14-25)
I Wanna Go to a Place... ขับร้องโดย ริเอะ ฟุ (ตอนที่ 26-37)
Kimi wa Boku ni Niteiru ขับร้องโดย See-Saw (ตอนที่ 38-50 ,Final Plus และ Gundam Seed Destiny Special Edition Part 4)
Result ขับร้องโดย ทามากิ นามิ (Gundam Seed Destiny Special Edition Part 1)
Tears ขับร้องโดย Lisa (Gundam Seed Destiny Special Edition Part 2)
Enrai ~tooku ni aru akari~ ขับร้องโดย High and Mighty Color(Gundam Seed Destiny Special Edition Part 3)
เพลงแทรกระหว่างเรื่อง (Insert Songs)
Fields of Hope ขับร้องโดย ริเอะ ทานากะ
Vestige ขับร้องโดย T.M. Revolution
Quiet Night C.E. 73 ขับร้องโดย ริเอะ ทานากะ
Shinkai no Kodoku ขับร้องโดย โฮโกะ คุวาชิม่า
Honoo no Tobira ขับร้องโดย FictionJunction YUUKA
Emotion ขับร้องโดย ริเอะ ทานากะ
Zips ขับร้องโดย T.M. Revolution (Gundam Seed Destiny Special Edition Part 1)
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อตัวละครใน Cosmic Era
รายชื่อหุ่นยนต์ใน Cosmic Era
รายชื่อชั้นยานรบใน Cosmic Era
การ์ตูนญี่ปุ่นแนวโชเน็ง
อนิเมะที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2547
|
thaiwikipedia
| 1,860 |
โครงสร้างนามธรรม
|
โครงสร้างนามธรรม (abstract structure) คือกลุ่มของกฎเกณฑ์ คุณสมบัติ และความสัมพันธ์ที่ถูกนิยามขึ้นโดยไม่ขึ้นกับวัตถุทางกายภาพ โครงสร้างนามธรรมเป็นหัวข้อที่ถูกศึกษาในปรัชญา วิทยาการคอมพิวเตอร์ และคณิตศาสตร์ อนึ่ง คณิตศาสตร์สมัยใหม่ยังถูกนิยามกว้าง ๆ ว่าเป็นศาสตร์ที่ศึกษาโครงสร้างนามธรรม (ดูที่ กลุ่มโครงสร้างเชิงพีชคณิต)
วัตถุทางกายภาพอาจถูกใช้เพื่อแทนโครงสร้างนามธรรม (ซึ่งอาจต้องมีการประมาณบางอย่าง) กระบวนการนี้เรียกว่าการสร้างกรณีตัวอย่าง (instantiation) ของโครงสร้างนามธรรม อย่างไรก็ตาม โครงสร้างนามธรรมนี้ถูกนิยามโดยไม่ขึ้นกับคุณสมบัติใด ๆ ของวัตถุที่นำไปแทนนี้
== ดูเพิ่ม ==
ภาวะนามธรรมในปรัชญา
ภาวะนามธรรมในคณิตศาสตร์
ภาวะนามธรรมในวิทยาการคอมพิวเตอร์
โครงสร้าง
นามธรรม
คำศัพท์คณิตศาสตร์
|
thaiwikipedia
| 1,861 |
องค์การสหประชาชาติ
|
redirect สหประชาชาติ
|
thaiwikipedia
| 1,862 |
อีนิกมา
|
อีนิกมา (enigma) มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก αἴνιγμα มีความหมายว่า "puzzle" (ปริศนา) ชื่อนี้อาจหมายถึง
เครื่องอินิกมา เครื่องเข้ารหัสและถอดรหัส ของนาซีเยอรมันที่ใช้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
อีนิกมา (วงดนตรี) กลุ่มดนตรีแนวอีเลกโทรนิก สัญชาติเยอรมัน
Enigmail add-on ที่มีการเข้ารหัสเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูล ใช้ติดตั้งกับเมล์ไคลเอ็นท์
อีนิกมาแวริเอชันส์ (Variations on an Original Theme for orchestra, Op. 36 Enigma) ธีมและแวริเอชันสำหรับบรรเลงด้วยวงออร์เคสตราและออร์แกน ผลงานของ เอ็ดเวิร์ด เอลการ์
|
thaiwikipedia
| 1,863 |
จังหวัดปทุมธานี
|
ปทุมธานี (เดิมสะกดว่า ประทุมธานี) เป็นจังหวัดหนึ่งที่อยู่ในภาคกลางของประเทศไทย เป็นหนึ่งในห้าจังหวัดในพื้นที่ปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาทางทิศเหนือของกรุงเทพมหานคร เทศบาลที่ตั้งศาลากลางจังหวัดคือเทศบาลเมืองปทุมธานี แต่เทศบาลที่มีประชากรมากที่สุดในจังหวัดคือเทศบาลนครรังสิต ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอธัญบุรี
== ประวัติศาสตร์ ==
จังหวัดปทุมธานีมีความเป็นถิ่นฐานบ้านเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 300 ปี นับตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา คือ เมื่อ พ.ศ. 2202 มังนันทมิตรได้กวาดต้อนครอบครัวมอญ เมืองเมาะตะมะ อพยพหนีภัยจากศึกพม่า เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา ซึ่งสมเด็จพระนายรายณ์มหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ครอบครัวมอญเหล่านั้นไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านสามโคก ต่อมาในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี ชาวมอญได้อพยพหนีพม่าเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารอีกเป็นครั้งที่ 2 พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านเรือนที่บ้านสามโคกอีก และในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ก็ได้มีการอพยพชาวมอญครั้งใหญ่จากเมืองเมาะตะมะเข้าสู่ประเทศไทยเรียกว่า "มอญใหญ่" พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ชาวมอญบางส่วนตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านสามโคกอีกเช่นเดียวกัน จากชุมชนขนาดเล็ก บ้านสามโคกจึงกลายเป็น เมืองสามโคก ในเวลาต่อมา
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2358 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อเมืองสามโคก เป็น เมืองประทุมธานี และเมื่อ พ.ศ. 2461 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ใช้คำว่า "จังหวัด" แทน "เมือง" และให้เปลี่ยนการสะกดชื่อใหม่จาก "ประทุมธานี" เป็น "ปทุมธานี" กลายเป็น จังหวัดปทุมธานี ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2475 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ยุบจังหวัดธัญบุรีมาขึ้นกับจังหวัดปทุมธานี จังหวัดปทุมธานีจึงได้แบ่งการปกครองเป็น 7 อำเภอดังเช่นปัจจุบัน
== ภูมิศาสตร์ ==
=== ที่ตั้งและอาณาเขต ===
จังหวัดปทุมธานีตั้งอยู่ทางภาคกลางของประเทศไทยและเป็น 1 ใน 5 จังหวัดปริมณฑลของกรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดข้างเคียง คือ
ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอลาดบัวหลวง อำเภอบางไทร อำเภอบางประอิน อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อำเภอหนองแค และอำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อำเภอบ้านนา อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายกและอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา
ทิศใต้ ติดต่อกับ เขตหนองจอก เขตคลองสามวา เขตสายไหม เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร และอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอบางบัวทองและอำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี
== การเมืองการปกครอง ==
=== หน่วยการปกครอง ===
==== การปกครองส่วนภูมิภาค====
จังหวัดปทุมธานีแบ่งเขตการปกครองส่วนภูมิภาค (ตามกฎหมายลักษณะปกครองท้องที่) ออกเป็น 7 อำเภอ 60 ตำบล 529 หมู่บ้าน แต่หากไม่นับรวมหน่วยการปกครองในเขตเทศบาลเมืองและเทศบาลนครซึ่งยุบเลิกตำแหน่งกำนันและผู้ใหญ่บ้านแล้ว จะมีทั้งหมด - ตำบล - หมู่บ้าน โดยอำเภอทั้ง 7 อำเภอของจังหวัดปทุมธานี มีรายชื่อและข้อมูลทั่วไปดังนี้
{|class="wikitable sortable" style="text-align:center;"
|+ข้อมูลอำเภอในจังหวัดปทุมธานี
|-
! colspan=8 | แผนที่
|-
! colspan=8 |
|-
! width="3%" |ลำดับ
! width="18%"|ชื่ออำเภอ !!width="11%"|พื้นที่(ตร.กม.)
! width="11%"|ห่างจากศาลากลางจังหวัด (ก.ม.)
! width="10%"|ก่อตั้ง(พ.ศ.)
! width="7%"|ตำบล
! width="7%"|หมู่บ้าน
! width="10%"|ประชากร(คน) (พ.ศ. 2564)
|-
| 1 || align=left | เมืองปทุมธานี || align=right | 120.151 || - || ||14 || 81|| align=right | 214,639
|-
| 2 || align=left | คลองหลวง|| align=right | 299.152 || align=right | 22.1 || || 7 || 71 || align=right | 292,194
|-
| 3 || align=left | ธัญบุรี|| align=right | 112.124 || align=right | 18.1 || || 6 || 12 || align=right | 214,091
|-
| 4 || align=left | หนองเสือ|| align=right | 413.632 || align=right | 57.9 || || 7 || 69 || align=right | 55,353
|-
| 5 || align=left | ลาดหลุมแก้ว|| align=right | 188.12 || align=right | 17.9 || || 7 || 61 || align=right | 70,454
|-
| 6 || align=left | ลำลูกกา|| align=right | 297.71 || align=right | 39.4 || ||8 || 114 || align=right | 287,399
|-
| 7 || align=left | สามโคก|| align=right | 94.967 || align=right | 8.1 || || 11 || 58 || align=right | 56,020
|}
==== การปกครองส่วนท้องถิ่น ====
พื้นที่จังหวัดปทุมธานีประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 65 แห่ง แบ่งตามประเภทและอำนาจบริหารจัดการภายในท้องที่ได้เป็น องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลนคร 1 แห่ง เทศบาลเมือง 10 แห่ง เทศบาลตำบล 18 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 36 แห่ง
{|class="wikitable" style="line-height:137%"
|+ข้อมูลเทศบาลในจังหวัดปทุมธานี
|-
! rowspan=2 | ลำดับ !! rowspan=2|ชื่อเทศบาล !! rowspan=2 |พื้นที่ (ตร.กม.) !! rowspan=2 |ตั้งเมื่อ(พ.ศ.) !! rowspan=2 |อำเภอ !! colspan=3 |ครอบคลุมตำบล !! rowspan=2|ประชากร (คน) (ณ สิ้นปี 2562)
|-
! width="7%"|ทั้งตำบล !! width="7%"|บางส่วน !! width="7%"|รวม
|-align="center"
|-
! colspan="9" | เทศบาลนคร
|-align="center"
| 1 || เทศบาลนครรังสิต||21.42|| 2554 || ธัญบุรี ||1||–||1|| 85,260
|-align="center"
! colspan="9" | เทศบาลเมือง
|-align="center"
| 2 (1) || เทศบาลเมืองปทุมธานี||8.89 || 2479 || เมืองปทุมธานี || 1 || – || 1 || 23,633
|-align="center"
| 3 (2) || เทศบาลเมืองคูคต||11.53 || 2539|| ลำลูกกา|| – || 1 || 1 || 44,274
|-align="center"
| 4 (3) || เทศบาลเมืองท่าโขลง|| 60.81|| 2544 || คลองหลวง || – || 2 || 2 || 78,108
|-align="center"
| 5 (4) || เทศบาลเมืองคลองหลวง|| 43.19 || 2547 || คลองหลวง || – || 2 || 2 || 62,615
|-align="center"
| 6 (5)|| เทศบาลเมืองสนั่นรักษ์|| 43.08 ||2547
|| ธัญบุรี || 2 || – || 2 || 31,350
|-align="center"
| 7 (6)|| เทศบาลเมืองลำสามแก้ว|| 11.65 ||2550 || ลำลูกกา|| – || 1 || 1 || 66,003
|-align="center"
| 8 (7)|| เทศบาลเมืองบางคูวัด||20.47 || 2554 || เมืองปทุมธานี || 1 || – || 1 || 28,349
|-align="center"
| 9 (8) || เทศบาลเมืองบึงยี่โถ||15.07 || 2554 || ธัญบุรี || 1 || – || 1 || 32,708
|-align="center"
| 10 (9)|| เทศบาลเมืองลาดสวาย||31.10 || 2554 || ลำลูกกา || 1 || – || 1 || 65,906
|-align="center"
| 11 (10)|| เทศบาลเมืองบางกะดี||8.30 || 2563 || เมืองปทุมธานี || 1 || – || 1 || 13,987
|-align="center"
! colspan="17" | เทศบาลตำบล
|-align="center"
| 12 (1) || เทศบาลตำบลธัญบุรี||32.62
| 2542 || ธัญบุรี || 2 || – || 2 || 62,990
|-align="center"
| 13 (2) || เทศบาลตำบลลำลูกกา||14.60
| 2542 || ลำลูกกา || – || 2 || 2 || 18,377
|-align="center"
| 14 (3) || เทศบาลตำบลลำไทร||2.74
| 2542 || ลำลูกกา || – ||1|| 1 || 2,657
|-align="center"
| 15 (4) || เทศบาลตำบลหนองเสือ||15.66
| 2542 || หนองเสือ || – || 1 || 1 || 2,901
|-align="center"
| 16 (5) || เทศบาลตำบลบางหลวง||5.51
| 2542 || เมืองปทุมธานี || – || 3 || 3 || 7,019
|-align="center"
| 17 (6) || เทศบาลตำบลบางเตย||23.41
| 2542 || สามโคก || – || 1 || 1 || 10,828
|-align="center"
| 18 (7) || เทศบาลตำบลระแหง||18.74
| 2542 || ลาดหลุมแก้ว || – || 1 || 1 || 10,445
|-align="center"
| 19 (8) || เทศบาลตำบลหลักหก||11.21
| 2550 || เมืองปทุมธานี || 1 || – || 1 || 21,883
|-align="center"
| 20 (9) || เทศบาลตำบลคลองพระอุดม||14.64
| 2551 || ลาดหลุมแก้ว || 1 || – || 1 || 7,995
|-align="center"
| 21 (10) || เทศบาลตำบลสามโคก||5.87
| 2554 || สามโคก || 1 || – || 1 || 6,963
|-align="center"
| 22 (11) || เทศบาลตำบลคูขวาง||15.15
| 2554 || ลาดหลุมแก้ว || 1 || – || 1 || 6,000
|-align="center"
| 23 (12) || เทศบาลตำบลบางเดื่อ||10.81
| 2554 || เมืองปทุมธานี || – || 1 || 1 || 14,756
|-align="center"
| 24 (13) || เทศบาลตำบลบางขะแยง||6.21
| 2554 || เมืองปทุมธานี || 1 || – || 1 || 14,557
|-align="center"
| 25 (14) || เทศบาลตำบลบางพูน||9.42
| 2554 || เมืองปทุมธานี || 1 || – || 1 || 25,509
|-align="center"
| 26 (15) || เทศบาลตำบลบ้านใหม่||9.19
| 2554 || เมืองปทุมธานี || 1 || – || 1 || 14,447
|-align="center"
| 27 (16) || เทศบาลตำบลบ้านกลาง||9.32
| 2554 || เมืองปทุมธานี || 1 || – || 1 || 12,326
|-align="center"
| 28 (17) || เทศบาลตำบลเชียงรากใหญ่||10.53
| 2563 || สามโคก || 1 || – || 1 || 6,260
|-align="center"
| 29 (18) || เทศบาลตำบลหนองสามวัง||64.9
| 2563 || หนองเสือ || 1 || – || 1 || 11,131
|-align="center"
|}
=== รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ===
{|
| width="55%" valign="top" |
| width="45%" valign="top" |
|}
== ประชากร ==
== เศรษฐกิจ ==
จังหวัดปทุมธานีเป็นพื้นที่เกษตรกรรมสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ โดยมีพื้นที่การเกษตร 506,678 ไร่ หรือร้อยละ 53.03 ของพื้นที่จังหวัด (สำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2546) ในปัจจุบัน นอกจากการเกษตรแล้ว จังหวัดยังเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ มีนิคมอุตสาหกรรมกระจายอยู่ทั้งจังหวัด โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมเกือบร้อยละ 70 ของจังหวัดมาจากภาคอุตสาหกรรม (สำรวจเมื่อปี พ.ศ. 2543)
พื้นที่การเกษตรมีอยู่ในทุกอำเภอ และมีมากที่สุดในเขตอำเภอหนองเสือ อำเภอลำลูกกา อำเภอลาดหลุมแก้ว และอำเภอคลองหลวงตามลำดับ โดยพื้นที่ของจังหวัดจะมีการทำการเกษตร ส่วนใหญ่เป็นที่นา ไม้ผล และไม้ยืนต้น ตามลำดับ
จังหวัดปทุมธานีมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ในปี พ.ศ. 2543 ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อคน 2,064,288 บาทต่อปี นับว่าสูงเป็นอันดับที่ 6 ของประเทศ รองจากจังหวัดระยอง ชลบุรี กรุงเทพมหานคร สมุทรสาคร และจังหวัดภูเก็ต มีผลิตภัณฑ์มวลรวมมูลค่า 118,489 ล้านบาท รายได้สูงสุดขึ้นอยู่กับภาคอุตสาหกรรมคิดเป็นร้อยละ 69.32 คิดเป็นมูลค่า 82,136 ล้านบาท รองลงมา คือ ภาคบริการ ร้อยละ 7.688 คิดเป็นมูลค่า 9,102 ล้านบาท และสาขาการค้าส่งและค้าปลีก ร้อยละ 5.12 คิดเป็นมูลค่า 6,071 ล้านบาท โดยพื้นที่เขตอำเภอคลองหลวงมีจำนวนโรงงานอุตสาหกรรมหนาแน่นมากที่สุด รองลงมาคืออำเภอเมืองปทุมธานี อำเภอลำลูกกา อำเภอธัญบุรี อำเภอลาดหลุมแก้ว และ อำเภอสามโคก ส่วนพื้นที่ที่มีโรงงานน้อยที่สุดได้แก่ อำเภอหนองเสือ
ตลาดขายส่งที่สำคัญในจังหวัดปทุมธานี ได้แก่ ตลาดไท ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดพูนทรัพย์ ตลาดรังสิต นอกจากนี้ ยังมีนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น นิคมอุตสาหกรรมนวนคร อำเภอคลองหลวง, สวนอุตสาหกรรมบางกะดี อำเภอเมืองปทุมธานี, และเทคโนธานี อำเภอคลองหลวง (ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ตั้งของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย)
== โครงสร้างพื้นฐาน ==
=== สาธารณสุข ===
{|
| width="500px" valign="top" |
โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส
โรงพยาบาลปทุมธานี
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
โรงพยาบาลบางประกอก รังสิต 2
โรงพยาบาลการุญเวชปทุมธานี (โรงพยาบาลนวนครเดิม)
โรงพยาบาลแพทย์รังสิต
โรงพยาบาลแพทย์รังสิตแม่และเด็ก
โรงพยาบาลปทุมเวช
โรงพยาบาลคลองหลวง
โรงพยาบาลลาดหลุมแก้ว
สถาบันธัญญารักษ์
โรงพยาบาลลำลูกกา
| width="500px" valign="top" |
โรงพยาบาลสามโคก
โรงพยาบาลธัญบุรี
โรงพยาบาลประชาธิปัตย์
โรงพยาบาลหนองเสือ
โรงพยาบาลแพทย์สมภพ
ศูนย์การแพทย์เวชพิทักษ์
โรงพยาบาลภัทรธนบุรี
โรงพยาบาลเมืองปทุม
ศูนย์มหาวชิราลงกรณ์ ธัญบุรี
โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล รังสิต
โรงพยาบาลราชวิถี รังสิต
โรงพยาบาลสินแพทย์ ลำลูกกา
โรงพยาบาลธนบุรีบูรณา
|}
=== การศึกษา ===
รายชื่อสถาบันการศึกษาในจังหวัดปทุมธานีมีดังนี้
{|
| width="500px" valign="top" |
องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และศูนย์บางกะดี
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ชมรม นศ.มสธ.ปทุมธานี
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ศูนย์กลางคลอง6 และศูนย์รังสิต
มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตกรุงเทพ
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต
มหาวิทยาลัยรังสิต
มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต วิทยาเขตปทุมธานี
| width="500px" valign="top" |
มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต
มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์ ศูนย์นพวงศ์
มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น วิทยาเขตวัชรพล
มหาวิทยาลัยชินวัตร
มหาวิทยาลัยปทุมธานี
มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย
วิทยาลัยการปกครอง
สถาบันการอาชีวศึกษาภาคกลาง 1
* วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี
* วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี
* วิทยาลัยเทคนิคธัญบุรี
วิทยาลัยเทคโนโลยีแหลมทอง
|}
โรงเรียน
ดูที่ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดปทุมธานี
สถาบันวิจัย
{|
| width="500px" valign="top" |
อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ศูนย์วิจัยแห่งชาติ
* ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค)
* ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค)
* ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค)
* ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
| width="500px" valign="top" |
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ (มว.)
สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.)
ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี
ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมด้านสิ่งแวดล้อม (ศวฝ.)
สถาบันนวัตกรรม ทีโอที (ทีโอที)
|}
== กีฬา ==
สมาคมกีฬาจังหวัดปทุมธานี (สก ปท.)
สโมสรฟุตบอลบีจี ปทุม ยูไนเต็ด
สโมสรฟุตบอลแบงค็อก ยูไนเต็ด
สโมสรกีฬาราชประชา
== ดูเพิ่ม ==
จังหวัดธัญบุรี
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดปทุมธานี
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดปทุมธานี
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
แผนที่แสดงจำนวนสถาบันอุดมศึกษาของแต่ละจังหวัด พ.ศ. 2544 เขต 1
Pathumthani Expo 2005
|
thaiwikipedia
| 1,864 |
จังหวัดชุมพร
|
ชุมพร มีชื่อปรากฏมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 1098 โดยมีฐานะเป็นเมืองสิบสองนักษัตรของราชอาณาจักรนครศรีธรรมราช ใช้รูปแพะเป็นตราเมือง และเป็นเมืองหน้าด่านฝ่ายเหนือ เพราะอยู่ตอนบนของภาคใต้
ใน พ.ศ. 1997 รัชสมัยแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ปรากฏในกฎหมายตราสามดวงว่า เมืองชุมพรเป็นเมืองตรี อาณาจักรฝ่ายใต้ของราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา ในช่วงนี้ชนชาติจาม แห่งราชอาณาจักรจามปา ถูกชาวเวียดนามรุกราน ชาวจามกลุ่มนี้อพยพเข้าสู่กรุงศรีอยุธยาครั้งแรก ปรากฏว่ามี "อาสาจาม" ในแผ่นดินนี้ เพื่อการขยายอาณานิคมของกรุงศรีอยุธยา ส่วนหนึ่งต้องมารักษาด่านเมืองชุมพร ซึ่งเป็นเมืองตรี และตั้งชาวจาม เป็นเจ้าเมืองชุมพร และดินแดนแถบนี้ขึ้นตรงต่อกรุงศรีอยุธยา เนื่องด้วย ชาวจาม มีความสามารถในการรบ ที่มีชื่อเสียง เช่น กองอาสาจาม เป็นทหารชั้นดี มีวินัย เชี่ยวชาญการเดินเรือ รับใช้ราชสำนักมานาน และเก่งการค้ามาหลายพันปี
และต่อมาระหว่าง ปี พ.ศ. 2173 - 2199 ในแผ่นดิน พระเจ้าปราสาททองแห่งราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา ได้กวาดต้อนชาวเมืองแถง หรือ (เดียนเบียนฟู) อยู่ในประเทศเวียดนาม และชาวเมืองพงสาลี อยู่ในประเทศลาว มาเป็นพลเมือง เมืองชุมพร เมืองปะทิว(อำเภอปะทิว) เพื่อทำการเกษตรกรรม และเมืองท่าการค้าสำคัญ ตั้งแต่นั้นมา
เดิมชาวจามนับถือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พ.ศ. 1400 นับถือศาสนาพุทธมหายาน และเมื่อค้าขายกับอาหรับก็นับถือ ศาสนาอิสลาม แต่ชาวจามที่มาอยู่เมืองชุมพร ต่อมานับถือ ศาสนาพุทธ มีวัฒนธรรม ประเพณี เหมือนกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปกว่า 500 -600 ปี ที่ชาวจาม เข้าปกครองเมืองชุมพร และดินแดนแถบนี้จนแทบจะไม่เหลือวัฒนธรรมเดิมเลย เช่น ข้าวต้มใบพ้อ ที่ใช้ในงานมงคล เช่นเดียวกับชาวมุสลิม บ้านกาลอ ตำบลกาลอ อำเภอรามัญ จังหวัดยะลา ก็สูญหายไม่ได้ใช้ในงานมงคลแล้ว
== ประวัติเมืองชุมพร ==
คำว่า ชุมพร มีผู้สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากคำว่า “ชุมนุมพล” เนื่องจากเป็นเมืองหน้าด่าน การเดินทัพไม่ว่าจะมาจากฝ่ายเหนือหรือว่าฝ่ายใต้ ล้วนเข้ามาตั้งค่ายชุมนุมพลกันที่นี่ จึงเรียกจุดนี้ว่า “ชุมนุมพล” ต่อมาเปลี่ยนเป็น ชุมพร อีกประการหนึ่ง ในการเดินทางไปทำศึกสงครามของแม่ทัพนายกองตั้งแต่สมัยโบราณมา เมื่อจะเคลื่อนพลจะต้องทำพิธีส่งทัพโดยการบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ได้รับชัยชนะในการสู้รบ เป็นการบำรุงขวัญทหารในสถานที่ชุมนุม เพื่อรับพรเช่นนี้ ตรงกับความหมายชุมนุมพรหรือประชุมพร ซึ่งทั้งสองคำนี้อาจเป็นต้นเหตุของคำว่า “ชุมนุมพร” เช่นเดียวกัน
แต่อีกทางหนึ่งสันนิษฐานว่า น่าจะได้มาจากชื่อพันธุ์ไม้ธรรมชาติในท้องถิ่น ได้แก่ ต้นมะเดื่อชุมพร เพราะที่ตั้งของเมืองชุมพรนั้นอยู่บนฝั่งแม่น้ำท่าตะเภา มีต้นมะเดื่อชุมพรขึ้นอยู่มากมาย ต้นมะเดื่อชุมพรจึงเป็นสัญลักษณ์ส่วนหนึ่งของ ตราประจำจังหวัดชุมพร
=== สมัยกรุงสุโขทัย ===
เมืองชุมพรเป็นเมืองมีเจ้าเมืองปกครองมายาวนาน ในสมัยสุโขทัยนั้น เป็นเมืองขึ้นต่ออาณาจักรนครศรีธรรมราช ในฐานะเมืองอาณานิคม และเป็นเมืองหน้าด่าน ฝ่ายเหนือ หรือเมืองปีมะแม ถือตราแพะ เป็น 1 ในเมือง 12 เมือง หรือเรียกว่า เมืองสิบสองนักษัตร ของอาณาจักรนครศรีธรรมราช
=== สมัยกรุงศรีอยุธยา ===
เมืองชุมพรในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น เมื่อกรุงศรีอยุธยาเรืองอำนาจ ในแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ได้แผ่ขยายอาณานิคมลงทางใต้ ชาวจาม มาอยู่ที่เมืองชุมพร เนื่องด้วย ชาวจาม มีความสามารถ การค้า การเดินเรือ และการรบ จะเห็นได้จากทหาร อาสาจาม เป็นทหารชั้นดี ที่รับใช้ราชสำนักตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา มีความสามารถการรบ และการเดินเรือ อย่างเชี่ยวชาญ ตั้งแต่นั้นจนทำให้เมืองชุมพร ต้องขึ้นต่ออาณาจักรกรุงศรีอยุธยา ในฐานะเมืองอาณานิคม และเป็นเมืองหน้าด่าน ฝ่ายใต้ และเป็นเมืองท่าการค้าสำคัญ ของอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา เมืองชุมพรจึงมีบทบาทเป็นเมืองหน้าด่าน มาแต่โบราณในอาณาจักรนครศรีธรรมราช และอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา ทำให้ไม่มีการก่อสร้างวัตถุถาวรได้ ดังนั้นชาวชุมพรจึงเป็นลูกหลานนักรบที่แท้จริง และควรให้สมญานามบรรพบุรุษว่า “วีรบุรุษนักรบแห่งคอคอดกระ ดินแดนสองฝั่งทะเล" จากการทำศึกสงครามอย่างต่อเนื่องในแต่ละยุคแต่ละสมัย
=== สมัยกรุงธนบุรี ===
เมืองชุมพรในสมัยกรุงธนบุรีไม่ค่อยมีบทบาทมากนักเพราะอยู่ในภาวะสงครามของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทั้งรัชกาล และสืบเนื่องจาก พระชุมพร (พวย) นำกำลังกองทัพบก กองทัพเรือ เมืองชุมพร กำลังพลประมาณ 800 คน ได้สูญเสียจากการรบในช่วงกรุงแตกที่ ค่ายบางกุ้ง จากการส่งกำลังเข้ารักษาพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2305-2308 และเข้าร่วมรบเพื่อตีเมืองนครศรีธรรมราช จึงทำให้เกิดการล้าของชาวเมืองชุมพร
=== สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ===
ตั้งแต่แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมืองชุมพรเป็นเมืองท่าค้าขายสำคัญ จนถึงในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชาวจามยังมีบทบาทในดินแดนแทบนี้ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งเป็น มณฑลชุมพร ต่อมามีการยุบการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาลเป็นจังหวัด ชุมพรจึงมีฐานะเป็นจังหวัด และเมื่อ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สามารถเดินเรือได้เอง ชาวจามก็หมดบทบาทลงในเวลาต่อมา
=== อาณาเขตการปกครอง ===
เจ้าเมืองชุมพร ปกครองอาณาเขตเมืองชุมพร ซึ่งเป็นเมืองตรี มีเมืองจัตวาเป็นเมืองขึ้น 8 เมือง ดังนี้
เมืองปะทิว (อำเภอปะทิว)
เมืองท่าแซะ (อำเภอท่าแซะ) เมืองหน้าด่านเมืองชุมพร ด่านทัพต้นไทร (เนิน 491) หรือบ้านต้นไทร
เมืองตะโก (อำเภอทุ่งตะโก)
เมืองหลังสวน (อำเภอหลังสวน อำเภอละแม อำเภอท่าชนะ)
เมืองตระ (อำเภอกระบุรี)
เมืองระนอง (จังหวัดระนอง)
เมืองมะลิวัลย์ (จังหวัดเกาะสอง) อยู่ในประเทศพม่า
เมืองกำเนิดนพคุณ (อำเภอบางสะพาน อำเภอทับสะแก แหล่งขุดทองคำบางสะพาน)
เจ้าเมืองชุมพร เป็นเชื้อสายจาม สืบเชื้อสายหลายพันปี ในสมัยกรุงศรีอยุธยา จนถึง สมัยกรุงธนบุรี มีบรรดาศักดิ์ นามว่า "ออกญาเคาะงะ" เป็นภาษาจาม หรือ พระชุมพร ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เปลี่ยนบรรดาศักดิ์ นามว่า พระยาชุมพร และ พระยาเพชรกำแหงสงคราม ตามด้วยชื่อ และต่อได้ยกเลิกให้ใช้บรรดาศักดิ์เดิม
=== รายชื่ออดีตเจ้าเมือง ===
* ออกญาเคาะงะ ทราธิบดีศรีสุรัตนวลุมหนัก ก่อน พ.ศ. 1997
* พระชุมพร (พวย) พ.ศ.ไม่ปรากฏ- 2310 (เสียกรุงศรีอยุธยา ครั้งที่ ๒)
* พระชุมพร (มั่น) พ.ศ. 2312-2312
* พระยาแก้วโกรพ พ.ศ. 2336 เข้าร่วมกองเรือไปตีเมืองมะริด
* พระยาเพชรกำแหงสงคราม (ถิ่น) น่าจะเป็นคนเดียวกับพระยาแก้วโกรพ
* พระยาเพชรกำแหงสงคราม (ซุ่ย) ก่อน พ.ศ. 2367-2367
* พระยาเพชรกำแหงสงคราม (ยม) พ.ศ. 2368-2368
* พระยาเพชรกำแหงสงคราม (ครุฑ) พ.ศ. 2369-2404 ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์ เป็นเจ้าพระยายมราช (ครุฑ บ่วงราบ) พ.ศ. 2404 ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมเวียง ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5
* พระยาเพชรกำแหงสงคราม (กล่อม) พ.ศ. 2404-2411 ถูกเรียกกลับกรุงเทพ ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2411 เพื่อลงนามปันเขตแดนไทย-พม่า ให้ขึ้นบังคับกับอังกฤษ ลงนามวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2411
* พระยาเพชรกำแหงสงคราม (ยัง ซุ่ยยัง) บุตรพระยาเพชรกำแหงสงคราม (ซุ่ย) พ.ศ. 2411-2437
* พระยารามฤทธิรงค์ (สิน) พ.ศ. 2437-2439 (รักษาราชการ)
* พระยาชุมพร (มะลิ ยุกตนันท์) พ.ศ. 2439-2444
เจ้าเมืองชุมพร มักเรียก พระยาชุมพร โดยไม่เรียกบรรดาศักดิ์ใหม่ เช่น พระยาเพชรกำแหงสงคราม หรือ เลื่อนบรรดาศักดิ์สูงกว่าแต่ยังเรียก พระยาชุมพร เหมือนเดิม ต่อจากนั้นไม่ได้ใช้บรรดาศักดิ์ พระยาเพชรกำแหงสงคราม แต่ใช้ยศหรือบรรดาศักดิ์ ที่ได้รับพระราชทานมาแต่เดิม มาดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2445 เป็นต้นมา
=== รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัด ===
{|class="wikitable"
! colspan="10" style="background: #ffdead;" | รายพระนามและรายนามผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร
|-
! rowspan="1"|พระนาม/ชื่อ
! rowspan="1"|เข้ารับตำแหน่ง
! rowspan="1"|สิ้นสุดการดำรงตำแหน่ง
|-
| 1. พระยารัตนเศรษฐี (คอซิมก๊อง ณ ระนอง)
| พ.ศ. 2439 (ร.ศ.115)
| พ.ศ. 2439 (ร.ศ.115)
|-
| 2. หลวงสวัสดิ์บุรีรมย์
| พ.ศ. 2440
| พ.ศ. 2441
|-
| 3. พระเพชรกำแหงสงคราม (มะลิ ยุกตนันท์)
| พ.ศ. 2442
| พ.ศ. 2448
|-
| 4. พระยาสุราฤทธิ์ภักดี
| 1 เมษายน 2449
| 30 มิถุนายน 2451
|-
| 5. พระยาสำเริงนฤปการ
| 1 มกราคม 2451
| 30 มิถุนายน 2452
|-
| 6. พระยาวิเศษชัยชาญ
| 1 มกราคม 2452
| 30 มิถุนายน 2455
|-
| 7. พระยาราชพินิจจัย (ชุม โอสถานนท์)
| 1 เมษายน 2456
| 30 ตุลาคม 2458
|-
| 8. พระเทพราชธานี
| 1 เมษายน 2458
| 30 มีนาคม 2459
|-
| 9. พระชุมพรบุรีศรีสมุทร์เขต (บัว)
| 1 เมษายน 2460
| 30 กันยายน 2464
|-
| 10. พระยาพิพิธอำพลวิมลภักดี
| 31 ตุลาคม 2464
| 31 มกราคม 2471
|-
| 11. พระยาสัจจาภิรมย์อุดมราชภักดี
| 1 พฤษภาคม 2471
| 31 มกราคม 2473
|-
| 12. พระระนองธานี
| 1 มิถุนายน 2473
| 31 พฤศจิกายน 2476
|-
| 13. พ.ต.อ.พระราชญาติรักษา (ประกอบ บุนนาค)
| 30 มีนาคม 2475
| พฤศจิกายน 2476
|-
| 14. พระยาอมรฤทธิ์ธำรง
| 1 มีนาคม 2476
| 9 กันยายน 2478
|-
| 15. น.ท.หลวงสุนาวินวิวัฒน์ ร.น.
| 1 ธันวาคม 2478
| 1 เมษายน 2481
|-
| 16. หลวงจรูญประสาสน์ (จรูญ คชภูมิ)
| 1 พฤษภาคม 2481
| 31 ธันวาคม 2485
|-
| 17. ขุนบริรักษ์บทวสัญช์ (ชุ่ม)
| 1 มกราคม 2486
| 31 ตุลาคม 2486
|-
| 18. นายวิเศษ สรรค์ประศาสน์
| 1 พฤศจิกายน 2486
| 30 มีนาคม 2487
|-
| 19. นายเกษม อุทยานิน
| 3 กรกฎาคม 2487
| 31 กรกฎาคม 2487
|-
| 20. นายเนื่อง ปาณิกบุตร
| 1 มกราคม 2488
| 30 มิถุนายน 2488
|-
| 21. นายชอบ ชัยประภา
| 1 กรกฎาคม 2488
| 20 มิถุนายน 2489
|-
| 22. พระนิกรบดี
| 12 กันยายน 2489
| 15 มกราคม 2490
|-
| 23. นายปลั่ง ทัศนประดิษฐ์
| 18 มกราคม 2490
| 2 ธันวาคม 2492
|-
| 24. ขุนรัตนวรพงศ์
| 7 ธันวาคม 2492
| 17 กรกฎาคม 2493
|-
| 25. นายแสวง ทับทอง
| 21 กรกฎาคม 2495
| 17 กรกฎาคม 2500
|-
| 26. นายส่ง มีมุทา
| 12 กรกฎาคม 2500
| 30 กันยายน 2511
|-
| 27. นายประพัฒน์ บุญช่วย
| 1 ตุลาคม 2511
| 30 กันยายน 2514
|-
| 28. นายชวน พรพงศ์
| 1 ตุลาคม 2514
| 30 กันยายน 2515
|-
| 29. นายลิขิต รัตนสังข์
| 1 ตุลาคม 2515
| 30 กันยายน 2516
|-
| 30. นายประชุม บุญประคอง
| 1 ตุลาคม 2516
| 12 กุมภาพันธ์ 2518
|-
| 31. น.อ.จำลอง ประเสริฐยิ่ง ร.น.
| 13 กุมภาพันธ์ 2518
| 30 กันยายน 2519
|-
| 32. นายอรุณ รุจิกัณหะ
| 1 ตุลาคม 2519
| 31 มกราคม 2522
|-
| 33. นายบุญนาค สายสว่าง
| 1 กุมภาพันธ์ 2522
| 30 กันยายน 2523
|-
| 34. นายเติมศักดิ์ สมันตรัฐ
| 1 ตุลาคม 2523
| 24 เมษายน 2524
|-
| 35. นายพจน์ อินทวิเชียร
| 1 มิถุนายน 2524
| 30 กันยายน 2529
|-
| 36. ร.ต.เบญจกุล มะกะระธัช
| 1 ตุลาคม 2529
| 30 กันยายน 2531
|-
| 37. นายปัญญา ฤกษ์อุไร
| 1 ตุลาคม 2531
| 30 กันยายน 2532
|-
| 38. นายสุชาญ พงษ์เหนือ
| 1 ตุลาคม 2532
| 30 กันยายน 2533
|-
| 39. นายกนก ยะสารวรรณ
| 1 ตุลาคม 2533
| 30 กันยายน 2534
|-
| 40. นายปริญญา นาคฉัตรีย์
| 1 ตุลาคม 2534
| 30 กันยายน 2535
|-
| 41. นายประยูร พรหมพันธ์
| 1 ตุลาคม 2535
| 30 กันยายน 2537
|-
| 42. นายประพัฒนพงษ์ บำเพ็ญสิทธ์
| 1 ตุลาคม 2537
| 30 กันยายน 2539
|-
| 43. นายคงศักดิ์ ลิ่วมโนมนต์
| 1 ตุลาคม 2539
| 19 ตุลาคม 2540
|-
| 44. นายสุรพล กาญจนจิตรา
| 20 ตุลาคม 2540
| 30 กันยายน 2542
|-
| 45. นายศักดิ์ เตชาชาญ
| 1 ตุลาคม 2542
| 30 กันยายน 2543
|-
| 46. ม.ล.ประทีป จรูญโรจน์
| 2 ตุลาคม 2543
| 30 กันยายน 2545
|-
| 47. นายเมฆินทร์ เมธาวิกูล
| 1 ตุลาคม 2545
| 30 กันยายน 2547
|-
| 48. นายอานนท์ มนัสวานิช
| 1 ตุลาคม 2547
| 30 กันยายน 2548
|-
| 49. นายพินัย อนันตพงศ์
| 1 ตุลาคม 2548
| 13 พฤษภาคม 2550
|-
| 50. นายสุวัฒน์ ตันประวัติ
| 14 พฤษภาคม 2550
| 30 กันยายน 2550
|-
| 51. นายมานิต วัฒนเสน
| 1 ตุลาคม 2550
| 19 ตุลาคม 2551
|-
| 52. นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ
| 20 ตุลาคม 2551
| 9 มิถุนายน 2553
|-
| 53. นายพินิจ เจริญพานิช
| 1 ตุลาคม 2553
| 30 กันยายน 2555
|-
| 54. นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า
| 8 ตุลาคม 2555
| 30 กันยายน 2557
|-
| 55. นายวงศศิริ พรหมชนะ
| 3 พฤศจิกายน 2557
| 30 กันยายน 2558
|-
| 56. นายสมดี คชายั่งยืน
| 1 ตุลาคม 2558
| 30 กันยายน 2559
|-
| 57. นายณรงค์ พลละเอียด
| 1 ตุลาคม 2559
| 1 พฤษภาคม 2561
|-
| 58. นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์
| 29 มิถุนายน 2561
| 30 กันยายน 2563
|-
| 59. นายธีระ อนันตเสรีวิทยา
| 1 ตุลาคม 2563
| 30 กันยายน 2564
|-
| 60. นายโชตินรินทร์ เกิดสม
| 15 ธันวาคม 2564
| 30 กันยายน 2565
|-
| 61. นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์
| 1 ตุลาคม 2565
| ปัจจุบัน
|-
|}
== ภูมิประเทศ ==
จังหวัดชุมพรนับเป็นประตูสู่ภาคใต้เมื่อลงจากภาคกลาง มีพื้นที่ทางเหนือติดต่อกับอำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทางตะวันออกติดชายฝั่งอ่าวไทย ด้านใต้ติดกับอำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และทางตะวันตกติดต่อกับอำเภอกระบุรี อำเภอละอุ่น อำเภอเมืองระนอง อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง และส่วนหนึ่งติดกับประเทศพม่า
สภาพพื้นที่ทั่วไปมีภูเขาสูง มีแม่น้ำสำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำท่าตะเภา ในอำเภอเมืองชุมพร มีความยาว 33 กิโลเมตร แม่น้ำสวี ในอำเภอสวี มีความยาว 50 กิโลเมตร และ แม่น้ำหลังสวน ในอำเภอหลังสวน มีความยาว 100 กิโลเมตร แม่น้ำทุกสายไหลลงสู่อ่าวไทย ในทะเลนอกฝั่งของจังหวัดชุมพร มีเกาะน้อยใหญ่เกือบ 50 เกาะ
== ภูมิอากาศ ==
สภาพภูมิอากาศของจังหวัดชุมพรคล้ายกับจังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้ กล่าวคือ มีฤดูฝนมากกว่าฤดูอื่น นั่นคือ ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม โดยมีลมมรสุมพัดผ่าน
ฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคม
== การปกครองส่วนภูมิภาค ==
การปกครองส่วนภูมิภาคแบ่งออกเป็นระดับอำเภอ จำนวน 8 อำเภอ ระดับตำบล จำนวน 70 ตำบล และระดับหมู่บ้าน จำนวน 674 หมู่บ้าน ได้แก่
{|
{|class="wikitable"
|- style=
! ที่ !! ชื่ออำเภอ !! อักษรโรมัน !! จำนวนตำบล !!จำนวนประชากร
|- style="background: #ffffff;"
||1.||เมืองชุมพร||Mueang Chumphon||17||150,167
|- style="background: #ffffff;"
||2.||ท่าแซะ||Tha Sae||10||86,524
|- style="background: #ffffff;"
||3.||ปะทิว||Pathio||7||47,824
|- style="background: #ffffff;"
||4.||หลังสวน||Lang Suan||13||73,855
|- style="background: #ffffff;"
||5.||ละแม||Lamae||4||29,611
|- style="background: #ffffff;"
||6.||พะโต๊ะ||Phato||5||24,490
|- style="background: #ffffff;"
||7.||สวี||Sawi||11||73,215
|- style="background: #ffffff;"
||8.||ทุ่งตะโก||Thung Tako||6||25,618
|- style="background: #ffffff;"
|}
===การปกครองส่วนท้องถิ่น===
เทศบาลเมืองชุมพร
เทศบาลเมืองหลังสวน
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
หาดทรายรี
เขามัทรี
ศาลหลักเมืองชุมพร
หาดทุ่งวัวแล่น
เขาดินสอ
แหลมแท่น
อ่าวทุ่งซาง
วัดพระธาตุถ้ำขวัญเมือง
เขาเจ้าเมือง
ถ้ำเขาเกรียบ
อ่าวทุ่งไข่เน่า
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชุมพร
น้ำตกเหลวโหลม
วนอุทยานน้ำตกกะเปาะ
ศาลเจ้าพระยาชุมพร (พวย) หรือ ศาลเจ้าพ่อพวยดำ เชิงเขาถ้ำขุนกระทิง ค่ายขุนกระทิง
วัดสุบรรณนิมิตรและ โรงเรียนอนุบาลเมืองชุมพรวัดสุบรรณนิมิตรสร้างวัดเมื่อ พ.ศ. 2335
วัดประเดิม
ดอยตาปัง
== สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ==
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกพุทธรักษา (Canna indica)
ต้นไม้ประจำจังหวัด: มะเดื่ออุทุมพร (Ficus racemosa)
คำขวัญประจำจังหวัด: ประตูภาคใต้ ไหว้เสด็จในกรม ชมไร่กาแฟ แลหาดทรายรี ดีกล้วยเล็บมือ ขึ้นชื่อรังนก
อักษรย่อ: ชพ
== การเดินทาง ==
=== รถยนต์ ===
จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทาง พุทธมณฑล นครปฐม-เพชรบุรี หรือเส้นทางสาย ธนบุรี-ปากท่อ (หมายเลข 35) แล้วแยกที่อำเภอปากท่อ เข้า ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ จนถึงสี่แยกปฐมพร จากนั้นแยกซ้ายเข้าตัวเมืองชุมพร ตาม ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 327 อีกประมาณ 8 กิโลเมตร
=== อากาศ ===
ท่าอากาศยานชุมพร
=== รถโดยสารประจำทาง ===
มีรถโดยสารธรรมดา ของบริษัท ขนส่ง จำกัด ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ไปชุมพร ทุกวัน สำหรับเที่ยวกลับจากชุมพร เข้ากรุงเทพ ขึ้นรถได้ที่ ถนนศาลาแดง
=== รถไฟ ===
จากสถานีรถไฟหัวลำโพง มีขบวนรถเร็ว ขบวนรถด่วน ขบวนรถด่วนพิเศษ ไปจังหวัดชุมพรทุกวัน
จากสถานีรถไฟธนบุรี (บางกอกน้อย) มีขบวนธรรมดาไปจังหวัดชุมพรทุกวัน
=== การคมนาคมภายในจังหวัดชุมพร และไปต่างจังหวัด ===
รถโดยสารประจำทาง สาย ชุมพร-สวี-หลังสวน-สุราษฎร์ธานี รถจอดหน้า สำนักงานเทศบาลเมืองชุมพร ถนนปรมินทรมรรคา ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.
รถทัวร์โดยสารปรับอากาศ สาย ชุมพร-หาดใหญ่ รถจอดที่ ถนนนวมินทร์ร่วมใจ (หลังปั้มน้ำมัน ปตท.)
รถทัวร์โดยสารปรับอากาศ สาย ชุมพร-ระนอง-ภูเก็ต
รถแท็กซี่ รถจอดที่คิวแท็กซี่ หน้าการประปาส่วนภูมิภาค จังหวัดชุมพร
รถตู้ปรับอากาศประจำทาง - รถจอดที่คิวรถตู้ ชุมพรไนท์พลาซ่า มีบริการเดินรถไปอำเภอหลังสวน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
รถตู้ปรับอากาศประจำทาง - รถจอดที่คิวรถตู้ ถนนนวมินทร์ร่วมใจ มีบริการเดินรถไป จังหวัดนครศรีธรรมราช
รถตู้ปรับอากาศประจำทาง - รถจอดที่คิวรถตู้ ถนนท่าตะเภา มีบริการเดินรถไป จังหวัดระนอง
รถตุ๊กตุ๊ก จอดรถบริเวณหน้าโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ บริการภายในเขตเทศบาลเมืองชุมพร
=== ท่าเรือไปเกาะเต่า ===
ท่าเรือไปเกาะเต่า และเกาะนางยวนนั้น อยู่ที่จังหวัดชุมพร ไม่ไกลจากตัวเมืองชุมพร
=== ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ ===
อำเภอท่าแซะ 24 กิโลเมตร
อำเภอปะทิว 33 กิโลเมตร
อำเภอสวี 35 กิโลเมตร
อำเภอทุ่งตะโก 50 กิโลเมตร
อำเภอหลังสวน 71 กิโลเมตร
อำเภอละแม 91 กิโลเมตร
อำเภอพะโต๊ะ 108 กิโลเมตร
== การศึกษา ==
=== ระดับอุดมศึกษา ===
มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร อำเภอละแม
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อำเภอปะทิว
มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชุมพร อำเภอเมืองชุมพร
=== โรงเรียน ===
ดูที่ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดชุมพร
== ชาวชุมพรที่มีชื่อเสียง ==
พระสงฆ์
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสาโร) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตสังฆมนตรี อดีตแม่กองธรรมสนามหลวง อดีตเจ้าอาวาสวัดราชผาติการามวรวิหาร
พระธรรมโกศาจารย์ (องอาจ ฐิตธมฺโม) พระราชาคณะชั้นธรรม ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๖ เจ้าอาวาสวัดขันเงิน พระอารามหลวง อำเภอหลังสวน
หลวงพ่อสงฆ์ จนฺทสโร - อดีตเจ้าอาวาสวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย
ขุนนาง
พระยาชุมพร (พวย) - อดีตเจ้าเมืองชุมพรคนสุดท้ายแห่งราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา
พระยาเพชรกำแหงสงคราม (ซุ่ย ซุ่ยยัง) - อดีตเจ้าเมืองชุมพร
เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) - อดีตอธิบดีกรมพระคลังสวน
นักแสดง - ศิลปิน - นักร้อง - ผู้กำกับ
คงกะพัน แสงสุริยะ - นักแสดง พิธีกร และนักดนตรี
สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ - นักแสดง
สุทิศา พัฒนุช - นักแสดง ดาราภาพยนตร์
ชุมพร เทพพิทักษ์ - นักแสดง ผู้กำกับภาพยนตร์
เด๋อ ดอกสะเดา - นักแสดงตลกชาวไทย
นะโม ทองกำเหนิด - นักแสดง ดารา ผู้กำกับ
ธนดล นิลนพรัตน์ - นักร้องชาวไทย
แตน อรอุมา - นักร้องชาวไทย
ปฐมพงศ์ สมบัติพิบูลย์ - นักร้องนำและนักแต่งเพลงของวง หิน เหล็ก ไฟ
สาริกา กิ่งทอง - นักร้องลูกทุ่งหญิงชื่อดัง
จูเลี่ยม กิ่งทอง - ศิลปินพื้นบ้าน
ศศิ สินทวี - นางงาม - มิสเอิร์ธไทยแลนด์ 2014 มิสอินเตอร์เนชั่นแนลไทยแลนด์2015
แพรววนิต เรืองทอง- นางงาม-Supranational Thailand 2022, รองอันดับ3 Miss Universe Thailand 2020, รองอันดับ1 Miss Thailand World 2018
ใบตอง จรีรัตน์ เพชรโสม - นางงาม
Miss Earth Thailand 2021 ชาวปะทิว
ปริญญา นาคฉัตรีย์ - อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย,อดีตอธิบดีกรมการปกครอง
ประมวล กุลมาตย์ - นักการเมืองชาวไทย
พิเชษฐ์ วิสัยจร - อดีตแม่ทัพภาคที่ 4
จัตุรนต์ คชสีห์ - นักการเมืองชาวไทย
ฉัตรชัย พะลัง - นักการเมืองชาวไทย
ชุมพล จุลใส - นักการเมืองชาวไทย
วรชัย เหมะ - นักการเมืองชาวไทย
สุชาติ แก้วนาโพธิ์ - นักการเมืองชาวไทย
สุวโรช พะลัง - อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชุมพร
โสภณ รัตนากร - นักการเมืองชาวไทย
นักกีฬา
เกียรติชัย ไอซ์เจลลิบาล์ม - นักมวยชาวไทย
ขวัญใจ 3เคแบตเตอรี่ - นักมวยชาวไทย
เทอดเกียรติ จันทร์แดง - นักมวยชาวไทย
เทอดศักดิ์ จันทร์แดง - นักมวยชาวไทย
ยอดเงิน ต.เฉลิมชัย - นักมวยชาวไทย
นักประพันธ์
บินหลา สันกาลาคีรี - นักประพันธ์รางวัลซีไรต์
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดชุมพร
รายชื่อวัดในจังหวัดชุมพร
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดชุมพร
จังหวัดริมฝั่งอ่าวไทย
คอคอดกระ
|
thaiwikipedia
| 1,865 |
ภาษาทางการของอินเดีย
|
ภาษาที่พูดกันในประเทศอินเดียอยู่ในตระกูลภาษาหลายตระกูล โดยตระกูลหลักคือภาษากลุ่มอินโด-อารยันที่มีชาวอินเดียพูดถึง 78.05% และตระกูลภาษาดราวิเดียนที่มีชาวอินเดียพูดถึง 19.64% บางครั้งทั้งสองตระกูลถูกเรียกเป็นกลุ่มภาษาอินเดีย ส่วนกลุ่มภาษาที่มีผู้พูด 2.31% ของประชากรทั้งหมดได้แก่ออสโตรเอเชียติก, จีน-ทิเบต, ไท–กะได และกลุ่มภาษาขนาดเล็กจำนวนน้อยกับโดดเดี่ยว ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่มีภาษามากเป็นอันดับ 4 ของโลก (447) เป็นรองเพียงไนจีเรีย (524), อินโดนีเซีย (710) และปาปัวนิวกินี (840) นอกจากนี้ อนุทวีปอินเดียยังเป็นที่ตั้งของภาษาฮินดี-อูรดู ภาษาที่มีผู้พูดมากเป็นอันดับ 3 ของโลก ภาษาเบงกอล ภาษาที่มีผู้พูดมากเป็นอันดับที่ 6 ของโลก และภาษาปัญจาบ ภาษาที่มีผู้พูดมากเป็นอันดับที่ 13 ของโลก
รัฐธรรมนูญอินเดีย มาตราที่ 343 ระบุว่าภาษาราชการของสหภาพคือภาษาฮินดีในอักษรเทวนาครี ส่วนภาษาอังกฤษจะยังคงมีสถานะเดิมเป็นเวลา 15 ปีนับตั้งแต่ ค.ศ. 1947 ต่อมามีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในพระราชบัญญัติภาษาราชการ ค.ศ. 1963 อนุญาตให้ใช้ภาษาอังกฤษร่วมกับภาษาฮินดีในรัฐบาลอินเดียอย่างไม่มีกำหนด จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง รูปแบบตัวเลขที่ใช้ในทางราชการเป็น "รูปแบบเลขอินเดียสากล" ซึ่งในโลกที่พูดภาษาอังกฤษส่วนใหญ่เรียกเป็นตัวเลขอารบิก ภาษาฮินดีไม่ได้เป็นภาษาประจำชาติของอินเดีย รัฐธรรมนูญอินเดียไม่ได้ให้สถานะพิเศษแก่ภาษาใด ๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะมีความเข้าใจผิดบ้างก็ตาม
กำหนดรายการที่แปดในรัฐธรรมนูญอินเดียระบุภาษาเพียง 22 ภาษา ซึ่งได้รับการกล่าวถึงเป็นภาษาที่ ถูกกำหนด และได้รับการยอมรับ สถานะ และการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ รัฐบาลอินเดียยังให้รางวัลความโดดเด่นของภาษาคลาสสิก เช่น ภาษากันนาดา, มลยาฬัม, โอริยา, สันสกฤต, ทมิฬ และเตลูกู
รายงานจากสำมะโนอินเดีย ค.ศ. 2001 ประเทศอินเดียีภาษาหลัก 122 ภาษา และภาษาอื่น ๆ 1599 ภาษา อย่างไรก็ตาม จำนวนภาษาตามข้อมูลต่าง ๆ นั่นไม่เหมือนกัน โดยหลักเนื่องจากความแตกต่างในการตีความคำว่า "ภาษา" และ "ภาษาย่อย" สำมะโน ค.ศ. 2001 บันทึก 30 ภาษาที่มีผู้พูดเป็นภาษาแม่มากกว่าหนึ่งล้านคน และ 122 ภาษาที่มีผู้พูดมากกว่า 10,000 คน ภาษาในการติดต่อที่มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์อินเดียมีอยู่สองภาษา: ภาษาเปอร์เซีย และภาษาอังกฤษ ภาษาเปอร์เซียเคยเป็นภาษาของราชสำนักในอินเดียสมัยราชวงศ์โมกุล ถือเป็นภาษาเชิงบริหารเป็นเวลาหลายศตวรรษก่อนที่อังกฤษเข้ามาล่าอาณานิคม ภาษาอังกฤษยังคงมีบทบาทสำคัญในอินเดีย ซึ่งมีการใช้งานในการศึกษาระดับอุดมศึกษาและในบางพื้นที่ของรัฐบาลอินเดีย ภาษาฮินดีมีจำนวนผู้พูดเป็นภาษาแม่ในประเทศอินเดียในปัจจุบันมากที่สุด ทำหน้าที่เป็นภาษากลางทั่วอินเดียตอนเหนือและตอนกลาง รองลงมาคือภาษาเบงกอลซึ่งเป็นที่เข้าใจในอินเดียตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ รองลงมาอีกคือภาษามราฐีที่มีผู้พูดในภาคตะวันตกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตาม มีความกังวลว่ามีการทอดทิ้งภาษาฮินดีในอินเดียตอนใต้ โดยเฉพาะในรัฐทมิฬนาฑูและรัฐกรณาฏกะ รัฐมหาราษฏระ รัฐเบงกอลตะวันตก รัฐอัสสัม รัฐปัญจาบ และภูมิภาคอื่น ๆ ที่ไม่ใช้ภาษาฮินดีเป็นภาษาหลักก็เริ่มแสดงความกังวลต่อภาษาฮินดีด้วย
==ภาษาราชการ (รัฐบาลกลาง)==
ภาษาฮินดี
ภาษาอังกฤษ (ภาษาราชการเพิ่มเติม)
==ภาษาราชการอื่น ๆ ของอินเดีย==
ภาษากอนกานี (Konkani, ภาษาราชการของกัว)
ภาษากันนาดา (Kannada, ภาษาราชการของรัฐกรณาฏกะ)
ภาษาคุชราต (Gujarati, ภาษาราชการของดาดราและนครหเวลี ดามันและดีอู และคุชราต)
ภาษาแคชเมียร์ (Kashmiri)
ภาษาโดกรี (Dogri, ภาษาราชการของรัฐชัมมูและกัศมีร์)
ภาษาเตลูกู (Telugu, ภาษาราชการของรัฐอานธรประเทศ)
ภาษาทมิฬ (Tamil, ภาษาราชการของรัฐทมิฬนาฑูและพอนดิเชอร์รี)
ภาษาเนปาลี (Nepali, ภาษาราชการของรัฐสิกขิม)
ภาษาเบงกอล (Bengali ภาษาราชการของรัฐตรีปุระและรัฐเบงกอลตะวันตก)
ภาษาโบโด (Bodo, ภาษาราชการของรัฐอัสสัม)
ภาษาปัญจาบ (Punjabi, ภาษาราชการของ รัฐปัญจาบ)
ภาษามราฐี (Marathi, ภาษาราชการของรัฐมหาราษฏระ)
ภาษามลยาฬัม (Malayalam, ภาษาราชการของรัฐเกรละและลักษทวีป)
ภาษามณีปุระ (ภาษาไมไต) (Manipuri, Meithei, ภาษาราชการของรัฐมณีปุระ)
ภาษาไมถิลี (Maithili, ภาษาราชการของรัฐพิหาร)
ภาษาสันตาลี (Santali)
ภาษาสันสกฤต (Sanskrit)
ภาษาสินธี (Sindhi)
ภาษาอัสสัม (Assamese, ภาษาราชการของรัฐอัสสัม)
ภาษาอูรดู (Urdu, ภาษาราชการของรัฐชัมมูและกัษมีระ)
ภาษาโอริยา (Oriya, ภาษาราชการของรัฐโอริศา)
ภาษาฮินดี (Hindi, ภาษาราชการของหมู่เกาะอันดามันและนิโคบาร์ รัฐพิหาร รัฐฉัตตีสครห์ กรุงนิวเดลี รัฐหรยาณา รัฐหิมาจัลประเทศ รัฐฌาร์ขันท์ รัฐมัธยประเทศ รัฐราชสถาน รัฐอุตตรประเทศ และรัฐอุตตรขันท์)
==ภาษาอื่น ๆ ที่นิยมพูดในอินเดีย==
(มีคนพูดมากกว่า 5 ล้านคน แต่ไม่มีฐานะทางราชการ)
ภาษาโคนที (Gondi, ชนเผ่ากอนด์ Gond)
ภาษากาเนาจี (Kanauji, ภาษาของรัฐอุตตรประเทศ มักถือว่าประเภทย่อยของภาษาฮินดี)
ภาษาคุตชี (Kutchi, ภาษาของคุตช์)
ภาษาฉัตตีสครห์ (Chhattisgarhi, ภาษาของรัฐฉัตตีสครห์ มักถือว่าประเภทย่อยของภาษาฮินดี)
ภาษาตูลู (Tulu, พูดโดยชาวตูเล Tule ของรัฐกรณาฏกะและรัฐเกรละ)
ภาษาบุนเดลี (Bundeli, มักถือว่าประเภทย่อยของภาษาฮินดี)
ภาษาโภชปุรี (Bhojpuri, ภาษาของพิหาร มักถือว่าประเภทย่อยของภาษาฮินดี)
ภาษาภิล (Bhili, ชนเผ่าภิล Bhil)
ภาษามคธี (Magadhi, หรือ ภาษามคธ ภาษาของรัฐพิหารตอนใต้ มักถือว่าประเภทย่อยของภาษาฮินดี)
ภาษามาร์วารี (Marwari, ภาษาของรัฐราชสถาน มักถือว่าประเภทย่อยของภาษาฮินดี)
ภาษาหริยนวี (Haryanvi, ภาษาของรัฐหรยาณา มักถือว่าประเภทย่อยของ ภาษาฮินดี)
ภาษาอวาธี (Awadhi, มักถือว่าประเภทย่อยของภาษาฮินดี)
ภาษาฮินดูสตานี (Hindustani, การผสมระหว่างภาษาฮินดีและภาษาอูรดู ส่วนใหญ่พูดในตอนเหนือของอินเดีย)
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อภาษาของอินเดียเรียงตามจำนวนคนพูด
ภาษาของอินเดีย
==อ้างอิง==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Linguistic map of India with a detailed map of the Seven Sister States (India) at Muturzikin.com
Languages and Scripts of India
Diversity of Languages in India
A comprehensive federal government site that offers complete info on Indian Languages
Technology Development for Indian Languages, Government of India
Languages Spoken in Himachal Pradesh - Himachal Pariksha
ภาษาในประเทศอินเดีย
|
thaiwikipedia
| 1,866 |
อึ้งย้ง
|
อึ้งย้ง (黃蓉) เกิดปี พ.ศ. 1746 (ค.ศ. 1203) เสียชีวิต 31 มกราคม พ.ศ. 1816 (ค.ศ. 1273) เป็นตัวละครในนิยายกำลังภายในของกิมย้ง เรื่องมังกรหยก เป็นตัวละครนำในมังกรหยก ภาค 1 และยังคงมีบทบาทหลักในมังกรหยก ภาค 2
อึ้งย้งเป็นลูกสาวของมารบูรพาอึ้งเอี๊ยะซือ อาศัยอยู่ในเกาะดอกท้อมาตั้งแต่เด็ก เธอรับยีนอันฉลาดล้ำเลิศมาจากแม่ และรับวรยุทธ์จากพ่อ เรียนวิชาค่ายกล บุ๋น บู๊ จากเกาะดอกท้อ เรียนไม้เท้าตีสุนัขจากอั้งชิดกง จนเป็นประมุขพรรคยาจก
เมื่อเป็นวัยรุ่น อึ้งย้งหนีออกจากเกาะดอกท้อไปดูโลกกว้าง เนื่องจากไม่พอใจที่พ่อ (อึ้งเอี๊ยะซือ) ดุว่า ที่ทำอาหารและเหล้าไปให้จิวแป๊ะทงที่ถูกอึ้งเอี๊ยะซือขังอยู่ที่เกาะดอกท้อ โดยระหว่างที่ออกมาจากเกาะดอกท้อได้สวมเกราะขนเม่นเป็นเครื่องป้องกันตัว และปลอมตัวเป็นบุรุษ ต่อมาได้พบกับก๊วยเจ๋ง ซึ่งได้ต่อสู้ร่วมกันมาจนกลายเป็นความรัก ในภายหลังมีลูกด้วยกัน 3 คน คือ ก๊วยพู้ (ผู้หญิง) ก๊วยเซียง (ผู้หญิง) และก๊วยพั่วลู่ (ผู้ชาย)
คำแทนตัวที่ก๊วยเจ๋งเรียกอึ้งย้งคือ ย้งยี้
อึ้งย้งมีชื่อเสียงในเรื่องความฉลาดและไหวพริบเป็นอย่างมาก เคยหลอกให้อาวเอี๊ยงฮงกินปัสสาวะด้วย นอกจากนี้ยังมีฝีมือในการทำอาหารเป็นที่ยอมรับของอั้งฉิกกง ประมุขพรรคกระยาจก ภายหลังนางได้สืบทอดวิชาไม้เท้าตีสุนัข และรับตำแหน่งประมุขพรรคกระยาจกต่อจากอั้งฉิกกง
ชื่ออึ้งย้ง (黃蓉) ในฉบับแปลภาษาไทยนี้เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว
==ฉายา==
"อึ้งย้งขงเบ้งหญิง"
==บุคลิกลักษณะนิสัย==
อึ้งย้งเป็นธิดาแห่งเจ้าเกาะดอกท้อ อึ้งเอี๊ยะซือ นางมีความเพียบพร้อมไปด้วยรูปโฉมที่งดงาม สติปัญญาที่ล้ำเลิศ พลังฝีมือที่สูงเยี่ยม และยังได้เป็นประมุขของพรรคกระยาจก ยิ่งเสริมให้มีฐานะในยุทธจักรสูงส่งขึ้นไปอีก มาจนถึงมังกรหยก ภาค 2 บารมีของนางยิ่งกว้างใหญ่ไพศาลขึ้น นอกจากได้เป็นศรีภรรยาของก๊วยเจ๋งวีรบุรุษแห่งยุคแล้ว ตัวอึ้งย้งเองก็ใช้สติปัญญา ประกอบคุณงามความดี จนได้รับการยกย่องเป็นวีรสตรีจากผู้คนทั่วยุทธจักร และด้วยสติปัญญาที่สูงส่งของนางนี้ ถึงกับได้รับการยกย่องให้ฉายาเป็นขงเบ้งหญิงเลยทีเดียว
อึ้งย้งยังคงมีบทบาทอยู่ไม่น้อยในมังกรหยกภาคสองนี้ แม้ว่ากิมย้งจะได้ลดทอนบทบาทของนางลงโดยการให้นางตั้งครรภ์ทำให้ไม่สามารถแสดงความสามารถทางด้านพลังฝีมือได้มากนัก แต่นางยังคงใช้สติปัญญาแก้ไขสถานการณ์ วางแผนแยบยลต่าง ๆ นานา ช่วยเหลือธิดาและพวกพ้องให้รอดพ้นจากอันตรายหลายครั้งหลายครา
บทบาทของอึ้งย้งในภาคนี้ บางครั้งอาจจะดูเป็นแง่ลบไปบ้าง ส่วนหนึ่งมาจากการที่นางไม่เห็นด้วยที่เอี้ยก้วยจะแต่งอาจารย์เป็นภรรยา แต่หากจะบอกว่านี่เป็นความยึดติดต่อประเพณีที่เกินไปของอึ้งย้งก็มิใช่ เพราะในยุคนั้นไม่ว่าใครก็ถือเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และแปลกพิสดารเกินกว่าจะรับได้
นอกจากเรื่องแต่งงานแล้ว นางยังคงมีอคติต่อเอี้ยก้วยอยู่บ้าง เนื่องจากบิดาของเอี้ยก้วยนั้นก่อกรรมไว้มาก บวกกับพฤติกรรมของเอี้ยก้วยเองก็แปลกประหลาดพิสดาร แปรเปลี่ยนไม่หยุดยั้ง แม้แต่ตัวเอี้ยก้วยเองก็ยังไม่เข้าใจ จึงไม่น่าแปลกใจที่จะบันดาลให้ผู้คนที่พบเห็นตีความพฤติกรรมเหล่านั้นไปในทางลบได้ อึ้งย้งแม้จะฉลาดทันคน แต่กับเอี้ยก้วยแล้วตั้งแต่เด็กจนโต มีหลายครั้งนี้นางไม่อาจเดาใจได้ออก
==วิทยายุทธ==
ในด้านวรยุทธของอึ้งย้งนั้น ล้ำเลิศพลิกเพลงไม่จบสิ้น และได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้เป็นบิดา ซึ่งถือเป็นจอมยุทธผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในยุคนั้น นางได้รับการถ่ายทอดทั้งด้านวรยุทธและด้านวิชาค่ายกลต่าง ๆ เช่น ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ กระบี่ขลุ่ยหยก ฝ่ามือเทพกระบี่บุปผาร่วง มือกล้วยไม้ปาดจุด ฯ ความสำเร็จของวิชาเกาะดอกท้อถือว่าอยู่ในระดับสูง จากนั้นยังคงได้เรียนรู้ยอดวิชาไม้เท้าตีสุนัขจากยอดคนแห่งยุคอย่างอั้งชิกกง ความสำเร็จของวิชาไม้เท้าตีสุนัขอยู่ในระดับบรรลุขั้นสุดยอด และสุดท้ายยังมีวิชาจากคัมภีร์เก้าอิม ที่ได้ศึกษาฝึกปรือร่วมกับก๊วยเจ๋งผู้เป็นสามีอยู่ที่เกาะดอกท้ออยู่เป็นเวลานาน จนแตกฉานมีพลังยุทธสูงล้ำ ถึงแม้นางจะมีวรยุทธที่สูงส่งขึ้นกว่าในภาคที่แล้วมาก แต่นางก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสแสดงพลังฝีมือในด้านวรยุทธสักเท่าไหร่ เพราะเนื้อเรื่องในช่วงของเอี้ยก้วยนั้น นางอยู่ในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์พอดี ร่างกายจึงไม่พร้อมที่จะใช้พลังยุทธได้เต็มที่ ต้องรอจนหลังจากที่คลอดแล้วนางจึงได้มีโอกาสแสดงพลังฝีมืออย่างเต็มที่ในตอนที่พยายามจะชิงตัวธิดาน้อยจากมือของลี้มกโช้ว นางได้แสดงพลังฝีมือจนลี้มกโช้วต้องยอมรับความพ่ายแพ้ทั้งด้านวรยุทธและด้านสติปัญญา
==ทายาททั้งสาม==
อึ้งย้งมีบุตรธิดารวมสามคน ที่แล้วมานางมีนิสัยเจ้าเล่ห์แสนกล ไม่ยอมอยู่สงบนิ่งแม้ชั่วครู่ยาม พอเริ่มตั้งครรภ์รู้สึกว่าทุกประการล้วนไม่สะดวก สร้างความหงุดหงิดใจยิ่ง เมื่อสืบสาวถึงต้นเหตุ ย่อมตำหนิว่าก๊วยเจ๋งไม่ดี
คนที่อุ้มครรภ์ความจริงมัอารมณ์ฉุนเฉียวได้โดยง่าย นางแม้มีความรักผูกพันกับก๊วยเจ๋ง ยามนี้กลับนึกหาเหตุทะเลาะวิวาทกับสามี ก๊วยเจ๋งล่วงรู้อารมณ์และจิตใจของภรรยา ทุกครั้งที่นางหาเรื่องโดยไร้เหตุผล มักแย้มยิ้มโดยไม่ถือสา หากแม้นอึ้งย้งโกรธเคืองขึ้นมา ก็จะปลอบโยนอย่างนุ่มนวล หยอกเย้าจนอึ้งย้งหัวร่อออกค่อยเลิกรา ธิดาคนแรกนางให้ชื่อว่าก๊วยพู้ ขณะที่ตั้งครรภ์นางไม่ยินดี แต่พอคลอดออกมากลับรักถนอมตามใจทุกเรื่องราว เป็นเหตุให้ธิดาน้อยนางนี้เมื่อเติบโตขึ้นมีนิสัยเอาแต่ใจ สร้างความลำบากให้ผู้เป็นบิดามารดาอยู่ไม่น้อย หลังจากนั้นอีกสิบกว่าปี นางก็ได้ตั้งครรภ์อีกครั้ง และได้ลูกแฝด เป็นทารกหญิงหนึ่งคนให้ชื่อว่าก๊วยเซียง และทารกชายอีกหนึ่งคน ให้ชื่อว่า ก๊วยพั่วลู่ อึ้งย้งเคยได้รับบทเรียนจากการเลี้ยงดูก๊วยพู้อย่างตามใจ ส่งผลให้เมื่อเติบโตกลายเป็นคนเอาแต่ใจเกินไป คราครั้งนี้จึงได้เลี้ยงดูบุตรธิดาทั้งสองนี้อย่างเข้มงวด
ชีวิตของอึ้งย้งนั้นผ่านร้อนหนาวมากมาย มีทั้งเรื่องที่ทำให้ปิติยินดี และเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจบ้าง แต่โดยรวมนางถือว่ามีชีวิตที่สมบูรณ์ มีบิดาเป็นยอดคน มีสามีที่รักและจริงใจ มีทั้งลูกสาวและลูกชาย มีวรยุทธที่สูงส่งและสติปัญญาอันล้ำเลิศได้รับการยกย่องจากผู้คน อึ้งย้งใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตยู่ที่เมืองเซียงเอี้ยงคอยช่วยสามีปกป้องเมืองจากการรุกรานของทัพมองโกล นางทำหน้าที่รับใช้ประเทศชาติตราบจนสิ้นลมหายใจ เฉกเช่นเดียวกับก๊วยเจ๋งผู้เป็นสามีของนาง
==ความฉลาด==
อึ้งย้งนั้นเป็นผู้ที่ฉลาดที่สุดในเรื่องเลยก็ว่าไง ถึงขั้นมีฉายาว่าขงเบ้งหญิงกันเลย อีกทั้งหลาย ๆ ครั้งอึ้งย้งนั้นสามารถใช้ปัญญาแก้ไขปัญหามาได้โดยตลอด ไม่เคยเพลียงพล้ำแก่ผู้ใด แม้กระทั่งอาวเอี๊ยงฮงก็ยังโดนปั่นหัวจนเป็นบ้าไปได้ แล้วจะเป็นผู้โง่งมได้อย่างไรกัน ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้นก็ขอเชิญติดตามได้เลยครับ
อึ้งย้งนั้นเป็นนางเอกของเรื่องมังกรหยกภาคแรก ซ้ำยังถือได้ว่ามีบทบาทมากในมังกรหยกภาคสอง อึ้งย้งเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของมารบูรพาอึ้งเอี๊ยะซือ เป็นผู้ที่มีความฉลาดมาก เรียนรู้อะไรได้ไว แต่ไม่ค่อยชอบวิชาทางด้านบู๊มากนัก มักสนใจในศาสตร์บุ๋นของพ่อตนเองมากกว่า ภายหลังก็ได้เป็นศิษย์ของอั้งชิดกงและสืบทอดทั้งวิชาไม้เท้าตีสุนัขและตำแหน่งประมุขพรรคกระยาจกอีกด้วย
ก่อนที่อึ้งย้งคลอดออกมานั้น ตั้งเฮี๊ยงฮวง บ๊วยเถี่ยวฮวง ศิษย์ทั้ง 2 ก็ได้ทรยศอึ้งเอี๊ยะซือโดยการขโมยคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งออกไป ทำให้แม่ของอึ้งย้งนั้นต้องตรากตรำในการพยายามเขียนคัมภีร์เก้าอิมจินเก็งขึ้นมาอีกครั้งนึงจนเป็นเหตุให้ในการคลอดอึ้งย้งออกมาก็เสียชีวิตไปและยังทำให้ทำร้ายลูกศิษย์ทุกคนจนขาพิการ ซ้ำยังไล่ออกจากเกาะดอกท้อไป จึงทำให้อึ้งย้งนั้นเกิดมาก็อยู่กับพ่อเพียงลำพัง (ไม่นับบ่าวไพร่ที่เป็นใบ้และจิวแป๊ะทงที่หลบอยู่ในถ้ำ) ซึ่งอึ้งเอี๊ยะซือนั้นก็รักและเอ็นดูอึ้งย้งเป็นอย่างมากเพราะเหลือกันเพียง 2 คน จึงทำให้ตามใจอึ้งย้งเป็นอย่างมาก ซ้ำด้วยความเก่งกาจของของอึ้งเอี๊ยะซือนั้น อึ้งย้งแทบจะถูกเลี้ยงมาโดยไม่พบกับความผิดหวังเลย
ในครั้งแรกที่อึ้งย้งพบกับก๊วยเจ๋งคือตอนที่ตนปลอมเป็นขอทาน (เหมือนจะรู้ว่าอนาคตต้องเป็นขอทาน) ซึ่งในตอนนั้นขอทานน้อยก็โดนปฏิบัติด้วยกิริยาที่ไม่ดีอยู่ ก๊วยเจ๋งจึงเข้าไปช่วยเหลือ แม้จะโดนอึ้งย้งเกรียนอยู่หลาย ๆ อย่างแต่ก็ไม่ทำให้ก๊วยเจ๋งโมโห ซ้ำยังทำดีกับตนด้วยความจริงใจที่หาได้ยากยิ่ง ทำให้เกิดเป็นความประทับใจที่หาได้ยากยิ่งจนก่อเกิดเป็นความรักกันในที่สุด
แต่ไม่เพียงแค่เท่านี้ที่ทำให้เกิดรักอันนิรันดร์ของคู่นี้อีกทั้งนิสัยของก๊วยเจ๋งที่ไม่ค่อยรู้อะไรมากมาย ทำให้มักเป็นผู้ตามในเรื่องความต้องการของคุณหนูอย่างอึ้งย้ง ทั้งอึ้งย้งที่อยาก็ควบคุมคนรักได้พอดี จึงเป็นความลงตัวที่พอดีกับสิ่งที่อึ้งย้งต้องการและก๊วยเจ๋งให้ได้ จึงเป็นสิ่งที่ทำให้คนฉลาดอย่างอึ้งย้งนั้นมีความรักอันอมตะกับก๊วยเจ๋งจอมซื่อคนนี้ได้นั่นเอง
ซึ่งอึ้งย้งเองนั้นก็มีส่วนช่วยให้ก๊วยเจ๋งประสบความสำเร็จในหลาย ๆ อย่างทั้งการได้ร่ำเรียนวิชากับอั้งชิดกง ไปพบเจอจิวแป๊ะทงยังเกาะดอกท้อจนได้วิชาเก้าอิมจินเก็ง หรือการได้คัมภีร์พิชัยยุทธงักฮุยจนสามารถต่อต้านทัพมองโกลได้จนก๊วยเจ๋งนั้นกลายเป็นวีรบุรุษขึ้นมา ซึ่งแม้กระทั่งก๊วยเจ๋งเคยไปสนใจไยดีในตอนที่เข้าใจผิดว่าอึ้งเอี๊ยะซือเป็นผู้ฆ่าอาจารย์ตน อึ้งย้งก็ยังยอมเสี่ยงภัยจากอาวเอี๊ยงฮงจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทั้งสนับสนุนช่วยเหลือก๊วยเจ๋งทั้งยอมเสี่ยงภัยจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เช่นนี้แล้วจะไม่เรียกว่าอึ้งย้งขงเบ้งหญิงผู้โง่งมในความรักได้อย่างไรกัน
==อ้างอิง==
ตัวละครในนิยายกำลังภายใน
มังกรหยก
ตัวละครที่เป็นนักวูซู
|
thaiwikipedia
| 1,867 |
พรรคกระยาจก
|
พรรคกระยาจก (丐幫) เป็นพรรคในนิยายกำลังภายในหลายเรื่องของกิมย้ง, โก้วเล้ง, และนักเขียนชั้นนำอีกหลายท่านโดยสมาชิกพรรคเป็นขอทาน และมีประเพณีในพรรคเป็นพิเศษ พรรคกระยาจกในบางยุคมีสมาชิกมากจนเรียกได้ว่าเป็นพรรคอันดับหนึ่งของแผ่นดิน พรรคกระยาจกปรากฏในเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า และมังกรหยก
== รายชื่อประมุขพรรค ==
ประมุขพรรครุ่นแรก ไม่ปรากฏชื่อ อั้งชิกกงเรียกอย่างเคารพว่า โจ้วซือเอี้ย แปลว่า ท่านปรมาจารย์ (ไม่ใช่ชื่อ)
อวงเกี่ยมทง - จากเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้า ประมุขพรรคกระยาจก รุ่นที่ 8
เฉียวฟง - จากเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้า ประมุขพรรคกระยาจก รุ่นที่ 9
อิ้วถ้งจือ ไม่ทราบรุ่น
อั้งฉิกกง - จากเรื่องมังกรหยก ประมุขพรรคกระยาจก รุ่นที่ 18
อึ้งย้ง - จากเรื่องมังกรหยก ประมุขพรรคกระยาจก รุ่นที่ 19 ได้รับการยกย่องว่า เป็นขงเบ้งหญิง ทรงปัญญากว่าใคร
ลู่อูคา - จากเรื่องเอี้ยก่วยเจ้าอินทรี ประมุขพรรคกระยาจก รุ่นที่ 20
เยลุกชี้ - จากเรื่องเอี้ยก่วยเจ้าอินทรี ประมุขพรรคกระยาจก รุ่นที่ 21
ปึงเจี้ยงเล่า (อาตั่ว) จากเรื่องดาบมังกรหยก ฉายาเทพกระบี่แปดกร หายตัวไปจากยุทธภพ ทุกคนคิดว่าเสียชีวิตไปแล้ว แต่ไปรับใช้ราชสำนักมองโกล
ซือฮวยเล้ง - จากเรื่องดาบมังกรหยก ประมุข ตัวจริงเก็บตัวไม่ทราบที่อยู่ จนทราบว่าถูกเซ่งคุนฆ่าตาย ส่วนตัวปลอมร่วมมือกับตั้งอิ้วเหลียง จนกระทั่งมีการปรากฏตัวของซืออั้งเจี๊ยะ ลูกสาวคนเดียวของประมุขพรรค ซึ่งมีความสนิทสนมกับแม่นางเสื้อเหลือง
หลิวเป่ยกุ๊ย - จากเรื่องยาจกซู ผู้คิดวิชาหมัดเมาและถ่ายทอดให้ซูชานหรือยาจกซู ชอบพกน้ำเต้าเสมอโดยภายในใส่เหล้าลิงเมาเอาไว้ ไม่ทราบลำดับรุ่น
ซูซาฮาเอ๋อซาน (ยาจกซู) หรือชื่อเดิมซูชาน - จากเรื่องยาจกซู เป็นอดีตแม่ทัพหลวง แต่โดนจับได้ว่าไปขโมยอาหารในห้องเครื่องจึงถูกปลดจนมาเป็นขอทานและได้เป็นรับการถ่ายทอดวิชาหมัดเมาจากหลิวเป่ยกุ๊ย (หัวหน้าพรรคในสมัยนั้น) และนำมาพัฒนาต่อจนเป็นสุดยอดวิชา ประมุขพรรคคนสุดท้าย จากเรื่องยาจกซูไม้เท้าประกาศิต ไม่ทราบลำดับรุ่น
หงตง เป็นประมุขพรรคยาจกคนปัจจุบันที่กล่าวในเรื่อง สำนักพยัคฆ์มังกร เป็นอาจารย์ของหวังเสี่ยวหลง ได้ถ่ายทอดเพลงยุทธ์หลังจากสูญเสียกำลังภายในทั้งหมด ไม่ทราบลำดับรุ่น
ลุ้ยเทียนฮ่วย - ผู้อาวุโสอายุร้อยกว่าปีตัวละครมีบทสั้น ๆ ในเรื่องกระบี่เหนือกระบี่ เป็นอดีตปังจู้ ไม่ทราบลำดับรุ่น
เล่งฮุ้น - ตัวละครเอกจากเรื่องกระบี่เหนือกระบี่บทประพันธ์ของซี่เบ๊จี่อิง เป็นประมุขพรรควัยหนุ่มที่ได้ตำแหน่งมาแบบตกบันไดพลอยโจน ไม่ทราบลำดับรุ่น
เซ็งซำฮง - จากเรื่องพยัคฆ์นักสู้บทประพันธ์ของอ้อเล้งเซ็ง เป็นประมุขพรรคที่ช่วยกันต่อต้านเทียนอ๊วงก้าไม่ให้ยึดครองบู๊ลิ้มมีบทบาทไม่เด่นมากนัก ไม่ทราบลำดับรุ่น
== วิชาฝีมือ ==
18 ฝ่ามือพิชิตมังกร
รายชื่อฝ่ามือพิชิตมังกรสิบแปดท่า
1. (มังกรผยองได้สำนึก)
2. (มังกรเหินท่องเวหน)
3. (มังกรโรมรันกลางไพร)
4. (มังกรซ่อนกบดาน)
5. (เชี่ยวชาญข้ามแม่น้ำใหญ่)
6. (หงส์ร่อนพสุธา)
7. (ประดังโดยพลัน)
8. (สะท้านขวัญร้อยลี้)
9. (ทะยานสู่มหรรณพ)
10. (มังกรสะบัดหาง)
11. (มังกรผงาดกลางทุ่ง)
12. (มังกรคู่ดูดน้ำ)
13. (มัจฉาทะยานสมุทร)
14. (บังคับหกมังกร)
15. (เมฆหนาไร้ฝน)
16. (ลดสูญเสียเกิดผลลัพธ์)
17. (สัมผัสน้ำแข็งเหน็บหนาวกาย)
18. (มังกรพิโรธ)
เพลงไม้เท้าตีสุนัข ประกอบด้วย 8 เคล็ดลับ คือ เกาะเกี่ยว ฟาดฟัน พัวพัน ทิ่มแทง ตวัดเขี่ย ชักนำ ปิดป้อง หมุนวน แบ่งออกเป็นเพลงท่า 36 ท่า
- ไม้เท้าหวดสุนัข
- กดหัวสุนัข
- ฟาดเฉียงหลังสุนัข
- ชิงไม้เท้าจากปากสุนัข
- สุนัขขวางทาง
- สุนัขจนตรอก
- ตระคุบศัตรูพร้อมฟาดหาง
- เคล็ดสลักอักษร
- ไม้เท้าปราบกองพล
- คงเกี้ยงนับไม้พลอง
- กระบองเขี่ยสุนัขเรื้อน
- ตีหญ้างูแตกตื่น
- แหวกหญ้าหางูพิษ
- กระบวนท่าที่ 36 ทั่วแผ่นดินไร้สุนัข
== ประเพณีและพิธีต่าง ๆ ของพรรคกระยาจก ==
=== การจัดลำดับสมาชิกพรรค ===
ใช้ระบบ กระสอบ กำหนดลำดับชั้นของสมาชิกในพรรค ระดับผู้เฒ่าซึ่งเป็นระดับสูงสุดจะมี 9 กระสอบ ศิษย์ระดับสูงที่มีบทบาทในพรรคจะมี 7 กระสอบขึ้นไป
=== การยอมรับประมุขใหม่ ===
ประมุขคนใหม่จะต้องสืบทอดไม้เท้าตีสุนัข ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นประมุข และต้องได้รับการถ่มน้ำลายรดจากสมาชิกพรรคด้วย
=== กฎของพรรคกระยาจก ===
ศิษย์พรรคกระยาจกทุกคนต้องไม่รบกวนเบียดเบียนผู้อื่น
ศิษย์พรรคกระยาจกทุกคนต้องช่วยเหลือบ้านเมือง
ศิษย์พรรคกระยาจกทุกคนพึงประกอบวีรกรรมถือคุณธรรม ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก
ศิษย์พรรคกระยาจกทุกคนต้องกล้าทำกล้ารับ
ศิษย์พรรคกระยาจกทุกคนที่กระทำความผิด ต้องรับโทษลงมีดสังหารตนเอง
การลบล้างความผิดของศิษย์ในพรรคฯ จะต้องล้างด้วยเลือดของประมุขพรรคฯเท่านั้น
ประมุขคนใหม่รับตำแหน่ง ประมุขคนเดิมจะมอบไม้เท้าตีสุนัขให้
ตัวละครในนิยายกำลังภายใน
สำนักและพรรคในนิยายกำลังภายใน
|
thaiwikipedia
| 1,868 |
ก๊วยเจ๋ง
|
ก๊วยเจ๋ง (Guo Jing ; ; เสียชีวิต 31 มกราคม ค.ศ. 1273) เป็นตัวละครเอกในนิยายกำลังภายใน ของกิมย้ง เรื่องมังกรหยก และมีบทบาทในมังกรหยก ภาค 2
== ประวัติ ==
ก๊วยเจ๋งเป็น 1 ในห้ายอดฝีมือยุคที่ 2 มีฉายาว่า"จอมยุทธอุดร" แทนที่ยาจกอุดรอั้งฉิกกง และเป็นพี่น้องรวมสบานกับจิวแป๊ะทงอีกด้วย พ่อของก๊วยเจ๋งถูกสังหารตั้งแต่เขายังเป็นทารกในครรภ์ ทำให้แม่ของเขาพาหนีขึ้นเหนือ ก๊วยเจ๋งได้รับการเลี้ยงดูจากเผ่ามองโกล และมีเพื่อนในวัยเด็กเป็นลูกชายของเจงกีส ข่านที่มีนามว่า เซลุย หลังจากนั้นก๊วยเจ๋งได้รับคำสั่งของอาจารย์ให้เดินทางเข้าสู่ยุทธจักร และได้พบกับอึ้งย้ง ก๊วยเจ๋งเป็นศิษย์ของเจ็ดประหลาดแห่งกังหนำรับคำแนะนำด้านกำลังภายในจากเบ๊เง็ก และได้รับสืบทอดวิชาสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร จากประมุขพรรคกระยาจก อั้งฉิกกง ด้วยความช่วยเหลือของอึ้งย้ง รวมถึงรับการถ่ายทอดวิชาคัมภีร์เก้าอิมจินเก็ง วิชาสองมือขัดแย้ง และวิชาว่างเวิ้งว้างจากเฒ่าทารกจิวแป๊ะทง ในการประลองกับอ้าวเอี้ยงโคกที่เกาะดอกท้อก๊วยเจ๋งได้เอ่ยเนื้อหาในคัมภีร์เก้าอิมจินเอ็งออกมาโดยครบถ้วน โดยไม่ทราบมาก่อนเลยว่านั่นเป็นคำในคัมภีร์ ทำให้อึ้งเอี๊ยะซือคิดว่าวิญญาณภรรยาของตนดลบรรดาลช่วยเลือกก๊วยเจ๋งให้เป็นลูกเขย ครั้งนั้นทำให้อึ้งเอี๊ยะซือยอมรับก๊วยเจ๋งในฐานะบุตรเขย
ในมังกรหยก ภาค 2 ทั้งสองคนได้แต่งงานกันและมีลูก 3 คน คือ ก๊วยพู๊ ก๊วยพั่วลู่และก๊วยเซียง ก๊วยเจ๋งยังได้รับเอี้ยก้วย ลูกชายของเอี้ยคังน้องร่วมสาบานซึ่งเป็นศัตรูในมังกรหยกภาคแรกมาเลี้ยงดูด้วย
ก๊วยเจ๋งมีชื่อเสียงในด้านวิชาฝีมือ แต่ก็มีชื่อในทางลบด้านปัญญาทึบด้วยเช่นกัน เขาเป็นคนซื่อและมีจิตใจดี มีเมตตา
ตัวละครในนิยายกำลังภายใน
มังกรหยก
ตัวละครที่เป็นนักยิงธนู
ตัวละครที่เป็นนักวูซู
ตัวละครที่เป็นนักมวยปล้ำ
|
thaiwikipedia
| 1,869 |
เม่งแชฮุ้น
|
เม่งแชฮุ้น เป็นตัวละครเอกในนิยายกำลังภายใน เรื่อง ดาวตก ผีเสื้อ กระบี่ ของโก้วเล้ง
ชื่อเม่งแชฮุ้นหมายถึงดาวตก ในชื่อเรื่อง เขาเป็นนักฆ่าหนึ่งในสี่คนที่กัวเล่าตั่วเลี้ยงดูไว้ เขารับภารกิจสังหารซุนเง็กแป๊ะ หรือเล่าแป๊ะ เม่งแชฮุ้นเป็นบุคคลที่ดูขรึม ชำนาญในด้านการสะกดรอยเพื่อสืบหาเบาะแสของบุคคลที่ต้องการทราบ แต่เขาก็มีความหลังอันปวดร้าวที่มิอาจเปิดเผย เพราะว่าการเป็นมือสังหาร บางครั้งก็ไม่ต่างจากคณิกา เนื่องเพราะพวกมันต่างได้ขายวิญญาณไปแล้ว
มเม่งแชฮุ้น
|
thaiwikipedia
| 1,870 |
21 พฤษภาคม
|
วันที่ 21 พฤษภาคม เป็นวันที่ 141 ของปี (วันที่ 142 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 224 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2401 (ค.ศ. 1858) - สยามลงนามในหนังสือพระราชไมตรีกับเดนมาร์ก
พ.ศ. 2424 (ค.ศ. 1881) - คลารา บาร์ตัน ก่อตั้งสภากาชาดอเมริกัน
พ.ศ. 2447 (ค.ศ. 1904) - สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ หรือ (ฟีฟ่า) ก่อตั้งขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
พ.ศ. 2470 (ค.ศ. 1927) - ชาลส์ ลินด์เบิร์ก ประสบความสำเร็จในเดินทางคนเดียวโดยไม่หยุดพัก ด้วยเครื่องบิน สปิริตออฟเซนต์หลุยส์ ในการบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก จากนครนิวยอร์กไปยังปารีส
พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) - คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ทูลเกล้าฯ ถวายปริญญารัฐศาสตร์ดุษฎีกิตติมศักดิ์แด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร นับเป็นปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์ใบแรกในรัชสมัยของพระองค์
พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - เจ้าน้อยซอหยั่นต๊ะ ตั้งกลุ่มหนุ่มศึกหาญ ซึ่งเป็นกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่กลุ่มแรก
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - อโนชา ปันจ้อย หญิงสัญชาติไทยที่ถูกสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัวไปในมาเก๊า
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานเปิด อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อย่างเป็นทางการ
พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - ซูฮาร์โตประกาศลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซีย
พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - ผลพวงจากวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความวุ่นวายในอินโดนีเซีย ซูฮาร์โตประกาศลาออก หลังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมานานถึง 32 ปี โดยให้นายยูซุฟ ฮาบีบี รองประธานาธิบดี ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 3
พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) - ประเทศมอนเตเนโกร ประกาศเอกราชจากเซอร์เบีย-มอนเตเนโกร
พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2013) - เหตุการณ์ไฟฟ้าดับทั้งภาคใต้ พ.ศ. 2556 : สายส่งไฟฟ้าแรงสูงจากภาคกลางสู่ภาคใต้ขัดข้องที่จังหวัดเพชรบุรี ส่งผลให้ไฟฟ้าดับทั้งภาคใต้ ตั้งแต่เวลา 18:52 - 21:50 น.
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2369 (ค.ศ. 1826) - พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจามรี (สิ้นพระชนม์ 22 กันยายน พ.ศ. 2432)
พ.ศ. 2459 (ค.ศ. 1916) -
*หม่อมเจ้าทิตยาทรงกลด จักรพันธุ์ (สิ้นชีพิตักษัย 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2553)
*แฮโรลด์ ร็อบบินส์ นักเขียนชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 14 ตุลาคม พ.ศ. 2540)
พ.ศ. 2467 (ค.ศ. 1924) - เจ้าหญิงมารี แอดิเลดแห่งลักเซมเบิร์ก พระธิดาใน แกรนด์ดัชเชสชาร์ล็อตแห่งลักเซมเบิร์ก (ถึงแก่กรรม 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550)
พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) - วุฒิเฉลิม วุฒิชัย พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร
พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) - มิสเตอร์ที นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - คริสโตเฟอร์ ไมเคิล เบนวา (คริสต์ เบนวา) นักแสดงมวยปล้ำชาวแคนาดา (ถึงแก่กรรม 25 มิถุนายน พ.ศ. 2550)
พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) - อนุวรรตน์ ทับวัง นักร้องนำวงไฮ-ร็อก
พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - แมรี่ อึ้งรังษี นักร้องแจ๊สและป๊อปชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - เมย์ เฟื่องอารมย์ นักแสดงหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - เรย์ แมคโดนัลด์ นักแสดงชายลูกครึ่งไทย-สกอตแลนด์
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) -
* คาโรลิน สุภาลักษณ์ นีมะโยธิน นักร้องนักแต่งเพลง และนักแสดงชาวไทย
* มาซาโตะ โมริชิเกะ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น
* อิซุมิ เทะรุมิ นางแบบ, นักร้องชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - พัก กยู-รี อดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีใต้วง KARA
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - แฮล ร็อบสัน-คานู นักฟุตบอลชาวเวลส์
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - หนุมาน ศิษย์หลวงพ่อพูล นักมวย
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - โชะมะ โดะอิ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) -
* เกรียงไกร อุระงาม นักฟุตบอลชาวไทย
* ไทสัน บุลล์ นักยิมนาสติกชาวออสเตรเลีย
พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - จารุวัฒน์ แสนสุข นักกีฬาเรือพายทีมชาติไทย
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - ปุริม รัตนเรืองวัฒนา นักแสดงชายชาวไทย
พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - ณัฐณิชา ใจแสน นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย
พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) - ฮวัง ซุน-อู นักว่ายน้ำชายชาวเกาหลีใต้
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 795 (ค.ศ. 252) - ซุนกวน ผู้ก่อตั้งและจักรพรรดิของง่อก๊ก (พระราชสมภพ พ.ศ. 724)
พ.ศ. 1530 (ค.ศ. 987) - พระเจ้าหลุยส์ที่ 5 แห่งฝรั่งเศส (พระราชสมภพ พ.ศ. 1510)
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - ราจีฟ คานธี นายกรัฐมนตรีอินเดีย (เกิด 20 สิงหาคม พ.ศ. 2487)
พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) - สาคร ยังเขียวสด ศิลปินไทยด้านการแสดงหุ่นละครเล็ก ผู้ก่อตั้งนาฏยศาลาหุ่นละครเล็ก และคณะโจหลุยส์ (เกิด ปี พ.ศ. 2465)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันกองทัพไทใหญ่ ใน รัฐฉาน
วันกองทัพเรือในชิลี
World Day for Cultural Diversity for Dialogue and Development
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
พฤษภาคม 21
พฤษภาคม
|
thaiwikipedia
| 1,871 |
Nymphaea
|
redirect สกุลบัวสาย
|
thaiwikipedia
| 1,872 |
ชาลส์ ดาร์วิน
|
ชาลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน (Charles Robert Darwin) เป็นนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ ผู้ทำการปฏิวัติความเชื่อเดิม ๆ เกี่ยวกับที่มาของสิ่งมีชีวิต และเสนอทฤษฎีซึ่งเป็นทั้งรากฐานของทฤษฎีวิวัฒนาการสมัยใหม่ และหลักการพื้นฐานของกลไกการคัดเลือกโดยธรรมชาติ (natural selection) เขาตีพิมพ์ข้อเสนอของเขาในปี ค.ศ. 1859 ในหนังสือชื่อ The Origin of Species (กำเนิดของสรรพชีวิต) ซึ่งเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขา ผลงานนี้ปฏิเสธแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่เคยมีมาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของสปีชีส์ ช่วงคริสต์ทศวรรษ 1870 ชุมชนวิทยาศาสตร์และสาธารณชนส่วนมากจึงยอมรับทฤษฎีวิวัฒนาการในฐานะที่เป็นความจริง อย่างไรก็ดี ยังมีคำอธิบายที่เป็นไปได้ทางอื่นๆ อีก และยังไม่มีการยอมรับทฤษฎีนี้เป็นเอกฉันท์ว่าเป็นกลไกพื้นฐานของวิวัฒนาการ ตราบจนกระทั่งเกิดแนวคิดการสังเคราะห์วิวัฒนาการยุคใหม่ (modern evolutionary synthesis) ขึ้นในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930-1950 การค้นพบของดาร์วินยังถือเป็นรูปแบบการรวบรวมทางทฤษฏีของศาสตร์เกี่ยวกับชีวิต ที่อธิบายถึงความหลากหลายทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิต
ความสนใจเกี่ยวกับธรรมชาติตั้งแต่วัยเด็กทำให้ดาร์วินไม่สนใจการศึกษาวิชาแพทย์ในมหาวิทยาลัยเอดินบะระเลย แต่กลับหันไปช่วยการตรวจสอบสัตว์น้ำที่ไม่มีกระดูกสันหลัง เมื่อศึกษาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้ช่วยกระตุ้นความหลงใหลในวิทยาศาสตร์ธรรมชาติมากขึ้น การเดินทางออกไปยังท้องทะเลเป็นเวลา 5 ปีกับเรือบีเกิล (HMS Beagle) และโดยเฉพาะการเฝ้าสำรวจที่หมู่เกาะกาลาปากอส เป็นทั้งแรงบันดาลใจ และให้ข้อมูลจำนวนมาก ซึ่งเขานำมาใช้ในทฤษฎีของเขา ผลงานตีพิมพ์เรื่อง การผจญภัยกับบีเกิล (The Voyage of the Beagle) ทำให้เขามีชื่อเสียงในฐานะนักเขียน
ด้วยความพิศวงกับการกระจายตัวของสิ่งมีชีวิตในภูมิภาคที่แตกต่างกัน กับฟอสซิลที่เขาสะสมมาระหว่างการเดินทาง ดาร์วินเริ่มการศึกษาอย่างละเอียด และในปี ค.ศ. 1838 จึงได้สรุปเป็นทฤษฎีการคัดเลือกตามธรรมชาติ แม้ว่าเขาจะอภิปรายแนวคิดของตนกับนักธรรมชาติวิทยาหลายคน แต่ก็ยังต้องการเวลาเพื่อการวิจัยเพิ่มเติม โดยให้ความสำคัญกับงานด้านธรณีวิทยา เขาเขียนทฤษฎีของตนขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1858 เมื่อ อัลเฟรด รัสเซล วอลเลซ ส่งบทความชุดหนึ่งที่อธิบายแนวคิดเดียวกันนี้มาให้เขา และทำให้เกิดการรวมงานตีพิมพ์ของทฤษฎีทั้งสองนี้เข้าด้วยกันในทันที งานของดาร์วินทำให้เกิดวิวัฒนาการสืบเนื่องต่อมา โดยดัดแปลงมาเป็นคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่มีอิทธิพลยิ่งต่อแนวคิดเรื่องความหลากหลายทางชีววิทยาในธรรมชาติ ในปี ค.ศ. 1871, เขาได้ตรวจดู วิวัฒนาการของมนุษย์ และ การคัดเลือกทางเพศ ใน The Descent of Man, and Selection in Relation to Sex ตามด้วย The Expression of the Emotions in Man and Animals. งานวิจัยเกี่ยวกับพืชได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือชุดหลายเล่ม ในเล่มสุดท้ายเขาได้ตรวจสอบ ไส้เดือน และอิทธิพลที่มันมีต่อดิน
ดาร์วินได้รับยกย่องในฐานะนักวิทยาศาสตร์โดยมีการจัดพิธีศพอย่างเป็นทางการในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ และฝังร่างของเขาไว้เคียงข้างกับจอห์น เฮอร์เชล และ ไอแซก นิวตัน เขาได้รับยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
== ประวัติ ==
=== วัยเด็กและวัยเรียน ===
ชาลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน เกิดที่เมืองชรูส์บรี ชรอปเชอร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1809 ที่บ้านของตระกูล คือเดอะเมานท์ เขาเป็นบุตรคนที่ห้าในจำนวนทั้งหมด 6 คนของครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวยและมีชื่อเสียงครอบครัวหนึ่งของอังกฤษ บิดาของดาร์วินเป็นนายแพทย์ชื่อว่า โรเบิร์ต วอริง ดาร์วิน มารดาชื่อ ซูซานนา ดาร์วิน (สกุลเดิม เวดจ์วูด) เขาเป็นหลานของเอรัสมัส ดาร์วิน กับ โจสิอาห์ เวดจ์วูด ทั้งสองตระกูลนี้เป็นคริสตชนยูนิทาเรียน (Unitarian) ผู้เคร่งครัดที่เชื่อว่ามีพระเจ้าเพียงองค์เดียว แต่ตัวโรเบิร์ต ดาร์วิน นั้นเป็นคนหัวเสรี และให้ชาลส์บุตรชายไปรับศีลในโบสถ์ของนิกายแองกลิกัน แต่ชาลส์กับพี่น้องก็ไปเข้าโบสถ์ของยูนิทาริสต์กับมารดา เมื่อชาลส์อายุ 8 ขวบ ได้หลงใหลในประวัติศาสตร์ธรรมชาติและเริ่มสะสมสิ่งต่างๆ เมื่อเขาเข้าโรงเรียนเมื่อปี ค.ศ. 1817 มารดาของเขาเสียชีวิตเมื่อเดือนกรกฎาคมปีนั้น นับจากเดือนกันยายน ค.ศ. 1818 เขาก็ไปอยู่ประจำที่โรงเรียนซรูซบรีอันเป็นโรงเรียนนิกายแองกลิกัน กับพี่ชายของตนคือ เอรัสมัส อัลวีย์ ดาร์วิน
ช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 1825 ดาร์วินใช้เวลาเป็นผู้ช่วยแพทย์ฝึกหัด โดยช่วยบิดาของตนในการรักษาคนยากจนในชรอปเชอร์ ก่อนจะเข้าเรียนวิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอดินบะระ พร้อมกับเอรัสมัสพี่ชาย ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1825 แต่ดาร์วินกลับเห็นชั่วโมงบรรยายเป็นสิ่งน่าเบื่อ ทั้งไม่ชอบการผ่าตัด จึงไม่เอาใจใส่การเรียน เขาเรียนวิธีสตาร์ฟสัตว์ตายจาก จอห์น เอ็ดมอนสโตน ทาสผิวดำที่ได้เป็นไทซึ่งร่วมงานอยู่กับชาลส์ วอเทอร์ทันในป่าดงดิบตอนใต้ของอเมริกา และมักจะนั่งคุยกับ "ชายผู้เฉลียวฉลาดและน่าคบหา" คนนี้อยู่เป็นประจำ
เมื่อขึ้นปีสอง ดาร์วินเข้าร่วมสมาคมพลิเนียน (Plinian Society) ซึ่งเป็นกลุ่มศึกษาด้านประวัติศาสตร์ธรรมชาติในมหาวิทยาลัยเอดินบะระ เขาช่วยเหลือโรเบิร์ต เอ็ดมอนด์ แกรนท์ ในการสำรวจศึกษาลักษณะทางกายภาพและวงจรชีวิตของสัตว์ทะเลที่ไม่มีกระดูกสันหลังในเฟิร์ธออฟฟอร์ธ วันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1827 เขานำเสนอการค้นพบของตนต่อสมาคมพลิเนียนว่า จุดสีดำที่พบในเปลือกหอยนางรมนั้นเป็นไข่ของปลิง วันหนึ่ง แกรนท์ยกย่องแนวคิดเรื่องวิวัฒนาการของ ชอง-แบบติสต์ ลามาร์ค (Jean-Baptiste Lamarck) ดาร์วินถึงกับตะลึง แต่ก่อนหน้านั้นเขาเคยอ่านแนวคิดคล้ายคลึงกันนี้จากเอรัสมัสผู้เป็นปู่ และเห็นว่ามันไม่ต่างกัน ดาร์วินค่อนข้างเบื่อหน่ายกับวิชาประวัติศาสตร์ธรรมชาติของโรเบิร์ต เจมสัน ซึ่งวุ่นวายกับธรณีวิทยา รวมถึงการโต้แย้งกันระหว่างทฤษฎีการเกิดของน้ำ (Neptunism) กับทฤษฎีการเกิดพลูตอน (Plutonism) เขาได้เรียนรู้การจัดอันดับของพืช และได้ช่วยงานด้านการเก็บรักษาในรอยัลมิวเซียม ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในเวลานั้น
การไม่เอาใจใส่การเรียนแพทย์เช่นนี้ทำให้บิดาของเขาไม่พอใจ ภายหลังจึงส่งเขาไปยังวิทยาลัยไครสต์ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เพื่อศึกษาในคณะอักษรศาสตร์สำหรับการเตรียมตัวเข้าบวชในนิกายแองกลิกัน ดาร์วินสอบไทรพอส ไม่ผ่าน จึงสำเร็จการศึกษามาด้วยปริญญาระดับปกติ เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 1828 ดาร์วินชอบท่องเที่ยวและกีฬายิงปืนมากกว่าการเล่าเรียน ญาติคนหนึ่งของเขาคือ วิลเลียม ดาร์วิน ฟ็อกซ์ จึงแนะนำให้เขาไปเข้าร่วมชมรมสะสมแมลงเต่าทอง ซึ่งดาร์วินตั้งหน้าตั้งตาร่วมกิจกรรมอย่างกระตือรือร้น จนงานค้นพบของเขาได้รับการตีพิมพ์ใน Illustrations of British entomology ของเจมส์ ฟรังซิส สตีเฟน ดาร์วินกลายเป็นเพื่อนสนิทและผู้ติดตามของศาสตราจารย์ด้านพฤกษศาสตร์ จอห์น สตีเฟน เฮนสโลว์ และได้พบปะกับนักธรรมชาติวิทยาชั้นแนวหน้าหลายคน จนกระทั่งใกล้ถึงการสอบปลายภาค ดาร์วินจึงหันมาสนใจการเรียนแล้วมาชื่นชอบงานเขียนของวิลเลียม พาลีย์ Evidences of Christianity ดาร์วินทำคะแนนได้ดีในการสอบไล่ครั้งสุดท้ายในเดือนมกราคม ค.ศ. 1831 โดยได้ลำดับที่ 10 จาก 178 คนที่อยู่ในหลักสูตรปริญญาปกติ
ดาร์วินยังต้องอยู่เคมบริดจ์จนกระทั่งเดือนมิถุนายน เขาศึกษางานของพาลีย์ เรื่อง Natural Theology ซึ่งทำให้เกิดข้อโต้แย้งเรื่องการออกแบบธรรมชาติจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยอธิบายถึงการปรับตัวของธรรมชาติว่าเป็นการกระทำของพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านกฎของธรรมชาติ เขาอ่านหนังสือใหม่ของจอห์น เฮอร์เชล ซึ่งอธิบายจุดประสงค์สูงสุดของปรัชญาทางธรรมชาติด้วยการทำความเข้าใจกับกฎเกณฑ์เหล่านั้นผ่านการให้เหตุผลโดยอุปนัยโดยมีพื้นฐานจากการสังเกต และงานเขียนของอเล็กซานเดอร์ ฟอน ฮัมโบลท์ เรื่อง Personal Narrative เกี่ยวกับการเดินทางของวิทยาศาสตร์ ด้วยแรงบันดาลใจจากภายใน ดาร์วินวางแผนจะไปเยือนเตเนรีเฟกับเพื่อนร่วมชั้นหลังจากจบการศึกษา เพื่อไปศึกษาประวัติศาสตร์ธรรมชาติในบริเวณภูมิภาคนั้น ระหว่างเตรียมการ เขาเข้าเรียนหลักสูตรธรณีวิทยาของอดัม เซดจ์วิค จากนั้นใช้เวลาครึ่งเดือนในช่วงฤดูร้อนเพื่อทำแผนที่ในเวลส์ และอีก 1 สัปดาห์กับเพื่อนนักเรียนในบาร์มอธ หลังจากนั้นเมื่อเขากลับมาบ้าน จึงได้รับจดหมายฉบับหนึ่งจากเฮนสโลว์เสนอให้ดาร์วินเป็นนักธรรมชาติวิทยา (แม้ยังเรียนไม่จบ) โดยใช้ทุนวิจัยของตนเอง ร่วมกับกัปตันโรเบิร์ต ฟิตซ์รอย ในการเดินทางร่วมกับเรือหลวงบีเกิลที่กำลังจะออกเดินทางไปยังชายฝั่งอเมริกาใต้ภายในเวลา 4 สัปดาห์ บิดาของเขาไม่เห็นด้วยกับการต้องออกเดินทางไปถึง 2 ปี ด้วยเห็นว่าเป็นการเสียเวลาเปล่า แต่จากการเกลี้ยกล่อมของ โจซิอาห์ เวดจ์วูด ผู้เป็นน้องเขย จึงได้ยินยอมให้ดาร์วินร่วมเดินทางได้
=== การเดินทางกับเรือบีเกิล ===
การเดินทางเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 1831 และใช้เวลาเดินทางรวมทั้งสิ้น 5 ปี ขณะที่เรือหลวงบีเกิลทำการสำรวจและทำแผนที่ชายฝั่งอเมริกาใต้นั้น ดาร์วินใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนฝั่งเพื่อสำรวจด้านธรณีวิทยาและเก็บสะสมตัวอย่างสำหรับการศึกษาประวัติศาสตร์ สมดังที่ที่ฟิตซ์รอยตั้งใจไว้ เขาเขียนบันทึกผลการสังเกตการณ์และการคาดเดาทางทฤษฎีอย่างละเอียด ระหว่างช่วงหยุดพัก ดาร์วินส่งของตัวอย่างกลับไปยังเคมบริดจ์ พร้อมกับจดหมายซึ่งมีสำเนาบันทึกงานเขียน การเดินทางของบีเกิล (The Voyage of the Beagle) ไปให้ครอบครัวด้วย ดาร์วินค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยา รวมถึงการสะสมเต่าทอง และการผ่าตัดศึกษาสัตว์ทะเล แต่ในสาขาอื่นๆ แล้วเขาแทบไม่รู้อะไรเลย และเก็บตัวอย่างเอาไว้เพื่อส่งต่อไปให้ผู้เชี่ยวชาญอื่นตรวจสอบ ดาร์วินเมาคลื่นมาก แต่กระนั้นก็ยังเขียนหนังสือมากมายขณะอยู่ในเรือ งานเขียนเชิงสัตววิทยาส่วนใหญ่เกี่ยวกับสัตว์ทะเลที่ไม่มีกระดูกสันหลัง เริ่มจากแพลงตอนซึ่งเก็บได้ระหว่างช่วงทะเลสงบ
เมื่อเรือหยุดพักครั้งแรกที่ St. Jago ดาร์วินพบว่าแถบสีขาวที่อยู่ด้านบนหินภูเขาไฟนั้นมีเปลือกหอยอยู่ด้วย ฟิตซ์รอยมอบหนังสือเล่มแรกในชุด Principles of Geology ของ Charles Lyell ให้เขาเพื่อศึกษาแนวคิดหลักความเป็นเอกภาพ (Uniformitarianism) ของผืนดินที่ค่อยๆ ดันตัวขึ้นหรือถล่มลงหลังจากเวลาผ่านไปนานๆ ดาร์วินเห็นเช่นเดียวกับ Lyell และได้เริ่มทฤษฎีและคิดจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับธรณีวิทยา ดาร์วินดีใจมากที่พบป่าเขตร้อนที่บราซิล แต่ก็ไม่ชอบใจที่พบเห็นการใช้งานทาสที่นั่น
ที่ Punta Alta ใน Patagonia เขาได้ค้นพบครั้งใหญ่คือกระดูกฟอสซิลของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่สูญพันธุ์ไปแล้วในหุบเขา ข้างกันกับเปลือกหอยใหม่ๆ ซึ่งบ่งชี้ว่าเป็นการสูญพันธุ์เมื่อไม่นานมานี้โดยที่ไม่มีร่องรอยการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศหรือหายนะภัยใดๆ เลย เขาแยกแยะว่าซากนั้นคือ Megatherium โดยดูจากฟันและความสัมพันธ์ของโครงกระดูกซึ่งในตอนแรกเขาคิดว่าดูเหมือน armadillo ในท้องถิ่นที่มีขนาดยักษ์ การค้นพบนี้กลายเป็นจุดสนใจอย่างมากเมื่อพวกเขากลับไปยังอังกฤษ ขณะขี่ม้าไปกับพวกกอโช (gaucho) สู่ด้านในแผ่นดินเพื่อสำรวจทางธรณีวิทยาและเก็บรวบรวมฟอสซิลเพิ่มขึ้น เขาได้รับมุมมองด้านสังคม การเมือง และมานุษยวิทยา ในหมู่ชนพื้นเมืองกับชาวอาณานิคมในยุคของการปฏิวัติ และได้เรียนรู้ว่านก rhea สองชนิดนั้นอยู่แยกกันแต่มีอาณาเขตที่คาบเกี่ยวกัน ยิ่งสำรวจไกลลงไปทางใต้ เขาแลเห็นที่ราบลดหลั่นกันเป็นชั้น เต็มไปด้วยกรวดและเปลือกหอยเหมือนกับชายหาดที่ยกตัวขึ้นมา เขาอ่านหนังสือเล่มที่ 2 ของ Lyell และยอมรับมุมมองว่าด้วย "ศูนย์กลางการสร้างสรรค์" ของสปีชีส์ แต่การค้นพบของเขากับทฤษฎีที่คิดขึ้นมานั้นท้าทายต่อแนวคิดของ Lyell ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องราบรื่น กับการสูญพันธุ์ของบางสปีชีส์
=== การริเริ่มทฤษฎีวิวัฒนาการ===
ทฤษฎีวิวัฒนาการ คือแนวคิดของนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามจะอธิบายว่าวิวัฒนาการมีจริงและเกิดขึ้น ได้อย่างไรโดยอาศัยหลักฐานทางด้านต่างๆประกอบและยืนยันแนวโน้มของวิวัฒนาการมีดังนี้
1. เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไปข้างหน้าไม่ย้อนกลับ มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงจากแบบ ง่าย ๆ เป็นซับซ้อนจากแบบโบราณเป็นแบบก้าวหน้าและจากแบบทั่วไปเป็นแบบจำเพาะเจาะจงเช่น การลดจำนวนของกระดูก ก้นกบหรือการเชื่อมของ กลีบดอกเป็นต้น
2. ลักษณะทางพันธุกรรมที่ไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมจะถูกกำจัด หรือสูญหายไป
ทฤษฎีวิวัฒนาการของนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ ๆ ได้แก่
1. ทฤษฏีของลามาร์ค (Jean Lamarck)
2. ทฤษฎีของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ( Charles Darwin)
3. ทฤษฏีของดาร์วิน และ วอลเลช (Alfred Russel Wallace)
=== ชีวิตสมรสและช่วงเจ็บป่วย ===
=== ช่วงสุดท้ายของชีวิต ===
หนังสือเล่มสุดท้ายก่อนที่ดาร์วินจะเสียชีวิตในวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1882 ศพของเขาถูกฝังอยู่ที่วิหารเวสต์มินสเตอร์ ผลงานหนังสือที่ตีพิมพ์ของดาร์วินเป็นผลงานที่มีประโยชน์อย่างมากทั้งทางชีววิทยา และมานุษยวิทยา โดยเฉพาะทฤษฎีวิวัฒนาการถือได้ว่าเป็นก้าวสำคัญในวงการชีววิทยา
== ผลงาน ==
=== ทฤษฎีการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ===
=== การคัดเลือกทางเพศ ===
== อนุสรณ์ ==
== อ้างอิง ==
== บรรณานุกรม ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ห้องสมุดดาร์วินออนไลน์ (Darwin online) จัดทำโดยมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
The Complete Works of Charles Darwin Online – Darwin Online; Darwin's publications, private papers and bibliography, supplementary works including biographies, obituaries and reviews
public domain
Darwin Correspondence Project Full text and notes for complete correspondence to 1867, with summaries of all the rest
Works by Charles Darwin in audio format from LibriVox
Video and radio clips Canadian Broadcasting Corporation
Darwin 200: Celebrating Charles Darwin's bicentenary , Natural History Museum
A Pictorial Biography of Charles Darwin
Mis-portrayal of Darwin as a Racist
Darwin's Volcano – a short video discussing Darwin and Agassiz' coral reef formation debate
The life and times of Charles Darwin, an audio slideshow, The Guardian, Thursday 12 February 2009, (3 min 20 sec).
Darwin's Brave New World – A 3 part drama-documentary exploring Charles Darwin and the significant contributions of his colleagues Joseph Hooker, Thomas Huxley and Alfred Russel Wallace also featuring interviews with Richard Dawkins, David Suzuki, Jared Diamond
Interactive Google Map of Charles Darwin's Voyage of the Beagle Zoom in on the actual locations Darwin explored in both satellite and terrain mode, complete with Wikipedia links to descriptions of each location.
A naturalist's voyage around the world Account of the Beagle voyage using animation, in English from Centre national de la recherche scientifique
บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2352
บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2425
นักธรรมชาติวิทยา
นักพฤกษศาสตร์
ภาคีสมาชิกราชสมาคมแห่งลอนดอน
บุคคลจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
ผู้ได้รับพัวร์เลอเมรีท (ชั้นพลเรือน)
บุคคลจากมหาวิทยาลัยเอดินบะระ
บุคคลจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
บุคคลจากชรูส์บรี
|
thaiwikipedia
| 1,873 |
เฮนรี ฟอร์ด
|
เฮนรี ฟอร์ด (Henry Ford; 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2406 – 7 เมษายน พ.ศ. 2490) เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทฟอร์ดมอเตอร์ และได้ชื่อว่าเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนก่อให้เกิด "ชนชั้นกลาง" ขึ้นมาในสังคมอเมริกัน ฟอร์ดเป็นผู้แรกที่ประยุกต์ระบบสายพานการผลิตเข้ากับการผลิตยานยนต์ในจำนวนมาก ๆ ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่ปฏิวัติการผลิตเชิงอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลอย่างมากกับวัฒนธรรมสมัยใหม่ โดยนักทฤษฎีสังคมหลายคนถึงกับเรียกช่วงประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและสังคมช่วงนี้ว่า "แบบฟอร์ด" (Fordism)
== ประวัติ ==
ฟอร์ด เป็นวิศวกรของบริษัทเอดิสัน ในเมืองดีทรอยต์ เขาได้รับมอบหมายให้ศึกษาและพัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมัน จนกระทั่งสามารถพัฒนารถยนต์สี่ล้อคันแรกสำเร็จในปี 2439 เขาตั้งชื่อว่า "ฟอร์ด ควอดริไซเคิล" (Ford Quadricycle) ต่อมา ในปี 2446 เขาได้ตั้ง "บริษัท ฟอร์ด มอเตอร์" (Ford Motor Company) ร่วมกับเพื่อน ๆ นักประดิษฐ์ พ.ศ. 2446 เขาริเริ่ม นำระบบสายพานมาใช้ในการผลิต โดยให้อุปกรณ์ไหลไปตามสายพานและให้คนงานประกอบรถยนต์ทีละส่วน และทำให้ผลิตรถยนต์หนึ่งคันเพียงชั่วโมงครึ่ง เขาผลิตรถยนต์ ฟอร์ด โมเดล ที จากเดิมราคา 850 ดอลลาร์ เหลือเพียง 360 ดอลลาร์ ออกจำหน่ายเป็นครั้งแรก ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากอเมริกันชนเป็นอย่างดี เพราะเป็นรถยนต์ที่สวยงาม มีความแข็งแรงทนทาน และมีราคาถูกกว่ารถยนต์ยี่ห้ออื่นในตลาดเกือบครึ่ง รถยนต์รุ่นนี้ผลิตจนถึงปี 2470 จำหน่ายได้ทั้งหมดราว 15 ล้านคัน
ต่อมาเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 บริษัทฟอร์ดก็ยังประสบความสำเร็จในการผลิตเครื่องบิน "ฟอร์ด 4เอที ไตรมอเตอร์" (Ford 4AT Trimotor) ฟอร์ดมีส่วนในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ให้ก้าวหน้าขึ้นกลายเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ฟอร์ดถึงแก่กรรม 7 เมษายน 2490 ฟอร์ดได้รับการยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งการผลิตระบบสายพาน" ปัจจุบันบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ ได้ขยายกิจการธุรกิจรถยนต์ไปทั่วโลก โดยเป็นเจ้าของธุรกิจรถยนต์แบรนด์อเมริกันคือ "ฟอร์ด" (Ford) "ลินคอล์น" (Lincoln) และ "เมอร์คิวรี" (Mercury) และปัจจุบันยังมีหุ้น แอสตันมาร์ติน (Aston Martin) อยู่ นอกจากนี้ยังร่วมลงทุนกับบริษัทผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นคือ "มาสด้า" (Mazda) และเคยเป็นเจ้าของแบรนด์อังกฤษคือ จากัวร์ (Jaguar) แลนด์ โรเวอร์ (Land Rover) และแบรนด์สวีเดนคือ "วอลโว่" (Volvo) ฟอร์ด มอเตอร์ทำรายได้ต่อปีประมาณ 12.6 พันล้านบาท (ปี 2549) มีพนักงานทั่วโลกราว 280,000 คน (ปี 2549)
== อ้างอิง ==
Baldwin, Neil; Henry Ford and the Jews: The Mass Production of Hate; PublicAffairs, 2000; ISBN 1-58648-163-0
Foust, James C. "Mass-produced Reform: Henry Ford's Dearborn Independent" American Journalism 1997 14 (3–4) : 411–424.
บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2406
นักธุรกิจชาวอเมริกัน
ผู้บุกเบิกยานยนต์
ชาวอเมริกันเชื้อสายเบลเยียม
บุคคลจากรัฐมิชิแกน
|
thaiwikipedia
| 1,874 |
โยฮันเนิส กูเทินแบร์ค
|
โยฮันเนิส เก็นส์ไฟลช์ ซัวร์ ลาเดิน ซุม กูเทินแบร์ค (Johannes Gensfleisch zur Laden zum Gutenberg; ประมาณ ค.ศ. 1400 – 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1468) เป็นช่างเหล็ก ช่างทอง ช่างพิมพ์ และนักประดิษฐ์ชาวเยอรมัน มีชื่อเสียงจากการมีส่วนพัฒนาเทคโนโลยีการพิมพ์ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1450 ซึ่งรวมถึงตัวพิมพ์โลหะอัลลอย และหมึกพิมพ์ที่ใช้น้ำมันเป็นฐาน แม่พิมพ์สำหรับหล่อตัวพิมพ์ได้อย่างแม่นยำ และแท่นพิมพ์แบบกดแบบใหม่ ซึ่งพัฒนาจากเครื่องกดที่ใช้ในการทำไวน์
กูเทินแบร์คได้ชื่อว่าเป็นผู้ประดิษฐ์ตัวพิมพ์ที่ถอดได้ขึ้นในยุโรป ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อจากการพิมพ์แบบบล็อกที่ใช้กันอยู่ในขณะนั้น เมื่อรวมส่วนประกอบต่าง ๆ ดังกล่าวเข้าด้วยกันในระบบการผลิตแล้ว เขาได้ทำให้การพิมพ์อย่างรวดเร็วเป็นไปได้ และทำให้ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาของยุโรป
กูเทินแบร์คเกิดที่เมืองไมนทซ์ในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (ปัจจุบันอยู่ในประเทศเยอรมนี) เป็นบุตรชายของพ่อค้าชื่อ ฟรีเลอ เก็นส์ไฟลช์ ซัวร์ ลาเดิน (Friele Gensfleisch zur Laden) ซึ่งต่อมาได้รับเอาชื่อ "ซุม กูเทินแบร์ค" (zum Gutenberg) ซึ่งเป็นชื่อบริเวณที่ครอบครัวของเขาย้ายเข้าไปอยู่อาศัย มาใช้เป็นนามสกุล
== อ้างอิง ==
บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 1941
นักประดิษฐ์ชาวเยอรมัน
บุคคลจากไมนทซ์
|
thaiwikipedia
| 1,875 |
22 พฤษภาคม
|
วันที่ 22 พฤษภาคม เป็นวันที่ 142 ของปี (วันที่ 143 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 223 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) - พี่น้องตระกูลไรต์จดสิทธิบัตรอากาศยานที่พวกเขาสร้างขึ้น
พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) - เกิดแผ่นดินไหวแมกนิจูด 9.5 ซึ่งรุนแรงที่สุดเท่าที่มีการบันทึกมา ในเมืองวาลดีเวีย ประเทศชิลี จนทำให้เกิดคลื่นสึนามิเดินทางไปถึงเมือง ฮิโล รัฐฮาวาย ในวันต่อมา
พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) - โครงการอะพอลโล: นักบินอวกาศ 2 คน ในส่วนลงดวงจันทร์ (lunar module) ของอะพอลโล 10 โคจรผ่านใกล้พื้นผิวดวงจันทร์ด้วยระยะห่าง 15.6 กิโลเมตร
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - นินเทนโดเผยแพร่เกม แพ็ก-แมน ในประเทศญี่ปุ่น
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) -
*สาธารณรัฐอาหรับเยเมนและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเยเมนผนวกเป็นสาธารณรัฐเยเมน
*ไมโครซอฟท์เปิดตัวระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 3.0
พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล รับรางวัล Prix du Jury จากภาพยนตร์เรื่อง สัตว์ประหลาด! (Tropical Malady) ในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส
พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) - โตเกียวสกายทรีเปิดใช้งานเป็นวันแรก
พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) - คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กระทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการของนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล (รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) จนทำให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 สิ้นสุดลง และได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 แทน
พ.ศ. 2560 (ค.ศ. 2017) - เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 25 คน
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2231 (ค.ศ. 1688) - อเล็กซานเดอร์ โป๊ป กวีชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2317)
พ.ศ. 2356 (ค.ศ. 1813) - ริชาร์ด วากเนอร์ นักแต่งเพลงชาวเยอรมัน (ถึงแก่กรรม 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2425)
พ.ศ. 2402 (ค.ศ. 1859) - อาร์เทอร์ โคนัน ดอยล์ นักประพันธ์และแพทย์ชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2473)
พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906) - หม่อมเจ้าครรชิตพล อาภากร (สิ้นชีพิตักษัย 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2509)
พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) - ลอเรนซ์ โอลิวีเอร์ นักแสดง ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ ชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2532)
พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) - รัตน์ เปสตันยี ผู้กำกับฯและผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวไทย (ถึงแก่กรรม 11 สิงหาคม พ.ศ. 2513)
พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) - เฮอร์เบิร์ต ซี. บราวน์ นักเคมีรางวัลโนเบล (ถึงแก่กรรม 19 ธันวาคม พ.ศ. 2547)
พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) - เจ้าดวงเดือน ณ เชียงใหม่ เจ้านายฝ่ายเหนือ (ถึงแก่กรรม 2 มกราคม พ.ศ. 2566)
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - ไมเคิล คอสตรอฟฟ์ นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - เนโอมี แคมป์เบลล์ นางแบบและนักแสดง
พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) - เอ็ม ซี ไอห์ แร็ปเปอร์และนักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - ฌอน กันน์ นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - คาร์ลา เชตโตวา นักการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์ชาวเช็กเกีย
พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - คริสติน มารี นีเวล นักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - แม็คกี้ คิว นางแบบและนักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - วรยศ บุญทองนุ่ม นักร้อง นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - พิชญ์นาฏ สาขากร นางแบบ นักแสดงหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - ศิรพันธ์ วัฒนจินดา นักแสดงหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - ปวริศา เพ็ญชาติ นักร้อง พิธีกรหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - แมตต์ จาร์วิส นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987)
* นอวัก จอคอวิช นักเทนนิสชาวเซอร์เบีย
* อาร์ตูโร บิดัล นักฟุตบอลชาวชิลี
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - พลัฏฐ์พล มิ่งพรพิชิต ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไทย
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990)
* ถิร ชุติกุล นักแสดงและนายแบบชาวไทย
* จิตติมา วิสุทธิปราณี นักแสดงและนางแบบหญิงชาวไทย
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - ซูโฮ นักร้องชาวเกาหลี
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - นีโคไล แพนเชฟ นักกีฬาวอลเลย์บอลชาวบัลแกเรีย
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - เอ็ดเวิร์ด บลูเมล นักแสดงชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - เชอรีฟ ยูนูซ นักวอลเลย์บอลโอลิมปิก ชาวกาตาร์
พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - อองตู นักฟุตบอลอาชีพชาวพม่า
พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) - ราฟาแอล กามาชู นักฟุตบอลชาวโปรตุเกส
พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - เพย์ตัน เอลิซาเบธ ลี นักแสดงชาวอเมริกัน
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 735 (ค.ศ. 189) - ตั๋งโต๊ะ (เกิด พ.ศ. 682)
พ.ศ. 880 (ค.ศ. 337) - จักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 1 (พระราชสมภพ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 814)
พ.ศ. 2210 (ค.ศ. 1667) - สมเด็จพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 7 (ประสูติ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2141)
พ.ศ. 2428 (ค.ศ. 1885) - วิกตอร์ อูว์โก นักเขียนชาวฝรั่งเศส (เกิด 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2345)
พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) - พระครูนิวาสธรรมขันธ์ (เดิม พุทฺธสโร) (เกิด 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2403)
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี (พระราชสมภพ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2447)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันแห่งความหลากหลายทางชีวภาพโลก
วันชาติในสาธารณรัฐเยเมน
พ.ศ. 2567 (ค.ศ. 2024) - วันวิสาขบูชา
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
พฤษภาคม 22
พฤษภาคม
|
thaiwikipedia
| 1,876 |
เครื่องคิดเลขเชิงกล
|
เครื่องคิดเลขเชิงกล หรือ เครื่องจักรคำนวณ คือเครื่องมือเชิงกลที่ใช้สำหรับกระทำการดำเนินการพื้นฐานทางเลขคณิต เครื่องคิดเลขเชิงกลส่วนมากมีขนาดพอ ๆ กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะขนาดเล็กในปัจจุบัน เป็นเครื่องมือที่ล้าสมัยเนื่องจากถูกแทนที่ด้วยเครื่องคิดเลขอิเล็กทรอนิกส์
เครื่องคิดเลขเชิงกลทำงานโดยใช้กลไกไม่ใช้ไฟฟ้า เช่นเฟือง เป็นต้น
ลูกคิด (Abacus)
กระดูกนาเปียร์ (Napier's bones)
Difference engines ของ ชาร์ลส แบบเบจ
Odhner's Arithmometer
Curta
เครื่องมือคณิตศาสตร์
อุปกรณ์สำนักงาน
|
thaiwikipedia
| 1,877 |
นินจุตสึ
|
นินจุตสึ (คันจิ: 忍術, โรมะจิ: Ninjutsu) หมายถึง วิชาการต่อสู้ของนินจา เป็นวิชาการต่อสู้โบราณที่สูญหายของญี่ปุ่น มีประวัติไม่แน่นอน แต่คาดกันว่ามีพระจาริกนำมาจากเมืองจีน และเมื่อได้เข้ามาในญี่ปุ่นก็ปรับเปลี่ยนไปตามประเพณีและวัฒนธรรมญี่ปุ่น
ในอดีตมีสำนักของนินจุตสึอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่นกว่า 20 สำนัก กลุ่มของนินจาที่โด่งดังของญี่ปุ่นในอดีตได้แก่ อิกะ โคกะ ฟูมะ แต่หลังจากถูกกวาดล้างจากสงครามของ โอดะ โนบุนากะ จึงทำให้วิชาจำนวนมากหายสาบสูญไป ในบางช่วงของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นวิชานินจุตสึถูกสั่งห้ามไม่ให้ฝึก ทำให้คนรู้จักวิชานี้หลงเหลืออยู่น้อยมาก แม้จะเป็นผู้สืบทอดวิชาตัวจริงก็รับรู้ได้เพียงเนื้อหาบางส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่เท่านั้น
== สำนักและการสืบทอด ==
ปัจจุบัน มีนินจุตสึเพียงสามสายวิชาที่คงเหลืออยู่ได้แก่ โตกาคุเระ ริว นินโป (Togakure-ryu Ninpo), เกียวคุชิน ริว นินโป (Gyokushin-ryu Ninpo) และ
คุโมกาคุเระ ริว นินโป (Kumogakure-ryu Ninpo) โดยที่สามวิชามีการสืบทอดโดยตรงสู่ปรมาจารย์ มาซากิ ฮัตซึมิ เจ้าสำนักบูจินกัน
ปัจจุบันสำนักที่มีการสอนนินจุตสึโดยแยกตัวมาจากสำนักบูจินกันเพิ่มอีกสองสำนัก ทำให้มีโรงฝึกนินจุตสึที่เชื่อถือได้สามสำนัก ได้แก่
บูจินกัน
มีผู้สืบทอดคือ มะซากิ ฮัตซึมิ เป็นผู้สืบทอดความเป็นเจ้าสำนักลำดับที่ 34 ของ โตกะกุเระริว นินโป
โดยได้รับสืบทอดจาก ทากามัสสึ โทชิสุกุ ซึ่งได้ชื่อเป็นนินจาที่แท้จริงคนสุดท้าย
เกนบูกัน
ถูกก่อตั้งมาในปี 1984 โดยโชโต้ ทาเนมูระ อดีตลูกศิษย์ของ มาซึอะกิ ฮะซึมิ ได้ออกจากบูจินกันเมื่ออยู่ในระดับสายดำขั้นที่แปด
ต่อมาได้เข้าฝึกกับลูกศิษย์บางคนของ ทากามัสสึ โทชิสุกุ และ ก่อตั้ง เกนบูกันขึ้น
จิเนนกัน
ถูกก่อตั้งมาในปี 1996 โดย ฟุมิโอะ มานากะ อดีตลูกศิษย์ของ มาซึอะกิ ฮะซึมิ แยกตัวเปิดสำนักของตัวเองเมื่อปี 1996
ถึงแม้ว่าทั้ง 3 สำนักข้างต้นจะได้รับการสืบทอดวิชาโดยปรมาจารย์ที่แท้จริง แต่ก็ไม่สามารถถือว่าเป็นนินจุตสึที่สมบูรณ์แบบ 100% ได้
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าผู้คิดค้นวิชาต้นฉบับดั้งเดิมนั้นค่อนข้างที่จะหวงวิชา ไม่อยากเผยแพร่เนื้อหาสำคัญให้บุคคลภายนอกรับรู้เพื่อป้องกันมิให้ข้าศึกแอบแฝงตัวมาฝึกและเก็บเกี่ยววิชาไปใช้
== ทักษะการต่อสู้ 18 ประการ ==
ทักษะการต่อสู้ 18 ประการของนินจุตสึที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ได้แก่ : -
Seishin-teki kyōkō (การขัดเกลาจิตวิญญาณ)
Bojutsu|Bōjutsu (การใช้พลองและกระบอง)
Shurikenjutsu (การปาดาวกระจาย)
Sōjutsu (การใช้หอก)
Naginatajutsu (การใช้ง้าว)
Kusarigamajutsu (การใช้เคียวโซ่)
Kayakujutsu (การวางเพลิง และ วิชาระเบิด)
Hensojutsu|Hensōjutsu (การปลอมแปลงและเลียนแบบบุคคล)
Shinobi-iri (การล่องหนและแทรกซึม)
Bajutsu (การขี่ม้า)
Sui-ren (ฝึกการเคลื่อนที่ในน้ำและเหนือผิวน้ำ)
Bōryaku (กลยุทธ)
Chōhō (จารกรรม)
Intonjutsu (การหนี และ ปกปิดร่องรอย)
Tenmon (การพยากรณ์อากาศ)
Chi-mon (การใช้ประโยชน์ทางด้านภูมิศาสตร์)
Taijutsu (การต่อสู้มือเปล่า)
Kenjutsu (การใช้ดาบ)
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
นินจุตสึในไทย
ศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่น
นินจุตสึ
|
thaiwikipedia
| 1,878 |
ตัวเลขอีทรัสคัน
|
ตัวเลขอีทรัสคัน เป็นระบบตัวเลขที่ชาวอีทรัสคันใช้ มีการดัดแปลงมาจากตัวเลขกรีกแอตติก และมีการพัฒนาเป็นตัวเลขโรมันในภายหลัง
{| border=1 align=center cellpadding=4 cellspacing=0 style="margin: 0 0 1em 1em; background: #f9f9f9; border: 1px #aaa solid; border-collapse: collapse; font-size: 95%;"
|-
!ตัวเลขอีทรัสคัน
!ตัวเลขอาหรับ
!สัญลักษณ์ *
|-
|ธู
|1
| I
|-
|มัค/มาห์
|5
| Λ
|-
|ซาร์
|10
| X
|-
|มัฟ-อัค/มัค-อัค
|50
| ↑
|-
|?
|100
| C หรือ Ж
|}
หมายเหตุ
รูปสัญลักษณ์ที่ใกล้เคียง เนื่องจากว่าคอมพิวเตอร์ไม่มีสัญลักษณ์แทนรูปเหล่านี้
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
http://users.tpg.com.au/etr/etrusk/tex/grammar.html#num
http://www.lostlanguages.com/etruscan.htm
http://www.mysteriousetruscans.com/language.html
ระบบเลข
อีทรัสคัน
|
thaiwikipedia
| 1,879 |
ทฤษฎีบทของวิลสัน
|
ทฤษฎีบทของวิลสัน (Wilson's Theorem) ในคณิตศาสตร์กล่าวว่า ถ้า p เป็นจำนวนเฉพาะแล้ว
(p-1)! \equiv -1 \pmod{p}
(ดูเพิ่มเติมใน แฟกทอเรียล และ เลขคณิตมอดุลาร์ สำหรับความหมายของสัญกรณ์
== ประวัติ ==
== การพิสูจน์ ==
ใช้ข้อเท็จจริงที่ว่า ถ้า p เป็นจำนวนเฉพาะคี่ แล้วเซต G = (Z/pZ) × = {1, 2, ... p − 1} จะอยู่ในรูปกรุปภายใต้การคูณมอดุโล pได้ นั่นหมายความว่า สำหรับแต่ละสมาชิก i ใน G จะมีสมาชิกผกผัน j ใน G ที่ทำให้ ij ≡ 1 (mod p) ได้อย่างเดียว. ถ้า i ≡ j (mod p) แล้วจะทำให้ i2 − 1 = (i + 1) (i − 1) ≡ 0 (mod p) จาก p เป็นจำนวนเฉพาะ ทำให้ i ≡ 1 หรือ −1 (mod p) , นั่นคือ i = 1 หรือ i = p − 1.
หรือกล่าวได้ว่า 1 และ p − 1 เท่านั้น ที่เป็นตัวผกผันกับตัวเอง แต่สมาชิกตัวอื่นๆใน G จะมีตัวผกผันที่แตกต่างกัน ดังนั้น ถ้าจับคู่สมาชิกตัวที่ผกผันกันใน G และคูณทั้งหมดเข้าด้วยกัน จะได้ผลคูณเท่ากับ -1 ตัวอย่างเช่น ถ้า p = 11 จะได้
10! = 1(10) (2 \cdot 6) (3 \cdot 4) (5 \cdot 9) (7 \cdot 8) \ \equiv\ -1\ (\mbox{mod}\ 11)
สำหรับบทกลับ ให้ n เป็นจำนวนประกอบ ที่ทำให้ (n − 1) ! ≡ −1 (mod p) , ดังนั้น n จะมีตัวหารแท้ d ซึ่ง 1 5
(n − 1) ! หารด้วย n ลงตัว
เหลือกรณีที่ n = 4 ซึ่ง 3! สมภาคกับ 2 โมดุโล 4
เลขคณิตมอดุลาร์
จำนวนเฉพาะ
ทฤษฎีบททางคณิตศาสตร์
|
thaiwikipedia
| 1,880 |
สำนักบู๊ตึ๊ง
|
สำนักบู๊ตึ๊ง (武当派) เป็นสำนักวิชากำลังภายในที่มีชื่อเสียงในนิยายกำลังภายในหลายเรื่อง โดยเฉพาะนิยายกำลังภายในของกิมย้ง
== ประวัติ ==
ในเรื่องดาบมังกรหยก บู๊ตึ๊งเริ่มมาจากหลวงจีนในวัดเส้าหลิน ชื่อว่า จางซานฟง (อ่านแบบจีนกลาง) หรือ เตียซำฮง (อ่านแบบแต้จิ๋ว) ซึ่งเดิมมีชื่อว่า เตียกุนป้อ เป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ กั๊กเอี้ยงซึ่งมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ อาจารย์กั๊กเอี้ยงสั่งให้เตียกุนป้อลงจากเส้าหลินเนื่องเพราะวัดมีภัย โดยมีผู้บุกรุกนามว่า สามวิเศษเขาคุนลุ้น ซึ่งภายหลังกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิด โดยถ่ายทอดวิชาในคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นให้ ซึ่งถือว่าเป็นยอดวิชาลมปราณหลังกำเนิด (คู่กับซือชวยเก็ง หรือคัมภีร์ชะล้างไขกระดูก อันเป็นลมปราณก่อนกำเนิด) หลังจากลงจากวัด ได้พบกับก๊วยเซียงและร่วมทางกันช่วงหนึ่ง หลังจากนั้นได้ก่อตั้งสำนักชื่อว่าสำนัก บู๊ตึ๊ง และเปลี่ยนชื่อตนเองเป็น เตียซำฮง รับศิษย์รุ่นแรก 7 คน ซึ่งเป็นที่มีชื่อเสียงในยุทธภพมาก ชาวยุทธต่างขนานนามว่า 7 กระบี่บู๊ตึ๊ง หรือ 7 จอมยุทธบู๊ตึ๊ง วิชาที่โด่ดเด่นคือ วิชากระบี่และมวย โดยมีวรยุทธบางชุดของเส้าหลิน บางชุดดัดแปลง
และมี ยอดวิชาของสำนักคือ กระบี่ไท่เก๊ก และมวยไท่เก๊ก ซึ่งเตียซำฮง บัญญัติขึ้นภายหลัง โดยสังเกตจากการต่อสู้ของ งูกับกระเรียน
ส่วนตามประวัติศาสตร์ อาจารย์ของเตียซำฮงเป็นนักพรตในลัทธิเต๋านามว่า ฮวยเหล็งจินหยิน และมวยบู๊ตึงกับเส้าหลินไม่ได้มีพื้นฐานเดียวกันอย่างเช่นในนิยาย เนื่องจากมวยไท่เก็ก เป็นภูมิปัญญาแบบจีนแท้ เน้นความอ่อนหยุ่น ธาตุหยิน ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ส่วนมวยเส้าหลินมีต้นกำเนิดมาจากแถบอินเดีย โดยมีรากฐานมาจากโยคะ คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ก็มีรากฐานมาจากวิชาโยคะ และศาสตร์ของพุทธมหายาน เน้นความแข็งกร้าว ธาตุหยาง
สำนักบู๊ตึ๊งมีความยิ่งใหญ่เทียบเคียงวัดเส้าหลิน ถือเป็นเสาหลักของยุทธภพ
เหมือนคำเปรียบเปรยที่ว่า " เหนือเทิดทูนเส้าหลิน ใต้ยกย่องบู๊ตึ๊ง " เตียซำฮงมีความสนิทกับก๊วยเซียงเจ้าสำนักง้อไบ๊
หลานศิษย์ของเตียซำฮง คือเตียบ่อกี้ ได้รับตำแหน่งประมุขนิกายเม้งก่า มีบทบาทในการขับไล่ชาวมองโกลในนิยายด้วย
== ดูเพิ่ม ==
เขาบู๊ตึ๊ง
ไท่เก๊ก
ตัวละครในนิยายกำลังภายใน
สำนักและพรรคในนิยายกำลังภายใน
Tai Chi de Wudang
|
thaiwikipedia
| 1,881 |
สำนักง้อไบ๊
|
สำนักง้อไบ๊ (峨嵋派) เป็นสำนักนางชีที่มีชื่อด้านกำลังภายใน ปรากฏในนิยายกำลังภายในของกิมย้ง ในภาษาจีนกลาง เรียกว่า เอ้อเหมย ซึ่งเป็นเขาที่มีอยู่จริง เชื่อกันว่าบนเขาเอ้อเหมยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตย์อยู่ เป็นหนทางที่สามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์ได้ เพราะบนยอดเขามักจะมีคนพบเห็นแสงสว่างที่เป็นรัศมีเรืองรองอยู่บ่อยๆ ซึ่งนั่นเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แสงอาทิตย์ทำมุมตกกระทบกับยอดเขานั่นเอง
== ประวัติ ==
ในนิยายเรื่องมังกรหยก ภาค 2 ก๊วยเซียง ลูกสาวคนที่สองของ ก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้ง ได้รับทราบความจริงว่าเอี้ยก้วยญาติผู้พี่ที่ตนหลงรัก มีความแค้นกับพ่อแม่ แต่ในที่สุดเรื่องราวก็ได้คลี่คลาย และ เข้าใจกัน ในช่วงท้ายของ เรื่องกล่าวไว้ว่านางได้ก่อตั้งสำนักชีง้อไบ๊ ซึ่งมีชื่อเสียงทัดเทียมกับสำนักบู๊ตึ๊ง
ในเรื่องดาบมังกรหยก
ประมุขพรรคง๊อไบ๊รุ่นที่ 3 คือมิกจ้อซือไท่ ซึ่งครอบครองกระบี่อิงฟ้า หนึ่งในสองอาวุธสำคัญในเรื่อง
ประมุขพรรคง๊อไบ๊รุ่นที่ 4 จิวจี้เยียกได้นำกระบี่อิงฟ้าและดาบฆ่ามังกรมาตีกันจนหัก และได้รับตำราต่างๆ ที่อยู่ภายในนัน
ชื่อของ ง้อไบ๊ ในภาษากลางอ่านออกเสียงว่า เอ้อเหมย
นอกจากปรากฏในเรื่อง มังกรหยก แล้ว ชื่อของเขา ง้อไบ๊ ยังปรากฏในเรื่อง นางพญางูขาว ด้วย ซึ่งเขาง้อไบ๊ หรือ เอ้อเหมย นี้ เป็นที่บำเพ็ญพรตของ นางพญางูขาว ไป๋ซู่เจิน นั่นเอง
ตัวละครในนิยายกำลังภายใน
สำนักและพรรคในนิยายกำลังภายใน
|
thaiwikipedia
| 1,882 |
ตัวละครใน Cosmic Era
|
Cosmic Era เป็นระบบปฏิทินที่ใช้ในการ์ตูนอะนิเมะเรื่องกันดั้มซี้ด กันดั้มซี้ดเดสทินี และภาคเสริมอื่นๆ ของกันดั้มซี้ด รายชื่อตัวละครเหล่านี้เป็นตัวละครที่ปรากฏตัวในจักรวาล Cosmic Era ทั้งหมด โดยใช้สัญลักษณ์ดังนี้
[GS] หมายถึง กันดั้มซี้ด
[GSD] หมายถึง กันดั้มซี้ดเดสทินี
[GS73] หมายถึง กันดั้มซี้ด C.E.73 สตาร์เกเซอร์
[GSA] หมายถึง กันดั้มซี้ด แอสเทรย์
[GSDA] หมายถึง กันดั้มซี้ดเดสทินี่ แอสเทรย์
ในที่จะกล่าวถึงตัวละครว่าเคยอยู่ฝ่ายไหนบ้างทุกตัว และชื่อที่มี link คือฝั่งสุดท้ายของตัวละครในตอนจบเรื่อง ซึ่งหากตัวละครที่มีชื่อหลายเรื่องจะยึดตอนที่ 50 ของเรื่องนั้นเป็นหลัก เช่น คางาริ ก็จะมีลิงก์ทั้งตอน เป็นกลางใน GS และ ออร์บ ใน GSD
ย้ำอีกครั้ง การลิงคฺนี้มีจุดประสงค์เพื่อบอกฝั่งสุดท้ายของตัวละครในตอนจบเรื่องเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าทึกลิงก์จะต้องลิงคืประวัติตัวละครได้ (มีบางตัวเท่านั้นที่มีคนอื่นๆทำไว้แล้ว)
== กองกำลังเป็นกลาง ==
กองกำลังที่ไม่ขึ้นทั้งฝ่าย ZAFT และ กองทัพโลก สามารถแบ่งได้ดังนี้
กองกำลังไคลน์ (Clyne Faction)
กองทัพออร์บ (ORB Union)
มอร์เก็นเรต (MOrgenroete)
กองกำลังอิสระอื่นๆ (Other Forces)
----
กองกำลังไคลน์ (Clyne Faction)
เป็นกองกำลังที่เริ่มตั้งขึ้นตั้งแต่การขโมย Freedom Gundam เมื่อครอบครัวเริ่มถูกตามล่าในฐานะผู้ทรยศ ลักส์ ไคลน์ ลูกสาวเพียงคนเดียวของซีเกล ไคลน์ ซึ่งรอดการตามล่าของแพทริค ซาล่านั้น ได้ขโมยยานรบรุ่นใหม่ของซาร์ฟหรือ Eternal พร้อมกับ ความพยายามที่สร้างสันติภาพในเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย
ผู้นำกองกำลัง - เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง ลักส์ ไคลน์ [GS/GSD]
ยานเอเทอนอล
สมาชิกบนยาน
ลักส์ ไคลน์ [GS/GSD]
แอนดรูว์ วอลท์เฟลด์ [GS/GSD]
มาร์ติน ดาคอสต้า [GS/GSD]
เมย์ริน ฮอว์ก [GSD]
นักบินโมบิลสูท / กันดั้ม / โมบิลอาร์เมอร์
คิระ ยามาโตะ [GS/GSD]
อัสรัน ซาล่า [GS/GSD]
ฮิลด้า ฮาร์เกนท์ [GSD]
มาร์ส ซิเมออน [GSD]
เฮอร์เบิร์ต โวน เรนฮาร์ด [GSD]
อาร์คแองเจิ้ล (Arch angel)
สมาชิกบนยาน
เมอริว ราเมียส [GS/GSD]
มิลิอาเรีย ฮาว์ล [GS/GSD]
ไซ อาร์ไกล์ [GS]
อาโนลด์ นอยแมน[GS/GSD]
โคจิโร่ เมอร์ด๊อก [GS/GSD]
แจ๊กกี้ โคโนมูระ [GS]
โรเมโร พาว [GS]
ดาลิด้า โลลาฮา แชนดร้าที่ 2 [GS/GSD]
อามางิ [GSD]
เมย์ริน ฮอว์ก [GSD]
ลักส์ ไคลน์ [GSD]
นักบินโมบิลสูท / กันดั้ม / โมบิลอาร์เมอร์
มู ลา ฟลาก้า [GS/GSD]
ดีอัคก้า เอลท์แมน [GS]
คิระ ยามาโตะ [GS/GSD]
อัสรัน ซาล่า [GS/GSD]
คางาริ ยูระ อัธฮา [GS/GSD]
นีโอ ลอน๊อค [GSD]
----
กองกำลังออร์บ
ประเทศเป็นกลางในมหาสมุทรแปซิฟิก ประกอบด้วย mass driver คางุยะ และ โคโลนี่ เฮลิโอโพลิส
ผู้นำประเทศ - อูสึมิ นาระ อัสฮา [GS], ยูน่า โรม่า เซย์รัน [GSD], คางาริ ยูระ อัสฮา [GSD]
ผู้บริหาร /กองทัพออร์บ
อูสึมิ นาระ อัสฮา [GS]
คางาริ ยูระ อัสฮา [GS/GSD]
ยูน่า โรม่า เซย์รัน [GSD]
อูนาโต เอม่า เซย์รัน [GSD]
โลโดเอล คิซากะ [GS/GSD]
โทดากะ [GSD]
อามางิ [GSD]
ORB MEMBER
มายุ อาสึกะ [GSD]
ชิน อาสึกะ [GSD]
คาริด้า ยามาโตะ [GS/GSD]
ฮารุมะ ยามาโตะ [GS/GSD?]
คิระ ยามาโตะ [GSD]
ลักส์ ไคลน์ [GSD]
อัสรัน ซาล่า [GSD]
เมอร์ริว ราเมียส [GSD]
แอนดริว วอลท์เฟลด์ [GSD]
Heliopolish
มิลิอาเรีย ฮาว์ล [GS/GSD]
ไซ อาร์ไกล์ [GS]
เฟรย์ อัลสตาร์ [GS]
คาสึอิ บัสเคิร์ก [GS]
คิระ ยามาโตะ [GS/GSD]
คุซานางิ
สมาชิกบนยาน
โลโดเอล คิซากะ [GS/GSD]
เอริก้า ซีมอนส์ [GS/GSD]
นักบินโมบิลสูท / กันดั้ม / โมบิลอาร์เมอร์
คางาริ ยูระ อัธฮา [GS/GSD]
มายูระ ลาเบ็ต [GS]
จูรี วี เนียง [GS]
อาซางิ คอตเวล [GS]
----
มอร์เก็นเรต
โรงงานของประเทศเป็นกลาง ORB
เอริก้า ซีมอนส์ [GS/GSD]
มายูระ ลาเบ็ต [GS]
จูรี วี เนียง [GS]
อาซางิ คอตเวล [GS]
----
รุ่งอรุณแห่งทะเลทราย
ซาอีฟ อาชแมน [GS/GSD]
อัฟเม็ด [GS]
คางาริ ยูระ อัธฮา [GS/GSD]
โลโดเอล คิซากะ [GS/GSD]
กองกำลังเป็นกลาง
โคนีล [GSD]
== กองทัพโลก ==
กองกำลังของโลก ฝ่ายเนเฌอรัล ชื่อภาษาอังกฤษคือ OMNI (Oppose Militancy & Neutralize Invasion Enforcer)
อาร์คแองเจิ้ล
สมกชิกบนยาน
เมอร์ริว ราเมียส [GS]
นาทาล บาจิรูล [GS]
มิลิอาเรีย ฮาว์ล [GS]
ไซ อาร์ไกล์ [GS]
เฟรย์ อัลสตาร์ [GS]
คาสึอิ บัสเคิร์ก [GS]
อาโนลด์ นอยแมน [GS]
โคจิโร่ เมอร์ด๊อก [GS]
แจ๊กกี้ โคโนมูระ [GS]
โรเมโร พาว [GS]
นักบินโมบิลสูท / กันดั้ม / โมบิลอาร์เมอร์
มู ลา ฟลาก้า [GS]
ทอลล์ เคนิก [GS]
คิระ ยามาโตะ [GS]
โดมิเนียน
สมาชิกบนยาน
นาทาล บาจิรูล [GS]
มุลต้า อัสราเอล [GS]
เฟรย์ อัลสตาร์ [GS]
นักบินโมบิลสูท / กันดั้ม / โมบิลอาร์เมอร์
ออลก้า ซับแน๊ค [GS]
ซานี่ แอนโดรัส [GS]
โครโต้ บูเออร์ [GS]
Phantom pain
สมาชิกบนยาน
นีโอ โลน๊อก [GSD]
นักบินโมบิลสูท / กันดั้ม / โมบิลอาร์เมอร์
สเตลล่าร์ ลูเซียร์ ( Stellar Lousier ) [GSD]
สติง โอ๊กเลย์ [GSD]
อาล์ว นีเดอร์ [GSD]
อื่นๆ
วิลเลี่ยม ซูทเทอร์แลนด์ [GS]
ลิวอิส ฮัลเบอตัน [GS]
เจอราร์ด การ์เซีย [GS]
BLUE COSMOS / LOGOS
ลอร์ด จิลบริว [GSD]
มุลต้า อัสราเอล [GS]
สติง โอ๊กเลย์ [GSD]
== กองทัพ ZAFT / PLANT ==
กองกำลังของฝ่ายโคออร์ดิเนเตอร์ ชื่อภาษาอังกฤษคือ
- ZAFT (Zodiac Alliance Freedom Treaty)
- PLANT (Productive Location Ally on Nexus Technology)
สภาความมั่นคงแห่งแพลนท์
แพทริก ซาล่า [GS]
กิลเบิร์ต ดูแรนดัล [GSD]
เอซาเรีย จูล [GS]
ยูริ อาร์มาฟี่ [GS]
แท้ด เอลท์แมน [GS]
ไอรีน คานาบา [GS]
ลูอิส ไรท์เนอร์ [GS]
อาลี คาซิม [GS]
ZAFT / PLANT MEMBER
เรย์ ยูกิ [GS]
มาร์โคร มูลาซิม [GS]
ลีนัวร์ ซาล่า [GS]
มีอา แคมเบลล์ [GSD]
ซีเกล ไคลน์ [GS]
ลักส์ ไคลน์ [GS]
หน่วยคลูเซ่
ผู้บัญชาการ /กัปตัน /อื่นๆ
ราอู เลอ คลูเซ่ [GS]
เฟรดดิก อาเดส [GS]
เฟรย์ อัลสตาร์ [GS]
นักบินโมบิลสูท / กันดั้ม / โมบิลอาร์เมอร์
อิซาร์ค จูล [GS]
ดีอัคก้า เอลท์แมน [GS]
นิโคล อาร์มาฟี่ [GS]
อัสรัน ซาล่า [GS]
มิเกล ไอแมน [GS]
รัสตี้ แมคเคนซี่ [GS]
หน่วยกลาดิช
ผู้บัญชาการ /กัปตัน /อื่นๆ
ทาเรีย กลาดิช [GSD]
อาร์เทอร์ ไทร์ [GSD]
เมย์ริน ฮอว์ค [GSD]
โยรัน เคนท์ [GSD]
วีโน่ ดูพรี [GSD]
นักบินโมบิลสูท / กันดั้ม / โมบิลอาร์เมอร์
ชิน อาสึกะ [GSD]
ลูน่ามาเรีย ฮอว์ค [GSD]
เรย์ ซา บาเรล [GSD]
อัสรัน ซาล่า [GSD]
ไฮเน่ เวสเทนฟลุส [GSD]
หน่วยจูล
อิซาค จูล [GS/GSD]
ดีอัคก้า เอลส์แมน [GS/GSD]
ชิโฮะ ฮาเนนฟุส [GS/GSD]
หน่วยวอลท์เฟลด์
แอนดริว วอลท์เฟลด์ [GS/GSD]
ไอช่า [GS]
มาร์ติน ดาคอสต้า
== ไม่ปรากฏข้อมูลแน่ชัด ==
ยูเรน ฮิบิกิ [GS]
วีอา ฮิบิกิ [GS]
อัล ดา ฟราก้า [GS]
กันดั้ม
ตัวละครใน Cosmic Era
|
thaiwikipedia
| 1,883 |
จังหวัดกาฬสินธุ์
|
กาฬสินธุ์ เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางหรือตอนบนของประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 510 กิโลเมตร เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน จากหลักฐานทางโบราณคดีบ่งบอกว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่าละว้า ซึ่งมีความเจริญทางด้านอารยธรรมประมาณ 1,600 ปี
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์เริ่มตั้งเป็นเมืองในสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2336 โดยท้าวโสมพะมิตรได้อพยพหลบภัยมาจากดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง (เมืองศรีสัตตนาคนหุตล้านช้างร่มขาวเวียงจันทน์) พร้อมไพร่พล และมาตั้งบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำปาว เรียกว่า "บ้านแก่งสำโรง" แล้วได้นำเครื่องบรรณาการเข้าถวายสวามิภักดิ์ต่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ต่อมาได้รับพระกรุณาโปรดเกล้ายกฐานะบ้านแก่งสำโรงขึ้นเป็นเมือง และพระราชทานนามว่า "เมืองกาฬสินธุ์" ซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยโบราณกาล กาฬ แปลว่า "ดำ" สินธุ์ แปลว่า "น้ำ" กาฬสินธุ์ จึงแปลว่า "น้ำดำ" (น้ำดำในที่นี้หมายถึง น้ำที่ใสสะอาดจนมองเห็นดินสีดำ ซึ่งดินดำเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด) ทั้งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ท้าวโสมพะมิตรเป็นพระยาชัยสุนทร (โสมพะมิตร) ครองเมืองกาฬสินธุ์เป็นคนแรก
กาฬสินธุ์มีแหล่งซากไดโนเสาร์และซากดึกดำบรรพ์อื่น ๆ หลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอำเภอสหัสขันธ์ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงด้านโปงลางและผ้าไหมแพรวา นอกจากนี้ยังมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นลาว, เขมร, จีน, เวียดนาม, ภูไท, กะเลิง, ไทข่า, ไทดำ และญ้อ เป็นต้น
== ประวัติ ==
สมัยก่อนประวัติศาสตร์-ยุคเหล็กตอนปลาย (พุทธศตวรรษที่ 3-7)
พบร่องรอยการอยู่อาศัยในหลุมขุดค้นบริเวณโนนเมืองเก่า คือ ภาชนะดินเผาลายเขียนสีแดงบนพื้นครีม ซึ่งเป็นภาชนะที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายในบริเวณแอ่งสกลนครและแอ่งโคราช กำหนดอายุอยู่ในราว 2,200 – 1,800 ปีมาแล้ว และยังพบภาชนะที่ตกแต่งผิวด้วยการทาน้ำโคลนสีแดงด้วย มีการปลงศพด้วยการฝังยาว โดยวางศีรษะให้หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือทั้งหมด แต่มีทั้งแบบนอนหงายและนอนตะแคง ไม่พบการอุทิศสิ่งของให้ศพ
นอกจากนี้ยังพบร่องรอยของกิจกรรมการถลุงเหล็กด้วยเทคนิคโบราณทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโนนเมืองเก่า และชุมชนในชั้นนี้ยังรู้จักการผลิตเครื่องประดับสำริดประเภทกำไล แหวน ต่างหู ซึ่งจากหลักฐานที่พบ คือ เบ้าดินที่มีคราบโลหะติดอยู่ และอุปกรณ์การหล่อในรูปของแม่พิมพ์ดินเผา ทำให้ทราบว่าเป็นการผลิตสำริดด้วยเทคนิค กระบวนการผลิตขั้นที่ 2 (secondary metallurgical operation) ไม่มีการถลุงเพื่อสกัดโลหะออกจากแร่ดิบ เพียงแต่นำเอาโลหะที่ผ่านการถลุงแล้วมาหลอมแล้วหล่อให้ได้รูปทรงตามต้องการด้วยวิธี lost wax process คือ ใช้ขี้ผึ้งทำแบบขึ้นมาก่อนแล้วเอาดินพอกจากนั้นให้ความร้อนเพื่อให้ขี้ผึ้งละลายและไหลออก จากนั้นจึงเอาโลหะหลอมละลายในเบ้าดินเผาเทลงแทนที่ เมื่อแข็งตัวแล้วจึงทุบแม่พิมพ์ออก กระบวนการผลิตแบบนี้พบในแหล่งโบราณคดียุคโลหะในแอ่งสกลนครและแอ่งโคราชทั่วไป เช่น บ้านเชียง บ้านนาดี เป็นต้น
สมัยประวัติศาสตร์ตอนต้น (พุทธศตวรรษที่ 7-12)
ระยะนี้รู้จักการผลิตเครื่องมือเครื่องใช้จากเหล็ก ผลิตเครื่องประดับสำริดตลอดจนผลิตภาชนะดินเผารูปแบบต่างๆ โดยการขึ้นรูปด้วยแป้นหมุนมีการเผาทั้งแบบกลางแจ้งและเผาในเตาดินที่ควบคุมอุณหภูมิได้ แต่การเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดในช่วงนี้คือประเพณีการปลงศพซึ่งเปลี่ยนจากการฝังยาวมาเป็นการฝังโดยบรรจุกระดูกทั้งโครงหรือโครงกระดูกบางส่วนโดยไม่ผ่านการเผาลงในภาชนะดินเผา การปลงศพแบบนี้ถือว่าเป็นประเพณีที่แพร่หลายอยู่ในบริเวณลุ่มน้ำโขง ชี มูล ในช่วงหัวเลี้ยวประวัติศาสตร์
สมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ 12-16)
เป็นระยะที่มีการอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดเมื่อเทียบกับระยะอื่นๆ มีการประมาณกันไว้ว่าเมืองฟ้าแดดสงยางในยุคนี้มีประชากรราว 3,000 คนเลยทีเดียว[2] โดยพบเครื่องมือเหล็ก เครื่องประดับสำริดประเภทแหวน กำไล ลูกกระพรวน นอกจากนั้นยังพบลูกปัดแก้วสีเขียวอมฟ้า รวมทั้งลูกปัดหินอะเกต และหินคาร์เนเลียน ส่วนภาชนะดินเผาส่วนใหญ่จะเป็นหม้อมีสัน กาน้ำ (หม้อมีพวย) ตะคัน ตลอดจนได้พบแวดินเผา และเบี้ยดินเผาแบบต่างๆ อาจกล่าวได้ว่าโบราณวัตถุที่พบในชั้นนี้เหมือนกับโบราณวัตถุในวัฒนธรรมทวารวดีที่พบในแหล่งโบราณคดีสมัยทวารวดีในลุ่มน้ำเจ้าพระยา-ท่าจีน ซึ่งมีอายุอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-16
ในสมัยนี้ชุมชนเริ่มได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนาเข้ามาเช่นเดียวกับเมืองโบราณอื่นๆ ในสมัยเดียวกัน ซึ่งแพร่เข้ามาจากอินเดียในช่วงพุทธศตวรรษที่ 9-14 (สมัยคุปตะและปาละ) ดังปรากฏศาสนสถานที่มีลักษณะร่วมกันคือ เจดีย์ วิหารและอุโบสถ ซึ่งส่วนใหญ่จะก่อด้วยอิฐขนาดใหญ่ (มีความยาว 2 เท่าของความกว้าง) และไม่สอปูน แผนผังเจดีย์ที่นิยมในสมัยทวารวดีทั้งภาคกลางและอีสาน คือมีแปลนเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีบันไดทางขึ้นด้านเดียวหรือ 4 ด้าน มีการตกแต่งผนังอิฐด้วยการฉาบปูนแล้วประดับด้วยประติมากรรมปูนปั้นและดินเผา นอกจากนี้วัฒนธรรมการสร้างปริมากรรมรูปธรรมจักรลอยตัวยังพบที่เมืองฟ้าแดดสงยางแห่งนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ประติมากรรมที่ถือว่าโดดเด่นที่สุดที่พบในชุมชนสมัยทวารวดีในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งไม่ใช่พระพุทธรูปหรือธรรมจักรที่นิยมในภาคกลาง คือ ใบเสมา ทั้งแบบที่มีภาพเล่าเรื่องและแบบที่ไม่มี ใบเสามาเหล่านี้อาจใช้ในการปักเขตแดนศาสนสถาน ซึ่งพบว่ามีจำนวนมากกว่า 14 แห่ง ( จำนวนที่ขุดแต่งครั้งแรกในปี [tel:2510-2511 2510-2511])
ประติมากรรมในทางพระพุทธศาสนาที่น่าสนใจอีกประเภทคือ พระพิมพ์ดินเผา ซึ่งขุดพบที่เมืองโบราณแห่งนี้จำนวน 7 พิมพ์ด้วยกัน พิมพ์ที่พบมากที่สุด (83 องค์) ซึ่งอาจจะเป็นพิมพ์พื้นเมือง และแพร่หลายในเขตลุ่มน้ำชี เพราะพบที่เมืองโบราณคันธาระ อำเภอกันทรวิชัยด้วย คือ ปรางค์สมาธิบนฐานดอกบัว ส่วนพิมพ์ที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์พิเศษของพระพิมพ์ลุ่มน้ำชี คือ ปางธรรมจักร ซึ่งพบเฉพาะที่เมืองโบราณฟ้าแดดสงยางและเมืองโบราณคันธาระเท่านั้น ไม่ปรากฏในบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา
นอกจากนี้ยังพบหลักฐานการจารึกบนพระพิมพ์ดินเผาเมืองฟ้าแดดสงยางด้วย ซึ่งอักษรที่ใช้จารึกเป็นอักษรสมัยหลังปัลลวะ (พุทธศตวรรษที่ 14) ภาษามอญโบราณ ด้านบนมีเนื้อหากล่าวถึง พระเจ้าอาทิตย์ ส่วนด้านหลัง เป็นข้อความสั้นๆ กล่าวแต่เพียงสังเขปว่า "พระพิมพ์องค์นี้ ปิณญะอุปัชฌายาจารย์ ผู้มีคุณเลื่องลือไกล" ซึ่งก็อาจแปลความได้ว่า พระพิมพ์องค์นี้ ท่านปิณญะอุปัชฌาจารย์ เกจิผู้มีชื่อเสียงได้สร้างขึ้นไว้สำหรับให้สาธุชนได้รับไปบูชา[3]
สมัยลพบุรี (พุทธศตวรรษที่ 17-18)
ตั้งแต่ช่วงพุทธศตวรรษที่ 17-18 เป็นต้นไปดูเหมือนว่าชุมชนโบราณแห่งนี้จะเริ่มเปลี่ยนค่านิยมเกี่ยวกับการปลงศพโดยนิยมการเผาแล้วเก็บอัฐิใส่โกศดินเผาไปฝังไว้ใต้ศาสนสถาน (บริเวณโนนฟ้าแดด) ดังที่พบผอบดินเผาเคลือบสีน้ำตาลอมเขียวที่ภายในบรรจุอัฐิ
สมัยอยุธยา (พุทธศตวรรษที่ 19-23)
ช่วงนี้เองที่ชุมชนแห่งนี้มีการติดต่อกับชุมชนในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งภาคเหนือของไทยด้วย เครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ซุ่ย หยวน หมิง ที่เป็นสินค้าสำคัญในบริเวณลุ่มแม่น้ำมูล-ชี และลุ่มน้ำเจ้าพระยาก็ปรากฏในเมืองโบราณแห่งนี้ด้วย สมัยนี้ยังพบว่ามีการอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น มีการสร้างศาสนสถานแบบอยุธยาซ้อนทับฐานศาสนสถานแบบทวารวดีเกือบทุกแห่ง ที่เห็นร่องรอยเด่นชัดที่สุดในปัจจุบันคือ ฐานล่างของพระธาตุยาคู ซึ่งเป็นศิลปะสมัยทวารวดีที่มีเจดีย์เป็นแบบศิลปะสมัยอยุธยาสร้างซ้อนทับและมีการบูรณปฏิสังขรณ์สืบต่อมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ร่วมสมัย ในปี พ.ศ. 2336 บ้านแก่งสำโรงได้รับการสถาปนาเป็นเมืองกาฬสินธุ์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยแยกเอาดินแดนเดิมที่เคยขึ้นต่อเมืองทุ่งศรีภูมิ(อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2256-พ.ศ. 2318 ซึ่งต่อมาเป็นเขตแดนของเมืองร้อยเอ็ด ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2318-พ.ศ. 2336 เป็นต้นมา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัดกาฬสินธุ์ หลังจากเจ้าโสมพะมิตรได้รับการช่วยเหลือจาก พระขัติยะวงษา (สีลัง ธนสีลังกูร) เจ้าเมืองร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นพระญาติอันมีเชื้อสายเจ้านายจากราชวงศ์ล้านช้าง บุตรหลานของเจ้าแก้วมงคล แห่งเมืองทุ่งศรีภูมิ ให้นำพาเข้าเฝ้าฯ ถวายสวามิภักดิ์ ต่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หรือ รัชกาลที่1 โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณแต่งตั้งขึ้นเป็น "พระยาไชยสุนทร" เจ้าเมืองท่านแรกโดยให้รั้งเมืองสืบไป
== ภูมิศาสตร์ ==
=== อาณาเขตติดต่อ ===
จังหวัดกาฬสินธุ์มีอาณาเขตติดกับจังหวัดอื่น ๆ ดังนี้
ทิศเหนือ มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดสกลนคร
ทิศตะวันออก มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดมุกดาหาร
ทิศใต้ มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัดมหาสารคาม
ทิศตะวันตก มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดมหาสารคามและจังหวัดขอนแก่น
=== อุทยาน ===
จังหวัดกาฬสินธุ์มีพื้นที่ป่าทั้งหมดประมาณ 1,150,000 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 27 ของพื้นที่ในจังหวัด
อุทยานแห่งชาติภูพาน ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของป่าสงวน ฯ ป่าแก้งกะอาม และบางส่วนของป่าดงห้วยผา อยู่ในเขตอำเภอสมเด็จ และอำเภอห้วยผึ้ง มีพื้นที่ในเขตจังหวัดกาฬสินธุ์ ประมาณ 57,500 ไร่ ประกาศเป็นอุทยาน ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2518 และปี พ.ศ. 2525 (สกลนคร-กาฬสินธุ์)
อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก ครอบคลุมพื้นที่ อ.คำม่วง อ.สมเด็จ บางส่วน (สกลนคร-อุดรธานี-กาฬสินธุ์)
วนอุทยานภูพระ อยู่ในตำบลนาตาล อำเภอท่าคันโท มีพื้นที่ประมาณ 6,000 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวน ฯ ป่าดงมูล
วนอุทยานภูแฝก อยู่ที่บ้านน้ำคำ ตำบลภูแล่นช้าง อำเภอนาคู มีพื้นที่ประมาณ 4,000 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวน ฯ ป่าดงห้วยผา
วนอุทยานภูผาวัว อยู่ในตำบลกุดหว้า อำเภอกุฉินารายณ์ มีพื้นที่ประมาณ 4,000 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวน ฯ ป่าดงด่านแย้
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน อยู่ในเขตอำเภอกุฉินารายณ์ และอำเภอเขาวง มีพื้นที่ประมาณ 28,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวน ฯ ป่าดงด่านแย้ และป่าตอห่ม
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าลำปาว อยู่ในเขตอำเภอสหัสขันธ์ อำเภอหนองกุงศรี อำเภอท่าคันโท และอำเภอเมือง มีพื้นที่ประมาณ 200,000 ไร่เศษ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่น้ำของเขื่อนลำปาว
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าผาน้ำทิพย์ อยู่ในเขตอำเภอกุฉินารายณ์ มีพื้นที่ประมาณ 3,000 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวน ฯ ป่าดงบังอี แปลงที่ 2
ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงระแนง อยู่ในเขตอำเภอยางตลาด และอำเภอห้วยเม็ก มีพื้นที่ประมาณ 69,500 ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน เมื่อปี พ.ศ. 2499
ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงแม่แฝด อยู่ในเขตอำเภอนามน อำเภอห้วยผึ้ง อำเภอกุฉินารายณ์และอำเภอเมืองมีพื้นที่ประมาณ 119,500 ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน เมื่อปี พ.ศ. 2504
ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงบังอี่แปลงที่ 1 อยู่ในเขตอำเภอกุฉินารายณ์ มีพื้นที่ประมาณ 12,000 ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน เมื่อปี พ.ศ. 2501
ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมู อยู่ในเขตอำเภอเขาวง และอำเภอนาคู มีพื้นที่ประมาณ 88,000 ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2508
ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงห้วยผา อยู่ในเขตอำเภอห้วยผึ้ง และอำเภอนาคู มีพื้นที่ประมาณ 110,500 ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวนเมื่อปี พ.ศ. 2508
ป่าสงวนแห่งชาติ ป่านาจาร - ดงขวาง อยู่ในเขตอำเภอสมเด็จ อำเภอสหัสขันธ์ และอำเภอเมืองมีพื้นที่ประมาณ 37,500 ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน เมื่อปี พ.ศ. 2506
ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าโคกกลางหมื่น อยู่ในเขตอำเภอเมือง มีพื้นที่ประมาณ 15,000 ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2509
ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงนามน อยู่ในเขตอำเภอกมลาไสย อำเภอร่องคำ และอำเภอเมืองมีพื้นที่ประมาณ 12,500 ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2509
ป่าสงวนแห่งชาติ ป่ากังกะอวม อยู่ในเขตอำเภอสมเด็จ มีพื้นที่ประมาณ 88,500 ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2509
ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงด่านแย้ อยู่ในเขตอำเภอคำม่วง กิ่งอำเภอสามชัย และอำเภอเขาวง มีพื้นที่ประมาณ 76,500 ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2510
ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูพาน อยู่ในเขตอำเภอคำม่วง กิ่งอำเภอสามชัย และอำเภอสมเด็จ มีพื้นที่ประมาณ 215,000 ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2511
ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงมูล อยู่ในเขตอำเภอห้วยเม็ก อำเภอหนองกุงศรี และอำเภอท่าคันโท มีพื้นที่ประมาณ 259,000 ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2518
ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงบังอี่ แปลงที่ 2 อยู่ในเขตอำเภอกุฉินารายณ์ มีพื้นที่ประมาณ 3,000 ไร่ ประกาศเป็นป่าสงวน ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2517
สถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่า มีอยู่แห่งเดียวคือ สถานี ฯ ลำปาว มีพื้นที่ประมาณ 1,500 ไร่ อยู่ในเขตอำเภอเมืองกาฬสินธุ์
ป่าชุมชน คือ กิจการของป่าที่ประชาชนมีส่วนร่วม เป็นแนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ อีกรูปแบบหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2541 มีป่าชุมชนอยู่ 15 หมู่บ้าน เช่น ป่าชุมชนบ้านหนองผ้าอ้อม และป่าชุมชนบ้านสูงเนิน เป็นต้น
== สัญลักษณ์จังหวัด ==
ไฟล์:Seal Kalasin.png|ตราประจำจังหวัด
ไฟล์:Lakoocha tree.JPEG|ต้นมะหาด
ไฟล์:ประกอบโปงลาง.jpg|โปงลาง
ไฟล์:ผ้าแพรวา.jpg|ผ้าไหมแพรวา
ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกพะยอม (Shorea roxburghii)
ต้นไม้ประจำจังหวัด: มะหาด (Artocarpus lacucha)
คำขวัญประจำจังหวัด: หลวงพ่อองค์ดำลือเลือง เมืองฟ้าแดดสงยาง โปงลางเลิศล้ำ วัฒนธรรมผู้ไทย ผ้าไหมแพรวา ผาเสวยภูพาน มหาธารลำปาว ไดโนเสาร์สัตว์โลกล้านปี
== การเมืองการปกครอง ==
=== การปกครองส่วนภูมิภาค ===
การปกครองแบ่งออกเป็น 18 อำเภอ 135 ตำบล 1,584 หมู่บ้าน
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด 151 แห่ง คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 2 แห่ง และเทศบาลตำบล 77 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 71 แห่ง
มีรายชื่อดังนี้
อำเภอเมืองกาฬสินธุ์
เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์
เทศบาลตำบลกลางหมื่น
เทศบาลตำบลขมิ้น
เทศบาลตำบลเชียงเครือ
เทศบาลตำบลนาจารย์
เทศบาลตำบลบึงวิชัย
เทศบาลตำบลไผ่
เทศบาลตำบลโพนทอง
เทศบาลตำบลภูดิน
เทศบาลตำบลภูปอ
เทศบาลตำบลลำคลอง
เทศบาลตำบลลำพาน
เทศบาลตำบลหนองสอ
เทศบาลตำบลหลุบ
เทศบาลตำบลห้วยโพธิ์
เทศบาลตำบลเหนือ
อำเภอกุฉินารายณ์
เทศบาลเมืองกุฉินารายณ์
เทศบาลตำบลกุดหว้า
เทศบาลตำบลจุมจัง
เทศบาลตำบลนาขาม
เทศบาลตำบลเหล่าใหญ่
อำเภอกมลาไสย
เทศบาลตำบลกมลาไสย
เทศบาลตำบลดงลิง
เทศบาลตำบลธัญญา
เทศบาลตำบลหนองแปน
เทศบาลตำบลหลักเมือง
อำเภอเขาวง
เทศบาลตำบลกุดสิม
เทศบาลตำบลกุดสิมคุ้มใหม่
เทศบาลตำบลสงเปลือย
เทศบาลตำบลสระพังทอง
อำเภอคำม่วง
เทศบาลตำบลคำม่วง
เทศบาลตำบลนาทัน
เทศบาลตำบลโพน
อำเภอฆ้องชัย
เทศบาลตำบลฆ้องชัยพัฒนา
อำเภอดอนจาน
เทศบาลตำบลดอนจาน
เทศบาลตำบลม่วงนา
อำเภอท่าคันโท
เทศบาลตำบลท่าคันโท
เทศบาลตำบลนาตาล
เทศบาลตำบลดงสมบูรณ์
เทศบาลตำบลกุงเก่า
เทศบาลตำบลกุดจิก
อำเภอนาคู
เทศบาลตำบลนาคู
เทศบาลตำบลภูแล่นช้าง
อำเภอนามน
เทศบาลตำบลนามน
เทศบาลตำบลสงเปลือย
อำเภอยางตลาด
เทศบาลตำบลยางตลาด
เทศบาลตำบลเขาพระนอน
เทศบาลตำบลโคกศรี
เทศบาลตำบลโนนสูง
เทศบาลตำบลบัวบาน
เทศบาลตำบลหัวนาคำ
เทศบาลตำบลอิตื้อ
เทศบาลตำบลอุ่มเม่า
อำเภอร่องคำ
เทศบาลตำบลร่องคำ
อำเภอสมเด็จ
เทศบาลตำบลสมเด็จ
เทศบาลตำบลแซงบาดาล
เทศบาลตำบลผาเสวย
เทศบาลตำบลมหาไชย
เทศบาลตำบลลำห้วยหลัว
อำเภอสหัสขันธ์
เทศบาลตำบลนามะเขือ
เทศบาลตำบลนิคม
เทศบาลตำบลโนนน้ำเกลี้ยง
เทศบาลตำบลโนนบุรี
เทศบาลตำบลโนนศิลา
เทศบาลตำบลภูสิงห์
อำเภอหนองกุงศรี
เทศบาลตำบลหนองกุงศรี
เทศบาลตำบลคำก้าว
เทศบาลตำบลดงมูล
เทศบาลตำบลหนองบัว
เทศบาลตำบลหนองสรวง
เทศบาลตำบลหนองหิน
เทศบาลตำบลหนองใหญ่
อำเภอห้วยผึ้ง
เทศบาลตำบลห้วยผึ้ง
เทศบาลตำบลคำบง
เทศบาลตำบลหนองอีบุตร
อำเภอห้วยเม็ก
เทศบาลตำบลห้วยเม็ก
เทศบาลตำบลคำเหมือดแก้ว
เทศบาลตำบลคำใหญ่
เทศบาลตำบลท่าลาดดงยาง
=== รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัด ===
== เศรษฐกิจ ==
ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรในจังหวัดกาฬสินธุ์ เช่น ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย กุ้งก้ามกราม ยางพารา โรงงานผลิตแป้งมัน,แป้งข้าวโพด โรงงานน้ำตาล เป็นต้น
== การศึกษา ==
จังหวัดกาฬสินธุ์ มีสถาบันการศึกษาระดับขั้นพื้นฐานหลากหลายแห่ง ดังนี้
การแบ่งเขตพื้นที่มัธยมศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 24 - ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัด
สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาฬสินธุ์ - ครอบคลุมโรงเรียนมัธยมศึกษาในจังหวัด
การแบ่งเขตพื้นที่ประถมศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1-3 ได้แก่
* เขต 1 - อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอร่องคำ อำเภอดอนจาน อำเภอสามชัย อำเภอกมลาไสย และอำเภอสหัสขันธ์
* เขต 2 - อำเภอยางตลาด อำเภอฆ้องชัย อำเภอห้วยเม็ก อำเภอหนองกุงศรี และอำเภอท่าคันโท
* เขต 3 - อำเภอคำม่วง อำเภอกุฉินารายณ์ อำเภอสมเด็จ อำเภอนามน อำเภอห้วยผึ้ง อำเภอนาคู และอำเภอเขาวง
สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ -ครอบคลุมโรงเรียนประถมศึกษาและขยายโอกาศทางการศึกษาในจังหวัด
สถานศึกษาระดับอาชีวศึกษา ได้แก่
อาชีวศึกษารัฐ
วิทยาลัยการอาชีพหนองกุงศรี
วิทยาลัยการอาชีพคำม่วง
วิทยาลัยการอาชีพห้วยผึ้ง
วิทยาลัยเทคนิคเขาวง
วิทยาลัยสารพัดช่างกาฬสินธุ์
อาชีวศึกษาเอกชน
วิทยาเทคโนโลยีพณิชยการกาฬสินธุ์
วิทยาอาชีวศึกษาลำปาว
วิทยาลัยอาชีวศึกษาไท-เทคกาฬสินธุ์
สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาในจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้แก่
สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ: มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์
สถาบันอุดมศึกษาในกำกับของรัฐ: มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย วิทยาลัยศาสนศาสตร์เฉลิมพระเกียรติกาฬสินธุ์
สถาบันอุดมศึกษาในกำกับกระทรวงวัฒนธรรม: สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (วิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์)
สถาบันอุดมศึกษาในกำกับกระทรวงสาธารณสุข: ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ (ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ สถาบันร่วมผลิตแพทย์ แห่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม)
สถาบันอุดมศึกษาในกำกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา: สถาบันการอาชีวศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 (วิทยาลัยเทคนิคกาฬสินธุ์)
== การขนส่ง ==
จังหวัดกาฬสินธุ์ใช้ระบบการขนส่งทางถนนเป็นหลัก และไม่มีการขนส่งระบบรางในจังหวัด ทางหลวงแผ่นดินที่สำคัญ ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 213 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 214 ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 227 และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 299
ระยะจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ
อำเภอกมลาไสย 12 กิโลเมตร
อำเภอยางตลาด 16 กิโลเมตร
อำเภอดอนจาน 27 กิโลเมตร
อำเภอฆ้องชัย 32 กิโลเมตร
อำเภอสหัสขันธ์ 34 กิโลเมตร
อำเภอร่องคำ 37 กิโลเมตร
อำเภอสมเด็จ 42 กิโลเมตร
อำเภอนามน 43 กิโลเมตร
อำเภอห้วยเม็ก 49 กิโลเมตร
อำเภอห้วยผึ้ง 60 กิโลเมตร
อำเภอหนองกุงศรี 62 กิโลเมตร
อำเภอคำม่วง 78 กิโลเมตร
อำเภอสามชัย 79 กิโลเมตร
อำเภอกุฉินารายณ์ 81 กิโลเมตร
อำเภอนาคู 88 กิโลเมตร
อำเภอเขาวง 98 กิโลเมตร
อำเภอท่าคันโท 109 กิโลเมตร
== วัฒนธรรม ==
=== เทศกาลและงานประเพณี ===
งานมหกรรมโปงลาง ผ้าไหมแพรวา และงานกาชาด ลานหน้าศาลากลางจังหวัด(หลังเก่า)
งานมหกรรมวิจิตรแพรวา ราชินีแห่งไหม ลานหน้าศาลากลางจังหวัด(หลังเก่า)
งานประเพณีสมมาน้ำคืนเพ็งเส็งประทีป(ลอยกระทง) สวนสาธารณะกุดน้ำกิน
งานประเพณีบุนผะเหวด(บุญพระเวส)
งานประเพณีบุญสรงน้ำ หรือตรุษสงกรานต์
งานประเพณีออกพรรษา และตักบาตรเทโวโรหณะ วัดภูสิงห์ (อำเภอสหัสขันธ์)
งานประเพณีแห่เทียนพรรษา
งานประเพณีบรวงสรวงเจ้าปู่ (อำเภอหนองกุงศรี)
งานประเพณีบุญบั้งไฟล้าน (อำเภอท่าคันโท)
งานนมัสการพระธาตุพนมจำลอง (อำเภอห้วยเม็ก)
งานประเพณีบุณคูณลาน (อำเภอ
ยางตลาด)
งานประเพณีบุญคูนลานสู่ขวัญข้าว(บุญเดือนยี่) (วัดเศวตวันวนาราม ต.เหนือ)
งานนมัสการพระธาตุยาคู(งานแสดง แสง สี เสียง ทวารวดีมิ่งหล้าเมืองฟ้าแดดสงยาง) (อำเภอกมลาไสย)
งานประเพณีบุญบั้งไฟ ตะไลล้าน (อำเภอกุฉินารายณ์)
ประเพณีการแข่งขันเรือยาว (อำเภอกมลาไสย)
งานมหกรรมเส็งกลองร่องคำ (อำเภอร่องคำ)
=== อาหารพื้นเมือง ===
ตำเมี่ยงตะไคร้
หมูทุบ
หมูฝอย
กุนเชียง
เนื้อแดดเดียว
ตำบักหุ่ง
เมี่ยงนาคู
ส้มหมู,ส้มเนื้อ
ไส้กรอกปลากาฬสินธุ์
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
อนุสาวรีย์พระยาชัยสุนทร ( เจ้าโสมพะมิตร ) (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ )
วัดกลาง (พระอารามหลวง ชนิดสามัญ) (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ )
วัดศรีบุญเรือง (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ )
วัดป่ามัชฌิมาวาส (ตำบลลำพาน อำเภอเมืองกาฬสินธุ์)
เขื่อนลำปาว (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ )
สวนสะออน (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ )
หาดดอกเกด (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ )
พระพุทธสถานภูปอ (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ )
พิพิธภัณฑ์ของดีเมืองกาฬสินธุ์ (อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ )
ฟ้าแดดสงยาง (อำเภอกมลาไสย)
พระธาตุยาคู (อำเภอกมลาไสย)
ใบเสมาบ้านก้อม (อำเภอกมลาไสย)
โนนสาวเอ้ (อำเภอกมลาไสย)
หมู่บ้านพัฒนาวัฒนธรรมผู้ไทยบ้านโคกโก่ง (อำเภอกุฉินารายณ์)
น้ำตกตาดสูง (อำเภอกุฉินารายณ์)
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นผู้ไท (อำเภอกุฉินารายณ์)
น้ำตกตาดทอง (อำเภอเขาวง)
เครือข่ายอนุรักษ์วัฒนธรรมพื้นบ้าน บ้านโพนสวรรค์ (อำเภอเขาวง)
พระธาตุพนมจำลอง (อำเภอห้วยเม็ก)
พิพิธภัณฑ์สิรินธร (พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ ภูกุ้มข้าว) (อำเภอสหัสขันธ์)
พระพุทธไสยาสน์ถ้ำภูค่าว (อำเภอสหัสขันธ์)
พุทธสถานภูสิงห์ (อำเภอสหัสขันธ์)
แหลมโนนวิเศษ (อำเภอสหัสขันธ์)
หลวงพ่อบันดาลฤทธิ์ผล (อำเภอสหัสขันธ์)
พระพุทธอนันตคีรีประดิษฐาน ณ วนอุทยานภูพระ (อำเภอท่าคันโท)
ศูนย์วัฒนธรรมชาวผู้ไทยบ้านโพน (ศูนย์วิจิตรแพรวาบ้านโพน) (อำเภอคำม่วง)
สะพานเทพสุดา (สะพานข้ามน้ำจืดที่ยาวที่สุดในประเทศ) (อำเภอหนองกุงศรี)
ผาเสวย (อำเภอสมเด็จ)
วัดป่าบ้านนาขาม เดิมเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปองค์ดำ ปัจจุบันได้อัญเชิญพระองค์ดำไปประดิษฐานที่วัดกลาง จ.กาฬสินธุ์ (อำเภอนาคู)
พิพิธภัณฑ์วัดกลางภูแล่นช้าง (อำเภอนาคู)
ถ้ำเสรีไทย (อำเภอนาคู)
พุทธสถานหลวงปู่ใหญ่ (อำเภอดอนจาน)
พระแสนเมือง (หลวงปู่พระแสน) ประดิษฐาน ณ วัดป่ายางเครือ (บ้านเชียงเครือ ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์)
พระเทพ (หลวงปู่พระเทพ) ประดิษฐาน ณ วัดป่ายางเครือ (บ้านเชียงเครือ ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์)
วัดป่ายางเครือ วัดโบราณ ประดิษฐานหลวงปู่พระแสนและหลวงปู่พระเทพ (บ้านเชียงเครือ ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์)
เมืองเชียงเครือ/นครยางเครือ เมืองขอมโบราณ ปกครองโดย พญาเชียงเครือ ราชโอรสในพญาเชียงโสม แห่งเมืองเชียงโสม มีพี่น้อง ได้แก่ พญาจันทราช (พญาเชียงโสม) พญาธรรม พญาเชียงสง พญาเชียงสา พญาเชียงสร้อย /เมืองเชียงเครือเป็นเมืองยุคเดียวกันกับเมืองฟ้าแดดสงยาง มีความเจริญรุ่งเรืองราวพุทธศวรรษที่ 12-16 ( ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์)
น้ำตกผานางคอย,น้ำตกผาระแงง (อำเภอนาคู)
อ่างเก็บน้ำลำพะยังตอนบน อ่างวังคำ (อำเภอเขาวง)
วัดป่าโพนวิมาน (วัดป่าพุทธบุตร) พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ฟอสซิลปลาโบราณ (อำภอเขาวง)
== บุคคลที่มีชื่อเสียง ==
เจ้าเมืองสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
พระยาชัยสุนทร (เจ้าโสมพะมิต) เจ้าเมืองกาฬสินธุ์องค์ที่ 1
พระยาชัยสุนทร (เก ณ กาฬสินธุ์) เป็นเจ้าเมืองกาฬสินธุ์องค์ที่ 11
พระธิเบศรวงศา (กอ) เจ้าเมืองกุดสิมนารายณ์ คนแรก เมืองบริวารของหัวเมืองกาฬสินธุ์
พระราษฏรบริหาร (เกษ) เจ้าเมืองกระมาลาไสย (กมลาไสย) คนแรก เมืองบริวารของหัวเมืองกาฬสินธุ์
พระพิชัยอุดมเดช เจ้าเมืองภูแล่นช้าง คนแรก เมืองบริวารของหัวเมืองกาฬสินธุ์
พระสุวรรณภักดี เจ้าเมืองท่าขอนยาง คนแรก เมืองบริวารของหัวเมืองกาฬสินธุ์
พระศรีสุวรรณ เจ้าเมืองแซงบาดาล คนแรก เมืองบริวารของหัวเมืองกาฬสินธุ์
พระประชาชนบาล เจ้าเมืองหัสขันธ์ คนแรก เมืองบริวารของหัวเมืองกาฬสินธุ์
พระปทุมวิเศษ เจ้าเมืองกันทรวิชัย คนแรก เมืองบริวารของหัวเมืองกาฬสินธุ์
พระเถระ
พระพุทธสัมฤทธิ์นิรโรคันตราย (หลวงพ่อองค์ดำ) วัดกลาง (พระอารามหลวง ชั้นตรีชนิดสามัญ) อำเภอเมืองกาฬสินธุ์
พระธรรมวงศาจารย์ (สุข สุขโณ) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์และอดีตเจ้าอาวาสวัดกลาง พระอารามหลวง อำเภอเมืองกาฬสินธุ์
พระเทพปัญญาเมธี (ปราชญ์ อกฺกโชโต) เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ม) และเจ้าอาวาสวัดกลาง พระอารามหลวง อำเภอเมืองกาฬสินธุ์
พระเทพสารเมธี (บัวศรี ชุตินฺธโร) เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) และเจ้าอาวาสวัดประชานิยม อำเภอเมืองกาฬสินธุ์
พระราชศีลโสภิต (หนูอินทร์ กิตฺติสาโร) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ม) และเจ้าอาวาสวัดป่าพุทธมงคล อำเภอเมืองกาฬสินธุ์
พระราชธรรมเมธี (ทองใส กิตฺติโก) อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ม) และอดีตเจ้าอาวาสวัดป่ามหานิกาย อำเภอนามน
พระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา (ธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดาวรวิหาร จังหวัดนครราชสีมา และอดีตเจ้าอาวาสวัดรังสีปาลิวัน อำเภอคำม่วง
พระโพธิญาณมุนี (เมือง พลวฑฺโฒ) พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมาวาส อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ ศิษย์ หลวงตามหาบัว
พระญาณรักขิต (แผน โสภโณ) รองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) และเจ้าอาวาสวัดวีระวงศาวาส อำเภอสมเด็จ
พระญาณวิสาลเถร (หา สุภโร) (หลวงปู่ไดโนเสาร์) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) และเจ้าอาวาสวัดสักกะวัน อำเภอสหัสขันธ์
พระมงคลสิทธิ (นิน ฐิตธมฺโม) อดีตเจ้าคณะอำเภอห้วยเม็ก (ม) และอดีตเจ้าอาวาสวัดนางนวล อำเภอห้วยเม็ก
พระวิสุทธิบุญญาคม (บุญสม ฐิตปุญฺโญ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกลาง พระอารามหลวง อำเภอเมืองกาฬสินธุ์
พระสุนทรธรรมประพุทธ์ (เกษร ฐานิสฺสโร) รองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ม) และเจ้าอาวาสวัดเหนือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์
ปราชญ์ชาวบ้าน
ครูเปลื้อง ฉายรัศมี ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้าน) ประจำปี 2529 ผู้พัฒนาเครื่องดนตรี โปงลาง เครื่องดนตรีประจำจังหวัดกาฬสินธุ์
คำสอน สระทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (ประณีตศิลป์–ทอผ้า) ประจำปี 2559 ผู้นำกลุ่มทอผ้าไหมแพรวา
อลงกต คำโสภา ผู้ก่อตั้งวงดนตรีโปงลางหนองสอ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์
นักร้อง นักแสดง
ธนพล อินทฤทธิ์ นักร้อง
เศรษฐพงศ์ เพียงพอ นักแสดง
ธีระชาติ ธีระวิทยากุล นักแสดง
ภาคภูมิ ร่มไทรทอง นักแสดง นักร้อง
ศิริลักษณ์ คอง นักแสดง
สาธิต ทองจันทร์ นักร้องเพลงอีสาน หมอลำ และเพลงลูกทุ่ง
ฮันนี่ ศรีอีสาน นักร้อง
วีระพงษ์ วงศ์ศิลป์ หมอลำ นักร้อง นักแสดง
สมพงษ์ คุนาประถม นักร้อง นักแสดง
น่านฟ้า กาฬสินธุ์ นักร้อง
กานต์ ทศน นักร้อง
แสงอรุณ บุญยู้ นักร้องนักแสดงหมอลำ
พิเชษฐ์ กองการ นักแสดง
ชูพงษ์ ช่างปรุง นักแสดง
บุญมี นามวัย นักร้องเพลงอีสาน หมอลำ และเพลงลูกทุ่ง
ปิยะชาติ คงถิ่น นักข่าว ศิลปิน
นกแก้ว กาฬสินธุ์ นักข่าว นักร้อง
โชติทิวัตถ์ ผลรัศมี นักแสดง
ชาครีย์ ลาภบุญเรือง นักร้อง
ศิวัส สุไชยะ นักแสดง
ศศิธร พานพิมพ์ นักแสดง
วงแพรวาจีจี้ นักร้องกลุ่ม
นนท์ กมลา นักร้อง แชมป์สงครามไมค์คนแรก
นะโม ธันวาพร นาสมบัติ นักเเสดง
นักกีฬา
ฐิติชล สิงห์วังชา นักมวย
ปฐมศึก ปฐมโพธิ์ทอง นักมวย
แก้วกัลยา กมุลทะลา นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย
กิตติคุณ แจ่มสุวรรณ นักฟุตบอลไทย
กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก นักฟุตบอลไทย
ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา นักฟุตบลอลทีมชาติไทย
นฤพล อารมณ์สวะ ฟุตบอลทีมชาติไทย
อาทิตย์ บุตรจินดา นักฟุตบอลไทย
จิดาภา นาหัวหนอง นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย
ข้าราชการประจำ
บัณฑูร สุภัควณิช อดีตผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
นักการเมือง
ใหม่ ศิรินวกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไทย
ชิงชัย มงคลธรรม หัวหน้าพรรคความหวังใหม่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
สังข์ทอง ศรีธเรศ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
สุขุมพงศ์ โง่นคำ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
บุญรื่น ศรีธเรศ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย
สิทธิศักดิ์ ยนต์ตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา
รัชฎาภรณ์ แก้วสนิท สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์
วีระวัฒน์ โอสถานุเคราะห์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย
คมเดช ไชยศิวามงคล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย
พีระเพชร ศิริกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย
นิพนธ์ ศรีธเรศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย
ประเสริฐ บุญเรือง สมาชิกสภาผู้แทน
ราษฎร พรรคเพื่อไทย
ภัทรา วรามิตร สมาชิกวุฒิสภา
วิบูลย์ แช่มชื่น อดีตสมาชิกวุฒิสภา
วิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
อื่น ๆ
มิสแกรนด์ไทยแลนด์
ถิรดา แสงสุวรรณ มิสแกรนด์กาฬสินธุ์2016
วันวิสา อิสระพายัพ มิสแกรนด์กาฬสินธุ์2017
สร้อยทอง เสาวรัตนพงษ์ มิสแกรนด์กาฬสินธุ์2018
ณัฐธยาฌ์ ไพรินทร์ มิสแกรนด์กาฬสินธุ์2019
ภัทรสุดา ก้อนยะ มิสแกรนด์กาฬสินธุ์2020
ธนาวรรณ วิกก์ มิสแกรนด์กาฬสินธุ์2022
ปรายฟ้า ทองแร่ มิสแกรนด์กาฬสินธุ์2023
นามสกุลพระราชทานที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดกาฬสินธุ์
ณ กาฬสินธุ์
วงษาภักดี ณ กาฬสินธุ์
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
รายชื่อวัดในจังหวัดกาฬสินธุ์
รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดกาฬสินธุ์
รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดกาฬสินธุ์
รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดกาฬสินธุ์
รำแพรวากาฬสินธุ์
แพรวา
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
ประวัติมหาดไทยส่วนภูมิภาคจังหวัดกาฬสินธุ์. กาฬสินธุ์: โรงพิมพ์จินตภัณฑ์, 2526.
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
ข่าวจังหวัดกาฬสินธุ์
ลีฟ กาฬสินธุ์ : สังคม วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการท่องเที่ยว
กาฬสินธุ์ทูเดย์ : สังคม การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจ
กาฬสินธุ์ - อีสานร้อยแปด
|
thaiwikipedia
| 1,884 |
แฟกทอเรียล
|
ในทางคณิตศาสตร์ แฟกทอเรียล (factorial) ของจำนวนเต็มไม่เป็นลบ n คือผลคูณของจำนวนเต็มบวกทั้งหมดที่น้อยกว่าหรือเท่ากับ n เขียนแทนด้วย n! (อ่านว่า n แฟกทอเรียล)
n! = n \cdot (n-1) \cdot (n-2) \cdot (n-3) \cdot \cdots \cdot 3 \cdot 2 \cdot 1 \,.
ตัวอย่างเช่น
:5! = 5 \times 4 \times 3 \times 2 \times 1 = 120\;
สำหรับค่าของ 0! ถูกกำหนดให้เท่ากับ 1 ตามหลักการของผลคูณว่าง
การดำเนินการแฟกทอเรียลพบได้ในคณิตศาสตร์สาขาต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคณิตศาสตร์เชิงการจัด พีชคณิต และคณิตวิเคราะห์ การพบเห็นโดยพื้นฐานที่สุดคือข้อเท็จจริงที่ว่า การจัดลำดับวัตถุที่แตกต่างกัน n สิ่งสามารถทำได้ n! วิธี (การเรียงสับเปลี่ยนของเซตของวัตถุ) ข้อเท็จจริงนี้เป็นที่ทราบโดยนักวิชาการชาวอินเดียตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 เป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ คริสเตียน แครมป์ (Christian Kramp) เป็นผู้แนะนำให้ใช้สัญกรณ์ n! เมื่อ ค.ศ. 1808 (พ.ศ. 2351)
นิยามของแฟกทอเรียลสามารถขยายแนวคิดไปบนอาร์กิวเมนต์ที่ไม่เป็นจำนวนเต็มได้โดยยังคงมีสมบัติที่สำคัญ ซึ่งเกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์ชั้นสูงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคนิคต่าง ๆ ที่ใช้ในคณิตวิเคราะห์
== นิยาม ==
ฟังก์ชันแฟกทอเรียลได้นิยามเชิงรูปนัยไว้ดังนี้
: n!=\prod_{k=1}^n k \!
หรือนิยามแบบเวียนเกิดได้ดังนี้
: n! = \begin{cases}
1 & \text{if } n = 0 \\
(n-1)!\times n & \text{if } n > 0
\end{cases}
นิยามด้านบนทั้งสองได้รวมกรณีนี้เข้าไปด้วย
:0! = 1\;
ตามหลักการว่าผลคูณของจำนวนที่ไม่มีอยู่เลย (ผลคูณว่าง) มีค่าเท่ากับ 1 สิ่งนี้เป็นประโยชน์เนื่องจาก
การเรียงสับเปลี่ยนของวัตถุศูนย์สิ่ง มีเพียงหนึ่งวิธีเท่านั้น (ไม่มีสิ่งใดเรียงสับเปลี่ยน "ทุกสิ่ง" ยังคงอยู่ที่เดิม)
ความสัมพันธ์เวียนเกิด ซึ่งสามารถใช้ได้เฉพาะ n > 0 จะทำให้ใช้กับกรณี n = 0 ได้ด้วย
นิพจน์ของสูตรต่าง ๆ ที่มีแฟกทอเรียลสามารถใช้งานได้ อย่างเช่นฟังก์ชันเลขชี้กำลังในรูปแบบอนุกรมกำลัง
e^x = \sum_{n = 0}^{\infty}\frac{x^n}{n!}
เอกลักษณ์ต่าง ๆ ในคณิตศาสตร์เชิงการจัดสามารถใช้งานได้ สำหรับขนาดของวัตถุที่ประยุกต์ใช้ได้ทั้งหมด จำนวนวิธีที่จะเลือกสมาชิก 0 ตัวจากเซตว่างเท่ากับ \tbinom{0}{0} = \tfrac{0!}{0!0!} = 1 หรือโดยนัยทั่วไป จำนวนวิธีที่จะเลือกสมาชิก (ทั้งหมด) n ตัวจากเซตที่มีขนาด n เท่ากับ \tbinom nn = \tfrac{n!}{n!0!} = 1
ฟังก์ชันแฟกทอเรียลสามารถนิยามให้กับค่าที่ไม่เป็นจำนวนเต็มได้โดยใช้คณิตศาสตร์ขั้นสูง ดูรายละเอียดด้านล่าง ซึ่งนิยามโดยนัยทั่วไปมากขึ้นเช่นนี้มีใช้ในเครื่องคิดเลขระดับสูงและซอฟต์แวร์คณิตศาสตร์อาทิเมเพิลหรือแมเทอแมติกา
== การประยุกต์ ==
แม้ว่าฟังก์ชันแฟกทอเรียลมีที่มาจากคณิตศาสตร์เชิงการจัด แต่สูตรที่เกี่ยวข้องกับแฟกทอเรียลก็ปรากฏในคณิตศาสตร์หลายสาขา
การเรียงสับเปลี่ยน (permutation) โดยพื้นฐานคือการเรียงลำดับวัตถุ n สิ่งที่แตกต่างกัน ซึ่งสามารถทำได้ n! วิธี
บ่อยครั้งที่แฟกทอเรียลปรากฏเป็นตัวส่วนในสูตรเพื่ออธิบายว่า การเรียงลำดับของวัตถุไม่มีความสำคัญและถูกเพิกเฉย ตัวอย่างตามแบบฉบับเช่น การจัดหมู่ (combination) วัตถุ k สิ่งจากเซตของวัตถุ n สิ่ง เราอาจจัดหมู่โดยการเรียงสับเปลี่ยนวัตถุ k สิ่ง หมายความว่าเลือกวัตถุสิ่งหนึ่งออกจากเซตทีละครั้งเป็นจำนวน k ครั้ง กระทั่งได้จำนวนวิธีรวมเท่ากับ
:n^{\underline k}=n(n-1)(n-2)\cdots(n-k+1)
อย่างไรก็ตาม การเรียงลำดับของวัตถุที่ถูกเลือกในการจัดหมู่ไม่มีความสำคัญ และเนื่องจากการเรียงลำดับวัตถุ k สิ่งสามารถกระทำได้แตกต่างกัน k! วิธี เพราะฉะนั้นจำนวนวิธีของการจัดหมู่วัตถุ k สิ่งจากเซตของวัตถุ n สิ่งที่ถูกต้องจึงควรเท่ากับ
:\frac{n^{\underline k}}{k!}=\frac{n(n-1)(n-2)\cdots(n-k+1)}{k(k-1)(k-2)\cdots1}
ผลลัพธ์ดังกล่าวเป็นที่รู้จักในชื่อสัมประสิทธิ์ทวินาม \tbinom n k เพราะว่ามันเป็นสัมประสิทธิ์ของพจน์ Xk ในการกระจาย
แฟกทอเรียลปรากฏในพีชคณิตด้วยเหตุผลหลายประการ ตัวอย่างเช่นสัมประสิทธิ์ของสูตรทวินามดังที่กล่าวแล้ว หรือการเฉลี่ยบนการเรียงสับเปลี่ยนเพื่อการทำให้สมมาตร (symmetrization) ของการดำเนินการเฉพาะอย่าง
แฟกทอเรียลก็มีใช้ในแคลคูลัส ตัวอย่างเช่นตัวส่วนของพจน์ในอนุกรมเทย์เลอร์ (Taylor series) เพื่อชดเชยข้อเท็จจริงโดยพื้นฐานว่าอนุพันธ์ชั้นที่ n ของ xn คือ n!
แฟกทอเรียลก็มีใช้อย่างกว้างขวางในทฤษฎีความน่าจะเป็น
แฟกทอเรียลมีประโยชน์ทำให้การจัดดำเนินการนิพจน์สะดวกขึ้น ตัวอย่างเช่นจำนวนวิธีของการเรียงสับเปลี่ยนของวัตถุ k สิ่งจากวัตถุ n สิ่ง สามารถเขียนได้เป็น
:n^{\underline k}=\frac{n!}{(n-k)!}
มันอาจถูกใช้เพื่อพิสูจน์สมบัติสมมาตรของสัมประสิทธิ์ทวินาม ในกรณีที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะคำนวณจำนวนเช่นนั้นได้
:\binom nk=\frac{n^{\underline k}}{k!}=\frac{n!}{(n-k)!k!}=\frac{n^{\underline{n-k}}}{(n-k)!}=\binom n{n-k}
== ทฤษฎีจำนวน ==
แฟกทอเรียลมีการใช้งานหลายอย่างในทฤษฎีจำนวน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง n! สามารถหารด้วยจำนวนเฉพาะทั้งหมดที่น้อยกว่าหรือเท่ากับ n ได้ลงตัว ผลสรุปที่ตามมาคือ n > 5 จะเป็นจำนวนประกอบก็ต่อเมื่อ
:(n-1)!\ \equiv\ 0 \pmod n
ทฤษฎีของวิลสัน (Wilson's theorem) ได้กล่าวถึงผลสรุปที่เคร่งครัดมากกว่าดังนี้
:(p-1)!\ \equiv\ -1 \pmod p
ก็ต่อเมื่อ p เป็นจำนวนเฉพาะ
อาเดรียง-มารี เลอฌ็องดร์ (Adrien-Marie Legendre) พบว่าการคูณของจำนวนเฉพาะ p ที่ปรากฏในการแยกตัวประกอบเฉพาะของ n! สามารถแสดงได้อย่างแม่นยำเป็น
:\sum_{i=1}^{\infty} \left \lfloor \frac{n}{p^i} \right \rfloor
ข้อเท็จจริงนี้มีพื้นฐานบนการนับจำนวนตัวประกอบ p ของจำนวนเต็มตั้งแต่ 1 ถึง n; จำนวนพหุคูณของ p ในจำนวนเต็มตั้งแต่ 1 ถึง n สามารถพิจารณาได้จากสูตร \textstyle \left \lfloor \frac{n}{p} \right \rfloor อย่างไรก็ตามสูตรนี้จะนับตัวประกอบ p เพียงครั้งเดียว ยังคงมีตัวประกอบจำนวน \textstyle \left \lfloor \frac{n}{p^2} \right \rfloor ตัวของ p ที่จะต้องนับอีก และยังมีที่คล้ายกันอีกในกำลังสาม สี่ ห้า จนถึงอนันต์ ผลรวมดังกล่าวเป็นจำนวนจำกัดเนื่องจาก pi สามารถมีค่าได้แค่น้อยกว่าหรือเท่ากับ n สำหรับ i หลายค่าอย่างจำกัด และฟังก์ชันพื้นจะให้ผลลัพธ์เป็น 0 เมื่อใช้กับ pi > n
แฟกทอเรียลที่เป็นจำนวนเฉพาะด้วยมีจำนวนเดียวคือ 2 แต่ก็มีจำนวนเฉพาะจำนวนมากที่อยู่ในรูปแบบ n! ± 1 เรียกว่าจำนวนเฉพาะเชิงแฟกทอเรียล (factorial prime)
แฟกทอเรียลที่มากกว่า 0! และ 1! เป็นจำนวนคู่ทั้งหมด เพราะว่าเป็นพหุคูณของ 2 นอกจากนี้แฟกทอเรียลที่มากกว่า 5! ก็เป็นพหุคูณของ 10 (และทำให้มีศูนย์ลงท้ายในหลักสุดท้ายเป็นต้นไป) เนื่องจากเป็นพหุคูณของ 5 กับ 2
อนุกรมที่มีแต่ละพจน์เป็นส่วนกลับของแฟกทอเรียล ทำให้เกิดอนุกรมลู่เข้าและมีค่าเท่ากับ e
:\sum_{n=0}^{\infty} \frac{1}{n!} = \frac{1}{1} + \frac{1}{1} + \frac{1}{2} + \frac{1}{6} + \frac{1}{24} + \frac{1}{120} + \ldots = e
== อัตราการเติบโตและการประมาณเมื่อ n มีขนาดใหญ่ ==
เมื่อ n มีค่าเพิ่มขึ้น ค่า n! จะมีอัตราการเติบโตมากกว่าพหุนามและฟังก์ชันเลขชี้กำลังทั้งหมดที่มี n ประกอบอยู่ (แต่ก็ยังน้อยกว่าฟังก์ชันเลขชี้กำลังสองชั้น)
การประมาณค่าที่ใกล้เคียงที่สุดของ n! ใช้พื้นฐานบนลอการิทึมธรรมชาติดังนี้
:\log n! = \sum_{x=1}^n \log x
กราฟของฟังก์ชัน f(n) = log n! แสดงไว้ในภาพด้านขวา ลักษณะของกราฟดูเหมือนเป็นเส้นตรง (ฟังก์ชันเชิงเส้น) สำหรับทุกค่าของ n ที่เป็นไปได้ แต่ความจริงมันไม่ใช่เส้นตรง เราอาจประมาณค่า log n! อย่างง่ายโดยกำหนดขอบเขตบนและล่างด้วยปริพันธ์
:\int_1^n \log x \, dx \leq \sum_{x=1}^n \log x \leq \int_0^n \log (x+1) \, dx
ซึ่งจะได้การประมาณค่าดังนี้
:n\log\left(\frac{n}{e}\right)+1 \leq \log n! \leq (n+1)\log\left( \frac{n+1}{e} \right) + 1
เนื่องจากการคำนวณ log n! มีประสิทธิภาพเป็น Θ(n log n) สิ่งนี้จึงมีบทบาทหลักในการวิเคราะห์ความซับซ้อนในการคำนวณของขั้นตอนวิธีการเรียงลำดับ (ดูเพิ่มที่การเรียงลำดับแบบเปรียบเทียบ)
จากขอบเขตของ log n! ที่ได้ สามารถลดรูปจนเหลือเพียง
:e\left(\frac ne\right)^n \leq n! \leq e\left(\frac{n+1}e\right)^{n+1}
การใช้สูตรดังกล่าวในทางปฏิบัติบางครั้งสามารถประมาณได้ง่ายกว่าแต่ไม่เคร่งครัด สูตรดังกล่าวสามารถแสดงให้เห็นได้ว่า สำหรับทุกค่าของ n จะได้ (n/3)^n และสำหรับ n ≥ 6 จะได้ n! เป็นต้น
เมื่อ n เป็นจำนวนขนาดใหญ่ เรามีวิธีการประมาณค่า n! ที่ดีกว่าโดยใช้การประมาณของสเตอร์ลิง (Stirling's approximation)
:n!\approx \sqrt{2\pi n}\left(\frac{n}{e}\right)^n
ในความเป็นจริง สำหรับทุกค่าของ n สูตรดังกล่าวสามารถพิสูจน์ได้ว่า
:n! > \sqrt{2\pi n}\left(\frac{n}{e}\right)^n
การประมาณค่า log n! ที่ดีกว่าอีกสูตรหนึ่ง กำหนดไว้โดย ศรีนิวาสะ รามานุจัน ดังนี้
:\log n! \approx n\log n - n + \frac {\log(n(1+4n(1+2n)))} {6} + \frac {\log(\pi)} {2}
== การขยายแฟกทอเรียลไปยังอาร์กิวเมนต์ที่ไม่เป็นจำนวนเต็ม ==
=== ฟังก์ชันแกมมาและฟังก์ชันพาย ===
นอกเหนือจากจำนวนเต็มที่ไม่เป็นลบแล้ว ฟังก์ชันแฟกทอเรียลสามารถนิยามให้กับค่าอื่นที่ไม่เป็นจำนวนเต็มได้ แต่การทำเช่นนี้จำเป็นต้องใช้เครื่องเครื่องมือขั้นสูงจากคณิตวิเคราะห์ ฟังก์ชันอันหนึ่งที่ "เติมเต็ม" ค่าต่าง ๆ ของแฟกทอเรียล (แต่มีค่าเลื่อนไป 1 ในอาร์กิวเมนต์) เรียกว่าฟังก์ชันแกมมา (Gamma function) เขียนแทนด้วย Γ(z) ซึ่งนิยามบนจำนวนเชิงซ้อน z ทุกจำนวนยกเว้นจำนวนเต็มลบ และส่วนจริงของ z เป็นจำนวนบวก ดังนี้
:\Gamma(z)=\int_0^\infty t^{z-1} e^{-t}\, \mathrm{d}t
ความสัมพันธ์ระหว่างฟังก์ชันแกมมากับแฟกทอเรียลเมื่อ n เป็นจำนวนธรรมชาติ เป็นดังนี้
:n!=\Gamma(n+1)\,
สูตรดั้งเดิมของออยเลอร์สำหรับนิยามฟังก์ชันแกมมาคือ
:\Gamma(z)=\lim_{n\to\infty}\frac{n^zn!}{\displaystyle\prod_{k=0}^n (z+k)}
ยังมีสัญกรณ์อีกอย่างหนึ่งซึ่งเกาส์เป็นผู้คิดค้นและบางครั้งก็ถูกใช้เช่นกัน นั่นคือ ฟังก์ชันพาย (Pi function) เขียนแทนด้วย Π(z) นิยามไว้สำหรับจำนวนจริง z ที่ไม่น้อยกว่า 0 ดังนี้
:\Pi(z)=\int_0^\infty t^{z} e^{-t}\, \mathrm{d}t
หากเทียบกับฟังก์ชันแกมมาจะได้ว่า
:\Pi(z) = \Gamma(z+1)\,
ฟังก์ชันพายเป็นการขยายแนวคิดแฟกทอเรียลอย่างแท้จริงดังนี้
:\Pi(n) = n!\text{ for }n \in \mathbf{N}\,
ยิ่งไปกว่านี้ ฟังก์ชันพายมีการเวียนเกิดเหมือนกับแฟกทอเรียล แต่ใช้กับจำนวนเชิงซ้อน z ทุกจำนวนที่นิยาม
:\Pi(z) = z\Pi(z-1)\,
โดยข้อเท็จจริงความสัมพันธ์เวียนเกิดไม่มีอีกต่อไปแล้ว เว้นแต่ในสมการเชิงฟังก์ชัน เมื่อแสดงในพจน์ของฟังก์ชันแกมมา สมการดังกล่าวจะเปลี่ยนเป็น
:\Gamma(n+1)=n\Gamma(n)\,
เนื่องจากแฟกทอเรียลถูกขยายโดยฟังก์ชันพาย สำหรับจำนวนเชิงซ้อน z ทุกจำนวนที่นิยาม เราจึงสามารถเขียนว่า
:z! = \Pi(z)\,
ค่าของฟังก์ชันเหล่านี้ที่จำนวนเต็มครึ่ง (half-integer) สามารถพิจารณาได้จากสูตรต่อไปนี้ โดยพื้นฐานเราทราบว่า
:\Gamma\left (\frac{1}{2}\right )=\left (-\frac{1}{2}\right )!=\Pi\left (-\frac{1}{2}\right ) = \sqrt{\pi}
เมื่อ n เป็นจำนวนธรรมชาติ จะได้สูตร
:\Gamma\left (\frac{1}{2}+n\right ) = \left (-\frac{1}{2}+n\right )! = \Pi\left (-\frac{1}{2}+n\right ) = \sqrt{\pi} \prod_{k=1}^n {2k - 1 \over 2} = {(2n)! \over 4^n n!} \sqrt{\pi} = {(2n-1)! \over 2^{2n-1}(n-1)!} \sqrt{\pi}
ตัวอย่าง
:\Gamma\left (4.5 \right ) = 3.5! = \Pi\left (3.5\right ) = {1\over 2}\cdot{3\over 2}\cdot{5\over 2}\cdot{7\over 2} \sqrt{\pi} = {8! \over 4^4 4!} \sqrt{\pi} = {7! \over 2^7 3!} \sqrt{\pi} = {105 \over 16} \sqrt{\pi} \approx 11.63
และอีกสูตรหนึ่ง
:\Gamma\left (\frac{1}{2}-n\right ) = \left (-\frac{1}{2}-n\right )! = \Pi\left (-\frac{1}{2}-n\right ) = \sqrt{\pi} \prod_{k=1}^n {2 \over 1 - 2k} = {(-4)^n n! \over (2n)!} \sqrt{\pi}
ตัวอย่าง
:\Gamma\left (-2.5 \right ) = (-3.5)! = \Pi\left (-3.5\right ) = {2\over -1}\cdot{2\over -3}\cdot{2\over -5} \sqrt{\pi} = {(-4)^3 3! \over 6!} \sqrt{\pi} = -{8 \over 15} \sqrt{\pi} \approx -0.9453
ฟังก์ชันพายไม่ได้เป็นเพียงฟังก์ชันเดียวที่ขยายแฟกทอเรียล ไปเป็นฟังก์ชันสำหรับจำนวนเชิงซ้อนเกือบทุกจำนวน และไม่ได้เป็นเพียงฟังก์ชันเดียวที่เป็นฟังก์ชันวิเคราะห์ (analytic function) เมื่อใดก็ตามที่มันถูกนิยาม แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอันใด ฟังก์ชันพายมักเป็นตัวแทนโดยปริยายเมื่อต้องการหาค่าแฟกทอเรียลของจำนวนเชิงซ้อน ตัวอย่างเช่น ทฤษฎีบทบอร์-โมลเลอรัประบุว่า ฟังก์ชันแกมมาเป็นฟังก์ชันเดียวที่รับค่า 1 แล้วให้ผลลัพธ์เป็น 1, สอดคล้องกับสมการเชิงฟังก์ชัน Γ(n + 1) = nΓ(n), เป็นฟังก์ชันมีโรมอร์ฟิก (meromorphic function) บนจำนวนเชิงซ้อน, และเป็นฟังก์ชันคอนเวกซ์เชิงลอการิทึม (logarithmically convex function) บนแกนจำนวนจริงบวก เงื่อนไขที่คล้ายกันนี้ก็ปรากฏในฟังก์ชันพาย โดยเปลี่ยนสมการเชิงฟังก์ชันเป็น Π(n) = nΠ(n − 1)
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีฟังก์ชันเชิงซ้อนอื่นที่เรียบง่ายกว่าฟังก์ชันวิเคราะห์และสอดแทรกแฟกทอเรียลเข้าไป ตัวอย่างเช่น "ฟังก์ชันแกมมา" ของฌัก อาดามาร์ (Jacques Hadamard) ต่างจากฟังก์ชันแกมมาปรกติตรงที่มันเป็นฟังก์ชันทั่ว (entire function)
ออยเลอร์ยังได้สร้างสูตรสำหรับการประมาณค่าด้วยผลคูณลู่เข้าสำหรับแฟกทอเรียลที่ไม่ใช่จำนวนเต็ม ซึ่งเทียบเท่ากับสูตรของฟังก์ชันแกมมาที่ได้กล่าวไว้แล้ว
:\begin{align}
n! = \Pi(n) &= \prod_{k = 1}^\infty \left(\frac{k+1}{k}\right)^n\!\!\frac{k}{n+k} \\
&= \left[ \left(\frac{2}{1}\right)^n\frac{1}{n+1}\right]\left[ \left(\frac{3}{2}\right)^n\frac{2}{n+2}\right]\left[ \left(\frac{4}{3}\right)^n\frac{3}{n+3}\right]\cdots
\end{align}
อย่างไรก็ดี สูตรนี้ไม่ได้ให้วิธีการคำนวณเชิงปฏิบัติของฟังก์ชันพายหรือฟังก์ชันแกมมา เนื่องด้วยอัตราการลู่เข้าของมันนั้นช้า
=== การประยุกต์ใช้ฟังก์ชันแกมมา ===
ปริมาตรของทรงกลม n มิติที่มีรัศมี R หน่วย คำนวณได้จากสูตร
:V_n=\frac{\pi^{n/2}}{\Gamma((n/2)+1)}R^n
== ฟังก์ชันที่มีลักษณะคล้ายกับแฟกทอเรียล ==
=== มัลติแฟกทอเรียล ===
มัลติแฟกทอเรียล เป็นฟังก์ชันที่เขียนอยู่ในรูปแบบ n!, n!! หรือมีเครื่องหมายแฟกทอเรียลมากกว่านั้น
n!! หมายถึง ดับเบิลแฟกทอเรียล ของ n ซึ่งนิยามโดย
n!!=
\left\{
\begin{matrix}
1,\qquad\quad\ &&\mbox{if }n=0\mbox{ or }n=1;
\\
n (n-2) !!&&\mbox{if }n\ge2.\qquad\qquad
\end{matrix}
\right.
ตัวอย่างเช่น 8!! = 2 · 4 · 6 · 8 = 384 and 9!! = 1 · 3 · 5 · 7 · 9 = 945 ลำดับของดับเบิลแฟกทอเรียล สำหรับ n = 0, 1, 2,... ได้แก่
1, 1, 2, 3, 8, 15, 48, 105, 384, 945, 3840, ...
จากนิยามดังกล่าวทำให้สามารถหาดับเบิลแฟกทอเรียลของจำนวนเต็มลบได้คือ
(n-2) !!=\frac{n!!}{n}
ลำดับของดับเบิลแฟกทอเรียลสำหรับ n = -1, -3, -5, -7,... คือ
1, -1, , , ...
เอกลักษณ์ของดับเบิลแฟกทอเรียลได้แก่
n!=n!! (n-1) !! \,
(2n) !!=2^nn! \,
(2n+1) !!={(2n+1) !\over (2n) !!}={(2n+1) !\over2^nn!}
\Gamma\left (n+{1\over2}\right) =\sqrt{\pi}\,\,{(2n-1) !!\over2^n}
\Gamma\left ({n\over2}+1\right) =\sqrt{\pi}\,\,{n!!\over2^{(n+1)/2}}
ฟังก์ชันมัลติแฟกทอเรียลอื่นๆ ที่มีเครื่องหมายแฟกทอเรียล k เครื่องหมาย มีนิยามโดย
n!^{(k)}=
\left\{
\begin{matrix}
1,\qquad\qquad\ &&\mbox{if }0\le n
=== ซูเปอร์แฟกทอเรียล ===
ซูเปอร์แฟกทอเรียล มีรูปแบบคือ
\mathrm{sf} (n)
=\prod_{k=1}^n k! =\prod_{k=1}^n k^{n-k+1}
=1^n\cdot2^{n-1}\cdot3^{n-2}\cdots (n-1) ^2\cdot n^1.
เช่น ซูเปอร์แฟกทอเรียลของ 4 คือ
\mathrm{sf} (4) =1! \times 2! \times 3! \times 4!=288 \,
== อ้างอิง ==
ฟแฟกทอเรียล
ฟแฟกทอเรียล
ฟแฟกทอเรียล
|
thaiwikipedia
| 1,885 |
พระราชวังแวร์ซาย
|
พระราชวังแวร์ซาย (Château de Versailles ) เป็นพระราชวังหลวงแห่งหนึ่งของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่แวร์ซาย ห่างจากกรุงปารีสไปทางตะวันตกประมาณ พระราชวังแวร์ซายถือครองโดยสาธารณรัฐฝรั่งเศสและได้รับการจัดการภายใต้การกำกับของกระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส โดยสถาบันสาธารณะของพระราชวัง พิพิธภัณฑ์ และมรดกแห่งชาติของแวร์ซาย (Public Establishment of the Palace, Museum and National Estate of Versailles) มาตั้งแต่ ค.ศ. 1995 มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมพระราชวังหรือสวนแวร์ซาย 15,000,000 คนต่อปี ทำให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ยอดนิยมที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการระบาดทั่วของโควิด-19 ทำให้มีนักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 75 จนเหลือเพียงแปดล้านคนใน ค.ศ. 2019 ถึงสองล้านคนใน ค.ศ. 2020 จำนวนที่ลดลงอย่างมากมาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งรวมเป็นนักท่องเที่ยวร้อยละ 80
พระราชวังและสวนได้รับเลือกเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกใน ค.ศ. 1979 จากความสำคัญในฐานะศูนย์กลางทางอำนาจ ศิลปะ และวิทยาศาสตร์ในฝรั่งเศสช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ถึง 18
== ประวัติ ==
เดิมเมืองแวร์ซายเป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง มีผู้คนอาศัยอยู่เบาบาง บริเวณส่วนใหญ่เป็นป่าเขาเยี่ยงชนบทอื่น ๆ ของฝรั่งเศส เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 แห่งฝรั่งเศส ยังทรงพระเยาว์ ขณะพระชนมายุได้ 23 พระชันษา ทรงนิยมล่าสัตว์ในป่า และทรงเห็นว่าตำบลแวร์ซายน่าจะเหมาะแก่การประทับเพื่อล่าสัตว์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นมาใน พ.ศ. 2167 โดยในช่วงแรกเป็นเพียงกระท่อมเล็ก ๆ สำหรับพักชั่วคราวเท่านั้น
เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ขึ้นครองบัลลังก์ มีประสงค์ที่จะสร้างพระราชวังแห่งใหม่ เพื่อเป็นศูนย์กลางในการปกครองของพระองค์ จึงเริ่มปรับปรุงพระตำหนักเดิมในปี พ.ศ. 2204 ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 ฟรังก์ คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2231 ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงาม ภายในแบ่งออกเป็นห้อง ๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง
การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายแห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎรชาวฝรั่งเศส ต่อมาในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศสได้มีกองทัพประชาชนและผู้ประท้วงบุกเข้าพระราชวังเพื่อตามหาพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส กับพระนางมารี อองตัวเนต จนเหล่าเชื้อพระวงศ์ต้องย้ายไปพำนักที่พระราชวังตุยเลอรีส์
ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายยังอยู่ในสภาพดีและเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ ภายในพระราชวังแวร์ซายมีทั้งหมด 700 ห้อง ภาพวาด 6,123 ภาพ และงานแกะสลักทั้งหมด 18,893 ชิ้น
== ห้องกระจก ==
ห้องกระจก (Galerie des Glaces หรือ The Hall of Mirrors) เป็นห้องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดซึ่งเคยใช้เป็นห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับจักรวรรดิเยอรมัน ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และใช้เป็นที่ลงนามเมื่อครั้งเยอรมนีบุกตีชนะฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ห้องนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงทำการก่อสร้างเอง ภายในห้องประกอบด้วยกระจกยักษ์ 17 บาน เปิดออกแล้วจะเห็นสวนแวร์ซายอันสวยงาม
== เหตุผลที่ได้รับคัดเลือกเป็นมรดกโลก ==
พระราชวังแวร์ซายขึ้นทะเบียนให้เป็นแหล่งมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 3 เมื่อ พ.ศ. 2522 ที่ประเทศอียิปต์ ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังต่อไปนี้
(i) - เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์
(ii) - เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใดๆ ของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม
(iii) - มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์
==หมายเหตุ==
===อ้างอิง===
==บรรณานุกรม==
*
*
*
Garrigues, Dominique (2001). Jardins et jardiniers de Versailles au grand siècle. Seyssel: Champ Vallon. .
Also at Oxford Art Online (subscription required).
Michelin Tyre PLC (1989). Île-de-France: The Region Around Paris. Harrow [England]: Michelin Tyre Public Ltd. Co. .
===ข้อมูลเว็บ===
====กระทรวงวัฒนธรรมฝรั่งเศส====
==อ่านเพิ่ม==
Mansel, Philip. King of the World: The Life of Louis XIV (2020) chapters 8, 13.
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Palace of Versailles's 360x180 degree panorama virtual tour
Versailles on Paper (exhibition website)
Versailles Multimedia Gallery
แหล่งมรดกโลกในประเทศฝรั่งเศส
วแวร์ซาย
สิ่งก่อสร้างในจังหวัดอีฟว์ลีน
สิ่งก่อสร้างที่ถูกไฟไหม้
แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม
สิ่งก่อสร้างในคริสต์ทศวรรษ 1670
สิ่งก่อสร้างในคริสต์ทศวรรษ 1680
ที่ประทับของพระมหากษัตริย์ในประเทศฝรั่งเศส
ที่ตั้งของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
|
thaiwikipedia
| 1,886 |
อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา
|
อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา มีเนื้อที่ครอบคลุมท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเขาพนม และอำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ เขาพนมเบญจาเป็นสัญลักษณ์แห่งความงามที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดกระบี่ สภาพป่าอุดมสมบูรณ์ประกอบด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน มีไอหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม เช่น ลำธาร น้ำตก ถ้ำต่าง ๆ และสัตว์ป่านานาชนิด มีเนื้อที่ประมาณ 53 ตารางกิโลเมตร หรือ 33,125 ไร่
==ลักษณะภูมิประเทศ==
เป็นเทือกเขาที่เขียวชอุ่มสลับซับซ้อน มีหน้าผาสูงชัน ประกอบด้วยเขาพนมและเขาพนมเบญจา ซึ่งมียอดเขาสูงสุด 1,397 เมตรจากระดับน้ำทะเล เทือกเขาเหล่านี้มีลักษณะเป็นแนวยาวตลอดจากเหนือจรดใต้ เป็นต้นกำเนิดแหล่งน้ำสายสำคัญที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคของประชาชนในตัวเมืองกระบี่ ได้แก่ คลองกระบี่ใหญ่ ซึ่งไหลลงสู่ทะเลอันดามัน ที่ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ เทือกเขาเหล่านี้มีลักษณะเป็นแนวยาวตลอดจากเหนือจรดใต้ ผ่านกลางอุทยานแห่งชาติ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารหลายสาย เช่น คลองโตน คลองกระบี่น้อย คลองพอทาก ห้วยสะเค ห้วยส้าน และห้วยไผ่
==ลักษณะภูมิอากาศ==
อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจาอยู่ในเขตมรสุมเมืองร้อน ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้อากาศอบอุ่นและชุ่มชื้นตลอดปี ประกอบด้วย 2 ฤดู คือ
ฤดูร้อนระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน
ฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม จะมีฝนตกชุกในเดือนมิถุนายน-ตุลาคม
==ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า==
เนื่องจากป่าเขาพนมเบญจา เป็นป่าดิบชื้น ฝนตกชุกเกือบตลอดปี จึงมีไม้ที่สำคัญหลายชนิด คือ ตะเคียนทอง ยาง ตะแบก หลุมพอ จำปา สะตอป่า มะไฟป่า พืชพื้นล่าง ได้แก่ ปาล์ม หวาย เข็มป่า และไผ่ชนิดต่างๆ สำหรับสัตว์ป่านั้นยังชุกชุมอยู่มาก เพราะมีแหล่งน้ำและอาหารอุดมสมบูรณ์ สัตว์ป่าทั่วไป ได้แก่ สมเสร็จ เลียงผา หมูป่า เสือดำ เสือลายเมฆ หมีควาย กระจง ค่าง ชะนี ลิงเสน หมาใน กระรอก ชะมด นางอาย นกกางเขนดง นกเงือก นกคุ้ม ไก่ฟ้า และ ไก่ป่า
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน มีทิวทัศน์ธรรมชาติสวยงาม ทั้งลำธาร น้ำตก ถ้ำ และสัตว์ป่านานาชนิด สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมีดังนี้
น้ำตกห้วยโต้ ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 500 เมตร มีต้นกำเนิดจากเขาพนมเบญจา เป็นน้ำตกที่ตกจากหน้าผา มี 11 ชั้น แต่ละชั้นมีแอ่งน้ำใหญ่ น้ำใสสะอาด
น้ำตกห้วยสะเด ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 1.2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกจากหน้าผาสูง
ถ้ำเขาผึ้ง อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯประมาณ 3 กิโลเมตร มีทั้งหมด 5 ถ้ำในบริเวณเดียวกัน ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม เป็นรูปร่างต่างๆกัน เช่น ดอกเห็ดเจดีย์ ม่าน ฯลฯ ผนังถ้ำเป็นสีขาว มีประกายระยิบระยับดูสวยงาม
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
อุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา เว็บไซต์อุทยานแห่งชาติของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
อุทยานแห่งชาติในประเทศไทย
อุทยานแห่งชาติในจังหวัดกระบี่
อำเภออ่าวลึก
อำเภอเขาพนม
อำเภอเมืองกระบี่
|
thaiwikipedia
| 1,887 |
อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี
|
อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี อยู่ใน อ.อ่าวลึก ต.เขาทอง อ.เมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ มีพื้นที่ประมาณ 121 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยภูเขาหินปูน ป่าดิบ ป่าชายเลน และเกาะในทะเล
== ประวัติความเป็นมาของอุทยาน ==
เดิมอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี มีชื่อว่า "ธารอโศก" มีลักษณะเป็นป่าดงดิบและเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ต่อมาในปี พ.ศ. 2496 พลโทบัญญัติ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ได้เข้ามาพักผ่อนซึ่งเห็นว่าชื่อเดิมไม่เหมาะสม จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น "ธารโบกขรณี"
ในปี พ.ศ. 2498 ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ในสมัยนั้น เสนอเรื่องให้กรมป่าไม้ ตั้งขึ้นเป็นสวนรุกขชาติ ซึ่งกรมป่าไม้ได้รับหลักการและดำเนินการ จนในปี พ.ศ. 2528 สำนักงานป่าไม้จังหวัดกระบี่ ได้เสนอเรื่องขอจัดตั้ง “ธารโบกขรณี” และพื้นที่ใกล้เคียงเป็นอุทยานแห่งชาติ สังกัดกองอุทยานแห่งชาติ และโอนมาอยู่ในสังกัดส่วนอุทยานแห่งชาติทางทะเล พ.ศ. 2538 จนได้รับการจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 115 ตอนที่ 67 ก ลงวันที่ 30 กันยายน 2541
== สถานที่ท่องเที่ยว ==
=== ธารโบกขรณี ===
ตั้งอยู่บริเวณที่ทำการอุทยานฯ สภาพทั่วไปเป็นธารน้ำธรรมชาติไหลลงมายังแอ่งน้ำน้อยใหญ่ซึ่งอยู่ต่างระดับกัน รายรอบด้วยป่าไม้ร่มรื่น ด้านเหนือของธารโบกขรณี มีมณฑปพระพุทธบาทจำลองที่แกะสลักจากไม้ ประดิษฐานอยู่ใกล้กับศาลาบูชาเจ้าพ่อโต๊ะยวน-โต๊ะช่อง
=== ถ้ำลอดเหนือและถ้ำลอดใต้ ===
ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภออ่าวลึกไปตามถนนอ่าวลึก-แหลมสัก ประมาณ 2 กิโลเมตร แยกขวาไปยังท่าเรือบ่อท่อ แล้วลงเรือรับจ้างไปตามลำคลองท่าปรัง ผ่านป่าชายเลนไปประมาณ 10 นาที ถ้ำลอดใต้เป็นอุโมงค์ใต้เขาหินปูน มีธารน้ำไหลผ่านอุโมงค์แคบ มีหินงอกและหินย้อยสวยงาม ส่วนถ้ำลอดเหนือเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่ มีแนวอุโมงค์คดเคี้ยวและยาวกว่าถ้ำลอดใต้ เรือสามารถแล่นผ่านได้ในช่วงน้ำลงเท่านั้น
=== ถ้ำผีหัวโต หรือถ้ำหัวกะโหลก ===
ตั้งอยู่ในเขตอำเภออ่าวลึกในเทือกเขาผีหัวโต ซึ่งมีลักษณะเป็นเขาหินปูนล้อมรอบด้วยบึงและป่าโกงกาง นั่งเรือจากท่าเรือบ่อท่อไปประมาณ 10 นาที เลยทางแยกไปถ้ำลอดใต้เล็กน้อย จากปากถ้ำมองเข้าไปจะเห็นทางแยกเป็น 2 ทาง ทางซ้ายมือจะตัดตรงไปยังด้านหลังของถ้ำที่เป็นโพรงใหญ่ มีแสงสว่างส่องเข้ามาถึงได้ ส่วนด้านขวามือเป็นทางที่จะตรงเข้าไปยังห้องโถงของตัวถ้ำ แต่เดิมภายในถ้ำเคยพบหัวกะโหลกมนุษย์ซึ่งมีขนาดโตกว่าปกติจึงมีชื่อว่า “ถ้ำผีหัวโต” นอกจากนี้บนผนังถ้ำยังปรากฏภาพเขียนสีก่อนสมัยประวัติศาสตร์จำนวนมาก อาทิ รูปคน รูปสัตว์ ตลอดจนรูปอวัยวะต่าง ๆ และบนพื้นถ้ำมีเปลือกหอยทับถมกันอยู่เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ตามเพิงผาและผนังถ้ำบนเกาะน้อยใหญ่ในเขตป่าชายเลนตอนกลางอุทยานแห่งชาติยังเป็นแหล่งภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ เช่น ถ้ำชาวเล แหลมท้ายแรด เกาะกาโรส แหลมไฟไหม้ ระยะทางแหลมสัก-แหลมไฟไหม้ 5 กิโลเมตร แหลมสัก-ถ้ำชาวเล 2 กิโลเมตร แหลมสัก-เขากาโรส หรือเกาะกาโรส 7 กิโลเมตร การเดินทางเช่าเหมาเรือหางยาวที่ท่าเรือแหลมสักตามระยะใกล้-ไกล และควรเดินทางช่วงน้ำขึ้นจะได้ขึ้นฝั่งสะดวก
=== ถ้ำเพชร ===
ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ต.อ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก อยู่ห่างจากสี่แยกตลาดอ่าวลึกเหนือ 3 กิโลเมตร บริเวณด้านหน้ามีพระพุทธรูปปูนประดิษฐานอยู่ และมีหินสะท้อนแสงซึ่งส่องประกายสวยงามราวกับเพชรตามผนังถ้ำ การไปเที่ยวชมถ้ำเพชร สามารถติดต่อขอคนนำทางจากอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณีได้ ทั้งนี้ควรนำไฟฉายติดตัวไปด้วย
=== ถ้ำพระ ===
ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ต. อ่าวลึกใต้ อ.อ่าวลึก ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 2 ก.ม. ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปใหญ่ 3 องค์ รอบฐานมีพระพุทธรูปไม้แกะสลักองค์เล็กตั้งอยู่โดยรอบ ฐานจะสร้างในสมัยใดไม่ปรากฏ แต่จากคำบอกเล่ากล่าวกันว่าสร้างพร้อมกับพระบรมธาตุเมืองนครฯ เนื่องจากผู้ศรัทธาที่จะเดินทางเอาทรัพย์สินเงินทองไปร่วมสร้างองค์พระบรมธาตุได้ทราบข่าวการสร้างองค์พระธาตุเสร็จสิ้นแล้ว จึงพร้อมใจกันสร้างพระพุทธรูป 3 องค์นี้ขึ้น พร้อมกับฝังทรัพย์สินเงินทองไว้อีกด้วย จากความเชื่อของชาวบ้านดังกล่าวก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะเส้นทางระหว่างอ่าวลึก-ปากลาว-ปากพนม ตลอดแม่น้ำตาปีนั้นเป็นเส้นทางเดินข้ามแหลมมลายูมาแต่โบราณเส้นทางหนึ่ง
=== หมู่เกาะห้อง ===
หมู่เกาะห้องเป็นหมู่เกาะที่ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่หลายเกาะ อาทิเช่น เกาะเหลาหรือเกาะซากา เกาะเหลาเหรียม เกาะปากกะ เกาะเหลาลาดิง เป็นต้น โดยมีเกาะห้องหรือเกาะเหลาปิเละ เป็นเกาะทางตอนใต้ที่ใหญ่ที่สุด ลักษณะโดยทั่วไปเป็นเขาหินปูน มีแนวปะการังทั้งในระดับน้ำตื้นและน้ำลึกเหมาะแก่การดำน้ำ ตกปลา การไปเที่ยวชมสามารถเช่าเรือจากอ่าวนาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี , เว็บไซต์อุทยานแห่งชาติของกรมอุทยานแห่งชาติ
ธารโบกขรณี
ธารโบกขรณี
อำเภออ่าวลึก
อำเภอเมืองกระบี่
|
thaiwikipedia
| 1,888 |
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา
|
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ประกอบด้วยเกาะใหญ่น้อยที่สวยงามจำนวนมาก อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ป่าชายหาด ป่าชายเลย แนวเขตปะการังที่สมบูรณ์ และหาดทรายรอบเกาะต่างๆ
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 151.90 ตารางกิโลเมตร หรือ 94,937.50 ไร่ (แยกเป็นส่วนพื้นดิน ประมาณ 26.728 ตารางกิโลเมตร และพื้นน้ำประมาณ 125.172 ตารางกิโลเมตร)
== ลักษณะภูมิประเทศ ==
หมู่เกาะลันตา ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ใกล้เคียงแผ่นดินบริเวณอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ทางฝั่งตะวันตกของประเทศ ประกอบด้วยเกาะต่าง ๆ ดังนี้ :
เกาะลันตาใหญ่ เกาะลันตาน้อย เกาะตะเล็งเบ็ง เกาะพลวง เกาะเหล็ก เกาะหม้อ เกาะกำใหญ่ เกาะแร้ง เกาะหนุ่ย เกาะนกงั่ว เกาะผี เกาะปลิง เกาะเปลว เกาะบาตู เกาะราปูพัง
เกาะลันตา : เป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อนปกคลุมด้วยป่าที่สมบูรณ์ จะมีหาดทรายทางด้านหลังเกาะ ในส่วนที่เรียกว่าอันดามัน เทือกเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 450 เมตร
== ลักษณะภูมิอากาศ ==
สภาพภูมิอากาศได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ แบ่งออกเป็น 2 ฤดู คือ
ฤดูฝน ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม มีฝนตกประมาณ 2,174.6 มิลลิเมตรต่อปี
ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน
== พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า ==
ป่า/พันธุ์ไม้ : ประกอบด้วย ป่าชายหาด ป่าชายเลน ป่าดงดิบ ป่าดิบแล้ง ป่าละเมาะ และทุ่งหญ้า มีพันธุ์ไม้ได้แก่ สนทะเล โพทะเล หูกาง จิกทะเล หยีทะเล ทองหลางป่า โกงกาง แสม หลุมพอ ตะเคียน มะม่วง กระท้อน จันทร์แดง สลัดได จันผา ไม้ยาง กระบาก เป็นต้น
สัตว์ป่า : ที่พบส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์ขนาดเล็ก ได้แก่ หมูป่า กระจง ลิง กระรอก กระแต ค้างคาว นกนานาชนิด เช่น นกแซงแซว นกเหยี่ยวแดง นกยางทะเล นกกาเหว่า นกกางเขนดง นกนางนวล และปลาจำนวนมาก เช่น ปลาจะละเม็ดดำ-ขาว ปลาทู ปลาลัง ปลาเก๋า ปลาการ์ตูน ปลาดาบ ฯลฯ บางทีอาจจะพบเห็นโลมา นอกจากนี้ยังมีกุ้งมังกร กุ้งกุลาดำ หมึกหลอด ปูเสฉวน ปูลม เป็นต้น
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา , เว็บไซต์อุทยานแห่งชาติของกรมอุทยานแห่งชาติ
lantalanta.com เกาะลันตา
หมู่
อำเภอเกาะลันตา
|
thaiwikipedia
| 1,889 |
อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี
|
อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในทะเลอันดามันด้านทิศตะวันตกของภาคใต้ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่มีลักษณะสวยงามตามธรรมชาติ รอบ ๆ เกาะมีปะการัง กัลปังหา ทิวทัศน์ใต้ทะเลที่งดงาม และเอกลักษณ์ทางธรรมชาติคือภูเขาหินปูนที่มีหน้าผาเป็นชั้น ๆ ถ้ำที่สวยงาม ตลอดจนชายหาดยาวสะอาด สุสานหอยแหลมโพธิ์ ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 389.96 ตารางกิโลเมตร หรือ 243,725 ไร่
== ลักษณะภูมิประเทศ ==
บริเวณ หมู่เกาะพีพี ส่วนใหญ่เป็นเกาะ ที่เป็นภูเขาหิน และหน้าผาสูงชัน มีต้นไม้ปกคลุมขึ้นตามซอกหิน ไม้ที่ขึ้นเป็นไม้ขนาดเล็กและ
บริเวณสุสานหอยแหลมโพธิ์ ส่วนที่สำคัญอยู่ริมฝั่งทางตะวันตก มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร กว้าง 50 เมตร เป็นแผ่นหอยที่เกาะตัวกันจนแข็งเป็นแผ่นหินสลับกับชั้นของถ่านลิกไนต์ หนาประมาณชั้นละ 10 นิ้ว
== ลักษณะภูมิอากาศ ==
สภาพภูมิอากาศอยู่ในเขตมรสุม ในฤดูฝนจะมีฝนตกชุก ระหว่างเดือนเมษายน-ตุลาคม ส่วนระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน เป็นช่วงที่อากาศเย็นสบายและเหมาะแก่การท่องเที่ยว
== พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า ==
สำหรับพันธุ์ไม้ในเขตอุทยานฯ มี 3 ประเภท คือ
ป่าดงดิบชื้น ปรากฏพบบริเวณที่เป็นภูเขาสูงชัน บริเวณเขาหางนาค บริเวณอ่าวพระนาง บริเวณทิศตะวันตกของเกาะพีพีดอน
ป่าชายเลน มีอยู่ในบริเวณคลองแห้ง ใกล้ที่ทำการอุทยานฯทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเขาหางนาค และบริเวณคลองย่านสะบ้า ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสุสานหอยฯ
ป่าพรุ เป็นสังคมพืชเด่นที่พบต้นเสม็ดขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นสมบูรณ์ ปรากฏอยู่เฉพาะบริเวณหาดนพรัตน์ธาราเป็นบริเวณแคบๆประมาณ 0.32 ตารางกิโลเมตร
สรุปชนิดของพันธุ์ไม้โดยทั่ว ๆ ไปที่พบ ประกอบด้วย ไม้ตะเคียน ยาง สน จันผา ตะแบก อินทนิล เสม็ด พะยอม แดง โกงกาง แสม ตะบูน ถั่วดำ ถั่วขาว เป็นต้น
สัตว์ป่า ประกอบด้วย กระรอก หมูป่า กระจง เก้ง เลียงผา ลิง ค่าง ชะนี หนูหริ่ง นกนานาชนิด เช่น นกนางนวล นกนางแอ่น และสัตว์น้ำนานาชนิด
== การเดินทาง ==
โดยรถยนต์ การเดินทางจากกรุงเทพ ฯ ไปจังหวัดกระบี่ มีระยะทางประมาณ 946 กิโลเมตร โดยใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ผ่าน จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา กระบี่ หรือถ้าไปอีกเส้นทางหนึ่งก็ได้ ซึ่งจะมีระยะทางที่ใกล้กว่าคือประมาณ 814 กิโลเมตรคือ สามารถใช้เส้นทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 4 จากกรุงเทพฯ ผ่าน จ.ชุมพร แล้วให้เลี้ยวเข้าไปใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41 ผ่าน อ.หลังสวน อ.ไชยา อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี จากนั้นให้เลี้ยวเข้าไปใช้เส้นทางหลวงจังหวัด หมายเลข 4035 พอผ่าน อ.อ่าวลึก แล้วให้กลับเข้ามาใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 อีกครั้งก็จะเข้าสู่ จ.กระบี่ พอถึงจังหวัดกระบี่แล้ว ก็วิ่งไปตามถนนสายในเมือง-ในสระ จะใช้ระยะทางอีกประมาณ 18 กม.ก็ถึงหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี หลังจากนั้นก็ให้ใช้เส้นทางเลียบชายทะเล ไปทางทิศใต้ระยะทางประมาณ 6 กม.
== ระเบียงภาพ ==
ไฟล์:Place Nopparattarathara Pier.jpg|ท่าเทียบเรือหาดนพรัตน์ธารา
ไฟล์:Place NPNopparattanatharaBeachAndPhiPhiIslands HQ.jpg|ที่ทำการอุทยาน
ไฟล์:Moo Koh PP8.JPG|หมู่เกาะพีพี
From a Beach in Phi Phi Don.jpg|วิวจากหาดบนเกาะพีพีดอน
ไฟล์:Plant BeachMorningGlory.jpg|ผักบุ้งทะเล เกาะพีพีดอน
ไฟล์:Place 40MYrShellCemetry.jpg|สุสานหอย 75 ล้านปี
ไฟล์:Longtail boat at Maya bay.JPG|อ่าวมาหยา
A Long-tail Boat in Pileh Lagoon, Phi Phi Le.jpg|ปิเละลากูน เกาะพีพีเล
A View from Maya Bay, Phi Phi Le.jpg|อ่าวมาหยา เกาะพีพีเล
== อ้างอิง ==
หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี
หาด
เกาะในทะเลอันดามัน
หมู่เกาะพีพี
อำเภอเมืองกระบี่
|
thaiwikipedia
| 1,890 |
ฟอสฟอรัส
|
ฟอสฟอรัส (phosphorus) เป็นธาตุอโลหะ เลขอะตอม 15 สัญลักษณ์ P
ฟอสฟอรัสอยู่ในกลุ่มไนโตรเจน มีวาเลนซ์ได้มาก ปรากฏในหลายอัลโลโทรป พบทั้งในหินฟอสเฟต และเซลล์สิ่งมีชีวิตทุกเซลล์ (ในสารประกอบในดีเอ็นเอ) เนื่องจากสามารถทำปฏิกิริยาได้สูง จึงไม่ปรากฏในรูปอิสระในธรรมชาติ
คำว่า ฟอสฟอรัส มาจากภาษากรีกแปลว่า 'ส่องแสง' และ 'นำพา' เพราะฟอสฟอรัสเรืองแสงอ่อน ๆ เมื่อมีออกซิเจน หรือมาจากภาษาละติน แปลว่า 'ดาวประกายพรึก' ค้นพบประมาณปี 1669 โดยนักเล่นแร่แปรธาตุชาวเยอรมัน เฮนนิก แบรนด์
ในขณะที่ภาษาไทยในสมัยก่อน เรียก ฟอสฟอรัส ว่า 'ฝาสุภเรศ'
ฟอสฟอรัสเป็นอโลหะอยู่ในหมู่ที่ VA หมู่เดียวกับธาตุไนโตรเจนในธรรมชาติไม่พบฟอสฟอรัสในรูปของธาตุอิสระ แต่จะพบในรูปของสารประกอบฟอสเฟตที่สำคัญได้แก่หินฟอสเฟต หรือแคลเซียมฟอสเฟต (Ca2(PO4)2) ฟลูออไรอะปาไทต์ (Ca5F (PO4)3)
นอกจากนี้ยังพบฟอสฟอรัสในไข่แดง กระดูก ฟัน สมอง เส้นประสาทของคนและสัตว์ ฟอสฟอรัสสามารถเตรียมได้จากแคลเซียมฟอสเฟต โดยใช้แคลเซียมฟอสเฟตทำปฏิกิริยากับคาร์บอนในรูปถ่านโค๊ก และซิลิคอนไดออกไซด์ (SiO2) ในเตาไฟฟ้า
ฟอสฟอรัสเป็นธาตุอาหารที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของรากพืช โดยธาตุฟอสฟอรัสจะช่วยให้รากของพืชแข็งแรง และแผ่กระจายได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ลำต้นแข็งแรงตามไปด้วย ปกติแล้วธาตุฟอสฟอรัสจะมีอยู่ในดินมากพออยู่แล้ว เป็นธาตุที่ไม่ค่อยเคลื่อนที่ในดินหรือละลายน้ำได้ยากซึ่งจะทำให้พืชดูดเอาไปใช้ได้ยากด้วย แม้แต่ปุ๋ยที่ใส่ลงไปในดินโดยตรงก็ประมาณกันไว้ว่า 80-90 % ของธาตุฟอสฟอรัสทั้งหมดนั้นจะถูกดินยึดไว้โดยการทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุต่าง ๆ ในดิน ดังนั้น ธาตุฟอสฟอรัสในดินมีกำเนิดมาจากการสลายตัวผุพังของแร่บางชนิดในดิน การสลายตัวของสารอินทรียวัตถุในดินก็จะสามารถปลดปล่อยฟอสฟอรัสออกมาเป็นประโยชน์ต่อพืชที่ปลูกได้เช่นเดียวกับไนโตรเจน ดังนั้น การใช้ปุ๋ยคอกนอกจากจะได้ธาตุไนโตรเจนแล้วก็ยังได้ฟอสฟอรัสอีกด้วย
ธาตุฟอสฟอรัสในดินที่จะเป็นประโยชน์ต่อพืชได้ จะต้องอยู่ในรูปของอนุมูลของ สารประกอบที่เรียกว่า ฟอสเฟตไอออน (H2PO4- และ HPO4-) ซึ่งจะต้องละลายอยู่ในน้ำในดิน สารประกอบของฟอสฟอรัสในดินมีอยู่เป็นจำนวนมากแต่ส่วนใหญ่ละลายน้ำยาก ดังนั้นจึงมักจะมีปัญหาเสมอว่าดินถึงแม้จะมีฟอสฟอรัสมากก็จริงแต่พืชก็ยังขาดฟอสฟอรัส เพราะส่วนใหญ่อยู่ในรูปที่ละลายน้ำยากนั่นเอง นอกจากนั้นแร่ธาตุต่าง ๆ ในดินชอบที่จะทำปฏิกิริยากับอนุมูลฟอสเฟตที่ละลายน้ำได้ ดังนั้นปุ๋ยฟอสเฟตที่ละลายน้ำได้เมื่อใส่ลงไปในดินประมาณ 80-90% จะทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุในดินกลายเป็นสารประกอบที่ละลายน้ำยากไม่อาจเป็นประโยชน์ต่อพืชได้ ดังนั้นการใส่ปุ๋ยฟอสเฟตจึงไม่ควรคลุกเคล้าให้เข้ากับดินเพราะยิ่งจะทำให้ปุ๋ยทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุต่าง ๆ ในดินได้เร็วยิ่งขึ้น แต่ควรจะใส่แบบเป็นจุดหรือโรยเป็นแถบให้ลึกลงไปในดินในบริเวณรากของพืชปุ๋ย ฟอสเฟตนี้ถึงแม้จะอยู่ใกล้ชิดกับรากก็จะไม่เป็นอันตรายแก่รากแต่อย่างใด ปุ๋ยคอกจะช่วยป้องกันไม่ให้ปุ๋ยฟอสเฟตทำปฏิกิริยากับแร่ธาตุในดินและสูญเสีย ความเป็นประโยชน์ต่อพืชเร็วจนเกินไป
พืชเมื่อขาดฟอสฟอรัสจะมีต้นแคระแกร็นใบมีสีเขียวคล้ำ ใบล่าง ๆ จะมีสีม่วงตามบริเวณขอบใบ รากของพืชชะงักการเจริญเติบโต พืชไม่ออกดอกและผล พืชที่ได้รับฟอสฟอรัสอย่างเพียงพอจะมีระบบรากที่แข็งแรงแพร่กระจายอยู่ในดิน อย่างกว้างขวาง สามารถดึงดูดน้ำและธาตุอาหารได้ดี การออกดอกออกผลจะเร็วขึ้น
ฟอสฟอรัสช่วยในการสังเคราะห์ด้วยแสง สร้างแป้งและน้ำตาล เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ที่สำคัญหลายชนิด ช่วยเสริมสร้างส่วนที่เป็นดอก การผสมเกสร ตลอดจนการติดเมล็ด สร้างระบบรากให้แข็งแรง ช่วยในการแตกกอ และช่วยให้ลำต้นแข็งแรงไม่ล้มง่าย ช่วยให้พืชดูดใช้ธาตุไนโตรเจนและโมลิบดีนัมได้ดีขึ้น ธาตุนี้มักพบในรูปที่พืชไม่สามารถดูดไปใช้ได้ เนื่องจากจะถูกตรึงอยู่ในดิน ส่วนใหญ่พืชจะแสดงอาการขาดธาตุนี้บ่อยครั้ง แม้ว่าในดินที่มีธาตุฟอสฟอรัสอยู่เป็นจำนวนมากก็ตามถ้าขาดธาตุฟอสฟอรัสราก พืชจะไม่เจริญ มีรากฝอยน้อย ต้นเตี้ย ใบและต้นมีสีเข้มและบางครั้งมีสีม่วงหรือแดงเกิดขึ้น พืชแก่ช้ากว่าปกติ เช่น การผลิดอก ออกผลช้า มีการแตกกอน้อย การติดเมล็ดน้อย หรือบางครั้งไม่ติดเมล็ด
== ประเภทของฟอสฟอรัส ==
=== ฟอสฟอรัสขาว ===
โมเลกุลของฟอสฟอรัสขาวประกอบด้วยฟอสฟอรัส 4 อะตอม มีสูตรโมเลกุล P4
เป็นของแข็งสีขาวหรือเหลือง ว่องไวในการเกิดปฏิกิรยามาก
มีจุดหลอมเหลว 44 °C
มีความหนาแน่น 1.82 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร
ไม่นำไฟฟ้า
ไม่ละลายน้ำ ละลายได้ในคาร์บอนไดซัลไฟด์ (CS2) หรือตัวทำละลายอื่นที่โมเลกุลไม่มีขั้ว เช่น คาร์บอนเตตระคลอไรด์ (CCl4)
ลุกไหม้ในอากาศได้เองที่อุณหภูมิ 35 C จึงต้องเก็บไว้ในน้ำไม่ให้สัมผัสกับ O2
มีกลิ่นคล้ายกระเทียมเป็นพิษ ถ้าหายใจเข้าไปจะเป็นโรคขากรรไกรผุ
ต้มกับสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) หรือโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (KOH) ได้ ฟอสฟีน (PH3)
=== ฟอสฟอรัสแดง ===
โมเลกุลมีโครงสร้างเป็นสายยาวคล้ายลูกโซ่ เป็นพอลิเมอร์ของ P4
เป็นของแข็งสีแดง เป็นรูปที่เสถียรกว่าฟอสฟอรัสขาว
มีจุดหลอมเหลว 590 °C ที่ 43 บรรยากาศ
มีความหนาแน่น 2.34 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร
ไม่นำไฟฟ้า
ไม่ละลายในน้ำและ คาร์บอนไดซัลไฟด์
ลุกไหม้ในอากาศที่อุณหภูมิ 250 °C
=== ฟอสฟอรัสดำ ===
มีโครงสร้างแบบโครงร่างตาข่าย มีสมบัติดังนี้
เป็นของแข็งสีดำ
มีจุดหลอมเหลว 610 °C
มีความหนาแน่น 2.699 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร
เสถียรกว่าฟอสฟอรัสแดง และติดไฟยาก
นำไฟฟ้าได้เล็กน้อยเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นจะนำไฟฟ้าได้ดีขึ้น
== ประโยชน์ของฟอสฟอรัส ==
เป็นแร่ธาตุที่สามารถพบได้ในทุกเซลล์ของร่างกาย ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกันกับกระบวนการทางเคมีของร่างกายในเกือบทุกส่วน มีความสำคัญต่อการทำงานที่เป็นปกติสม่ำเสมอของหัวใจ และสำคัญอย่างมากต่อการทำงานของไต ต่อโครงสร้างของกระดูกและฟัน ร่างกายจำเป็นต้องใช้ฟอสฟอรัสในกระบวนการส่งต่อสัญญาณประสาท
วิตามินดีและแคลเซียม มีส่วนสำคัญต่อการทำงานของฟอสฟอรัส ถ้าหากร่างกายขาดฟอสฟอรัส วิตามินบี 3 จะไม่สามารถดูดซึมได้ และโรคจากการขาดฟอสฟอรัส ได้แก่ โรคเหงือกอักเสบและโรคกระดูกอ่อนในเด็ก โดยศัตรูของฟอสฟอรัส ได้แก่ การรับประทานธาตุเหล็ก แมกนีเซียม อะลูมิเนียม มากเกินไป อาจทำให้ฟอสฟอรัสด้อยประสิทธิภาพลง
ฟอสฟอรัส ช่วยบรรเทาอาการปวดจากข้ออักเสบได้
ฟอสฟอรัสสามารถนำมาทำไม้ขีดไฟได้
== อ้างอิง ==
ธาตุเคมี
วัสดุศาสตร์
ฟอสฟอรัส
นิกโทเจน
|
thaiwikipedia
| 1,891 |
กรุป (คณิตศาสตร์)
|
กรุป (group) ในพีชคณิตนามธรรม คือ เซตกับการดำเนินการทวิภาค เช่น การคูณหรือการบวก ซึ่งสอดคล้องกับสัจพจน์ชุดหนึ่งซึ่งเรียกว่าสัจพจน์ของกรุป ตัวอย่างของกรุปที่ง่ายที่สุดคือ เซตของจำนวนเต็มภายใต้การบวกปรกติ ซึ่งเป็นกรุปแบบหนึ่ง สาขาของคณิตที่ศึกษาเกี่ยวกับกรุปโดยเฉพาะเรียกว่า ทฤษฎีกรุป แต่กรุปยังปรากฏในสาขาอื่น ๆ ทั้งในคณิตศาสตร์สาขาอื่น ๆ และศาสตร์อื่น ๆ นอกเหนือจากคณิตศาสตร์
กรุปเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการศึกษาสมมาตรของวัตถุในรูปแบบต่าง ๆ หลักการที่ว่า "สมมาตรของวัตถุใด ๆ ก่อให้เกิดกรุป" เป็นหลักพื้นฐานของคณิตศาสตร์มากมาย ตัวอย่างโดยตรงคือกรุปสมมาตรของวัตถุ ซึ่งเป็นเครื่องมือหนึ่งในการอธิบายสมมาตรของวัตถุเชิงเรขาคณิต กรุปสมมาตรมีสมาชิกประกอบไปด้วยการแปลง (การหมุน การพลิกรูป การสะท้อน ฯลฯ) ที่คงรูปทรงของวัตถุนั้น ลีกรุปเป็นกรุปสมมาตรชนิดหนึ่งที่ปรากฏในแบบจำลองมาตรฐานของฟิสิกส์อนุภาค กรุปปวงกาเรเป็นลีกรุปที่มีสมาชิกเป็นสมมาตรของกาลอวกาศในสัมพัทธภาพพิเศษ ในขณะที่กรุปจุดสามารถอธิบายสมมาตรของโมเลกุลเคมีได้
กรุปมีจุดกำเนิดเริ่มแรกจากการศึกษาสมการเชิงพหุนาม ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1830 เอวาริสต์ กาลัวเป็นคนแรกที่ใช้คำว่า กรุป (Groupe ในภาษาฝรั่งเศส) เรียกกรุปสมมาตรของรากของพหุนาม ซึ่งปัจจุบันเราเรียกกรุปเหล่านั้นว่า กรุปกาลัว ตั้งแต่นั้นมามีการศึกษากรุปจากสาขาอื่น ๆ ในคณิตศาสตร์ เช่น ทฤษฎีจำนวน และ เรขาคณิต ก่อนที่แนวความคิดเกี่ยวกับกรุปทั่ว ๆ ไปจะได้รับการนิยามในช่วงปีคริสต์ศักราชที่ 1870 ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่คณิตศาสตร์พัฒนาไปในทิศทางที่เป็นนามธรรมขึ้นเรื่อย ๆ ทฤษฎีกรุปจึงเป็นสาขาสำคัญของพีชคณิตนามธรรม
ในปัจจุบัน ทฤษฎีกรุปสมัยใหม่ศึกษากรุปในตัวมันเอง ซึ่งนำไปสู่แนวคิดมากมาย เช่น สับกรุป กรุปผลหาร และ กรุปเชิงเดี่ยว นอกจากนี้นักคณิตศาสตร์ยังศึกษากรุปในมุมมองที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น และสามารถระบุได้อย่างเจาะจง การศึกษานี้นำไปสู่ทฤษฎีตัวแทนและทฤษฎีกรุปเชิงการคำนวณ
== นิยามพื้นฐาน ==
กรุป (G, \ast) ประกอบด้วย เซตไม่ว่าง G กับ การดำเนินการทวิภาค \ast\colon G \to G ซึ่งสอดคล้องกับสัจพจน์ทุกข้อต่อไปนี้
การเปลี่ยนหมู่: สำหรับทุก a, b และ c ใน G จะได้ว่า (a \ast b)\ast c = a \ast (b \ast c)
การมีสมาชิกเอกลักษณ์: มีสมาชิก e ใน G ที่ทำให้สำหรับทุก a ใน G จะได้ว่า e \ast a = a \ast e = a เรียก e ว่าเป็นสมาชิกเอกลักษณ์ (identity) ของ (G, \ast)
สมาชิกผกผัน: สำหรับทุก a ใน G, จะมีสมาชิก b ใน G ที่ทำให้ a \ast b = b \ast a = e เมื่อ e คือสมาชิกเอกลักษณ์ และเรียก b ดังกล่าวว่าเป็นสมาชิกผกผันของ a สามารถพิสูจน์ได้ว่า สมาชิกผกผันในกรุปจะมีได้เพียงตัวเดียว และนิยมเขียนสมาชิกผกผันของ a ด้วย a^{-1}
บางครั้งผู้เขียนอาจกำหนดสัจพจน์ที่กรุปต้องสอดคล้องเพิ่มเติม เพื่อเน้นย้ำความเป็นการดำเนินการทวิภาคของ \ast
สมบัติปิด: สำหรับทุก a, b ใน G จะได้ว่า a \ast b \in G ด้วย
เมื่อเป็นที่เข้าใจ อาจละการเขียนตัวดำเนินการ และเรียกกรุป (G, \ast) แทนด้วย G แทน
== ความคิดพื้นฐานในทฤษฎีกรุป ==
=== ฟังก์ชันสาทิสสัณฐานระหว่างกรุป ===
ฟังก์ชันสาทิสสัณฐานระหว่างกรุป หรือ โฮโมมอร์ฟิซึมระหว่างกรุป (group homomorphism) คือฟังก์ชันที่รักษาโครงสร้างการเป็นกรุป ฟังก์ชัน f\colon (G, \ast) \to (H, \cdot) ระหว่างกรุป (G,\ast) และ (H,\cdot) จะเป็นฟังก์ชันสาทิสสัณฐานระหว่างกรุป ก็ต่อเมื่อ
f(a \ast b) = f(a)\cdot f(b)สำหรับทุก a, b \in G
สมบัติที่ได้จากนิยามข้างต้นคือ
f รักษาเอกลักษณ์ของกรุป: f(e_G) = e_H เมื่อ e_G, e_H เป็นสมาชิกเอกลักษณ์ของกรุป G และกรุป H ตามลำดับ
f รักษาการหาผกผัน: f(a^{-1}) = (f(a))^{-1} ทุกสมาชิก a \in G
สมบัติข้างต้นเน้นย้ำว่าฟังก์ชันสาทิสสัณฐานรักษาโครงสร้างของกรุป G
=== อันดับของกรุปและอันดับของสมาชิก ===
อันดับ (order) ของกรุป G (นิยมเขียนแทนด้วย \left\vert G \right\vert, \operatorname{ord}(G)หรือ o(G)) จะหมายถึงจำนวนสมาชิกของกรุป G ในกรณีที่ G เป็นเซตจำกัด และจะเรียก G ว่าเป็นกรุปจำกัด (Finite group) ในขณะที่ G เป็นเซตอนันต์ จะเรียกว่ากรุปนั้นเป็นกรุปอนันต์ นิยมเขียนด้วย \left\vert G \right\vert = \infty
อันดับของสมาชิก a ในกรุป G คือจำนวนเต็ม n ที่น้อยที่สุดที่ทำให้ an = e โดยที่ an คือ a คูณตัวมันเอง n ครั้ง (หรือองค์ประกอบที่เหมาะสมอื่นๆ ขึ้นอยู่กับตัวดำเนินการของกรุป) ถ้าไม่มีจำนวนนับ n ดังกล่าว จะเรียกว่า a มีอันดับเป็นอนันต์
=== อาบีเลียนกรุป ===
กรุป G จะเป็น อาบีเลียนกรุป หรือ กรุปสลับที่ ถ้าการดำเนินการของกรุปมีสมบัติสลับที่ได้ นั่นคือสำหรับทุกๆ a,b ใน G จะได้ว่า a * b = b * a
คำว่า อาบีเลียน (Abelian) ตั้งขึ้นตามชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ นีลส์ อะเบล นักคณิตศาสตร์ชาวนอร์เวย์
=== กรุปวัฏจักร ===
กรุปวัฏจักร คือกรุปซึ่งสมาชิกของมันอาจถูกก่อกำเนิดโดยการประกอบที่ต่อเนื่องกันของการดำเนินการซึ่งนิยามโดยกรุปจะถูกใช้กับสมาชิกเดี่ยวของ
กรุปนั้น สมาชิกเดี่ยวนี้เรียกว่า ตัวก่อกำเนิดหรือสมาชิกปฐมฐานของกรุปนั้น
กรุปวัฏจักรการคูณซึ่ง G เป็นกรุป และ a เป็นตัวก่อกำเนิด
G = \{ a^n \mid n \in \Z \}
กรุปวัฏจักรการบวก ตัวก่อกำเนิดเป็น a
G' = \{ n * a \mid n \in \Z \}
ถ้าการประกอบที่ต่อเนื่องกันของการดำเนินการซึ่งนิยามโดยกรุปถูกใช้กับสมาชิกไม่ปฐมฐานของกรุป กรุปย่อยวัฏจักรจะถูกก่อกำเนิด อันดับของ
กรุปย่อยวัฏจักรแบ่งอันดับของกรุปนั้น ดังนั้นถ้าอันดับของกรุปเป็นจำนวนเฉพาะ สมาชิกทุกตัวยกเว้นสมาชิกเอกลักษณ์จะเป็นสามชิกปฐมฐานของกรุป
ควรระลึกไว้ด้วยว่า กรุปประกอบด้วยกรุปย่อยวัฏจักรซึ่งถูกก่อกำเนิดโดยสมาชิกแต่ละตัวในกรุป อย่างไรก็ตามกรุปซึ่งประกอบขึ้นจากกรุปย่อยวัฏจักรนั้น ตัวมันเองไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นกรุปวัฏจักรเสมอไป ตัวอย่างเช่น กรุปไคลน์ไม่เป็นกรุปวัฏจักรแม้ว่าจะประกอบขึ้นมาจากกรุปวัฏจักรที่มีอันดับเป็น 2 ที่เหมือนกันสองกรุปก็ตามที
== สัญกรณ์สำหรับกรุป ==
กรุปสามารถใช้สัญกรณ์ต่างๆ กันขึ้นอยู่กับบริบทและการดำเนินการ
กรุปการบวก ใช้ + เพื่อแสดงถึงการบวก และเครื่องหมายลบ - แสดงถึงสมาชิกผกผัน เช่น a + (-a) = 0 ใน Z
กรุปการคูณ ใช้ *,. หรือสัญลักษณ์ทั่วไป \circ เพื่อแสดงถึงการคูณ และตัวยก -1 เพื่อแสดงสมาชิกผกผัน เช่น a*a-1 = 1 เป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่เขียน * และเขียนเป็น aa-1 แทน
กรุปแบบฟังก์ชัน ใช้ • เพื่อแสดงการประกอบฟังก์ชัน และตัวยก -1 เพื่อแสดงสมาชิกผกผัน เช่น g • g-1 = e เป็นเรื่องทั่วไปที่จะไม่เขียน • และเขียนเป็นgg-1 แทน
การละเลยตัวดำเนินการเป็นเรื่องทั่วไปที่ยอมรับได้ และทิ้งให้ผู้อ่านรู้บริบทและการดำเนินการเอาเอง
เมื่อจะนิยามกรุป มีสัญกรณ์มาตรฐานที่ใช้วงเล็บในการนิยามกรุปและการดำเนินการของมัน ตัวอย่างเช่น (H, +) แสดงว่าเซต H เป็น
กรุปภายใต้การบวก
สมาชิกเอกลักษณ์ e หรือบางครั้งก็เรียกว่า สมาขิกกลาง และบางครั้งก็ถูกแสดงโดยใช้สัญลักษณ์อืนๆ ขึ้นอยู่กับกรุปนั้นๆ :
ในกรุปการคูณ สมาชิกเอกลักษณ์คือ 1
ในกรุปเมทริกซ์หาตัวผกผันได้ สมาชิกเอกลักษณ์มักแทนด้วย I
ในกรุปการบวก สมาชิกเอกลักษณ์อาจเขียนเป็น 0
ในกรุปแบบฟังก์ชัน สมาชิกเอกลักษณ์มักใช้เป็น f0
== ตัวอย่างของกรุป ==
=== อาบีเลียนกรุป : จำนวนเต็มภายใต้การบวก ===
กรุปที่คุ้นเคยกันก็คือกรุปของจำนวนเต็มภายใต้การบวก ให้ Z เป็นเซตของจำนวนเต็ม {..., −4, −3, −2, −1, 0, 1, 2, 3, 4, ...} และให้สัญลักษณ์ + แสดงการดำเนินการบวก แล้ว (Z,+) เป็นกรุป
พิสูจน์ :
สมบัติการปิด ถ้า a และ b เป็นจำนวนเต็ม แล้ว a+b ก็เป็นจำนวนเต็ม
สมบัติการเปลี่ยนหมู่ ถ้า a b และ c เป็นจำนวนเต็มแล้ว (a + b) + c = a + (b + c)
สมาชิกเอกลักษณ์ 0 เป็นจำนวนเต็ม สำหรับจำนวนเต็ม a ใดๆ 0 + a = a + 0 = a
สมาชิกผกผัน ถ้า a เป็นจำนวนเต็มแล้ว -a สอดคล้องกับกฎการผกผัน a + (−a) = (−a) + a = 0
กรุปนี้เป็นอาบีเลียนกรุปด้วยเพราะ a + b = b + a
== อ้างอิง ==
== ดูเพิ่ม ==
พีชคณิตนามธรรม
ทฤษฎีกรุป
|
thaiwikipedia
| 1,892 |
ทฤษฎีกรุป
|
ทฤษฎีกรุป (Group theory) เป็นสาขาของคณิตศาสตร์ซึ่งศึกษาโครงสร้างที่เรียกว่ากรุป กรุปเป็นแนวคิดสำคัญที่ปรากฏในพีชคณิตนามธรรมทุกสาขา
ทฤษฎีกรุปใช้ในคณิตศาสตร์และยังมีการประยุกต์ใช้ในทั้งฟิสิกส์และเคมี การจัดแบ่งประเภทของกรุปจำกัดอย่างง่ายซึ่งเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1983 นั้น ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ประการหนึ่งของคณิตศาสตร์ในศตวรรษที่ 20
== ประวัติ ==
ทฤษฎีกรุปมีรากฐานมาจากสามแขนง คือ ทฤษฎีสมการพีชคณิต ทฤษฎีจำนวน และ เรขาคณิต นักคณิตศาสตร์เช่น ลากร็องฌ์ อาเบล และ กาลัว เป็นนักคณิตศาสตร์กลุ่มแรก ๆ ที่ศึกษาเรื่องกรุป
== ดูเพิ่ม ==
พีชคณิตนามธรรม
ทฤษฎีตัวแทน
กรุป
== อ้างอิง ==
ഗ്രൂപ്പ് സിദ്ധാന്തം
|
thaiwikipedia
| 1,893 |
จอห์น ล็อก
|
จอห์น ล็อก (John Locke) เป็นนักปรัชญา ชาวอังกฤษ ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 17 ความสนใจหลักของเขาคือสังคมและทฤษฎีของความรู้ ได้รับการขนานนามว่า "บิดาแห่งระบอบประชาธิปไตย"
แนวคิดของล็อกที่เกี่ยวกับ "ผู้ปกครองที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใต้ปกครอง" ตีพิมพ์ลงหนังสือของเขา "ศาสตร์นิพนธ์สองบรรพว่าด้วยการปกครอง" (Two Treaties of Government) อีกทั้งแนวคิดของล็อกได้เสนอว่าอำนาจไม่ควรตกอยู่คนเดียว และสามารถตรวจสอบอำนาจของผู้มีอำนาจได้ ซึ่งได้แก่ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการ อำนาจบริหาร และสิทธิธรรมชาติของมนุษย์ ที่เขาอธิบายว่าประกอบไปด้วย ชีวิต, เสรีภาพ, และทรัพย์สิน นั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อพัฒนาการทางปรัชญาการเมือง แนวคิดของเขาเป็นพื้นฐานของกฎหมายและรัฐบาลอเมริกัน ซึ่งผู้บุกเบิกได้ใช้มันเป็นเหตุผลของการปฏิวัติ
แนวคิดด้านญาณวิทยาของล็อกนั้นมีอิทธิพลสำคัญไปจนถึงช่วงของยุคแสงสว่าง. เขามีทัศนะเกี่ยวกับทฤษฎีความรู้ว่า ความรู้จะต้องเกิดหลังประสบการณ์ และความรู้จะเกิดขึ้นโดยอาศัยการสัมผัส เมื่อมนุษย์ได้สัมผัสก็จะมีความรู้สึก และความรู้สึกจะทำให้มนุษย์นั้นคิด และความคิดนี้คือแหล่งกำเนิดแห่งความรู้ หากปราศจากการสัมผัสมนุษย์ก็จะไม่คิด เพราะจิตโดยธรรมชาติจะมีสภาพอยู่เฉย. เขาถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกับนักประสบการณ์นิยมชาวบริติช ซึ่งประกอบไปด้วยเดวิด ฮูม และจอร์จ บาร์กลีย์. ล็อกมักถูกนำไปเปรียบเทียบกับโทมัส ฮอบบส์
==อ้างอิง==
บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2175
นักปรัชญา
บุคคลจากเทศมณฑลซัมเมอร์เซต
ล็อก, จอห์น
นักปรัชญายุคเรืองปัญญา
นักปรัชญาการเมือง
|
thaiwikipedia
| 1,894 |
วันแรกจำหน่าย
|
วันแรกจำหน่าย (first day of issue cover, first day cover) คือวันแรกที่วางจำหน่ายแสตมป์ชุดหนึ่ง ๆ ให้กับนักสะสมและผู้สนใจ แสตมป์สามารถหาซื้อได้ในวันดังกล่าวจากที่ทำการไปรษณีย์ต่าง ๆ ที่มีเคาน์เตอร์จำหน่ายแสตมป์สำหรับการสะสม หรือจากร้านจำหน่ายแสตมป์ที่ไปรษณีย์จัดในงานต่าง ๆ เช่น งานกาชาด หรือ งานสัปดาห์สากลแห่งการเขียนจดหมาย เป็นต้น
ในกรณีที่วันแรกจำหน่ายตรงกับวันหยุดราชการ ไปรษณีย์บางแห่งจะเปิดทำการเป็นพิเศษสำหรับจำหน่ายแสตมป์โดยเฉพาะ แต่ไม่เปิดให้บริการด้านไปรษณีย์หรือบริการอื่น ๆ
== ซองวันแรกจำหน่าย ==
ซองวันแรกจำหน่าย (first day cover) เป็นซองพิเศษที่จัดทำขึ้นโดยไปรษณีย์และติดแสตมป์ชุดที่เกี่ยวข้อง พร้อมตราประทับวันแรกจำหน่าย สำหรับจำหน่ายให้นักสะสมในวันแรกจำหน่ายของแสตมป์นั้น ๆ
นักสะสมจะนำซองดังกล่าวไปประทับตราประจำวันที่ไปรษณีย์ สำหรับยืนยันว่าได้ซื้อซองดังกล่าวในวันที่แสตมป์ออกซึ่งซองอาจส่งจริงทางไปรษณีย์หรือไม่ก็ได้
ซองที่ซื้อในวันอื่นจะมีคุณค่าในการสะสมลดน้อยลงเนื่องจากไม่ได้ประทับตราตรงกับวันที่แสตมป์ออก
ในหลายประเทศก็มีการออกซองวันแรกสำหรับชีทที่ระลึกด้วย
ซองวันแรกของไทย ในอดีตภายในซองยังมีการ์ดพิมพ์รายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับแสตมป์ด้วย แต่ปัจจุบันใช้วิธีพิมพ์รายละเอียดด้านหลังซองแทน ซองเท่าที่มีผลิตขึ้นแบ่งออกได้เป็น 2 แบบขึ้นกับตำแหน่งของตราประทับวันแรกจำหน่าย ได้แก่ ซองประทับนอก (ตราอยู่นอกดวงแสตมป์) และ ซองประทับใน (ตราอยู่บนดวงแสตมป์)
ซองวันแรกที่ออกตั้งแต่ 1 มกราคม พ.ศ. 2536 จะมีเฉพาะซองประทับในเท่านั้น
ซองวันแรกจำหน่าย จะมีคุณค่ามากยิ่งขึ้นหากประทับตราประจำวันที่เกี่ยวข้องกับแสตมป์ ในหลาย ๆ ชุด ไปรษณีย์จะจัดงานขึ้นพิเศษ ซึ่งอาจจัดขึ้นที่ทำการไปรษณีย์บางแห่ง หรือ เป็นงานเฉพาะ เช่น งานครบรอบต่าง ๆ และมีให้บริการประทับตราที่ระลึกและอาจมีตราประจำวันแบบพิเศษด้วย
ถึงจะไม่มีการจัดงานสำหรับแสตมป์ที่ออก ก็อาจไปประทับ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ที่มีชื่อสัมพันธ์กับแสตมป์ได้ ยกตัวอย่าง เช่น แสตมป์พระบรมฉายาลักษณ์อาจไปประทับที่ ปณจ. มหาราช ตั้งอยู่ที่อำเภอมหาราช จังหวัด พระนครศรีอยุธยา หรือแสตมป์ชุดกุหลาบ ซึ่งออกเพื่อใช้ในโอกาสวันวาเลนไทน์ ก็ไปประทับที่ ปณจ. บางรัก ที่เขตบางรัก กรุงเทพ เป็นต้น
== กิจกรรมอื่นในวันแรกจำหน่าย ==
นอกเหนือจากการจำหน่ายแสตมป์ ซองวันแรกจำหน่าย และสิ่งสะสมอื่น ๆ กิจกรรมอื่นที่อาจจัดขึ้นในไปรษณีย์หรือสถานที่เกี่ยวข้อง เช่น จัดแสดงนิทรรศการ ให้ประทับตราที่ระลึก และการแจกลายเซ็นโดยผู้ออกแบบแสตมป์ เป็นต้น
== ดูเพิ่ม ==
ซองที่ระลึก
ตราประทับ
วันแรกจำหน่าย
|
thaiwikipedia
| 1,895 |
23 พฤษภาคม
|
วันที่ 23 พฤษภาคม เป็นวันที่ 143 ของปี (วันที่ 144 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 222 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 1973 (ค.ศ. 1430) - โยนออฟอาร์คถูกจับกุมโดยชาวเบอร์กันดี ซึ่งเป็นพันธมิตรกับอังกฤษ
พ.ศ. 2076 (ค.ศ. 1533) - มีการประกาศให้การอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงแคทารีนแห่งอรากอนกับพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ เป็นโมฆะ
พ.ศ. 2111 (ค.ศ. 1568) - ประเทศเนเธอร์แลนด์ประกาศเอกราชจากสเปน
พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) - วันสถาปนาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) - ตำรวจซุ่มดักยิงบอนนี่แอนด์ไคลด์ โจรปล้นธนาคารชาวอเมริกัน ในรัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา
พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ ทรงเปิดอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร จังหวัดภูเก็ต
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - เกิดอุบัติเหตุรถไฟขบวนที่ 38 (รถเร็ว เชียงใหม่ - กรุงเทพ ) ตกรางที่ระหว่างสถานีรถไฟผาคันและสถานีรถไฟปางป๋วย
พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - บางส่วนของเทอร์มินัล 2 อี ของท่าอากาศยานชาร์ล เดอ โกล ประเทศฝรั่งเศส ถล่ม และทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน
พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) - อาคาร 7 เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เปิดใช้งานเป็นครั้งแรก
== วันเกิด ==
พ.ศ. 1595 (ค.ศ. 1052) - พระเจ้าฟีลิปที่ 1 แห่งฝรั่งเศส (สวรรคต 29 กรกฎาคม พ.ศ. 1651)
พ.ศ. 2250 (ค.ศ. 1707) - คาโรลัส ลินเนียส นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน (ถึงแก่กรรม 10 มกราคม พ.ศ. 2321)
พ.ศ. 2261 (ค.ศ. 1718) - วิลเลียม ฮันเตอร์ นักกายวิภาคศาสตร์และแพทย์ชาวสกอต (ถึงแก่กรรม 30 มีนาคม พ.ศ. 2325)
พ.ศ. 2436 (ค.ศ. 1893) - พระยาอนิรุทธเทวา (หม่อมหลวงฟื้น พึ่งบุญ) (ถึงแก่กรรม 11 มกราคม พ.ศ. 2494)
พ.ศ. 2471 (ค.ศ. 1928) - โรสแมรี คลูนีย์ นักร้องชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 29 มิถุนายน พ.ศ. 2545)
พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักคิด นักเขียน และศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ชาวไทย
พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - แอนน์ ฮุย ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวฮ่องกง
พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954)
* มาร์วิน แฮ็กเลอร์ นักมวยชาวอเมริกัน (เสียชีวิต 13 มีนาคม พ.ศ. 2564)
* อภิชาติ หาลำเจียก นักแสดง, ผู้กำกับภาพยนตร์ และนักการเมืองชาวไทย (ถึงแก่กรรม 15 กันยายน พ.ศ. 2551)
พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - ดรูว์ แครี นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - ดันแคน แอร์ลี เจมส์ นักมวยไทยชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - แมตต์ ฟลินน์ มือกลองและโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - สุรวุฑ ไหมกัน นักแสดง นายแบบ และนักร้องชาวไทย
พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - มะยุมิ ฮิดะกะ นักแสดงชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) -
* ชยพัทธ์ กิจพงษ์ศรีธาดา นักฟุตบอลชาวไทย
* ณัฐวัฒน์ เปล่งศิริวัธน์ นักแสดงชาวไทย
* อเล็กซ์ เชลลีย์ นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - อัมราภัสร์ วรรธนะกุล นักแสดงและนางงามชาวไทย
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) -
* มณฑิรา เปี่ยมรัตนวงศ์ นักแสดงชาวไทย
* มาร์กอ เชปอวิช นักฟุตบอลชาวเซอร์เบีย
พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - ชาลาร์ เซอยึนจือ นักฟุตบอลชาวตุรกี
พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - โจ โกเมซ นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - แมตต์ ลินต์ซ นักแสดงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - ณิชภาลักษณ์ ทองคำ นักแสดงหญิงชาวไทย
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 1668 (ค.ศ. 1125) - พระเจ้าเฮนรีที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (พระราชสมภพ พ.ศ. 1624)
พ.ศ. 2434 (ค.ศ. 1891) - หลวงอัคนีนฤมิตร (จิตร จิตราคนี) ช่างภาพชาวไทย
พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) - สมเด็จพระราชินีนาถรานาวาโลนาที่ 3 แห่งมาดากัสการ์ (พระราชสมภพ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2404)
พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - จอห์น ดี. รอกกีเฟลเลอร์ วิศวกรชาวอเมริกัน (เกิด 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2382)
พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2013) - อัญชลี ไชยศิริ (เกิด 22 เมษายน พ.ศ. 2499)
พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) - จอห์น แนช นักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน (เกิด 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471)
พ.ศ. 2560 (ค.ศ. 2017) - โรเจอร์ มัวร์ นักแสดงชาวอังกฤษ (เกิด 14 ตุลาคม พ.ศ. 2470)
พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - เปาลู เมงจิส ดา รอชา สถาปนิกชาวบราซิล (เกิด 25 ตุลาคม พ.ศ. 2471)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
วันอนุรักษ์เต่าโลก
วันแรงงาน (จาไมกา)
วันนักเรียนนักศึกษา (เม็กซิโก)
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
พฤษภาคม 23
พฤษภาคม
|
thaiwikipedia
| 1,896 |
ช่วงคู่แปด
|
ช่วงคู่แปด (octave) หรือ คู่แปดสมบูรณ์ (perfect octave) มักเขียนย่อเป็น 8ve หรือ P8 คือขั้นคู่เสียง (interval) ที่เทียบจากโน้ตดนตรีตัวหนึ่งไปสู่โน้ตตัวหนึ่งในระดับเสียงที่ต่างกัน ซึ่งโน้ตตัวนั้นมีความถี่เป็นครึ่งหนึ่งหรือเป็นสองเท่าจากโน้ตตัวเดิม และเหตุที่เรียกว่าขั้นคู่แปด เนื่องจากตัวโน้ตสองตัวที่อยู่ห่างกัน 8 ขั้นบนบันไดเสียง (หรือ 12 ครึ่งเสียง) จะเกิดสมบัติดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นบันไดเสียงเมเจอร์หรือบันไดเสียงไมเนอร์
== ตัวอย่าง ==
สมมติให้โน้ตตัวหนึ่งมีความถี่เสียงที่ 440 เฮิรตซ์ (เสียง ลา) โน้ตที่มีช่วงคู่แปดเหนือโน้ตนี้จะอยู่ที่ 880 เฮิรตซ์ (เสียง ลา สูง) ซึ่งเป็นสองเท่าของโน้ตเดิม และช่วงคู่แปดใต้โน้ตนี้จะอยู่ที่ 220 เฮิรตซ์ (เสียง ลา ต่ำ) ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของโน้ตเดิม เป็นต้น อัตราส่วนระหว่างความถี่เสียงของโน้ตสองตัวที่ต่างกันหนึ่งช่วงคู่แปดคือ 2:1
== สัญกรณ์ ==
การกำหนดช่วงคู่แปดบนบรรทัดห้าเส้น จะกระทำเพื่อลดการใช้เส้นน้อย เมื่อตัวโน้ตอยู่ในตำแหน่งสูงหรือต่ำเกินไปซึ่งทำให้อ่านยาก สัญกรณ์ของช่วงคู่แปดจะกำกับไว้ที่เหนือหรือใต้กลุ่มของตัวโน้ต มีรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้ (คำในวงเล็บมาจากภาษาอิตาลี)
8va (ottava) หมายถึงให้เล่นเสียงสูงขึ้นหนึ่งช่วงคู่แปด
8vb (ottava bassa) หมายถึงให้เล่นเสียงต่ำลงหนึ่งช่วงคู่แปด
15ma (quindicesima) หมายถึงให้เล่นเสียงสูงขึ้นสองช่วงคู่แปด
15mb (quindicesima bassa) หมายถึงให้เล่นเสียงต่ำลงสองช่วงคู่แปด
นอกจากนี้ยังมีการเติมสัญกรณ์เพิ่มเพื่อให้เล่นต่อไปเรื่อย ๆ เช่น c. 8va (coll'ottava) หมายถึงให้เล่นเสียงสูงขึ้นหนึ่งช่วงคู่แปดตั้งแต่จุดที่กำหนดเป็นต้นไป จนกว่าจะถูกยกเลิกด้วย loco หรือที่พบได้บ่อยกว่าคือการใช้เส้นประคร่อมลงไปเพื่อกำหนดระยะยกเลิกช่วงคู่แปด
ขั้นคู่เสียง
|
thaiwikipedia
| 1,897 |
อำเภอบ้านโป่ง
|
อำเภอบ้านโป่ง เป็นอำเภอสำคัญอำเภอหนึ่งในจังหวัดราชบุรี เดิมชื่อ อำเภอท่าผา ต่อมาได้ย้ายที่ว่าการอำเภอไปยังตำบลบ้านโป่งเพื่อให้ใกล้สถานีรถไฟบ้านโป่งมากขึ้น จึงเปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอบ้านโป่ง ปัจจุบัน บ้านโป่งเป็นอำเภอเป็นศูนย์กลางความเจริญและการคมนาคมทางภาคตะวันตกของประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์โดยสารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการผลิตปลาสวยงามที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีสถานีชุมทางรถไฟที่แยกไปได้ถึงสามเส้นทาง
== ที่ตั้งและอาณาเขต ==
อำเภอบ้านโป่งมีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียง ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับอำเภอท่าม่วงและอำเภอท่ามะกา (จังหวัดกาญจนบุรี)
ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอโพธาราม
ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำเภอกำแพงแสนและอำเภอเมืองนครปฐม (จังหวัดนครปฐม)
ทิศตะวันตก ติดต่อกับอำเภอท่าม่วง (จังหวัดกาญจนบุรี) และอำเภอโพธาราม
== ประวัติ ==
ตามจดหมายเหตุราชบุรี อำเภอบ้านโป่ง เดิมตั้งอยู่ที่ตำบลท่าผา เรียกว่าอำเภอท่าผา ต่อมารัฐบาลได้สร้างทางรถไฟสายใต้ขึ้นและเห็นว่าถ้าหากที่ว่าการอำเภอตั้งอยู่ที่ตำบลท่าผาแล้วการคมนาคมก็ไม่สู้สะดวก จึงให้ย้ายที่ว่าการอำเภอมาตั้งที่ตำบลบ้านโป่ง เรียกว่า อำเภอบ้านโป่ง สืบมาจนกระทั่งทุกวันนี้
บริเวณที่ตั้งอำเภอบ้านโป่งนี้ เดิมเป็นป่าโปร่งสัตว์ชอบมาอาศัย และกินดินโป่งเป็นอาหาร (ดินโป่งเป็นดินชนิดหนึ่งที่มีรสเค็ม) โดยเฉพาะสัตว์จำพวกเลียงผาชอบมาก ตามตำนานเก่าแก่เล่าว่าคำ "บ้านโป่ง" เดิมทีเดียวเรียกว่า "บ้านทับโป่ง" ซึ่งเล่ากันว่ามีกระท่อมหรือบ้าน (ทับ) อยู่ข้างดินโป่ง แต่ชาวบ้านนิยมเรียก "บ้านโป่ง" เพราะสะดวกและสั้นดีและต่อมาทางราชการก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอบ้านโป่งตามไปด้วย
วันที่ 11 พฤษภาคม 2445 เปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดสุพรรณบุรีกับจังหวัดราชบุรี โดยโอนพื้นที่หมู่บ้านโป่ง หมู่บ้านหัวเกาะ และหมู่บ้านจรเข้ลาดท้อง อำเภอสองพี่น้อง แขวงเมืองสุพรรณบุรี มณฑลนครไชยศรี มาขึ้นกับอำเภอลาดบัวขาว แขวงเมืองราชบุรี มณฑลราชบุรี
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2459 ประกาศใช้พระราชบัญญัติสุขาภิบาลตำบลบ้านโป่ง ในท้องที่ตำบลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง มณฑลราชบุรี เป็น สุขาภิบาลตำบลบ้านโป่ง (สุขาภิบาลท้องที่บ้านโป่ง)
วันที่ 1 พฤศจิกายน 2468 ตั้งตำบลเขาขลุง แยกออกจากตำบลหนองปลาหมอ และตั้งตำบลกรับใหญ่ แยกออกจากตำบลท่าผา
วันที่ 23 พฤษภาคม 2469 เปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดราชบุรีกับจังหวัดนครปฐม โดยโอนพื้นที่ตำบลหนองดินแดง และตำบลวังเย็น ของอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ไปขึ้นกับอำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
วันที่ 20 ธันวาคม 2474 เปลี่ยนแปลงเขตสุขาภิบาลท้องที่บ้านโป่ง ตามความจำเป็นแห่งการบริหารงานของสุขาภิบาล และเพื่อความเหมาะสมในการบริหารกิจการและการทะนุบำรุงท้องถิ่น
วันที่ 10 ธันวาคม 2478 จัดตั้งสุขาภิบาลท้องที่บ้านโป่ง ขึ้นเป็น เทศบาลเมืองบ้านโป่ง
วันที่ 1 เมษายน 2480 เปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดราชบุรีกับจังหวัดกาญจนบุรี โดยโอนพื้นที่อำเภอท่ามะกา (ยกเว้นตำบลลาดบัวขาว) ไปขึ้นกับจังหวัดกาญจนบุรี และโอนพื้นที่ตำบลลาดบัวขาว อำเภอท่ามะกา มาขึ้นกับอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
วันที่ 27 มีนาคม 2481 ยุบตำบลบางพัง รวมเข้ากับตำบลท่าผา และเรียกชื่อตำบลว่า ตำบลท่าผา ยุบตำบลดอนกระเบื้อง รวมเข้ากับตำบลหนองอ้อ และเรียกชื่อตำบลว่า ตำบลหนองอ้อ ยุบตำบลโพพยอม รวมเข้ากับตำบลคุ้งพยอม และเรียกชื่อตำบลว่า ตำบลคุ้งพยอม ยุบตำบลสวนกล้วย รวมเข้ากับตำบลนครชุมน์ และเรียกชื่อตำบลว่า ตำบลนครชุมน์
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2486 เปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดราชบุรีกับจังหวัดนครปฐม โดยโอนพื้นที่ตำบลสระกะเทียม กับพื้นที่หมู่ 3,6–7,9–14 (ในขณะนั้น) ของตำบลบ้านยาง และพื้นที่หมู่ 6–7,10–11 (ในขณะนั้น) ซึ่งอยู่เหนือคลองยางหรือคลองบางตาล ของตำบลหนองกบ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ไปขึ้นกับอำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม โดยให้ถือคลองยางหรือคลองบางตาล ตั้งแต่บ้านปลายน้ำติดต่อเขตตำบลปากแรต อำเภอบ้านโป่ง ถึงบ้านคลองขุดจรดเขตตำบลหนองดินแดง อำเภอเมืองนครปฐม เป็นเส้นแบ่งเขต และเปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดราชบุรีกับจังหวัดกาญจนบุรี โดยโอนพื้นที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ไปขึ้นกับจังหวัดกาญจนบุรี เว้นแต่ท้องที่ตำบลบ้านม่วง ท้องที่ตำบลหนองอ้อ (เฉพาะพื้นที่หมู่ 15-21) และท้องที่ตำบลนครชุมน์ (เฉพาะพื้นที่หมู่ 1-13) ให้ไปขึ้นกับอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
วันที่ 30 มีนาคม 2486 เปลี่ยนแปลงชื่อเทศบาลเมืองบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็น เทศบาลเมืองบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดกาญจนบุรี
วันที่ 5 พฤษภาคม 2489 เปลี่ยนแปลงเขตจังหวัดกาญจนบุรีกับจังหวัดราชบุรี โดยโอนพื้นที่อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดกาญจบุรี มาขึ้นกับจังหวัดราชบุรี และโอนพื้นที่ตำบลเขาขลุง กับตำบลกรับใหญ่ ของอำเภอท่ามะกา มาขึ้นกับอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
วันที่ 3 ธันวาคม 2489 โอนพื้นที่ตำบลบ้านม่วง ตำบลนครชุมน์ ของอำเภอโพธาราม มาขึ้นกับอำเภอบ้านโป่ง และโอนพื้นที่หมู่ 1-6 (ในขณะนั้น) ของตำบลดอนกระเบื้อง ของอำเภอโพธาราม มาขึ้นกับตำบลหนองอ้อ อำเภอบ้านโป่ง
วันที่ 21 มิถุนายน 2492 ตั้งตำบลดอนกระเบื้อง แยกออกจากตำบลหนองอ้อ
วันที่ 3 พฤษภาคม 2498 เปลี่ยนแปลงเขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ตามความจำเป็นแห่งการบริหารงานของสุขาภิบาล ให้ครอบคลุมท้องที่ตำบลบ้านโป่งทั้งตำบล ท้องที่หมู่ 1-2,4,9-12 ตำบลปากแรต และท้องที่หมู่ 3-4 ตำบลสวนกล้วย
วันที่ 13 กันยายน 2498 โอนพื้นที่หมู่ 1,10 (ในขณะนั้น) เฉพาะส่วนที่ถูกตัดเข้าไปในเขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ของตำบลปากแรต ไปขึ้นกับตำบลบ้านโป่ง มีอาณาเขตตรงตามหลักเขตเทศบาล และโอนพื้นที่หมู่ 12-13 (ในขณะนั้น) ของตำบลปากแรต ไปตั้งเป็นหมู่ 10-11 ของตำบลสวนกล้วย ตามลำดับ
วันที่ 1 มีนาคม 2501 จัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลหนองปลาหมอ ในท้องที่ตำบลหนองปลาหมอ
วันที่ 31 กรกฎาคม 2505 จัดตั้งสุขาภิบาลห้วยกระบอก ในท้องที่หมู่ 9 ตำบลกรับใหญ่
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2506 จัดตั้งสุขาภิบาลกระจับ ในท้องที่หมู่บ้านดอนกระเบื้อง ของตำบลดอนกระเบื้อง และหมู่บ้านหัวโป่ง บ้านหนองอ้อ บ้านหนองกระจ่อย บ้านทุ่งน้อย บ้านหนองตะแคง และบ้านนาหุบ ของตำบลหนองอ้อ
วันที่ 8 ธันวาคม 2507 จัดตั้งสุขาภิบาลท่าผา ในท้องที่บางส่วนของตำบลท่าผา
วันที่ 2 พฤษภาคม 2515 เปลี่ยนแปลงเขตสุขาภิบาลท่าผา เพื่อความเหมาะสมในการบริหารกิจการและการทะนุบำรุงท้องถิ่น ให้ครอบคลุมท้องที่หมู่ 1-20 ของตำบลท่าผา และหมู่ 4 ของตำบลปากแรต
วันที่ 24 สิงหาคม 2516 ยุบองค์การบริหารส่วนตำบลหนองปลาหมอ เป็น สภาตำบลหนองปลาหมอ
วันที่ 22 พฤษภาคม 2517 จัดตั้งตำบลดอนกระเบื้อง กับตำบลหนองอ้อ (เฉพาะนอกเขตสุขาภิบาลกระจับ) ตำบลเขาขลุง ตำบลหนองกบ ตำบลสวนกล้วย ตำบลนครชุมน์ ตำบลบ้านม่วง ตำบลคุ้งพยอม ตำบลเบิกไพร และตำบลลาดบัวขาว เป็นสภาตำบลเขาขลุง สภาตำบลหนองอ้อ สภาตำบลหนองกบ สภาตำบลดอนกระเบื้อง สภาตำบลสวนกล้วย สภาตำบลนครชุมน์ สภาตำบลบ้านม่วง สภาตำบลคุ้งพยอม สภาตำบลเบิกไพร และสภาตำบลลาดบัวขาว ตามลำดับ
วันที่ 3 มีนาคม 2538 ยกฐานะจากสภาตำบลดอนกระเบื้อง (เฉพาะนอกเขตสุขาภิบาลกระจับ) สภาตำบลสวนกล้วย สภาตำบลปากแรต สภาตำบลเบิกไพร และสภาตำบลเขาขลุง เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลดอนกระเบื้อง องค์การบริหารส่วนตำบลสวนกล้วย องค์การบริหารส่วนตำบลปากแรต องค์การบริหารส่วนตำบลเบิกไพร และองค์การบริหารส่วนตำบลเขาขลุง ตามลำดับ
วันที่ 30 มกราคม 2539 ยกฐานะจากสภาตำบลบ้านม่วง เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านม่วง
วันที่ 25 ธันวาคม 2539 ยกฐานะจากสภาตำบลคุ้งพยอม สภาตำบลลาดบัวขาว สภาตำบลหนองกบ สภาตำบลนครชุมน์ สภาตำบลกรับใหญ่ (เฉพาะนอกเขตสุขาภิบาลห้วยกระบอก) สภาตำบลหนองปลาหมอ และสภาตำบลหนองอ้อ (เฉพาะนอกเขตสุขาภิบาลกระจับ) เป็น องค์การบริหารส่วนตำบลคุ้งพยอม องค์การบริหารส่วนตำบลลาดบัวขาว องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกบ องค์การบริหารส่วนตำบลนครชุมน์ องค์การบริหารส่วนตำบลกรับใหญ่ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองปลาหมอ และองค์การบริหารส่วนตำบลหนองอ้อ ตามลำดับ
วันที่ 25 พฤษภาคม 2542 ยกฐานะจากสุขาภิบาลห้วยกระบอก สุขาภิบาลกระจับ และสุขาภิบาลท่าผา เป็นเทศบาลตำบลห้วยกระบอก เทศบาลตำบลกระจับ และเทศบาลตำบลท่าผา ตามลำดับ ด้วยผลของกฎหมาย
วันที่ 30 กันยายน 2557 จัดตั้งเทศบาลตำบลท่าผา เป็น เทศบาลเมืองท่าผา
== การแบ่งเขตการปกครอง ==
=== การปกครองท้องที่ ===
อำเภอบ้านโป่งแบ่งเขตการปกครองย่อยเป็น 15 ตำบล 151 หมู่บ้าน ได้แก่
{|
|1.
|บ้านโป่ง
|
|
|(Ban Pong)
|
|
| —
|
|-
|2.
|ท่าผา
|
|
|(Tha Pha)
|
|
|20 หมู่บ้าน
|
|-
|3.
|กรับใหญ่
|
|
|(Krap Yai)
|
|
|10 หมู่บ้าน
|
|-
|4.
|ปากแรต
|
|
|(Pak Raet)
|
|
|17 หมู่บ้าน
|
|-
|5.
|หนองกบ
|
|
|(Nong Kop)
|
|
|15 หมู่บ้าน
|
|-
|6.
|หนองอ้อ
|
|
|(Nong O)
|
|
|15 หมู่บ้าน
|
|-
|7.
|ดอนกระเบื้อง
|
|
|(Don Krabueang)
|
|
|9 หมู่บ้าน
|
|-
|8.
|สวนกล้วย
|
|
|(Suan Kluai)
|
|
|13 หมู่บ้าน
|
|-
|9.
|นครชุมน์
|
|
|(Nakhon Chum)
|
|
|12 หมู่บ้าน
|
|-
|10.
|บ้านม่วง
|
|
|(Ban Muang)
|
|
|8 หมู่บ้าน
|
|-
|11.
|คุ้งพยอม
|
|
|(Khung Phayom)
|
|
|14 หมู่บ้าน
|
|-
|12.
|หนองปลาหมอ
|
|
|(Nong Pla Mo)
|
|
|16 หมู่บ้าน
|
|-
|13.
|เขาขลุง
|
|
|(Khao Khlung)
|
|
|18 หมู่บ้าน
|
|-
|14.
|เบิกไพร
|
|
|(Boek Phrai)
|
|
|12 หมู่บ้าน
|
|-
|15.
|ลาดบัวขาว
|
|
|(Lat Bua Khao)
|
|
|8 หมู่บ้าน
|
|}
=== การปกครองส่วนท้องถิ่น ===
ท้องที่อำเภอบ้านโป่งประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 17 แห่ง ได้แก่
เทศบาลเมืองบ้านโป่ง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านโป่งทั้งตำบล
เทศบาลเมืองท่าผา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลท่าผาทั้งตำบลและตำบลปากแรต เฉพาะบางส่วนของหมู่ที่ 4
เทศบาลตำบลกระจับ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองอ้อ เฉพาะบางส่วนของหมู่ที่ 3–5, 9–11, 13–15 และตำบลดอนกระเบื้อง เฉพาะหมู่ที่ 4 และบางส่วนของหมู่ที่ 5, 9
เทศบาลตำบลห้วยกระบอก ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกรับใหญ่ เฉพาะบางส่วนของหมู่ที่ 9
เทศบาลตำบลกรับใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกรับใหญ่ เฉพาะหมู่ที่ 1–8, 10 และบางส่วนของหมู่ที่ 9
เทศบาลตำบลเบิกไพร ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเบิกไพรทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลปากแรต ครอบคลุมพื้นที่ตำบลปากแรต เฉพาะหมู่ที่ 1–3, 5–17 และบางส่วนของหมู่ที่ 4
องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกบ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองกบทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลหนองอ้อ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองอ้อ เฉพาะหมู่ที่ 1–2, 6–8, 12 และบางส่วนของหมู่ที่ 3–5, 9–11, 13–15
องค์การบริหารส่วนตำบลดอนกระเบื้อง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลดอนกระเบื้อง เฉพาะหมู่ที่ 1–3, 6–8 และบางส่วนของหมู่ที่ 5, 9
องค์การบริหารส่วนตำบลสวนกล้วย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสวนกล้วยทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลนครชุมน์ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลนครชุมน์ทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านม่วง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านม่วงทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลคุ้งพยอม ครอบคลุมพื้นที่ตำบลคุ้งพยอมทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลหนองปลาหมอ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองปลาหมอทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลเขาขลุง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลเขาขลุงทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลลาดบัวขาว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลลาดบัวขาวทั้งตำบล
== ภาพ ==
วัดปลักแรด.jpg|วัดปลักแรด ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2517 มีหลวงพ่อบ้านแหลมจำลอง เป็นที่สักการะนับถือของชาวตำบลเบิกไพรและตำบลใกล้เคียง
ถนนทรงพล บ้านโป่ง.jpg|ถนนทรงพล ในเขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง
ป้ายหยุดรถถนนทรงพล.jpg|ป้ายหยุดรถไฟถนนทรงพล หรือ "'บ้านโป่ง 2 (ทรงพล)'" ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดทางรถไฟสายตะวันตก กับถนนทรงพล เดิมชื่อ "สถานีรถไฟโคกหม้อ" มีอาคารขนาดเล็กทำด้วยไม้ ไม่มีชานชาลา แต่ปัจจุบันถูกยุบลงเป็นป้ายหยุดรถ
NongPlaDuk-Station ticket counter 20190131.jpg|สถานีรถไฟชุมทางหนองปลาดุก ตั้งอยู่บ้านหนองปลาดุก หมู่ 6 ตำบลหนองกบ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นสถานีรถไฟ ระดับ 2 เป็นชุมทางที่แยกไปรถไฟสายใต้ รถไฟสายตะวันตก และทางรถไฟสายสุพรรณบุรี
NongPlaDuk-Station 20190131.jpg|สถานีรถไฟชุมทางหนองปลาดุก นับเป็นสถานีรถไฟต้นทางของทางรถไฟสายมรณะ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
THAI RAILWAYS KRUPPS LOCO HAULED JOURNEY FROM BANGKOK THONBURI STATION TO KANNCHANABURI RIVER KWAI THAILAND JAN 2013 (9365239120).jpg|สถานีรถไฟคลองบางตาล ตั้งอยู่บ้านบางตาล หมู่ 1 ตำบลหนองกบ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นสถานีแรกในเขตจังหวัดราชบุรี
Nakhon Chum railway station.jpg|สถานีรถไฟนครชุมน์ ตั้งอยู่บ้านนครชุมน์ ตำบลนครชุมน์ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เป็นสถานีสุดท้ายในเขตอำเภอบ้านโป่ง
สถานีรถไฟสระโกสินารายณ์ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี.jpg|สถานีรถไฟ "บ้านโป่งใหม่" ถูกย้ายมาที่สถานีรถไฟ "สระโกสินารายณ์" ช่วงที่สยามคราฟท์มาตั้งโรงงาน ซึ่งพึ่งการขนส่งกระดาษม้วนทางรถไฟอยู่ระยะหนึ่ง
== อ้างอิง ==
บ้านโป่ง
|
thaiwikipedia
| 1,898 |
คอมเปียร์
|
คอมเปียร์ (Compiere) เป็นซอฟต์แวร์รหัสเปิด สำหรับวางแผนทรัพยากรระดับองค์กร (ERP) และบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) ในการกระจายสินค้าและบริการ
คอมเปียร์พัฒนาบนแพลตฟอร์มจาวาสำหรับองค์กร (J2EE) ตัวซอฟต์แวร์และซอร์สโค้ดแจกจ่ายโดยไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ภายใต้สัญญาอนุญาต Mozilla Puplic License และสามารถปรับแต่งและขยายให้เข้ากับความต้องการได้ โดยการเพิ่ม "โมดูล" (ส่วนขยาย) ส่วนตัวเอกสารและบริการสนับสนุนนั้นต้องเสียค่าใช้จ่าย
ตั้งแต่รุ่น 2.5.2 เป็นต้นมา คอมเปียร์นั้นก็ไม่ผูกติดกับฐานข้อมูลระบบใดระบบหนึ่ง โดยปัจจุบันสามารถใช้ได้กับระบบฐานข้อมูล PostgreSQL, MySQL และ Sybase
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บไซต์ของโครงการที่ Sourceforge.net
เว็บไซต์ compiere.org
เว็บไซต์โครงการคอมเปียร์ภาษาไทย
ซอฟต์แวร์เสรี
|
thaiwikipedia
| 1,899 |
24 พฤษภาคม
|
วันที่ 24 พฤษภาคม เป็นวันที่ 144 ของปี (วันที่ 145 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 221 วันในปีนั้น
== เหตุการณ์ ==
พ.ศ. 2150 (ค.ศ. 1607) - เจมส์ทาวน์ อาณานิคมถาวรแห่งแรกของอังกฤษในอเมริกาเหนือได้รับการก่อตั้งขึ้น
พ.ศ. 2387 (ค.ศ. 1844) - ซามูเอล เอฟ. บี. มอร์สส่งข้อความ "พระเจ้าทรงกระทำสิ่งใด" จากห้องประชุมของคณะกรรมการในอาคารรัฐสภาสหรัฐ ถึงผู้ช่วยของเขา อัลเฟรด เวล ในเมืองบัลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ เพื่อเปิดตัวสายโทรเลขเชิงพาณิชย์ระหว่างบัลติมอร์และวอชิงตัน ดี.ซี.
พ.ศ. 2426 (ค.ศ. 1883) - เปิดการจราจรบนสะพานบรูคลินในนครนิวยอร์ก ซึ่งเชื่อมระหว่างบรูคลินกับแมนแฮตตัน หลังจากใช้เวลาก่อสร้างนาน 14 ปี
พ.ศ. 2458 (ค.ศ. 1915) - สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง: อิตาลีประกาศสงครามกับออสเตรีย-ฮังการี
พ.ศ. 2478 (ค.ศ. 1935) - เจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก ทรงอภิเษกสมรสกับ เจ้าหญิงอิงกริดแห่งสวีเดน
พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) -
*สงครามโลกครั้งที่สอง: เรือรบเอชเอ็มเอส ฮูด ของสหราชอาณาจักร อับปางลงจากการโจมตีของเรือรบ บิสมาร์ค ของเยอรมันในสมรภูมิช่องแคบเดนมาร์ก
* ก่อตั้งธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน)
พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - สหภาพโซเวียตยุติการปิดกั้นการเข้าออกทางบกของเบอร์ลินตะวันตก หลังจากปิดมานาน 11 เดือน
พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - สก็อตต์ คาร์เพนเตอร์ นักบินอวกาศชาวอเมริกัน โคจรรอบโลก 3 รอบด้วยยานออโรรา 7
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - อังกฤษและฝรั่งเศส เปิดบริการเครื่องบินคองคอร์ดข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังวอชิงตัน ดี.ซี.
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เรียกร้องให้ปล่อยตัวประกัน ที่ถูกกักในสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงเตหะราน
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนกครองตำแหน่งนางงามจักรวาลคนที่ 37
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - พลเอกสุจินดา คราประยูร ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีผ่าน โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ภายหลังจาก เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - บริษัทไมโครซอฟท์เปิดตัววินโดวส์เอ็นที
พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) - ประเทศอิสราเอลถอนกำลังออกจากทางใต้ของประเทศเลบานอน หลังจากยึดครองมานาน 22 ปี
== วันเกิด ==
พ.ศ. 2087 (ค.ศ. 1544) - วิลเลียม กิลเบิร์ต แพทย์และนักปรัชญาธรรมชาติชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2146)
พ.ศ. 2344 (ค.ศ. 1801) - พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ (สิ้นพระชนม์ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2399)
พ.ศ. 2362 (ค.ศ. 1819) - สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร (สวรรคต 22 มกราคม พ.ศ. 2443)
พ.ศ. 2410 (ค.ศ. 1867) - พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประไพศรีสอาด (สิ้นพระชนม์ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2453)
พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) - สมบัติ พลายน้อย นักเขียนชาวไทย (ถึงแก่กรรม 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2565)
พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) - บ็อบ ดิลลัน นักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) - แพตตี ลาเบลล์ นักร้อง นักแต่งเพลงและนักแสดง ชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - จิม บรอดเบนต์ นักแสดงชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - อัลเฟรด โมลินา นักแสดงและนักพากย์ชาวอังกฤษ-อเมริกัน
พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) - กาญจนาพร ปลอดภัย นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - เฮคเตอร์ คามาโช นักมวยชาวเปอร์โตริโก
พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) - จอห์น ซี. ไรลีย์ นักแสดง, นักแสดงตลก, นักเขียนบท, นักดนตรี และโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน
พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) -
* เอริก ก็องโตนา นักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส
* ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (พ.ศ. 2565-ปัจจุบัน) และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (ตุลาคม 2555-พฤษภาคม 2557)
พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) - ธนชัย อุชชิน นักร้องนำวงโมเดิร์นด็อก
พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - มโย ไลง์ วีน นักฟุตบอลระดับกองหน้าชาวพม่า
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - แทมมารีน ธนสุกาญจน์ นักเทนนิสหญิง
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) -
* เทรซี แม็คเกรดี นักบาสเกตบอลชาวอเมริกัน
* พีระ เทศวิศาล นักร้อง นักดนตรีชาวไทย
* ยศวดี หัสดีวิจิตร นางแบบ นักร้อง นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - จาง ป๋อจือ นักแสดง, นักร้องหญิงชาวฮ่องกง
พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - แจ๊ส ชวนชื่น นักร้อง นักแสดงตลกชาวไทย
พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - สุรชาติ สารีพิมพ์ นักฟุตบอลชาวไทย
พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - จักรพันธ์ แก้วพรม นักฟุตบอลชาวไทย
พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - จอร์แดน สเปนซ์ นักฟุตบอลชาวอังกฤษ
พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - ปานเทพ โชติกวิน นักฟุตบอลชาวไทย
พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - นวินดา เบอร์ต๊อดตี นักแสดงชาวไทย
พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - โรดริโก เด โปล นักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา
พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - รีนุ นักร้องและนักพากย์ชายชาวญี่ปุ่น
พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) - เบลลีย์ มิเชลล์ บราวน์ นักแสดงเด็กชาวอเมริกัน
== วันถึงแก่กรรม ==
พ.ศ. 1696 (ค.ศ. 1153) - พระเจ้าเดวิดที่ 1 แห่งสกอตแลนด์ (พระราชสมภพ พ.ศ. 1627)
พ.ศ. 2086 (ค.ศ. 1543) - นิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส นักดาราศาสตร์ (เกิด 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2015)
พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - ฮาโรลด์ วิลสัน อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษและรัฐบุรุษ (เกิด 11 มีนาคม พ.ศ. 2458)
พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) - เสือใบ จอมโจรชื่อดังในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง (เกิด พ.ศ. 2464)
== วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล ==
พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2013) - วันวิสาขบูชา
วันอัมพฤกษ์ อัมพาตโลก
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
BBC: On This Day
NY Times: On This Day
พฤษภาคม 24
พฤษภาคม
|
thaiwikipedia
| 1,900 |
ไพทอน (ภาษาโปรแกรม)
|
ไพทอน (Python) เป็นอินเทอร์พรีเตอร์ภาษาระดับสูงซึ่งสร้างโดยคีโด ฟัน โรสซึม โดยเริ่มใน พ.ศ. 2533 การออกแบบของภาษาไพทอนมุ่งเน้นให้ผู้โปรแกรมสามารถอ่านชุดคำสั่งได้โดยง่ายผ่านการใช้งานอักขระเว้นว่าง (whitespaces) จำนวนมาก นอกจากนั้นการออกแบบภาษาไพทอนและการประยุกต์ใช้แนวคิดการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุในตัวภาษายังช่วยให้นักเขียนโปรแกรมสามารถเขียนโปรแกรมที่เป็นระเบียบ อ่านง่าย มีขนาดเล็ก และง่ายต่อการบำรุง
ไพทอนเป็นภาษาแบบไดนามิกพร้อมตัวเก็บขยะ ไพทอนรองรับกระบวนทัศน์การเขียนโปรแกรมหลายรูปแบบ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการเขียนโปรแกรมตามลำดับขั้น การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ หรือการเขียนโปรแกรมเชิงฟังก์ชัน นอกจากนี้ไพทอนเป็นภาษาที่มักถูกอธิบายว่าเป็นภาษาโปรแกรมแบบ "มาพร้อมถ่าน" (batteries included) กล่าวคือไพทอนมาพร้อมกับไลบรารีมาตรฐานจำนวนมาก เช่นโครงสร้างข้อมูลแบบซับซ้อน และไลบรารีสำหรับคณิตศาสตร์
ไพทอนมักถูกมองว่าเป็นภาษาที่สร้างต่อจากภาษา ABC โดยไพทอน 2.0 ซึ่งออกเผยแพร่เมื่อ พ.ศ. 2543 มาพร้อมกับเครื่องมือสำหรับการเขียนโปรแกรมจำนวหนึ่ง อย่างเช่นตัวสร้างแถวรายการ (list comprehension)
ไพทอนรุ่น 3.0 เป็นไพทอนรุ่นที่ได้รับการปรับปรุงและแก้ไขจำนวนมาก ทว่าความเปลี่ยนแปลงไนไพทอน 3 นั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เข้ากันแบบย้อนหลัง กล่าวคือชุดคำสั่งที่เขียนสำหรับไพทอน 2 อาจไม่ทำงานตามปกติเมื่อสั่งให้ทำงานบนตัวแปลภาษาของไพทอน 3
ไพทอนรุ่น 2.0 หมดการสนับสนุนอย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2563 โดยการหมดการสนับสนุนนี้ถูกวางแผนตั้งแต่ พ.ศ. 2558 และไพทอนรุ่น 2.7.18 เป็นไพทอนรุ่น 2.7 และรุ่นตระกูล 2.0 ตัวสุดท้ายที่ออกเผยแพร่ โดยหลังจากนี้จะไม่มีการสนับสนุนความปลอดภัยหรือการปรับปรุงอื่นใดเพิ่มเติมสำหรับภาษาไพทอนรุ่น 2.0 อีก
อินเทอร์พรีเตอร์ของภาษาไพทอนสามารถใช้งานได้บนหลายระบบปฏิบัติการ ชุมชนนักพัฒนาโปรแกรมของไพทอนร่วมกันดูแลโครงการซีไพทอนโดยมีมูลนิธิซอฟต์แวร์ไพทอนซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไร ทำหน้าที่ดูแลและจัดการทรัพยากรสำหรับการพัฒนาไพทอนและซีไพทอน
== คุณสมบัติและปรัชญาการออกแบบ ==
ผู้ใช้ภาษาไพทอนสามารถเลือกกระบวนทัศน์การเขียนโปรแกรมตามที่ตนเองถนัดได้ โดยรองรับการเขียนโปรแกรมเชิงโครงสร้างและการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงรองรับการเขียนโปรแกรมเชิงฟังก์ชัน (ทั้งในรูปแบบของการเขียนโปรแกรมเชิงลักษณะ และการเขียนโปรแกรมเชิงเมตาออบเจกต์) ส่วนขยายของไพทอนทำให้สามารถเขียนโปรแกรมด้วยกระบวนทัศน์อื่น เช่นการเขียนโปรแกรมเชิงตรรกะ
ไพทอนเก็บข้อมูลแบบไดนามิก (dynamic type) และใช้ขั้นตอนวิธีการนับการอ้างอิง (Reference counting) ประกอบรวมกับตัวเก็บขยะ (garbage collector) เพื่อจัดการหน่วยความจำ
ไพทอนมาพร้อมเครื่องมือสำหรับการเขียนโปรแกรมเชิงฟังก์ชันแบบที่พบในภาษาลิสป์ นอกจากนี้ไพทอนมีเครื่องมืออย่างเช่นฟังก์ชัน filter map และ reduce, เครื่องมือการสร้างลิสต์ (list comprehension), แถวลำดับแบบจับคู่ (ในชื่อของ Dictionary), เซต และเครื่องมือสร้างการวนซ้ำ (generator)
แนวคิดและหลักการของไพทอนถูกสรุปในเอกสารชื่อว่า Zen of Python ซึ่งระบุหลักการของภาษาไว้เช่น
สวยงามดีกว่าน่าเกลียด (Beautiful is better than ugly.)
ชัดแจ้งดีกว่าซ่อนเร้น (Explicit is better than implicit.)
เรียบง่ายดีกว่าซับซ้อน (Simple is better than complex.)
ซับซ้อนดีกว่ายุ่งเหยิง (Complex is better than complicated.)
ต้องใส่ใจการอ่านออกได้ง่าย (Readability counts.)
ไพทอนไม่ได้ถูกออกแบบมาให้มีคุณสมบัติและความสามารถในการทำงานทุกอย่าง แต่ไพทอนถูกออกแบบมาให้สามารถถูกต่อยอดได้ง่าย การออกแบบในลักษณะนี้ทำให้ตัวของภาษาไพทอนได้รับความนิยมเนื่องด้วยความสามารถในการเพิ่มส่วนต่อขยายหรือชุดคุณสมบัติลงไปในแอปพลิเคชันที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ การออกแบบในลักษณะนี้มาจากวิสัยทัศน์ของฟัน โรสซึมที่ต้องการเห็นการออกแบบภาษาโปรแกรมที่มีระบบแกนกลางขนาดเล็ก แต่มาพร้อมไลบรารีชุดคำสั่งขนาดใหญ่ โดยเป้าหมายการออกแบบลักษณะนี้มาจากความไม่สะดวกในการใช้ภาษา ABC ที่ฟัน โรสซึมเคยเจอมาก่อนหน้านี้
โครงสร้างทางวากยสัมพันธ์ (syntax) ของภาษาไพทอนมุ่งเน้นความเรียบง่ายและไม่ยุ่งเหยิง ในขณะเดียวกันยังคงให้อิสระกับนักพัฒนาโปรแกรมในการเลือกวิธีการเขียนโปรแกรมได้เอง ปรัชญาการออกแบบนี้ของไพทอนอยู่บนความเชื่อที่ว่า "ควรจะมีทางเดียว—และทางเดียวเท่านั้น—ในการทำอะไรสักอย่าง" ("there should be one—and preferably only one—obvious way to do it") ซึ่งตรงกันข้ามกับแนวคิดการออกแบบของภาษาเพิร์ลที่เชื่อว่า "เราควรทำอะไรได้มากกว่าหนึ่งวิธี" ("There's more than one way to do it") หากจะกล่าวให้ละเอียด อะเล็กซ์ มาร์เตลลี ผู้เขียนตำราภาษาไพทอน และสมาชิกของมูลนิธิซอฟต์แวร์ไพทอน กล่าวว่า "ในวัฒนธรรมของไพทอน การอธิบายว่า[วิธีการเขียนโปรแกรม]บางอย่างนั้นฉลาดมากไม่ถือเป็นคำชม"
นักพัฒนาโปรแกรมที่ใช้ภาษาไพทอนมักพยายามหลีกเลี่ยงการปรับปรุงประสิทธิภาพก่อนถึงเวลาอันควร (premature optimisation) และมักปฏิเสธการรวมโค้ดของโครงการ CPython ที่ต้องแลกประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยกับความอ่านยากของโค้ด โดยเมื่อต้องเขียนชุดคำสั่งที่เวลาประมวลผลเป็นเรื่องสำคัญ นักพัฒนาโปรแกรมไพทอนจะนิยมเขียนส่วยขยายของโปรแกรมนั้นด้วยภาษา C แยกออกมา หรือใช้ PyPy ซึ่งเป็นตัวแปลภาษาแบบในเวลา (Just-in-time compiler) สำหรับภาษาไพทอน นอกจากนี้นักพัฒนายังมีตัวเลือกอื่นเช่นการใช้ไซทอนซึ่งเป็นตัวแปลรหัสคำสั่งจากภาษาไพทอนไปเป็นภาษาซี
หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของภาษาไพทอนคือความสนุกในการใช้งาน ชื่อของภาษาโปรแกรมมิงไพทอนนั้นมาจากชื่อของกลุ่มนักแสดงตลก Monty Python จากประเทศอังกฤษ ความมุ่งมั่นในการทำให้ภาษาไพทอนนั้นสนุกต่อการใช้นั้นพบเห็นได้เพิ่มเติมจากตัวอย่างของชุดคำสั่งในภาษาไพทอนบนเว็บไซต์ของโครงการไพทอนเอง ซึ่งเลือกใช้คำอย่างเช่น "spam and eggs" (เพื่อล้อกับตอนหนึ่งของรายการตลกจาก Monty Python) แทนที่จะเลือกใช้คำทั่วไปอย่าง foo และ bar ตามตัวอย่างภาษาโปรแกรมมิงอื่น
ชุมชนไพทอนมักนิยมใช้วลี "มีความเป็นไพทอน" (Pythonic) เพื่อกล่าวถึงรูปแบบของชุดคำสั่งของไพทอนที่มีความสะอาดสะอ้านและถูกเขียนขึ้นในลักษณะที่สอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบดังกล่าว กล่าวคือมีความอ่านง่ายและแสดงถึงความรู้ในการเขียนชุดคำสั่งภาษาไพทอนได้เป็นอย่างดี ในทางตรงกันข้าม ชุดคำสั่งที่ไม่สามารถอ่านได้โดยง่าย (กล่าวคือชุดคำสั่งที่เหมือนการแปลงชุดคำสั่งจากภาษาโปรแกรมอื่นมาเป็นไพทอนแบบบรรทัดต่อบรรทัด) มักจะถูกเรียกว่าชุดคำสั่งที่ "ไม่มีความเป็นไพทอน" (Unpythonic)
ผู้ใช้ ผู้หลงใหล หรือผู้สันทัดภาษาไพทอนมักได้รับการขนานนามว่าเป็น "ไพธอนิสตา" (Pythonista)
== จุดเด่นของภาษาไพทอน ==
=== ความเป็นภาษาสคริปต์ ===
เนื่องจากไพทอนเป็นภาษาสคริปต์ ทำให้ใช้เวลาในการเขียนและคอมไพล์ไม่มาก ทำให้เหมาะกับงานด้านการดูแลระบบ (System administration) เป็นอย่างยิ่ง มีการสนับสนุนภาษาไพทอนโดยเป็นส่วนหนึ่งของระบบปฏิบัติการยูนิกซ์, ลินุกซ์ และสามารถติดตั้งให้ทำงานเป็นภาษาสคริปต์ของวินโดวส์ ผ่านระบบ Windows Script Host ได้อีกด้วย
=== ไวยากรณ์ที่อ่านง่าย ===
ไวยากรณ์ของไพทอนได้กำจัดการใช้สัญลักษณ์ที่ใช้ในการแบ่งบล็อกของโปรแกรม และใช้การย่อหน้าแทน ทำให้สามารถอ่านโปรแกรมที่เขียนได้ง่าย นอกจากนั้นยังมีการสนับสนุนการเขียน docstring ซึ่งเป็นข้อความสั้น ๆ ที่ใช้อธิบายการทำงานของฟังก์ชัน, คลาส และโมดูลอีกด้วย
=== ความเป็นภาษากาว ===
ไพทอนเป็นภาษากาว (Glue Language) ได้อย่างดีเนื่องจากสามารถเรียกใช้ภาษาโปรแกรมอื่น ๆ ได้หลายภาษา ทำให้เหมาะที่จะใช้เขียนเพื่อประสานงานโปรแกรมที่เขียนในภาษาต่างกันได้
== ตัวอย่างภาษาโปรแกรมไพทอน ==
ตัวอย่างด้านล่างเป็นตัวอย่างสำหรับโปรแกรมซึ่งเขียนด้วยภาษาไพทอน 3 ซึ่งมีโครงสร้างทางวากยสัมพันธ์ต่างจากไพทอน 2
=== โปรแกรมสวัสดีชาวโลก ===
print('Hello, world!')
หรือ
print("Hello world!")
=== โปรแกรมสำหรับการคำนวณเลขแฟกทอเรียลของจำนวนเต็มบวกใด ๆ ===
คำสั่งในบรรทัดด้านล่างรับเข้าตัวเลข ก่อนแปลงเป็นจำนวนเต็มบวก
ชุดคำสั่ง `int` ในไพทอนจะตัดทศนิยมทิ้งโดยอัตโนมัติ
n = int(input('กรุณาป้อนข้อมูลรับเข้าตัวเลขใด ๆ เพื่อคำนวณค่าแฟกทอเรียล: '))
หากตัวเลขมีค่าน้อยกว่า 0 ให้ทำการยกแสดงข้อผิดพลาด (error raising)
โดยให้แสดงข้อผิดพลาดแบบ `ValueError` ขึ้นมา
if n
== ไพทอนในแพลตฟอร์มต่าง ๆ ==
ผู้เขียนโปรแกรมภาษาไพทอนสามารถเลือกใช้แพลตฟอร์ม
=== ซีไพทอน ===
ซีไพทอน (CPython) คือแพลตฟอร์มภาษาไพทอนดั้งเดิม โปรแกรมอินเทอร์พรีเตอร์ถูกเขียนโดยภาษาซี ซึ่งคอมไพล์ใช้ได้บนหลายระบบปฏิบัติการ เช่น วินโดวส์, ยูนิกซ์, ลินุกซ์ การใช้งานสามารถทำได้โดยการติดตั้งโปรแกรมอินเทอร์พรีเตอร์และแพ็คเกจที่จำเป็นต่าง ๆ
=== ไจธอน ===
ไจทอน (Jython) เป็นแพลตฟอร์มภาษาไพทอนที่ถูกพัฒนาบนแพลตฟอร์มจาวา เพื่อเพิ่มอำนวยความสะดวกในการใช้ความสามารถภาษาสคริปต์ของไพทอนลงในซอฟต์แวร์จาวาอื่น ๆ
การใช้งานสามารถทำได้โดยการติดตั้งจาวาและเรียกไลบรารีของไจธอนซึ่งมาในรูปไบนารีเพื่อใช้งาน
=== ไพทอนดอตเน็ต ===
Python.NET เป็นการพัฒนาภาษาไพทอนให้สามารถทำงานบนดอตเน็ตเฟรมเวิร์กของไมโครซอฟท์ได้ โดยโปรแกรมที่ถูกเขียนจะถูกแปลงเป็น CLR ปัจจุบันมีโครงการที่นำภาษาไพทอนมาใช้บน .NET Framework ของไมโครซอฟท์แล้วคือโครงการ IronPython
== ไลบรารีในไพทอน ==
การเขียนโปรแกรมในภาษาไพทอนโดยใช้ไลบรารีต่าง ๆ เป็นการลดภาระของโปรแกรมเมอร์ได้เป็นอย่างดี ทำให้โปรแกรมเมอร์ไม่ต้องเสียเวลากับการเขียนคำสั่งที่ซ้ำ ๆ เช่นการแสดงผลข้อมูลออกสู่หน้าจอ หรือการรับค่าต่าง ๆ
ไพทอนมีชุดไลบรารีมาตรฐานมาให้ตั้งแต่ติดตั้งอินเตอร์พรีเตอร์ นอกจากนั้นยังมีผู้พัฒนาจากทั่วโลกดำเนินการพัฒนาไลบรารีซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ โดยจะเผยแพร่ในรูปแบบของแพ็คเกจต่าง ๆ ซึ่งสามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้อีกด้วย
=== แพ็คเกจเพิ่มเติมที่น่าสนใจ ===
wxPython: อีกทางเลือกหนึ่งสำหรับเขียนส่วนติดต่อกับผู้ใช้แบบกราฟิกส์ ซึ่งสามารถใช้ได้หลายระบบปฏิบัติการ
SciPy: รวมโครงสร้างข้อมูลและการคำนวณต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการเขียนโปรแกรมคำนวณทางวิทยาศาสตร์
py2exe: ใช้สำหรับแปลงโปรแกรมที่เขียนในภาษาไพทอนให้อยู่ในรูปแบบของ ในระบบปฏิบัติการวินโดวส์
PyWin32: ใช้สำหรับติดต่อเรียกใช้บริการบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์และคลาสใน Microsoft Foundation Classes: MFC
MySQLdb: ใช้สำหรับติดต่อกับระบบฐานข้อมูล MySQL
psycopg2: ใช้สำหรับติดต่อกับระบบฐานข้อมูล โพสต์เกรสคิวเอล
PyGTK: GTK+ สำหรับ Python ใช้สำหรับสร้างส่วนติดต่อกับผู้ใช้แบบกราฟิกส์ ซึ่งสามารถใช้ได้หลายระบบปฏิบัติการ
PyQt: คิวต์ (วิจิททูลคิทสำหรับพัฒนาส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ (GUI)) สำหรับ Python ใช้สำหรับสร้างส่วนติดต่อกับผู้ใช้แบบกราฟิกส์ ซึ่งสามารถใช้ได้หลายระบบปฏิบัติการ
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
เว็บหลักของไพทอน (อังกฤษ)
ภาษาโปรแกรมแบบคลาส
ภาษาโปรแกรมที่มีชนิดข้อมูลแบบพลวัต
ภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ
ภาษาสคริปต์
ซอฟต์แวร์บนยูนิกซ์
|
thaiwikipedia
| 1,901 |
ภาษาซีชาร์ป
|
ภาษาซีชาร์ป (C# Programming Language) เป็นภาษาโปรแกรมระดับสูง ที่ใช้ระบบชนิดข้อมูลแบบรัดกุม (strong typing) และสนับสนุนการเขียนโปรแกรมเชิงคำสั่ง การเขียนโปรแกรมเชิงประกาศ การเขียนโปรแกรมเชิงฟังก์ชัน การเขียนโปรแกรมเชิงกระบวนการ การเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (แบบคลาส) และการเขียนโปรแกรมเชิงส่วนประกอบ
ภาษานี้พัฒนาเริ่มแรกโดยโดยมีอนัส ไฮลส์เบิร์ก (Anders Hejlsberg) จากบริษัทไมโครซอฟท์ ในปีพ.ศ. 2543 ต่อมามีการรับรองให้เป็นมาตรฐานโดยเอ็กมาอินเตอร์เนชันแนล (ECMA-334) ในปีพ.ศ. 2545 และองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน (ISO/IEC 23270) ในปีพ.ศ. 2546 ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวภาษาซีชาร์ปพร้อมกับดอตเน็ตเฟรมเวิร์ก และVisual Studio ซิ่งเป็นผลิตภัณฑ์โคลสซอร์ส (closed-source) ทั้งหมด เนื่องจากตอนนั้นไมโครซอฟต์ไม่มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส. ต่อมาไมโครซอฟท์ได้เปิดตัว Visual Studio Code, Roslyn และ ดอตเน็ตคอร์ ซี่งทั้งหมตนั้นรองรับภาษาซีชาร์ป เป็นซอฟต์แวร์ฟรีและโอเพ่นซอร์ส และทำงานแบบครอสแพลตฟอร์ม
ปัจจุบันภาษาซีชาร์ปมีรุ่นล่าสุดคือ C# 11.0 ที่ออกมาพร้อมกับ .NET 7.0 ในปี พ.ศ. 2565
== ตัวอย่าง ==
ตัวอย่างต่อไปนี้ คือตัวอย่างโปรแกรม Hello world ใน C# ซึ่งใช้ฟีเจอร์ top-level statement ที่เริ่มมีให้ใช้ได้ตั้งแต่ C# 9.0
using System;
Console.WriteLine("Hello, world!");
แต่สำหรับ C# 8.0 หรือก่อนหน้านั้น การเขียนจะต้องเป็นฟังก์ชันที่อยู่ในคลาสดังทำนองนี้
public class ExampleClass
{
public static void Main
{
System.Console.WriteLine("Hello, world!");
}
}
ผลของการทำงานคือมีการแสดงคำว่า Hello, world! ในหน้าต่างคอนโซล โดยในแต่ละบรรทัดมีความหมายดังนี้:
public class ExampleClass
บรรทัดนี้คือการประกาศคลาส โดย public หมายถึงวัตถุที่สร้างในโครงการ (project) อื่น ๆ สามารถเข้าใช้งานคลาสนี้ได้ ไม่จำกัด. ข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ผ่านใต้หน่วยของบรรทัดนี้ จะใช้ในการทำงานของคลาสนี้
public static void Main
บรรทัดนี้เป็นจุดที่ใช้ในการเริ่มการทำงานของโปรแกรม เมื่อโปรแกรมทำงาน โดยสามารถเรียกใช้จากโปรแกรมอื่นได้โดยการใช้ไวยากรณ์ ExampleClass.Main. (public static void เป็นส่วนที่ใช้ในการทำงาน ซึ่งต้องเรียนรู้ในการเขียนขั้นสูง)
System.Console.WriteLine("Hello, world!");
ในบรรทัดนี้ เป็นการทำงาน เพื่อแสดงผลออกมา Console คือโปรแกรมระบบ, ซึ่งก็คือ โปรแกรมระบบแบบสั่งคำสั่งที่ละบรรทัด (เช่น DOS) ที่สามารถรับข้อมูลและแสดงผลเป็นข้อความได้. จากที่เราเขียนโปรแกรมจะทำการเรียก Console โดยใช้คำสั่ง WriteLine, ซึ่งทำให้สามารถส่งค่าข้อความออกมาแสดงผลได้
== มาตรฐาน ==
ไมโครซอฟท์ส่งมาตรฐานภาษาซีชาร์ปให้กับ Ecma และได้รับการยอมรับเป็นมาตรฐาน ECMA ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2001 ในชื่อว่า ECMA-334 C# Language Specification ใน ค.ศ. 2003 ภาษาซีชาร์ปได้รับการยอมรับเป็นมาตรฐาน ISO (ISO/IEC 23270).
มาตรฐาน ISO/IEC 23270:2003 ระบุรูปแบบ และกำหนดการแปล (ตีความ) โปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาซีชาร์ป. โดยตัวมาตรฐานได้ระบุ:
รูปแบบการนำเสนอ (the representation of C# programs)
ไวยากรณ์ (the syntax and constraints of the C# language)
กฎการตีความสำหรับแปลโปรแกรมภาษาซีชาร์ป (the semantic rules for interpreting C# programs)
ข้อห้าม และข้อจำกัด ของเครื่องมือที่สร้างตามข้อกำหนดของซีชาร์ป (the restrictions and limits imposed by a conforming implementation of C#)
ISO/IEC 23270:2003 ไม่ได้ระบุ:
กลไกในการแปลงโปรแกรมภาษาซีชาร์ป เพื่อใช้ในระบบประมวลผลข้อมูล (the mechanism by which C# programs are transformed for use by a data-processing system)
กลไกในการเรียกให้โปรแกรมภาษาซีชาร์ปทำงาน เพื่อใช้ในระบบประมวลผลข้อมูล (the mechanism by which C# applications are invoked for use by a data-processing system)
กลไกในการแปลงข้อมูลเข้า เพื่อใช้กับโปรแกรมภาษาซีชาร์ป (the mechanism by which input data are transformed for use by a C# application)
กลไกในการแปลงข้อมูลออก หลังจากถูกประมวลผลโดยโปรแกรมภาษาซีชาร์ป (the mechanism by which output data are transformed after being produced by a C# application)
the size or complexity of a program and its data that will exceed the capacity of any specific data-processing system or the capacity of a particular processor;
all minimal requirements of a data-processing system that is capable of supporting a conforming implementation.
นอกจากนี้ตัวมาตรฐานไม่ได้กล่าวถึงโครงสร้างข้อมูล และตัวไลบรารีกลางของ .NET Framework ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเขียนโปรแกรมด้วยภาษาซีชาร์ปเลย
== หมายเหตุ ==
== อ้างอิง ==
== แหล่งข้อมูลอื่น ==
Microsoft Developer Network - Visual C#
เทคนิคการเขียนโปรแกรมขั้นสูง C#
บทความ (ภาษาไทย) สอนภาษา C#
บทความ (ภาษาไทย) สอนภาษา C# และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ภาษาระบบโครงสร้างพื้นฐานภาษาร่วม
ตระกูลภาษาซี
ภาษาโปรแกรมแบบคลาส
ภาษาโปรแกรมที่มีชนิดข้อมูลแบบอพลวัต
ภาษาโปรแกรมในภาวะพร้อมกัน
ตระกูลภาษาซีชาร์ป
โครงการโมโน
ภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ
มาตรฐานไออีซี
มาตรฐานไอเอสโอ
|
thaiwikipedia
| 1,902 |
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.