title
stringlengths
1
182
text
stringlengths
1
45.8M
source
stringclasses
5 values
__index_level_0__
int64
0
197k
จาวาสคริปต์
จาวาสคริปต์ (JavaScript) เป็นภาษาสคริปต์ ทีมีลักษณะการเขียนแบบโพรโทไทป์ (Prototyped-based Programming) ส่วนมากใช้ในหน้าเว็บเพื่อประมวลผลข้อมูลที่ฝั่งของผู้ใช้งาน แต่ก็ยังมีใช้เพื่อเพิ่มเติมความสามารถในการเขียนสคริปต์โดยฝังอยู่ในโปรแกรมอื่น ๆ ภาษาจาวาสคริปต์ไม่มีความสัมพันธ์กับ ภาษาจาวา (Java) แต่อย่างใด ยกเว้นแต่โครงสร้างภาษาที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เนื่องมาจากได้รับการพัฒนาต่อมาจากภาษาซีเหมือน ๆ กัน และมีชื่อที่คล้ายคลึงกันเท่านั้น == ประวัติ == เริ่มพัฒนาโดย Brendan Eich พนักงานบริษัทเน็ตสเคป โดยขณะนั้นจาวาสคริปต์ใช้ชื่อว่า โมคา (Mocha) และภายหลังได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ไลฟ์สคริปต์ และเป็น จาวาสคริปต์ในปัจจุบัน รูปแบบการเขียนภาษาที่ใช้ คล้ายคลึงกับภาษาซี รุ่นล่าสุดของจาวาสคริปต์คือ 2.0 ซึ่งตรงกับมาตรฐานของ ECMAScript สำหรับเจสคริปต์ (JScript) หลังจากที่จาวาสคริปต์ประสบความสำเร็จ โดยมีเว็บเบราว์เซอร์จากหลายๆ บริษัทนำมาใช้งาน ทางไมโครซอฟท์จึงได้พัฒนาภาษาโปรแกรมที่ทำงานในลักษณะคล้ายคลึงกับจาวาสคริปต์ขึ้น และตั้งชื่อว่าเจสคริปต์ ซึ่งทำงานได้กับเบราว์เซอร์อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ (Internet Explorer) เท่านั้น เริ่มใช้ครั้งแรกใน อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์ 3.0 เมื่อ สิงหาคม พ.ศ. 2539 โดยสร้างตามมาตรฐาน ECMA 262 ==เครื่องหมายการค้า== ออราเคิลคอร์ปอเรชัน เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า "JavaScript" ในสหรัฐอเมริกา แรกเริ่มเดิมทีนั้นเครื่องหมายการค้าเป็นของ ซัน ไมโครซิสเต็มส์ และถูกโอนไปยังออราเคิลหลักจากที่ออราเคิลได้เข้าซื้อกิจการ ซัน ไมโครซิสเต็มส์ ใน พ.ศ. 2552 == การใช้งาน == จาวาสคริปต์ เป็นภาษาในรูปแบบของภาษาโปรแกรมแบบโพรโทไทป์ โดยมีโครงสร้างของภาษาและไวยกรณ์อยู่บนพื้นฐานของภาษาซี ปัจจุบันมีการใช้จาวาสคริปต์ที่ฝังอยู่ในเว็บเบราว์เซอร์ในหลายรูปแบบ เช่น ใช้เพื่อสร้างเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงเสมอภายในเว็บเพจ, ใช้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ผู้ใช้กรอกก่อนนำเข้าระบบ, ใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่อยู่ภายใต้โครงสร้างแบบ Document Object Model (DOM) เป็นต้น นอกจากนี้จาวาสคริปต์ยังถูกฝังอยู่ในแอปพลิเคชันต่าง ๆ นอกเหนือจากเว็บเบราว์เซอร์ได้อีกด้วย เช่น widget ของ ยาฮู! เป็นต้น โดยรวมแล้วจาวาสคริปต์ถูกใช้เพื่อให้นักพัฒนาโปรแกรม สามารถเขียนสคริปต์เพื่อสร้างคุณสมบัติพิเศษต่างๆ เพิ่มเติมจากที่มีอยู่บนแอปพลิเคชันดังเดิม โปรแกรมใด ๆ ที่สนับสนุนจาวาสคริปต์จะมีตัวขับเคลื่อนจาวาสคริปต์ (JavaScript Engine) ของตัวเอง เพื่อเรียกใช้งานโครงสร้างเชิงวัตถุของโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันนั้น ๆ ===การประกาศใช้งานตัวแปร=== ตัวแปร ในจาวาสคริปต์ สามารถประกาศใช้งานตัวแปรได้หลายรูปแบบ เช่นการใช้ var, let หรือ const นำหน้าชื่อตัวแปร var x; //ประกาศตัวแปร x, โดยที่ยังไม่มีการใส่ค่า var y = 2; //ประกาศตัวแปร y ให้มีค่าเท่ากับ 2 let z = 1 //ทำให้ z เท่ากับ 1 //ทำให้ x มีค่า x = 3; //ทำให้ x มีค่า //เปลี่ยนค่า z เป็นค่า x z = x; //เปลี่ยนค่า z ให้มีค่าเท่ากับ x const x1 = true; //ทำให้ x1 มีค่าเป็น true หรือเป็นจริง //โดย const จะทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนค่าของตัวแปรนั้นๆได้ ตัวอย่างด้านบน มีการใส่หมายเหตุ ตามหลังการประกาศใช้งานตัวแปร โดยการใส่เครื่องหมายทับ สองตัว (forward slashes) ===คอนโซล=== คำสั่งที่ใช้ในการตรวจสอบและแสดงผลค่าต่างๆ โดยการเรียกใช้ อ็อบเจกต์ == ดูเพิ่ม == เจควีรี == อ้างอิง == A re-introduction to JavaScript ภาษาโปรแกรมใน JVM ภาษาโปรแกรมเฉพาะงาน ภาษาโปรแกรมแบบโพรโทไทป์ ภาษาโปรแกรมเชิงวัตถุ ภาษาสคริปต์ สิ่งประดิษฐ์ของสหรัฐ
thaiwikipedia
1,903
เมืองทองธานี
เมืองทองธานี (Muang Thong Thani) เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชยกรรมแบบผสมขนาดใหญ่บริเวณโดยรอบทางแยกต่างระดับแจ้งวัฒนะ (จุดตัดระหว่างถนนแจ้งวัฒนะ กับแนวเชื่อมต่อระหว่างทางพิเศษศรีรัชและทางพิเศษอุดรรัถยา) ในพื้นที่ตำบลคลองเกลือ ตำบลบางพูด และตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในเครือบริษัทบางกอกแลนด์ โครงการเมืองทองเริ่มก่อสร้างปี 2533 โดยมีเป้าประสงค์ในการพัฒนาพื้นที่ 4,700 ไร่ให้เป็นเมืองย่อมๆ รองรับประชาชนไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน เดือนพฤษภาคม 2533 เปิดตัวคอนโดมีเนียมเลควิวเจาะกลุ่มตลาดโรงงานอุตสาหกรรมขนาดเล็ก เดือนมกราคม 2534 เปิดตัวโครงการสำหรับกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อยและปานกลาง อันได้แก่ โครงการป๊อปปูล่าคอนโด 10 ชั้น จำนวน 27 ตึก ประกอบไปด้วยโครงการครูเมืองทองธานี เป็นแฟลตราคาพิเศษเพื่อผู้พักอาศัยที่เป็นครู คอนโดมิเนียมมีทั้งหมด 24 อาคาร อาคารดังกล่าว ประกอบด้วย อาคารครูเมืองทอง 14 อาคาร อาคารเมืองทองธานีเพื่อข้าราชการ จำนวน 9 อาคาร อาคารไพลินสแควร์ จำนวน 4 อาคาร ซึ่งภายในประกอบไปด้วยหมู่บ้าน เมืองทองนิเวศน์ 3 รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า เมืองทอง 3 เป็นที่ตั้งของศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และมหาวิทยาลัยศิลปากร City Campus นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม, สถานกีฬาเมืองทองธานี (ธันเดอร์โดม), ธันเดอร์โดมสเตเดียม, การกีฬาแห่งประเทศไทย, The Tennis Academy of Asia, วัดผาสุกมณีจักร และโรงเรียนอีกหลายโรงเรียน อาทิ โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์, โรงเรียนวัดผาสุกมณีจักร, โรงเรียนกุมุทมาท, โรงเรียนอนุบาลจุติพร เป็นต้น นอกจากนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ธนาคารกสิกรไทย จับมือกับ บางกอกแลนด์ เจ้าของโครงการเมืองทองธานี ได้เปิดตัว บัตรเครดิตบางกอกแลนด์ - ไทยพาณิชย์/บัตรเครดิตบางกอกแลนด์ - กสิกรไทย เจาะกลุ่มตลาดบัตรเครดิตร่วมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 กันยายน 2566 เป็นต้นไป == รายละเอียดโครงการ == === สำนักงาน === อาคารสำนักงานขนาดสูง หลายอาคาร อาคารพาณิชย์ นิวเจนีวา คอนโดมิเนียมอุตสาหกรรม ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานแจ้งวัฒนะ กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป === ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม === === หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ === สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง * กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ การกีฬาแห่งประเทศไทย (สถานกีฬาเมืองทองธานี, ธันเดอร์โดม) สำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาปากเกร็ด === สถานศึกษา === มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มหาวิทยาลัยศิลปากร เมืองทองธานี โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ โรงเรียนวัดผาสุกมณีจักร โรงเรียนกุมุทมาส โรงเรียนอนุบาลจุติพร === ที่พักอาศัย === เลค วิว คอนโดมิเนียม ป๊อปปูล่า คอนโดมิเนียม บ้านพักอาศัย โครงการ 1-3 === กีฬา === สโมสรฟุตบอลเมืองทอง ยูไนเต็ด สนามฟุตบอลธันเดอร์โดมสเตเดียม (เปลี่ยนชื่อจาก เอสซีจีสเตเดียม) ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี สระว่ายน้ำเมืองทองธานี สนามแบดมินตันเมืองทองธานี ลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทย === ศูนย์การค้า === บีไฮฟ์ ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้งมอลล์ คอสโม บาซาร์ คอสโม วอล์ก === สิ่งแวดล้อม === สวนสาธารณะเมืองทองธานี ทะเลสาบเมืองทองธานี == การเดินทาง == === รถประจำทาง === เมืองทองธานีมีท่ารถประจำทาง ขสมก. สาย 166 (เข้าไปในอิมแพ็คเมืองทองธานี) สาย 166 : เมืองทองธานี - (ปากเกร็ด) - ทางด่วน - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีรถสองแถว 3 สาย ได้แก่ สาย 1 คอนโดเมืองทอง - แจ้งวัฒนะ สาย 2 คอนโดเมืองทอง - ติวานนท์ สาย 3 ติวานนท์ - แจ้งวัฒนะ นอกจากนี้แล้ว เมืองทองธานียังมีบริการรถคิวตู้หลายสาย สำหรับให้บริการผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองทองธานี โดยเฉพาะในส่วนของป็อปปูล่า คอนโดมีเนียม ซึ่งมีผู้อาศัยอยู่อย่างหนาแน่น และรองรับผู้ที่มาใช้บริการที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ประกอบด้วย สายเมืองทอง - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สายเมืองทอง - เดอะมอลล์งามวงศ์วาน สายเมืองทอง - สนามหลวง สายเมืองทอง - เมเจอร์ รังสิต สายเมืองทอง - เดอะมอลล์บางกะปิ สายเมืองทอง - สีลม (เฉพาะช่วงเช้าของวันทำงาน) และยังมีรถโดยสารปรับอากาศสายพิเศษ สายเมืองทอง - อิมแพ็ค - สถานีหมอชิต ซึ่งทางบางกอกแลนด์ดำเนินการบริการด้วยตนเอง โดยจำหน่ายตั๋วโดยสารในรูปแบบคูปองใบละ 30 บาท เชื่อมต่อเส้นทางการเดินทางระหว่างสถานีรถไฟฟ้ามายังศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็คอีกด้วย === รถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ สายหมอชิต-ปากเกร็ด === สถานีและศูนย์ซ่อมบำรุง บริเวณทะเลสาบเมืองทองธานี === รถไฟฟ้าสายสีชมพู === สถานีเมืองทองธานี ตั้งอยู่บริเวณซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 35 (กำลังก่อสร้าง) สถานีศรีรัช ตั้งอยู่บริเวณสำนักเครื่องกลและสื่อสาร กรมทางหลวง เป็นสถานีร่วมของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยาย ช่วงศรีรัช - เมืองทองธานี ประกอบด้วย 2 สถานี คือ MT01 (อิมแพ็คชาเลนเจอร์) MT02 (ทะเลสาบเมืองทองธานี) === ถนนสายหลัก === ถนนติวานนท์ ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนประชาชื่น ถนนชัยพฤกษ์ ถนนบอนด์สตรีท ถนนป๊อปปูล่า ถนนเมืองทองธานี ถนนสามัคคี == ดูเพิ่ม == ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี เทศบาลนครปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ แผนที่ เมืองทองธานี ชุมชน ออนไลน์ ชาวเมืองทอง ชุมชน ออนไลน์ ลูกบ้านชาวเมืองทอง บางกอกแลนด์ เศรษฐกิจของจังหวัดนนทบุรี
thaiwikipedia
1,904
เมืองทองนิเวศน์
เมืองทองนิเวศน์ เป็นหมู่บ้านจัดสรรในเครือบริษัทบางกอกแลนด์ มีอยู่ 3 โครงการ ได้แก่ เมืองทองนิเวศน์ 1 ตั้งอยู่ที่ซอยแจ้งวัฒนะ 14 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร รู้จักกันในชื่อ เมืองทอง 1 เมืองทองนิเวศน์ 2 ตั้งอยู่ที่ถนนพัฒนาการ กรุงเทพมหานคร รู้จักกันในชื่อ "เมืองทอง 2" เมืองทองนิเวศน์ 3 ตั้งอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ นครปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี รู้จักกันในชื่อ "เมืองทอง 3" ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น เมืองทองธานี หาที่อยู่ในเมืองทองธานี ,แผนที่ MuangThong.info แผนที่ เมืองทองธานี มเมืองทองนิเวศน์ เขตหลักสี่
thaiwikipedia
1,905
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304
ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 สายปากเกร็ด–สะพานต่างระดับนครราชสีมา เป็นทางหลวงแผ่นดินสายรองประธานที่เชื่อมระหว่างจังหวัดนนทบุรี กรุงเทพมหานคร จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดนครราชสีมา มีจุดเริ่มต้นบนถนนติวานนท์ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 306) ที่ห้าแยกปากเกร็ด ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และสิ้นสุดบนถนนมิตรภาพ กับทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมาด้านตะวันตก (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 204) ที่ทางแยกต่างระดับนครราชสีมา ในอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ระยะทางทั้งสิ้น 298.515 กิโลเมตร อยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง 296.707 กิโลเมตร == รายละเอียดของเส้นทาง == ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 แบ่งออกเป็น 8 ช่วง ได้แก่ ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรามอินทรา ถนนสุวินทวงศ์ ถนนมหาจักรพรรดิ์ ถนนศุขประยูร ช่วงฉะเชิงเทรา–กบินทร์บุรี ช่วงกบินทร์บุรี–ปักธงชัย และถนนสืบศิริ === ถนนแจ้งวัฒนะ === ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 เริ่มต้นกิโลเมตรที่ 0 ที่ทางแยกปากเกร็ด จุดตัดของถนนติวานนท์กับถนนแจ้งวัฒนะ ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี มีเส้นทางไปตามถนนแจ้งวัฒนะทางตะวันออก ตัดกับถนนเลี่ยงเมืองปากเกร็ด แล้วตัดกับทางพิเศษอุดรรัถยาและทางพิเศษศรีรัช จากนั้นข้ามคลองประปาเข้าสู่เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ตัดกับถนนวิภาวดีรังสิต ที่ทางแยกหลักสี่ ข้ามคลองถนน เข้าสู่เขตบางเขน และตัดกับถนนพหลโยธินที่วงเวียนอนุสาวรีย์หลักสี่ (อนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ) ระยะทาง (ไม่รวมช่วงท่าน้ำปากเกร็ดถึงแยกปากเกร็ด) 10.7 กิโลเมตร === ถนนรามอินทรา === ถนนรามอินทรา เริ่มจากวงเวียนอนุสาวรีย์หลักสี่ ในแขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน ตัดออกไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านแยกถนนลาดปลาเค้า ตัดกับถนนประดิษฐ์มนูธรรมและทางพิเศษฉลองรัช ผ่านตอนเหนือของเขตบึงกุ่ม แล้วเข้าสู่เขตคันนายาว ผ่านแยกถนนนวมินทร์ ตัดกับถนนกาญจนาภิเษก ผ่านแยกถนนรัชดาภิเษก–รามอินทรา ผ่านแยกถนนสวนสยาม ข้ามคลองบางชันเข้าสู่เขตมีนบุรี และสิ้นสุดที่ทางแยกเมืองมีน ระยะทาง 15.4 กิโลเมตร ถนนรามอินทราตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่พลตำรวจโท พระรามอินทรา (ดวง จุลัยยานนท์) อธิบดีกรมตำรวจระหว่าง พ.ศ. 2488 ถึง พ.ศ. 2489 === ถนนสุวินทวงศ์ === ถนนสุวินทวงศ์ เริ่มต้นจากปลายถนนรามอินทราที่ทางแยกเมืองมีน เขตมีนบุรี เลี้ยวซ้ายขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ผ่านถนนหทัยราษฎร์ ถนนสามวา คลองสามวา ถนนร่มเกล้า และถนนนิมิตใหม่ แล้วลงไปทางตะวันออกเฉียงใต้ เข้าแขวงแสนแสบ ตัดกับถนนรามคำแหง ถนนราษฎร์อุทิศ ถนนบึงขวาง และถนนคุ้มเกล้า เข้าสู่แขวงโคกแฝดและแขวงลำผักชี เขตหนองจอก ผ่านถนนเชื่อมสัมพันธ์ ถนนฉลองกรุง ถนนอยู่วิทยา และถนนร่วมพัฒนา เข้าสู่แขวงลำต้อยติ่งและแขวงกระทุ่มราย ผ่านถนนทหารอากาศอุทิศ สถานีตำรวจนครบาลสุวินทวงศ์ สุดเขตกรุงเทพมหานครที่คลองหลวงแพ่ง เข้าสู่ตำบลศาลาแดง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ผ่านตลาดสดสุวินทวงศ์ เข้าสู่อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา สิ้นสุดที่สะพานข้ามทางรถไฟฉะเชิงเทรา ระยะทางรวม 42.5 กิโลเมตร ถนนสุวินทวงศ์เดิมมีชื่อเรียกว่า "ทางหลวงแผ่นดินสายมีนบุรี–ฉะเชิงเทรา–ปราจีนบุรี" ได้รับการตั้งชื่อดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2493 ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นเกียรติแก่เกษม สุวินทวงศ์ ผู้ดำรงตำแหน่งนายช่างกำกับการเขตการทางปราจีนบุรีในขณะเริ่มก่อสร้างถนนสายนี้ === ถนนมหาจักรพรรดิ์ === ถนนมหาจักรพรรดิ์ สันนิษฐานว่าตั้งชื่อขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เมื่อครั้งที่ทรงปรับปรุงหัวเมืองต่าง ๆ หลังจากที่เสียสมเด็จพระศรีสุริโยทัยในสงครามช้างเผือก เริ่มต้นที่ทางแยกต่างระดับฉะเชิงเทรา ตัดไปทางตะวันออก ผ่านสถานีรถไฟชุมทางฉะเชิงเทรา ถนนศรีโสธร (ทางเข้าวัดโสธรวราราม) ข้ามแม่น้ำบางปะกงที่สะพานฉะเชิงเทรา === ถนนศุขประยูร === ถนนศุขประยูร เริ่มจากสะพานฉะเชิงเทรา ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านวัดสุวรรณาราม สิ้นสุดที่ทางแยกคอมเพล็กซ์ ใกล้ที่ตั้งกองพลทหารราบที่ 11 ค่ายสมเด็จพระนั่งเกล้า อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เดิมถนนศุขประยูรเป็นชื่อที่กำหนดให้กับทางหลวงสายฉะเชิงเทรา–พนัสนิคม–ชลบุรี ต่อมาเมื่อมีการตั้งชื่อทางหลวงโดยใช้ระบบหมายเลข กรมทางหลวงจึงได้รวมถนนศุขประยูรช่วงสะพานฉะเชิงเทราถึงทางแยกคอมเพล็กซ์เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 และกำหนดให้ถนนศุขประยูรช่วงที่เหลือเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 315 === ช่วงฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี === เริ่มต้นที่ปลายถนนศุขประยูรที่ทางแยกคอมเพล็กซ์ เลี้ยวซ้ายไปทางตะวันออก ผ่านพื้นที่อำเภอบางคล้าและอำเภอพนมสารคาม ตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 331 ที่ทางแยกต่างระดับชำขวาง ใกล้กับศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 359 (สายสระแก้ว–เขาหินซ้อน) ในตำบลเขาหินซ้อน แล้วตัดตรงขึ้นเหนือเข้าสู่พื้นที่อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ผ่านนิคมอุตสาหกรรม 304 1 และนิคมอุตสาหกรรมไฮเทคกบินทร์ เข้าสู่พื้นที่อำเภอกบินทร์บุรี ตัดกับถนนสุวรรณศร (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33) ที่ทางแยกกบินทร์บุรี (สามทหาร) === ช่วงกบินทร์บุรี-ปักธงชัย === เริ่มจากถนนสุวรรณศร (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33) แล้วมุ่งขึ้นเหนือ ผ่านอำเภอนาดี อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอุทยานแห่งชาติทับลาน เข้าสู่อำเภอวังน้ำเขียวและอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ผ่านค่ายปักธงชัย อ่างเก็บน้ำบ้านโนนแดง กู่เกษม และศูนย์วัฒนธรรมผ้าไหมปักธงชัย ก่อนถึงตัวอำเภอปักธงชัยมีทางแยกสองทาง โดยแยกไปเป็นทางเลี่ยงเมืองปักธงชัย สิ้นสุดที่หน้าโรงพยาบาลปักธงชัย ถนนในช่วงนี้ก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2498 เป็นถนนลูกรังตลอดสาย จนกระทั่งในช่วงสงครามเวียดนาม เมื่อประเทศไทยประกาศเป็นมิตรร่วมรบกับสหรัฐ จึงยินยอมรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2508 สหรัฐได้เดินทางมาถึงประเทศไทย และเริ่มก่อสร้างค่ายพักทหารห่างจากตัวจังหวัดนครราชสีมา 42 กิโลเมตร จึงมีการก่อสร้างถนนลาดยาง ระยะทาง 132.5 กิโลเมตร ความกว้าง 22 ฟุต เพื่อประโยชน์ทางด้านยุทธศาสตร์และเชื่อมชายฝั่งทะเลตะวันออกกับภาคอีสาน ด้วยมูลค่าโครงการ 16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถนนสายนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2511 ต่อมากรมทางหลวงได้รับมอบถนนสายนี้อยู่ในความดูแลรับผิดชอบเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2512 ขึ้นทะเบียนเป็นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 สายฉะเชิงเทรา-กบินทร์บุรี-นครราชสีมา โดยมีจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นเป็นประธานในพิธีเปิด บริเวณสามแยกปักธงชัย กิโลเมตรที่ 132+500 ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 กับทางแยกถนนมิตรภาพ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2) ได้มีการก่อสร้างอนุสรณ์ซึ่งก่อขึ้นด้วยปูนซีเมนต์และทาสีขาว แสดงข้อมูลในอนุสรณ์ว่า "ทางหลวงสายที่ ๓๐๔ นครราชสีมา-กบินทร์บุรี ทำการก่อสร้างโดยกองพันทหารช่างพิเศษที่ ๒๓ (ประเทศไทย) กองพันทหารช่างที่ ๕๓๘ (สหรัฐอเมริกา) และกองพันทหารช่างที่ ๘๐๙ (สหรัฐอเมริกา) โดยการควบคุมของกองบัญชาการทหารสูงสุดแห่งประเทศไทย ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงธันวาคม ๒๕๑๑ ก้าวหน้า เพื่อมิตรภาพ ความปลอดภัย" อนุสรณ์ดังกล่าวตั้งอยู่ใต้สะพานต่างระดับที่กรมทางหลวงได้ก่อสร้างทางแยกต่างระดับปักธงชัย อีกทั้งยังมีการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองนครราชสีมาเพิ่มเติม จนกระทั่งสำนักงานแขวงการทางนครราชสีมาที่ 2 ได้เคลื่อนย้ายไปไว้บริเวณทางลงสะพานต่างระดับสามแยกปักธงชัย โดยได้ถอดเหล็กที่เป็นแผ่นป้ายข้อความจารึกการก่อสร้างถนนสาย 304 ออก เพื่อนำมาติดตั้งกับฐานจารึกใหม่ ปัจจุบัน กรมทางหลวงได้ปรับปรุงทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 ช่วงกบินทร์บุรี-ปักธงชัย เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนน และรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นทางเชื่อมผืนป่าของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ โดยขยายช่องจราจรจากเดิม 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร รวมทั้งก่อสร้างสะพานและทางลอดบางจุด โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2549 ก่อสร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2565 === ถนนสืบศิริ === ถนนสืบศิริ เริ่มจากตรงจุดแยกก่อนถึงอำเภอปักธงชัย แต่เป็นแยกเข้าเมืองปักธงชัย ไปบรรจบกับทางเลี่ยงเมืองที่บริเวณหน้าโรงพยาบาลปักธงชัย จากนั้นมุ่งขึ้นเหนือตัดกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 เข้าสู่อำเภอเมืองนครราชสีมา ผ่านสวนสัตว์นครราชสีมา สิ้นสุดเมื่อบรรจบกับถนนมิตรภาพ ที่ทางแยกต่างระดับนครราชสีมา อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ถนนสืบศิริเดิมมีชื่อเรียกว่า "ทางหลวงแผ่นดินสายนครราชสีมา–กบินทร์บุรี" ต่อมาได้รับการตั้งชื่อดังกล่าวเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2493 ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นเกียรติแก่จำรัส สืบศิริ อดีตนายช่างกำกับการเขตการทางนครราชสีมา == รายชื่อทางแยก == == สถานที่สำคัญ == ถนนรามอินทรา มหาวิทยาลัยเกริก เสถียรธรรมสถาน กองบินตำรวจ ซาฟารีเวิลด์ สวนสยาม โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ถนนสุวินทวงศ์ สถานีตำรวจนครบาลสุวินทวงศ์ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 4 วัดแสนสุข ถนนสืบศิริ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นครราชสีมา == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == ระบบสารสนเทศโครงข่ายทางหลวง 304 3-304 ถนนในจังหวัดนนทบุรี ถนนในกรุงเทพมหานคร ถนนในเขตหลักสี่ ถนนในเขตบางเขน ถนนในเขตคันนายาว ถนนในเขตมีนบุรี ถนนในเขตหนองจอก ถนนในจังหวัดฉะเชิงเทรา ถนนในจังหวัดปราจีนบุรี ถนนในจังหวัดนครราชสีมา
thaiwikipedia
1,906
จังหวัดสตูล
สตูล เป็นจังหวัดที่อยู่ทางตอนใต้ของประเทศไทย (ทางชายฝั่งทะเลอันดามัน) คำว่า สตูล มาจากคำภาษามลายูเกอดะฮ์ว่า สะตุล (ستول) แปลว่า "กระท้อน" ซึ่งเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ขึ้นอยู่ชุกชุมในท้องที่นี้ โดยชื่อเมือง นครีสโตยมำบังสาครา (Negeri Setul Mambang Segara; อักษรยาวี: نڬري ستول ممبڠ سڬارا; เนอเกอรีเซอตุลมัมบังเซอการา) นั้นหมายความว่า "สตูล เมืองแห่งพระสมุทรเทวา" ดังนั้น ตราพระสมุทรเทวาจึงกลายเป็นตราหรือสัญลักษณ์ของจังหวัดมาตราบเท่าทุกวันนี้ == สัญลักษณ์ประจำจังหวัด == คำขวัญประจำจังหวัด : สตูล สงบ สะอาด ธรรมชาติบริสุทธิ์ คำขวัญประจำจังหวัด (เดิม) : ตะรุเตา ไก่ดำ จำปาดะ คนใจพระ งามเลิศ เชิดสตูล ตราประจำจังหวัด : รูปพระสมุทรเทวาประทับนั่งบนแท่นหิน เบื้องหลังเป็นพระอาทิตย์อัสดง ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นหมากพลูตั๊กแตน (Dalbergia bariensis) ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกกาหลง (Bauhinia acuminata) สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลาการ์ตูนส้มขาว (Amphiprion ocellaris) == ประวัติ == ในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น สตูลเป็นเพียงตำบลหนึ่งในเขตเมืองไทรบุรี เรียกว่า มูเก็มสะตุล (مقيم ستول) ประวัติความเป็นมาของเมืองสตูลจึงเกี่ยวข้องกับไทรบุรี ดังปรากฏในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยว่า "ตามเนื้อความที่ปรากฏดังกล่าวมาแล้ว ทำให้เห็นว่าในเวลานั้น พวกเมืองไทรเห็นจะแยกกันเป็นสองพวกคือ พวกเจ้าพระยาไทรปะแงรันพวกหนึ่ง และพระยาอภัยนุราชคงจะนบน้อมฝากตัวกับเมืองนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะเมื่อพระยาอภัยนุราชได้มาเป็นผู้ว่าราชการเมืองสตูล ซึ่งเขตแดนติดต่อกับนครศรีธรรมราชมากกว่าเมืองไทร แต่พระยาอภัยนุราชว่าราชการเมืองสตูลได้สองปีก็ถึงแก่อนิจกรรม ผู้ใดจะได้ว่าราชการเมืองสตูลต่อมาในชั้นนั้นหาพบจดหมายเหตุไม่ แต่พิเคราะห์ความตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง เข้าใจว่าเชื้อพระวงศ์ของพระอภัยนุราช (ปัศนู) คงจะได้ว่าราชการเมืองสตูล และฟังบังคับบัญชาสนิทสนมกับเมืองนครศรีธรรมราชอย่างครั้งพระยาอภัยนุราชหรือยิ่งกว่านั้น" เรื่องเกี่ยวกับเมืองสตูลนั้นยังปรากฏในหนังสือพงศาวดารเมืองสงขลา แต่ข้อความที่ปรากฏบางตอนเกี่ยวกับชื่อผู้ว่าราชการเมืองสตูล ไม่ตรงกับในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ประวัติเกี่ยวกับเมืองสตูลในการจัดรูปแบบการปกครองเมืองตามระบอบมณฑลเทศาภิบาลกล่าวไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2440 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาไทรบุรีรามภักดี เจ้าพระยาไทรบุรี (อับดุลฮามิต) เป็นข้าราชการเทศาภิบาลมณฑลไทรบุรี โดยเมืองสตูลได้แยกออกจากไทรบุรีอย่างเด็ดขาดตามหนังสือสัญญาไทยกับอังกฤษ เรื่องการปักปันดินแดนนะหว่างไทยกับสหพันธรัฐมลายู ซึ่งลงนามกันที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ร.ศ. 127 (พ.ศ. 2452) จากหนังสือสัญญานี้ยังส่งผลให้เมืองไทรบุรีและเมืองปะลิสตกเป็นของอังกฤษ ส่วนเมืองสตูลยังคงเป็นของไทยมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อปักปันดินแดนเสร็จแล้ว ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เมืองสตูลเป็นเมืองจัตวารวมอยู่ในมณฑลภูเก็ตเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ร.ศ. 128 (พ.ศ. 2453) ในปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตย เมืองสตูลก็มีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่งในราชอาณาจักรไทยสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้ == สภาพทางภูมิศาสตร์ == === ขนาดและที่ตั้ง === จังหวัดสตูลเป็นจังหวัดที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทยทางชายฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นชายฝั่งทะเลทางด้านตะวันตกของประเทศไทย อยู่ระหว่างเส้นรุ้งที่ 6 องศา 4 ลิปดา ถึง 7 องศา 2 ลิปดาเหนือ กับเส้นแวงที่ 99 องศา 5 ลิปดา ถึง 100 องศา 3 ลิปดาตะวันออก อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 973 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 2,478.997 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,549,361 ไร่ เป็นลำดับที่ 63 ของประเทศ และลำดับที่ 12 ของภาคใต้ รองลงมาคือ จังหวัดปัตตานีและจังหวัดภูเก็ต มีพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดตรังทางทิศเหนือ จังหวัดสงขลาทางทิศตะวันออก และรัฐปะลิส ประเทศมาเลเซียตลอดแนวชายแดน (ทางทิศใต้) ยาวประมาณ 56 กิโลเมตร ติดต่อฝั่งอันดามันยาวประมาณ 144.8 กิโลเมตร เป็นพื้นที่เกาะประมาณ 88 เกาะ === ภูมิประเทศ === พื้นที่จังหวัดสตูลทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกเป็นเนินเขาและภูเขาสลับซับซ้อน โดยมีทิวเขาที่สำคัญแบ่งเขตประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย คือ ทิวเขาบรรทัดและทิวเขาสันกาลาคีรี พื้นที่ของจังหวัดค่อย ๆ ลาดเอียงลงสู่ทะเลด้านทิศตะวันตกและทิศใต้ โดยยังมีภูเขาน้อยใหญ่อยู่กระจัดกระจายในตอนล่าง ภูเขาที่สำคัญ ได้แก่ เขาจีน เขาบารัง เขาใหญ่ เขาทะนาน และเขาพญาวัง และมีที่ราบแคบ ๆ ขนานไปกับชายฝั่งทะเล ถัดจากที่ราบลงไปเป็นพื้นที่ป่าชายเลนน้ำเค็มขึ้นถึง อุดมไปด้วยป่าแสมและป่าโกงกาง สตูลเป็นจังหวัดที่ไม่มีแม่น้ำไหลผ่าน คงมีเพียงลำน้ำสั้น ๆ ต้นน้ำเกิดจากภูเขาทางทิศเหนือและทิศตะวันออกของจังหวัด === ภูมิอากาศ === พื้นที่จังหวัดสตูลได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านอ่าวไทย และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากมหาสมุทรอินเดีย ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบร้อนชื้น มี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 21.6-39.5 องศาเซลเซียส ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 21.9-38.8 องศาเซลเซียส ระหว่างปี พ.ศ. 2543-2547 ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยประมาณ 2,318 มิลลิเมตร ตกชุกที่สุดในช่วงเดือนมิถุนายน-ตุลาคม อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 32.72 องศาเซลเซียส ต่ำสุดเฉลี่ย 23.51 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดวัดได้ 38.4 องศาเซลเซียส เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2545 และอุณหภูมิต่ำสุดวัดได้ 19.2 องศาเซลเซียส เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2543 และเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 == เศรษฐกิจ == === รายได้ประชากรและผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด === รายได้ประชากรโดยทั่วไปของจังหวัดสตูลขึ้นอยู่กับผลผลิตทางการเกษตรและการค้า อาชีพหลัก คือ การทำสวนยางพารา ปาล์มน้ำมัน การทำนา และการทำสวนไม้ผล ฯลฯ จากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในปี 2558 ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อคน/ปี เท่ากับ 112,051 บาท โดยมีมูลค่าสูงกว่าปีที่ผ่านมา 693 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดในภาคใต้ จังหวัดสตูลมีรายได้เฉลี่ยต่อคน/ปี เป็นลำดับที่ 7 ของภาคใต้ และลำดับที่ 28 ของประเทศ === โครงสร้างเศรษฐกิจหลัก === โครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัดสตูล ขึ้นอยู่กับสาขาเกษตรกรรม การล่าสัตว์ และการป่าไม้เป็นหลัก โดยมีสัดส่วนร้อยละ 26.5 สาขาการผลิตที่มีความสำคัญรองลงมาได้แก่ สาขาประมงมีสัดส่วนร้อยละ 16.0 สาขาการขายส่ง ขายปลีกมีสัดส่วน ร้อยละ 11.5 สาขาขนส่งมีสัดส่วน ร้อยละ 12.5 และสาขาอื่น ๆ ร้อยละ 33.5 ตามลำดับ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดสตูล (GPP AT CURRENT MARGET PRICES)ปี 2558 มีมูลค่าเท่ากับ 31,335 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมทั้งประเทศ(GDP) คิดเป็นร้อยละ 2.6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคใต้ (GRP) เป็นลำดับที่ 12 ของภาคใต้ และมีขนาดเศรษฐกิจเล็กที่สุดในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน สำหรับอัตราขยายตัวของเศรษฐกิจจังหวัดสตูล ขยายตัวร้อยละ 1.7 จากที่ขยายตัวร้อยละ 0.9 ในปีที่ผ่านมา จังหวัดสตูลยังมีศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากจังหวัดสตูลมีธรรมชาติแวดล้อมด้วยภูเขาและทะเล อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้ทั้งป่าธรรมชาติและป่าชายเลน รายล้อมด้วยหมู่เกาะที่สวยงามและเป็นจังหวัดที่สงบ ปลอดภัย ไม่มีเหตุการณ์ความไม่สงบ จึงทำให้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ สามารถสร้างรายได้ให้แก่จังหวัดสตูลเพิ่มมากขึ้น จังหวัดสตูลยังมีชายแดนติดต่อกับประเทศมาเลเซีย มีด่านศุลกากรสตูลและด่านศุลกากรวังประจันเป็นช่องทางในการขนส่งสินค้าไปจำหน่าย ซึ่งสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ อิฐก่อสร้าง กระเบื้องซีเมนต์ ฯลฯ นอกจากนี้จังหวัดสตูลได้กำหนดแผนการพัฒนาเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ ของจังหวัดเพิ่มมากขึ้น เช่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทางทะเล ส่งเสริมการตลาดและพัฒนากิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว พัฒนาร้านอาหาร ร้านค้าและผลิตภัณฑ์ OTOP สู่มาตรฐานสากล ฯลฯ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และจากศักยภาพในด้านต่าง ๆ ที่มีอยู่ในจังหวัด จังหวัดสตูลจึงเป็นจังหวัดหนึ่งที่น่าสนใจในการเข้ามาลงทุนของผู้ประกอบการที่ต้องการแหล่งลงทุนใหม่ ๆ == ทำเนียบเจ้าเมือง ข้าหลวง และผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล == == หน่วยการปกครอง == การปกครองแบ่งออกเป็น 7 อำเภอ 36 ตำบล 257 หมู่บ้าน {| |--- valign=top || อำเภอเมืองสตูล อำเภอควนโดน อำเภอควนกาหลง อำเภอท่าแพ อำเภอละงู อำเภอทุ่งหว้า อำเภอมะนัง ||  |} ==การปกครองส่วนท้องถิ่น== มีการแบ่งการปกครองส่วนท้องถิ่น ดังนี้ ===เทศบาลเมือง=== เทศบาลเมืองสตูล == ประชากร == === ชาติพันธุ์ === ประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดสตูลสืบเชื้อสายมลายูและนับถือศาสนาอิสลาม โดยชาวไทยเชื้อสายมลายูในสตูลมีความแตกต่างจากชาวไทยเชื้อสายมลายูในแถบปัตตานี แต่จะมีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกับชาวมลายูในรัฐเกอดะฮ์ ชาวสตูลที่มีเชื้อสายมลายูแต่เดิมใช้ภาษามลายูเกอดะฮ์ ในการสื่อสาร แต่ในช่วงระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งร้อยปีชาวสตูลก็ลืมภาษามลายูถิ่นของตนเพราะอิทธิพลของไทย กว่า 40% ยังคงใช้ภาษาและวัฒนธรรมมลายู เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีไม่มีใครพูดภาษามลายูถิ่นได้เช่นเดียวกับเยาวชนในตัวเมืองปัตตานีและยะลา แต่ยังเหลือประชาชนที่ยังใช้ภาษามลายูถิ่นได้หลายหมู่บ้านและหลายตำบล แต่ยังคงมีประชากรผู้ใช้ภาษามลายูในบางท้องที่ เช่น ตำบลเจ๊ะบิลัง ตำบลตำมะลัง ตำบลตันหยงโป และตำบลบ้านควน นอกนั้นในชีวิตประจำวันชาวสตูลนิยมพูดภาษาไทยมากกว่าและส่วนน้อยที่ยังคงใช้ภาษามลายูในการสื่อสาร ซึ่งแตกต่างจากชาวไทยเชื้อสายมลายูในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาสที่ร้อยละ 80 ยังใช้ภาษามลายูได้ มีเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่เป็นกลุ่มสังคมเมืองซึ่งพูดมลายูได้เล็กน้อยหรือพูดปนภาษาไทย อาจเป็นเพราะสตูลได้รับอิทธิพลของสยามมากกว่าจังหวัดชายแดนใต้อื่น ๆ อย่างไรก็ตามอิทธิพลทางด้านภาษามลายูถิ่นในจังหวัดสตูลนั้นยังมีให้เห็นทั่วไป เช่น เกาะตะรุเตา (มาจากคำว่า ตะโละเตา แปลว่า อ่าวเก่าแก่), อ่าวพันเตมะละกา (แปลว่า ชายหาดที่มีชาวมะละกา), อุทยานแห่งชาติทะเลบัน (มาจากคำว่า ลาอุตเรอบัน แปลว่า ทะเลยุบ) เป็นต้น แต่หลายพื้นที่ได้เปลี่ยนแปลงชื่อให้เป็นภาษาไทยไป เช่น อำเภอสุไหงอุเป (มีความหมายว่า คลองกาบหมาก) ได้เปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอทุ่งหว้า, บ้านปาดังกะจิ เปลี่ยนเป็น บ้านทุ่งนุ้ย, บ้านสุไหงกอแระ เปลี่ยนเป็น บ้านคลองขุด เป็นอาทิ ในปี พ.ศ. 2554 จังหวัดสตูลได้มีการนำหลักสูตรสอนภาษามลายูกลางใน 7 โรงเรียนคือ โรงเรียนบ้านควน โรงเรียนบ้านเจ๊ะบิลัง โรงเรียนบ้านทุ่งมะปรัง โรงเรียนบ้านแป-ระเหนือ โรงเรียนบ้านสนกลาง โรงเรียนบ้านปากบารา และโรงเรียนบ้านปากละงู ซึ่งในโรงเรียนบ้านควนมีผลการจัดการสอนที่น่าพึงใจ นักเรียนสามารถใช้ภาษามลายูกลางกับนักเรียนแลกเปลี่ยนชาวมาเลเซียได้ และนำไปสู่การประเมินผล และขยายไปยังโรงเรียนอื่น ๆ === ศาสนา === จังหวัดสตูลเป็นหนึ่งในสี่จังหวัดของประเทศไทยที่มีประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามส่วนใหญ่มีเชื้อสายมลายู มีมัสยิดกลางประจำจังหวัดคือ มัสยิดมำบัง รองลงมาคือชาวพุทธ มีวัดทั้งหมด 30 แห่ง และที่เหลือคือศาสนาคริสต์ ซึ่งศาสนสถานอยู่ 3 แห่งในเขตอำเภอเมืองสตูล ทุ่งหว้า และละงู จากการสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2553 พบว่า ประชากรในสตูลนับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 74.10 ศาสนาพุทธร้อยละ 25.81 และศาสนาอื่น ๆ ร้อยละ 0.09 ขณะที่การสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2560 พบว่า ประชากรนับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 76.77 ศาสนาพุทธร้อยละ 23.02 และศาสนาอื่น ๆ ร้อยละ 0.21 แม้ว่าในอดีตสตูลจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของสุลต่านแห่งไทรบุรี แต่ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับกรุงศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์ รวมไปถึงเหตุผลด้านภูมิศาสตร์สตูลจึงนิยมติดต่อกับสงขลามากกว่าไทรบุรี ทำให้ได้รับอิทธิพลทางประเพณีและวิถีชีวิตอย่างสูงจากสงขลา ชาวไทยเชื้อสายมลายูมุสลิมได้แต่งงานข้ามกันกับชาวไทยพุทธโดยไม่มีความตึงเครียดทางศาสนา ทำให้เกิดกลุ่มสังคมที่เรียกว่า ซัมซัม (Samsam) ซึ่งในภาษามลายูแปลว่า ลูกครึ่ง ซัมซัมส่วนใหญ่ก็มิได้นับถือศาสนาอิสลามเสมอไป จังหวัดสตูลไม่เหมือนจังหวัดมุสลิมอื่นในไทย เนื่องจากไม่มีประวัติศาสตร์การเผชิญหน้ากับศูนย์กลางการปกครองในกรุงเทพมหานครหรือความตึงเครียดระหว่างชาวไทยพุทธ ซึ่งเป็นชนกลุ่มใหญ่ในประเทศไทย == ชาวสตูลที่มีชื่อเสียง == เด่น ดอกประดู่ นักแสดง แก่นใจ มีนะกนิษฐ์ อดีตนักแสดง - นางแบบ == อ้างอิง == == ดูเพิ่ม == น้ำตกโตนงาช้าง สโมสรฟุตบอลสตูล รายชื่อวัดในจังหวัดสตูล รายชื่อมัสยิดในจังหวัดสตูล รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดสตูล รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดสตูล == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด ทะเลอันดามัน ช่องแคบมะละกา
thaiwikipedia
1,907
รายชื่อเกมคอมพิวเตอร์และวิดีโอเกมเรียงตามลำดับอักษร
นี่คือรายชื่อของเกมคอมพิวเตอร์และวิดีโอเกมเรียงตามลำดับอักษร โปรดดูรายชื่อเกมคอมพิวเตอร์และวิดีโอเกมเรียงตามประเภท สำหรับการเรียงลำดับของเกมตามประเภท อาทิเช่น แอ็คชั่น-ผจญภัย, เกมออนไลน์, เกมประเภทการยิง, จำลองสถานการณ์, กีฬา ฯลฯ __NOTOC__ {| |width="20%" valign="top"| == 0-9 == Agent Under Fire Everything Or Nothing NightFire Puppies to the Rescue 1080° Snowboarding * 1080° Avalanche 18 Wheeler American Pro Trucker เกมชุด 18 Wheels of Steel (Valusoft และ SCS Software,พ.ศ. 2543) 187 Ride Or Die เกมชุด 1942 (Capcom) * Counter Attack * 1942 (พ.ศ. 2529) * The Battle of Midway (พ.ศ. 2530) * The Loop Master (พ.ศ. 2532) * The War Against Destiny 2002 FIFA World Cup The Game 25 To Life 3D Monster Maze (J.K. Greye, พ.ศ. 2524) 4 D Sports Driving (Mindscape, พ.ศ. 2533) 4 x 4 EVO * 4 x 4 EVO 2 Bulletproof 688 Attack Sub (อิเล็คทรอนิคส์ อาร์ท, พ.ศ. 2532) The 7th Guest series (Virgin Interactive) * The 7th Guest (พ.ศ. 2536) * The 11th Hour * Uncle Henry's Funhouse |width="20%" valign="top"| == A == A-10 Cuba! A3 Online === Ab-Ae === Abashera Abrams Battle Tank (อิเล็คทรอนิคส์ อาร์ท, พ.ศ. 2531) Abuse 'Ace of Aces (Accolade, พ.ศ. 2529) เกมชุด Ace Attorney (Capcom) * Ace Attorney * Ace Attorney - Justice for All * Gyakuten Saiban 3 * Gyakuten Saiban 4 Ace combat Aces High Aces of the Pacific Action Man Activision Boxing (Activision, พ.ศ. 2525) Activision Tennis (Activision, พ.ศ. 2524) ADOM (พ.ศ. 2544) (ฟรีแวร์) เกมชุด Advance Wars * Advance Wars * Black Hole Rising Advanced Xoru (Brian Sanders, พ.ศ. 2532) Adventure (อะตาริ 2600) (พ.ศ. 2522) Adventure Construction Set (Electronic Arts, พ.ศ. 2527) Air Warrior The Adventures of Jimmy Neutron Boy Genius Attack of the Twonkies Jet Fusion Alien Syndrome (Sega, พ.ศ. 2530) Alley Cat (IBM, พ.ศ. 2527) Altered Beast (Sega, พ.ศ. 2531) Adventure (Colossal Cave) Adventure Construction Set Adventure Island 2 The Adventures of Willy Beamish Aerobiz === Af-Ai === Afterburner Age of Empires series (Ensemble Studios) * Age of Empires (พ.ศ. 2540) ** The Rise of Rome Expansion (พ.ศ. 2541) * The Age of Kings (พ.ศ. 2542) ** The Conquerors Expansion (พ.ศ. 2543) * Age of Empires III (พ.ศ. 2550) ** The Warchiefs ** The Asian Dynasties * Age of Mythology (พ.ศ. 2545) ** The Titans (พ.ศ. 2546) เกมชุด Age of Wonders * Age of Wonders (Triumph) * The Wizard's Throne * Shadow Magic Aggressive Inline Agony Airborne Ranger Air Bucks Air Warrior AisleRiot === Al-Am === Alien 8 Alien vs. Predator Alien vs. Predator 2 Alien Hominid Alien Legacy (Sierra, พ.ศ. 2538) Thanatos Encounter Evolution Continues All Star Baseball 2002 All Star Baseball 2003 All Star Baseball 2004 All Star Baseball 2005 Allegiance เกมชุด Alone in the Dark * Alone in the Dark (Interplay, พ.ศ. 2535) * Alone in the Dark 2 (Interplay, พ.ศ. 2537) * Jack in the Dark (Interplay, พ.ศ. 2537) * Alone in the Dark 3 (Interplay, พ.ศ. 2538) * Alone in the Dark: One-Eyed Jack's Revenge (อิเล็คทรอนิคส์ อาร์ท and Infogrames, พ.ศ. 2539) * The New Nightmare (Infogrames, พ.ศ. 2544) เกมชุด Alpha Centauri * Alpha Centauri ** Alien Crossfire Alpha Mission Altered Beast (Sega, พ.ศ. 2531) เกมชุด Alternate Reality Amazing Island American McGee's Alice (อิเล็คทรอนิคส์ อาร์ท, พ.ศ. 2543) America's Army Amped Freestyle Snowboarding Amped 2 === An-Ar === Anachronox เกมชุด Anarchy Online (Funcom) * Anarchy Online (พ.ศ. 2544) * The Notum Wars (พ.ศ. 2544) * Shadowlands (พ.ศ. 2546) เกมชุดAngry Birds * Angry Birds Seasons ** Angry Birds The Golden Moon cake ** Angry Birds The Year of Dragon * Angry Birds Rio * Angry Birds Space Animal Crossing Ancient Art of War Ancient Art of War at Sea Andromeda Conquest (Avalon Hill, พ.ศ. 2525) Angband เกมชุด อนาเธอเซ็นจูรีเอพิโซด‎ * Another Century's Episode * Another Century's Episode 2 * Another Century's Episode 3 THE FINAL Another World Aooni Apidya เกมชุด Arc the Lad of Steamworks and Magick Obscura (Sierra, พ.ศ. 2544) เกมชุด Archon * Archon2: Adept * Archon: Ultra Arch Rivals Area 51 Arkanoid Armagetron เกมชุด Armored Core เกมชุด Army Men * Army Men 2 * Army Men Advance * Air Combat * Sarge's Heroes * Sarge's Heroes 2 Arctic Asia === As-Av === ASDA Asheron's Call Assault Rigs Asteroids Astonia game online Athena (พ.ศ. 2530) The Lost Empire A-Train เกมชุด Avernum (Spiderweb) |width="20%" valign="top"| == B == B-1 Nuclear Bomber (Avalon Hill, พ.ศ. 2534) === Ba === Basara 2 heroes ==== Bac-Bas ==== Backgammon Backtrack เกมชุด Backyard Sports * Backyard Baseball * Backyard Basketball * Backyard Football * Backyard Wrestling * There Goes The Neighborhood Miami Takedown Bad Dudes Bahamut Lagoon Balance of the Planet (พ.ศ. 2533) Balance of Power (Mindscape, พ.ศ. 2528) Ballance Baldur's Gate series Balloon Fight (NES) Balloon Fight-e (e-Reader) Bane of the Cosmic Forge Bangai-O Banjo-Kazooie Grunty's Revenge Banjo-Pilot Banjo-Tooie Barbarian (เกมคอมพิวเตอร์) เกมชุด Bard's Tale Baseball Baseball-e ==== Bat ==== เกมชุด Batman * Batman Begins * Rise Of Sin Tzu * Vengeance Battle of Antietam เกมชุด Battle Chess Battle for Midway (Avalon Hill, พ.ศ. 25231980) Battle for Wesnoth Battlefield Series * Battlefield 1942 (พ.ศ. 2545) ** Road to Rome (พ.ศ. 2546) ** Secret Weapons (พ.ศ. 2546) * Bad Company * Battlefield 2 * Battlefield Vietnam (พ.ศ. 2547) * Battlefield 2142 * Bad Company 2 * Battlefield 3 * Battlefield 4 * Hardline Battlefront Battlegroup Battlehawks 1942 Battle Isle series Battles of Destiny Battles of Napoleon Battletech Battletoads (พ.ศ. 2534) BattleZone Battle Realms === Be-Bz === Beatmania Beavis and Butthead Benefactor Black & White Blade Blazing Star Blitzkrieg Blood series BloodRayne BMX XXX Bolo Bomberman Boulder Dash Bounty Bob Boxing Fever Breakout (Atari, 1978) Breath of Fire series Brg StaySafe BrickShooter Road to Hill 30 Bubble Bobble Buffy the Vampire Slayer Bugdom Bureaucracy (1987) Burnout Point Of Impact Takedown Burnout Revenge Bushbuck Charms, Viking Ships, and Dodo Eggs (PC Globe) Bust a Groove Bust a Move Buzz Aldrin's Race into Space BZFlag |- | width="20%" valign="top"| == C == === Ca-Ce === Cabela's Big Game Hunter series Cabal Online Cabal 2 Online Caesar series Call of Duty * United Offensive * Finest Hour Call of Duty 2 Call of Duty 3 Call of Duty 4 World at War Captain Claw Carmageddon series Carmen Sandiego series Carnage Heart series Carrier Command Carriers at War The Castle of Dr. Brain The Castles of Dr. Creep Castles series Castlevania series * Circle of the Moon Castle Wolfenstein (Muse, 1981) Catacomb series (id, 1989) * Catacomb 3D (id, 1991) Cel Damage Centipede === Ch-Cl === Championship Manager series (1992-2003) Chaos,Lords Of Chaos,Rebelstar series Chaos Engine series (Renegade, 1993) Chaos Strikes Back (FTL) Checkers Chessmaster series Chicken Run Chip's Challenge Chocobo's Mysterious Dungeon Chocobo Racing (Squaresoft, 1999) Choplifter Chrono Trigger series (1995) ChuChu Rocket! Chuck Yeager's Air Combat Chuckie Egg Civilization series (Microprose, 1991) * Civilization II (1996) * Civilization III (2001) Call To Power (Activision, 1999) Clock Tower Close Combat series Clu Clu Land Clu Clu Land-e Clue (1998) === Co === เกมชุด Colin McRae Rally Colonel's Bequest Colonization Colossal Cave Adventure Colossus Bridge Colossus Chess 2.0 and 4.0 Colossus Mah Jong Columns Combat (อะตาริ, 1977) Combat Leader Combat Mission series * Combat Mission: Beyond Overlord (CMBO) * Combat Mission: Barbarossa to Berlin (CMBB) * Combat Mission: Afrika Korps (CMAK) Comix Zone เกมชุด คอมมานด์ แอนด์ คองเคอร์ * ไทบีเรี่ยน * เร้ด อเลิร์ท * เจเนรัลส์ เกมชุด Commander Keen (พ.ศ. 2533) Comanche Series Commandos series Computer Quarterback (SSI, พ.ศ. 2522) Korea Conquests of the Longbow Contra/เกมชุด Probotector Cookie Monster Munch (1983) Cool Spot Corporate Machine, The Corridor 7 (Apogee, 1995) Cosmic Race Cosmology of Kyoto (Softedge 1995) === Cr-Cy === Crash Bandicoot series Crazy Taxi series Crimson Skies series * High Road to Revenge Crisis Zone Crossfire Crusade in Europe Curse of the Azure Bonds Custer's Revenge Cuyo Crysis Cytron (Psygnosis) Cytron Masters (SSI, 1980) Cyvern |width="20%" valign="top"| == D == === Da === The Dagger of Amon Ra Daikatana Dance Aerobics Dance Dance Revolution series (Konami, 1998) Dance With Intensity (2001) Dancing Stage series Darius Dark Age of Camelot Dark Forces Darklands Dark Reign Darkstalkers series Darkstone Darwinia Dave Mirra Freestyle BMX Dawn of Magic Day of Defeat Day of the Tentacle === De-Di === Deadly Rooms Of Death Deathkarz Decision in the Desert Deer Avenger series Deer Hunter series Defender (1982) Defender of the Crown Descent (1995) Deus Ex (Ion, 2000) * Invisible War (2003) Devet Devil May Cry Devil May Cry 2 Dante's Awakening Devil May Cry 4 Robot Rampage Diablo series * Diablo ** Diablo: Hellfire * Diablo II ** Diablo II: Lord of Destruction The Dig (1995) Digger Dig Dug * Dig Dug 2 Disaster Report Disposable Hero Dizzy series === Do-Dy === Defense of the Ancients Donald Duck Goin' Quackers Donkey Kong series * Diddy Kong Racing (N64) * Donkey Kong (Arcade/NES/Classic NES Series GBA) * Donkey Kong (GB) * Donkey Kong-e * Donkey Kong 3 * Donkey Kong 3-e * Donkey Kong 64 (N64) * Donkey Kong Classics (NES) * Donkey Kong Country (SNES/GBC) * Diddy Kong's Quest (SNES/GBA) * Dixie Kong's Double Trouble (SNES) * Donkey Kong Jr. (Arcade, NES) * Donkey Kong Jr.-e * Donkey Kong Jr. Math (NES) * Donkey Kong Jungle Beat * Donkey Kong Land (GB) * Donkey Kong Land 2 * Donkey Kong Land 3 * Donkey Konga (GCN) * Donkey Konga 2 Dokapon Doki Doki Mojo Saiban (NDS) Doki Doki Panic Dominions II: The Ascension Wars (Illwinter, 2003) DotA DotA 2 DotA 3 Doom series (1993) Double Dragon series Dr. Mario Dragon Breed Dragon's Dogma Online Dragon Quest series (AKA Dragon Warrior series) Dragon's Lair Drakan 1&2 Drakengard Driver series Duck Hunt Duke Nukem 3D series Dune series (1992, 1998, 2001) Dungeon Crawl (1997) Dungeon Keeper series Dungeon Master (FTL, 1987) Dungeon Master 2 (FTL) Dungeon Siege series Dynasty Warriors |width="20%" valign="top"| == E == EA Sports NHL series Earl Weaver Baseball (1986) Earth 2150 (late 1990s) EarthBound (aka Mother 2) Earth Defense Force Earthworm Jim series Eastern Front Ecks V Sever Ehrgeiz (1998) Einhänder The Elder Scrolls series Eleventh Hour Elite Elysaria E-Motion Empire series Energy Czar EOLA Online Escape Velocity series * Escape Velocity * EV Override * EV Nova ESPN series * ESPN Final Round Golf 2002 E.T. (1983) Eternal Champions (1993) Ethnic Cleansing Europa Universalis series Europe Ablaze Evernight EverQuest Excitebike (NES, GBA Classic NES series) Excitebike-e Exile (BBC computer game) Exile series (Spiderweb) * Escape from the Pit * Crystal Souls * Ruined World * Blades of Exile Eye of the Beholder series |- |width="20%" valign="top"| == F == F-14 Tomcat F-15 Strike Eagle series F-19 Stealth Fighter (1988) F/A-18 Hornet The Fairly OddParents Shadow Showdown Breakin' Da Rules Falcon Fallout Fallout 2 Fantasy General Fantasy Zone Fanta Tennis Far Cry Far Cry 2 FIFA series Fighter Ace Final Fantasy series * Final Fantasy I * Dawn of Souls * Final Fantasy II * Final Fantasy III * Final Fantasy IV * Final Fantasy V * Final Fantasy VI * Final Fantasy VII * Final Fantasy VIII * Final Fantasy IX * Final Fantasy X * Final Fantasy X-2 * Final Fantasy XI * Chains of Promathia * Rise of the Zilart * Final Fantasy XII * Final Fantasy Adventure * Final Fantasy Anthology * Final Fantasy Chronicles * Final Fantasy Crystal Chronicles * Final Fantasy Legend * Final Fantasy Legend II * Final Fantasy Legend III * Final Fantasy Mystic Quest * Final Fantasy Origins * Final Fantasy Tactics * Final Fantasy Tactics Advance Final Fight series * Final Fight * Final Fight One Final Lap Fire Brigade Fire Emblem series * Shadow Dragons and the Blade of Light (แฟมิคอม) * Fire Emblem Gaiden (แฟมิคอม) * Monshō no Nazo (ซูเปอร์แฟมิคอม) * Seisen no Keifu (แฟมิคอม) * Akaneia Senki (ซูเปอร์แฟมิคอม) * Thracia 776 (ซูเปอร์แฟมิคอม) * The Binding Blade (เกมบอยแอ็ดวานซ์) * Fire Emblem (เกมบอยแอ็ดวานซ์) * The Sacred Stones (เกมบอยแอ็ดวานซ์) * Path of Radiance (นินเทนโดเกมคิวบ์) * Radiant Dawn (นินเทนโดวี) * Shadow Dragon (นินเทนโดดีเอส) FireBlade Firepro Wrestling FlightGear Flight Unlimited Flimbo's Quest Flipper and Lopaka Flying Shark Flyff Online FooBillard Fountain of Dreams (EA, 1990) FreeCell Freeciv FreeCraft Freespace series (1998, 1999) Freelancer Frequency Frogger Front Mission Frontier FrontLine Full Throttle (1995) Futurama The Uprising Future Wars ชุด F-Zero * F-Zero GX * F-Zero X * Maximum Velocity Five Nights at Freddy's Five Nights at Freddy's 2 |width="20%" valign="top"| == G == Galactic Civilizations Galaga Galatea (2000) Galaxian Galaxy Trek Gary Grigsby's Pacific War Gauntlet series * Gauntlet (arcade game) (Atari, 1985) * Gauntlet II (1986) * Gauntlet Legends (1998) * Gauntlet Dark Legacy (2000) Geneforge (Spiderweb, 2002) Genghis Khan Genso Suikoden series Getaway, The Gettysburg Gex (video game series) Tom Clancy's Ghost Recon series Ghosts 'n Goblins Ghouls 'n Ghosts series Great Giana Sisters Giraffe Gladius glTron GNU Chess GNU Go Go! Go! Hypergrind Unleash The Horde Gobliiins series * Gobliiins * Gobliins 2 * Goblins 3 Destroy All Monsters Melee Golden Sun series * Golden Sun * Golden Sun The Lost Age GoldenEye 007 Golf (Atari, 1980) Golf (NES) Golf-e (e-Reader) Gotcha Force Gothic series (2001, 2002) Gradius series * Gradius Galaxies Gran Turismo series Granny's Garden Grand Prix 4 Grand Prix Legends Grand Slam Bridge เกมชุด แกรนด์ เธฟต์ ออโต * Grand Theft Auto * London, 1969 * Grand Theft Auto 2 * Grand Theft Auto 3 * Vice City * San Andreas The Great Wall Street Fortune Hunt (Magnavox, 1981) Grim Fandango Grooverider Slot Car Thunder Ground Control * Ground Control * Operation Exodus GT Advance Championship Racing กันบาวนด์ (เกมออนไลน์) Gunship (game) (1989) Gunstar Heroes The Guy Game Gyruss |width="20%" valign="top"| == H == .hack (Bandai, 2003) Hack Half-Life series * Counter-Strike Half-Life 2 * Episode One * Episode Two Halo series * Combat Evolved (2001) * Halo 2 (Nov. 2004) Hardball series Hardwar Harlequin Harpoon (1989) Harvest Moon series * Harvest Moon Heart of Africa Hearts of Iron Heavy Gear series Helbreath Heretic series * Heretic II H.E.R.O. Heroes of Might and Magic series Hidden and Dangerous series High Command (Three-Sixty Pacific, 1992) High Heat Baseball series * High Heat Major League Baseball 2002 High Octane Hired Guns Hitman series Homeworld (2000) * Cataclysm * Homeworld 2 Hostage Hostile Waters Hovertank 3D Hunt for Red October Hunt the Wumpus (before 1972) |- |width="20%" valign="top"| == I == Ice Climbers Ice Climbers-e Ice Nine Icewind Dale IGI series I-go Ikaruga iM1A2 Independence War (a.k.a. I-War) Edge of Chaos Indiana Jones and the Fate of Atlantis Indiana Jones and the Last Crusade (1989) Indy 500 (Atari, 1977) IndyCar Iridion 3D Iron Seed (Channel 7, 1994) I-Ninja Inspector Gadget Advance Mission Inspirit Online Intellivision Lives! |width="20%" valign="top"| == J == Jack Nicklaus's Golf Jade Empire Jak and Daxter Dark Forces II (1997) Jedi Academy Jedi Outcast (2002) Jeremy McGrath Supercross 2000 Jetpac Jetset (1980) Jet Set Willy JezzBall Jinxter John Madden Football Joust Jumpman Jurassic Park series * DNA Factor * Island Attack * Park Builder |width="20%" valign="top"| == K == K240 Kampfgruppe (1985) Katamari Damacy (2004) Kerbal Space Program KGB Killer Instinct Killzone Kick Off King of Fighters series (1994) King's Quest series King of Fighters Kingdom Hearts series * Kingdom Hearts * Chain of Memories * Kingdom Hearts II Kingdom Under Fire series * The Crusaders Kirby series * Kirby 64 The Crystal Shards (N64, 2002) * Kirby Air Ride (GCN, 2003) * Kirby and the Amazing Mirror (GBA, 2004) * Kirby Nightmare in Dreamland (GBA, 2002) * Kirby Super Star (SNES, 1996) * Kirby Tilt 'n' Tumble (GBC, 2001) * Kirby's Adventure (NES, 1993) * Kirby's Avalanche (SNES, 1995) * Kirby's Blockball (GB, 1996) * Kirby's Dreamcourse (SNES, 1995) * Kirby's Dream Land (GB, 1992) * Kirby's Dream Land 2 (GB, 1993) * Kirby's Dream Land 3 (SNES, 1997) * Kirby's Pinball Land (GB, 1993) * Kirby's Star Stacker (GB, 1997) Klondike solitaire Knight of Diamonds ชุด Knockout Kings Krakout Kuru Kuru Kururin |- |width="20%" valign="top"| == L == Ladder Lady Sia Lakers versus Celtics LBreakout Leather Goddesses of Phobos Legacy of the Ancients Legacy of Kain series Legend of Zelda series * Legend of Zelda (NES/GBA, 1987/2004) * A Link to the Past (SNES, 1992) * A Link to the Past/Four Swords (GBA, 2002) * Collecter's Edition (GCN, 2003) * The Faces of Evil (Phillips CDi) * Four Swords Adventures (GCN, 2004) * Link's Awakening (GB, 1993) * Link's Awakening DX (GBC, 1998) * Majora's Mask (N64, 2000) * Ocarina of Time (N64, 1998) * Ocarina of Time/Master Quest (GCN, 2003) * Oracle of Ages (GBC, 2001) * Oracle of Seasons (GBC, 2001) * The Minish Cap (GBA, 2005) * The Wind Waker (GCN, 2003) * Wand of Gamelon (Phillips CDi) * Zelda's Adventure (Phillips CDi) * The Adventure of Link (NES/GBA, 1988/2004) Legionnaire (game) Lego Bionicle Lego Island Lego Star Wars Leisure Suit Larry series Lemmings series * Lemmings * Oh No! More Lemmings * The Tribes Lethal Xcess Liero Life Force Lineage A Line in the Sand Links Lines (Color Lines) Lionheart Liquid War Little Big Adventure Little Computer People Llamatron Lode Runner LOOM Lords of Conquest The Lost Admiral Lost Kingdoms Lost Kingdoms II The Lost Vikings (1993) Lost Saga Lunar Jetman Lux |width="20%" valign="top"| == M == M & M's Minis Madness M-1 Tank Platoon (1989) Medal of Honor: Allied Assault === Ma === Madagascar Maelstrom Mafia The Gathering The Magic Candle Magic Carpet Manhunter (game) Maniac Mansion (1987) Manic Miner (1983) Marathon series (1994) Marble Madness Superstar Saga Mario Bros. Mario Bros.-e Mario Is Missing! Mario Kart series * Mario Kart Super Circuit Mario Party series * Mario Party * Mario Party 2 * Mario Party 3 * Mario Party 4 * Mario Party 5 * Mario Party 6 * Mario Party-e * Mario Party Advance Mario's Time Machine Master of Magic (simtex / Microprose 1993) Master of Orion series Mat Hoffman's Pro BMX Max Payne * The Fall of Max Payne === Me === MechAssault (2002) Lone Wolf (2004) Mech Brigade (1985) MechWarrior series * MechWarrior 2 * Mercenaries * MechWarrior 3 * MechWarrior 4 Allied Assault Total War เกมชุดเมกาแมน (Mega Man, Rockman) * เมกาแมน * เมกาแมน 2 * เมกาแมน 3 * เมกาแมน 4 * เมกาแมน 5 * เมกาแมน 6 * เมกาแมน 7 * เมกาแมน 8 * Dr. Wily's Revenge (GB) * Mega Man II (GB) * Mega Man III (GB) * Mega Man IV (GB) * Mega Man V (GB) * Mega Man & Bass * Mega Man Anniversary Collection (GCN, PS2) * Mega Man Battle & Chase * Mega Man's Soccer Mega Man Battle Network series * Mega Man Battle Chip Challenge * Mega Man Battle Network * Mega Man Battle Network 2 * Mega Man Battle Network 3 Blue * Mega Man Battle Network 3 White * Mega Man Battle Network 4 Blue Moon * Mega Man Battle Network 4 Red Sun * Mega Man Network Transmission Mega Man Legends series * Mega Man Legends * Mega Man 64 * Mega Man Legends 2 * The Misadventures of Tron Bonne Mega Man X series * Mega Man X * Mega Man X2 * Mega Man X3 * Mega Man X4 * Mega Man X5 * Mega Man X6 * Mega Man X7 * Mega Man X8 * Mega Man Xtreme * Mega Man Xtreme 2 * Mega Man X Command Mission Mega Man Zero series * Mega Man Zero * Mega Man Zero 2 * Mega Man Zero 3 เกมชุดเมกามิเทนเซย์ Men In Black series * The Series * The series 2 * Alien Escape Metal Gear (1987) * Metal Gear Solid (1998) * Sons of Liberty (2001) * Snake Eater (2004) * Subsistance (2005) * Gun of Patriot (2007) Metal Slug series Metroid series * Metroid (NES/GBA, 1986/2004) * Return of Samus (GB, 1991) * Metroid Fusion (GBA, 2002) * Metroid Prime (GCN, 2002) * Echoes (GCN, 2004) * First Hunt (DS, 2004) * Metroid Zero Mission (GBA, 2004) * Super Metroid (SNES, 1994) === Mi-Mo === MicroLeague Baseball MicroLeague Football Microsoft Flight Simulator series Microsoft Golf Midnight Club (Rockstar, 2000) Midtown Madness Midtown Madness 2 Midtown Madness 3 MiG Alley Might and Magic series (1986) Millipede Minecraft Minesweeper Missile Command Mitsumete Knight Modem Wars MoleZ Monaco Grand Prix Monopoly Tycoon Monkey Island series * The Secret of Monkey Island * LeChuck's Revenge * The Curse of Monkey Island * Escape from Monkey Island Monsters, Inc. Moria Mortal Kombat series * Mortal Kombat Advance Mount & Blade === Mr-My === Mr Driller series * Drill Spirits (DS, 2004) Mr Heli T.J. Lavin's Ultimate BMX M.U.L.E. (1983) The Mummy Returns Myst series * Ages of Myst Myth series |width="20%" valign="top"| == N == Nahlahk Natuk NBA Jam series Need for Speed series NetHack Netrek Neuromancer Neverwinter Nights series New Adventures of Mary Kate and Ashley New Zealand Story NFL Blitz series * NFL Blitz 20-02 NFL Challenge NHL series * NHL 92 * NHL 93 * NHL 94 * NHL 95 * NHL 96 * NHL 97 * NHL 98 * NHL 99 * NHL 2000 * NHL 2001 * NHL 2002 * NHL 2003 * NHL 2004 * NHL 2005 Nightfire F-117A Stealth Fighter 2.0 NiL Nobunaga's Ambition NoOne Lives Forever series Number Munchers |- |width="20%" valign="top"| == O == Obliterator Oddworld series OMEGA Omega Boost The Operational Art of War Orbiter The Oregon Trail series Ork Othello Outpost Out Run |width="20%" valign="top"| == P == Pac-Man series * Pac-Man * Pac-Man Collection Pac-Pix Pangya Panzer General Panzer Strike Paperboy (1984) Paper Mario The Thousand-Year Door PaRappa the Rapper Paradroid Parasol Stars Path of Exile Patton Strikes Back (Brøderbund, 1991) The Perfect General Phantasie series Phantasy Star series * Phantasy Star Online * Phantasy Star Online 2 * Phantasy Star Universe Pharaoh Pikmin * Pikmin 2 PilotWings 64 (1996) Pinball Pinball-e Pinball Construction Set Pingus Pirates (1987) Pitfall series * Pitfall The Lost Expedition * The Mayan Adventure Torment Planeshift Planet of the Apes Planetfall Plant vs Zombies Pocket Tanks series * Pocket Tanks Deluxe Pocky and Rocky Pogo Joe Pokémon series * Pokémon Blue Version * Pokémon Red Version * Pokémon Pikachu * Pokémon Pinball * Pokémon Snap * Pokémon Yellow Version: Special Pikachu Edition * Pokémon Stadium * Pokémon Trading Card Game * Pokémon Puzzle League * Pokémon Gold Version * Pokémon Silver Version * Hey You, Pikachu! * Pokémon Puzzle Challenge * Pokémon Stadium 2 * Pokémon Crystal Version * Pokémon Mini * Pokémon Pikachu 2 GS * Pokémon Ruby Version * Pokémon Sapphire Version * Ruby & Sapphire * Pokémon Channel * Pokémon Colosseum * Pokémon Box * Pokémon FireRed Version * Pokémon LeafGreen Version * Pokémon Dash * Pokémon Emerald Version Polarium Pole Position series Police Quest series Pong Pool of Radiance Pools of Darkness Populous series Portal Series * Portal * Portal 2 Portal Runner Power Dolls Power Drift Power Rangers series * Time Force พาวเวอร์ เรนเจอร์ ซูเปอร์ รีเจินท์ Power Stone series Bad Mojo Jojo Battle Him Paint the Townsville Green Prince of Persia series * Prince of Persia 1 * The Shadow and The Flame * Prince of Persia 3D * Prince of Persia The Sand of Time * Prince of Persia Warrior Within * Prince of Persia The Two Thrones * Prince of Persia Ghost of The Past Project Entropia Project Gotham Racing * Project Gotham Racing 2 ProjectONE Project-X Protostar Putty Puyo Pop Fever PySol |width="20%" valign="top"| == Q == Q*bert Qix Quackshot Quake series * Quake II * Quake III Arena Quest for Glory series The Quest for the Rings (Magnavox, 1981) Quirk Quiz & Dragons |- |width="20%" valign="top"| == R == R-Type series Race War Kingdoms Racing Destruction Set (EOA) Racing Gears Advance Radiant Silvergun Radical Dreamers Ragnarok Online Raiden series Railroad Tycoon (1990) Railroad Tycoon II Railroad Tycoon 3 Tom Clancy's Rainbow Six series Rainbow Islands Rampage series * Rampage * Rampage Puzzle Attack Ratchet & Clank series * Ratchet & Clank (2002) * Going Commando (2003) * Up Your Arsenal (2004) Rave Master Rayman series * Rayman (1996) * The Great Escape (1999) * Revolution * Hoodlum Havoc (2003) * Rayman Advance (2001) * Rayman Arena (2002) * Rayman DS (2005) * Hoodlum's Revenge (2005) Reach for the Stars Ready 2 Rumble Boxing * Ready 2 Rumble Boxing Round 2 Rebel Assault Red Alert Red Baron Red Faction Red Faction 2 Red Storm Rising Relentless The Repton series Rescue at Rigel (Epyx, 1980) Resident Evil series Retro Atari Classics Return To Castle Wolfenstein Return Fire Revenge of the Mutant Camels Reversi REZ Rings of Zilfin Rise of Nations Rise of the Robots Rise of the Triad Riven Road Champs BXS Stunt Biking Road Rash Robocode RoboSport Robotfindskitten Robotron Robots (classic Unix game) Robots (DS, GBA, GCN, PS2, XBOX, PC) RobotWar (MUSE, 1981) Robot Odyssey Dream Scheme Gettin' Air Rocket Ranger Rock 'n' Roll Rocks 'n' Diamonds Rogue RollerCoaster Tycoon series * RollerCoaster Tycoon * RollerCoaster Tycoon 2 * โรลเลอร์ โคสเตอร์ ไทคูน 3 Romance of the Three Kingdoms Total War Rudora no Hihou (a.k.a. Treasure of the Rudras) Castle Capers Rugrats in Paris - The Movie Rumble in the Rink RuneScape |width="20%" valign="top"| == S == === Sa-Se === Sabre Wulf Zapped! SaGa series เกมชุดสงครามซากุระ Sam and Max Hit the Road Samba de Amigo Sanxion Sargon (chess) Mysterious Journey Scooby-Doo! Classic Creep Capers Scram Second Front Secret of Mana Secret Weapons of the Luftwaffe Sega Rally series Seiken Densetsu series Sensible Soccer Sentimental Graffiti Serious Sam series Serpent Isle Seven Cities of Gold Seventh Guest === Sh === Shadow of the Beast แชโดว์ออฟเดอะโคลอสซัส Shadowgate Shadowman 2nd Coming Shadowrun MUSH Shamus Shanghai Solitaire ("Mahjong") Shattered Galaxy Shaun Palmer's Pro Snowboarder Shenmue (2000) Shenmue 2 Total War Fairy Tale Freakdown === Si === Sid Meier's Alpha Centauri Sid Meier's Pirates! Silent Bomber Silent Hill series Silent Hunter Silent Service Silkworm Sim Theme Park SimAnt Sim Brick เกมชุด ซิมซิตี (พ.ศ. 2530) * ซิมซิตี 2000 * ซิมซิตี 3000 * ซิมซิตี 4 * ซิมซิตี โซไซตี้ SimCopter SimEarth (แมกซิส, พ.ศ. 2532) SimFarm SimGolf SimHealth SimIsle SimLife SimPark SimSafari Simon the Sorcerer SimTower (แมกซิส, พ.ศ. 2538) SimTown เกมชุด เดอะซิมส์ * เดอะซิมส์ * เดอะซิมส์ สร้างชีวิต ลิขิตฝัน * เดอะซิมส์ ปาร์ตี้สุขสันต์ บ้านหรรษา * เดอะซิมส์ วัยวุ่นลุ้นรัก * เดอะซิมส์ วัยรักพักร้อน * เดอะซิมส์ สัตว์เลี้ยงแสนรู้ * เดอะซิมส์ ซูเปอร์สตาร์ * เดอะซิมส์ คาถามหาสนุก * เดอะซิมส์ออนไลน์ * The Sims Bustin' Out * เดอะซิมส์ 2 * เดอะซิมส์ 2 มหา'ลัยวัยฝัน * เดอะซิมส์ 2 ไนท์ไลฟ์ คืนหรรษา * เดอะซิมส์ 2 เปิดโลกธุรกิจ เนรมิตฝัน * เดอะซิมส์ 2 ตัวโปรด จอมป่วน * เดอะซิมส์ 2 สี่ฤดูแสบ * เดอะซิมส์ 2 ทริปซ่าส์ * เดอะซิมส์ 2 สนุกจังยามว่าง * เดอะซิมส์ 2 ร่วมหอ(ไม่)ลงโรง * เดอะซิมส์ 3 The Simpsons Road Rage The Simpsons Hit 'n Run Simutrans Sin Sinistar === Sk-So === Skies of Arcadia series Skool Daze Into the Vortex Skyforge Smash TV Snakes Snood Snoopy Tennis (GBC, G&W) Sokoban Solar Striker Soldier of Fortune Soldat Solitaire's Journey เกมชุด โซนิคเดอะเฮดจ์ฮ็อก * Sonic 3D Blast * โซนิคแอดวานซ์ * Sonic Advance 2 * Sonic Advance 3 * Sonic Adventure * Sonic Adventure 2 * Battle * Sonic Adventure DX * โซนิคแบทเทิ่ล * Sonic CD * Sonic Chaos * Sonic Drift * Sonic Drift 2 * Sonic the Hedgehog * Sonic the Hedgehog 2 * Sonic the Hedgehog 3 * โซนิคฮีโร่ส์ * Sonic Labyrinth * Sonic Pinball Party * Sonic Spinball * Sonic Triple Trouble * โซนิคไรเดอร์ส * โซนิครัช เกมชุด Soul Calibur Soul Edge === Sp === Space Ace Space Bastards Space Channel 5 Space Invaders เกมชุด Space Quest Space Simulator Space Rangers Space Taxi Spacewar (1962) Spaceward, Ho! Spasim (PLATO, 1974) Speedball Spellbreaker เกมชุด Spelljammer Spelunker Spheres of Chaos Spice World The Movie Spider Man 2 Mysterio's Menace The Sinister Six Tom Clancy's Splinter Cell Chaos Theory Pandora Tomorrow Legend of the Lost Spatula Supersponge Sprung เกมชุด Spyro the Dragon * Spyro the Dragon * Ripto's Rage * Year of the Dragon * Season of Ice * Season of Flame * Enter the Dragonfly * Attack of the Rhynocs * A Hero's Tail Spy vs. Spy === St === ==== Sta ==== เกมชุด Star Control (Accolade, 1990, 1992, 1996) เกมชุด StarCraft (Blizzard, 1997) * StarCraft * StarCraft Brood War Stardust เกมชุด Starflight * Starflight (1986) * Starflight 2 - Trade Routes of the Cloud Nebula (1989) Star Fox series * Star Fox * Star Fox 64 * Star Fox Adventures * Star Fox Assault เกมชุด Starglider Stargoose Starhawk Star Legions Star Raiders Stars! Starship Titanic Tribes Startopia Start-Up Star Trek Armada Armada II Star Wars Battlefront Star Wars Battlefront II Star Wars Behind The Magic Star Wars Dark Forces Star Wars DroidWorks Star Wars Empire At War Star Wars Episode I - Battle For Naboo Star Wars Episode I - Racer Star Wars Episode I - The Phantom Menace Revenge of the Sith Star Wars Force Commander Star Wars Galactic Battlegrounds (2001) Star Wars Galactic Battlegrounds - The Clone Campaigns Star Wars Galaxies (2003) Star Wars Galaxies - Jump To Lightspeed Star Wars Jedi Knight - Dark Forces 2 Star Wars Jedi Knight - Jedi Academy Star Wars Jedi Knight - Mysteries Of The Sith Star Wars Jedi Outcast - Jedi Knight 2 Star Wars Jedi Power Battles Knights of the Old Republic The Sith Lords Star Wars Rebellion Republic Commando เกมชุด Rogue Squadron (LucasArts, 1998, 2001, 2003) Star Wars Shadows Of The Empire Star Wars Starfighter ==== Ste-Stu ==== เกมชุด Steel Beasts (eSim Games, 2000, 2004) Steel Panthers Stick Soldiers Stick Soldier II Stratagus Strategic Conquest เกมชุด Street Fighter Street Racer (Atari, 1977) Streets of Sim City Strike Fleet Stunt Island (Disney Interactive, 1992) Stunts (Broderbund, 1990) === Su-Sy === Sudeki เกมชุด Suikoden Super Breakout (Atari) เกมชุด Super Mario Bros. * Super Mario Bros. * Super Mario Bros. 2 * Super Mario Bros. 3 (1990) * Super Mario All-Stars (1993) * Super Mario 64 (1996) * Super Mario 64 DS (2004) * Super Mario RPG * Super Mario Sunshine เกมชุดซูเปอร์โรบ็อตไทเซ็น Super Smash Bros. series (1999) * Super Smash Bros. Melee (2001) Super Street Fighter 2 Turbo Revival Super Zaxxon Sword of Aragon Sword of Sodan เกมชุด Syndicate (Bullfrog) เกมชุด System Shock (1994, 1999) |width="20%" valign="top"| == T == === Ta-Th === Bloodshed Tales series * Tales of Phantasia * Tales of Destiny * Tales of Destiny 2 * Tales of Eternia * Tales of Fandom * Tales of Symphonia Task Force 1942 Team Fortress 2 Tecmo Super Bowl series เกมชุด Tekken * Tekken * Tekken 2 * Tekken 3 * Tekken 4 * Tekken 5 * Tekken Advance * Tekken Tag Tornament * Tekken 6 Tennis (Mattel, 1980) Test Drive series Tetris Tetris Attack Tetris Plus Tetris Worlds The 7th Guest series The Corporate Machine The Getaway Black Monday The Incredible Machine series The Typing of the Dead The World Ends with You Their Finest Hour (1989) Theme Park Thief series Thing on a Spring Thrust เกมชุด Thunderforce === Ti-To === Tiberian Sun (Command & Conquer) TIE Fighter Tiger in the Snow (SSI, 1981) Time Crisis series TimeSplitters * TimeSplitters 2 * Future Perfect Adventure Out of Time ToeJam and Earl series Tokyo Xtreme Racer Advance Tomb Raider series ToME Tony Hawk's Pro Skater series * Tony Hawk's Pro Skater * Tony Hawk's Pro Skater 2 * Tony Hawk's Pro Skater 3 * Tony Hawk's Pro Skater 4 * Tony Hawk's Underground * Tony Hawk's Underground 2 Top Banana Top Gun Combat Zones Top Spin Tornado Total Annihilation series * Total Annihilation (Cavedog, 1997) ** Battle Tactics ** The Core Contingency *** Uberhack mod * Kingdoms ** The Iron Plague Tower Of Babel === Tr-Ty === Transport Tycoon Tribes 2 Aerial Assault Vengeance Trollie Wallie Tropico Streets of LA Trust and Betrayal Turrican series TV Sports Football Typhoon of Steel Typing of the Dead, The Tux Racer Twinworld Tyrant Tyrian Ty the Tasmanian Tiger Ty the Tasmanian Tiger 2 |- |width="20%" valign="top"| == U == Ultima series * Ultima Online UmJammer Lammy Under Fire Unreal series Urban Champion Urban Champion-e Sims in the City Utopia Uplink (computer game) |width="20%" valign="top"| == V == V for Victory series VGA Planets Viewtiful Joe Viewtiful Joe 2 Virtua Athlete 2000 Virtua Cop series Virtua Fighter series เกมชุดเวอร์ชวลออน Virtua Striker Virtua Tennis Voodoo Vince |width="20%" valign="top"| == W == Wacky Races เกมชุด Warcraft * Warcraft II * Warcraft III * Warcraft III Frozen Throne Wargame Construction Set Wario Land series * Wario Land 2 * Wario Land 3 * Wario Land 4 Wario's Woods WarioWare, Inc. series * Mega Microgame] (GBA, 2003) * Mega Party Game] (GCN, 2004) * WarioWare Touched! (NDS, 2005) * WarioWare Twisted! (GBA, 2005) WarLords series War in Russia (1984) Warship War in the South Pacific War Thunder Warning Forever (2003) Wasteland Wayne Gretzky Hockey Every Witch Way Western Front The Trials of Guilder Wild ARMs series Chimp Chase Wing Commander series (1991) Wings Wings of Fury wipEout series Wizard Wizardry series (1981) Wizard Mansion (2001) The Wizard's Castle (IPCO, 1981) Wizard's Crown Wizball Wizkid Wolfenstein 3D Enemy Territory World of Tanks World of Warcraft World of Warships World of Warplanes Worms series Fighters GI Iwo Jima Normandy WWE Crush Hour WWE Day of Reckoning WWE SmackDown! Here Comes The Pain WWE SmackDown! Shut Your Mouth WWE SmackDown! vs. RAW WWE SmackDown! vs. RAW 2006 WWE Wrestlemania X8 WWE Wrestlemania XIX WWE Wrestlemania 21 WWF Attitude WWF Betrayal WWF Raw WWF SmackDown! Just Bring It WWF War Zone WWF Wrestlemania 2000 |- |width="20%" valign="top"| == X == Beyond the Frontier The Threat Xbattle Xbox Live Arcade X-COM series Xconq (1987) Xenimus online rpg Xenogears Xenon series * Xenon * Xenon 2 Megablast Xenosaga Episode I: Der Wille zur Macht Xenosaga Episode II: Jenseits von Gut und Böse Xenosaga Episode III: Also Sprach Zarathustra Xevious Xexex Mutant Academy Mutant Wars Wolverine's Rage XPilot Xtreme Sports X-Wing series |width="20%" valign="top"| == Y == Yar's Revenge Yo Frankie! Yogurting Yohoho! Puzzle Pirates Yoshi's Story Yoshi Touch & Go Yosuga no Sora You Don't Know Jack series Yu-Gi-Oh! series * World Championship 2005 (GBA, 2005) * Yu-Gi-Oh! Capsule Monster Coliseum (PS2, 2004) * Yu-Gi-Oh! Destiny Board Traveler (GBA, 2004) * Yu-Gi-Oh! Dark Duel Stories (GBC, 2002) * Yu-Gi-Oh! The Duelists of the Roses (PS2, 2003) * Yu-Go-Oh! Dungeon Dice Monsters (GBA, 2003) * Yu-Gi-Oh! The Falsebound Kingdom (GCN, 2003) * Yu-Gi-Oh! Forbidden Memories (PS, 2002) * Game Boy Advance Video Volume 1 (GBA, 2004) * Joey the Passion (PC, 2004) * Kiaba the Revenge (PC, 2004) * Yugi the Destiny (PC, 2004) * Yu-Gi-Oh! Reshef of Destruction (GBA, 2004) * Yu-Gi-Oh! The Dawn of Destiny (XBOX, 2004) * Yu-Gi-Oh! The Eternal Duelest Soul (GBA, 2002) * Yu-Gi-Oh! The Sacred Cards (GBA, 2003) * Yu-Gi-Oh! World Championship Tournament 2004 (GBA, 2004) * Stairway to the Destined Duel (GBA, 2003) |width="20%" valign="top"| == Z == Zak McKracken and the Alien Mindbenders (1988) Zany Golf Zapper Zatch Bell! Mamodo Battles Zathura Zaxxon Zero Divide Zero Gunner 2 Zero Wing Zettaizetsumei Toshi Zombie Revenge Zombie Zone เกมชุดโซนออฟดิเอนเดอร์ * โซนออฟดิเอนเดอร์ * อนูบิส: โซนออฟดิเอนเดอร์ * โซนออฟดิเอนเดอร์ 2173 เทสตาเมนต์ Zoo Keeper (2005, DS) Zool * Zool 2 Zork series (1981) ZZT |} หมายเหตุ บทความนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ คุณสามารถแก้ไขบทความนี้เพิ่มได้ ! กเมคอมพิวเตอร์และวิดีโอเกมเรียงตามลำดับอักษร
thaiwikipedia
1,908
บอนนีและไคลด์
บอนนี เอลิซาเบธ พาร์คเกอร์ (Bonnie Parker, 1 ตุลาคม พ.ศ. 2453 – 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2477) และไคลด์ แชมเปียน บาร์โรว์ (Clyde Champion Barrow, 24 มีนาคม พ.ศ. 2452 – 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2477) เป็นบุคคลนอกกฎหมายและโจรชิงทรัพย์ชาวอเมริกันจากพื้นที่ดัลลัสซึ่งท่องสหรัฐอเมริกาตอนกลางพร้อมแก๊งระหว่างภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ทั้งคู่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2477 เมื่อทั้งสองขับรถเข้าไปติดกับดักที่ตำรวจเตรียมไว้และถูกยิงเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่จากรัฐเท็กซัสและหลุยเซียนา บอนนี พาร์คเกอร์ และไคลด์ บาร์โรว์ได้สร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชน ในช่วง 4 ปีสุดท้าย สังหารผู้คนไปถึง 12 คน ปล้นทั้งธนาคารและปั้มน้ำมัน บาร์โรว์ อายุ 25 และพาร์คเกอร์อายุ 23 ปี เรื่องราวของบอนนีแอนด์ไคลด์ ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Bonnie and Clyde (1967) นำแสดงโดย วอร์เรน บีตตี้และเฟย์ ดันนะเวย์ โดยถ่ายทำในสถานที่จริงในประวัติศาสตร์ อาชญากรชาวอเมริกัน บุคคลจากรัฐเท็กซัส‎ คู่รัก คู่หูอาชญากร
thaiwikipedia
1,909
25 พฤษภาคม
วันที่ 25 พฤษภาคม เป็นวันที่ 145 ของปี (วันที่ 146 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 220 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 1628 (ค.ศ. 1085) - พระเจ้าอัลฟอนโซที่ 6 แห่งเลออนและกัสติยา ได้ทอเลโด คืนจากพวกมัวร์ พ.ศ. 2187 (ค.ศ. 1644) - ขุนพลอู๋ ซานกุ้ยแห่งราชวงศ์หมิงสร้างพันธมิตรกับชาวแมนจูผู้รุกรานและเปิดประตูกำแพงเมืองจีนที่ด่านชานไห่ ให้ชาวแมนจูผ่านไปยังเมืองหลวงปักกิ่ง พ.ศ. 2353 (ค.ศ. 1810) - การปฏิวัติพฤษภาคม: ชาวเมืองบัวโนสไอเรส ขับไล่อุปราชสเปน แล้วก่อตั้งรัฐบาลท้องถิ่นอิสระในอาร์เจนตินา พ.ศ. 2438 (ค.ศ. 1895) - ไต้หวันสถาปนาเป็นสาธารณรัฐไต้หวัน เพื่อประกาศความเป็นเอกราชจากราชวงศ์ชิงของจีน พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) - สนามกีฬาอนุสาวรีย์ริเวอร์เพลทเปิดใช้งานเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - สงครามโลกครั้งที่สอง: เริ่มต้นยุทธการที่ดันเคิร์ก พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) - จอร์แดนประกาศเอกราช พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - สหรัฐได้ทดลองอาวุธปืนใหญ่นิวเคลียร์ที่รัฐเนวาดา โดยเป็นการทดลองอาวุธปืนใหญ่นิวเคลียร์เป็นครั้งแรกและเพียงครั้งเดียว พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - ภาพยนตร์เรื่อง สตาร์ วอร์ส (Star Wars) กำกับและเขียนบทภาพยนตร์โดยจอร์จ ลูคัส ออกฉายเป็นวันแรก พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - ภาพยนตร์เรื่อง เอเลี่ยน (Alien) กำกับโดย ริดลี่ย์ สก็อตต์ ออกฉายเป็นวันแรก พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) - กูเกิล สตรีตวิว เปิดตัวเป็นครั้งแรก == วันเกิด == พ.ศ. 1591 (ค.ศ. 1048) - จักรพรรดิซ่งเสินจง (สวรรคต 1 เมษายน พ.ศ. 1628) พ.ศ. 1877 (ค.ศ. 1334) - จักรพรรดิซูโก (สวรรคต พ.ศ. 1941) พ.ศ. 2206 (ค.ศ. 1663) - โยฮันน์ ดินเซนฮอฟเฟอร์ สถาปนิกชาวเยอรมัน (เสียชีวิต 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2269) พ.ศ. 2256 (ค.ศ. 1713) - จอห์น สจวต เอิร์ลที่ 3 แห่งบิวต์ (เสียชีวิต 10 มีนาคม พ.ศ. 2335) พ.ศ. 2314 (ค.ศ. 1771) - โยฮัน คริสทีอัน โรเซนมึลเลอร์ นักกายวิภาคศาสตร์ชาวเยอรมัน (เสียชีวิต 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2363) พ.ศ. 2389 (ค.ศ. 1846) - เจ้าหญิงเฮเลนาแห่งสหราชอาณาจักร (สิ้นพระชนม์ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2466) พ.ศ. 2430 (ค.ศ. 1887) - นักบุญปีโอแห่งปีเอเตรลชีนา บาทหลวงชาวอิตาลี พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) - เฮียชน แม็กเคลเลน นักแสดงชายชาวอังกฤษ พ.ศ. 2495 (ค.ศ. 1952) - ยุทธนา มุกดาสนิท ศิลปินแห่งชาติประจำปี พ.ศ. 2560 พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - ชีชี (ผู้จัดการฟุตบอล) ผู้จัดการและอดีตนักฟุตบอลชาวบราซิล พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - มานะ ประเสริฐวงศ์ นักดนตรีชาวไทย พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - เรย์ สตีเวนสัน นักแสดงชาวไอร์แลนด์เหนือ พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) - เจ้าหญิงลอเรนทีนแห่งเนเธอร์แลนด์ พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) - แอนน์ เฮช นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - ออคตาเวีย สเปนเซอร์ นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - ลอรีน ฮิลล์ นักร้องชาวอเมริกัน พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) * คิลเลียน เมอร์ฟี นักแสดงชายชาวไอริช * จอห์น เวย์น พาร์ นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - แดมบา บา นักฟุตบอลชาวเซเนกัล พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) * คูณ ภูบดินทร์ นักร้องเพลงลูกทุ่งชายชาวไทย * จุริ อุเอะโนะ นักแสดงหญิงชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - พิเชษฐ์ กองการ นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - กิตติพงษ์ ปลื้มปรีดาพร นักร้อง/นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - ลูกปัด พิมพ์ชนก นักร้อง/นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - ชุน โฮริเอะ นักพากย์ชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - ซาเหม็ด เยซิล นักฟุตบอลอาชีพชาวเยอรมัน พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - โฆเซ กายา นักฟุตบอลชาวสเปน พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - อีบราอีมา โกนาเต นักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 1158 (ค.ศ. 615) - สมเด็จพระสันตะปาปาบอนิเฟซที่ 4 พ.ศ. 1628 (ค.ศ. 1085) - สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 7 พ.ศ. 1804 (ค.ศ. 1261) - สมเด็จพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 4 พ.ศ. 2329 (ค.ศ. 1786) - พระเจ้าเปดรูที่ 3 แห่งโปรตุเกส พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - เจ้าราชบุตร (วงศ์ตวัน ณ เชียงใหม่) เจ้าราชบุตรองค์สุดท้ายแห่งนครเชียงใหม่ (เกิด 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2429) พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - ชัย มุกตพันธุ์ บิดาแห่งวิชาปฐพีกลศาสตร์แห่งประเทศไทย (เกิด 6 ตุลาคม พ.ศ. 2460) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == คริสตจักรโรมันคาทอลิก - วันฉลองนักบุญบีด นักบุญสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 7 และนักบุญมาเรีย มักดาเลนา เด ปัซซี ประเทศอาร์เจนตินา - วันแห่งการปฏิวัติพฤษภาคม/วันชาติ (พ.ศ. 2353) ประเทศจอร์แดน - วันชาติ (พ.ศ. 2489) Africa Day (UNESCO) == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day Today in History: May 25 พฤษภาคม 25 พฤษภาคม
thaiwikipedia
1,910
ทัศนศิลป์และการออกแบบ
การออกแบบ เป็นการสร้างสรรค์ทางอย่างหนึ่งของมนุษย์ชาติ ซึ่งมีประวัติความเป็นมาและวิวัฒนาการที่ควบคู่กันมากับมนุษย์โดยตลอด เป็นศาสตร์สาขาหนึ่งของศิลปะที่มนุษย์ ทุกคนจะต้องรู้จักและสัมผัสกับผลงานการออกแบบอยู่ตลอดเวลา ในชีวิตและประสบการณ์ประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใดก็ตาม เพราะการออกแบบนั้นก็คือความเพียรพยายามของมนุษย์ในอันที่จะนำเอาทรัพยากรต่างๆ ในธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาดัดแปลงขึ้นเป็นสิ่งที่จะเอื้ออำนวย ความสะดวกสบาย และเกิดคุณประโยชน์เกิดคุณค่าต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์สนองตัญหาความอยาก (Needs) ของมนุษย์ในที่สุดนั่นเอง ทัศนศิลป์ งานออกแบบ
thaiwikipedia
1,911
แพทยศาสตร์
แพทยศาสตร์ หรือ การแพทย์ (medicine) เป็นวิทยาศาสตร์ประยุกต์สาขาหนึ่ง มุ่งแสวงหาความรู้และให้การดูแลสุขภาพแก่ผู้ป่วยและคนทั่วไป ทั้งในแง่การวินิจฉัยโรค พยากรณ์โรค ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันและรักษาโรค ฟื้นฟูสุขภาพ และให้การประคับประคองผู้ป่วยที่มีโรคหรือการบาดเจ็บต่างๆ ประกอบไปด้วยศาสตร์ย่อยๆ มากมายที่ถูกพัฒนามาเพื่อดูแลผู้ป่วยและป้องกันโรค การแพทย์สมัยใหม่ใช้องค์ความรู้จากวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ การวิจัยทางการแพทย์ พันธุศาสตร์การแพทย์ เทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อนำมาวินิจฉัย รักษา ป้องกันโรคและการบาดเจ็บต่างๆ โดยใช้ยาและการผ่าตัด รวมไปถึงการบำบัดแขนงต่างๆ เช่น จิตบำบัด การเข้าเฝือก วัสดุการแพทย์ ยาชีวภาพ และการรักษาด้วยรังสี เป็นต้น การแพทย์เป็นศาสตร์ที่เก่าแก่ มีอยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งในสมัยนั้นการแพทย์มักทำอย่างเป็นศิลปศาสตร์ มักมีความเชื่อมโยงกับศาสนา ปรัชญา และความเชื่อในท้องถิ่น เช่น หมอยาพื้นบ้านอาจใช้สมุนไพรร่วมกับการสวดอธิษฐานในการรักษาโรค หรือนักปรัชญาและแพทย์โบราณอาจใช้การปล่อยเลือดในการรักษาโรคตามความเชื่อเรื่องธาตุเหลวที่เป็นองค์ประกอบของร่างกาย ในช่วงไม่กี่ศตวรรษมานี้ ซึ่งมีความก้าวหน้าในวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ การแพทย์ส่วนใหญ่นำเอาความรู้ที่เป็นวิทยาศาสตร์ (ทั้งวิทยาศาสตร์พื้นฐานและวิทยาศาสตร์ประยุกต์ รวมกันเรียกว่าวิทยาศาสตร์การแพทย์) และศิลปศาสตร์มาประกอบกัน อย่างเช่น การเย็บแผล มีทั้งส่วนที่เป็นศิลปศาสตร์ที่ต้องใช้ฝีมือในการเย็บ และส่วนที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่ใช้ความรู้และการคิดพิจารณาว่าเนื้อเยื่อจะสมานกันได้อย่างไรในระดับเซลล์และระดับโมเลกุล เป็นต้น การแพทย์ในยุคก่อนที่จะเป็นวิทยาศาสตร์มักถูกเรียกว่าการแพทย์พื้นบ้าน (traditional) เมื่อนำมาใช้ในปัจจุบันโดยไม่ผ่านการทดสอบแบบวิทยาศาสตร์อาจถูกเรียกว่าการแพทย์ทางเลือก และการแพทย์ทางเลือกที่ไม่มีประสิทธิภาพและไม่มีความปลอดภัยอาจถูกเรียกว่าทุเวชปฏิบัติ (quackery) หรือหมอเถื่อน แพทยศาสตร์มีศาสตร์เฉพาะทางต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น กุมารเวชศาสตร์, อายุรศาสตร์, ศัลยศาสตร์, ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ (ศัลยศาสตร์กระดูก), สูติศาสตร์, นรีเวชวิทยา, โสตศอนาสิกวิทยา, นิติเวชศาสตร์, จักษุวิทยา, จิตเวชศาสตร์, รังสีวิทยา, ตจวิทยา, พยาธิวิทยา, เวชศาสตร์ชุมชน, อาชีวเวชศาสตร์, เวชศาสตร์ฟื้นฟู, เวชระเบียน, เวชสถิติ เป็นต้น และในแต่ละสาขายังแบ่งย่อยเป็นสาขาย่อยลงไปอีกตามอวัยวะหรือกลุ่มของโรค เช่น ศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก อายุรศาสตร์โรคไต เป็นต้น ==อ้างอิง== == ดูเพิ่ม == == แหล่งข้อมูลอื่น ==
thaiwikipedia
1,912
ประเทศโซมาเลีย
thumb thumb thumb โซมาเลีย (Somalia; Soomaaliya; الصومال) หรือชื่อประเทศอย่างเป็นทางการว่า สหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลีย (Federal Republic of Somalia; Jamhuuriyadda Federaalka Soomaaliya; جمهورية الصومال الفدرالية) มีชื่อเดิมว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยโซมาลี และ สาธารณรัฐโซมาลี มีพื้นที่ติดกับแหลมแอฟริกา มีพรมแดนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับจีบูติ ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับเคนยา มีพื้นที่ทางทิศเหนือติดกับประเทศเยเมนโดยมีอ่าวเอเดนเป็นพรมแดนทางทะเล ทิศตะวันออกติดกับมหาสมุทรอินเดีย และทิศตะวันตกติดกับประเทศเอธิโอเปีย == ประวัติ == === ประวัติศาสตร์ === ตามประวัติศาสตร์สาธารณรัฐโซมาลี หรือ โซมาเลีย ตั้งอยู่บริเวณ Horn of African ซึ่งแต่เดิมเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของแอฟริกา โดยเป็นจุดค้าขายสินค้าที่มีค่า ได้แก่ ยางสน ยางไม้หอม และเครื่องเทศ ประชาชนในพื้นที่นับถือศาสนาอิสลาม เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากชาวอาหรับมุสลิม ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ชาวยุโรปเริ่มแผ่ขยายลัทธิล่าอาณานิคมมายังดินแดน Horn of Africa แต่ผู้ปกครองชาว Dervish ในสมัยนั้น สามารถต่อสู้และขับไล่ชาติตะวันตกออกไปได้ จนกระทั่งปี 2463 สหราชอาณาจักรทำสงครามรูปแบบใหม่โดยใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดที่เมือง Taleex ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางของชาว Dervish ส่งผลให้ดินแดน Dervish ตกอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักร (British Somaliland) และมีดินแดนบางส่วนตกอยู่ภายใต้การปกครองของอิตาลี (Italian Somaliland) ต่อมาในปี 2484 ดินแดนทางตอนเหนือของโซมาเลียตกอยู่ภายใต้การบริหารจัดการทางทหารของสหราช อาณาจักรส่วนดินแดนทางใต้มีสถานะเป็นดินแดนในอารักขา หลังจากนั้น สหราชอาณาจักรถอนกำลังออกจากบริเวณดังกล่าวในปี 2503 และยินยอมให้ดินแดนของตนรวมตัวกับดินแดนที่อยู่ภายใต้การดูแลของอิตาลี และจัดตั้งรัฐใหม่โดยใช้ชื่อว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยโซมาลี ในปี 2512 นายพล Salaad Babeyre Kediye นายพล Siad Barre และนาย Jama Korshel ผู้บัญชาการตำรวจได้ทำรัฐประหาร และแต่งตั้งให้นายพล Barre เป็นประธานาธิบดี โดยปกครองประเทศแบบเผด็จการ (Authoritarian Socialist) แต่ท้ายที่สุดระบบการปกครองของ นายพล Barre ก็ล่มสลายลงในช่วงหลังสงครามเย็น หลังจากนั้น สถานการณ์ในประเทศโซมาเลียตกอยู่ในภาวะระส่ำระสาย เกิดการต่อสู้ระหว่างชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ จนกระทั่งตกอยู่ในภาวะอนาธิปไตย ในช่วงกลางปี 2534 ชนเผ่าทางเหนือของโซมาเลียที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักรประกาศ เอกราช และจัดตั้งรัฐใหม่ มีชื่อว่าสาธารณรัฐโซมาลีแลนด์ (Republic of Somaliland) ปกครอง 6 เขต ได้แก่ Awdal, Woqooyi Galbeed, Togdheer, Sanaag และ Sool อย่างไรก็ตาม รัฐดังกล่าวไม่ได้รับการยอมรับจากประชาคมระหว่างประเทศ นอกจากนี้รัฐพุนต์แลนด์ (Puntland) ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกของโซมาเลียได้ประกาศเป็นรัฐปกครองตนเอง (autonomous state) ในปี 2541 และปกครอง 3 เขต ได้แก่ Bari, Nugaal และทางตอนเหนือของเขต Mudug อย่างไรก็ตามรัฐพุนต์แลนด์ยังไม่มีจุดมุ่งหมายที่จะประกาศเอกราช แต่ต้องการปฏิรูประบบบริหารให้เกิดความชอบธรรม ซึ่งต่อมาทั้งสองรัฐเกิดความขัดแย้งอันเนื่องจากการอ้างกรรมสิทธิ์เหนือ พื้นที่ทางตะวันออกของเขต Sool และ Sanaag ต้นปี 2536 สหประชาชาติได้เข้ามามีบทบาทในโซมาเลียโดยได้จัดตั้งภารกิจสหประชาชาติใน โซมาเลีย (United Nations Operation in Somalia: UNOSOM) เพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมกับประชาชนในพื้นที่ แต่เนื่องจากการดำเนินภารกิจกระทำด้วยความยากลำบาก ทำให้สหประชาชาติต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ในปี 2538 หลังจากนั้น รัฐบาลเคนยาและ Intergovernmental Authority on Development (IGAD) ร่วมกันผลักดันให้เกิดการสร้างกระบวนการสันติภาพในโซมาเลีย โดยสนับสนุนให้เกิดการเลือกตั้งประธานาธิบดีและจัดตั้งรัฐบาล จนกระทั่งในเดือนตุลาคม 2547 นาย Abdullahi Yusuf Ahmed ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของรัฐบาลรักษาการโซมาเลีย (Transitional Federal Government: TFG) และได้จัดตั้งสถาบันสหพันธรัฐรักษาการ (Transitional Federal Institutions: TFIs) ขึ้นที่ประเทศเคนยา โดยประกอบด้วยสมาชิกสภา จำนวน 275 คน ซึ่งเป็นองค์ประกอบของสมัชชาสหพันธรัฐรักษาการ (Transitional Federal Assembly: TFA) อย่างไรก็ตามสถานการณ์ความไม่สงบในกรุงโมกาดิชูยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และในปี 2549 TFG ย้ายที่ตั้งของรัฐบาลกลับมายังโซมาเลียที่เมือง Baidoa และยึดเป็นฐานที่มั่น เมื่อ TFG ย้ายกลับมาตั้งถิ่นฐานในโซมาเลีย TFG ได้ขอรับการสนับสนุนกองกำลังจากเอธิโอเปียเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐบาลและ เสถียรภาพของรัฐ การกระทำดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่หลายฝ่าย โดยเฉพาะกลุ่ม Islamic Court of Union (ICU) ที่สนับสนุนการปกครองตามหลักกฎหมายอิสลาม (Sharia Law) และมีอิทธิพลมากที่สุดในประเทศ ทำให้กลุ่มต่อต้าน TFG ได้รวมตัวกันจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรปลดปล่อยโซมาเลีย (Alliance for the Re-Liberation of Somalia: ARS) เพื่อตอบโต้การที่ TFG อนุญาตให้เอธิโอเปียรุกล้ำเข้ามาในดินแดนโซมาเลีย ในปี 2549 สงครามระหว่าง ARS ที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศมุสลิม และTFG ภายใต้การสนับสนุนจากกองกำลังเอธิโอเปีย หรือเรียกว่า Battle of Baidoa จึงเกิดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขับไล่กองกำลังเอธิโอเปียออกไปจากโซมาเลีย อย่างไรก็ตาม TFG และกองกำลังเอธิโอเปียเป็นฝ่ายชนะ และสามารถเข้ายึดกรุงโมกาดิชูซึ่งเป็นเมืองหลวงและฐานที่มั่นของ ARS ได้สำเร็จ หลังจากนั้นคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council: UNSC) จึงได้รับรองข้อมติ UNSC ที่ 1744 (2007) อนุมัติให้สหภาพแอฟริกาจัดตั้งภารกิจของสหภาพแอฟริกาในโซมาเลีย (African Union Mission in Somalia: AMISOM) เพื่อสนับสนุนเสถียรภาพทางการเมืองของโซมาเลีย โดยมีอาณัติในการสนับสนุนการเจรจาและความปรองดองแห่งชาติ ตลอดจนคุ้มครองและรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้นำทางการเมือง ผู้นำชนเผ่า ผู้นำทางศาสนา และผู้แทนจากภาคประชาสังคม ต่อมารัฐบาลเคนยาและองค์กร Intergovernmental Authority for Development ได้ร่วมกันพยายามผลักดันให้เกิดการสร้างกระบวนการสันติภาพในโซมาเลีย จนกระทั่งวันที่ 9 มิถุนายน 2551 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามความตกลงสันติภาพจิบูตี (Djibouti Peace Agreement) ร่วมกัน โดยมีสหประชาชาติเป็นคนกลาง และในเดือนมกราคม 2552 เอธิโอเปียได้ถอนกำลังทหารออกจากโซมาเลีย ผลของ Battle of Baidoa ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก และขั้วอำนาจของ ARS ได้แตกออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายสนับสนุนให้มีการประณีประนอมกับ TFG นำโดย Sheikh Sharif Sheikh Ahmed ซึ่งเป็นอดีตผู้นำ ICU และฝ่ายต่อต้าน TFG นำโดย Shiekh Hassan Dahir Aweys ในช่วงปลายปี 2551 นาย Yusuf ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี หลังจากนั้น TFG และ ARS ได้ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล (TFG-ARS unity government) ขึ้นในเดือนมกราคม 2552 โดยเห็นชอบให้เพิ่มสมาชิกสภาจากฝ่าย ARS อีก 275 คน ดังนั้น รัฐสภาจึงมีสมาชิกจำนวนทั้งสิ้น 550 คน และรัฐสภาใหม่ได้คัดเลือกให้ Sheikh Sharif Sheikh Ahmed ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2552 นอกจากนี้ ได้แต่งตั้งให้นาย Omar Abdirashid ali Sharmarke บุตรชายของนาย Yusuf ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโซมาเลีย อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพของ TFG ยังคลอนแคลน เนื่องจากกองกำลังเอธิโอเปียซึ่งเป็นกำลังพลส่วนมากได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่ คงเหลือเฉพาะกองกำลังของสหภาพแอฟริกาที่ช่วยรักษาความมั่นคงและฟื้นฟูประเทศ ความอ่อนแอของรัฐบาลทำให้กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงกลับมามีอำนาจ ประกาศใช้ Sharia Law และบุกยึดพื้นที่ทางตอนใต้ของโซมาเลีย และเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2552 กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงได้เข้ายึดพื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงโมกาดิชูได้สำเร็จ แต่ยังไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ === สงครามกลางเมืองของโซมาเลีย === ยุทธการโมกาดิชู เป็นสงครามระหว่างไอดิด (กลุ่มก่อการร้ายติดอาวุธ) กับสหรัฐอเมริกาและสหประชาชาติ ซึ่งเคยมีการนำมาทำเป็นภาพยนตร์ชื่อว่า Black Hawk Down เมื่อปี 2544 สงครามนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ กว่า 1000 คน ส่วนใหญ่เป็นประชาชนของโมกาดิชู == การเมืองการปกครอง == - โซมาเลียแบ่งเป็น 5 ภูมิภาค ได้แก่ Somaliland Puntland มีสถานะเป็นรัฐกึ่งปกครองตนเองตั้งอยู่ทางตอนเหนือและตอนกลางของประเทศ ส่วนพื้นที่ทางตอนใต้ประกอบไปด้วย Northland Galmudug และ Maakhir - โซมาเลียปกครองในระบบสหพันธรัฐแบบสภาเดียว (unicameral) ปัจจุบันยังไม่มีรัฐบาลถาวร และมี Sheikh Sharif Sheikh Ahmed เป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบัน - ฝ่ายบริหารประกอบด้วยประธานาธิบดีเป็นประมุขของประเทศ โดยได้รับเลือกโดย TFA และมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร - คณะรัฐมนตรีมาจากการแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรีและต้องได้รับการรับรองจาก TFAฝ่ายนิติบัญญัติประกอบด้วยสมัชชาแห่งชาติ (National Assembly) ซึ่งมีสภาเดียวคือ สมัชชาสหพันธรัฐรักษาการประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 550 คน ฝ่ายตุลาการยังไม่มีกฎหมายที่ชัดเจน เนื่องจากยังไม่มีรัฐบาลถาวร ปัจจุบันแต่ละชนเผ่าใช้ Sharia Law เป็นกฎหมายของแต่ละท้องถิ่น - โซมาเลียไม่มีรัฐบาลปกครองประเทศอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองในปี 2534 นอกจากนั้น รัฐ Somaliland และรัฐ Puntland มีความพยายามแยกตัวออกเป็นอิสระ แต่ไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ทั้งยังได้เกิดการต่อสู้ระหว่างชนเผ่าต่างๆ มาโดยตลอด - โซมาเลียประกอบด้วยเผ่า (clan) หลายเผ่า เผ่า Hawiye เป็นเผ่าที่ใหญ่ที่สุด อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ นอกจากนี้ เผ่า Darod เป็นอีกเผ่าที่มีบทบาทสำคัญและมีอิทธิพลในฐานะชนชั้นปกครอง === เขตปกครอง === จับบาดาฮูส จูบากลาง ชาเบลกลาง บารี ฮีราน มาดัก โมกาดิชู เกโด ชาบีลลาฮาอูเซ อ่าวโซมาลี กัลกูดูด บากูล นูกัล == ภูมิประเทศ == ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง โดยมีเนินเขาสูงทางภาคเหนือไล่ระดับลงมายังภาคตะวันออก ซึ่งเป็นที่ราบชายฝั่งทะเล == ภูมิอากาศ == อากาศร้อน ภาคใต้ฝนตกชุกเพราะได้รับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ในเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ภาคเหนืออากาศเย็นกว่าภาคใต้ เพราะลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดผ่านในเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ == ภาษา == โซมาเลียใช้ภาษาโซมาเลียเป็นภาษาราชการ แต่มีภาษาพูดหลายภาษา เช่นโซมาเลีย อาหรับ อิตาลี และอังกฤษ == ศาสนา == จากการสำรวจวิจัยของศูนย์วิจัยพิวของสหรัฐอเมริกา ร้อยละ 99.8 ของประชากรโซมาเลียนับถือศาสนาอิสลาม == เชื้อชาติ == โซมาเลีย 85% บันตูและอาหรับ 15% == อ้างอิง == ประเทศโซมาเลีย จากเว็บไซต์กระทรวงต่างประเทศ หนังสือ โลกน่ารู้จากแผนที่ แอฟริกา ของ นภาพร พวงเพ็ชร์ == แหล่งข้อมูลอื่น == รัฐบาล Official Website of the Transitional Federal Government of Somalia Chief of State and Cabinet Members ข้อมูลทั่วไป http://www.mfa.go.th/web/479.php?id=366# Somalia from UCB Libraries GovPubs ซโมาลเอีย รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2503 ซ อดีตอาณานิคมของอังกฤษ อดีตอาณานิคมของอิตาลี ประเทศโซมาเลีย
thaiwikipedia
1,913
เบอร์ลินตะวันตก
เบอร์ลินตะวันตก เป็นชื่อเรียกของฝั่งตะวันตกของเมืองเบอร์ลิน ในช่วงปี ค.ศ. 1949 ถึง ปี ค.ศ. 1990. เมืองนี้ถูกปกครองโดยสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และประเทศฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945. ส่วนฝั่งตะวันออกของเมืองหรือเบอร์ลินตะวันออก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนีตะวันออก ถูกปกครองโดยสหภาพโซเวียต. รอบ ๆ เบอร์ลินตะวันตกนั้นถูกโอบล้อมด้วยพื้นที่เยอรมนีตะวันออกทั้งหมด แม้เบอร์ลินตะวันตกจะเป็นส่วนหนึ่งของเยอรมนีตะวันตกอย่างไม่เป็นทางการ แต่ก็ไม่ได้เป็นหรือเป็นส่วนหนึ่งของ Bundesland. เมืองนี้จึงปกครองตัวเอง โดยกองกำลังทหารที่ควบคุมเขตนี้ มอบอำนาจการปกครองให้กับนายกเทศมนตรีเบอร์ลินตะวันตกและรัฐบาลเมือง ซึ่งมีที่ทำการอยู่ที่ศาลากลางเชินเนอแบร์ก ในวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2504 สหภาพโซเวียตได้สร้างกำแพงเบอร์ลินขึ้น เพื่อปิดกั้นการเดินทางระหว่างเบอร์ลินตะวันตกและเบอร์ลินตะวันออก == เขตที่อยู่ในเบอร์ลินตะวันตก == เขตควบคุมของฝรั่งเศส (ด้านเหนือของเมือง) ไรนิคเคินดอร์ฟ (Reinickendorf) เว็ดดิง (Wedding) เขตควบคุมของสหราชอาณาจักร (บริเวณกลางเมือง) ชาร์ล็อทเทินบวร์ว (Charlottenburg) เทียร์การ์เทิน (Tiergarten) - เทียร์การ์เทิน สวนสาธารณะใหญ่ของเมือง อยู่ที่เขตนี้ วิลเมิร์สดอร์ฟ (Wilmersdorf) ชปันเดา (Spandau) เขตควบคุมของสหรัฐ (ด้านใต้ของเมือง) น็อยเคิลน์ (Neukölln) คร็อยทซ์แบร์ค (Kreuzberg) เชอเนอแบร์ค (Schöneberg) ชเตคลิทซ์ (Steglitz) เท็มเพิลโฮฟ (Tempelhof) - ท่าอากาศยานเบอร์ลินเท็มเพิลโฮฟอยู่ที่เขตนี้ เซเลินดอร์ฟ (Zehlendorf) == ดูเพิ่ม == เบอร์ลิน เบอร์ลินตะวันออก เยอรมนีตะวันตก เยอรมนีตะวันออก ประเทศเยอรมนี บอนน์ การปิดล้อมเบอร์ลิน == แหล่งข้อมูลอื่น == เขตการปกครองพิเศษของประเทศเยอรมนีตะวันตก สงครามเย็น เมืองที่ถูกแบ่งแยก อดีตดินแดนแทรก อดีตสาธารณรัฐ เมืองหลวงทางวัฒนธรรมของยุโรป
thaiwikipedia
1,914
สวนเบญจกิติ
สวนเบญจกิติ (Benchakitti Park) เป็นสวนสาธารณะระดับย่านและอุทยานแห่งชาติเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2535 ตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่โรงงานยาสูบเดิม ข้างศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถนนรัชดาภิเษก ช่วงระหว่างถนนพระรามที่ 4 กับถนนสุขุมวิท ในพื้นที่แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร สวนเบญจกิติ เป็นการพัฒนาพื้นที่โดยรอบ "บึงยาสูบ" ขนาด 200x800 เมตร ที่เกิดจากการขุดดินถมที่ บริเวณอาคารโรงงานยาสูบ โครงการสวนสาธารณะนี้เป็นส่วนของโครงการพัฒนาพื้นที่ทดแทนโรงงานยาสูบระยะที่ 1 ตามมติคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอานันท์ ปันยารชุน ที่ให้ย้ายโรงงานยาสูบออกไปนอกกรุงเทพมหานคร ชื่อสวนเบญจกิติได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ มาทรงประกอบพิธีเปิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2547 เมื่อวันที่ 1-9 ธันวาคม พ.ศ. 2557 สวนเบญจกิตติได้ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงละครเวทีประกอบเพลง และเทคนิคตระการตาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เรื่อง "พระมหาชนก เดอะฟีโนมีนอล ไลฟ์โชว์" โดยเวทีแสดงอยู่กลางบึงความยาวกว่า 100 เมตร ต่อมาโรงงานยาสูบได้มอบพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 61 ไร่ เพื่อทำเป็น "สวนป่าเบญจกิติ" สำหรับใช้เป็นพื้นที่ปลูกไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เช่น แคนา, เสลา และกระโดน ในลักษณะของสวนป่าที่มีความร่มรื่น แต่โปร่งแสงสว่างส่องถึง ในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ ในปี พ.ศ. 2559 โดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสวนป่าเบญจกิติอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2565 ซึ่งนับว่าสวนป่าเบญจกิติเป็นสวนสาธารณะที่เป็นสวนป่าแห่งแรกในกรุงเทพมหานคร ==อ้างอิง== ==แหล่งข้อมูลอื่น== แผนผังสวนเบญจกิตติ เบญจกิติ สวนสุนัขในประเทศไทย อุทยานแห่งชาติในประเทศไทย สถานที่ที่ตั้งชื่อตามพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์ไทย
thaiwikipedia
1,915
ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (Queen Sirikit National Convention Center - QSNCC) เป็นศูนย์ประชุมหลักแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตั้งอยู่บริเวณถนนรัชดาภิเษก เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ติดกับสวนเบญจกิติ การยาสูบแห่งประเทศไทย และอยู่ใกล้กับสวนป่าเบญจกิติ == ประวัติ == === ภูมิหลัง=== ในอดีต การประชุมต่าง ๆ ในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมภายในโรงแรมหรูในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากประเทศไทยไม่มีศูนย์ประชุมอิสระหรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้บริการในระดับเดียวกับโรงแรม แต่หลังจากที่คณะกรรมการบริหารธนาคารโลกได้เลือกให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศครั้งที่ 46 ณ กรุงเทพมหานคร รัฐบาลไทยจึงมีมติเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2532 ให้ก่อสร้างสถานที่จัดงานประชุมแห่งชาติที่ได้มาตรฐานสากลขึ้นเพื่อรองรับการประชุมครั้งสำคัญดังกล่าว โดยกำหนดรูปทรงทางสถาปัตยกรรมที่แสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย พร้อมกับใช้เทคนิค "สร้างและออกแบบ" เพื่อให้ศูนย์ประชุมของชาติแห่งแรกนี้สามารถเสร็จทันตามกำหนดเวลา === อาคารหลังแรก (พ.ศ. 2534–2562)=== การก่อสร้างศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์หลังแรก เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 จากนั้นสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างอาคารบนพื้นที่ 53 ไร่ 15 ตารางวา ซึ่งอยู่ติดกับโรงงานยาสูบ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2533 หลังจากนั้น นักออกแบบจำนวนกว่า 100 คน และคนงานก่อสร้างอีกกว่า 1,000 คน ต่างทุ่มเททำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จทันตามกำหนดเวลา จากความมุ่งมั่น และพยายามของทุกฝ่าย ทำให้การก่อสร้างตัวอาคารแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2534 หมายความว่าใช้เวลาเพียง 20 เดือน จากเดิมที่กำหนดไว้ 40 เดือน ด้วยงบประมาณเพียง 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งน้อยกว่าที่กำหนด ส่วนการตกแต่งภายในนั้นแล้วเสร็จหลังผ่านไปอีก 1 เดือนเศษ ในวันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2534 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีเปิดศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้พระนามเป็นชื่อของศูนย์ประชุม เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ 12 สิงหาคม 2535 นับตั้งแต่เริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ได้รองรับผู้เข้าร่วมการประชุมสภาผู้ว่าการกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกครั้งที่ 46 กว่า 10,000 คน จาก 154 ประเทศ ระหว่างวันที่ 1-15 ตุลาคม พ.ศ. 2534 ซึ่งได้รับคำชื่นชมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์มีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้นำด้านธุรกิจไมซ์ (MICE ย่อมาจาก Meeting, Incentive travel, Convention และ Exhibition) ในประเทศไทยตลอดมา ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง และบริหารงานโดยบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นกิจการในกลุ่มทีซีซี === อาคารหลังที่สอง (พ.ศ. 2565–ปัจจุบัน)=== ภายหลังที่ บจก. เอ็น.ซี.ซี.ฯ ได้รับการต่อสัญญาบริหารและดำเนินกิจการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการปรับปรุงครั้งใหญ่ โดยปิดอาคารตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2562 เพื่อดำเนินการรื้อถอนอาคารหลังเดิม และก่อสร้างอาคารหลังใหม่ โดยใช้เวลารวมทั้งสิ้น 3 ปี ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในปัจจุบัน มีเป้าหมายเป็น "ที่สุดของพื้นที่จัดกิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคน" (The Ultimate Inspiring World Class Event Platform for All) โดยมีการจัดสรรพื้นที่เพื่อครอบคลุมธุรกิจไมซ์ให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงมีการพัฒนาพื้นที่ค้าปลีกเต็มรูปแบบสำหรับกลุ่มผู้รักสุขภาพ รองรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการสวนเบญจกิติและสวนป่าที่อยู่ติดกัน ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์หลังใหม่กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2565 และต่อมาเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอาคารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์หลังใหม่อย่างเป็นทางการ ==การจัดสรรพื้นที่== อาคารปัจจุบันของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ออกแบบโดยใช้สถาปัตยกรรมไทยร่วมสมัย โดยได้แรงบันดาลใจจากพระปฐมบรมราชโองการในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว "สืบสาน รักษา ต่อยอด" และลายผ้าไทยซึ่งปรากฏในฉลองพระองค์ของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายในศูนย์ประชุม ประกอบด้วยโถงประชุมและนิทรรศการจำนวน 8 ฮอลล์, ห้องเพลนารีฮอลล์, ห้องบอลรูม, อีเวนต์ฮอลล์, ห้องประชุมย่อย, พื้นที่ค้าปลีก และร้านอาหาร โดยเป็นที่ตั้งของภัตตาคารเรด ล็อบสเตอร์ สาขาแรกในประเทศไทย และร้านคาเฟ่ % อะราบิกา ซึ่งเป็นสาขาแรกในโลกที่ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ศูนย์ประชุม == งานที่จัดในศูนย์ประชุม == === งานที่จัดหรือเคยจัดเป็นประจำอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง === การประกวดนางสาวไทย งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ และงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ไทยแลนด์เกมโชว์ คอมมาร์ท ไทยแลนด์ บ้านและสวนแฟร์ (พ.ศ. 2543 - 2545) พิธีประสาทปริญญาบัตร ของ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ พระราชพิธีประทานปริญญาบัตร ของ มหาวิทยาลัยสยาม === งานอื่น ๆ === การประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ พ.ศ. 2534 และ พ.ศ. 2569 คาราบาว นิวเยียร์ เอ็กซ์โป การประชุมเอเปค ปี 2003 และ 2022 การประกวดนางงามจักรวาล 1992 T-Pop Concert Fest (พ.ศ. 2565) 17–18 ธันวาคม พ.ศ. 2565 – โฟร์อีฟเดอะเฟิสต์คอนเสิร์ต เฟรนด์แอนด์แฟมิลี่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2567 – การประชุมใหญ่สามัญ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่าคองเกรส) สมัยที่ 74 และการลงคะแนนคัดเลือกเจ้าภาพฟุตบอลโลกหญิง 2027 == การเดินทาง == รถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เชื่อมต่อกับอาคารศูนย์ประชุมที่ชั้น LG รถโดยสารประจำทาง ขสมก. สาย 2 (เสริม) 25 (รถร่วมบริการ) 136 185 501 (เสริม) ==ระเบียงภาพ== ไฟล์:นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน "มหกรรมหนังส - Flickr - Abhisit Vejjajiva (14).jpg|โถงเชื่อมต่อจากด้านหน้าเข้าสู่ภายในศูนย์ประชุม (อาคารหลังเดิม) ไฟล์:นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมสมัชชาการขับเ - Flickr - Abhisit Vejjajiva.jpg|ทางเดินเชื่อมระหว่างห้องเพลนารีฮอลล์กับห้องบอลรูม (อาคารหลังเดิม) ไฟล์:Secretary Blinken Holds a Joint Press Availability With Ambassador Tai (52507306883).jpg|โถงนิทรรศการในชั้น LG ในตอนที่จัดการประชุมเอเปค 2022 ไฟล์:BKK Inter BookFair 2023.jpg|งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2566 ==อ้างอิง== == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ สิริกิติ์ สิ่งก่อสร้างในเขตคลองเตย สถานที่ที่ตั้งชื่อตามพระนามของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
thaiwikipedia
1,916
อุทยานเบญจสิริ
อุทยานเบญจสิริ หรือ สวนเบญจสิริ เป็นสวนชุมชนในกรุงเทพมหานคร สร้างบนที่ดินเดิมเนื้อที่ 29 ไร่ของกรมอุตุนิยมวิทยาริมถนนสุขุมวิทที่ย้ายออกไปอยู่ที่ถนนสุขุมวิท เขตบางนา โดยมีพื้นที่เชื่อมต่อกับโรงแรมแมริออท มาคีส์ ควีนส์ปาร์ค และโครงการเอ็มโพเรียม สวนสาธารณะแห่งนี้จัดสร้างโดยกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ในสมัยรัฐบาล ฯพณฯ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบในปี พ.ศ. 2535 ภูมิทัศน์ของสวน ออกแบบโดยศาสตราจารย์กิตติคุณ เดชา บุญค้ำ ภายในสวนสาธารณะแห่งนี้มีประติมากรรมตั้งประดับอยู่เป็นการถาวร จำนวน 12 ชิ้นงาน ในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2550 อุทยานเบญจสิริได้ใช้เป็นที่ปราศรัยใหญ่ปิดการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งในปลายปีเดียวกัน และในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ใช้เป็นที่ปราศรัยใหญ่ปิดหาเสียงของนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2551 และเป็นที่เปิดตัวและปิดท้ายการปราศรัยใหญ่หาเสียงของ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ บริพัตร ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2552 และ พ.ศ. 2556 และในวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ใช้เป็นที่ปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งในกลางปีเดียวกัน และใช้เป็นที่ปราศรัยใหญ่ปิดท้ายการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2556 ของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ในวันที่ 1 มีนาคม ปีเดียวกัน ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 กลุ่มเดอะมอลล์ได้ประกาศความร่วมมือกับกรุงเทพมหานครในการปรับปรุงอุทยานเบญจสิริ และเปิดทางเชื่อมเข้ากับโครงการเอ็มโพเรียมและเอ็มสเฟียร์ โดยกำหนดแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 พร้อมกับการเปิดให้บริการของเอ็มสเฟียร์ == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == รายละเอียดอุทยานเบญจสิริ จากสำนักงานสวนสาธารณะ สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร รายละเอียดอุทยานเบญจสิริ จากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เบญจสิริ สถานที่ที่ตั้งชื่อตามพระนามของพระบรมวงศานุวงศ์ไทย
thaiwikipedia
1,917
ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี (IMPACT Arena, Exhibition and Convention Center, Muang Thong Thani) เป็นศูนย์จัดแสดงสินค้าและการประชุมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของเมืองทองธานี ในเขตอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยในแต่ละปีจะมีการจัดงานอีเวนท์ต่างๆ มากกว่า 400 งาน และมีผู้เยี่ยมชมมากกว่า 15 ล้านรายต่อปี == ประวัติ == บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินการจัดสร้างศูนย์กีฬาเมืองทองธานีขึ้น เพื่อสนับสนุนการแข่งขัน กีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 13 ส่วนมากเป็นกีฬาในร่ม เช่นมวยสากลสมัครเล่น และยิมนาสติก หลังจากนั้น มีการพัฒนาขึ้นเป็นศูนย์แสดงสินค้า และจัดประชุมขนาดใหญ่ โดยตั้งชื่อว่า อิมแพ็ค เมืองทองธานี == พื้นที่จัดแสดง == == การเดินทาง == === รถประจำทาง === เมืองทองธานีมีท่ารถประจำทาง ขสมก. สาย 166 รวมถึงรถเมล์เอกชนร่วมบริการ สาย 33, 51, 52, 90, 150 และ รถเมล์ชานเมือง สาย 356, ต.356, 359, 367, 646 มีรถสองแถว 3 สาย ได้แก่ สาย 1 คอนโดเมืองทองธานี - แจ้งวัฒนะ สาย 2 คอนโดเมืองทองธานี - ติวานนท์ สาย 3 ติวานนท์ - แจ้งวัฒนะ นอกจากนี้แล้ว เมืองทองธานี ยังมีบริการรถคิวตู้หลายสาย สำหรับให้บริการผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองทองธานี โดยเฉพาะในส่วนของป็อปปูล่า คอนโดมีเนียม ซึ่งมีผู้อาศัยอยู่อย่างหนาแน่น และรองรับผู้ที่มาใช้บริการที่ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพค เมืองทองธานี ประกอบด้วย สายเมืองทองธานี - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สายเมืองทองธานี - เดอะมอลล์งามวงศ์วาน สายเมืองทองธานี - มณฑลพิธีท้องสนามหลวง สายเมืองทองธานี - เมเจอร์ ซินีเพล็กซ์ รังสิต สายเมืองทองธานี - เดอะมอลล์บางกะปิ สายเมืองทองธานี - สีลม (เฉพาะช่วงเช้าวันทำงาน) สายเมืองทองธานี - เซ็นทรัลพลาซ่าปิ่นเกล้า และยังมีรถโดยสารปรับอากาศสายพิเศษ สายเมืองทองธานี - อิมแพค เมืองทองธานี - สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ซึ่งทางเมืองทอง ดำเนินการบริการด้วยตนเอง โดยจำหน่ายตั๋วโดยสารในรูปแบบคูปองใบละ 32 บาท เชื่อมต่อเส้นทางการเดินทางระหว่างสถานีรถไฟฟ้ามายังศูนย์แสดงสินค้าอิมแพคอีกด้วย === รถไฟฟ้าสายสีชมพู === สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี - เชื่อมต่อกับอาคารอิมแพ็คชาเลนเจอร์ สถานีทะเลสาบเมืองทองธานี - เชื่อมต่อกับอาคารอิมแพ็คฟอรั่มและอิมแพ็คเอ็กซิบิชั่นเซ็นเตอร์ === ถนนสายหลัก และ ทางด่วน === ถนนติวานนท์ ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนประชาชื่น ถนนชัยพฤกษ์ ถนนบอนด์สตรีท ถนนป๊อปปูล่า ถนนเมืองทองธานี ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษอุดรรัถยา == ประวัติการจัดงาน == การประกวดนางงามระดับนานาชาติ นางงามจักรวาลปี 2005 และ 2018 มิสแกรนด์อินเตอร์เนชันแนลปี 2013 == ดูเพิ่ม == เมืองทองธานี ธันเดอร์โดมสเตเดียม == อ้างอิง == ==แหล่งข้อมูลอื่น== เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ ปฏิทินการจัดงาน/กิจกรรม thaipr.net สมาคม เมืองทองธานี แหล่งพูดคุยกับลูกบ้าน แผนที่ และ ค้นหาที่อยู่อาศัยในเมืองทองธานี mtta.or.th อิมแพค อิมแพค อิมแพค สนามกีฬาในร่มในประเทศไทย บางกอกแลนด์ อ เศรษฐกิจของจังหวัดนนทบุรี
thaiwikipedia
1,918
ไบเทคบุรี
ไบเทคบุรี เป็นศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้าขนาด 70,000 ตารางเมตร เปิดให้บริการเมื่อ 16 กันยายน พ.ศ. 2540 ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 88
thaiwikipedia
1,919
ทางด่วนในประเทศไทย
ทางด่วนในประเทศไทย เป็นถนนที่เก็บค่าผ่านทาง มีการควบคุมจุดเข้าออกของรถยนต์ แบ่งออกเป็นทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองที่กำกับดูแลโดยกรมทางหลวง และทางพิเศษที่กำกับดูแลโดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ดำเนินงานโดยบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ เปิดให้บริการครั้งแรกในปี พ.ศ. 2524 ปัจจุบันทางด่วนที่เปิดใช้งานมีทั้งหมด 10 เส้นทาง เป็นทางพิเศษ 7 เส้นทาง ทางหลวงพิเศษ 2 เส้นทาง นอกจากนี้ยังมี ทางยกระดับอุตราภิมุข เป็นทางหลวงที่มีลักษณะเป็นทางด่วน โดยบางช่วงเป็นทางหลวงแผ่นดิน บางช่วงเป็นทางหลวงสัมปทาน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง และ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด ตามลำดับ == ประเภท == === ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง === ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (intercity motorway) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ทางหลวงพิเศษ คือ ทางหลวงที่จัดหรือทำไว้เพื่อให้การจราจรผ่านได้ตลอดรวดเร็วเป็นพิเศษเป็นโครงข่ายทั่วประเทศ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดและได้ลงทะเบียนไว้เป็นทางหลวงพิเศษโดยกรมทางหลวง เป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง, ขยาย, บูรณะ และบำรุงรักษา รวมทั้งควบคุมให้มีการเข้าออกได้เฉพาะ โดยทางเสริมที่เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงพิเศษตามที่กรมทางหลวงจัดทำขึ้นไว้เท่านั้น อธิบดีกรมทางหลวงเป็นผู้จัดให้ลงทะเบียนไว้ ณ กรมทางหลวง === ทางพิเศษ === ทางพิเศษ (expressway) สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาจราจรติดขัดในตัวเมือง โดยปัจจุบันมีแค่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง ส่วนใหญ่ออกแบบเป็นทางยกระดับ ระบบทางพิเศษนั้นมีความแตกต่างจากระบบทางหลวงพิเศษในประเทศไทย โดยทางพิเศษมีการดำเนินการภายใต้การกำกับดูแลของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เปิดให้บริการครั้งแรกในปี พ.ศ. 2524 ปัจจุบันทางพิเศษที่เปิดใช้งานมีทั้งหมด 8 เส้นทาง == รายชื่อทางด่วนที่เปิดให้บริการ == == โครงการในอนาคต == == ดูเพิ่ม == ทางพิเศษ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ทางหลวงในประเทศไทย == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การขนส่งในประเทศไทย ถนนในประเทศไทย ทางด่วนในประเทศไทย
thaiwikipedia
1,920
ทางด่วน
ทางหลวงที่ควบคุมการเข้าถึง (controlled-access highway) หรือ ทางด่วน เป็นทางหลวงประเภทหนึ่งของที่มีความสามารถที่จะรองรับปริมาณการจราจรได้จำนวนหนึ่ง ออกแบบมาเพื่อรองรับการจราจรที่รวดเร็วอย่างปลอดภัย โดยอาจจะเปิดให้ใช้ในลักษณะถนนที่เก็บค่าผ่านทางหรือไม่ก็ได้ แต่ส่วนมากมักจะเก็บค่าผ่านทาง ซึ่งในแคนาดาและทวีปเอเชียเรียก เอกซ์เพรสเวย์ (expressway) ในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์เรียก มอเตอร์เวย์ (motorway) และในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียเรียก ฟรีเวย์ (freeway) ทางหลวงที่ควบคุมการเข้าถึงจะไม่มีการขัดขวางของการจราจรด้วยไฟจราจร ทางแยก และไม่มีการเข้าถึงสถานที่ที่อยู่ติดถนน เป็นอิสระจากจุดตัดที่ผ่านถนน ทางรถไฟ หรือทางเท้าที่ระดับดิน โดยอาจออกแบบเป็นทางยกระดับหรือทางลอดก็ได้ สามารถเข้าและออกจากทางหลวงนี้ได้โดยทางลาดและทางแยกต่างระดับ และมีการแบ่งทิศทางการจราจรด้วยเกาะกลาง อาจเป็นแบบราว กำแพงกั้น หรือเป็นที่ว่างปลูกหญ้า การกำจัดจุดตัดในทิศทางต่าง ๆ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยของนักเดินทาง รวมทั้งช่วยเพิ่มความสามารถในการรองรับปริมาณจราจร ทางหลวงที่ควบคุมการเข้าถึงมีการพัฒนาขึ้นในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ประเทศอิตาลีได้เปิดใช้ เอาโตสตราดา (autostrada) เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1924 เชื่อมต่อระหว่างเมืองมิลานกับเมืองวาเรเซ (ปัจจุบันเป็น เอาโตสตราดาเอ 8) ประเทศเยอรมนีได้เริ่มสร้าง เอาโทบาน (autobahn) สายแรกเป็นระยะทาง ในปี ค.ศ. 1932 ระหว่างเมืองโคโลญกับเมืองบอนน์ (ปัจจุบันเป็นเอาโทบานหมายเลข 555) หลังจากนั้นก็ได้ก่อสร้างถนนดังกล่าวเป็นระบบทั่วประเทศ เพื่อใช้ในการเดินทางในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนในอเมริกาเหนือได้เปิดใช้ ฟรีเวย์ (freeway) หรือที่รู้จักในชื่อพาร์กเวย์ (parkway) เป็นสายแรกในนครนิวยอร์กเมื่อยุคปี 1920 และประเทศที่มีอิทธิพลมากในด้านรถไฟอย่างบริเตน ได้มีการเปิดใช้ทางเลี่ยงเมืองเพรสตัน (ปัจจุบันเป็น เอ็ม 6 มอเตอร์เวย์) ในปี ค.ศ. 1958 == ประวัติศาสตร์ == ทางหลวงที่ควบคุมการเข้าถึงรุ่นแรกพัฒนาขึ้นในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 ลองไอแลนด์มอเตอร์พาร์กเวย์ ในเกาะลอง นครนิวยอร์ก ได้เปิดใช้เมื่อปี ค.ศ. 1908 เป็นถนนที่จำกัดการเข้าถึงสายแรกของโลก ประกอบด้วยสิ่งทันสมัยหลายอย่าง ได้แก่ พื้นเอียงบริเวณทางโค้ง ราวกันอันตราย และยางมะตอยคอนกรีตเสริมแรง ทางหลวงที่ควบคุมการเข้าถึงสมัยใหม่มีต้นกำเนิดในช่วงต้นยุคปี 1920 เพื่อตอบสนองการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของรถยนต์ ความต้องการที่เดินทางที่รวดเร็วมากขึ้น เช่น ถนนในเบอร์ลินที่ชื่อ AVUS เปิดใช้ในปี ค.ศ. 1921 เป็นทางหลวงที่ควบคุมการเข้าถึงที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป แม้ว่าครั้งแรกจะเปิดใช้เพื่อการแข่งขันก็ตาม ทางหลวงที่เป็นทางคู่สายแรกเปิดใช้ในประเทศอิตาลีเมื่อปี ค.ศ. 1924 ระหว่างเมืองมิลานกับเมืองวาเรเซ และในปัจจุบันก็ได้กำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของเอาโตสตราดาเอ 8 และเอาโตสตราดาเอ 9 ทางหลวงสายนี้ ประกอยด้วยช่องจราจรเดียวต่อทิศทางไม่มีทางแยกต่างระดับ หลังจากนั้นไม่นาน นครนิวยอร์กได้เปิดใช้บรองซ์ริเวอร์พาร์กเวย์ (Bronx River Parkway) ในปี ค.ศ. 1924 บรองซ์ริเวอร์พาร์กเวย์เป็นถนนสายแรกในอเมริกาเหนือที่ใช้เกาะกลางแยกการจราจรของทั้งสองทิศทาง ถูกก่อสร้างให้มีเส้นทางผ่านสวนสาธารณะและผ่านทางแยกต่างระดับ เซาเทิร์นสเตตพาร์กเวย์เปิดใช้ในปี ค.ศ. 1927 ขณะที่ลองไอแลนด์มอเตอร์พาร์กเวย์ได้ถูกปิดไปเมื่อปี ค.ศ. 1937 และแทนที่โดยนอร์ทเทิร์นสเตตพาร์กเวย์ (เปิดใช้ในปี ค.ศ. 1931) และเชื่อมต่อกับแกรนด์เซนทรัลพาร์กเวย์ (เปิดใช้ในปี ค.ศ. 1936) ส่วนในประเทศเยอรมนี ได้เริ่มก่อสร้างเอาโทบานสายบอนน์-โคโลญในปี ค.ศ. 1929 และเปิดใช้โดยนายกเทศมนตรีเมืองโคโลญในปี ค.ศ. 1932 == ทางด่วนในประเทศต่าง ๆ == === สหรัฐอเมริกา === ระบบทางหลวงในสหรัฐอเมริกา เรียกว่า อินเตอร์สเตต ระหว่างรัฐของสหรัฐอเมริกาเริ่มต้นก่อสร้างขึ้นจนกระทั่งครอบคลุมทั่วทุกรัฐ ประกอบไปด้วยทางหลวง 3 แบบ ได้แก่ ทางหลวงที่ไม่จำกัดความเร็ว (freeway) ทางหลวงแผ่นดิน (highway) และทางด่วน (expressway) ใช้ระบบตัวเลขกำหนดสายทาง โดยตัวเลข 1 หลักและ 2 หลักจะเป็นถนนสายหลัก โดยเส้นทางที่ลงท้ายด้วยเลขคู่จะเป็นเส้นทางข้ามจากฝั่งตะวันออกมาตะวันตก ส่วนเส้นทางที่ลงท้ายด้วยเลขคี่จะเป็นเส้นทางจากเหนือจรดใต้ ส่วนตัวเลข 3 หลักจะเป็นถนนที่เป็นสาขาหรือเส้นทางวนรอบพื้นที่ในเขตชนบท กำหนดความเร็วจำกัดอยู่ที่ 105-129 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละรัฐ === จีน === ประเทศจีนมีระบบทางหลวงพิเศษที่เรียกว่า ระบบทางหลวงขนส่งแห่งชาติ ( หรือ NTHS) มีการควบคุมการเข้าออก โดยยึดมาตรฐานของระบบทางหลวงระหว่างรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้นแบบในการก่อสร้าง มีระยะทางโครงข่ายรวม 74,000 กิโลเมตร (พ.ศ. 2553) กำหนดความเร็วจำกัดสูงสุดที่ 110-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และต่ำสุด 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง === สหราชอาณาจักร === โครงข่ายทางด่วนในสหราชอาณาจักรเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมตามหัวเมืองสำคัญเข้าไว้ด้วยกัน แนวคิดเรื่องมอเตอร์เวย์ในสหราชอาณาจักรเริ่มขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โดยออกพระราชบัญญัติทางหลวงพิเศษขึ้นใน พ.ศ. 2492 และเปิดให้บริการทางด่วนสายแรกของสหราชอาณาจักรในปี ค.ศ. 2501 คือ เส้นทาง M1 และได้ก่อสร้างทางด่วนเส้นทางอื่น ๆ จนครบ 1,600 กิโลเมตร จนกระทั่งใน พ.ศ. 2540 รัฐบาลอังกฤษได้ลดแผนการเพิ่มโครงข่ายถนน และหันไปสร้างระบบรางแทน ทางด่วนเกือบทั้งหมดในสหราชอาณาจักร จะเป็นถนนที่มีรถวิ่ง 2 ทาง มีช่องจราจรทั้งหมด 2–4 ช่องจราจรในแต่ละทาง ซึ่งโดยส่วนมากมี 3 ช่องจราจร โดยในปัจจุบันทางด่วนในสหราชอาณาจักรมีระยะทางรวม 3,438 กิโลเมตร และกำหนดความเร็วจำกัด 113 กิโลเมตรต่อชั่วโมง === ประเทศไทย === ทางหลวงของประเทศไทยมีมากกว่า 97,903 กิโลเมตร แต่ทางหลวงที่มีลักษณะทางด่วนมีเพียง 382 กิโลเมตร ได้แก่ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ทางพิเศษ และทางยกระดับอุตราภิมุข ปัจจุบัน ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงเปิดให้บริการ 2 เส้นทาง ได้แก่ ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร–บ้านฉาง ระยะทาง 126 กิโลเมตร และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออก (บางพลี–บางปะอิน) ระยะทาง 64 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งหมด 190 กิโลเมตร ตามกฎหมายไทย จะเรียกทางด่วนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยว่า ทางพิเศษ เรียกทางด่วนของกรมทางหลวงว่า ทางหลวงพิเศษ (ระหว่างเมือง) และเรียกทางด่วนอุตราภิมุขว่า ทางยกระดับ == ชื่อเรียกในประเทศต่าง ๆ == ในแต่ละประเทศ มีชื่อเรียกทางด่วนแตกต่างกันไป : autoroute ในประเทศฝรั่งเศส, ประเทศโมร็อกโก, รัฐเกแบ็กในประเทศแคนาดา, บางส่วนของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (ที่พูดภาษาฝรั่งเศส) auto-estrada ในประเทศโปรตุเกส Autobahn ในประเทศเยอรมนี, ประเทศออสเตรีย และบางส่วนของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (ที่พูดภาษาเยอรมัน) dálnice ใน สาธารณรัฐเช็ก autostrada ในประเทศอิตาลี, บางส่วนของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (ที่พูดภาษาอิตาลี), โปแลนด์ และ ประเทศโรมาเนีย autopista ในประเทศสเปนและประเทศเม็กซิโก autosnelweg ในประเทศเบลเยียม (แฟลนเดอส์) และประเทศเนเธอร์แลนด์ Aftokinitódromos (Αυτοκινητόδρομος) ในประเทศกรีซ motorvej ในประเทศเดนมาร์ก autópálya ในประเทศฮังการี Moottoritie/motorväg ในประเทศฟินแลนด์ motorväg ในประเทศสวีเดน motorvei ในประเทศนอร์เวย์ автомагистраль (avtomagistral) ในประเทศรัสเซีย avtopat ในสาธารณรัฐมาซิโดเนีย Otoyol ในประเทศตุรกี ในทวีปอเมริกาเหนือและในบางส่วนของประเทศออสเตรเลีย เรียกว่า "freeway" หรือ "expressway" interstate ในสหรัฐอเมริกา == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == Department for Transport (สหราชอาณาจักร) Highways Agency (ประเทศอังกฤษ) Czech Motorways (สาธารณรัฐเช็ค) Slovak Motorways (ประเทศสโลวาเกีย) Swiss Motorways (ประเทศสวิตเซอร์แลนด์) National Roads Authority (สาธารณรัฐไอร์แลนด์) นโยบายการคมนาคมของสหภาพยุโรป CBRD Motorway Database ถนนในสหราชอาณาจักร สำนักงานทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง E-Information ทางหลวงพิเศษ กรมทางหลวง ถนนแบ่งตามประเภท ประเภทถนน
thaiwikipedia
1,921
สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)
สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (Software Industry Promotion Agency (Public Organization)) อดีตองค์การมหาชนของไทย ในการกำกับดูแลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีหน้าที่วางแผนและกำหนดนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของประเทศ == ประวัติ == สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติจัดตั้งเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2546 ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2546 สำนักงานถูกยุบเลิกเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560 ตาม พระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๖๒ ที่กำหนดให้ยุบเลิกสำนักงานเมื่อพระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับและให้โอนกิจการ เงินและทรัพย์สิน สิทธิ หนี้และงบประมาณของสำนักงานไปเป็นของ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ที่จัดตั้งขึ้นใหม่ตามพระราชบัญญัตินี้ ==ทำเนียบคณะกรรมการบริหาร== เครือวัลย์ สมณะ (ประธานกรรมการบริหาร พ.ย. 2546 - พ.ย. 2549) พีรศักดิ์ วรสุนทโรสถ (ประธานกรรมการบริหาร ก.พ. 2550 - ก.พ. 2551) สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ (ประธานกรรมการบริหาร มิ.ย. 2551 - ม.ค. 2552) จีรศักดิ์ พงษ์พิษณุพิจิตร์ (ประธานกรรมการบริหาร ก.พ. 2552 - ส.ค. 2553) ศุภชัย ตั้งวงศ์ศานต์ (ประธานกรรมการบริหาร ก.ย. 2553 - ม.ค. 2558) จีราวรรณ บุญเพิ่ม (ประธานกรรมการบริหาร ม.ค. 2558 - 2560) == สถานที่ตั้ง == สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ มี 5 สาขากระจายทั่วทุกภูมิภาค ได้แก่ สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร : ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร สาขาเชียงใหม่ :ถ.ทุ่งโฮเต็ล ต.วัดเกตุ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ สาขานครราชสีมา : เลขที่ 10 หมู่ 8 บ้านละลมโพธิ์ ต.พุดซา อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมา สาขาขอนแก่น : 11 อาคารแก่นนครออฟฟิศ พาร์ค (ชั้น 2) ถ.ศรีธาตุประชาสันติ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น สาขาภูเก็ต : อาคารศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สะพานหิน ถนนภูเก็ต ตำบลตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต == อ้างอิง == == ดูเพิ่ม == ฟอนต์สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ == แหล่งข้อมูลอื่น == สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์กรมหาชน) องค์การมหาชน หน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทย องค์การเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ส่งสิเรม หน่วยงานของรัฐบาลไทยในเขตหลักสี่ หน่วยงานของรัฐบาลไทยในอดีต องค์การที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2546 สิ้นสุดในปี พ.ศ. 2560
thaiwikipedia
1,922
การจัดสวน
การจัดสวน คือกิจกรรมที่เป็นศาสตร์ศิลป์และงานฝีมือที่เกี่ยวกับการปลูกและดูแลพืชรวมถึงสภาพแวดล้อมเพื่อสร้างบรรยากาศที่สวยงาม โดยทั่วไปแล้วจะเป็นกิจกรรมในบริเวณที่อยู่อาศัย ในบริเวณที่เรียกว่าสวน การจัดสวนอาจทำนอกบริเวณที่อยู่อาศัยก็ได้เช่น สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ บริเวณสถานที่ท่องเที่ยว บริเวณโรงแรม/ห้างร้าน/บริษัท/หน่วยงานต่างๆ โดยทั่วไปจะทำกลางแจ้งและทำบนดินแต่ก็อาจทำในร่มได้เช่น การจัดสวนในเรือนกระจก หรืออาจทำในน้ำได้การปลูกเลี้ยงสระบัว หรือแม้แต่การทำสวนพืชรากอากาศ อาจทำได้หลายรูปแบบ เช่น สวนดอกไม้ สวนหิน สวนที่มีลักษณะที่สมดุลเช่นการจัดสวนแบบยุโรป หรือ ลักษณะการผสมผสานความไม่สมดุลเช่นการจัดสวนแบบญี่ปุ่น เป็นต้น นอกเหนือจากการตกแต่งบ้านให้สวยงามแล้ว การจัดสวนก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้บ้านน่าอยู่น่าอาศัย เพราะการที่เรามีสวนที่สวยงามจะทำให้เรารุ้สึกว่าบ้านของเรานั้นหน้าอยู่ == ประโยชน์และความสำคัญในการจัดสวน == เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และช่วยสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้น เพื่อพัฒนาความคิดของผู้จัดสวนอยู่เสมอ เพื่อความสวยงามในที่นั้นๆ ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนของในบริเวณนั้นๆ เช่นการปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ร่มเงาในทิศตะวันตกของบ้านเพื่อบังแสงแดดที่ส่องเข้ามา == แหล่งข้อมูลอื่น == สวนหลวง ร.๙ Royal Botanical Gardens, Kew หนึ่งในสวนพฤกษาศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สมาคมการจัดสวนแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา พืชกรรมสวนและการทำสวน งานฝีมือ
thaiwikipedia
1,923
26 พฤษภาคม
วันที่ 26 พฤษภาคม เป็นวันที่ 146 ของปี (วันที่ 147 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 219 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 1871 (ค.ศ. 1328) - วิลเลียมแห่งออคแคมได้ออกจากเมืองอวิกนอนอย่างลับ ๆ ตามคำสั่งของสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 22 พ.ศ. 2348 (ค.ศ. 1805) - นโปเลียน โบนาปาร์ต สถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์แห่งอิตาลี ที่เมืองมิลาน พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) - เริ่มเปิดให้บริการลิฟต์ที่หอไอเฟลแก่สาธารณะ พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 1896) - จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 สถาปนาเป็นพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 1896) - ชาร์ลส์ ดาว เริ่มตีพิมพ์ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เป็นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) - โครงการอะพอลโล: ยานอะพอลโล 10 กลับสู่โลกหลังจากภารกิจนาน 8 วัน พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ลงนามในสนธิสัญญาต่อต้านขีปนาวุธ ที่กรุงมอสโก พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - ประชาคมยุโรป เริ่มใช้ธงยุโรป พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - *เลาดาแอร์ เที่ยวบินที่ 004 ประสบอุบัติเหตุระเบิดกลางอากาศและตกที่อุทยานแห่งชาติพุเตย จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมด 223 คน เสียชีวิต *ประเทศจอร์เจียจัดให้มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรก นับตั้งแต่เป็นอิสระจากสหภาพโซเวียต พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ตีพิมพ์เบื้องหลังการทำสงครามกับอิรักของกองทัพอเมริกันและอังกฤษในปี พ.ศ. 2546 เกี่ยวกับความเข้าใจผิดและการใส่ร้ายอิรักว่ามีอาวุธทำลายร้ายแรงสูง พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) - กอร์ดอน โฮล์มส์ ทำการบันทึกภาพยนตร์ของสัตว์ประหลาดลอกเนสส์ ที่มีความยาวถึง 2 นาทีครึ่ง นับเป็นการบันทึกภาพของสัตว์ลึกลับชนิดนี้ที่สมบูรณ์ที่สุด == วันเกิด == พ.ศ. 2307 (ค.ศ. 1764) - เอ็ดเวิร์ด ลิฟวิงส์ตัน นักกฎหมายและรัฐบุรุษชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2379) พ.ศ. 2434 (ค.ศ. 1891) - พอล ลูคัส นักแสดงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 15 สิงหาคม พ.ศ. 2514) พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) - หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีไทย (ถึงแก่อสัญกรรม 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2540) พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) - จอห์น เวย์น นักแสดงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 11 มิถุนายน พ.ศ. 2522) พ.ศ. 2456 (ค.ศ. 1913) - ปีเตอร์ คุชชิง นักแสดงชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 11 สิงหาคม พ.ศ. 2537) พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920) - เพกกี ลี นักร้อง-นักแต่งเพลง ชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 21 มกราคม พ.ศ. 2545) พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - เข็มรัตน์ กองสุข ศิลปินแห่งชาติ ปี 2555 สาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - วอร์ด คันนิงแฮม ผู้คิดค้นวิกิ พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) - แซลลี ไรด์ นักบินอวกาศหญิงชาวอเมริกันคนแรก (ถึงแก่กรรม 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555) พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) - ชินอิชิ อิชิฮะระ นักร้องชายชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - เลนนี แครวิตซ์ นักร้อง นักดนตรีชาวอเมริกัน พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) - เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ นักแสดงชาวอังกฤษ พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) - เจ้าชายเฟรเดอริก มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - โนบุฮิโระ วัทซึกิ นักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - เซเลนิส เลย์วา นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - ปริศนา พรายแสง นักร้องชาวไทย พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - จีโอกู ลูอิส ซังตู นักฟุตบอลชาวบราซิล พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - ฮวน กัวดราโด นักฟุตบอลอาชีพชาวโคลอมเบีย พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - คอมแมนเดอร์ อาซีซ นักมวยปล้ำอาชีพชาวโปแลนด์ พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) * กง มย็อง นักแสดงชาวเกาหลีใต้ * คิม จุน-โฮ นักกีฬาฟันดาบมือขวาชาวเกาหลีใต้ * โจแอนน์ มิสซิงแฮม นักหมากล้อมชาวไต้หวัน พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) - ณัฐมน พงษ์ศักดิ์กมล (กอหญ้า) นักร้องลูกทุ่งชาวไทย == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 1361 (ค.ศ. 818) - อะลีย์ อัรริฎอ อิมามที่ 8 ของอิสลามนิกายชีอะหฺ (เกิด 1 มกราคม พ.ศ. 1308) พ.ศ. 1489 (ค.ศ. 946) - พระเจ้าเอ็ดมันด์ที่ 1 แห่งอังกฤษ (พระราชสมภพ พ.ศ. 1464) พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - มาร์ทีน ไฮเด็กเกอร์ นักปรัชญาชาวเยอรมัน (เกิด 26 กันยายน พ.ศ. 2432) พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - ดอน เรวี่ นักฟุตบอลและผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ (เกิด 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2470) พ.ศ. 2562 (ค.ศ. 2019) - เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษ นักการเมืองและนายทหารไทย (เกิด 26 สิงหาคม พ.ศ. 2463) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002), พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - วันวิสาขบูชา วันเอกราชในกายอานา (พ.ศ. 2509) วันแม่ในโปแลนด์ วันชาติจอร์เจีย == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day พฤษภาคม 26 พฤษภาคม
thaiwikipedia
1,924
สตีล บอล รัน
สตีล บอล รัน (Steel Ball Run) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เขียนโดยฮิโรฮิโกะ อารากิ โดยดำเนินเรื่องเป็นโลกคู่ขนาน (หรือจะเรียกว่า Reboot ก็ได้) ของการ์ตูนเรื่องโจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ในภายหลังนับเป็นภาคที่ 7 ของเรื่องนี้ ในประเทศไทยจัดพิมพ์โดยเนชั่น เอ็ดดูเทนเมนท์ และเคยลงพิมพ์เป็นตอนในนิตยสารบูม == เนื้อเรื่อง == ปี 1890 ที่อเมริกา มิสเตอร์สตีล โปรโมเตอร์ชื่อดังได้จัดงาน "สตีล บอล รัน" คือการแข่งขันขี่ม้าข้ามรัฐจากซานดิเอโกจนถึงนิวยอร์กในระยะทางกว่า 6,000 กิโลเมตร โดยมีเงินรางวัลสูงถึง 50,000,000 ดอลลาร์ ทำให้มีนักแข่งม้าจากทุกสารทิศมาร่วมแข่งรวมไปถึง ไจโร เซปเปลี่ เพชฌฆาตจากอาณาจักรนีอาโปลิส และโจนี่ โจสตาร์ อดีตนักแข่งม้าอัจฉริยะที่กลายเป็นอัมพาตครึ่งล่าง โจนี่ได้เห็นพลังพิเศษของไจโรจากสิ่งที่เรียกว่า "ลูกเหล็ก" ของไจโรจึงต้องการที่จะขอร่วมการแข่งขันไปพร้อมกับไจโรด้วย ในการแข่งขันทั้งไจโรและโจนี่ต้องพบกับอุปสรรคมากมายไม่ว่าจะเป็นภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อม และกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่เข้ามาเล่นงานทั้ง 2 คน จนกระทั่งโจนี่ได้ค้นพบพลังพิเศษที่เรียกว่า "สแตนด์" ที่ตนได้มาโดยบังเอิญที่ทะเลทรายแอริโซน่า อย่างไรก็ตามทั้ง 2 คนได้ล่วงรู้ถึงสิ่งที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของการจัดงานแข่งขันครั้งนี้นั่นคือการตามหา "ซากศพศักดิ์สิทธิ์ของนักบุญ" ที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นแผ่นดินของประเทศอเมริกา โดยผู้ที่ต้องการครอบครองซากศพเหล่านี้คือฟันนี่ วาเลนไทน์ประธานาธิบดีคนที่ 23 ของอเมริกา โจนี่กับไจโรพยายามรวบรวมซากศพแต่ก็ถูกสมุนของประธานาธิบดีคอยขัดขวางอยู่ตลอดจนกระทั่งวาเลนไทน์ได้ครอบครองซากศพเกือบทุกส่วน รวมไปถึงมีลูซี่ซึ่งเป็นภรรยาของสตีลที่ถูกซากศพศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นรวมร่างเข้าไป ในการไล่ล่าประธานาธิบดีนั้นนอกจากพวกไจโรแล้วยังมี "ฮอต แพนท์" แม่ชีแห่งวาติกันที่ต้องการซากศพเพื่อชำระความผิดของตนในอดีตและดีเอโก้ "ดีโอ" บรันโด นักแข่งม้าผู้ทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงจากอังกฤษผู้มีความสามารถสแตนด์ที่ทำให้ตนเองเปลี่ยนร่างเป็นไดโนเสาร์ ทั้งฮอต แพนท์และดีโอต่างเสียท่าให้ความสามารถสแตนด์อันลึกลับของวาเลนไทน์จนถูกฆ่าตาย ไจโรและโจนี่ต่างต่อสู้กับวาเลนไทน์ด้วยความยากลำบาก ไจโรถูกประธานาธิบดีฆ่าตาย โจนี่ใช้ความสามารถสแตนด์ของตนเองที่พัฒนาไปจนถึงขีดสุดจนเอาชนะวาเลนไทน์ได้ โจนี่ต้องแข่งขันต่อไปโดยที่มีชิ้นส่วนของซากศพศักดิ์สิทธิ์ที่ครบทุกชิ้นส่วนแต่ไม่มีไจโรอยู่ข้างกาย หลังจากการต่อสู้กับวาเลนไทน์จบลง โจนี่ถูกคนขโมยซากศพศักดิ์สิทธิ์ไป โจนี่ได้พบว่าคนที่ขโมยซากศพนั้นคือ "ดีโอ" ที่มาจากอีกมิติหนึ่งซึ่งเป็นผลของความสามารถสแตนด์ของวาเลนไทน์ โดยที่ดีโอคนนี้มีความสามารถ "หยุดเวลา" ได้ 5 วินาที โจนี่พ่ายแพ้ให้กับดีโอในศึกครั้งสุดท้าย ทำให้ดีโอกลายเป็นผู้ชนะการแข่งขัน SBR ขณะที่ดีโอกำลังย่ามใจนั้น ลูซี่ได้นำ "หัว" ของดีโอคนเก่าที่ถูกวาเลนไทน์ฆ่าตาย หากสิ่งใดที่มาจากคนละมิติมาสัมผัสกันจะทำให้อันตรธานหายไป ดีโออันตรธานหายไป ส่วนซากศพศักดิ์สิทธิ์นั้นก็อยู่ในห้องนิรภัยภายในโบสถ์ทรินิตี้ในนิวยอร์กซึ่งเป็นเส้นชัยของการแข่งขันสตีล บอล รัน โจนี่ได้นำหีบศพของไจโรออกเดินทางไปที่นีอาโปลิส บ้านเกิดของไจโร โดยที่โจนี่นั้นหายจากอัมพาตแล้ว ระหว่างทางโจนี่นึกถึงเรื่องราวต่างๆของการแข่งขันที่ผ่านมารวมไปถึงไจโรเพื่อนที่เขาจะไม่มีวันลืม == ตัวละคร == === ผู้เข้าแข่งขัน === ==== ไจโร เซปเปลี่ (Gyro Zeppeli) ==== สัญชาติ : นีอาโปลีส ชื่อม้าประจำตัว : วัลคีรี่ ชายหนุ่มที่ปกปิดที่มาของตนเอง เข้าร่วมการแข่งสตีล บอล รัน ด้วยเหตุผลบางประการ ชื่อของเขาไม่เคยปรากฏในวงการแข่งม้ามาก่อน แต่ฝีมือการบังคับม้าและการต่อสู้นั้นถือว่ายอดเยี่ยม เป็นทายาทรุ่นปัจจุบันของตระกูลเซปเปลี่ ที่สืบทอดหลักวิชาและความรู้หลายแขนงมาแล้วนับศตวรรษ ความสามารถ : ลูกเหล็กหมายเลข1 และ ลูกเหล็กหมายเลข2 ซึ่งไจโรห้อยไว้ข้างกายตลอดเวลานั้นสามารถแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธร้ายแรงได้ด้วยวิชาการหมุนที่สืบทอดกันมาในตระกูล โดยสามารถใช้เป็นทั้งอาวุธโจมตีและประยุกต์พลิกแพลงได้หลากหลายรูปแบบ ความสามารถสแตนด์ : สแกน (スキャン - Scan) ไจโรได้พลังแสตนด์นี้มาหลังจากครอบครองชิ้นส่วนลูกตาของซากศพ ทำให้นัยน์ตาข้างซ้ายของเขาถูกเชื่อมการมองเห็นเข้ากับลูกเหล็ก เขาสามารถมองเห็นได้ไกลขึ้นในระยะที่ลูกเหล็กจะไปถึง รวมทั้งเมื่อหมุนลูกเหล็กอย่างรวดเร็วก็จะเห็นทะลุสิ่งกีดขวางได้ราวกับเรดาร์ บอล เบรกเกอร์ (Ball Breaker) สามารถแหวกทะลุกำแพงต่างมิติได้ ซึ่งแสตนด์จะออกมาพร้อมกับพลังการหมุนของลูกเหล็ก และพลัง "แรงดึงดูด" ที่มากมายมหาศาล หากโดนพลังงานนี้เข้าไปแม้เพียงนิดเดียว ร่างกายก็จะค่อยๆเสื่อมสลายแห้งเหี่ยวลงไปเรื่อยๆ แต่ข้อเสียก็คือแสตนด์จะออกมาได้เฉพาะตอนใช้พลังงานการหมุนจากม้าเท่านั้น - Zeppeli มาจากวง Led Zeppelin ==== จอห์นนี่ โจสตาร์ (Johnny Joestar - ฉบับภาษาไทยยึดหลักการออกเสียงแบบญี่ปุ่นเป็น โจนี่ โจสตาร์) ==== สัญชาติ : อเมริกา ชื่อม้าประจำตัว : สโลว์แดนเซอร์ อดีตจ๊อกกี้อัจฉริยะ ในขณะที่หลงระเริงไปกับชื่อเสียงซึ่งกำลังรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดนั้น ก็ประสบเหตุทำให้ขาทั้งสองข้างพิการ และตกต่ำลงในทันที จนเมื่อมาพบกับไจโร และวิชาการหมุนลูกเหล็กซึ่งทำให้ขาของเขากลับมาใช้การได้ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง เขาจึงตัดสินใจเข้าแข่งขันร่วมกับไจโร เพื่อค้นหาความลับที่อาจเป็นกุญแจสำคัญให้เขากลับมาเดินได้อีกครั้ง ความสามารถ : จากการเรียนรู้เคล็ดวิชาการหมุนจากไจโร โจนี่จึงสามารถ"หมุนเล็บ"ของตนเองได้ โดยจะใช้เล็บที่หมุนจนแหลมคมเป็นเหมือนใบมีดโจมตี ความสามารถสแตนด์ : ทัสค์ (タスク - Tusk) หรือ เขี้ยว พลังของโจนี่อยู่ในรูปของสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายลูกแกะตัวเล็กขนาดฝ่ามือที่ชื่อทัสค์ ทำให้โจนี่สามารถหมุนเล็บมือหรือเล็บเท้าแล้วยิงมันออกไปได้เหมือนกระสุน เล็บที่ยิงออกไปแล้วจะงอกขึ้นมาใหม่ทันที ทัสค์ สี่เหลี่ยมผืนผ้าทองคำ (ทัสค์ Act 2) เป็นวิชาการหมุนสมบูรณ์แบบของตระกูลเซปเปลี่ที่ไจโร่สอนให้โจนี่ นั่นคือจะลอกแบบจากรูปทรงธรรมชาติเปลี่ยนเป็นการหมุนที่ไร้ขีดจำกัด ทำให้รูที่เกิดจากการยิงกระสุนเล็บนั้นไล่กวดเป้าหมายได้ต่อไปเป็นระยะทางสั้นๆ แต่เมื่อยิงด้วยวิธีนี้ไปแล้วจะต้องรอเวลาเล็บงอกประมาณ 1 นาที จึงจะยิงได้อีกครั้ง ทัสค์ Act 3 เมื่อยิงเล็บใส่ตัวเอง จะทำให้ร่างกายของตนเองไหลเข้าไปซ่อนภายในรูที่เกิดจากกระสุนเล็บได้ (อาจเป็นการซ่อนตัวในช่องว่างต่างมิติก็เป็นได้) ทัสค์ Act 4 เป็นการใช้พลังงานการหมุนทองคำอันสมบูรณ์แบบกับกระสุนเล็บ เมื่อยิงออกไปจะทำให้เกิดการหมุนอนันต์ หากอีกฝ่ายโดนเข้าไปร่างกายจนกระทั่งเซลล์จะเกิดหมุนอนันต์ และร่างกายจะแหลกสลายไปตามมิติต่าง ๆ - Tusk เป็นชื่อของหนึ่งในอัลบั้มที่ขายดีตลอดกาล ของวงดนตรีที่ชื่อ Fleetwood Mac. โดยเป็นสตูดิโออัลบั้มที่ 11 ของวง ออกในปี 1969 - Slow Dancer ชื่อม้า มาจากชื่ออัลบั้มลำดับที่ 6 ของ Boz Scaggs นักแต่งเพลงและมือกีตาร์ชาวอเมริกัน ออกในปี 1974 ==== แซนด์แมน (ซาวด์แมน) (Sandman) ==== สัญชาติ : อเมริกัน ชื่อม้าประจำตัว : ไม่มี (ลงแข่งด้วยการวิ่ง) ชายหนุ่มลูกหลานชนเผ่าอินเดียนแดง ที่ดินของเขาถูกรุกรานโดยพวกคนขาวในสมัยบุกเบิกอเมริกา เขาจึงร่วมแข่งขันเพื่อชิงเงินรางวัลกลับไปซื้อที่ดินของเผ่าตนคืนมา แม้การแข่งสตีล บอล รัน จะเป็นการแข่งโดยใช้ม้าเป็นพาหนะหลัก แต่แซนด์แมนกลับลงแข่งด้วยสองเท้าของเขาเอง ความสามารถ: แซนด์แมนมีวิธีการวิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ โดยการกระจายแรงปะทะจากเท้าและแปรเปลี่ยนเป็นแรงส่งในการวิ่งก้าวต่อไป ทำให้เขาสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงโดยไม่แหน็ดหนื่อย ความสามารถสแตนด : อิน อะ ไซเลนท์ เวย์ (イン・ア・サイレント・ウェイ - In a Silent Way) พลังของแซนด์แมนคือการสร้าง"อักษรแทนเสียง" ขึ้น แล้วบรรจุลงในตัวกลางถ่ายทอดไปยังเป้าหมาย เมื่อสิ้นสุดการเดินทางของเสียงแล้ว ก็จะเปลี่ยนเป็นผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปตามเสียงที่สร้างขึ้น - In a Silent Way มาจากชื่อเพลง ในอัลบั้มที่มีชื่อเดียวกันของ Miles Davis นักทรัมเป็ตแนวฟิวชั่นแจ๊ส ออกในปี 1969 ==== เมาเท่น ทิม (Mountain Tim) ==== สัญชาติ : อเมริกา ชื่อม้าประจำตัว : โกสต์ ไรเดอร์ส อิน เดอะ สกาย คาวบอยหนุ่มรูปงามจากไวโอมิ่ง ผู้ต้อนฝูงวัวกว่าสามพันตัวข้ามทุ่งหญ้า 400 กิโลเมตรในทุกๆปี เข้าร่วมการแข่งขันด้วยจุดประสงค์บางอย่างที่ไม่ใช่เงินรางวัล ความสามารถ : เมาเท่น ทิม มีความเชี่ยวชาญในการใช้บ่วงบาศก์เชือกได้แม่นราวกับจับวาง ความสามารถสแตนด์ : โอ้! โลนซั่ม มี (オー!ロンサム・ミー - Oh! Lonesome me) พลังสแตนด์ของเมาเท่นทิมคือ เขาสามารถแยกชิ้นส่วนร่างกายของตัวเองและเป้าหมาย เพื่อส่งผ่านไปตามเชือกได้ แล้วต่อกลับคืนเหมือนเดิมที่ปลายทาง - Mountain Tim แปลงมาจากชื่อ Mountain Jam เพลงของวง The Allman Brothers - Oh! Lonesome me มาจากชื่ออัลบั้ม ของนักร้องเพลงคันทรี Don Gibson ในปี 1958 ซึ่งในวงการเพลงคันทรีได้ขนานนามอัลบั้มนี้ ว่าเป็นต้นกำเนิดของซาวนด์ในแบบฉบับแนชวิล (Nashville Sound) - Ghost Riders in the Sky ชื่อม้าของเขา มาจากเพลงคันทรี (Ghost) Riders in the Sky: A Cowboy Legend ของ Stan Jones นักแต่งเพลงแนวอเมริกันคันทรี โดยถูกเขียนขึ้นในปี 1948 ==== ฮ็อตแพนท์ (Hot Pants) ==== สัญชาติ : อเมริกัน ชื่อม้าประจำตัว : เก็ทท์ อัพ (Gets Up) แม่ชีที่เข้าร่วมงานแข่ง สตีลบอลรัน เพื่อรวมรวบซากศพศักดิ์สิทธิ์เพื่อที่ตนจะได้รับการให้อภัยจากพระเจ้าและน้องชายของตน, เมื่อตนยังเด็กตนได้ผลักน้องชายของตนไปให้หมีกริซลีย์ฆ่า ตนไม่ได้ตั้งใจตนจึงมาเป็นแม่ชีเพื่อหาการให้อภัยจากพระเจ้าและน้องชายของตน ความสามารถสแตนด์ : ครีม สตาร์เตอร์ (Cream Starter) เมื่อฮ็อตแพนท์แตะต้องเนื้อของใคร (รวมทั้งของตัวเองด้วย) ก็จะสามารถสูบเอาเนื้อที่แตะนั้นมาเปลี่ยนเป็นสเปรย์เนื้อฉีดออกทางกระบอกสเปรย์เล็กๆที่พกติดตัวไว้ได้ โดยเมื่อฉีดออกไปแล้วก็สามารถคืนรูปเป็นอวัยวะได้เหมือนเดิมในภายหลัง ใช้ในการรักษาบาดแผลได้ด้วยโดยการฉีดเนื้อลงบนส่วนที่บาดเจ็บ และสามารถเก็บกลิ่นของคนๆนั้นได้ - Cream Starter มาจากการผสมระหว่างวง Cream และเพลง Fire Starter ของ Prodigy - Hot Pants นำมาจากชื่อเพลง Hot Pants ของ James Brown ในปี 1971-1975 ดิเอโก้ แบรนโด้ (Diego Brando-DIO) สัญชาติ : อังกฤษ ชื่อม้าประจำตัว : ซิลเวอร์ บุลเล็ต จ๊อกกี้หนุ่มอัจฉริยะจากประเทศอังกฤษ ในสมัยเด็กเคยยากจนแร้นแค้นและโดนกลั่นแกล้งมากมาย จึงสาบานตนว่าเมื่อโตขึ้นจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินตราโดยไม่สนวิธีการใดๆทั้งสิ้น ความสามารถสแตนด์ : สแครี่ มอนสเตอร์ (スケアリー・モンスター - Scary Monster) เป็นความสามารถที่หลงเหลือมาจาก ดร.เฟอร์ดินานด์ ดิโอสามารถแปลงร่างเป็นไดโนเสาร์เพื่อเพิ่มพลังความสามารถทางกายได้ - Scary Monster น่าจะมาจากชื่อเพลงและอัลบั้ม Scary Monsters (and Super Creeps) ของ David Bowie ในปี 1980 - Silver Bullet ชื่อม้าของเขา น่าจะมาจากเพลงชื่อเดียวกันของ Hawthorne Heights วงดนตรีอีโม-สครีโม จากอัลบั้ม The Silence in Black and White ในปี 2004 ==== บูมบูม แฟมิลี่ (Boomboom Family - ฉบับภาษาไทยยึดหลักการออกเสียงตามภาษาญี่ปุ่นเป็น บูนบูน) ==== ความสามารถสแตนด์ : (ไม่ทราบชื่อ) สมาชิกตระกูลทั้งสามคนมีสแตนด์ที่รูปร่างและความสามารถคล้ายกัน หลักๆแล้วคือการใช้เลือดของตัวเองเป็นตัวเหนี่ยวนำโลหะให้ดึงดูดเข้าหากันเหมือนมีแรงแม่เหล็ก ยิ่งเป้าหมายอยู่ใกล้กัน แรงดูดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น - ชื่อของครอบครัวนี้ เป็นไปได้ว่ามาจากแรปเปอร์ Andre 3000 (สมาชิกวงดูโอ้ Outkast) ซึ่งมีชื่อจริงว่า Andre Lauren Benjamin ==== เบนจามิน บูนบูน (Benjamin Boomboom) ==== สัญชาติ : อเมริกา ชื่อม้าประจำตัว : ครอสทาวน์ แทรฟฟิค ความสามารถ : บูมบูมคนพ่อ สามารถใช้พลังสแตนด์ในการดูดวัตถุทำจากโลหะเข้าไปในร่างกายตัวเอง เพื่อเปลี่ยนรูปร่างเป็นคนอื่นได้ - Crosstown Traffic เป็นชื่อเพลงของ Jimi Hendrix ==== อังเดร บูมบูม (Andre Boomboom) ==== สัญชาติ : อเมริกา ชื่อม้าประจำตัว : ฟ็อกซี่เลดี้ ความสามารถ : ลูกชายคนโตของตระกูล เลือดในร่างกายเขาทนต่อพิษประเภทต่างๆได้ - Foxy Lady เป็นชื่อเพลงของ Jimi Hendrix ออกในปี 1967 ==== แอลเอ บูมบูม (L.A. Boomboom) ==== สัญชาติ : อเมริกา ชื่อม้าประจำตัว : ลิตเติ้ลวิงค์ ความสามารถ : ลูกชายคนเล็กของตระกูล แต่รูปลักษณ์ภายนอก (และนิสัย) ดูเหมือนกะเทย สามารถควบคุมผงเหล็กเพื่อใช้โจมตีได้ - Little Wink เป็นชื่อเพลงของนักร้องคันทรี่ชาวอเมริกัน Neal McCoy โอเยโคโมวา (Oyecomova) สัญชาติ : อิตาลี ชื่อม้าประจำตัว : ไม่ทราบชื่อ ความสามารถสแตนด์ : (ไม่ทราบชื่อ) พลังของโอเยโคโมวาสามารถติดสลักระเบิดลงบนวัตถุใดๆที่เขาสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นของที่จับต้องได้หรือกระแสอากาศก็ตาม เมื่อสลักหลุดออกก็จะเกิดการระเบิดขึ้น - Oyecomova มาจากชื่อเพลง ของ Tito Puente นักดนตรีแนวลาติน-แจ๊ส,แมมโบ ในปี 1963 แต่มาเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายอีกครั้ง ในอัลบั้ม Abraxas (1970) โดยการคัฟเวอร์ของ Carlos Santana === ศัตรูอื่นๆ === ==== เจ้าหนูพอร์ค พาย แฮ็ท (Pork Pie Hat Kid) ==== ความสามารถสแตนด์ : ไวเออร์ด (Wired) พลังของเขาอยู่ในรูปของปั้นจั่นเล็กๆสองอันที่เก็บไว้ในปาก แต่แข็งแรงขนาดสามารถยกวัวได้ทั้งตัว นอกจากนี้ยังสามารถส่งผ่านปั้นจั่นไปในระยะไกลได้โดยมีจานใส่น้ำเป็นสื่อกลาง - Pork Pie Hat มาจากเพลงชื่อ Goodbye Pork Pie Hat โดย Jeff Beck เป็นหนึ่งในเพลงจากอัลบั้ม Wired - Wired มาจากชื่อโซโล่อัลบั้มของ Jeff Beck หนึ่งในมือกีตาร์ระดับตำนาน โดยออกในปี 1976 ==== ดร.เฟอร์ดินานด์ (Dr. Ferdinand) ==== ความสามารถสแตนด์ : สแครี่ มอนสเตอร์ส (Scary Monsters) พลังของเธอคือการแปรเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตให้กลายเป็นไดโนเสาร์ และใช้ไดโนเสาร์เหล่านี้เปลี่ยนคนอื่นๆให้เป็นไดโนเสาร์ไปด้วยโดยการสร้างบาดแปลให้กับคนๆนั้น แต่ตัวของเฟอร์ดินานด์เองไม่สามารถเปลี่ยนร่างได้ เป็นเหมือนกับหอบังคับการเท่านั้น - Dr. Ferdinand มาจากชื่อวง Franz Ferdinand - Scary Monsters มาจากชื่อเพลง และอัลบั้ม ของ David Bowie ==== ริงโก้ โร้ดอะเกน (Ringo Roadagain) ==== ความสามารถสแตนด์ : แมนดั้ม (Mandom) สามารถย้อนเวลากลับไปได้ 6 วินาที โดยใช้การหมุนเข็มนาฬิกาข้อมือเป็นเครื่องมือ ==== แบล็คมอร์ (Blackmore) ==== ความสามารถสแตนด์ : แคทช์ เดอะ เรนโบว์ (Catch the Rainbow) พลังของเขาคือการทำให้หยดน้ำหยุดนิ่งกลางอากาศ และขึ้นเหยียบได้หรือใช้มันเป็นใบมีดที่แหลมคมในการจู่โจม ดังนั้นในวันฝนตกจึงเป็นวันที่เขาจะเก่งกาจที่สุด นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าสามารถแยกร่างตัวเองผ่านไปตามสายฝนได้อีกด้วย - Blackmore มากจากชื่อ Ritchie Blackmore สมาชิกวง Rainbow วงเฮฟวี่เมทัลสัญชาติอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นในปี 1975 ภายหลังแบล็คมอร์ย้ายไปร่วมงานกับวง Black Sabbath ในปี 1979 - Catch the Rainbow มาจากชื่อเพลง Catch the Rainbow ของวง Rainbow ==== ชูการ์ เมาเท่น (Sugar Mountain) ==== เด็กหญิงที่เฝ้าบ่อน้ำลึกลับมานานนับสิบปีแล้ว ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าบ่อน้ำนี้คือพลังสแตนด์หรืออะไรกันแน่ แต่มันจะทดสอบผู้ที่ผ่านเข้ามาโดยการหยิบยื่นของที่คนผู้นั้นทำตกลงในบ่อน้ำให้เลือก สิ่งหนึ่งจะเป็นของชั้นดี และอีกสิ่งจะเป็นของชั้นเลว หากผู้ถูกทดสอบเกิดความโลภและเลือกของชั้นดีไปก็จะถูกกระชากลิ้นจนตาย แต่หากมีความซื่อสัตย์ก็จะได้รับสมบัติมีค่ามาแทน โดยมีข้อแม้ว่าต้องใช้สมบัติที่ได้มานั้นให้หมดก่อนตะวันตกดิน มิฉะนั้นจะถูกทำให้กลายเป็นต้นไม้เฝ้าบ่อน้ำนี้ต่อไป ==== ชาย 11 คน (Eleven men) ==== ความสามารถสแตนด์ : แท็ตทู ยู (Tattoo You) เป็นรอยสักที่อยู่ด้านหลังของชายทั้ง 11 คน ทั้ง 11 คนสามารถมุดลอดเข้าออกระหว่างกันและกันผ่านทางรอยสักนี้ได้อย่างอิสระ - Tattoo You คือชื่ออัลบั้มที่ 18 ของวง The Rolling Stones วางแผงเป็นครั้งแรกในปี 1981 ==== ไมค์ โอ (Mike O') ==== ความสามารถสแตนด์ : ทิวบูล่าร์ เบลส์ (Tubular Bells) พลังของเขาคือการเป่าลมใส่ตะปูให้กลายเป็นลูกโป่ง และบิดมันเป็นรูปร่างสัตว์ต่างๆได้ สัตว์ลูกโป่งเหล่านี้จะมีความสามารถเหมือนกับสัตว์จริงๆ เป็นสแตนด์ที่รวมเอาความยืดหยุ่นของลูกโป่งและความแหลมคมอันตรายของตะปูเข้าด้วยกัน และสามารถเลือกเป้าหมายให้พวกสัตว์ลูกโป่งโจมตีได้ด้วย เช่นจำกลิ่นของเป้าหมายที่เลือกและโจมตีมัน - Mike O มาจากชื่อของ Mike Oldfield นักดนตรีและนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ - Tubular Bells เป็นชื่ออัลบั้มแรกสุกของนักแต่งเพลงและนักดนตรีชาวอังกฤษ Mike Oldfield ออกในปี 1973 ซึ่งยอดขายถล่มทลายหลังจากเพลงแรกสุดจาดอัลบั้มนี้ ได้นำไปใช้เป็นเพลงเปิดของภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง The Exorcise (1973) เวคอัพพีเพิล (Wekapipo - Wake up People) ความสามารถ : เรคกิ้งบอล (Wrecking Ball) ไม่ใช่ความสามารถสแตนด์ แต่เป็นวิชาหมุนลูกเหล็กที่สืบทอดมาเช่นเดียวกับของไจโร่ ลูกเหล็กของเขาประกอบด้วยลูกบริวารเล็กๆอีกหลายลูก ซึ่งจะกระจายออกไปโจมตีศัตรูหลังจากที่ขว้างลูกเหล็กแรกออกไปแล้ว หากโดนเข้าจังๆก็อาจถึงตายได้ แต่หากโดนเฉี่ยวๆจะทำให้ร่างกายซีกซ้ายเป็นอัมพาต และมองไม่เห็นทุกๆสิ่งที่อยู่ทางซ้ายของตน มาเจนต้า มาเจนต้า (Magenta Magenta) ความสามารถสแตนด์ : ทเวนตี้ เซนจูรี่ บอย (20th Century Boy) เป็นเหมือนชุดสูทที่จะถ่ายทอดแรงปะทะทั้งหมดลงสู่ดิน ทำให้ไม่เกิดความเสียหายใดๆแก่ร่างต้น แต่ขณะที่สวมไว้จะไม่สามารถขยับตัวได้เลย ==== แอ็คเซล โร (Axl RO) ==== ความสามารถสแตนด์ : ซีวิล วอร์ (Civil War) ผู้ที่เข้ามาอยู่ในระยะจู่โจมของสแตนด์ จะถูกบาปในอดีตกลับมาตามหลอกหลอน หรือถ้าเป็นสิ่งของถ้าไปสัมผัสมันเข้ามันจะไปรวมเข้ากับตัวผู้สัมผัส วิธีที่จะหลุดพ้นได้คือต้องชำระล้างด้วยน้ำสะอาด หรือโยนบาปนั้นให้คนอื่น - Axl RO มาจากชื่อ Axl Rose นักร้องนำวง Guns n' Roses - Civil War เป็นเพลงของวง Guns n' Roses ออกในปี 1993 ==== ดิสโก้ (Disco) ==== ความสามารถสแตนด์ : ช็อคโกแลต ดิสโก้ (Chocolate Disco) สามารถนำวัตถุใด้ๆที่มีเป้าหมายมาที่ตนเอง ให้เปลี่ยนตำแหน่งไปในพิกัดที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ === ตัวละครอื่นๆ === ==== สตีเฟ่น สตีล (Stephen Steel) ==== โปรโมเตอร์งานแข่งสตีล บอล รัน ในอดีตเคยเป็นโปรโมเตอร์จัดงานแสดงต่างๆมากมาย จนวันหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกลวงโลก ชีวิตจึงตกต่ำจนถึงขีดสุด ในตอนนั้นเองที่ได้พบกับลูซี่ ซึ่งเป็นคนเสนอให้จัดงานแข่งม้าข้ามทวีปขึ้น แม้ตัวสตีลเองจะคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล แต่กลับได้รับความสนใจจากสปอนเซอร์มากมาย กำหนดการแข่งสตีล บอล รัน จึงเกิดขึ้นในอีกสองปีถัดมา ซึ่งณ เวลานั้น สตีลก็นึกถึงบุญคุณของลูซี่ขึ้นมาได้ จึงขอเธอแต่งงาน ==== ลูซี่ สตีล (Lucy Steel) ==== หญิงสาวอายุ 14 ปี ที่เป็นผู้จุดกำเนิดการแข่งสตีล บอล รัน แม้จะยังเด็กแต่ก็ตอบรับคำขอแต่งานของสตีลอย่างเต็มใจ เป็นหญิงสาวที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวมาก และจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องสามีของตนเอง\ ความสามารถ: ทิคเก็ต ทู ไรด์ (Ticket to Ride) - ชื่อของเธอมาจากเพลง Lucy in the Sky with Diamond ของ The Beatles - ชื่อความสามารถมาจากเพลว Ticket to Ride ของ The Beatles ==== ฟันนี่ วาเลนไทน์ (Funny Valentine, the President) ==== ประธานาธิบดีคนที่ 23 แห่งสหรัฐอเมริกา เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการแข่งสตีล บอล รัน โดยมีจุดมุ่งหมายแท้จริงเพื่อรวบรวมชิ้นส่วนซากศพนักบุญให้ครบ ความสามารถ: เดอร์ตี้ ดีดส์ ดัน เดิร์ท ซีพ (Dirty Deeds Done Dirt Cheap) เรียกสั้นๆว่า D4C สามารถเดินทางไปตามมิติคู่ขนานได้ - ชื่อของเขา มาจากเพลง My Funny Valentine ของ Frank Sinatra - Dirty Deeds Done Dirt Cheap มากจากชื่อเพลงของวง AC/DC สการ์เล็ต วาเลนไทน์ (Scarlet Valentine) ภรรยาของประธานาธิบดีสหรัฐ จริงๆแล้วเป็นพวกชอบผู้หญิงด้วยกัน? ==== เจ้าหน้าที่งานแข่ง (Competition Officer) ==== เจ้าหน้าที่ชายร่างเล็กที่คอยประจำอยู่ในทุกๆจุดของสถานีบริการสำหรับงานแข่ง มีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกันไปหมดไม่ว่าจะประจำอยู่ที่ไหนก็ตาม == รายชื่อตอน == โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ มังงะที่ตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2547
thaiwikipedia
1,925
จังหวัดพัทลุง
พัทลุง เป็นจังหวัดในภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ห่างจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 860 กิโลเมตร มีจังหวัดที่อยู่ติดกันได้แก่ นครศรีธรรมราช ตรัง สตูล สงขลา และมีพื้นที่ด้านตะวันออกของจังหวัดจรดทะเลสาบสงขลา ในอดีต พัทลุงเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่แห่งหนึ่ง และยังมีสภาพภูมิประเทศทั้งที่ราบ เนินเขา และชายฝั่ง โดยทางทิศตะวันตกของจังหวัด จะเป็นพื้นที่ที่ราบสูงและที่ราบเชิงเขา อันเนื่องมาจากมีพื้นที่ติดต่อกับทิวเขานครศรีธรรมราช ถัดลงมาทางตอนกลางและทางทิศตะวันออกของจังหวัด จรดทะเลสาบสงขลาจะเป็นที่ราบลุ่ม เหมาะแก่การทำการเกษตรกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำนาข้าว ชาวภาคใต้จะเรียกจังหวัดนี้ว่า "เมืองลุง" == สัญลักษณ์ประจำจังหวัด == คำขวัญประจำจังหวัด : เมืองหนังโนรา อู่นาข้าว พราวน้ำตก แหล่งนกน้ำ ทะเลสาบงาม เขาอกทะลุ น้ำพุร้อน ตราประจำจังหวัด : ปรากฏเป็นรูปภูเขาอกทะลุ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของจังหวัด ซึ่งภูเขาอกทะลุนี้ ตั้งอยู่ในตัวอำเภอเมืองพัทลุง ปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ มีบันไดทอดตัวยาวขึ้นจากเชิงเขาถึงถ้ำ ซึ่งเป็นรูอยู่ตรงกลางเพื่อให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมทิวทัศน์ของจังหวัดพัทลุง ได้อย่างกว้างขวาง หากแต่ปัจจุบันยังขาดการดูแล ปรับปรุงและพัฒนาที่ยั่งยืนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัด ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นพะยอม (Shorea roxburghii) ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกพะยอม สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลากระแหหรือปลาลำปำ (Barbonymus schwanenfeldii) == ที่ตั้ง == จังหวัดพัทลุง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของภาคใต้ของประเทศไทย ระหว่างละติจูดที่ 7 องศา 6 ลิปดาเหนือถึง 7 องศา 53 ลิปดาเหนือ และลองจิจูดที่ 100 องศา 5 ลิปดาตะวันออก ห่างจากกรุงเทพมหานครตามเส้นทางสายเอเชีย (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 41) เป็นระยะทางประมาณ 858 กิโลเมตร และตามเส้นทางรถไฟ ระยะทางประมาณ 846 กิโลเมตร ความยาวของจังหวัดจากทิศเหนือไปทิศใต้ประมาณ 78 กิโลเมตรและความกว้างจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก ระยะทางประมาณ 53 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 3,424.473 ตารางกิโลเมตร หรือ 2,140,296 ไร่ (พื้นดิน 1,919,446 ไร่ พื้นน้ำ 220,850 ไร่) มีเขาที่สูงที่สุดคือเขาเจ็ดยอด อยู่ในเทือกเขาบรรทัด สูงประมาณ 1,260 เมตร มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดนครศรีธรรมราช ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดสตูลและจังหวัดสงขลา ทิศตะวันออก ติดต่อกับทะเลสาบสงขลาซึ่งเป็นน่านน้ำติดต่อกับจังหวัดสงขลา ทิศตะวันตก ติดต่อกับทิวเขาบรรทัด ซึ่งเป็นแนวติดต่อกับจังหวัดตรัง == ประวัติ == พัทลุงเป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย ที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ดังปรากฏหลักฐานจากการค้นพบขวานหินขัดในท้องที่ทั่วไปหลายอำเภอในสมัยศรีวิชัย (พุทธศตวรรษที่ 13–14) บริเวณเมืองพัทลุงเป็นแหล่งที่ได้รับวัฒนธรรมอินเดียในด้านพระพุทธศาสนาลัทธิมหายาน มีหลักฐานค้นพบ เช่น พระพิมพ์ดินดิบจำนวนมากเป็นรูปพระโพธิสัตว์ รูปเทวดาโดยค้นพบบริเวณถ้ำคูหาสวรรค์ และถ้ำเขาอกทะลุ ในพุทธศตวรรษที่ 19 เมืองพัทลุงได้ตั้งขึ้นอย่างมั่นคงภายใต้การปกครองของกรุงศรีอยุธยา ในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ ได้ปรากฏชื่อเมืองพัทลุง ในกฎหมายพระอัยการนาทหารหัวเมือง พ.ศ. 1998 ระบุว่าเมืองพัทลุงมีฐานะเป็นเมืองชั้นตรี ซึ่งนับได้ว่าเป็นหัวเมืองหนึ่งของพระราชอาณาจักรทางใต้ ที่ตั้งเมืองพัทลุงในระยะเริ่มแรกนั้นเชื่อกันว่า ตั้งอยู่ที่เมืองสทิงพระ จังหวัดสงขลาในปัจจุบัน มักจะประสบปัญหาโดนโจมตีจากกลุ่มโจรสลัดมลายูอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มโจรสลัดราแจะอารูและอุยงคตนะ ได้เข้าปล้นสดมภ์โจมตีเผาทำลายเมืองอยู่เนือง ๆ ในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรม ด๊ะโต๊ะโมกอล ชาวมุสลิมที่อพยพมาจากเมืองสาเลห์ บริเวณหมู่เกาะชวา ซึ่งเป็นต้นตระกูลของสุลต่านสุไลมาน แห่งเมืองสงขลาได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานค้าขาย ณ หัวเขาแดง แล้วตั้งประชาคมมุสลิมขึ้น ตรงนั้นอย่างสงบ ไม่มีการขัดแย้งกับชาวเมืองที่อยู่มาก่อน ปักหลักอยู่ยาวนานจนมีผู้คนอพยพมาอาศัยอยู่มากขึ้นในที่สุดก็พัฒนาขึ้นมาเป็นเมืองท่าปลอดภาษี มีเรือสำเภาแวะเข้ามาซื้อ บทบาทของดะโต๊ะโมกอลได้รับการสนับสนุนจากอาณาจักรศรีอยุธยาด้วยดี พระเจ้าทรงธรรมโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น "ข้าหลวงใหญ่" ผู้ดำรงตำแหน่งนี้ต่อมาคือท่านสุไลมานบุตรชายคนโต มีหน้าที่ปกครองดูแลรักษาความสงบของพื้นที่ตั้งแต่ตอนล่างของนครศรีธรรมราช มาจดเขตปัตตานี ครอบคลุมครึ่งล่างของเมืองตรัง ปะเหลียน พัทลุง และสงขลา นอกจากนี้ก็ต้องเก็บส่วยสาอากรส่งถวายพระเจ้าแผ่นดินที่กรุงศรีอยุธยา ท่านสุไลมานก็ได้ทำหน้าที่นี้เรียบร้อยด้วยดีมาตลอด ต่อมาได้ย้ายเมืองสงขลาจากสทิงพระมายังหัวเขาแดงซึ่งมีชัยภูมิป้องกันตนเองได้ดีกว่า ในสมัยสุลต่านสุไลมาน บุตรของดะโต๊ะโมกอล ได้ส่ง ฟาริซีน้องชายซึ่งเป็นปลัดเมืองมาสร้างเมืองใหม่ที่เขาชัยบุรี เพื่อป้องกันศัตรูที่จะมาโจมตีเมืองสงขลาทางบก ภายหลังได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นเจ้าเมืองพัทลุง และได้ย้ายเมืองพัทลุงออกจากเมืองสงขลาตั้งแต่นั้น และตั้งเมืองอยู่ที่เขาชัยบุรีตลอดมาจนกระทั่งสิ้นกรุงศรีอยุธยาเมื่อปี พ.ศ. 2310 ในสมัยธนบุรีและรัตนโกสินทร์ ได้มีการย้ายสถานที่ตั้งเมืองอีกหลายครั้งและได้ยกขึ้นเป็นเมืองชั้นโทในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในช่วงนี้เมืองพัทลุงมีผู้นำที่มีความสำคัญในการสร้างความเจริญและความมั่นคงให้กับบ้านเมืองหลายท่าน อาทิ พระยาพัทลุง (ขุนคางเหล็ก) พระยาวิชิตเสนา (ทองขาว)พระยาอภัยบริรักษ์ (จุ้ย จันทร์โรจน์วงศ์) ส่วนประชาชนชาวเมืองพัทลุงก็ได้มีบทบาทในการร่วมมือกับผู้นำ ต่อสู้ป้องกันเอกราชของชาติมาหลายครั้ง เช่น เมื่อสงครามเก้าทัพ (พ.ศ. 2328 – 2329) พม่าจัดกองทัพใหญ่ 9 ทัพ 1 ใน 9 ทัพ มีเกงหวุ่นแมงยีเป็นแม่ทัพ ยกลงมาตีทางใต้ ตีได้เมืองกระบุรี ระนอง ชุมพร ไชยา และนครศรีธรรมราชตามลำดับ และในขณะที่กำลังจัดไพร่พลอยู่ที่นครศรีธรรมราช เพื่อจะยกมาตีเมืองพัทลุงและสงขลานั้น พระยาพัทลุงโดยความร่วมมือจากพระมหาช่วยแห่งวัดป่าลิไลยก์ ได้รวบรวมชาวพัทลุงประมาณ 1,000 คน ยกออกไปตั้งขัดตาทัพที่คลองท่าเสม็ด จนกระทั่งทัพของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท วังหน้าในรัชกาลที่ 1 ทรงยกกองทัพมาช่วยหัวเมืองปักษ์ใต้ ตีทัพพม่าแตกหนีไป พระมหาช่วยได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ลาสิกขาแล้วแต่งตั้งเป็นพระยาทุกขราษฎร์ช่วยราชการเมืองพัทลุง นอกจากสงครามกับพม่าแล้วชาวพัทลุงยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติในหัวเมืองภาคใต้ เพราะปรากฏอยู่เสมอว่าทางเมืองหลวงได้มีคำสั่งให้เกณฑ์ชาวพัทลุง พร้อมด้วยเสบียงอาหารไปทำสงครามปราบปรามกบฏในหัวเมืองมลายูเช่น กบฏไทรบุรี พ.ศ. 2373 และ พ.ศ. 2381 ซึ่งบทบาทดังกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นความสำคัญของเมืองพัทลุง ทางด้านการเมือง การปกครองในอดีตเป็นอย่างดี ครั้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ปฏิรูปการปกครองเป็นแบบเทศาภิบาลใน พ.ศ. 2437 และได้ประกาศจัดตั้งมณฑลนครศรีธรรมราชขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2439 ประกอบด้วยเมืองต่างๆ คือ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และหัวเมืองทั้ง 7 ที่เป็นเมืองปัตตานีเดิม สำหรับเมืองพัทลุงแบ่งการปกครองออกเป็น 3 อำเภอ คืออำเภอกลางเมือง อำเภออุดร และอำเภอทักษิณ ขณะนั้นตัวเมืองตั้งอยู่ที่ตำบลลำปำ จนกระทั่ง พ.ศ. 2467 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองพัทลุงมาอยู่ที่ตำบลคูหาสวรรค์ในปัจจุบัน เพื่อจะได้อยู่ใกล้เส้นทางรถไฟ และสะดวกในด้านติดต่อกับเมืองต่าง ๆ จากอดีตถึงปัจจุบัน เมืองพัทลุงได้มีการย้ายเมืองหลายครั้งสถานที่เคยเป็นที่ตั้งเมืองพัทลุงมาแล้ว ได้แก่ โคกเมืองแก้ว ปัจจุบัน หมู่ที่ 4 ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน บ้านควนแร่ ปัจจุบัน หมู่ที่ 1 ตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมืองพัทลุง เขาชัยบุรี(เขาเมือง) ปัจจุบัน เขต 3 ตำบล คือตำบลชัยบุรี อำเภอเมืองพัทลุง ท่าเสม็ด ปัจจุบัน ตำบลท่าเสม็ด อำเภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช เมืองพระรถ ปัจจุบัน หมู่ที่ 1 ตำบลควนมะพร้าว อำเภอเมืองพัทลุง บ้านควนมะพร้าว ปัจจุบัน หมู่ที่ 2 ตำบลพญาขัน อำเภอเมืองพัทลุง บ้านม่วง ปัจจุบัน หมู่ที่ 6 ตำบลพญาขัน อำเภอเมืองพัทลุง บ้านโคกลุง ปัจจุบัน หมู่ที่ 4 ตำบลลำปำ อำเภ เมืองพัทลุง ในปี พ.ศ. 2476 ได้มีการจัดระเบียบบริหารส่วนภูมิภาคเป็นจังหวัดและอำเภอ ได้ยกเลิกการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล ทำให้เมืองพัทลุงมีฐานะเป็นจังหวัดหนึ่ง ในปัจจุบันจังหวัดพัทลุง แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 11 อำเภอ คือ อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอควนขนุน อำเภอเขาชัยสน อำเภอปากพะยูน อำเภอกงหราอำเภอตะโหมด อำเภอป่าบอน อำเภอศรีบรรพต อำเภอป่าพะยอม อำเภอบางแก้ว และอำเภอศรีนครินทร์ == หน่วยการปกครอง == การปกครองแบ่งออกเป็น 11 อำเภอ 65 ตำบล 670 หมู่บ้าน {| |--- valign=top || อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอกงหรา อำเภอเขาชัยสน อำเภอตะโหมด อำเภอควนขนุน อำเภอปากพะยูน อำเภอศรีบรรพต อำเภอป่าบอน อำเภอบางแก้ว อำเภอป่าพะยอม อำเภอศรีนครินทร์ ||  |} == การปกครองส่วนท้องถิ่น == จังหวัดพัทลุง มีการแบ่งการปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เฉพาะรูปแบบทั่วไป ดังนี้ จังหวัดพัทลุงมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 74 แห่ง ประกอบด้วย องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จำนวน 1 แห่ง เทศบาล จำนวน 49 แห่ง (แยกเป็นเทศบาลเมือง จำนวน 1 แห่ง และเทศบาลตำบล จำนวน 48 แห่ง) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จำนวน 24 แห่ง [ที่มา:สำนักส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดพัทลุง (พฤษภาคม 2564)] ====องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)==== มีองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง ประกอบไปด้วย ฝ่ายบริหารคือ นายก อบจ. พัทลุงพร้อมรองนายกอบจ. (2 ท่าน) เลขานุการนายกอบจ. (3 ท่าน) ที่ปรึกษานายกอบจ. (2 ท่าน) และที่ปรึกษาพิเศษนายกอบจ. (9 ท่าน) และฝ่ายสภา อบจ. พัทลุง โดยมี สมาชิก อบจ. หรือ สจ. 30 ท่าน เป็นประธานสภาและรองประธานสภาคนที่ 1 และคนที่ 2 อีกทั้งได้เลือกสมาชิกเป็นเลขานุการสภาอบจ. (1 ท่าน) ซึ่งแบ่งเขตของทั้ง 11 อำเภอ 65 ตำบล 670 หมู่บ้าน (การแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละครั้งประกาศโดย กกต.) === เทศบาลเมือง === มีเทศบาลเมือง 1 แห่ง คือ เทศบาลเมืองพัทลุง (ตั้ง พ.ศ. 2479) เขตพื้นที่รับผิดชอบ คือ ตำบลคูหาสวรรค์ (ทั้งตำบล)และบางส่วนของอีก 6 ตำบลในหมู่ต่าง ๆ คือ ตำบลเขาเจียก (หมู่ 11), ตำบลควนมะพร้าว (หมู่ 3), ตำบลลำปำ (หมู่ 3-4, 6-7, 9), ตำบลตำนาน (หมู่ 10), ตำบลปรางหมู่ (หมู่ 9) และ ตำบลท่ามิหรำ (หมู่ 2) === เทศบาลตำบล === จังหวัดพัทลุงมีเทศบาลตำบล 48 แห่ง ในทุกอำเภอ ยกเว้นอำเภอศรีบรรพต (ทั้ง 3 ตำบลยังมีฐานะเป็น อบต. ทั้งหมด) เทศบาลตำบลโคกชะงาย อำเภอเมืองพัทลุง (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลเขาเจียก อำเภอเมืองพัทลุง (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลท่ามิหรำ อำเภอเมืองพัทลุง (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลนาท่อม อำเภอเมืองพัทลุง (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลปรางหมู่ อำเภอเมืองพัทลุง (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลพญาขัน อำเภอเมืองพัทลุง (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลร่มเมือง อำเภอเมืองพัทลุง (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลท่าแค อำเภอเมืองพัทลุง (พ.ศ. 2555) เทศบาลตำบลนาโหนด อำเภอเมืองพัทลุง (พ.ศ. 2555) เทศบาลตำบลตำนาน อำเภอเมืองพัทลุง (พ.ศ. 2563) เทศบาลตำบลลานข่อย อำเภอป่าพะยอม (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลบ้านพร้าว อำเภอป่าพะยอม (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลชุมพล อำเภอศรีนครินทร์ (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลบ้านนา อำเภอศรีนครินทร์ (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลลำสินธุ์ อำเภอศรีนครินทร์ (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลอ่างทอง อำเภอศรีนครินทร์ (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลเขาชัยสน อำเภอเขาชัยสน (พ.ศ. 2542) เทศบาลตำบลโคกม่วง อำเภอเขาชัยสน (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลท่ามะเดื่อ อำเภอบางแก้ว (พ.ศ. 2542) เทศบาลตำบลบางแก้ว อำเภอบางแก้ว (พ.ศ. 2550) เทศบาลตำบลควนขนุน อำเภอควนขนุน (พ.ศ. 2542) เทศบาลตำบลหนองพ้อ อำเภอควนขนุน (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน (พ.ศ. 2542) เทศบาลตำบลบ้านสวน อำเภอควนขนุน (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลพนางตุง อำเภอควนขนุน (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลนาขยาด อำเภอควนขนุน (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลดอนทราย อำเภอควนขนุน (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลโตนดด้วน อำเภอควนขนุน (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลแพรกหา อำเภอควนขนุน (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลแหลมโตนด อำเภอควนขนุน (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลปากพะยูน อำเภอปากพะยูน (พ.ศ. 2542) เทศบาลตำบลอ่าวพะยูน อำเภอปากพะยูน (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลหารเทา อำเภอปากพะยูน (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลดอนทราย อำเภอปากพะยูน (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลเกาะนางคำ อำเภอปากพะยูน (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลดอนประดู่ อำเภอปากพะยูน (พ.ศ. 2555) เทศบาลตำบลป่าบอน อำเภอป่าบอน (พ.ศ. 2542) เทศบาลตำบลชะรัด อำเภอกงหรา (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลกงหรา อำเภอกงหรา (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลคลองทรายขาว อำเภอกงหรา (พ.ศ. 2552) เทศบาลตำบลสมหวัง อำเภอกงหรา (พ.ศ. 2555) เทศบาลตำบลตะโหมด อำเภอตะโหมด (พ.ศ. 2542) เทศบาลตำบลเขาหัวช้าง อำเภอตะโหมด (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลแม่ขรี อำเภอตะโหมด (พ.ศ. 2542) เทศบาลตำบลควนเสาธง อำเภอตะโหมด (พ.ศ. 2551) เทศบาลตำบลคลองใหญ่ อำเภอตะโหมด (พ.ศ. 2555) ==== องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ==== จังหวัดพัทลุงมีองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จัดตั้งเมื่อ พ.ศ. 2538 (2 ตำบล)และพ.ศ. 2539 (22 ตำบล) รวมทั้งหมด 24 แห่งในทุกอำเภอ ยกเว้น 2 อำเภอได้ยกฐานะเป็นเทศบาลตำบลทั้งอำเภอคือ อำเภอตะโหมด และอำเภอศรีนครินทร์ อบต. ชัยบุรี อำเภอเมืองพัทลุง (พ.ศ. 2539) อบต. ควนมะพร้าว อำเภอเมืองพัทลุง (พ.ศ. 2539) อบต. ลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง (พ.ศ. 2539) อบต. คลองเฉลิม อำเภอกงหรา (พ.ศ. 2539) อบต. เขาชัยสน อำเภอเขาชัยสน (พ.ศ. 2539) อบต. ควนขนุน อำเภอเขาชัยสน (พ.ศ. 2539) อบต. หานโพธิ์ อำเภอเขาชัยสน (พ.ศ. 2539) อบต. ชะมวง อำเภอควนขนุน (พ.ศ. 2539) อบต. ปันแต อำเภอควนขนุน (พ.ศ. 2539) อบต. พนมวังก์ อำเภอควนขนุน (พ.ศ. 2539) อบต. โคกสัก อำเภอบางแก้ว (พ.ศ. 2539) อบต. นาปะขอ อำเภอบางแก้ว (พ.ศ. 2539) อบต. เกาะหมาก อำเภอปากพะยูน (พ.ศ. 2539) อบต. ฝาละมี อำเภอปากพะยูน (พ.ศ. 2539) อบต. ป่าบอน อำเภอป่าบอน (พ.ศ. 2539) อบต. โคกทราย อำเภอป่าบอน (พ.ศ. 2539) อบต. ทุ่งนารี อำเภอป่าบอน (พ.ศ. 2539) อบต. วังใหม่ อำเภอป่าบอน (พ.ศ. 2538) อบต. หนองธง อำเภอป่าบอน (พ.ศ. 2539) อบต. ป่าพะยอม อำเภอป่าพะยอม (พ.ศ. 2539) อบต. เกาะเต่า อำเภอป่าพะยอม (พ.ศ. 2538) อบต. เขาปู่ อำเภอศรีบรรพต (พ.ศ. 2539) อบต. เขาย่า อำเภอศรีบรรพต (พ.ศ. 2539) อบต. ตะแพน อำเภอศรีบรรพต (พ.ศ. 2539) == รายนามเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง == == อุทยาน == อุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย == การขนส่ง == === ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่าง ๆ === อำเภอศรีนครินทร์ 15 กิโลเมตร อำเภอควนขนุน 21 กิโลเมตร อำเภอเขาชัยสน 28 กิโลเมตร อำเภอศรีบรรพต 31 กิโลเมตร อำเภอป่าพะยอม 35 กิโลเมตร อำเภอกงหรา 39 กิโลเมตร อำเภอบางแก้ว 39 กิโลเมตร อำเภอตะโหมด 40 กิโลเมตร อำเภอป่าบอน 48 กิโลเมตร อำเภอปากพะยูน 65 กิโลเมตร == การศึกษา == === โรงเรียน === โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยทักษิณ โรงเรียนพัทลุง (โรงเรียนประจำจังหวัดพัทลุง) โรงเรียนสตรีพัทลุง (ปัจจุบันเป็นโรงเรียนสหศึกษา) โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ พัทลุง โรงเรียนอุบลรัตนราชกัญญาราชวิทยาลัย พัทลุง ดูเพิ่มเติมที่ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดพัทลุง === ระดับอุดมศึกษา === มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง วิทยาลัยเทคนิคพัทลุง วิทยาลัยสารพัดช่างพัทลุง วิทยาลัยนาฏศิลป์พัทลุง วิทยาลัยการอาชีพบางแก้ว == บุคคลที่มีชื่อเสียง == ประวิทย์ พงษ์ธนานิกร โชติกา วงศ์วิลาศ บัญญัติ สุวรรณแว่นทอง ปวีร์ คชภักดี ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์ อรรถพร ธีมากร อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร รถถัง จิตรเมืองนนท์ วรัญภรณ์ พัฒน์ช่วย ==อ้างอิง== == ดูเพิ่ม == === หนังสือและบทความ === ยงยุทธ ชูแว่น. (2550). พัทลุง: จากเมืองปลายแดนของอยุธยามาสู่เมืองในอาณาจักรในสมัยรัตนโกสินทร์. ใน ยงยุทธ ชูแว่น (บก.), คาบสมุทรไทยในราชอาณาจักรสยาม. น. 107–46. กรุงเทพฯ: นาคร. สารูป ฤทธิ์ชู. สภาพการเมืองพัทลุง พ.ศ. 2315–2439. ใน ยงยุทธ ชูแว่น (บก.), คาบสมุทรไทยในราชอาณาจักรสยาม. น. 149–78. กรุงเทพฯ: นาคร. === ออนไลน์ === รายชื่อวัดในจังหวัดพัทลุง รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดพัทลุง รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดพัทลุง == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด ประวัติจังหวัดพัทลุง รายละเอียดจังหวัดพัทลุง
thaiwikipedia
1,926
โจ โคล
โจเซฟ จอห์น โคล (Joseph John Cole) หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ โจ โคล (Joe Cole) เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ เล่นให้กับแอสตันวิลลาในพรีเมียร์ลีก และทีมชาติอังกฤษ 13 พฤศจิกายน 2018 โจ โคล ในวัย 37 ปี ประกาศอำลาการค้าแข้งอย่างเป็นทางการ ผลงานตลอดการค้าแข้งก็มีการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 ครั้ง เอฟเอ คัพ 3 ครั้ง ลีก คัพ 2 ครั้ง คอมมูนิตี้ชิลด์ 2 ครั้ง == ประวัติ == โจเซฟ จอห์น โคล เกิดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) ณ เขตแพดดิงตัน กรุงลอนดอน หลังจากนั้นเมื่ออายุได้ 6 ปี เขาได้ย้ายไปอยู่ในเขตซัมเมอส์ทาวน์ ชีวิตในวัยเด็ก โจ โคล เข้าเรียนที่โรงเรียนประถมเซนต์แมรี == วงการฟุตบอล == ส่วนชีวิตการค้าแข้งเริ่มเล่นทีมเยาวชนกับสโมสรฟุตบอลเวสต์แฮมและติดทีมชุดใหญ่เมื่ออายุเพียง 17 ปี. ใน พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) ได้ย้ายมาร่วมทีมเชลซี และส่งผลให้เขาติดทีมชาติอังกฤษ ตำแหน่งที่เล่นคือ กองกลางตัวรุก โดยมักจะเล่นทางกราบซ้าย ว่ากันว่าเขามีความสามารถใกล้เคียงกับ เปเล่ มีไหวพริบ และมีทักษะในการเล่นยอดเยี่ยม และในศึกฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมนีเป็นเจ้าภาพ โคลได้ทำประตูที่น่าอัศจรรย์ จากจังหวะที่กองหลังของ ทีมชาติสวีเดนโหม่งสกัดออกมา แล้วโคลก็พักอกหนึ่งจังหวะแล้วช้อนลูกจากนอกกรอบเขตโทษเข้าประตูไปอย่างสวยงาม ซึ่งประตูนั้นก็เป็นประตูที่ทำให้ทีมชาติอังกฤษตีเสมอ ทีมชาติสวีเดนอีกด้วย และประตูของโคลก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นประตูที่สวยที่สุดในศึกฟุตบอลโลก 2006 ในปี (2008) ทางสโมสรเชลซีได้มีการเปิดตัวโค้ชคนใหม่นาม "หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลลารี" ซึ่งเป็นโค้ชชาวบราซิลเข้ามาทำทีม โดยรูปแบบการเล่นของเขาจะใช้ระบบ 4-2-3-1 ซึ่งระบบดังกล่าวจะไม่เน้นใช้ผู้เล่นที่เป็นปีก ทำให้ โจ โคล เป็นเพียงตัวสำรองเป็นระยะเวลานาน เพราะต้องช่วงชิงตำแหน่งผู้เล่นตัวจริงจากนักฟุตบอลในทีมที่เล่นในตำแหน่งกองกลางเป็นปกติอยู่แล้วอย่าง แลมพาร์ด, บัลลัค อีกทั้งยังมี เดโก้ ที่เชลซีดึงตัวมาจากบาร์เซโลนา ได้อย่างยากลำบาก และในเดือนมกราคม โจ โคล ได้รับบาดเจ็บยาวทั้งฤดูกาล ปัจจุบัน โจ โคล มีอายุ 29 ปี และกำลังจะหมดสัญญากับสโมสรเชลซีในซัมเมอร์ที่จะถึง ทำให้มีหลายสโมสรที่สนใจจะคว้าตัว โจ โคล แบบไม่มีค่าตัว ซึ่งสโมสรเหล่านั้นรวมถึงทอตนัมฮอตสเปอร์, อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่ในที่สุดทางสโมสรลิเวอร์พูล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ และแถลงการทางเว็บไซต์สโมสรแล้วว่า ได้เซ็นสัญญากับโจ โคล แล้ว ด้วยสัญญา 4 ปี ค่าเหนื่อย 90,000 ปอนด์ ต่อสัปดาห์ รวมแล้วรับค่าเหนื่อยปีละ 4.7 ล้านปอนด์ โดย โจ โคล จะสวมเสื้อเบอร์ 10 ในการลงเล่นในถิ่นแอนฟิลด์ โคลเริ่มต้นชีวิตนักฟุตบอลกับสโมสรฟุตบอลเวสต์แฮมโดยลงเล่นไปทั้งหมด 149 นัด ยิงได้ 13 ประตู ก่อนจะย้ายมาอยู่กับทีมเชลซีเมื่อปี 2003 จนถึง 2010 ลงเล่น 182 นัด ยิงได้ 28 ประตู โคลได้ทำการย้ายไปอยู่กับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ในปี 2010-2013 โดยลงเล่นไปทั้งหมด 26 นัด ยิงได้ 3 ประตู หลังจากจบฤดูกาล ได้ถูกปล่อยยืมให้กับทีม ออแล็งปิกลียอแน โคลได้ลงเล่นไป 32 นัด 4 ประตู Rudi Garcia ผู้จัดการทีม ออแล็งปิกลียอแน ในขณะนั้น ได้ยืนยันให้ โคลอยู่ต่อกับทีมต่อไป แต่ แบรนแดน ร็อดเจอร์สผู้จัดการทีมคนใหม่ของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลต้องการให้ผู้เล่นกลับมาที่สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล หลังจากหมดสัญญากับลิเวอร์พูล โคลได้ทำการย้ายฟรีไป สโมสรฟุตบอลเวสต์แฮมยูไนเต็ด โคลประเดิมลงสนามครั้งแรกในเกม เอฟเอคัพ พบกับ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เกมดังกล่าวจบด้วยสกอร์ เสมอ 2-2 ในปี 2014 โคล ได้เซ็นสัญญาสองปีกับ สโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลา แบบไร้ค่าตัว ลงเล่นไป 12 นัด 1 ประตู ในปี 2015 โคล ได้เซ็นสัญญาฉุกเฉินกับ สโมสรฟุตบอลคอเวนทรีซิตี ลงเล่นจนจบฤดูกาลก่อนจะย้ายไปสโมสรสุดท้าย ในปลายอาชีพของเขาที่ Tampa Bay Rowdies และในปี 2018 โคลได้ทำการประกาศอำลาวงการลูกหนังอย่างเป็นทางการในวัย 37 ปี == สถิติ == ===ทีมชาติ=== == เกียรติยศ == เวสต์แฮมยูไนเต็ด * แชมป์ยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพ ปี 1999 เชลซี * แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2004-2005, 2005-2006, 2009-2010 * แชมป์เอฟเอคัพ ปี 2007, 2009 * แชมป์ลีกคัพ ปี 2005, 2007 * แชมป์เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ ปี 2005 * นักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรเชลซี จากการโหวตจากแฟนบอลทั่วโลกประจำปี 2008 == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์ของโจ โคล นักฟุตบอลชาวอังกฤษ นักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ‎ ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลเวสต์แฮมยูไนเต็ด ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลเชลซี ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลา ผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก ผู้เล่นในลีกเอิง ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2002 ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2006 ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2010 นักฟุตบอลจากลอนดอน กองกลางฟุตบอล บุคคลจากแพดดิงตัน
thaiwikipedia
1,927
แฟรงก์ แลมพาร์ด
แฟรงก์ เจมส์ แลมพาร์ด (Frank James Lampard; เกิดวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1978) ล่าสุดเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวของเชลซี ในพรีเมียร์ลีก อดีตนักฟุตบอลและนักเขียนหนังสือเด็กชาวอังกฤษ == ประวัติ == แฟรงก์ แลมพาร์ด มีชื่อเต็มว่า แฟรงก์ เจมส์ แลมพาร์ด เกิดวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1978 ที่กรุงลอนดอน ในตระกูลนักฟุตบอล โดยพ่อของเขาคือ แฟรงก์ แลมพาร์ด (ซีเนียร์) เป็นอดีตกองหลังทีมชาติอังกฤษ ลุงของเขาคือ แฮร์รี เรดแนปป์ และเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ เจมี เรดแนปป์ เป็นอดีตนักเตะของเซาแทมป์ตันเช่นเดียวกัน การศึกษาจบจากมหาวิทยาลัยลอนดอน เขาเป็นหนึ่งในอดีตนักเตะเยาวชนของเวสต์แฮมยูไนเต็ด และเคยถูกยืมตัวไปเล่นกับ สวอนซีซิตี ใน ค.ศ. 1995 และย้ายมาร่วมสโมสร เชลซี ใน ค.ศ. 2001 ติดทีมชาติอังกฤษครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1999 แลมพาร์ดเป็นกองกลางที่ทำประตูได้ 200 ประตู ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร และเป็นกองกลางคนที่สองต่อจากแมธทิว ทริสเซอร์ ที่ทำประตูมากว่า 100 ประตูในพรีเมียร์ลีก นอกจากนี้ แลมพาร์ดยังทำสถิติเป็นผู้เล่นคนเดียวที่ทำประตูในพรีเมียร์ลีกมากกว่า 10 ประตูติดต่อกันถึง 9 ฤดูกาลอีกด้วย == สโมสรอาชีพ == === เวสต์แฮมยูไนเต็ด === แลมพาร์ด เริ่มต้นอาชีพฟุตบอลกับสโมสรเวสต์แฮมยูไนเต็ด โดยลงเล่นกับทีมเยาวชนตั้งแต่ ปี 1993 และสร้างผลงานได้ดีพอสมควร โดยเขายังเป็นลูกชายของแฟรงก์ แลมพาร์ด (ซีเนียร์) ผู้ช่วยคนสำคัญของแฮร์รี เรดแนปป์ กุนซือของเวสต์แฮมในขณะนั้นซึ่งเป็นลุงของเขา 1994/1995 เซ็นสัญญาเป็นนักเตะกับสโมสรเวสต์แฮมยูไนเต็ด แต่เขาก็ยังไม่ได้ลงเล่นในชุดใหญ่ โดยลงเล่นในทีมสำรองของสโมสรอื่น 1995/1996 แล้วโอกาสสัมผัสเกมกับทีมชุดใหญ่ก็เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้ โดยลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมพรีเมียร์ชิพ และเขาลงเล่นให้เวสต์แฮม 2 นัดก็ถูกปล่อยตัวให้สวอนซีซิตี ทีมในดิวิชัน 2 ยืมตัวไปใช้งาน โดยลงเล่นกับสวอนซี 9 นัด ทำได้ 1 ประตู 1996/1997 หลังจากกลับมาจากการยืมตัวเขาก็ได้ลงเล่นให้ทีมมากขึ้นในฤดูกาลต่อมา โดยลงเล่นอีก 13 นัด แต่ก็มาโชคร้ายกระดูกขาขวาแตกในนัดปะทะกับแอสตันวิลลา ทำให้ต้องพักยาว 1997/1998 กลับมาเล่นให้ทีมอีกครั้ง โดยยึดตำแหน่งตัวจริงได้สำเร็จ และลงเล่นทั้งหมด 31 นัด ทำได้ 4 ประตู กลายเป็นมิดฟิลด์ดาวรุ่งขวัญใจกองเชียร์ทีมขุนค้อน จากผลงานอย่างต่อเนื่องกับเวสต์แฮมทำให้เขามีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดเล็ก 1998/1999 ยังคงเล่นกับเวสต์แฮมอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ผลงานของทีมจะไปได้ไม่ไกลนัก แต่ชื่อของแฟรงก์ แลมพาร์ดก็เริ่มเข้าไปอยู่ในใจของบรรดากุนซือทั้งหลาย โดยเขาลงเล่นให้เวสต์แฮม 38 นัด ทำได้ 5 ประตู 1999/2000 ฤดูกาลนี้เวสต์แฮมผ่านเข้าไปเล่นยูฟ่าคัพ โดยผ่านการคัดเลือกจากถ้วยอินเตอร์โตโตคัพด้วย ซึ่งแลมพาร์ดก็ยังเล่นให้ทีมอย่างต่อเนื่อง โดยเขาลงเล่นทั้งสิ้น 34 นัด ทำได้ 7 ประตู และเขาก็มีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ โดยเขาลงเล่นครั้งแรกในนัดกระชับมิตรกับเบลเยียมที่สเตเดียมออฟไลต์ (สนามเหย้าของซันเดอร์แลนด์) ในวันที่ 10 ตุลาคม 1999 2000/2001 เขาเป็นนักเตะที่ผลงานคงเส้นคงวามากที่สุดคนหนึ่งในพรีเมียร์ชิพ โดยปีนี้เขาลงเล่น 30 นัด ทำได้ 7 ประตู แต่ผลงานของทีมก็ไม่น่าประทับใจนัก ซึ่งหลังจบฤดูกาลมีหลายทีมต่างให้ความสนใจในตัวเขา และก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นในทีม พ่อและลุงของเขาถูกสโมสรไล่ออก ทำให้เขาเริ่มไม่มีความสุขกับทีมต้นสังกัด และก็เป็นกุนซือ เกลาดีโอ รานีเอรี ของเชลซีที่เสนอเงิน 11 ล้านปอนด์เพื่อซื้อตัวเขาไปร่วมทีม === เชลซี === 2001/2002 เขากลายมาเป็นนักเตะของเชลซีโดยเซ็นสัญญาในวันที่ 14 มิถุนายน 2001 ด้วยค่าตัว 11 ล้านปอนด์ และเริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งที่ท้าทายใหม่อีกครั้ง โดยเขาลงเล่นเป็นกองกลางเคียงข้างกับแอมานุแอล เปอตี ซึ่งถือว่าเป็นคู่กองกลางที่แข็งแกร่งมาก เขาพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเอฟเอคัพในฤดูกาลแรกของทีมสิงโตน้ำเงินคราม แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อนัดชิงพ่ายกับอาร์เซนอล ซึ่งฤดูกาลนี้เองที่อาร์เซนอลคว้าดับเบิลแชมป์เป็นครั้งที่สอง โดยแลมพาร์ดลงเล่นในลีกทั้งสิ้น 37 นัด ทำได้ 5 ประตู และ 1 ประตูจาก 4 เกมในยูฟ่าคัพ ถึงแม้ว่าฤดูกาลนี้เขาจะโชว์ผลงานได้ยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่มีชื่อติดทีมชาติไปร่วมฟุตบอลโลก 2002 ที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น 2002/2003 จากความผิดหวังที่ไม่ได้ร่วมทีมไปฟุตบอลโลกทำให้เขาตั้งใจเล่นมากขึ้นกว่าเดิม และพยายามอย่างยิ่งที่จะไปยึดตัวจริงในทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเขาก็ทำได้ดีเลยทีเดียวโดยพาทีมคว้าอันดับ 4 ของลีก แย่งตำแหน่งการไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกให้ทีมได้สำเร็จ โดยฤดูกาลนี้เขาลงเล่นในลีก 38 นัด ทำได้ 6 ประตู และ 1 ประตูจาก 2 เกมในยูฟ่าคัพ จากผลงานที่ดีวันดีคืนของเขาทำให้เขามีโอกาสก้าวขึ้นไปติดทีมชาติบ่อยครั้งขึ้น 2003/2004 ปีนี้เขาโชว์ฟอร์มได้ดีพอสมควร ทั้งในนามทีมชาติ และกับสโมสรโดยเขาลงเล่นในลีก 38 นัด ทำได้ 10 ประตู และ 4 ประตูจาก 14 เกมในยูฟ่าแชมเปียนลีก เขาได้รางวัลอันดับ 2 นักเตะยอดเยี่ยมของ PFA โดยเป็นรองตีแยรี อ็องรี นักเตะระดับโลกของอาร์เซนอล และปีนี้เองเขายังทำประตูในนามทีมชาติเป็นครั้งแรกในนัดกระชับมิตรพบกับโครเอเชีย ในวันที่ 20 สิงหาคม 2003 ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2004 ที่โปรตุเกสปีนี้เขามีชื่อเป็นตัวจริง ในฐานะนักเตะคนสำคัญของทีม เขาลงเล่นนัดแรกพบฝรั่งเศส และอังกฤษชนะไป 2-1 โดยแลมพาร์ด ทำได้ 1 ประตู ซึ่งนัดต่อมาพบ สวิตเซอร์แลนด์ เขาก็พาทีมชนะไป 3-0 โดยต่อมาพบกับ โครเอเชีย และแลมพาร์ดก็ยิงอีก 1 ประตูในชัยชนะ 4-2 แต่แล้วอังกฤษก็ต้องตกรอบต่อมาด้วยฝีมือเจ้าภาพ ในการดวลจุดโทษ 2004/2005 ปีนี้เองเชลซีมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งโดยการมาของโชเซ มูริญโญ ผู้จัดการทีมคนใหม่ซึ่งพกดีกรีมามากมายทั้งแชมป์ลีกโปรตุเกส แชมป์ยูฟ่าคัพ และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก เขาเปลี่ยนแปลงทีมครั้งใหญ่โดยซื้อนักเตะใหม่เข้ามาเสริมมากมาย แต่แฟรงก์ แลมพาร์ดก็ยังเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมรวมดาราโลกอยู่ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ทีมผิดหวังเขาพาทีมขึ้นคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ และทะลุไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายของแชมป์เปียนลีกแต่ก็พ่ายกับลิเวอร์พูลซึ่งเป็นแชมป์ของแชมป์เปียนลีกในเวลาต่อมาไปด้วยประตูคาใจของแฟนเชลซีทั่วโลก นอกจากนี้ยังพาทีมได้แชมป์ลีกคัพอีกด้วย โดยในฤดูกาลนี้เขาลงเล่นทั้งสิ้น 38 นัด ทำได้ 13 ประตู และ 4 ประตูจาก 12 เกมในยูฟ่าแชมเปียนลีก 2005/2006 เขายังโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างสม่ำเสมอ พาต้นสังกัดขึ้นสู่จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ด้วยคะแนนท่วมท้น และยังยิงประตูอย่างต่อเนื่อง โดยทำลายสถิติลงสนามติดต่อกันยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ชิพของเดวิด เจมส์ที่ทำไว้ 159 นัดลงอย่างสิ้นเชิง โดยฤดูกาลนี้เขาทำได้ 20 ประตู เป็นประตูจากพรีเมียร์ลีก 16 ประตู จากการลงเตะ 35 นัด ซึ่งสูงที่สุดในบรรดากองกลางจาก
thaiwikipedia
1,928
จอห์น เทร์รี
จอห์น จอร์จ เทร์รี (John George Terry) เกิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1980 เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษในตำแหน่งเซ็นเตอร์ แบ็ค ปัจจุบันเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมเลสเตอร์ซิตี == ประวัติ == จอห์น เทร์รี เกิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1980 เล่นฟุตบอลกับเชลซีมาตั้งแต่สมัยเยาวชน เล่นตำแหน่งกองหลังตัวกลาง ติดทีมชาติอังกฤษครั้งแรกใน ค.ศ. 2003 เขามีความรับผิดชอบสูงและเกลียดความพ่ายแพ้ เวลาว่างเขากับเพื่อน ๆ จะไปเล่นเพนต์บอล (Paint Ball) กันเป็นประจำ จอห์น เทร์รี เป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง เป็นขวัญและกำลังใจให้กับลูกทีมทั้งเชลซีและทีมชาติอังกฤษ ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะเคยเป็นแบดบอย ติดเหล้าและการพนัน แต่เขาก็สามารถปรับปรุงตัวใหม่ และก้าวไปสู่ความสำเร็จได้มั่นคง (ว่ากันว่าเทร์รีจะหลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าหรือเบียร์ด้วยการดื่มน้ำส้มคั้นแทน ทุกครั้งที่มีการเลี้ยงฉลองที่ผับหรืองานเลี้ยงรื่นเริง) ดังนั้นเทร์รีจึงอาจจะเป็นผู้ชายในฝันชองสาว ๆ หลายคน ถึงแม้ว่าเขาจะแต่งงานแล้วก็ตาม จอห์น เทร์รี ได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมเชลซีครั้งแรกในเกมพรีเมียร์ลีกนัดที่เชลซีพบกับชาร์ลตัน แอธเลติก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 2001 วันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 ในนัดชิงชนะเลิศของฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก จอห์น เทร์รี ยิงจุดโทษพลาด ทำให้เชลซีต้องพลาดแชมป์ จอห์น เทร์รี ยังมีแฟนบอลมากกว่าที่คิด นอกจากนั้นก่อนที่จะได้เข้ามาในสโมสรเชลซียังถูกตีราคาถึง 70 ล้านปอนด์ทีเดียว เข้ามาวันแรกก็โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมทีเดียว นอกจากนั้นยังมีส่วนในการนำทีมชาติอังกฤษไปถึงฟุตบอลโลกด้วย ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 ฟาบีโอ กาเปลโล ผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ ได้ปลดเทร์รีจากตำแหน่งกัปตันทีมชาติ เนื่องจากข่าวความสัมพันธ์ของเขากับกับวาเนสซา เพอร์รอนเซล ภรรยาของเวย์น บริดจ์ เพื่อนร่วมทีมชาติ ในปี ค.ศ. 2012 เทร์รีลาออกจากการเป็นกองหลังให้กับทีมชาติอังกฤษหลังจากถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษแบนในคดีเหยียดสีผิวแอนทอน เฟอร์ดินานด์ ฟุลแบ็กสโมสรฟุตบอลควีนส์พาร์กเรนเจอส์ เนื่องจากศาลได้มีคำพิพากษาให้จอห์น เทร์รีพ้นผิด แต่สมาคมฟุตบอลอังกฤษยืนยันที่จะริบปลอกแขนของเขา ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้เขาและฟาบีโอ กาเปลโลอย่างมาก เป็นเหตุผลให้ทั้งคู่หันหลังให้ทีมชาติอังกฤษ ฤดูกาล 2014-2015 เทร์รีทำสถิติลงเล่นครบ 38 นัดในลีก ถือเป็นนักเตะคนที่สองที่ไม่ใช่ผู้รักษาประตูซึ่งลงเล่นทุกนาทีกับทีมในหนึ่งฤดูกาล และยังคว้าแชมป์มาครองได้ ต่อจากแกรี พูลลิสเตอร์ ในฤดูกาล 1992-1993 และทำลายสถิติเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังที่ยิงประตูสูงสุดตลอดกาลพรีเมียร์ลีกที่ 41 ประตู แซงหน้าเดวิด อันสเวิร์ท ตำนานฟุลแบ็กของเอฟเวอร์ตัน และพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและแคพิทัลวันคัพ พร้อมทั้งติดทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลอีกด้วย == เกียรติประวัติ == เชลซี * แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล * แชมป์เอฟเอคัพ ปี * แชมป์ลีกคัพ ฤดูกาล * แชมป์คอมมิวนิตีชีลด์ ปี 2005, 2009 * แชมป์ยูฟ่าคัพ ฤดูกาล 2012-2013 * แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2011-2012 === เกียรติประวัติส่วนตัว === นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ปี 2005 == อ้างอิง == นักฟุตบอลชาวอังกฤษ นักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ‎ ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลเชลซี ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลา ผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2006 ผู้เล่นในฟุตบอลโลก 2010 นักฟุตบอลจากลอนดอน ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 บุคคลจากบาร์คิง
thaiwikipedia
1,929
รืด ฟัน นิสเติลโรย
รืด ฟัน นิสเติลโรย (Ruud Van Nistelrooy) มีชื่อเต็มว่า รึตเคอรึส โยฮันเนิส มาร์ตีนึส ฟัน นิสเติลโรย (Rutgerus Johannes Martinus Ruud Van Nistelrooy) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวดัตช์ เคยเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, เรอัลมาดริด, ฮัมบวร์ค และมาลากา (ในลาลิกา) เขาเคยเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนให้กับเปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน ในลีกเอเรอดีวีซี ลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์ == ประวัติ == รืด ฟัน นิสเติลโรย เกิดเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1976 เล่นตำแหน่งกองหน้าและสวมเสื้อหมายเลข 10 ซึ่งเป็นหมายเลขที่โด่งดังที่สุดของเขาในชุดแข่งของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่หมายเลขประจำของเขาในทีมชาติเนเธอร์แลนด์คือหมายเลข 9 เขาย้ายจากสโมสรเปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน มายังแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดใน ค.ศ. 2001 ด้วยค่าตัว 19 ล้านปอนด์ สร้างผลงานที่โดดเด่นด้วยการยิงประตูให้กับต้นสังกัดได้มากถึงกว่า 95 ประตูจากการลงเล่น 150 นัด อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงกับเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม ก็เป็นเหตุให้เขาต้องย้ายจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมายังเรอัลมาดริดด้วยค่าตัว 13 ล้านปอนด์ในปี ค.ศ. 2006 และย้ายเข้าร่วมทีมฮัมบัวร์เกอร์ เอ็สเฟา ในเวลาต่อมา ก่อนที่จะย้ายมายังมาลากาเป็นสโมสรสุดท้าย ฟัน นิสเติลโรย ได้ตัดสินใจยุติการเล่นฟุตบอลในกลางปี ค.ศ. 2012 ด้วยวัย 35 ปี หลังจากพาทีมมาลากาได้อันดับ 4 ในลาลิกา ได้สิทธิ์เข้าไปเล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก == เกียรติประวัติ == แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2002-2003 แชมป์เอฟเอคัพ ฤดูกาล 2003-2004 แชมป์คาร์ลิงคัพ ฤดูกาล 2005-2006 นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ ปี ค.ศ. 2002 == อ้างอิง == นักฟุตบอลชาวดัตช์ ผู้เล่นสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก ผู้เล่นในลาลิกา ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 นักฟุตบอลทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ผู้เล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 บุคคลจากจังหวัดนอร์ทบราแบนต์ กองหน้าฟุตบอล ฟีฟ่า 100 ผู้จัดการทีมเปเอสเฟ ไอนด์โฮเฟิน
thaiwikipedia
1,930
เดอะ ก็อดฟาเธอร์ (นวนิยาย)
เดอะก็อดฟาเธอร์ (The Godfather) เป็นนวนิยายเกี่ยวกับครอบครัวมาเฟียชาวอิตาลี ที่อพยพจากเมืองเล็กๆ ชื่อคอร์เลโอเน ใกล้กับเมืองปาแลร์โม เกาะซิซิลี ไปอยู่ที่เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เขียนโดยมาริโอ พูโซ โดยมีเนื้อเรื่องครอบคลุมช่วงทศวรรษ ค.ศ. 1945 - 1955 ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1969 ต่อมาถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ เดอะก็อดฟาเธอร์ กำกับโดยฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ออกฉายเมื่อปี ค.ศ. 1972 และมีภาคต่ออีก 2 ภาค คือ เดอะก็อดฟาเธอร์ ภาค 2 (1974) เดอะก็อดฟาเธอร์ ภาค 3 (1990) และเป็นภาพยนตร์ฉายทางโทรทัศน์ เดอะก็อดฟาเธอร์ซากา โดยนำภาพยนตร์ภาคแรก และภาคสองมาตัดต่อรวมกัน ฉายทางช่อง NBC เมื่อ ค.ศ. 1977 มาริโอ พูโซ ได้เขียนนวนิยายภาคต่อ ใช้ชื่อว่า The Sicilian (1984) และหลังจากเขาเสียชีวิตเมื่อ ค.ศ. 1999 ได้มีผู้เขียนนวนิยายภาคต่อ อีก 2 ภาคคือ The Godfather Returns (2004) และ The Godfather's Revenge (2006) เขียนโดย มาร์ก ไวน์การ์ดเนอร์ นวนิยายเดอะก็อดฟาเธอร์ ฉบับภาษาไทย แปลโดย ธนิต ธรรมสุคติ และ เดอะซิซิเลียน แปลโดย ยอดขวัญ (พ.ศ. 2529) และ จักกพันธ์ อัศวกุล ==อ้างอิง== ก็อดฟาเธอร์ ก็อดฟาเธอร์ งานเขียนของมาริโอ พูโซ 3. หนังสือ The God Father ที่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทย มีด้วยกันทั้งหมด 3 สำนวน ประกอบด้วย ม.ร.ว. ชนม์สวัสดิ์ ชมพูนุท, ธนิต ธรรมสุคติ, นายตำรา ณ เมืองใต้ (เปลื้อง ณ นคร)
thaiwikipedia
1,931
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตั้งอยู่ที่อำเภอภูกระดึงในจังหวัดเลย เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศไทย เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม ในแต่ละปีจึงมีคนมาเที่ยวเฉลี่ยหลายหมื่นคน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวมักมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปพักผ่อนบนภูกระดึงจำนวนมาก ภูกระดึงได้รับการจัดตั้งเป็นป่าสงวนแห่งชาติในปี พ.ศ. 2486 และเป็นอุทยานแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2502 โดยเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่สองถัดจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานมรดกอาเซียน แห่งที่ 57 อุทยานตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลศรีฐาน อำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ครอบคลุมพื้นที่ 348.12 ตารางกิโลเมตร (217,575 ไร่) ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด โดยมีที่ราบบนยอดภูกระดึง ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร (37,500 ไร่) มีความสูงอยู่ระหว่าง 400-1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล จุดสูงสุดอยู่ที่บริเวณคอกเมย มีความสูง 1,316 เมตร == ประวัติ == ตามตำนานกล่าวไว้ว่ามีพรานป่าผู้หนึ่งได้พยายามล่ากระทิงซึ่งหลบหนีไปยังยอดเขาลูกหนึ่งในตำบลศรีฐาน (ปัจจุบันอยู่ในอำเภอภูกระดึง) ซึ่งเป็นภูเขาที่ไม่เคยมีใครขึ้นมาก่อน เมื่อนายพรานได้ตามกระทิงขึ้นไปบนยอดเขาแห่งนั้น ก็ได้พบว่าพื้นที่บนภูเขาลูกนั้น เต็มไปด้วยพื้นที่ราบกว้างใหญ่สวยงาม เต็มไปด้วยป่าสน พรรณไม้ และสัตว์ป่านานาชนิด มนุษย์จึงรู้จักภูกระดึงแต่นั้นเป็นต้นมา ภูกระดึงเป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่ในสมัยสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 มีปรากฏเป็นหลักฐานเมื่อสมุหเทศาภิบาล (พระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม) ได้ทำรายงานสภาพภูมิศาสตร์เสนอต่อกระทรวงมหาดไทย ในปี พ.ศ. 2486 ทางราชการได้ออกพระราชกฤษฎีกาป่าสงวนแห่งชาติ กรมป่าไม้จึงได้เริ่มดำเนินการสำรวจเพื่อจัดตั้งอุทยานแห่งชาติขึ้นที่ภูกระดึง จังหวัดเลย เป็นแห่งแรก แต่เนื่องจากขาดแคลนงบประมาณและเจ้าหน้าที่จึงใด้ดำเนินการไปเพียงเล็กน้อยและหยุดไป เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2502 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กำหนดป่าในท้องที่จังหวัดต่างๆรวม 14 แห่งเป็นอุทยานแห่งชาติเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้เป็นการถาวรเพื่อประโยชน์ส่วนรวม กรมป่าไม้จึงได้เสนอจัดตั้งป่าภูกระดึงให้เป็นอุทยานแห่งชาติตามความในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 โดยได้มีพระราชกฤษฎีกากำหนดป่าภูกระดึงในท้องที่ตำบลศรีฐาน กิ่งอำเภอภูกระดึง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เป็นอุทยานแห่งชาติ มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 217,581 ไร่ นับเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งที่ 2 ของประเทศ ในวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ดำเนินการเพิกถอนเขตอุทยานแห่งชาติในบริเวณที่กองทัพอากาศขอใช้ประโยชน์ตั้งเป็นสถานีถ่ายทอดโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์ในราชการทหารมีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ทางกรมป่าไม้จึงได้ดำเนินการขอเพิกถอนพื้นที่ดินดังกล่าวในปี พ.ศ. 2521 ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติภูกระดึงมีเนื้อที่อยู่ประมาณ 217,576.25 ไร่ === ศัพท์มูลวิทยา === คำว่า "ภูกระดึง" มาจากคำว่า ภู แปลว่า ภูเขา และ กระดึง แปลว่า กระดิ่ง เป็นภาษาพื้นเมืองของจังหวัดเลย ด้วยเหตุนี้ ภูกระดึง จึงอาจแปลได้ว่า ระฆังใหญ่ ชื่อนี้มาจากเรื่องเล่าที่ว่าในวันพระชาวบ้านมักได้ยินเสียงกระดิ่งหรือระฆังจากภูเขาลูกนี้เสมอ เล่ากันว่าเป็นระฆังของพระอินทร์ ส่วนอีกข้อสันนิษฐานหนึ่งคือในบริเวณบางส่วนของยอดเขาหากเดินหนักๆหรือใช้ไม้กระทุ้งก็จะมีเสียงก้องคล้ายระฆังซึ่งเกิดจากโพรงข้างใต้ จึงได้รับการตั้งชื่อว่า "ภูกระดึง" == ภูมิประเทศ == ภูกระดึงเป็นภูเขาหินทรายยอดตัด ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของที่ราบสูงโคราช ใกล้กับด้านลาดทางทิศตะวันออกของเทือกเขาเพชรบูรณ์ พื้นที่ส่วนใหญ่ของภูเขามีความสูงจากระดับน้ำทะเล 400-1,200 เมตรส่วนฐานหรือเชิงเขาเริ่มจากจุดต่ำสุดของพื้นที่ที่ระดับความสูง 260 เมตรไปจนถึงระดับความสูง 400 เมตร มีลักษณะเป็นที่ราบเชิงเขาล้อมรอบตัวภูกระดึง และพื้นที่ที่อยู่ในระดับที่สูงขึ้นมีสภาพลาดชันยกตัวขึ้นเป็นขอบเขาและหน้าผาสูงชัน พื้นที่ราบบนยอดตัดของภูเขามีพื้นที่ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร (37,500 ไร่) มีลักษณะคล้ายรูใบบอนหรือรูปหัวใจเมื่อมองจากด้านบน มีส่วนปลายใบอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และส่วนเว้าด้านในอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ พื้นที่ราบบนเขาประกอบด้วยเนินเตี้ยๆ ยอดที่สูงที่สุดอยู่ที่บริเวณ คอกเมย สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,316 เมตร สภาพพื้นที่ราบบนยอดภูกระดึงมีส่วนสูงอยู่ทางด้านตะวันตกและตะวันออกเฉียงใต้ และจะค่อยๆลาดเทลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทำให้ลำธารสายต่างๆบนภูเขาไหลไปรวมกันทางด้านนี้ กลายเป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำพอง ภูกระดึงเกิดขึ้นในมหายุคมีโซโซอิก มีลักษณะโครงสร้างทางธรณีเป็นหินในชุดโคราช ประกอบด้วยชั้นหิน: หมวดหินภูพานเป็นหินชั้นที่มีอายุน้อยที่สุดอยู่ชั้นบนสุดของโครงสร้างภูกระดึง พบทั่วไปบนหลังแปหรือที่ระดับความสูงตั้งแต่ 990 เมตรขึ้นไป หมวดหินเสาขัวพบตั้งแต่ระดับความสูง 600 เมตรขึ้นไป หมวดหินพระวิหารพบในระดับความสูง 400–600 เมตรและ หมวดหินภูกระดึงเป็นหินชั้นฐานของโครงสร้างภูกระดึง == ภูมิอากาศ == อุทยานแห่งชาติภูกระดึงมีภูมิอากาศบริเวณพื้นราบรอบเชิงเขาเหมือนกับบริเวณอื่นๆในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน-ตุลาคม ฝนตกชุกที่สุดระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 26 °C อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ในเดือนมกราคม และอุณหภูมิสูงสุดอยู่ในเดือนเมษายน ปริมาณหยาดน้ำฟ้า 1,242 มิลลิเมตรต่อปี ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 72% สภาพอากาศบนยอดภูกระดึง มีปริมาณหยาดน้ำฟ้าเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของปริมาณหยาดน้ำฟ้าบนที่ราบเชิงเขา สาเหตุมาจากอิทธิพลของเมฆและหมอกที่ปกคลุมยอดเขา ความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 90% อุณหภูมิเฉลี่ย 19.7 °C ในฤดูหนาวช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม มีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ระหว่าง 0-10 °C อุณหภูมิสูงสุดอยู่ระหว่าง 21-24 °C ส่วนในฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ระหว่าง 12-19 °C อุณหภูมิสูงสุดอยู่ระหว่าง 23-30 °C อากาศบนยอดภูกระดึงมักจะแปรปรวน มีเมฆหมอกลอยต่ำปกคลุมบ่อยครั้ง อากาศจึงค่อนข้างเย็นตลอดทั้งปี == นิเวศวิทยา == === สัตว์ป่า === ภูกระดึงได้ชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่อย่างชุกชุม เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศประกอบไปด้วยป่าไม้ ทุ่งหญ้าและลำธาร ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ จากการสำรวจพบสัตว์บกมีกระดูกสันหลังรวม 266 ชนิด แบ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 36 ชนิดเช่น เก้ง กวางป่า หมูป่า ลิงกัง ลิงลม บ่าง กระรอก กระแต หนูหริ่งนาหางยาว ตุ่น เม่นหางพวง พังพอน และ อีเห็น เป็นต้น ในจำนวนนี้เป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ 4 ชนิด คือ เลียงผา ช้างป่า เสือดาว และเสือโคร่ง สัตว์ปีกจำนวน 171 ชนิดเช่น เหยี่ยวรุ้ง นกเขาเปล้า นกเขาใหญ่ นกกระปูดใหญ่ นกเค้ากู่ นกตะขาบทุ่ง นกโพระดกคอสีฟ้า นกตีทอง นกหัวขวานสามนิ้วหลังทอง นกนางแอ่นสะโพกแดง นกเด้าดินสวน นกอุ้มบาตร์ นกขี้เถ้าใหญ่ นกกระทาทุ่ง นกพญาไฟใหญ่ นกกางเขนดง นกจาบดินอกลาย และ นกขมิ้นดงเป็นต้น สัตว์เลื้อยคลาน 39 ชนิดเช่น ตุ๊กแก จิ้งจกหางแบนเล็ก กิ้งก่าสวน จิ้งเหลนบ้าน เต่าเหลือง งูทางมะพร้าว งูลายสอบ้าน งูจงอาง งูเห่า และงูเขียวหางไหม้เป็นต้น มี 1 ชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์ คือ เต่าเดือย นอกจากนี้ยังพบเต่าชนิดหนึ่งซึ่งหาได้ยาก คือ เต่าปูลู หรือ “เต่าหาง” เป็นเต่าที่หางยาวอาศัยอยู่ตามลำธารในป่าเขาระดับสูงของประเทศไทย กัมพูชา และ ลาว และสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกจำนวนมาก เช่น อึ่งอี๊ดหลังลาย เขียดหนอง คางคก กบหูใหญ่ และ ปาดแคระเป็นต้น สัตว์ป่าที่สามารถพบเห็นได้บ่อยเมื่อขึ้นไปถึงยอดภูคือกวาง เนื่องจากมีกลุ่มกวางจำนวนหนึ่งที่เจ้าหน้าที่ของอุทยานฯได้เลี้ยงเอาไว้ ทำให้กวางกลุ่มนี้ไม่วิ่งหนีเมื่อพบเห็นคน กวางตัวแรกที่เจ้าหน้าที่ได้เลี้ยงเอาไว้ชื่อ คำหล้า เป็นกวางตัวเมีย ตัวที่สองเป็นตัวผู้ชื่อ คัมภีร์ นอกจากนี้ยังมีหมูป่าซึ่งเคยพบตัวในบริเวณป่าปิด แต่ปัจจุบันมีกระจายอยู่ทั่วไปแม้ในส่วนลานกางเต็นท์เมื่อยามมีนักท่องเที่ยวไม่มาก และหมาใน เดิมจะอยู่ในส่วนป่าสนด้านบน หากินกันเป็นฝูงใหญ่ แต่ปัจจุบันเข้ามาหากินใกล้บริเวณที่ทำการมากขึ้นสามารถพบเห็นได้บริเวณร้านค้าที่ทำการด้วย === พืชพรรณ === ภูกระดึงเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดป่าหนึ่งในประเทศไทย มีสังคมพืชหลากหลายสามารถแบ่งได้ตามความแตกต่างของความสูง ภูมิอากาศ สภาพดิน-หิน และชีวปัจจัย จากที่ราบเชิงเขาถึงระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 600 เมตรจะเป็นป่าเต็งรังคิดเป็น 8% ของพื้นที่ มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ เช่น เต็ง รัง เหียง พลวง กราด รกฟ้า เป็นต้น พืชพื้นล่างประกอบด้วย หญ้าเพ็ก ขึ้นเป็นกอหนาแน่นแทรกด้วยไม้พุ่มและพืชล้มลุก นอกจากนี้จากพื้นที่ราบเชิงเขาและที่ลาดชันตามไหล่เขารอบภู จนถึงระดับความสูง 950 เมตรจะเป็นป่าเบญจพรรณหรือป่าผลัดใบผสมคิดเป็น 67 % ของพื้นที่ มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญเช่น แดง ประดู่ป่า กระบก ตะแบกเลือด ยมหิน เป็นต้น พืชพื้นล่างประกอบด้วยหญ้า ไผ่ ไม้พุ่ม ไม้เถา พืชล้มลุก และพืชกาฝากและอิงอาศัย ป่าดิบแล้งพบตามฝั่งลำธารของหุบเขาที่ชุ่มชื้นทางทิศตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือ และทิศตะวันตก ตั้งแต่เชิงเขาจนถึงระดับความสูง 950 เมตรคิดเป็น 5 % ของพื้นที่ มีพันธุ์ไม้สำคัญ เช่น ก่อ ตะเคียนทอง ยางแดง ยมหอม เป็นต้น พืชพื้นล่างแน่น เป็นพวกไม้พุ่ม ไม้เถา และ พืชล้มลุก เมื่อสูงจากระดับ 1,000 เมตรขึ้นไปจะเป็นป่าดิบเขาพบในทิศเหนือและทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ เช่น ก่วมแดง ทะโล้ สนสามพันปี พะอง จำปีป่า เป็นต้น พืชพื้นล่างประกอบด้วยไม้พุ่มและไม้เถา ตามหน้าผาริมขอบภูพบปาล์มต้นสูง เช่น ค้อดอย ที่ความสูงเกิน 1,000 เมตรขึ้นไปจะเป็น ป่าดิบเขาพบเฉพาะในพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,000 เมตรขึ้นไปคิดเป็น 9% ของพื้นที่อุทยาน ป่าละเมาะเขาจัดอยู่ในประเภทป่าไม่ผลัดใบ พบเฉพาะบนที่ราบยอดภูกระดึงที่ระดับความสูงระหว่าง 1,200–1,300 เมตรจากระดับน้ำทะเล ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1 % ป่าสนเขาจะพบเฉพาะบนที่ราบยอดภูที่ระดับความสูงประมาณ 1,200-1,350 เมตรคิดเป็น 10 % ของพื้นที่ มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ เช่น สนสองใบ ก่อเตี้ย ทะโล้ สารภีดอย เป็นต้น พืชพื้นล่างประกอบด้วยไม้พุ่มและพืชล้มลุก ตามลานหินมีพืชชั้นต่ำพวกไลเคนประเภทแนบกับหินเป็นแผ่น และประเภทเป็นฟองเรียก ฟองหิน ปกคลุมทั่วไป นอกจากนี้จะพบเอื้องคำหิน ม้าวิ่ง และเขากวาง เป็นกอหนาแน่น บนพื้นดินที่ชุ่มแฉะพบมอสส์จำพวกข้าวตอกฤๅษีหลายชนิดขึ้นทับถมแน่น คล้ายผืนพรม บางแห่งมีพืชล้มลุกขนาดเล็กหลายชนิดขึ้นปะปนกันแน่น เช่น กระดุมเงิน สาหร่ายข้าวเหนียว ดุสิตา และหญ้าข้าวก่ำ นอกจากนี้ยังมีพรรณพืชที่สำคัญซึ่งเป็นพืชถิ่นเดียวของภูกระดึงจำนวน 11 ชนิด เช่น ข้าวก่ำผา หญ้าระรื่น และ ซ้อ เป็นต้น ==== พรรณไม้ที่มีชื่อเสียง ==== ก่วมแดง หรือ ไฟเดือนห้า พืชในสกุลก่วมหรือเมเปิลเป็นพรรณไม้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของภูกระดึง จะแดงสดในฤดูหนาวประมาณเดือนธันวาคม หม้อข้าวหม้อแกงลิงพบได้เป็นดงในบริเวณใกล้ผานาน้อยจนถึงผาแดง กระเจียวและปทุมมา ทุ่งดอกกระเจียวและปทุมมาพบได้ในบริเวณใกล้ผาเหยียบเมฆจนถึงผาแดง โดยปกติดอกกระเจียวและปทุมมาจะออกดอกในช่วงเดือนเมษายน แต่ในเดือนพฤษภาคมก็จะยังพบบานอยู่ แม้ว่าอาจจะถูกแมลงและสัตว์ต่าง ๆ กัดกินดอกและใบของมันไปบ้างก็ตาม == การบริหารจัดการ == อุทยานแห่งชาติภูกระดึงอยู่ภายใต้การดูแลของสำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และมีสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 เป็นผู้ประสานงาน มีหน่วยงานในพื้นที่ได้แก่ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ลย.1 (วังกวาง) หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ลย.2 (อีเลิศ) หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ลย.3 (นาน้อย) หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ลย.4 (พองหนีบ) หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ลย.5 (หนองผักบุ้ง) และ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ลย.6 (ภูขี้ไก่) การบริหารจัดการพื้นที่ของอุทยานจากแผนแม่บทการจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ซึ่งจัดทำโดยศูนย์วิจัยป่าไม้ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พ.ศ. 2534 ได้มีการจัดแบ่งเขตการจัดการพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูกระดึงออกเป็นเขตต่างๆ โดยอาศัยสภาพแวดล้อมและการใช้ประโยชน์พื้นที่เป็นเกณฑ์ดังนี้ เขตบริการ เป็นบริเวณที่มีการพัฒนาสิ่งก่อสร้างและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อให้บริการแก่นักท่องเที่ยวในเขตนี้ประกอบด้วย ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวศรีฐานและศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง เขตท่องเที่ยวและนันทนาการ เป็นบริการที่ให้นักท่องเที่ยวได้ประกอบกิจกรรมต่างๆ เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ก่อให้เกิดการทำลายหรือความเสียหายต่อธรรมชาติ ได้แก่ บริการจุดท่องเที่ยวที่กำหนดไว้ให้ตามทางเดินเท้าบนที่ราบภูกระดึงและทางเดินเท้าขึ้น-ลงภูกระดึง เขตการใช้พื้นที่เพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ ได้แก่ สถานีวิทยุโทรคมนาคมของกองทัพอากาศ เขตหวงห้าม เขตนี้กำหนดขึ้นเพื่อครอบคลุมบริเวณที่มีทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งมีคุณค่ายิ่งในทางวิทยาศาสตร์ เหมาะแก่การอนุรักษ์เพื่อการค้นคว้าวิจัย ได้แก่ พื้นที่ราบยอดภูกระดึงทางด้านทิศเหนือครอบคลุมพื้นที่ 3 ใน 4 ของที่ราบยอดภูกระดึง เขตป่าเปลี่ยว เป็นบริเวณพื้นที่ที่ยังคงลักษณะความเป็นธรรมชาติดั้งเดิมอยู่อย่างมาก ได้แก่ บริเวณที่ราบยอดภูกระดึงและพื้นที่ไหล่เขา เชิงเขา และที่ราบอื่นๆโดยรอบภูกระดึง == การอนุรักษ์ == ภูกระดึงได้รับการจัดตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติอันมีลักษณะเด่นเฉพาะเป็นพิเศษ แต่ถึงแม้ว่าภูกระดึงจะมีสถานะเป็นอุทยานแห่งชาติแต่ก็ยังประสบปัญหาการลักลอบล่าสัตว์และเก็บหาของป่า และปัญหาไฟป่าซึ่งเกิดมาจากกิจกรรมของมนุษย์ นอกจากนี้ภูกระดึงยังประสบปัญหาด้านการบริหารและจัดการ ไม่ว่าจะเป็น ไม่มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ขาดทรัพยากรที่จำเป็นในการบริหารจัดการ ทั้งงบประมาณ กำลังเจ้าหน้าที่และมาตรการ และยังรวมถึงปัญหาด้านจิตสำนึกของนักท่องเที่ยว ในปี พ.ศ. 2551 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชได้ทำการศึกษาและประเมินความสามารถในการรองรับได้ของอุทยานแห่งชาติ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากการท่องเที่ยว จึงได้กำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติจำนวน 10 แห่ง อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเป็นหนึ่งในสิบแห่งนั้น ซึ่งมีการกำหนดจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปท่องเที่ยวและพักแรมบนยอดภูกระดึงวันละ 5,000 คน และภูกระดึงได้มีการปิดฤดูการท่องเที่ยวเฉพาะบนยอดเขาในเดือนมิถุนายน-กันยายนของทุกปี เพื่อให้สภาพธรรมชาติและสภาพแวดล้อมได้มีการพักฟื้นตัว เนื่องจากปัญหาขยะจำนวนมากที่เกิดจากนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติภูกระดึงจึงมีโครงการอาสาสมัครพิทักษ์ภูกระดึง โดยเก็บขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ตามธรรมชาติบนยอดเขานำลงมาทิ้งที่เชิงเขาไม่ต่ำกว่าคนละ 1 กิโลกรัม อุทยานจะมอบใบประกาศเกียรติคุณให้เพื่อแสดงว่าท่านเป็นผู้เสียสละและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อธรรมชาติและสังคม นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่นำบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายเองตามธรรมชาติไม่ได้หรือต้องใช้เวลาในการย่อยสลายนานมา ต้องมัดจำบรรจุภัณฑ์ต่างๆตามที่ทางอุทยานกำหนดไว้ แล้ววันลงเขาให้นำบรรจุภัณฑ์ดังกล่าวที่เป็นขยะมารับเงินมัดจำนั้นคืนพร้อมทั้งทางอุทยานจะออกใบประกาศเกียรติคุณเช่นกัน โครงการสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึงซึ่งได้เงียบหายไปหลายปีเนื่องจากการคัดค้านจากหลายฝ่ายโดยเฉพาะนักอนุรักษ์ ปัจจุบันได้รับการผลักดันโครงการอีกครั้งทั้งที่ผลสำรวจนักท่องเที่ยวเกือบ 70% นั้นไม่เห็นด้วย คาดว่าแนวเส้นทางการก่อสร้างกระเช้คือจุดเริ่มต้นจากบริเวณที่ทำการอุทยาน ต.ศรีฐาน ถึงบริเวณหลังแป โครงการนี้คาดกันว่าจะสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยว ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวหลากหลายขึ้น == สันทนาการ == อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศไทยเนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม ในแต่ละปีจึงมีคนมาเที่ยวเฉลี่ยหลายหมื่นคน โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาวมักมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปพักผ่อนบนภูกระดึงจำนวนมาก เฉพาะบนยอดเขาภูกระดึงมีการปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-30 กันยายนของทุกปี และเปิดฤดูการท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม-31 พฤษภาคมของทุกปี ===เส้นทางขึ้นไปยังยอดเขาภูกระดึง=== เส้นทางขึ้นที่อำเภอภูกระดึง: เป็นเส้นทางเก่าแก่และได้รับความนิยมมากที่สุด นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเขาในเส้นทางนี้ได้ที่อำเภอภูกระดึง ณ ที่ทำการอุทยาน ในเส้นทางขึ้นจะมีบริเวณที่พักและร้านอาหารหลายช่วง มีระยะทาง 5.5 กม.จากที่ทำการถึงหลังแป และจากหลังแปถึงที่พักประมาณ 3.6 กม. เส้นทางขึ้นที่อำเภอน้ำหนาว: นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางขึ้นไปยังยอดเขาภูกระดึงได้ที่บ้านฟองใต้อำเภอน้ำหนาว ซึ่งเป็นเส้นทางขึ้นเขาเส้นทางใหม่ โดยจะขึ้นไปที่ผาหล่มสักโดยตรง มีระยะมีระยะทาง 5.2 กิโลเมตรจากหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ลย.5 (หนองผักบุ้ง) ถึงผาหล่มสัก === เส้นทางท่องเที่ยวบนยอดเขาภูกระดึง === เส้นทางท่องเที่ยวบนยอดเขาภูกระดึงแบ่งออกได้เป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือบริเวณท่องเที่ยวปกติ และบริเวณป่าปิด โดยบริเวณแหล่งท่องเที่ยวปกติก็จะแบ่งได้เป็นสองเส้นทางคือ เส้นทางน้ำตก และ เส้นทางเลียบผา ส่วนบริเวณป่าปิดก็จะแบ่งได้เป็น เส้นทางน้ำตกขุนพอง และ เส้นทางผาส่องโลก เส้นทางน้ำตกจะผ่านแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ น้ำตกวังกวาง น้ำตกเพ็ญพบใหม่ น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกถ้ำใหญ่ สระแก้ว น้ำตกถ้ำสอใต้ สระอโนดาด น้ำตกธารสวรรค์ และ พระพุทธเมตตา เส้นทางเลียบผาจะผ่านแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ พระแก้ว ผานกแอ่น ผาหมากดูก ผาจำศีล ผานาน้อย ผาเหยียบเมฆ ผาแดง และผาหล่มสัก เส้นทางน้ำตกขุนพองจะผ่านแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่น้ำตกขุนพอง และเส้นทางผาส่องโลกจะผ่านแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญได้แก่ น้ำตกผาฟ้าผ่า โหล่มฟ้าโลมดิน ผาส่องโลก โหล่นเจดีย์ โหล่นถ้ำพระ และ แง่งทิดหา จุดดูพระอาทิตย์ขึ้นสามารถดูได้ที่ผานกแอ่นเพียงที่เดียวมีระยะทางห่างที่พักเพียง 2 กม. สำหรับจุดดูพระอาทิตย์ตกสามารถชมได้ที่ผาหมากดูกซึ่งใกล้ที่สุดห่างจากที่พักเพียง 2 กม. และผาหล่มสักซึ่งเป็นจุดที่นิยมมากที่สุด ==การเดินทาง== ===รถยนต์=== เดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี เพชรบูรณ์ อำเภอหล่มสัก หล่มเก่า ด่านซ้าย ภูเรือ และอำเภอเมืองเลย เลี้ยวเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 (เลย-ขอนแก่น) และเลี้ยวเข้าทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2019 เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ใช้เส้นทางผ่านจังหวัดสระบุรี นครราชสีมา จนถึงจังหวัดขอนแก่นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 201 ผ่านอำเภอภูผาม่าน และตำบลผานกเค้า เข้าสู่อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เดินทางผ่านจังหวัดสระบุรี อำเภอปากช่อง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 201 ผ่านจังหวัดชัยภูมิ อำเภอภูเขียว แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 ผ่านอำเภอชุมแพ จากนั้นเดินทางเช่นเดียวกับเส้นทางที่ 2 ===รถทัวร์=== รถทัวร์สายกรุงเทพ-เมืองเลยลงรถที่ผานกเค้า หรือสถานีขนส่งอำเภอภูกระดึงแล้วต่อรถสองแถวเพื่อเดินทางไปยังที่ทำการอุทยาน มีบริษัทให้บริการได้แก่บริษัท ขนส่งจำกัด แอร์เมืองเลย ภูกระดึงทัวร์ ขอนแก่นทัวร์ ศิขรินทร์ทัวร์ และชุมแพทัวร์ รถโดยสารระหว่างจังหวัดที่ผ่านอำเภอภูกระดึงคือ สายขอนแก่น-เมืองเลย และบริษัทนครชัยขนส่ง สาย เลย-พัทยา-ระยอง และ สายนครราชสีมา-เชียงคาน ลงรถที่ผานกเค้า หรือสถานีขนส่งอำเภอภูกระดึงแล้วต่อรถสองแถวเพื่อเดินทางไปยังที่ทำการอุทยานเช่นเดียวกัน == ภูกระดึงในเชิงวัฒนธรรม == จากทิวทัศน์ที่สวยงามของอุทยานแห่งชาติภูกระดึงทำให้มีผู้แต่งกลอนและบทเพลงบอกเล่าถึงความสวยงามของที่แห่งนี้ เพลงที่กล่าวถึงภูกระดึงมากที่สุดคือเพลง "ภูกระดึง" ของวงสุนทราภรณ์ แต่งทำนองโดยเอื้อ สุนทรสนาน และคำร้องโดยแก้ว อัจฉริยะกุล นอกจากนี้ภูกระดึงยังถูกใช้เป็นฉากหลังในภาพยนตร์หลายเรื่อง อย่างภาพยนตร์เรื่อง "ความรักครั้งสุดท้าย" ที่กำกับการแสดงโดยหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ภาพยนตร์สั้น "พิชิต"(ภูกระดึง) จากรางวัลภาพยนตร์สั้นตามรอยสมเด็จย่า และภาพยนตร์เรื่อง "ภูกระดึง" นำแสดงโดย สมบัติ เมทะนี และ อรัญญา นามวงศ์กำกับการแสดงโดย รุจน์ รณภพ == เว็บไซต์ == เว็บไซต์วาไรตี้อันดับหนึ่งของจังหวัดเลย == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อุทยานแห่งชาติของกรมอุทยาน เว็บไซต์ข้อมูลที่พักร้านอาหารและสถานที่ที่องเที่ยวในจังหวัดเลย ภูกระดึง ภูผางามแห่งเมืองเลย เว็บไซต์ข้อมูลภูกระดึง ภูกระดึง กระดึง ภูกระดึง อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ภูกระดึง อำเภอภูกระดึง
thaiwikipedia
1,932
27 พฤษภาคม
วันที่ 27 พฤษภาคม เป็นวันที่ 147 ของปี (วันที่ 148 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 218 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 2187 (ค.ศ. 1644) - อู๋ซานกุ้ย แม่ทัพราชวงศ์หมิงเปิดประตูด่านซันไห่กวนให้ทหารแมนจูบุกเข้ากรุงปักกิ่ง เป็นจุดสิ้นสุดราชวงศ์หมิง พ.ศ. 2246 (ค.ศ. 1703) - จักรพรรดิปีเตอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย สถาปนาเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พ.ศ. 2467 (ค.ศ. 1924) - วันสถาปนากรมการทหารสื่อสาร โดยพลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) - ตึกไครสเลอร์ เปิดใช้งานเป็นวันแรกและยังเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกในสมัยนั้นอีกด้วย พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - สะพานโกลเดนเกตที่เชื่อมระหว่างซานฟรานซิสโกกับมารินเคาตี ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เปิดให้ประชาชนเดินเท้าข้ามเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) - สงครามโลกครั้งที่สอง: เรือรบบิสมาร์กของเยอรมันถูกจมในแอตแลนติกเหนือ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2,300 คน พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) - บ๊อบ ดีแลน ออกอัลบั้ม The Freewheelin' Bob Dylan ซึ่งมีเพลง Blowin' in the Wind รวมอยู่ด้วย พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) - สงครามเวียดนาม: สหรัฐเริ่มต้นทิ้งระเบิดใส่กลุ่มเวียดกง (National Liberation Front) ในเวียดนามใต้เป็นครั้งแรก พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - ชาก ชีรัก ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ปลดพลเอกอาทิตย์ กำลังเอก ออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก, พลเอกชวลิต ยงใจยุทธรับตำแหน่งแทน พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - คริสโตเฟอร์ รีฟ นักแสดงชาวอเมริกันผู้มีชือเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง ซูเปอร์แมน เป็นอัมพาตหลังตกจากหลังม้า พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - สโลโบดัน มิโลเชวิช ถูกฟ้องร้องในข้อหาอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ จากเหตุการณ์ในคอซอวอ พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) - กอบกุล นพอมรบดี ส.ส.หญิงจังหวัดราชบุรี พรรคไทยรักไทยถูกคนร้ายยิงด้วยปืนเอ็ม 16 เสียชีวิตบนรถกระบะของตัวเอง ขณะจอดติดไฟแดงอยู่ พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) - หลินฮุ่ย แพนด้ายักษ์ทูตสันถวไมตรีไทย-จีน แห่งสวนสัตว์เชียงใหม่ ได้ตกลูก น้ำหนักประมาณ 200 กรัม จำนวน 1 ตัว จากการผสมเทียมหลังจากรอคอยมานาน ซึ่งภายหลังตั้งชื่อว่า หลินปิง พ.ศ. 2560 (ค.ศ. 2017) -วันที่ 1 ของเดือนเราะมะฎอน ฮิจเราะห์ศักราช 1438 == วันเกิด == พ.ศ. 1875 (ค.ศ. 1332) - อิบน์ ค็อลดูน นักประวัติศาสตร์ชาวตูนิเซีย (ถึงแก่กรรม 19 มีนาคม พ.ศ. 1949) พ.ศ. 2406 (ค.ศ. 1863) - กรมขุนมรุพงษ์ศิริพัฒน์ (สิ้นพระชนม์ 5 เมษายน พ.ศ. 2466) พ.ศ. 2410 (ค.ศ. 1867) - อาร์โนลด์ เบนเน็ตต์ นักเขียนชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 27 มีนาคม พ.ศ. 2473) พ.ศ. 2418 (ค.ศ. 1875) - กรมหลวงปราจิณกิติบดี (สิ้นพระชนม์ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2462) พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) - สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (ปลด กิตฺติโสภโณ) (สิ้นพระชนม์ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2505) พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906) - พุทธทาสภิกขุ พระภิกษชาวไทย (มรณภาพ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2536) พ.ศ. 2450 (ค.ศ. 1907) - ราเชล คาร์สัน นักธรรมชาติวิทยาและนักรณรงค์ (ถึงแก่กรรม 14 เมษายน พ.ศ. 2517) พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) - ฮิวเบิร์ต ฮัมเฟรย์ รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 38 (ถึงแก่กรรม 13 มกราคม พ.ศ. 2521) พ.ศ. 2465 (ค.ศ. 1922) - คริสโตเฟอร์ ลี นักแสดงชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558) พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) - พนม นพพร นักร้องลูกทุ่งชาวไทย (เสียชีวิต 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2566) พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) - ภัทราวดี มีชูธน นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - บิณฑ์ และเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงชายชาวไทย พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - พอล แกสคอยน์ อดีตนักฟุตบอลชาวอังกฤษ พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) - คิโยฮิโกะ อะสึมะ นักวาดการ์ตูนชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - โจเซฟ ไฟนส์ นักแสดงชาวอังกฤษ พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) - พอล เบ็ตตานีย์ นักแสดงชาวอังกฤษ-อเมริกัน พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - เขตต์ ฐานทัพ นักแสดงชายชาวไทย พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) * จารุณี บุญเสก นักแสดงหญิงชาวไทย * ปนัดดา เรืองวุฒิ นักร้องชาวไทย พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - วัชรเรศร วิวัชรวงศ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว กับสุจาริณี วิวัชรวงศ์ พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - ทาคาฟูมิ อาคาโฮชิ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - แฌร์วินโย นักฟุตบอลชาวไอวอรีโคสต์ พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) * เขมนิจ จามิกรณ์ นักแสดงและนางแบบชาวไทย * เซลโซ บอร์เฮส นักฟุตบอลชาวคอสตาริกา * ปีร์กีร์ ปียาร์ตนาซอน นักฟุตบอลอาชีพชาวไอซ์แลนด์ พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - สิรินทร์ ก่อเกียรติ นักแสดง นางแบบ ชาวไทย พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) * นาเซอร์ บาราซีเตอ นักฟุตบอลชาวดัตช์ * โยนัส เฮ็คทอร์ นักฟุตบอลชาวเยอรมัน * อภิญญา สกุลเจริญสุข นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) * มารียู รุย นักฟุตบอลอาชีพชาวโปรตุเกส * สราวุธ กัลยาณบัณฑิต นักฟุตบอลชาวไทย พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) * จอนาตา แวร์ซูรา นักฟุตบอลชาวไทย * เยย์ซอน มูรีโย นักฟุตบอลชาวโคลอมเบีย พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) * ฌูเวา กังเซลู นักฟุตบอลอาชีพชาวโปรตุเกส * แอมริก ลาปอร์ต นักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - ยศพล วัฒนะ นักกีฬาวอลเลย์บอลชายชาวไทย พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - คิม แจ-ฮวัน (นักร้อง) นักร้อง, นักแต่งเพลงชาวเกาหลีใต้ พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - กานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์ นักฟุตบอลอาชีพชาวไทย พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - ซัลดี้ วงษ์เดอรี นักฟุตบอลชาวไทย พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - ลิลลี่ โรส เมโลดี้ เดปป์ นักแสดงและนางแบบชาวฝรั่งเศส-อเมริกัน == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) - โรเบิร์ต คอค นายแพทย์ชาวเยอรมัน เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ (เกิด 11 ธันวาคม พ.ศ. 2386) พ.ศ. 2474 (ค.ศ. 1931) - กรมพระจันทบุรีนฤนาถ (ประสูติ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2417) พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - โรเบิร์ต ริปลีย์ นักวาดการ์ตูน ผู้ประกอบการ และนักมานุษยวิทยาสมัครเล่นชาวอเมริกัน พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) - เจ้าทิพวัน กฤดากร ณ อยุธยา (เกิด 13 มิถุนายน พ.ศ. 2426) พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - ชวาหระลาล เนห์รู นายกรัฐมนตรีอินเดียคนที่ 1 (เกิด 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2432) พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) - กอบกุล นพอมรบดี นักการเมืองชาวไทย (เกิด 13 ตุลาคม พ.ศ. 2502) พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) - อิซุมิ ซะกะอิ นักร้องหญิงชาวญี่ปุ่น (เกิด 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510) พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) - ปยุต เงากระจ่าง นักออกแบบและนักวาดการ์ตูนชาวไทย (เกิด 1 เมษายน พ.ศ. 2472) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == วันแม่แห่งชาติในประเทศโบลิเวีย วันเด็กในประเทศไนจีเรีย == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day พฤษภาคม 27 พฤษภาคม
thaiwikipedia
1,933
ชาวอังกฤษ
ชาวอังกฤษ (English people) เป็นกลุ่มของชาวยุโรปที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของบริเตนใหญ่ เป็นชาวแองโกล-แซกซอนส์ ที่ปัจจุบันอาศัยกระจายอยู่หลายประเทศทั่วโลก ในสหราชอาณาจักร มีอยู่ 45,265,093 คน สหรัฐ 24,515,138 คน แคนาดา 5,978,875 คน ออสเตรเลีย 6.4 ล้านคน และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ชาวอังกฤษส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ == ดูเพิ่ม== ชาวบริติช == อ้างอิง == ชาวอังกฤษ อ‎‎ อ อ
thaiwikipedia
1,934
กำมะถัน
กำมะถัน เป็นธาตุเคมีในตารางธาตุที่มีสัญลักษณ์ S และเลขอะตอม 16 เป็นอโลหะที่มีอยู่ทั่วไป ไม่มีรสหรือกลิ่น และมีวาเลนซ์ได้มากมาย กำมะถันในรูปแบบปกติเป็นของแข็งสีเหลืองที่เป็นผลึก ในธรรมชาติ สามารถพบได้ในรูปธาตุเอง หรือแร่ซัลไฟด์และซัลเฟต เป็นธาตุจำเป็นสำหรับสิ่งมีชีวิต และพบในกรดอะมิโนหลายชนิด การใช้ในเชิงพาณิชย์ที่เป็นหลัก คือ ในปุ๋ย แต่นอกจากนี้ยังใช้ในดินปืน ไม้ขีดไฟ ยาฆ่าแมลง และยาฆ่ารา == การนำไปใช้ประโยชน์ == เราใช้ประโยชน์กำมะถันในอุตสาหกรรมได้มากมาย ผ่านทางอนุพันธ์ของมันคือ กรดซัลฟิวริก (H2SO4), กำมะถันถูกจัดให้เป็นหนึ่งในธาตุที่มีความสำคัญในการเป็นวัตถุดิบอุตสาหกรรมมาก อาจจะกล่าวได้ว่ามันมีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจโลก การผลิตกรดซัลฟิวริก ถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์ปลายทางหลักของธาตุกำมะถัน และการบริโภคกรดซัลฟิวริก ถือเป็นดรรชนีชี้วัดที่ดีในการพัฒนาอุตสาหกรรมของชาติ ในสหรัฐอเมริกามีการผลิตกรดซัลฟูริกมากกว่าสารเคมีอื่น ประโยชน์ของมันพอสรุปได้ดังนี้ ใช้ในอุตสาหกรรมผลิต แบตเตอรี ผงซักฟอก วัลแคไนเซชัน (vulcanization) ยาง ยาฆ่าเชื้อรา ใช้ผลิตฟอสเฟต ในอุตสาหกรรมทำปุ๋ย ซัลไฟต์ ใช้ในการฟอกสีกระดาษ เป็นสารถนอมอาหารในการผลิตไวน์ ใช้ในการอบแห้งผลไม้ เป็นส่วนผสมของไม้ขีดไฟ, ดินปืน, และ ดอกไม้ไฟ เป็นสารเคมีในงานถ่ายรูปในรูปของเกลือโซเดียมหรือแอมโมเนียม เช่น โซเดียมไทโอซัลเฟต แมกนีเซียมซัลเฟต หรือที่รู้จักกันในชื่อ เกลือยิปซัม (Epsom salts) ใช้เป็นยาระบาย เป็นอาหารเสริมในพืช การบำบัดน้ำเสีย การทำลูกเหม็น == สารประกอบของกำมะถัน (S) == ไฮโดรเจนซัลไฟด์ (Hydrogen sulfide) หรือ ก๊าซไข่เน่า มีกลิ่นเหม็นมาก ตัวมันเองมีฤทธิ์เป็นกรด ทำปฏิกิริยากับโลหะได้โลหะซัลไฟด์ ถ้าเป็นซัลไฟด์ของเหล็กเรียก ไพไรต์ (FeS2) หรือ ทองของคนโง่ (fool's gold) มีคุณสมบัติเป็นสารกึ่งตัวนำ กลิ่นเหม็นที่ไม่พึงปรารถนาของสารประกอบอินทรีย์ส่วนใหญ่ จะเป็นสารประกอบที่มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย เช่น เอตทิล และ เมตทิล เมอร์แคปแทน ใช้ผสมในก๊าซธรรมชาติเพื่อการตรวจสอบว่ามีก๊าซรั่วหรือไม่ กลิ่นของกระเทียม และตัวสกังก์ ก็เกิดจากสารประกอบอินทรีย์ที่มีกำมะถันเป็นองค์ประกอบอยู่ สารประกอบอื่นของกำมะถันที่สำคัญมีดังนี้ สารประกอบประเภทอนินทรีย์ ซัลไฟด์ (S2-) เป็นสารประกอบอย่างง่ายที่สุดของธาตุกำมะถันกับธาตุอื่น ซัลไฟต์ (SO32-), เป็นเกลือของ กรดซัลฟิวรัส, H2SO3, ได้จากการละลาย SO2 ในน้ำ, กรดซัลฟิวรัสและสารประกอบซัลไฟต์เป็นรีดิวซิ่งเอเจนต์อย่างแรง สารประกอบอื่นที่เป็นอนุพันธ์ของ SO2 ประกอบด้วย ไพโรซัลไฟต์ (pyrosulfite) หรือ เมต้าไบซัลไฟต์ ( metabisulfite) ไอออน (S2O52−) ซัลเฟต (SO42-), เกลือของ กรดซัลฟิวริก เมื่อกรดซัลฟูริกทำปฏิกิริยากับ SO3 ในสัดส่วนโมเลกุลที่เท่ากันจะได้ กรดไพโรซัลฟิวริก (H2S2O7) ไทโอซัลเฟต (บางครั้งเรียก ไทโอซัลไฟต์ หรือ ไฮโปซัลไฟต์ (thiosulfites or "hyposulfites") (S2O32−) ใช้ในงานถ่ายรูป โซเดียมไดไทโอไนต์, Na2S2O4 จากกรดไทโอซัลฟูรัส/ไดไทโอรัส (hyposulfurous/dithionous acid), เป็นรีดิวซิ่งเอเจนต์อย่างแรง* โซเดียมไดไทโอเนต (Na2S2O6) กรดพอลิไทโอนิก (H2SnO6), ตัวอักษร n สามารถมีค่าจาก 3 ถึง 80. กรดเปอร์ออกซิโมโนซัลฟิวริก (Peroxymonosulfuric acid-H2SO5) และ กรดเปอร์ออกซิไดซัลฟิวริก (peroxydisulfuric acid-H2S2O8), ได้จากปฏิกิริยาของ SO3 กับสารละลายเข้มข้นของ H2O2, และ H2SO4 กับสารละลายเข้มข้นของ H2O2 ตามลำดับ โซเดียมพอลิซัลไฟด์ (Sodium polisulfide-Na2Sx) ซัลเฟอร์เฮกซาฟลูออไรด์ (Sulfur hexafluoride) SF6, เป็นก๊าซโพพิแลนต์ไม่มีพิษไม่ไวต่อปฏิกิริยา เตตร้าซัลเฟอร์เตตร้าซัลไนไตรด์ (Tetrasulfur tetranitride) S4N4. ไทโอไซยาเนต (Thiocyanate) เป็นสารประกอบที่มีไทโอไซยาเนตไอออน, SCN- เกี่ยวข้องกับ ไทโอไซยาโนเจน, (thiocyanogen-SCN)2. สารประกอบอินทรีย์ ไดเมตทิลซัลโฟไนโอโพรพิโอเนต (dimethylsulfoniopropionate-DMSP; ((CH3 )2S+CH2CH2COO-) ซึ่งเป็นส่วนประกอบกลางของวงจรของกำมะถันอินทรีย์ในทะเล ไทโออีเทอร์ (thioether) เป็นโมเลกุลที่มี R-S-R, ที่ซึ่ง R และ R เป็นหมู่อินทรีย์ที่กำมะถันสมมูลกับ อีเทอร์ ไทโอล (thiol หรือเรียกอีกอย่างว่า mercaptan) เป็นโมเลกุลที่มี หมู่ฟังก์ชัน-SH มีกำมะถันสมมูลกับ แอลกอฮอล์ ไทโอเลตไอออน (thiolateion) มี หมู่ฟังก์ชัน -S- มีกำมะถันสมมูลกับ อัลคอกไซด์ไอออน (alkoxideions) ซัลฟอกไซด์ (sulfoxide) เป็นโมเลกุลที่มี R-S(=O)-R หมู่ฟังก์ชัน R และ R เป็นหมู่อินทรีย์ ตัวอย่างของซัลฟอกไซด์คือ DMSO (dimethyl sulfoxide) ซัลโฟน (sulfone) เป็นโมเลกุลที่มี R-S(=O)-R หมู่ฟังก์ชัน R and R เป็นหมู่อินทรีย์ รีเอเจนต์ของลอวีสสัน (Lawesson's reagent) เป็นรีเอเจนต์ที่สามารถนำอะตอมของกำมะถันไปแทนออกซิเจนได้ แนพทาเลน-1,8-ไดอิล 1,3,2,4-ไดไทอะไดฟอสฟีเทน 2,4-ไดซัลไฟด์ (Napthalen-1,8-diyl 1,3,2,4-dithiadiphosphetane 2,4-disulfide) สารเคมีเกษตร ธาตุเคมี กำมะถัน แคลโคเจน เกลือแร่
thaiwikipedia
1,935
ภูกระดึง
ภูกระดึง อาจหมายถึง อำเภอภูกระดึง อำเภอหนึ่งในจังหวัดเลย อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อุทยานแห่งชาติ ตั้งอยู่ในอำเภอภูกระดึง เขาภูกระดึง ภูเขา ตั้งอยู่ในอำเภอภูกระดึง เพลงภูกระดึง โดยวงดนตรีสุนทราภรณ์ (คำร้องโดย แก้ว อัจฉริยกุล ทำนองโดย เอื้อ สุนทรสนาน)
thaiwikipedia
1,936
จังหวัดระนอง
ระนอง เป็นจังหวัดชายฝั่งทะเลตะวันตกของภาคใต้ มีพื้นที่ประมาณ 2,141,250 ไร่ มีพื้นที่ติดต่อทางตะวันออกติดต่อกับจังหวัดชุมพร ทางใต้ติดกับจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดพังงา ทางตะวันตกติดกับประเทศพม่าและทะเลอันดามัน มีลักษณะพื้นที่เรียวและแคบ มีความยาวถึง 200 กิโลเมตร และมีความแคบในบริเวณอำเภอกระบุรี เพียง 9 กิโลเมตร ระนองเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีประวัติความเป็นมายาวนานนับตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเรืองอำนาจ เดิมเป็นหัวเมืองขนาดเล็กขึ้นกับเมืองชุมพร คำว่าระนองเพี้ยนมาจากคำว่า แร่นอง เนื่องจากในพื้นที่จังหวัดมีแร่อยู่มากมาย ==ชื่อเรียก== ชื่อระนอง บ้างอธิบายหมายถึง "แร่เนืองนองคือท้องถิ่นมีแร่อุดมสมบูรณ์ จากแร่เนืองนอง" จึงกลายเสียงเป็นระนอง บ้างว่าอาจมาจากคนที่ชื่อ นายนอง เป็นผู้นำและเป็นหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นหลวงระนอง คำว่า "ระนอง" ยังมีเสียงใกล้เคียงภาษาอินโดนีเซียว่า "ระนาห์" (Ranah) หมายถึงทุ่งหญ้าหรือเทือกเขาที่ทอดยาว (Kamus Indonesia Inggris) ระนองอาจเป็นคำมลายู คือ "ระ" มาจากเสียงคำท้ายของกัวลา (Guala) แปลว่าปากน้ำ ส่วนคำว่า "นอง" หมายถึงชื่อของแม่น้ำนอง ซึ่งเป็นลำน้ำสายสั้น ๆ ไหลลงสู่ปากน้ำกระ ระนองจึงหมายถึงปากน้ำนองหรือปากแม่น้ำระนอง นอกจากนั้นยังสันนิษฐานว่าอาจเป็นคำยืมมาจากภาษาพม่าคำว่า "ระนัว" (Ranou) หมายถึงผู้ซึ่งอยู่ด้วยความหวัง ==ประวัติ== เมืองระนองเคยเป็นชุมชนโบราณที่มีการติดต่อค้าขายกับอินเดียและจีน เป็นเส้นทางที่เดินลัดเทือกเขาตะนาวศรีจากต้นน้ำกระบุรีคือที่ปากจั่นไปยังต้นแม่น้ำชุมพร เป็นชุมชนโบราณอันดับสองรองจาก ชุมชนภูเขาทอง กำพวน กิ่งอำเภอสุขสำราญ ปรากฏคำว่า กระบุรี จารึกอยู่ที่ฐานพระพุทธรูปโบราณที่อำเภอไชยา และปรากฏหลักฐานบันทึกของจีนเรียกกระบุรี (อำเภอกระบุรีในปัจจุบัน) ว่าเกียโลหิ และครหิ (Ki - Lo - Hi - Karahi) จากหนังสือการค้าเมืองนานไฮ ระบุว่า เกียโลหิ ครหิ หรือกระบุรี เคยส่งทูตไปติดต่อค้าขายที่เมืองจีน เมื่อ พ.ศ. 1151 ในรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถกับสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ระหว่าง พ.ศ. 1991–2072 เมืองระนองมีลักษณะเป็นหัวเมืองขนาดเล็ก ขึ้นอยู่กับเมืองชุมพร ซึ่งเป็นหัวเมืองชั้นตรี นอกจากเมืองระนองแล้วยังมีเมืองตระ (อำเภอกระบุรี) เมืองระนองมีชื่อปรากฏอยู่ในพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ว่าเป็นเมืองที่พม่ายกทัพผ่านเข้ามาเพื่อไปตีเมืองชุมพร เมืองระนองมีพลเมืองอยู่น้อย มีราษฎรจากเมืองชุมพรและเมืองหลังสวน อพยพเข้ามาขุดแร่ดีบุกไปขายมาแต่โบราณ ทางราชการได้ผ่อนผันให้ราษฎรส่งส่วยดีบุกแทนการรับราชการ โดยให้มีเจ้าอากรภาษีรับผูกขาดอากรดีบุก มีอำนาจที่จะซื้อและเก็บส่วยดีบุกแก่ทางราชการ ผู้รวบรวมและจัดส่งส่วยอากรแร่ดีบุกให้ทางราชการนั้น ราษฎรชาวเมืองได้ยกย่องให้ "นายนอง" ซึ่งเป็นผู้นำที่ดีและเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน นายนองมีความดีความชอบในภาระหน้าที่ดังกล่าว จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "หลวงระนอง" เจ้าเมืองคนแรก ในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2387 มีคนจีนชื่อ คอซูเจียง ซึ่งต่อมาได้เป็นพระยารัตนเศรษฐี (คอซูเจียง ณ ระนอง) ได้เดินทางมาตั้งภูมิลำเนาอยูที่เมืองตะกั่วป่า ได้ยื่นเรื่องขอประมูลอากรดีบุกแขวงเมืองตระและระนองได้ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้สำเร็จราชการเมืองระนอง ในเวลาต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้ยกเมืองระนองและเมืองตระ ขึ้นเป็นหัวเมืองจัตวา ขึ้นตรงต่อกรุงเทพและเลื่อนบรรดาศักดิ์พระรัตนเศรษฐี ขึ้นเป็น พระยารัตนเศรษฐี ผู้ว่าราชการเมืองระนอง เมื่อ พ.ศ. 2405 สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมืองระนองได้โอนมาขึ้นกับมณฑลภูเก็ต == ภูมิประเทศ == สภาพภูมิประเทศของระนอง ประกอบด้วยภูเขาสูงในทางทิศตะวันออก และลาดลงสู่ทะเลอันดามันในทางทิศตะวันตก มีแม่น้ำและคลองสำคัญหลายสาย และมีภูเขาสูงสุดคือ ภูเขาพ่อตาโชงโดง แม่น้ำลำคลองที่สำคัญมีดังนี้ แม่น้ำกระบุรี เป็นแม่น้ำที่กั้นพรมแดนไทย-พม่า มีความยาวประมาณ 95 กิโลเมตร คลองลำเลียง มีความยาวประมาณ 20 กิโลเมตร คลองปากจั่น ไหลลงสู่แม่น้ำกระบุรี มีความยาวประมาณ 30 กิโลเมตร คลองวัน ไหลลงสู่แม่น้ำกระบุรี มีความยาวประมาณ 20 กิโลเมตร คลองกระบุรี มีความยาวประมาณ 20 กิโลเมตร คลองละอุ่น ไหลลงสู่แม่น้ำกระบุรี มีความยาวประมาณ 35 กิโลเมตร คลองหาดส้มแป้น มีความยาวประมาณ 19 กิโลเมตร คลองกะเปอร์ มีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตร คลองกำพวน มีความยาวประมาณ 19 กิโลเมตร == ภูมิอากาศ == จังหวัดระนองได้ชื่อว่าเป็นเมือง "ฝนแปด แดดสี่" นั่นคือมีฝนตก 8 เดือน และฝนแล้งเพียง 4 เดือน นับว่าเป็นจังหวัดที่ฝนตกชุกมากที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากอยู่ติดกับทะเลอันดามัน ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้อย่างมาก == หน่วยการปกครอง == การปกครองแบ่งออกเป็น 5 อำเภอ 30 ตำบล 167 หมู่บ้าน {| |--- valign=top || อำเภอเมืองระนอง อำเภอละอุ่น อำเภอกะเปอร์ อำเภอกระบุรี อำเภอสุขสำราญ ||  |} === การปกครองส่วนท้องถิ่น === เทศบาลเมือง เทศบาลเมืองระนอง เทศบาลเมืองบางริ้น == รายชื่อเจ้าเมืองและผู้ว่าราชการจังหวัด == {|class="wikitable" ! colspan="10" style="background: #ffdead;" | รายชื่อผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง |- ! rowspan="1"|ชื่อ ! rowspan="1"|เข้ารับตำแหน่ง ! rowspan="1"|สิ้นสุดการดำรงตำแหน่ง |- | 1. หลวงระนอง (นายระนอง) | สมัยรัชกาลที่ 2 | พ.ศ. 2397 |- | 2. พระยารัตนเศรษฐี (คอซูเจียง ณ ระนอง 許泗漳) | พ.ศ. 2397 | พ.ศ. 2420 |- | 3. พระยารัตนเศรษฐี (คอซิมก๊อง ณ ระนอง 許心廣) | พ.ศ. 2420 | พ.ศ. 2433 |- | 4. พระยารัตนเศรษฐี (คออยู่หงี่ ณ ระนอง 許如義) | พ.ศ. 2433 | พ.ศ. 2460 |- | 5. พระระนองบุรีศรีสมุทเขตต์ (คออยู่โง้ย) | พ.ศ. 2460 | พ.ศ. 2468 |- | 6. พระยาอมรศักดิ์ประสิทธิ์ (ทนง บุญนาค) | พ.ศ. 2468 | พ.ศ. 2472 |- | 7. พระอมรฤทธิธำรง (พร้อม ณ ถลาง) | พ.ศ. 2472 | พ.ศ. 2476 |- | 8. พระบูรพทิศอาทร (คออยู่เพิ่ม ณ ระนอง) | พ.ศ. 2476 | พ.ศ. 2482 |- | 9. นายพืชน์ เดชะคุปต์ | พ.ศ. 2482 | พ.ศ. 2484 |- | 10. นายถนอม วิบูลมงคล | พ.ศ. 2484 | พ.ศ. 2487 |- | 11. นายเนื่อง อ.ปาณิกบุตร | 22 กันยายน 2487 | 19 มกราคม 2488 |- | 12. นายจันทร์ สมบูรณ์กุล | 25 มกราคม 2488 | 20 ตุลาคม 2489 |- | 13. นายแสวง ทิมทอง | 28 ตุลาคม 2489 | 23 พฤษภาคม 2492 |- | 14. นายคีรี ศรีรัฐนิยม | 3 มิถุนายน 2492 | 12 ตุลาคม 2496 |- | 15. นายแสวง ชัยอาญา | 2 ธันวาคม 2496 | 12 ตุลาคม 2497 |- | 16. นายวิเวก จันทโรจวงศ์ | 12 ตุลาคม 2497 | 23 กันยายน 2501 |- | 17. นายพันธุ สายตระกูล | 23 กันยายน 2501 | 20 เมษายน 2504 |- | 18. พ.ต.อ.บุญณรงค์ วัฑฌนายน | 20 เมษายน 2504 | 30 กันยายน 2508 |- | 19. นายมนตรี จันทรปรรณิก | 1 ตุลาคม 2508 | 30 เมษายน 2512 |- | 20. นายวงษ์ ช่อวิเชียร | 1 พฤษภาคม 2512 | 30 กันยายน 2513 |- | 21. ร.ต.ท.ชาญ เวชเจริญ | 1 ตุลาคม 2513 | 30 กันยายน 2518 |- | 22. นายจำลอง พลเดช | 1 ตุลาคม 2518 | 9 พฤษภาคม 2520 |- | 23. นายปัญญา ฤกษ์อุไร | 10 พฤษภาคม 2520 | 7 ตุลาคม 2521 |- | 24. นายไพฑูรย์ ลิมปิทีป | 8 ตุลาคม 2521 | 2 กุมพาพันธ์ 2523 |- | 25. นายพร อุดมพงษ์ | 3 กุมภาพันธ์ 2523 | 7 ตุลาคม 2525 |- | 26. นายสาคร เปลี่ยนอำไพ | 8 ตุลาคม 2525 | 30 กันยายน 2528 |- | 27. นายอำพัน คล้ายชัง | 1 ตุลาคม 2528 | 30 กันยายน 2530 |- | 28. พ.ต.เฉลิม สุภมร | 1 ตุลาคม 2530 | 30 กันยายน 2533 |- | 29. ร.ต.สมพร กุลวานิช | 1 ตุลาคม 2533 | 30 กันยายน 2534 |- | 30. นายจำนง เฉลิมฉัตร | 1 ตุลาคม 2534 | 30 กันยายน 2537 |- | 31. นายสถิตย์ แสงศรี | 1 ตุลาคม 2537 | 30 กันยายน 2538 |- | 32. นายศิระ ชวนะวิรัช | 1 ตุลาคม 2538 | 30 กันยายน 2539 |- | 33. นายชัยจิตร รัฐขจร | 1 ตุลาคม 2539 | 15 เมษายน 2541 |- | 34. นายสถิตย์ แสงศรี | 16 เมษายน 2541 | 30 กันยายน 2541 |- | 35. นายทรงวุฒิ งามมีศรี | 1 ตุลาคม 2541 | 30 กันยายน 2542 |- | 36. ร.ท.ธวัช หันตรา | 1 ตุลาคม 2542 | 30 กันยายน 2544 |- | 37. นายนพพร จันทรถง | 1 ตุลาคม 2544 | 30 กันยายน 2546 |- | 38. นายวินัย มงคลธารณ์ | 1 ตุลาคม 2546 | 30 กันยายน 2548 |- | 39. นายเมฆินทร์ เมธาวิกูล | 1 ตุลาคม 2548 | 12 พฤศจิกายน 2549 |- | 40. นางกาญจนาภา กี่หมัน | 13 พฤศจิกายน 2549 | 30 กันยายน 2551 |- | 41. นายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ | 1 ตุลาคม 2551 | 25 พฤศจิกายน 2554 |- | 42. นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า | 28 พฤศจิกายน 2554 | 7 ตุลาคม 2555 |- | 43. ว่าที่ร้อยตรี เชิดศักดิ์ จำปาเทศ | 19 พฤศจิกายน 2555 | 30 กันยายน 2557 |- | 44. นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ | 3 พฤศจิกายน 2557 | 30 กันยายน 2559 |- | 45. นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ | 1 ตุลาคม 2559 | 30 กันยายน 2563 |- | 46. นายสมเกียรติ ศีรษะเนตร | 1 ตุลาคม 2563 | 30 กันยายน 2565 |- | 47. นายศักระ กปิลกาญจน์ | 2 ธันวาคม 2565 | 30 กันยายน 2566 |- |} == การขนส่ง == === ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่างๆ === อำเภอละอุ่น 34 กิโลเมตร อำเภอกะเปอร์ 53 กิโลเมตร อำเภอกระบุรี 62 กิโลเมตร อำเภอสุขสำราญ 94 กิโลเมตร == อุทยาน == อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพยาม อุทยานแห่งชาติแหลมสน อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา == บุคคลที่มีชื่อเสียง == จิรัฐชัย ชยุติ ชุติมา ทีปะนาถ มุกดา นรินทร์รักษ์ อ้อย กะท้อน == อ้างอิง == == ดูเพิ่ม == ทางรถไฟสายคอคอดกระ แม่น้ำกระบุรี วิทยาลัยชุมชนระนอง รายชื่อวัดในจังหวัดระนอง รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดระนอง รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดระนอง == แหล่งข้อมูลอื่น == === งานศึกษาที่เกี่ยวข้อง === ฤทัยชนก ห่วงจริง. (2566). พลวัตของ “คนสองน้ำ” กับการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจของจังหวัดระนอง พ.ศ. 2500 ถึง พ.ศ. 2560. วิทยานิพนธ์ ปร.ด. (ประวัติศาสตร์). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. === เว็บไซต์ === เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด
thaiwikipedia
1,937
เมทริกซ์ (คณิตศาสตร์)
ในคณิตศาสตร์ เมทริกซ์ หรือ เมตริกซ์ (matrix) คือตารางสี่เหลี่ยมที่แต่ละช่องบรรจุจำนวนหรือโครงสร้างทางคณิตศาสตร์ที่สามารถนำมาบวกและคูณกับตัวเลขได้ เราสามารถใช้เมทริกซ์แทนระบบสมการเชิงเส้น การแปลงเชิงเส้น และใช้เก็บข้อมูลที่ขึ้นกับตัวแปรต้นสองตัว เราสามารถบวก คูณ และแยกเมทริกซ์ออกเป็นผลคูณของเมทริกซ์ได้หลายรูปแบบ เมทริกซ์เป็นแนวความคิดที่มีความสำคัญยิ่งของพีชคณิตเชิงเส้น โดยทฤษฎีเมทริกซ์เป็นสาขาหนึ่งของพีชคณิตเชิงเส้นที่เน้นการศึกษาเมทริกซ์ มีการประยุกต์ใช้เมทริกซ์ในหลากหลายสาขาของวิทยาศาสตร์ ในสาขาฟิสิกส์มีการประยุกต์ใช้เมทริกซ์ในทุก ๆ แขนงของฟิสิกส์ที่มีอยู่ เช่น กลศาสตร์, ทัศนศาสตร์ (Optics), แม่เหล็กไฟฟ้า, กลศาสตร์ควอนตัม หรือ ไฟฟ้ากระแสควอนตัม มีการใช้ทฤษฎีเมทริกซ์ในการศึกษาปรากฎการณ์ทางฟิสิกส์ เช่น การเคลื่อนที่ของวัตถุ ในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์มีการประยุกต์ใช้เมทริกซ์ในการทำคอมพิวเตอร์กราฟฟิก โดยใช้สร้างโมเดล 3 มิติ เพื่อแสดงผลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เป็น 2 มิติ ในทางสถิติศาตร์ มีการใช้เมทริกซ์แบบสโตแคสติกในการอธิบายถึงชุด (Set) ของความน่าจะเป็น อาทิ มีการประยุกต์ใช้ร่วมกับอัลกอริทึมแบบ PageRank ในการเรียงหน้าผลการค้นหาในเว็บไซต์เสิร์จเอนจินอย่าง Google ในการศึกษาแคลคูลัส มีการใช้แคลคูลัสเชิงเมทริกซ์ (Matrix calculus) ในการวิเคราะห์อนุพันธ์ (Derivative) และฟังก์ชั่นเอกซ์โพเนนเชียลในมิติที่อยู่สูงขึ้นไป (Higher dimension) นอกจากนั้นยังมีการประยุกต์ใช้เมทริกซ์ในการอธิบายระบบความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ == นิยาม == เมทริกซ์ คือกลุ่มของจำนวนหรือสมาชิกของริงใดๆ เขียนเรียงกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือจัตุรัส กล่าวคือเรียงเป็นแถวในแนวนอน และเรียงเป็นแถวในแนวตั้ง เรามักเขียนเมทริกซ์เป็นตารางที่ไม่มีเส้นแบ่งและเขียนวงเล็บคร่อมตารางไว้ (ไม่ว่าจะเป็นวงเล็บโค้งหรือวงเล็บเหลี่ยม) เช่น \begin{bmatrix} 1 & 56 & 3 \\ 0 & 15 & 4 \\ 5 & -31 & -4 \end{bmatrix} เราเรียกแถวในแนวนอนของเมทริกซ์ว่า แถว เรียกแถวในแนวตั้งของเมทริกซ์ว่า หลัก และเรียกจำนวนแต่ละจำนวนเในเมทริกซ์ว่า สมาชิก ของเมทริกซ์ การกล่าวถึงสมาชิกของเมทริกซ์ จะต้องระบุตำแหน่งให้ถูกต้อง เช่น จากตัวอย่างข้างบน สมาชิกที่อยู่ในแถวที่ 2 หลักที่ 3 คือเลข 4 สมาชิกที่อยู่ในแถวที่ 2 หลักที่ 2 คือเลข 15 สมาชิกที่อยู่ในแถวที่ 3 หลักที่ 1 คือเลข 5 เราเรียกเมทริกซ์ที่มี m แถว และ n หลัก เรียกว่า เมทริกซ์ m \times n เราเรียกจำนวน m และ n ว่า มิติ หรือ ขนาด ของเมทริกซ์ เราใช้สัญญลักษณ์ A = (a_{i,j})_{m \times n} เพื่อหมายถึง เมทริกซ์ A ซึ่งมี m แถว และ n หลัก โดยที่ a_{i,j} (หรือ a_{ij}) หมายถึง สมาชิกที่อยู่ในตำแหน่ง แถว i และ หลัก j ของเมทริกซ์ A=A_{m \times n}=\begin{bmatrix} a_{11} & a_{12} & \cdots & \cdots & a_{1n}\\ a_{21} & a_{22} & \cdots & \cdots & a_{2n}\\ \vdots & & \ddots & & \vdots\\ \vdots & & & \ddots & \vdots\\ a_{m1} & a_{m2} & \cdots & \cdots & a_{mn}\\ \end{bmatrix} == การกระทำระหว่างเมทริกซ์ == === การบวก === ให้ A = (a_{i,j})_{m \times n} และ B = (b_{i,j})_{m \times n} เป็นเมทริกซ์ที่มีขนาดเท่ากันสองเมทริกซ์ เราสามารถนิยาม ผลรวม หรือ ผลบวก A+B ว่าเป็นเมทริกซ์ขนาด m \times n ที่คำนวณโดยการบวกสมาชิกที่มีตำแหน่งตรงกัน กล่าวคือ หาก C = (c_{i,j})_{m \times n} = A+B แล้ว c_{i,j} = a_{i,j} + b_{i,j} ยกตัวอย่างเช่น \begin{bmatrix} 1 & 3 & 2 \\ 1 & 0 & 0 \\ 1 & 2 & 2 \end{bmatrix} + \begin{bmatrix} 0 & 0 & 5 \\ 7 & 5 & 0 \\ 2 & 1 & 1 \end{bmatrix} = \begin{bmatrix} 1+0 & 3+0 & 2+5 \\ 1+7 & 0+5 & 0+0 \\ 1+2 & 2+1 & 2+1 \end{bmatrix} = \begin{bmatrix} 1 & 3 & 7 \\ 8 & 5 & 0 \\ 3 & 3 & 3 \end{bmatrix} การบวกเมทริกซ์อีกแบบหนึ่งที่เป็นที่นิยมน้อยกว่าคือการบวกตรง === การคูณด้วยสเกลาร์ === กำหนดเมทริกซ์ A = (a_{i,j})_{m \times n} และจำนวน c เราสามารถนิยาม ผลคูณสเกลาร์ cA ว่าเป็นเมทริกซ์ขนาด m \times n ที่คำนวณโดยการนำ c ไปคูณสมาชิกแต่ละตัวของ A กล่าวคือ หาก B = (b_{i,j})_{m \times n} = cA แล้ว b_{i,j} = ca_{i,j} ยกตัวอย่างเช่น 2 \begin{bmatrix} 1 & 8 & -3 \\ 4 & -2 & 5 \end{bmatrix} = \begin{bmatrix} 2\times 1 & 2\times 8 & 2\times -3 \\ 2\times 4 & 2\times -2 & 2\times 5 \end{bmatrix} = \begin{bmatrix} 2 & 16 & -6 \\ 8 & -4 & 10 \end{bmatrix} จะเห็นว่า ปฏิบัติการทั้งสองข้างต้น (การบวกและการคูณด้วยสเกลาร์) ช่วยให้เราสามารถมองเมทริกซ์ขนาด m \times n ว่าเป็นเวกเตอร์ที่มีมิติ mn ด้วยเหตุนี้ เซตของเมทริกซ์ที่มีขนาดเท่ากับจึงเป็นปริภูมิเวกเตอร์ชนิดหนึ่ง === การคูณ === ถ้า A = (a_{i,j})_{m \times n} และ B = (b_{i,j})_{n \times p} เป็นเมทริกซ์สองเมทริกซ์โดยที่จำนวนหลักของ A เท่ากับจำนวนแถวของ B แล้ว เราสามารถนิยาม ผลคูณ AB ว่าเป็นเมทริกซ์ C = (c_{i,j})_{m \times p} โดยที่ c_{i,j} = a_{i,1} b_{1,j} + a_{i,2} b_{2,j} + \cdots + a_{i,n} b_{n,j} = \sum_{k=1}^n a_{i,k} b_{k,j} กล่าวคือสมาชิกในแถว i หลัก j ของผลคูณ AB คำนวณได้จากการนำสมาชิกของหลัก i ของ A และสมาชิกของคอลัมน์ B ในตำแหน่ง "เดียวกัน" มาคูณกัน แล้วนำผลคูณทั้ง n ผลคูณนั้นมาบวกกัน การคูณนี้อาจทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นถ้ามองเมทริกซ์เป็นjเวกเตอร์ของเวกเตอร์ โดยถ้าเราให้ a_i = (a_{i,1}, a_{i,2}, \ldots, a_{i,n}) เป็นเวกเตอร์ที่มีสมาชิกเป็นสมาชิกในแถว i ของ A และให้ b_j = (b_{1,j}, b_{2,j}, \ldots, b_{n,j}) เป็นเวกเตอร์ที่มีสมาชิกเป็นสมาชิกในหลัก j ของ B แล้ว เราจะได้ว่า c_{i,j} = a_i \cdot b_j เมื่อ a_i \cdot b_j คือผลคูณจุดของ a_i และ b_j เช่น ให้ A = \begin{bmatrix} a_{1,1} & a_{1,2} & a_{1,3}\\ a_{2,1} & a_{2,2} & a_{2,3} \\ \end{bmatrix} = \begin{bmatrix} a_1 \\ a_2 \\ \end{bmatrix} และ B = \begin{bmatrix} b_{1,1} & b_{1,2} \\ b_{2,1} & b_{2,2} \\ b_{3,1} & b_{3,2} \\ \end{bmatrix} = \begin{bmatrix} b_1 & b_2 \\ \end{bmatrix} แล้ว A \times B = \begin{bmatrix} a_1 \cdot b_1 & a_1 \cdot b_2 \\ a_2 \cdot b_1 & a_2 \cdot b_2 \\ \end{bmatrix} และ \begin{bmatrix} 1 & 0 & 2 \\ -1 & 3 & 1 \\ \end{bmatrix} \times \begin{bmatrix} 3 & 1 \\ 2 & 1 \\ 1 & 0 \end{bmatrix} = \begin{bmatrix} (1 \times 3 + 0 \times 2 + 2 \times 1) & (1 \times 1 + 0 \times 1 + 2 \times 0) \\ (-1 \times 3 + 3 \times 2 + 1 \times 1) & (-1 \times 1 + 3 \times 1 + 1 \times 0) \\ \end{bmatrix} = \begin{bmatrix} 5 & 1 \\ 4 & 2 \\ \end{bmatrix} การคูณเมทริกซ์มีสมบัติต่อไปนี้ สมบัติการเปลี่ยนหมู่: (AB) C = A(BC) สำหรับเมทริกซ์ A ขนาด k \times m, B ขนาด m \times n, และ C ขนาด n \times p ใดๆ ("สมบัติการเปลี่ยนหมู่") สมบัติการแจกแจงทางขวา: (A+B) C = AC+BC สำหรับเมทริกซ์ A และ B ขนาด m \times n และ C ขนาด n \times p ใดๆ สมบัติการแจกแจงทางซ้าย: C(A+B) = CA+CB สำหรับเมทริกซ์ A และ B ขนาด m \times n และ C ขนาด k \times m ใดๆ คำเตือน: การคูณเมทริกซ์นั้นไม่เหมือนกับการคูณจำนวนโดยทั่วไป เนื่องจากไม่มีสมบัติสลับที่ กล่าวคือ สำหรับเมทริกซ์ A ขนาด m \times n และ B ขนาด n \times p ใดๆ ถ้า m \neq p แล้ว ผลคูณ BA ไม่มีนิยาม แม้ m = p แต่ถ้า m \neq n แล้ว AB เป็นเมทริกซ์ขนาด m \times m ส่วน BA เป็นเมทริกซ์ขนาด n \times n ผลคูณทั้งสองจึงมีค่าไม่เท่ากันอย่างเห็นได้ชัด แม้ m = n = p แต่ส่วนมากแล้ว AB มักจะมีค่าไม่เท่ากับ BA ยกตัวอย่างเช่น \begin{bmatrix} 1 & 0\\ 0 & 2 \end{bmatrix} \begin{bmatrix} 3 & 4\\ 5 & 6 \end{bmatrix} = \begin{bmatrix} 3 & 4\\ 10 & 12 \end{bmatrix} \neq \begin{bmatrix} 3 & 8\\ 5 & 12 \end{bmatrix} = \begin{bmatrix} 3 & 4\\ 5 & 6 \end{bmatrix} \begin{bmatrix} 1 & 0\\ 0 & 2 \end{bmatrix} เรากล่าวว่าเมทริกซ์ A แอนติคอมมิวต์ (anticommute) กับเมทริกซ์ B ถ้า AB = -BA เมทริกซ์ที่แอนติคอมมิวต์ซึ่งกันและกันมีความสำคัญมากในการเป็นตัวแทนของพีชคณิตลีและพีชคณิตคลิฟฟอร์ด ข้อสังเกต i = แถว หรือ row และ j = แถวตั้ง หรือ column === การสลับเปลี่ยน === เมทริกซ์สลับเปลี่ยนคือเมทริกซ์ที่ได้จากการสลับสมาชิก จากแถวเป็นหลัก และจากหลักเป็นแถว ของเมทริกซ์ต้นแบบ เมทริกซ์สลับเปลี่ยนของของเมทริกซ์ A ขนาด m × n คือ AT ขนาด n × m ( หรือเขียนอยู่ในรูปแบบ Atr, หรือ tA, หรือ A' ) ซึ่ง AT[ i, j ] = A[ j, i ] ยกตัวอย่างเช่น :\begin{bmatrix} 1 & 2 \\ 3 & 4 \end{bmatrix}^{\mathrm{T}} \!\! \;\! = \, \begin{bmatrix} 1 & 3 \\ 2 & 4 \end{bmatrix} == เมทริกซ์จัตุรัส == เมทริกซ์จัตุรัส คือเมทริกซ์ที่มีขนาดแถวและหลักเท่ากัน โดยเขียนอยู่ในรูปเมทริกซ์ขนาด n × n ยกเว้น n = 1 == เมทริกซ์ที่มีลักษณะพิเศษ == เมทริกซ์เอกลักษณ์ หรือ เมทริกซ์หน่วย In ขนาด n คือเมทริกซ์ขนาด n × n ที่มีตัวเลขบนเส้นทแยงมุมเป็น 1 ซึ่งสมมติให้เส้นทแยงมุมนั้นลากจากสมาชิกบนซ้ายไปยังสมาชิกขวาล่าง (เฉียงลง) ส่วนสมาชิกที่เหลือเป็น 0 ทั้งหมด มีคุณสมบัติ MIn = M และ InN =  N สำหรับทุกๆเมทริกซ์ M ขนาด m × n และเมทริกซ์ N ขนาด n × k เช่นเมื่อ n = 3: \mathbf{I}_3 = \begin{bmatrix} 1 & 0 & 0 \\ 0 & 1 & 0 \\ 0 & 0 & 1 \end{bmatrix} เมทริกซ์สมมาตร คือเมทริกซ์จัตุรัสที่เมื่อสลับเปลี่ยน (transpose) แล้วจะได้ผลลัพธ์เป็นเมทริกซ์ตัวเอง นั่นก็คือ \mathbf{A}^\mathrm{T} = \mathbf{A} หรือ a_{i,j}=a_{j,i} สำหรับทุกดัชนีที่ i และ j เมทริกซ์สมมาตรเสมือน คือเมทริกซ์จัตุรัสที่เมื่อสลับเปลี่ยน (transpose) แล้วจะได้ผลลัพธ์เป็นเมทริกซ์ที่สมาชิกทุกตัวมีเครื่องหมายตรงข้ามจากเดิม นั่นคือ \mathbf{A}^\mathrm{T}=-\mathbf{A}หรือ a_{i,j}=-a_{j,i}สำหรับทุกดัชนีที่ i และ j เมทริกซ์เอร์มีเชียนคือเมทริกซ์จัตุรัสที่มีสมาชิกเป็นจำนวนเชิงซ้อน และเมทริกซ์สลับเปลี่ยนสังยุค (conjugate transpose) ของเมทริกซ์นั้นเท่ากับตัวเดิม นั่นหมายความว่าสมาชิกในแถวที่ i หลักที่ j กับสมาชิกในแถวที่ j หลักที่ i จะต้องเป็นสังยุคซึ่งกันและกัน ดังนี้ a_{i,j}=\overline{a}_{j,i} หรือเขียนแทนด้วยการสลับเปลี่ยนสังยุคของเมทริกซ์ จะได้ว่า \mathbf{A}^\ast = \mathbf{A} เมทริกซ์โทพลิทซ์ คือเมทริกซ์จัตุรัสที่มีสมาชิกในแนวเส้นทแยงมุมหลักเป็นค่าเดียวกัน และแนวขนานเส้นทแยงมุมหลักเป็นค่าเดียวกันในแต่ละแนว นั่นคือ \,\! a_{i,j}=a_{i+1,j+1} == อ้างอิง == พีชคณิตเชิงเส้น
thaiwikipedia
1,938
จำนวนเชิงซ้อน
จำนวนเชิงซ้อน (อังกฤษ : complex number) ในทางคณิตศาสตร์ คือ เซตที่ต่อมาจากเซตของจำนวนจริงโดยเพิ่มจำนวน i ซึ่งทำให้สมการ i^2+1=0 เป็นจริง และหลังจากนั้นเพิ่มสมาชิกตัวอื่น ๆ เข้าไปจนกระทั่งเซตที่ได้ใหม่มีสมบัติการปิดภายใต้การบวกและการคูณ จำนวนเชิงซ้อน z ทุกตัวสามารถเขียนอยู่ในรูป x + iy โดยที่ x และ y เป็นจำนวนจริง โดยเราเรียก x และ y ว่าส่วนจริง (real part) และส่วนจินตภาพ (imaginary part) ของ z ตามลำดับ เซตของจำนวนเชิงซ้อนทุกตัวมักถูกแทนด้วยสัญลักษณ์ \mathbb{C} จากนิยามข้างต้นเราได้ว่าเซตของจำนวนจริงเป็นสับเซตของเซตของจำนวนเชิงซ้อน ดังนั้นจำนวนจริงทุกตัวเป็นจำนวนเชิงซ้อน เราสามารถบวก ลบ คูณ และหารสมาชิกสองตัวใด ๆ ของเซตของจำนวนเชิงซ้อนได้ (เว้นแต่ในกรณีที่ตัวหารคือศูนย์) และผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นจำนวนเชิงซ้อนเสมอ ดังนั้นในทางคณิตศาสตร์เราจึงกล่าวว่าเซตของจำนวนเชิงซ้อนเป็นฟีลด์ นอกจากนี้เซตของจำนวนเชิงซ้อนยังมีสมบัติการปิดทางพีชคณิต (algebraically closed) กล่าวคือ พหุนามที่มีสัมประสิทธิ์เป็นจำนวนเชิงซ้อนจะมีราก (พหุนาม)เป็นจำนวนเชิงซ้อนด้วย สมบัตินี้เป็นที่รู้จักในชื่อทฤษฎีบทมูลฐานของพีชคณิต นอกจากนี้ ในทางคณิตศาสตร์แล้วคำว่า "เชิงซ้อน" ถูกใช้เป็นคำคุณศัพท์ที่มีความหมายว่าฟีลด์ของตัวเลขที่เราสนใจคือฟีลด์ของจำนวนเชิงซ้อน ยกตัวอย่างเช่น การวิเคราะห์เชิงซ้อน, พหุนามเชิงซ้อน, แมทริกซ์เชิงซ้อน, และพีชคณิตลีเชิงซ้อน เป็นต้น == นิยาม == === ฟีลด์ของจำนวนเชิงซ้อน === ฟีลด์ของจำนวนเชิงซ้อน \mathbb{C} ประกอบด้วยเซตของคู่อันดับ (a, b) ทั้งหมดโดยที่ a และ b เป็นจำนวนจริง และปฏิบัติการสองตัวคือ + (การบวก) และ \cdot (การคูณ) โดยปฏิบัติการทั้งมีนิยามดังต่อไปนี้ ให้ (a, b) และ (c, d) เป็นจำนวนเชิงซ้อนใด ๆ (a, b) + (c, d) = (a+c, b+d) \, (a, b) \cdot (c, d) = (ac-bd, ad+bc) \, เมื่อการบวก การลบ และการคูณภายในคู่ลำดับคือการบวก การลบ และการคูณจำนวนจริง เซตของจำนวนเชิงซ้อนและปฏิบัติการทั้งสองมีสมบัติเป็นฟีลด์ กล่าวคือ การบวกและการคูณมีสมบัติการปิด การสลับที่ การเปลี่ยนกลุ่ม และการแจกแจง มีเอกลักษณ์การบวกคือ (0, 0) มีเอกลักษณ์การคูณคือ (1, 0) อินเวอร์สการบวกของ z= (a, b) (เขียนแทนด้วย -z) คือ (-a, -b) ถ้าหาก z = (a, b) \neq (0, 0) อินเวอร์สการคูณของ z (เขียนแทนด้วย z^{-1}) คือ \left (\frac{a}{a^2 + b^2}, \frac{-b}{a^2 + b^2} \right) === จำนวนเชิงซ้อนในฐานะปริภูมิเวกเตอร์และฟีลด์ต่อเติม === อนึ่ง เราอาจมองเซตของจำนวนเชิงซ้อนเป็นปริภูมิเวกเตอร์สองมิติบนเซตของจำนวนจริง เราสามารถใช้การบวกจำนวนเชิงซ้อนแทนการบวกเวกเตอร์ และการคูณด้วยสเกลาร์สามารถนิยามได้ดังต่อไปนี้ c (a, b) = (ca, cb) = (a, b) c \, เมื่อ c เป็นจำนวนจริงและ (a, b) เป็นจำนวนเชิงซ้อนใด ๆ ด้วยเหตุนี้เราได้ว่าฐานหลักหนึ่งของเซตของจำนวนเชิงซ้อนประกอบด้วยเวกเตอร์ (1, 0) และ (0, 1) กล่าวคือเราสามารถเขียนจำนวนเชิงซ้อนทุกตัวในรูปของผลรวมเชิงเส้นของเวกเตอร์ทั้งสอง: (a, b) = a (1, 0) + b (0, 1) \, ตามความนิยม เรามักแปลความหมายของ (a, 0) = a (1, 0) ว่าเป็นจำนวนจริง a (ด้วยเหตุนี้เราจึงกล่าวว่าเซตจำนวนจริงเป็นสับเซตของเซตจำนวนเชิงซ้อน) และมักใช้สัญลักษณ์ i แทน (0, 1) จำนวนเชิงซ้อน (a, b) จึงเขียนได้อีกแบบหนึ่งว่า a+bi ซึ่งเป็นที่นิยมใช้มากกว่าแบบคู่ลำดับ จากนิยามการคูณจำนวนเชิงซ้อนข้างต้น เราได้ว่า i^2 = (-1, 0) = -1 นั่นคือ i เป็นคำตอบของสมการ x^2 + 1 = 0 ซึ่งไม่สามารถหาคำตอบได้ในเซตของจำนวนจริง ดังนั้น เซตของจำนวนเชิงซ้อนจึงเป็นฟีลด์ต่อเติม (field extension) ของเซตของจำนวนจริงโดยการเพิ่มรากของพหุนาม x^2 +1 อีกนัยหนึ่ง เซตของจำนวนเชิงซ้อนคือริงผลหาร (quotient ring) ของริงพหุนาม \mathbb{R}[x] กับไอดีล (x^2+1) เขียนเป็นประโยคสัญลักษณ์ได้ว่า \mathbb{C} = \mathbb{R}[x]/ (x^2+1) == สัญลักษณ์และคำศัพท์ที่เกี่ยวข้อง == === ส่วนจริงและส่วนจินตภาพ === ถ้า z = a+bi \, เราเรียก a ว่า ส่วนจริง ของ z เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ \Re (z) และเราเรียก b ว่า ส่วนจินตภาพ ของ z เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ \Im (z) เราเรียกจำนวนเชิงซ้อนที่มีส่วนจริงเป็น 0 และส่วนจินตภาพไม่เป็น 0 ว่าจำนวนจินตภาพ (imaginary number) === สังยุคเชิงซ้อน === ถ้า z=a+bi\, เป็นจำนวนเชิงซ้อน สังยุคของ z คือ a-bi\, เราเขียนแทนสังยุคของ z ด้วย \bar{z} สังยุคของจำนวนเชิงซ้อนมีสมบัติสำคัญ ๆ ดังต่อไปนี้ \overline{z_{1}+z_{2}}=\bar{z}_{1}+\bar{z}_{2} \overline{z_{1}z_{2}}=\bar{z}_{1}\bar{z}_{2} z + \bar{z} = 2\Re (z) z - \bar{z} = 2\Im (z) เมื่อ z, z_1, z_2 เป็นจำนวนเชิงซ้อนใด ๆ === ขนาดของจำนวนเชิงซ้อน === ขนาดของจำนวนเชิงซ้อน z=a+bi \, เขียนแทนด้วย |z| คือจำนวนจริงที่ไม่เป็นลบ \sqrt{a^2 + b^2} เราอาจแปลความหมายของขนาดของจำนวนเชิงซ้อนได้ว่าเป็นความยาวของเส้นตรงที่ลากจากจุด (0, 0) ไปยังจุด (a, b) บนระบบพิกัดคาร์ทีเซียน ขนาดของจำนวนเชิงซ้อนมีสมบัติสำคัญ ๆ ดังต่อไปนี้ \left|z\right\vert=\left|\bar z\right\vert \left|z_1z_2\right\vert=\left|z_1\right\vert\left|z_2\right\vert \left|z_1+z_2\right\vert\le\;\left|z_1\right\vert+\left|z_2\right\vert (อสมการสามเหลี่ยม) \left|z_1-z_2\right\vert\ge\;\big|\left|z_1\right\vert-\left|z_2\right\vert\big| \left|z\right\vert=0 ก็ต่อเมื่อ z=0\, เมื่อ z, z_1, และ z_2 เป็นจำนวนเชิงซ้อนใด ๆ จากสมบัติข้อที่สองและการแทนจำนวนจริง a ด้วยจำนวนเชิงซ้อน (a, 0) ทำให้เราได้ว่าถ้า z \neq 0 z^{-1} = \frac{\bar{z}}{|z|^2} === ระนาบเชิงซ้อน === right เรายังสามารถมองจำนวนเชิงซ้อนเป็นจุดหรือเวกเตอร์บนระบบพิกัดคาร์ทีเซียนสองมิติ และมักจะเรียกระนาบนี้ว่าระนาบเชิงซ้อน (complex plane) หรือผังของอาร์กานด์ ตามชื่อของ ชอง-โรแบร์ต อาร์กานด์ ผู้ค้นพบ พิกัดคาร์ทีเซียนของจำนวนเชิงซ้อน z = a+bi \, คือ (a, b) ในขณะที่พิกัดเชิงขั้วคิอ (r, \varphi) \, เมื่อ r = |z| และ \varphi \, เป็นมุมที่เวกเตอร์ (a, b) ทำกับแกน x ในหน่วยเรเดียน เราเรียก \varphi \, ว่า อาร์กิวเมนต์ของ z และเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ \arg (z) สังเกตว่าจำนวนเชิงซ้อนที่มีอาร์กิวเมนต์ต่างกันเท่ากับผลคูณของจำนวนเต็มกับ 2\pi จะมีค่าเท่ากัน สูตรของออยเลอร์ช่วยแสดงความสัมพันธ์ระหว่างพิกัดคาร์ทีเซียนและพิกัดเชิงขั้ว อีกทั้งยังช่วยให้เราสามารถเขียนจำนวนเชิงซ้อนได้อีกรูปแบบหนึ่งดังต่อไปนี้ z = a+bi = r (\cos \varphi + i \sin \varphi) = re^{i\varphi}\, และเรายังสามารถพิสูจน์ได้ว่า r_1 e^{i\varphi_1} \cdot r_2 e^{i\varphi_2} = r_1r_2e^{i (\varphi_1 + \varphi_2)} = r_1r_2 (\cos (\varphi_1+\varphi_2) + i\sin (\varphi_1+\varphi_2) ) และ \frac{r_1 e^{i\varphi_1}}{r_2 e^{i\phi_2}} = \frac{r_1}{r_2}e^{i (\varphi_1 - \varphi_2)} = \frac{r_1}{r_2} (\cos (\varphi_1-\varphi_2) + i\sin (\varphi_1-\varphi_2) ) เมื่อ r_2 \neq 0 ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถมองการคูณจำนวนเชิงซ้อนตัวหนึ่ง ๆ ว่าเป็นการหมุนและการยืด (หรือหด) เวกเตอร์ด้วยอาร์กิวเมนต์และขนาดของจำนวนเชิงซ้อนตัวนั้นตามลำดับ การคูณด้วย i = e^{i\pi/2} จึงสมมูลกับการหมุนเวกเตอร์ 90 องศาทวนเข็มนาฬิกา สมการ ฉะนั้นเราสามารถเข้าใจความหมายของสมการ i^2 = -1 ได้อีกนัยหนึ่งว่า "การหมุน 90 องศาสองครั้งมีค่าเท่ากับการหมุน 180 องศา" หรือ "เมื่อหมุนเวกเตอร์ (0, 1) ไป 90 องศา ผลลัพธ์ที่ได้คือเวกเตอร์ (-1, 0) " == สมบัติต่าง ๆ == === การเรียงลำดับ === \mathbb{C} ไม่เป็นฟีลด์อันดับ กล่าวคือเราไม่สามารถเรียงลำดับจำนวนเชิงซ้อนโดยที่การเรียงลำดับนั้นสอดคล้องกับการบวกและการคูณจำนวนเชิงซ้อนได้เลย === ปริภูมิเวกเตอร์ === อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น \mathbb{C} เป็นปริภูมิเวกเตอร์สองมิติบน \mathbb{R} เราได้ว่าการแปลงเชิงเส้นบน \mathbb{R} (\mathbb{R}-linear map) ทุกตัวจะสามารถเขียนได้ในรูป f (z) = az + b\bar{z} เมื่อ a และ b เป็นจำนวนเชิงซ้อนใด ๆ เราได้ว่าฟังก์ชัน f_1 (z) = a (z) เป็นการหมุนและการยืดเวกเตอร์ ส่วนฟังก์ชัน f_2 (z) = b\bar{z} นั้นประกอบด้วยการหมุน การพลิก และการยืดเวกเตอร์ในฟังก์ชันเดียว สังเกตว่า f_1 เท่านั้นที่เป็นการแปลงเชิงเส้นบน \mathbb{C} และเป็นฟังก์ชันโฮโลมอร์ฟิก เราสามารถหาอนุพันธ์ของ f_2 ได้ในเซตของจำนวนจริง แต่อนุพันธ์นั้นไม่สอดคล้องกับสมการโคชี-รีมันน์ === สมบัติเชิงพีชคณิต === \mathbb{C} (หรือฟีลด์อื่นที่สมสัณฐานกับ C) จะมีลักษณะจำเพาะสามประการ ดังนี้ มีแคแรกเทอริสติก 0 มีดีกรีอดิศัยเมื่อเทียบกับฟีลด์เฉพาะใด ๆ เท่ากับขนาดของเซตจำนวนจริง มีสมบัติการปิดเชิงพีชคณิต (ดู ทฤษฎีบทมูลฐานของพีชคณิต) ด้วยเหตุนี้ \mathbb{C} จึงมีฟีลด์ย่อยแท้ที่สมสัณฐานกับตัวมันเองอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้กาลอยด์กรุปของ \mathbb{C} บนเซตของจำนวนตรรกยะมีขนาดเท่ากับเซตกำลังของเซตของจำนวนจริง คณิตศาสตร์มูลฐาน
thaiwikipedia
1,939
28 พฤษภาคม
วันที่ 28 พฤษภาคม เป็นวันที่ 148 ของปี (วันที่ 149 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 217 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == 42 ปีก่อน พ.ศ. (585 ปีก่อน ค.ศ.) - สุริยุปราคาที่ทำนายโดยเธลีส ปราชญ์ชาวกรีก ทำให้สงครามระหว่างชาวลิเดียกับเมเดส สงบลงชั่วคราว พ.ศ. 2131 (ค.ศ. 1588) - กองเรือรบสเปน เดินทางออกจากลิสบอนไปยังช่องแคบอังกฤษ พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) - กองทัพเรือญี่ปุ่นนำโดยพลเรือเอกโทโกะ เฮฮะชิโร ทำลายกองเรือบอลติกของรัสเซียในสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น พ.ศ. 2461 (ค.ศ. 1918) - วันประกาศอิสรภาพของสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) - แอลัน ทัวริง เสนอบทความ "On Computable Numbers with an application to the Entscheidungsproblem" สำหรับตีพิมพ์ พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - ประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. รูสเวลท์ ทำพิธีเปิดสะพานโกลเดนเกตในซานฟรานซิสโกอย่างเป็นทางการ พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - สงครามโลกครั้งที่ 2: ประเทศเบลเยียมประกาศยอมจำนนต่อเยอรมนีอย่างไม่มีเงื่อนไข พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - บทความในหนังสือพิมพ์โดย ปีเตอร์ เบเนนสัน เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งองค์การนิรโทษกรรมสากล พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - วันก่อตั้งองค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ (PLO) พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - วันก่อตั้งมหาวิทยาลัยศรีปทุม พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์: ปากีสถานได้ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ 5 ครั้ง เพื่อตอบโต้การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของอินเดีย เหตุการณ์นี้ส่งผลให้สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับปากีสถาน พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) - แดนเนรมิตปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) - ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008) - * การประชุมครั้งปฐมฤกษ์ของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญของเนปาลประกาศเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตย อันเป็นการสิ้นสุดราชวงศ์ชาห์ที่มีมานานกว่า 450 ปี ซึ่งปกครองเนปาลมา 240 ปี * ตุลาการรัฐธรรมนูญ ชุดที่มี นายชัช ชลวร เป็นประธาน ได้รับโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่ง == วันเกิด == พ.ศ. 2067 (ค.ศ. 1524) - สุลต่านเซลิมที่ 2 จักรพรรดิแห่งอาณาจักรออตโตมัน (สวรรคต 12 ธันวาคม พ.ศ. 2117) พ.ศ. 2203 (ค.ศ. 1660) - พระเจ้าจอร์จที่ 1 แห่งบริเตนใหญ่ กษัตริย์ในราชวงศ์ฮันโนเฟอร์แห่งราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และราชอาณาจักรไอร์แลนด์ (สวรรคต 11 มิถุนายน พ.ศ. 2270) พ.ศ. 2302 (ค.ศ. 1759) - วิลเลียม พิตต์ ผู้เยาว์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ผู้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่ออายุได้เพียง 24 ปีเท่านั้น (เสียชีวิต 23 มกราคม พ.ศ. 2349) พ.ศ. 2440 (ค.ศ. 1897) - หม่อมเจ้าเจริญใจ จิตรพงศ์ (สิ้นชีพิตักษัย 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2493) พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) - เอียน เฟลมมิง นักประพันธ์ชาวอังกฤษ (ผลงานเด่น เจมส์ บอนด์) (ถึงแก่กรรม 12 สิงหาคม พ.ศ. 2507) พ.ศ. 2464 (ค.ศ. 1921) - หม่อมเจ้าพิริยดิศ ดิศกุล (สิ้นชีพิตักษัย 14 สิงหาคม พ.ศ. 2543) พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - เถียน จุ้น หรือ เถียน จุ้น อดีตนักแสดงชาวฮ่องกง พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) - แกลดีส์ ไนต์ นักร้อง-นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) - พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก พระภิกษุมหานิกายชาวญี่ปุ่น เจ้าอาวาสวัดป่าสุนันทวนาราม พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - วิสา คัญทัพ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - ชิบ จิตนิยม นักข่าว พิธีกรชาวไทย พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - เจฟฟ์ เฟเนค นักมวยชาวออสเตรเลีย พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) - ไคลี มิโนก นักแสดงและนักร้องชาวออสเตรเลีย พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - เสอ ซื่อม่าน นักแสดงชาวฮ่องกง พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - * คริสตี้ กิ๊บสัน นักร้องเพลงลูกทุ่ง-หมอลำชาวดัตช์ * นาเดีย โสณกุล นักแสดง/พิธีกรชาวไทย พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - เจสซี แบรดฟอร์ด นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - สตีฟ ครอเนิน นักฟุตบอลชายชาวอเมริกัน พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - แครี มัลลิแกน นักแสดงและนักร้องชาวอังกฤษ พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - * ชาร์ล อึนซอกบียา นักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส * เซท รอลลินส์ นักมวยปล้ำอาชีพชาวอเมริกัน พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - อเล็กซานดร้า ธิดาวัลย์ บุญช่วย นักแสดง/นักร้องหญิงชาวลาว พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - ไคล์ วอล์กเกอร์ นักฟุตบอลชายชาวอังกฤษ พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - อาแล็กซ็องดร์ ลากาแซ็ต นักฟุตบอลอาชีพชาวฝรั่งเศส พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - * กากุ ชิบาซากิ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น * ทอม แคร์โรลล์ กองกลางดาวรุ่งชาวอังกฤษ * ศิรชัช เจียรถาวร นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - กฤตกานต์ ประสิทธิ์พานิช นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - จอห์น สโตนส์ นักฟุตบอลชายชาวอังกฤษ พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - พัฒนิดา พุ่มชูแสง นักแสดงและนางแบบชาวไทย พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - * คิม ดา-ฮย็อน นักร้องชาวเกาหลี สมาชิกวงทไวซ์ * ริโฮะ ซะยะชิ นักร้องหญิงชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - กมนธิดา โรจน์ทวีนิธิ อดีตสมาชิกวง BNK48 พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) - วีรภาพ หนูฤกษ์ == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 2386 (ค.ศ. 1843) - โนอาห์ เว็บสเตอร์ นักประพันธ์ นักการเมือง และนักเขียนพจนานุกรมชาวอเมริกัน (เกิด 16 ตุลาคม พ.ศ. 2301) พ.ศ. 2435 (ค.ศ. 1892) - เจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน (เกิด พ.ศ. 2348) พ.ศ. 2441 (ค.ศ. 1898) - เจ้าฟ้าศิราภรณ์โสภณ (ประสูติ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2431) พ.ศ. 2556 (ค.ศ. 2013) - สรจักร ศิริบริรักษ์ นักเขียนเรื่องสั้นแนวเขย่าขวัญ (เกิด 17 มีนาคม พ.ศ.2498) พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) - อัซลัน มูฮิบบุดดิน ชาห์ พระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย (เกิด 19 เมษายน พ.ศ. 2471) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == ประเทศไทย - วันสุขบัญญัติแห่งชาติ วันสาธารณรัฐในอาเซอร์ไบจาน และอาร์มีเนีย (พ.ศ. 2461) พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) - วันวิสาขบูชา วันชาติ เอธิโอเปีย == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day พฤษภาคม 28 พฤษภาคม
thaiwikipedia
1,940
เยอรมัน
เยอรมัน หรือ เยอรมนี อาจหมายถึง ประเทศเยอรมนี (Germany) - ประเทศในทวีปยุโรป ภาษาเยอรมัน (German language) ภาษากลุ่มเจอร์แมนิกที่ใช้แพร่หลายในทวีปยุโรป เป็นภาษาราชการของประเทศเยอรมนี ลิกเตนสไตน์ ออสเตรีย เบลเยียม สวิตเซอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก และอิตาลี ชาวเยอรมัน (Germans) - กลุ่มคนในวัฒนธรรมเยอรมัน (ไม่ได้ระบุว่าเป็นพลเมืองของประเทศไหนโดยตรง) ฟุตบอลทีมชาติเยอรมัน (German Football-team) ทีมชาติที่เล่นฟุตบอลของประเทศเยอรมนี
thaiwikipedia
1,941
วัด
วัด, อาวาส หรือ อาราม คือคำเรียกศาสนสถานของศาสนาพุทธในประเทศไทย กัมพูชา และลาว เป็นที่อยู่ของภิกษุ และประกอบศาสนกิจของพุทธศาสนิกชน ภายในวัดมีวิหาร อุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิ เมรุ ซึ่งใช้สำหรับประกอบศาสนพิธีต่าง ๆ เช่น การเวียนเทียน การสวดพุทธมนต์ การทำสมาธิ วัดโดยส่วนใหญ่นิยมแบ่งเขตภายในวัดออกเป็นสองส่วนคือ พุทธาวาส และสังฆาวาส โดยส่วนพุทธาวาสจะเป็นที่ตั้งของสถูปเจดีย์ อุโบสถ สถานที่ประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา และส่วนสังฆาวาส จะเป็นส่วนกุฎิสงฆ์สำหรับภิกษุสามเณรจำพรรษา และในปัจจุบันแทบทุกวัดจะเพิ่มส่วนฌาปนสถานเข้าไปด้วย เพื่อประโยชน์ในด้านการประกอบพิธีทางศาสนาของชุมชน เช่น การฌาปนกิจศพ โดยในอดีตส่วนนี้จะเป็นป่าช้า ซึ่งอยู่ติดหรือใกล้วัด ตามธรรมเนียมของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มฌาปนสถานในวัดพุทธศาสนาในประเทศไทยจะตั้งอยู่บนพื้นที่ ๆ เป็นป่าช้าเดิม == ประเภท == ตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 จำแนกวัดเป็น 2 อย่าง คือ สำนักสงฆ์ คือ วัดที่กระทรวงศึกษาธิการประกาศตั้งวัด รวมถึงได้รับพระบรมราชานุญาตให้สร้างขึ้น แต่ยังไม่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา จึงใช้เป็นที่อยู่พระสงฆ์ได้ แต่ในทางพระวินัยยังไม่สามารถสังฆกรรมได้ วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เป็นวัดที่เลื่อนฐานะจากสำนักสงฆ์ โดยได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแล้ว พร้อมใช้ทำสังฆกรรมตามพระวินัย ได้ทุกประการ วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา แบ่งออกเป็น พระอารามหลวงและวัดราษฎร์ *วัดราษฎร์ คือวัดที่ได้รับพระราชทานที่วิสุงคามสีมา แต่มิได้เข้าบัญชีเป็นพระอารามหลวง *พระอารามหลวง หรือ วัดหลวง คือวัดที่พระเจ้าแผ่นดินทรงสร้าง หรือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เข้าจำนวนในบัญชีเป็นพระอารามหลวง พระอารามหลวงมี 3 ชั้น ได้แก่ ชั้นเอก มี 3 ชนิด ได้แก่ ราชวรมหาวิหาร ราชวรวิหาร และวรมหาวิหาร ชั้นโท มี 4 ชนิด ได้แก่ ราชวรมหาวิหาร ราชวรวิหาร วรมหาวิหาร และวรวิหาร ชั้นตรี มี 3 ชนิด ได้แก่ ราชวรวิหาร วรวิหาร และสามัญ (ไม่มีสร้อยต่อท้าย) ==องค์ประกอบ== รูปแบบและองค์ประกอบศิลปกรรมของวัดในแต่ละยุคและท้องถิ่นมีความแตกต่างกันไปบ้าง เช่น อิทธิพลทางศิลปะ คตินิยม วัสดุท้องถิ่น แต่ทั่วไปจะประกอบด้วย 3 ส่วน คือ เขตพุทธาวาส คือ ขอบเขตที่กำหนดไว้สำหรับให้พระสงฆ์ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ประกอบด้วย เจดีย์หรือสถูป มณฑป อุโบสถ วิหาร หอระฆัง ศาลา เป็นต้น บริเวณล้อมรอบพระวิหารและพระอุโบสถมักมีพื้นที่กว้างสำหรับใช้ในกิจพิธีต่าง ๆ เช่น การแห่ประทักษิณ เป็นต้น โดยทั่วไปพระวิหารและพระอุโบสถส่วนมากมักมีรูปทรงเป็นอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเสมอ มีคำอธิบายว่ามีความเกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ ตอนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ โดยพระองค์ทรงประทับหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก สอดคล้องกับพระพุทธรูปประธานในพระวิหารหรือพระอุโบสถที่มักเป็นปางมารวิชัยในตอนผจญมารก่อนที่พระองค์จะตรัสรู้ ลักษณะการวางผังอุโบสถและวิหารนี้เหมือนกันทั้งภาคพื้นทวีปของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขตสังฆาวาส คือ พื้นที่ซึ่งกำหนดให้เป็นที่พักอาศัยและกระทำกิจวัตรของพระสงฆ์ที่ไม่ข้องกับพิธีการทางศาสนาโดยตรง เช่น กุฏิ หอฉัน วัจจกุฎี ศาลาการเปรียญ หอไตร ศาลาท่าน้ำ เป็นต้น เขตธรณีสงฆ์ คือ เขตที่ดินของวัดนอกเหนือจากเขตพุทธาวาสและเขตสังฆาวาส เป็นพื้นที่วัดที่ใช้ประโยชน์ในลักษณะต่าง ๆ เช่น เมรุ สุสาน โรงเรียน ==สาเหตุการสร้างและปฏิสังขรณ์== วัดเริ่มมีครั้งแรกในประเทศอินเดีย เพื่อเป็นที่ประดิษฐานสถูปเจดีย์และเป็นที่พักพระสงฆ์ วัดเวฬุวันถือเป็นพระอารามหรือวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ปัจจุบันอยู่ในรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย จากนั้นอุบาสกอุบาสิกาอื่น ๆ ในที่ต่าง ๆ ได้สร้างวัดถวาย เช่น พระเชตะวันมหาวิหาร ของอนาถปิณฑิก เศรษฐีบุพพารามของนางวิสาขา อัมพปาลีวัน ของนางอัมพปาลี ในเมืองสาวัตถี วัดโฆสิตตาราม ของพระเจ้าอุเทน เมืองโกสัมภี เป็นต้น สำหรับการสร้างวัดในประเทศไทยมีมาตั้งแต่สมัยศิลปะทวาราวดี ในพุทธศวรรษที่ 12–16 วัดแห่งแรกในพื้นที่ของประเทศไทย บ้างสันนิษฐานว่า วัดเขาทำเทียม จังหวัดสุพรรณบุรี สร้างหลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพานได้ 300 ปี บ้างก็ว่า "วัดปุณณารามดำรงอริยสงฆ์" ซึ่งระบุไว้ในกระเบื้องจารที่ขุดได้ที่คูบัว จังหวัดราชบุรี ปัจจุบันไม่มีร่องรอยปรากฏให้เห็น อยู่ในบริเวณเมืองโบราณคูบัว จังหวัดราชบุรี สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าทับไทยทอง หลังจากที่ไทยส่งคณะทูตเดินทางไปยังวัดเวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ที่ประเทศอินเดีย ในประเทศกัมพูชา พบหลักฐานการสร้างพระวิหารในพุทธศาสนานิกายเถรวาทตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 19 ในรัชสมัยของพระเจ้าสรินทรวรมัน หลักฐานจากศิลาจารึก k.754 ได้กล่าวถึงพระราชบัญชาของพระเจ้าสรินทรวรมันที่ทรงสั่งให้สร้างพระวิหารและพระพุทธรูปสำหรับเคารพบูชาในปี พ.ศ. 1851 วัดในระยะแรกมีจุดประสงค์ 2 อย่าง คือ เพื่อเป็นที่บรรจุพระบรมธาตุ เรียกว่า วัดพุทธเจดีย์ อีกประการหนึ่งคือ สร้างเพื่อเป็น วัดอนุสาวรีย์ ได้แก่สถูปเพื่อบรรจุอัฐิธาตุบุคคลสำคัญทางพุทธศาสนา ต่อมาวัตถุประสงค์การสร้างเริ่มขยายออกไป แต่มีสาเหตุสำคัญ คือ ความเชื่อในเรื่องกรรม ไตรภูมิ และยุคพระศรีอริยเมตไตรยตามคำสอนในคัมภีร์ศาสนา กล่าวคือ การทำบุญที่ได้ผลบุญมากที่สุดคือการสร้างวัด ปัจจัยการสร้างวัดและบูรณะปฏิสังขรณ์อื่น ๆ ได้แก่ สร้างเพื่อแสดงความรุ่งเรืองของอาณาจักร เพื่อเป็นอนุสรณ์สงคราม เพื่อสะดวกในการทำบุญ เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน เพื่อใช้เป็นสถานศึกษา สร้างเพื่อความศรัทธาในภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง หรืออาจเป็นค่านิยม อย่าง ความนิยมสร้างวัดประจำรัชกาล วัดประจำตระกูล สร้างเป็นอนุสรณ์และอุทิศส่วนกุศล เป็นต้น == วัดประจำพระราชวังในประเทศไทย == วัดพระศรีสรรเพชญ์ (วัดประจำพระราชวังโบราณ อยุธยา) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดประจำพระบรมมหาราชวัง) กรุงเทพมหานคร == เด็กวัด == เด็กวัด เป็นเด็กชายในประเทศไทยซึ่งอาศัยอยู่ในวัดและคอยรับใช้พระภิกษุ โดยเด็กวัดจะคอยถือบาตรของพระภิกษุในช่วงการบิณฑบาตยามเช้า หลังจากนั้น เด็กวัดจะมีหน้าที่จัดเตรียมอาหารของพระภิกษุก่อนที่จะรับประทานอาหารที่เหลือจากพระฉันเสร็จ ("ข้าวก้นบาตร") เด็กวัดเป็นผู้ถือศีล 10 ประการ เด็กชายบางคนถูกส่งมาเป็นเด็กวัดเพื่อประกอบความดี บ้างก็ถูกส่งมาเพราะมีที่พักและอาหารโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เด็กวัดบางคนถูกพระเก็บมาเลี้ยงเนื่องจากไร้พ่อแม่ขาดมิตร ในขณะที่บางส่วนถูกส่งมาเพื่อศึกษาธรรม เด็กวัดบางส่วนบวชเป็นภิกษุ และบ้างก็อาจถือว่าเด็กวัดเป็นขั้นตอนอย่างเป็นทางการสำหรับการบวชเป็นสามเณร ขึ้นอยู่กับอายุและประเพณีในท้องถิ่น == ดูเพิ่ม == รายชื่อวัดในประเทศไทย (แบ่งตามจังหวัด) รายชื่อวัดไทยในต่างประเทศ == อ้างอิง == == บรรณานุกรม == == แหล่งข้อมูลอื่น == วัดไทย มินีโซต้า Thai Buddhist Center of Minnesota U.S.A. วัดไทย - ทำเนียบวัดไทย เว็บวัด - รวบรวมรายชื่อเว็บวัดในประเทศไทย สถาปัตยกรรมพุทธ
thaiwikipedia
1,942
แปลก พิบูลสงคราม
จอมพล แปลก พิบูลสงคราม (14 กรกฎาคม พ.ศ. 2440 – 11 มิถุนายน พ.ศ. 2507) บรรดาศักดิ์เดิม หลวงพิบูลสงคราม นามเดิม แปลก ขิตตะสังคะ และเป็นที่รู้จักในชื่อ ป. พิบูลสงคราม เป็นนายทหารและนักการเมืองชาวไทย นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 3 ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ พ.ศ. 2481 ถึง พ.ศ. 2487 และ พ.ศ. 2491 ถึง พ.ศ. 2500 รวมระยะเวลา 15 ปี 25 วัน นับเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุด และยังเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดิมเขาเป็นหัวหน้าสมาชิกคณะราษฎรสายทหารบกชั้นยศน้อย เป็นผู้มีบทบาทในการเมืองไทยตั้งแต่การปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 และยิ่งมีฐานะทางการเมืองที่ดีขึ้นอีกหลังเป็นผู้บังคับบัญชาทหารฝ่ายรัฐบาลปราบกบฏบวรเดชในปี 2476 นับแต่นั้นเขาดำรงตำแหน่งในรัฐบาลคณะราษฎรมาโดยตลอด ในปี 2481 เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรี และเขาเริ่มแสดงความเป็นผู้เผด็จการมากขึ้นจนเริ่มแตกแยกกับคณะราษฎรสายพลเรือน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เขาออกประกาศรัฐนิยมหลายข้อโดยใช้แนวคิดชาตินิยม เปลี่ยนชื่อประเทศจาก "สยาม" มาเป็น "ไทย" เขาดำเนินนโยบายเป็นพันธมิตรทางทหารกับญี่ปุ่น จนในปี 2487 เขาลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังแพ้เสียงในสภาในร่างกฎหมายสำคัญ ประกอบกับสถานการณ์โลกขณะนั้นฝ่ายอักษะกำลังแพ้สงคราม หลังรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2490 เขาได้รับทาบทามกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกช่วงหนึ่ง เขาถือเป็นหนึ่งในผู้นำในการเมืองสามเส้าในช่วงนั้น แต่ไม่มีฐานกำลังที่มั่นคงของตนเอง ทำให้พยายามสร้างความชอบธรรมโดยเข้าร่วมกับสหรัฐอย่างเต็มตัวในสงครามเย็น และพยายามเปลี่ยนรูปแบบการปกครอง กระนั้นเขาพ่ายการแข่งขันชิงอิทธิพลกับกลุ่มที่เบื่อหน่ายความเสพติดอำนาจของจอมพลแปลกจนพ้นจากตำแหน่งในรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2500 โดยการเลือกตั้งครั้งนั้นถูกขนานนามว่าการเลือกตั้งที่สกปรกที่สุด และถูกชิงอำนาจนำโดยจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นับแต่นั้นเขาลี้ภัยในประเทศญี่ปุ่นจนถึงแก่อสัญกรรม ณ วันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ 2507 == ปฐมวัยและการศึกษา == === วัยเด็ก === จอมพล แปลก พิบูลสงคราม มีชื่อเดิมว่า "แปลก ขีตตะสังคะ" ชื่อจริงคำว่า "แปลก" เนื่องจากเมื่อแรกเกิดบิดามารดาเห็นว่าหูทั้งสองข้างอยู่ต่ำกว่าตา ผิดไปจากบุคคลธรรมดา จึงให้ชื่อว่า แปลก แปลก ขีตตะสังคะ เกิดเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2440 บิดาชื่อ นายขีด และมารดา ชื่อ นางสำอางค์ ในสกุล ขีตตะสังคะ บ้านเกิดเป็นเรือนแพขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่ปากคลองบางเขนเก่า ตรงข้ามวัดปากน้ำไม่ห่างจากศาลากลางจังหวัดนนทบุรี และ วัดเขมาภิรตาราม ตำบลบางเขน อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี อาชีพครอบครัว ประกอบอาชีพเกษตรกรรม สวนทุเรียนและสวนผลไม้ เด็กชายแปลก ขีตตะสังคะ เป็นบุตรคนที่สองในพี่น้อง 5 คน พี่ชาย คนโตชื่อ "ประกิต" (รับราชการทหารได้ยศ พลตรี) คนที่สามเป็นหญิงชื่อ "เปลี่ยน" คนที่สี่เป็นชายชื่อ "ปรุง" คนสุดท้ายชื่อ "ครรชิต" (รับราชการทหารได้ยศ พลตรี) === การศึกษา === ==== การเข้าสู่อาชีพทหาร ==== เขาเข้าสู่ระบบศึกษาครั้งแรกที่ โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบุรี เมื่อ พ.ศ. 2452 อายุได้ 12 ปี ได้เข้าเรียนในโรงเรียนนายร้อยทหารบก โดยบิดาขอร้องให้ พล.ต.พระยาสุรเสนาช่วยนำฝากเข้าเรียนพร้อมกับพี่ชาย "ประกิต" ศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยเป็นเวลา 6 ปี (นักเรียนชั้นประถม 3 ปี นักเรียนชั้นมัธยม 3 ปี) ได้เป็น"นักเรียนทำการนายร้อย" เมื่ออายุได้ 18 ปี (9 พ.ค. 2458) สังกัด "เหล่าปืนใหญ่" โดยได้เป็น "ว่าที่ร้อยตรี" (1 พ.ย. 2458) ==== การสมรส ==== นักเรียนทำการนายร้อยว่าที่ร้อยตรีแปลก เข้าประจำการเหล่าปืนใหญ่ที่ 7 พิษณุโลก และไม่นานนักได้พบรักกับท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม (ขณะนั้นสกุล พันธ์กระวี) ซึ่งเป็น "นักเรียนชั้นสูงสุดเพียงคนเดียว" ในโรงเรียนผดุงนารี โรงเรียนของคณะมิชชันนารี และเป็นโรงเรียนหญิงแห่งแรกของพิษณุโลก ทั้งทำหน้าที่ "ครูฝึกหัด" ฝึกหัดสอน "ชั้นเล็ก ๆ" ในโรงเรียนแห่งนี้ด้วย ไม่นานนักทั้งสองก็ทำพิธีหมั้นและพิธีแต่งงานเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2459 เมื่อว่าที่ร้อยตรีแปลกอายุย่างเข้า 20 ปี ท่านผู้หญิงละเอียดย่างเข้า 15 ปี มีบุตร 6 รายได้แก่ พลตรี อนันต์ พิบูลสงคราม พลเรือโท ประสงค์ พิบูลสงคราม ร้อยเอกหญิง จีรวัสส์ ปันยารชุน รัชนิบูล ปราณีประชาชน พัชรบูล เบลซ์ นิตย์ พิบูลสงคราม ==== อาชีพทหาร–การศึกษา ==== หลังการแต่งงานได้ 3 เดือนและเป็นนักเรียนทำการนายร้อยเหล่าปืนใหญ่ที่ 7 พิษณุโลกครบ 2 ปี ก็ได้รับยศเป็น "ร้อยตรี" (23 พ.ค. 2460) และย้ายเข้ากรุงเทพเพื่อศึกษาต่อในโรงเรียนเหล่าทหารปืนใหญ่ที่บางซื่อตามระเบียบการศึกษา โดยพาครอบครัวมาด้วย การศึกษา 2 ปีใน โรงเรียนแห่งนี้แต่ละปีประกอบด้วย 6 เดือนแรกเรียนประจำอยู่ ณ ที่ตั้ง 4 เดือนถัดมาไปฝึกในสนามยิงปืนโคกกระเทียม ลพบุรี อีก 2 เดือนท้าย ซ้อมรบในสนามต่างจังหวัด เมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเหล่าทหารปืนใหญ่ ได้กลับกรมต้นสังกัดประจำการที่ปืน 7 พิษณุโลก แต่ไม่นานนักก็ได้ย้ายมาประจำกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (1 ส.ค. 2462) ในตำแหน่งนายทหารสนิทของผู้บังคับบัญชากรม พลตรี หม่อมเจ้าปรีดิเทพย์พงษ์ เทวกุล ปีถัดมาได้รับยศ "ร้อยโท" (24 เม.ย 2463) 1 เมษายน พ.ศ. 2464 นายร้อยโทแปลกได้เข้าศึกษาต่อในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก เป็นรุ่นที่ 10 หลักสูตรการศึกษา 2 ปี โรงเรียนเสนาธิการทหารบกเป็นโรงเรียนนายทหารขั้นสูงที่มีนายทหารจำนวนมากประสงค์เข้าศึกษาต่อ แต่โรงเรียนนี้รับนักเรียนได้ประมาณรุ่นละ 10 นาย และนักเรียนที่สอบได้ที่ 1 ของรุ่นจะได้รับทุนไปศึกษาวิชาการเพิ่มเติมที่ต่างประเทศ ในรุ่นของนายร้อยโทแปลกมีผู้สอบไล่ผ่านในปีที่ 2 เพียง 7 นาย และนายร้อยโทแปลกสอบไล่ได้เป็นลำดับที่ 1 ของรุ่นในปีสุดท้ายนี้ ==== การศึกษาที่ฝรั่งเศส ==== เมื่อจบการศึกษา นายร้อยโทแปลกได้ย้ายไปประจำกรมยุทธศาสตร์ทหารบก (1 มี.ค. 2466) และปีถัดมาได้เดินทางไปศึกษาวิชาทหารปืนใหญ่ ต่อที่ ประเทศฝรั่งเศส โดยเดินทางไปเรือลำเดียวกับนายร้อยตรีทัศนัย มิตรภักดี นายทหารม้าได้รับทุนไปศึกษาต่อประเทศฝรั่งเศสเช่นกัน การศึกษาในประเทศฝรั่งเศสประมาณ 3 กว่าปีนั้น นายร้อยโทแปลกเริ่มต้นด้วย 8 เดือนแรกเรียนภาษาฝรั่งเศสกับครอบครัวนายโมเร็ล เดือนมีนาคม พ.ศ. 2467 จึงศึกษาวิชาคำนวณที่มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ในกรุงปารีส และเรียนภาษาฝรั่งเศสเพิ่มเติมที่ L'ecole alliance française หลังจากนั้นได้เข้าประจำกรมทหารปืนใหญ่ (École d'application de l'artillerie) ที่เมืองฟงแตนโบล สำเร็จการศึกษาได้รับประกาศนียบัตร และได้เข้าร่วมการประลองยุทธ ณ ค่าย Valdahon (Doubs) ตั้งแต่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2470 ต่อมาแปลกในยศร้อยเอกได้รับบรรดาศักดิ์เป็น หลวงพิบูลสงคราม เมื่อพ.ศ. 2471 == สมาชิกคณะราษฎร == === สมาชิกร่วมก่อตั้ง === พันตรีหลวงพิบูลสงครามเป็นหนึ่งในคณะนายทหารผู้ร่วมก่อการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 โดยเป็นนายทหารปืนใหญ่ รุ่นน้องของพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา 2 ปี ที่โรงเรียนนายร้อยทหารบก และเป็นสมาชิกคณะราษฎรยุคก่อตั้งซึ่งมีทั้งหมด 7 คน ตั้งแต่ยังศึกษาอยู่ในประเทศฝรั่งเศส โดยถือเป็นผู้นำของคณะทหารบกยศชั้นผู้น้อย ซึ่งก่อนหน้านั้นระหว่างมีการประชุมกันครั้งแรกของคณะราษฎรที่ยาวนานติดต่อกัน 4 คืน 5 วัน ที่ประเทศฝรั่งเศส เมื่อต้นปี พ.ศ. 2469 ร้อยโทแปลกที่สมาชิกคณะราษฎรคนอื่น ๆ ได้เรียกว่า "กัปตัน" และยกให้เป็นหัวหน้ากลุ่ม ได้เสนอว่าหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วให้สำเร็จโทษพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ แต่ทางนายปรีดี พนมยงค์ ผู้นำคณะราษฎรฝ่ายพลเรือน ได้คัดค้าน โดยยกเหตุผลว่าหากกระทำเช่นนั้นแล้ว จะทำให้เกิดความวุ่นวายและความรุนแรงขึ้นทั่วประเทศเหมือนเช่นการปฏิวัติรัสเซีย และการปฏิวัติแห่งอังกฤษ ==== ราชการทหาร ==== หลังจากจบการศึกษาในฝรั่งเศส ร้อยโทแปลกได้กลับมารับราชการในปี พ.ศ. 2470 ร้อยโทแปลกได้เดินทางกลับเข้าประเทศไทยและเข้าประจำสังกัดเดิมและได้รับการเลื่อนยศเป็นร้อยเอก ปีถัดมาย้ายไปดำรงตำแหน่งหัวหน้ากองตรวจอากาศสำหรับใช้ทดลอง กรมจเรทหารปืนใหญ่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 พันตรีหลวงพิบูลสงครามเข้าร่วมกับคณะราษฎรกระทำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยเป็นกำลังสำคัญในสายทหารบก ต่อมาในพ.ศ. 2476 พันโทหลวงพิบูลสงครามได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกฝ่ายยุทธการ (เทียบเท่ารองผู้บัญชาการทหารบกในปัจจุบัน) ซึ่งในจังหวะที่เตรียมเข้ารับตำแหน่ง เขาได้ข่าวว่าพันเอกพระยาศรีสิทธิสงคราม เจ้ากรมยุทธการทหารบก เตรียมจะโยกย้ายนายทหารสายคณะราษฎรพ้นจากตำแหน่งคุมกำลัง เขาจึงร่วมมือกับพระยาพหลพลพยุหเสนาและหลวงศุภชลาศัย ชิงก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากพระยามโนปกรณ์นิติธาดา พระยาพหลพลพยุหเสนาได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ส่วนพระยาศรีสิทธิสงครามก็ถูกโยกย้ายกลับกระทรวงธรรมการ เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความเคียดแค้นต่อพระยาศรีสิทธิสงครามเป็นอันมาก เพียงสองเดือนเศษหลังการรัฐประหารก็เกิดเหตุการณ์กบฏบวรเดช พันโทหลวงพิบูลสงครามเป็นผู้บัญชาการกำลังผสมในการปราบกบฏ มีความดีความชอบใหญ่หลวง หลวงพิบูลสงครามได้เลื่อนยศเป็นพันเอกในปี พ.ศ. 2477 และได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 16 ธันวาคม พ.ศ. 2481 พันเอกหลวงพิบูลสงครามได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา โดยการลงมติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และในช่วงที่ดำรงตำแหน่งก็ได้เลื่อนยศเป็นพลตรี และเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2484 ภายหลังจากที่กองทัพไทยมีชัยชนะต่ออินโดจีนฝรั่งเศส คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ออกประกาศพระราชทานยศจอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ แก่หลวงพิบูลสงคราม พลตรีหลวงพิบูลสงครามไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน ดำริว่าตนเองเป็นพลตรีก็ควรได้เป็นพลโท ไม่เหมาะสมที่จะได้เลื่อนยศในครั้งเดียวเป็นถึงจอมพล จึงไม่ยอมเดินทางไปรับคฑาจอมพล เมื่อเวลาผ่านไป พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จึงนำคฑาจอมพลมามอบให้หลวงพิบูลสงครามที่วังสวนกุหลาบ ธันวาคม พ.ศ. 2484 เมื่อรัฐบาลเตรียมยกเลิกบรรดาศักดิ์ไทย หลวงพิบูลสงครามในฐานะนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีชุดที่ 9 จึงลาออกจากบรรดาศักดิ์ โดยหลวงพิบูลสงครามเลือกใช้ราชทินนามเป็นนามสกุล ใช้ว่า จอมพลแปลก พิบูลสงคราม ==== การเถลิงอำนาจ ==== การประชุมครั้งสุดท้ายในประเทศไทยก่อนที่จะลงมือจริงไม่กี่วัน พันเอกพระยาทรงสุรเดชซึ่งเป็นคนวางแผนการทั้งหมด นัดประชุมที่ร้านกาแฟของชาวจีนแห่งหนึ่งเพื่ออธิบายแผนการปฏิวัติ เมื่ออธิบายเสร็จแล้วก็สอบถามที่ประชุมว่าใครมีแผนที่ดีกว่านี้ไหม หลวงพิบูลสงครามไม่ออกความเห็นแต่กลับสอบถามว่า "แล้วใต้เท้ามีแผนสองไหม?" แล้วพระยาทรงสุรเดชก็ตอบกลับว่า "มีสิ แต่ผมไม่บอกคุณหรอก แค่ออกความเห็นคุณยังไม่มีปัญญา คุณบัดซบแบบนี้ ผมจะบอกคุณได้ยังไง" หลังเลิกประชุม หลวงพิบูลสงครามก็เอ่ยกับนายทวี บุณยเกตุ ซึ่งเป็นอีกคนเข้าร่วมประชุมไว้ว่า "ไอ้พระยาทรงกับผมนี่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว" ซึ่งในส่วนนี้ได้พัฒนากลายมาเป็นความขัดแย้งกันระหว่างหลวงพิบูลสงครามกับพระยาทรงสุรเดชในเวลาต่อมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีกบฏพระยาทรงสุรเดช ในปี พ.ศ. 2482 == นายกรัฐมนตรีสมัยที่หนึ่ง == === รัฐนิยม === นับแต่จอมพล ป. ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีใน พ.ศ. 2481 ได้มีนโยบายในการสร้างชาติ ซึ่งมีแนวโน้มเป็นลัทธิชาตินิยม เช่น ออกกฎหมายคุ้มครองอุตสาหกรรมภายในประเทศ มีการสงวนอาชีพบางอย่างไว้เฉพาะคนไทย และปลูกฝังให้ประชาชนนิยมใช้สินค้าไทย ด้วยคำขวัญว่า "ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ" รัฐบาลจอมพล ป. ได้เปลี่ยนแปลงประเพณีและวัฒนธรรมบางอย่าง เพื่อให้สอดคล้องกับการการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และให้เกิดความทันสมัย เช่น ประกาศให้ข้าราชการเลิกนุ่งผ้าม่วง เลิกสวมเสื้อราชปะแตน และให้นุ่งกางเกงขายาวแทน มีการยกเลิกบรรดาศักด์ และยศข้าราชการพลเรือน มีการเปลี่ยนชื่อประเทศจาก "สยาม" เป็น "ไทย" ในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2482 และเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จากวันที่ 1 เมษายน ตามโบราณราชประเพณีพระราชจักรีวงศ์ เป็นวันที่ 1 มกราคมของทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับหลักโลกตะวันตก โดยเริ่มเปลี่ยนในปี พ.ศ. 2484 ทำให้ ปี พ.ศ. 2483 มีเพียง 9 เดือน มีการสร้างชาติด้วยวัฒนธรรมใหม่ โดยจัดตั้งสภาวัฒนธรรมแห่งชาติขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2485 เพื่อจัดระเบียบการดำเนินชีวิตของคนไทยให้เป็นแบบอารยประเทศ โดยประกาศรัฐนิยมฉบับต่าง ๆ อาทิ สั่งห้ามประชาชนกินหมากโดยเด็ดขาด ให้ผู้หญิงเลิกนุ่งโจงกระเบน เปลี่ยนมานุ่งผ้าถุงแทน ให้สวมหมวก สวมรองเท้า ไม่ส่งเสริมศิลปะและดนตรีไทยเดิมแต่ส่งเสริมดนตรีสากล ฯลฯ โดยมีคำขวัญในสมัยนั้นว่า "มาลานำไทยสู่มหาอำนาจ" หากผู้หญิงคนใดไม่ใส่หมวกจะถูกตำรวจจับและปรับ และยังวางระเบียบการใช้คำแทนชื่อเป็นมาตรฐาน เช่น ฉัน, ท่าน, เรา มีคำสั่งให้ข้าราชการไทยกล่าวคำว่า "สวัสดี" ในโอกาสแรกที่พบกัน และมีการตัดตัวอักษรที่ออกเสียงซ้ำกันจึงมีการเปลี่ยนแปลงการสะกดคำมากมาย เช่น กระทรวงศึกษาธิการ เขียนเป็น กระซวงสึกสาธิการ เป็นต้น เมื่อจอมพล ป. พิบูลสงคราม หลุดจากอำนาจหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติ รัฐนิยมก็ถูกยกเลิกไปโดยปริยาย อักขรวิธีภาษาไทยได้กลับไปใช้แบบเดิมอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ดี วัฒนธรรมที่สังคมไทยเริ่มรับมาจากตะวันตกหลายรูปแบบในขณะนั้น ยังคงอยู่ต่อมาแม้ว่าจะไม่มีการบังคับใช้ตาม "รัฐนิยม" อีกต่อไป และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยสมัยใหม่ไปแล้ว === สงครามโลกครั้งที่สอง === ในช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดสงครามอินโดจีนระหว่างไทยกับฝรั่งเศส จากปัญหาเรื่องการใช้แม่น้ำโขงเป็นเส้นแบ่งพรมแดน ระหว่างไทยกับอินโดจีน ซึ่งอยู่ในครอบครองฝรั่งเศสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 โดยฝรั่งเศสไม่ยอมตกลงเรื่องการใช้ร่องน้ำลึกเป็นเส้นเขตแดน ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2483 ฝรั่งเศสส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดเมืองนครพนม การรบระหว่างฝรั่งเศสกับไทยจึงเริ่มขึ้น ฝรั่งเศสโจมตีไทยทางอรัญประเทศ รัฐบาล จอมพล ป. ส่งทหารไทยเข้าไปในอินโดจีนทางด้านเขมร แต่ในที่สุดญี่ปุ่นเสนอตัวเข้าไกล่เกลี่ย จนมีการส่งผู้แทนไปลงนามอนุสัญญาโตเกียว เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2484 ในครั้งนั้นไทยได้ดินแดนฝั่งขวาแม่น้ำโขงคืน รวมทั้งทางใต้ตรงข้ามปากเซ คือ แขวงจัมปาศักดิ์ และดินแดนในเขมรที่เสียให้ฝรั่งเศสไปเมื่อปี พ.ศ. 2450 กลับคืนมาด้วย และในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2484 พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา ได้เป็นผู้วางศิลาฤกษ์ก่อสร้าง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงชัยชนะของไทยต่อฝรั่งเศส และ 1 ปีต่อมา จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นผู้กระทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2485 หลังจากกรณีพิพาทอินโดจีน จอมพล ป. ได้ประกาศให้ประเทศไทยดำรงสถานะเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดจนกระทั่งญี่ปุ่นทำการยกพลขึ้นบกเพื่อขอทางผ่านไปโจมตีพม่าและมาเลเซีย จอมพล ป. ในฐานะนายกรัฐมนตรีไทย ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการประคับประคองประเทศชาติ ให้ผ่านพ้นวิกฤตจึงประกาศเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นและเข้าร่วมฝ่ายอักษะ ทั้งนี้มีการบอกเล่ากันว่า ท่านขอพระราชทานยศจอมพลให้กับตนเองเพราะท่านต้องการมีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ ในระหว่างสงครามจอมพล ป. ได้ทำการตกลงช่วยเหลือญี่ปุ่นด้านการรบ เพราะหวังว่าจะได้ดินแดนเพิ่มเติมเข้ามาครอบครอง โดยประเทศไทยได้รับจังหวัดมาลัย อีกทั้งได้ส่งกองทัพพายัพเข้าดินแดนบางส่วนของพม่าจัดตั้งสหรัฐไทยเดิม หลังสงครามถูกไต่สวนในฐานะอาชญากรสงครามอยู่ระยะหนึ่ง ตาม พระราชบัญญัติอาชญากรรมสงคราม ที่รัฐบาลไทยประกาศใช้เป็นกฎหมายหลังสงครามโลก (มีผู้วิเคราะห์ว่า ส่วนหนึ่งเพื่อมิให้ต้องส่งตัวผู้นำรัฐบาลและนายทหารไทยในยุคนั้นไปให้ศาลอาชญากรรมสงครามระหว่างประเทศ ที่สัมพันธมิตรตั้งขึ้นที่โตเกียวและเนือร์นแบร์กพิพากษาคดี แต่ให้ศาลไทยเป็นผู้พิพากษาแทน ซึ่งเป็นผลดีต่อชีวิตของอาชญากรรมสงครามเหล่านี้ที่เป็นคนไทยรอดพ้นจากโทษประหารชีวิตทั้งหมด) อย่างไรก็ดี ศาลไทยได้พิจารณาเห็นว่า กฎหมายย่อมไม่มีผลย้อนหลัง จึงปล่อยตัวเป็นอิสระ หลังจากนั้นก็ได้ประกาศยุติบทบาททางการเมืองทั้งหมด กลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่บ้านที่ อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยปลูกผักต่าง ๆ เพื่อเลี้ยงชีพอดมื้อกินมื้อ โดยจอมพลแปลกได้ถูกให้ออกจากประจำการเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2488 === เหตุการณ์หลังสงครามโลกสิ้นสุด === ภายหลังที่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงเมื่อ พ.ศ. 2488 จอมพล ป. ได้ตกอยู่ในสถานะต้องโทษอาชญากรสงครามและถูกคุมขังในเรือนจำเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่คณะทหารแห่งชาติที่นำโดยพลโท ผิน ชุณหะวัณ ได้นำกลุ่มทหารนอกราชการที่นิยมจอมพลป. ก่อรัฐประหารปี พ.ศ. 2490 ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือตรีหลวงถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ จนทำให้จอมพล ป. ได้กลับมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้งและได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2491 เกิดการแย่งชิงอำนาจระหว่างสามกลุ่มอำนาจ ได้แก่ คณะราษฎรสายพลเรือนนำโดยนายปรีดี พนมยงค์ คณะราษฎรสายทหารของจอมพล ป. และกลุ่มเสรีไทยนำโดยหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เห็นได้จากในระยะเวลา 3 ปีนี้ มีการเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีทั้งสิ้น 5 คน คณะรัฐมนตรี 8 คณะ (คณะที่ 12 ถึง 20 และการรัฐประหารอีก 1 ครั้ง (พ.ศ. 2490 นำโดยจอมพล ผิน ชุณหะวัณ) == นายกรัฐมนตรีสมัยที่สองและการลี้ภัย == ความผกผันทางการเมือง ใน พ.ศ. 2491 จอมพล ป. ก็ได้หวนกลับมาคืนสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งจากการทำรัฐประหาร ซึ่งการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในคราวนี้ได้ดำรงตำแหน่งยาวนานถึง 9 ปี ผ่านวิกฤตและเหตุการณ์กบฏจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดหลายครั้ง เช่น กบฏเสนาธิการ, กบฏวังหลวง, กบฏแมนฮัตตัน รวมทั้งยังเคยยึดอำนาจตัวเองด้วย จึงได้รับฉายาในช่วงที่ยังไม่หลุดจากอำนาจว่า "โจโฉ นายกฯ ตลอดกาล" จอมพล ป. ได้รับอีกฉายาหนึ่งว่า "จอมพลกระดูกเหล็ก" เพราะมีชีวิตทางการเมืองอย่างเหลือเชื่อ เคยถูกลอบสังหารมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ก็รอดชีวิตมาได้ทุกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเหตุการณ์กบฏแมนฮัตตัน ในปี พ.ศ. 2494 ที่ท่านถูกจี้ลงเรือศรีอยุธยา ถูกทิ้งระเบิดผ่านเตียงที่เคยนอนอยู่อย่างเฉียดฉิว ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากนับร้อย === ความขัดแย้งกับฝ่ายขวา === หลังจากจอมพล ป. รัฐประหารในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2494 ได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2492 และกลับไปใช้รัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2475 เพื่อเป็นการลดอำนาจพระมหากษัตริย์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2498 จอมพล ป. ได้จัดให้พระองค์และสมเด็จพระบรมราชินีเสด็จเยือนภาคอีสานโดยทางรถไฟ ผลปรากฏชัดว่าพระองค์เป็น ที่นิยมของประชาชนจำนวน มาก ดังนั้น จอมพล ป. จึงได้ตัดงบประมาณในการเสด็จครั้งต่อไป เดือนมกราคม 2499 พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมีพระราชดำรัสวิจารณ์กองทัพที่เข้ามามีบทบาททางการเมือง (หมายถึงจอมพล ป.) นับเป็นการฉีกประเพณีที่พระมหากษัตริย์ทรงไม่แสดงความเห็นทางการเมืองนับแต่ปี 2475 ในปี 2499 ขั้วอำนาจจอมพล ป. และพลตำรวจเอก เผ่า ศรียานนท์ พยายามชักชวนปรีดี พนมยงค์กลับประเทศเพื่อต่อสู้คดีสวรรคตอีก เพื่อช่วยคานอำนาจกับขั้วอำนาจจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ด้านรัฐบาลสหรัฐเตือนจอมพล ป. ว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวาย สุดท้ายจึงไม่ได้ดำเนินการ เหตุการณ์ที่น่าจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายคือการรื้อฟื้นคดีสวรรคต ร. 8 และแผนนำปรีดี พนมยงค์กลับประเทศ ในโอกาสฉลองกึ่งพุทธกาล พ.ศ. 2500 รัฐบาลได้กราบบังคมทูลเชิญพระมหากษัตริย์เสด็จมาทรงเป็นประธานซึ่งก็ทรงตอบรับเป็นที่เรียบร้อย แต่ครั้นถึงวันงานทรงพระประชวรปัจจุบันทันด่วน ทำให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจเป็นประธานเปิดพิธีเอง และในเดือนสิงหาคมปีดังกล่าว จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาโจมตีรัฐบาลของจอมพลแปลกว่าละเมิดพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งข่าวการระหองระแหงกันระหว่างพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและรัฐบาลดังกล่าว ทำให้สาธารณะเริ่มไม่ไว้วางใจรัฐบาลมากขึ้นเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500 จอมพลแปลกขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อขอให้ทรงสนับสนุนรัฐบาล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเตือนจอมพลแปลกว่าขอให้ลาออกจากตำแหน่งเสียเพื่อมิให้เกิดรัฐประหาร แต่จอมพลแปลกปฏิเสธ เย็นวันดังกล่าว จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลทันที และสองชั่วโมงหลังจากการประกาศยึดอำนาจ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร และได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้จอมพล สฤษดิ์เป็นผู้รักษาพระนครฝ่ายทหารโดยไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการ จอมพล ป. หลบหนีไปด้วยรถยนต์ส่วนตัวกับผู้ติดตามเพียง 2 คนอย่างหวุดหวิด โดยผ่านไปทางประเทศกัมพูชา ก่อนจะลี้ภัยทางการเมืองที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง ณ ที่นั่น ครอบครัวได้รับการต้อนรับอย่างดี ทั้งนี้เพราะทางรัฐบาลญี่ปุ่นถือว่าพิบูลสงครามเป็นผู้ที่มีบุญคุณต่อญี่ปุ่น เคยยินยอมให้ทหารญี่ปุ่นผ่านเข้าประเทศไทยในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้วยดี ไม่ต้องมีการสู้รบยืดเยื้ออันรังแต่จะทำให้มีแต่ความสูญเสียด้วยกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งท่านก็ได้พำนักอยู่ที่นั่นจนตราบถึงแก่อสัญกรรม == ปัจฉิมวัย == จอมพล ป. พิบูลสงคราม ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2507 ในเวลาประมาณ 20.30 น. ณ บ้านพักส่วนตัว ชานกรุงโตเกียว สิริอายุได้ 66 ปี โดยก่อนตาย ยังมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเหมือนคนปกติ ยังรับประทานอาหารมื้อเที่ยงพร้อมกับครอบครัวและคนสนิทได้เหมือนปกติ แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาเย็นก็ได้ทรุดลงและถึงแก่ความตายอย่างกะทันหัน (ซึ่งในเรื่องนี้บางส่วนเชื่อกันว่าเป็นการลอบวางยาพิษ ทั้งนี้เนื่องจากก่อนหน้านั้น จอมพล ป. เริ่มได้สานสัมพันธ์กับปรีดี พนมยงค์ อดีตนายกรัฐมนตรี ทางจดหมาย โดยมีผู้อาสาเดินจดหมายให้ และใช้รหัสลับแทนชื่อในการติดต่อกัน) ร่างจอมพล ป. ได้มีพิธีฌาปนกิจขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะมีการนำอัฐิกลับคืนสู่ประเทศไทยในวันที่ 27 มิถุนายน ในปีเดียวกัน โดยมีพิธีรับอย่างสมเกียรติจากทั้ง 3 เหล่าทัพ == บทบาททางสังคม == จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ริเริ่มองค์กรและหน่วยงานสำคัญ ๆ ของประเทศหลายองค์กร ที่พัฒนาและเจริญรุ่งเรืองมาจนปัจจุบัน ซึ่งล้วนแต่เป็นหน่วยงานที่มีความเฉพาะของแต่ละวิชาชีพ เช่น รัฐวิสาหกิจ, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (มหาวิทยาลัยมหิดล ในปัจจุบัน), มหาวิทยาลัยศิลปากร, มหาวิทยาลัยบูรพา (วิทยาลัยวิชาการศึกษา ต่อมาเป็น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ บางแสน ก่อนจะมาเป็น มหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งนับได้ว่าเป็นการนำเอาสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ออกมาสู่ภูมิภาค เป็นแห่งแรก) รวมทั้งเป็นผู้ที่ใช้อำนาจยึดสถานที่ต่าง ๆ ที่เคยเป็นที่ประทับของเชื้อพระวงศ์ และที่อยู่ของบุคคลสำคัญก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาใช้เป็นสถานที่ราชการ เช่น วังบางขุนพรหม, วังสวนกุหลาบ, บ้านมนังคศิลา, บ้านพิษณุโลก, บ้านนรสิงห์ เป็นต้น === ผู้ก่อตั้งโทรทัศน์แห่งแรกของประเทศ === หลังจากความคิดของเสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ในช่วงปี พ.ศ. 2473–2475 ของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ว่าต้องการที่จะให้ประเทศสยาม มีกิจการแพร่ภาพออกอากาศโทรทัศน์ ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ในปี พ.ศ. 2475 เป็นผลต้องประสบความล้มเหลวในขณะนั้น อย่างไรก็ดีโทรทัศน์ถือกำเนิดขึ้นอีกครั้งภายใต้กรมประชาสัมพันธ์ นับเป็นแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแห่งแรกของทวีปเอเชีย บนภาคพื้นแผ่นดินใหญ่ (Asia Continental) แพร่ภาพออกอากาศในวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2498 ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งข้าราชการกลุ่มหนึ่งของกรมประชาสัมพันธ์ แสดงความคิดเห็นเรื่องการจัดตั้งโทรทัศน์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2493 ว่า "ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยควรมี Television แล้ว" วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2493 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ผู้นำรัฐบาลมอบหมายให้ กรมประชาสัมพันธ์เสนอ "โครงการจัดตั้งวิทยุโทรภาพ" ต่อคณะรัฐมนตรี ต่อมาวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2493 คณะรัฐมนตรีลงมติให้จัดตั้งวิทยุโทรภาพและให้ตั้งงบประมาณใน พ.ศ. 2494 ในวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2493 จอมพล ป. เขียนข้อความด้วยลายมือ ถึง พล.ต.สุรจิต จารุเศรณี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ในขณะนั้น ให้ศึกษาจัดหาและจัดส่ง "Television" วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2498 ซึ่งถือเป็นวันชาติในสมัยนั้น จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้เป็นประธาน ในพิธีเปิดสำนักงาน และที่ทำการสถานีโทรทัศน์ไทยทีวี ช่อง 4 บางขุนพรหม และเริ่มแพร่ภาพออกอากาศอย่างเป็นทางการ เรียกชื่อตามอนุสัญญาสากลวิทยุ HS1/T-T.V. สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งแรกบนผืนแผ่นดินใหญ่แห่งเอเชีย เครื่องส่งโทรทัศน์เครื่องนี้มีกำลังส่ง 10 กิโลวัตต์ ขาวดำ ระบบ 525 เส้นต่อภาพ 30 ภาพต่อวินาที (ต่อมาออกอากาศระบบวีเอชเอฟ ย่านความถี่ที่ 3 ช่อง 9 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 จนถึงปี พ.ศ. 2561 และในขณะนี้ใช้ชื่อว่า ช่อง 9 เอ็มคอต เอชดี ปัจจุบันออกอากาศในระบบยูเอชเอฟ ย่านความถี่ที่ 5 ช่อง 40 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ในระบบดิจิทัล ความคมชัดละเอียดสูง ทางช่องหมายเลข 30) (ก่อนหน้านี้ สถานีเคยออกอากาศคู่ขนานกันทั้งสองระบบ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 จนถึงปี พ.ศ. 2561) === ตลาดนัดกรุงเทพมหานคร === ในปี พ.ศ. 2491 จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ประกาศนโยบายจัดตั้งตลาดนัดทั่วประเทศทุกสุดสัปดาห์ ในกรุงเทพฯ มีการจัดตลาดนัดขึ้นที่สนามหลวง ซึ่งเรียกว่า ตลาดนัดสนามหลวง หรือ ตลาดนัดกรุงเทพมหานคร ปัจจุบัน ตลาดนัดสนามหลวงได้ย้ายออกไปจากบริเวณสนามหลวงแล้ว โดยไปอยู่ที่ ตลาดนัดจตุจักร แทน === บ้านพักคนชรา === บ้านพักคนชราบางแค หรือ บ้านบางแค เดิมใช้ชื่อว่า "สถานสงเคราะห์คนชราบ้านบางแค" ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2496 ในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี นับเป็นสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุแห่งแรกของประเทศไทย เพื่อให้การสงเคราะห์ผู้สูงอายุตามนโยบายสวัสดิการสังคมของรัฐ โดยเริ่มเปิดดำเนินการในสมัยของนายปกรณ์ อังศุสิงห์ เป็นอธิบดีกรมประชาสงเคราะห์ ปัจจุบันอยู่ภายใต้การสนับสนุนของ มูลนิธิบ้านบางแคในพระอุปถัมภ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ == ชื่อสถานที่อันเนื่องด้วยนาม == จังหวัดพิบูลสงคราม อดีตจังหวัดของประเทศไทย (ปัจจุบันคือ จังหวัดเสียมราฐ จังหวัดอุดรมีชัย และจังหวัดบันทายมีชัยในประเทศกัมพูชา) โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร โรงเรียนพิบูลประชาสรรค์ กรุงเทพมหานคร โรงเรียนวัดราษฎร์นิยมธรรม (พิบูลสงคราม) กรุงเทพมหานคร มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก หอประชุมจอมพล ป. พิบูลสงคราม โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบุรี ถนนพิบูลสงคราม จังหวัดนนทบุรี โรงเรียนชุมชนพิบูลสงคราม จังหวัดนครศรีธรรมราช โรงเรียนพิบูลสงครามอุปถัมภ์ จังหวัดราชบุรี โรงเรียนพิบูลสงเคราะห์1 จังหวัดลพบุรี โรงเรียนค่ายพิบูลสงคราม จังหวัดลพบุรี โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย จังหวัดลพบุรี โรงเรียนสาธิต "พิบูลบำเพ็ญ" มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี สนามยิงปืนพิบูลสงคราม จังหวัดลพบุรี โรงเรียนนครหลวง (พิบูลประเสริฐวิทย์) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ค่ายพิบูลสงคราม กองบัญชาการกองพลทหารปืนใหญ่ จังหวัดลพบุรี พิพิธภัณฑ์จอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายใน ศูนย์การทหารปืนใหญ่ จังหวัดลพบุรี สนามกอล์ฟ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายในมณฑลทหารบกที่ 13 จังหวัดลพบุรี โรงเรียนหินกอง (พิบูลอนุสรณ์) จังหวัดสระบุรี โรงเรียนพุทธิรังสีพิบูล จังหวัดฉะเชิงเทรา == ลำดับสาแหรก == == เกียรติยศและบำเหน็จความชอบ == === ยศทหาร === 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2459: ร้อยตรี 24 เมษายน พ.ศ. 2463: ร้อยโท 20 ตุลาคม พ.ศ. 2470: ร้อยเอก 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2473: พันตรี 17 เมษายน พ.ศ. 2476: พันโท 1 เมษายน พ.ศ. 2477: พันเอก 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478: นาวาเอก 12 มีนาคม พ.ศ. 2479: นาวาอากาศเอก 1 เมษายน พ.ศ. 2482: พลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2484: จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ === บรรดาศักดิ์ === 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2471: หลวงพิบูลสงคราม 5 ธันวาคม พ.ศ. 2484: ลาออกจากบรรดาศักดิ์ === เครื่องราชอิสริยาภรณ์ === ==== เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย ==== จอมพล หลวงพิบูลสงคราม (แปลก พิบูลสงคราม) ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดของไทย ดังนี้ พ.ศ. 2484 – 80px เหรียญชัยสมรภูมิ สงครามอินโดจีน (ช.ส.) (ประดับเปลวระเบิด) พ.ศ. 2477 – 80px เหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการแผ่นดิน (ร.ด.ม.(ผ)) พ.ศ. 2486 – 80px เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา (ร.ด.ม.(ผ)) พ.ศ. 2500 – 80px เหรียญงานฉลอง 25 พุทธศตวรรษ ==== เครื่องอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ ==== == เชิงอรรถ == == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == นายกรัฐมนตรีคนที่ 3 จอมพล แปลก พิบูลสงคราม , ประวัติที่เว็บไซต์สำนักเลขาธิการรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทหารบก ลำดับที่ 12 จอมพล แปลก พิบูลสงคราม , ประวัติที่เว็บไซต์กองทัพบก โหมโรง, รัฐนิยม, จอมพล ป. พิบูลสงคราม ประวัติศาสตร์ที่ต้องไม่บิดเบือน Duncan Stearn:A Slice of Thai History: The Japanese invasion of Thailand, 8 December 1941 Pattaya Mail–Pattaya's First English Language Newspaper (part one) Columns (part two) Columns (part three) อาชญากรสงครามชาวไทย บุคคลจากอำเภอเมืองนนทบุรี นักการเมืองไทย นายกรัฐมนตรีไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพระนคร ผู้นำที่พ้นตำแหน่งจากรัฐประหาร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไทย รัฐมนตรีไทยที่ไม่ได้ประจำกระทรวง ทหารบกชาวไทย จอมพลชาวไทย จอมพลเรือชาวไทย จอมพลอากาศชาวไทย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดไทย ผู้บัญชาการทหารบกของกองทัพไทย ทหารชาวไทยในสงครามโลกครั้งที่สอง พิบูลสงคราม สมาชิกคณะราษฎร ชาวไทยเชื้อสายกวางตุ้ง ชาวไทยเชื้อสายมอญ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บุคคลในสงครามโลกครั้งที่สอง บุคคลจากโรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม บุคคลจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ชาวไทยที่เสียชีวิตในประเทศญี่ปุ่น ผู้นำในสงครามเย็น ผู้นำที่ได้อำนาจจากรัฐประหาร ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้รอดชีวิตจากการลอบสังหาร สกุลพิบูลสงคราม ผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยแบบแต่งตั้ง ศาสตราจารย์พิเศษ สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์อาทิตย์อุทัยชั้นที่ 1 ผู้ได้รับเหรียญชัยสมรภูมิ ผู้ได้รับเหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ผู้ได้รับเหรียญช่วยราชการเขตภายใน ผู้ได้รับเหรียญราชการชายแดน ผู้นำที่ได้อำนาจจากรัฐประหาร ผู้ลี้ภัยชาวไทย บุคคลในประวัติศาสตร์ไทย พ.ศ. 2475–2516 หัวหน้าพรรคการเมืองในประเทศไทย ผู้ก่อตั้งพรรคการเมืองในประเทศไทย ชาตินิยมไทย
thaiwikipedia
1,943
ประเทศยูเครน
ยูเครน (Ukraine; Украї́на|Ukraïna, ) เป็นประเทศหนึ่งในยุโรปตะวันออก เป็นประเทศที่มีเนื้อที่มากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในยุโรปรองจากรัสเซียซึ่งยูเครนมีอาณาเขตติดต่อทางทิศตะวันออกและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากนี้ยังมีอาณาเขตติดต่อกับเบลารุสทางทิศเหนือ ติดต่อกับโปแลนด์ สโลวาเกีย และฮังการีทางทิศตะวันตก ติดต่อกับโรมาเนียและมอลโดวาทางทิศใต้ และมีแนวชายฝั่งจรดทะเลอะซอฟและทะเลดำ ยูเครนมีเนื้อที่ 603,628 ตารางกิโลเมตร (233,062 ตารางไมล์) มีประชากรประมาณ 41.3 ล้านคน และเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับที่ 8 ในยุโรป เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศคือเคียฟ (กือยิว) ภาษาราชการคือภาษายูเครน และประชากรส่วนมากสามารถสื่อสารภาษารัสเซียได้อย่างคล่องแคล่ว ดินแดนที่เป็นประเทศยูเครนสมัยใหม่มีผู้คนอยู่อาศัยมาตั้งแต่ 32,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ในสมัยกลาง พื้นที่นี้เป็นศูนย์กลางสำคัญแห่งหนึ่งของวัฒนธรรมสลาฟตะวันออก โดยมีสหพันธ์เผ่าชนแห่งรุสเคียฟก่อตัวเป็นรากฐานของอัตลักษณ์ยูเครน หลังจากที่รุสเคียฟแตกออกเป็นหลายราชรัฐในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ประกอบกับหายนะที่เกิดจากการรุกรานของจักรวรรดิมองโกล ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของดินแดนก็เสื่อมสลายและบริเวณนี้ก็ถูกแย่งชิง แบ่งแยก และปกครองโดยมหาอำนาจต่าง ๆ ซึ่งได้แก่เครือจักรภพโปแลนด์–ลิทัวเนีย จักรวรรดิออสเตรีย–ฮังการี จักรวรรดิออตโตมัน และอาณาจักรซาร์รัสเซีย รัฐผู้บัญชาการคอสแซ็กของชาวยูเครนปรากฏขึ้นและเจริญรุ่งเรืองในคริสต์ศตวรรษที่ 17 และ 18 แต่ในที่สุดดินแดนของรัฐนี้ก็ถูกแบ่งกันระหว่างโปแลนด์–ลิทัวเนียกับจักรวรรดิรัสเซีย ต่อมาเกิดขบวนการชาตินิยมยูเครนขึ้นเป็นผลสืบเนื่องจากการปฏิวัติรัสเซียและมีการประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐประชาชนยูเครนเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 1917 โดยได้รับการรับรองจากนานาชาติ ภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนตะวันตกของยูเครนได้รวมเข้ากับสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตยูเครนและทั้งประเทศก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ยูเครนได้รับเอกราชหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตใน ค.ศ. 1991 หลังจากที่ได้รับเอกราช ยูเครนประกาศตนเป็นรัฐที่เป็นกลาง โดยจัดตั้งความร่วมมือทางการทหารอย่างจำกัดกับรัสเซียและประเทศอื่น ๆ ในเครือรัฐเอกราช ในขณะเดียวกันก็สถาปนาความเป็นหุ้นส่วนกับองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือใน ค.ศ. 1994 ใน ค.ศ. 2013 หลังจากที่รัฐบาลของประธานาธิบดีวิกตอร์ ยานูกอวึช ตัดสินใจระงับความตกลงสมาคมระหว่างยูเครนกับสหภาพยุโรปและแสวงหาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับรัสเซีย คลื่นการเดินขบวนและการประท้วงที่รู้จักกันในชื่อยูโรไมดานก็เริ่มขึ้นและกินเวลานานหลายเดือนจนกระทั่งบานปลายเป็นการปฏิวัติแห่งศักดิ์ศรีซึ่งนำไปสู่การโค่นอำนาจยานูกอวึชและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เหตุการณ์เหล่านี้กลายเป็นภูมิหลังของการผนวกไครเมียเข้ากับรัสเซียในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2014 และสงครามในดอนบัสในเดือนเมษายน ปีเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ยูเครนได้เริ่มใช้ข้อตกลงการค้าเสรีเชิงลึกและครอบคลุมกับสหภาพยุโรปมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2016 ยูเครนเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีดัชนีการพัฒนามนุษย์อยู่ในอันดับที่ 77 เป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในยุโรป โดยประสบปัญหาความยากจนและการทุจริตในตำแหน่งหน้าที่ในอัตราสูงมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีพื้นที่เพาะปลูกที่อุดมสมบูรณ์และกว้างขวาง ยูเครนจึงเป็นหนึ่งในผู้ส่งธัญพืชออกรายใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีกองทัพที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ในยุโรปรองจากรัสเซียและฝรั่งเศส ยูเครนเป็นสาธารณรัฐเดี่ยวภายใต้ระบบกึ่งประธานาธิบดีโดยแบ่งแยกอำนาจออกเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ ประเทศนี้เป็นสมาชิกของสหประชาชาติ สภายุโรป องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป องค์การกวามเพื่อประชาธิปไตยและการพัฒนาเศรษฐกิจ และสามเหลี่ยมลูบลิน และเป็นหนึ่งในรัฐผู้ก่อตั้งเครือรัฐเอกราชแม้ว่าจะไม่เคยเป็นสมาชิกขององค์การนี้ก็ตาม == ประวัติศาสตร์ == === ยุครุ่งเรืองแห่งเคียฟ === นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าชาว Nomad โดยเฉพาะชาวไซเทีย เป็นพวกแรกที่เข้ามาตั้งหลักแหล่งในยูเครนในช่วงก่อนคริสตกาล หลังจากนั้น ชาวเผ่าสลาฟได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานบริเวณตอนกลางและตะวันออกของยูเครน อย่างไรก็ดี ชนชาติสำคัญที่มีบทบาทในการรวบรวมดินแดนบริเวณนี้ให้เป็นปึกแผ่นคือชาวรุส (Rus) ที่มาจากสแกนดิเนเวีย โดยต่อมาชาวรุสได้สถาปนาจักรวรรดิรุสเคียฟขึ้นในศตวรรษที่ 6 และปกครองชาวสลาฟที่อาศัยอยู่ในดินแดนแถบนี้ และต่อมาได้ขยายดินแดนออกไปรวบรวมเผ่าสลาฟและชนชาติต่าง ๆ จนเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปในศตวรรษที่ 11 แต่ในศตวรรษที่ 12 อาณาจักรนี้ได้เสื่อมสลายลง เนื่องจากสงครามระหว่างเจ้าผู้ครองนครต่าง ๆ และการรุกรานจากชาวมองโกลในศตวรรษต่อมา หลังจากนั้น ดินแดนบางส่วนของยูเครนได้ถูกผนวกรวมกับอาณาจักรต่าง ๆ เช่น ลิทัวเนีย โปแลนด์ ออสเตรีย-ฮังการี จักรวรรดิรัสเซีย === คริสต์ศตวรรษที่ 19 และคริสต์ศตวรรษที่ 20 === ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยูเครนได้ประกาศเอกราชจากจักรวรรดิรัสเซียและราชวงศ์ฮับสบวร์กเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1918 แต่ต่อมากระแสการปฏิวัติในรัสเซียได้ลุกลามมายังยูเครน ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองและสงครามประกาศเอกราชขึ้น เกิดการก่อตั้งรัฐเอกราชยูเครนในช่วงระยะสั้น ๆ สมัยต่าง ๆ ดังนี้ สาธารณรัฐประชาชนยูเครน, สาธารณรัฐประชาชนยูเครนตะวันตก และ รัฐยูเครน === สมัยระหว่างสงครามของสาธารณรัฐยูเครน === สงครามกลางเมืองรัสเซียได้ทำลายล้างจักรวรรดิรัสเซียทั้งหมดซึ่งรวมถึงภาคกลางและภาคตะวันออกของยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1.5 ล้านคน และประชากรอีกหลายแสนคนต้องไร้ที่อยู่อาศัยในดินแดนของอดีตจักรวรรดิรัสเซีย สาธารณรัฐยูเครนยังต้องเผชิญกับทุพภิกขภัยในรัสเซียใน ค.ศ. 1921 (โดยส่วนใหญ่จะเกิดผลกระทบในภูมิภาควอลกา–ยูรัล) ในคริสต์ทศวรรษ 1920 มือกอลา สกรึปนึก ผู้นำคอมมิวนิสต์แห่งชาติ ได้ดำเนินนโยบายการทำให้เป็นยูเครนซึ่งสนับสนุนให้มีการฟื้นฟูวัฒนธรรมยูเครนและภาษายูเครน นโยบายการทำให้เป็นยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายโคเรนีซัตซียาซึ่งเป็นนโยบายที่ใช้ทั่วทั้งสหภาพโซเวียต ด้วยรูปแบบเศรษฐกิจที่ได้รับการวางแผนมาจากรัฐบาลกลาง สาธารณรัฐยูเครนจึงได้เข้าร่วมแผนการปรับให้เป็นอุตสาหกรรมตั้งแต่ปลายคริสต์ทศวรรษ 1920 ทำให้ผลผลิตในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 4 เท่าในคริสต์ทศวรรษ 1930 ในช่วงต้นสมัยโซเวียต เกษตรกรยูเครนได้รับผลกระทบจากโครงการรวมที่นาสำหรับพืชผลทางการเกษตร นโยบายรวมที่นาเป็นส่วนหนึ่งของแผนห้าปีฉบับที่หนึ่งโดยมีกองกำลังประจำการและหน่วยตำรวจลับที่รู้จักกันในชื่อเชการ์เป็นผู้บังคับใช้ ผู้ที่ต่อต้านจะถูกจับกุมและถูกเนรเทศไปยังค่ายกูลักและค่ายแรงงาน เนื่องจากในบางครั้ง เกษตรกรนารวมจะไม่ได้รับอนุญาตให้รับเมล็ดพืชใด ๆ จนกว่าจะผลิตได้ถึงโควตาที่เป็นไปได้ยาก ประชากรหลายล้านคนจึงต้องอดอยากจนเสียชีวิตในทุพภิกขภัยที่รู้จักกันในชื่อ "ฮอลอดอมอร์" หรือ "ทุพภิกขภัยครั้งใหญ่" ซึ่งบางประเทศได้รับรองว่าเป็นพันธุฆาตที่โจเซฟ สตาลิน และบุคคลสำคัญคนอื่น ๆ ของสหภาพโซเวียตก่อขึ้น กลุ่มเดียวกันนี้ส่วนใหญ่ยังมีส่วนรับผิดชอบในปฏิบัติการสังหารหมู่ในช่วงสงครามกลางเมือง การรวมที่นา และการกวาดล้างใหญ่ === สงครามโลกครั้งที่ 2 === ในช่วงแรกของสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวยูเครนให้การสนับสนุนกองทัพนาซีเยอรมันเพื่อเป็นอิสระจากสหภาพโซเวียต แต่ต่อมาได้หันไปต่อต้าน เนื่องจากกองทัพนาซีเยอรมันที่ปกครองอย่างกดขี่ และ ทารุณ โดยในช่วงดังกล่าว ชาวยิวในยูเครนกว่า 1 ล้านคนถูกสังหารหมู่ และ เคียฟ ถูกเผาทำลาย อย่างไรก็ดี หลังจากที่กองทัพนาซีบุกครองโปแลนด์ในปี ค.ศ. 1939 ดินแดนส่วนตะวันตกของยูเครนที่เดิมอยู่ภายใต้โปแลนด์ได้ถูกผนวกรวมกับสหภาพโซเวียต === หลังสงครามโลกครั้งที่สอง === หลังสงครามโลกครั้งที่สอง กระแสชาตินิยมในยูเครนขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเหตุผลต่าง ๆ ได้แก่ ความไร้ประสิทธิภาพของระบบสหภาพโซเวียต ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วสหภาพโซเวียตและการพยายามปิดบังข้อมูลของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพโซเวียตต่อกรณีการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชียร์โนบีล ที่ตั้งอยู่ในยูเครนในปี ค.ศ. 1986 และเมื่อประธานาธิบดีกอร์บาชอฟดำเนินนโยบายเปิดกว้างทางการเมือง ได้ส่งผลให้รัฐบาลของสหภาพโซเวียตจำเป็นต้องให้อำนาจแก่สาธารณรัฐและดินแดนปกครองตนเองต่าง ๆ มากขึ้น กระแสการเรียกร้องสิทธิที่จะปกครองตนเองในยูเครนดำเนินไปอย่างเข้มแข็ง === การประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียต === ในวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1990 ชาวยูเครนกว่า 300,000 คน ได้มาเรียงแถวเป็นโซ่มนุษย์เพื่ออิสรภาพของยูเครนระหว่างเคียฟและลวิว เพื่อรำลึกถึงการรวมตัวกันของสาธารณรัฐประชาชนยูเครนและสาธารณรัฐยูเครนตะวันตกใน ค.ศ. 1919 ประชาชนออกมาที่ถนนและทางหลวงเรียงแถวเป็นโซ่มนุษย์ด้วยการจับมือกันเพื่อสนับสนุนความสามัคคี วันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1990 รัฐสภาชุดใหม่ได้รับรองคำประกาศอธิปไตยแห่งรัฐยูเครน คำประกาศนี้กำหนดหลักการของการกำหนดตนเอง ประชาธิปไตย ความเป็นอิสระ และความสำคัญของกฎหมายยูเครนที่เหนือกฎหมายของสหภาพโซเวียต ซึ่งหนึ่งเดือนก่อนหน้านั้น รัฐสภาของสหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซียได้ประกาศใช้คำประกาศในลักษณะเดียวกันนี้ นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการเผชิญหน้ากับทางการโซเวียต ในวันที่ 2-17 ตุลาคม ค.ศ. 1990 ได้เกิดเหตุการณ์การปฏิวัติที่หินแกรนิตในยูเครน วัตถุประสงค์หลักของการดำเนินการคือเพื่อป้องกันการลงนามในสนธิสัญญาสหภาพใหม่ของสหภาพโซเวียต ความต้องการของนักเรียนพึงพอใจด้วยการลงนามในมติของแวร์คอว์นาราดา (รัฐสภายูเครน) ซึ่งรับประกันการดำเนินการของพวกเขา ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1991 มึความพยายามของคนกลุ่มหนึ่งในพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียตที่จะทำการก่อรัฐประหารเพื่อถอดมีฮาอิล กอร์บาชอฟให้ออกจากตำแหน่งและฟื้นฟูอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์ หลังจากความพยายามก่อรัฐประหารที่ล้มเหลว วันที่ 24 สิงหาคม ค.ศ. 1991 รัฐสภายูเครนได้รับรองรัฐบัญญัติประกาศอิสรภาพยูเครน การลงประชามติและการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 1991 ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่า 92% แสดงการสนับสนุนรัฐบัญญัติประกาศอิสรภาพ และเลือกแลออนิด เกราชุก ประธานรัฐสภาเป็นประธานาธิบดีคนแรกของยูเครน ในการประชุมที่เมืองเบรสต์ ประเทศเบลารุสเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ตามด้วยการประชุมที่อัลมา-อาตา เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ผู้นำเบลารุส รัสเซีย และยูเครนได้ยุบสหภาพโซเวียตอย่างเป็นทางการและก่อตั้งเครือรัฐเอกราช (CIS) และในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 1991 สภาสาธารณรัฐแห่งสภาโซเวียตสูงสุดแห่งสหภาพโซเวียตได้รับรองคำประกาศ "เกี่ยวกับการก่อตั้งเครือรัฐเอกราช" (В связи с созданием Содружества Независимых Государств) ซึ่งยุบสหภาพโซเวียตโดยนิตินัยและในคืนวันนั้นธงชาติสหภาพโซเวียตได้ถูกเชิญลงจากยอดเสาที่เครมลิน รัฐสภายูเครนไม่ได้ให้สัตยาบันภาคยานุวัติ ซึ่งกล่าวคือ ยูเครนไม่เคยเป็นสมาชิกของเครือรัฐเอกราช เดิมที่ยูเครนถูกมองว่ามีภาวะเศรษฐกิจที่เอื้ออำนวยเมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่น ๆ ของสหภาพโซเวียต อย่างไรก็ตาม ยูเครนประสบปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่มากกว่าประเทศอื่น ๆ ในอดีตสหภาพโซเวียต ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ยูเครนสูญเสียจีดีพีถึง 60% ตั้งแต่ ค.ศ. 1991 ถึง ค.ศ. 1999 และมีอัตราเงินเฟ้อถึง 5 หลัก ความไม่พอใจกับสภาพเศรษฐกิจเช่นเดียวกับจำนวนอาชญากรรมและการทุจริตในยูเครนที่มากขึ้น ชาวยูเครนจึงประท้วงและนัดหยุดงาน เศรษฐกิจยูเครนมีเสถียรภาพในช่วงปลายคริสต์ทศวรรษ 1990 มีการประกาศใช้สกุลเงินฮรึวญาซึ่งเป็นสกุลเงินใหม่ โดยถูกนำมาใช้ใน ค.ศ. 1996 หลัง ค.ศ. 2000 ยูเครนมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ยประมาณเจ็ดเปอร์เซ็นต์ต่อปี รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของยูเครนได้รับการรับรองภายใต้การนำของแลออนิด กุชมา ประธานาธิบดีคนที่สองใน ค.ศ. 1996 ซึ่งเปลี่ยนยูเครนให้เป็นสาธารณรัฐกึ่งประธานาธิบดีและก่อตั้งระบบการเมืองที่มั่นคง อย่างไรก็ตาม กุชมาถูกฝ่ายตรงข้ามวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการทุจริต การโกงเลือกตั้ง ซึ่งทำให้หมดกำลังใจในการพูด และการเพ่งความสนใจไปที่การใช้อำนาจที่มากเกินไปในตำแหน่งของเขา ยูเครนยังดำเนินการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างเต็มรูปแบบ โดยสละคลังอาวุธนิวเคลียร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก และรื้อถอนหรือถอดเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ทั้งหมดในอาณาเขตของตนเพื่อแลกกับการรับรองต่าง ๆ === การปฏิวัติส้ม === ใน ค.ศ. 2004 วิกตอร์ ยานูกอวึช ซึ่งในขณะนั้นยังดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งถูกควบคุมโดยส่วนใหญ่ตามคำตัดสินของศาลฎีกายูเครน ผลการเลือกตั้งทำให้เกิดเสียงไม่พอใจของประชาชนที่สนับสนุนวิกตอร์ ยุชแชนกอ ผู้สมัครฝ่ายค้านซึ่งคัดค้านผลการเลือกตั้ง ในช่วงหลายเดือนแห่งการปฏิวัติที่วุ่นวาย ผู้สมัครยุชแชนกอก็ป่วยหนัก และในเวลาไม่นาน กลุ่มแพทย์อิสระหลายกลุ่มพบว่าเขาได้รับพิษจากสารทีซีดีดีไดออกซิน ยุชแชนกอสงสัยอย่างยิ่งว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษของเขา ทั้งหมดนี้ส่งผลให้เกิดการปฏิวัติส้มที่สงบ และนำวิกตอร์ ยุชแชนกอ และยูลียา ตือมอแชนกอ ขึ้นสู่อำนาจ ในขณะที่วิกตอร์ ยานูกอวึช เป็นฝ่ายค้าน นักเคลื่อนไหวของการปฏิวัติส้มได้รับทุนและการฝึกอบรมเกี่ยวกับยุทธวิธีขององค์กรทางการเมืองและการต่อต้านอย่างสันติโดยผู้สำรวจความคิดเห็นจากตะวันตกและที่ปรึกษามืออาชีพซึ่งได้รับทุนบางส่วนจากรัฐบาลตะวันตก และหน่วยงานที่ไม่ใช่ภาครัฐ แต่ได้รับเงินทุนส่วนใหญ่จากแหล่งในประเทศ ตามรายงานของ เดอะการ์เดียน ผู้บริจาคจากต่างประเทศมีได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และ หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐ ร่วมกับสถาบันประชาธิปไตยแห่งชาติ, สถาบันรีพับลิกันอินเตอร์เนชันเนล, องค์การฟรีดอมเฮาส์ และมูลนิธิ Open Society Foundations ของจอร์จ โซรอส กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยได้สนับสนุนความพยายามในการสร้างประชาธิปไตยในยูเครนตั้งแต่ ค.ศ. 1988 งานเขียนเกี่ยวกับการต่อสู้อย่างสันติโดยจีน ชาร์ป มีส่วนในการสร้างพื้นฐานเชิงกลยุทธ์ของการรณรงค์ของนักเรียน ทางการรัสเซียให้การสนับสนุนผ่านที่ปรึกษาเช่นเกล็บ ปัฟลอฟสกี ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการทำให้ภาพลักษณ์ของยุชแชนกอมืดมนผ่านสื่อของรัฐ รวมถึงกดดันให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ขึ้นกับรัฐลงคะแนนเสียงให้ยานูกอวึชและเทคนิคการลงคะแนนเสียงเช่นการลงคะแนนเสียงแบบ "แคโรเซลโหวตอิงค์" หลายครั้งและการลงคะแนนเสียง "วิญญาณที่ตายแล้ว" ยานูกอวึชกลับมาสู่อำนาจอีกครั้งใน ค.ศ. 2006 ในฐานะนายกรัฐมนตรีในกลุ่มพันธมิตรแห่งเอกภาพแห่งชาติ จนกระทั่งการเลือกตั้งอย่างฉับพลันในเดือนกันยายน ค.ศ. 2007 ได้ทำให้ตือมอแชนกอเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางการเงินของยูเครนใน ค.ศ. 2008–09 เศรษฐกิจของยูเครนลดลง 15% ข้อพิพาทกับรัสเซียทำให้การจ่ายก๊าซทั้งหมดไปยังยูเครนหยุดชะงักไปชั่วคราวใน ค.ศ. 2006 และอีกครั้งใน ค.ศ. 2009 ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนก๊าซในประเทศอื่น ๆ วิกตอร์ ยานูกอวึชได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีใน ค.ศ. 2010 ด้วยคะแนนเสียงร้อยละ 48 === ยูโรไมดานและการปฏิวัติแห่งศักดิ์ศรี === การประท้วงยูโรไมดาน (Євромайдан ความหมายตามอักษร "จัตุรัสยูโร") เริ่มต้นในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2013 หลังจากที่ประธานาธิบดีวิกตอร์ ยานูกอวึช ตัดสินใจระงับความตกลงสมาคมระหว่างยูเครนกับสหภาพยุโรปและแสวงหาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นกับรัสเซีย ชาวยูเครนบางส่วนออกไปตามท้องถนนเพื่อแสดงการสนับสนุนสำหรับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับยุโรป ในขณะเดียวกัน ทางตะวันออกของประเทศที่ประชากรพูดภาษารัสเซียเป็นส่วนใหญ่ ประชากรส่วนใหญ่ต่อต้านการประท้วง ยูโรไมดาน แทนที่จะสนับสนุนรัฐบาลยานูกอวึช เมื่อเวลาผ่านไป ยูโรไมดาน ได้อธิบายถึงกระแสของการประท้วงและความไม่สงบในยูเครน ขอบเขตของการพัฒนาที่รวมถึงการเรียกร้องให้ประธานาธิบดียานูกอวึชและรัฐบาลของเขาลาออก ความรุนแรงเพิ่มขึ้นหลังจากวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 2014 เมื่อรัฐบาลยอมรับกฎหมายต่อต้านการประท้วงฉบับใหม่ ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่มีความรุนแรงเข้ายึดอาคารในใจกลางกรุงเคียฟ รวมถึงอาคารกระทรวงยุติธรรม และการจลาจลทำให้มีผู้เสียชีวิต 98 ราย บาดเจ็บประมาณ 15,000 คน และสูญหายประมาณ 100 ราย ตั้งแต่วันที่ 18 ถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ และในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ประธานาธิบดียานูกอวึชได้ลงนามในข้อตกลงประนีประนอมกับผู้นำฝ่ายค้านที่สัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญเพื่อฟื้นฟูอำนาจบางอย่างให้รัฐสภาและเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในช่วงต้นเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม สมาชิกรัฐสภายูเครนลงมติเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ให้ถอดถอนประธานาธิบดีและกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 25 พฤษภาคม เพื่อเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ การขับไล่ยานูกอวึช ทำให้วลาดีมีร์ ปูติน เริ่มเตรียมการผนวกไครเมียในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 แปตรอ ปอรอแชนกอ ผู้ซึ่งเป็นฝ่ายสนับสนุนสหภาพยุโรป ชนะด้วยคะแนนเสียงมากกว่าร้อยละ 50 จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องมีการเลือกตั้งรอบที่สอง ในระหว่างการเลือกตั้งของเขา ปอรอแชนกอประกาศว่าลำดับความสำคัญในทันทีของเขาคือการดำเนินการกับเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคตะวันออกของยูเครนและการแก้ไขความสัมพันธ์กับรัสเซีย ปอรอแชนกอเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2014 ตามที่โฆษกหญิงของเขา Irina Friz ประกาศก่อนหน้านี้ พิธีเข้ารับตำแหน่งจะเป็นพิธีที่ไม่สำคัญโดยและไม่มีการเฉลิมฉลองที่จัตุรัสอิสรภาพในกรุงเคียฟ (ศูนย์กลางของการประท้วง ยูโรไมดาน) สำหรับพิธี ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2014 มีการจัดการเลือกตั้งรัฐสภา กลุ่ม "โซลิดาริตี" ของปอรอแชนกอ ได้ที่นั่งไป 132 ที่นั่งจากทั้งหมด 423 ที่นั่ง === การแทรกแซงของรัสเซียในลูฮันสก์และดอแนตสก์และการบุกครองไครเมีย === === การบุกครองโดยรัสเซีย ค.ศ. 2022 === ในฤดูใบไม้ผลิของ ค.ศ. 2021 รัสเซียเริ่มระดมกองกำลังไปประจำการตามแนวชายแดนยูเครน-รัสเซีย เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 วลาดีมีร์ ปูติน ได้สั่งให้กองกำลังรัสเซียเคลื่อนเข้าไปยังสาธารณรัฐดอแนตสก์และลูฮันสก์ของยูเครนที่แยกตัวออกมาจากประเทศแม่ โดยเรียกกองกำลังเหล่านี้ว่า "กองกำลังรักษาสันติภาพ" ปูตินยังได้รับรองอย่างเป็นทางการว่า อดีตพื้นที่ของยูเครนเหล่านี้ได้กลายเป็นรัฐอธิปไตยและเป็นอิสระจากรัฐบาลยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ มกราคม ค.ศ. 2023 ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะส่งเครื่องบินรบ F-16 ไปยังยูเครน แม้ว่าเจ้าหน้าที่ยูเครนจะเรียกร้องการสนับสนุนทางอากาศอีกครั้งก็ตามนักข่าวถามเมื่อวันจันทร์ว่าสหรัฐฯ จะจัดหาเครื่องบินให้หรือไม่ นายไบเดนตอบเพียงว่า "ไม่" ความคิดเห็นของเขามีขึ้นหนึ่งวันหลังจากผู้นำเยอรมนีสั่งห้ามส่งเครื่องบินขับไล่ ยูเครนได้กล่าวว่าต้องการเครื่องบินไอพ่นเพื่อควบคุมน่านฟ้าของตนในสงครามที่กำลังดำเนินอยู่กับรัสเซีย F-16 Fighting Falcons ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในเครื่องบินขับไล่ที่เชื่อถือได้มากที่สุดในโลก และถูกใช้โดยประเทศอื่นๆ เช่น เบลเยียมและปากีสถานสิ่งเหล่านี้จะเป็นการอัพเกรดที่สำคัญสำหรับเครื่องบินขับไล่ในยุคโซเวียตที่ยูเครนใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งผลิตขึ้นก่อนที่ประเทศจะประกาศเอกราชจากสหภาพโซเวียตเมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม นายไบเดนปฏิเสธคำร้องขอของยูเครนหลายครั้งต่อเครื่องบินไอพ่นลำนี้ โดยเน้นไปที่การให้การสนับสนุนทางทหารในด้านอื่นๆ แทนสหรัฐฯ ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าจะจัดหารถถัง Abrams 31 คันให้กับ Kyiv โดยที่อังกฤษและเยอรมนีก็ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนในลักษณะเดียวกัน Andrii Melnyk รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครนยินดีกับการประกาศดังกล่าว แต่ได้ขอให้พันธมิตรจัดตั้ง "กลุ่มพันธมิตรเครื่องบินขับไล่" ที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighters, Tornados, Rafales ของฝรั่งเศส และ Gripen ของสวีเดนให้กับยูเครน == การเมืองการปกครอง == === ฝ่ายบริหาร === ประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ดำรงตำแหน่งวาระละ 5 ปี นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล โดยสภาสูงสุดเป็นผู้เสนอชื่อ และประธานาธิบดีเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ === ฝ่ายนิติบัญญัติ === ฝ่ายนิติบัญญัติเป็นระบบสภาเดียว คือ สภาสูงสุด (Supreme Rada) มีสมาชิก 450 คน (เลือกตั้งโดยตรง 225 ที่นั่ง แบบสัดส่วน 225 ที่นั่ง) โดยมีการเลือกตั้งทุก ๆ 4 ปี === นโยบายต่างประเทศ === ยูเครนดำเนินนโยบายมุ่งสู่ตะวันตกมาโดยตลอด ในช่วงแรกหลังการแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต โดยตั้งเป้าที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการพัฒนาของทวีปยุโรปและแยกตัวออกจากกรอบความสัมพันธ์กับรัสเซียและประเทศอดีตสหภาพโซเวียต แต่ต่อมา ยูเครนได้ปรับทิศทางของนโยบายต่างประเทศให้สมดุลมากขึ้น โดยหันมาให้ความสำคัญกับรัสเซียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) ด้วย ในปัจจุบัน กล่าวได้ว่า นโยบายต่างประเทศของยูเครนอยู่บนพื้นฐานของการสร้างดุลยภาพระหว่างการบูรณาการกับตะวันตกและการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความผูกพันทางเชื้อชาติ ภาษา ศาสนา วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์การเมือง ทิศทางการดำเนินนโยบายต่างประเทศของยูเครนในปัจจุบัน การดำเนินนโยบายต่างประเทศของยูเครนภายใต้รัฐบาลของนาง Tymoshenko ยังคงมุ่งเน้นปัจจัยหลัก 3 ประการ เช่นเดียวกับรัฐบาลชุดก่อน ได้แก่ พัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีกับรัฐต่าง ๆ โดยเฉพาะเทศเพื่อนบ้าน ประเทศมหาอำนาจ และประเทศหุ้นส่วนสำคัญทางยุทธศาสตร์ การบูรณาการเข้าสู่สหภาพยุโรปและนาโต้ ความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ==== ความสัมพันธ์กับรัสเซีย ==== ช่วงแรก ในช่วง 10 ปีแรก หลังการแยกตัวจากสหภาพโซเวียต ยูเครนดำเนินนโยบายมุ่งสู่ตะวันตก หันไปให้ความสำคัญกับสหรัฐ ฯ และประเทศตะวันตก และพยายามหลีกหนีอิทธิพลของรัสเซีย ในขณะที่รัสเซียก็ไม่สามารถยอมรับการเป็นเอกราชอย่างสมบูรณ์ของยูเครนได้ เนื่องจากยูเครนหรือ Little Russia ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศรัสเซียมาโดยตลอด พร้อมกันนี้ ความขัดแย้งทางเชื้อชาติระหว่างชาวยูเครนกับชาวรัสเซียที่อาศัยอยู่ในยูเครนได้ปะทุขึ้นภายหลังจากที่ยูเครนประกาศเอกราชจากรัสเซีย ปัจจัยเหล่านี้ก่อให้เกิดสถานการณ์การเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับยูเครนหลายครั้ง เช่น การแย่งชิงคาบสมุทรไครเมีย และปัญหากรรมสิทธิกองเรือของรัสเซียในทะเลดำ เป็นต้น ทั้งนี้ ความพยายามลดการพึ่งพารัสเซียทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดได้แก่ การที่ยูเครนพยายามแสวงหาแหล่งน้ำมันและพลังงานจากแหล่งอื่น ๆ นอกเหนือจากรัสเซีย เช่น อิหร่าน และดินแดนปกครองตนเองในรัสเซีย ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนกับรัสเซียได้กลับมาใกล้ชิดกันมากขึ้น หลังจากที่ได้ห่างเหินเป็นเวลายาวนานในช่วงหลังการประกาศอิสรภาพ การปรับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งเริ่มจากการลงนามในความตกลงเพื่อหาข้อยุติสำหรับปัญหากองเรือทะเลดำเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1997 ทั้งนี้ ความตกลงฯ ได้กำหนดให้รัสเซียได้สิทธิในการเช่าฐานทัพเรือยูเครนที่เมืองเซวาสโตโพล (Sevastopol) เพื่อเป็นที่ตั้งกองเรือของตนต่อไปอีก 20 ปี ทั้งสองประเทศได้จัดตั้งคณะกรรมาธิการพิเศษเพื่อร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ (Bilateral Commission) และรวมไปถึงการพิจารณาปัญหาความขัดแย้งในการปักปันเขตแดน การจัดทำแผนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ 10 ปี (ปี ค.ศ. 1998 - 2007) ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสองประเทศในเรื่องการปฏิรูปเศรษฐกิจ แนวทางในการร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและแนวทางในการขยายปริมาณการค้าระหว่างกัน รวมทั้งความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ กว่า 100 โครงการ เช่น ด้านการบิน การพลังงาน การสำรวจอวกาศ เป็นต้น ซึ่งแผนความร่วมมือดังกล่าว จะเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมปริมาณการค้าและการลงทุนระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ซึ่งมีมูลค่า 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ เมื่อปี ค.ศ. 1997 ให้เพิ่มขึ้นอีกสองเท่าครึ่งในอีก 10 ปี ข้างหน้า นอกจากนั้น ยังมีความตกลงระหว่างรัฐบาลอีกหลายฉบับ เช่น ความร่วมมือด้านการสื่อสาร การศึกษาและการจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมร่วม เพื่อกระตุ้นให้เห็นถึงพัฒนาการความสัมพันธ์อันดีระหว่างรัสเซียกับยูเครน รวมทั้งได้มีการลงนามในสนธิสัญญาว่าด้วยความร่วมมือและมิตรภาพ (Treaty of Friendship, Co-operation and Partnership) เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1997 เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ฉันมิตรบนพื้นฐานของการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (strategic partnership) การเคารพซึ่งกันและกัน และในฐานะเพื่อนบ้านที่ดีระหว่างกันอย่างแน่นแฟ้นต่อไป และผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะให้จัดตั้งคณะทำงานร่วม anti - crisis group เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และยืนยันที่จะผลักดันรัฐบาลของแต่ละฝ่ายให้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 2002 นายกรัฐมนตรี Mikhail Kasyanov ของรัสเซียและนายกรัฐมนตรี Anatoliy Kinakh ของยูเครนในขณะนั้น ได้ลงนามร่วมกันในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ นอกจากนี้ นาย Alexei Miller ประธานกรรมการบริษัท Gazprom ของรัสเซียก็ได้ลงนามในเอกสารร่วมกับนาย Yury Buiko ประธานกรรมการบริษัท Nallogaz Ukrainy ของยูเครน เพื่อการจัดตั้งองค์กรร่วมทุนระหว่างประเทศ (international consortium) เพื่อพัฒนาและดำเนินการเกี่ยวกับระบบการขนส่งก๊าซในยูเครน โดยองค์กรดังกล่าวจะจัดตั้ง จดทะเบียน และดำเนินการภายใต้กฎหมายของยูเครน โดยสำนักงานจะตั้งอยู่ที่เคียฟ และในอนาคตรัสเซียและยูเครนจะเปิดโอกาสให้บริษัทต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปเข้ามามีส่วนร่วมในองค์กรร่วมทุนดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ รัสเซียและยูเครนได้เคยลงนามในสัญญาร่วมกันเพื่อการขนส่งก๊าซจากรัสเซียผ่านท่อก๊าซของยูเครนถึงปีค.ศ. 2013 ไม่ต่ำกว่า 110 พันล้านคิวบิกเมตร และปัจจุบัน รัสเซียส่งก๊าซไปยังยุโรปโดยผ่านระบบท่อส่งก๊าซในยูเครนเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของนาง Tymoshenko น่าจะลดความสำคัญในการร่วมมือกับรัสเซียลงกว่ารัฐบาลชุดที่แล้ว ===== ความขัดแย้งเรื่องราคาก๊าซธรรมชาติระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ===== ก่อนหน้านี้ ยูเครนและรัสเซีย ได้เจรจาข้อขัดแย้งในกรณีที่รัสเซียระงับการจ่ายก๊าซธรรมชาติให้ยูเครน หลังจากที่ยูเครนไม่ยอมตามที่รัสเซียประกาศจะขึ้นราคาก๊าซ 4 เท่า จากเดิม 50 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1,000 ลูกบาศก์เมตร เป็น 220 - 230 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1,000 ลูกบาศก์เมตร ตามราคาตลาดยุโรป เหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ยูเครน และประเทศต่าง ๆ ในยุโรป ซึ่งนำเข้าก๊าซจากรัสเซียผ่านท่อก๊าซในยูเครน ประสบกับปัญหาด้านพลังงาน ท่ามกลางภูมิอากาศที่หนาวเย็นที่สุดในรอบหลายปี ในเบื้องต้น ยูเครนและรัสเซียสามารถตกลงกันได้ในระดับหนึ่ง โดยยูเครนจะนำเข้าก๊าซจากรัสเซียผ่านบริษัท Rosukrenergo ซึ่งรัสเซีย ถือหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง โดยบริษัท Rosukrenergo จะซื้อก๊าซจากรัสเซียในราคา 230 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1,000 ลูกบาศก์เมตร และขายก๊าซที่ตนซื้อจากเติร์กเมนิสถาน ซึ่งมีราคาถูกกว่าให้ยูเครนในราคา 95 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1,000 ลูกบาศก์เมตร เป็นเวลา 5 ปี ทั้งนี้ สำหรับปี 2551 รัฐบาลยูเครนภายใต้การนำของนาย Viktor Yanukovych อดีต นรม. ได้ลงนามความตกลงกับรัสเซียที่จะนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียในราคา 179.5 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งขึ้นจาก 130 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2550 ===== ความขัดแย้งบริเวณช่องแคบเคียร์ช ===== ช่องแคบ Kerch ตั้งอยู่ระหว่างเกาะ Tuzla ของยูเครนและ Taman Peninsula ของรัสเซีย และเป็นช่องทางผ่านจากทะเล Azov เข้าสู่ทะเลดำ ซึ่งนับตั้งแต่การประกาศเอกราชของยูเครนจากสหภาพโซเวียต ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุการเจรจาปักปันเขตแดนในบริเวณนี้ แต่เมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 2003 รัสเซียได้เริ่มสร้างเขื่อนในบริเวณช่องแคบ Kerch เพื่อเชื่อมชายฝั่งบริเวณคาบสมุทร Taman ของรัสเซีย เข้ากับเกาะ Tuzla ของยูเครน โดยอ้างว่าเขื่อนดังกล่าวจะช่วยลดการพังทลายของพื้นที่ชายฝั่งของรัสเซีย แต่ยูเครนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดอธิปไตยทางดินแดนของตน จึงได้ส่งกองทัพเข้าไปประจำการในเกาะ Tuzla และทำการซ้อมรบในบริเวณดังกล่าว รวมทั้งรัฐสภายูเครนได้ลงมติว่า การกระทำของรัสเซียถือได้ว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นมิตร ทำให้เกิดสถานการณ์การเผชิญหน้าที่ตึงเครียดระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายได้พยายามเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวในหลายระดับ โดยการเจรจาครั้งสำคัญมีขึ้นระหว่างประธานาธิบดี Kuchma ของยูเครน และประธานาธิบดี Vladimir Putin ของรัสเซีย ที่แหลมไครเมีย เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 2003 ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในกรอบความตกลงว่าด้วยการใช้ประโยชน์ร่วมกันบริเวณช่องแคบ Kerch และทะเล Azov และล่าสุดมีรายงานข่าวว่า การเจรจาระหว่างยูเครนและรัสเซียรอบแรกว่าด้วยการปักปันเขตแดนทางทะเลบริเวณช่องแคบ Kerch และทะเล Azov จะจัดขึ้นที่กรุงมอสโก ระหว่างวันที่ 29 - 30 มกราคม ค.ศ. 2004 ==== ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มเครือรัฐเอกราช ==== ยูเครนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับโปแลนด์ และมีบทบาทสำคัญในกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) รองจากรัสเซีย รวมทั้งมีบทบาทนำในองค์กรในระดับอนุภูมิภาค เช่น กลุ่ม GUUAM (Georgia - Ukraine - Uzbekistan - Azerbaijan - Moldova) ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศ CIS ที่นิยมตะวันตกและสนับสนุนให้ CIS รวมตัวเฉพาะทางเศรษฐกิจเท่านั้น กลุ่ม Organization for Black Sea Economic Cooperation และอยู่ในกลุ่มความร่วมมือ Common Economic Space (CES) ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพื่อการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างรัสเซีย ยูเครน เบลารุส และคาซัคสถาน นอกจากนี้ ยูเครนยังมีแผนที่จะร่วมมือกับอาเซอร์ไบจาน จอร์เจีย และมอลโดวา ในการสร้างท่อลำเลียงน้ำมันจากริมฝั่งทะเลสาบแคสเปียนโดยไม่ผ่านดินแดนของรัสเซียเพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจและอิทธิพลรัสเซียในภูมิภาคนี้ เนื่องจากปัจจุบันรัสเซียเป็นผู้ผูกขาดการขนส่งน้ำมันจากทะเลสาบแคสเปียนไปยังตลาดตะวันตกแต่เพียงผู้เดียว ==== ความสัมพันธ์กับประเทศตะวันตก ==== ===== สหภาพยุโรป ===== ยูเครนและสหภาพยุโรปได้จัดทำความตกลงภายใต้ Partnership and Cooperation Agreement ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2541 อย่างไรก็ตาม ความตกลงดังกล่าวมิได้ขยายไปถึงการจัดทำ Association Agreement ตามที่ยูเครนแสดงความประสงค์ โดยสหภาพยุโรปได้แต่ยอมรับถึงความประสงค์ของยูเครนที่จะยกระดับความสัมพันธ์ไปสู่การเป็น Association ระหว่างกันเท่านั้น ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการเข้าร่วมเป็นสมาชิก EU ของยูเครนคือ การที่ยูเครนยังไม่ได้รับการยอมรับว่ามีเศรษฐกิจระบบตลาดและยังมีปัญหาในเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอยู่มาก รัฐบาลภายใต้การนำของนาง Tymoshenko น่าจะดำเนินนโยบายที่มุ่งกระชับความสัมพันธ์กับสหภาพยุโรปมากกว่ารัฐบาลชุดก่อน โดยเน้นการรวมตัวกับสหภาพยุโรปเป็นหลัก โดยเฉพาะการจัดทำความตกลงการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป เพื่อทดแทน Parnership and Cooperation Agreement ซึ่งสิ้นอายุไปเมื่อปลายปี 2550 ทั้งนี้ คาดว่ายูเครนยังคงไม่สามารถเข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปในรัฐบาลชุดนี้ได้ อย่างไรก็ตาม คาดว่ายูเครนยังจะสามารถเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกได้ในปี 2551 ภายหลังจากที่ได้ดำเนินการเจรจาทวิภาคีกับประเทศที่เกี่ยวข้องเมื่อปี 2550 ซึ่งน่าจะปูทางไปสู่การเข้าเป็นสมาชิก EU ได้ต่อไปในอนาคต ===== สหรัฐ ===== ความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนกับสหรัฐดำเนินภายใต้โครงการความช่วยเหลือ Freedom for Russia and Emerging Eurasian Democracies and Open Markets Support Act ซึ่งผ่านการรับรองจากรัฐสภาสหรัฐเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1992 โดยมียอดเงินช่วยเหลือทั้งสิ้น 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในบรรดาประเทศอดีตสหภาพโซเวียต ยูเครนได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินจากสหรัฐมากที่สุด โดยในปี ค.ศ. 2000 ยูเครนได้รับเงินช่วยเหลือ 168 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากยอดรวม 216 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกำหนดที่จะให้ประเทศ CIS ทั้งหมด นอกจากนี้ ยูเครนยังได้รับเงินสนับสนุนจากสหรัฐอีก จำนวน 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายใต้โครงการ Western NIS Enterprise Fund ซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือแก่วิสาหกิจเอกชนของยูเครน แต่ภายหลังที่มีข่าวเรื่องยูเครนขายอาวุธให้แก่อิรักแล้ว มีรายงานข่าวว่า ในปี ค.ศ. 2003 รัฐบาลสหรัฐได้ปฏิเสธการให้เงินช่วยเหลือจำนวน 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แก่รัฐบาลยูเครน และจะโอนเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่หน่วยงานหรือกลุ่มผู้รณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชนในยูเครนแทน อย่างไรก็ดี ยูเครนได้ส่งทหารจำนวน 1,600 นาย เข้าไปร่วมกับกองกำลังของพันธมิตรในการฟื้นฟูบูรณะอิรัก เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2003 ซึ่งคาดว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับสหรัฐ อันจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสนับสนุนให้ยูเครนได้เข้าเป็นสมาชิก NATO ได้ในอนาคต อนึ่ง ยูเครนเข้าร่วมใน OSCE ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1992 เป็นสมาชิกของ North Atlantic Cooperation Council และเป็นสมาชิก Partnership for Peace ในกรอบนาโต อย่างไรก็ดี นโยบายที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO ของนาง Tymoshenko อาจถูกต่อต้านจากฝ่ายค้านและประชาชนจำนวนมากที่ให้การสนับสนุนพรรคฝ่ายค้าน ==== ความสัมพันธ์กับไทย ==== การทูต ความสัมพันธ์ทวิภาคีดำเนินไปอย่างราบรื่น มีกลไกที่พร้อมสนับสนุนการพัฒนาความสัมพันธ์ในระดับหนึ่ง โดยไทยมอบหมายสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก มีเขตอาณาดูแลยูเครน ขณะที่ยูเครนจัดตั้งสถานเอกอัคราชทูตขึ้นที่ประเทศไทย มีความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (Joint Commission) ระหว่างไทยกับยูเครน ความตกลงระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับสภาหอการค้าและอุตสหกรรมยูเครน เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทสายการบิน Aerosvit ของยูเครนได้เปิดเส้นทางการบินตรงระหว่างไทยกับยูเครนสัปดาห์ละ 3 เที่ยวมาตั้งแต่ พ.ศ. 2546 ใน พ.ศ. 2549 มีนักท่องเที่ยวยูเครนมาไทยถึง 15,000 คน ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยไปยูเครนประมาณ 50 คน การเมือง ไทยมีความสัมพันธ์ทางการเมืองกับยูเครนตั้งแต่ยูเครนยังเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิรัสเซีย และ สหภาพโซเวียตตามลำดับ หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ในช่วงปลาย พ.ศ. 2534 โดยสาธารณรัฐต่าง ๆ ซึ่งเคยรวมเป็นสหภาพโซเวียต ได้แยกตัวออกเป็นอิสระ และประกาศตัวเป็นเอกราชรวม 12 ประเทศ ไทยได้ให้การรับรองเอกราชของประเทศเหล่านี้ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ต่อมาไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับยูเครน เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2535 โดยให้อยู่ในเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก และใน พ.ศ. 2550 ได้แต่งตั้งนายมิโคโล ราดุดสกี (Mykhajlo Radoutskyy) เป็นกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำยูเครน ส่วนยูเครนได้ตั้งสถานเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทยขึ้น เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2545 โดยมีนายอีกอร์ ฮูเมนนี (Ihor Humennyi) ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศไทย และ มีนายปรีชา ถิรกิจพงศ์ ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ยูเครนประจำประเทศไทย == การแบ่งเขตการปกครอง == ยูเครนแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 24 แคว้น (о́бласть) 1 สาธารณรัฐปกครองตนเอง (автоно́мна респу́бліка) และ 2 นครสถานะพิเศษ (мі́сто зі спеціа́льним ста́тусом) ได้แก่ {| |} {|class="PrvPe0b" ! width="250" style="background: #FFFF00;text-align: center;"|เขตการปกครอง ! width="160" style="background: #003399;text-align: center;"| เมืองหลัก |- ! colspan="2" | แคว้น |- | 24x24px กีรอวอฮรัด || กรอปึวนึตสกึย |- | 24x24px คแมลนึตสกึย || คแมลนึตสกึย |- | 24x24px คาร์กิว || คาร์กิว |- | 24x24px เคียฟ || เคียฟ |- | 24x24px แคร์ซอน || แคร์ซอน |- | 24x24px แชร์กาซือ || แชร์กาซือ |- | 24x24px แชร์นิวต์ซี || แชร์นิวต์ซี |- | 24x24px แชร์นีฮิว || แชร์นีฮิว |- | 24x24px ซาการ์ปัจจา || อุฌฮอรอด |- | 24x24px ซาปอริฌเฌีย || ซาปอริฌเฌีย |- | 24x24px ซูมือ || ซูมือ |- | 24x24px ฌือตอมือร์ || ฌือตอมือร์ |- | 24x24px ดนีปรอแปตร็อวสก์ || ดนีปรอ |- | 24x24px ดอแนตสก์ || ดอแนตสก์ |- | 24x24px แตร์นอปิล || แตร์นอปิล |- | 24x24px ปอลตาวา || ปอลตาวา |- | 24x24px มือกอลายิว || มือกอลายิว |- | 24x24px ริวแน || ริวแน |- | 24x24px ลวิว || ลวิว |- | 24x24px ลูฮันสก์ || ลูฮันสก์ |- | 24x24px วอลึญ || ลุตสก์ |- | 24x24px วินนึตเซีย || วินนึตเซีย |- | 24x24px ออแดซา || ออแดซา |- | 24x24px อีวานอ-ฟรันกิวสก์ || อีวานอ-ฟรันกิวสก์ |- ! colspan="2" | สาธารณรัฐปกครองตนเอง |- | 24x24px ไครเมีย || ซิมเฟโรปอล |- ! colspan="2" | นครสถานะพิเศษ |- |24x24px เคียฟ | |- |24x24px เซวัสโตปอล | |} == หมายเหตุ == == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == Website Ukraine-CityGuide Ukraine information from the United States Department of State Portals to the World from the United States Library of Congress Ukraine at UCB Libraries GovPubs Key Development Forecasts for Ukraine from International Futures รัฐบาล The President of Ukraine Government Portal of Ukraine The Parliament of Ukraine Chief of State and Cabinet Members Ukrainian art. Most famous modern painters ย รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2534 รัฐในอดีตสหภาพโซเวียต ย
thaiwikipedia
1,944
คิระ ยามาโตะ
คิระ ยามาโตะ เป็นตัวละครเอกในอนิเมะเรื่องกันดั้มซี้ด และกันดั้มซี้ดเดสทินี (พากย์เสียงโดย โซอิจิโร่ โฮชิ) == กันดั้มซี้ด == คิระเป็นโคออร์ดิเนเตอร์รุ่นแรก (เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นเนเชอรัล) ที่อาศัยอยู่ในโคโลนี่เป็นกลางชื่อ เฮลิโอโพลิส และเข้าได้ไปพัวพันกับสงครามหลังจากการโจมตีของ ZAFTที่เข้าโจมตีเฮลิโอโพลิสเพื่อชิงโมบิลซูทโค้ดเนมG (กันดั้ม) และทำให้เขาได้พบกับเพื่อนรักในอดีตอัสรัน ซาล่าอีกครั้ง หลังจากเหตุการณ์นั้นพร้อมกับฝีมือในการบังคับโมบิลซูทของเขา ทำให้เขาได้เป็นนักบินของ GAT-X105 Strike และเข้าประจำการในกองทัพพันธมิตรของฝ่ายโลก OMNI กับยานอาร์คแองเจิล ในฐานะร้อยตรี คิระ ยามาโตะ (แต่งตั้งหลังจากที่พบกองยานที่ 8 ของกองทัพโลก) ซึ่งนั้นทำให้เขากับอัสรันกลายเป็นศัตรูโดยปริยาย การเดินทางและการต่อสู้บ่อยครั้งทำให้ฝีมือของเขาพัฒนาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ และนั่นทำให้เขาเผลอฆ่าเพื่อนร่วมทีมของอัสรัน บวกกับการตายของทอลล์โดยฝีมือของเพื่อนรัก จนเป็นเหตุให้ทั้งสองเข้าห้ำหั่นแบบไม่เกรงใจกัน ก่อนจะถูกอัสรันใช้กันดั้มเอจิสเข้าประชิดและระเบิดตัวเอง คิระรอดมาได้ด้วยการช่วยเหลือของ "โลว์ กิล" (ตัวเอกจากซี๊ดแอสเทรย์ (Seed Astray) ที่เป็นภาคเสริมของมังงะ) และบาทหลวงมาร์คิโอ ซึ่งพาคิระไปรักษาที่แพลนท์ และนั่นทำให้เขาได้พบกับลักส์ ไคลน์อีกครั้งหนึ่ง เมื่อคิระได้ทราบเรื่องว่า อาร์คแองเจิ้ลที่เดินทางไปอลาสก้านั้นกำลังตกในอันตราย และด้วยความช่วยเหลือของลักส์ในการขโมยกันดั้มรุ่นใหม่ล่าสุดที่ถูกพัฒนาอย่างลับๆ ZGMF-X10A Freedom Gundamทำให้คิระได้กลับคืนสู่สนามรบอีกครั้ง เมื่ออาร์คแองเจิ้ลเดินทางมายังออร์บอีกครั้ง อัสรันได้เดินทางมาเพื่อปรับความเข้าใจกับคิระ และร่วมสู้ด้วยกัน ในฐานะเป็นกลาง ทำให้ทั้งคู่ได้กลับมาเป็นเหมือนเก่าอีกครั้ง และร่วมสู้รบกัน เพื่อนำพาสันติภาพมาสู่ทุกฝ่าย == กันดั้มซี้ดเดสทินี == หลังจากสงครามเมื่อสองปีก่อน คิระได้มาใช้ชีวิตอย่างสันติร่วมกับลักส์ ไคลน์ที่ออร์บ เขากลายเป็นคนที่แทบจะไม่พูดอะไรเลย (โดยช่วงแรกนั้นไม่ถึง 10 คำต่อตอน) จนเมื่อซากยูเนียส เซเว่นเริ่มร่วงสู่โลกนั้น ทำให้สันติภาพของเขาเริ่มมีรอยร้าวอีกครั้ง อัสรันนั้นปรึกษาเขาเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งคิระก็ยังคงไม่มีคำตอบให้อัสรัน สำหรับคำถามจากเมื่อ 2 ปีก่อนว่า "เราสู้เพื่ออะไร" และพบกับ ชิน ที่อนุสรณ์ของสงครามที่ออร์บ (ซึ่งตอนนั้นทั้งสองยังไม่รู้จักอีกฝ่ายว่าเป็นใคร) ชินนั้นถามว่า เขาเคยมาที่นี่หรือ คิระนั้นบอกว่า เขามาที่นี่ครั้งแรก ทั้งที่ดอกไม้บานสวยงามแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับโดนทำลายหมดแล้ว ชินก็ต่อด้วยประโยคว่า "แม้ว่าดอกไม้จะสวยเพียงไร มันก็โดนทำลายทิ้งอยู่ดี" ก่อนที่จะขอโทษที่พูดจาแปลกๆและเดินจากไป === ปีกที่ฟื้นคืนชีพ === หลังจากนั้นไม่นานลักส์ก็ถูกปองชีวิต และมีกองกำลังโจมตีบ้านที่พวกเขาอาศัย ทำให้เขาจำเป็นต้องขึ้นขับ Freedom อีกครั้งเพื่อปกป้องบุคคลที่เขารัก โดยเขาบอกว่า "เขาไม่เป็นไรแล้ว และ มันจะทำให้เขาเศร้ามากกว่า หากต้องสูญเสียเธอไป" ในตอนที่ 14 นั้น คิระได้ลักพาตัว คางาริ จากงานแต่งงานทางการเมืองที่เธอไม่เต็มใจ ก่อนจะขอโทษที่ไม่ค่อยช่วยเหลือเธอและชักชวนคางาริให้ร่วมหาคำตอบของปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยกัน === ดาบจากฟากฟ้า === หลังจากนั้นมาคิระและเพื่อนๆของเขาก็มักจะปรากฏตัวออกมาขัดขวางสงครามอยู่บ่อยครั้ง เช่นในการปรากฏตัวอย่างชัดเจนครั้งแรกคือ ตอนที่ 23 ที่เขาลงมายิงห้ามปืนของยานมิเนอร์ว่าไม่ให้ยิงกองกำลังของออร์บ หลังจากที่คางาริพยายามห้ามกองทัพออร์บแต่ไม่สำเร็จ แม้กระทั่งเธอร้องไห้ออกมา คิระก็ปลอบเธอว่า "มันไม่มีประโยชน์แล้วที่เธอจะพยายามต่อไป แต่เขาจะพยายามห้ามเท่าที่ทำได้" ก่อนจะจัดการปลดอาวุธหุ่นโมบิลซูททุกเครื่องโดยไม่มีการสังหารนักบินที่ขับนั้นแม้แต่คนเดียว (ใช้วิธีการทำลายส่วนสำคัญของหุ่นเช่น แขน ขา หรือ กล้องต่างๆ) === มุมมองที่แตกต่าง === อัสรันที่ไม่เข้าใจในพวกคิระนั้นได้นัดพบเขาข้างนอกผ่านทางมิลิอาเรีย อดีตสมาชิกของยานอาร์คแองเจิ้ลที่ตอนนี้มีหน้าที่เป็นช่างภาพอิสระ ซึ่งคิระก็ได้ออกไปพบพร้อมกับพาคางาริไปด้วย แต่ดูเหมือนว่า ทั้งสองคนจะไม่สามารถสื่อความคิดของตัวเองถึงอีกฝ่ายได้ อัสรันนั้นคิดว่า กิลเบิร์ต ดูแรนดัลนั้นเป็นคนที่น่าเชื่อถือ และพยายามหาทางที่ยุติสงครามที่ไร้สาระนี้อยู่ ในขณะที่คิระนั้น สงสัยว่า กิลเบิร์ต ดูแรนดัลนั้นคิดอย่างที่อัสรันว่าจริงหรือไม่ แล้วทำไมถึงต้องมีตัวแทนของ ลักส์ ไคลน์ ขึ้นมาในขณะที่ตัวจริงโดนจ้องสังหาร เขาบอกอัสรันว่า หากเขาไม่สามารถหาคำตอบให้เรื่องนี้ เขาก็จะไม่เชื่อใจแพลนท์เด็ดขาด คิระบอกอัสรันว่า เขาไม่อยากฆ่าใครอีก แต่อัสรันนั้นกลับตะคอกใส่คิระว่า ตอนนี้มือคิระก็เปื้อนเลือดมามากแล้วเหมือนกัน ทำให้คิระทำหน้าเหมือนจะร้องไห้นิดๆ ก่อนจะบอกอัสรันว่า เขาไม่อยากสู้ เพราะฉะนั้นอย่าบังคับให้เขาทำ ก่อนจะแยกจากกันและกลับที่ซ่อนของตนเอง === ลักส์กลับอวกาศ === หลังจากที่กลับไปนั้น เขาก็เริ่มสงสัยว่า ตกลงสิ่งที่เขาเชื่อนั้นถูกแน่หรือไม่ หรือว่า บางที่กิลเบิร์ต ดูแรนดัล อาจจะเป็นอย่างที่อัสรันพูดก็เป็นได้ ทำให้ลักส์ตัดสินใจที่จะไปแพลนท์เพื่อดูด้วยตาตนเอง โดยคิระนั้นพยายามห้ามเต็มที่ แต่เธอก็ใช้คำที่คิระบอกเธอ ก่อนขึ้นขับ กันดั้ม อีกครั้งว่า "ไม่เป็นไร นี่คือเวลาของคุณแล้ว ให้คุณไปเถอะนะ" ทำให้คิระหมดข้อโต้แย้ง ซึ่งคิระนั้นก็ยังพยายามที่จะตามเธอไปด้วย แต่เขานั้นมีหน้าที่ต้องปกป้องอาร์คแองเจิ้ลอยู่ตอนนี้ ทำให้ความคิดนั้นมันเป็นไปไม่ได้ === คิระ และ อัสรัน === เมื่อเขาออกไปห้ามทัพอีกครั้ง อัสรันก็รีบเข้ามาขวางคิระทันที หลังจากที่คิระเริ่มฟันชิน ก่อนจะสู้กันทั้งสองคน อัสรันนั้นพยายามเกลี้ยกล่อมให้คิระกลับไปที่ออร์บ ในขณะที่คิระนั้นก็บอกว่า เขาเข้าใจในสิ่งที่อัสรันพูด แต่เพราะว่าคางารินั้นกำลังร้องไห้ เพราะไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น และถามอัสรันว่า เขาทำได้หรือที่จะสู้ โดยอ้างว่าทั้งหมดเป็นเพราะความผิดของคางาริ ก่อนจะบอกอัสรันว่า "หากเป็นแบบนั้น เขาก็จะกำจัดอัสรันเสีย" ก่อนจะระเบิดซี้ด แล้วด้วยสมรรถภาพที่เหนือกว่าของฟรีด้อม แถมอัสรันก็กำลังอึ้งนิดๆ เขาจึงจัดการฟันเซเวียร์ของอีกฝ่ายจนแหลก ไม่สามารถซ่อมแซมได้อีก ในขณะที่ตัวนักบินนั้นปลอดภัยดี === ปีกที่หัก และ ปีกที่ฟื้นคืน === เมื่อครั้งสู้รบกับ เดสทรอย ที่ เบอร์ลิน เขาก็ได้โชว์ความสามารถของเขาออกมาอย่างเต็มที่ โดยมี อิมพลัส มาร่วมแจมภายหลัง แต่เมื่อชินรู้ว่าในหุ่นนั้นใครเป็นคนขับ ทำให้เขาพยายามใช้วาจาห้ามเธอแทน แต่เพราะสเตล่าหันไปเห็นฟรีด้อมและเกิดกลัวขึ้นมาแล้วเริ่มจะยิงปืนใส่ ทำให้คิระตัดสินใจที่จำทำลายหุ่นนั้นทิ้งโดยแทงไปที่ปืนที่หน้าอก และเพราะหุ่นโดยฟันอย่างยับเยินโดยชินก่อนหน้านั้นแล้ว ทำให้สเตล่าแม้จะรอดออกมาได้ แต่ก็เสียชีวิตภายหลัง ทำให้ชินหาทางล้างแค้นเขา จนในที่สุดก็ทำลายฟรีด้อมลงได้โดยใช้ความสามารพิเศษในการเปลี่ยนส่วนต่างๆของอิมพลัส และ จุดออ่นที่เรียนรู้จากเรย์ว่า คิระจะไม่ฟันส่วนที่สำคัญที่เกิดอันตรายต่อนักบินเป็นอันขาด คิระนั้นได้รับหุ่นกันดั้มตัวใหม่ Strike Freedom ตอนที่ขึ้นอวกาศไปเพื่อช่วยเหลือลักส์ ไคลน์จากกองยานของซาฟท์ และกลับลงมาพร้อมหุ่นใหม่ของอัสรัน และร่วมมือกันต่อสู้อีกครั้ง === สงครามสุดท้าย === จนกระทั่งสงครามสุดท้าย คิระนั้นได้รบกับ เรย์ ที่ต่อมารู้ว่า เขาก็เหมือนกับคลูเซ่คือ เป็นโคลนของราอู เลอ ครู เซ่ และอยากกำจัดเขา แต่ก็โดนคิระทำลายหุ่นทิ้ง พร้อมประโยคว่า "แต่ว่าไม่ใช่นะ ชีวิตน่ะมันมีแค่หนึ่งเดียวนะ เพราะงั้นชีวิตนั่นเป็นของนายไม่ใช่ของเขา" และใช้เมทีเออร์ทำลายปราการรบ เมไซอา ของซาฟท์จากภายนอก โดยความร่วมมือของเอเทอนอล โดยมีการตัดฉากไปบางส่วนที่กิลเบิร์ตทำให้เรารู้ว่า เขาคิดว่า ทั้งลักส์และคิระนั้นต่างก็เป็นการคงอยู่ที่มีแต่จะทำให้เกิดปัญหา หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปในเมไซอา โดยมีอัสรันตามไปทีหลัง และเถียงกับกิลเบิร์ตที่บอกว่า ทำแบบนี้ก็จะเกิดสงครามขึ้นมาอีกครั้ง หรือว่า เรื่องที่เขาเป็นสุดยอดโคออร์ดิเนเตอร์ แต่คิระบอกว่า เขาก็เป็นคนธรรมดาเท่านั้น แถมยังตอบว่า หากเกิดเรื่องแบบนี้อีกครั้ง เขาก็เตรียมใจไว้แล้วและพร้อมที่จะสู้กับมัน ก่อนที่กิลเบิร์ตจะโดนเรย์ยิง เรย์นั้นขอโทษเขาและบอกว่า เขาก็มีวันพรุ่งนี้ ก่อนที่อัสรันและคิระจะกลับไปที่กันดั้ม ก่อนที่เมไซอาจะทลายลง โดยมีเรย์ กิลเบิร์ต และ ทาเรียอยู่ภายในนั้น 3 คน === "มาสู้ด้วยกันเถอะ" === หลังจากนั้นเขาก็กลับมาไหว้หลุมศพที่ออร์บพร้อมลักส์ โดยที่อัสรัน เมย์ริน ชิน และ ลูน่ามาเรียได้มาก่อนแล้ว หลังจากที่โดนชินจ้องมอง เขาจึงหันกลับไปหา ก่อนที่อัสรันจะแนะนำเขาให้อีกฝ่ายว่า "นี่คือ คิระ คิระ ยามาโตะ นักบินของฟรีด้อม" ทำให้ชินเกิดกลัวขึ้นมาเมื่อนึกถึงตอนที่ทำลายกันดั้มอีกฝ่ายทิ้งเนื่องจากคิดว่าคิระจะโกรธตนเอง แต่คิระกลับยื่นมือออกไป ซึ่งชินก็จับแต่โดยดี และพูดต่อประโยคที่ชินเหลือไว้นานมาแล้วว่า "ถึงแม้ว่า ดอกไม้จะโดนทำลายไป แต่เขาก็จะปลูกมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง" และบอกชินต่อไปอีกว่า "มาสู้ด้วยกันเถอะ" ซึ่งนั่นทำให้ชินน้ำตาไหลและตอบตกลงที่จะสู้ไปพร้อมพวกคิระ ก่อนที่จะแยกกันไปตามทางของตนเอง โดยคิระนั้นแยกไปทางเดียวกับลักส์อัสรันไปกับเมรินที่เป็นตัวแทนของคางาริและชินก็เดินไปกับลูน่า == กันดั้มซี้ดเดสทินี Special Edition == สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ ได้มีการพากษ์ใหม่ทั้งหมด มีการวาดฉากใหม่ๆในบางฉากสำคัญ รวมทั้งการดัดแปลงเนื้อเรื่องบางส่วน เช่น Special I : ตอนที่อัสรันปรึกษากับคิระว่าจะไปแพลนท์ ตอนที่คิระพบกับชิน ที่มีการวาดใหม่ทั้งหมด ทำให้ดูสมจริงสมจังมากขึ้น หรือตอนที่ช่วยลักส์ ไคลน์จากเป้ายิงกระสุนของมือสังหารและบทสนทนาทั้งก่อนขึ้นและตอนกำลังขับ Freedom อีกครั้ง Special II : ตอนที่อัสรันถูกถามถึงสถานที่อยู่ของพวกคิระและอาร์คแองเจิ้ลจากกิลเบิร์ต ดูรันดาล ซึ่งมีการตัดฉากไปที่อาร์คแองเจิ้ลตอนที่คิระซึ่งถอดเสื้อฟอร์มออร์บสีขาวข้างนอกออกและกำลังนั่งซ่อมฮาโล่สีชมพู หรือพิงค์จัง โดยทีลักส์นั่งมองอยู่ข้างๆ Special IV : ฉากในเพลง Kimi wa boku ni niteiru ที่วาดฉากที่แสดงว่า สุดท้ายนั้นคิระได้เข้ากับกองกำลังซาฟท์ และมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการ (หน่วยซาฟท์ชุดสีขาว หรือ Commander ในภาษาอังกฤษ) และอาศัยอยู่ที่แพลน์กับลักส์ ไคลน์ ซึ่งฉากนั้นเขาได้วิ่งเข้าไปกอดเธอเอาไว้ โดยมีบรรดาสหายร่วมรบ อดีตศัตรูและคนอื่นๆจ้องมองทั้งสองอยู่ == ความลับของชาติกำเนิด == คิระ ยามาโตะ หรือชื่อจริง คิระ ฮิบิกิ เกิดจากการทดลองของบิดา (ยูเรน ฮิบิกิ) และ มารดา (วีอา ฮิบิกิ) ซึ่งระหว่างนั้นกำลังตั้งท้องคางาริเช่นกัน สองสามีภรรยานักวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างสุดยอดโคออร์ดิเนเตอร์ขึ้น การเกิดของคิระนั้นไม่เหมือน โคออร์ดิเนเตอร์ทั่วไปที่เกิดจากการตั้งท้องของมารดา แต่เป็นเครื่องจักรที่ถูกสร้างพิเศษเพื่อการนี้โดยเฉพาะ คิระนั้นเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ประสบผลสำเร็จจากการเสียสละของพี่น้องจำนวนมหาศาล หลังจากนั้นไม่นานพ่อแม่ของคิระก็ถูกสังหาร วีอา ฮิบิกิ ได้ฝาก คิระกับคางาริให้กับสองสามีภรรยายามาโตะซึ่งได้หลบหนีจากโคโลนี เมนเดล ก่อนถูกกองทัพบลูคอสมอสจัดการ หลังจากนั้นคิระได้เติบโตเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่เคยรู้เรื่องราวในอดีตของตนเอง จนกระทั่งการต่อสู้กับราอู เลอ คลูเซ่ที่ L4 ซึ่งก็คือ โคโลนีเมนเดลนั้นเอง ทำให้เขาได้รับทราบความจริงทั้งหมด ทั้งเรื่องที่เขาเป็น สุดยอดโคออร์ดิเนเตอร์ หรือ จากคางาริ เรื่องที่ทั้งสองเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน == เล็กๆน้อยๆ == คิระเป็นหนึ่งในตัวละครในเรื่องที่เนื้อหอมในหมู่สาวๆ เมื่อคิระอยู่ในซีดโหมดจะมีความสามารถเหนือกว่าปกติหลายเท่า เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็ว จากที่เคยร้องไห้บ่อยๆ กลายเป็นคนเงียบ ทำอะไรจริงจัง และมักจะมีความคิดที่คนอื่นตามไม่ค่อยทัน แม้จะสงบเงียบเท่าไหร่ แต่เมื่อเอ่ยชื่อคลูเซ่ คิระก็ยังคงจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้อย่างดี (จากตอนที่ 49-50 ในกันดั้มซีด) ชื่อ "คิระ" นั้นมีสองความหมายคือ พระอาทิตย์ (a form of Cyrus) หรือ มาจากคำว่า Killer(นักฆ่า) คิระ ถูกตั้งข้อรังเกียจโดยแฟนกันดั้มยุค U.C.บางคน ด้วยสาเหตุที่ ทีมงานผู้จัดทำซีรีส์นี้ได้ให้ความเห็นว่า เขามีความสามารถเหนือกว่า อามุโร่ เรย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ เป็นนักบินที่ถูกยกให้เป็นนักบินที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์การ์ตูนกันดั้ม แฟนกันดั้มชาวตะวันตกบางคนเรียกคิระว่า จีซัส ยามาโตะ เพื่อเป็นการประชดประชัน เช่นเดียวกับที่แฟนกันดั้มชาวไทยเรียกคิระว่า ท่านเทพคิระ หรือ เทพ NTR == ข้อมูลส่วนตัว == เผ่าพันธุ์: อัลติเมท โคออดิเนเตอร์ อายุ: 16 (ใน กันดั้มซี้ด) 18 (ใน กันดั้มซี้ดเดสทินี) วันเกิด: Cosmic Era 18 พฤษภาคม 55 ยศ: Ensign/เรือตรี (กันดั้มซี้ดPHASE-15); 2nd Lieutenant/ร้อยตรี (กันดั้มซี้ดเดสทินี PHASE-14~44) ; พลเรือเอกแห่งออร์บ (กันดั้มซี้ดเดสทินี PHASE-45) ; พลเอก ( ผู้บัญชาการ ) แห่ง ซาร์ฟ (special destiny edition) ครอบครัว: แม่บุญธรรม (Caridad Yamato); พ่อบุญธรรม (Haruma Yamato); พ่อ (Ulen Hibiki); แม่ (Via Hibiki); พี่สาวฝาแฝด (Cagalli Yula Attha,แผนที่ความสัมพันธ์ของตัวละครอย่างเป็นทางการนั้นเขียนเป็นพี่สาวและน้องชาย); น้องชายทางพันธุกรรม (ไม่แน่ชัด) (Canard Pars) คนรัก: เฟรย์ ออลสตาร์ (กันดั้มซี้ด) ลักส์ ไคลน์ (กันดั้มซี้ด ช่วงปลายเรื่อง+กันดั้มซีดเดสทินี) ส่วนสูง: 165 ซม. (ใน กันดั้มซี้ด) 170 ซม. (ใน กันดั้มซี้ดเดสทินี) น้ำหนัก: 58 กก. (ใน กันดั้มซี้ดเดสทินี) หมู่เลือด: Aความสามารถพิเศษ: เชียวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ สามารถเขียนระบบปฏิบัติการของหุ่นกันดั้มใหม่ได้ภายในเวลาไม่กี่นาที โมบิลซูท: GAT-X105 Strike, ZGMF-X10A Freedom, ZGMF-X20A Strike Freedom. คิระ ยามาโตะ ตัวละครที่เป็นเด็กกำพร้า ตัวละครที่เป็นลูกบุญธรรม ตัวละครที่เป็นมนุษย์ทดลอง ตัวละครที่เป็นพลเรือเอก ตัวละครที่เป็นผู้บัญชาการ ตัวละครที่เป็นฝาแฝด ตัวละครชายในอนิเมะและมังงะ
thaiwikipedia
1,945
29 พฤษภาคม
วันที่ 29 พฤษภาคม เป็นวันที่ 149 ของปี (วันที่ 150 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 216 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 1996 (ค.ศ. 1453) - การล่มสลายของคอนสแตนติโนเปิล ด้วยเงื้อมมือของกองทัพจักรวรรดิออตโตมันภายใต้การนำทัพของสุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 นำไปสู่การสิ้นสุดของจักรวรรดิไบแซนไทน์ พ.ศ. 2203 (ค.ศ. 1660) - มีการฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ในอังกฤษ ในยุคของพระเจ้าชาลส์ที่ 2 หลังจากที่เกิดความขัดแย้งระหว่างกษัตริย์กับรัฐสภา จนนำไปสู่สงครามกลางเมือง พ.ศ. 2270 (ค.ศ. 1727) - ปีเตอร์ที่ 2 ดำรงตำแหน่งเป็นพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย พ.ศ. 2391 (ค.ศ. 1848) - วิสคอนซินถูกประกาศให้เป็นรัฐที่ 30 ของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ พ.ศ. 2407 (ค.ศ. 1864) - จักรพรรดิแมกซิมิเลียนแห่งเม็กซิโกเดินทางถึงเม็กซิโกเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) - การสังเกตการณ์สุริยุปราคาโดยเซอร์อาร์เทอร์ เอ็ดดิงตัน ยืนยันความถูกต้องของเนื้อหาบางส่วนในทฤษฎีสัมพัทธภาพของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - เซอร์เอดมันด์ ฮิลลารี และ เทียนซิง นอร์เก เป็นบุคคลแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) - ประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ร่วมลงนามในสนธิสัญญาทางไมตรีและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ (มีผลบังคับใช้ 8 มิ.ย. 2511) พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - โศกนาฏกรรมเฮย์เซล: แฟนฟุตบอลจำนวน 39 คน เสียชีวิตระหว่างการจลาจลในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรเปียนคัพ ณ กรุงบรัสเซลล์ ประเทศเบลเยียม พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) - เซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี เปิดให้บริการเป็นวันแรก == วันเกิด == พ.ศ. 2173 (ค.ศ. 1630) - พระเจ้าชาลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษ (สวรรคต 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2227) พ.ศ. 2457 (ค.ศ. 1914) - เทนซิง นอร์เก หนึ่งในผู้พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรสต์เป็นกลุ่มแรก (ถึงแก่กรรม 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2529) พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) - จอห์น เอฟ. เคนเนดี ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกา (ถึงแก่กรรม 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2506) พ.ศ. 2449 (ค.ศ. 1906) - ที. เอช. ไวท์ นักประพันธ์ชาวอังกฤษ (ผลงานเด่น อาร์เธอร์จอมราชันย์ The Once and Future King) (ถึงแก่กรรม 17 มกราคม พ.ศ. 2507) พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926) - หม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ พิธีกร/นักร้อง/นักแสดงชาวไทย (เสียชีวิต 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562) พ.ศ. 2470 (ค.ศ. 1927) - สมเด็จพระราชินีฮาลาเอวาลู มาตาอาโฮ อาโฮเมเอ (สวรรคต 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560) พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) - ปีเตอร์ ฮิกส์ นักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีชาวอังกฤษ พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - ฟาโรห์ ตอยยีบี นักดนตรีและนักแต่งเพลง พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - ลา โทยา แจ็กสัน นักร้อง นักเต้น นักแต่งเพลงและนักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - แอนเน็ตต์ เบนนิง นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) - โอภาส ทศพร นักร้องชาวไทย พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - ธนัท ฉิมท้วม หรือ ธเนศ ฉิมท้วม (โจ) นักร้อง นักแสดงชาวไทย วงบอยสเก๊าท์ พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - เมล บี นักร้อง, นักแต่งเพลง, พิธีกร และ นักแสดงชาวอังกฤษ พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - อาร์เน ฟรีดริช นักฟุตบอลชาวเยอรมัน พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - อันเดรย์ อาร์ชาวิน นักฟุตบอลชาวรัสเซีย พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - โนมินอู นักแสดงชาวเกาหลีใต้ อดีตสมาชิก วงTRAX พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - หวัง เป่าเฉียง นักแสดงชาวจีน พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - ธนา ฉัตรบริรักษ์ นักแสดง นายแบบชาวไทย พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - ริดจ์ ฮอลแลนด์ นักมวยปล้ำอาชีพชาวอังกฤษ พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - เดียโก บารีโซเน นักฟุตบอลชาวอาเจนติน่า (ถึงแก่กรรม 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558) พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - * เซบัสเตียง วือทริช นักฟุตบอลชาวสวิตเซอร์แลนด์ * อินทิพร แต้มสุขิน นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - เกร็ก ซัลกิน นักแสดงชาวอังกฤษ พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - นีกอลา เปเป นักฟุตบอลชาวโกตดิวัวร์ พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - พัคจีฮุน นักร้องวง Wanna One พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - บรานต์ เฟส ลาลิ เน็ตไอดอลชาวอเมริกัน == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 1802 (ค.ศ. 1259) - พระเจ้าคริสตอเฟอร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก (พระราชสมภพ พ.ศ. 1762) พ.ศ. 2043 (ค.ศ. 1500) - บาร์ตูลูเมว ดีอัช นักสำรวจชาวโปรตุเกส (เกิด พ.ศ. 1993) พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) - เดนนิส ฮอปเปอร์ นักแสดง ผู้กำกับชาวอเมริกัน (เกิด พ.ศ. 2479) พ.ศ. 2560 (ค.ศ. 2017) - ฉิ้น อรมุต ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (หนังตะลุง) (เกิด 17 กันยายน พ.ศ. 2474) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999), พ.ศ. 2561 (ค.ศ. 2018) - วันวิสาขบูชา วันรำลึกถึงผู้พลีชีพเพื่อชาติ (Memorial Day) ประจำปี พ.ศ. 2549 ในสหรัฐอเมริกา วันกองทัพในประเทศอาร์เจนตินา วันประชาธิปไตยในประเทศไนจีเรีย วันสากลแห่งเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของสหประชาชาติ == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day พฤษภาคม 29 พฤษภาคม
thaiwikipedia
1,946
ฟุตบอลโลก
ฟุตบอลโลก หรือ ฟีฟ่าเวิลด์คัพ (FIFA World Cup) เป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศโดยมีชุดทีมชาติชายร่วมเข้าแข่งในกลุ่มสมาชิกสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า) การแข่งขันจัดขึ้นทุก ๆ 4 ปี เริ่มครั้งแรกในปี ค.ศ. 1930 ใน ฟุตบอลโลก 1930 ยกเว้นในปี ค.ศ. 1942 และ 1946 ที่งดเว้นไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ทีมชนะเลิศการแข่งขันครั้งล่าสุดคือทีมชาติอาร์เจนตินา ในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 รูปแบบการแข่งขันในปัจจุบัน การแข่งขันประกอบด้วย 32 ทีม เพื่อเข้าร่วมแข่งขันในสถานที่จัดงานของประเทศเจ้าภาพ ซึ่งจะจัดขึ้นประมาณ 1 เดือน การแข่งขัน 32 ทีมสุดท้ายนี้เรียกว่า การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ส่วนในรอบคัดเลือกที่แข่งขันก่อนหน้านั้น ในปัจจุบันจะต้องใช้เวลาร่วม 3 ปี เพื่อตัดสินว่าทีมใดที่จะร่วมเข้าแข่งกับทีมประเทศเจ้าภาพ ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 22 ครั้ง มีชาติที่ชนะเลิศการแข่งขันทั้งสิ้น 8 ชาติ ได้แก่ ทีมชาติบราซิล (5 ครั้ง) และเป็นทีมเดียวที่เข้าร่วมการแข่งขันในทุกครั้ง ส่วนชาติอื่นที่ชนะเลิศการแข่งขันได้แก่ ทีมชาติอิตาลีและทีมชาติเยอรมนี (4 ครั้ง), ทีมชาติอาร์เจนตินา 3 ครั้ง, ทีมชาติอุรุกวัย, ทีมชาติฝรั่งเศส (2 ครั้ง) และทีมชาติอังกฤษและทีมชาติสเปน (1 ครั้ง) การแข่งขันฟุตบอลโลกถือเป็นการแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก มีผู้ชมราว 715.1 ล้านคนในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ที่จัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่ ค.ศ. 1930 มีชาติที่เคยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกมาแล้ว 18 ชาติ การแข่งขันในครั้งต่อไปคือ ฟุตบอลโลก 2026 จะจัดขึ้นที่ประเทศแคนาดา, สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก ในฐานะเจ้าภาพร่วมสามชาติ โดยเม็กซิโกจะถือเป็นชาติแรกที่ได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 3 ครั้ง == ประวัติ == === การแข่งขันฟุตบอลนานาชาติยุคก่อน === นัดการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศเกิดขึ้นครั้งแรก ในการแข่งขันที่กลาสโกว์ ในปี ค.ศ. 1872 ระหว่างสก็อตแลนด์กับอังกฤษ และในการแข่งขันชิงชนะเลิศระหว่างประเทศครั้งแรกที่ชื่อ บริติชโฮมแชมเปียนชิป ซึ่งเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1884 กีฬาฟุตบอลเติบโตในส่วนอื่นของโลกนอกเหนือจากอังกฤษในช่วงเปลี่ยนศตวรรษ มีการแนะนำกีฬาและแข่งขันประเภทนี้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1900 และ 1904 และที่กีฬาโอลิมปิกซ้อน 1906 หลังจากที่สหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ (ฟีฟ่า) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1904 ได้มีการพยายามจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงชนะเลิศระหว่างประเทศ นอกเหนือจากประเทศที่เข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ปี 1906 ที่สวิตเซอร์แลนด์ ถือเป็นการแข่งขันฟุตบอลระหว่างประเทศในยุคแรก ๆ แต่ประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการของฟีฟ่าอธิบายว่าการแข่งขันนั้นล้มเหลวไป ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1908 ในกรุงลอนดอน ฟุตบอลถือเป็นหนึ่งในกีฬาที่แข่งขันอย่างเป็นทางการ จัดขึ้นโดยสมาคมฟุตบอล อังกฤษได้ดูแลในการจัดการแข่งขัน โดยผู้แข่งขันเป็นมือสมัครเล่นเท่านั้นและดูเป็นการแสดงมากกว่าการแข่งขัน โดยบริเตนใหญ่ (แข่งขันโดยทีมฟุตบอลสมัครเล่นทีมชาติอังกฤษ) ได้รับเหรียญทองในการแข่งขัน ต่อมาในโอลิมปิกฤดูร้อน 1912 ที่สต็อกโฮล์มก็มีจัดขึ้นอีก โดยการแข่งขันจัดการโดยสมาคมฟุตบอลสวีเดน ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกซึ่งแข่งขันฟุตบอลเฉพาะในทีมสมัครเล่น เซอร์โทมัส ลิปตันได้จัดการการแข่งขันที่ชื่อ การแข่งขันชิงถ้วยรางวัลเซอร์โทมัสลิปตัน จัดขึ้นในตูรินในปี ค.ศ. 1909 เป็นการแข่งขันระหว่างสโมสร (ไม่ใช่ทีมชาติ) จากหลาย ๆ ประเทศ บางทีมเป็นตัวแทนของแต่ละประเทศ การแข่งขันครั้งนี้บางครั้งอาจเรียกว่า การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรก มีทีมอาชีพเข้าแข่งขันจากทั้งในอิตาลี เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ แต่สมาคมฟุตบอลอังกฤษปฏิเสธที่จะร่วมในการแข่งขันและไม่ส่งทีมนักฟุตบอลอาชีพมาแข่ง ลิปตันเชิญสโมสรเวสต์อ็อกแลนด์ทาวน์ จากมณฑลเดอแรม เป็นตัวแทนของอังกฤษแทน ซึ่งสโมสรเวสต์อ็อกแลนด์ทาวน์ชนะการแข่งขันและกลับมารักษาแชมป์ในปี 1911 ได้สำเร็จ ในปี ค.ศ. 1914 ฟีฟ่าได้จำแนกการแข่งขันฟุตบอลในกีฬาโอลิมปิกว่าเป็น "การแข่งขันชิงแชมป์สำหรับมือสมัครเล่น" และลงรับผิดชอบในการจัดการการแข่ง และนี่เป็นการปูทางให้กับการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทวีปเป็นครั้งแรก โดยในโอลิมปิกฤดูร้อน 1920 ที่มีทีมแข่งขันอย่างอียิปต์และทีมจากยุโรปอีก 13 ทีม มีผู้ชนะคือทีมเบลเยี่ยม ต่อมาทีมอุรุกวัย ชนะในการแข่งขันฟุตบอลในโอลิมปิกในอีก 2 ครั้งถัดไปคือในปี ค.ศ. 1924 และ 1928 และในปี ค.ศ. 1924 ถือเป็นยุคที่ฟีฟ่าก้าวสู่ระดับมืออาชีพ จากความสำเร็จในการแข่งขันฟุตบอลในโอลิมปิก ฟีฟ่าพร้อมด้วยประธานที่ชื่อ ชูล รีเม ได้ผลักดันอีกครั้งโดยเริ่มมองหาหนทางในการจัดการแข่งขันนอกเหนือการแข่งขันโอลิมปิก ในวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1928 ที่ประชุมฟีฟ่าในอัมสเตอร์ดัมตัดสินใจที่จะจัดการแข่งขันด้วยตัวเอง กับอุรุกวัย ที่เป็นแชมเปียนโลกอย่างเป็นทางการ 2 ครั้ง และเพื่อเฉลิมฉลอง 1 ศตวรรษแห่งอิสรภาพของอุรุกวัยในปี ค.ศ. 1930 ฟีฟ่าได้ประกาศว่าอุรุกวัยเป็นประเทศเจ้าภาพในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรก สมาคมฟุตบอลของประเทศที่ได้รับการเลือก ได้รับการเชิญให้ส่งทีมมาร่วมแข่งขัน แต่เนื่องจากอุรุกวัยที่เป็นสถานที่จัดงาน นั่นหมายถึงระยะทางและค่าใช้จ่ายที่ต้องเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมาจากฝั่งยุโรปมา ซึ่งแท้จริงแล้ว ไม่มีประเทศไหนในยุโรปตอบตกลงว่าจะส่งทีมมาร่วม จนกระทั่ง 2 เดือนก่อนการแข่งขัน ในที่สุดริเมตจึงสามารถเชิญทีมจากเบลเยี่ยม ฝรั่งเศส โรมาเนีย และยูโกสลาเวีย มีทีมเข้าร่วมทั้งหมด 13 ทีม โดยมี 7 ทีมจากทวีปอเมริกาใต้ 4 ทีมจากยุโรป และ 2 ทีมจากอเมริกาเหนือ 2 นัดแรกของการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรก จัดขึ้นในวันเดียวกันเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 1930 ผู้ชนะคือทีมฝรั่งเศส และทีมสหรัฐอเมริกา ชนะเม็กซิโก 4–1 และเบลเยี่ยม 3–0 ตามลำดับ โดยผู้ทำประตูแรกในฟุตบอลโลกมาจากลุกแซง โลร็องต์ จากฝรั่งเศส ในนัดตัดสินทีมชาติอุรุกวัยชนะทีมชาติอาร์เจนตินา 4–2 ต่อหน้าผู้ชม 93,000 คนที่เมืองมอนเตวิเดโอ ทีมอุรุกวัยจึงเป็นชาติแรกที่ชนะการแข่งขันฟุตบอลโลก === ฟุตบอลโลกก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง === หลังจากที่เกิดการแข่งขันฟุตบอลโลกขึ้นแล้ว ในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1932 ที่จัดขึ้นที่เมืองลอสแอนเจลิส ก็ไม่ได้รวมการแข่งขันฟุตบอลเข้าไปด้วย เนื่องจากความไม่ได้รับความนิยมในกีฬาฟุตบอลในสหรัฐอเมริกา ในขณะที่อเมริกันฟุตบอลได้รับความนิยมมากขึ้น ทางฟีฟ่าและคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ที่มีความคิดเห็นต่างกันในเรื่องผู้เล่นในฐานะมือสมัครเล่น ดังนั้นจึงไม่มีการแข่งขันฟุตบอลในเกมนี้ แต่ต่อมาฟุตบอลได้กลับมาในกีฬาโอลิมปิกใน โอลิมปิกฤดูร้อน 1936 แต่ถูกลดความสำคัญลง เพราะความมีชื่อเสียงของฟุตบอลโลก ประเด็นในการจัดการแข่งขันในช่วงแรกของฟุตบอลโลกที่เป็นความยากลำบากในการเดินทางข้ามทวีปและสงครามนั้น มีทีมจากอเมริกาใต้บางทีมยินดีที่จะเดินทางไปยุโรปในการแข่งขันในปี 1934 และ 1938 โดยทีมบราซิลเป็นทีมเดียวในอเมริกาใต้ที่เข้าแข่งขันทั้ง 2 ครั้งนี้ ส่วนการแข่งขันฟุตบอลโลก 1942 และ 1946 ได้มีการยกเลิกไปเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่สองและพักจากผลกระทบของสงครามโลก === ฟุตบอลโลกหลังสงครามโลกครั้งที่สอง === ฟุตบอลโลก 1950 จัดขึ้นที่ประเทศบราซิล เป็นครั้งแรกที่สหราชอาณาจักรเข้าร่วมการแข่งขัน ทีมสหราชอาณาจักรถอนตัวจากฟีฟ่าในปี ค.ศ. 1920 ที่ไม่พอใจในบางส่วนที่ต้องเล่นกับประเทศที่พวกเขาทำสงครามด้วย และบางส่วนเพื่อประท้วงด้านอิทธิพลและการบังคับจากต่างชาติ แต่ก็กลับเข้ามาร่วมในปี ค.ศ. 1946 หลังจากได้รับคำเชื้อเชิญจากฟีฟ่า การแข่งขัน ทีมแชมเปียนอย่างอุรุกวัยก็กลับเข้ามาร่วม หลังจากที่คว่ำบาตรฟุตบอลโลกก่อนหน้านี้ 2 ครั้ง โดยทีมอุรุกวัยชนะในการแข่งขันอีกครั้ง หลังจากที่ชนะประเทศเจ้าภาพบราซิล นัดการแข่งขันนี้เรียกว่า "มารากานาซู" (Maracanaço) ในการแข่งขันระหว่างปี ค.ศ. 1934 และ 1978 มีทีมเข้าร่วมแข่งขัน 16 ทีม ยกเว้นในปี ค.ศ. 1938 เมื่อออสเตรียรวมเข้ากับเยอรมนี หลังจากรอบคัดเลือก ทำให้มีทีมแข่งขันเหลือเพียง 15 ทีม และในปี ค.ศ. 1950 เมื่ออินเดีย สก็อตแลนด์ และตุรกี ถอนตัวจากการแข่งขัน ทำให้มีทีมร่วมแข่งขันเพียง 13 ทีม ทีมที่เข้าร่วมแข่งขันส่วนใหญ่เป็นทีมจากยุโรปและอเมริกาใต้ มีส่วนน้อยจากอเมริกาเหนือ แอฟริกา เอเชียและโอเชียเนีย ทีมเหล่านี้มักจะแพ้อย่างง่ายดายกับทีมจากยุโรปและอเมริกาใต้ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1982 มีทีมนอกเหนือจากยุโรปและอเมริกาใต้ที่เข้าสอบรอบสุดท้าย คือ ทีมสหรัฐอเมริกา เข้ารอบรองชนะเลิศในปี ค.ศ. 1930, ทีมคิวบาเข้ารอบรองชนะเลิศใน ปี ค.ศ. 1938, ทีมเกาหลีเหนือ เข้าสู่รอบรองชนะเลิศในปี ค.ศ. 1966 และทีมเม็กซิโกเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในปี ค.ศ. 1970 === ขยายเป็น 32 ทีม === การแข่งขันขยายเป็น 24 ทีมในปี ค.ศ. 1982 จากนั้นเป็น 32 ทีมในปี ค.ศ. 1998 ทำให้มีทีมจากแอฟริกา เอเชียและอเมริกาเหนือเข้ารอบมากขึ้น และในปีครั้งหลัง ๆ ทีมในภูมิภาคเหล่านี้ก็ประสบความสำเร็จมากขึ้น และสามารถติดในรอบก่อนรองชนะเลิศมากขึ้น ได้แก่ ทีมเม็กซิโก เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในปี ค.ศ. 1986, ทีมแคเมอรูน เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในปี ค.ศ. 1990, ทีมเกาหลีใต้ได้อันดับ 4 ในปี ค.ศ. 2002, ขณะที่ทีมเซเนกัลและสหรัฐอเมริกา ทั้ง 2 ทีมเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในปี ค.ศ. 2002 และทีมกานา เข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในปี 2010 แต่ถึงอย่างไรก็ตามทีมจากยุโรปและอเมริกาใต้ก็ยังคงมีความโดดเด่นอยู่ เช่นในปี ค.ศ. 1998 และ 2006 ที่ทีมทั้งหมดในรอบรองชนะเลิศมาจากยุโรปและอเมริกาใต้ ในฟุตบอลโลก 2002 ในรอบคัดเลือก มีทีมเข้าร่วมคัดเลือก 200 ทีม และในฟุตบอลโลก 2006 มีทีมที่พยายามเข้าคัดเลือก 198 ทีม ขณะที่ในฟุตบอลโลก 2010 มีประเทศที่เข้าร่วมรอบคัดเลือก 204 ทีม ซึ่งถือเป็นสถิติเป็นปีที่มีประเทศเข้าคัดเลือกมากที่สุด === ขยายเป็น 48 ทีม === ต่อมาการแข่งขันขยายเป็น 48 ทีมในปี ค.ศ. 2026 โดยโควต้าของแต่ละทวีปจะมีต่างกันคือ เอเชีย 8.5 ทีม, โอเชียเนีย 1.5 ทีม, แอฟริกา 9 ทีม, อเมริกาเหนือ 5.5 ทีม, ยุโรป 16 ทีม, อเมริกาใต้ 6.5 ทีม และประเทศเจ้าภาพอีก 1 ทีม === การแข่งขันอื่นของฟีฟ่า === ในการแข่งขันของฟุตบอลสำหรับผู้หญิง คือ ฟุตบอลโลกหญิง จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1991 ที่ประเทศจีน ฟุตบอลโลกหญิงจะมีการแข่งขันที่เล็กกว่าฟุตบอลของผู้ชาย แต่กำลังเติบโตอยู่เรื่อย ๆ มีทีมเข้าร่วมแข่งขันในปี ค.ศ. 2007 อยู่ 120 ทีม มากกว่า 2 เท่าของในปี ค.ศ. 1991 กีฬาฟุตบอลนั้นได้มีอยู่ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนทุก ๆ ครั้ง ยกเว้นในปี ค.ศ. 1896 และ 1932 แตกต่างจากกีฬาประเภทอื่นซึ่งในการแข่งขันกีฬาฟุตบอลในโอลิมปิก ทีมที่ร่วมแข่งจะไม่ใช่ทีมระดับสูงสุด จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1992 ที่แต่เดิมให้ผู้แข่งขันอายุ 23 ปีเข้าแข่งขัน แต่ก็อนุญาตให้มีผู้เล่นที่อายุมากกว่า 23 ปี จำนวน 3 คนของแต่ละทีม ลงแข่งขันได้ ส่วนฟุตบอลหญิงในโอลิมปิก แข่งขันครั้งแรกในปี ค.ศ. 1996 เป็นการแข่งขันทีมชาติเต็มทีม ไม่มีจำกัดอายุ คอนเฟเดอเรชันส์คัพ เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นก่อน 1 ปีที่จะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก ในประเทศเจ้าภาพที่จะแข่งขัน เหมือนเป็นการอุ่นเครื่องฟุตบอลโลกที่จะมาถึง เป็นการแข่งขันระหว่างผู้ชนะเลิศจากแต่ละภูมิภาคทั่วโลก (เอเชียนคัพ แอฟริกันคัพ โกลด์คัพ โกปาอาเมริกา เนชันส์คัพ และ ฟุตบอลยูโร) พร้อมทั้งทีมที่ชนะฟุตบอลโลกครั้งล่าสุดและทีมเจ้าภาพ ฟีฟ่าจะจัดการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนระดับนานาชาติ (ฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี, ฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี, ฟุตบอลโลกหญิงอายุไม่เกิน 20 ปี, ฟุตบอลโลกหญิงอายุไม่เกิน 17 ปี, การแข่งขันฟุตบอลระหว่างสโมสร (ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ), และการแข่งขันฟุตบอลอื่นเช่น ฟุตซอล (ฟุตซอลชิงแชมป์โลก) และฟุตบอลชายหาด (ฟุตบอลชายหาดชิงแชมป์โลก) == ถ้วยรางวัล == ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1930 ถึง 1970 ถ้วยรางวัลชูลส์รีเมต์เป็นถ้วยที่มอบให้แก่ผู้ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลโลก เดิมทีเรียกง่ายๆ ว่า เวิลด์คัพ (World Cup) หรือ คูปดูมอนด์ (Coupe du Monde) แต่ในปี ค.ศ. 1946 ได้เปลี่ยนชื่อตามประธานฟีฟ่า ที่ชื่อ ชูลส์ รีเมต์ ที่ได้ริเริ่มการแข่งขันครั้งแรก และเมื่อในปี ค.ศ. 1970 เมื่อทีมบราซิลชนะการแข่งขันเป็นครั้งที่ 3 ได้ครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์จากการที่ได้แชมป์ 3 สมัย แต่ในปี ค.ศ. 1983 ถ้วยถูกขโมยไปและไม่มีใครได้เห็นอีกเลย หลังจากปี ค.ศ. 1970 ก็มีถ้วยรางวัลใหม่ ที่รู้จักในชื่อ ถ้วยรางวัลฟีฟ่าเวิลด์คัพ โดยผู้เชี่ยวชาญของฟีฟ่าที่มาจาก 7 ประเทศ ประเมินจากแบบ 53 แบบ จนสรุปที่ผลงานการออกแบบของนักออกแบบชาวอิตาลีที่ชื่อซิลวีโอ กัซซานีกา (Silvio Gazzaniga) ถ้วยรางวัลใหม่นี้มีความสูง 36 ซม. (14.2 นิ้ว) ทำจากทองคำ 18 กะรัต (75%) น้ำหนัก 6.175 กก. (13.6 ปอนด์) ฐานของถ้วยมีเส้น 2 ชั้นทำจากมรกต ในส่วนใต้ฐานของถ้วยรางวัลสลักปีและชื่อของทีมผู้ชนะเลิศฟุตบอลโลกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1974 ผู้ออกแบบอธิบายถ้วยรางวัลนี้ว่า "เส้นที่โดดเด่นจากฐาน ที่หมุนรอบนั้นได้ขยายเพื่อรองรับโลก จากแรงดึงที่เคลื่อนที่ที่โดดเด่นของในส่วนตัวของถ้วยของประติมากรรมนี้ ได้ช่วยให้รูปร่างนักกีฬาดูเคลื่อนไหวไปกับห้วงเวลาแห่งชัยชนะ" ชาติผู้ชนะไม่ได้กรรมสิทธิ์การครอบครองถ้วยถาวร แต่ผู้ชนะฟุตบอลโลกจะเก็บถ้วยไว้จนกว่าจะถึงการแข่งขันครั้งต่อไป และจะได้ถ้วยจำลองจากทองผสมไปแทน ในปัจจุบัน สมาชิกทุกคน (ทั้งผู้เล่นและโค้ช) ของทีมใน 3 อันดับแรกจะได้รับเหรียญตรารูปถ้วยฟุตบอลโลก ผู้ชนะได้เหรียญทอง รองชนะเลิศได้เหรียญเงิน และที่ 3 ได้เหรียญทองแดง นอกจากนั้นในปี ค.ศ. 2002 มีการมอบเหรียญที่ 4 ให้ประเทศเจ้าภาพคือเกาหลีใต้ ก่อนหน้าการแข่งขันปี ค.ศ. 1978 จะมอบเหรียญให้กับ ผู้เล่นเพียง 11 คน ในนัดสุดท้ายของการแข่งขันรวมถึงนัดการแข่งขันชิงที่ 3 ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2007 ฟีฟ่าประกาศว่าสมาชิกทุกคนของทีมผู้ชนะในการแข่งขันฟุตบอลโลกระหว่างปี ค.ศ. 1930 และ 1974 จะได้รับรางวัลย้อนหลังเป็นเหรียญตรา == รูปแบบการแข่งขัน == === รอบคัดเลือก === ตั้งแต่การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ 1934 ก็เริ่มมีการจัดการแข่งขันคัดเลือกเพื่อจำกัดทีมในรอบสุดท้ายให้น้อยลง จัดในเขตการแข่งขันทั้ง 6 เขตของฟีฟ่า (แอฟริกา, เอเชีย, อเมริกาเหนือและกลางและแคริบเบียน, อเมริกาใต้, โอเชียเนีย, และยุโรป) ตรวจสอบโดยสมาพันธ์ที่เกี่ยวข้อง ในการแข่งขันในแต่ละครั้ง ฟีฟ่าจะกำหนดล่วงหน้าเรื่องจำนวน ว่าจะมีกี่ทีมในแต่ละเขตที่จะได้เข้าสู่รอบสุดท้าย โดยทั่วไปจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของทีมของสมาพันธ์ กระบวนการคัดเลือก จะเริ่มในเกือบ 3 ปีก่อนที่จะแข่งรอบสุดท้ายและจะสิ้นสุดในช่วง 2 ปีก่อนการแข่งขัน รูปของการแข่งขันรอบคัดเลือกจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสมาพันธ์ โดยปกติแล้ว ที่ 1 หรือ 2 อันดับแรกที่ชนะเพลย์ออฟระหว่างทวีป ตัวอย่างเช่น ผู้ชนะของเขตโอเชียเนีย และที่ 5 ของทีมในโซนเอเชีย จะแข่งรอบเพลย์ออฟในฟุตบอลโลก 2010 และจากฟุตบอลโลก 1938 เป็นต้นมา ประเทศเจ้าภาพจะเข้าสู่รอบสุดท้ายโดยทันที และทีมแชมป์จะเข้ารอบสุดท้ายเพื่อป้องกันตำแหน่งในระหว่างปี 1938 และ 2002 แต่ในปี 2006 ได้งดไป ทีมบราซิลที่ชนะในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2002 เป็นทีมแรกที่แข่งขันรอบคัดเลือกเพื่อป้องกันตำแหน่ง === รอบสุดท้าย === การแข่งขันรอบสุดท้ายปัจจุบัน มีทีมเข้าแข่งขัน 32 ชาติ ที่จะแข่งขันนานร่วม 1 เดือน ในประเทศเจ้าภาพการแข่งขัน โดยแบ่งเป็น 2 รอบคือ รอบแรก (แบ่งกลุ่ม) และรอบแพ้คัดออก ในรอบแบ่งกลุ่ม จะแบ่งออกเป็น 8 กลุ่ม แต่ละกลุ่มมี 4 ทีม โดยมี 8 ทีม (รวมถึงประเทศเจ้าภาพด้วย) ที่จะถูกเลือกออกมาจากอันดับโลกฟีฟ่า และ/หรือ ผลการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านมา ทั้ง 8 ทีมจะถูกแยกออกไปในแต่ละกลุ่ม ส่วนทีมที่เหลือจะใส่ลงโถ โดยมากเป็นแบ่งจากเขตทางภูมิศาสตร์ แต่ละทีมในโถจะจับสลากกลุ่มที่อยู่ และตั้งแต่ในปี ค.ศ. 1998 มีข้อบังคับว่าในแต่ละกลุ่มจะไม่มีทีมจากยุโรปมากกว่า 2 ทีม และมากกว่า 1 ทีม จากสมาพันธ์ฟุตบอลของแต่ละทวีปอื่น แต่ละทีมในกลุ่มจะแข่งแบบพบกันหมด กล่าวคือแต่ละทีมจะแข่ง 3 นัด กับทีมอื่นในกลุ่มจนครบ ส่วนนัดสุดท้ายของการแข่งขันแบ่งกลุ่มจะแข่งเวลาเดียวกัน เพื่อให้ความยุติธรรมกับทั้ง 4 ทีม ทีมที่มีคะแนนสูงสุด 2 อันดับแรกในกลุ่มจะเข้าสู่รอบแพ้คัดออก โดยคะแนนมาจากการทำคะแนนในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม โดยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1994 กำหนดให้ทีมผู้ชนะได้ 3 คะแนน ทีมที่เสมอได้ 1 คะแนน และทีมที่แพ้ไม่ได้คะแนน (ก่อนหน้านี้ ทีมที่ชนะได้ 2 คะแนน) อันดับของแต่ละทีมในกลุ่ม พิจารณาจาก จำนวนคะแนนในกลุ่ม จำนวนความแตกต่างในการทำประตูในกลุ่ม จำนวนการทำประตูในกลุ่ม ถ้าหากยังอยู่ในระดับเท่ากัน จะพิจารณาเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ # จำนวนคะแนนในนัดที่ทีมเหล่านั้นเจอกัน # จำนวนความแตกต่างในนัดที่ทีมเหล่านั้นเจอกัน # จำนวนประตูในนัดที่ทีมเหล่านั้นเจอกัน หากทีมยังอยู่ในระดับเท่ากันอีก หลังจากพิจารณาเกณฑ์ด้านบน จะใช้อันดับโลกฟีฟ่าในการพิจารณา รอบแพ้คัดออก แต่ละรอบจะแข่งกันเพียงครั้งเดียว โดยจะหลังต่อเวลาพิเศษและยิงลูกโทษหากไม่สามารถทำประตูได้ โดยเริ่มที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย (หรือรอบที่ 2) ผู้ชนะจะเข้าแข่งต่อในรอบ 8 ทีมสุดท้าย และนำไปสู่รอบรองชนะเลิศ นัดชิงอันดับที่สาม (แข่งจากผู้แพ้ในรอบรองชนะเลิศ) และนัดชิงชนะเลิศ == เจ้าภาพ == === ขั้นตอนการคัดเลือก === การคัดเลือกเจ้าภาพในครั้งแรก ๆ จัดขึ้นในการประชุมของสภาฟีฟ่า สถานที่การจัดการแข่งขันมักเกิดความขัดแย้งเนื่องจาก ทวีปอเมริกาใต้และยุโรป ไกลเกินกว่าจะเป็นศูนย์กลางของทีมที่แข็งแกร่งและต้องใช้เวลาในการเดินทางนาน 3 สัปดาห์ โดยเรือ การตัดสินใจเลือกประเทศอุรุกวัยเป็นประเทศเจ้าภาพครั้งแรกนั้น เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน มีทีมจากประเทศยุโรปเพียง 4 ทีมที่เข้าแข่งขัน ส่วนเจ้าภาพในอีก 2 ครั้งถัดมาจัดขึ้นในยุโรป ในการจัดการแข่งขันที่ประเทศเจ้าภาพคือ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งก็เกิดข้อขัดแย้งขึ้นมา เพราะจัดในฝั่งยุโรปเพื่อให้เข้าใจว่า สถานที่จัดนั้นจะสลับกันไปมาระหว่าง 2 ทวีป ซึ่งทั้งอาร์เจนตินาและอุรุกวัย คว่ำบาตรฟุตบอลโลก 1938 ตั้งแต่ฟุตบอลโลก 1958 เป็นต้นมา เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรและข้อขัดแย้งในอนาคต ฟีฟ่าได้เริ่มรูปแบบที่ชัดเจน โดยเลือกประเทศเจ้าภาพสลับกัน 2 ทวีป ระหว่างทวีปอเมริกาและยุโรป ดำเนินมาถึงฟุตบอลโลก 1998 จนฟุตบอลโลก 2002 ที่ประเทศเจ้าภาพคือเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในทวีปเอเชีย และเป็นครั้งเดียวของการแข่งขันที่จัดขึ้นโดยมีเจ้าภาพร่วมกัน และในฟุตบอลโลก 2010 แอฟริกาใต้ ก็เป็นชาติแรกในทวีปแอฟริกาที่ได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก ส่วนการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 จะจัดขึ้นที่ประเทศบราซิล เป็นเจ้าภาพครั้งแรกในทวีปอเมริกาใต้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1978 และถือเป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลกจัด 2 ครั้งติดต่อกัน นอกยุโรป การคัดเลือกประเทศเจ้าภาพจะผ่านการลงคะแนนจากคณะผู้บริหารระดับสูงของฟีฟ่า โดยการทำบัตรลงคะแนนที่รัดกุม สมาคมฟุตบอลแห่งชาติของแต่ละประเทศที่ต้องการเสนอตนเป็นเจ้าภาพ จะได้รับหนังสือ "ข้อตกลงการเป็นประเทศเจ้าภาพ" จากฟีฟ่า ที่อธิบายถึงขั้นตอนและสิ่งที่ต้องการและคาดหวังจากการประมูล สมาคมที่ประมูลก็ได้รับแบบฟอร์ม เรื่องการยอมรับเงื่อนไขต่าง ๆ ในการยืนยันอย่างเป็นทางการในการเป็นผู้เสนอตัวเป็นประเทศเจ้าภาพ หลังจากนั้นฟีฟ่าจะแต่งตั้งคณะผู้ตรวจสอบเดินทางไปประเทศที่เสนอตัว เพื่อตรวจสอบสิ่งที่ต้องการต่าง ๆ ในการจัดการแข่งขันและรายงานที่ประเทศนั้นอำนวยการสร้าง โดยการตัดสินใจคัดเลือกว่าประเทศใดเป็นประเทศเจ้าภาพนั้น โดยมากจะตัดสินใจล่วงหน้า 6-7 ปีก่อนปีที่จัด อย่างไรก็ตาม มีบางครั้งที่มีการประกาศประเทศเจ้าภาพหลายเจ้าภาพในเวลาเดียวกัน เช่นในกรณี ฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 และ 2014 เจ้าภาพที่เลือกจำกัดขึ้นเฉพาะประเทศที่เลือกจากเขตสมาพันธ์ (แอฟริกา ในฟุตบอลโลก 2010 และอเมริกาใต้ ในฟุตบอลโลก 2014) ที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ นโยบายการหมุนเวียนนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อพิพาท ที่เจ้าภาพเยอรมนีชนะการลงคะแนนเสียงเหนือแอฟริกาใต้ ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 อย่างไรก็ตามนโยบายการหมุนเวียนทวีป จะไม่มีต่อไปหลังปี 2014 ดังนั้นไม่ว่าจะประเทศใด (ยกเว้นประเทศที่เป็นเจ้าภาพ 2 ครั้งก่อน) ก็สามารถเสนอตัวเป็นประเทศเจ้าภาพฟุตบอลโลกได้ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018 ===ผลการแข่งขันของเจ้าภาพ=== ผู้ชนะในการแข่งขันฟุตบอลโลก 6 ทีม จาก 8 ทีมที่ได้รับตำแหน่งชนะเลิศในการเป็นเจ้าภาพ ยกเว้นทีมบราซิล ที่แพ้ในนัดชิงชนะเลิศในนัดที่บ้านเกิดในปี ค.ศ. 1950 และสเปน ที่ได้ที่ 2 ในบ้านเกิดในปี ค.ศ. 1982 ส่วนอังกฤษ (ค.ศ. 1966) และฝรั่งเศส (ค.ศ. 1998) ได้รับตำแหน่งชนะเลิศเพียงครั้งเดียวในครั้งที่ประเทศของตนเป็นประเทศเจ้าภาพ ในขณะที่อุรุกวัย (ค.ศ. 1930), อิตาลี (ค.ศ. 1934) และอาร์เจนตินา (ค.ศ. 1978) ชนะครั้งแรกในการเป็นประเทศเจ้าภาพ แต่ในปีถัดมาก็ได้รับตำแหน่งชนะเลิศอีก ขณะที่เยอรมนี (ค.ศ. 1974) ชนะเลิศครั้งที่ 2 ในครั้งที่เป็นประเทศเจ้าภาพ ส่วนชาติอื่นที่ประสบความสำเร็จในครั้งที่เป็นประเทศเจ้าภาพ เช่น สวีเดน (ที่ 2 ในปี ค.ศ. 1958), ชิลี (ที่ 3 ในปี ค.ศ. 1962), เกาหลีใต้ (ที่ 4 ในปี ค.ศ. 2002) และเม็กซิโก (รอบ 8 ทีมสุดท้ายทั้งในปี 1970 และ 1986) ทุกทีมที่เป็นเจ้าภาพ มีผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการแข่งขัน เว้นแต่ แอฟริกาใต้ (ค.ศ. 2010) ที่เป็นประเทศเจ้าภาพประเทศเดียวที่ตกรอบตั้งแต่รอบแรก == การจัดการและสื่อครอบคลุม == ฟุตบอลโลกเผยแพร่ภาพทางโทรทัศน์ครั้งแรกใน ค.ศ. 1954 และปัจจุบันถือเป็นรายการโทรทัศน์งานแข่งขันกีฬาที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก มากกว่างานแข่งขันโอลิมปิกเสียอีก โดยมีผู้ชมรวมในทุกนัดการแข่งขันของฟุตบอลโลก 2006 มีราว 26.29 พันล้านคน มีผู้ชม 715.1 ล้านคนเฉพาะในนัดตัดสิน (1 ใน 9 ของประชากรโลก) ส่วนในรอบคัดเลือกในรอบแบ่งกลุ่ม มีผู้ชม 300 ล้านคน การแข่งขันฟุตบอลโลกในแต่ละครั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1966 เป็นต้นมาจะมีสิ่งนำโชค (มาสคอต) หรือโลโก้ประจำของการแข่งขัน ซึ่งสิ่งนำโชคตัวแรกของฟุตบอลโลกคือ วิลลี สำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลก 1966 ส่วนในการแข่งขันฟุตบอลครั้งล่าสุด (2010) มีการออกแบบลูกฟุตบอล เป็นพิเศษสำหรับการแข่งขัน == ผลการแข่งขัน == {| class="wikitable" style="font-size:90%; width: 100%; text-align: center;" |- !width=150px|ปี !width=10%|เจ้าภาพ !width=15%|ชนะเลิศ !width=8%|ผลการแข่งขัน !width=15%|รองชนะเลิศ !width=15%|อันดับ 3 !width=8%|ผลการแข่งขัน !width=15%|อันดับ 4 |- align=center bgcolor=#F5FAFF |ฟุตบอลโลก 1930 |20px อุรุกวัย |20px อุรุกวัย |4 - 2 |20px อาร์เจนตินา |20px สหรัฐ | ไม่มี |20px ยูโกสลาเวีย |- align=center bgcolor=#D0E7FF |ฟุตบอลโลก 1934 |20px อิตาลี |20px อิตาลี |2 - 1ต่อเวลา |20px เชโกสโลวาเกีย |20px เยอรมนี |3 - 2 |20px ออสเตรีย |- align=center bgcolor=#F5FAFF |ฟุตบอลโลก 1938 |20px ฝรั่งเศส |20px อิตาลี |4 - 2 |20px ฮังการี |20px บราซิล |4 - 2 |20px สวีเดน |- align=center bgcolor=#FFE7D0 | colspan = 8| ค.ศ. 1942 และ ค.ศ. 1946 ไม่มีการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก เนื่องจากเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สอง |- align=center bgcolor=#D0E7FF |ฟุตบอลโลก 1950 |20px บราซิล |20px อุรุกวัย |2 - 1
thaiwikipedia
1,947
รัสเซีย (แก้ความกำกวม)
รัสเซีย (Russia) เป็นประเทศในทวีปยุโรปและเอเชีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สหพันธรัฐรัสเซีย:{Rθεα ξι}: รัสเซีย ยังอาจหมายถึง == รัฐ == อาณาจักรซาร์รัสเซีย ซึ่งมีอยู่ตั้งแต่ ค.ศ. 1547 ถึง 1721 จักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งมีอยู่ตั้งแต่ ค.ศ. 1721 กระทั่งการปฏิวัติรัสเซีย ค.ศ. 1917 สาธารณรัฐรัสเซีย รัฐปฏิวัติที่ปกครองโดยรัฐบาลเฉพาะกาลรัสเซียเป็นเวลาแปดเดือนใน ค.ศ. 1917 สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยรัสเซีย รัฐสหพันธ์ที่มีอยู่ในนามเป็นเวลาไม่ถึงหนึ่งวันใน ค.ศ. 1918 สหภาพโซเวียต รัฐสังคมนิยมที่มีอยู่ตั้งแต่ ค.ศ. 1922 ถึง 1991 * สหพันธ์สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตรัสเซีย อดีตสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดในอดีตสหภาพโซเวียต == อื่น ๆ == ภาษารัสเซีย รัสเซียศึกษา (Russian Studies)
thaiwikipedia
1,948
ข้อความคาดการณ์ของอ็อยเลอร์
ข้อความคาดการณ์ของอ็อยเลอร์ (Euler's conjecture) เป็นข้อความคาดการณ์ที่เกี่ยวข้องกับทฤษฎีบทสุดท้ายของแฟร์มา ซึ่งเสนอโดยเลอ็อนฮาร์ท อ็อยเลอร์ ใน พ.ศ. 2312 (ค.ศ. 1769) มีใจความว่า สำหรับจำนวนเต็ม n ที่มากกว่า 2, ผลบวกของจำนวนเต็มบวกยกกำลัง n จำนวน n-1 ตัว จะไม่เป็นจำนวนเต็มบวกยกกำลัง n ข้อความคาดการณ์นี้ถูกหักล้างโดย L. J. Lander และ T. R. Parkin ใน พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) เมื่อพวกเขาพบหลักฐานขัดแย้งในกรณีที่ n = 5 ดังนี้: : 275 + 845 + 1105 + 1335 = 1445 ใน พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) Noam Elkies ค้นพบวิธีที่จะสร้างหลักฐานขัดแย้งกรณีที่ n = 4 ซึ่งหลักฐานขัดแย้งที่น้อยที่สุดที่เขาหาได้ คือ : 26824404 + 153656394 + 187967604 = 206156734 ในเวลาต่อมา Roger Frye ได้ค้นพบหลักฐานขัดแย้งกรณีที่ n = 4 ที่น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยใช้คอมพิวเตอร์ค้นหาด้วยเทคนิคของ Elkies ดังนี้: : 958004 + 2175194 + 4145604 = 4224814 ทฤษฎีจำนวน ข้อความคาดการณ์
thaiwikipedia
1,949
เพลงชาติรัสเซีย
เพลงชาติสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นชื่อของเพลงชาติอย่างเป็นทางการของรัสเซีย องค์ประกอบทางดนตรีและเนื้อร้องของเพลงได้รับดัดแปลงมาจากเพลงชาติสหภาพโซเวียต ประพันธ์โดย อเล็กซันเดอร์ อเล็กซันดรอฟ และผู้แต่งบทร้อง เซียร์เกย์ มิฮัลคอฟ และกาบรีล เอล-เรกิสตัน เพลงชาติโซเวียตใช้ตั้งแต่ ค.ศ. 1944 โดยแทน "แองเตอร์นาซิอองนาล" ด้วยเพลงที่เน้นรัสเซียเป็นศูนย์กลางมากขึ้น เพลงชาติดังกล่าวถูกแก้ไขใน ค.ศ. 1956 เพื่อลบเนื้อร้องที่อ้างถึงอดีตผู้นำโซเวียต โจเซฟ สตาลิน เพลงดังกล่าวถูกแก้ไขอีกครั้งใน ค.ศ. 1977 เพื่อนำเนื้อร้องใหม่ที่เขียนโดยมิฮัลคอฟ รัสเซียมองหาเพลงชาติใหม่ใน ค.ศ. 1990 เพื่อเริ่มต้นใหม่หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เพลง "ปาทริโอติเชสกายา เปสนยา" ที่ไม่มีเนื้อร้อง ประพันธ์โดย มิฮาอิล กลินคา ซึ่งรับมาอย่างเป็นทางการใน ค.ศ. 1990 โดยสภาโซเวียตสูงสุดแห่งรัสเซีย และได้รับยืนยันใน ค.ศ. 1993 โดยประธานาธิบดีรัสเซีย บอริส เยลต์ซิน รัฐบาลสนับสนุนการประกวดเพื่อสร้างเนื้อร้องสำหรับเพลงชาติที่ไม่ได้รับความนิยมเพราะเพลงดังกล่าวไม่สามารถสร้างแรงบันดาลใจแก่นักกีฬารัสเซียในการแข่งขันระหว่างประเทศได้ แต่ไม่มีการเห็นชอบกับเนื้อร้องที่ส่งเข้าประกวดเลย ทำให้ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน รื้อฟื้นเพลงชาติโซเวียตอีกครั้งหนึ่ง รัฐบาลจัดการสนับสนุนการประกวดเนื้อร้องอีกครั้ง กระทั่งไปลงตัวที่การประพันธ์ของมิฮัลคอฟ ตามข้อมูลของรัฐบาล เนื้อร้องถูกเลือกเพื่อทำให้ระลึกถึงและสรรเสริญประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมรัสเซีย เพลงชาติใหม่ได้ใช้ในปลาย ค.ศ. 2000 และเป็นเพลงชาติที่สองที่ใช้ในรัสเซียนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียต แนวคิดของสาธารณะต่อเพลงชาตินั้นผสมผสานกันไปในหมู่ชาวรัสเซีย เพลงชาติทำให้บางคนระลึกถึงวันที่ดีที่สุดของรัสเซียและการเสียสละในอดีต ขณะที่ทำให้บางคนระลึกถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายใต้การปกครองของสตาลิน รัฐบาลรัสเซียยืนยันว่าเพลงชาติเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีในหมู่ประชาชน และเพลงนี้เคารพอดีต การสำรวจความเห็นใน ค.ศ. 2009 แสดงให้เห็นว่า ผู้ตอบ 56% รู้สึกภูมิใจเมื่อได้ยินเพลงชาติ และ 81% ชอบเพลงนี้ หากแม้จะมีแนวคิดบวกนี้ หลายคนจำเนื้อร้องไม่ได้ == เนื้อร้อง == === เนื้อร้องภาษารัสเซีย === == สื่อ == == หมายเหตุ == == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == แหล่งรวบรวมข้อมูลและไฟล์เสียง สัญลักษณ์ของสหพันธรัฐรัสเซีย (เว็บไซต์รัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซีย) เพลงสรรเสริญสหพันธรัฐรัสเซีย (เว็บไซต์รัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซีย) State Insignia – เพลงสรรเสริญสหพันธรัฐรัสเซีย (เว็บไซต์ประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย) เว็บไซต์พิพิธพันธ์เพลงชาติรัสเซีย เพลงสรรเสริญสหพันธรัฐรัสเซีย (พร้อมเนื้อร้อง) Haunting Europe – an overview, with audio, of the history of the Russian and Soviet national anthems throughout the twentieth century เพลงชาติรัสเซีย เพลงภาษารัสเซีย
thaiwikipedia
1,950
ภาษามัลดีฟส์
ภาษามัลดีฟส์ (Maldivian language) เป็นภาษากลุ่มอินโด-อารยันและเป็นภาษาราชการของประเทศมัลดีฟส์ มีคนพูดประมาณ 300,000 คน ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในมัลดีฟส์ รวมทั้งภาษามาห์ล (Mahl dialect) ที่ใช้ในลักษทวีป ซึ่งเป็นดินแดนสหภาพของอินเดีย เรียกชื่อต่างกันด้วยเหตุผลทางการเมือง ภาษาที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาของภาษามัลดีฟส์มีหลายภาษา โดยเฉพาะภาษาอาหรับ ที่เข้ามาพร้อมกับศาสนาอิสลาม รวมทั้ง ภาษาสิงหล ภาษามลยาฬัม ภาษาฮินดี ภาษาฝรั่งเศส ภาษาเปอร์เซีย ภาษาโปรตุเกส และ ภาษาอังกฤษ คาดว่าภาษามัลดีฟส์และภาษาสิงหลสืบมาจากภาษาเดียวกัน ซึ่งได้สูญพันธุ์ไป เมื่อเกิดภาษาใหม่ 2 ภาษาในช่วงประมาณ พ.ศ. 43 ผู้ศึกษาภาษานี้เป็นคนแรกคือ H. C. P. Bell เขาตั้งชื่อภาษานี้ว่า Divehi มาจาก –dives ของชื่อประเทศคือ Maldives คำว่ามัลดีฟส์นี้มีรากศัพท์มาจากคำเดียวกับทวีป (dvīp) ซึ่งหมายถึงเกาะในภาษาสันสกฤต นักภาษาศาสตร์ที่ทำวิจัยเกี่ยวกับภาษามัลดีฟส์เป็นคนแรกคือ Wilhelm Geiger ชาวเยอรมัน == จุดกำเนิด == ภาษามัลดีฟส์เป็นภาษากลุ่มอินโด-อารยันใกล้เคียงกับภาษาสิงหลในประเทศศรีลังกา จัดเป็นภาษากลุ่มอินโด-อารยันที่อยู่ใต้สุด ภาษามัลดีฟส์มีลักษณะเฉพาะเช่นเดียวกับภาษาสิงหล ซึ่งเรียกรวมกันว่าภาษาอินโด-อารยันหมู่เกาะ ในช่วงแรกเชื่อว่าภาษามัลดีฟส์เป็นลูกหลานของภาษาสิงหล ใน พ.ศ. 2512 M. W. S. de Silva เสนอว่าภาษาสิงหลและภาษามัลดีฟส์แตกแขนงออกมาจากภาษาแม่ที่เป็นภาษาปรากฤต ตระกูลภาษาดราวิเดียนมีอิทธิพลต่อภาษามัลดีฟส์โดยเฉพาะชื่อโบราณ ทฤษฎีของ De Silva ได้รับการสนับสนุนจากตำนานของเจ้าชายวิชัยที่อพยพจากอินเดียยังศรีลังกาและแผ่อิทธิพลไปถึงมัลดีฟส์ == ความหลากหลายของภาษา == เมื่อภาษาได้แพร่ไปตลอดหมู่เกาะได้เกิดความแตกต่างทางด้านคำศัพท์ และการออกเสียงขึ้น เนื่องจากเกาะอยู่ไกลกันมาก โดยเฉพาะระหว่างเกาะตอนเหนือและตอนใต้ คนในมาเล (Malé) ไม่สามารถเข้าใจภาษาย่อยที่ใช้ในหมู่เกาะอัดดุ (Addu) ได้สำเนียงมาตรฐานคือสำเนียงมาเลที่ใช้พูดในเมืองหลวง สำเนียงที่สำคัญของภาษานี้มักพบทางตอนใต้ได้แก่ ฮูวาดุ ฟูอะ มูลากุ และอัดดุ มีเฉพาะสำเนียงมาเลและสำเนียงมาลิกุเท่านั้นที่ใช้ในการเขียน สำเนียงอื่นใช้เฉพาะการพูดและการร้องเพลง สำเนียงโมโลกิที่ใช้พูดในเกาะฟุวะห์มุละห์ต่างจากสำเนียงมาเลที่มีเสียง 'l' เป็นตัวสะกด (ލް) มีเสียง 'o' ท้ายคำ แทนที่เสียง 'u' เช่น 'fannu' กลายเป็น 'fanno' อักษรนะวิยะนิ (ޱ) ซึ่งใช้แทนเสียงม้วนลิ้นของ "n" พบมากในภาษาในอินเดีย เช่นภาษาสิงหล ภาษาคุชราต ภาษาฮินดี ถูกตัดออกจากการเขียนมาตรฐานของภาษามัลดีฟส์ เมื่อ พ.ศ. 2493 ปัจจุบันจะพบได้เฉพาะในเอกสารโบราณหรือการเขียนของสำเนียงอัดดุ == ระดับชั้นของภาษา == ภาษามัลดีฟส์มีการแบ่งระดับชั้นของภาษาชัดเจนโดยมีระดับของภาษา 3 ระดับ คือ ระดับแรก รีทิ บัส (reethi bas) หรือ อาเธ-วดัยเนฟวุน (aadhe-vadainevvun) ในอดีตใช้ติดต่อกับชนชั้นสูงและราชวงศ์ แต่ปัจจุบันใช้ในวิทยุโทรทัศน์ ในการแสดงความเคารพต่อผู้สูงอายุ เจ้าหน้าที่ และคนแปลกหน้า จะใช้ระดับที่ 2 คือ ลับบา-ธุรุวุน (labba-dhuruvun) คนส่วนใหญ่ใช้ระดับที่ 3 ที่เป็นระดับกันเองในชีวิตประจำวัน == ระบบการเขียน == อักษรที่ใช้เขียนภาษามัลดีฟส์มี 2 ชนิด ชนิดที่ใช้ในปัจจุบันเรียกว่าอักษรทานะ (Thaana) เขียนจากขวาไปซ้าย ส่วนอักษรดั้งเดิมเรียกอักษรดิเวส อกุรุ (Dhives Akuru) ซึ่งเขียนจากซ้ายไปขวา อักษรดิเวส อกุรุ ใช้ในทุกเกาะจนถึงช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และการมาถึงของศาสนาอิสลาม แต่ยังคงใช้ในการติดต่อกับหมู่เกาะอัดดุ จนถึงช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ตอนต้น และยังคงใช้ในเกาะที่ห่างไกลและหมู่บ้านในชนบทจนถึงทศวรรษ 1960 คนที่ใช้เป็นอักษรแม่คนสุดท้ายตายในช่วงทศวรรษ 1990 และปัจจุบัน ส่วนใหญ่ชาวมัลดีฟส์ไม่ได้เรียนอักษรดิเวส อกุรุ กันทุกคน แต่คนที่เรียนจะเรียนเป็นอักษรที่ 2 อัตราการเรียนรู้หนังสือสูงมาก (98%) เมื่อเทียบกับประเทศในเอเชียใต้ประเทศอื่น ๆ ตั้งแต่ทศวรรษ 1960 ในการสอนหนังสือในโรงเรียนส่วนใหญ่ใช้ภาษาอังกฤษ แต่ก็ยังคงมีการสอนหนังสือภาษามัลดีฟส์ และใช้ในการปกครอง มัลดีฟส์
thaiwikipedia
1,951
30 พฤษภาคม
วันที่ 30 พฤษภาคม เป็นวันที่ 150 ของปี (วันที่ 151 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 215 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 1974 (ค.ศ. 1431) - สงครามร้อยปี: โยนออฟอาร์ค ถูกประหารชีวิตด้วยการเผาทั้งเป็น ณ เมืองรูอ็อง ประเทศฝรั่งเศส พ.ศ. 2117 (ค.ศ. 1574) - พระเจ้าเฮนริก วาเลซีแห่งโปแลนด์ ขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าอ็องรีที่ 3 แห่งฝรั่งเศส พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) - ก่อตั้งสมาคมบูดี โอโตโม ในอินโดนีเซีย พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) - การแข่งรถอินดีแอนาพอลิส 500 จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่สนามแข่งรถอินดีแอนาพอลิสมอเตอร์สปีดเวย์ ในเมืองสปีดเวย์ รัฐอินดีแอนา สหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) - สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิเสด็จไปร่วมพิธีสำเร็จการศึกษาของโรงเรียนเตรียมทหารในสังกัดกองทัพบก ทรงตรวจแถวนักเรียนที่เพิ่งจบ และพระราชทานปริญญาบัตร พ.ศ. 2457 (ค.ศ. 1914) - พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ โรงพยาบาลแห่งแรกของสภากาชาดไทย พ.ศ. 2478 (ค.ศ. 1935) - เบบ รูธลงแข่งขันเบสบอลเป็นครั้งสุดท้ายภายใต้ทีม Boston Braves พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) - * ในสงครามโลกครั้งที่ 2: ประเทศเยอรมนีบุกเข้ายึดครองเมืองครีต * พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต ณ ประเทศอังกฤษ พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - สงครามโลกครั้งที่ 2: กองทัพอังกฤษทิ้งระเบิด 1,000 ลูกโจมตีเมืองโคโลญในประเทศเยอรมนีเป็นเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - สเปนได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกลำดับที่ 16 ขององค์การนาโต พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่ภาคเหนือของอัฟกานิสถาน โดยวัดขนาดได้ 6.6 คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 5,000 คน พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - กองกำลัง ELN บุกยึดโบสถ์เมืองอาร์ดิน ประเทศโคลัมเบียเพื่อจับตัวประกัน 160 คนไปเรียกค่าไถ่ ในวันต่อมาได้ปล่อยตัวประกัน 80 คน พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) - สนามอัลลิอันซ์อาเรนา เปืดใช้งานเป็นวันแรก พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) - คดียุบพรรค : ตุลาการรัฐธรรมนูญมีมติยกคำร้องพรรคประชาธิปัตย์ และยุบพรรคไทยรักไทย, พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า, พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคพลังแผ่นดิน พ.ศ. 2565 - คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้วันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปีเป็น วันผ้าไทยแห่งชาติ == วันเกิด == พ.ศ. 1553 (ค.ศ. 1010) - จักรพรรดิซ่งเหรินจง (สวรรคต 30 เมษายน พ.ศ. 1606) พ.ศ. 2357 (ค.ศ. 1814) - มีฮาอิล บาคูนิน นักคิดและนักปฏิวัติชาวรัสเซีย (ถึงแก่กรรม 19 มิถุนายน พ.ศ. 2419) พ.ศ. 2423 (ค.ศ. 1880) - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรพัทธ์ประไพ (สิ้นพระชนม์ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2473) พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 1896) - ฮาเวิร์ด ฮอว์กส ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 26 ธันวาคม พ.ศ. 2520) พ.ศ. 2452 (ค.ศ. 1909) - เบนนี กูดแมน นักดนตรีเพลงแจ๊สและผู้นำวงออร์เคสตราชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 13 มิถุนายน พ.ศ. 2529) พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) - ฮิว กริฟฟิท นักแสดงชาวเวลส์ (ถึงแก่กรรม 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2523) พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) - อเล็กซี ลีโอนอฟ นักบินอวกาศชาวรัสเซีย (เสียชีวิต 11 ตุลาคม พ.ศ. 2562) พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - อดุลย์ ศรีโสธร นักมวยไทย (เสียชีวิต 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2519) พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) - ศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการอังก์ถัด พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) - อัมรินทร์ นิติพน นักร้อง/นักแสดง/พิธีกร/นักกอล์ฟชาวไทย พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - โซอิชิโร โฮะชิ นักพากย์ชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - แคท รัตกาล นักร้องเพลงลูกทุ่งหญิงไทย พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - * มิลาน เดวิช อดีตผู้รักษาประตูฟุตบอลชาวเซอร์เบีย * อเดบาโย กาเดโบ อดีตนักฟุตบอลชาวไนจีเรีย พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - กุลณัฐ กุลปรียาวัฒน์ นักแสดงหญิงชาวไทย พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - *กิตติ เชี่ยววงศ์กุล นักแสดง นักเขียน และผู้กำกับชาวไทย * รุ้งลาวัณย์ โทนะหงษา นักแสดงชาวไทย * อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องชาวไทย * ไทสัน ส. จาตุรงค์ นักมวยชาวไทย * ริเอะ คุงิมิยะ นักพากย์ชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - สตีเวน เจอร์ราร์ด นักฟุตบอลชาวอังกฤษ พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - อินทรัตน์ อภิญญากุล นักฟุตบอลระดับอาชีพชาวไทย พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - เจนนิเฟอร์ วิงเกต นักแสดงโทรทัศน์ชาวอินเดีย พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - ภัณฑิลา ฟูกลิ่น นักแสดง นักร้อง และนักจัดรายการวิทยุชาวไทย พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - * ปีเตอร์ คูรุซ นักฟุตบอลชาวฮังการี * กมลวรรณ ศรีวิไล นักแสดงหญิงชาวไทย พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - * คิซูนะ ซากูระ นักธุรกิจชาวญี่ปุ่น * ไอลี นักร้องและนักแต่งเพลงเคป็อปชาวเกาหลีใต้ * ฮโยมิน นักร้องและนักแสดงชาวเกาหลีใต้ พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - อิม ยุน-อา นักร้องและนักแสดงชาวเกาหลีใต้ พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - * ศิรภัสรา สินตระการผล ศิลปินหญิงชาวไทย * ร็อบซง ดูซ ซังตูซ เฟร์นังดีส นักฟุตบอลชาวบราซิล พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - สารัช อยู่เย็น นักฟุตบอลชาวไทย พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - อะเลคซันดร์ โกโลวิน (นักฟุตบอล) นักฟุตบอลชาวรัสเซีย พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - เอ็ดดี เอ็นเคเตียห์ นักฟุตบอลชาวอังกฤษ พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - อาณัชญา สุพุทธิพงศ์ นักร้องชาวไทย == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 1974 (ค.ศ. 1431) - โยนออฟอาร์ค นักบุญและแม่ทัพชาวฝรั่งเศส (เกิด 6 มกราคม พ.ศ. 1954) พ.ศ. 2117 (ค.ศ. 1574) - พระเจ้าชาร์ลที่ 9 แห่งฝรั่งเศส พ.ศ. 2321 (ค.ศ. 1778) - วอลแตร์ นักปรัชญาและนักประพันธ์ชาวฝรั่งเศส (เกิด 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2237) พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) - พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระราชสมภพ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2436) พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - เจ้ากาวิละวงศ์ ณ เชียงใหม่ เจ้านายฝ่ายเหนือ พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - เท็ด เดรก นักฟุตบอลและผู้จัดการทีมชาวอังกฤษ (เกิด 16 สิงหาคม พ.ศ. 2455) พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - สมพงษ์ พงษ์มิตร นักแสดงตลกชาวไทย ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (เกิด 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2462) พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) - กาญจนา นาคนันทน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (เกิด 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2464) พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) - โบ ไบเดน อัยการสูงสุดแห่งรัฐเดลาแวร์คนที่ 44 (เกิด 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == โรมันคาทอลิก - วันฉลองนักบุญโยนออฟอาร์ค และนักบุญพระเจ้าเฟร์นันโดที่ 3 แห่งกัสติยา ประเทศไทย - วันพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day พฤษภาคม 30 พฤษภาคม
thaiwikipedia
1,952
จังหวัดอำนาจเจริญ
อำนาจเจริญ เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานจากการค้นพบแหล่งชุมชนโบราณ โบราณสถาน และโบราณวัตถุตามที่กรมศิลปากรค้นพบและสันนิษฐานไว้ตามหลักฐานทางโบราณคดี (ใบเสมาอายุราว 1,000 ปี) และได้ตั้งเป็นเมืองมานานหลายร้อยปี ได้รับการจัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2536 พร้อมกับจังหวัดหนองบัวลำภูและจังหวัดสระแก้ว เดิมเป็นอำเภอในจังหวัดอุบลราชธานี ประกอบด้วยอำเภออำนาจเจริญ (ปัจจุบันคืออำเภอเมืองอำนาจเจริญ) อำเภอชานุมาน อำเภอปทุมราชวงศา อำเภอพนา อำเภอหัวตะพาน อำเภอเสนางคนิคม และกิ่งอำเภอลืออำนาจ (ปัจจุบันคืออำเภอลืออำนาจ) คำว่าอำนาจเจริญเป็นคำยืมจากภาษาเขมร มีความหมายตามตัว คือ อำนาจเจริญ เมืองที่มีสมญานามว่า เมืองข้าวหอมโอชา ถิ่นเสมาพันปี == อาณาเขต == ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดยโสธรและจังหวัดมุกดาหาร ทิศตะวันออก ติดต่อกับประเทศลาว (โดยมีแม่น้ำโขงไหลคั่น) และจังหวัดอุบลราชธานี ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดอุบลราชธานี ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดยโสธร == ประวัติศาสตร์ == เมื่อปี พ.ศ. 2357 เจ้าพระพรหมวรราชสุริยวงศ์ เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนที่ 2 (ต้นสายสกุล "พรหมวงศานนท์" ) ได้มีใบบอกลงไปกราบทูลพระกรุณาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ขอพระราชทานตั้งบ้านโคกก่งดงพะเนียง เป็นเมืองเขมราษฎร์ธานี พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะบ้านโคกก่งดงพะเนียงขึ้นเป็นเมือง ตามที่พระพรหมวรราชสุริยวงศากราบทูล และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อุปราช (ก่ำ) พระโอรสพระวอ เป็นที่พระเทพวงศา (ก่ำ) (2357-2369) ต่อมาในปี พ.ศ. 2369 เกิดศึกระหว่างกรุงเทพมหานครกับกองทัพเจ้าอนุวงศ์ เจ้านครจำปาศักดิ์ได้ยกทัพมายึดเมืองเขมราษฎร์ธานี ขอให้พระเทพวงศา (ก่ำ) เข้าเป็นพวกด้วย แต่พระเทพวงศาไม่ยอมจึงถูกประหารชีวิต พระเทพวงศา (ก่ำ) มีบุตร 4 คน บุตรชายคนหนึ่งคือพระเทพวงศา (บุญจันทร์) มีบุตรชาย 2 คน คือ ท้าวบุญสิงห์และท้าวบุญชัย ต่อมาท้าวบุญสิงห์ได้เป็นเจ้าเมืองเขมราษฎร์ธานี มียศเป็นพระเทพวงศา (บุญสิงห์) มีบุตรชาย 2 คน คือ ท้าวเสือและท้าวพ่วย ต่อมาท้าวพ่วยได้รับการแต่งตั้งเป็นท้าวขัตติยะ และเป็นเจ้าเมืองเขมราษฎร์ธานีลำดับที่ 5 ตำแหน่งพระเทพวงศา (พ่วย) ส่วนท้าวเสือได้รับยศเป็นท้าวจันทบุฮมหรือจันทบรม ต่อมาในปี พ.ศ. 2401 ท้าวจันทบรม (เสือ) ได้มีใบกราบบังคมทูลทรงกรุณาทราบ ขอยกฐานะบ้านค้อใหญ่ (ปัจจุบันอยู่ในท้องที่อำเภอลืออำนาจ) ขึ้นเป็นเมือง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะบ้านค้อใหญ่ขึ้นเป็นเมือง พระราชทานนามว่า เมืองอำนาจเจริญ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ท้าวจันทบรม (เสือ) บุตรพระเทพวงศา บุญสิงห์) พระประเทศราชผู้ครองเมืองเขมราษฎร์ธานี องค์ที่ 4 มีศักดิ์เป็นเหลนพระวรราชภักดี ผู้ครองนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน พระองค์ที่ 3 อันสืบมาจากราชวงศ์แสนทิพย์นาบัว โดยมีเจ้าอุปราชนองเป็นปฐมวงศ์ เป็นที่พระอมรอำนาจ (เสือ) ต้นสายสกุลอมรสิน และอมรสิงห์ ดังปรากฏตราสารตั้งเจ้าเมืองอำนาจเจริญ เมืองอำนาจเจริญจึงได้รับการสถาปนาเป็นเมืองตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา โดยขึ้นการบังคับบัญชาของเจ้าเมืองเขมราษฎร์ธานี ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงปฏิรูปการปกครองให้เข้าสู่ระบบการบริหารราชการแผ่นดินแบบยุโรปตามแบบสากล เป็นเทศาภิบาล เมื่อ พ.ศ. 2429-2454 โดยยกเลิกการปกครองแบบเดิมที่ให้มีเจ้าเมือง อุปราช ราชวงศ์ และราชบุตร ที่เรียกว่า อาญาสี่ นับแต่ พ.ศ. 2429-2454 ได้ยกเลิกการปกครองแบบเก่า คือ ยกเลิกตำแหน่งอาญาสี่สืบสกุลในการเป็นเจ้าเมืองนั้นเสีย จัดให้ข้าราชการจากราชสำนักในกรุงเทพมหานครมาปกครอง เปลี่ยนชื่อตำแหน่งผู้ปกครองจากเจ้าเมืองมาเป็นผู้ว่าราชการเมืองแทน และปรับปรุงการปกครองหัวเมืองมณฑลอีสาน จึงยุบเมืองเล็กเมืองน้อยรวมเป็นเมืองใหญ่ ยุบเมืองเป็นอำเภอ เช่น เมืองเขมราษฎร์ธานี เมืองยศสุนทร (ยโสธร) เมืองฟ้าหยาด (มหาชนะชัย) เมืองลุมพุก (คำเขื่อนแก้ว) เมืองขุหลุ (ตระการพืชผล) เมืองอำนาจเจริญ ไปขึ้นการปกครองกับเมืองอุบลราชธานี ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา อำเภออำนาจเจริญ จึงได้แต่งตั้งนายอำเภอปกครอง นายอำเภอคนแรก คือ รองอำมาตย์โทหลวงเอนกอำนาจ (เป้ย สุวรรณกูฏ) พ.ศ. 2454-2459 ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2459 ย้ายตัวอำเภอจากที่เดิม (บ้านค้อ บ้านอำนาจ อำเภอลืออำนาจในปัจจุบัน) มาตั้ง ณ ตำบลบุ่งซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองในปัจจุบัน ตามคำแนะนำของพระยาสุนทรพิพิธ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขามณฑลอีสาน ได้เดินทางมาตรวจราชการโดยใช้เกวียนเป็นพาหนะ มีความเห็นว่าหากย้ายอำเภอมาตั้งใหม่ที่บ้านบุ่งซึ่งเป็นชุมชนและชุมทางสี่แยกระหว่างเมืองอุบลราชธานีกับมุกดาหาร และเมืองเขมราฐกับเมืองยศ (ยโสธร) โดยคาดว่าจะมีความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปในอนาคต โดยใช้ชื่อว่า อำเภอบุ่ง [เสนอแนะย้ายพร้อมกับอำเภอเดชอุดม ย้ายจากเมืองขุขันธ์ (ในเขตจังหวัดศรีสะเกษปัจจุบัน) มาขึ้นกับจังหวัดอุบลราชธานี] และยุบเมืองอำนาจเจริญเดิมเป็นตำบลชื่อว่าตำบลอำนาจ ซึ่งชาวบ้านนิยมเรียกว่า "เมืองอำนาจน้อย" อยู่ในเขตท้องที่อำเภอลืออำนาจในปัจจุบัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2482 จึงเปลี่ยนชื่อจากอำเภอบุ่งเป็น "อำเภออำนาจเจริญ" ขึ้นการปกครองกับจังหวัดอุบลราชธานี ต่อมาได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดอำนาจเจริญ พุทธศักราช 2536 ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2536 ตรงกับวันพุธ แรม 3 ค่ำ เดือน 12 ปีระกา ให้แยกอำเภออำนาจเจริญ อำเภอชานุมาน อำเภอปทุมราชวงศา อำเภอพนา อำเภอหัวตะพาน อำเภอเสนางคนิคม และกิ่งอำเภอลืออำนาจ (ปัจจุบันอำเภอลืออำนาจ) รวม 6 อำเภอ 1 กิ่งอำเภอ ออกจากการปกครองจังหวัดอุบลราชธานีรวมกันขึ้นเป็นจังหวัดใหม่ชื่อว่า จังหวัดอำนาจเจริญ เป็นจังหวัดลำดับที่ 76 ของประเทศไทยและยกฐานะอำเภออำนาจเจริญเป็น อำเภอเมืองอำนาจเจริญ (ราชกิจจานุเบกษา ฉบับพิเศษ หน้า 4-5-6 เล่ม 110 ตอนที่ 125 ลงวันที่ 2 กันยายน 2536) ==พัฒนาการทางประวัติศาสตร์== จังหวัดอำนาจเจริญ มีหลักฐานหลายอย่างที่แสดงว่า เคยมีมนุษย์มาตั้งถิ่นฐานอยู่ตามยุคสมัยต่าง ๆ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์มาถึงยุคปัจจุบัน ผ่านฐานะการเป็นบ้านเมืองมาหลายระดับ จากชุมชนโบราณมา เป็นบ้านเมือง พื้นที่ของจังหวัดอยู่ในเขตแอ่งโคราช อาณาเขตด้านตะวันออกติดกับแม่น้ำโขง ทางด้านทิศใต้คลุมลำเซบก อยู่ใกล้กับลุ่มแม่น้ำมูลตอนบน ทางทิศตะวันตกติดกับลำเซบาย อยู่ใกล้กับลุ่มแม่น้ำชี ลำน้ำทั้งหลายดังกล่าวเป็นเส้นทางสำคัญของการแพร่กระจายอารยธรรม จากรัฐอื่น ๆ มาสู่แอ่งโคราชและแอ่งสกลนคร และสืบเนื่องมาถึงบริเวณที่เป็นพื้นที่ของจังหวัดในปัจจุบัน ==การตั้งถิ่นฐาน== === ยุคก่อนประวัติศาสตร์=== จากการสำรวจแหล่งโบราณคดีหลายแห่ง ที่มีอยู่ในเขตจังหวัด เช่น แหล่งโบราณคดีบ้านโพนเมือง ตำบลไม้กลอน อำเภอพนา แหล่งโบราณคดีโนนเมือง บ้านกุดซวย ตำบลคำพระ อำเภอหัวตะพาน แหล่งโบราณคดีโนนยาง บ้านดอนเมย ตำบลดอนเมย อำเภอเมือง ฯ และแหล่งโบราณคดีโนนงิ้ว บ่านชาด ตำบลเค็งใหญ่ อำเภอหัวตะพาน เป็นต้น ได้พบขวานสำริด เครื่องประดับที่ทำด้วยสำริด ปรากฏว่ามีลักษณะคล้ายกับโบราณวัตถุที่พบในวัฒนธรรมบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี และพื้นที่ที่เป็นบริเวณแหล่งโบราณคดี มีลักษณะเป็นเนินดินรูปร่างกลมบ้าง รีบ้าง พร้อมทั้งมีคันดินล้อมรอบเนินดิน ซึ่งลักษณะดังกล่าวเป็นลักษณะของชุมชนโบราณ เมื่อพิจารณาพื้นที่ที่เป็นแหล่งโบราณคดี และโบราณวัตถุ ที่ขุดพบในเขตจังหวัด แสดงว่าเคยมีมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ตั้งถิ่นฐานอยู่เมื่อ 3,000 - 10,000 ปี มาแล้ว โดยมีหลักฐานภาพเขียนสีบนหน้าผา เป็นข้อสันนิษฐาน กล่าวคือ ภาพเขียนสีบนหน้าผาของภูผาแต้ม ในอุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งอยู่ติดชายเขตจังหวัดอำนาจเจริญ ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ มีลักษณะร่วมสมัยกับภาพเขียนสีที่ผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบล ฯ มีตำนานพื้นบ้านบางเรื่อง เช่น ผาแดงนางไอ่ และตำนานอุรังคธาตุ ได้กล่าวถึงชุมชนนาคว่า เคยมีอิทธิพลอยู่ในพื้นที่ภาคอีสานของไทย === ยุคประวัติศาสตร์=== มีบางท่านกล่าวว่าเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 ชาวอินเดียได้เดินทางด้วยเรือเพื่อมาค้าขายในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านทะเลมาทางเกาะชวา เข้าสู่ประเทศไทยสองสายคือ ทางหนึ่งเข้ามาตามลำน้ำเจ้าพระยา ผ่านเข้าเขตเมืองนครสวรรค์ ผ่านอาณาจักรศรีจนาศะ สู่ภาคอีสานด้านที่ราบสูงโคราช แล้วกระจายสู่ลุ่มน้ำมูล - ชี อีกสายหนึ่งเข้ามาทางจังหวัดปราจีนบุรี ผ่านอำเภอกบินทรบุรี ข้ามช่องเขาเข้าสู่ภาคอีสาน ทางอำเภอปักธงชัย สู่ที่ราบลุ่มแม่น้ำมูล และแม่น้ำโขง การเข้ามาของชาวอินเดีย ในครั้งนั้นได้นำเอาวัฒนธรรมแบบทวารวดี ที่สัมพันธ์กับพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน และวัฒนธรรมเจนละ หรือขอม ก่อนเมืองพระนคร ที่สัมพันธ์กับคติความเชื่อแบบฮินดู และพราหมณ์เข้ามาเผยแพร่ในลุ่มน้ำมูล น้ำชี และน้ำโขง ต่อมาวัฒนธรรมดังกล่าวได้แพร่เข้าสู่เขตจังหวัดอำนาจเจริญทางแม่น้ำโขง แม่น้ำมูลตอนล่าง และแม่น้ำชีตอนล่าง แล้วกระจายไปตามลำเซบก และลำเซบาย ดังนั้นคนพื้นเมืองที่อยู่มาก่อนได้แก่ พวกข่า กวย และส่วย จึงเป็นกลุ่มชนแรก ในเขตจังหวัดอำนาจเจริญ ที่รับเอาวัฒนธรรมแบบทวารวดี และเจนละไว้ จากการสำรวจแหล่งโบราณคดีในเขตจังหวัดอำนาจเจริญ แสดงให้เห็นว่ากลุ่มชนในสมัยทวารวดี ซึ่งเคยรุ่งเรืองอยู่ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12 – 15 ได้แก่ พระพุทธรูปปางประทานอภัย สมัยทวาวรดี พบที่แหล่งโบราณคดีบ้านโพนเมือง ตำบลไม้กลอน อำเภอพนา ใบเสมาหินทรายสลักรูปหม้อน้ำ และธรรมจักร สมัยทวารวดี พบที่แหล่งโบราณคดีดงเฒ่าเก่า บ้านนาหมอม้า อำเภอเมือง ฯ อิทธิพลวัฒนธรรมทวารวดี มีพื้นฐานมาจากวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนา โบราณวัตถุที่พบในเขตจังหวัดอำนาจเจริญ เช่น พระพุทธรูป และใบเสมาหินทราย สมัยทวารวดี ล้วนสร้างขึ้นมาตามคติทางพระพุทธศาสนา นอกจากกลุ่มชนในสมัยทวารวดี จะเคยตั้งถิ่นฐานในเขตจังหวัดอำนาจเจริญแล้ว กลุ่มชนในสมัยวัฒนธรรมเจนละ หรือขอม ก่อนเมืองพระนคร ก็เคยตั้งถิ่นฐานอยู่ในเขตจังหวัดอำนาจเจริญ ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 12 – 15 === สมัยวัฒนธรรมไทย - ลาว ถึงปัจจุบัน=== อิทธิพลของวัฒนธรรมทวารวดี และเจนละสิ้นสุดลงเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 จนถึง พ.ศ. 2254 - 2263 จึงปรากฏหลักฐานกลุ่มชนไทย - ลาว อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเขตจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งมีอยู่สามกลุ่มด้วยกันคือ กลุ่มแรก มาจากกรุงศรีสัตนาคนหุตเวียงจันทน์ พร้อมกับพระครูโพนเสม็ด เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2233 ลงมาตามลำแม่น้ำโขงจนถึงเมืองนครจัมปาศักดิ์ มาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านทรายมูล และบ้านดอนหนองเมือง ต่อมากลายเป็นบ้านพระเหลา และเมืองพนานิคม หรืออำเภอพนา ในปัจจุบัน กลุ่มที่สอง กลุ่มนี้อพยพหนีภัยสงครามของกลุ่มพระวอ บุตรเจ้าอุปราชนอง (พ.ศ. 2313 - 2319) จากเมืองหนองบัวลำภู ผ่านมาทางบ้านสิงห์ท่า หรือเมืองยโสธร สู่นครจำปาศักดิ์ แล้วกลับมาบ้านดอนมดแดง ซึ่งปัจจุบันคือ จังหวัดอุบลราชธานี กลุ่มที่สาม อพยพเข้ามาเนื่องจากกบฏเจ้าอนุวงศ์ และการเกลี้ยกล่อมตามนโยบายให้คนพื้นเมืองปกครอง คนพื้นเมือง ตามแนวความคิดของ พระสุนทรราชวงศา (บุต) เจ้าเมืองยโสธร กลุ่มดังกล่าวได้แก่ ชาวลาว ชาวไทโย่ย ชาวไทแสก ชาวไทญอ และชาวผู้ไท ซึ่งอยู่ติดกับแดนญวน ซึ่งเรียกว่า หัวเมืองพวน ได้อพยพจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง เข้ามาตั้งบ้านเรือนทั่วภาคอีสานของไทย ===การตั้งเมืองอำนาจเจริญ=== ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้า ฯ ให้ยกฐานะบ้านค้อใหญ่ ขึ้นเป็นเมืองอำนาจเจริญ เมื่อปี พ.ศ. 2401 ให้ท้าวจันทบุรบ (เสือ) เป็น พระอมรอำนาจ เจ้าเมือง ขึ้นกับเมืองเขมราฐธานี ลำดับพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เมื่อบ้านค้อใหญ่ได้รับการยกฐานะเป็นเมืองอำนาจเจริญ มีเหตุการณ์ทางด้านการเมือง การปกครอง เกี่ยวข้องดังนี้ พ.ศ. 2410 เมืองอำนาจเจริญขอขึ้นกับเมืองอุบล ฯ พระอมรอำนาจมีใบบอกมายังกรุงเทพฯ ขอให้เมืองอำนาจเจริญขึ้นกับเมืองอุบล ฯ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานให้ตามที่ขอ พ.ศ. 2422 ตั้งเมืองชานุมานมณฑล และเมืองพนานิคม พ.ศ. 2430 - 2431 เมืองอำนาจเจริญต้องส่งส่วย 2 ปี เป็นเงิน 23 ชั่ง 14 ตำลึง และ 27 ชั่ง 15 ตำลึง ตามลำดับ พ.ศ. 2433 เมืองอำนาจเจริญขึ้นกับหัวเมืองลาวฝ่ายตะวันออกเฉียงเหนือ พ.ศ. 2434 เมืองอำนาจเจริญขึ้นกับหัวเมืองลาวกาว เนื่องจากช่วงเวลานั้นฝรั่งเศสได้ญวน และเขมรไว้ในครอบครอง อังกฤษได้พม่าไว้ในครอบครอง และได้จัดระเบียบการปกครองให้เหมาะสม ทำให้ราษฎรไทยที่อยู่ตามชายแดนที่ติดกับญวน เขมร และพม่า เกิดความสับสนเพราะระเบียบการปกครองไม่เหมือนกัน ทางกรุงเทพฯ จึงได้จัดระเบียบการบริหารหัวเมืองให้เหมาะสมกับยุคสมัย โดยรวมหัวเมืองลาวฝ่ายตะวันออก และฝ่ายตะวันออกเฉียงเหนือเข้าด้วยกันเรียกว่า หัวเมืองลาวกาว โดยรวมหัวเมืองเอก เมืองจำปาศักดิ์ และหัวเมืองเอกเมืองอุบลราชธานี เข้าด้วยกัน พ.ศ. 2437 ปฏิรูปการปกครองเป็นแบบเทศาภิบาล ได้ตราพระราชบัญญัติลักษณะการปกครองท้องที่ รศ.116 ขึ้นโดยให้รวมกลุ่มจังหวัดชั้นนอกเข้าเป็นมณฑล แบ่งบริเวณมณฑลออกเป็นห้าส่วนคือ มณฑล จังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน พ.ศ. 2443 เปลี่ยนฐานะเมืองอำนาจเจริญเป็นอำเภออำนาจเจริญ นายอำเภอคนแรกคือหลวงธรรมโลภาศพัฒนเดช (ทอง) พ.ศ. 2452 อำเภออำนาจเจริญย้ายไปขึ้นกับเมืองยโสธร พ.ศ. 2453 เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง ทางราชการมีนโยบายไม่ให้จำหน่ายข้าวออกจากพื้นที่ พ.ศ. 2454 ประกาศใช้พระราชบัญญัติลักษณะเก็บเงินค่าราชการ ร.ศ.120 ให้เก็บคนละ 3.50 บาท พ.ศ. 2455 ย้ายอำเภออำนาจเจริญไปขึ้นกับจังหวัดอุบลฯ พ.ศ. 2458 ย้ายอำเภออำนาจเจริญจากบ้านค้อใหญ่ไปตั้งที่บ้านบุ่ง ติดกับลำห้วยปลาแดก พ.ศ. 2459 เปลี่ยนชื่อเมืองที่เป็นศูนย์กลางที่มีอำเภอมารวมขึ้นด้วยว่าจังหวัด พ.ศ. 2460 เปลี่ยนชื่ออำเภออำนาจเจริญเป็นอำเภอบุ่ง พ.ศ. 2464 ประกาศใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษาครั้งที่ 1 ในเขตตำบลบุ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งอำเภอบุ่ง พ.ศ. 2482 เปลี่ยนชื่ออำเภอบุ่งเป็นอำเภออำนาจเจริญ และย้ายตัวอำเภอมาตั้งอยู่บริเวณสระหนองเม็ก พ.ศ. 2510 แยกตำบลออกเป็นสี่ตำบลคือ ตำบลหัวตะพาน ตำบลคำพระ ตำบลเค็งใหญ่ และตำบลหนองแก้ว เพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอหัวตะพาน และยกฐานะเป็นอำเภอหัวตะพาน เมื่อ พ.ศ. 2526 พ.ศ. 2518 แยกตำบลออกเป็นห้าตำบลคือตำบลเสนางคนิคม ตำบลไร่สีสุก ตำบลนาเวียง ตำบลโพนทอง และตำบลหนองไฮ เพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอเสนางคนิคม และยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อ พ.ศ. 2526 พ.ศ. 2519 เสนอพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดอำนาจเจริญครั้งที่หนึ่ง แต่ตกไปเพราะมีการปฏิรูปการปกครอง เมื่อ พ.ศ. 2519 พ.ศ. 2522 เสนอพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดอำนาจเจริญครั้งที่สอง สภาผู้แทนราษฎรรับหลักการแล้วให้ตั้งศาลจังหวัดอำนาจเจริญก่อน พ.ศ. 2523 ตั้งศาลจังหวัดอำนาจเจริญ กระทรวงยุติธรรมได้เสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลจังหวัดอำนาจเจริญ พ.ศ. 2525 รัฐสภาออกพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลจังหวัดอำนาจเจริญ พ.ศ. 2525 และได้เปิดทำการ เมื่อ พ.ศ. 2527 พ.ศ. 2534 แยกตำบลออกหกตำบลคือตำบลอำนาจ ตำบลเปือย ตำบลดงมะยาง ตำบลดงบัง ตำบลแบด และตำบลไร่ขี เพื่อตั้งเป็นกิ่งอำเภอบันลืออำนาจ และยกฐานะเป็นอำเภอลืออำนาจ เมื่อปี พ.ศ. 2539 พ.ศ. 2536 แยกตำบลที่เป็นรอยต่อสามอำเภอออกเป็นหกตำบล เพื่อตั้งเป็นอำเภอปทุมราชวงศา ตามนามเจ้าเมืองอุบลฯ คนแรก 27 สิงหาคม พ.ศ. 2536 ตั้งจังหวัดอำนาจเจริญ ===อำนาจเจริญในปัจจุบัน === จังหวัดอำนาจเจริญเป็นจังหวัดลำดับที่ 75 มีอำเภอขึ้นสังกัด เจ็ด อำเภอคืออำเภอเมือง ฯ อำเภอชานุมาน อำเภอเสนางคนิคม อำเภอปทุมราชวงศา อำเภอพนา อำเภอหัวตะพาน และอำเภอลืออำนาจ ===เหตุการณ์สำคัญของจังหวัด=== เมื่อประมาณพ.ศ. 2508 - 2521 ในพื้นที่รอยต่อระหว่างอำเภอเสนางคนิคม อำเภอชานุมาน อำเภอเขมราฐ อำเภอดอนตาล และอำเภอเลิงนกทา ได้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองเป็นพื้นที่สีชมพู ศูนย์กลางขบวนการอยู่ภายในเขตภูสระดอกบัว มีการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ เพื่อต่อสู้กับทางราชการ หมู่บ้านที่มีการจัดตั้งกองกำลังมากที่สุดคือ บ้านโพนทอง บ้านโป่งหิน บ้านหนองโน บ้านสามโคก บ้านน้อยดอกหญ้า บ้านนาไร่ใหญ่ และบ้านนาสะอาด ทั้งหมดอยู่ในเขตอำเภอเสนางคนิคม กองกำลังติดอาวุธอาศัยอยู่ในป่าภูโพนทอง ภูสระดอกบัว ภารกิจหลักของกองกำลังติดอาวุธคือ การหามวลชนเพิ่ม การยึดพื้นที่เพื่อแสดงอำนาจ และขยายอาณาเขตการทำงาน โดยจัดกำลังเข้าปะทะกับกองกำลังของทางราชการด้วยอาวุธสงคราม การจัดงานบุญงานประเพณีต่าง ๆ ในเวลานั้นไม่สามารถจัดในเวลากลางคืนได้ จะทำได้เฉพาะเวลากลางวันเท่านั้น การพัฒนาต่าง ๆ หยุดชะงักลง ความขัดแย้งและการต่อสู้ค่อย ๆ ลดลง และยุติการต่อสู้ เมื่อปี พ.ศ. 2522 เหตุผลที่ยุติคือ ทางราชการได้กระจายความเจริญเข้าสู่พื้นที่ ทราบความต้องการและเข้าใจปัญหาของประชาชน ให้ความช่วยเหลือกลุ่มที่เคยต่อสู้กับทางราชการ โดยการจัดหาที่ทำกินให้ และลดเงื่อนไขแห่งความขัดแย้งต่าง ๆ ลง นอกจากนั้นสัญญาที่พรรคคอมมิวนิสต์เคยให้ไว้ แก่ประชาชนที่เข้าร่วมขบวนการว่า พรรคจะให้เงิน รถไถนา และรถแทรกเตอร์ ตลอดทั้งยศ ตำแหน่งต่าง ๆ เป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อ ทำให้กลุ่มผู้หลงผิดไม่เชื่อถือ และกลับใจให้ความร่วมมือกับทางราชการ ตั้งแต่นั้นมา ===เหตุการณ์กบฏผีบุญที่อำเภอเสนางคนิคม === ในปี พ.ศ. 2443 เกิดขึ้นที่บ้านหนองทับม้า ก่อนนั้นได้มีข่าวลือไปทั่วแดนอีสานว่า หินกรวด ที่อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด จะกลับมากลายเป็นเงินเป็นทอง ทำให้มีคนทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลไปที่อำเภอเสลภูมิ ชาวบ้านหนองทับม้า ก็เดินทางไปด้วย และในช่วงเวลาเดียวกัน ก็ได้มีข่าวลือแพร่กระจายออกไปว่า ฟักทองน้ำเต้า จะกลับกลายเป็นช้าง เป็นม้า ควายเผือก ควายทุยจะกลับมาเกิดเป็นยักษ์กินคน ท้าวธรรมิกราชจะมาเกิดเป็นเจ้าโลก ผู้หญิงที่เป็นโสดให้รีบมีสามี มิฉะนั้นจะถูกยักษ์จับไปกิน บ้านเมืองจะเกิดเภทภัยใหญ่หลวง ข่าวลือนี้ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวแตกตื่นไปทั่ว ขณะนั้น ได้มีผู้อ้างตัวเป็นผู้วิเศษ เดินทางมาจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ชื่อ องค์มั่น และองค์เขียว แต่งตัวนุ่งขาวห่มขาวด้วยผ้าจีบต่าง ๆ กัน มีปลอกใบลานเป็นคาถาสวมศีรษะ ปรากฏตัวที่บ้านสะพือ อำเภอตระการพืชผล ให้ชาวบ้านมารดน้ำมนต์ และให้ผู้วิเศษเสกคาถาอาคมให้ นอกจากนั้นยังมีข่าวอีกกระแสหนึ่งบอกว่า ผู้วิเศษเหล่านั้นได้เตรียมการ จะยกทหารจากเวียงจันทน์เข้ามาตีเมืองอุบลราชธานี เมื่อข้าหลวงใหญ่ต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลลาวกาว ทราบข่าวจึงได้ขอกำลังจากหัวเมืองต่าง ๆ มาช่วยจนปราบได้ราบคาบ และจับผู้นำคนสำคัญคือ องค์มั่น กับองค์เขียว มาผูกมัดไว้บริเวณทุ่งศรีเมือง ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน คณะตุลาการจึงได้ตัดสินประหารชีวิต โดยตัดหัวเสียบประจานไว้ที่กลางทุ่งศรีเมือง ส่วนทางเมืองเสนางคนิคมนั้น ก็ได้มีเหตุการณ์คล้าย ๆ กันคือ ได้มีพ่อใหญ่พิมสาร เดินทางมาจากบ้านด่านหนองสิบ อำเภอเลิงนกทา อ้างว่าเป็นผู้วิเศษ หลอกลวงให้ชาวบ้านโกนหัว ถ้าใครไม่ทำตามยักษ์จะจับเอาไปกิน และหากครัวเรือนใดมีควายเผือก ควายทุยให้เอาไปฆ่าทิ้งเสีย เมื่อทางราชการเมืองอุบลฯ ทราบข่าวจึงให้ทหารและเจ้าหน้าที่ ออกไปสืบข่าวได้ความว่า ผู้ที่หลอกลวงชาวบ้านให้โกนหัวคือ เฒ่าพิมสาร และพ่อใหญ่ทิม จึงจับตัวไปมัดไว้ที่นาหนองกลาง อีกสามวันต่อมาก็ถูกประหาร และนำหัวไปเสียบประจานไว้ ทางด้านตะวันออกของวัดโพธาราม ===ประวัติการตั้งอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัด=== อำเภอบางอำเภอของจังหวัดอำนาจเจริญ เช่น อำเภอชานุมาน อำเภอเสนางคนิคม และอำเภอพนา มีประวัติความเป็นมาร่วมสมัยกับประวัติของจังหวัดอำนาจเจริญ อำเภอชานุมาน เดิมมีฐานะเป็นเมืองขึ้นกับจังหวัดอุบลฯ ตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2422 อำเภอชานุมานขึ้นตรงต่อเมืองอุบลฯ ตลอดมาจนถึงการปฏิรูปการปกครองครั้งใหญ่ เมืองชานุมานมณฑลถูกลดฐานะลงเป็น อำเภอชานุมานมณฑล ขึ้นกับเมืองอุบลฯ ต่อมาใน พ.ศ. 2455 อำเภอชานุมานได้ถูกลดฐานะลงเป็นกิ่งอำเภอชานุมานมณฑล ขึ้นต่ออำเภอเขมราฐ จนถึง พ.ศ. 2501 ทางราชการจึงได้ยกฐานะขึ้นเป็นอำเภออีกครั้ง และใน พ.ศ. 2536 ได้มาขึ้นกับจังหวัดอำนาจเจริญ อำเภอพนา เดิมมีฐานะเป็นเมือง ชื่อเมืองพนานิคม ตั้งขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยได้โปรดเกล้าฯ ให้ ตั้งบ้านเผลา (พระเหลา) เป็นเมืองพนานิคม และโปรดเกล้าฯ ให้เพียเมืองจันทน์ เป็นพระจันทวงษา เจ้าเมือง ขึ้นตรงต่อเมืองอุบล ฯ ต่อมาเมื่อมีการปฏิรูปการปกครองครั้งใหญ่ เมืองพนานิคมถูกลดฐานะเป็นอำเภอ ขึ้นกับจังหวัดอุบล ฯ เมื่อปี พ.ศ. 2443 ต่อมาในปี พ.ศ. 2452 ได้ยุบอำเภอตระการพืชผล รวมกับอำเภอพนานิคม ในปี พ.ศ. 2457 ได้ย้ายที่ว่าการอำเภอพนานิคมมาตั้งที่บ้านขุหลุ แต่ยังคงเรียกชื่อเดิม ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอขุหลุ เพื่อให้สัมพันธ์กับพื้นที่เมื่อ พ.ศ. 2460 ในปี พ.ศ. 2480 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นเมืองพนานิคมอีกครั้ง จนถึงปี พ.ศ. 2494 ทางราชการจึงแยกท้องที่ห้าตำบล ที่เคยอยู่ในอำเภอพนานิคม มาตั้งเป็นกิ่งอำเภอพนา ส่วนอำเภอพนานิคม ที่บ้านขุหลุ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอตระการพืชผล กิ่งอำเภอพนา ได้รับการยกฐานะให้เป็นอำเภอ เมื่อ พ.ศ. 2501 และได้มาขึ้นกับจังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อ พ.ศ. 2536 อำเภอเสนางคนิคม เดิมมีฐานะเป็นเมือง ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2388 เนื่องด้วยพระพรหมราชวงศา (ท้าวทิดพรหม) เจ้าเมืองอุบลฯ คนที่ 2 ได้นำพระศรีสุราช เมืองตะโปน ท้าวอุปฮาด เมืองชุมพร ท้าวฝ่ายเมืองผาบัว และท้าวมหาวงศ์ เมืองกาว ได้พาครอบครัวไพร่พลรวม 1,847 คน เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยได้มาตั้งอยู่ที่บ้านช่องนาง แขวงเมืองอุบล ฯ และได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านเป็นเมืองเสนางคนิคม ให้พระศรีสุราช เป็นที่ พระศรีสินธุสงคราม เจ้าเมือง แต่เจ้าเมืองกลับพาผู้คนไปตั้งเมืองอยู่ที่บ้านห้วยปลาแดก พ.ศ. 2443 เมืองเสนางคนิคม ถูกลดฐานะเป็นอำเภอ ขึ้นกับจังหวัดอุบล ฯ พ.ศ. 2455 อำเภอเสนางคนิคม ถูกลดฐานะเป็นกิ่งอำเภอ ขึ้นกับอำเภออำนาจเจริญ พ.ศ. 2460 กิ่งอำเภอเสนางคนิคม เปลี่ยนชื่อเป็นกิ่งอำเภอหนองทับม้า ให้เหมาะสมกับที่ตั้ง หลังปี พ.ศ. 2475 กิ่งอำเภอหนองทับม้าถูกยุบไป พ.ศ. 2518 กระทรวงมหาดไทย ได้ประกาศตั้งกิ่งอำเภอเสนางคนิคมขึ้นอีกครั้ง และได้ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อ พ.ศ. 2526 และขึ้นกับจังหวัดอำนาจเจริญ เมื่อ พ.ศ. 2536 == ทำเนียบนามเจ้าเมืองอำนาจเจริญและผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ== นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปฏิรูปการปกครองโดยนำระบบเทศาภิบาลมาใช้ในประเทศไทย เมืองอำนาจเจริญยังคงมีสภาพเป็นเมืองตามรูปการปกครองแบบเดิมก่อนการปฏิรูป ปรากฏพระนามและรายนามผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองหรือผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญดังนี้ == ลักษณะอากาศและอุตุนิยมวิทยา== จังหวัดอำนาจเจริญ อยู่ในเขตที่มีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างสูง เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยของจังหวัดอื่น ๆ ฤดูฝน จะเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนเรื่อยไปจนถึงปลายเดือนตุลาคม และมักปรากฏเสมอว่าฝนทิ้งช่วงในเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม แต่ระยะเวลาการทิ้งช่วงมักจะไม่เหมือนกันในแต่ละปี และในช่วงปลายฤดูฝน มักจะมีพายุดีเปรสชั่นฝนตกชุกบางปีอาจมีภาวะ น้ำท่วมแต่ภาวการณ์ไม่รุนแรงนัก ฤดูหนาว เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของประเทศ ทำให้ได้รับอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือก่อนภูมิภาคอื่น อุณหภูมิจะเริ่มลดต่ำลงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนและจะสิ้นสุดปลายเดือนกุมภาพันธ์ ฤดูร้อน ถึงแม้ว่าเคยปรากฏบ่อยครั้งว่าอากาศยังคงหนาวเย็นยืดเยื้อมาจนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยส่วนใหญ่แล้วอากาศจะ เริ่มอบอ้าว ในเดือนมีนาคมไปจนถึงประมาณต้นเดือนพฤษภาคมซึ่งอาจจะมีฝน เริ่มตกอยู่บ้างในปลายเดือนเมษายน แต่ปริมาณน้ำฝนมักจะไม่เพียงพอสำหรับการเพาะปลูก นอกจากนั้นลักษณะภูมิอากาศทั่วไปคล้ายคลึงกับจังหวัดอื่น ๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ จะมีอากาศร้อน ในฤดูหนาวค่อนข้างหนาว ส่วนในฤดูฝนจะมีฝนตกชุก ในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2541 มีฝนตกประมาณ 106 วัน ปริมาณน้ำฝนวัดได้ 1,297.3 มิลลิเมตร ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปของจังหวัดเป็นที่ลุ่ม มีเนินเขาเตี้ย ๆ ทอดยาวไปจรดกับจังหวัดอุบล ฯ ในเขตอำเภอชานุมาน พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล ประมาณ 68 เมตร ลักษณะของดิน เป็นดินร่วนปนทราย มีดินลูกรังอยู่บางส่วน สามารถแบ่งลักษณะภูมิประะเทศออกได้เป็นสองบริเวณคือ บริเวณที่ราบสูง ลักษณะพื้นที่เป็นที่ราบสูง บางส่วนเป็นลูกคลื่น ลอนตื้น หรือเนินเขาเตี้ย ๆ อยู่ในเขตอำเภอชานุมาน และอำเภอเสนางคนิคม บริเวณที่ราบ ลักษณะพื้นที่เป็นที่ราบถึงลูกคลื่นลอนตื้น เป็นแนวยาวตามทิศตะวันออกถึงทิศตะวันตกอยู่ในเขตอำเภอเมืองฯ อำเภอพนา อำเภอปทุมราชวงศา อำเภอหัวตะพาน และอำเภอลืออำนาจ เทือกเขา ได้แก่ เทือกเขาภูพาน เป็นเทือกเขาที่ทอดผ่านหลายจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในส่วนที่อยู่ในเขตจังหวัดอำนาจเจริญ จะอยู่ในเขตอำเภอเสนางคนิคม มีลักษณะเป็นเทือกเขาที่สูงไม่มากนัก เป็นเนินเขาเตี้ย ๆ ลักษณะภูมิสัณฐาน แบ่งออกได้เป็นสี่บริเวณด้วยกันคือ บริเวณที่เป็นสันดินริมแม่น้ำ เกิดจากตะกอนลำน้ำที่พัดมาทับถม สภาพพื้นที่เป็นเนินสันดิน พบบริเวณสันดินริมฝั่งแม่น้ำโขงในเขตอำเภอชานุมาน และบริเวณสันดินริมฝั่งลำน้ำเซบาย ในเขตอำเภอหัวตะพาน บริเวณที่เป็นแอ่ง หรือที่ราบหลังแม่น้ำ เกิดจากการกระทำของขบวนการน้ำ พบบางแห่งเป็นบริเวณลำเซบายของอำเภอหัวตะพาน จะมีน้ำแช่ขังนานในฤดูฝน บริเวณที่เป็นแบบลานตะพักน้ำ เกิดจากการกระทำของขบวนการน้ำมานานแล้ว ประกอบด้วยบริเวณที่เป็นลานตะพักลำน้ำระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง ลักษณะพื้นที่มีทั้งเป็นแบบที่ราบแบบลูกคลื่นลอนลาด จนถึงลูกคลื่นลอนชัน จะอยู่ถัดจากบริเวณที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึงขึ้นมา พบได้ในพื้นที่ทั่วไปของจังหวัด บางแห่งใช้สำหรับทำนา บางแห่งใช้สำหรับปลูกพืชไร่ ทรัพยากรน้ำ == สัญลักษณ์ประจำจังหวัด == ตราประจำจังหวัด พระมงคลมิ่งเมืองเป็นพระประธานของภาพ แสงฉัพพรรณรังสี เปล่งรัศมีโดยรอบพระเศรียรซ้ายขวามีต้นไม้อยู่สองข้าง ถัดไปเป็นกลุ่มเมฆ ด้านล่างเป็นแถบป้ายชื่อจังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ ใช้อักษรย่อว่า อจ. คำขวัญประจำจังหวัด วิสัยทัศน์ ดอกไม้ประจำจังหวัด ดอกจานเหลือง (Butea monosperma) ต้นไม้ประจำจังหวัด ตะเคียนหิน (Hopea ferrea) สัตว์น้ำประจำจังหวัด ปลาสร้อยขาว (Henicorhynchus siamensis ) ===ประชากร=== ประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดเป็นคนท้องถิ่นเชื้อสายไทย - ลาว และมีคนกลุ่มอื่นที่มีหลายเชื้อสาย และภาษาพูดต่างออกไปได้แก่ ชาวภูไท พบในเขตอำเภอชานุมาน และอำเภอเสนางคนิคม ส่วยและข่า พบในอำเภอชานุมาน ในชุมชนที่มีการค้าขายหรือในเขตเมือง จะมีคนไทยเชื้อสายจีนและญวนปะปนอยู่ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย ประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดนับถือพระพุทธศาสนา ร้อยละ 97.50 มีวัดในพระพุทธศาสนาอยู่ 266 แห่ง นับถือศาสนาคริสต์ ร้อยละ 2.30 และนับถือศาสนาอิสลามน้อยมาก ภาษาชาวอำนาจเจริญส่วนใหญ่ใช้ภาษาอีสาน เช่นเดียวกับชาวอีสานในจังหวัดอื่น ภาษาอีสานจัดเป็นประเภทภาษาถิ่นของภาษาไทย ส่วนภาษาเขียนใช้ภาษาไทย และอักษรไทย ถ้าเป็นเอกสารโบราณ เช่น หนังสือออก หนังสือก้อน บทสวด และตำนาน นิยมบันทึกด้วยตัวอักษรธรรม เป็นภาษาอีสาน ภาษาบาลี สันสกฤต ภาษาขอม และภาษาไทย ภาษาอีสานถิ่นอำนาจเจริญ มีอยู่สามสำเนียง ได้แก่ สำเนียงอุบล ฯ สำเนียงบ้านน้ำปลีก และสำเนียงชายแดน สำเนียงอุบล ฯ มีลักษณะห้วน น้ำเสียงแข็ง และหนักแน่น สำเนียงบ้านน้ำปลีก มีลักษณะช้า และยืดเสียงท้ายคำให้ยาวออกไป มากกว่าสำเนียงอุบล ฯ ทำให้รู้สึกนุ่มนวลกว่า สำเนียงชายแดน เป็นสำเนียงผสมระหว่างสำเนียงอุบล ฯ และสำเนียงลาว ประชาชนที่อยู่ใกล้ชายแดนแถบอำเภอชานุมาน จะมีสำเนียงลาวผสมอยู่บ้าง ชาวอำนาจเจริญ ส่วนใหญ่พูดสำเนียงอุบล ฯ ภาษาผู้ไท ชาวผู้ไท มีภาษาใช้เฉพาะเผ่าคือ ภาษาผู้ไท เป็นภาษาพูด ไม่ปรากฏว่ามีภาษาเขียน ชาวผู้ไทส่วนใหญ่จะพูดได้ทั้งภาษาอีสาน และภาษาผู้ไท มีหลายหมู่บ้านที่ใช้ภาษาผู้ไทในการสื่อสารประจำวันคือ อำเภอเสนางคนิคม ที่บ้านนาสะอาด ตำบลเสนางคนิคม อำเภอชานุมาน ในตำบลคำเขื่อนแก้ว มีบ้านคำเดือย บ้านเหล่าแก้วแมง และบ้านสงยาง ในตำบลชานุมาน มีบ้านโนนกุง และบ้านหินสิ่ว ในตำบลโคกก่ง มีบ้านหินกอง บ้านบุ่งเขียว บ้านนางาม และบ้านพุทธรักษา ภาษาข่าพวกข่าเป็นชาวพื้นเมืองดั้งเดิม ที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ตามสองฝั่งแม่น้ำโขง มีวัฒนธรรมกลมกลืนกับชาวพื้นเมืองในท้องถิ่น เช่น พวกส่วย และลาว ชาวบ้านที่ใช้ภาษาข่าคือ ชาวบ้านดงแสนแก้ว และบ้านดงสำราญ ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอชานุมาน ===สภาพเศรษฐกิจ=== โครงสร้างทางเศรษฐกิจขึ้นกับการเกษตรกรรม มีพื้นที่ถือครองทางการเกษตร รวมทั้งสิ้น 1,021,798 ไร่ หรือประมาณร้อยละ 51.72 ของเนื้อที่ทั้งหมด การทำนา พื้นที่นาถือครองมีสัดส่วน 869,574 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 85.10 ของพื้นที่ถือครองทำการเกษตร เป็นพื้นที่เก็บเกี่ยว 558,530 ไร่ ผลผลิตรวมประมาณ 83,821 ตัน การปลูกพืชไร่ มีการปลูกพืชไร่รวมพื้นที่ประมาณ 7,825 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 7.65 ของพื้นที่ถือครองทำการเกษตร พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ข้าวเหนียว ข้าวหอมมะลิ มันสำปะหลัง ปอแก้ว ถั่วลิสง การอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เป็นโรงสีข้าว และอุตสาหกรรมในครัวเรือน ==เอกลักษณ์ประจำจังหวัด == พระมงคลมิ่งเมือง เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีสรรพอาถรรพ์ เป็นมิ่งมงคลควรแก่การเคารพบูชาแก่ปวงชนทั่วไป เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของชาวอำนาจเจริญโดยแท้ ประดิษฐานอยู่ที่เขาดานพระบาทซึ่งเป็นที่ตั้งพุทธสถานอันศักดิ์สิทธิ์มาแต่ดึกดำบรรพ์ อยู่ติดถนนสายชยางกูรเส้นทางอำนาจเจริญ-มุกดาหาร อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 3 กิโลเมตร บริเวณโดยรอบตกแต่งเป็นพุทธมณฑลสำหรับเป็นที่บำเพ็ญและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แหล่งรุ่งเรืองเจ็ดลุ่มน้ำ การก่อตั้งจังหวัดอำนาจเจริญได้มาจากการรวมอำเภอด้านเหนือของจังหวัดอุบลราชานี ที่มาจากชาวลุ่มน้ำต่างๆ 7 ลุ่มน้ำ ได้แก่ ชาวลุ่มน้ำโขง -อำเภอชานุมาน ชาวลุ่มน้ำละโอง-อำเภอเสนางคนิคม ชาวลุ่มน้ำพระเหลา-อำเภอพนาชาว ลุ่มน้ำห้วยยาง-อำเภอปทุมราชวงศา ชาวลุ่มน้ำเซบก-อำเภอลืออำนาจ ชาวลุ่มน้ำเซบาย-อำเภอหัวตะพาน ชาวลุ่มน้ำห้วยปลาแดกและเซบาย-อำเภอเมืองอำนาจเจริญ ทั้ง 7 อำเภอล้วนมีประเพณี วัฒนธรรม มีแหล่งโบราณคดีด้านศาสนาและศิลปกรรมมาแต่ครั้งอดีตกาล และต่อนี้ไป ประชาชนชาวเจ็ดลุ่มน้ำเหล่านี้จะผนึกกำลังกันพัฒนาจังหวัดอำนาจเจริญให้เป็นแหล่งแห่งความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต งามล้ำถ้ำศักดิ์สิทธิ์ อำนาจเจริญมีถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญและมีชื่อเสียงโด่งดังคือ ถ้ำแสงแก้วและถ้ำแสงเพชร ซึ่งตั้งอยู่บนแนวเทือกเขาเดียวกัน เป็นสถานที่ที่เชื่อกันว่ามีเทพศักดิ์สิทธิ์สิงสถิตอยู่ ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปที่สวยงาม นักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศต่างมุ่งหน้าไปขอพรและปฏิบัติธรรมมิได้ขาด เทพนิมิตพระเหลา หมายถึงพระเหลาเทพนิมิต เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่มีลักษณะงดงามเป็นเลิศ ประดิษฐานอยู่ในวัดพระเหลาเทพนิมิตอำเภอพนาซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดอำนาจเจริญ "พระเหลา"เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์มาและเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่งดงามที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งมีสมญานามว่า พระพุทธชินราชแห่งอีสาน มีความเชื่อว่าเทพยดาเป็นผู้นิมิตขึ้นมามีตำนานสร้างมาหลายร้อยปี ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลายเป็นที่เคารพสักการะของปวงชนทั่วไป เกาะแก่งเขาแสนสวย ที่สุดแดนสยามของจังหวัดอำนาจเจริญด้านอำเภอชานุมาน มีแม่น้ำโขงกั้นเขตแดนระหว่างไทยกับลาว มีเกาะ แก่งที่สวยงาม มีภูเขาและป่าไม้กลายเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามตามธรรมชาติ ผู้คนสามารถไปเที่ยวชมและพักผ่อนได้ทุกฤดูกาล ผู้ใดได้ไปพบเห็นความสวยงามตามธรรมชาติแห่งนี้แล้วดุจดังต้องมนต์ขลังยากที่ลืมเลือน เลอค่าด้วยผ้าไหม ชาวอำนาจเจริญทุกอำเภอล้วนมีวัฒนธรรมการทอผ้า ทั้งผ้าไหม ผ้าฝ้าย และผ้าลายขิดที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเองที่มีชื่อเสียงมากได้แก่การทอผ้าไหมบ้านเปือย อำเภอลืออำนาจ ผ้าไหมบ้านสร้อย-บ้านจานลาน อำเภอพนา การทอผ้าลายขิดบ้านคำพระ อำเภอหัวตะพาน โดยเฉพาะผ้าไหมบ้านเปือย ได้รับยกย่องจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถว่าเป็นผ้าไหมที่งดงามล้ำเลอค่าและมีคุณภาพดีกว่าถิ่นใดๆ พระองค์ทรงกำหนดราคาขายไว้ให้อย่างเป็นธรรมโดยไม่ให้เอาเปรียบผู้ผลิตด้วย ราษฏร์เลื่อมใสใฝ่ธรรม ชาวจังหวัดอำนาจเจริญมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อทางพระพุทธศาสนา มีความเลื่อมใสศรัทธาในหลักคำสอนของพระพุทธศาสนามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีวัดให้ประกอบศาสนกิจทุกหมู่บ้าน ทวยราษฏร์เป็นคนดีมีคุณธรรม สังคมอำนาจเจริญอยู่กันด้วยความสุขสงบร่วมเย็น == หน่วยการปกครอง == === การปกครองส่วนภูมิภาค === แบ่งออกเป็น 7 อำเภอ 56 ตำบล 653 หมู่บ้าน === การปกครองส่วนท้องถิ่น === องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีจำนวน 59 แห่ง แบ่งออกเป็น 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด, 1 เทศบาลเมือง 23 เทศบาลตำบล และ 34 องค์การบริหารส่วนตำบล มีรายชื่อดังนี้ {| |- -- valign=top อำเภอเมืองอำนาจเจริญ เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ เทศบาลตำบลน้ำปลีก เทศบาลตำบลนายม เทศบาลตำบลไก่คำ เทศบาลตำบลนาวัง เทศบาลตำบลนาหมอม้า อำเภอชานุมาน เทศบาลตำบลชานุมาน เทศบาลตำบลโคกก่ง อำเภอเสนางนิคม เทศบาลตำบลเสนางนิคม เทศบาลตำบลสิริเสนางค์ อำเภอพนา เทศบาลตำบลพนา เทศบาลตำบลพระเหลา อำเภอหัวตะพาน เทศบาลตำบลหัวตะพาน เทศบาลตำบลรัตนวารีศรีเจริญ เทศบาลตำบลเค็งใหญ่ อำเภอปทุมราชวงศา เทศบาลตำบลปทุมราชวงศา เทศบาลตำบลหนองข่า เทศบาลตำบลห้วย เทศบาลตำบลนาป่าแซง อำเภอลืออำนาจ เทศบาลตำบลอำนาจ เทศบาลตำบลสามหนอง เทศบาลตำบลดงมะยาง เทศบาลตำบลเปือย เทศบาลตำบลโคกกลาง == หน่วยงานราชการที่สำคัญ == *กระทรวงมหาดไทย สำนักงานจังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานที่ดินจังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอำนาจเจริญ ที่ทำการปกครองจังหวัดอำนาจเจริญ การประปาส่วนภูมิภาคสาขาอำนาจเจริญ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดอำนาจเจริญ *กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอำนาจเจริญ วิทยาลัยเทคนิคอำนาจเจริญ วิทยาลัยเทคนิคหัวตะพาน สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดอำนาจเจริญ ศูนย์การศึกษาพิเศษ ประจำจังหวัดอำนาจเจริญ โรงเรียนอำนาจเจริญ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์อำนาจเจริญ(โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 54 จังหวัดอำนาจเจริญ) *กระทรวงแรงงาน สำนักงานแรงงานจังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานประกันสังคมจังหวัดอำนาจเจริญ ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานจัดหางานจังหวัดอำนาจเจริญ *กระทรวงการคลัง สำนักงานคลังจังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่อำนาจเจริญ *กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอำนาจเจริญ ศูนย์พัฒนาสังคม หน่วยที่ 75 จังหวัดอำนาจเจริญ *สำนักงานศาลยุติธรรม ศาลจังหวัดอำนาจเจริญ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอำนาจเจริญ *กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ โรงพยาบาลอำนาจเจริญ *กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานเกษตรจังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานประมงจังหวัดอำนาจเจริญ โครงการชลประทานอำนาจเจริญ ศูนย์วิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีอำนาจเจริญ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดอำนาจเจริญ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรอำนาจเจริญ สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์จังหวัดอำนาจเจริญ *กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอำนาจเจริญ *สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดอำนาจเจริญ *กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานสถิติจังหวัดอำนาจเจริญ *สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอำนาจเจริญ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดอำนาจเจริญ *องค์กรอิสระ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดอำนาจเจริญ *กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานการค้าภายในจังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดอำนาจเจริญ *กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอำนาจเจริญ *กระทรวงคมนาคม สำนักงานขนส่งจังหวัดอำนาจเจริญ แขวงทางหลวงอำนาจเจริญ แขวงทางหลวงชนบทอำนาจเจริญ *กระทรวงกลาโหม หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 51 *กระทรวงยุติธรรม สำนักงานยุติธรรมจังหวัดอำนาจเจริญ *องค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญ สำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอำนาจเจริญ *สถาบันอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ *สำนักงานตำรวจแห่งชาติ *กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ *องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ สำนักงานเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ *กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอำนาจเจริญ == สถานที่ทางศาสนา == === พระอารามหลวงธรรมยุติกนิกาย === วัดสำราญนิเวศ (พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ) ตำบลบุ่ง อำเภอเมืองอำนาจเจริญ === วัดราษฏร์ในอำเภอเมืองอำนาจเจริญ === ==== วัดราษฏร์มหานิกาย ==== วัดนาสีนวน ตำบลกุดปลาดุก วัดป่าติ้ว ตำบลกุดปลาดุก วัดโคกค่าย ตำบลไก่คำ วัดบูรพา ตำบลไก่คำ วัดโพธิ์ศรี ตำบลไก่คำ วัดราสิยาราม ตำบลไก่คำ วัดศรีบุญเรือง ตำบลไก่คำ วัดศรีโพธิ์ชัย ตำบลไก่คำ วัดหนองคลอง ตำบลไก่คำ วัดกุดน้ำกิน ตำบลคึมใหญ่ วัดคึมใหญ่ ตำบลคึมใหญ่ วัดดอนไร่ ตำบลคึมใหญ่ วัดนาคำ ตำบลคึมใหญ่ วัดนาแต้ ตำบลคึมใหญ่ วัดภูเขาขาม ตำบลคึมใหญ่ วัดหัวภู ตำบลคึมใหญ่ วัดเก่าน้ำคำ ตำบลดอนเมย วัดเชือกนอก ตำบลนาจิก วัดเชือกใน ตำบลนาจิก วัดดอนเมย ตำบลนาจิก วัดบ้านก่อ ตำบลนาจิก วัดหนองนาเทิง ตำบลนาจิก วัดหนองปลิง ตำบลนาจิก วัดกนิษฐานนท์ ตำบลนาผือ วัดกุดปลาดุก ตำบลนาผือ วัดโคกกอก ตำบลนาผือ วัดโคกสวาสดิ์ ตำบลนาผือ วัดโคกสูง ตำบลนาผือ วัดนาผือ ตำบลนาผือ วัดนาเรือง ตำบลนาผือ วัดวังแคน ตำบลนาผือ วัดเหล่าหนาด ตำบลนาผือ วัดทองสวาท ตำบลนายม วัดหนองแห่ ตำบลนายม วัดกุดตากล้า ตำบลนาวัง วัดโคกช้างฮ้าย ตำบลนาวัง วัดดงสวาง ตำบลนาวัง วัดนาโพธิ์ ตำบลนาวัง วัดนาวัง ตำบลนาวัง วัดนาวัด ตำบลนาวัง วัดหนองมะแซว ตำบลนาวัง วัดแก้งกฐิน ตำบลนาหมอม้า วัดนาคำ ตำบลนาหมอม้า วัดนายม ตำบลนาหมอม้า วัดนาเยีย ตำบลนาหมอม้า วัดนาอุดม ตำบลนาหมอม้า วัดบูรพา ตำบลนาหมอม้า วัดโพธิ์ศรี ตำบลนาหมอม้า วัดหนองเรือ ตำบลนาหมอม้า วัดกลาง ตำบลน้ำปลีก วัดศรีบุญเรือง ตำบลน้ำปลีก วัดศรีมงคล ตำบลน้ำปลีก วัดสุวรรโณริส ตำบลน้ำปลีก วัดดงสวาง ตำบลโนนโพธิ์ วัดโนนโพธิ์ ตำบลโนนโพธิ์ วัดป่าศรีสุขเกษม ตำบลโนนโพธิ์ วัดโพธิ์ศิลา ตำบลโนนโพธิ์ วัดทับเมย ตำบลโนนหนามแท่ง วัดโสกโตน ตำบลโนนหนามแท่ง วัดจันทิมา ตำบลบุ่ง วัดดอนแดง ตำบลบุ่ง วัดดอนหวาย ตำบลบุ่ง วัดเทพทวีธรรม ตำบลบุ่ง วัดเทพมงคล ตำบลบุ่ง วัดบ้านหนองแซง (อำนาจเจริญ) ตำบลบุ่ง วัดพันธุเวศน์ (พันธุเวสน์) ตำบลบุ่ง วัดศรีบุญยืน ตำบลบุ่ง วัดสระเกษ ตำบลบุ่ง วัดโคกก่อง ตำบลปลาค้าว วัดฉิมพลี ตำบลปลาค้าว วัดป่าจันทน์ ตำบลปลาค้าว วัดศรีโพธิ์ชัย ตำบลปลาค้าว วัดศรีมงคล ตำบลปลาค้าว วัดคำมะโค้ง ตำบลสร้างนกทา วัดดงสีโท ตำบลสร้างนกทา วัดโนนดู่ ตำบลสร้างนกทา วัดบ้านเดื่อ ตำบลสร้างนกทา วัดบ้านบาก ตำบลสร้างนกทา วัดสร้างนกทา ตำบลสร้างนกทา วัดหนองขาม ตำบลสร้างนกทา วัดหนองแฝก ตำบลสร้างนกทา วัดหนองหิน ตำบลสร้างนกทา วัดสี่แยกแสงเพชร ตำบลหนองมะแซว วัดหนองมะแซว ตำบลหนองมะแซว วัดโคกสว่าง ตำบลห้วยไร่ วัดป่าสุขะวนาราม ตำบลห้วยไร่ วัดพันธวิชา ตำบลห้วยไร่ วัดหนองตาใกล้ ตำบลห้วยไร่ วัดหนองแสง ตำบลห้วยไร่ วัดโนนงาม ตำบลเหล่าพรวน วัดหนองบัว ตำบลเหล่าพรวน วัดเหล่าพรวน ตำบลเหล่าพรวน วัดอัมพวัน ตำบลเหล่าพรวน ==== วัดราษฏร์ธรรมยุติกนิกาย ==== วัดบ้านดอนดู่ ตำบลน้ำปลีก วัดพระมงคลมิ่งเมือง ตำบลบุ่ง วัดแสนสวัสดิ์ทัศนาราม ตำบลบุ่ง วัดถ้ำแสงแก้ว ตำบลเหล่าพรวน ===คริสต์ศาสนา=== คริสตจักรอิมมานูลเอลอำนาจเจริญ คริสตจักรของพระเจ้าอำนาจเจริญ คริสตจักรความหวังอำนาจเจริญ คริสตจักรแม่น้ำโขงอำนาจเจริญ คริสตจักรความหวังชานุมาน คริสตจักรของพระเจ้าบ้านหนองแมงดา คริสตจักรของพระเจ้าบ้านหนองไฮน้อย คริสตจักรของพระคริสต์ไก่คำ คริสตจักรเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสอำนาจเจริญ คริสตจักรเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสคำกลาง คริสตจักรของพระคริสต์ดอนชี คริสตจักรโกละโกธานิคมคำน้อย คริสตจักรของพระเจ้าบ้านคำไหล คริสตจักรหลังดาน คริสตจักรของพระคริสต์ดอนหวาย คริสตจักรของพระเจ้าดานสวรรค์ คริสตจักรความหวังลืออำนาจ คริสตจักรความหวังเสนางคนิคม คริสตจักรพระกิตติคุณสองคอน คริสตจักรเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสบ้านจอก ==การสาธารณสุข == สาธารณสุขจังหวัดอำนาจเจริญ สาธารณสุขอำเภอเมืองอำนาจเจริญ สาธารณสุขอำเภอเสนางคนิคม สาธารณสุขอำเภอปทุมราชวงศา สาธารณสุขอำเภอพนา สาธารณสุขอำเภอชานุมาน สาธารณสุขอำเภอหัวตะพาน สาธารณสุขอำเภอลืออำนาจ ==โรงพยาบาลของรัฐ กระทรวงสาธารณสุข == โรงพยาบาลอำนาจเจริญ โรงพยาบาลเสนางคนิคม โรงพยาบาลหัวตะพาน โรงพยาบาลปทุมราชวงศา โรงพยาบาลชานุมาน โรงพยาบาลพนา โรงพยาบาลลืออำนาจ โรงพยาบาล.สต.น้ำปลีก โรงพยาบาล.สต.นาแต้ โรงพยาบาล.สต.ฟ้าห่วนลืออำนาจ โรงพยาบาล.สต.ภักดีเจริญ โรงพยาบาล.สต.ห้วยไร่ โรงพยาบาล.สต.ไก่คำ โรงพยาบาล.สต.เชือก โรงพยาบาล.สต.ดอนเมย โรงพยาบาล.สต.นาหมอม้า โรงพยาบาล.สต.นายม โรงพยาบาล.สต.น้ำปลีก โรงพยาบาล.สต.ดงบังพัฒนา โรงพยาบาล.สต.ปลาค้าว โรงพยาบาล.สต.เหล่าพรวน โรงพยาบาล.สต.สร้างนกทา โรงพยาบาล.สต.หนองมะแซว โรงพยาบาล.สต.คึมใหญ่ โรงพยาบาล.สต.นาผือ โรงพยาบาล.สต.นาโพธิ์ โรงพยาบาล.สต.โนนโพธิ์ โรงพยาบาล.สต.คำน้อย โรงพยาบาล.สต.ภูเขาขาม โรงพยาบาล.สต.นาแต้ โรงพยาบาล.สต.กุดปลาดุก โรงพยาบาล.สต.โนนดู่ โรงพยาบาล.สต.นาสีนวน ==ศูนย์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข == ศูนย์แพทย์แผนไทยพนา อำเภอพนา == สถานศึกษา == === โรงเรียน === โรงเรียนมัธยม สพม. โรงเรียนคำเขื่อนแก้ววิทยาคม อำเภอชานุมาน โรงเรียนคึมใหญ่วิทยา อำเภอเมืองอำนาจเจริญ โรงเรียนจิกดู่วิทยา อำเภอหัวตะพาน โรงเรียนชานุมานวิทยาคม อำเภอชานุมาน โรงเรียนนาจิกพิทยาคม อำเภอเมืองอำนาจเจริญ โรงเรียนนายมวิทยาคาร อำเภอเมืองอำนาจเจริญ โรงเรียนนาวังวิทยา อำเภอเมืองอำนาจเจริญ โรงเรียนนาเวียงจุลดิศวิทยา อำเภอเสนางคนิคม โรงเรียนน้ำปลีกศึกษา อำเภอเมืองอำนาจเจริญ โรงเรียนปทุมราชวงศา อำเภอปทุมราชวงศา โรงเรียนปลาค้าววิทยานุสรณ์ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ โรงเรียนพนาศึกษา อำเภอพนา โรงเรียนมัธยมแมด อำเภอลืออำนาจ โรงเรียนลือวิทยาคม อำเภอปทุมราชวงศา โรงเรียนลืออำนาจวิทยาคม อำเภอลืออำนาจ โรงเรียนศรีคูณวิทยบัลลังก์ อำเภอพนา โรงเรียนศรีเจริญศึกษา อำเภอหัวตะพาน โรงเรียนราชประชานุเคราะห์54 จังหวัดอำนาจเจริญ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ โรงเรียนสร้างนกทาวิทยาคม อำเภอเมืองอำนาจเจริญ โรงเรียนเสนางคนิคม อำเภอเสนางคนิคม โรงเรียนหัวตะพานวิทยาคม อำเภอหัวตะพาน โรงเรียนอำนาจเจริญ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ โรงเรียนอำนาจเจริญพิทยาคม อำเภอเมืองอำนาจเจริญ โรงเรียนเอกชน โรงเรียนมูลนิธิสุดีวิทยาวัดไชยาติการาม อำเภอพนา โรงเรียนเจริญวิทยา อำเภอเมือง โรงเรียนอนุบาลนพเก้า อำเภอเมือง โรงเรียนอาเวมารีอาอำนาจเจริญ อำเภอเมือง โรงเรียนธันยธรณ์พิทยา อำเภอลืออำนาจ โรงเรียนธันยธรณ์พิทยา 2 อำเภอปทุมราชวงศา โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา โรงเรียนวัดสระเกษวิทยา อำเภอเมือง โรงเรียนปัจฉิมวันวิทยา อำเภอพนา โรงเรียนบ่อชะเนงวิทยา(ร่วมศรีเจริญ) อำเภอหัวตะพาน โรงเรียนศรีใครวิทยา อำเภอเสนางคนิคม โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดสำราญนิเวศ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ === ระดับอาชีวศึกษา === วิทยาลัยเทคนิคอำนาจเจริญ วิทยาลัยเทคนิคหัวตะพาน วิทยาลัยอาชึวศึกษาโปลีเทคอำนาจเจริญ วิทยาลัยเทคโนโลยีอำนาจเจริญ (เอ-เทค) วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกวรรณ === ระดับอุดมศึกษา === มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตอำนาจเจริญ (โครงการจัดตั้ง) มหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดอำนาจเจริญ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อำนาจเจริญ (วัดสระเกษ) ==การสาธารณูปโภค== ==ถนนที่สำคัญในอำนาจเจริญ== สำหรับถนนในหมายเลขที่ 1-17 เป็นถนนที่สำคัญทางประวัติศาสตร์จังหวัดอำนาจเจริญได้แก่ ถนนอรุณประเสริฐ ถนนชยางกูร ถนนเอนกอำนาจ ถนนวิชิตสิน ถนนร่วมมิตร ถนนสุขาภิบาล 1 ถนนสุขาภิบาล 2 ถนนสุขาภิบาล 3 ถนนราษฎร์บูรณะ ถนนสามัคคีธรรม ถนนอำนวยราษฎร์ ถนนเจริญผล ถนนผดุงมิตร ถนนอุดมฤกษ์ ถนนบำรุงราษฎร์ ถนนประชาราษฎร์ ถนนสำราญราษฎร์ ถนนอำนาจอนุสรณ์ ส่วนถนนต่อไปนี้ เป็นถนนที่ตั้งชื่อขึ้นมาใหม่ ถนนข้าวหอมมะลิ ถนนเลี่ยงเมือง ===การคมนาคม=== การคมนาคมการจราจร ภายในเขตเมืองอำนาจเจริญ ประกอบด้วยถนน จำนวน 114 สาย รวมความยาวได้ 103 กิโลเมตร โดยแยกเป็นถนนสายหลัก สายรอง ดังนี้ ถนนสายหลัก 3 สาย ความยาว 9 กิโลเมตร ถนนสายรอง 59 สาย ความยาว 45 กิโลเมตร ซอย 52 ซอย ความยาว 49 กิโลเมตร ===การประปา=== จำนวนครัวเรือนที่ใช้น้ำประปามีจำนวนทั้งสิ้น 8,025 ครัวเรือน หน่วยงานเจ้าของกิจการประปา คือ การประปาส่วนภูมิภาค จังหวัดอำนาจเจริญ ผลิตน้ำประปาได้วันละ 10,560 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ปริมาณการใช้น้ำ 400 ลิตรต่อคนต่อวัน พื้นที่บริการจ่ายน้ำ 7 ตารางกิโลเมตร ===ไฟฟ้า=== ครัวเรือนที่มีการใช้ไฟฟ้าเกือบทุกหลังคาเรือน และมีไฟฟ้าใช้ครอบคลุม ไฟฟ้าสาธารณะตามถนน ถนนสายหลักเมืองมีเกือบครบทุกสายเว้นแต่ถนนสายรอง และตามแยก ซอย ซึ่งยังขาดแคลนอีกหลายจุด ===การสื่อสาร=== จำนวนโทรศัพท์ส่วนบุคคลในพื้นที่ จำนวน 3,309 เลขหมาย จำนวนโทรศัพท์สาธารณะในเขตพื้นที่ จำนวน 536 เลขหมาย ชุมสายโทรศัพท์ในเขตพื้นที่ จำนวน 1 แห่ง จำนวนคู่สายทั้งหมด 4,200 คู่สาย เปิดใช้ 2,331 คู่สาย ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข จำนวน 1 แห่ง คือที่ทำการไปรษณีย์อำนาจเจริญ สถานีวิทยุกระจายเสียงในเขตพื้นที่ มี 1 สถานี คือ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดอำนาจเจริญ ระบบเสียงวิทยุไร้สาย 1 สถานี ของสำนักงานเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ หน่วยงานวิทยุสื่อสารในเขตเทศบาล ได้แก่ แม่ข่ายแสงเพชรของสำนักงานเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ แม่ข่ายมิ่งเมืองของสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองอำนาจเจริญ แม่ข่ายเมืองแมนของที่ทำการปกครองอำเภอเมือง แม่ข่ายเทพมงคลของที่ทำการปกครองจังหวัดอำนาจเจริญ ===ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ=== ภูมิอากาศ อุณหภูมิสูงสุด 42 องศาเซลเซียส ต่ำสุด 14 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 1,782.8 ลูกบาศก์มิลลิเมตร แหล่งน้ำ อ่างเก็บน้ำ 2 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน และอ่างเก็บน้ำร่องน้ำซับ คลอง ห้วย 5 แห่ง คือ ห้วยปลาแดก ห้วยกุดสะคุ ห้วยกอก ห้วยซัน และห้วยวังหมู น้ำเสีย ปริมาณน้ำเสีย ประมาณ 8,383 ลบ.ม. ต่อวัน โรงงานบำบัดน้ำเสีย และกำลังค่า BOD. เฉลี่ย 18 มิลลิกรัมต่อลิตร กำลังค่า BOD. ออกจากระบบ 8.30 มิลลิกรัมต่อลิตร ขยะ ปริมาณขยะ 25 ตันต่อวัน รถยนต์ที่ใช้ในการเก็บขยะ 8 คัน ขยะที่เก็บได้ประมาณ 25 ตันต่อวัน โดยกำจัดขยะด้วยวิธีฝังกล สถานที่กำจัดขยะ 98 ไร่ ตั้งอยู่ที่ ดงสีบู ตำบลไก่คำ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ รถเข็นเพื่อเก็บขนขยะมูลฝอย 31 คัน ถังรองรับขยะมูลฝอย 485 ใบ เพิ่มใหม่ปี 2551 จำนวน 260 ใบ รวม 745 ใบ พนักงานเก็บ ขน และกวาดขยะมูลฝอย 60 คน == งานประจำจังหวัด == ฮีตสิบสอง คือจารีตประเพณีที่ประชาชนนำมาปฏิบัติประจำเดือน ทั้ง 12 เดือนในรอบปี เป็นประเพณีการทำบุญประจำเดือนที่เกี่ยวเนื่องกับพุทธศาสนา การนับเดือนเป็นแบบจันทรคติ คือ เดือนอ้าย เดือนยี่ เดือนสาม เดือนสี่ เดือนห้า เดือนหก เดือนเจ็ด เดือนแปด เดือนเก้า เดือนสิบ เดือนสิบเอ็ด และเดือนสิบสอง ตามปกติเดือนอ้ายซึ่งเป็นเดือนแรกของปีจะเริ่มประมาณปลายเดือนธันวาคม ชาวอำนาจเจริญ ถือว่าการประกอบพิธีกรรมตามฮีตสิบสองเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าพิธีกรรม ดังกล่าวเกี่ยวเนื่องทั้งพุทธศาสนาและภูตผีวิญญาณ ตั้งแต่ได้รับการยกฐานะให้เป็นจังหวัดอำนาจเจริญทางราชการและประชาชนได้พยายามส่งเสริมพิธีกรรมฮีตสิบสอง ให้เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดอำนาจเจริญ โดยจัดงานฮีตสิบสองและงานกาชาด ให้เป็นงานประจำปี ซึ่งจัดงานในวันที่ 1-10 ธันวาคม ของทุกปีพิธีกรรมตามฮีตสิบสอง ที่ชาวอำนาจเจริญปฏิบัติสืบเนื่องต่อมาจนปัจจุบัน มีสาระสำคัญพอสังเขป ดังนี้ ฮีตที่ 1. เดือนอ้าย บุญเข้ากรรม ฮีตที่ 2. เดือนยี่ บุญคูนลาน ฮีตที่ 3. เดือนสาม บุญข้าวจี่ ฮีตที่ 4. เดือนสี่ บุญผะเหวด ฮีตที่ 5. เดือนห้า บุญสงกรานต์ ฮีตที่ 6. เดือนหก บุญบั้งไฟ ฮีตที่ 7. เดือนเจ็ด บุญซำฮะ ฮีตที่ 8. เดือนแปด บุญเข้าพรรษา ฮีตที่ 9. เดือนเก้า บุญข้าวประดับดิน ฮีตที่ 10. เดือนสิบ บุญข้าวสาก ฮีตที่ 11. เดือนสิบเอ็ด บุญออกพรรษา ฮีตที่ 12. เดือนสิบสอง บุญกฐิน และงานลอยกระทง ===งานประจำปีเมืองอำนาจเจริญ=== งานนมัสการพระมงคลมิ่งเมือง (พระใหญ่) (อ.เมือง) งานนมัสการพระเหลาเทพนิมิต (อ.พนา) งานบุญคูนลาน(งานบุญเกี่ยวกับข้าว) (อ.ลืออำนาจ) งานบุญบั้งไฟ (อ.เมือง) งานแข่งเรือยาวล่องน้ำโขง (อ.ชานุมาน) งานครูสลามายามบ้าน(งานมหรสรรพ) (อ.สลา คุณวุฒิ) (อ.เมือง) งานบุญข้าวจี่ (อ.เสนางคนิคม) ==พิธีกรรมท้องถิ่นอำนาจเจริญ== ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน หนังปราโมทัยคณะน้ำปลีกบันเทิงศิลป์ บ้านดงบัง ตำบลน้ำปลีก อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ การละเล่นพื้นบ้าน การเส็งกลองกิ่ง อำเภอปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ วิถีชีวิตชนเผ่าภูไท บ้านคำเดือย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอชานุมาน พิธีกรรม รำผีไท้ บ้านป่าก่อ ตำบลป่าก่อ อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ == สถานที่สำคัญของจังหวัด == อำเภอเมืองอำนาจเจริญ พระมงคลมิ่งเมือง สวนมิ่งมงคล หอนาฬิกาอำนาจเจริญ เขาดานพระบาท วัดถ้ำแสงเพชร วัดถ้ำแสงแก้ว สวนพุทธอุทยาน (สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา) สวนมิ่งเมืองเฉลิมพระเกียรติ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน อำนาจเจริญ โบราณคดีวัดดงเฒ่าเก่า (ใบเสมาพันปี) วนอุทยานภูสิงห์-ภูผาผึ้ง หมู่บ้านหมอลำบ้านปลาค้าว อำเภอลืออำนาจ พระฤทธิ์ลือชัย (พระเจ้าใหญ่) ประเพณีบุญคูนลาน โบราณคดีบ้านเปือยหัวดง (ใบเสมาพันปี) โบราณคดี (ใบเสมาพันปี) กลุ่มวัดป่าเรไร โบราณคดี (ใบเสมาพันปี) กลุ่มวัดโพธิ์ศิลา อำเภอชานุมาน น้ำตกตาลใหญ่ น้ำตกตาดคันแท ภูถ้ำพระ ภูคำเดือย ดานกระต่าย จุดชมทิวทัศน์ริมโขง ชานุมาน เขาคีรีวงกต ภูมะโรง แก่งหินขัน ด่านการค้าชายแดนไทย-ลาว (จุดผ่อนปลนถาวรบ้านยักษ์คุ) อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว อำเภอเสนางคนิคม มหาเจดีย์พันล้านก้อน ภูวัด ภูเกษตร ภูพนมดี ภูโพนทอง อำเภอหัวตะพาน พระเจ้าใหญ่ศรีเจริญ วิหารหลวงปู่ขาว อนาลโย หมู่บ้านคำพระ หนองสามขา ป่าดงใหญ่ สวนสัตว์เปิดบ้านนาคู อำเภอพนา พระเหลาเทพนิมิด วัดพระเหลาเทพนิมิด(สถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง) ชมพนาเมืองเก่า วนอุทยานดอนเจ้าปู่ (ดงลิง) โบราณคดีบ้านโพนเมือง(ใบเสมาพันปี) อำเภอปทุมราชวงศา พระธาตุนาป่าแซง วัดป่าศรีวิชัยสุวรรณาราม == การกีฬา == ในอดีตอำนาจเจริญมีทีมกีฬาอาชีพประจำจังหวัด ได้แก่ ทีมอำนาจทาวน์ หรือ สโมสรฟุตบอลอำนาจ ยูไนเต็ด (ฉายา มดพิฆาต) ===สนามกีฬา=== สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอำนาจเจริญ สนามกีฬาเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ สนามกีฬาจังหวัดอำนาจเจริญ สนามกีฬาสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล(อำนาจเจริญ) ===สถานีตำรวจ=== จังหวัดอำนาจเจริญมีสถานีตำรวจทั้งสิ้น 11 แห่ง * สถานีตำรวจภูธรเมืองอำนาจเจริญ * สถานีตำรวจภูธรชานุมาน * สถานีตำรวจภูธรปทุมราชวงศา * สถานีตำรวจภูธรลืออำนาจ * สถานีตำรวจภูธรพนา * สถานีตำรวจภูธรเสนางคนิคม * สถานีตำรวจภูธรหัวตะพาน * สถานีตำรวจภูธรน้ำปลีก * สถานีตำรวจภูธรปลาค้าว * สถานีตำรวจภูธรโพนทอง * กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ == ห้างสรรพสินค้า == รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดอำนาจเจริญ == สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ == ===อำเภอเมือง=== พระมงคลมิ่งเมือง อ.เมือง วนอุทยานภูสิงห์-ภูผาผึ้ง อ.เมือง วัดถ้ำแสงเพชรหรือวัดศาลาพันห้อง อ.เมือง อ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน อ.เมือง สวนพุทธอุทยาน อ.เมือง สวนมิ่งเมือง อ.เมือง สวนมิ่งมงคล อ.เมือง สวนสระหนองเม็ก อ.เมือง ภูจำปา อ.เมือง ดานพระบาท อ.เมือง วัดดงเฒ่าเก่า อ.เมือง อ่างเก็บน้ำห้วยสีโท อ.เมือง ===อำเภอลืออำนาจ=== พระฤทธิ์ลือชัย อ.ลืออำนาจ วัดโพธิ์ศิลา อ.ลืออำนาจ ที่พักสงฆ์ป่าเรไร (เสมาโบราณ) อ.ลืออำนาจ แหล่งโบราณคดีบ้านเปือยหัวดง เสมาพันปี อ.ลืออำนาจ สิมเก่า(โบสถ์) วัดดงมะยาง อ.ลืออำนาจ สิมเก่า(โบสถ์)วัดบ้านยางช้า อ.ลืออำนาจ ===อำเภอเสนางคนิคม=== อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว อ.เสนางคนิคม ภูเกษตร อ.เสนางคนิคม ภูโพนทอง อ.เสนางคนิคม ที่พักสงฆ์หินน้ำโจ้ก อ.เสนางคนิคม วัดป่าโนนเก่าห้วย อ.เสนางคนิคม ภูวัด อ.เสนางคนิคม ===อำเภอหัวตะพาน=== ศูนย์เจียรไนพลอยบ้านนาคู อ.หัวตะพาน ศูนย์ศิลปาชีพบ้านสร้างถ่อน้อย อ.หัวตะพาน ศูนย์จำหน่ายหัตถกรรมบ้านคำพระ อ.หัวตะพาน วัดโนนบึงศิลาราม อ.หัวตะพาน พระเจ้าใหญ่ศรีเจริญ อ.หัวตะพาน พระพุทธสันติสุขฯ วัดบ้านเก่าบ่อ อ.หัวตะพาน http://www.watbankaobo.com/ หลวงพ่อนาคองค์แสน วัดบ้านเก่าบ่อ อ.หัวตะพาน ===อำเภอชานุมาน=== แก่งต่างหล่าง อ.ชานุมาน แก่งหินขัน อ.ชานุมาน ทิวทัศน์ริมฝั่งโขง อ.ชานุมาน น้ำตกห้วยทราย อ.ชานุมาน เขาคีรีวงกต อ.ชานุมาน ภูคำเดือย อ.ชานุมาน ภูถ้ำพระ อ.ชานุมาน น้ำตกตาดใหญ่ อ.ชานุมาน ===อำเภอพนา=== แหล่งทอผ้าไหม อ.พนา วัดพระเหลาเทพนิมิต อ.พนา วนอุทยานดอนเจ้าปู่ อ.พนา โบราณสถานบ้านโพนเมือง อ.พนา วัดดอนขวัญ อ.พนา อ่างเก็บน้ำบ้านถ่อนและดอนม่วง อ.พนา ===อำเภอปทุมราชวงศา=== วัดป่าศรีวิชัยสุวรรณาราม อ.ปทุมราชวงศา พระธาตุนาป่าแซง(พระธาตุปทุมราชวงศา) อ.ปทุมราชวงศา ===อุทยาน=== จังหวัดอำนาจเจริญ มีพื้นที่ป่าอยู่ประมาณ 608,000 ไร่ ประมาณร้อยละ 34 ของพื้นที่จังหวัด ไม้ส่วนใหญ่เป็นไม้กระยาเลย เต็งรัง และไม้แดง มีอยู่ทั่วไป อุทยานแห่งชาติ มีอยู่แห่งเดียวคือ อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว อยู่ในเขตอำเภอชานุมาน มีพื้นที่ประมาณ 42,000 ไร่ มีภูสระดอกบัว อยู่บริเวณรอยต่อกับอุทยาน ฯ ในพื้นที่บ้านคำเดือย บ้านสงยาง บ้านเหล่าแก้วแมง ตำบลคำเขื่อนแก้ว บ้านหินสิ่ว ตำบลชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร เป็นเทือกเขายาวเหยียด หนาทึบ ด้วยป่าไม้เบญจพรรณ แต่เดิมเป็นป่าที่อุดมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ และแดดส่องไปถึงพื้นดิน มีสัตว์ป่า เช่น ช้าง เสือ หมี กวาง เลียงผา กระทิง และหมูป่า อยู่ชุกชุม ปัจจุบันป่าถูกทำลายจนเหลืออยู่ไม่ถึงร้อยละ 50 และสัตว์ป่าได้สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว ป่าสงวนแห่งชาติ มีอยู่ 14 แห่ง รวมพื้นที่ประมาณ 412,000 ไร่ ดังนี้ ป่าดงหัวกองและป่าดงปอ อยู่ในเขตอำเภอเมือง ฯ มีพื้นที่ประมาณ 58,000 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 35,000 ไร่ ป่าดงหัวกองและป่าดงปังอี่ อยู่ในเขตอำเภอเมือง ฯ อำเภอเสนางคนิคม และอำเภอปทุมราชวงศา มีพื้นที่ประมาณ 195,200 ไร่ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 161,000 ไร่ ป่าดงคำเดือย แปลงที่ 1 อยู่ในเขตอำเภอปทุมวงศา มีพื้นที่ประมาณ 217,000 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 164,000 ไร่ ป่ารังงาม อยู่ในเขตอำเภอปทุมวงศา มีพื้นที่ประมาณ 1,300 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 400 ไร่ ป่าหนองหลุบและป่าดงปู่ตา อยู่ในเขตอำเภอหัวตะพาน มีพื้นที่ประมาณ 13,000 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 900 ไร่ ป่าดงใหญ่ อยู่ในเขตอำเภอหัวตะพาน มีพื้นที่ประมาณ 33,000 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 29,000 ไร่ ป่าดงหนองบัว แปลงที่ 1 อยู่ในเขตอำเภอหัวตะพาน มีพื้นที่ประมาณ 5,500 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 6,300 ไร่ ป่าฝนแสนห่า อยู่ในเขตอำเภอพนา มีพื้นที่ประมาณ 9,500 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 4,700 ไร่ ป่าหนองลุมพุก อยู่ในเขตอำเภอพนา มีพื้นที่ประมาณ 5,500 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 100 ไร่ ป่าโคกโสกใหญ่ อยู่ในเขตอำเภอพนา มีพื้นที่ประมาณ 9,000 ไร่ ป่าดงนางชีและป่าขี้แลน อยู่ในเขตอำเภอพนา มีพื้นที่ประมาณ 2,200 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 300 ไร่ ป่าโคกสองสลึง อยู่ในเขตอำเภอพนา และอำเภอปทุมราชวงศา มีพื้นที่ประมาณ 23,000 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 9,600 ไร่ ป่าดงป่ายาง และป่าดงปู่ตา อยู่ในเขตอำเภอลืออำนาจ มีพื้นที่ประมาณ 3,400 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 150 ไร่ ป่าดงปังอี่ อยู่ในเขตอำเภอเสนางคนิคม มีพื้นที่ประมาณ 2,200 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 2,200 ไร่ ป่าถาวรตามมติรัฐมนตรี มีอยู่ 5 แห่ง มีพื้นที่ประมาณ 245,000 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 154,000 ไร่ ดังนี้ ป่าดงหัวกอง แปลงที่ 1 อยู่ในเขตอำเภอเมือง ฯ มีพื้นที่ประมาณ 37,500 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 12,000 ไร่ ป่าดงสิบ อยู่ในเขตอำเภอเมือง ฯ มีพื้นที่ประมาณ 4,800 ไร่ ปัจจุบันหมดสภาพ ป่าดงหัวกอง หมายเลข 47 อยู่ในเขตอำเภอเมือง ฯ มีพื้นที่ประมาณ 22,000 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 9,600 ไร่ ป่าดงปังอี่ฝั่งซ้ายห้วยทบ อยู่ในเขตอำเภอปทุมราชวงศา และอำเภอชานุมาน มีพื้นที่ประมาณ 156,000 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 131,000 ไร่ ป่าดงขวาง อยู่ในเขตอำเภอปทุมวงศามีพื้นที่อยู่ประมาณ 1,800 ไร่ ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 700 ไร่ === สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ === อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว วนอุทยานภูสิงห์-ภูผาผึ้ง วนอุทยานดอนเจ้าปู่ === สถานที่ท่องเที่ยวทางศิลปะและวัฒนธรรม === แหล่งโบราณคดีบ้านเปือยหัวดง กลุ่มใบเสมาในเขตวัดโพธิศิลา กลุ่มใบเสมาบริเวณวัดป่าเรไร กลุ่มใบเสมาหลังโรงเรียนชุมชนเปือยหัวดง แหล่งโบราณคดีบ้านโพนเมือง แหล่งโบราณคดีวัดดงเฒ่าเก่า แหล่งโบราณคดีดอนยาง แหล่งโบราณคดีโนนเมือง แหล่งโบราณคดีบ้านหนองแสง แหล่งประวัติศาสตร์ มี แหล่งประวัติศาสตร์บ้านชาด แหล่งประวัติศาสตร์ภูสระดอกบัว === สถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนาและความเชื่อ === พระนอนวัดถ้ำแสงเพชร พระศรีโพธฺ์ชัย พระธาตุปทุมราชวงศา วิหารหลวงปู่ขาว อนาลโย พระมงคลมิ่งเมือง พระเหลาเทพนิมิต พระเจ้าใหญ่ศรีเจริญ พระสังกัจจายน์(วัดสำราญนิเวศ) == ชาวจังหวัดอำนาจเจริญที่มีชื่อเสียง == === พระสงฆ์ === สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (มานิต ถาวโร) สมเด็จพระราชาคณะ อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร พระราชปรีชาญาณมุนี (หลอม มหาวิริโย) เจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ เจ้าอาวาสวัดบ่อชะเนง พระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์ (สิงห์ ขนฺตยาคโม) พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ === ศิลปิน === ดาว มยุรี (นักร้องลูกทุ่ง) อังคณาง คุณไชย จ๊อบ แอน จอย (นักร้องหมอลำ) ฉวีวรรณ ดำเนิน ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง(หมอลำ) ข้าวทิพย์ ธิดาดิน (นักร้องลูกทุ่ง) นิ้วก้อย กรรณิการ์ พงศกร เมตตาริกานนท์ (นักแสดง) ดอกรัก ดวงมาลา (นักร้องลูกทุ่ง) เบิ้ล ปทุมราช (นักร้องลูกทุ่ง) === นักกีฬา === พัทธยา เทศทอง (นักกีฬาเหรียญทอง พาราลิมปิก 2012) ชลธาร อ.พิริยะภิญโญ (นักมวย) === นักการเมือง === ธีระชัย ศิริขันธ์ นิวัติ กองเพียร ธนา เมตตาริกานนท์ (อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2531) สุทัศน์ เงินหมื่น (นักการเมือง) == ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น == === อำเภอลืออำนาจ=== ผ้าไหม ผ้ามัดหมี่ ผ้าขิด ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเสื่อกก น้ำพริกปลาร้า พฤกษาศิลป์(เยาวชนอำนาจ) === อำเภอเมือง=== เนื้อแห้งรสเด็ด แหนมใบมะยม(ร้านสมพร) แจ่วบองสมุนไพร ข้าวกล้องงอกหอมมะลิ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ข้าวสารหอมมะลิ 3K ชาใบหม่อน ไม้แกะสลัก เสื่อกก(ลายขิต) เสื่อกกลายมัดหมี่ กล้วยห่อสะบัดงา ผ้าฝ้ายย้อมสีธรรมชาติ ผ้าพื้นเรียบ ผ้าสไบขิต ผ้าลายเกล็ดเต่า ลูกแก้วผ้ามัดหมี่ มวยนึ่งข้าวเหนียวของชาวตำบลนาจิก === อำเภอพนา=== ผ้าสายฝน, ผ้ามัดหมี่, ผ้าลายขิด, ผ้าขาวม้า ผ้าทอมัดหมี่ ,แปรรูปผ้าไหม === อำเภอชานุมาน=== กลัวยตากบ้านหินขัน ผ้าขาวม้าเชิงขิด ผ้าขิด ครีมล้างหน้ามะขาม === อำเภอปทุมราชวงศา=== ข้าวหอมมะลิ ผ้าขิดมัดหมี่ กลุ่มแปรรูปสมุนไพรบ้านหินเกิ้ง (สุรากลั่นกระชายดำ) === อำเภอเสนางคนิคม=== ยาหม่องน้ำมันงา === อำเภอหัวตะพาน=== งานฝีมือผ้าทอบ้านคำพระ == การเดินทาง == ===โดยทางรถยนต์=== อำนาจเจริญอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 585 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางสู่จังหวัดอำนาจเจริญได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัวและรถประจำทาง โดยรถยนต์จากกรุงเทพฯ ไปอำนาจเจริญได้ 2 เส้นทาง คือ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ถึงนครราชสีมา จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 226 นครราชสีมา-สุรินทร์ และใช้ทางหลวงหมายเลข 214 (สุรินทร์-สุวรรณภูมิ) แล้วแยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 202 ผ่านจังหวัดยโสธร และอำเภอป่าติ้ว ถึงจังหวัดอำนาจเจริญ รวมระยะทางประมาณ 585 กิโลเมตร ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 และหมายเลข 2 จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 226 (นครราชสีมา-อุบลราชธานี) ถึงจังหวัดอุบลราชธานี แล้วใช้ทางหลวง หมายเลข 212 (อุบลราชธานี-อำนาจเจริญ)รวมเป็นระยะทางประมาณ 704 กิโลเมตร ===โดยรถประจำทาง=== โดยรถประจำทางมีรถโดยสารธรรมดาและรถโดยสารปรับอากาศของบริษัท ขนส่ง จำกัด และของเอกชน ออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือถนนกำแพงเพชร 2ไปอำนาจเจริญ ทุกวัน วันละหลายเที่ยว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง ====รถโดยสารปรับอากาศและรถตู้ปรับอากาศที่วิ่งระหว่างเมือง==== รถโดยสารปรับอากาศ สายขอนแก่น -อำนาจเจริญ รถโดยสารปรับอากาศ สายมุกดาหาร-พัทยา รถโดยสารปรับอากาศ สายสกลนคร-อุบลราชธานี รถตู้ปรับอากาศที่วิ่งระหว่างเมืองอำนาจเจริญ -อุบลราชธานี ประมาณ 50 คัน รถตู้ปรับอากาศที่วิ่งระหว่างเมืองอำนาจเจริญ -เขมราฐ-อุบลราชธานี ประมาณ 40 คัน รถตู้ปรับอากาศที่วิ่งระหว่างเมืองอำนาจเจริญ -เลิกนกทา-อุบลราชธานี ประมาณ 40 คัน รถตู้ปรับอากาศที่วิ่งระหว่างเมืองอำนาจเจริญ -สกลนคร-อุบลราชธานี === การเดินทางภายในอำนาจเจริญ=== ในตัวเมืองอำนาจเจริญมีรถโดยสารประจำทางไปยังอำเภอต่างๆ ได้อย่างสะดวก นักท่องเที่ยวสามารถเลือกใช้บริการยานพาหนะได้หลายรูปแบบตามอัธยาศัย สอบถามรายละเอียดได้ที่สถานีขนส่งอำนาจเจริญ นอกจากนี้ยังมีรถสองแถวไปยังอำเภอ เช่น อำเภอลืออำนาจ อำเภอพนา ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคิวรถจะอยู่ในสถานีขนส่งระยะทางจากอำเภอเมืองอำนาจเจริญไปยังอำเภอต่าง ๆ คือ อำเภอลืออำนาจ 22 กิโลเมตร อำเภอปทุมราชวงศา 32 กิโลเมตร อำเภอหัวตะพาน 35 กิโลเมตร อำเภอพนา 47 กิโลเมตร อำเภอชานุมาน 78 กิโลเมตร อำเภอเสนางคนิคม 21 กิโลเมตร ===โดยทางเครื่องบิน=== สายการบินระหว่างดอนเมือง-อุบลราชธานี ลงเครื่องที่ สนามบินนานาชาติอุบลราชธานีแล้วต่อรถโดยสารปรับอากาศหรือรถตู้ปรับอากาศที่วิ่งระหว่างเมืองมายังอำนาจเจริญ == อ้างอิง == == ดูเพิ่ม == รายชื่อวัดในจังหวัดอำนาจเจริญ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดอำนาจเจริญ รายชื่อโบราณสถานในจังหวัดอำนาจเจริญ สโมสรฟุตบอลอำนาจเจริญ ทาวน์ รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดอำนาจเจริญ == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2536
thaiwikipedia
1,953
ตรรกศาสตร์
ตรรกศาสตร์ (logic - มีรากศัพท์จากภาษากรีกคือ λόγος, logos) โดยทั่วไปประกอบด้วยการศึกษารูปแบบของข้อโต้แย้งอย่างเป็นระบบ ข้อโต้แย้งที่สมเหตุสมผลคือข้อโต้แย้งที่มีความสัมพันธ์ของการสนับสนุนเชิงตรรกะที่เฉพาะเจาะจงระหว่างข้อสมมุติพื้นฐานของข้อโต้แย้งและข้อสรุป ตรรกศาสตร์เป็นการศึกษาเชิงปรัชญาว่าด้วยการให้เหตุผล โดยมักจะเป็นส่วนสำคัญของวิชาปรัชญา คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ รวมถึงภาษาศาสตร์ ตรรกศาสตร์เป็นการตรวจสอบข้อโต้แย้งที่สมเหตุสมผล (valid argument) หรือการให้เหตุผลแบบผิดๆ (fallacies) ตรรกศาสตร์ เป็นการศึกษาที่มีมานานโดยมนุษยชาติที่เจริญแล้ว เช่น กรีก จีน หรืออินเดีย และถูกยกขึ้นเป็นสาขาวิชาหนึ่งโดย อริสโตเติล == ที่มาของคำว่า ตรรกศาสตร์ == คำว่า "ตรรกศาสตร์" ในปัจจุบัน เป็นศัพท์บัญญัติที่ใช้แทนแนวคิดเรื่อง Logic ในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำว่า λόγος (logos) ในภาษากรีก ที่มีความหมายเดิมว่าคำ หรือสิ่งที่ถูกกล่าว หลาย ๆ ประเทศที่ใช้อักษรโรมันในการเขียนก็มีศัพท์ที่พูดถึงแนวคิดนี้ในลักษณะชื่อที่คล้ายๆกัน ในภาษาไทย เดิมมีคำนี้ใช้อยู่แล้ว ซึ่งน่าจะได้มาจากภาษาบาลี สันสกฤต (อย่างเช่นใน กาลามสูตร 10 ข้อ ที่ มีกล่าวไว้ว่าข้อหนึ่งว่า "อย่าเชื่อ เพราะ ได้คิดคำนึงเอาด้วย ตักฺกะ") ซึ่งอาจจะมีความหมายไม่ตรงทีเดียวนักกับคำว่าตรรกศาสตร์ที่ใช้ในภาษาปัจจุบัน == ดูเพิ่ม == ตรรกะวิบัติ ที่ไม่เป็นไปตามหลักตรรกะอย่างถูกต้อง * นามธรรม การรับรู้ คณิตศาสตร์ ปรัชญา
thaiwikipedia
1,954
31 พฤษภาคม
วันที่ 31 พฤษภาคม เป็นวันที่ 151 ของปี (วันที่ 152 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 214 วันในปีนั้น. == เหตุการณ์ == พ.ศ. 2423 (ค.ศ. 1880) - สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวีเสด็จสวรรคต พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์ พระราชธิดา ในอุบัติเหตุเรือพระที่นั่งล่ม ระหว่างทางเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับแรม ณ พระราชวังบางปะอิน พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) - อุทกภัยที่จอนส์ทาวน์ เกิดอุทกภัยคร่าชีวิตประชาชนกว่า 2,200 คน ในเมืองจอนส์ทาวน์ รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2459 (ค.ศ. 1916) - กองทัพเรือเยอรมันและอังกฤษ ปะทะกันในยุทธนาวีที่จัตแลนด์ ซึ่งเป็นยุทธนาวีที่ใหญ่ที่สุดในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - สงครามโลกครั้งที่สอง ลุฟท์วัฟเฟอของประเทศเยอรมนีได้ทิ้งระเบิดใส่เมืองโคเวนทรี ประเทศอังกฤษ พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - ครอง จันดาวงศ์ ถูกประหารชีวิต ที่ซึ่งเขาได้กล่าววาทะที่ใช้ในการเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศไทยจนถึงปัจจุบันที่ว่า “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ“ พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - อายักซ์ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยูโรเปียนคัพ (ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในปัจจุบัน) ถือเป็นการครองถ้วยนี้เป็นสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสร พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - ระบบแนวท่อส่งน้ำมันข้ามอะแลสกาสร้างเสร็จสมบูรณ์ พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - พายุทอร์นาโดจำนวน 41 ลูก เข้าถล่มรัฐโอไฮโอ เพนซิลเวเนีย นิวยอร์ก และรัฐออนแทรีโอ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 76 คน พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - ระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศที่กัวลาลัมเปอร์ 7 ชาติอาเซียนมีมติรับพม่า กัมพูชา และลาว เป็นสมาชิก พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - นัดเปิดสนามฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งมีญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วม พ.ศ. 2561 (ค.ศ. 2018) - โรงภาพยนตร์ลิโดปิดให้บริการเนื่องจากหมดสัญญาเช่า พ.ศ. 2619 (ค.ศ. 2076) - 90377 เซดนา โคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด อยู่ที่ 76 หน่วยดาราศาสตร์ == วันเกิด == พ.ศ. 2012 (ค.ศ. 1469) - พระเจ้ามานูเอลที่ 1 แห่งโปรตุเกส (สวรรคต 13 ธันวาคม พ.ศ. 2064) พ.ศ. 2362 (ค.ศ. 1819) - วอลต์ วิตแมน กวีชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 26 มีนาคม พ.ศ. 2435) พ.ศ. 2387 (ค.ศ. 1844) - พระองค์เจ้าจันทรสุเทพ (สิ้นพระชนม์ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2454) พ.ศ. 2395 (ค.ศ. 1852) - ยูลีอุส รีชาร์ด เพทรี นักจุลชีววิทยาชาวเยอรมัน ผู้ประดิษฐ์จานเพาะเชื้อ (ถึงแก่กรรม 20 ธันวาคม พ.ศ. 2464) พ.ศ. 2400 (ค.ศ. 1857) - สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 11 (สิ้นพระชนม์ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2481) พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1923) - เจ้าชายแรนีเยที่ 3 เจ้าผู้ครองโมนาโก (สวรรคต 6 เมษายน พ.ศ. 2548) พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) - คลินต์ อีสต์วูด นักแสดงชาวอเมริกัน ผู้กำกับและผู้ผลิตภาพยนตร์ พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - ลีอา ธอมป์สัน นักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอเมริกัน พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) - เวสลีย์ วิลลิส นักดนตรีชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 21 สิงหาคม พ.ศ. 2546) พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) - บรุก ชีลส์ นักแสดงและนางแบบชาวอเมริกัน พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - อาร์ชี ปัญจาบี นักแสดงชาวสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - คงกะพัน แสงสุริยะ นักแสดงและพิธีกรชาวไทย พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - ดอน ธีระธาดา นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - โคลิน ฟาร์เรล นักแสดงชาวไอริช พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - * ยุทธจักร ก้อนจันทร์ นักฟุตบอลระดับอาชีพชาวไทย * อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - * คิม อเบิช นักฟุตบอลชาวเดนมาร์ก * มานิดา เรืองศรี นักร้อง/นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - แอน มิตรชัย นักร้อง นักแสดงหญิง นางแบบชาวไทย พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - บัส โดสต์ นักฟุตบอลอาชีพชาวดัตช์ พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - ถาน ซ่งอวิ้น นักแสดงหญิงชาวจีน พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - ฮามิลตง ซูวาริส นักฟุตบอลอาชีพชาวบราซิล พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) - อิกา ชฟียอนแต็ก นักเทนนิสอาชีพชาวโปแลนด์ == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 2283 (ค.ศ. 1740) - พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮล์มที่ 1 แห่งปรัสเซีย (พระราชสมภพ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2231) พ.ศ. 2352 (ค.ศ. 1809) - โจเซฟ ไฮเดิน คีตกวีชาวออสเตรีย (เกิด พ.ศ. 2275) พ.ศ. 2423 (ค.ศ. 1880) * สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี (ประสูติ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2403) * เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพ็ชรรัตน์ (ประสูติ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2421) พ.ศ. 2430 (ค.ศ. 1887) - เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ (ประสูติ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2428) พ.ศ. 2453 (ค.ศ. 1910) - อลิซาเบธ แบล็กเวลล์ แพทย์ชาวอังกฤษ-อเมริกัน (เกิด 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2363) พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - ครอง จันดาวงศ์ ครู นักการเมือง และนักเคลื่อนไหวชาวไทย (เกิด 28 มกราคม พ.ศ. 2451) พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - โผน กิ่งเพชร นักมวยชาวไทย (เกิด 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2478) พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - แจ็ก เดมป์ซีย์ นักมวยชาวอเมริกัน (เกิด 24 มิถุนายน พ.ศ. 2438) พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - จ๊ะเอ๋ เชิญยิ้ม ตลกชาวไทยผู้มีเสียงแหลมเป็นเอกลักษณ์ พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - พรเพชร เหมือนศรี นักสิทธิมนุษยชนชาวไทย (เกิด 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2480) พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - ลิลโลเด็ด แร็ปเปอร์ชาวอเมริกัน (เกิด 1 สิงหาคม พ.ศ. 2543) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) - วันวิสาขบูชา โรมันคาทอลิก - วันฉลองพระนางมารีย์เสด็จเยี่ยม สากล - วันงดสูบบุหรี่โลก แอฟริกาใต้ - วันเอกราช (พ.ศ. 2453) == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day พฤษภาคม 31 พฤษภาคม
thaiwikipedia
1,955
เซลล์เชื้อเพลิง
เซลล์เชื้อเพลิง (fuel cell) เป็นเซลล์ไฟฟ้าเคมีที่เปลี่ยนพลังงานเคมีจากเชื้อเพลิงชนิดหนึ่งให้เป็นกระแสไฟฟ้าผ่านทางปฏิกิริยาเคมีของไอออนของไฮโดรเจนประจุบวกกับออกซิเจนหรือตัวทำออกซิเดชันอื่น เซลล์เชื้อเพลิงแตกต่างจากแบตเตอรี่ที่ว่ามันต้องการแหล่งจ่ายเชื้อเพลิงและออกซิเจนหรืออากาศอย่างต่อเนื่องเพื่อความยั่งยืนของปฏิกิริยาเคมี ในขณะที่ในแบตเตอรี่สารเคมีภายในจะทำปฏิกิริยาต่อกันเพื่อผลิตแรงเคลื่อนไฟฟ้า (emf) เซลล์เชื้อเพลิงสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องนานเท่าที่เชื้อเพลิงและออกซิเจนหรืออากาศยังคงถูกใส่เข้าไป ไม่เหมือนกับแบตเตอรี่ที่จะหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าถ้าสารเคมีหมดอายุการใช้งาน เซลล์เชื้อเพลิงถูกคิดค้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1838 เซลล์เชื้อเพลิงเชิงพาณิชย์ครั้งแรกถูกใช้มากว่าหนึ่งศตวรรษต่อมาในโครงการอวกาศของนาซ่า ที่จะผลิตพลังงานให้กับดาวเทียมและแคปซูลอวกาศ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเซลล์เชื้อเพลิงถูกนำมาใช้ในงานที่หลากหลายอื่น ๆ เซลล์เชื้อเพลิงถูกใช้สำหรับพลังงานหลักและพลังงานสำรองเพื่อการพาณิชย์ อุตสาหกรรมและอาคารที่อยู่อาศัยและในพื้นที่ห่างไกลและไม่สามารถเข้าถึงได้ พวกมันยังถูกใช้เพื่อให้พลังงานกับยานพาหนะเซลล์เชื้อเพลิง รวมทั้งรถยก, รถยนต์, รถโดยสาร, เรือ, รถจักรยานยนต์และเรือดำน้ำ เซลล์เชื้อเพลิงมีอยู่หลายชนิด ทุกชนิดประกอบด้วยแอโนด แคโทดและอิเล็กโทรไลต์ อิเล็กโทรไลต์จะยอมให้ไอออนไฮโดรเจนประจุบวก (หรือโปรตอน) สามารถเคลื่อนที่ได้จากแอโนดไปแคโทดของเซลล์เชื้อเพลิง แอโนดและแคโทดประกอบด้วยตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เชื้อเพลิงเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นที่สร้างไอออนไฮโดรเจนประจุบวกและอิเล็กตรอน ไอออนไฮโดรเจนจะถูกดึงผ่านอิเล็กโทรไลต์หลังจากการเกิดปฏิกิริยาและเคลื่อนที่ไปยังแคโทด ในขณะเดียวกันอิเล็กตรอนที่เหลือจากอะตอมของไฮโดรเจนจะถูกดึงจากแอโนดไปยังแคโทดผ่านวงจรภายนอก ทำให้เกิดกระแสตรงที่แคโทดไอออนไฮโดรเจน อิเล็กตรอนและออกซิเจนทำปฏิกิริยากันก่อตัวเป็นน้ำ เนื่องจากความแตกต่างหลักระหว่างเซลล์เชื้อเพลิงในแต่ละประเภทคืออิเล็กโทรไลต์ เซลล์เชื้อเพลิงจึงถูกแยกประเภทตามชนิดของอิเล็กโทรไลต์ที่พวกมันใช้ และแยกตามระยะเวลาเริ่มต้นตั้งแต่ 1 วินาทีสำหรับเซลล์เชื้อเพลิงเยื่อหุ้มแลกเปลี่ยนโปรตอน (proton exchange membrane fuel cell (PEMFC)) จนถึง 10 นาทีสำหรับเซลล์เชื้อเพลิงออกไซด์แข็ง (solid oxide fuel cell (SOFC)) เซลล์เชื้อเพลิงเดี่ยว ๆ จะผลิตกระแสไฟฟ้าที่มีแรงดันขนาดค่อนข้างเล็ก ประมาณ 0.7 โวลต์ ดังนั้นเซลล์จึงต้องวาง "ซ้อน" กัน หรือถูกวางเรียงกันเป็นแถว เพื่อที่จะสร้างแรงดันเพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการของการใช้งาน นอกเหนือไปจากกระแสไฟฟ้า เซลล์เชื้อเพลิงยังผลิตน้ำ ความร้อนและ(ขึ้นอยู่กับแหล่งเชื้อเพลิง)ปริมาณขนาดเล็กมากของก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ และก๊าซอื่นๆ ประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเซลล์เชื้อเพลิงโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 40-60% หรือสูงขึ้นถึง 85% ในการผลิตแบบความร้อนร่วม (cogeneration) ถ้าความร้อนที่เหลือทิ้งถูกนำกลับมาใช้งานอีก ตลาดของเซลล์เชื้อเพลิงกำลังเจริญเติบโตและบริษัท Pike Research ได้ประมาณการว่าตลาดเซลล์เชื้อเพลิงอยู่กับที่จะสูงถึง 50 GW ในปี 2020 สารตั้งต้นที่ใช้โดยทั่วไปในเซลล์เชื้อเพลิงได้แก่ ก๊าซไฮโดรเจนที่ด้านแอโนด และก๊าซออกซิเจนที่ด้านแคโทด (เซลล์ไฮโดรเจน) โดยปกติแล้วเมื่อมีสารตั้งต้นไหลเข้าสู่ระบบ สารผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นก็จะไหลออกจะระบบไปด้วย ดังนั้นการทำงานของเซลล์เชื้อเพลิงจึงดำเนินต่อไปได้เรื่อยๆ ตราบเท่าที่เราสามารถควบคุมการไหลได้ เซลล์เชื้อเพลิงมักจะถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงและปราศจากมลพิษ เมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อเพลิง เช่น มีเทนและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ ผลิตภัณฑ์อย่างเดียวที่เกิดจากการทำงานของเซลล์เชื้อเพลิงคือน้ำ อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลอยู่ในขั้นตอนการผลิตก๊าซไฮโดรเจนซึ่งใช้พลังงานมาก การผลิตไฮโดรเจนจำเป็นต้องใช้วัตถุดิบที่มีไฮโดรเจน เช่น น้ำ หรือ เชื้อเพลิงอื่นๆ นอกจากนั้นยังต้องใช้ไฟฟ้าซึ่งก็ก็ผลิตมาจากแหล่งพลังงานแบบดั้งเดิม ได้แก่ น้ำมัน ถ่านหิน หรือแม้แต่พลังงานนิวเคลียร์ ในขณะที่พลังงานทางเลือกเช่น ลมและพลังงานแสงอาทิตย์ ก็อาจสามารถใช้ได้ แต่ราคาก็ยังสูงมากในปัจจุบัน ดังนั้นเราจึงยังไม่อาจกล่าวได้ว่าเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงเป็นอิสระจากเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ จนกว่าเราจะสามารถหาวิธีการผลิตไฮโดรเจนปริมาณมากด้วยพลังงานทดแทนหรือพลังงานนิวเคลียร์ == เทคโนโลยี == ประสิทธิภาพของเซลล์เชื้อเพลิงไม่ได้ถูกจำกัดด้วยประสิทธิภาพในระบบของวัฏจักรการ์โนต์ ซึ่งใช้กับระบบเครื่องยนต์ที่มีการสันดาป เนื่องจากเซลล์เชื้อเพลิงไม่ได้มีการทำงานเป็นวัฏจักรที่เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ ดังนั้นเซลล์เชื้อเพลิงจึงสามารถมีประสิทธิภาพการเปลี่ยนแปลงพลังงานเคมีเป็นพลังงานไฟฟ้าที่สูงมากได้ ในตัวอย่างง่ายๆ ของเซลล์เชื้อเพลิงแบบ hydrogen/oxygen proton-exchange membrane หรือ polymer electrolyte (PEMFC) พอลิเมอร์ที่ให้โปรตอนผ่านได้จะแยกฝั่งแอโนดและแคโทดออกจากกัน แต่ละด้านจะมีขั้วไฟฟ้าของตัวเอง ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแผ่นคาร์บอนเคลือบด้วยตัวเร่งปฏิกิริยาแพลทินัม ในด้านของแอโนด ไฮโดรเจนจะแพร่เข้าสู่ตัวเร่งปฏิกิริยาด้านแอโนด ทำให้มันแตกตัวออกเป็นโปรตอนและอิเล็กตรอน โปรตอนจะวิ่งผ่านเยื่อกั้นไปที่แคโทด ในขณะที่อิเล็กตรอนจะถูกบังคับให้วิ่งเข้าสู่วงจรไฟฟ้าภายนอก (ให้พลังงานออกมา) เพราะว่าเยื่อกั้นนั้นไม่ให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ ในด้านของตัวเร่งปฏิกิริยาที่แคโทด โมเลกุลของออกซิเจนจะทำปฏิกิริยากับอิเล็กตรอน ซึ่งวิ่งมาจากแอโนดผ่านวงจรภายนอก และมาพบกับออกซิเจนและโปรตอนที่ด้านนี้กลายเป็นน้ำ ในตัวอย่างนี้ของเสียที่เกิดขึ้นคือไอน้ำหรือน้ำที่เป็นของเหลวเท่านั้น แม้ในสภาวะเยือกแข็งน้ำก็ต้องถูกกำจัดออกจากระบบ ประสิทธิภาพและอัตราการเกิดปฏิกิริยาจะลดลงอย่างมากเมื่ออุณหภูมิต่ำลง นอกจากนี้ปัญหาอีกอย่างหนึ่งได้แก่ปัญหาความทนทานต่อ CO ของแอโนดซึ่งค่อนข้างจำกัด เซลล์เชื้อเพลิงไม่สามารถเก็บพลังงานได้เหมือนกับแบตเตอรี่ แต่ในบางสถานการณ์ เช่นเดียวกับ โรงไฟฟ้าที่ขึ้นอยู่กับแหล่งพลังงานที่ไม่ต่อเนื่อง (แสงอาทิตย์ ลม) มันสามารถทำงานร่วมกับ electrolyzer และระบบเก็บสะสมพลังงานเพื่อเก็บพลังงานไว้ได้ ประสิทธิภาพโดยรวมจากไฟฟ้าเป็นไฮโดรเจนและกลับมาสู่ไฟฟ้าอีกสำหรับโรงไฟฟ้าแบบนี้อยู่ที่ 30-40% นอกจากไฮโดรเจนบริสุทธิ์ นักวิจัยยังได้ใช้เชื้อเพลิงที่มีไฮโดรเจนประเภทอื่น เช่น ดีเซลล์ เมทานอล และสารเคมีที่เก็บไฮโดรเจนได้ ได้แก่โลหะบางชนิด == ประสิทธิภาพ == เซลล์เชื้อเพลิงโดยทั่วไปสามารถเปลี่ยนพลังงานเคมีเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ถึงราว 50% ประสิทธิภาพนี้ขึ้นอยู่กับกระแสที่ไหลผ่านเซลล์ ยิ่งกระแสถูกดึงไปมากประสิทธิภาพก็ลดลงมาก เราจำเป็นต้องนำการสูญเสียที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิต ขนส่งและจัดเก็บมาพิจารณาด้วย รถที่ขับเคลื่อนด้วยเซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้ไฮโดรเจอัดอาจมีประสิทธิภาพจากแหล่งพลังงานไปสู่การขับเคลื่อนอยู่ที่ 22% ถ้าไฮโดรเจนถูกเก็บอยู่ในรูปก๊าซความดันสูง และ 17%ถ้าไฮโดรเจนถูกเก็บอยู่ในรูปก๊าซเหลว รูปแบบการใช้งานอีกอย่างหนึ่งในประเทศที่อากาศหนาวเย็น คือ การใช้เซลล์เชื้อเพลิงให้พลังงานไฟฟ้าและความร้อนไปพร้อมกัน ในระบบนี้ประสิทธิภาพการเปลี่ยนพลังงานเคมีเป็นพลังงานไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องสูงมากนัก ปกติแล้วอยู่ที่ 15-20% เนื่องจากความร้อนก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ความร้อนบางส่วนสูญเสียไปกับก๊าซที่ปล่อยออกจากระบบเช่นเดียวกับระบบที่มีการเผาไหม้ทั่วไป ดังนั้นในระบบนี้ประสิทธิภาพโดยรวมจึงยังไม่ใช่ 100% แต่อยู่ที่ราว 80% == เศรษฐศาสตร์ == ในปัจจุบันเซลล์เชื้อเพลิงยังมีราคาสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์เผาไหม้ภายใน ซึ่งค่าใช้จ่ายที่สูงมากนี้มักมีสาเหตุมาจากตัวเร่งปฏิกิริยาแพลทินัม ซึ่งเร็วนี้ก็ได้มีการใช้แผ่นกั้นเซลล์ซึ่งทำหน้าที่เป็นสองขั้ว (bipolar plate) ได้ในแผ่นเดียวทำให้ราคาถูกลงมาได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันยังต้องการเครื่องจักรที่แม่นยำหรือฝีมือการประกอบที่ดี เนื่องจากความต้องการยังมีน้อยทำให้การประกอบเซลล์เชื้อเพลิงส่วนใหญ่ยังต้องใช้แรงงานคน อย่างไรก็ตามมีคนเชื่อว่าความต้องการเซลล์เชื้อเพลิงจะเพิ่มขึ้นและราคาจะถูกลงอย่างมากเนื่องจากการผลิตในปริมาณมาก ในปี 2002 เซลล์โดยทั่วไปใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาที่มีราคาสูงถึง 1000 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ ซึ่งคาดหมายว่าในปี 2007ราคาจะตกลงมาอยู่ที่เพียง 30 ดอลลาร์ต่อกิโลวัตต์ นอกจากนี้ยังเป็นที่กังวลว่าปริมาณแพลทินัมที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่พอเพียง (ความจริงแล้วมีเพียงหนึ่งในสี่) ที่จะเปลี่ยนยานพาหนะทั้งหมดมาเป็นเซลล์เชื้อเพลิง ดังนั้นการพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงในระดับใหญ่จะถูกจำกัดได้ด้วยราคาแพลทินัมที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว General Motors เชื่อว่ารถที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงจะออกสู่ตลาดในราคาที่เข้าถึงได้ในปลายทศวรรษนี้ บริษัทอื่นก็กำลังเร่งศึกษาค้นคว้าเพื่อให้เซลล์เชื้อเพลิงสามารถประยุกต์ใช้ได้จริง Ballard Power System ผู้บุกเบิกรายหนึ่งของเทคโนโลยีนี้ยินดีที่จะผลิตเซลล์เชื้อเพลิงให้กับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ อาทิเช่น Toyota Ford Volvo Mazda General Motors และ Honda ความสำเร็จของ Ballard ในปัจจุบันคือการลดต้นทุนการผลิต โดยใช้แพลทินัมน้อยลงเหลือเพียงหนึ่งในสิบของระบบเก่า == ประวัติ == หลักการของเซลล์เชื้อเพลิงถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวสวิส Christian Friedrich Schönbein ในปี ค.ศ. 1838 และตีพิมพ์ในเดือนมกราคมปีถัดมาใน "Philosophical Magazine" อาศัยหลักการจากบทความชิ้นนี้ เซลล์เชื้อเพลิงได้ถูกสร้างขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ชาว Welsh Sir William Grove ต้นแบบของเขาได้ตีพิมพ์ในปี 1843 จนกระทั่งในปี 1959 วิศวกรชาวอังกฤษ Francis Thomas Bacon ได้สร้างเซลล์เชื้อเพลิงขนาด 5 กิโลวัตต์ได้สำเร็จ ในปีเดียวกันนี้เองที่กลุ่มที่นำโดย Harry Ihrig ได้ผลิตแทรกเตอร์ขนาด 15 กิโลวัตต์ให้กับ Allis-Chalmers ซึ่งได้นำไปแสดงทั่วสหรัฐอเมริกา ระบบนี้ใช้โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์เป็นอิเล็กทรอไลต์ ไฮโดรเจนอัดและแก๊สออกซิเจนเป็นสารตั้งต้น ในปีเดียวกันนี้เองที่ Bacon และทีมงานได้สร้างเครื่องผลิตไฟฟ้าขนาด 5 กิโลวัตต์ที่ใช้งานได้จริงสำหรับเครื่องเชื่อม ซึ่งนำไปสู่สิทธิบัตรของ Bacon ในช่วง 1960s ซึ่งหลักการเดียวกันนี้ก็ถูกนำไปใช้ในโครงการอวกาศของสหรัฐด้วยเพื่อผลิตน้ำดื่มและพลังงาน ต้นทุนของเซลล์เชื้อเพลิงในช่วงต้นนี้ยังสูงอยู่มากเพราะค่าวัสดุที่แพง นอกจากนี้ยังทำงานในอุณหภูมิที่สูงมากจนเป็นปัญหาในการประยุกต์ใช้ อย่างไรก็ตามเซลล์เชื้อเพลิงยังดูเป็นตัวเลือกที่ดีเนื่องจากเชื้อเพลิงที่หาง่าย (ไฮโดรเจนและออกซิเจน) และการใช้งานที่สะอาด การพัฒนาต่อไปในช่วงปี 1980s และ 1990s โดย Geoffrey Ballard เจ้าของบริษัทเซลล์เชื้อเพลิงในแคนาดาที่โด่งดัง Ballard Power Systems Inc. นำมาซึ่งการใช้ Nafion วัสดุที่ถูกกว่าและทนทานเป็นอิเล็กโทรไลต์ และการลดการใช้แพลทินัม ทำให้อนาคตการใช้เซลล์เชื้อเพลิงสำหรับผู้บริโภค เช่นในรถยนต์มีความเป็นไปได้มากขึ้น == อุตสาหกรรมเซลล์เชื้อเพลิง == United Technologies (UTX) เป็นบริษัทแรกที่ได้ผลิตเซลล์เชื้อเพลิง ในช่วง 1960s บริษัทได้สร้างเซลล์เชื้อเพลิงให้องค์การนาซาเพื่อภารกิจอะพอลโล บริษัทลูกของ UTX ชื่อว่า UTC Power ได้เป็นบริษัทแรกที่ผลิตและจำหน่ายเซลล์เชื้อเพลิงเพื่อเป็นระบบผลิตไฟฟ้าร่วมในโรงพยาบาล มหาวิทยาลัย และอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ PureCell 200 เป็นระบบขนาด 200 กิโลวัตต์ที่บริษัทได้จำหน่ายออกมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวการทางบริษัทก็ได้เป็นผู้จำหน่ายเซลล์เชื้อเพลิงรายเดียวให้กับนาซ่า ซึ่งปัจจุปันได้ก้าวไปสู่ภารกิจกระสวยอวกาศ นอกจากนี้ยังได้มีความพยายามที่จะพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับยวดยานและสถานีกระจายสัญญาณโทรศัพท์ UTC Power อ้างตนเองว่าเป็นผู้นำของโลกในการพัฒนาและผลิตเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิง ทั้งสำหรับตลาดระบบจ่ายพลังงานเคลื่อนที่และจ่ายพลังงาน ณ ไซต์งาน ในระบบเซลล์เชื้อเพลิงเพื่อรถยนต์ UTC ได้สร้างเซลล์เชื้อเพลิงอันแรกที่เริ่มทำงานได้แม้ในสภาวะเยือกแข็ง โดยใช้ Proton Exchange Membrane (PEM) Ballard Power Systems เป็นผู้ผลิตและพัฒนา PEM รายใหญ่ และอ้างว่าเป็นผู้นำของโลกในด้านเซลล์เชื้อเพลิงเพื่อยานพาหนะ Ford Motor Company และ Daimler เป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ใน Ballard ในปี 2003 บริษัทรถยนต์โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าของ Ballard มีแต่ General Motors และ Toyota เท่านั้นที่มีหน่วยพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงของตนเองซึ่งยกเลิกไปในปี 2005 ในปี 2004 Nissan และ Honda ก็ได้เริ่มโครงการเช่นเดียวกันนี้ ปัจจุบันนี้พบว่า GM กำลังร่วมมือกับ Daimler และ BMW เพื่อพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงร่วมกัน ในขณะนี้ที่ออสเตรเลียตะวันตกได้มีการทดลองใช้รถประจำทางขับเคลื่อนโดยเซลล์เชื้อเพลิงระหว่างเมือง Perth และเมืองท่า Fremantle จำนวนทั้งสิ้น 3 คัน และกำลังจะขยายการทดลองนี้ไปสู่เมืองอื่นๆ ในออสเตรเลียในอีกสามปีข้างหน้า Plug Power Inc. เป็นอีกหนึ่งในผู้นำการออกแบบและพัฒนา PEM เพื่อการใช้งานอยู่กับที่ เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับการสื่อสาร แหล่งพลังงานหลัก ระบบความร้อนร่วม และระบบเชื่อมโครงข่ายพลังงาน ในปลายปี 2004 MTI MicroFuel Cells บริษัทลูกของ Mechanical Technology Inc. ได้ออกเซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้เมทานอลDirect Methanol Fuel Cell (DMFC) รุ่นแรกที่ใช้งานได้จริงทางการค้าออกมา MTI's Mobion™ เป็นเซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้เมทานอล 100% ชาร์จพลังงานใหม่ได้โดยไม่ต้องใช้สาย ซึ่งใช้ได้ทั้งสำหรับวงการอุตสาหกรรม ผู้บริโภคทั่วไป รวมไปถึงทางการทหารเพื่อทดแทน Li-ion แบตเตอรี่ == ผลกระทบและการนำไปใช้ประโยชน์ == === ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม === สิ่งที่มักเข้าใจผิดกันอยู่เสมอคือการใช้ธาตุไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิง ความจริงแล้วไฮโดรเจนไม่ใช่แหล่งพลังงานหลัก มันเป็นเพียงตัวเก็บพลังงานและต้องผลิตขึ้นมาจากแหล่งพลังงานอื่น จากหลักการอนุรักษ์พลังงานทำให้ประสิทธิภาพของเซลล์เชื้อเพลิงอาจถูกจำกัดโดยการผลิตพลังงานในขั้นแรก ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมอาจต่ำกว่าเครื่องยนต์เบนซินที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งพบได้เมื่อก๊าซไฮโดรเจนต้องถูกอัดภายใต้ความดันสูงหรือทำให้เป็นของเหลวสำหรับยานยนต์ (การสลายน้ำด้วยไฟฟ้ามีประสิทธิภาพเพียง 50%) อีกทางเลือกหนึ่งของการผลิตไฮโดรเจนคือการใช้มีเทนซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงถึงราว 80% หรือใช้สารประกอบไฮโดรคาร์บอนอื่นๆ ซึ่งมีประสิทธิภาพต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามการใช้ไฮโดรคาร์บอนเหล่านี้ก่อให้เกิดแก๊สเรือนกระจกได้ อย่างไรก็ตามหากได้มีการจัดการให้ดีภายในโรงงานเราก็สามารถกำจัด CO2 ได้ง่ายกว่าและดีกว่าปล่อยให้รถยนต์ทุกคันปล่อยก๊าซเสียออกมา โครงการกำจัด CO2 ปริมาณมากในขั้นตอนนี้ได้ดำเนินการโดยบริษัทจากนอร์เวย์ Statoil เซลล์เชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ ไม่พบปัญหาเช่นเดียวกันนี้ เช่น เซลล์เชื้อเพลิงทางชีวภาพ (biological fuel cells) ใช้กลูโคสและเมทานอลจากเศษอาหารที่หมักด้วยจุลินทรีย์ อย่างไรก็ตามปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอีกอย่างหนึ่งที่กลุ่มของนักวิทยาศาสตร์จาก Caltech ได้ตั้งข้อสังเกตขึ้นคือ หากเราเปลี่ยนจากระบบเก่ามาเป็นเซลล์เชื้อเพลิงทั้งหมด ปริมาณไฮโดรเจนเพียงเล็กน้อยที่รั่วไหลจาการเก็บและขนส่งอาจเป็นอันตรายต่อชั้นโอโซนได้ แต่อย่างไรก็ตามปริมาณไฮโดรเจนที่ทางกลุ่มตั้งข้อสังเกตได้ถูกปฏิเสธโดยกลุ่มอุตสาหกรรม ปัจจุบันนี้ 50% ของพลังงานในสหรัฐอเมริกาผลิตมาจากถ่านหิน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ไม่สะอาด ถ้าไฮโดรเจนสำหรับเซลล์เชื้อเพลิงมาจากการสลายน้ำด้วยไฟฟ้า ซึ่งยังใช้พลังงานจากโรงไฟฟ้าเหลานี้ เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมก็ยังจะเกิดขึ้นที่โรงงานไฟฟ้านั่นเอง === การออกแบบเซลล์เชื้อเพลิง === เพื่อให้สามารถแข่งขันทางการค้าได้ยังมีปัญหาในทางปฏิบัติที่ต้องแก้ไขอีกจำนวนมาก การจัดการน้ำเป็นปัญหาสำคัญใน Proton Exchange Membrane Fuel Cells (PEMFCs) ซึ่งเยื่อกั้นต้องชุ่มน้ำอยู่ตลอดเวลา ทำให้น้ำที่ระเหยออกไปต้องเท่ากับน้ำที่ผลิตขึ้นมา ถ้าน้ำระเหยเร็วเกินไป น้ำจะแห้งจากเยื่อกั้นและทำให้ความต้านทานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และเยื่อกั้นจะแตกออก ทำให้เกิดการลัดวงจรของก๊าซ ซึ่งไฮโดรเจนและออกซิเจนจะรวมกันโดยตรง ทำให้เกิดความร้อนสูง ทำลายเซลล์ไปได้ แต่ถ้าน้ำระเหยออกช้าเกินไป ขั้วไฟฟ้าจะถูกน้ำท่วมทำให้สารตั้งต้นไม่อาจเข้าทำปฏิกิริยากับตัวเร่งได้และทำให้ปฏิกิริยาสิ้นสุด วิธีการจัดการน้ำที่เหมาะสมกำลังถูกพัฒนาขึ้นมาในหลายบริษัท ปัจจัยอื่นๆ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันได้แก่ อุณหภูมิตลอดทั้งเซลล์ ซึ่งบางครั้งอาจเปลี่ยนแปลงและทำลายเซลล์ได้ สารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ในลำดับต่างๆ ของเซลล์แต่ละชนิด การเลือกวัสดุต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ทั้งนี้ไม่มีวัสดุใดที่จะให้ผลดี 100% พร้อมกันในทุกๆ ด้าน นอกจากนี้สำหรับเซลล์บางประเภทจะเน้นที่ความทนทานและอายุการใช้งาน ในขณะที่บางประเภทจะเน้นที่พลังงาน ซึ่งปัญหาการพัฒนาเซลล์ที่เหมาะสมยังเป็นปัญหาที่ท้าทายอยู่มาก สำหรับการใช้ในยานยนต์ปัญหานั้นมีความซับซ้อนมากขึ้น เช่น รถต้องสามารถติดเครื่องได้ในทุกอุณหภูมิที่คนทั่วทุกมุมโลกอาศัยอยู่ ประมาณ 80% ของที่จอดรถในโลกจำเป็นต้องติดเครื่องได้แม้ในอุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์องศา เซลล์เชื้อเพลิงไม่มีปัญหาการทำงานในที่อุณหภูมิสูงแต่ในที่อุณหภูมิต่ำอาจมีปัญหาได้ FCX ของ Honda เป็นเซลล์เชื้อเพลิงรุ่นแรกที่ใช้ในรถที่สามารถทำงานได้ที่อุณหภูมิต่างๆ แต่ที่อุณหภูมิต่ำกว่า -20 °C ก็ยังเป็นปัญหาในการติดเครื่องยนต์ === การประยุกต์ใช้เซลล์เชื้อเพลิง === เซลล์เชื้อเพลิงมีประโยชน์อย่างยิ่งในการใช้งานในที่ห่างไกล เช่น ในยานอวกาศ สถานีตรวจอากาศที่ห่างไกล สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ชนบท และการประยุกต์ใช้ทางการทหาร เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนสามารถมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาและไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว การประยุกต์ใช้ในอนาคตอันใกล้นี้คงเป็นระบบไฟฟ้าและพลังงานความร้อน combined heat and power (CHP) สำหรับอาคารสำนักงานและโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งระบบนี้จะผลิตไฟฟ้าในอัตราที่คงที่ สามารถขายไฟฟ้าคืนสู่ระบบส่งได้เมื่อไม่ใช้งาน นอกจากนี้ยังผลิตอากาศอุ่นได้เป็นผลพวงมาจากความร้อนที่สูญเสียออกมาระหว่างการทำงาน Phosphoric-acid fuel cells (PAFC) เป็นระบบที่ใช้กันมากสำหรับการผลิตไฟฟ้าและให้ความร้อนร่วมกัน ซึ่งประสิทธิภาพรวมสูงถึง 80% (45-50% เป็นพลังงานไฟฟ้า ส่วนที่เหลือเป็นพลังงานความร้อน) ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดได้แก่ UTC Power บริษัทลูกของ United Technologies Corporation นอกจากนี้ยังมีการใช้งาน Molten-carbonate fuel cells ในรูปแบบนี้อยู่บ้าง รวมไปถึงการใช้งาน Solid-oxide fuel cell ในขั้นทดลอง เนื่องจากเซลล์เชื้อเพลิงมีต้นทุนที่สูงต่อกิโลวัตต์ และเพราะว่าประสิทธิภาพจะลดลงตามความหนาแน่นของพลังงาน ดังนั้นมันจึงไม่เหมาะกับการใช้กระแสไฟฟ้าที่มีการเปลี่ยนแปลงมาก โดยเฉพาะไม่เหมาะกับระบบเก็บสะสมพลังงานไฟฟ้าในระดับเล็กและกลาง อิเล็กโทรไลต์เซอร์และเซลล์เชื้อเพลิงรวมกันสามารถคืนพลังงานไฟฟ้าได้น้อยกว่า 50% ของพลังงานที่ป้อนเข้าไป (เรียกว่าround-trip efficiency ) ในขณะที่แบตเตอรี่ตะกั่วกรดที่ราคาถูกกว่าสามารถคืนพลังงานได้ราว 90% อย่างไรก็ตามระบบอิเล็กโทรไลต์เซอร์ไม่ได้เก็บเชื้อเพลิงไว้โดยตรง แต่พึ่งพาหน่วยเก็บสารเคมีภายนอก ดังนั้นในระบบเก็บพลังงานขนาดใหญ่ เช่นในชนบท แบตเตอรี่ต้องมีขนาดใหญ่มากเกินกว่าที่จะทำงานได้จริง ในขณะที่เซลล์เชื้อเพลิงต้องการพื้นที่เพิ่มสำหรับหน่วยเก็บสารเท่านั้น (โดยทั่วไปมีราคาถูกกว่าอุปกรณ์ทางไฟฟ้าเคมี) การใช้เซลล์เชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้าร่วมและให้น้ำร้อนในบ้านเป็นอีกหนึ่งในแนวทางการประยุกต์ใช้ระยะยาวซึ่งจะมีโครงการทดลองเริ่มต้นในปี 2005 === รถยนต์ไฮโดรเจนและการเติมเชื้อเพลิง === สถานบริการไฮโดรเจนแห่งแรกอยู่ใน Reykjavík Iceland เปิดบริการในเดือนเมษายน ปี 2003 ซึ่งให้บริการกับรถบัสสามคันสร้างโดย Daimler ซึ่งให้บริการแก่สาธารณชนโดยทั่วไปในเขต Reykjavík สถานีไฮโดรเจนแห่งนี้ผลิตไฮโดรจนด้วยตัวเองโดยใช้การแยกน้ำด้วยไฟฟ้า (ผลิตโดย Norsk Hydro) ซึ่งไม่ต้องการอะไรนอกเหนือไปจากน้ำและไฟฟ้า Shell เป็นอีกหนึ่งในผู้ร่วมโครงการ สถานีบริการแห่งนี้ไม่มีหลังคาเพื่อให้ไฮโดรเจนที่อาจรั่วไหลออกไปสู่บรรยากาศได้ มีรถยนต์และรถบัสต้นแบบจำนวนมากซึ่งอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีเซลล์เชื้อเพลิงที่อยู่ระหว่างการพัฒนา งานวิจัยก็กำลังเดินหน้าต่อไปในหลายบริษัทเช่น BMW Hyundai และ Nissan รถที่สามารถออกจำหน่ายได้จริงคงยังไม่ออกสู่ตลาดจนกว่าจะถึงปี 2010 อย่างไรก็ตามได้มีรถบัสเซลล์เชื้อเพลิงที่กำลังดำเนินการกันอยู่ เช่น Thor ของ UTC Power ในแคลิฟอร์เนีย ดำเนินการโดย SunLine Transit Agency เร็วๆ นี้ มีนักศึกษากลุ่มที่ชื่อว่า Energy-Quest กำลังจะเดินทางรอบโลกด้วยเรือที่ใช้พลังงานเซลล์เชื้อเพลิง การเดินทางนี้มีชื่อว่า Triton นอกจากนี้ปัญหาการจัดเก็บไฮโดรเจนอาจถูกกำจัดให้หมดไปได้ด้วยการใช้ Sodium borohydride (NaBH4) ซึ่งทำให้เก็บไฮโดรเจนไว้ได้มากแม้ที่ความดันบรรยากาศ ===การนำไปใช้เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า=== บมความหลัก: ตัวจ่ายพลังงานบลูม ตัวจ่ายพลังงานบลูม (อังกฤษ: Bloom Energy Server (the Bloom Box) เป็นเซลล์เชื้อเพลิงแบบออกไซด์ของแข็ง (SOFC) สร้างขึ้นโดยบริษัท Bloom Energy แห่งซันนีเวล, แคลิฟอร์เนีย, ที่สามารถใช้ปัจจัยการผลิตได้หลากหลาย (รวมทั้งสารไฮโดรคาร์บอนที่เป็นของเหลวหรือก๊าซ ที่ผลิตจากแหล่งชีวภาพ) เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ณ จุดที่มันจะถูกนำมาใช้. มันสามารถทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 1,800 °F (980 °C), ที่จะทำลายเซลล์เชื้อเพลิงอื่นๆอีกมากมายหรือต้องการการบำรุงรักษา. ตามคำกล่าวอ้างของบริษัทดังกล่าว, เพียงเซลล์เดียว (แผ่นโลหะผสมขนาด 100 มิลลิเมตร × 100 มิลลิเมตรที่คั่นอยู่ระหว่างชั้นของเซรามิกสองชั้น) สามารถผลิตไฟฟ้าได้ 25 วัตต์. บริษัทดังกล่าวยังกล่าวอีกว่า ราวปี 2012 เซิร์ฟเวอร์ที่บรรจุชั้นของเซลล์เชื้อเพลิงชนิดนี้กว่า 200 หน่วยได้ถูกนำไปใช้ในรัฐแคลิฟอร์เนียสำหรับหลายองค์กรรวมทั้งอีเบย์, Google, Yahoo, และ Wal-Mart. == ภาพอธิบายระบบการทำงาน == ไฟล์:Fcell diagram alkaline.gif|alkaline ไฟล์:Fcell diagram molten carbonate.gif|carbonate == ดูเพิ่ม == ===ตัวจ่ายพลังงานบลูม=== === ประเภทของเซลล์เชื้อเพลิง === เซลล์เชื้อเพลิงอัลคาไลน์ หรือ Alkaline fuel cell Biological fuel cell Direct borohydride fuel cell Formic acid fuel cell Molten-carbonate fuel cell Phosphoric-acid fuel cell เซลล์เชื้อเพลิงชนิดเยื่อแลกเปลี่ยนโปรตอน หรือ Proton exchange membrane fuel cell (PEMFC) * Direct methanol fuel cell (DMFC) * Direct ethanol fuel cell (DEFC) Reversible fuel cell Solid-oxide fuel cell Zinc fuel cell ('Air' fuel cell) Solid oxide fuel cell === เทคโนโลยีสัมพันธ์ === Hydrogen reformer == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == US DOE EERE (Energy Efficiency and Renewable Energy) fuel cells page PhysicsWorld: Fuel cells How Hydrogen Can Save America (Wired Magazine) How Stuff Works: Fuel Cells Fuel-Cells.org แบตเตอรี่ ซเลล์เชื้อเพลิง ซเลล์เชื้อเพลิง ซเลล์เชื้อเพลิง
thaiwikipedia
1,956
ทฤษฎีเซต
ทฤษฎีเซต เป็นสาขาหนึ่งของคณิตศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเซต แนวคิดพื้นฐานของเซตคือการรวบรวมวัตถุไว้ด้วยกัน ซึ่งได้พัฒนาเป็นรากฐานของคณิตศาสตร์สมัยใหม่ แทบทุกอย่างในคณิตศาสตร์สามารถนิยามได้โดยใช้เซต การศึกษาเซตเริ่มต้นโดย เกออร์ค คันทอร์ และ ริชารด์ เดเดคินด์ ในช่วงหลังของศตวรรษที่ 19 แต่ต่อมาพบว่าทฤษฎีเซตสามัญนั้นก่อให้เกิดปฏิทรรศน์ตามมา เช่น ปฏิทรรศน์ของรัสเซิลล์ จึงทำให้นักคณิตศาสตร์นิยามเซตผ่านระบบสัจพจน์แทน ระบบสัจพจน์ของเซตที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคือ ทฤษฎีเซตแซร์เมโล-แฟรงเคิล ทั้งแบบที่มีและไม่มีสัจพจน์การเลือก ปัจจุบันทฤษฎีเซตถือเป็นรากฐานของคณิตศาสตร์แล้ว โดยเฉพาะทฤษฎีเซตในรูปแบบทฤษฎีเซตแซร์เมโล-แฟรงเคิลพร้อมด้วยทฤษฎีเซต ทฤษฎีเซตเองนั้นก็เป็นสาขาหนึ่งของคณิตศาสตร์ที่ยังได้รับการวิจัยค้นคว้าอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน == ประวัติ == ทฤษฎีเซตอาจถือได้ว่ามีจุดเริ่มต้นจากเกออร์ค คันทอร์ ในขณะที่บุคคลที่มีอิทธิพลต่อคันทอร์คือ ริชาร์ด เดเดคินด์ บทความแรกของคันทอร์ที่เกี่ยวข้องกับเซตชื่อว่า สมบัติข้อหนึ่งของกลุ่มรวมจำนวนพีชคณิตทั้งหมด ("Ueber eine Eigenschaft des Inbegriffes aller reellen algebraischen Zahlen") ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1874 ในบทความนี้คันทอร์พิสูจน์ว่า เซตของจำนวนพีชคณิตสามารถจับคู่หนึ่งต่อหนึ่งได้กับเซตของจำนวนเต็มบวก == ทฤษฎีเซตเชิงสัจพจน์ == ทฤษฎีเซตในระดับพื้นฐานเป็นทฤษฎีที่ไม่ซับซ้อน และเป็นไปตามสามัญสำนึกของเราว่า เราสามารถสร้างเซตที่สมาชิกของเซตนั้นสอดคล้องกับเงื่อนไขใด ๆ ที่กำหนดขึ้นมาได้ แต่การศึกษาทฤษฎีเซตขั้นสูงพบว่า ข้อสมมตินี้ทำให้เกิดปฏิทรรศน์ในทฤษฎีเซต โดยปฏิทรรศน์ที่ทำให้เกิดปัญหามากและเป็นที่รู้จักคือ ปฏิทรรศน์ของรัสเซิลล์ ปฏิทรรศน์บูราลี-ฟอร์ติ และ ปฏิทรรศน์ของริชาร์ด จึงทำให้นักคณิตศาสตร์พยายามกำจัดปฏิทรรศน์ที่เกิดขึ้นโดยกำหนดสัจพจน์เป็นกฎเกณฑ์ว่าเซตแบบใดจึงจะสร้างขึ้นหรือมีอยู่ได้ เรียกว่า ทฤษฎีเซตเชิงสัจพจน์ ทฤษฎีเซตเชิงสัจพจน์ที่นิยมศึกษากันมากที่สุดคือทฤษฎีเซตแซร์เมโล-แฟรงเคิล (Zermelo–Fraenkel set theory) ซึ่งเรียกโดยย่อว่า ZF นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีเซตที่เป็นส่วนย่อยของ ZF ได้แก่ ทฤษฎีเซตแซร์เมโล ทฤษฎีเซตทั่วไป ทฤษฎีเซตคริปเคอ-พลาเต็ก นักคณิตศาสตร์จำนวนมากนิยมทำงานกับทฤษฎีเซตแซร์เมโล-แฟรงเคิล โดยมี สัจพจน์การเลือก (axiom of choice) เพิ่มเข้ามา จึงเรียกทฤษฎีเซตนั้นว่า ZFC ทฤษฎีเซตฟอนนอยมันน์-แบร์ไนส์-เกอเดิลเป็นการขยายทฤษฎีเซตแซร์เมโล-แฟรงเคิลพร้อมสัจพจน์การเลือกอย่างอนุรักษ์ โดยเพิ่มคลาสเข้ามาในทฤษฎี == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == Handbook of Set Theory -- Edited by M. Foreman, A. Kanamori & M. Magidor. วิธีการรูปนัย คณิตตรรกศาสตร์
thaiwikipedia
1,957
31 พ.ค.
redirect 31 พฤษภาคม
thaiwikipedia
1,958
1 มิถุนายน
วันที่ 1 มิถุนายน เป็นวันที่ 152 ของปี (วันที่ 153 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 213 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 2322 (ค.ศ. 1779) - เบเนดิกต์ อาร์โนลด์ขึ้นศาลทหารในข้อหาประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2335 (ค.ศ. 1792) - สหรัฐอเมริกาสถาปนาเคนทักกี เป็นรัฐที่ 15 อย่างเป็นทางการ พ.ศ. 2412 (ค.ศ. 1869) - โทมัส อัลวา เอดิสัน (ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่เมืองบอสตัน) ได้รับสิทธิบัตรสำหรับเครื่องลงคะแนนเสียงแบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2422 (ค.ศ. 1879) - ยูจีน หลุยส์ นโปเลียน เจ้าชายแห่งฝรั่งเศส ถูกสังหารในสงครามอังกฤษ-ซูลู พ.ศ. 2447 (ค.ศ. 1904) - วันสถาปนาโรงเรียนวิสุทธรังษี โรงเรียนประจำจังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. 2451 (ค.ศ. 1908) - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกาศใช้กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 นับเป็นประมวลกฎหมายฉบับแรกของไทย พ.ศ. 2456 (ค.ศ. 1913) - วันสถาปนาคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2468 (ค.ศ. 1925) - * วันสถาปนาสถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง (สรส.) * เซอร์เอ็ดเวิร์ด คุก ที่ปรึกษาทางการเงินของสยามยื่นบันทึกช่วยจำต่อรัฐบาลเรื่องข้อสังเกตเกี่ยวกับฐานะการคลังของสยาม เสนอให้รัฐบาลตัดรายจ่าย พ.ศ. 2481 (ค.ศ. 1938) - ซูเปอร์แมน ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) - สงครามโลกครั้งที่สอง: สิ้นสุดศึกแห่งครีต เมื่อครีตยอมจำนนแก่เยอรมนี พ.ศ. 2497 (ค.ศ. 1954) - จัดตั้งรัฐกะเหรี่ยงที่เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพพม่า พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - ประเทศไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับโรมาเนีย พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - สถานีโทรทัศน์ ซีเอ็นเอ็นแพร่สัญญาณเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - วันเปิดบริการเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาหัวมุมถนนพัฒน์พงศ์ ซึ่งเป็นสาขาแรกในประเทศไทย พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) * การสังหารหมู่ราชวงศ์เนปาล * เกิดเหตุการณ์ทุจริตการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2544 โดยกรรมการออกรางวัลชาย 3 คน มีพิรุธขณะออกรางวัลที่ 1 ทำให้ผลการออกรางวัลที่ 1 เป็น 113311 พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) - เกิดระเบิดในมัสยิดเมืองกันดาฮาร์ ประเทศอัฟกานิสถาน มีผู้เสียชีวิต 20 คน == วันเกิด == พ.ศ. 2358 (ค.ศ. 1815) - พระเจ้าออตโตแห่งกรีซ (สวรรคต 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2410) พ.ศ. 2433 (ค.ศ. 1890) - แฟรงก์ มอร์แกน นักแสดงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 18 กันยายน พ.ศ. 2492) พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926) - มาริลิน มอนโร นักแสดงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 5 สิงหาคม พ.ศ. 2505) พ.ศ. 2478 (ค.ศ. 1935) - นอร์มัน ฟอสเตอร์ สถาปนิกชาวอังกฤษ พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - มอร์แกน ฟรีแมน นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) - พาวเวอส์ บูท นักแสดงโทรทัศน์, นักพากย์วิดีโอเกม, นักแสดงภาพยนตร์ และนักพากย์ชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560) พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - ยงยุทธ มัยลาภ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - เสกสรร ชัยเจริญ นักแสดง นักธุรกิจชาวไทย พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) - * ไนเจล ซ็อต นักหมากรุกชาวอังกฤษ * ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ลำปาง พะเยา และเชียงราย (เสียชีวิต 21 มิถุนายน พ.ศ. 2566) พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) * เอกพจน์ วงศ์นาค นักร้องลูกทุ่งชาวไทย * พงษ์ศักดิ์ ชาตรีวัฒนกุล พลเมืองชาวไทย พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) - กิลอัด สุขเคอร์แมน นักภาษาศาสตร์ พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - ไฮดี คลุม นางแบบชาวเยอรมัน นักแสดงและพิธีกรรายการ พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - อลานิส มอริสเซตต์ นักร้องชาวแคนาดา พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) * กฤษฎา พรเวโรจน์ นักแสดงและนายแบบชาวไทย * ซาราห์ เวย์น แคลลีส์ นักแสดงหญิงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - อาลิซาเบธ แซ๊ดเลอร์ ลีนานุไชย พิธีกร นักแสดง และผู้ประกาศข่าวชาวไทย พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - ฌุสตีน เอแน็ง นักเทนนิสชาวเบลเยียม พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) * พีรพล เอื้ออารียกูล พิธีกร ผู้ประกาศข่าว คอลัมนิสต์ และนักร้องชาวไทย * มุสตาฟา ซาลิฟู นักฟุตบอลชาวโตโก พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - สเตฟาน เซสเซยง นักฟุตบอลชาวเบนิน พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - ชุโตะ ยะมะโมะโตะ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) * พิชพงศ์ โสมกุล นักแสดงชาวไทย * อภิวัฒน์ งั่วลำหิน นักฟุตบอลอาชีพชาวไทย *ดายานา เมนโดซา นักแสดง นางแบบ นางงาม ผู้ผลิตและผู้กำกับภาพยนตร์ชาวเวเนซุเอลา พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) * นะมิ ทะมะกิ นักร้องหญิงชาวญี่ปุ่น * ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ นักฟุตบอลชาวเม็กซิโก * มีชัล ดูรีส นักฟุตบอลกองหน้าชาวสโลวาเกีย พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - อลิส ทอย นักแสดงและพิธีกรชาวไทย พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - พีรพล สุนทรญาณกิจ นักร้อง นักดนตรี และนักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - ดอน (แร็ปเปอร์) แร็ปเปอร์และนักเขียนเพลงชาวเกาหลีใต้ พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - นฤภรกมล ฉายแสง นักแสดงหญิงชาวไทยพ.ศ. 2566 (ค.ศ. 2023) – == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 349 (195 ก่อนค.ศ.) - จักรพรรดิฮั่นเกาจู่ จักรพรรดิพระอวค์แรกแห่งราชวงศ์ฮั่น พ.ศ. 1200 (ค.ศ. 657) - สมเด็จพระสันตะปาปายูจีนที่ 1 พ.ศ. 2159 (ค.ศ. 1616) - โทกูงาวะ อิเอยาซุ โชกุนคนแรกของรัฐบาลโชกุนโทกูงาวะ พ.ศ. 2389 (ค.ศ. 1846) - สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 16 พ.ศ. 2411 (ค.ศ. 1868) - เจมส์ บูแคนัน ประธานาธิบดีคนที่ 15 ของสหรัฐอเมริกา (เกิด 23 เมษายน พ.ศ. 2334) พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) - พระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน) (เกิด 12 สิงหาคม พ.ศ. 2435) พ.ศ. 2511 (ค.ศ. 1968) - เฮเลน เคลเลอร์ นักมนุษยธรรมชาวอเมริกัน (เกิด 27 มิถุนายน พ.ศ. 2423) พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008) - อีฟว์ แซ็ง-โลร็อง นักออกแบบแฟชั่นชาวฝรั่งเศส (เกิด 1 สิงหาคม พ.ศ. 2479) พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) - โฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (เกิด 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2486) พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) - พุฒ ล้อเหล็ก นักมวยไทยระดับแถวหน้า (เกิด 1 มกราคม พ.ศ. 2495) พ.ศ. 2564 (ค.ศ. 2021) - เจ้าชายอะเมเดโอ ดยุกที่ 5 แห่งออสตา (ประสูติ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996), พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) - วันวิสาขบูชา วันเด็กในบางประเทศ วันเอกราชในประเทศซามัว (พ.ศ. 2505) วันรัฐธรรมนูญในประเทศตูนิเซีย (พ.ศ. 2502) วันดื่มนมโลก == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day มิถุนายน 01 มิถุนายน
thaiwikipedia
1,959
1 มิ.ย.
redirect 1 มิถุนายน
thaiwikipedia
1,960
มิถุนายน
ตามหลักโหราศาสตร์ เดือนมิถุนายนเริ่มต้นขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีเมถุน และสิ้นสุดเมื่อยกเข้าสู่ราศีกรกฎ แต่ในทางดาราศาสตร์ ต้นเดือนมิถุนายนดวงอาทิตย์อยู่ในกลุ่มดาววัวและปลายเดือนไปอยู่ในกลุ่มดาวคนคู่ ชื่อในภาษาอังกฤษ "June" มีที่มาจากเทพเจ้าโรมันนามว่า จูโน (Juno) ส่วนในประเทศไทยเริ่มใช้ชื่อเดือนมิถุนายนในปี พ.ศ. 2432 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเทววงศ์วโรปการ เป็นผู้เสนอให้ใช้ราศีกำหนดชื่อเดือน == วันสำคัญ == 3 มิถุนายน - วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี 5 มิถุนายน - วันสิ่งแวดล้อมโลก และวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ 9 มิถุนายน - วันอานันทมหิดล (วันที่ระลึกคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล) 14 มิถุนายน - วันผู้บริจาคโลหิตโลก 21 มิถุนายน - วันดำรงราชานุภาพ ดวงอาทิตย์ผ่านตำแหน่งครีษมายันในราววันที่ 21 มิถุนายน เป็นวันที่เห็นดวงอาทิตย์มีเดคลิเนชันขึ้นไปทางเหนือมากที่สุด 24 มิถุนายน - วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 26 มิถุนายน - วันสุนทรภู่ และวันต่อต้านยาเสพติดโลก == ดูเพิ่ม == จดหมายเหตุเดือนมิถุนายน == แหล่งข้อมูลอื่น == เดือน
thaiwikipedia
1,961
2 มิถุนายน
วันที่ 2 มิถุนายน เป็นวันที่ 153 ของปี (วันที่ 154 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 212 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 2323 (ค.ศ. 1780) - ดาร์บี้ การแข่งม้าที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศอังกฤษ มีขึ้นเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2343 (ค.ศ. 1800) - ทวีปอเมริกาเหนือเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2408 (ค.ศ. 1865) - กองทัพนำโดยพลเอก เอ็ดมันด์ เคอร์บี สมิท กลายเป็นกองกำลังสมาพันธรัฐสุดท้าย ที่ยอมแพ้ในสงครามกลางเมืองอเมริกา พ.ศ. 2467 (ค.ศ. 1924) - สภาคองเกรสออกกฎหมายให้สถานะพลเมืองต่ออินเดียนแดงที่อาศัยในสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) - การถือกำเนิดของสาธารณรัฐอิตาลี: ประเทศอิตาลียกเลิกระบอบราชาธิปไตย และกลายเป็นสาธารณรัฐ พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร เป็นพระราชพิธี ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2498 (ค.ศ. 1955) - สหภาพโซเวียตและยูโกสลาเวียลงนามในปฏิญญาเบลเกรด เพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกัน หลังจากที่ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนักตั้งแต่ปี พ.ศ. 2491 พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 เสด็จเยี่ยมประเทศโปแลนด์ซึ่งเป็นมาตุภูมิของพระองค์ จึงทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่เสด็จเยือนประเทศที่เป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - เครื่องบินเอฟ-16 ขับโดยกัปตันสกอตต์ โอเกรดี นักบินกองทัพอากาศสหรัฐอเมริกา ถูกยิงตกเหนือบอสเนียระหว่างบินลาดตระเวนในเขตห้ามบินของนาโต พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) - องค์การอวกาศยุโรปส่งยานมาร์สเอกซ์เพรส ยานสำรวจดาวอังคารขึ้นสู่อวกาศ นับเป็นยานสำรวจดาวเคราะห์ลำแรกของตน == วันเกิด == พ.ศ. 2078 (ค.ศ. 1535) - สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 11 (สิ้นพระชนม์ 27 เมษายน พ.ศ. 2148) พ.ศ. 2283 (ค.ศ. 1740) - มาร์กี เดอ ซาด นักเขียนชาวฝรั่งเศส (ถึงแก่กรรม 2 ธันวาคม พ.ศ. 2357) พ.ศ. 2378 (ค.ศ. 1835) - สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 10 (สิ้นพระชนม์ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2457) พ.ศ. 2383 (ค.ศ. 1840) - โทมัส ฮาร์ดี นักเขียนชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2470) พ.ศ. 2400 (ค.ศ. 1857) - คาร์ล อดอล์ฟ เจลเลอร์รุป นักเขียนชาวเดนมาร์ก (ถึงแก่กรรม 13 ตุลาคม พ.ศ. 2462) พ.ศ. 2400 (ค.ศ. 1857) - เอ็ดเวิร์ด เอลการ์ คีตกวีชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476) พ.ศ. 2447 (ค.ศ. 1904) - จอห์นนี ไวส์มึลเลอร์ นักว่ายน้ำ นักแสดงชาวเยอรมัน-อเมริกัน (ถึงแก่กรรม 20 มกราคม พ.ศ. 2527) พ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) - พีต คอนราด นักบินอวกาศชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2542) พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - สมเด็จพระราชาธิบดีคอนสแตนตินที่ 2 แห่งกรีซ พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) - นาท ภูวนัย นักแสดงชายชาวไทย พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) - ลอร์รี่ โรบินสัน นักฮอกกี้ชาวแคนาดา พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) - ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก (ถึงแก่กรรม 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2553) พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - คาเรน ม็อก นักแสดงหญิงชาวจีน พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - เวนท์เวิร์ท มิลเลอร์ นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - * ก้องเกียรติ โขมศิริ ผู้กำกับภาพยนตร์ นักเขียนบทภาพยนตร์ * ทรงพล คล้ายพงษ์พันธ์ นักร้อง นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - แซกคารี ควินโต นักแสดงชายชาวอเมริกัน พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - * จัสติน ลอง นักแสดงชาวอเมริกัน * โดมินิก คูเปอร์ นักแสดงชายชาวอังกฤษ พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) - วรยศ บุญทองนุ่ม นักร้อง นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - พิมพ์ศิริ พิมพ์ศรี นักแสดง นางแบบชาวไทย พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - เขมรัชต์ สุนทรนนท์ นักจัดรายการวิทยุทางคลื่น 94 อีเอฟเอ็ม พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - ชลทิตย์ จันทคาม นักฟุตบอลตำแหน่งกองหลังทีมชาติไทย พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - โสนากษี สิงหา นักแสดงและน้กร้องหญิงชาวอินเดีย พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - * ทากาชิ อินูอิ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น * อควาฟินา นักแสดงชาวอเมริกัน, นักแสดงตลก * อิศรา กิจนิตย์ชีว์ นักร้องและนักดนตรีชาวไทย * อาริส ซาริโฟวิช นักฟุตบอลอาชีพชาว สโลวีเนีย พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - เซยะ โคจิมะ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - ภรภัสสรณ์ ชัยอนันต์นิธิ นักร้องชาวไทย พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - อาเบนา อัปเปียห์ นักร้อง นางแบบ และนางงามชาวอเมริกัน พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - ณวัชร์ พุ่มโพธิงาม นักร้อง นักแสดงชายชาวไทย พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - อีซาแบลา เมนิง นางแบบ และนางงามชาวบราซิล พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - เดโชดม สมพงษ์ ประธานสมาคมสมุนไพรไทย == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 2425 (ค.ศ. 1882) - จูเซปเป การิบาลดี นักปฏิวัติชาวอิตาลี (เกิด ค.ศ. 1807) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - วันวิสาขบูชา อิตาลี - Festa della Repubblica (วันสาธารณรัฐ) วันกำเนิดสาธารณรัฐและสิ้นสุดระบอบราชาธิปไตยในอิตาลี ประเทศไทย - International Somtum Day (วันส้มตำสากล) วันที่นานาชาติให้การยอมรับว่าส้มตำไทยนั้นอร่อย และยกย่องให้ส้มตำเป็นอาหารสากล == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day มิถุนายน 02 มิถุนายน
thaiwikipedia
1,962
นางงามจักรวาล
การประกวดนางงามจักรวาล หรือ มิสยูนิเวิร์ส (Miss Universe) เป็นการประกวดความงามประจำปี เริ่มจัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2495 โดยแปซิฟิกมิลส์ (Pacific Mills) บริษัทเสื้อผ้าจากรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ และหลังจากนั้นได้บริหารงานโดยเคย์เซอร์-รอธ (Kayser-Roth) และตามด้วยกัล์ฟแอนด์เวสเทิร์นอินดัสทรีซ์ (Gulf and Western Industries) จนกระทั่งปี พ.ศ. 2539 ดอนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งต่อมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ซื้อกิจการและบริหารงานโดยองค์การนางงามจักรวาล (Miss Universe Organization) ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2558 ดอนัลด์ ทรัมป์ ได้ขายกิจการองค์การนางงามจักรวาลให้เอนเดฟเวอร์ (Endeavour) ผ่านไอเอ็มจี จนกระทั่งในวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป ของจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ได้เข้าซื้อกิจการองค์การนางงามจักรวาลผ่านเจเคเอ็น เมตาเวิร์ส ไอเอ็นซี ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่จัดตั้งตามกฎหมายของสหรัฐ ทำให้เจเคเอ็นกลายเป็นผู้จัดการประกวดนางงามจักรวาลรายปัจจุบัน == รูปแบบการแข่งขัน == ในยุคที่ไอเอ็มจีถือลิขสิทธิ์ การแข่งขันจะคัดเลือกสาวงามจากประเทศที่ส่งเข้าประกวด โดยผ่านรอบ Prelimnary ซึ่งคะแนนจากส่วนนี้จะส่งผลต่อการเข้ารอบในวันประกวดจริง โดยจะแยกเป็นคะแนนที่มาจาก การเดินชุดว่ายน้ำ (Swimming Suit Competition), การเดินชุดราตรี (Evening Gown Competition) และการสัมภาษณ์ต่อหน้าคณะกรรมการ (Interview) โดยเมื่อจบจากรอบนี้ ในวันประกวดจริง จะมีการประกาศผู้ที่ได้คะแนนสะสมจากรอบ Prelimnary ที่สูงสุด 20 อันดับเพื่อเข้ารอบ 20 คนสุดท้าย (Semifinalist) จากนั้นผู้เข้าประกวดทั้ง 20 คนจะต้องสปีช 15 วินาที เพื่อคัดเข้ารอบ 10 คนต่อไป โดยรอบ 10 คนสุดท้าย จะใช้การเดินชุดว่ายน้ำและชุดราตรีตัดสินผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย และผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย จะต้องตอบคำถามจากคณะกรรมการ เรียงตามลำดับการประกาศชื่อในรอบก่อนหน้า โดยคำถามที่แตกต่างกัน เพื่อคัดเข้ารอบ 3 คนสุดท้าย และทั้งสามคนจะต้องตอบคำถามเดียวกัน โดยผู้ที่รอตอบคำถาม จะต้องสวมหูฟังเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงผู้เข้าประกวดคนอื่น โดยคะแนนในรอบต่าง ๆ ที่ผ่านมาเป็นคะแนนตัดสิน ก่อนที่กรรมการแต่ละคนจะพิจารณาถึงความเหมาะสมในตำแหน่งต่าง ๆ อีกครั้งจากไฟนอลลุค ในช่วงสุดท้ายนางงามผู้ครองมงกุฎจากปีก่อนหน้าจะเดินอำลาตำแหน่ง ตามด้วยการประกาศรองอันดับสอง และผู้ครองตำแหน่งนางงามจักรวาล ตามลำดับ (ก่อนปี 2011 พิธีกรจะประกาศชื่อรองอันดับหนึ่ง ตามด้วยผู้ครองมงกุฎนางงามจักรวาล) หลังจากเจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป เข้าซื้อกิจการองค์การนางงามจักรวาล จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจเคเอ็นได้ประกาศว่านับตั้งแต่การประกวดนางงามจักรวาล 2023 เป็นต้นไป สตรีที่ผ่านการสมรสและสตรีข้ามเพศจะสามารถเข้าร่วมการประกวดได้ โดยจักรพงษ์ในฐานะเจ้าของกิจการองค์การนางงามจักรวาล จะไม่มีส่วนร่วมในการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งใด ๆ ในการประกวดดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวธุรกิจเสริม ได้แก่ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ, ผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกาย และกิจการนำเที่ยว == ช่องโทรทัศน์ == สหรัฐ CBS (1955 - 2002) NBC (2003 - 2014) FOX (2015 - 2016 , 2021) FYI (2020) The Roku Channel (2022 – ปัจจุบัน) ประเทศไทย ช่อง 3 เอชดี (1974 - 1983 , 2015 - 2017 (เทปบันทึกภาพ)) ช่อง 7HD (1984 - 2011 , 2013 (เทปบันทึกภาพ)) ช่อง 3 เอสดี (2015 - 2017) พีพีทีวี (2018 - 2021) เจเคเอ็น 18 (2022 - ปัจจุบัน) == ผู้ชนะการประกวดในช่วงไม่กี่ปี == == ทำเนียบนางงามจักรวาล== ไฟล์:R'Bonney Gabriel 02.jpg|นางงามจักรวาล 2022อาร์บอนนีย์ เกเบรียล, สหรัฐ ไฟล์:Miss-Universe-Harnaaz-Sandhu-returns-to-India (1) (cropped).jpg|นางงามจักรวาล 2021หรนาซ สันธู, อินเดีย ไฟล์:Andrea Meza visiting National Museum of Indonesia (cropped).jpg|นางงามจักรวาล 2020อันเดรอา เมซา, เม็กซิโก ไฟล์:Zozibini Tunzi en La Prensa Gráfica.jpg|นางงามจักรวาล 2019โซซีบีนี ทุนซี, แอฟริกาใต้ ไฟล์:Catriona Gray Frontrow Cares.jpg|นางงามจักรวาล 2018แคทรีโอนา เกรย์, ฟิลิปปินส์ ไฟล์:Demi Leigh-Nel Peters in 2018 (2) (cropped).jpg|นางงามจักรวาล 2017เดมี-ลีห์ เนล-ปีเตอร์, แอฟริกาใต้ ไฟล์:Iris Mittenaere 2016.05.07 (cropped).jpg|นางงามจักรวาล 2016อีริส มีเตอนาร์, ฝรั่งเศส ไฟล์:Miss Universe 2015 Pia Wurtzbach 071816 (cropped).jpg|นางงามจักรวาล 2015พีอา ววทซ์บัค, ฟิลิปปินส์ ไฟล์:Paulina Vega en la XXXVI versión de la Caminata de la Solidaridad por Colombia.jpg|นางงามจักรวาล 2014เปาลินา เบกา, โคลอมเบีย ไฟล์:María Gabriela Isler cropped.jpg|นางงามจักรวาล 2013กาบริเอลา อิสเลร์, เวเนซุเอลา ไฟล์:Miss Universe Olivia Culpo.jpg|นางงามจักรวาล 2012โอลิเวีย คัลโป, สหรัฐ ไฟล์:Miss-universe-2011-leila-lopes.jpg|นางงามจักรวาล 2011ไลลา ลอปึช, แองโกลา ไฟล์:Jimena Navarrete, Miss Universe 2010 B.jpg|นางงามจักรวาล 2010ฆิเมนา นาบาร์เรเต, เม็กซิโก ไฟล์:STEFANIA2.JPG|นางงามจักรวาล 2009เอสเตฟานิอา เฟร์นันเดซ, เวเนซุเอลา ไฟล์:Miss Universe 2008, Dayana Mendoza2.jpg|นางงามจักรวาล 2008ดายานา เมนโดซา, เวเนซุเอลา ไฟล์:RiyoMori.jpg|นางงามจักรวาล 2007ริโยะ โมริ, ญี่ปุ่น ไฟล์:ZuleykaRivera2.jpg|นางงามจักรวาล 2006ซูเลย์กา ริเบรา เมนโดซา, ปวยร์โตรีโก ไฟล์:Natalie Glebova - MU2005.jpg|นางงามจักรวาล 2005นาตาลี เกลโบวา, แคนาดา ไฟล์:Jennifer Hawkins (6927596673).jpg|นางงามจักรวาล 2004เจนนิเฟอร์ ฮอว์กกินส์, ออสเตรเลีย ไฟล์:Amelia Vega6.jpg|นางงามจักรวาล 2003อาเมเลีย เบกา, สาธารณรัฐโดมินิกัน ไฟล์:Justine Pasek - STRI (2002) 07.jpg|นางงามจักรวาล 2002จัสติน ปาเสค, ปานามา ไฟล์:Denise Quinones interview (cropped).JPG|นางงามจักรวาล 2001เดนิส กิญโญเนส, ปวยร์โตรีโก ไฟล์:Lara Dutta.jpg|นางงามจักรวาล 2000ลารา ดัตตา, อินเดีย ไฟล์:Mpule Kwelagobe.jpg|นางงามจักรวาล 1999เอ็มพูเล คเว-ลาโกเบ, บอตสวานา ไฟล์:Wendy Fitzwilliam.jpg|นางงามจักรวาล 1998เวนดี ฟิตซ์วิลเลียม, ตรินิแดดและโตเบโก ไฟล์:Brook Lee.JPG|นางงามจักรวาล 1997บรุก ลี, สหรัฐ ไฟล์:Alicia Machado.jpg|นางงามจักรวาล 1996อาลิเซีย มาชาโด, เวเนซุเอลา ไฟล์:Sushmita Sen (Face).jpg|นางงามจักรวาล 1994ชุชมิตา เซน, อินเดีย ไฟล์:Dayanara Torres 2011.jpg|นางงามจักรวาล 1993ดายานารา ตอร์เรส, ปวยร์โตรีโก ไฟล์:Lupita Jones (cropped).jpg|นางงามจักรวาล 1991ลูปิตา ยอนส์, เม็กซิโก ไฟล์:Angela Visser (1989).jpg|นางงามจักรวาล 1989แองเจลา ฟิสเซอร์, เนเธอร์แลนด์ ไฟล์:Cecilia Bolocco (2).jpg|นางงามจักรวาล 1987เซซิเลีย โบโลโก, ชิลี ไฟล์:Yvonne Ryding (cropped).JPG|นางงามจักรวาล 1984อีวอนน์ ไรดิง, สวีเดน ไฟล์:Lorraine Downes in Oval Office (cropped).jpg|นางงามจักรวาล 1983ลอร์เรน ดาวเนส, นิวซีแลนด์ ไฟล์:Shawn Weatherly iin 1981.png|นางงามจักรวาล 1980ชอว์น เวเธอร์ลี, สหรัฐ ไฟล์:Maritza Sayalero en Osmel Sousa.jpg|นางงามจักรวาล 1979มาริตซา ซายาเลโร, เวเนซุเอลา ไฟล์:Janelle Commissiong, ACF 2014.png|นางงามจักรวาล 1977จาเนียล คอมมิสซิออง, ตรินิแดดและโตเบโก ไฟล์:צילום רינה מור.JPG|นางงามจักรวาล 1976รีนา เมซซิงเกอร์, อิสราเอล ไฟล์:Margie Moran Miss Universe 2016.jpg|นางงามจักรวาล 1973มาการีตา โมแรน, ฟิลิปปินส์ ไฟล์:Gloria Diaz Miss Universe 2016.jpg|นางงามจักรวาล 1969กลอเรีย เดียซ, ฟิลิปปินส์ ไฟล์:Martha Vasconcellos (1968) (cropped).jpg|นางงามจักรวาล 1968มาร์ธา แวสคอนเซลลอส, บราซิล ไฟล์:Sylvia Hitchcock, 1968 Indy 500 (cropped).jpg|นางงามจักรวาล 1967ซิลเวีย ฮิชค็อก, สหรัฐ ไฟล์:Apasra Hongsakula crowned Miss Universe 1965.jpg |นางงามจักรวาล 1965อาภัสรา หงสกุล, ไทย ไฟล์:Iêda Maria Vargas at 1963 National Governor's Conference.jpg|นางงามจักรวาล 1963อีเอดา มาเรีย วาร์กัส, บราซิล ไฟล์:Akiko Kojima 1959.jpg|นางงามจักรวาล 1959อากิโกะ โคจิมะ, ญี่ปุ่น ไฟล์:Carol Morris (cropped).jpg|นางงามจักรวาล 1956แครอล มอร์ริส, สหรัฐ ไฟล์:Christiane Martel 1959 (cropped).jpg|นางงามจักรวาล 1953คริสตียาน มาร์แตล, ฝรั่งเศส ไฟล์:Armi Kuusela-1.jpg|นางงามจักรวาล 1952อาร์มี คูเซลา, ฟินแลนด์ == องค์กรนางงามจักรวาล == องค์การนางงามจักรวาล เป็นองค์การในปัจจุบันที่เป็นเจ้าของและดำเนินการประกวดนางงามจักรวาล จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2020 องค์การนางงามจักรวาลได้ประกาศให้สิทธิ์การดำเนินการจัดประกวดมิสยูเอสเอและมิสทีนยูเอสเอ ให้กับคริสตัล สจวร์ต ซึ่งเป็นมิสยูเอสเอ 2008 องค์การนางงามจักรวาล มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ก ประธานองค์การคนปัจจุบันคือ พอลลา ชูการ์ต องค์การขายสิทธิทางโทรทัศน์ให้กับการประกวดนางงามจักรวาลในประเทศอื่น ๆ === ผู้ครองตำแหน่งองค์การนางงามจักรวาล === ด้านล่างนี้เป็นรายนามผู้ครองตำแหน่งทั้งหมดขององค์การนางงามจักรวาลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หมายเหตุ ปลดออกจากตำแหน่งนางงามจักรวาล และรองอันดับ 1 ดำรงตำแหน่งแทน ปลดออกจากตำแหน่งมิสยูเอสเอ และรองอันดับ 1 ดำรงตำแหน่งแทน เป็นมิสยูเอสหลังจาก ผู้ดำรงตำแหน่งแทนก่อนหน้าเป็นนางงามจักรวาล ไฟล์:Miss USA Crystle Stewart and Miss Teen USA Stevi Perry at Mercedes-Benz Fashion Week.jpg|คริสตัล สจวร์ต มิสยูเอสเอ 2008 และ สเตวี เพร์รี มิสทีนยูเอสเอ 2008 ไฟล์:Hilary Cruz and Crystle Stewart.jpg|ฮิลารี ครูซ มิสทีนยูเอสเอ 2007 และ คริสตัล สจวร์ต มิสยูเอสเอ 2008 ไฟล์:Hilary Cruz and Riyo Mori.png|ฮิลารี ครูซ มิสทีนยูเอสเอ 2007 และ ริโยะ โมริ นางงามจักรวาล 2007 เข้าร่วม "แฟชันร็อกส์เดอะยูนิเวิร์ส" ก่อนการประกวดมิสยูเอสเอ 2008 ไฟล์:RachelHilaryUSO.png|เรเชล สมิท มิสยูเอสเอ 2007 และ ฮิลารี ครูซ มิสทีนยูเอสเอ 2007 ลงนามลายมือชื่อในทัวร์ USO ของฐานทัพญี่ปุ่น ไฟล์:Chelsea Cooley Shelley Hennig GTMO.png|เชลซี คูลีย์, มิสยูเอสเอ 2005 และ เชลลีย์ แฮนนิก มิสทีนยูเอสเอ 2004 ที่อ่าวฮวนตานาโม ไฟล์:MUO GTMO 2003.png|นางงามจักรวาล 2002, จัสติน ปาเสค, กับ มิสยูเอสเอ 2002 ชานเทย์ ฮินตัน และ มิสทีนยูเอสเอ 2002 วาเนสซา เซมโรว์ ที่อ่าวกวนตานาโม ไฟล์:Miss USA contestants give autographs while visiting Guantanamo.jpg|คริสตัล สจวร์ต มิสยูเอสเอ 2008 และ ดายานา เมนโดซา นางงามจักรวาล 2008 ที่อ่าวกวนตานาโม ไฟล์:Shawn Weatherly, Ronald Reagan and Kim Seelbrede in 1981.jpg|ชอว์น เวเทอร์ลี นางงามจักรวาล 1980 และ คิม ซีลบรีด มิสยูเอสเอ 1981 ร่วมกับประธานาธิบดีสหรัฐ โรนัลด์ เรแกน == รางวัลพิเศษ == == ตัวแทนประเทศไทย == ปัจจุบันตัวแทนประเทศไทยในการประกวดนางงามจักรวาลสามารถเข้ารอบได้เป็นจำนวนทั้งหมด 14 ครั้ง โดยตำแหน่งที่ดีที่สุด ณ ขณะนี้คือ นางงามจักรวาล ในปี 1965 และ 1988 สำหรับตำแหน่งล่าสุดของประเทศไทยคือ รองชนะเลิศอันดับ 1 ในปี 2023 == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์นางงามจักรวาลอย่างเป็นทางการ เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป การประกวดนางงาม องค์การที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2495
thaiwikipedia
1,963
โออิชิ กรุ๊ป
บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เป็นเครือธุรกิจอาหารในประเทศไทย ผู้ก่อตั้งคือ ตัน ภาสกรนที โดยเริ่มต้นจากร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งเปิดตัวใน พ.ศ. 2542 แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนใน พ.ศ. 2547 ปัจจุบันผู้ถือหุ้นใหญ่คือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) == ธุรกิจในเครือ == ธุรกิจอาหาร มีร้านอาหารในเครือจำนวนมากกว่า 200 สาขา ได้แก่ * Hou Yuu 1 สาขา * โออิชิ แกรนด์ 1 สาขา * โออิชิ อีทเทอเรียม 8 สาขา * โออิชิ บุฟเฟ่ต์ 10 สาขา * โออิชิ ชาบูชิ 142 สาขา (ในประเทศ 140 สาขา และต่างประเทศ 2 สาขา) * โออิชิ ราเมน 54 สาขา * คาคาชิ 25 สาขา * นิกุยะ 17 สาขา * สแน็ค แอนด์ ดริ้งค์ *ดิลิเวอรี่ ธุรกิจเครื่องดื่ม ได้แก่ ชาเขียวบรรจุขวดรสต่าง ๆ อะมิโนโอเค ฟรุ๊ตโตะ ชาคูซ่า == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == โออิชิกรุ๊ป ธุรกิจอาหาร อาหารญี่ปุ่น บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2542 บริษัทอาหารของไทย ภัตตาคารในประเทศไทย กลุ่มทีซีซี
thaiwikipedia
1,964
มิถุนายน พ.ศ. 2548
__NOTOC__ == วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน 2548 == พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับนายบิล เกตส์ และคณะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเดินทางถึงประเทศไทยเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีได้จัดเลี้ยงอาหารเช้าเพื่อเป็นเกียรติแก่นายบิล เกตส์ และคณะ ที่ทำเนียบรัฐบาล (ผู้จัดการออนไลน์) == วันพุธที่ 29 มิถุนายน 2548 == == วันอังคารที่ 28 มิถุนายน 2548 == นายอิบราฮิม อัลจาอาฟารี นายกรัฐมนตรีอิรักกล่าวในระหว่างการเยือนกรุงลอนดอนว่า จะใช้เวลาเพียงสองปีในการรักษาความสงบเรียบร้อยทั่วประเทศ เขาบอกว่าเวลาสองปีนี้ มากเกินพอ (บีบีซีไทย) == วันจันทร์ที่ 27 มิถุนายน 2548 == รมว.คมนาคม ชี้ฝ่ายค้านพูดความจริงเกี่ยวกับ CTX แค่ครึ่งเดียว พร้อมท้าหากมีหลักฐานจริงดำเนินคดีได้ทันที แต่หากไม่จริงฝ่ายค้านต้องรับผิดชอบ (ไอทีวี) สภานิติบัญญัติแคนาดา ผ่านร่างกฎหมายให้รักร่วมเพศแต่งงานกันได้ อันจะทำให้แคนาดากลายเป็นประเทศที่ 3 ในโลก ต่อจากเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม คนงานชาวแอฟริกาใต้หลายหมื่นคนพากันหยุดงานประท้วงตามท้องถนนในนครโจฮันเนสเบิร์ก เมืองใหญ่ที่สุดของแอฟริกาใต้ (บีบีซีไทย) == วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน 2548 == นายอัคบาร์ ฮาเชมิ ราฟซานจานี ผู้แพ้เลือกตั้งประธานาธิบดีในอิหร่านบอกว่ามีการใช้วิธีผิดกฎหมายทำให้ผู้ออกเสียงไม่เลือกเขา (บีบีซีไทย) == วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน 2548 == กระทรวงมหาดไทยอิหร่านประกาศยืนยันผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบสอง โดยระบุว่ามะห์มูด อะห์มาดิเนจัด ผู้นำหัวอนุรักษนิยมเป็นฝ่ายมีชัย หลังจากนับคะแนนเสียงไปได้จำนวนหนึ่งแล้ว และเขาก็มีคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งค่อนข้างมาก (ผู้จัดการออนไลน์) == วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน 2548 == มาเลเซียตำหนิออสเตรเลียออกคำเตือนนักท่องเที่ยวตะวันตกที่จะมาพักผ่อนตากอากาศที่รัฐซาบะฮ์บนเกาะบอร์เนียว ว่า อาจถูกผู้ก่อการร้ายลักพาตัว (ไอทีวี) == วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน 2548 == นายโทนี่ แบลร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษบอกกับส.ส.ยุโรปว่าควรแปลงวิกฤตเป็นโอกาสปรับเปลี่ยนตัวเองรับความท้าทายของโลกปัจจุบัน (บีบีซีไทย) == วันพุธที่ 22 มิถุนายน 2548 == “อรรถพล สนิทวงศ์ชัย” ส.ส.อุดรธานี พรรคไทยรักไทย พลัดตกจากชั้น 10 ของลาเมซอง คอนโดมิเนียม ซอยพหลโยธิน 24 เสียชีวิต ขณะที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ หลังพบมีหญิงสาวขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำห้องเกิดเหตุ (ผู้จัดการออนไลน์) คอมมานโดกว่า 100 นายพร้อมอาวุธครบมือบุกเข้าจู่โจมทลายบ่อนเตาปูนแบบสายฟ้าแลบ โดยมีเฮลิคอปเตอร์สนันสนุนกำลังทางอากาศ เมื่อเช้าตรู่วันที่ 22 มิถุนายน (ผู้จัดการออนไลน์) == วันอังคารที่ 21 มิถุนายน 2548 == นายซาอัด ฮาริรี ว่าที่ผู้นำคนใหม่ของเลบานอน ประกาศปฏิรูปประเทศ หลังชนะเลือกตั้งได้ครองเสียงข้างมากในสภา (บีบีซีไทย) == วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน 2548 == เอ็นจีโอทั่วประเทศเคลื่อนไหว จี้ตำรวจสางคดีฆ่า พระสุพจน์ สุวจโน แห่งสำนักสงฆ์เมตตาธรรม อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พระนักพัฒนาและนักอนุรักษ์ด้านป่าไม้ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. สงสัยอาจพัวพัน ส.ส. ในพื้นที่ (กรุงเทพธุรกิจ) == วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน 2548 == == วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน 2548 == ทางการอิหร่านประกาศรายชื่อ 2 ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีรอบสองที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายนแล้ว หลังจากนับคะแนนเสียงภายในประเทศเสร็จสิ้น แล้วไม่มีใครชนะขาด (ผู้จัดการออนไลน์) "วิษณุ เครืองาม" รองนายกฯ ยืนยันกรณี “ซีทีเอ็กซ์” จบแล้วอ้างมีการเชิญเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลครบทุกฝ่ายแล้ว ไม่ต้องตั้งกก.สอบใหม่เพราะเสียเวลาการทำงานย้ำใครยังข้องใจให้เปิดดูผลสอบทางเว็บไซต์ ท้า ส.ส. - ส.ว.คุ้ยหลักฐานทุจริตมาให้ได้ (ผู้จัดการออนไลน์) == วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน 2548 == พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงประกอบพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ผู้นำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปมีมติ เลื่อนเส้นตายการรับรองธรรมนูญสหภาพยุโรปออกไปก่อน อย่างน้อย 1 ปี จากกำหนดเดิม หลังการลงประชามติที่ฝรั่งเศส กับ เนเธอร์แลนด์ คว้าน้ำเหลว (บีบีซีไทย) == วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน 2548 == สหรัฐฯย่อมอ่อนข้อ เลื่อนการร้องขอให้นักท่องเที่ยวชาวยุโรปใช้หนังสือเดินทางแบบชีวมาตรออกไป 1 ปี หลังจากรัฐบาลยุโรปจำนวนมากเกรงว่าจะปรับปรุงข้อมูลบนหนังสือเดินทาง ซึ่งต้องบันทึกข้อมูลทางชีวภาพของผู้ถือได้ไม่ทันตามกำหนด (ผู้จัดการออนไลน์) == วันพุธที่ 15 มิถุนายน 2548 == พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ และโปรดเกล้าฯสถาปนาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ == วันอังคารที่ 14 มิถุนายน 2548 == การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรรับทราบผลสอบทุจริตCTX ขณะที่ "วิษณุ เครืองาม" เตรียมนำผลสอบขึ้นเว็บไซต์ หากครม.ยกเลิกชั้นความลับ == วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน 2548 == นายโทนี่ แบลร์มีกำหนดพบปะหารือกับประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียเพื่อหาเสียงสนับสนุนข้อเสนอปลดหนี้กลุ่มประเทศยากจน 18 ประเทศ (ภาพขวา) ซึ่งอังกฤษในฐานะประธานกลุ่มชาติอุตสาหกรรมชั้นนำทั้งแปด หรือ จี 8 ผลักดัน == วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน 2548 == == วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน 2548 == นายกฯ การันตีผลสอบ CTX ไม่มีข้าราชการและนักการเมืองไทยเข้าไปรับสินบน พร้อมเผยรู้แต่แรกแล้ว เพราะเคยสั่งตรวจสอบในทางลับมาก่อน (ไอทีวี) ผู้ว่าการ รฟม. แจงเหตุรถไฟฟ้าใต้ดินขัดข้องเกิดจากมอเตอร์ขับเคลื่อนที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพหลโยธินไม่ทำงาน ซึ่งล่าสุดเปิดเดินรถปกติได้แล้ว == วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2548 == เอดูอาร์โด โรดริเกซ อดีตประธานศาลฎีกาโบลิเวียสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของโบลิเวียแล้ว หลังจากที่ทางรัฐสภาของโบลิเวียได้ประชุมรับรองการลาออกของอดีตประธานาธิบดีคาร์ลอส เมซา (ผู้จัดการออนไลน์) กฟผ. รายงานผลการปิดเครื่องปรับอากาศ 8 วัน ประหยัดพลังงานกว่า 5.5 ล้านบาท ส่วนมาตรการดับไฟวันแรก 5 นาที ประหยัดกว่า 1 แสนบาท == วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน 2548 == "วิษณุ เครืองาม"รองนายกฯ ระบุสหรัฐ ส่งเอกสารยืนยันไม่พบการเรียกรับผลประโยชน์จากนักการเมืองและเจ้าหน้าที่ไทย กรณี CTX โดยการจ่ายเงินล่วงหน้า เป็นไปตามแผนการจ่ายเงิน (ไอทีวี) ทางการจีนแถลงยืนยันพบเชื้อไข้หวัดนกระบาดรอบสอง ในมณฑลซินเจียงทางภาคตะวันตกของจีน (บีบีซีไทย) == วันพุธที่ 8 มิถุนายน 2548 == นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยรักไทย ประกาศ ขอกลับไปอยู่พรรคชาติไทย หากถูกขับออกจากพรรค ผู้แทนจีนประจำสหประชาชาติกล่าวว่า เกาหลีเหนืออาจเข้าร่วมการประชุมหกฝ่ายอีกครั้งเร็วๆ นี้เรื่องโครงการอาวุธนิวเคลียร์ (บีบีซีไทย) มาเลเซียวอนนานาชาติร่วมส่งเครื่องบินลาดตระเวน ช่วยสอดส่องป้องกันภัยโจรสลัดในช่องแคบมะละกา (เอเอฟพี) == วันอังคารที่ 7 มิถุนายน 2548 == == วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน 2548 == นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อนำผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด CTX ของคณะกรรมที่มีนายบุญศักดิ์ เจียมประชา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธาน ไปมอบให้กับนายกรัฐมนตรี (ไทยรัฐ) == วันอาทิตย์ที่ 5 มิถุนายน 2548 == ชาวเลบานอนภาคใต้ไปลงคะแนนเลือกตั้งรัฐสภา คาดว่าฝ่ายนิยมซีเรียจะกวาดที่นั่ง อีกสองพื้นที่จะทยอยหย่อนบัตรในอีกสองวันอาทิตย์ข้างหน้า (บีบีซีไทย) == วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน 2548 == == วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน 2548 == ผู้นำอียูกำลังคุยกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป หลังจากเนเธอร์แลนด์ สมาชิกรุ่นก่อตั้งสหภาพยุโรปอีกชาติ บอกปัดไม่รับร่างธรรมนูญสหภาพยุโรป (บีบีซีไทย) พรรคฝ่ายค้านสายอนุรักษนิยมของมาเลเซียเปิดประชุมใหญ่ ที่อาจจะถือว่าเป็นการประชุมครั้งสำคัญที่สุดในรอบหลายปี (บีบีซีไทย) ศาลอุทธรณ์ให้ประกัน 4 ผู้ต้องหาเจไอแล้ว โดยญาติยื่นหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินราคาประเมินกว่า 7 ล้านบาท และไม่ติดใจเอาความตำรวจชุดจับกุม (ไอทีวี) == วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน 2548 == == วันพุธที่ 1 มิถุนายน 2548 == การรณรงค์ปิดไฟบ้านละ 1 ดวงพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่เวลา 20.45-20.50 น. ตามนโยบายประหยัดพลังงานของรัฐบาล ทำให้ความต้องการใช้ไฟลดน้อยลง โดยสามารถประหยัดไฟฟ้าได้ 702 เมกกะวัตต์ หรือ 11,000 หน่วย หากคิดเป็นเงินการรณรงค์ดับไฟครั้งนี้ช่วยชาติประหยัดไฟได้ปีละ 43 ล้านบาท เท่ากับกำลังไฟของเขื่อนภูมิพล 1 เขื่อน หรือ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน 1 โรง ธรรมนูญสหภาพยุโรป : ผลประชามติ ชาวฝรั่งเศส ปฏิเสธ (55%, ออกเสียง 29 พ.ค.), ชาวเนเธอร์แลนด์ ปฏิเสธ (61.6%, 1 มิ.ย.). ผลประชามตินี้ คาดว่าจะเป็นอุปสรรคสำคัญ ในการนำธรรมนูญฉบับนี้มาใช้ในชาติสมาชิกอียู บีบีซีไทย การรณรงค์ร่วมใจประหยัดพลังงาน ได้รับความร่วมมือด้วยดี เฉพาะการปิดเครื่องปรับอากาศช่วงเที่ยงวันนี้ สามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ เท่ากับการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 1 โรง (สำนักข่าวไทย) == แหล่งข่าว == === หนังสือพิมพ์ === รายวัน: ไทยรัฐ - เดลินิวส์ - ข่าวสด - แนวหน้า - กรุงเทพธุรกิจ - ผู้จัดการรายวัน - มติชนรายวัน - บางกอกโพสต์ รายสัปดาห์: ฐานเศรษฐกิจ - ประชาติธุรกิจ === โทรทัศน์ === ช่อง 3 - ช่อง 5 - ช่อง 7 - ช่อง 9 - ช่อง 11 - ไอทีวี - เนชั่นแชนแนล === สำนักข่าวต่างประเทศ === ซีเอ็นเอ็น - บีบีซี - รอยเตอร์ - เอเอฟพี มิถุนายน พ.ศ. 2548
thaiwikipedia
1,965
รัฐฟลอริดา
รัฐฟลอริดา (Florida, ) เป็นรัฐที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ ทิศตะวันตกติดต่อกับอ่าวเม็กซิโก ทิศเหนือติดต่อกับรัฐแอละแบมา และรัฐจอร์เจีย ทิศตะวันออกติดต่อกับมหาสมุทรแอตแลนติก ทิศใต้ติดต่อกับช่องแคบฟลอริดา รัฐฟลอริดาเป็นรัฐที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 22 มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 และหนาแน่นมากเป็นอันดับ 8 ในสหรัฐ แจ็กสันวิลล์เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในรัฐฟลอริดา และมีพื้นที่มากที่สุดในสหรัฐแผ่นดินใหญ่ มีเขตเมืองไมแอมี (Miami metropolitan area) เป็นเขตเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ในสหรัฐ และมีแทลลาแฮสซีเป็นเมืองหลวงของรัฐ ฟลอริดาเป็นหนึ่งในเจ็ดรัฐที่ไม่เก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา == ประวัติ == ในอดีตรัฐฟลอริดาเป็นส่วนหนึ่งของประเทศสเปน จนกระทั่งถึง ค.ศ. 1820 สหรัฐได้ซื้อฟลอริดาของสเปนจากประเทศสเปน โดยทำสนธิสัญญาแอดัมส์-โอนิส และ ผนวกเข้าเป็นรัฐฟลอริดา โดยแยกฟลอริดาของสเปนตะวันตกไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐมิสซิสซิปปีและรัฐแอละแบมา ส่วน ฟลอริดาของสเปนตะวันออก คือ รัฐฟลอริดาในปัจจุบัน == ชื่อของรัฐ == รัฐฟลอริดาเป็นที่รู้จักกันในนาม ซันไชน์สเตต (Sunshine State) คำว่า "ฟลอริดา" เป็นภาษาสเปนซึ่งหมายถึง "ที่ซึ่งอุดมไปด้วยดอกไม้" ชื่อของแหลมฟลอริดาตั้งชื่อโดยฆวน ปอนเซ เด เลออน (Juan Ponce de León) ซึ่งมาเทียบที่ชายฝั่งเมื่อ 2 เมษายน ค.ศ. 1513 ในช่วงเทศกาล "ปัสกัวโฟลริดา" (Pascua Florida) หรือช่วงเทศกาลอีสเตอร์ของชาวสเปน วันปัสกัวโฟลริดาจัดขึ้นในวันที่ 2 เมษายนของทุกปี และยังเป็นวันหยุดราชการด้วย == เมืองขนาดใหญ่ == แจ็กสันวิลล์ ไมแอมี แทมปา ออร์แลนโด เดย์โทนาบีช == สถานที่สำคัญ == แหลมคะแนเวอรัล วอลต์ดิสนีย์เวิลด์ ยูนิเวอร์แซลออร์แลนโด ศูนย์อวกาศเคนเนดี == มหาวิทยาลัย == มหาวิทยาลัยฟลอริดา มหาวิทยาลัยฟลอริดาสเตต == การเดินทาง == ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโด ท่าอากาศยานนานาชาติออร์แลนโดซานฟอร์ด ท่าอากาศยานนานาชาติเมลเบิร์น ท่าอากาศยานนานาชาติแทมปา ท่าอากาศยานนานาชาติไมอามี == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรัฐฟลอริดา อดีตอาณานิคมของสเปน ฟลอริดา ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ ภาคใต้ของสหรัฐ
thaiwikipedia
1,966
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice: ICJ) หรือภาษาปากว่า ศาลโลก (World Court) เป็นศาลซึ่งตั้งขึ้นโดยกฎบัตรสหประชาชาติเมื่อ ค.ศ. 1945 และเป็นหนึ่งในเสาหลักของระบบสหประชาชาติ ทำหน้าที่สืบต่อจากศาลสถิตยุติธรรมระหว่างประเทศ (Permanent Court of International Justice: PCIJ) ที่ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1922 และยุติบทบาทไปพร้อมกับสันนิบาตชาติ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศอยู่ในความควบคุมของสหประชาชาติ และมีบัลลังก์อยู่ที่วังสันติ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่จะออกนั่งพิจารณาที่อื่นก็ได้ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีอำนาจพิจารณาตัดสินคดีพิพาท (contentious case) ระหว่างรัฐสองรัฐขึ้นไป เช่น ข้อพิพาทเรื่องดินแดนหรืออาณาเขต การละเมิดอำนาจอธิปไตย ปัญหาสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ หรือแม้แต่กรณีที่เกี่ยวข้องกับเอกชนซึ่งรัฐเป็นผู้ฟ้องแทน ฯลฯ ทั้งนี้ รัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องยินยอมให้ศาลเป็นผู้พิจารณาตัดสินก่อนเท่านั้น ศาลจึงจะมีอำนาจพิจารณาตัดสินคดีนั้นได้ นอกจากนี้ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยังมีอำนาจออกความเห็นเชิงปรึกษา (advisory opinion) ซึ่งเป็นการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายระหว่างประเทศในสามกรณีหลัก คือ หนึ่ง ตามที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติหรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติร้องขอ สอง ตามที่องค์กรอื่นของสหประชาชาติหรือองค์การชำนัญพิเศษแห่งองค์การสหประชาชาติร้องขอโดยได้รับการอนุมัติจากสมัชชาใหญ่ และสาม ตามที่มีสนธิสัญญาให้อำนาจศาลวินิจฉัยได้ ตุลาการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีสิบห้าคน อยู่ในตำแหน่งคราวละเก้าปี คนละวาระเดียว การพิจารณาพิพากษาคดีต้องมีตุลาการอย่างน้อยเก้าคนนั่งบัลลังก์จึงจะเป็นองค์คณะ อนึ่ง ศาลจะเลือกประธานและรองประธานศาลเอง == ระเบียงภาพ == ไฟล์:Palais de la Paix Vredespaleis.jpg | วังสันติ กรุงเฮก ที่ทำการของศาล ไฟล์:ICJ - CJI Robes.jpg | บัลลังก์ศาล ขณะตุลาการเตรียมถวายสัตย์ปฏิญาณต่อสมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์ - 12 เมษายน 2549 ไฟล์:Application_of_the_Interim_Accord_of_13_September_1995_(the_former_Yugoslav_Republic_of_Macedonia_v._Greece).jpg | ไต่สวนคดีระหว่างอดีตสาธารณรัฐยูโกสลาฟแห่งมาซิโดเนียกับกรีซ (the former Yugoslav Republic of Macedonia v. Greece) - 23 มีนาคม 2554 ไฟล์:ICJ-CJI hearing 1.jpg | ขณะไต่สวนคดี - กุมภาพันธ์ 2549 == อ้างอิง == == ดูเพิ่ม == ศาล อำนาจตุลาการ == แหล่งข้อมูลอื่น == รัฐภาคีแห่งธรรมนูญกรุงโรม ธรรมนูญกรุงโรม ที่ เว็บไซต์สหประชาชาติ รายการคดีทั้งหมด ที่ เว็บไซต์ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ องค์กรหลักของสหประชาชาติ เดอะเฮก
thaiwikipedia
1,967
ศาลโลก
ศาลโลก อาจหมายถึง ศาลระหว่างประเทศซึ่งมีสำนักอยู่ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ * ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) * ศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court) * ศาลอนุญาโตตุลาการถาวร (Permanent Court of Arbitration) * ศาลสถิตยุติธรรมระหว่างประเทศ (Permanent Court of International Justice), ศาลในอดีต ศาลระหว่างประเทศศาลใด ๆ องค์กรตุลาการระหว่างประเทศ‎
thaiwikipedia
1,968
ลายน้ำดิจิทัล
ลายน้ำดิจิทัล (digital watermarking) เป็นวิธีการแอบแทรกข้อมูล เช่น ข้อความสงวนสิทธิ์ หรือ ข้อความเพื่อใช้ในตรวจสอบ ลงบนเอกสารดิจิทัลต่างๆ เช่น เสียง ภาพ ภาพยนตร์ เอกสารข้อความ ข้อมูลที่แทรกลงไปนี้จะอยู่ในรูปบิตเพื่อใช้แทนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร รวมถึงแหล่งที่มาของเอกสาร กรรมวิธีการแทรกข้อมูลนี้ตั้งชื่อตาม ลายน้ำที่ใช้กับสิ่งพิมพ์และธนบัตร เพื่อป้องกันการปลอมแปลง ลายน้ำดิจิทัลนี้ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของ สเตกาโนกราฟี (steganography) ซึ่งเป็นการแอบแทรกข้อมูลลงบนข้อมูลหลัก โดยที่ผู้ใช้ข้อมูลหลักปลายทางนั้นจะไม่รู้ ลายน้ำดิจิทัลนี้จะแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก คือ แบบที่สังเกตได้ และ แบบที่สังเกตไม่ได้ ลายน้ำดิจิทัล แบบสังเกตได้ นั้นจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลเดิม ในลักษณะที่ทำให้ การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นที่สังเกตได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อใส่ลายน้ำลงบนภาพ จะทำให้ภาพนั้นเปลี่ยนไปจากภาพเดิม ลายน้ำดิจิทัล แบบสังเกตไม่ได้ จะไม่ทำให้ข้อมูลเดิมเปลี่ยนแปลงจนถึงระดับที่สังเกตได้ ข้อมูลเดิมจะถูกเปลี่ยนแปลงไป แต่ในแง่มุมของผู้ใช้จะไม่สามารถสังเกตถึงความแตกต่าง การถ่ายภาพดิจิทัล คอมพิวเตอร์กราฟิกส์
thaiwikipedia
1,969
กากรา
กากรา (กา-กฺรา; გაგრა) เป็นเมืองในสาธารณรัฐปกครองตนเองอับฮาเซีย (Abkhazia) ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจอร์เจีย เมืองนี้ตั้งอยู่ทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลดำ ที่เชิงเทือกเขาคอเคซัส ด้วยความที่เมืองมีภูมิอากาศใกล้เคียงเขตร้อน (subtropical) กากราจึงเป็นที่พักตากอากาศที่ได้รับความนิยมในยุคของสหภาพโซเวียต == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บทางการ gagra.iatp.org.ge/index-eng.htm gagra.narod.ru เมืองในประเทศจอร์เจีย
thaiwikipedia
1,970
การประมวลผลคำพูด
การประมวลผลคำพูด (speech processing) เป็นการศึกษาสัญญาณเสียงพูด และ วิธีในการประมวลผลสัญญาณประเภทนี้ การประมวลผลสัญญาณเสียงพูดในปัจจุบัน จะอยู่ในรูปของสัญญาณดิจิทัล โดยสาขานี้มีเนื้อหาร่วมระหว่างการประมวลผลสัญญาณดิจิทัลกับการประมวลภาษาธรรมชาติ กล่าวคือมีการประมวลผลทั้งสองส่วน ทั้งตัวสัญญาณเสียง (พาหะนำสาร) และภาษา (สาร) การประมวลผลคำพูด อาจแบ่งเป็นหัวข้อย่อยได้ดังนี้ การจดจำคำพูด (speech recognition) เป็นการวิเคราะห์ และ จดจำ เนื้อความคำพูด จากสัญญาณเสียงพูด การจดจำเสียงผู้พูด (speaker recognition) เป็นการใช้เสียงในการระบุตัวผู้พูด การปรับแต่งเสียงพูด (speech signal enhancement) การเข้ารหัสเสียงพูด (speech coding) เพื่อการบีบอัดข้อมูล การวิเคราะห์เสียงพูด (voice analysis) เพื่อใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ เช่นการวิเคราะห์ความผิดปกติของสายเสียง การสังเคราะห์เสียงพูด (speech synthesis) โดยทั่วไปหมายถึงการใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้างเลียนเสียงพูดของมนุษย์ การประมวลผลสัญญาณดิจิทัล
thaiwikipedia
1,971
วินิตา ดิถียนต์
รองศาสตราจารย์ คุณหญิงวินิตา ดิถียนต์ (เกิด 14 มีนาคม พ.ศ. 2492) เป็นนักประพันธ์นวนิยายชาวไทย นามปากกาที่เป็นที่รู้จัก คือ แก้วเก้า, ว.วินิจฉัยกุล, รักร้อย, ปารมิตา, วัสสิกา, อักษรานีย์ และเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2547 ==ประวัติ== คุณหญิงวินิตาเกิดที่กรุงเทพฯ สำเร็จการศึกษาปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยนอร์เทิร์นโคโลราโด เธอสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยศิลปากรจนเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดในปี 2538 คุณหญิงวินิตาตีพิมพ์นวนิยายเรื่องแรกของเธอเรื่อง มิถิลา เวสาลี ตอนที่เธอยังเป็นนักเรียนอยู่ นวนิยายของเธอประกอบด้วยนวนิยายแนวสมจริงที่สร้างจากชีวิตประจำวันของคนไทย นวนิยายแนวอิงประวัติศาสตร์ นวนิยายแนวแฟนตาซี และซีรีส์นิยายอาชญากรรมที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ตัวละครหลักชื่อคุณป้ามาธูร คุณป่ามาธูรมีพื้นฐานมาจากมิสมาร์เปิล ของอกาธา คริสตี นวนิยายในเวลาต่อมาของเธอเป็นนวนิยายแนวแฟนตาซีและอิงประวัติศาสตร์ และนวนิยายแนวนี้กลายเป็นแนวที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จัก คุณหญิงวินิตาได้รับเลือกให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2547 นวนิยายของเธอ 9 เรื่องได้รับรางวัลหนังสือดีเด่น นวนิยายของเธอหลายเรื่องได้รับการดัดแปลงเป็นละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2541 เธอได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจตุตถจุลจอมเกล้า เนื่องในวันฉัตรมงคล ทำให้เธอได้เลื่อนฐานะเป็น คุณหญิง == ผลงาน == === นามปากกา ว.วินิจฉัยกุล === กลิ่นกุหลาบ กะไหล่ทอง แก้วตา ของขวัญวันวาน คืนสว่าง คลื่นกระทบฝั่ง ความฝันครั้งที่สอง ความลับของดาวมรกต คุณชาย (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2542 ช่อง7) เงาระบายสี จุดดับในดวงตะวัน เจ้าสาวในสายลม (อยู่ระหว่างสร้างเป็นละครโทรทัศน์ ช่องวัน) ชายแพศยา (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2566 ช่อง3) ตามลมปลิว ทะเลแปร (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง 2540 ช่อง3 และ 2563 ช่องอมรินทร์34) ทางรัตติกาล ทางไร้ดอกไม้ ทานตะวัน เทวาพาคู่ฝัน นับทองครองคู่ น้ำใสใจจริง (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง 2537 ช่อง7 2543 ช่อง3) บทเพลงแห่งคิมหันต์ บ้านของพรุ่งนี้ บ้านบุญหล่น บ้านพิลึก บูรพา เบญจรงค์ห้าสี (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2539 ช่อง7) ใบไม้ร่วง ปัญญาชนก้นครัว (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง 2542 และ 2555 ช่อง3) ปาก (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2561 ช่องGMM25) พลอยเปลี่ยนสี เพชรกลางไฟ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2560 ช่อง3) เพลงพรหม เพลงสายลม-หน้าต่างสายลม พาเที่ยววันวานกับคุณยาย ฟ้าต่ำ มณีร้าว (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2533 ช่อง 7 ) มายา (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2544 และ 2560 ช่อง7) มาลัยลายคราม มาลัยสามชาย (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2553 ช่อง5) มิถิลา-เวสาลี เมืองโพล้เพล้ แม่พลอยหุง เยี่ยมวิมาน (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2539 ช่อง3) ร่มไม้ใบบาง รัตนโกสินทร์ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2539 ช่อง7) ระหว่างดอกไม้...กับต้นข้าว ราตรีประดับดาว ร้าย เรือนไม้สีเบจ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2547 ช่อง3) ไร้เสน่หา (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง 2528 ช่อง3 และ 2561 ช่องGMM25) ลมพัดผ่านดาว (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2566 ช่อง7) ละครคน (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง 2530 ช่อง3 และ 2560 ช่องGMM25) ลินลาน่ารัก ลีลาแห่งใบไม้ร่วง วงศาคณาญาติ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง 2533 ช่อง3 และ 2566 ช่องอมรินทร์ทีวี) วังดอกหญ้า วัสสิกา เศรษฐีตีนเปล่า (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง 2544 และ 2563 ช่อง7) เศรษฐีใหม่ สงครามเงิน (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2532 ช่อง 7 และ 2566 ช่องอมรินทร์ทีวี) สองฝั่งคลอง (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2535 ช่อง7) เส้นไหมสีเงิน (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2555 ช่อง3) สืบตำนาน สานประวัติ สุดหัวใจที่ปลายรุ้ง โสดสโมสร หญ้าแพรก ดอกมะเขือ และเรือน้อย หลงเงา เหลี่ยมดาริกา === นามปากกา แก้วเก้า === กลับไปสู่วันฝัน (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2562 ช่องpptv) แก้วราหู (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2529 ช่อง3) คนเหนือดวง คุณป้ามาธูร ตอน คดีเจ้าสาวหาย คุณป้ามาธูร ตอน คดีศึกวังน้ำร้อน เงาพราย (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2554 ช่อง3) จงกลกิ่งเทียน (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2553 ช่อง3) จอมนาง จากฝัน...สู่นิรันดร (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2551 ช่อง3) เจ้าบ้าน เจ้าเรือน (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2559 ช่อง3) ช่อมะลิลา ดอกแก้วการะบุหนิง (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2543 ช่อง3) แดนดาว แต่ปางก่อน (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 3 ครั้ง 2530และ2548 ช่อง3 2560 ช่องวัน) ทางเทวดา-เทวาวาด เทวัญบันดาล นาคราช นางทิพย์ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง 2535 และ 2561 ช่อง7) นิมิตมาร (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2551 ช่อง3) นิรมิต (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2540 ช่อง7) นิยายนิรภัย บารมีพระแม่ป้อง ปกพื้นธรณิน ปลายเทียน (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2545 ช่อง3) ผ้าทอง (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2537 ช่อง7) พลอยเก้าสี พญาปลา พิมมาลา (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2554 ช่อง3) มนตรา เมืองมธุรส เรือนนพเก้า เรือนมยุรา (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2540 ช่อง3) วสันต์ลีลา วิมานมะพร้าว (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง 2537 และ 2556 ช่อง7) สาวสองวิญญาณ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2565 ช่อง7) สื่อสองโลก (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2560 ช่อง7) หน้ากากดอกซ่อนกลิ่น (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง 2536 ช่อง7 และ 2552 ช่อง3) หนุ่มทิพย์ (สร้างเป็นละครโทรทัศน์ 2 ครั้ง 2530 และ 2542 ช่อง7) อธิษฐาน อมตะ ==== เรื่องสั้น ==== เพขรสีน้ำเงิน (เขียนร่วมกับ ชูวงศ์ ฉายะจินดา , ชมัยภร แสงกระจ่าง , กฤษณา อโศกสิน , นราวดี , กิ่งฉัตร , ปิยะพร ศักดิ์เกษม , นายา และ ประภัสสร เสวิกุล ) แหวนแกมแก้ว ==รางวัลและเกียรติประวัติ == บุคคลดีเด่นทางด้านอนุรักษ์มรดกไทยสาขาภาษาและวรรณกรรม เนื่องในปีอนุรักษ์มรดกไทย สาขาภาษาและวรรณกรรม ปี พ.ศ. 2537 (The Thai National Heritage Preservation Award) บุคคลดีเด่นทางด้านวัฒนธรรม สาขาวรรณศิลป์ ของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2540 (The Thai National Culture Award) รางวัลพระเกี้ยวทองคำ นิสิตเก่าดีเด่นของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำปี พ.ศ. 2544 รางวัลเกียรติคุณเซอร์เวียม หรือ Angela Award ของชมรมศิษย์อุร์สุลิน แห่งประเทศไทย ในฐานะศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย ที่ได้รับใช้สังคมอย่างมีคุณภาพ เมื่อปี พ.ศ. 2547 ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (National Artist) ปี พ.ศ. 2547 ครอบครัวประชาธิปไตยตัวอย่าง(ครอบครัว’ดิถียนต์’ สมพันธ์-คุณหญิงวินิตา ดิถียนต์) ประจำปี พ.ศ. 2548 จากคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ เป็นชาวต่างชาติคนแรก ที่ได้รับปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (Doctor of Humane Letters) จากสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนอร์เทิร์นโคโลราโด รัฐโคโลราโด สหรัฐ ประจำปี พ.ศ. 2548 ในฐานะศิษย์เก่า ที่ได้สร้างผลงานวรรณกรรมจนได้รับรางวัลระดับชาติเป็นจำนวนมาก และนำชื่อเสียงมาให้มหาวิทยาลัย แม่ดีเด่น ของกรุงเทพมหานคร ประจำปี พ.ศ. 2550 รางวัลสุรินทราชา นักแปลอาวุโสดีเด่นของสมาคมนักแปลและล่ามแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. 2551 ศิษย์เก่าดีเด่น (Honored Alumna) ของมหาวิทยาลัยนอร์เทิร์นโคโลราโด เมื่อปี พ.ศ. 2552 รางวัลปาฐกถาศิลป์ พีระศรี ประจำปี พ.ศ. 2557 ประกอบด้วยเหรียญเกียรติคุณศิลป์ พีระศรี และเกียรติบัตร รางวัลเชิดชูเกียรติ งานวรรณกรรมประจำเขต ของกรุงเทพมหานคร จากนวนิยายเรื่อง “สองฝั่งคลอง”(เขตคลองสาน) “จากฝัน สู่นิรันดร”(เขตลาดพร้าว) และ “บูรพา”(เขตธนบุรี) ปี พ.ศ. 2557 == เครื่องราชอิสริยาภรณ์ == ==อ้างอิง== == แหล่งข้อมูลอื่น == ข้อมูลศิลปินแห่งชาติ จากเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ ฐานข้อมูล นักเขียนชาวไทย ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ คุณหญิง อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ - ศิลปศาสตร์ - มนุษยศาสตร์ บุคคลจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา นิสิตเก่าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.ม. ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ท.ช. ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จ.ภ. ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ต.จ. (ฝ่ายใน) สกุลวินิจฉัยกุล
thaiwikipedia
1,972
3 มิถุนายน
วันที่ 3 มิถุนายน เป็นวันที่ 154 ของปี (วันที่ 155 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 211 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 2208 (ค.ศ. 1665) - กองทัพเรืออังกฤษได้รับชัยชนะต่อกองทัพเรือดัตช์ พ.ศ. 2410 (ค.ศ. 1867) - พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการประกาศตั้ง เซอร์ จอห์น เบาริง เป็นราชทูตวิสามัญ และอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มฝ่ายไทยประจำยุโรป พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) - สหรัฐฯ ก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าระยะไกลสายแรก ระหว่างน้ำตกวิลแลมเมตต์กับย่านกลางเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) - ดยุคแห่งวินด์เซอร์ อภิเษกสมรสกับวอลลิส ซิมป์สัน ชาวอเมริกัน พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - สงครามโลกครั้งที่สอง: ศึกแห่งดันเคิร์กสิ้นสุดลงเมื่อเยอรมันได้ชัยชนะด้วยยุทธวิธี พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - สงครามโลกครั้งที่สอง: กองทัพอากาศลุฟท์วัฟเฟอร์ของเยอรมนี ทิ้งระเบิดใส่กรุงปารีส พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) - พิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ ฌาปนสถานโกลเดอร์สกรีน ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) - ชาลส์ เดอ โกล ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) - พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช เสด็จประพาสย่านสำเพ็ง ราชวงศ์ เยาวราช พ.ศ. 2505 (ค.ศ. 1962) - เครื่องบินโบอิง 707 ของสายการบินแอร์ฟรานซ์ตก หลังจากเพิ่งออกจากปารีส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 130 ราย พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) - เอ็ดเวิร์ด ไวท์ นักบินอวกาศ เป็นชาวอเมริกันคนแรกที่ออกไปท่องอวกาศนอกยาน โดยอยู่ในอวกาศนอกยานเจมินี 4 นาน 21 นาที พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - รัฐบาลจีนส่งทหารไปสลายผู้ชุมนุมที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน หลังการชุมนุมประท้วงนาน 7 สัปดาห์ พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเปิดห้องสมุดดนตรีทูลกระหม่อมสิรินธร ณ หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) - ประเทศมอนเตเนโกรประกาศเอกราช เป็นการสิ้นสุดของประเทศเซอร์เบียและมอนเตเนโกร == วันเกิด == พ.ศ. 2351 (ค.ศ. 1808) - เจฟเฟอร์สัน เดวิส ประธานาธิบดีสมาพันธรัฐอเมริกาคนที่ 1 คนแรก และคนสุดท้าย (ถึงแก่กรรม 6 ธันวาคม พ.ศ. 2432) พ.ศ. 2386 (ค.ศ. 1843) - สมเด็จพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 8 แห่งเดนมาร์ก (สวรรคต 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2455) พ.ศ. 2387 (ค.ศ. 1844) - การ์เรต เอ. โฮบาร์ต รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 24 (ถึงแก่กรรม 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2442) พ.ศ. 2408 (ค.ศ. 1865) - พระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร (สวรรคต 20 มกราคม พ.ศ. 2479) พ.ศ. 2412 (ค.ศ. 1869) - เจ้าชายโบดวงแห่งเบลเยียม (สิ้นพระชนม์ 23 มกราคม พ.ศ. 2434) พ.ศ. 2431 (ค.ศ. 1888) - ทอม บราวน์ นักดนตรีแจ๊สชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 25 มีนาคม พ.ศ. 2501) พ.ศ. 2468 (ค.ศ. 1925) - โทนี เคอร์ติส นักแสดงชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 29 กันยายน พ.ศ. 2553) พ.ศ. 2469 (ค.ศ. 1926) - อัลเลน กินสเบิร์ก กวีชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 5 เมษายน พ.ศ. 2540) พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) - แลร์รี แมกเมอทรี นักประพันธ์ชาวอเมริกัน พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - เคอร์ทิส เมย์ฟิลด์ นักร้องชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 26 ธันวาคม พ.ศ. 2542) พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) - ลีโอ วับโวโก นักมวยสากลสมัครเล่นชาวยูกันดา (ถึงแก่กรรม 15 มกราคม พ.ศ. 2552) พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951) - จิล ไบเดิน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งสหรัฐ พ.ศ. 2499 (ค.ศ. 1956) - ดิลก ทองวัฒนา นักแสดงและพิธีกรชาวไทย พ.ศ. 2501 (ค.ศ. 1958) - ธำรง วิจิตสาร นักร้อง นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2504 (ค.ศ. 1961) - ลอว์เรนซ์ เลสสิก นักวิชาการด้านกฎหมายชาวอเมริกัน พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - เจมส์ เพียวฟอย นักแสดงชาวอังกฤษ พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - แอนเดอร์สัน คูเปอร์ นักสื่อสารมวลชนชาวอเมริกัน พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) * สมพล ปิยะพงศ์สิริ พิธีกร นักจัดรายการวิทยุ นักร้อง และนักแสดงชาวไทย * อันโตนิโอ เซร์เมโย นักมวยสากลอดีตแชมป์โลก WBA 2 สมัย ชาวเวเนซุเอลา พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - วราลักษณ์ วาณิชย์กุล นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) - เบเนดิกต์ หว่อง นักแสดงชาวอังกฤษ พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - พาเมล่า เบาว์เด้น นักร้องและนักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์ นักแสดงชาวชาวไทย พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - สด ปูนอินทรียิม นักมวยสากลชาวไทย พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - อันเดรย์ มอยเซเยฟ นักปัญจกีฬาสมัยใหม่ชาวรัสเซีย พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - พิมลรัตน์ พิศลยบุตร นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) * ปาปิสส์ ซิสเซ นักฟุตบอลชาวเซเนกัล * วูกัช ปิชต์แชก นักฟุตบอลชาวโปแลนด์ พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสชาวสเปน พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) * รุจิกร มั่งมี อดีตสมาชิกวงไนซ์ ทู มีท ยู * ศราวุฒิ มาสุข นักฟุตบอลสัญชาติไทย พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) * มารีโอ เกิทเซอ นักฟุตบอลชาวเยอรมัน * สหรัฐต์ หิรัญญ์ธนภูวดล นักร้องชาวไทย พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) * ภานุพงศ์ พลซา นักฟุตบอลระดับอาชีพชาวไทย * แสงดาว อินทิลาท นักฟุตบอลมืออาชีพชาวลาว พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - ยัง โกตู นักฟุตบอลชาวบราซิล พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) - เคาน์เตสเลโอนอร์แห่งออเรนจ์-นัสเซา เจ้าชายคอนสตันตินแห่งเนเธอร์แลนด์ == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 2423 (ค.ศ. 1880) - จักรพรรดินีมารีเยีย อะเลคซันโดรฟนาแห่งรัสเซีย (ประสูติ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2367) พ.ศ. 2418 (ค.ศ. 1875) - ฌอร์ฌ บีแซ คีตกวีชาวฝรั่งเศส (เกิด 25 ตุลาคม พ.ศ. 2381) พ.ศ. 2442 (ค.ศ. 1899) - โยฮันน์ ชเตราสส์ที่สอง คีตกวีชาวออสเตรีย (เกิด 25 ตุลาคม พ.ศ. 2368) พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) - พลตรีเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ องค์สุดท้าย (เกิด 29 กันยายน พ.ศ. 2405) พ.ศ. 2483 (ค.ศ. 1940) - หลวงพรตพิทยพยัต (เกิด 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2438) พ.ศ. 2506 (ค.ศ. 1963) - สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 (ประสูติ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2424) พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ในรัชกาลที่ 5 (เกิด 6 มีนาคม พ.ศ. 2433) พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - อยาตุลเลาะห์ รูฮัลลาห์ โคไมนี ผู้นำอิสลามชาวอิหร่าน (เกิด 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2443) พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - สง่า อารัมภีร นักเขียนและศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (เกิด 11 ธันวาคม พ.ศ. 2464) พ.ศ. 2559 (ค.ศ. 2016) - มูฮัมหมัด อาลี นักมวยสากลชาวอเมริกัน (เกิด 17 มกราคม พ.ศ. 2485) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == 3 มิถุนายน - วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี และวันจักรยานโลก == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day มิถุนายน 03 มิถุนายน
thaiwikipedia
1,973
กรกฎาคม
กรกฎาคม เป็นเดือนที่ 7 ของปี ตามปฏิทินเกรกอเรียน และเป็นหนึ่งในเดือน 7 เดือนที่มี 31 วัน ตามหลักโหราศาสตร์ เดือนกรกฎาคมเริ่มต้นขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีกรกฎ และสิ้นสุดเมื่อยกเข้าสู่ราศีสิงห์ แต่ในทางดาราศาสตร์ ต้นเดือนกรกฎาคมดวงอาทิตย์อยู่ในกลุ่มดาวคนคู่และปลายเดือนไปอยู่ในกลุ่มดาวปู เดิมเดือนนี้ใช้ชื่อว่า ควินตีลิส (Quintilis) ในภาษาละติน และเป็นเดือนที่ 5 ในปฏิทินโรมันดั้งเดิมที่เริ่มปีในเดือนมีนาคม ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "July" ตามชื่อของจูเลียส ซีซาร์ เพราะเป็นเดือนที่พระองค์เกิด และอ่านออกเสียงว่าจูลีจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 18. ประเทศไทยเริ่มใช้ชื่อเดือนกรกฎาคมในปี พ.ศ. 2432 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเทววงศ์วโรปการ เป็นผู้เสนอให้ใช้ราศีกำหนดชื่อเดือน == วันสำคัญ == 1 กรกฎาคม - วันลูกเสือแห่งชาติ 4 กรกฎาคม - วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี 11 กรกฎาคม - วันประชากรโลก วันคล้ายวันสวรรคต สมเด็จพระนารายณ์มหาราช 13 กรกฎาคม - วันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ 18 กรกฎาคม - วันสวรรคต สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี 21 กรกฎาคม - วันทหารผ่านศึกเวียดนาม 28 กรกฎาคม - วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 29 กรกฎาคม - วันภาษาไทยแห่งชาติ วันอาสาฬหบูชา - วันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 (เดือน 8 หลัง ในปีที่มีอธิกมาส) ตามปฏิทินจันทรคติไทย วันเข้าพรรษา - วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 (เดือน 8 หลัง ในปีที่มีอธิกมาส) == ดูเพิ่ม == จดหมายเหตุเดือนกรกฎาคม == แหล่งข้อมูลอื่น == กรกฎาคม เดือน
thaiwikipedia
1,974
สิงหาคม
สิงหาคม เป็นเดือนที่ 8 ของปี ตามปฏิทินเกรกอเรียน และเป็นหนึ่งในเดือน 7 เดือนที่มี 31 วัน ตามหลักโหราศาสตร์ เดือนสิงหาคมเริ่มต้นขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีสิงห์ และสิ้นสุดเมื่อยกเข้าสู่ราศีกันย์ แต่ในทางดาราศาสตร์ ต้นเดือนสิงหาคมดวงอาทิตย์อยู่ในกลุ่มดาวปูและปลายเดือนไปอยู่ในกลุ่มดาวสิงโต เดือนสิงหาคมเดิมใช้ชื่อในภาษาละตินว่า ซิกซ์ตีลิส (Sextilis) เนื่องจากเป็นเดือนที่ 6 ในปฏิทินโรมันดั้งเดิมที่เริ่มต้นปีในเดือนมีนาคม ต่อมาเปลี่ยนเป็น August เพื่อเป็นเกียรติแด่ ออกัสตัส ซีซาร์ เพราะเป็นเดือนที่พระองค์เข้าไปโรมในชัยชนะของเจ้าทั้งตะวันออกและตะวันตก ประเทศไทยเริ่มใช้ชื่อเดือนสิงหาคมในปี พ.ศ. 2432 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเทววงศ์วโรปการ เป็นผู้เสนอให้ใช้ราศีกำหนดชื่อเดือน == วันสำคัญ == 1 สิงหาคม - วันชาติสวิตเซอร์แลนด์ 1 สิงหาคม - วันสตรีไทย 4 สิงหาคม - วันสื่อสารแห่งชาติ 6 สิงหาคม - วันชาติจาเมากา (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1962) 7 สิงหาคม - วันรพี (พระบิดาแห่งกฎหมายไทย) 8 สิงหาคม - วันแมวโลก 9 สิงหาคม - วันชาติสิงค์โปร์ 12 สิงหาคม - วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง, วันแม่แห่งชาติ 13 สิงหาคม - วันคนถนัดซ้ายสากล 14 สิงหาคม - วันชาติปากีสถาน (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947) 15 สิงหาคม - วันชาติอินเดีย (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947) 16 สิงหาคม - วันสันติภาพไทย 17 สิงหาคม - วันชาติอินโดนีเซีย (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945) 18 สิงหาคม - วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 23 สิงหาคม - วันวีรบุรุษ (ซึ่งเพื่อระลึกถึงการเรียกร้องและปฏิวัติฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 1896) 24 สิงหาคม - วันชาติยูเครน (ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991) 26 สิงหาคม - วันสุนัขโลก 27 สิงหาคม - วันชาติมอลโดวา 31 สิงหาคม - วันชาติมาเลเซีย == ดูเพิ่ม == จดหมายเหตุเดือนสิงหาคม == แหล่งข้อมูลอื่น == เดือน
thaiwikipedia
1,975
กันยายน
กันยายน เป็นเดือนที่ 9 ของปี ตามปฏิทินเกรกอเรียน และเป็นหนึ่งในเดือน 4 เดือนที่มี 30 วัน ตามหลักโหราศาสตร์ เดือนกันยายนเริ่มต้นขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ยกเข้าสู่ราศีกันย์ และสิ้นสุดเมื่อยกเข้าสู่ราศีตุล แต่ในทางดาราศาสตร์ ต้นเดือนกันยายนดวงอาทิตย์อยู่ในกลุ่มดาวสิงโตและปลายเดือนไปอยู่ในกลุ่มดาวหญิงสาว เดือนกันยายนในภาษาอังกฤษ September มาจากภาษาละติน septem เนื่องจากเป็นเดือนที่ 7 ในปฏิทินโรมันดั้งเดิมที่เริ่มต้นปีในเดือนมีนาคม ประเทศไทยเริ่มใช้ชื่อเดือนกันยายนในปี พ.ศ. 2432 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเทววงศ์วโรปการ เป็นผู้เสนอให้ใช้ราศีกำหนดชื่อเดือน == วันสำคัญ == 1 กันยายน - วันสืบ นาคะเสถียร 8 กันยายน - วันการศึกษานอกโรงเรียน, วันรณรงค์เพื่อการรู้หนังสือระหว่างประเทศ 10 กันยายน - วันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีสวรินทรา บรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า 14 กันยายน - วันบุรฉัตร 15 กันยายน - วันศิลป์ พีระศรี, วันราชมงคล 16 กันยายน - วันโอโซนสากล, วันสาโรช บัวศรี 20 กันยายน - วันเยาวชนแห่งชาติ, วันอนุรักษ์รักษาคูคลองแห่งชาติ 22 กันยายน - วันปลอดรถ 23 กันยายน - วันภาษามือโลก 24 กันยายน - วันมหิดล 30 กันยายน - วันเดินเรือโลก == ดูเพิ่ม == จดหมายเหตุเดือนกันยายน == แหล่งข้อมูลอื่น == กันยายน เดือน
thaiwikipedia
1,976
ริชาร์ด ฟายน์แมน
redirect ริชาร์ด ไฟน์แมน
thaiwikipedia
1,977
จังหวัดสุรินทร์
สุรินทร์ (เขมรถิ่นไทย: ซเร็น; กูย: เหมองสุลิน) เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างหรือ "อีสานใต้" มีชื่อเสียงด้านการเลี้ยงช้าง การทอผ้าไหม ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ มีผู้คนหลายเผ่าพันธุ์และภาษา อาทิ เขมร กูย และลาว (ไทยอีสาน) มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 11 และมีพื้นที่กว้างเป็นอันดับที่ 24 == สัญลักษณ์ประจำจังหวัด == คำขวัญประจำจังหวัด : สุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ ผ้าไหมงาม ประคำสวย ร่ำรวยปราสาท ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม งามพร้อมวัฒนธรรม ถิ่นช้างใหญ่ หมายถึง มีคชอาณาจักร และศูนย์คชศึกษาซึ่งมีช้างอยู่มาก เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด ผ้าไหมงาม หมายถึง มีการทอผ้าไหมที่ขึ้นชื่อในเรื่องการทอผ้าไหมปักทอง ที่สวยงามมากติด 1 ใน 10 เมืองทอผ้าไหมในประเทศไทยที่บ้านท่าสว่าง อำเภอเมืองสุรินทร์ ประคำสวย หมายถึง มีการประคำเงินขึ้นชื่อ ที่อำเภอเขวาสินรินทร์ ร่ำรวยปราสาท หมายถึง มีปราสาทกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก และมีที่อายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย หนึ่งในนั้น คือ ปราสาทภูมิโปน ผักกาดหวาน หมายถึง มีการทำผักกาดดองที่หวานอร่อยขึ้นชื่อ ข้าวสารหอม หมายถึง มีข้าวสารที่ปลูกที่ทุ่งกุลาร้องไห้ และหอมอร่อยที่สุดในโลก งามพร้อมวัฒนธรรม หมายถึง ดูจากการเล่นสงกรานต์ของชาวสุรินทร์และงานประเพณีมากมาย ตราประจำจังหวัด : พระอินทร์ทรงประทับช้างเอราวัณอยู่หน้าปราสาทหินศีขรภูมิ (เดิมเรียกว่าปราสาทหินบ้านระแงง) พระอินทร์ หมายถึง เทพเจ้าผู้ทรงเก่งกาจสามารถ ช้าง หมายถึง เมืองที่มีช้างอยู่มากมาย ปราสาทหิน คือ ปราสาทศีขรภูมิ ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกกันเกรา ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นกันเกรา พันธุ์ไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัด : มะค่าแต้ สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลานวลจันทร์น้ำจืด ธงประจำจังหวัด : ธงสีเขียว-เหลือง-แสด ตรงกลางมีตราประจำจังหวัดติดอยู่ ไฟล์:Seal_Surin.png|ตราประจำจังหวัดสุรินทร์ ไฟล์:ต้น_กันเกรา.JPG|ต้นกันเกรา == พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น == === การตั้งถิ่นฐาน === สมัยทวารวดี พบมีหลักฐานการตั้งถิ่นฐานมาก่อนแล้วในดินแดนแถบอิสานใต้ ไปจนถึงบริเวณแถบอิสานกลางโดยชนชาติแรก ๆ ที่ได้เข้าอาศัยอยู่ ชาติพันธุ์ตระกูลมอญ ละว้า ลัวะ และขอม สมัยอาณาจักรขอมรุ่งเรือง ราวพุทธศตวรรษที่ 16-18 เป็นต้นมา ซึ่งชาวขอม ซึ่งเป็นคนพื้นเมืองดั้งเดิมในแถบดินแดนอิสานใต้ และแถบลาว สยาม กัมพูชา และญวน สุรินทร์เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีความเป็นมายาวนาน จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบ ข้อมูลในพงศาวดาร  เรื่องเล่าตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาเป็นที่อยู่ของชนหลายเผ่าพันธุ์ทั้ง เขมร ลาว กูย ทำให้มีภาษาและวัฒนธรรมที่หลากหลายที่ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน เมืองโบราณเขตเมืองเก่าของเมืองสุรินทร์ อยู่พื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์มีมนุษย์เข้ามาตั้งชุมชนแล้วตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย  ลักษณะชุมชนเป็นเนินดินมีคูน้ำคันดินล้อมรอบ  รูปวงรี หรือวงกลม ขนาดกว้างประมาณ  1,000  เมตร  ยาวประมาณ  1,300  เมตร  เป็นลักษณะเฉพาะของแผนผังเมืองโบราณตั้งแต่ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายถึงสมัยประวัติศาสตร์ตอนต้นซึ่งพบทั่วไปในเขตภาคอีสานตอนล่าง กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมืองสุรินทร์ในราชกิจจานุเบกษา  เล่มที่  95  ตอนที่  98  ลงวันที่  19  กันยายน  2521 จากการสำรวจของหน่วยศิลปากรที่  6   ในปี พ.ศ. 2534  พบว่าตัวเมืองยังมีสภาพที่สมบูรณ์เห็นแนวคูน้ำ-คันดินแบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือ เมืองชั้นในและเมืองชั้นนอก เมืองชั้นใน  มีลักษณะเป็นรูปวงรีแบบสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายถึงสมัยประวัติศาสตร์ตอนต้น  มีขนาดกว้างประมาณ  1,000  เมตร  ยาวประมาณ  1,300  เมตร  สภาพคูเมืองค่อนข้างสมบูรณ์  มีบางส่วนเท่านั้นที่ขาดหายไป เมืองชั้นนอก  มีลักษณะแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบชุมชนขอมโบราณ มีคูน้ำ  2  ชั้น  คันดิน  1  ชั้นล้อมรอบ  ขนาดกว้าง  1,500  เมตร  ยาว  2,500  เมตร  สภาพคูเมืองค่อนข้างสมบูรณ์   ยกเว้นด้านทิศใต้ พื้นที่บริเวณวังเก่าของเจ้าเมืองสุรินทร์ อยู่บริเวณที่เป็นโรงพยาบาลสุรินทร์ บริเวณวัดศาลาลอยและพื้นที่ใกล้เคียงโรงเรียนสุรวิทยาคารและโรงเรียนสิรินธรในปัจจุบัน แต่อาคารโบราณสถานต่าง ๆ ได้ถูกรื้อถอนและทำลายทิ้งหมดแล้วเหลือแต่เพียงคูน้ำไว้ให้เห็นบริเวณด้านข้างโรงเรียนสิรินธร สะท้อนว่า พื่นที่ของเมืองสุรินทร์ในปัจจุบันนี้ เคยมีการตั้งถื่นฐานมาแล้วตั้งแต่สมัยโบราณเป็นเวลาลายพันปี จากการศึกษาวิจัยการและสำรวจพบแหล่งโบราณคดีในจังหวัดสุรินทร์  กว่า 59 แห่ง ส่วนมากเป็นชุมชนโบราณที่มีคูน้ำ-คันดินล้อมรอบรูปวงรี หรือวงกลม ได้แก่ แหล่งโบราณคดีบ้านโนนสวรรค์ ตำบลนาหนองไผ่ อำเภอชุมพลบุรี  หมู่บ้านเป็นเนินสูงเกือบ 3 เมตร  พบโบราณวัตถุได้แก่ เศษภาชนะดินเผาแบบต่าง ๆ รวมทั้งภาชนะเคลือบสีน้ำตาลแบบขอม และพบภาชนะที่ใช้บรรจุมีลักษณะเป็นภาชนะก้นมนขนาดใหญ่ ที่ใช้ในการฝังศพครั้งที่สองของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีอายุอยู่ในราว 2,000-1,500 ปี มาแล้ว พบมากไปตลอดลุ่มแม่น้ำมูลตอนกลางแถบจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และขอนแก่น เป็นลักษณะของกลุ่มวัฒนธรรมทุ่งกุลาร้องไห้ ปัจจุบันจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ แหล่งโบราณคดีบ้านปราสาท ตำบลปราสาททนง อำเภอปราสาท แหล่งโบราณคดีแห่งนี้เป็นที่ตั้งของปราสาททนง เป็นโบราณสถานขอมชึ่งกรมศิลปากรมีโครงการขุดแต่ง ในปี พ.ศ. 2536 และได้ขุดตรวจชั้นดินทางด้านหลังของโบราณสถาน พบหลักฐานสำคัญแสดงให้เห็นถึงการอยุ่อาศัยของมนุษย์มาก่อนจะสร้างปราสาท คือ โครงกระดูกมนุษย์เพศชาย อายุประมาณ 35- 40 ปี ปัจจุบันได้นำมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ นอกจากแหล่งโบราณคดีทั้งสองแหล่งนี้แล้ว ยังไม่มีการขุดค้นตามหลักวิชาการในอีกกว่า 50 แห่ง อาศัยเพียงเทียบเคียงค่าอายุกับแหล่งอื่น ๆ พอสรุปได้ว่ามีอายุอยู่ในราว 2,000-1,500 ปีมาแล้ว หม่อมอมรวงศ์วิจิตร กล่าวไว้ในพงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสานกล่าวว่า เดิมพื้นที่ในมณฑลลาวทางนี้ เมื่อก่อนจุลศักราชได้ 1,000 ปี ก็เป็นทำเลป่าดง (เป็นการเรียกไปเองของสมัยกรุงศรีอยุธยา) ซึ่งเป็นที่อาศัยของพวกคนอันสืบเชื้อสายมาแต่ขอม ต่อมาเรียกกันว่า "กูย (กวย)" ซึ่งยังมีอาศัยอยู่ในฝั่งโขงตะวันออก ซึ่งปรากฏหลักฐานการสร้างปราสาทหิน และจากอิฐดินเผาจำนวนมากมีกระจายอยู่ทั่วไปในแถบอิสานใต้ ละโว้ (ลพบุรี) ไปจนถึงในเขตภาคกลาง (สมัยกรุงศรีอยุธยา หรือสมัยอาณาจักร ทวารวดี) และภาคเหนือตอนล่าง จากหลักฐานที่พบภาชนะดินเผายุคก่อนประวัติศาสตร์ บริเวณจังหวัดสุรินทร์ และพบแหล่งชุมชนโบราณหลายแห่ง ย่อมแสดงให้เห็นว่า ในบริเวณจังหวัดสุรินทร์ มีผู้คนอาศัยนานมาแล้วตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ใน พ.ศ. 2538 นายเจริญ ไวรวัจยกุล อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ พร้อมคณะได้ศึกษาและเก็บข้อมูลชุมชนโบราณบริเวณทุ่งกุลาร้องไห้ ห้วยลำพลับพลาด้านบน และลำน้ำมูลด้านใต้ เนื่องจากพบเนินสูง ๆ ต่ำ ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก จากการสำรวจสันนิษฐานว่าเนินเหล่านี้เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์มาอย่างต่อเนื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบหลักฐานชุมชนสมัยทวารวดีทั้งภูมิภาค  เมืองโบราณที่สำคัญ เช่น เมืองฟ้าแดดสงยาง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์, เมืองนครจำปาศรี อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม, เมืองกันทรวิชัย อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม, เมืองโบราณบ้านคอนสวรรค์ อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ, เมืองเสมา อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนและเป็นรูปธรรมอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมทวารวดี นั่นคือ การนับถือศาสนาพุทธ ซึ่งก่อให้เกิดงานศิลปกรรมที่เนื่องในศาสนา  ตามเมืองหรือชุมชนโบราณสมัยทวารวดีจะพบว่ามีการสร้างสิ่งก่อสร้าง หรือรูปเคารพในศาสนาพุทธขึ้น ได้แก่ พระพุทธรูป พระพิมพ์ ใบเสมา เป็นต้น ==== แหล่งวัฒนธรรมทวารวดีในสุรินทร์ ==== วัฒนธรรมทวารวดี  ประมาณพุทธศตวรรษที่  12-16 หรือราว 1,000-1,400  ปีมาแล้ว ในภาคอีสานตอนล่าง ชุมชนในวัฒนธรรมทวารวดี มีอายุเดียวกับชุมชน ในจังหวัดต่าง ๆ บริเวณลุ่มแม่น้ำมูล เช่น เมืองเสมา, เมืองเก่าโคราช อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา, เมืองโบราณบ้านฝ้าย อำเภอหนองหงส์, เมืองโบราณบ้านประเคียบ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์, เมืองคงโคก อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ, ชุมชนโบราณบ้านไผ่ใหญ่ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี (กรมศิลปากร, 2532 : 114-116) เป็นต้น ลักษณะชุมชนวัฒนธรรมทวารวดีที่พบในจังหวัดสุรินทร์มักจะมีคูน้ำคันดินล้อมรอบ มีโบราณวัตถุเนื่องในพุทธศาสนา เช่น ใบเสมา พระพุทธรูป พระพิมพ์ เป็นต้น ชุมชนบ้านพระพืด ตำบลบ้านแร่ อำเภอเขวาสินรินทร์ เป็นแหล่งชุมชนโบราณลักษณะคันคูดินรูปวงกลม ชุมชนโบราณบ้านตรึม ตำบลตรึม อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ บริเวณบ้านตรึม มีลักษณะเป็นชุมชนที่มีคูน้ำล้อมรอบ ทางด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน มีหนองน้ำขนาดใหญ่ เรียกว่า "หนองสิม"  ภายในวัดตรึม  เป็นเนินดินมีใบเสมาปักอยู่ 16 ใบ  ลักษณะเป็นแบบแผ่นรูปกลีบบัว ทำด้วยศิลาแลงและหินบะชอลต์ ใบเสมาทุกใบจะมีลักษณะของการตกแต่งที่เหมือนกัน นั่นคือ แกะสลักเป็นรูปหม้อน้ำ อยู่ตรงกลางใบทั้งสองด้าน ยอดเป็นกรวยแหลมบรรจบกับส่วนบนของใบเสมาพอดี ขอบใบเสมาแกะเป็นเส้นตรงโค้งไปตามขอบ ทำให้ดูเหมือนว่าผิวหน้าทั้งสองด้านของใบเสมายื่นออกมา ปัจจุบันทางวัดได้สร้างอาคารคลุมใบเสมาและเนินดินไว้ ชุมชนโบราณบ้านไพรขลา ตำบลไพรขลา อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ เป็นชุมชนที่มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ พบใบเสมา ที่โนนสิมมาใหญ่และโนนสิมมาน้อย โนนสิมมาใหญ่ อยู่ภายในหมู่บ้านทางทิศใต้  มีกลุ่มใบเสมาจำนวนมาก  ปักอยู่ในตำแหน่งทิศทั้งแปด บางส่วนถูกเคลื่อนย้ายมาเก็บรวมกันไว้ในอาคารขนาดเล็ก ใบเสมาทั้งหมดทำจากศิลาแลง เป็นแผ่นรูปกลีบบัว ตรงกลางใบเป็นรูปหม้อน้ำมียอดเป็นรูปกรวยแหลม  หรือเป็นสันขึ้นมาทั้งสองด้าน ลักษณะการตกแต่งเหมือนกับใบเสมาที่บ้านตรึม โนนสิมมาน้อย อยู่ทางทิศตะวันตกภายในหมู่บ้าน  บริเวณนี้พบใบเสมาจำนวนเล็กน้อยอยู่รวมกันเพียงจุดเดียว  ใบเสมาบางใบน่าจะปักอยู่ในตำแหน่งเดิม  โดยมีการย้ายใบเสมาใบอื่น ๆ มาวางรวมกันไว้  ลักษณะของใบเสมาเหมือนกับใบเสมาที่โนนสิมมาใหญ่  เป็นใบเสมาแบบแผ่นรูปกลีบบัว ตรงกลางใบทำเป็นสันทั้งสองด้าน ทั้งหมดทำจากศิลาแลง ใบเสมาที่พบสันนิษฐานว่าปักไว้เพื่อกำหนดเขตศักดิ์สิทธิ์  เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในสมัยนั้น ในราวปลายพุทธศตวรรษที่ 12 – 13 ตรงกับรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 แห่งอาณาจักรขอมโบราณ จังหวัดสุรินทร์มีการสร้างปราสาทภูมิโพน ที่ ตำบลดม อำเภอสังขะ เป็นศาสนสถานขนาดใหญ่ในศาสนาฮินดูศิลปะขอมโบราณสมัยไพรกเมง (สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์ ,2532) ประกอบด้วยปราสาทอิฐ 3 หลัง และฐานอาคารก่อด้วยศิลาแลง 1 หลัง พบชิ้นส่วนจารึกอักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤต 1 ชิ้น ซึ่งมีใช้ราวพุทธศตวรรษที่ 12-13  ทับหลังรูปสัตว์ครึ่งสิงห์ครึ่งนก ประกอบวงโค้งที่มีวงกลมรูปไข่ ศิลปะขอมโบราณแบบไพรกเมง จำนวน 1 แผ่น บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างจากปราสาท 500 เมตร มีหนองปรือซึ่งเป็นบารายขนาดใหญ่ แบบวัฒนธรรมขอมโบราณ  รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 300X500 เมตร อยู่ 1 แห่ง ราวกลางถึงปลายพุทธศตวรรษที่ 15 (ประมาณ 1,100 ปีมาแล้ว) ในเขตจังหวัดสุรินทร์  มีชุมชนวัฒนธรรมขอมโบราณที่สำคัญอีก 2 แห่ง คือ ชุมชนปราสาทหมื่นชัย บ้านถนน และชุมชนปราสาทบ้านจารย์ ตำบลบ้านจารย์ อำเภอสังขะ ปราสาทบ้านจารย์  เป็นปราสาทศิลปะขอมโบราณสมัยเกาะแกร์ ราวกลาง-ปลายพุทธศตวรรษที่ 15 เป็นปราสาทองค์เดียว ก่อด้วยอิฐ มีคูน้ำรูปตัวยูล้อมรอบ  ปัจจุบันตัวปราสาทมีสภาพหักพังเหลือเพียงส่วนเรือนธาตุ  บนตัวปราสาทมีทับหลังขนาดใหญ่สลักรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ปราสาทหมื่นชัย  เป็นปราสาทองค์เดียว ก่อด้วยอิฐ มีคูน้ำรูปตัวยูล้อมรอบ  ปัจจุบันตัวปราสาทมีสภาพหักพังเหลือเพียงส่วนเรือนธาตุ ปราสาทตาเมือนธม  บ้านหนองคันนา ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นปราสาทขนาดใหญ่ ก่อด้วยหินทรายและศิลาแลง ปราสาททนง  บ้านปราสาท ตำบลปราสาททนง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เป็นปราสาทขนาดเล็ก ก่อด้วยอิฐ หินทราย และศิลาแลง  ตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ประกอบไปด้วยสองส่วน  คือ พลับพลาและปราสาทประธาน ปราสาทบ้านไพล  บ้านปราสาท ตำบลเชื้อเพลิง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์  เป็นปราสาทอิฐ 3 องค์ มีขนาดเท่ากันตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงหันหน้าไปทางทิศตะวันออก  มีคูน้ำรูปตัวยูล้อมรอบ ต่อมาในช่วงอารยธรรมขอมในประเทศกัมพูชาได้เจริญถึงขีดสุดราวพุทธศตวรรษที่  16 – 18 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย  พบปราสาทหินและเมืองโบราณรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบขอม  เป็นจำนวนมาก ได้แก่ เมืองพิมาย อันมีปราสาทพิมายเป็นศูนย์กลางของเมือง ตัวเมืองมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่  เป็นต้น  ช่วงระยะเวลานี้มีหลักฐานว่าเมืองสุรินทร์ได้รับอิทธิพลอารยธรรมของขอมโบราณอย่างมากเช่นกัน มีการปรับแผนผังเมืองให้ใหญ่ขึ้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบขอมโบราณมีคูน้ำ 2 ชั้น  คันดิน 1 ชั้น  ล้อมรอบ  ขนาดกว้าง 1,500  เมตร  ยาว  2,500  เมตร  ล้อมรอบตัวเมืองเดิมรูปวงรีในสมัยก่อนหน้านั้นไว้ภายในอีกชั้นหนึ่ง ส่วนพื้นที่อำเภอต่าง ๆ พบปราสาทขอมโบราณอีกหลายแห่ง นักมานุษยวิทยา และนักโบราณคดีลงความเห็นว่า บริเวณที่ราบลุ่มตอนกลางของแม่น้ำมูลด้านตะวันออกและชุมชนทุ่งสำริด ในจังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดสุรินทร์ และลุ่มแม่น้ำมูล-ชีตอนล่าง ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดยโสธร และจังหวัดอุบลราชธานี คือ แหล่งอารยธรรมโบราณ บรรพชนของชุมชนเหล่านี้ ได้ประดิษฐ์เครื่องปั้นดินเผาเนื้อหยาบหนา ในยุคแรก ๆ ไม่มีลวดลายเขียนสี ในยุคต่อมาพัฒนาเป็นการเขียนสีและชุบน้ำโคลนสีแดง นอกจากนี้ยังได้ค้นพบหลักฐานแสดงการเปลี่ยนแปลงทางคติชนวิทยา ที่สำคัญของมนุษยชาติ คือ ประเพณีฝังศพครั้งที่สองโดยการบรรจุกระดูกผู้ตายลงในภาชนะก่อนการนำไปฝัง ซึ่งการฝังครั้งแรกนั้นจะนำร่างผู้ตายลงในหลุมระยะหนึ่ง แล้วจึงขุดขึ้นเพื่อทำพิธีฝังครั้งที่สอง ลักษณะสำคัญของชุมชนเหล่านี้อีกอย่างหนึ่ง คือ โครงสร้างของชุมชนมักแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนที่อยู่อาศัยมักอยู่บนเนินหรือที่ดอน โดยรอบเป็นที่ลุ่มสำหรับเป็นแหล่งทำกิน ด้านตะวันออกส่วนใหญ่เป็นศาสนสถาน ด้านตะวันตกเป็นป่าช้า การขยายตัวของชุมชนมักขยายไปทางทิศตะวันตก ชุมชนเหล่านี้มีการขยายตัวทั้งทางเศรษฐกิจและทางการเมือง มีการสั่งสมหรือกวาดต้อนประชากรจากพื้นที่ต่าง ๆ จัดตั้งขยายเป็นชุมชนเมือง เป็นรัฐยุคต้นประวัติศาสตร์ ชุมชนเหล่านี้นี่เองที่หลอมรวมกันขึ้นเป็นอาณาจักรเจนละ หรืออีสานปุระ มีหลักฐานแสดงความเจริญหลายอย่าง เช่น การถลุงเหล็ก การทำเกลือ ปลูกข้าว การขุดคูกักเก็บน้ำเพื่อการเกษตรและความปลอดภัย === ประวัติศาสตร์เมืองสุรินทร์ === เมืองสุรินทร์เป็นเมืองเก่าแก่มีประวัติความเป็นมายาวนาน มีวัฒนธรรมที่สั่งสมสืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงสมัยปัจจุบัน สิ่งที่ปรากฏหลักฐานบ่งบอกชัดเจน ได้แก่ คูเมือง 3 ชั้น มีเนินดินเป็นกำแพง สันนิษฐานว่าเคยเป็นเมืองหน้าด่านของขอม ดังที่ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรงเรียบเรียง ถวายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในการรายงานตรวจราชการมณฑลอีสานและนครราชสีมา ลงวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2469 ดังนี้ เมืองสุรินทร์เป็นเมืองที่สร้างอย่างมั่นคงในปางก่อน มีคูถึง 3 ชั้น มีเนินดินเป็นกำแพงเมือง น่าจะเป็นเพราะเห็นว่าเป็นเมืองหน้าด่านทั้งทางตะวันออกและทางใต้ซึ่งมีช่องข้ามเขาบรรทัดต่อจังหวัดสุรินทร์อยู่หลายช่อง คือ ช่องปราสาทตาเมิน ช่องเสม็ก ช่องดอนแก้ว เป็นต้น ซึ่งมีทางเดินไปสู่ศรีโสภณและเมืองจงกัน ยังมีคนและเกวียนเดินอยู่ทุกช่อง แต่เป็นทางลำบาก คงสะดวกแต่ช่องตะโก ต่อมาทางตะวันตก ซึ่งกรมทางได้ไปทำงานไว้เรียบร้อยแล้ว บริเวณเมืองสุรินทร์เป็นพื้นที่ลุ่ม น้ำท่วมตลอดปี แต่ก็ทำไร่นาได้ เป็นทุ่งใหญ่ บ้านเมืองกำลังจะเจริญขึ้น เพราะเป็นปลายทางรถไฟ มีห้องแถวคึกคักไม่หย่อนกว่าอุบล และกำลังสร้างทำอยู่อีกก็มีมาก พลเมืองแห่งจังหวัดสุรินทร์ส่วนมากเป็นเขมร ซึ่งเป็นชาวพื้นเมือง เช่น บุรีรัมย์ นางรอง มีลาวเจือปนบ้างเป็นส่วนน้อย และชาวกูยซึ่งพูดภาษาของตนต่างหาก ส่วนเขมรซึ่งเป็นพลเมืองกลุ่มใหญ่ของเมืองสุรินทร์ยังคงพูดภาษาเขมร อยู่ทั่วไปและที่กล่าวว่าไม่รู้ภาษาไทยก็มีต้องใช้ล่ามเนือง ๆ ผู้ปกครองท้องถิ่น เห็นว่าเป็นการดิ้นรน แสร้งทำเป็นพูดไทยไม่ได้ก็มีอยู่มาก ชาวเขมรเข้ามาในแถบเมืองสุรินทร์มากในปี พ.ศ. 2324 ซึ่งทางฝ่ายเขมรต่ำเกิดการจลาจล โดยเจ้าทะละหะ (มู) กับพระยาวิมลราช (ฮู) ฝักใฝ่ในทางญวน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดเกล้า ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก กับพระยาสุรสีห์ ยกกองทัพไปปราบปราม โดยเกณฑ์กำลังทางขุขันธ์ ประทายสมันต์ (เมืองสุรินทร์) สังขะ ไปช่วยปราบปรามเมืองประทายเพชร ประทายมาศ เมืองรูงตำแรย์ กำปงสวาย และเสียมราฐ ในอดีตการไปมาถึงกันกับพวกเขมรต่ำในการปกครองฝรั่งเศสนั้น สอบสวนได้ความว่ายังมีอยู่เสมอแต่มีข้างฝ่ายคนเรื่องเขมรต่ำอพยพเข้ามาอยู่ทางเราเสียมากกว่า ปีหนึ่ง เข้าประมาณ 50 - 100 คน โดยมากเป็นเรื่องหนีส่วยอากรที่ทางฝ่ายโน้นเก็บแรงกว่าทางนี้ จังหวัดสุรินทร์ มีลำดับการพัฒนาทางประวัติศาสตร์อย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งทางด้านการปกครอง สังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง จากการตั้งบ้านเรือนที่มีวิถีชีวิตอย่างเรียบง่ายในอดีต มาเป็นวิถีชีวิตที่สลับซับซ้อนอย่างในปัจจุบัน โดยเฉพาะการสะท้อนความเคลื่อนไหวของผู้คนที่มีมิติความสัมพันธ์ต่อกันอยู่ตลอดเวลา อันเป็นลักษณะโดดเด่นของผู้คนชาวจังหวัดสุรินทร์ === ก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา === พระยาประชากรกิจกรจักรเชื่อว่า ชนที่ตั้งหลักแหล่งอยู่ในพื้นที่ของอีสานล่าง คือ สุรินทร์ นครราชสีมาหรือโคราช (เมืองโคราชเก่า บริเวณอำเภอเสิงสาง เมืองพิมาย และบริเวณใกล้เคียง มีโบราณสถานเหลืออยู่ให้เห็น 3 แห่งด้วยกัน คือ ปราสาทโนนกู่ ปราสาทเมืองแขก และปราสาทเมืองเก่า การเดินทางใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ไปจนถึงกิโลเมตร ที่ 221-222 เลี้ยวขวาไปตามทางเข้าสู่อำเภอสูงเนิน 2.7 กิโลเมตร จะพบทางแยกขวามือตรงมุมวัดญาณโศภิตวนาราม (วัดป่าสูงเนิน) ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าสู่เมืองโบราณโคราช รวมระยะทางห่างจากตัวเมืองประมาณ 32 กิโลเมตร) บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานีบางส่วน กลุ่มแรกคือ กูย/กวย แล้วแต่จะเรียกตามสำเนียงของภาษาพูดในแต่ละท้องถิ่น อีริค ไซเดนฟาเดน นักชาติพันธุ์วิทยาชาวเดนมาร์ก สันนิษฐานว่าพวกกูย(กวย) เคลื่อนย้ายจากประเทศจีนเข้าสู่ประเทศพม่า และมาถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เมื่อประมาณ 1,200 ปี ก่อนคริสตกาล หรือประมาณ 3,000 ปีเศษมาแล้ว ชาวกูย(กวย)เหล่านี้อาศัยอยู่เป็นบริเวณกว้าง ตั้งแต่ภาคใต้ของลาว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย พวกที่อพยพเข้ามาเป็นระรอกที่ 2 และที่ 3 คือ เขมรและลาว หม่อมอมรวงศ์วิจิตร กล่าวไว้ในพงศาวดารหัวเมืองมณฑลอีสานกล่าวว่า เดิมพื้นที่ในมณฑลลาวทางนี้ เมื่อก่อนจุลศักราชได้ 1,000 ปี ก็เป็นทำเลป่าดง ซึ่งเป็นที่อาศัยของพวกคนอันสืบเชื้อสายมาแต่ขอม ซึ่งยังมีอาศัยอยู่ในฝั่งโขงตะวันออก ซึ่งปรากฏหลักฐานการสร้างปราสาทหินและอิฐดินเผาจำนวนมากมีกระจายอยู่ทั่วไปในแถบอิสานใต้ ละโว้ (ลพบุรี) ไปจนถึงในเขตภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง === สมัยกรุงศรีอยุธยา === ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ได้แพร่ขยายอิทธิพลทางการเมืองทำให้กัมพูชาตกอยู่ในฐานะประเทศราชและในระหว่างปีพ.ศ. 2103 อาณาจักรลาวมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่นครเวียงจันทน์ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช (พ.ศ. 2091-พ.ศ. 2111) กษัตริย์ของลาวได้สร้างนครเวียงจันทน์เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรล้านช้าง ใน พ.ศ. 2257 ลาวแตกออกเป็น 3 รัฐอิสระ คือ หลวงพระบาง เวียงจันทน์ และจำปาศักดิ์ มีชาวกูย - ลาวกลุ่มหนึ่งซึ่งนำโดยเจ้าราชครูหลวงแห่งวัดป่าโพนสะเม็ดพร้อมด้วยนักศึกษาวัด ทั้งที่กำลังศึกษา เป็นพระภิกษุสามเณรอยู่และที่จบการศึกษาแล้วเป็นอ้ายเชียง อ้ายทิด (บันฑิต) อ้ายจารย์ (อาจารย์) กับพวกข้าทางใต้ไปบูรณะพระธาตุพนม และไปจนถึงเขมร แล้วกลับมาตั้งหลักแหล่งอยู่ที่เมืองจำปาศักดิ์ เมืองจำปาศักดิ์นั้นเป็นเมืองพี่เมืองน้องกับเมืองอัตตะปือแสนแปง (แสนแปง) ซึ่งต่างเป็นเมืองของพวกลัวะ ละว้า ขอม กูย ขณะนั้นเมืองจำปาศักดิ์ปกครองโดยนางแพง เจ้าหญิงข่า-ลัวะ (กูย กวย ขอม) ด้วยคุณงามความดีของเจ้าราชครูหลวงแห่งวัดป่าโพนสะเม็ด นางแพงจึงมอบอำนาจการปกครองเมืองจำปาศักดิ์ให้ เจ้าราชครูหลวงจึงได้อัณเชิญเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูรจากนครเวียงจันทน์ไปปกครองนครจำปาศักดิ์นับตั้งแต่พ.ศ. 2261-พ.ศ. 2281 เป็นต้นมา เมื่อเจ้าสร้อยศรีสมุทรพุทธางกูรได้ปกครองจำปาศักดิ์แล้ว เจ้าราชครูแห่งวัดป่าโพนสะเม็ดจึงขยายอำนาจ โดยตั้งผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ ออกไปปกครองเมืองของลัวะ ละว้า ข่าต่าง ๆ ภายในเขตเมืองจำปาศักดิ์ เช่น ส่งจารย์หวดเป็นเจ้าเมืองโขงสี่พันดอน ให้ท้าวมั่นไปตั้งบ้านโพนขึ้นเป็นเมืองสาระวันแต่ชาวบ้านชอบเรียกเมืองมั่นตามชื่อท้าวมั่นและเรียกควบกับเมืองคำทองใหญ่ว่าเมืองมั่นคำทอง ให้จารย์แก้วไปตั้งบ้านทุ่ง (ท่ง) เป็นเมืองสุวรรณภูมิ (ในจังหวัดร้อยเอ็ดในปัจจุบัน) การแยกเป็นรัฐอิสระของอาณาจักรลาว ทำให้ทั้ง 3 รัฐ เกิดการแข็งต่อเมืองกันและต่างสะสมแสนยานุภาพไว้ต่อสู้ ป้องกันการรุกราน เมืองจำปาศักดิ์จึงบังคับให้อัตตะปือ แสนปางส่งช้างป้อนกองทัพให้แก่จำปาศักดิ์ตามที่ต้องการ ทำให้ชาวอัตตะปือแสนปางทนต่อสภาพถูกบีบบังคับไม่ได้ ส่วนหนึ่งจึงข้ามลำน้ำโขงเข้ามาอาศัยกับพวกกูย (กวย) ดั้งเดิมบริเวณป่าดงดิบแถบอีสานล่าง คือ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ มหาสารคาม และบางส่วนของนครราชสีมา ขอนแก่น ชัยภูมิ ชาวกูยหลายกลุ่มพากันข้ามมาตั้งหลักแหล่งทางฝั่งขวาของแม่น้ำโขง เพิ่มเติม (ซึ่งแต่เดิมมีการตั้งถิ่นฐานในบริเวณภูมิภาคนี้มานานเป็นพันปีแล้ว) เมื่อพ.ศ. 2260 แยกย้ายกันไปตั้งบ้านเรือนและมีหัวหน้าปกครองตามที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นจังหวัดสุรินทร์ในปัจจุบัน คือ กลุ่มที่ 1 มาอยู่ที่บ้านเมืองที (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอเมืองสุรินทร์) มีหัวหน้าชื่อ เชียงปุม กลุ่มที่ 2 มาอยู่ที่บ้านกุดหวายหรือเมืองเตา (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอรัตนบุรี) มีหัวหน้าชื่อ เชียงสีหรือตากะอ่าม กลุ่มที่ 3 มาอยู่ที่บ้านเมืองลีง (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอจอมพระ) มีหัวหน้าชื่อ เชียงสง กลุ่มที่ 4 มาอยู่ที่บ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน (ปัจจุบันคือบ้านพื้นที่โดยรอบของปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวนหรือสมัยหลังถูกบิดเบือนชื่อมาเป็นปราสาทกุด(ปัจจุบันในบริเวณภายในพื้นที่ของวัดเจ็ก) อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ) มีหัวหน้าชื่อ ตากะจะ(ผู้พี่)และเชียงขันธ์(ผู้น้อง) กลุ่มที่ 5 มาอยู่ที่บ้านอัจจะปะนึง (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอสังขะ) มีหัวหน้าชื่อ เชียงฆะ กลุ่มที่ 6 มาอยู่ที่บ้านกุดปะไท (ปัจจุบันคือบ้านจารพัต อำเภอศีขรภูมิ) มีหัวหน้าชื่อ เชียงไชย ชาวกูย(กวย)เหล่านี้มีความชำนาญในการคล้องช้าง ด้านการเมืองการปกครอง ด้านการทหาร ด้านวิศวกรรม ด้านการแพทย์ ทำการเกษตร หาของป่า ป่าดงแถบนี้เดิมมีสัตว์ป่าอุดมสมบูรณ์ เช่น โขลงช้างพัง ช้างพลาย ฝูงเก้ง กวาง ละมั่ง และโคแดง ในอดีตแต่ละชุมชนชาวกูยมีการไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ ซึ่งไม่ได้มีเส้นเขตแดนีดแบ่งกันในแบบสมัยปัจจุบัน สมัยสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์ (เจ้าฟ้าเอกทัศ กรมขุนอนุรักษ์มนตรี) แห่งกรุงศรีอยุธยา ช้างเผือกเขตกรุงหนีออกมาจากกรุงศรีอยุธยาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเข้าสู่เขตพิมาย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้ขุนนางสองพี่น้อง (เข้าใจว่า คือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท) กับไพร่พล 30 คน ออกติดตามช้างเผือกมาทางแขวงเมืองพิมาย ได้มาสืบถามร่องรอยช้างจากชาวเมืองพิมายซึ่งเป็นผู้ชำนาญภูมิประเทศในแถบนั้น ก็ได้รับคำแนะนำให้ไปสืบถามพวกกูย (กวย) มอญ แซก โพนช้างอยู่ริมเขาดงใหญ่เชิงเขาพนมดงรัก เมื่อได้รับคำแนะนำจากชาวเมืองพิมายว่าช้างเผือกหนีไปทางไหนแล้ว ขุนนางสองพี่น้องพร้อมด้วยไพร่พลออกติดตามต่อมาตามลำน้ำมูลมาพบเชียงสีหรือตากะอาม หัวหน้าบ้านกุดหวาย เชียงสีได้พาขุนนางสองพี่น้องไปพบหัวหน้าหมู่บ้านอื่น ๆ เพื่อจะได้ช่วยกันตามหาช้างเผือกต่อไป โดยไปหาเชียงปุมที่บ้านเมืองที เชียงปุมได้ร่วมสมทบกับขุนนางสองพี่น้องพากันไปหาเชียงไชยที่บ้านกุดปะไท (บ้านจารพัต) ไปหาตากะจะและเชียงขันที่บ้านโคกลำดวน(หรือชือเรียกเต็มว่าบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน) ไปหาเชียงฆะที่บ้านอัจจะปะนึง จึงทราบข่าวจากเชียงฆะว่า "ได้พบช้างเผือกเชือกหนึ่งมีเครื่องประดับที่งาพาบริวารซึ่งเป็นช้างป่ามาเล่นน้ำที่หนองโชก หรือหนองบัวในเวลาบ่ายทุกวัน" เชียงฆะก็พาขุนนางสองพี่น้องและพวกไปยังหนองโชก พากันขึ้นต้นไม้ที่ริมหนองโชกเพื่อดูช้างโขลงนั้น ครั้นเวลาบ่ายช้างโขลงนั้นก็ออกจากชายป่ามาเล่นน้ำตามเคย ปรากฏว่าช้างเผือกที่หายมานั้นอยู่กลางฝูงพากันลงเล่นน้ำที่หนองโชก ขุนนางทั้งสองจึงเอาก้อนอิฐแปดก้อนที่นำมาจากบ้านเมืองทีขึ้นเสกเวทมนตร์ตามพิธีกรรมคชศาสตร์ อธิษฐานแล้วขว้างไปยังโขลงช้างทั้งแปดทิศ ฝ่ายช้างป่าก็แตกตื่นหนีเข้าป่าหมด คงเหลืออยู่แต่ช้างเผือกเชือกเดียวขุนนางสองพี่น้องก็ลงจากต้นไม้พากันขึ้นขี่หลังช้างโดยง่าย เมื่อจับช้างได้แล้ว ขุนนางสองพี่น้องและบริวารพากันเดินทางกลับ หัวหน้าหมู่บ้านทั้งหลายที่มาช่วยเหลือในการติดตามช้าง ก็ได้อำนวยความสะดวกในการควบคุมช้างเผือกมาส่งที่กรุงศรีอยุธยาด้วย เมื่อมาถึงพระนครแล้ว ขุนนางสองพี่น้องจึงได้นำหัวหน้าหมู่บ้านทั้งหลายเข้าเฝ้าสมเด็จพระที่นั่งสุริยามรินทร์ และกราบบังคมทูลเหตุการณ์ทั้งหมดให้ทรงทราบ สมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อัมรินทร์จึงโปรดเกล้าแต่งตั้งบรรดาหัวหน้าชาวกูย (กวย) ให้มีฐานันดรศักดิ์ คือ ตากะจะ เป็น หลวงแก้วสุวรรณ เชียงขันธ์ เป็น หลวงปราบ เชียงฆะ เป็น หลวงเพชร เชียงปุม เป็น หลวงสุรินทรภักดี เชียงลี เป็น หลวงศรีนครเตา เชียงไชย เป็น ขุนไชยสุริยง กลับไปปกครองคนในหมู่บ้านของตน โดยอยู่ในอำนาจของกรุงศรีอยุธยาขึ้นตรงต่อเมืองพิมาย พ.ศ. 2306 หลวงสุรินทร์ภักดี (เชียงปุม) ได้ขอพระบรมราชานุญาตย้ายหมู่บ้านจากเมืองทีซึ่งคับแคบและไม่สะดวกในการทำมาหากินไปตั้งที่บ้านคูประทายหรือบ้านคูประทายสมันต์ คือที่ตั้งเมืองสุรินทร์ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่กว้างใหญ่มีกำแพงค่ายคูล้อมรอบถึง 2 ชั้น เป็นชัยภูมิเหมาะสมที่จะป้องกันและต่อต้านศัตรูที่มารุกรานได้เป็นอย่างดี เมื่อได้รับอนุญาตแล้วหลวงสุรินทร์ภักดีจึงได้อพยพราษฎรบางส่วนไปอยู่ที่บ้านคูประทาย ส่วนญาติพี่น้อง ชื่อเชียงบิด เชียงเกตุ เชียงพัน นางสะตา นางแล และราษฎรส่วนหนึ่งคงอยู่ ณ หมู่บ้านเมืองทีตามเดิม ระหว่างที่อยู่บ้านเมืองที หลวงสุรินทร์ภักดี (เชียงปุม) กับญาติร่วมกันสร้างเจดีย์ 3 ยอด สูง 18 ศอก และสร้างโบสถ์พร้อมพระปฏิมา หน้าตักกว้าง 4 ศอก ซึ่งปรากฏอยู่ที่วัดเมืองทีมาจนถึงปัจจุบันนี้ เมื่อย้ายถิ่นฐานจากบ้านเมืองทีไปอยู่ที่บ้านคูประทายแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านทั้ง 5 จึงได้พากันไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ กรุงศรีอยุธยา นำสิ่งของไปทูลเกล้าถวาย คือ ช้าง ม้า แก่นสน ยางสน ปีกนก นอระมาด (นอแรด) งาช้าง ขี้ผึ้ง น้ำผึ้ง เป็นการส่งเครื่องราชบรรณาการตามราชประเพณี เพราะว่าขณะนั้นบรรพบุรุษของชาวสุรินทร์จะได้อพยพมาตั้งฐิ่นฐานอยู่ในดินแดนอันเป็นป่าดงทึบส่วนนี้ โดยตั้งหลักแหล่งทำมาหากินอยู่อย่างมั่นคงก็ตาม แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักของกรุงศรีอยุธยา ยังคงถือว่าเป็นกลุ่มชนที่อยู่ในป่าดงในราชอาณาเขตเท่านั้น ซึ่งกรุงศรีอยุธยาเริ่มรู้จักก็โดยหัวหน้าหมู่บ้านได้ช่วยเหลือจับช้างเผือกคืนกรุงศรีอยุธยา และเมื่อหัวหน้าหมู่บ้านได้นำของไปทูลเกล้าถวายแล้ว สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระที่นั่งสุริยามรินทร์ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า แต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้หัวหน้าหมู่บ้านสูงขึ้น ดังนี้ หลวงสุรินทรภักดี (เชียงปุม) เป็น พระสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง ยกบ้านคูประทาย เป็น เมืองประทายสมันต์ ให้พระสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง เป็นเจ้าเมืองปกครอง ต้นตระกูล "อินทนูจิตร' หลวงเพชร (เชียงฆะ) เป็น พระสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ ยกบ้านอัจจะปะนึง หรือบ้านดงยาง เป็น เมืองสังฆะ ให้พระสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ เป็นเจ้าเมืองปกครอง หลวงศรีนครเตา (เชียงสี หรือตากะอาม) เป็น พระศรีนครเตาท้าวเธอ ยกบ้านกุดหวาย เป็น เมืองรัตนบุรี ให้พระศรีนครเตาท้าวเธอ เป็นเจ้าเมืองปกครอง หลวงแก้วสุวรรณ (ตากะจะ) เป็น พระไกรภักดีศรีนครลำดวน ยกบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน เป็น เมืองขุขันธ์ ให้พระไกรภักดีศรีนครลำดวน เป็นเจ้าเมืองคนแรกปกครอง ส่วนชุมชนบ้านกุดไผทสิงขร ซึ่งมี “ขุนไชยสุริยง”(เชียงไชย) ตำแหน่งนายกองนอก โปรดเกล้าฯให้ ขึ้นตรงต่อเมืองสังฆะ การปกครองบังคับบัญชาแบ่งเป็นหมวดหมู่ เป็นกอง มีนายกอง นายหมวด นายหมู่ บังคับบัญชาขึ้นตรงต่อเมืองพิมาย หัวหน้าหมู่บ้านทั้งหมดก็เดินทางกลับและปกครองบ้านเมืองด้วยความสงบสุขตลอดมา === สมัยกรุงธนบุรี === เมื่อกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าใน พ.ศ. 2310 แล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้อิสรภาพและตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี เมืองสุรินทร์ก็ขึ้นต่อกรุงธนบุรี ครั้นเมื่อปีพ.ศ. 2321 สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (สมเด็จพระเจ้าตากสิน) จึงโปรดเกล้าให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นแม่ทัพไปสมทบกำลังเกณฑ์เมืองขุขันธ์ เมืองสังขะบุรี และกองทัพช้างคูประทายสมันต์ ขึ้นไปตีเมืองจำปาศักดิ์ เมืองนครพนม บ้านหนองคาย เวียงจันทน์ เป็นกำลังสำคัญในการขยายอิทธิพลสู่เขมร ใน พ.ศ. 2324 ทางฝ่ายเขมรเกิดการจลาจล โดยเจ้าทะละหะ (มู) กับพระยาวิมลราช (ฮู) ฝักใฝ่ในทางญวน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดเกล้า ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก กับพระยาสุรสีห์ ยกกองทัพไปปราบปราม โดยเกณฑ์กำลังทางขุขันธ์ ประทายสมันต์ (เมืองสุรินทร์) สังขะ ไปช่วยปราบปรามเมืองประทายเพชร ประทายมาศ เมืองรูงตำแรย์ กำปงสวาย และเสียมราฐ การปราบปรามยังไม่ราบคาบ เกิดความไม่สงบขึ้นในกรุงธนบุรี สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทราบข่าวจึงเลิกทัพกลับคืนมายังกรุงธนบุรี ในระหว่างสงครามครั้งนี้ได้มีพวกเขมรหลบหนีสงครามจากเมืองเสียมราฐ กำปงสวาย ประทายเพชร และเมืองอื่น ๆ เข้ามาอยู่ในเมืองประทายสมันต์และสังขะเป็นจำนวนมาก อาทิ ออกญานินทร์เสน่หา จางวาง ออกไกรแป้น ออกญาตูม นางดาม บุตรีเจ้าเมืองประทายเพชร (ซึ่งอาจจะเป็นชาวกูย) รวมทั้งพี่น้องบ่าวไพร่เมืองเสียมราฐ (ซึ่งอาจจะเป็นชาวกูยและเขมร ซึ่งยังคงมีการอาศัยกระจายอยู่ทั่วไปในประเทศกัมพูชาในปัจจุบัน) ก็ได้พากันมาอยู่เมืองประทายสมันต์ด้วย ต่อมานางดามได้แต่งงานกับสุ่นหลานชายของพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง (เชียงปุม) ภายหลังชาวเขมรทราบว่า นางดามซึ่งเป็นนายของตนมาเป็นสะใภ้เจ้าเมือง จึงพากันอพยพมาอยู่ที่เมืองคูประทายมากขึ้น ดังนั้น ชาวเมืองคูประทาย ซึ่งเป็นชาวกวยจึงปะปนกับเขมรและเพราะเหตุที่ชาวเขมรมีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อน วัฒนธรรมตลอดทั้งความเป็นอยู่ จึงผันแปรไปทางเขมรมากขึ้น เมื่อเสร็จศึกสงครามเมืองเวียงจันทน์และเมืองเขมรแล้ว เจ้าเมืองประทายสมันต์ (เมืองสุรินทร์) เมืองขุขันธ์ และเมืองสังฆะได้รับเลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น "พระยา" ทั้ง 3 เมือง === สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ === สมัยรัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ใน พ.ศ. 2325 และตั้งกรุงเทพมหานครเป็นราชธานี พ.ศ. 2306 หลวงสุรินทรภักดี (เชียงปุม) ได้ขอพระบรมราชานุญาตย้ายหมู่บ้านจากเมืองทีที่คับแคบไปตั้งที่บ้านคูประทายคือที่ตั้งเมืองสุรินทร์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่กว้างใหญ่ มีกำแพงค่ายคูล้อมถึงสองชั้นเป็นชัยภูมิที่เหมาะสม ระหว่างที่อยู่บ้านเมืองที หลวงสุรินทรภักดี (เชียงปุม) ได้สร้างเจดีย์สามยอด สูง 18 ศอก สร้างโบสถ์พร้อมพระปฏิมา หน้าตักกว้าง 4 ศอก ยังปรากฏอยู่ที่วัดเมืองทีมาถึงปัจจุบัน ต่อมาหัวหน้าหมู่บ้านชาวกูยทั้งห้าคนได้พากันไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ กรุงศรีอยุธยา และได้นำสิ่งของไปถวาย คือ ช้าง ม้า แกนสม ยางสน นอระมาด งาช้าง ปีกนก ขี้ผึ้ง เป็นการส่งเครื่องราชบรรณาการตามราชประเพณีมาแต่โบราณ และประกอบกับเป็นเมืองเคยตามเสด็จพระราชดำเนินในการพระราชสงครามหลายครั้ง มีความชอบเป็นอันมากมาก จึงโปรดเกล้าพระราชทานบรรดาศักดิ์ เป็น "พระยาสุรินทรภักดีศรีจางวาง (เชียงปุม)" (1) บรรดาศักดิ์ "พระยา" เป็นบรรดาศักดิ์ สำหรับขุนนางระดับสูง หัวหน้ากรมต่าง ๆ เจ้าเมืองชั้นโท และแม่ทัพสำคัญ ในพระไอยการฯ มีเพียง 33 ตำแหน่ง ดังนั้น จึงมีประเพณี พระราชทานเครื่องยศ (โปรดดูเรื่อง เครื่องราชอิสริยยศไทย) ประกอบกับบรรดาศักดิ์ด้วย โดย พระยาที่มีศักดินามากกว่า 5,000 จะได้รับพระราชทานพานทอง ประกอบเป็นเครื่องยศ จึงเรียกกันว่า พระยาพานทอง ซึ่งถือเป็นขุนนางระดับสูง ส่วนพระยาที่มีศักดินาต่ำกว่านี้ จะไม่ได้รับพระราชทานพานทอง 2)บรรดาศักดิ์ จางวาง เป็นบรรดาศักดิ์ชั้นสูงในกรมมหาดเล็ก ตำแหน่งผู้กำกับการ) พ.ศ. 2329 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้เปลี่ยนชื่อ เมืองประทายสมันต์ เป็น เมืองสุรินทร์ ตามสร้อยบรรดาศักดิ์ของเจ้าเมืองตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ในการเปลี่ยนชื่อเมืองประทายสมันต์ เป็นเมืองสุรินทร์ครั้งนี้ได้โปรดเกล้า ให้เจ้าเมืองพิมาย แบ่งปันอาณาเขตให้เมืองสุรินทร์ ดังนี้ ทิศเหนือ จดลำห้วยพลับพลา ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดต่อกับแขวงเมือง ตั้งแต่แม่น้ำมูล ถึงหลักหินตะวันออกบ้านโพนงอยถึงบ้านโคกหัวลาว และต่อไปยังบ้านโนนเปือย และตามคลองห้วยถึงบ้านนาดี บ้านสัจจังบรรจง ไปทางตะวันออกถึง ทิศตะวันออก จดห้วยทับทัน ทิศตะวันตก ถึงลำห้วยตะโคง หรือชะโกง มีบ้านกก บ้านโคกสูง แนงทม สองขั้น และ ส่วนทางทิศใต้ไม่ได้บอกไว้ เพราะขณะนั้นเมืองเขมรบางส่วนอยู่ในความปกครองของไทย เช่นบ้านจงกัลในเขตเขมรปัจจุบัน เคยเป็นอำเภอจงกัลของไทย ขึ้นกับเมืองสังขะ พ.ศ. 2337 พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง (เชียงปุม) เจ้าเมืองกูยสุรินทร์ถึงแก่กรรม พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง (เชียงปุม) มีบุตร 4 คน เป็นชาย 2 คน ชื่อนายตีและนายมี เป็นหญิง 2 คน ชื่อนางน้อยและนางเงิน เมื่อพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง (เชียงปุม) ถึงแก่กรรม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้โปรดเกล้า ตั้งให้นายตี บุตรชายคนโต เป็นพระสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง เจ้าเมืองสุรินทร์คนต่อมา พ.ศ. 2342 มีตราโปรดเกล้า ให้เกณฑ์กำลังเมืองสุรินทร์ เมืองสังฆะ และเมืองขุขันธ์ เมืองละ 100 รวม 300 เข้ากองทัพยกไปตีกองทัพพม่า ซึ่งยกมาตั้งอยู่ในเขตแขวง เมืองนครเชียงใหม่ แต่กองทัพไทยมิทันไปถึงได้ข่าวว่ากองทัพพม่าถอยไปแล้ว ก็โปรดเกล้าให้ยกกองทัพกลับ และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้เปลี่ยนนามพระสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง (ตี) เป็นพระสุรินทร์ภักดีศรีไผทสมันต์ พ.ศ. 2350 ทรงพระราชดำริว่า เมืองสุรินทร์ เมืองสังขะ เมืองขุขันธ์ เป็นเมืองเคยตามเสด็จพระราชดำเนินในการพระราชสงครามหลายครั้ง มีความชอบมาก จึงโปรดเกล้า ให้ทั้ง 3 เมืองขึ้นตรงต่อกรุงเทพมหานคร เลยทีเดียว มีอำนาจชำระคดีได้เอง ไม่ต้องขึ้นต่อเมืองพิมายเหมือนแต่ก่อน พ.ศ. 2351 พระสุรินทร์ภักดีศรีไผทสมันต์ (ตี) เจ้าเมืองกูยสุรินทร์ถึงแก่กรรม จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ตั้งหลวงวิเศษราชา (มี) ผู้เป็นน้องชาย เป็นพระสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ เจ้าเมืองสุรินทร์สืบต่อไป สมัยรัชกาลที่ 2 พ.ศ. 2354 พระสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ (มี) เจ้าเมืองสุรินทร์ถึงแก่กรรม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ตั้งให้นายสุ่น บุตรพระสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ (ตี) เป็นพระสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์เจ้าเมืองสุรินทร์สืบต่อไป ต่อมาเมืองขุขันธ์ ขออนุญาตยกบ้านลังเสนเป็นเมืองกันทรลักษณ์ แล้วย้ายมาอยู่ที่บ้านลาวเดิม และยกบ้านแบบเป็นเมืองอุทุมพรพิสัย แล้วย้ายไปอยู่ที่บ้านปรือ สมัยรัชกาลที่ 3 เขตแขวงเมืองจำปาศักดิ์ไปจนถึงเมืองเวียงจันทน์อยู่ในอำนาจเจ้าอนุเมืองเวียงจันทน์กับเจ้าโย่บุตรที่ครองเมืองจำปาศักดิ์ พ่อลูกทั้งสองเห็นว่ามีเขตแขวงและกำลังผู้คนมากขึ้นก็มีใจกำเริบคิดกบฏต่อกรุงเทพ เมื่อปีพ.ศ. 2369 เจ้าอนุแต่งตั้งให้เจ้าอุปราช (สีถาน) กับเจ้าราชวงศ์เมืองเวียงจันทน์ คุมกองทัพยกเข้าตีหัวเมืองรายทางเข้ามาจนถึงจังหวัดนครราชสีมา ฝ่ายทางเมืองจำปาศักดิ์ เจ้านครจำปาศักดิ์ (โย่) ก็เกณฑ์กำลังยกเป็นกองทัพมาตีเมืองขุขันธ์แตกจับพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน (บุญจันทร์) เจ้าเมืองขุขันธ์กับพระภักดีภูธรสงครามปลัด (มานะ) พระแก้วมนตรียกกระบัตร (เทศ) กับกรมการได้และฆ่าเสีย ส่วนเมืองสุรินทร์ เมืองสังขะ ได้มีการป้องกันเมืองอย่างเข้มแข็งทั้งกลางวันและกลางคืน และได้เกณฑ์กำลังไพร่พลไปสมทบกับกองทัพหลวงจนเสร็จสงคราม สาเหตุการกบฏครั้งนี้มีหลักฐานทั้งฝ่ายไทยและเอกสารพื้นเวียง เสนอประเด็นความขัดแย้งระหว่างเจ้าเมืองนครราชสีมากับเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ไว้ 3 ประเด็น คือ ประเด็นที่ 1 การสักเลก (การสักข้อมือคนในบังคับ) ในหัวเมืองอีสาน สำหรับการสักเลกนี้ไม่มีหลักฐาน่วาเริ่มเมื่อใดแต่อย่างน้อยที่สุดประมาณปีพ.ศ. 2317 ช่วงสมัยธนบุรี จนเกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์เวียงจันทน์ใน พ.ศ. 2369 การส่งข้าหลวงมาสักเลกสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้คนในหัวเมืองเขมรป่าดงอย่างมาก ทั้งนี้เพราะนอกจากจะเจ็บตัวจากการสักเลกแล้วยังต้องเสียค่าธรรมเนียมในการสักเลกอีก คนละ 1 บาท 1 เฟื้อง ประเด็นที่ 2 ความขัดแย้งระหว่างเจ้าเมืองนครราชสีมากับเมืองขุขันธ์ เอกสารพื้นเวียงกล่าวถึงความขัดแย้งระหว่างพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวนเจ้าเมืองขุขันธ์ กับพระยาพรหมภักดีเจ้าเมืองนครราชสีมา จากการศึกษาของพรรษา สินสวัสดิ์ กล่าวไว้ว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงมีความเชื่อมั่นและวางพระทัยในความสามารถของพระยาพรหมภักดีเจ้าเมืองนครราชสีมาดำเนินการบางประการที่ทำให้เดือดร้อนแก่หัวเมืองลาวและหัวเมืองต่าง ๆ ของชาวกูย (เมืองสุรินทร์ เมืองสังขะ และเมืองขุขันธ์ เป็นต้น) จนเป็นเหตุให้เกิดความบาดหมางกับหัวเมืองในกลุ่มดังกล่าว เช่น ในครั้งพระยาพรหมภักดีมีคำสั่งให้เกณฑ์ไพร่พลจากเมืองอุบลราชธานี เมืองจำปาศักดิ์ เมืองสังขะ เมืองขุขันธ์ และเมืองสุรินทร์จะยกไปตีชาวข่า ในเขตแดนจำปาศักดิ์เพื่อกวาดต้อนส่งเข้ามากรุงเทพในครั้งนั้น พระยาไกรภักดีเจ้าเมืองขุขันธ์ได้เกิดขัดแย้งกับพระยาพรหมภักดีอย่างรุนแรงถึงกับพระยาไกรภักดีมีใบบอกฟ้องเข้ามายังกรุงเทพ ว่าพระยาพรหมภักดีทำการกดขี่ข่มเหง ทางกรุงเทพ จึงได้ส่งขุนนางผู้ใหญ่ขึ้นไปสอบสวนผลการสอบสวนปรากฏว่า พระยาพรหมภักดีไม่ผิด ความขัดแย้งระหว่างพระยาพรหมภักดีกับพระยาขุขันธ์ได้เกิดบานปลายออกไปเมื่อ พระยาพรหมภักดีสนับสนุนให้เจ้าทิงหล้า ซึ่งเป็นน้องชายของพระยาขุขันธ์ ก่อการกบฏต่อพระยาขุขันธ์และพระยาพรหมภักดีนำ (กองทัพ) จังหวัดนครราชสีมาขึ้นมาสนับสนุนเจ้าทิงหล้า และได้จุดไฟเผาเมืองขุขันธ์จนพระยาขุขันธ์ต้องหนีไปอยู่เมืองนางรอง ประเด็นที่ 3 ความขัดแย้งระหว่างเจ้าเมืองนครราชสีมากับเจ้านครจำปาศักดิ์ (เมืองของชาวกูย กวย) ความขัดแย้งครั้งนี้ไม่ปรากฏในพงศาวดารไทย แต่ในเอกสารพื้นเวียงกล่าวว่าเป็นฉนวนสำคัญที่สุดที่ทำให้เจ้าอนุวงศ์ก่อการกบฏ กล่าวคือ พระยาพรหมภักดีครองเมืองโคราชได้ 2 ปี มีความขัดข้องใจที่ไม่ได้ครองเมืองจำปาศักดิ์ จึงจัดสร้างด่านใกล้เมืองพระยาไกรภักดี เจ้าเมืองขุขันธ์จนเกิดเรื่องกับพระยาไกรภักดี ดังกล่าวมาแล้ว ภายหลังพระยาพรหมภักดีเจ้าเมืองนครราชสีมามีหนังสือสารตรา ไปยังเมืองจำปาศักดิ์ (เจ้าราชบุตรโย่) เจ้าเมืองจำปาศักดิ์โกรธจึงไปทูลเจ้าอนุวงศ์ที่เวียงจันทน์ เจ้าอนุวงศ์โกรธแค้นมาก จาก 3 ประเด็นที่กล่าวทำให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์กับเจ้าเมืองนครราชสีมา (ทองอิน) และนำไปสู่กบฏเจ้าอนุวงศ์ใน พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ เมืองเวียงจันทน์แต่งตั้งให้เจ้าอุปราช (สีถาน) กับเจ้าราชวงศ์เมืองเวียงจันทรน์ คุมกองทัพบกเข้าตีเมืองรายทางเข้ามาจนถึงเมืองนครราชสีมา ฝ่ายทางเมืองจำปาศักดิ์ เจ้านครจำปาศักดิ์ (เจ้าโย่) เกณฑ์กำลังยกทัพมาตีเมืองขุขันธจับพระไกรภักดีศรีนครลำดวน (บุญจันทร์) เจ้าเมืองขุขันธ์ กับพระภักดีภูธรสงคราม (มานะ) ปลัดเมืองกับพระแก้วมนตรี (ทศ) ยกกระบัตรกับกรมการได้ ฆ่าตายทั้งหมด เจ้าเมืองสังฆะ และเมืองสุรินทร์หนีได้ทัน กองทัพจำปาศักดิ์ ตั้งค่ายอยู่ที่บ้านส้มป่อย แขวงเมืองขุขันธ์ค่ายหนึ่งและค่ายอื่น ๆ สี่ค่าย กวาดต้อนครอบครัวไทยเขมรไปเมืองจำปาศักดิ์ เมื่อข่าวเจ้าอนุวงศ์เป็นกบฏได้ททราบถึงกรุงเทพ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ เป็นทัพหน้าพร้อมด้วย พระยาราชนิกุล พระยากำแหง พระยารองเมือง พระยาจันทบุรี คุมไพร่พลไปทางเมืองพระตะบองขึ้นไปเมืองสุรินทร์ เมืองสังขะ เกณฑ์เขมรป่าดงไปเป็นทัพขนาบกองทัพกรุงเทพ ได้ตามตีกองทัพลาวเรื่อยไปจนถึงเวียงจันทน์และตีเมืองเวียงจันทน์แตกเมื่อพ.ศ. 2370 เมื่อพ.ศ. 2371 ทรงพระโปรดเกล้า ให้เลื่อนพระยาสุรินทร์ภักดีศรีประทาย-สมันต์ (สุ่น) เจ้าเมืองสุรินทร์เป็นเจ้าพระยาสุรินทร์ภักดีศรีประทายสมันต์ ส่วนทางเมืองสังขะ โปรดให้พระยาสังขะเป็นพระยาภักดีศรีนครลำดวนเจ้าเมือง ให้บุตรพระยาสังขะ เป็นพระยาสังขะบุรีศรีนครอัจจะปะนึง ใน พ.ศ. 2372 หัวเมืองฝ่ายตะวันออกไม่เรียบร้อยดี เนื่องมาจากเหตุการณ์กบฏเจ้าอนุวงศ์เพราะราษฏรพากันหนีหลบภัยสงครามไปต่างเมือง เช่น หัวเมืองเขมรป่าดง ราษฎรพากันหลบหนีไปยังแถบเขมร ราษฎรเมืองนครราชสีมาก็พากันหลบหนีไปทางเมือง ลพบุรี เพชรบุรี ปราจีนบุรี เป็นจำนวนมาก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้เจ้าพระยาบดินทรเดชาขณะดำรงตำแหน่งพระยาราชสุภาวดีเป็นแม่กองออกไปจัดการหัวเมืองอีสาน-ลาว ทั้งหมด และได้ไปจัดตั้งราชการสำมะโนครัว แต่งตั้งกองสักเลกอยู่ ณ กุดผไท (อำเภอศรีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์) ใน พ.ศ. 2385 เจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) ได้เกณฑ์คน หัวเมืองในแถบอิสานใต้ หัวเมืองขุขันธ์ 2,000 คน เมืองสุรินทร์ 1,000 คน เมืองสังขะ 300 คน เมืองศรีสะเกษ 2,000 คน เมืองเดชอุดม 400 คน รวม 6,200 คน และในปี พ.ศ. 2381 เจ้าพระยาบดินทรเดชาได้กำลังจากเมืองลาว หัวเมืองชาวกูย เมืองนครราชสีมา 12,000 คน เกณฑ์กำลังขึ้นไปสมทบทัพกรุงเทพ ที่เมืองอุดมมีชัยไปรบในกัมพูชา สมัยรัชกาลที่ 4 เจ้าพระยาสุรินทร์ภักดีศรีประทายสมันต์ (สุ่น) เจ้าเมืองสุรินทร์ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อพ.ศ. 2394 กรมการเมืองสุรินทร์ได้เข้าไปเฝ้าถึงกรุงเทพจึงโปรดเกล้า ให้พระยาบดินทรเดชา สมุหนายกปรึกษากับกรมการเมืองสุรินทร์ ที่ประชุมเห็นว่า พระยาพิชัยราชวงศา (ม่วง) ผู้ช่วยซึ่งเป็นบุตรของเจ้าพระยาสุรินทรภักดีศรีประทายสมันต์ (สุ่น) เป็นผู้มีปัญญารู้หลักราชการและมีน้ำใจโอบอ้อมอารีแก่ไพร่บ้านพลเมือง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า พระราชทานสัญญาบัตรให้พระยาพิชัยราชวงศา (ม่วง) เป็นพระยาสุรินทรภักดีศรีประทายสมันต์ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองสุรินทร์ตั้งแต่เดือนอ้าย ปีชวด จัตวาศก พ.ศ. 2395 และในปีเดียวกันได้โปรดเกล้าฯ ให้หลวงนรินทร์ราชวงศา (นาก) บุตรเจ้าพระยาสุรินทรภักดีศรีประทายสมันต์ (สุ่น) เป็นพระไชยณรงค์ภักดี ปลัด ให้พระมหาดไทย (จันทร์) บุตรเจ้าวงศา หลานเจ้าพระยาสุรินทรภักดีศรีประทายสมันต์ (สุ่น) เป็นพระยาพิชัยบวรวุฒิ ยกกระบัตร รักษาราชการเมืองสุรินทร์ต่อไป สมัยรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2412 พระยาสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ เจ้าเมืองชาวกูยเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลพระกรุณาขอตั้งบ้านกุดไผท หรือจารพัตเป็นเมือง ขอหลวงไชยสุริยง (คำมี) บุตรหลวงไชยสุริยวงศ์ (หมื่น) กองนอกไปเป็นเจ้าเมือง ส่วนตำแหน่งปลัดและยกกระบัตรเมืองสังฆะว่าง ขอพระสุนทรพิทักษ์บุตรพระปลัดคนเก่าขึ้นเป็นปลัด และขอหลวงศรีสุราชผู้หลานเป็นยกกระบัตรเมืองสังฆะ ครั้น ณ วันอังคาร ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 7 ในปีมะเส็งนั้น (พ.ศ. 2412) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้มีตราพระราชสีห์ ตั้งบ้านกุดไผท หรือบ้านจารพัต เป็นเมืองศีขรภูมิพิไสย ตั้งให้หลวงไชยสุริยงกองนอกเป็นพระศีขรภูมานุรักษ์เจ้าเมือง ขึ้นเมืองสังฆะ ฝ่ายทางเมืองสุรินทร์ พระยาสุรินทรภักดีศรีประทายสมันต์ เห็นว่าพระยาสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ ได้ขอบ้านกุดไผทเป็นเมืองศีขรภูมิแล้ว ก็เกรงว่าพระยาสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ จะเอาบ้านลำดวนเป็นเขตแขวงด้วย จึงได้มีใบบอกขอตั้ง้านลำดวนเป็นเมือง ขอให้พระไชยณรงค์ภักดี (นาก) ปลัดเมืองสุรินทร์ เป็นเจ้าเมืองจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ยกบ้านลำดวนขึ้นเป็นเมืองนามว่า เมืองสุรพินทนิคม ให้พระไชยณรงค์ภักดี ปลัด (บุนนาก) เป็นพระสุรพินทนิคมานุรักษ์ เจ้าเมืองสุรพินทนิคมขึ้นเมืองสุรินทร์มาแต่นั้น พ.ศ. 2415 ฝ่ายพระยาสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ ได้มีใบบอกขอตั้งบ้านลุมพุกเป็นเมือง ขอพระมหาดไทยเมืองสังฆะเป็นเจ้าเมือง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ยกบ้านลุมพุกขึ้นเป็นเมืองกันทรารมย์ ให้พระมหาดไทยเป็นพระกันทรานุรักษ์ เจ้าเมืองกันทรารมย์ ขึ้นกับเมืองสังฆะ พ.ศ. 2416 พระสุรพินทนิคมานุรักษ์ เจ้าเมืองก็ถึงแก่กรรม พระยาสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ (ม่วง) เห็นว่าหลวงงพิทักษ์สุนทรบุตรพระปลัดกรมการเมืองสังฆะ ซึ่งสมัครมาอยู่เมืองสุรพินทนิคมเป็นผู้มีหลักฐานมั่นคงดี จึงได้ให้หลวงพิทักษ์สุนทรรับราชการตำแหน่งเจ้าเมืองสุรพินทนิคมหลวงพิทักษ์สุนทรรับราชการตำแหน่งเจ้าเมืองสุรพินทนิคมได้สามปีก็ถึงแก่กรรมแต่นั้นมาเจ้าเมืองสุรพินทนิคมจึงว่างตลอดมา พ.ศ. 2419 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้พระศักดิ์เสนีย์ เป็นข้าหลวงออกไปตั้งสืบสวนจับโจรผู้ร้ายหัวเมืองตะวันออก เนื่องจากพระยาสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ (ม่วง) และพระยาสังขะได้บอกมายังกรงเทพ ว่าเกิดโจรผู้ร้ายปล้นลักทรัพย์สิ่งของราษฎรในเขตของเมืองทั้งสองแล้วหนีเข้าไปแขวงเมืองบุรีรัมย์ เมืองนางรอง เมืองประโคนชัย ราษฎรได้รับความเดือดร้อนมาก ข้าหลวงที่ส่งไปเป็นการชั่วคราวเท่านั้น เมื่อปราบโจรผู้ร้ายเสร็จแล้วก็กลับกรุงเทพ ข้าหลวงที่ได้รับการแต่งตั้งลักษณะนี้มีอำนาจจับกุมผู้กระทำผิดได้ทุกเมือง พ.ศ. 2424 ฝ่ายทางเมืองจงกัล ตั้งแต่โปรดเกล้า ให้หลวงสัสดี (ลิน) เป็นพระวิไชย เจ้าเมืองจงกัล พระวิไชยรับราชการได้ 7 ปี ก็ถึงแก่กรรม เจ้าเมืองสังฆะจึงได้ให้พระสุนทรนุรักษ์ผู้หลานนำใบบอกไปกรุงเทพ ขอให้พระสุนทรนุรักษ์เป็น พระทิพชลสินธุ์อินทรนฤมิตร ทางเมืองสุรินทร์ พระยาสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ (ม่วง) ได้มีใบบอกกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า ตำแหน่งยกกระบัตรเมืองสุรินทร์ว่าง ขอพระมหาดไทยเป็นพระยกกระบัตร เมื่อวันศุกร์ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 8 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า พระราชทานสัญญาบัตร ตั้งให้พระมหาดไทยเป็นพระไชยนครบวรวุฒิ ยกกระบัตรเมืองสุรินทร์ พ.ศ. 2425 คนทางเมืองสุรินทร์ได้อพยพครอบครัวเป็นอันมาก ข้ามไปตั้งอยู่ฟากลำน้ำมูลข้างเหนือ มีบ้านทัพค่าย เป็นต้น พระยาสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ (ม่วง) จึงได้มีใบบอก ขอตั้งบ้านทัพค่ายเป็นเมือง ขอพระวิเศษราชา (ทองอิน) เป็นเจ้าเมือง วันอังคารขึ้น 10 ค่ำ เดือน 8 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ตั้งบ้านทัพค่ายเป็นเมืองชุมพลบุรี ให้พระวิเศษราชา (นัยหนึ่งว่า หลวงราชวรินทร์ ทองอิน) เป็นพระฤทธิรณยุทธ เจ้าเมืองและโปรดเกล้า ให้ตั้งท้าวเพชรเป็นที่ปลัด ให้ท้าวกลิ่นเป็นที่ยกกระบัตร ทั้งสองคนนี้เป็นพี่ชายพระฤทธิรณยุทธ (ทองอิน) และท้าวนุด บุตรพระฤทธิรณยุทธ (ทองอิน) เป็นผู้ช่วยเมืองชุมพลบุรี พร้อมกันนั้นได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ตั้งนายปรางค์ บุตรพระยาสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ (ม่วง) เป็นพระสุรพินทนิคมานุรักษ์ เจ้าเมืองสุรพินทนิคม แทนคนเก่าที่ถึงแก่กรรมและตำแหน่งเจ้าเมืองยังว่าง พุทธศักราช 2431 อุปฮาดเมืองสุวรรณภูมิ ในฐานะผู้รักษาเมืองและกรมการเมืองมีใบบอกกล่าวโทษเมืองมหาสารคาม เมืองสุรินทร์ เมืองศรีสะเกษ ว่าแย่งชิงเขตแขวงเมืองสุวรรณภูมิ ไปขอตั้งเป็นเมืองขึ้น คือ เมืองมหาสารคาม ขอตั้งบ้านนาเลา เป็น เมืองวาปีปทุม เมืองสุรินทร์ ขอตั้งบ้านทัพค่ายเป็น เมืองชุมพลบุรี เมืองศรีสะเกษขอตั้งบ้านโนนหินกองเป็น เมืองราษีไศล ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าหลวงเมืองนครจำปาศักดิ์และข้าหลวงเมืองอุบลราชธานี ไต่สวนว่ากล่าวเรื่องนี้ แม้ว่าจะไต่สวนได้ความจริง แต่ก็รื้อถอนไม่ไหว เพราะเมืองทั้ง 3 นี้ ได้โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งเป็นเมืองขึ้นแก่เมืองทั้งสามมาหลายปีแล้ว จึงเป็นอันโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คงเป็นเมืองขึ้นของทั้ง 3 เมืองตามเดิม พ.ศ. 2492 พระยามหาอำมาตย์ (หรุ่น) ข้าหลวงใหญ่เมืองจำปาศักดิ์ ได้เชิญประชุมเจ้าเมืองภาคอีสานขึ้น ณ เมืองอุบล เพื่อสำรวจชายฉกรรจ์และแก้ไขระเบียบการจัดเก็บภาษีอากร ในระหว่างการประชุมข้าราชการอยู่นั้น ได้รับรายงานว่า ทัพฮ่อเข้าโจมตีเมืองเวียงจันทน์แตกการประชุมต้องยุติลง พระยามหาอำมาตย์ (หรุ่น) ต้องรีบระดมกำลังขึ้นไปยังเมืองหนองคายโดยด่วนเพื่อสมทบกับกองทัพเมืองนครราชสีมา ส่วนกองทัพจากกรุงเทพนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เป็นแม่ทัพใหญ่ยกไปสมทบที่เมืองหนองคาย ซึ่งเป็นจุดชุมนุมพล สำหรับพระยาสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ (ม่วง) เจ้าเมืองสุรินทร์นั้นได้มีคำสั่งให้ช่วยราชการอยู่ที่เมืองอุบล เพราะเจ้าเมืองและกรมการเมืองชั้นผู้ใหญ่ต้องไปราชการทัพในครั้งนั้นด้วย พระยาสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ (ม่วง) ช่วยราชการอยู่ที่เมืองอุบลอยู่ 2 ปี จึงได้กลับเมืองสุรินทร์ เมื่อพระยาสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ (ม่วง) ย่างเข้าสู่วัยชราภาพแล้ว ไม่อาจจะปฏิบัติหน้าที่ราชการได้เต็มที่ จึงได้มอบให้นายเยียบ (บุตรชาย) ช่วยราชการเป็นการภายใน พ.ศ. 2432 พระยามหาอำมาตย์ (หรุ่น) ข้าหลวงใหญ่เมืองนครจำปาศักดิ์ ซึ่งมีอำนาจเต็มในภาคอีสานทั้งหมด ได้แต่งตั้งใบประทวนให้ ยานเยียบ เป็นพระยาสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ รักษาราชการในตำแหน่งเจ้าเมืองสุรินทร์ต่อไป แต่อยู่ได้เพียง 2 ปี ก็ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 2433 พระยาสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ (ม่วง) จึงต้องกลับมาเป็นเจ้าเมือง อีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ถึงแก่กรรมในปีเดียวกันนั้นเอง พ.ศ. 2434 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากรเป็นข้าหลวงใหญ่ พร้อมด้วยข้าราชการฝ่ายทหารและพลเรือนออกไปตั้งอยู่ ณ เมืองนครจำปาศักดิ์ กองหนึ่งให้เรียกว่า ข้าหลวงหัวเมืองลาวกาว ให้เมืองนครจำปาศักดิ์ เมืองเชียงแตง เมืองแสนปาง เมืองสีทันดร เมืองสาลวัน เมืองอัตตะปือ เมืองคำทองใหญ่ เมืองสุรินทร์ เมืองสังขะ เมืองขุขันธ์ เมืองเดชอุดม เมืองศรีสะเกษ เมืองอุบล เมืองยโสธร เมืองเขมราฐ เมืองกมลาไสย เมืองสุวรรณภูมิ เมืองกาฬสินธุ์ เมืองภูแล่นช้าง เมืองร้อยเอ็ด เมืองมหาสารคาม เมืองใหญ่ 21 เมือง เมืองขึ้น 43 เมือง อยู่ในบังคับบัญชาข้าหลวงเมืองลาวกาว พ.ศ. 2435 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร ข้าหลวงใหญ่ซึ่งย้ายมาแทนพระยามหาอำมาตย์ (หรุ่น) ได้ทรงแต่งตั้งให้พระไชยณรงค์ภักดี (บุนนาก) น้องชาย พระยาสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ (ม่วง) ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองสุรินทร์ (เปลี่ยนจากเจ้าเมืองเป็นผู้ว่าราชการเมือง) ในสมัยที่พระไชยณรงค์ภักดี (บุนนาก) ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองสุรินทร์นี้ เป็นยุคที่บ้านเมืองกำลังปรับปรุงระบบบริหารใหม่ ข้าหลวงใหญ่ผู้สำเร็จราชการต่างพระองค์มณฑลอีสานได้ทรงวางระเบียบให้มีข้าราชการจากส่วนกลาง มาดำรงตำแหน่งข้าหลวงกำกับราชการทุกหัวเมือง สำหรับเมืองสุรินทร์ หลวงธนสารสุทธารักษ์ (หว่าง) เป็นข้าหลวงกำกับราชการ มีอำนาจเด็ดขาด ทัดเทียมผู้ว่าราชการเมือง นับเป็นครั้งแรกที่ไม่ใช่เชื้อสายบรรพบุรุษชาวสุรินทร์ ด้วยความไม่เข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีและความเป็นอยู่ของชาวเมืองได้ดีพอจึงทำให้ดำเนินการบางอย่างผิดพลาด มิชอบโดยหลักการ แต่พระไชยณรงค์ภักดี (บุนนาก) เจ้าเมืองไม่อาจขัดขวางได้เพราะเห็นว่า ถ้าเข้าขัดขวางแล้วก็จะมีแต่ความร้าวฉาน ขาดความสามัคคีในชนชั้นปกครอง พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสได้ยกทัพขึ้นทางเมืองเชียงแตง เมืองสีทันดร และเมืองสมโบก ซึ่งสมันนั้นเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรไทย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากรในฐานะผู้สำเร็จราชการข้าหลวงใหญ่มณฑลอีสานได้รับหน้าที่ผู้อำนวยการป้องกันราชอาณาจักร ให้เกณฑ์กำลังหัวเมืองสุรินทร์ เมืองศรีสะเกษ เมืองขุขันธ์ เมืองมหาสารคาม และเมืองร้อยเอ็ด เมืองละ 800 เมืองสุวรรณภูมิและเมืองยโสธร เมืองละ 500 ฝึกการรบแล้วส่งกำลังรบเหล่านี้เข้าตรึงการรุกรานของฝรั่งเศสทุกจุด สถานการณ์สงครามสงบลงในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2436 ต่างฝ่ายต่างถอนกำลังรบ กำลังรบของเมืองสุรินทร์จึงได้กลับคืนบ้านเมือง อาจกล่าวได้ว่านับแต่ได้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อเกิดศึกสงครามจากข้าศึกนอกราชอาณาจักร ชาวสุรินทร์จะมีบทบาทในการป้องกันบ้านเมืองด้วยเสมอ กรณีพิพาทกับฝรั่งเศสสงบลงไม่นานนัก ในปีเดียวกันนี้ พระไชยณรงค์ภักดี (บุนนาก) ผู้ว่าราชการเมืองสุรินทร์ ได้ถึงแก่อนิจกรรม โดยที่ยังไม่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ ให้เป็นที่ พระยาสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ตามตำแหน่ง ในช่วงระยะนี้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร ผู้สำเร็จราชการมณฑลอีสาน ได้สั่งย้ายหลวงธนสารสุทธารักษ์ (หว่าง) และแต่งตั้งหลวงสิทธิเดชสมุทรขันธ์ (ล้อม) มาดำรงตำแหน่งข้าหลวงกำกับราชการเมืองสุรินทร์แทน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นความจำเป็นรีบด่วนที่จะต้องจัดการปกครองภายในหัวเมืองตะวันออกเฉียงเหนือให้เป็นระเบียบแบบแผนยิ่งขึ้น จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์เป็นข้าหลวงใหญ่ประจำหัวเมืองลาวกาวและเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า มณฑลลาวกาว สืบแทนพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร ระหว่างที่เสด็จกลับกรุงเทพผ่านเมืองสุรินทร์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากรได้ทรงแต่งตั้งพระพิชัยนครบวรวุฒิ (จรัญ) ยกกระบัตรเมือง เป็นผู้รักษาเมืองสุรินทร์และเมื่อเสด็จถึงกรุงเทพ แล้วได้กราบบังคมทูลต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้า แต่งตั้งให้พระพิชัยนครบวรวุฒิเป็นพระยาสุรินทร์ภักดีศรีไผทสมันต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์สืบต่อมาและถึงแก่กรรมใน พ.ศ. 2438 (รัตนโกสินทรศก 114) ระหว่างนี้ ได้มีการโยกย้ายสับเปลี่ยนตัวข้าหลวงกำกับราชการโดยลำดับกล่าวคือ หลวงสิทธิเดชสมุทรขันธ์ (ล้อม) ดำรงตำแหน่งอยู่ประมาณ 1 ปี ก็ย้ายไปอยู่จังหวัดศรีสะเกษสับเปลี่ยนกับจมื่นวิไชยยุทธเดชาคณี (อิ่ม) จมื่นวิชัยยุทธเดชาคณี ดำรงตำแหน่งประมาณ 1 ปี ก็ย้ายไปโดยมีหลวงวิชิตชลชาญมาดำรงตำแหน่งแทน ชั่วระยะเวลาอันสั้นพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ก็ได้ย้ายหลวงสาทรสรรพกิจมาดำรงตำแหน่งในประมาณปีพ.ศ. 2438 พระยาสุรินทร์ภักดีศรีไผทสมันต์ (จรัญ) ถึงแก่กรรมใน พ.ศ. 2438 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ จึงโปรดให้ พระพิชัยณรงค์ภักดี (บุญจันทร์) เป็นผู้รั้งตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองสุรินทร์สืบต่อมา สันนิษฐานว่าพระพิชัยณรงค์ภักดีเป็นบุตรของนายพรหม ซึ่งเป็นบุตรของพระยาสุรินทร์ภักดีศรีไผทสมันต์ (มี) เจ้าเมืองสุรินทร์คนที่ 3 พระพิไชยณรงค์ภักดี (บุญจันทร์) ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ. 2450 และเมื่อถึงแก่กรรมแล้ว จึงได้รับสัญญาบัตรแต่งตั้งให้เป็นที่พระสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ จึงโปรดให้หลวงประเสริฐสุรินทรบาล (ตุ่มทอง) ซึ่งเป็นบุตรพระไชยณรงค์ภักดี (บุนนาก) ผู้ว่าราชการเมืองสุรินทร์คนที่ 8 เป็นผู้รั้งตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองสุรินทร์แทน แต่ดำรงตำแหน่งได้เพียง 1 ปี ก็ถึงแก่อนิจกรรมใน พ.ศ. 2451 และในต้นปี พ.ศ. 2451 นี้ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ไปรับราชการในตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวังเป็นช่วงเวลาที่ได้มีการปรับปรุงระบบบริหารราชการแผ่นดินในราชการบริหารส่วนภูมิภาค (เข้าสู่แบบเทศาภิบาล) ส่วนกลางได้เริ่มแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายปกครองมาดำรงตำแหน่งข้าหลวงประจำจังหวัดบ้าง หรือผู้ว่าราชการจังหวัดบ้าง บุคคลแรกที่ได้รับแต่งตั้งมาดำรงตำแหน่งข้าหลวงประจำจังหวัดสุรินทร์ ใน พ.ศ. 2451 คือ พระกรุงศรีบุรีรักษ์ (สุม สุมานนท์) สมัยรัชกาลที่ 6 – ปัจจุบัน จังหวัดสุรินทร์มีการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาลจนถึงสมัยการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบราชการบริหารแห่งอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2476 ยกเลิกการปกครองแบบมณฑล == ภูมิศาสตร์ == === ที่ตั้ง === จังหวัดสุรินทร์ตั้งอยู่ทางตอนล่างของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างลองติจูด 103 และ 105องศาตะวันออก ละติจูด 15 และ 16 องศาเหนือ ระยะทางห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 420 กิโลเมตร อาณาเขตทิศเหนือติดต่อกับจังหวัดร้อยเอ็ดและจังหวัดมหาสารคาม ทิศใต้ติดต่อกับประเทศกัมพูชา ทิศตะวันออกติดต่อกับจังหวัดศรีสะเกษ และทิศตะวันตกติดต่อกับจังหวัดบุรีรัมย์ === ภูมิประเทศ === จังหวัดสุรินทร์ตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบสูงมีลักษณะพื้นที่ดังนี้ ทางตอนใต้ของจังหวัด เป็นพื้นที่ราบสูง มีภูเขาสลับซับซ้อนหลายลูก มีป่าทึบสลับป่าเบญจพรรณตามบริเวณแนวเขตชายแดน (อำเภอบัวเชด อำเภอสังขะ อำเภอกาบเชิง และอำเภอพนมดงรัก) ที่ติดต่อกับราชอาณาจักรกัมพูชา ต่อจากบริเวณภูเขาลงมาเป็นที่ราบสูง ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ลาดเทมีลักษณะเป็นลูกคลื่น ค่อย ๆ ลาดเทไปทางตอนกลางและตอนเหนือของจังหวัด ทางตอนกลางของจังหวัด พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม แต่มีพื้นที่บางส่วนเป็นที่ดอน สลับที่ลุ่มลอนลาดเช่นเดียวกัน แต่ไม่มากเท่าทางตอนใต้ของจังหวัด (อำเภอเมืองสุรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ อำเภอศรีขรภูมิ อำเภอสำโรงทาบ อำเภอลำดวน และอำเภอศรีณรงค์) ทางตอนเหนือของจังหวัด พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ (อำเภอจอมพระและอำเภอสนม) และที่ราบลุ่ม (อำเภอชุมพลบุรี อำเภอท่าตูม อำเภอรัตนบุรี และอำเภอโนนนารายณ์) โดยเฉพาะอำเภอชุมพลบุรี และอำเภอท่าตูม อยู่ในที่ราบลุ่มแม่น้ำมูล ในเขตของทุ่งกุลาร้องไห้ ภูเขา จังหวัดสุรินทร์ มีเทือกเขาพนมดงรักทอดยาวตามแนวเขตแดนไทย-กัมพูชา ทางด้านตอนใต้ของจังหวัด มีเขาสวายหรือพนมสวายในเขตตำบลนาบัว อำเภอเมืองสุรินทร์ เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว มียอดเตี้ย ๆ 3 ได้แก่ ยอดเขาชาย เป็นที่ตั้งของวัดพนมศิลาราม และที่บรรจุอัฐิของเจ้าเมืองสุรินทร์และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสุรินทรมงคล ปางประทานพร ภปร. ยอดเขาหญิง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ขนาดกลาง และยอดเขาคอก (พนมกรอล) พุทธสมาคมจังหวัดสุรินทร์ ได้สร้างศาลาอัฐะมุขเพื่อเป็นอนุสรณ์ฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และสถูปบรรจุอัฐิพระราชวุฒาจารย์ (ดูลย์ อตุโล) เกจิอาจารย์ที่ชาวสุรินทร์เคารพนับถือ ปัจจุบันเขาสวายได้รับการประกาศเป็น วนอุทยานพนมสวาย แหล่งน้ำ แหล่งน้ำที่สำคัญของจังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ แม่น้ำมูล ต้นน้ำเกิดจากภูเขาดงพญาเย็น เขตอำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ไหลผ่านจังหวัดสุรินทร์ ทางเขตอำเภอชุมพลบุรี อำเภอท่าตูม และอำเภอรัตนบุรี ไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่จังหวัดอุบลราชธานี เป็นแหล่งน้ำที่ใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตร การเพาะปลูก การคมนาคม นอกจากนั้นยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้ำต่าง ๆ เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของราษฎร หากไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะฝนแล้ง จะมีน้ำตลอดทั้งปี ลำน้ำชี ต้นน้ำเกิดจากเขาพนมดงรัก เป็นลำน้ำที่แบ่งเขตจังหวัดสุรินทร์ กับจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นลำน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดสุรินทร์ ความยาวทั้งสิ้นประมาณ 90 กิโลเมตร ไหลผ่านจังหวัดสุรินทร์ ในเขตอำเภอปราสาท อำเภอเมืองสุรินทร์ อำเภอจอมพระ และไปบรรจบแม่น้ำมูลที่บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ลำน้ำพลับพลา ต้นน้ำเกิดจากอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ไหลผ่านทุ่งกุลาร้องไห้ ลงสู่แม่น้ำมูลที่อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ เป็นลำห้วยที่แบ่งอาณาเขตจังหวัดสุรินทร์ กับจังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด ลำห้วยทับทัน ต้นน้ำเกิดจากเทือกเขาพนมดงรัก ไหลผ่านเขตอำเภอสังขะ อำเภอศรีณรงค์ อำเภอสำโรงทาบ อำเภอโนนนารายณ์ อำเภอรัตนบุรี และไหลลงสู่แม่น้ำมูล ลำห้วยระวี ไหลผ่านเขตอำเภอเมืองสุรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ อำเภอจอมพระ และอำเภอท่าตูม ทางจังหวัดได้ทำการขุดลอก และสร้างฝายน้ำล้นกั้นเป็นช่วง ๆ เพื่อใช้ประโยขน์ทางการเกษตร การเพาะปลูก และการอุปโภคบริโภค ลำห้วยเสน ต้นน้ำเกิดจากเขาพนมดงรัก ไหลผ่านเขตอำเภอสังขะ และอำเภอศรีณรงค์เป็นแหล่งน้ำที่ใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ ในฤดูแล้งน้ำแห้งเป็นบางช่วงของลำห้วย ลำห้วยระหาร ไหลผ่านเขตอำเภอเมืองสุรินทร์ ในฤดูฝนน้ำจะท่วมหลาก แต่ในฤดูแล้งน้ำจะแห้งขอด ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้ ลำห้วยแก้ว ไหลผ่านเขตอำเภอรัตนบุรี และไหลลงสู่แม่น้ำมูล ฤดูแล้งบางช่วงของลำห้วยน้ำตื้นเขิน ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้เช่นเดียวกัน ลำห้วยสำราญ เป็นลำห้วยที่แบ่งอาณาเขตจังหวัดสุรินทร์ กับจังหวัดศรีสะเกษ ต้นน้ำเกิดจากเขาพนมดัจ (เขาขาด) และพนมซแร็ยซระน็อฮ (เขานางโศก) ไหลผ่านเขตอำเภอบัวเชด และอำเภอสังขะ ลำห้วยจริง เป็นลำห้วยที่แบ่งอาณาเขต อำเภอศรีขรภูมิ กับอำเภอโนนนารายณ์ และอำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์มีโครงการชลประทาน 1 แห่ง คือ เขื่อนห้วยเสนง (สะเนง=เขาสัตว์) อยู่ในเขตอำเภอเมืองสุรินทร์ เป็นโครงการส่งน้ำทดน้ำ เอื้อประโยชน์ต่อการทำนาในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 46,180 ไร่ ลำห้วยไผ่ ต้นน้ำเกิดจากท้องทุ่งนาในเขตอำเภอสนม ไหลผ่านเขตตำบลโพนโก อำเภอสนม เป็นแหล่งน้ำที่ใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตร การเลี้ยงสัตว์ โดยปลายน้ำอยู่ที่แม่น้ำมูล ตำบลน้ำเขียว อำเภอรัตนบุรี อ่างเก็บน้ำห้วยลำพอก อำเภอศรีขรภูมิ ป่าไม้ จังหวัดสุรินทร์ มีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ คือ ป่าไม้ ซึ่งมีพื้นที่ป่าไม้ทั้งจังหวัดประมาณ 1,434,001 ไร่ ปัจจุบันมีพื้นที่ป่าสมบูรณ์เหลืออยู่ประมาณ 187,343 ไร่ จังหวัดสุรินทร์ มีพื้นที่ที่ได้รับการประกาศเป็นเขตป่าจำนวน 1,382,625 ไร่หรือคิดเป็นร้อยละ 27.23 ของพื้นที่ โดยสามารถแยกได้ดังนี้ คือ เขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 26 ป่า วนอุทยาน จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ วนอุทยานพนมสวาย อำเภอเมืองสุรินทร์ เนื้อที่ 2,500 ไร่ และวนอุทยานป่าสนหนองคู อำเภอสังขะ เนื้อที่ 625 ไร่ เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า 1 แห่ง คือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ อยู่ในพื้นที่อำเภอพนมดงรัก อำเภอกาบเชิง อำเภอสังขะ และอำเภอบัวเชด เนื้อที่ 313,750 ไร่ ป่าชุมชน พื้นที่ระหว่างอำเภอสังขะกับอำเภอลำดวน มีป่าสนสองใบขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวสุรินทร์เรียกบริเวณนี้ว่า "ป่าพนาสน" ป่าสนสองใบที่จังหวัดสุรินทร์นี้ไม่เหมือนป่าสนทั่วไป เนื่องจากเป็นป่าสนที่ขึ้นอยู่บนพื้นราบ สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100 กว่าเมตรเท่านั้น และขึ้นปะปนอยู่กับไม้เบญจพรรณ เช่น ไม้ยางนา กระบาก เหียง ตาด นนทรีป่า ประดู่ ลำดวน และมะค่าแต้ ในปี พ.ศ. 2523 รัฐบาลไทยได้รับความร่วมมือจากประเทศเดนมาร์ก มอบให้กรมป่าไม้จัดตั้งเป็น สถานีอนุรักษ์พันไม้ป่าหนองคู เพื่อดำเนินการศึกษาและวิจัย และจัดการเขตอนุรักษ์พันธ์ไม้สนสองใบ ป่าสนสองใบที่บ้านหนองคูนี้ นับเป็นมรดกทางธรรมชาติที่สำคัญ และเป็นเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์ วังทะลุ ห่างจากหมู่บ้านช้าง (บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม) เพียง 3 กิโลเมตร ที่นี่เป็นบริเวณที่แม่น้ำมูลไหล และลำน้ำชี มาบรรจบกัน ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขง ที่จังหวัดอุบลราชธานี “วังทะลุ” เป็นสายน้ำที่แวดล้อมไปด้วยป่าที่กว้างใหญ่ไพศาล ก่อให้เกิดเป็นทัศนียภาพที่งดงามซึ่งหาชมได้ยาก ยังมีความอุดมบูรณ์ทางธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ อีกทั้งยังเป็นที่อาบน้ำของช้างในหมู่บ้านยามเย็น เอกสารบรรยายสรุปจังหวัดสุรินทร์ ประจำปี พ.ศ. 2540 มีการตัดไม้ทำลายป่าค่อนข้างสูง โดยเฉพาะการบุกรุก แผ้วถาง เพื่อการเกษตรกรรม ป่าไม้ส่วนใหญ่อยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดบริเวณเทือกเขาพนมดงรัก ในเขตอำเภอสังขะ อำเภอบัวเชด อำเภอกาบเชิง และอำเภอพนมดงรัก และยังมีป่าไม้กระจัดกระจายเป็นหย่อม ๆ ในเขตอำเภอปราสาท อำเภอเมืองสุรินทร์ อำเภอท่าตูม อำเภอรัตนบุรี อำเภอลำดวน และอำเภอศีขรภูมิ ต้นไม้ที่มีอยู่โดยทั่วไปในจังหวัดสุรินทร์ ได้แก่ ต้นเต็ง รัง ยาง ประดู่ พะยูง ตาด แดง กะบาก และอื่น ๆ รวมทั้ง ต้นมันปลา หรือต้นกันเกรา ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสุรินทร์ จากการที่ป่าไม้ถูกทำลายมาก จึงมีการปลูกป่าทดแทน หรือปลูกไม้โตเร็วเพื่อการใช้สอย เช่น ต้นกระถินณรงค์ ต้นยางพารา ต้นตะกู และต้นยูคาลิปตัส เป็นต้น (พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในความดูแลของ ออป. (องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ทรัพยากรธรณี ลักษณะของดินในจังหวัดสุรินทร์ เป็นดินร่วนปนทราย มีบางพื้นที่ เช่น อำเภอเขวาสินรินทร์ เป็นดินเหนียวปนทราย ฉะนั้นดินในจังหวัดสุรินทร์จึงอุ้มน้ำได้น้อย จังหวัดสุรินทร์มีทรัพยากรทางธรณีที่สำคัญ ได้แก่ ทรายแม่น้ำมูล พบที่อำเภอท่าตูมและอำเภอชุมพลบุรี บ่อหินลูกรัง พบที่ อำเภอท่าตูม อำเภอสำโรงทาบ อำเภอเมืองสุรินทร์ และอำเภอสังขะ หินภูเขา เป็นหินภูเขาที่ได้จากเขาสวาย ท้องที่ตำบลสวาย และตำบลนาบัว สำหรับป้อนโรงงานโม่หินเพื่อใช้ประโยชน์ในการก่อสร้าง === ความหลากหลายทางชีวภาพ === จังหวัดสุรินทร์มีทรัพยากรสัตว์ป่าอยู่มากมายทั่วทั้งจังหวัด แต่ปัจจุบันนี้สัตว์ป่าจะมีอยู่เฉพาะตามพื้นที่ป่าที่อนุรักษ์ไว้และอาศัยอยู่ในเขตป่าสงวนและเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเท่านั้น ส่วนสัตว์ป่าที่พบเห็นได้ในปัจจุบันที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ ได้แก่ เก้ง กวาง ลิ่น วัวแดง กระจง ลิง ค่าง ชะนี เสือโคร่ง เลียงผา อีเห็น แมวดาว ชะมด เม่น ไก่ฟ้าพญาลอ นกนานาชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมูป่าและกระจงมีอยู่จำนวนมากทั่วพื้นที่ สัตว์ที่มีลักษณะเด่นในพื้นที่ ได้แก่ ไก่ฟ้าพญาลอ เก้ง และที่พบเห็นในวนอุทยานพนมสวาย ได้แก่ กระรอก กระต่ายป่า สัตว์ปีกมีบ้างแต่ไม่มากนักได้แก่ นกกระเต็น บ่าง นกกระทาดง นกกวัก นกกระปูด นกกางเขนดง นกเขาหลวง นกเป็ดน้ำ และนกเหยี่ยว และที่พบในวนอุทยานป่าสนหนองคู ได้แก่ กระรอก บ่าง กระต่ายป่า งู แย้ นกเขา นกกะปูด และนกเอี้ยง บางครั้งก็จะมีพบนกเงือกมาอยู่บ้าง และยังมีสัตว์ป่าอีกหลายชนิดที่สามารถพบเห็นได้ในป่าชุมชนต่าง ๆ ที่มีการอนุรักษ์ผืนป่าไว้ === สิ่งแวดล้อม === จังหวัดสุรินทร์ มีการพัฒนาและขยายตัวอย่างรวดเร็ว มีชุมชนเมือง (ในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์) ที่อยู่อย่างแออัด มียานพาหนะมากส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจร โดยเฉพาะบริเวณตลาดสดในเขตเทศบาล และบริเวณสถานศึกษา มีผลกระทบทางด้านมลภาวะบ้าง แต่ไม่รุนแรงนัก ปัญหาขยะและน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมมีค่อนข้างน้อย เพราะได้รับการเอาใจใส่ ดูแลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี โรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองสุรินทร์ == เศรษฐกิจ == จากรายงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในปี พ.ศ. 2562 จังหวัดสุรินทร์ มีมูลค่าผลิตภัณฑ์จังหวัด (GPP) ตามราคาประจำปี 81,007 ล้านบาท เป็นลำดับที่6 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มูลค่าผลิตภัณฑ์ต่อหัว (Per capita GPP) 75,556 บาทต่อปี สำหรับอาชีพของประชาชนส่วนใหญ่ในจังหวัดสุรินทร์ ยังคงประกอบอาชีพทางด้านการเกษตรกรรม มีการทำนาข้าวเจ้า (ข้าวหอมมะลิ) ทำสวน และเพาะปลูกพืชไร่ชนิดต่าง ๆ เช่น มันสำปะหลัง อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา อาชีพที่สำคัญรองลงมา คือ การปลูกหม่อนและเลี้ยงไหม === การขนส่ง === จังหวัดสุรินทร์ เป็นเมืองหลักของภาคอีสานตอนล่าง เป็นศูนย์กลางการพาณิชย์ อุตสาหกรรมและการคมนาคม จึงมีเส้นทางคมนาคมหลักทั้งทางรถยนต์ รถไฟ มีทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงจังหวัด และเส้นทางมาตรฐานหลายสาย ทำให้การเดินทางติดต่อภายในจังหวัด การเดินทางสู่จังหวัดใกล้เคียง และกรุงเทพมหานครเป็นไปด้วยความสะดวก ทางรถยนต์ การเดินทางจากกรุงเทพฯ มายังจังหวัดสุรินทร์ใช้ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ผ่านจังหวัดปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี แล้วแยกเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ผ่านจังหวัดนครราชสีมา แล้วใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 24 ผ่านจังหวัดบุรีรัมย์ แยกซ้ายเข้าทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 214 (ตรงแยกอำเภอปราสาท) จนถึงจังหวัดสุรินทร์ หรือใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 226 ได้เช่นเดียวกัน การเดินทางในตัวจังหวัด การคมนาคมขนส่งทางรถยนต์ของจังหวัดสุรินทร์ระหว่างชนบท หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และจังหวัดต่าง ๆ มีความสะดวก เพราะมีเส้นทางคมนาคมเชื่อมติดต่อกัน การเดินทางโดยรถยนต์ระหว่างจังหวัดกับอำเภอ ระยะทางที่ไกลที่สุด คือ อำเภอชุมพลบุรี ระยะทาง 91 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมง ระยะทางที่ใกล้ที่สุด คือ อำเภอเขวาสินรินทร์ ระยะทาง 14 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทาง 30 นาที โดยระยะทางจากตัวจังหวัด (อำเภอเมืองสุรินทร์) ไปยังอำเภอต่าง ๆ ของจังหวัดสุรินทร์ เรียงจากใกล้ไปไกล ดังนี้ อำเภอเขวาสินรินทร์ 14 กิโลเมตร อำเภอจอมพระ 25 กิโลเมตร อำเภอลำดวน 26 กิโลเมตร อำเภอปราสาท 28 กิโลเมตร อำเภอศีขรภูมิ 34 กิโลเมตร อำเภอสังขะ 51 กิโลเมตร อำเภอสนม 51 กิโลเมตร อำเภอท่าตูม 52 กิโลเมตร อำเภอสำโรงทาบ 54 กิโลเมตร อำเภอกาบเชิง 58 กิโลเมตร อำเภอศรีณรงค์ 64 กิโลเมตร อำเภอรัตนบุรี 70 กิโลเมตร อำเภอบัวเชด 70 กิโลเมตร อำเภอโนนนารายณ์ 75 กิโลเมตร อำเภอพนมดงรัก 78 กิโลเมตร อำเภอชุมพลบุรี 91 กิโลเมตร สำหรับการเดินทางในตัวจังหวัด จะใช้การจราจรโดยรถส่วนบุคคลหรือรถจักรยานยนต์รวมทั้งจักรยาน สำหรับระบบมวลชนจะมีรถสองแถว รถเมล์ชมพู ตุ๊กตุ๊ก มอเตอร์ไซค์รับจ้าง/สามล้อปั่น บริการในจังหวัดสุรินทร์ มีสถานีขนส่งภายในตัวจังหวัดเชื่อมต่อจังหวัดและอำเภอต่าง ๆ ดังนี้คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดสุรินทร์ สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอปราสาท สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอสังขะ สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอรัตนบุรี ทางรถไฟ การคมนาคมทางรถไฟ ปัจจุบันมีรถไฟสายกรุงเทพฯ-สุรินทร์ โดยผ่านจังหวัดปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ จนถึงสุรินทร์ เปิดการเดินรถเร็ว รถด่วน รถด่วนพิเศษ และรถดีเซลรางปรับอากาศ ใช้เวลาในการเดินทาง 6-8 ชั่วโมง เป็นระยะทาง 420 กิโลเมตร ทางอากาศ จังหวัดสุรินทร์มีท่าอากาศยานสุรินทร์ภักดี ซึ่งในอดีตได้เปิดทำการบินโดยบริษัท บางกอกแอร์เวย์-แอร์อันดามัน-พีบีแอร์ ซึ่งเมื่อปลายปี 2552 สายการบินพีบีแอร์จะเปิดทำการบิน แต่เนื่องจากทางบริษัทประสบปัญหาทางการเงินจึงได้ปิดกิจการไปก่อน จึงไม่สามารถทำการบินได้ ในปัจจุบันสามารถใช้การเดินทางอากาศที่ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ มีเที่ยวบินวันละ 5 เที่ยวบิน โดยห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ประมาณ 80 กิโลเมตร == ประชากรศาสตร์ == ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2554 จังหวัดสุรินทร์มีประชากรทั้งสิ้น 1,380,399 คน แยกเป็นชาย 690,644 คน หญิง 689,755 คน ความหนาแน่นเฉลี่ย 170 คน/ตร.กม. มีจำนวนประชากรมากเป็นลำดับที่ 10 ของประเทศไทย และมีความหนาแน่นเฉลี่ยเป็นลำดับที่ 18 ของประเทศไทย === กลุ่มชาติพันธุ์ === ชาวไทยกูย - กวย - เยอ กูย หรือกวย คำที่ใช้เรียกชนชาติพันธุ์ที่คนในใช้เรียกตนเอง คำว่า กูย หรือ กวย  เป็นคำนาม เมื่ออยู่โดดๆ ไม่ได้แปลว่า คน หรือ ใคร เพียงเท่านั้น แต่หมายถึง ชื่อเรียกชนชาติพันธุ์เก่าแก่ชนชาติพันธุ์หนึ่งซึ่งมีอารยธรรมอันดีงามร่วมกันกับชนเผ่าอื่นในดินแดนสุวรรณภูมิ  เช่นชาวกูยในจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ  และจังหวัดอื่นๆแถบอีสานใต้ในปัจจุบัน และในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น  กัมพูชาและลาว  ก็ยังพบชนชาติพันธุ์นี้อาศัอยู่กันเป็นจำนวนมากหลายหมู่บ้านตำบล  และนอกจากนี้ คำว่า กูย ยังหมายรวมถึง ภาษากูย อีกด้วย ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้พูดคุยสื่อสารกันในชีวิตประจำวันที่ยังคงสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ ชาวกูย หรือกวย มีรูปร่างลักษณะผิวค่อนข้างคล้ำ ตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี บุรีรัมย์ รวมไปถึง ร้อยเอ็ด มหาสารคาม อุดรธานี นครราชสีมา ชาวกูยมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์เคยครอบครองดินแดนแถบที่ราบสูงในเขตเทือกเขาพนมดงรัก และลงไปจนถึงแถบทะเลสาบในประเทศกัมพูชาในปัจจุบัน รวมไปถึงถึงในเขตลาวใต้ (เช่น จำปาศักดิ์ อัตตะปือ แสนปาง เป็นต้น) และเวียดนามใต้บางส่วน ซึ่งเป็นดินแดนดั้งเดิม ในสมัยอยุธยาเคยส่งราชทูตเข้ามาค้าขายในราชอาณาจักรอยุธยา และมีการบันทึกไว้ว่ามีสิทธิทางการค้าเท่าเทียมพ่อค้าชาวตะวันตก บรรพบุรุษในอดีตมีการเดินทางค้าขาย การย้ายถิ่นที่อยู่ไปมาระหว่างกันเสมอ ชาวกูยมีภาษาพูด มีการนับเลขเป็นระบบฐานสิบ และในอดีตมี อักษรเป็นของตนเองแต่ได้ขาดหายไปอย่างไม่ปรากฏร่องรอย ชาวกูย/กวยในปัจจุบันเชี่ยวชาญด้านวิศวกร สถาปนิก แพทย์ การปกครอง ครูบาอาจารย์ นักบวช ชาวกูยส่วนใหญ่สามารถพูดสื่อสารภาษาถิ่นในแถบอิสานใต้ได้หลายภาษา ทั้งภาษากูย กวย ภาษาลาว และภาษาเขมร นิยมพูดภาษาเป็น 2 กลุ่ม คือ กูย - ลาว อยู่ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด มหาสารคาม สุรินทร์ และนครราชสีมาบางพื้นที่ ซึ่งพูดภาษากูยในปัจจุบันมีคำภาษาลาวปนอยู่ด้วยบางคำ และกูย - เขมร อยู่ในเขตจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานีตอนล่าง ชาวไทยกูยอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดที่อำเภอศีขรภูมิ สำโรงทาบ จอมพระ สังขะ บัวเชด ศรีณรงค์ สนม ลำดวน ท่าตูม บางส่วนของอำเภอเมือง เขวาสินรินทร์ และกาบเชิง ปัจจุบันนับถือพุทธศาสนา พราหมณ์ ผสมความเชื่อผีบรรพบุรุษ ชาวไทยเขมร (ขะแมร์) มีการอพยพมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในท้องที่จังหวัดสุรินทร์-บุรีรัมย์-ศรีสะเกษ ชาวเขมรส่วนใหญ่มีลักษณะผิวขาวเหลือง - ค่อนข้างคล้ำ มีภาษาพูดเป็นของตนเอง ภาษาเขมรป่าดงคล้ายภาษาเขมรในกัมพูชา แต่เสียงเพี้ยนกันอยู่บ้าง เขมรป่าดงแต่เดิมนับถือศาสนาพราหมณ์และผีบรรพบุรุษ ปัจจุบันหันมานับถือพุทธศาสนา ชาวเขมรส่วนใหญ่ชอบและเชี่ยวชาญงานด้านการเกษตร ประมง การเลี้ยงสัตว์ งานบริการ และการละเล่นดนตรี เนื่องบริเวณแอ่งที่ราบลุ่มทะเลสาบโตนเลไปจนถึงบริเวณแถบเวียดนามใต้ในปัจจุบันเป็นพื้นที่เหมาะแก่การทำการเกษตรและเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่สำคัญมาแต่สมัยโบราณ ชาวเขมรอพยบขึ้นมาอาศัยอยู่ในแถบสุรินทร์ และอิสานใต้ต่อเนื่องมา และในช่วงปีพ.ศ. 2324 ทางฝ่ายเขมรเกิดการจลาจล โดยเจ้าทะละหะ (มู) กับพระยาวิมลราช (ฮู) ฝักใฝ่ในทางญวน และสมัยที่นางดามบุตรีเจ้าเมืองประทายเพชร ซึ่งเป็นนายของตนมาเป็นสะใภ้หลานชายชาวกูยเจ้าเมืองสุรินทร์ จึงพากันอพยพตามเจ้านายมาอยู่ที่เมืองคูประทาย (เมืองสุรินทร์) เป็นอันมาก และอพยพเข้ามาอีกหลายครั้งในช่วงฝรั่งเศสปกครองและหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวไทยลาว จังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดสุรินทร์ จึงมีเชื้อสายไทยลาวเหมือนกับหลายจังหวัดในภาคอีสาน โดยได้ใช้ภาษาและวัฒนธรรมที่เมือนกันกับชาวไทยลาวโดยทั่วไป แต่ก็จะมีอยู่ที่แตกต่างในเรื่องของภาษาบ้างในแต่ละท้องถิ่น ชาวไทยลาวอพยบเข้ามาในประเทศไทยหลายครั้งด้วยเหตุหลาย ๆ ประการ ชาวไทยจีน ชาวจีนส่วนใหญ่ที่อพยพเข้ามาก่อตัวเป็นชุมชนขึ้นในจังหวัดสุรินทร์นั้น สาเหตุหลัก ๆ มาจากปัญหาการลี้ภัยสงคราม การแตกพ่ายของก๊กต่าง ๆ การเกณฑ์แรงงานทาสที่เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานมาหลายพันปีของราชวงศ์ต่าง ๆ สงครามฝิ่นกับอังกฤษและชาติต่าง ๆในยุโรป ซึ่งสร้างความวุ่ยวายในแผนดินจีนถึง 100 ปี และต่อเนื่องมาถึงยุคการปฏิวัติประชาธิปไตยสมัย ดร.ซุนยัดเซ็น การปฏิวัติคอมมิวนิสต์นำโดยเหมา เจ๋อ ตง และสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นบุกจีน ที่ต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 54 ปี ในระหว่าง พ.ศ. 2438–2492 ทำให้ประชาชนเดือดร้อนลำเค็ญโดยเฉพาะช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวจีนในจังหวัดแต้จิ๋ว มณฑลกวางตุ้ง และทางแถบตอนใต้ของประเทศจีนในปัจจุบันได้อพยพลี้ภัยเข้ามายังเมืองไทยเป็นจำนวนมาก สายหนึ่งมาทางเรือ ขึ้นฝั่งที่เมืองบางกอก (กรุงเทพมหานคร) อีกสายหนึ่งผ่านเข้ามาทางเวียดนามและลาว ชุมชนชาวจีนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในจังหวัดสุรินทร์อาจแบ่งออกเป็นสองถึงสามช่วงใหญ่ ๆ ได้แก่ ก่อนการสร้างทางรถไฟผ่านเมืองสุรินทร์ (อพยบข้ามมาจากทางฝั่งชายแดนที่ติดต่อกัน เช่น กัมพูชา ลาว หรือเวียดนาม) และระหว่าง - หลังจากทางรถไฟมาถึงจังหวัดสุรินทร์แล้ว ซึ่งการคมนาคมสะดวกขึ้นทำให้เกิดการเดินทางไปมาระหว่างจังหวัดและภาคต่าง ๆของประเทศสะดวกขึ้น ประเทศจีนในปัจจุบันประกอบกันขึ้นมาด้วยความหลากหลายทางชาติพันธุ์ หลายชนเผ่าพันธุ์ ภาษา ประเพณี และวัฒนธรรม มีรวม ๆ กันประมาณ 56 กลุ่มชาติพันธุ์เป็นอย่างน้อย กระจายอาศัยอยู่ทั่วประเทศจีน เช่น มองโกล อุยกูร์ ถู่จีอา ยี ไต ฮั่น จ้วง หุย แมนจู แม้ว ฯลฯ เป็นต้น เช่นเดียวกับประเทศในภูมิภาคแถบเอเชียทั้งหมด ชาวไทยญวน ชาวไทยเชื้อสายญวน บ้างอาจปรากฏว่า แกว หรือเวียดนาม (ญวนหรือเวียดนามก็มีหลากหลายชาติพันธุ์/ภาษา/วัฒนธรรม) หนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งในประเทศไทย (สยาม) ในปัจจุบันชาวไทยเชื้อสายญวนแบ่งเป็นสองกลุ่ม ได้แก่ ญวนเก่าและญวนใหม่ ซึ่งปัจจุบันกลุ่มญวนเก่าได้อพยพจากแหล่งที่อยู่อาศัยเดิม และผสมกลมกลืนไปกับคนไทยหมดแล้ว ส่วนญวนใหม่ คือคนที่อพยพเข้ามาในไทยในปี พ.ศ. 2488 (เริ่มการประกาศราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง) และในปี พ.ศ. 2489 (ปีที่เวียดนามเหนือรบชนะสงครามเวียดนาม) และชาวญวนใหม่เหล่านี้ได้ทยอยเข้ามาในไทยจนถึงปี พ.ศ. 2499 ซึ่งกระจายอยู่ในภาคอิสานของไทย ภาคใต้ และภาคกลาง ซึ่งจริงแล้วในประเทศญวนนั้นก็มีลักษณะทางสังคม ภาษา และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างหลากหลาย ในปัจจุบันเท่าที่มีการสำรวจพบว่าในประเทศเวียดนามมี 54 ชนเผ่า กระจายอาศัยอยู่ทั่วประเทศ แต่เรียกบรรดาผู้คนที่จากบริเวณประเทศเวียดนามในปัจจุบันว่า "ชาวญวน" ชาวไทยอื่น ๆ ในปัจจุบันทุกชาติพันธุ์ในจังหวัดสุรินทร์และบริเวณจังหวัดใกล้เคียงได้อาศัยอยู่กันอย่างกลมกลืนตามความเชื่อของตนเอง มีการผสมผสานกันทางภาษา ประเพณี และวัฒนธรรม ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย === ภาษา === ประชากรในจังหวัดสุรินทร์ยังใช้ภาษท้องถิ่นเขมร ส่วย และลาว เป็นภาษาที่ 1 ควบคู่กับภาษาไทย ประชากรจังหวัดสุรินทร์ ใช้ภาษาเขมรเหนือเป็นภาษาที่หนึ่งมากที่สุดคือ ประมาณร้อยละ 50 ของประชากร ภาษาส่วยหรือกูย ร้อยละ 30 ภาษาลาวร้อยละ 12 ภาษาจีนและอื่น ๆ ร้อยละ 8 ภาษาเขมร เป็นภาษาที่พูดที่กระจายอยู่ทุกอำเภอในจังหวัดสุรินทร์ แต่หนาแน่นที่สุดที่อำเภอเมืองสุรินทร์ อำเภอท่าตูม อำเภอลำดวน อำเภอบัวเชด อำเภอปราสาท อำเภอกาบเชิง อำเภอสังขะ อำเภอพนมดงรัก อำเภอเขวาสินรินทร์ อำเภอศีขรภูมิ และอำเภอจอมพระ ภาษาส่วยหรือภาษากูย นับเป็นภาษาพูดของกลุ่มชนเก่าแก่กลุ่มหนึ่ง แต่ไม่มีภาษาเขียน ใช้กันมากที่อำเภอสำโรงทาบ อำเภอท่าตูม อำเภอศรีณรงค์ อำเภอจอมพระ และอำเภอศีขรภูมิ ภาษาลาว ใช้มากในอำเภอสนม อำเภอรัตนบุรี อำเภอชุมพลบุรี อำเภอโนนนารายณ์ และอำเภอท่าตูม ภาษาผีปะกำ เป็นภาษาพิเศษของชนชาวส่วยช้าง ใช้สื่อสารกันเฉพาะระหว่างกำลวงพืด หมอช้างและมะข่างกับเทพเจ้า ผีปะกำ และบริวารของผีปะกำ ในช่วงเวลาของการเดินทางไปกูบเทวะค้า (คล้องช้าง) แต่เมื่อกลุ่มผู้จับช้างอยู่บ้านตามปกติจะใช้ภาษาส่วยโดยทั่วไป จากการรวบรวมภาษาผีปะกำของจังหวัดสุรินทร์ จำนวน 365 คำ พบว่าตรงกับภาษาบาลี สันสกฤต ประมาณร้อยละ 20 ต่างกันเฉพาะสำเนียง เป็นภาษาเขมรโบราณร้อยละ 40 - 50 ที่ยังหาไม่ได้ว่าเป็นภาษาใดอีกร้อยละ 30 == การศึกษา == ระดับอุดมศึกษา * มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ * มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ * มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตสุรินทร์ * มหาวิทยาลัยเฉลิมกาญจนา วิทยาเขตสุรินทร์ == การเมืองการปกครอง == === การปกครองส่วนภูมิภาค === จังหวัดสุรินทร์มีการปกครองแบ่งออกเป็น 17 อำเภอ 159 ตำบล 2011 หมู่บ้าน ข้อมูลอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดสุรินทร์ === การปกครองส่วนท้องถิ่น === องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีจำนวน 174 แห่ง แบ่งออกเป็น 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด, 1 เทศบาลเมือง, 27 เทศบาลตำบล และ 144 องค์การบริหารส่วนตำบล มีรายชื่อดังนี้ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ {| |- -- valign=top || อำเภอเมืองสุรินทร์ เทศบาลเมืองสุรินทร์ เทศบาลตำบลเมืองที อำเภอปราสาท เทศบาลตำบลกังแอน เทศบาลตำบลนิคมปราสาท เทศบาลตำบลกันตวจระมวล อำเภอกาบเชิง เทศบาลตำบลกาบเชิง เทศบาลตำบลโคกตะเคียน อำเภอพนมดงรัก เทศบาลตำบลบักได อำเภอสังขะ เทศบาลตำบลสังขะ || อำเภอลำดวน เทศบาลตำบลลำดวนสุรพินท์ อำเภอศีขรภูมิ เทศบาลตำบลระแงง เทศบาลตำบลผักไหม อำเภอสำโรงทาบ เทศบาลตำบลสำโรงทาบ เทศบาลตำบลหมื่นศรี อำเภอเขวาสินรินทร์ เทศบาลตำบลเขวาสินรินทร์ อำเภอรัตนบุรี เทศบาลตำบลรัตนบุรี อำเภอบัวเชด เทศบาลตำบลบัวเชด || อำเภอท่าตูม เทศบาลตำบลท่าตูม เทศบาลตำบลเมืองแก อำเภอชุมพลบุรี เทศบาลตำบลชุมพลบุรี เทศบาลตำบลทุ่งศรีชุมพล เทศบาลตำบลสระขุด เทศบาลตำบลยะวึก เทศบาลตำบลนาหนองไผ่ อำเภอจอมพระ เทศบาลตำบลจอมพระ เทศบาลตำบลกระหาด เทศบาลตำบลบุแกรง อำเภอสนม เทศบาลตำบลสนม เทศบาลตำบลแคน |} == วัฒนธรรม == === โบราณวัตถุ === รูปเคารพและส่วนประกอบของปราสาท ได้จากชิ้นส่วนของปราสาทที่ขุดพบทั่วทั้งจังหวัดสุรินทร์ เช่น ทับหลังจำหลักกลีบขนุน ฐานเทวรูป เศียรเทวรูป พระพุทธรูปในสมัยต่าง ๆ เป็นต้น อาวุธ พบน้อยมากในจังหวัดสุรินทร์ จะพบก็เป็นอาวุธที่เกิดขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์เท่านั้น เช่น หอก ดาบ ขอช้าง และง้าว เครื่องประดับ พบว่าอยู่ในสมัยขอมโบราณที่เรียกว่าศิลปะลพบุรี เช่น กำไล กระพรวนที่ทำด้วยสำริด และห่วงคานหาม เป็นต้น เครื่องถ้วยและภาชนะดินเผา พบว่าอยู่ในสมัยขอมโบราณ พบที่ตำบลสวาย อำเภอศรีณรงค์ และอำเภอสังขะ เช่น ลูกประคำ ไห โถ ชาม กระปุก เป็นต้น สังเค็ด เป็นสังเค็ดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้วัดจำปา เพื่อเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว === ศิลปะ === ศิลปหัตถกรรมและงานช่างท้องถิ่น งานแกะสลักจากงาช้าง บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม วัฒนธรรมการแต่งกายด้วยผ้าไหมแบบโบราณของชาวกวย หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมชาวกูยบ้านเมืองลีง (ตำบลเมืองลีง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์) เครื่องเงิน ผ้าไหม ประคำ หมอนขิด การละเล่นพื้นบ้าน นาฎศิลป์ และดนตรี แกลอะมอล เรือมอันเร รำตรุษ เจรียง เบริน กันตรึม หมอลำ ศาสนา ความเชื่อ และพิธีกรรม พิธีกรรมการคล้องช้างและการเซ่นปะกำของชาวกูย กวย ศาลปะกำ ที่เป็นเสมือนเทวาลัยสิงสถิตของวิญญาณบรรพบุรุษและผีปะกำ ตามความเชื่อของ ชาวกวย หรือกูย นิยมปลูกสร้างไว้ในชุมชนคุ้มบ้าน นักท่องเที่ยวสามารถไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์จาก ศาลปะกำ กันได้ ซึ่งเชื่อกันว่า ขอสิ่งได้ ได้สมปรารถนาดั่งที่ตั้งใจไว้ งานแซนโฎนตา รำมะม๊วด เลี้ยงปู่ตา สินค้าและของฝาก ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ ซึ่งมีคุณสมบัติ หอม ยาว ขาว นุ่ม มีคุณภาพดีที่สุดในโลก (สินค้า GI: สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) เม็ดบัวอบกรอบ มาย ขนมขบเคี้ยวที่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มสินค้าขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย ผ้าไหมชาวกูยและผ้าไหมพื้นเมืองสุรินทร์ งานแกะสลักจากงาช้างและกระดูกสัตว์ของชาวกูย ณ ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม ผ้าไหมมัดหมี่ บ้านม่วงบุญมี ตำบลแก อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ • กาละแม ของชาว อำเภอศีรขรภูมิ ซึ่งมีรสชาติกลมกล่อม • หมูหยอง เกรดพรีเมี่ยง • กุนเชียงเนื้อแน่น แสนอร่อย เทศกาลท่องเที่ยว ประเพณีเทศกาลงานช้างและงานกาชาดจังหวัด (มีการแสดงแสงสี การแสดงของช้าง ทั้งในงานและนอกงานที่ปราสาทศีขรภูมิ และงานจัดเลี้ยงโต๊ะอาหารช้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ อนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) รวมสถิติโลกโดย กินเนส เวิรลด์ เรคคอร์ด) เทศกาลกันตรึมดนตรีพื้นเมืองสุรินทร์ การท่องเที่ยวเพื่อตามรอยอารยธรรมขอมโบราณ ณ แหล่งโบราณสถานของอำเภอต่าง ๆ ประเพณีแซนโฏนตา บูชาบรรพบุรุษ ประเพณีขึ้นเขาพนมสวาย บูชาเทพเจ้า สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 ประเพณีบวชนาคบนหลังช้าง ณ ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม เทศกาลงานข้าวหอมมะลิสุรินทร์ ประเพณีแข่งเรือ ณ แม่น้ำมูล อำเภอท่าตูม ประเพณีนมัสการขึ้นกลุ่มปราสาทตาเมือน เทศกาลสนมเมืองดอกจาน ประสานใจไหว้ปู่ตา (มีการประกวดธิดาเมืองดอกจาน ผ้าใหมลายดอกจาน พร้อมแสงสีเสียง และยังมีขบวนแห่ที่ยาวมาที่สุดในภูมิภาคสุรินทร์เหนือ งานจัดแสดงสินค้าของดีเมืองดอกจาน) ณ อำเภอสนม ประเพณีสืบสานตำนานปราสาทภูมิโปน ต.ดม อ.สังขะ (มีการแสดงแสงสีเสียง ตำนานเนียงด็อฮฺธม ช่วงวันที่ 8 - 12 เมษายน ทุกปี) ประเพณีบุญบั้งไฟประจำปี ณ.อำเภอรัตนบุรี มีการประกวดขบวนแห่ ขบวนรำ และจุดบั้งไฟขึ้นสูงใหญ่ที่สุดใน จังหวัดสุรินทร์ ช่วง เดือน พฤษภาคมของทุก ๆ ปี อ.รัตนบุรี ประเพณีกวนข้าวทิพย์ลอยฟ้า วัดกลางสุรินทร์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จัดขึ้นก่อนวันออกพรรษาของทุกปี งานสมโภชศาลเจ้าพ่อหลักเมืองและสิ่งศักสิทธิ์คู่เมืองสุรินทร์ (มีการแสดงบนเวทีมากมาย การเชิดสิงห์โต การแสดงงิ้ว มหกรรมอาหารดีหลากหลายของเมืองสุรินทร์) ประเพณีเทศกาลไหว้เจ้าพ่อตาดาน ปลายเดือน พ.ย ของทุกปี อ.สังขะ เทศกาลปลาไหล ข้าวใหม่หอมมะลิ และงานกาชาด อำเภอชุมพลบุรี จัดขึ้นช่วงสุดสัปดาห์ที่สามในเดือนธันวาคมของทุกปี งานสืบสานตำนานปราสาทยายเหงา ช่วงปลายเดือน เม.ย ของทุกปี ต.บ้านชบ อ.สังขะ ประเพณีปอ๊อกเปรี๊ยะแค (พิธีไหว้พระจันทร์) วัดดาราธิวาส บ้านขนาดมอญ ตำบลตาตุม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี งานไหว้พระธาตุ และงานแสดงแสง สี เสียง “ประวัติศาสตร์ นครธีตา-บ้านธาตุ-เมืองรัตนบุรี” โดยกำหนดงานบุญ 3-5 วันในช่วงงานบุญเดือนสาม วันมาฆบูชา (ราวเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี) ส่วนงานเฉลิมฉลองการสร้างเมืองรัตนบุรี หรืองาน “ไหว้เจ้าพ่อศรีนครเตาท้าวเธอ” เจ้าเมืองรัตนบุรีคนแรก นั้นกำหนดช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ของทุกปี หลังจากงานแสดงช้างจังหวัดสุรินทร์ === กีฬา === สโมสรฟุตบอลสุรินทร์ ซิตี้ สโมสรฟุตบอลสุรินทร์ ซูก้า โขงชีมูล == การท่องเที่ยว == คชอาณาจักร (องค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์: อสส.) ตั้งอยู่บริเวณป่าสงวนแห่งชาติดงภูดิน (ติดกับศูนย์คชศึกษา) ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ พื้นที่ 3,000 ไร่ ศูนย์คชศึกษา บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ (ภายใต้การอำนวยการโดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์) วังทะลุ ห่างจากหมู่บ้านช้างบ้านตา (คชอาณาจักร) กลางเพียง 3 กิโลเมตร ที่นี่เป็นบริเวณที่แม่น้ำมูลไหล และลำน้ำชี มาบรรจบกัน ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขง ที่จังหวัดอุบลราชธานี “วังทะลุ” เป็นสายน้ำที่แวดล้อมไปด้วยป่าที่กว้างใหญ่ไพศาล ก่อให้เกิดเป็นทัศนียภาพที่งดงามซึ่งหาชมได้ยาก ยังมีความอุดมบูรณ์ทางธรรมชาติ และความหลากหลายทางชีวภาพ อีกทั้งยังเป็นที่อาบน้ำของช้างในหมู่บ้านยามเย็น ซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดสุรินทร์ได้ วัดบูรพาราม ตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ วนอุทยานพนมสวาย ตำบลสวาย-ตำบลนาบัว อำเภอเมืองสุรินทร์ น้ำตกไตรคีรี เขาศาลา บ้านจรัส ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด น้ำตกถ้ำเสือ เขาศาลา บ้านจรัส ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด น้ำตกปะอาว ตำบลกาบเชิง อำเภอกาบเชิง น้ำตกวังตะเคียน (ทะมอบั๊ก) ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก น้ำตกโอตราว เขาศาลา บ้านจรัส ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด น้ำตกโอทะลัน เขาศาลา บ้านจรัส ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด น้ำตกกรูงคลา เขาศาลา บ้านจรัส ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด น้ำตกโตงใหญ่ วนอุทยานพนมสวาย อำเภอเมืองสุรินทร์ น้ำตกผาดอกบัว วนอุทยานพนมสวาย อำเภอเมืองสุรินทร์ ผาถ้ำพระ เขาศาลา บ้านจรัส ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด พุทธอุทยานเขาศาลาอตุลฐานจาโร หรือ วัดเขาศาลาอตุลฐานจาโร เขาศาลา บ้านจรัส ตำบลจรัส อำเภอบัวเชด เขื่อนห้วยตาเกาว์ใหม่ เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ อำเภอกาบเชิง จุดชมวิวช่องปลดต่าง ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง ชุมชนบ้านสันปันน้ำ อำเภอพนมดงรัก หมูบ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณ บ้านท่าสว่าง ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมืองสุรินทร์ หมู่บ้านทอผ้าไหมมัดหมี่ยกดอกโบราณบ้านสวาย ตำบลสวาย อำเภอเมืองสุรินทร์ หมูบ้านทำเครื่องเงิน ปะเกือม บ้านโชค ตำบลเขวาสินรินทร์ อำเภอเขวาสินรินทร์ พระดินปั้นพันปี วัดตาตอมจอมสวาย ตำบลสวาย อำเภอเมืองสุรินทร์ ทะเลสาบทุ่งกุลา ตำบลไพรขลา อำเภอชุมพลบุรี บ้านอาลึโฮมสเตย์ สำผัสวัฒนธรรมองค์กรชาวกูยที่หมู่บ้านอาลึ หมู่ที่ 4 ตำบลสำโรงทาบ อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ หมายเหตุ ชื่อปราสาทและโบราณสถานต่าง ๆ เป็นการกำหนดชื่อเอาเองในภายหลัง สำหรับชื่อ-คำอ่าน (เป็นสำเนียงแบบปัลลวะ หรือสำเนียงของบาลี - สันสฤต ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากเหล่าพราหมณ์/นักบวชจากแถบอินเดียในปัจจุบัน) ที่ถูกต้องและชื่อที่แท้จริงยังต้องค้นคว้าตามจารึกต่าง ๆ ต่อไป โบราณสถาน กลุ่มปราสาทตาเมือน อยู่ที่ ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทภูมิโปน ชื่อที่แท้จริงตามจารึกที่ค้นพบ คือ "กฤตฺชญนคร" เป็นชุมชนขอมโบราณดั้งเดิม ตั้งอยู่ที่ บ้านภูมิโปน ตำบลดม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทสังข์ศิลป์ชัย อยู่ที่ บ้านจาน ตำบลกระเทียม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทหมื่นชัย อยู่ที่ บ้านถนน ตำบลกระเทียม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทเต่าทอง อยู่ที่ บ้านตาโมม ตำบลสะกาด อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทยายเหงา อยู่ที่บ้านสังขะ ตำบลสังขะ อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทบ้านพลวง อยู่ที่ บ้านพลวง ตำบลกังแอน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทบ้านไพล หรือวัดโคกปราสาท อยู่ที่ บ้านปราสาท ตำบลเชื้อเพลิง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ปราสาททนง อยู่ที่ บ้านปราสาททนง ตำบลปราสาททนง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทอังกัญโพธิ์ อยู่ที่ บ้านอังกัญโพธิ์ ตำบลโคกยาง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทโอรงา อยู่ที่ บ้านโคกสะอาด ตำบลเทนมีย์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทเขาพนมสวาย อยู่ที่ในวัดพนมศิลาราม ตำบลนาบัว อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทเมืองที อยู่ที่บ้านเมืองที ตำบลเมืองที อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทบ้านอนันต์ อยู่ที่วัดโพธิญาณ ตำบลยาง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทศีขรภูมิ หรือ ปราสาทบ้านระแงง อยู่ที่บ้านปราสาท ตำบลระแงง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทช่างปี่ อยู่ที่บ้านช่างปี่ ตำบลช่างปี่ อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทนางบัวตูม อยู่ที่บ้านสระถลา ตำบลท่าตูม อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทโนนแท่น อยู่ที่บ้านโพนครก ตำบลโพนครก อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทตาเมือนธม อยู่ที่ ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทตาเมือนโต๊จ อยู่ที่ บ้านหนองคันนา ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทตาเมือน หรือ ปราสาทบายกรีม อยู่ที่บ้านหนองคันนา ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทจอมพระ อยู่ที่บ้านศรีดงบัง ตำบลจอมพระ อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทบ้านตระเปียงเตีย หรือปราสาทระเบียงเตีย อยู่ที่บ้านหนองเกาะ ตำบลลำดวน อำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์ เจดีย์บ้านลำดวน อยู่ที่โรงเรียนบ้านลำดวน ตำบลลำดวน อำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทหมื่นศรีน้อย อยู่ที่บ้านหมื่นศรีกลาง ตำบลหมื่นศรี อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทตามอยหรือปราสาทตามอญ อยู่ที่บ้านปราสาท ตำบลบัวเชด อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ปราสาททอง อยู่ที่บ้านแสรออ ตำบลปราสาททอง อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทแก้ว อยู่ที่บ้านพระปืด ตำบลแร่ อำเภอเขวาสินรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทบ้านสนม (ปราสาทวัดธาตุ) อยู่ที่วัดธาตุ ภายในศาลเจ้าพ่อศรีนครเตาเท้าเธอ (พระเจ้าจินดา) บ้านสนม อำเภอสนม จังหวัดสุรินทร์ สร้างสมัยอาณาจักรขอมเรืองอำนาจประมาณ พ.ศ. 1800 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน พระองค์โปรดให้สร้างที่พักคนเดินทาง และสร้างอโรคยาศาล หรือสถานพยาบาลขึ้นในชุมชนต่าง ๆ มากมาย ปราสาทแห่งนี้มีขนาดโดยประมาณ กว้าง 20 เมตร ยาว 25 เมตร สูงประมาณ 5 เมตร สร้างด้วยศิลาแลงและหินทราย อยู่ในสภาพชำรุดทรุดโทรม เดิมมีต้นไม้ขนาดใหญ่ ประมาณ 2 - 3 โอบ จำนวนมาก ได้แก่ ประดู่ ตะแบก ยาง ตะคร้อ ตาเสือ คำไก่ ซึ่งปราสาทหลังนี้มองจากทุ่งนา นอกบ้านเห็นเด่นชัด บริเวณรอบ ๆ ปราสาทมีสระน้ำเรียงรายทั้งสี่ด้าน ในบริเวณวัด ในบริเวณปราสาท ทางวัดได้รื้อปราสาทลง และก่อสร้างอุโบสถแทน เมื่อ พ.ศ. 2478 และนำชิ้นส่วนปราสาทไปทิ้งไว้ด้านหลังวัด อดีตเคยขุดได้พระพุทธรูปปางต่าง ๆ และเทวรูป ปัจจุบันมี 2 องค์ 1 องศ์ อยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสุรินทร์ และอีก 1 องค์ อยู่ที่ศาลเจ้าพ่อศรีนครเตาท้าวเธอ คาดว่าสร้างสมัยเดียวกับปราสาทจอมพระ แต่รูปร่างเป็นแบบเดียวกันกับปราสาทศีขรภูมิ ปราสาทบ้านธาตุ (วัดโพธิ์ศรีธาตุ) ตั้งอยู่ที่ตำบลธาตุ อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ อยู่ห่างจากอำเภอรัตนบุรี ไปตามเส้นทางสายรัตนบุรี-ศรีสะเกษ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข  2076 ประมาณกิโลเมตรที่ 8 เคยเป็นเมืองเก่าแก่มาแต่โบราณเดิมเป็นเมืองของขอมโบราณ ชื่อว่า “นครธีตา” บ้างก็ว่า “นครจำปา” ซึ่งมีอายุนับได้พันปีมาแล้ว ต่อมาอาจจะมีข้าศึกจากเมืองอื่น ยกทัพมารุกราน ทำลาย หรือเกิดโรคระบาด จนทำให้ผู้คนอพยพหนีจากไป จนกลายเป็นเมืองร้าง ซึ่งมีหลักฐานปรากฏให้เห็นอยู่จนถึงปัจจุบันนี้  คือ 1. กำแพงเมือง คูเมือง ซึ่งเป็นแบบโบราณล้อมรอบบ้านธาตุทางทิศตะวันตกและทิศใต้ 2. บึง หรือหนองน้ำ ซึ่งขุดด้วยมนุษย์ ล้อมรอบบ้านธาตุ ทางทิศเหนือและตะวันออก ( ปัจจุบัน คือ หนองบัว-หัวช้าง หนองเบือก หนองแก หนองกอลอ  ฯลฯ  ) 3. ประตูเมือง ซึ่งเป็นทางเข้า – ออก 4 ด้าน คือ ประตูด้านทิศเหนือ ทิศตะวันออก ทิศใต้ และทิศตะวันตก ตามสภาพที่ปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน 4. เขตพระราชวัง ( โฮง ) ซึ่งเป็นที่อยู่ของเจ้าเมือง ( คือ บริเวณตะวันตกวัดโพธิ์ศรีธาตุในปัจจุบัน ) 5. สถานที่ประกอบศาสนกิจหรือพิธีกรรมตามความเชื่อ คือ  “ วิหาร ” หรือ  “ เจดีย์ ” หรือ “ ธาตุ ” หรือ “ เทวสถาน ”  ( บริเวณวัดโพธิ์ศรีธาตุ ซึ่งได้แก่  ธาตุ หิน ที่ก่อด้วยศิลาแลงหินทราย ในปัจจุบันทางวัดได้ใช้เป็นฐานในการสร้างพระธาตุมณฑป ) นอกจากนี้ ยังมีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบและเป็นเนินดิน มีคูน้ำล้อมรอบและมีหมู่บ้านกระจัดกระจายโดยรอบเป็นทุ่งนากว้าง หมายเหตุ ชื่อปราสาทและโบราณสถานต่าง ๆ เป็นการกำหนดชื่อเอาเองในภายหลัง สำหรับชื่อที่ถูกต้องแท้จริงยังต้องค้นคว้าตามจารึกต่าง ๆต่อไป แหล่งประวัติศาสตร์โบราณคดี ไฟล์:Surin City Pillar Shrine - Surin.jpg|ศาลหลักเมืองสุรินทร์ ไฟล์:Traditional Bung Fai dance.JPG|บุญบั้งไฟ อำเภอรัตนบุรี เป็นงานบุญบั้งไฟที่จัดขึ่นอย่างยิ่งใหญ่ของชาวอำเภอรัตนบุรี และยิ่งใหญ่มากที่สุดในจังหวัดสุรินทร์ ไฟล์:Monument of Phaya Surin Phakdi Si Narong Changwang - Surin.jpg|อนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง (ปุม) เจ้าเมืองสุรินทร์คนแรก ไฟล์:Wat Burapharam - Surin.jpg|วัดบูรพาราม ไฟล์:Prasat Ta Muen Thom-3-HDC.jpg|ปราสาทตาเมือนธม ไฟล์:Prasat Ta Muen Toch-3-HDR.jpg|ปราสาทตาเมือนโต๊ด ไฟล์:น้ำตกไตรคีรี.jpg|น้ำตกไตรคีรี ไฟล์:ห้วยเสนง.jpg|อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ไฟล์:น้ำตกกรูงคลา.jpg|น้ำตกกรูงคลา ไฟล์:เขาศาลา2.JPG|สภาพธรรมชาติอันสวยงามของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ และ พุทธอุทยานเขาศาลาอตุลฐานะจาโร ไฟล์:เขาศาลา.jpg|จุดชมวิวผานางคอย เขาศาลา ไฟล์:ป่าสนหนองคู2.jpg|วนอุทยานป่าสนสองใบหนองคู == บุคคลที่มีชื่อเสียง == === บุคคลในประวัติศาสตร์ === พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง (เชียงปุม) เจ้าเมืองประทายสมันต์ (เมืองสุรินทร์) ต้นตระกูล อินทนูจิตร (พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง (เชียงปุม) เจ้าชาวกูยเมืองประทายสมัน เป็นต้นสกุล “อินทนูจิตร” เนื่องด้วยช่วยราชการสงครามกับรัชกาลที่ 1 (พระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (ทองด้วง) แห่งกรุงรัตนโกสินธุ์ฯ ดำรงยศ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก พิฤกมหิมา ทุกนัครระอาเดช นเรศรราชสุริยวงษ์ องค์อรรคบาทมุลิกากร บวรรัตนบรินายก แห่งกรุงธนบุรี) และพระราชอนุชาไว้มาก ความดีความชอบครั้งสำคัญ ในสงคราม 9 ทัพ ในปี พ.ศ. 2328 จึงได้รับการปูนบำเหน็จอวยยศเป็น “พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง” ในปีถัดมา และมีการเปลี่ยนชื่อเมืองประทายสมันเป็น “เมืองสุรินทร์” เพื่อเป็นเกียรติยศพิเศษแด่ท่าน ซึ่งราชทินนาม ณรงค์ แปลว่าสงคราม จางวาง คือข้าราชการชั้นสูงในกรมมหาดเล็กรับใช้เจ้านายชั้นบรมวงศ์หรือเจ้านายที่ทรงกรม ซึ่งท่านมาจากเมืองสุรินทร์เมืองช้างโดยเชี่ยวชาญด้านคชศาสตร์เป็นพิเศษ พระสังฆะบุรีศรีนครอัจจะ (เชียงฆะ) เจ้าเมืองสังฆะ พระศรีนครเตาท้าวเธอ (เชียงสี หรือตากะอาม) เจ้าเมืองเมืองรัตนบุรี พระไกรภักดีศรีนครลำดวน (ตากะจะ) เจ้าเมืองขุขันธ์ พระยาศีขรภูมิมานุรักษ์ (หลวงไชยสุริยงค์) เจ้าเมืองศีขรภูมิ (รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เลื่อนบรรดาศักดิ์ เป็นพระยาศีขรภูมิมานุรักษ์ และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็น ศีขรภูมิพิสัย) พระยาภักดีพัฒยากร (ท้าวอุทา) เจ้าเมืองสนม === พระภิกษุสงฆ์ / พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ === พระราชาคณะเจ้าคณะรอง พระสาสนโสภณ (โกศล สิรินฺธโร) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 8 (ธรรมยุต) อดีตเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดาวรวิหาร จังหวัดนครราชสีมา พระพรหมวชิรโมลี (ทองอยู่ ญาณวิสุทฺโธ), ดร. (ป.ธ.9, พธ.ด.) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 (นครราชสีมา, บุรีรัมย์, ชัยภูมิ, สุรินทร์)และเจ้าอาวาสพระอารามหลวงวัดศาลาลอย จังหวัดสุรินทร์ พระราชาคณะชั้นธรรม พระธรรมมหาวีรานุวัตร (อำนวย จนฺทสโร) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ ฝ่ายมหานิกาย อดีตเจ้าอาวาสวัดคลองโพธิ์ พระราชาคณะชั้นเทพ พระเทพสุทธาจารย์ (โชติ คุณสมฺปนฺโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดวชิราลงกรณวรารามวรวิหาร อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา (ธ) พระเทพสิทธิญาณรังสี (จันทร์ คเวสโก) หรือ "หลวงตาจันทร์" อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าชัยรังสี อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร พระเทพรัตนดิลก (วิจิตร) จร.วัดศาลาลอย ธ./นครราชสีมา พระเทพมงคลวัชราจารย์ (เหลือง ฉนฺทาคโม) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์(ธรรมยุต) อดีต จร.วัดกระดึงทอง ธ./บุรีรัมย์ พระเทพวชิรญาณโสภณ (เยื้อน ขนฺติพโล) เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ธ) เจ้าอาวาสวัดเขาศาลาอตุลฐานจาโร อำเภอบัวเชด พระราชาคณะชั้นราช พระราชวุฒาจารย์ (ดูลย์ อตุโล) พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง ศิษย์พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต) พระราชวิสุทธิธรรมรังษี (เปลี่ยน โอภาโส) (ธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดโยธาประสิทธิ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดกะทมวนาราม พระราชสิทธิโกศล (เทพ นนฺโท) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ม) และอดีตเจ้าอาวาสวัดกลางสุรินทร์ พระราชวิสุทธินายก (บุญเรียด พุทฺธวํโส) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ธ) และอดีตเจ้าอาวาสวัดไตรรัตนาราม พระราชวรคุณ (สมศักดิ์ ปณฺฑิโต) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ธ) อดีตเจ้าอาวาสพระอารามหลวงวัดบูรพาราม พระอารามหลวง เฉลิมพระเกียรติ พระราชมุกดาหารคณี (ยอด) จล.วัดศรีมงคลใต้/มุกดาหาร พระราชวราจารย์ (วิวัฒน์ จิณฺณธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดบวรมงคล(ธรรมยุติ) พระราชสุตาลังการ (ฉัตต์ สจฺจวโร) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (มหานิกาย) เจ้าอาวาสวัดพรหมสุรินทร์ พระราชวิมลโมลี (มานพ ปิยสีโล) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ , ดร. (ป.ธ.9, พธ.บ., อ.ม.,พธ.ด.) เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ม) และผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงวัดศาลาลอย จังหวัดสุรินทร์ พระราชมงคลวัชรินทร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง เจ้าอาวาสวัดโพนทอง พระราชาคณะชั้นสามัญ พระคุณรสศีลขันธ์ (เปาว์ มุตฺตจาโค/กฤชทอง) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ม) และอดีตเจ้าอาวาสวัดจุมพลสุทธาวาส พระโพธิธรรมาจารย์เถร (สุวัจน์ สุวโจ) อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าเขาน้อย (ธ) ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ พระประภากรคณาจารย์ (เดื่อ ปภากโร) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ม) พระโพธินันทมุนี วิ.(พนมศักดิ์ พุทุธญาโน), ดร. เจ้าอาวาสวัดป่าพุทธคยา (ธ) ตำบลพุทธคยา เมืองคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย พระมงคลรังษี (สุวัฒน์ จนฺทสุวณฺโณ) หรือหลวงปู่ธรรมรังษี อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทพนมดิน อำเภอท่าตูมพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง พระสิทธิการโกศล (เมธ ปญฺญาวโร) (ป.ธ.5, น.ธ.เอก) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ และอดีตเจ้าอาวาสวัดปราสาท อำเภอศีขรภูมิ พระพิมลพัฒนาทร (พวน วรมงฺคโล) พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง แห่งวัดมงคลรัตน์ อำเภอเมืองสุรินทร์ พระรัตโนภาสวิมล (ชาลี โชติธมฺโม) อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ม) และอดีตเจ้าอาวาสวัดกลางรัตนบุรี อำเภอรัตนบุรี พระเมธีธรรมสาร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงวัดบวรมงคลราชวรวิหาร (ธ) แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร พระศรีรัตนโมลี (สมคิด สุรเตโช) (ป.ธ.9) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงวัดราชสิทธาราม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร พระปริยัติวรคุณ (สุคนธ์ คนฺธวํโส) (น.ธ.เอก, ป.ธ.6) อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์รูปที่ 2 (ม) และอดีตรองเจ้าอาวาสวัดกลางสุรินทร์ พระศรีปริยัติวิมล (ตึ๋ง) เจ้าอาวาสพระอารามหลวงวัดคลองโพธิ์/อุตรดิตถ์ พระปิฎกคุณาภรณ์ (สวี) จล.วัดมงคลทับคล้อ/พิจิตร พระศรีโพธิวิเทศ (สุพจน์) จร.วัดไทยลุมพินี/ประเทศเนปาล พระครูสัญญาบัตร พระครูปรีชาวชิรธรรม (วิเชียร สุวชิโร),ดร.(ป.ธ.5,น.ธ.เอก)ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดวชิราลงกรณวรารามวรวิหารเจ้าคณะตำบลปากช่องเขต3(ธรรมยุต) พระครูวิมลขันติธรรม (อภิสิทธิ์ ขนฺติสาโร) อดีตรองเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (ม) อดีตเจ้าอาวาสวัดจุมพลสุทธาวาส พระครูบรรณสารโกวิท (แป สุปญฺโญ) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอเมืองสุรินทร์-กิ่งอำเภอเขวาสินทร์ อดีตเจ้าอาวาสวัดกลางสุรินทร์ พระครูปัญญาวุฒิสุนทร (คุน ปญฺญาวุฑฺโฒ) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอเมืองสุรินทร์ อดีตเจ้าอาวาสวัดแสงบูรพา ตำบลสวาย อำเภอเมืองสุรินทร์ พระครูปราสาทพรหมคุณ (หงษ์ พรหมปญฺโญ) พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง แห่งวัดเพชรบุรี และที่พำนักสงฆ์สุสานทุ่งมน อำเภอปราสาท พระครูวิสุทธิ์กิติญาณ (คีย์ กิติญาโณ) พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง แห่งวัดศรีลำยอง อำเภอปราสาท พระครูอุดมวรเวท (เจียม อติสโย)พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง แห่งวัดอินทราสุการาม ตำบลกระเทียม อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ พระครูพิพิธประชานาถ (นาน สุทธสีโล) พระสงฆ์นักพัฒนา เจ้าอาวาสวัดสามัคคี บ้านท่าสว่าง ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ พระครูสุภัทรโพธิคุณ (เผือก สุภทฺโท) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอท่าตูม และอดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ชัยบ้านหมากมี่อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ พระครูอนุวัตปัญญาภรณ์ (หาด ปญฺญาวโร) ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภออำเภอเมืองสุรินทร์,เจ้าอาวาสวัดหนองบัว พระครูคัมภีรธรรมวิสุทธิ์ (ทองคำ คมฺภีโร) เจ้าคณะตำบลระแงง เจ้าอาวาสวัดป่าเทพประทาน อำเภอศีขรภูมิ พระครูบุญสิริโสภณ (บุญศรี ปารคามี) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอสนม อดีตเจ้าคณะอำเภอสนม พระครูปริยัติกิจธำรง (สมหวัง อคฺคเสโน) เจ้าอาวาสวัดกลางสุรินทร์ และรองเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายมหานิกาย พระครูปทุมสังฆการ (สุพรรณ ฐิตปญฺโญ),ดร. เจ้าอาวาสวัดประทุมเฆม และเจ้าคณะอำเภอเมืองสุรินทร์ พระครูอาภัสร์ธรรมคุณ (บุญรอด อาภสฺสโร) พระเกจิชื่อดัง แห่งวัดโคกกรม อำเภอพนมดงรัก พระครูโสภณธรรมาภิมณฑ์ (วิรัติ โสภณสีโล) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงวัดยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร อดีตรักษาการเจ้าอาวาสวัดอาม็อง ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ พระครูวิกรมสมาธิวัตร (จรัญ จนฺทสีโล) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ประทับช้าง ตำบลโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง จังหวัดพิจิตร พระครูรัตนโสภณ (สุรัฐ สิริปุญโญ) เจ้าอาวาสวัดนายโรง ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร พระครูเกษมวิริยคุณ (มี เขมจาโร) อดีตเจ้าคณะตำบลทุ่งกุลา อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ และอดีตเจ้าอาวาสวัดศาลาลอยบ้านยางกระจับ ตำบลพรมเทพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ พระครูพิพิธวรการ (บัณฑิต อคฺควณฺโณ) เจ้าอาวาสวัดป่าห้วยเสนง ตำบลหนองใหญ่ อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ และที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอปราสาท พระภิกษุสงฆ์/พระเปรียญธรรม/พระฐานานุกรม หลวงปู่สี ฉนฺทสิริ อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาถ้ำบุญนาค จังหวัดนครสวรรค์ พระครูปลัดวชิรโสภณญาณ (ศิลา สิริจนฺโท) ธรรมอุทยานหลวงปู่ศิลา สิริจนฺโท ป.(เปรียญ) เลขที่193 หมู่ที่5 บ้านแกเปะ ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ พระมหาเจริญสุข คุณวีโร ป.ธ.9 เจ้าอาวาสวัดศรีวิหารเจริญ อำเภอศีขรภูมิ และรองเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ (มหานิกาย) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พระมหาวิศิต ธีรวํโส ป.ธ.9 เจ้าคณะอำเภออำเภอพนมดงรัก (มหานิกาย) พระครูวินัยธรสมุทร ถาวรธมฺโม, ผศ.ดร.อดีตรักษาการผู้อำนวยการวิทยาลัยพระธรรมทูต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พระครูสรการธีรคุณเจ้าอาวาสวัดป่าธรรมวงศาราม === ข้าราชการ === นายเสนอ มูลศาสตร์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พลตำรวจตรี ชัยทัต อินทนูจิตร (เชื้อสายพระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง (เชียงปุ่ม) อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส หนองบัวลำภู และสุรินทร์ ดำรงตำแหน่งคณะทำงานรัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายประสงค์ จักรคำ อดีตผู้ตรวจราชการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ นายพงษ์ศักดิ์ นาคประดา อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ยโสธร กาฬสินธุ์ สุรินทร์ และอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร พันโทสุธี สุขสากล กรมทหารสื่อสาร กองทัพบก กระทรวงกลาโหม นายสัตวแพทย์ ภัทรพล มณีอ่อน (หมอล็อต) นายสัตวแพทย์ชำนาญการ ประจำกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม === นักการเมือง === นายชัย ชิดชอบ อดีตประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร นายพิศาล มูลศาสตรสาทร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม นายสมบัติ ศรีสุรินทร์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีต ส.ส.สุรินทร์เขต7 พรรคเพื่อไทย นายกำชัย เรืองกาญจนเศรษฐ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายเกษม รุ่งธนเกียรติ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศุภรักษ์ ควรหา อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางฟารีดา สุไลมาน อดีตรองโฆษกกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายแพทย์อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดสุรินทร์, อดีตรองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.สุรินทร์ เขต 1 พรรคภูมิใจไทย นางปิยะดา มุ่งเจริญพร อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย นายคุณากร ปรีชาชนะชัย อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย นายตี๋ใหญ่ พูนศรีธนากูล อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ แอกทอง อดีต ส.ส.สุรินทร์ เขต 8 พรรคเพื่อไทย นายอธิวัฒน์ บุญชาติ โฆษกพรรคความหวังใหม่ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พลตำรวจเอกเพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย,รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (รองนายกรัฐมนตรี ภูมิธรรม เวชยชัย) ===นักธุรกิจ=== พงศ์ปรีชา กิตติพันธ์เมธี (ดีเจซาบะ) เจ้าของกิจการหนังกลางแปลงชื่อดัง นันทวันภาพยนตร์ สุรินทร์,นายกสมาคมหนังกลางแปลงแห่งประเทศไทย === นักกีฬา === บัวขาว บัญชาเมฆ เป็นนักมวยไทยกูยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ประสิทธิ์ แดงดา โค้ชทีมฟุตบอลไทยหลายทีม และเป็นบิดาของธีรศิลป์ แดงดา สิโรจน์ ฉัตรทอง เป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย ฤทธิชัย เกียรติประภัสร์ นักมวยสากลชาวไทย อนุสรณ์ ศรีชาหลวง เป็นนักฟุตบอลชาวไทย ของสโมสรเมืองทอง-หนองจอก ยูไนเต็ด สิงห์มณี แก้วสัมฤทธิ์ เป็นนักมวยไทยชาวไทยที่มีชื่อเสียง อิกคิวซัง ก.รุ่งธนเกียรติ เป็นนักมวยไทยชาวไทยที่มีชื่อเสียง ปวีณา ทองสุก นักยกน้ำหนักหญิงทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองจากโอลิมปิกฤดูร้อน 2004 ที่ประเทศกรีซ บุญมี บุญรอด เป็นนักฟุตบอลชาวไทย ปัจจุบันเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทย ในไทยพรีเมียร์ลีก พนิดา คำศรี นักยกน้ำหนักหญิงทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองจากซีเกมส์ 2011 ที่ประเทศอินโดนีเซีย สินธุ์เพชร กรวยทอง นักยกน้ำหนักชายทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองแดงจากโอลิมปิก 2016 ที่ประเทศบราซิล ศิริภุช กุลน้อย นักยกน้ำหนักหญิงทีมชาติไทย เข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2016 ที่ประเทศบราซิล === ผู้กำกับ/นักแสดง/ผู้ดำเนินรายการ === ศักดิ์ชาย ดีนาน ผู้กำกับภาพยนตร์ สุรางคณา สุนทรพนาเวช นักแสดง/พิธีกร อดีตรองนางสาวไทย 2534 ทัชชกร ยีรัมย์ (จา พนม) นักแสดงภาพยนตร์โลดโผน/ตัวแสดงเสี่ยงแทน เกศรินทร์ น้อยผึ้ง นักแสดง/นางแบบ พ.ต.ท.หญิง พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล พิธีกร/นักแสดง อรอุมา เกษตรพืชผล ผู้ประกาศข่าว/พิธีกร คมภิญญ์ เข็มกำเนิด ผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชัน พัฒนะชัย อดิเรก แจ็คเกอรีน ทีวีพูล ผู้สื่อข่าวบันเทิง พิธีกร ดีเจ สุภาพชาย บุตรจันทร์ พิธีกร อธิวัฒน์ บุญชาติ พิธีกร ทีวีดาวเทียม ช่อง 13 สยามไท. ฉวีวรรณ บุญปรก อดีตวงสมาชิก สามบอมบ์ อดีตนางงามสุรินทร์ และดารานักแสดง โสภิตา เลิศจงกล (บักเป้า) อดีตขวัญใจช่างภาพ การประกวดนางสาวไทยประจำปี 2537 นายแพทย์ฤทธ ปกกฤตหริบุญ นายแพทย์/ผู้กำกับภาพยนตร์ === บุคคลทางศิลปะวัฒนธรรม === ครูบาพืด (ครูบาใหญ่) บุญมา แสนดี ปราชญ์หมอช้างเมืองสุรินทร์ พ่อหมอเฒ่าชาวกูย ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ นายหมิว ศาลางาม ปราชญ์หมอช้างเมืองสุรินทร์ พ่อหมอเฒ่าชาวกูย (ตำแหน่งหมอสดัม) ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ เป็นผู้ประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับการเซ่นศาลปะกำ และพ่อหมอเฒ่า คนจับช้างป่ารุ่นสุดท้ายแห่ง “สุรินทร์” นายบุญเรือง คัชมาย์ ผู้เชี่ยวชาญทางศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและผู้เชี่ยวชาญด้านเขมรศึกษา นายวีรธรรม ตระกูลเงินไทย ผู้เผยแพร่ผ้าไหมสุรินทร์ ผ้าไหมเอเปค นางแก่นจันทร์ นามวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญทางศิลปการแสดงท้องถิ่น นายอธิวัฒน์ บุญชาติ ผู้ก่อตั้งชุมชนบ้านสันปันน้ำ ชายแดนพนมดงรัก สุรินทร์. นายเพชร เชิดกลิ่น ศิลปินและจิตรกรผู้มีฝีมือทางด้านงานจิตรกรรม พูน สามสี ศิลปินกันตรึม /ปราชญ์ท้องถิ่นด้านประดิษฐ์เครื่องดนตรี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วีราวรรณ ศรีตะลานุคค์ ทูตวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ ปี พ.ศ. 2564 === บุคคลทางการศึกษา === วัลลภ ตังคณานุรักษ์ หรือ ครูหยุย กรรมการเลขาธิการ มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก พระมหามงคลกานต์ ฐิตธมฺโม กลางพนม ปธ.9, พธ.บ.(ปรัชญา, เกียรตินิยมอันดับ 1), พธ.ม.(ปรัชญา, วิทยานิพนธ์ดี), ศน.ด.(พุทธศาสนาและปรัชญา, วิทยานิพนธ์ยอดเยี่ยม) ดร. อาจารย์ประจำภาควิชาศาสนาและปรัชญา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย อยุธยา เจ้าของตำแหน่งจบปริญญามากสาขา ที่สุดในประเทศไทย ถึง 15 สาขา ผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมอีสานตอนล่างและไทยคดีศึกษา นักคิด นักเขียน ผู้รอบรู้ในทุกวงการ กมลนาวิน อินทนูจิตร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ผู้ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษาหน่วยงานรัฐทางด้านสิ่งแวดล้อม === นักร้อง/นักดนตรี === สุรชัย จันทิมาธร (หงา คาราวาน) นักร้องนำ/ผู้ก่อตั้งวงคาราวาน/นักแต่งเพลง/นักแสดง เกริกกำพล ประถมปัทมะ หรือ อ๊อด คาราบาว ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต / เครื่องดนตรี กีตาร์, เบส แต้ ศิลา นักร้องเพลงร่วมสมัยชาวกูย เช่น เพลงไฮมักมวง ฯลฯ เฉลิมพล มาลาคำ นักร้อง นักแต่งเพลงหมอลำที่มีชื่อเสียง หัวหน้าวงดนตรีคณะ "เฉลิมพล มาลาคำ" นุช วิลาวัลย์ อาร์สยาม นักร้องลูกทุ่งหมอลำ ศรวณี โพธิเทศ นักร้องหญิงของวงดนตรีสุนทราภรณ์ น้ำผึ้ง เมืองสุรินทร์ นักร้องเพลงพื้นบ้านกันตรึม วงวรมันต์ วงเจ้าของเพลงคนสุรินทร์เหลา นายสมชาย คงสุขดี หรือ "ดาร์กี้กันตรึมร๊อค" ศิลปินเพลงพื้นบ้าน/ปราชญ์ท้องถิ่น /นักแต่งเพลง นายพิสิฐพงศ์ กิ่งแก้ว หรือ ไม้ พิสิฐพงศ์ กิ่งแก้ว ศิลปินลูกทุ่งเพื่อชีวิต / นักแต่งเพลง กันตรึมคณะพรอีสาน กันตรึมวงสมานชัย เจน สายใจ กันตรึม ป๊อบปี้ ปรัชญาลักษณ์ โชติวุฒินันท์ นักร้องลูกทุ่งสังกัดค่ายยุ้งข้าว เรคคอร์ด ชนะเลิศการประกวดรายการไมค์ทองคำ ครั้งที่ 4 จตุรพัฒน์ สุรชาติ นักร้องนำวง TAKALOX สังกัดค่ายเพลง SRP LABLE มอส รัศมี เสน่หา นักร้องค่ายซาวด์มีแฮง เพลง สมใจอ้ายแล้วบ่ ร็อคคงคย สลัก ศิลาทอง (นักร้องเพลงหมอลำ-กันตรึม) วงรินดาราส (Rin DaRast) ดอย อินทนนท์ (นักแต่งเพลง) ซูนิตี้ Sunity (วงไอดอล) สังกัดArt of Entertainment สุดารัตน์ พรประถม (เอม) (นักร้องหมอลำสาวแห่งคณะประถมบันเทิงศิลป์) นภาพร พรประถม (แอน) (อดีตนักร้องหมอลำสาวแห่งคณะประถมบันเทิงศิลป์) (เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถรถกระบะคว่ำโดยคนขับหลับใน ขณะเดินทางไปยังจังหวัดนครราชสีมา บริเวณกิโลเมตรที่ 134/400 มุ่งหน้าสู่ อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2566 เวลา 06.10 น.) === ศิลปินแห่งชาติ === สุรชัย จันทิมาธร หรือ หงา คาราวาน ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2553 สาขาวรรณศิลป์ และนักร้องนำ/ผู้ก่อตั้งวงคาราวาน/นักแต่งเพลง/นักแสดง รองศาสตราจารย์เข็มรัตน์ กองสุข ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2555 สาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) และเป็นภาควิชาประติมากรรม คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร == อ้างอิง == http://www.industry.go.th/ops/pio/surin/Page/home.aspx หนังสือเฉิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหัวเรื่องวัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญาจังหวัดสุรินทร์ พิมพ์ครั้งที่ 1 2544 == ดูเพิ่ม == รายชื่อวัดในจังหวัดสุรินทร์ รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดสุรินทร์ รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดสุรินทร์ คณะสงฆ์จังหวัดสุรินทร์ == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด สำนักงานสถิติจังหวัดสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ - อีสานร้อยแปด ที่ดินสุรินทร์
thaiwikipedia
1,978
อัตถิภาวนิยม
อัตถิภาวนิยม (existentialism, หรือ ) คือ แนวคิดทางปรัชญาที่พิจารณาว่าปัจเจก ตัวตน ประสบการณ์ของปัจเจกแต่ละคน ในมุมมองของนักอัตถิภาวนิยม จุดเริ่มต้นของบุคคลหนึ่งคือ "ความทุกข์ที่มีอยู่" หรือความรู้สึกสับสน, มึนงง หรือความวิตกกังวลในการเผชิญหน้ากับโลกที่ไร้ความหมาย หรือแอบเซอร์ดิสม์ (Absurdism) แนวคิดหลักของอัตถิภาวนิยมในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองถูกพัฒนาโดยฌ็อง-ปอล ซาทร์ซึ่งได้อิทธิพลมาจากฟิโอดอร์ ดอสโตเยฟสกีกับมาร์ทีน ไฮเด็กเกอร์ ปรัชญาแนวนี้โดยทั่วไปจะแสดงให้เห็นถึงความคิดในอิสรภาพ และยอมรับในผลสืบเนื่องจากการกระทำของปัจเจก และยังคิดว่าปัจเจกจะต้องรับผิดชอบกับทางเลือกที่ได้เลือกไว้ด้วย นักคิดแนวอัตถิภาวนิยมนั้นให้ความสำคัญกับอัตวิสัย (subjectivity) และมองว่ามนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ดำเนินชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ และมักเต็มไปด้วยความไม่ชัดเจน ==รากศัพท์== คำว่า “อัตถิภาวะ” สารานุกรมปรัชญา กล่าวไว้ว่า มาจากศัพท์มคธ อัตถิ = เป็นอยู่ + ภาวะ = สภาพ ตรงกับศัพท์ภาษาอังกฤษ existence ซึ่งแปรรูปมาจากศัพท์ภาษาละตินว่า existential (ex = จาก + stare = ยืน ) แปลว่า ความมีอยู่ ==คำอธิบาย== สารนุกรมปรัชญาให้คำอธิบายถึงแนวคิดนี้ว่า "เป็นลัทธิที่ถือว่าการค้นคว้าหาสารัตถะ ทำให้ผู้คิด ออกจากความเป็นจริง ความเป็นจริงที่แท้ก็คือ 'อัตถิภาวะ' ของแต่ละบุคคลซึ่งมีสิ่งแวดล้อมและสภาพซึ่งตนเองได้สะสมไว้โดยการตัดสินใจเลือก" นักปรัชญาที่สำคัญของลัทธินี้เช่น เซอเรน เคียร์เคอกอร์ (Søren Kierkegaard), คาร์ล แจสเปอร์ส (Karl Jaspers), มาร์ทีน ไฮเด็กเกอร์ (Martin Heidegger), ฌ็อง-ปอล ซาทร์ (Jean-Paul Sartre) และ เกเบรียล มาร์เซล (Gabriel Marcel) นักปรัชญาอัตถิภาวนิยมไม่ตั้งใจเสนอคำสอนให้ใครยอมรับเป็นสัจธรรม แต่เสนอเพื่อปลุกใจและกระตุ้นให้ผู้อ่านคิดสร้างปรัชญาของตนขึ้นมาเอง มีวิธีการมองเห็นปัญหาของตนเอง และมีวิธีการหาคำตอบให้แก่ตนเอง รวมความว่าผู้เขียนปรัชญาอัตถิภาวนิยมเขียนอย่างเป็นตัวของตัวเอง เพื่อให้ผู้อ่านรู้จักเป็นตัวของตัวเองด้วย ==อ้างอิง== ===อ้างอิง=== ===บรรณานุกรม=== Albert Camus: Lyrical and Critical Essays. Edited by Philip Thody (interviev with Jeanie Delpech, in Les Nouvelles littéraires, November 15, 1945). p. 345. ==อ่านเพิ่ม== Cattarini, L.S. (2018) Beyond Sartre and Sterility: Surviving Existentialism (Montreal: contact argobookshop.ca) Fallico, Arthuro B. (1962). Art & Existentialism. Englewood Cliffs, N.J.: Prentice-Hall. ขบวนการทางปรัชญา จริยศาสตร์ อัตถิภาวนิยม อภิปรัชญา สมัยใหม่นิยม
thaiwikipedia
1,979
สายรัดข้อมือ
สายรัดข้อมือ มักมีลักษณะเป็นวงที่ทำจากพลาสติก หรือกระดาษมัน ที่ใช้เพื่อรัดหรือคาดที่บริเวณแขน สายรัดเหล่านี้มักทำให้ไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ เพื่อใช้เป็นเครื่องหมายประจำตัว หรือใช้เพื่อเป็นการประกาศความเชื่อหรือสนับสนุนองค์กรการกุศลต่าง ๆ == สายรัดข้อมือซิลิโคน == ต้นปีพ.ศ. 2548 สายรัดข้อมือซิลิโคนได้กลายเป็นเครื่องประดับที่ได้รับความนิยม ที่องค์กรการกุศลนำมาเพื่อหาเงินบริจาค สายรัด Livestrong เป็นแบบแรกที่ออกมา ผ่านทางการริเริ่มโดยแลนซ์ อาร์มสตรองนักปั่นจักรยาน จากนั้นก็ได้มีออกมาอีกหลายแบบ ในเมืองไทยสายรัดข้อมือ เริ่มเป็นที่นิยมในช่วงต้นปี พ.ศ. 2548 โดยที่ราคาของสายรัดข้อมือบางชนิดมีค่าสูงประมาณ 1 พันบาท และได้หมดความนิยมในช่วงกลางปี พ.ศ. 2548 แต่ในปัจจุบันได้รับความนิยมในการผลิตเพื่องาน แสดงสินค้า ของที่ระลึกสำหรับองค์กร ต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีต้นทุนต่อชิ้นทึ่ถูก ซึ่งวิธีการผลิตสายรัดข้อมือ นั้นมีหลายหลายวิธี ส่วนใหญ่นั้นสายรัดข้อมือจะมีการผลิตจาก ยาง ซิลิโคน Rubber หลากหลายเกรด วีธีการขึ้นลายบนสายรัดข้อมือนั้น ในการผลิตจำนวนมากจะใช้การทำบล็อกในการขึ้นสินค้ามีข้อดีคือความคมชัดของลวดลายบนสายรัดข้อมือ และอีกวิธีในการทำลวดลายบนสายรัดข้อมือนั้น คือ การใช้เลเซอร์ในการแกะสลักข้อความบนสายรัดข้อมือ ซึ่งสามารถทำได้ในจำนวนน้อยต่อแบบ ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้บริโภค เพราะสามารถทำสายรัดข้อมือได้ตามความต้องการในจำนวนที่ไม่มาก อีกทั้งบางบริษัทยังสามารถ ใส่หมายเลยเลขโค๊ดเฉพาะสำหรับสายรัดข้อมือแต่ละอันได้ด้วย ==ประเภท== == อ้างอิง == เครื่องแต่งกาย
thaiwikipedia
1,980
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (เกิด 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2504) ชื่อเล่น หน่อย เป็นนักการเมืองสตรีชาวไทย ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย และประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีเคยดำรงตำแหน่งสำคัญทั้งในรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร และ ชวน หลีกภัย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 26 และเคยร่วมประท้วงในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ == ประวัติ == สุดารัตน์เกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2504 เป็นบุตรของสมพล เกยุราพันธุ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา และเรณู เกยุราพันธ์ สุดารัตน์สมรสกับสมยศ ลีลาปัญญาเลิศ นักธุรกิจชาวไทย มีบุตรชาย 2 คน และบุตรหญิง 1 คน ดังนี้ ภูมิภัทร ลีลาปัญญาเลิศ (บอส) พีรภัทร ลีลาปัญญาเลิศ (เบสท์) ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ (จินนี่) สุดารัตน์จบมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านการตลาด จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Shi 41) และระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ (MBA จาก GIBA) สำเร็จการศึกษาปริญญาเอก พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาพระพุทธศาสนา จากบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และได้รับปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ปริญญาเอกกิตติมศักดิ์เชิดชูเกียรติคุณ) สาขาวิชาพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม จากสภามหาวิทยาลัยนครพนม == การเมือง == สุดารัตน์เข้าสู่แวดวงการเมืองครั้งแรกในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2535 ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 12 พรรคพลังธรรม (บางเขน, หลักสี่, ดอนเมือง, สายไหม, มีนบุรี, หนองจอก, คลองสามวา) ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งกรุงเทพมหานคร ต่อมาในปลายปีเดียวกันได้มีการเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง สุดารัตน์ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 7 พรรคพลังธรรม (ลาดพร้าว, วังทองหลาง, บางกะปิ, บึงกุ่ม, คันนายาว, สะพานสูง) และได้รับการแต่งตั้งเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของชวน หลีกภัย สมัยที่ 1 หรือ รัฐบาลชวน 1/1 ในปี พ.ศ. 2537 สุดารัตน์ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการพรรคพลังธรรม และได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลของชวน หลีกภัย หรือรัฐบาลชวน 1/2 ต่อมาได้จัดให้มีการเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2538 สุดารัตน์ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 7 พรรคพลังธรรม (บางกะปิ, บึงกุ่ม, วังทองหลาง, คันนายาว, สะพานสูง) และได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลของนายบรรหาร ศิลปอาชา หรือรัฐบาลบรรหาร 1 จนกระทั่งมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรและมีการเลือกตั้งในปีถัดมา ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2539 สุดารัตน์ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 7 (บางกะปิ, บึงกุ่ม, วังทองหลาง, คันนายาว, สะพานสูง) โดยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสังกัดพรรคพลังธรรม เพียงคนเดียวในสภาฯ ต่อมาเธอได้ลาออกจากพรรคพลังธรรมและย้ายไปสังกัดพรรคไทยรักไทย รวมทั้งได้รับแต่งตั้งเป็นรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544 สุดารัตน์ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคไทยรักไทย และได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดูแลรับผิดชอบงานนโยบายสำคัญของรัฐบาลพันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร (ยศขณะนั้น) คือ นโยบายสามสิบบาทรักษาทุกโรค ต่อมาปี 2548 ได้รับเลือกตั้งอีกสมัย และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จนกระทั่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี (30 พ.ค. 50 -30 พ.ค. 55) เนื่องจากเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 ภายหลังพ้นกำหนดถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง สุดารัตน์ได้เข้ารับตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โดยในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 สุดารัตน์เป็นบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย พร้อมกับชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และชัยเกษม นิติสิริ รวมทั้งได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 2 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพึงมีตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ต่อมาเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 สุดารัตน์ลาออกจากพรรคเพื่อไทย โดยระบุเหตุผล 3 ประการ ได้แก่ 1. ความไม่ชัดเจนเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร 2. มีการตั้งกรรมการและอนุกรรมการโดยกีดกันทีมของเธอ และ 3. การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ที่ไม่อนุญาตให้เธอลงพื้นที่ช่วยหาเสียง จากนั้นในปี พ.ศ. 2564 ได้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย และดำรงตำแหน่งประธานพรรค ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2565 โดยในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2566 สุดารัตน์เป็นบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่อยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคไทยสร้างไทย พร้อมกับสุพันธุ์ มงคลสุธี และศิธา ทิวารี รวมทั้งได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และได้รับเลือกตั้ง โดยเป็น สส. ระบบบัญชีรายชื่อคนเดียวของพรรคไทยสร้างไทยในสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 26 แต่สุดารัตน์ทำหน้าที่ สส. เพียงแค่ 1 ครั้ง คือในการประชุมครั้งแรกเพื่อเลือกประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร หลังจากนั้นก็ได้ประกาศลาออกจาก สส. เพื่อเปิดโอกาสให้คนอื่นในพรรคได้ขึ้นมาทำหน้าที่แทน === สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร === การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย มีนาคม พ.ศ. 2535 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขต 12 สังกัดพรรคพลังธรรม การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป กันยายน พ.ศ. 2535 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขต 7 สังกัดพรรคพลังธรรม การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2538 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขต 7 สังกัดพรรคพลังธรรม การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2539 จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขต 7 สังกัดพรรคพลังธรรม การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2544 แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคไทยรักไทย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคไทยรักไทย การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคไทยสร้างไทย == บทบาททางสังคม == สุดารัตน์ ได้จัดตั้งมูลนิธิผู้หญิงเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มผู้หญิงกับการเมือง เมื่อปี พ.ศ. 2536 ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นสถาบันผู้หญิงกับการเมือง (เพื่อส่งเสริมให้ผู้หญิงได้มีความรู้ความเข้าใจในการเมือง ที่ถูกต้อง และสนใจเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองมากขึ้น) และในปี พ.ศ. 2541 ได้จัดตั้งโครงการ “ไทยพึ่งไทย” เพื่อช่วยเหลือผู้หญิงที่ตกงานให้สามารถสร้างงานสร้างอาชีพของตนเองได้ในยามที่ประเทศกำลังประสบกับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ปี พ.ศ. 2554 สุดารัตน์ รับแต่งตั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการโครงการ “หนึ่งใจ...ช่วยเหลือผู้ประสบภัย และสู้ภัยพิบัติแห่งชาติ” ของมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ประธานกรรมการมูลนิธิไทยพึ่งไทย ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการสถาบันสร้างไทย == รางวัลเชิดชูเกียรติคุณ == สภามหาวิทยาลัยนครพนมได้อนุมัติปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ (ปริญญาเอกกิตติมศักดิ์เชิดชูเกียรติคุณ) สาขาวิชาพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม มอบให้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ == เครื่องราชอิสริยาภรณ์ == ==ลำดับสาแหรก== == อ้างอิง == โปรดเกล้า3รัฐมนตรี "ณัฐ"ม้ามืดซิวรมต.กีฬาฯ == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ บุคคลจากจังหวัดพระนคร ชาวไทยเชื้อสายแคะ พุทธศาสนิกชนชาวไทย สกุลเกยุราพันธุ์ คุณหญิง นักการเมืองสตรีชาวไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยแบบบัญชีรายชื่อ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พรรคพลังธรรม นักการเมืองพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย นิสิตเก่าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บุคคลจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ผู้ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยนครพนม ผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช. ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม. ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ป.ภ. ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จ.จ. หัวหน้าพรรคการเมืองในประเทศไทย
thaiwikipedia
1,981
เลื่อยวงเดือน
เลื่อยวงเดือน เป็นเครื่องจักรพื้นฐานสำหรับช่างเครื่องเรือนอย่างหนึ่ง สามารถทำงานได้หลายอย่าง เช่น เลื่อยตัด เลื่อยซอย บังใบ ตัดเข้ามุม ตัดเรียวและทำเดือยแบบต่างๆ อีกมาก ซึ่งจะทำงานได้อย่างคล่องตัว นับเป็นเครื่องจักรที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับช่างเครื่องเรือนอย่างหนึ่ง โดยทั่วไปปกติเลื่อยวงเดือนจะมีหลายรูปแบบหลายขนาดแล้วแต่รุ่นที่แต่ละบริษัทผู้ผลิตได้ผลิตออกมา ลักษณะของการทำงานโดยทั่วๆ ไปของเครื่องแต่ละแบบจะคล้ายกัน จะมีต่างกันบ้างที่เทคนิคการทำงานหรืออุปกรณ์ช่วยที่ออกแบบมาให้สะดวกในการทำงานมากขึ้น ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่จะต้องยึดติดตายกับพื้นของโรงงาน ขนาดของเลื่อยวงเดือนจะกำหนดตามขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางของใบเลื่อย ซึ่งจะมีขนาดตั้งแต่ 8 นิ้ว - 16 นิ้ว โดยปกติเลื่อยวงเดือนจะสร้างเป็นสองแบบ คือ แบบที่เอียงแนวเครื่องกับแบบที่เอียงใบมีด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับขนาดของเครื่องว่าใหญ่เพียงใด ถ้าเป็นเครื่องขนาดใหญ่แล้วมันจะใช้วิธีการปรับเอียงที่ใบเลื่อย ซึ่งจะทำได้ง่ายเบาแรง เลื่อย งานไม้
thaiwikipedia
1,982
4 มิถุนายน
วันที่ 4 มิถุนายน เป็นวันที่ 155 ของปี (วันที่ 156 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 210 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 1582 (ค.ศ. 1039) - พระเจ้าเฮนรีที่ 3 สวมมงกุฎในฐานะกษัตริย์แห่งเยอรมนี พ.ศ. 2158 (ค.ศ. 1615) - กองทัพของโชกุน โทะกุงะวะ อิเอะยะซุ บุกเข้ายึดครองปราสาทโอซะกะในญี่ปุ่น พ.ศ. 2312 (ค.ศ. 1769) - เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงหลังจากดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์เพียง 5 ชั่วโมง เป็นปรากฏการณ์สองประเภทที่เกิดในเวลาใกล้เคียงกันมากที่สุดในประวัติศาสตร์ พ.ศ. 2439 (ค.ศ. 1896) - เฮนรี ฟอร์ดได้ทดลองขับยานพาหนะชิ้นแรกที่เขาได้ออกแบบ ซึ่งก็คือจักรยานสี่ล้อ (Quadricycle) พ.ศ. 2463 (ค.ศ. 1920) - ราชอาณาจักรฮังการีแตกออกเป็น 5 ประเทศ ภายหลังการลงนามในสนธิสัญญาทรีอานอน ณ กรุงปารีส พ.ศ. 2485 (ค.ศ. 1942) - ศึกแห่งมิดเวย์เริ่มขึ้น เมื่อจักรวรรดิญี่ปุ่นโจมตีเกาะปะการังวงแหวนมิดเวย์ พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) - สงครามโลกครั้งที่ 2: กรุงโรมตกอยู่ภายใต้การยึดครองของฝ่ายสัมพันธมิตร นับเป็นเมืองหลวงของฝ่ายอักษะแห่งแรกที่ถูกยึดครอง พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - พระราชกฤษฎีกาประกาศตั้ง "คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์" มีผลบังคับใช้ ในเวลาต่อมาคือคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2513 (ค.ศ. 1970) - ประเทศตองงาหลุดพ้นจากการเป็นรัฐในอารักขาของสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - กำลังทหารของจีนเข้าสลายผู้ชุมนุมในเหตุการณ์ การชุมนุมประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ณ กรุงปักกิ่ง พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) - คณะผู้แทนองค์การทำนุบำรุงอนุรักษ์เรือประวัติศาสตร์โลก (World Ship Trust) เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญรางวัลมรดกทางทะเลขององค์การเรือโลก ให้แก่เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) - องค์การนาซาบังคับให้หอดูดาวลอยฟ้าคอมป์ตันแกมมาเรย์ เผาไหม้ในบรรยากาศโลกเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - ภาพยนตร์เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตอน แฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน เปิดฉายรอบปฐมทัศน์ พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) - วันครบรอบวันวิสาขบูชาพุทธชยันตี 2600 ปี แห่งการตรัสรู้ พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) - วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรม นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทยหายสาบสูญ พ.ศ. 2566 (ค.ศ. 2023) - ซลาตัน อิบราฮิโมวิช นักฟุตบอลชาวสวีเดน ประกาศยุติในการเล่นฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการ == วันเกิด == พ.ศ. 74 (470 ปีก่อน ค.ศ.) - โสกราตีส นักปรัชญาชาวกรีก (ถึงแก่กรรม พ.ศ. 145) พ.ศ. 2281 (ค.ศ. 1738) - พระเจ้าจอร์จที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร (สวรรคต 29 มกราคม พ.ศ. 2362) พ.ศ. 2410 (ค.ศ. 1867) - คาร์ล กุสตาฟ เอมิล มันเนอร์เฮม ประธานาธิบดีฟินแลนด์คนที่ 6 และรัฐบุรุษชาวฟินแลนด์ (ถึงแก่กรรม 27 มกราคม พ.ศ. 2494) พ.ศ. 2416 (ค.ศ. 1873) - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเยาวมาลย์นฤมล กรมขุนสวรรคโลกลักษณวดี (สิ้นพระชนม์ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2452) พ.ศ. 2429 (ค.ศ. 1886) - หม่อมเจ้าทองฑีฆายุ ทองใหญ่ (สิ้นชีพิตักษัย 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2485) พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) - เบโน กูเทนเบิร์ก นักวิทยาแผ่นดินไหวชาวอเมริกัน (ถึงแก่กรรม 25 มกราคม พ.ศ. 2503) พ.ศ. 2461 (ค.ศ. 1918) - สมเด็จพระราชาธิบดีเตาฟาอาเฮา ตูโปอูที่ 4 กษัตริย์ตองงา พระองค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์ตูโปอู (สวรรคต 10 กันยายน พ.ศ. 2549) พ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1923) - เจ้าหญิงยุริโกะ พระวรชายามิกะซะ พระวรชายาใน เจ้าชายทะกะฮิโตะ เจ้ามิกะซะ ทรงมีศักดิ์เป็นพระปิตุลานีใน สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะ พ.ศ. 2468 (ค.ศ. 1925) - บรรเจิดศรี ยมาภัย นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) - บรูซ เดิร์น นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) - ยู ชิน ฮอง นักมวยสากลสมัครเล่นชาวกัมพูชา พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) - โนอาห์ วายลี นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - ขวัญฤดี กลมกล่อม นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - * ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ * ธีโอ รอสซี นักแสดงและโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน * แอนเจลีนา โจลี นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - อะเลกเซย์ นาวัลนืย นักการเมืองชาวรัสเซีย พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) - * ชมพูนุช ปิยะภาณี อดีตนักแสดงชาวไทย * เดเมียน พวาทีเอ นักแสดงและตัวแสดงเสี่ยงแทนชาวอเมริกัน * เหมือนฝัน ประสานพานิช พิธีกร/ผู้ประกาศข่าวชาวไทย พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) - * เอ็มมานูเอล เอบูเอ นักฟุตบอลชาวโกตดิวัวร์ * ไป่ จิง นักแสดงชาวจีน (เสียชีวิต 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555) พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - ลูคัส โพดอลสกี นักฟุตบอลทีมชาติเยอรมนี พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - ปาร์ค ยูชอน นักร้องชาวเกาหลีใต้ พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) - ประลอง สาวันดี นักฟุตบอล สัญชาติไทย พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - เรียวตะ นะกะคิ นักฟุตบอลชาวญี่ปุ่น พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - อาทิตยา บุญยะเลี้ยง นักร้องเพลงลูกทุ่งหญิงไทย พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) - สมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุกแห่งภูฏาน พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) - รัฐธีร์ วรโรจน์โยธิน นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) - * ยอรึม นักร้องชาวเกาหลีใต้ * เมลดา สุศรี นักแสดงชาวไทย *สคิพ มาร์เลย์ นักแต่งเพลงชาวจาเมกา พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) - อมลรดา ไชยเดช นักแสดงชาวไทย-เยอรมัน พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) - คิม โซ-ฮย็อน นักแสดงชาวเกาหลีใต้ พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) - รินรดา อินทร์ไธสง นักร้องชาวไทย พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - แม็คเคนซี ซีกเลอร์ นักร้อง นักเต้น นักแสดงและนางแบบชาวอเมริกัน == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 2341 (ค.ศ. 1798) - จิอาโคโม คาสซาโนวา นักรักและนักประพันธ์ชาวอิตาลี (เกิด 2 เมษายน พ.ศ. 2268) พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) - พระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) (เกิด 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2432) พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) - สังข์ พัธโนทัย อดีตผู้จัดรายการวิทยุ "นายมั่น นายคง" (เกิด 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458) พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) - เดวิด คาร์ราดีน นักแสดงชาวอเมริกัน (เกิด 8 ธันวาคม พ.ศ. 2479) พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) - เอดูอาร์ด คิล นักร้องชาวรัสเซีย (เกิด 4 กันยายน พ.ศ. 2477) พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) - ชลูด นิ่มเสมอ ศิลปินชาวไทย (เกิด 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2472) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) - วันวิสาขบูชา วันชาติในประเทศตองงา == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day มิถุนายน 04 มิถุนายน
thaiwikipedia
1,983
จังหวัดยโสธร
ยโสธร เป็นจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย เดิมชื่อ บ้านสิงห์ท่า เมืองยศสุนทร เป็นเมืองเก่าแก่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำชี มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 250 ปี ต่อมาปี พ.ศ. 2443 ถูกรวมเข้าอยู่ในสังกัดมณฑลลาวฝ่ายตะวันออกเฉียงเหนือ (มณฑลลาวกาว) และกลายเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี และถูกจัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดโดยคณะปฏิวัติของจอมพลถนอม กิตติขจร ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 70 ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2515 อันให้แยกอำเภอยโสธร อำเภอกุดชุม อำเภอเลิงนกทา อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอมหาชนะชัย และอำเภอป่าติ้ว ออกจากจังหวัดอุบลราชธานี แล้วรวมกันตั้งเป็นจังหวัดยโสธร และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2515 สืบไป มีนายชัยทัต สุนทรพิพิธ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธรคนแรก == ประวัติศาสตร์ == === สมัยทวาราวดี === มีร่องรอยการสร้างชุมชนด้วยการขุดคูน้ำล้อมรอบ แล้วนำดินที่ขุดมาสร้างเป็นคันดินล้อมบริเวณคู่ไปกับคูน้ำ ในเขตจังหวัดยโสธร พบการตั้งถิ่นฐานในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11-16 ได้แก่ บ้านตาดทอง บ้านขุมเงิน อำเภอเมืองยโสธร บ้านโนนเมืองน้อย ดงเมืองเตย อำเภอคำเขื่อนแก้ว บ้านบึงแก บ้านคูสองชั้น บ้านหัวเมือง บ้านบากเรือ อำเภอมหาชนะชัย บ้านโพนแพง บ้านน้ำอ้อม บ้านหมากมาย บ้านแข้ และบ้านโพนเมือง อำเภอค้อวัง ตามชุมชนดังกล่าวได้พบศิลปวัตถุร่วมสมัยกับศิลปกรรมแบบอมราวดี ทวาราวดี และลพบุรีปะปนอยู่ด้วย และตามตำนานอุรังคนิทาน (พระธาตุพนม) ยังมีข้อความว่า ชาวสะเดาตาดทองได้นำสิ่งของมาช่วย ซึ่งชื่อสะเดาตาดทองนั้นคือ บ้านตาดทอง และบ้านสะเดา ตำบลตาดทอง อำเภอเมืองยโสธร === สมัยเจนละ === ในจังหวัดยโสธรพบจารึกโบราณที่ได้กล่าวถึงอาณาจักรเจนละไว้ 4 หลัก ได้แก่ 1. จารึกดงเมืองเตย บ้านสงเปือย ตำบลสงเปือย อำเภอคำเขื่อนแก้ว (ราวพุทธศตวรรษที่ 12) กล่าวถึงชื่อเมืองศังขปุระ และราชสกุล 2. จารึกบ้านตาดทอง ตำบลตาดทอง อำเภอเมืองยโสธร (ราวพุทธศตวรรษที่ 15) กล่าวถึงกษัตริย์พระนามว่า ศรีอีสานวรมัน (กษัตริย์แห่งอาณาจักรเจนละ พ.ศ. 1159-1178) ได้พระราชทานบุตรีชื่อนางสุรัสวดี พร้อมด้วยหมู่บุตรหลาน ข้าทาส เงินทอง ให้แก่ชายหนุ่มผู้เป็นเชื้อพระวงศ์เพื่อมงคลสมรส แสดงให้เห็นว่าบริเวณจังหวัดยโสธรเคยเป็นชุมชนใหญ่ ชื่อว่า เมืองศังขปุระนคร และมีความสัมพันธ์กับอาณาจักรขอมในฐานะเครือญาติ และมีความยิ่งใหญ่พอสมควรที่กษัตริย์ขอมจึงพระราชทานบุตรีมาให้เป็นพระมเหสี 3. ประวัติการก่อสร้างพระธาตุอานนท์แห่งวัดมหาธาตุ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร ว่า พระธาตุอานนท์ได้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1218 โดยเจตตานุวิน และจินดาชานุ สองพี่น้องชาวนครเวียงจันทน์ กับเอียงเวธา ผู้ปกครองชุมชนชาวขอม แสดงให้เห็นว่า สถานที่ตั้งเมืองยโสธรเคยเป็นชุมชนโบราณมีผู้คนอาศัยอยู่มาตั้งแต่สมัยนั้น และสอดคล้องกับยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 1 (กษัตริย์แห่งอาณาจักรเจนละ พ.ศ. 1200-1233) 4. จารึกโนนสัง บ้านบึงแก ตำบลบึงแก อำเภอมหาชนะชัย (ประมาณ พ.ศ. 1432) กล่าวสรรเสริญเทพเจ้าพระนามว่า โสมาทิตย์ ซึ่งไม่ปรากฏพระนามว่าเป็นกษัตริย์ของอาณาจักรขอมสมัยพระนคร สันนัษฐานว่าอาจเป็นชุมชนอิสระนอกอาณาเขตอาณาจักรขอม === สมัยสุโขทัย === ไม่ปรากฏว่ามีศิลปะสมัยสุโขทัยอยู่เลย อาจจะเนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ซึ่งมีภูเขาสูงใหญ่กั้นอยู่ การติดต่อค้าขายและไปมาหาสู่กันจึงแทบไม่มี ประกอบกับอาณาจักรสุโขทัยทางด้านตะวันออก มีอาณาเขตมาถึงอาณาจักรล้านช้างเท่านั้น === สมัยอยุธยา === ไม่ปรากฏว่ามีศิลปะสมัยอยุธยาเข้ามาถึง อาจจะเนื่องจากดินแดนแห่งนี้อยู่ในเขตของอาณาจักรล้านช้าง และได้เป็นพันธมิตรกับราชอาณาจักรอยุธยา ดังจะเห็นได้จากการสร้างพระธาตุศรีสองรัก อันเป็นสักขีพยานถึงความรักใคร่ เป็นสัมพันธไมตรีต่อกัน ที่อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิแห่งกรุงศรีอยุธยา และพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช แห่งกรุงศรีสัตนาคนหุตล้านช้างหลวงพระบาง ราชอาณาจักรอยุธยาได้แผ่ไปถึงจังหวัดนครราชสีมา ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช === สมัยธนบุรี === พ.ศ. 2314 พระวรราชปิตา พระโอรสของเจ้านอง ขุนนางล้านช้างเชื้อสายไทพวนแห่งราชวงศ์แสนทิพย์นาบัวซึ่งสืบมาแต่ต้นวงศ์สามัญชนชนชาติไทพวน ผู้สร้างนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน (หนองบัวลุ่มภู) ได้ให้ท้าวคำสู เจ้าคำขุย ท้าวคำม่วง ท้าวคำสิงห์ (บุตรคนโตของท้าวฝ่ายหน้า) ญาติพี่น้อง และไพร่พล ลงมาสร้างบ้านเมืองใหม่ไว้เป็นเมืองหน้าด่านของนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน เมื่อท้าวคำสูและคณะเดินทางมาถึงดงหัวช้างได้ตั้งสัจจาธิษฐานต่อเทพยดาอารักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตย์อยู่ในดงแห่งนี้ขอตั้งบ้านเรือน แล้วจัดพิธีจับสลากเสี่ยงทาย แต่จับสลากไม่ได้ ท้าวคำสูจึงให้คณะหยุดพักอยู่ ณ ดงแห่งนี้ก่อน โดยให้ตั้งบ้านเรือนขึ้นเพื่อเป็นที่พักพิงชั่วคราว ตั้งชื่อหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ว่า "บ้านสิงห์หิน" (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นบ้านสิงห์โคก) ต่อจากนั้นท้าวคำสูจึงได้ให้ท้าวอินทิสาน ท้าวเมืองกลาง และพราหมณ์ ออกตรวจหาภูมิประเทศหาที่ตั้งบ้านเมืองต่อไป ท้าวอินทิสานและคณะได้พากันเดินทางมาถึงดงใหญ่ใกล้ท่าชีได้พบพระพุทธรูปใหญ่ อยู่ในวัดร้างองค์หนึ่ง และพบรูปสิงห์ทองอีกตัวหนึ่ง ท้าวอินทิสานและคณะจึงได้ทำพิธีขอตั้งบ้านเมือง โดยให้ท้าวเมืองกลางเป็นผู้จับสลาก ในที่สุดจับสลากได้ใบที่เป็นอุตมะดีเลิศ จึงได้กลับรายงานให้ท้าวคำสูทราบ และท้าวคำสูจึงได้แบ่งไพร่พลเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งให้คงไว้ที่บ้านสิงห์หิน โดยให้ท้าวคำขุยรักษาญาติพี่น้องและไพร่พลที่อยู่ที่บ้านสิงห์หิน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งท้าวคำสูได้พามาสร้างบ้านเมืองขึ้นใหม่ที่ดงขวางท่าชี ตั้งชื่อหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ว่า บ้านสิงห์ท่า ให้สร้างวัดขึ้นที่บริเวณที่มีพระพุทธรูปใหญ่อยู่ก่อนนั้น เสร็จแล้วให้ชื่อว่า วัดหลวงพระเจ้าใหญ่ ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นวัดสิงห์ท่า ถือได้ว่าเป็นพระอารามแห่งแรก ในปีเดียวกันนั้นพระเจ้าสิริบุญสาร ซึ่งเป็นเจ้านครเวียงจันทน์เกิดหวาดระแวงในพระตา และพระวอ จึงยกกองทัพจากนครเวียงจันทน์มาปราบปราม พระตาถูกข้าศึกยิงด้วยอาวุธปืน และฟันด้วยดาบจนถึงแก่อนิจกรรมในที่สนามรบ ส่วนพระวอ ท้าวคำผง ท้าวฝ่ายหน้า ท้าวทิดพรหม และท้าวก่ำ ได้ยกทัพฝ่าหนีออกจากนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบานลงมาตามลำน้ำชีมาพักกับท้าวคำสูผู้ปกครองบ้านสิงห์ท่าสิงห์โคก ภายหลังต่อมาพระวอดำริว่าหากอยู่กับท้าวคำสูแล้ว ถ้าเวียงจันทน์ยกทัพมาก็จะเป็นการลำบากแก่บ้านสิงห์ท่าสิงห์โคก และจะเกิดศึกสงครามกันต่อไป เมื่อประชุมตกลงกันแล้วจึงได้พาไพร่พลอพยพลงไปตามลำน้ำมูล และสร้างเมืองใหม่ที่เวียงดอนกองเขตนครจำปาศักดิ์ ตามรับสั่งของพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมาร เจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์ โดยพระวอให้สร้างค่ายขุดคูประตูหอรบขึ้นเรียกว่า "ค่ายบ้านดู่บ้านแก" พ.ศ. 2321 เมื่อพระเจ้าสิริบุญสารทราบเรื่อง จึงได้ยกทัพมาปราบอีกครั้งจนทำให้พระวอถึงแก่พิลาลัยในสนามรบ ท้าวคำผง ท้าวฝ่ายหน้า ท้าวทิดพรหม พร้อมบริวารจึงได้อพยพต่อไปยังเกาะกลางลำน้ำมูลซึ่งเรียกว่า "ดอนมดแดง" เพื่อตั้งค่ายใหม่ แต่เนื่องจากเป็นที่ต่ำไม่เหมาะสมจึงอพยพขึ้นมาตามลำน้ำมูลถึงห้วยแจระแม แล้วมาตั้งหมู่บ้านขึ้นใหม่ ชื่อหมู่บ้าน ห้วยแจระแม พ.ศ. 2323 เกิดจราจลในเขมร สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) จึงมีใบบอกมายังพระปทุมสุรราช (ท้าวคำผง) พร้อมกับท้าวฝ่ายหน้า ท้าวทิดพรหม เเห่งบ้านห้วยเเจละเเม และท้าวคำสิงห์ (บุตรชายคนโตท้าวฝ่ายหน้า) แห่งบ้านสิงห์ท่า ได้ยกกำลังลงไปช่วยราชการปราบจราจลที่เขมรคราวนั้น แต่ก็หาทันได้ปราบปรามจนเสร็จสิ้นไม่ ทางกรุงธนบุรีก็เกิดจราจลขึ้น และได้ยกกำลังเข้าไปช่วยปราบจราจลในกรุงธนบุรีจนสำเร็จลง === สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น === พ.ศ. 2329 ท้าวฝ่ายหน้า ผู้น้องพระปทุมสุรราช (ท้าวคำผง) พร้อมกับท้าวฝ่ายบุตผู้เป็นบุตร และพระพี่นางอูสา ได้นำไพร่พลญาติวงศาอีกส่วนหนึ่งขอแยกตัวกลับมาอยู่ที่บ้านสิงห์ท่าซึ่งท้าวคำสูปกครองอยู่ บูรณปฏิสังขรณ์วัดมหาธาตุ ตั้งมั่นเป็นกองนอก และพระปทุมสุรราช (ท้าวคำผง) ก็เห็นสมควรด้วยกับท้าวฝ่ายหน้า ไม่ขัดข้องประการใด จึงได้แยกย้ายกันไปทำมาหากินที่บ้านสิงห์ท่า ได้ปรับปรุงและสร้างบ้านสิงห์ท่าจนเจริญรุ่งเรืองต่อจากท้าวคำสู พ.ศ. 2334 เกิดกบฏอ้ายเชียงแก้วได้พาพรรคพวกเข้ายึดนครจำปาศักดิ์ ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยานครราชสีมา (ทองอิน) เมื่อครั้งเป็นพระพรหม ยกกระบัตร ยกกองทัพเมืองนครราชสีมา มาปราบกบฏอ้ายเชียงแก้ว ขณะที่กองทัพนครราชสีมายกมาไม่ถึงนั้น พระประทุมสุรราช (ท้าวคำผง) หัวหน้าเเห่งบ้านห้วยเเจละเเม และท้าวฝ่ายหน้า ผู้น้องซึ่งเป็นนายกองนอกที่บ้านสิงห์ท่า และท้าวคำสิงห์ บุตรคนโตได้ร่วมกันยกกำลังไปปราบกบฎอ้ายเชียงแก้วก่อน ทั้งสองฝ่ายได้สู้รบกันที่บริเวณแก่งตะนะ จนกองกำลังอ้ายเชียงแก้วแตกพ่ายไป ท้าวฝ่ายหน้าจับตัวอ้ายเชียงแก้วไว้ได้ และประหารชีวิตที่แก่งตะนะปากด่านแม่น้ำมูล เมื่อกองทัพเมืองนครราชสีมายกมาถึงนครจำปาศักดิ์เหตุการณ์ก็สงบเรียบร้อยแล้ว จึงพากันยกกองทัพไปตีพวกข่า ชาติกระเสงสวาง จะรายระแดร์ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกแม่น้ำโขง จับพวกข่าเป็นเชลยได้เป็นจำนวนมาก พ.ศ. 2335 จากความดีความชอบในการปราบปรามกบฏอ้ายเชียงแก้วครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาให้ท้าวฝ่ายหน้าเป็นที่พระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราช เป็นพระประเทศราชผู้ครองนครจำปาศักดิ์ องค์ที่ 3 แทนพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมารที่ถึงแก่พิราลัยไป และให้ท้าวคำสิงห์ บุตรคนโตเป็นราชวงศ์เมืองโขง (สีทันดร) และได้ย้ายไพร่พลส่วนหนึ่งจากบ้านสิงห์ท่าไปที่นครจำปาศักดิ์ ส่วนทางบ้านสิงห์ท่าได้ให้เจ้าคำม่วง เป็นผู้ปกครองแทน ต่อมาในปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาบ้านห้วยเเจระเเมแยกดินเเดนออกจากนครจำปาศักดิ์ เเล้วจึงยกฐานะบ้านห้วยเเจระเเมขึ้นเป็นเมืองพระประเทศราช ขึ้นตรงต่อกรุงเทพ แต่งตั้งให้พระประทุมสุรราช เป็นพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (คำผง) ซึ่งนับเป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัยประเทศราชคนแรก พ.ศ. 2354 พระวิไชยวรราชสุริยวงศ์ขัตติยราชได้ถึงแก่อนิจกรรม พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้านู หลานพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมาร เจ้านครจำปาศักดิ์องค์ก่อน เป็นเจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์สืบต่อไป จึงทำให้ราชวงศ์เมืองโขง (ท้าวคำสิงห์) ไม่เป็นที่พอใจที่จะทำราชการกับเจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์องค์ใหม่ จึงได้พาครอบครัว และไพร่พลอพยพมาอยู่ที่บ้านสิงท่าดังเดิม พร้อมนำอัฐิพระวิไชยวรราชสุริยวงศ์ขัตติยราชมาก่อเจดีย์บรรจุไว้ข้างองค์พระธาตุอานนท์ที่วัดมหาธาตุ เพราะเกรงว่าเจ้าผู้ครองนครจำปาศักดิ์องค์ใหม่ จะไม่เคารพอัฐิเจ้าพระวิไชยวรราชสุริยวงศ์ขัตติยราช และได้ปรับปรุงพัฒนาบ้านสิงห์ท่าให้ใหญ่โตรุ่งเรืองขึ้นเป็นอันมาก พ.ศ. 2357 ราชวงศ์คำสิงห์ได้มีใบกราบบังคมทูลขอยกบ้านสิงห์ท่าขึ้นเป็นเมือง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะบ้านสิงห์ท่าขึ้นเป็นเมืองนามว่า เมืองยศสุนทร มีฐานะเป็นเมืองประเทศราชขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ พระราชทานสัญญาบัตรให้ราชวงศ์คำสิงห์เป็นที่พระสุนทรราชวงศา (เจ้าคำสิงห์) พระประเทศราชผู้ครองเมืองยศสุนทรคนแรก (พ.ศ. 2357-2366) ให้ท้าวสีชาเป็นอุปราช ให้ท้าวบุตร (บุตรท้าวคำสิงห์) เป็นราชวงศ์ ให้ท้าวเสน (บุตรพระวอ)เป็นราชบุตร พระราชทานเครื่องประกอบยศพระประเทศราชผู้ครองเมืองดังนี้ พานหมากเงินถมทองปากจำหลัก ลายกลีบบัว เครื่องในทองคำ กระโถนเงินถมทอง ลูกประคำทองคำ 1 สาย สัปทนปัศตู 1 คัน กระบี่บั้งทองคำ 1 เล่ม เสื้อทรงประหาส หมวกตุ้มปี่ ปืนชนวนทองแดงเลี่ยมเงิน 1 กระบอก และอื่นๆ ตามสมควร และให้อาณาเขตเมืองยศสุนทรทิศเหนือจรดภูสีฐานด่านเมยถึงยอดยัง ทิศใต้จรดห้วยก้ากว้าก ทิศตะวันออกถึงบ้านคำพระมะแงลำน้ำเซ ทิศตะวันตกจรดห้วยไส้ไก่วังเจ็ก ทิศตะวันตกเฉียงเหนือจรดห้วยตาแหลว ให้เมืองยศสุนทรส่งส่วยบำรุงราชการของหลวงคือ น้ำรักสองเลขต่อเบี้ย ป่านสองเลขต่อขวด และพระสุนทรราชวงศา (ท้าวคำสิงห์) ได้ให้ไพร่พลก่อสร้างฉางข้าว สร้างที่ว่าการเมือง สร้างท้องพระโรง (โฮงคำ) และปกครองเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุขตลอดสมัย จนถึงแก่พิลาลัย ในปี พ.ศ. 2366 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรให้อุปราชสีชาขึ้นเป็นที่พระสุนทรราชวงศา (ท้าวสีชา) พระประเทศราชผู้ครองเมืองยศสุนทร คนที่ 2 แต่ท่านครองเมืองได้เพียง 3 เดือนก็ถึงแก่อนิจกรรม ในระหว่าง พ.ศ. 2369 เกิดสงครามเจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์กับกรุงเทพมหานคร ด้วยสาเหตุที่เจ้าอนุวงศ์คิดกบฎต่อสยาม จึงได้ทำการรุกรานดินเเดนภาคอีสานของสยาม เมืองยศสุนทรขณะนั้นไร้ซึ่งเจ้าเมืองปกครองเเต่มีอุปราช (ท้าวบุตร) บุตรของพระสุนทรราชวงศา (ท้าวคำสิงห์) รักษาการเเทน ต่อมาเจ้าอนุแต่งให้เจ้าราชวงศ์เจ้าราชบุตรเจ้าสุทธิสารเป็นแม่ทัพ คุมกำลังออกจากนครเวียงจันทน์ เจ้าราชวงศ์ (เหง้า) ได้ทำการยึดหัวเมืองอีสานรายทาง จนเข้ามายึดถึงเมืองยศสุนทร ขณะนั้นกองกำลังของเมืองยศสุนทรไม่สามารถที่จะสู้กับทัพเจ้าราชวงศ์ (เหง้า) ได้ อุปราชผู้รั้งเมืองเเละกรมการเมืองยศสุนทรต่างก็ยอมเเพ้ปล่อยให้ทัพเจ้าราชวงศ์เข้ามายึดได้เป็นผลสำเร็จ เจ้าราชวงศ์ (เหง้า) ได้ตั้งค่ายที่เมืองยศสุนทร เรียกว่า "ค่ายเวียงคุก" เจ้าราชวงศ์ (เหง้า) เกลี้ยกล่อมให้กรมการเมืองยศสุนทรเข้าร่วมทัพลาวรบกับสยาม ถ้าหากไม่เข้าร่วมจะประหารเสีย อุปราช (บุตร) ราชวงศ์ พร้อมกรมการเมืองจึงต้องยอมจำนนเเละยอมเข้าร่วมกับฝ่ายกบฎอย่างเต็มที่ ครั้นต่อมา เมื่อข่าวทราบไปถึงเมืองหลวง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ เป็นแม่ทัพที่ 1 ยกทัพขึ้นไปปราบเจ้าอนุวงศ์ ให้พระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) ได้ยกกองทัพหน้ามาตีค่าย เวียงคุกจนเเตก อุปราช ราชวงศ์ เมืองยศสุนทรสู้รบต่อต้านฝ่ายสยามอย่างแข็งแรง ครั้นพระยาราชสุภาวดีตีค่ายเวียงคุกแตก ก็จับบรรดาครอบครัว อุปราช (บุตร) ราชวงศ์ ท้าวคำมวนน้องชายของอุปราช (บุตร) ภรรยา ญาติพี่น้องของอุปราช (บุตร) เเลกรมการเมืองซึ่งเข้าด้วยกับฝ่ายเจ้าอนุ มาคลอกเผาทั้งเป็นเสียสิ้น ใน "คุกเพลิง" มากประมาณ 100 กว่าคนเศษที่ตัวเมืองยศสุนทรข้างลำชี เมืองยศสุนทรขณะนั้นจึงกลายเป็นสุสานขนาดใหญ่ของลูกหลานกลุ่มพระวอพระตาหลายคนที่คิดทรยศกบฎต่อต้านฝ่ายสยามโดยการเข้าร่วมกับฝ่ายเจ้าอนุ กบฎเวียงจันทน์ การที่เจ้าคุณเเม่ทัพกระทำการเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูเเละเพื่อไม่ให้เอาไปเป็นเยี่ยงอย่าง ต่อมาท้าวฝ่ายบุตร บุตรของท้าวฝ่ายหน้า พร้อมกับท้าวสุวอธรรมา (บุญมา) (ต่อมาได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นพระปทุมเทวาภิบาล เจ้าเมืองหนองคายคนแรก) และท้าวเคน บุตรชายของท้าวสุวอธรรมา (บุญมา) กรมการเมืองชั้นรองที่ยอมกลับใจเข้ากับฝ่ายสยาม ได้นำกองกำลังเมืองยศสุนทรเข้าร่วมกองทัพเจ้าพระยาราชสุภาวดียกทัพไปปราบเจ้าอนุวงศ์ที่นครเวียงจันทน์ได้สำเร็จ พระยาราชสุภาวดีจึงกราบบังคมทูลความดีความชอบของท้าวฝ่ายบุตร พ.ศ. 2370 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตร แต่งตั้งท้าวฝ่ายบุตเป็นที่พระสุนทรราชวงศา มหาขัตติยชาติ ประเทศราชวงศ์เวียง ดำรงรักษ์ภักดียศฦๅไกร ศรีพิไชยสงคราม หรือ พระสุนทรราชวงศาฯ (ท้าวฝ่ายบุต) พระประเทศราชผู้ครองเมืองยศสุนทร คนที่ 3 (พ.ศ. 2370-2400) พร้อมพระราชทานพระพุทธรูปสำคัญคือ พระพุทธปฏิมาบุษยรัตน์ หรือ พระแก้วหยดน้ำค้าง อันเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองยโสธรในปัจจุบัน , พระราชทานเชลยศึกจากนครเวียงจันทน์ จำนวน 500 ครอบครัว และพระราชทานปืนใหญ่ไว้สำหรับเมืองยศสุนทร 1 กระบอก อันมีชื่อว่า "ปืนนางป้อง" ซึ่งยังคงปรากฏอยู่ที่ศาลหลักเมืองยโสธรมาจนถึงปัจจุบัน เมื่อท้าวฝ่ายบุตได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งขึ้นเป็นพระประเทศราชผู้ครองเมืองแล้ว ได้ให้ไพร่พลนำหินศิลาจากบ้านแก้งหินโงม มาสร้างพระพุทธบาทจำลองประดิษฐานที่มณฑปวัดป่าอัมพวัน สร้างวัดขึ้นที่ท่าน้ำริมฝั่งแม่น้ำชี เรียกว่า วัดท่าแขก (หรือวัดศรีธรรมารามในปัจจุบัน) และสร้างวัดขึ้นที่กลางเมือง เรียกว่า วัดกลางศรีไตรภูมิ ไว้เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองสืบมา พ.ศ. 2373 พระสุนทรราชวงศาฯ (ท้าวฝ่ายบุต) พร้อมด้วยอุปราชแพง ราชวงศ์สุดตา ราชบุตรอินทร์ แลกรมการเมืองยศสุนทรก่อสร้างอูบมุงครอบรอยพระพุทธบาท ณ บริเวณลานที่ตั้งค่ายพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) ไว้เป็นที่ระลึกถึงชัยชนะเหนือนครเวียงจันทน์คราวนั้น ให้ชื่อว่า วัดชุมพลชัยชนะสงคราม (ปัจจุบันคือ วัดทุ่งสว่างชัยภูมิ) พ.ศ. 2378 เมื่อพระบรมราชา (มัง) เจ้าผู้ครองเมืองนครพนมได้หลบหนีไปกับเจ้าอนุวงศ์ แล้วพระยามหาอำมาตยาธิบดี (หรุ่น) จึงได้มอบหมายให้พระสุนทรราชวงศาฯ (ท้าวฝ่ายบุต) ขึ้นไปเป็นพระประเทศราชผู้ครองเมืองนครพนมอีกตำแหน่งหนึ่ง ส่วนทางเมืองยศสุนทรให้อุปราชแพง แลกรมการเมืองยศสุนทรปกครองดูแลแทน พ.ศ. 2395 ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 4 พระสุนทรราชวงศาฯ (ท้าวฝ่ายบุต) ถูกครหาว่าได้มีการสมคบคิดกับชาวญวน ซึ่งมีความผิดจริง ความผิดนั้นมาจากการที่พระสุนทรราชวงศาได้มีการรับจดหมายจากญวนซึ่งเป็นศัตรูกับทางการสยามในขณะนั้น เเต่พระสุนทรราชวงศาไม่ได้นำไปทูลเกล้าถวายเเด่พระมหากษัตริย์เเห่งกรุงรัตนโกสินทร์ให้ได้ทรงรับทราบ จึงเป็นสาเหตุที่เเท้จริงที่ส่งผลให้พระสุนทรราชวงศาฯ (ท้าวฝ่ายบุต) ถูกปลดออกจากตำเเหน่งเจ้าเมืองนครพนมเเละเมืองยศสุนทร เเละส่วนกลางมีความประสงค์จะให้ส่งตัวท้าวฝ่ายบุตที่พ้นตำเเหน่งเจ้าเมืองเเล้วไปไว้ที่เมืองนครราชสีมา เเต่เนื่องด้วยท้าวฝ่ายบุต ตอนนั้น มีอายุ 78 ปี ซึ่งมีความชราภาพมากเเล้ว ส่วนกลางจึงให้ท้าวฝ่ายบุตกลับมาอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องที่เมืองยศสุนทร ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีการเเต่งตั้งเจ้าเมืองยศสุนทรคนใหม่ เเต่ยังคงให้พระศรีวรราช (ท้าวเหม็น) เเลกรมการเมืองปกครองเมืองสืบต่อมา พ.ศ. 2400 ท้าวฝ่ายบุต ได้ถึงแก่อนิจกรรม ยังแต่พระศรีวรราช (ท้าวเหม็น) บุตรพระสุนทรราชวงศาฯ (ท้าวฝ่ายบุต) แลกรมการช่วยกันดูแลราชการบ้านเมืองอยู่ ต่อมาในปีพ.ศ. 2403 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้พระศรีวรราช (ท้าวเหม็น) บุตรพระสุนทรราชวงศาฯ (ท้าวฝ่ายบุต) เป็นที่พระสุนทรราชวงศา มหาขัตติยชาติ ประเทศราชดำรงศักดิยศฤๅไกร ศรีพิไชยสงคราม เจ้าผู้ครองเมืองยศสุนทร คนที่ 4 (พ.ศ. 2400-2420) พระราชทานเครื่องยศประกอบตำแหน่งพระประเทศราชผู้ครองเมืองดังนี้ พานหมากเงินกลมถมทอง เครื่องในทองคำยวง คณโฑทองคำ กระโถนเงินถม ประคำทองคำ 1 สาย กระบี่บั้งทองคำ สัปทน ปัศตู เสื้อกำมะหยี่ หมวกตุ้มปี่ ปืนชนวนทองแดง ต้นเหลี่ยมเงิน เสื้อเข้มขาบริ้วดี เสื้อแพรจีนจาว แพรสีทับทิมติดขลิบ ส่านไทยปักทอง ผ้าลายเกี้ยว ผ้าปูมเขมร ผ้าขาวหงินไก่ และผ้าขาวโล่ พ.ศ. 2416 พระสุนทรราชวงศา (ท้าวเหม็น) พระศรีรราชสุพรหม ผู้เป็นบุตร พร้อมด้วยญาติวงศ์ แลไพร่พลได้พร้อมกันปฏิสังขรณ์วัดท่าแขกที่สร้างขึ้นในสมัยท้าวฝ่ายบุต แล้วนิมนต์พระเกตุโล (เกตุ) จากวัดโสมนัสราชวรวิหาร กรุงเทพฯ มาเป็นเจ้าอาวาส พร้อมตั้งวงศ์ธรรมยุติกนิกายในเมืองยศสุนทรเป็นครั้งแรก และให้ชื่อวัดใหม่ว่า "วัดศรีธรรมารามหายโศรก" (วัดศรีธรรมาราม) พระเกตุโล (เกตุ) ยังเป็นพระภิกษุที่ได้รับการอุปสมบทเป็นพระสงฆ์ธรรมยุติกนิกายโดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ จึงเป็นลูกศิษย์รุ่นแรกของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และนับว่าวัดศรีธรรมารามหายโศรกเป็นวัดธรรมยุติกนิกายแห่งแรกของเมืองยศสุนทร ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้เขียนและเรียกชื่อเมืองยศสุนทร ว่า ยศโสธร หรือหากเรียกเพียงสั้นๆ ก็จะเป็นเมืองยศๆ และได้แปรเปลี่ยนมาเป็น ยโสธร === สมัยปฏิรูปประเทศ === พ.ศ. 2417 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เกิดศึกฮ่อยกกำลังมาตีเมืองหนองคาย กองกำลังเมืองยศสุนทรถูกเกณฑ์ให้ไปสมทบกองทัพจากกรุงเทพฯ กำลังพล 500 คน โดยมีพระยามหาอำมาตยาธิบดี (หรุ่น) เป็นแม่ทัพเข้าปราบปราม พ.ศ. 2420 พระสุนทรราชวงศา (ท้าวเหม็น) ได้ประชวรและถึงแก่อนิจกรรม ต่อมาใน พ.ศ. 2421 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตร ตั้งพระศรีวรราชสุพรหม บุตรพระสุนทรราชวงศาฯ (ท้าวเหม็น) เป็นที่พระสุนทรราชวงศา (ท้าวสุพรหม) พระประเทศราชผู้ครองเมืองยศสุนทร คนที่ 5 (พ.ศ. 2420-2429) และใน พ.ศ. 2423 หลวงจุมพลภักดี นายกอง บุตรหลานของพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (ท้าวคำผง) ไปตั้งบ้านบึงโดนขึ้นแขวงเมืองยศสุนทร ซึ่งพระสุนทรราชวงศา (ท้าวเหม็น) พระประเทศราชผู้ครองเมืองยศสุนทรคนก่อนได้ตั้งให้เป็นกรมการเมืองยศสุนทรนั้น จะขอทำส่วยผลเร่วแยกจากเมืองยศสุนทรขึ้นต่อกรุงเทพฯ โดยตรง แต่ฝ่ายพระสุนทรราชวงศา (ท้าวสุพรหม) พระประเทศราชผู้ครองเมืองไม่ยอมตามหลวงจุมพลภักดีๆ มีความขุ่นเคืองจึงเอาบัญชีรายชื่อตัวเลขไปสมัครขึ้นกับพระราษฎรบริหาร เจ้าเมืองกมลาไสย และมีใบกราบบังคมทูลขอตั้งบ้านบึงโดนขึ้นเป็นเมือง ขอตั้งหลวงจุมพลภักดีเป็นเจ้าเมือง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านบึงโดนขึ้นเป็นเมืองเสลภูมินิคม ให้หลวงจุมพลภักดีเป็นพระนิคมบริรักษ์ เจ้าเมืองเสลภูมินิคม ให้ท้าวสุริยะเป็นอัคฮาด ให้ท้าวผู้ช่วยเป็นอัควงษ์ ท้าวสุทธิสารเป็นอัคบุตร รักษาราชการเมืองเสลภูมินิคมขึ้นกับเมืองกมลาไสย พ.ศ. 2426 พวกฮ่อได้ยกกำลังมาตั้งอยู่ที่ทุ่งเชียงคำ เมืองยศสุนทรได้รับเกณฑ์ให้เอากำลังช้างม้าโคต่าง ๆ ไปเป็นพาหนะบรรทุกเสบียงไปเลี้ยงกองทัพ ต่อมาใน พ.ศ. 2429 พระสุนทรวรราชวงศา (ท้าวสุพรหม) ได้ถึงแก่อนิจกรรม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตร ให้อุปราช (แก) เป็นที่พระสุนทรราชเดช เป็นข้าหลวงกำกับราชการเมืองยโสธรคนแรก (พ.ศ. 2430-2438) พ.ศ. 2433 มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองแบบเมืองประเทศราชมาเป็นการปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาล หัวเมืองลาวฝ่ายตะวันออกเฉียงเหนือ เมืองอุบลราชธานีเป็นเมืองเอก มีเมืองขึ้นกับข้าหลวงต่างพระองค์ทั้งหมด 41 เมือง ประกอบด้วยหัวเมืองเอก 12 หัวเมือง คือ อุบลราชธานี กาฬสินธุ์ สุวรรณภูมิ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ภูแล่นช้าง กมลาไสย เขมราฐ หนองสองคอนดอนดง และศรีสะเกษ และเมืองยโสธรจึงจัดอยู่ใน 41 เมืองดังกล่าวด้วย เเละเมืองยโสธรเป็นเมืองเอกเเต่ไม่มีเมืองขึ้นเนื่องจากกรมการเมืองยโสธรเคยมีการคิดกบฎเข้าร่วมกับฝ่ายเจ้าอนุวงศ์เมื่อครั้งกบฎเจ้าอนุวงศ์ จึงไม่ค่อยเป็นที่ไว้วางใจเท่าใดนัก ส่วนกลางจึงมีความพยายามที่จะลดทอนอำนาจไม่ให้เมืองยโสธรมีความเข้มเเข็งเเละมีเมืองขึ้นอีกทั้งไม่ให้มีการพัฒนาเป็นเมืองใหญ่เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเเข็งข้อหรือคิดคดทรยศเหมือนดังที่เกิดขึ้นมาเเล้วในอดีต จากสาเหตุดังกล่าวรวมทั้งตัวเมืองอยู่ติดกับเเม่น้ำชีมากจนเกินไปจึงทำให้เมืองยโสธรเป็นเพียงเเค่เมืองเล็กๆเมืองหนึ่งที่ไม่อาจจะขยายให้ใหญ่ขึ้นอีกได้ ปี พ.ศ. 2436 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร ข้าหลวงต่างพระองค์ผู้สำเร็จราชการมณฑลลาวกาว โปรดเกล้าฯ ให้หลวงพิทักษ์สุเทพ ข้าหลวง ท้าวไชยกุมาร เมืองอุบลราชธานี ขึ้นมาจัดราชการเมืองยโสธร แล้วอุปราชแก ราชบุตรหนู พระศรีวรราช ท้าวสิทธิกุมาร ต่อมาคือพระอุบลศักดิ์ประชาบาล (กุคำ สุวรรณกูฏ) ผู้ที่รับหน้าที่ราชวงศ์ จึงพร้อมด้วยหลวงพิทักษ์สุเทพ ร่วมงานพระราชทานเพลิงศพพระสุนทรราชวงศา (ท้าวสุพรหม) เมื่องานพระราชทานเพลิงศพฯ เสร็จลง เมืองยโสธรก็ว่างเว้นจากผู้ครองเมือง เหลือแต่อุปราชแก ราชบุตรหนู รับราชการกับหลวงพิทักษ์สุเทพ ในปีนี้เองเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสได้ยกกำลังจากเมืองญวนมาตีเมืองสมโบกของไทย ฝ่ายเมืองยโสธรได้ถูกเกณฑ์กำลังทหารไปสมทบกองทัพจากกรุงเทพฯ ทั้งสามกองทัพ กองทัพละ 1,000 คน จำนวน 1,000 นาย โดยมีหลวงพิทักษ์สุเทพ เป็นนายคุมทัพไป พ.ศ. 2437 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เสด็จขึ้นมาเป็นข้าหลวงต่างพระองค์ผู้สำเร็จราชการมณฑลลาวกาว ประดับที่เมืองอุบลราชธานี แล้วโปรดเกล้าฯ ให้นายร้อยโทสอน เป็นข้าหลวงมาจัดราชการเมืองยโสธร แล้วให้อุปราชแกเป็นที่พระสุนทรราชเดช ให้ราชบุตรหนูเป็นราชวงศ์ และหลวงศรีวรราช (แข้) เป็นราชบุตร พ.ศ. 2438 พระสุนทรราชเดชได้ถึงแก่อนิจกรรมลง พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้นายร้อยโทสอน เป็นขุนราญอริพล (สอน) ผู้ว่าราชการเมืองยโสธร คนที่ 2 และ พ.ศ. 2440 ขุนราญอริพลก็ถึงแก่กรรมลงอีก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ จึงโปรดเกล้าฯ ให้หลวงศรีวรราช (แข้) เป็นพระสุนทรราชเดช (แข้ ประทุมชาติ) ผู้ว่าราชการเมืองยโสธร คนที่ 3 (พ.ศ. 2440 - 2455) พ.ศ. 2442 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เสด็จขึ้นมาประทับที่เมืองยโสธร โปรดเกล้าฯ ให้ราชวงศ์ทองดี เป็นหลวงยศไกรเกรียงเดช (ทองดี ต้นสกุลโพธิ์ศรี) เป็นยกบัตรเมือง 4. ท้าวโพธิสาร (ตา ต้นสกุลไนยกุล) เป็นหลวงยศเยศสุรามฤทธิ์ เป็นนายอำเภออุทัยยะโสธร 5. ท้าวสิทธิสาร (สมเพศ) เป็นหลวงยศวิทยธำรง ผู้ช่วย 6. เมืองจันทร์ (ฉิม) เป็นหลวงยศเขตรวิมลคุณ มหาดไทย เป็นนายอำเภอปจิมยะโสธร พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการปกครองในรูปแบบมณฑลเทศาภิบาล เมืองยโสธรจึงถูกจัดอยู่ในมณฑลตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งกองบัญชาการมณฑลที่เมืองอุบลราชธานี (บริเวณอุบลราชธานี) ต่อมา พ.ศ. 2445 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ โปรดเกล้าฯ ให้ซานนท์ (ชาย) เป็นหลวงยศอดุลพฤฒิเดช เป็นตำแหน่งพลเมือง วันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2449 เวลาย่ำรุ่ง 20 นาที พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ทรงเสด็จจากที่ประทับแรมพลับพลาบ้านนากอก แขวงเมืองมุกดาหาร ข้ามป่าดงบังอี่มายังเมืองยโสธร เวลาเช้า 5 โมงถึงตำบลกุดเชียงหมี ระยะทาง 180 เส้น มีที่พักแรม รวมระยะทางวันนี้ 480 เส้น มีข้าราชการมณฑลอีสานมารับคือ หลวงสถานบริรักษ์ กรมวัง และพระอุบลเดชประชารักษ์ ปลัดรักษาราชการเมือง พระอุบลศักดิ์ประชาบาล ยกกระบัตรเมืองอุบลราชธานี และกรมการอำเภอต่างๆ หลายนาย วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2449 เวลาย่ำรุ่งออกจากที่พักแรมตำบลกุดเชียงหมี ข้ามลำน้ำเซแดนเมืองเสนางคนิคมกับแดนเมืองยโสธรต่อกัน แล้วเข้าทางเขตบ้านฮ่องแซง (ตำบลห้องแซง) ถึงปากดงภูสะมากัง หรือบ้านคำบอน เวลาเช้าโมงครึ่งกับ 25 นาที ระยะทาง 258 เส้นมีที่พักร้อน ชาวบ้านมาหา ซึ่งชาวบ้านนี้เป็นผู้ไทยเดินมาจากเมืองตะโปน เวลาเช้า 3 โมงครึ่ง เดินทางต่อมาเข้าดงสะมากัง เป็นดงมีไม้งาม ๆ และมีไม้ยมผาอย่างไม้ทำหีบบุหรี่ฝรั่ง เป็นดงเล็กกว่าดงบังอี่ และหนทางเรียบร้อยดี เวลาเช้า 5 โมงพ้นดงสะมากัง ถึงที่พักแรมตำบลบ้านส้มพ้อ (ตำบลส้มผ่อ) ระยะทาง 260 เส้น รวมระยะทางวันนี้ 516 เส้น นายร้อยเอกหลวงสมรรถสรรพยุทธ ข้าหลวงโยธามณฑลอีสานมาคอยรับ วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2449 เวลาย่ำรุ่งออกจากที่พักแรมบ้านส้มพ้อมาตามเขตบ้านนาฮีแล้วเข้าเขตบ้านคำไหล ระยะทาง 306 เส้น ถึงที่พักร้อนเวลาเช้าโมงหนึ่งกับ 45 นาที เวลาเช้า 3 โมงออกจากที่พักร้อนออกจากเขตบ้านคำไหลเข้าเขตบ้านตาสืม แล้วถึงบ้านนาซึมที่พักแรมเวลาเช้า 3 โมง 50 นาที ระยะทาง 211 เส้น รวมระยะทางวันนี้ 515 เส้น วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2449 เวลาย่ำรุ่งออกจากที่พักแรมบ้านนาซึมทางมาเป็นโคกไม้เล็ก ๆ หนทางที่ตัดแลดูแต่ไกลเห็นทิวไม้สองข้างทางข้างหน้าซึ่งงามดี และที่ริมหนทางที่มามีที่นาดี ๆ เป็นอันมาก เมื่อเวลาออกจากบ้านนาซึมเข้าเขตบ้านนาโป่ง และบ้านเผือฮี มีสระน้ำริมทางแล้วเข้าเขตบ้านนาซวยใหญ่ บ้านนาซวยน้อย ถึงบ้านนาสีนวลที่พักร้อนเวลาเช้า 2 โมง ระยะทาง 377 เส้น เวลาเช้า 3 โมง ออกจากบ้านนาสีนวล พ้นเขตบ้านนาสีนวลมาเข้าเขตบ้านหนองสรวง บ้านหนองแวง และบ้านคำหม้อ ถึงเมืองยโสธร เวลาเช้า 4 โมงครึ่ง ระยะทาง 266 เส้น รวมระยะทางวันนี้ 643 เส้น มีหลวงศรีวรราช (แข้) ผู้ว่าราชการเมืองยโสธร หลวงยศไกรเกรียงเดช (ทองดี) ยกกระบัตร และกรมการเมืองคอยรับอยู่ ในการที่มามณฑลอีสานคราวนี้ อยากจะไปเฝ้ากรมขุนสรรพสิทธิที่เมืองอุบล แต่เป็นการขัดข้องด้วยข้าหลวงปักปันแดนกับฝรั่งเศสจะประชุมกันที่เมืองอุบล กรมขุนสรรพสิทธิท่านทรงติดพระธุระกับแขกเมือง จะไปเพิ่มความลำบากถวายหาควรไม่ จึงกะทางหลีกมาเสียเมืองยโสธรห่างเมืองอุบลอยู่ 2 วัน ฝ่ายกรมขุนสรรพสิทธิเดิมก็จะเสด็จมาพบที่เมืองยโสธร แต่เผอิญเวลานี้ข้าหลวงปักปันเขตแดนอยู่ที่เมืองอุบลราชธานีจึงเสด็จมาไม่ได้ ได้แต่สนทนากันโดยทางโทรศัพท์ เวลาบ่าย 4 โมงไปที่วัดพระธาตุ มีพระเจดีย์เก่าเป็นรูปปรางค์องค์หนึ่ง พระครูยโสธราจารย์เป็นเจ้าอาวาส และไปวัดสิงทาและวัดธรรมหายโศก ที่วัดธาตุและวัดธรรมหายโศกมีนักเรียนร้องคำชัยมงคล ทำนองสรภัญญะ ซึ่งพระศาสนดิลก เจ้าคณะมณฑลได้เรียบเรียงส่งมา แลวัดธรรมหายโศกเป็นวัดธรรมยุติกา เวลาค่ำ มีหลวงเถกิงรณกาจ ผู้บังคับการตำรวจภูธร ได้จัดแคนวงกรมตำรวจภูธรมณฑลอีสานมาเล่นเวลากินด้วย วันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2449 เวลาเช้าโมงหนึ่ง ไปดูตลาดและหมู่บ้านในเมืองยโสธร ๆ นี้ตั้งอยู่บนเนินใกล้ลำน้ำพาชีที่ว่าใกล้นี้มิใช่ริมน้ำอย่างเมืองที่ตั้งตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา ลำน้ำทางมณฑลนครราชสีมา และมณฑลอุดร อีสาน เช่น ลำน้ำพาชีนี้เป็นต้นน้ำไหลลงแม่น้ำโขง เวลาฤดูฝนน้ำในแม่น้ำโขงมาก น้ำในลำน้ำเหล่านี้ไหลลงแม่น้ำโขงไม่ได้ก็ท่วมตลิ่งที่ลุ่มเข้าไปลึก ๆ บ้านเรือนต้องตั้งพ้นที่น้ำท่วมจึงมักอยู่ห่างตลิ่ง แต่เมื่อฤดูแล้งน้ำลดแห้งขอดก็กลายเป็นอยู่ดอน หาน้ำยากเป็นอย่างนี้แทบทั้งนั้น เว้นแต่บางแห่งเช่นเมืองอุบลเพราะที่ริมแม่น้ำมูลตรงนั้นเป็นที่ดอน เมืองจึงอยู่ชิดลำน้ำ ที่เมืองยโสธรนี้มีถนนใหญ่เป็นทางสี่แยก ริมถนนใหญ่เป็นทางสี่แยก ริมถนนใหญ่มีร้านเป็นตึกดินอย่างโคราช มีพ่อค้าจีนและพ่อค้าไทยมาจากโคราชตั้งขายของต่าง ๆ ซึ่งนำมาจากเมืองนครราชสีมามากร้านด้วยกัน และมีผ้าม่วงหางกระรอกและโสร่งไหมซึ่งทำในพื้นเมืองมาขายบ้างบางร้านหมู่บ้านราษฎรก็แน่นหนา มีจำนวนพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 30,000 คน มีถนนเล็ก ๆ เดินถึงกันในหมู่บ้าน แต่เป็นที่มีฝุ่นมาก สินค้าพื้นเมืองยโสธรส่งไปขายเมืองนครราชสีมา มีหนัง เขา เร่ว ครั่ง และไหม ได้ความว่าใน ๕ ปีมานี้สินค้าไหมทวีมากขึ้น สินค้าฝั่งซ้ายมาทางเมืองมุกดาหารมาขายถึงเมืองยโสธร มียางกะตังกะติ้วบ้าง และยางกะตังกะติ้วนี้ได้มาจากเมืองหนองสูงข้างฝั่งขวาก็มี และ มีพ่อค้าซื้อโคกระบือไปขายคราวหนึ่ง ตั้งแต่ 400 ถึง 500 บ้าง ลงทางดงพระยาไฟไปขายที่ปากเพรียวทางหนึ่ง ลงทางดงพระยากลางไปขายที่อำเภอสนามแจงแขวงเมืองลพบุรีทางหนึ่ง ลงทางช่องตะโกไปขายที่เมืองพนัสนิคม พนมสารคามและเมืองนครนายกทางหนึ่ง แต่เดิมลงทางช่องเสม็ด แต่เดี๋ยวนี้ใช้ลงทางช่องตะโก เพราะเป็นทางสะดวกกว่า พ่อค้าที่ไปปากเพรียวนำกระบือลงไปขายเป็นพื้น พ่อค้าที่ไปสนามแจงนำโคลงไปขาย พ่อค้าที่ไปมณฑลปราจีนบุรีมีกระบือ และโคคละไปด้วยบ้าง ฟังดูตามเสียงพ่อค้าว่าการนำโคลงไปขาย ได้กำไรมากกว่ากระบือเพราะโคเลี้ยงง่าย กระบือเมื่ออดน้ำมักจะเป็นอันตรายตามทาง เวลาเช้า 4 โมงครึ่งมีการประชุมบายศรี ผู้เฒ่าคนหนึ่งกล่าวคำชัยมงคลเป็นทำนองไพเราะ และวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2449 เวลาย่ำรุ่ง เสด็จออกจากที่พักแรมเมืองยโสธรไปยังเมืองเสลภูมิ พ.ศ. 2452 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยุบอำเภอคำเขื่อนแก้ว และอำเภอปจิมเขมราฐ โดยให้รวมกับอำเภออุไทยเขมราฐ พร้อมกันนั้นก็ให้ยุบเมืองเขมราฐ ส่วนอำเภอที่อยู่ในเขตการปกครองเมืองเขมราฐ ก็ให้มารวมอยู่ในเขตการปกครองของเมืองยโสธร เมืองยโสธรจึงมีอำเภอในเขตการปกครองรวม 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภออุไทยยะโสธร มีท้าวสิทธิกุมาร (ทุม) เป็นนายอำเภอ อำเภอปจิมยะโสธร มีท้าวอุเทนวงษา (เขียน) เป็นนายอำเภอ อำเภออุไทยเขมราฐ มีหลวงเขมรัฐการอุตส่ห์ (แสง) เป็นนายอำเภอ อำเภออำนาจเจริญ มีราชวงศ์ (ซาว) เป็นนายอำเภอ อำเภอโขงเจียม มีท้าวบุญธิสาร (คำบ่อ) เป็นนายอำเภอ อำเภอวารินทร์ชำราบ มีอุปราช (บุญ) เป็นนายอำเภอ จึงเป็นปีที่เมืองยโสธรมีพื้นที่อาณาเขตกว้างใหญ่ และมีจำนวนอำเภอมากที่สุด พ.ศ. 2454 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยุบอำเภอวารินทร์ชำราบอันอยู่ในเขตการปกครองของเมืองยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี โดยให้ท้องที่ตำบลต่างๆ ไปรวมกับอำเภอพิมูลมังษาหาร และส่วนหนึ่งไปรวมกับอำเภอบูรพาอุบล (อำเภอเมืองอุบลราชธานี) พ.ศ. 2455 รัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แยกมณฑลอีสาน เป็น 2 มณฑล คือ มณฑบลอุบลราชธานี และมณฑลร้อยเอ็ด โดยกำหนดให้มณฑลอุบลราชธานี มี 3 จังหวัด คือ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดขุขันธ์ และจังหวัดสุรินทร์ ในช่วงเวลาดังกล่าวได้เปลี่ยนชื่อเมืองให้เรียกเป็นจังหวัดแล้ว แต่ยังไม่ได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ เมืองยโสธรก็ถูกยุบไปในคราวเดียวกันนั้น ส่วนอำเภอต่างๆ ที่เคยขึ้นกับเมืองยโสธร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2452 ก็ถูกโอนย้ายให้อยู่ในเขตการปกครองของจังหวัดอุบลราชธานีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พ.ศ. 2456 กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการเปลี่ยนชื่ออำเภอในจังหวัดอุบลราชธานีให้เหมาะสม การนี้จึงได้เปลี่ยนชื่ออำเภออุไทยยะโสธร เป็นอำเภอคำเขื่อนแก้ว และอำเภอปจิมยะโสธร เป็นอำเภอยะโสธร === สมัยเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจนถึงปัจจุบัน === พ.ศ. 2489 นายสุวิชช์ จิตตยะโสธร คนอำเภอยะโสธรคนแรกที่ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี โดยได้เสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งอำเภอยะโสธรเป็นจังหวัดยะโสธรตามที่ได้รับปากไว้กับประชาชนชาวอำเภอยะโสธรในขณะที่หาเสียง แต่ปรากฏว่าไม่สำเร็จเพราะมีกระแสคัดค้านไม่ให้แยกออกจากจังหวัดอุบลราชธานี และได้มีการปฏิวัติเกิดขึ้น พ.ศ. 2494 นายดิเรก มณีรัตน์ (เขยเมืองยศ) ได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี ก็ได้พยายามดำเนินการขอจัดตั้งจังหวัดยะโสธร และกระทรวงมหาดไทยได้ริเริ่มขอตั้งอำเภอยะโสธรขึ้นเป็นจังหวัดครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากฝ่ายใด ต่อมาระหว่าง พ.ศ. 2500–2513 ร.ต.ท.พวง ศรีบุญลือ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นนายอำเภอยะโสธร เห็นว่าคำว่า "ยะโสธร" อันมีความหมายว่า "ทรงไว้ซึ่งยศ" แต่การเขียนหรือการเรียกสั้นๆ ว่า เมืองยะโส พูดแล้วฟังดูไม่เป็นที่ไพเราะหูและไม่เป็นมงคลนาม จึงได้มีหนังสือขอให้เขียนชื่ออำเภอเสียใหม่เป็น "ยโสธร" และได้รับอนุญาตจากกระทรวงมหาดไทย โดยความเห็นชอบของราชบัณฑิตยสถานให้เปลี่ยนได้ และใช้มาจนบัดนี้ พ.ศ. 2514 จอมพลถนอม กิติขจร ในฐานะหัวหน้าคณะปฏิวัติ ได้นำเรื่องการจัดตั้งจังหวัดยโสธรที่ค้างคาอยู่ ออกประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 70 ลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 โดยได้แยกอำเภอต่าง ๆ ที่อยู่ในการปกครองของจังหวัดอุบลราชธานีเดิม 6 อำเภอ คือ อำเภอยโสธร อำเภอกุดชุม อำเภอเลิงนกทา อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอมหาชนะชัย และอำเภอป่าติ้ว รวมเข้าเป็นจังหวัดยโสธร จังหวัดที่ 71 ของประเทศไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2515 เป็นต้นไป และแต่งตั้งนายชัยทัต สุนทรพิพิธ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธรคนแรก == ภูมิศาสตร์ == === ที่ตั้งและอาณาเขต === ศาลากลางจังหวัดยโสธรตั้งอยู่ที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร ณ ละติจูด 15° 47´.6 เหนือ ลองจิจูด 104° 08´.7 ตะวันออก และมีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียงดังนี้ ทิศเหนือ ติดต่อกับจังหวัดมุกดาหาร ทิศตะวันออก ติดต่อกับจังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี ทิศใต้ ติดต่อกับจังหวัดศรีสะเกษ ทิศตะวันตก ติดต่อกับจังหวัดร้อยเอ็ด === ภูมิประเทศ === จังหวัดยโสธรตั้งอยู่ในบริเวณที่ราบหรือแอ่งโคราช โดยอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 128 เมตร มีพื้นที่ 4,161.444 ตารางกิโลเมตร หรือ 2,600,902.5 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 0.81 ของพื้นที่ทั่วประเทศ (321 ล้านไร่) และคิดเป็นร้อยละ 12.89 ของพื้นที่กลุ่มจังหวัด แยกเป็นพื้นที่การเกษตร 1,623,649 ไร่ (62.42%) ป่าสงวนแห่งชาติ 712,822 ไร่ (27.41%) ที่อยู่อาศัย 34,776 ไร่ (1.34%) และอื่นๆ อีก 29,655 ไร่ (8.83%) พื้นที่มีลักษณะลาดเอียงจากทิศตะวันตกลงไปทางทิศตะวันออก ลักษณะดินส่วนมากเป็นดินทรายและดินเค็ม ทางด้านตอนบนของจังหวัดมีลักษณะส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงสลับกับพื้นที่แบบลูกคลื่น มีสภาพเป็นป่าและภูเขาขนาดเล็กเป็นบางบริเวณ ในอดีตเคยเป็นพื้นที่ของป่าดงบังอี่คือ อำเภอเลิงนกทา อำเภอกุดชุม และอำเภอไทยเจริญ และเป็นต้นกำเนิดลำน้ำสายสำคัญคือ ลำเซบาย และลำน้ำโพง และมีลำน้ำเล็กๆ คือ ห้วยสะแบก ห้วยลิงโจน เป็นต้น ทางด้านตอนกลางและตอนใต้ของจังหวัดมีลักษณะเป็นเป็นที่ราบลุ่มต่ำสลับกับสันดินริมน้ำแม่น้ำชีคือ อำเภอเมืองยโสธร อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอมหาชนะชัย และอำเภอค้อวัง ความยาวเฉพาะช่วงที่แม่น้ำชีไหลผ่านจังหวัดยโสธร มีความยาว 110  กิโลเมตร มีน้ำไหลตลอดปี มีปริมาณน้ำท่าเฉลี่ย 8,035 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ปริมาณน้ำที่กักเก็บได้เฉลี่ย 4,179 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปีปริมาณน้ำท่าเหลือเฉลี่ย 3,856 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี และมีลำน้ำเล็กๆ คือ ลำชีหลง ลำทวน ห้วยขั้นไดใหญ่ ห้วยพระบาง ห้วยน้ำเค็ม ห้วยพันทม ห้วยสันโดด เป็นต้น ด้านตะวันตกของจังหวัดมีลำน้ำยังไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำชีในพื้นที่อำเภอเมืองยโสธร และอำเภอทรายมูล มีลำน้ำเล็กๆ คือ ห้วยแกวใหญ่ ส่วนด้านตะวันออกมีลำเซบาย และลำน้ำโพงไหลผ่านในพื้นที่อำเภอป่าติ้ว และอำเภอคำเขื่อนแก้ว มีลำน้ำเล็ก ๆ คือ ห้วยทม พื้นที่ในจังหวัดยโสธรมีลักษณะดินต่าง ๆ โดยเป็นดินปนทราย 306,899 ไร่ หรือร้อยละ 11.79 ของพื้นที่จังหวัด ดินเค็ม(ปานกลางและน้อย) 140,255 ไร่ หรือร้อยละ 5.39 เป็นดินตื้นปนกรวดและดินภูเขา 68,117 ไร่ หรือร้อยละ 2.62  และตามข้อมูล กชช.2ค. มีจำนวนหมู่บ้านที่มีปัญหาคุณภาพดิน ระดับมาก จำนวน 270 หมู่บ้าน ระดับปานกลาง 241 หมู่บ้าน รวมเป็น 511 หมู่บ้าน คิดเป็นร้อยละ 57.74 ของจำนวนหมู่บ้านทั้งหมด ถือว่ามีปัญหาเรื่องคุณภาพดินค่อนข้างมาก ป่าไม้ จังหวัดยโสธรมีพื้นที่ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติทั้งสิ้น จำนวน 27 ป่า เนื้อที่ 712,822 ไร่ ปัจจุบันกรมป่าไม้ได้ส่งมอบพื้นที่เสื่อมโทรมให้สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม  นำไปปฏิรูปให้เกษตรกรทั้งสิ้น 509,405  ไร่  และมีพื้นที่กันคืนให้กรมป่าไม้เนื่องจากสภาพยังคงเป็นป่าแปลงเล็กแปลงน้อย จำนวน 241 แปลง เนื้อที่ 38,544 ไร่ คงเหลือพื้นที่ป่าที่จะดูแลรักษาจำนวน 297,419 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 11.43 (เป็นพื้นที่ C จำนวน 114,713 ไร่) จากสถิติกรมป่าไม้ ปี พ.ศ. 2551 เหลือพื้นที่ป่า จำนวน 272,725 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 10.49 ของพื้นที่จังหวัด และมีอุทยานแห่งชาติอยู่ 1 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว อยู่ในท้องที่อำเภอเลิงนกทา  จังหวัดยโสธร  เนื้อที่  42,500  ไร่ ซึ่งประกาศทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติป่าดงบังอี่ ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ. 2550-2554) คดีป่าไม้ เฉลี่ย 40 คดี/ปี พื้นที่ถูกบุกรุกเฉลี่ย 145-2-58 ไร่/ปี มีไฟป่าเกิดขึ้นเฉลี่ย 14 ครั้ง/ปี พื้นที่เสียหาย เฉลี่ย 231 ไร่/ปี โครงการจัดตั้งวนอุทยานภูหินปูน ในท้องที่อำเภอกุดชุม และอำเภอเลิงนกทา แหล่งน้ำ แหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญได้แก่ แม่น้ำชี มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ โดยไหลผ่านอำเภอเมืองยโสธร ผ่านอำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอมหาชนะชัย และอำเภอค้อวัง ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำมูลในเขตอำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี แม่น้ำชีมีน้ำไหลผ่านตลอดทั้งปี แม่น้ำชีมีลำน้ำสาขาอยู่ในเขตจังหวัดยโสธรหลายสาย คือ ลำน้ำกว้าง ห้วยพระบาง ห้วยสันโดด ห้วยพันทม ห้วยกุดกุง ฯลฯ ลำเซบาย มีต้นกำเนิดจากภูถ้ำยางเดียว บ้านกุดแข้ด่อน ตำบลกุดเชียงหมี อำเภอเลิงนกทา ไหลผ่านอำเภอไทยเจริญ อำเภอป่าติ้ว อำเภอเมืองอำนาจเจริญ อำเภอหัวตะพาน อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอเขื่องใน ก่อนไหลลงสู่กับแม่น้ำมูลที่บ้านดงบัง ตำบลหนองบ่อ จังหวัดอุบลราชธานี ลำเซบายมีลำน้ำสาขาอยู่หลายสาย คือ ลำน้ำโพง ห้วยลิงโจน ห้วยสะแบก ห้วยส้มฝ่อ ฯลฯ ลำน้ำโพง มีต้นกำเนิดจากภูด่านฮัง บ้านโพง ตำบลห้องแซง อำเภอเลิงนกทา ไหลผ่านอำเภอไทยเจริญ อำเภอกุดชุม อำเภอเมืองยโสธร อำเภอป่าติ้ว ก่อนไหลลงสู่ลำเซบายที่บ้านกุดสำโรง ตำบลศรีฐาน อำเภอป่าติ้ว ลำน้ำโพงมีน้ำไหลเกือบตลอดปี ลำน้ำยัง มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาภูพานในเขตอำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ ไหลผ่านพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดร้อยเอ็ด และไหลลงสู่แม่น้ำชีที่บ้านแจ้งน้อย ตำบลค้อเหนือ อำเภอเมืองยโสธร ลำน้ำยังมีน้ำไหลเกือบตลอดปี ลำแกวใหญ่ มีต้นกำเนิดจากภูหินแม่ช้าง บ้านโนนประทาย ตำบลหนองแหน อำเภอกุดชุม ไหลผ่านอำเภอทรายมูล อำเภอเสลภูมิ ก่อนไหลลงสู่ลำน้ำยังที่บ้านใหม่ชุมพร ตำบลเดิด อำเภอเมืองยโสธร ลำแกวใหญ่มีน้ำไหลเกือบตลอดปี === ภูมิอากาศ === จังหวัดยโสธรตั้งอยู่ระหว่างเส้นแวงที่ 104 และ 105 องศาตะวันออก และเส้นรุ้งที่ 15 และ 16 องศาเหนือ สำหรับภูมิอากาศ จังหวัดยโสธรมี 3 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน และฤดูหนาว ความชื้นสัมพัทธ์ เฉลี่ยเท่ากับ 71.1% อุณหภูมิสูงสุด 43 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 11 องศาเซลเซียส ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในรอบ 5 ปี (2552 – 2556) เฉลี่ย 1,600 ม.ม. ต่อปี == การเมืองการปกครอง == === การปกครองส่วนภูมิภาค === การปกครองแบ่งออกเป็น 9 อำเภอ 79 ตำบล 835 หมู่บ้าน === การปกครองส่วนท้องถิ่น === องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีจำนวน 88 แห่ง แบ่งออกเป็น 1 องค์การบริหารส่วนจังหวัด, 1 เทศบาลเมือง, 22 เทศบาลตำบล และ 64 องค์การบริหารส่วนตำบล มีรายชื่อดังนี้ อำเภอเมืองยโสธร เทศบาลเมืองยโสธร เทศบาลตำบลตาดทอง เทศบาลตำบลเดิด เทศบาลตำบลทุ่งแต้ เทศบาลตำบลน้ำคำใหญ่ เทศบาลตำบลสำราญ อำเภอทรายมูล เทศบาลตำบลทรายมูล เทศบาลตำบลนาเวียง อำเภอกุดชุม เทศบาลตำบลกุดชุมพัฒนา อำเภอคำเขื่อนแก้ว เทศบาลตำบลคำเขื่อนแก้ว เทศบาลตำบลดงแคนใหญ่ อำเภอป่าติ้ว เทศบาลตำบลป่าติ้ว เทศบาลตำบลเชียงเพ็ง อำเภอมหาชนะชัย เทศบาลตำบลฟ้าหยาด อำเภอค้อวัง เทศบาลตำบลค้อวัง อำเภอเลิงนกทา เทศบาลตำบลเลิงนกทา เทศบาลตำบลสามแยก เทศบาลตำบลบุ่งค้า เทศบาลตำบลห้องแซง เทศบาลตำบลสามัคคี เทศบาลตำบลศรีแก้ว เทศบาลตำบลกุดเชียงหมี เทศบาลตำบลสวาท เทศบาลตำบลกุดแห่ อำเภอไทยเจริญ เทศบาลตำบลคำเตย == รายนามผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร == == ประชากร จังหวัดยโสธร 538729คนสถิติปี พ.ศ.2561 == === ศาสนา นับถือศาสนาพุทธ,คริสต์,อิสลาม === ประชากรในจังหวัดยโสธรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ โดยมีพระอารามหลวงประจำจังหวัด 2 แห่ง ได้แก่ วัดมหาธาตุ พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ฝ่ายมหานิกาย วัดศรีธรรมาราม พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย === การศึกษา === การศึกษาระดับมัธยมศึกษา แบ่งเป็น 2 สังกัด ได้แก่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 และสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร ส่วนระดับประถมศึกษา ได้แก่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายโสธร ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 เขตพื้นที่การศึกษา และสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งครอบคลุมโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาด้วย สถานศึกษาระดับอุดมศึกษาในจังหวัด มี 2 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (วิทยาลัยศาสนศาสตร์ยโสธร) และวิทยาลัยชุมชนยโสธร == เศรษฐกิจ == ใน พ.ศ. 2556 จังหวัดยโสธรมีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (จีพีพี) มูลค่า 28,421 ล้านบาท รายได้เฉลี่ยต่อหัว 58,541 บาท เป็นลำดับที่ 72 ของประเทศ โดยสาขาเกษตรกรรม ทำรายได้มากที่สุด 9,822 ล้านบาท รองลงมาคือ สาขาการศึกษา 4,877 ล้านบาท สาขาการขายส่ง-ขายปลีก 2,913 ล้านบาท และสาขาอุตสาหกรรมการผลิต 2,425 ล้านบาท ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพในภาคเกษตรกรรม == โครงสร้างพื้นฐาน == === การประปา === จังหวัดยโสธรมีสำนักงานประปาภูมิภาค 4 แห่ง ได้แก่ สาขายโสธร, สาขามหาชนะชัย, สาขาเลิงนกทา และสาขาอำนาจเจริญ (หน่วยบริการป่าติ้ว) ซึ่งทั้ง 4 สาขาให้บริการในเขตเทศบาลและบริเวณใกล้เคียงในชุมชน 6 อำเภอ คือ อำเภอเมืองยโสธร  อำเภอกุดชุม อำเภอเลิงนกทา  อำเภอมหาชนะชัย อำเภอคำเขื่อนแก้ว และอำเภอป่าติ้ว ส่วนอำเภอที่เหลือใช้บริการประปาของเทศบาลตำบลหรือใช้ระบบปั๊มน้ำบาดาลสำหรับในเขตชนบท แหล่งน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตประปาส่วนใหญ่มาจากแม่น้ำชีและลำเซบาย === การขนส่ง === จังหวัดยโสธรอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 532 กิโลเมตร โดยสามารถเดินทางสู่จังหวัดยโสธรได้หลายวิธี ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัวและรถประจำทาง ภายในตัวเมืองยโสธร มีรถโดยสารประจำทางไปยังอำเภอต่าง ๆ โดยมีให้บริการที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดยโสธร นอกจากนี้ยังมีรถสองแถวไปยังอำเภอต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคิวรถจะอยู่ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัด จังหวัดยโสธรไม่มีเส้นทางรถไฟและท่าอากาศยาน ดังนั้นการขนส่งทางรางและทางอากาศ ต้องมาลงที่จังหวัดอื่นแล้วจึงต่อรถโดยสารเข้าไป การขนส่งทางรางนั้น มีรถไฟให้บริการมายังสถานีรถไฟอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี แล้วจึงต่อรถโดยสารหรือรถตู้ปรับอากาศมายังจังหวัดยโสธร ในอนาคตมีโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ซึ่งจะผ่านบริเวณพื้นที่อำเภอเลิงนกทา ส่วนการขนส่งทางอากาศ มีเครื่องบินให้บริการมายังท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี แล้วจึงต่อรถโดยสารหรือรถตู้เช่นเดียวกัน ในอนาคตมีการพัฒนาสนามบินเลิงนกทาในตำบลโคกสำราญ อำเภอเลิงนกทา เป็นท่าอากาศยานพาณิชย์ ==== ระยะทางจากตัวจังหวัดไปอำเภอต่างๆ ==== อำเภอทรายมูล 21 กิโลเมตร อำเภอคำเขื่อนแก้ว 25 กิโลเมตร อำเภอป่าติ้ว 31 กิโลเมตร อำเภอกุดชุม 39 กิโลเมตร อำเภอมหาชนะชัย 44 กิโลเมตร อำเภอไทยเจริญ 55 กิโลเมตร อำเภอค้อวัง 66 กิโลเมตร อำเภอเลิงนกทา 72 กิโลเมตร == วัฒนธรรม == จังหวัดยโสธรมีเทศกาลและงานประเพณีอันเป็นที่รู้จัก นั่นคือ ประเพณีบุญบั้งไฟ ซึ่งแต่เดิมมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งแสดงออกถึงความสามัคคีของหมู่คณะ และมีความเชื่อว่าเมื่อจัดงานนี้แล้วเทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจะดลบันดาลให้มีฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล ทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ โดยงานประเพณีนี้จัดขึ้นในวันเสาร์และวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม ที่สวนสาธารณะพญาแถน เทศกาลและงานประเพณีอื่น ๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ประเพณีแห่มาลัยข้าวตอก จัดขึ้นในช่วงวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 3 หรือก่อนวันมาฆบูชา 1 วัน ที่ชุมชนบ้านฟ้าหยาด ตำบลฟ้าหยาด อำเภอมหาชนะชัย เทศกาลจุดไฟตูมกา เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนบ้านทุ่งแต้ ตำบลทุ่งแต้ อำเภอเมืองยโสธร และมีขบวนแห่ไฟตูมกาถวายเป็นพุทธบูชาที่วัดบูรพา บ้านทุ่งแต้ เทศกาลแห่ดาวบ้านซ่งแย้ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่บ้านซ้งแย้ ตำบลคำเตย อำเภอไทยเจริญ อันเป็นที่ตั้งของวัดอัครเทวดามีคาแอล ซ่งแย้ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและเป็นการแสดงความรักต่อองค์ศาสดาตามความเชื่อของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก จังหวัดยโสธรเป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลยโสธร ซึ่งมีเพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา เป็นประธานสโมสร ปัจจุบันสโมสรกำลังแข่งขันในไทยลีก 4 โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ == บุคคลที่มีชื่อเสียง == === พระสงฆ์ === ==== ด้านวิปัสสนาธุระ ==== พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (ทองพูล โสภโณ) หลวงปู่สารณ์ สุจิตโต พระอาจารย์ดี ฉนฺโน หลวงปู่ผั่น ปาเรสโก พระราชมุนี (โฮม โสภโณ) หลวงปู่บัวพา ปญฺญาภาโส พระอาจารย์วัง ฐิติสาโร พระครูจิตตวิโสธนาจารย์ (หนู สุจิตฺโต) หลวงปู่คำพอง ติสโส พระครูภาวนากิจโกศล (สอ พนฺธุโล) พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ หลวงปู่เพียร วิริโย หลวงปู่แสง ญาณวโร พระเทพสังวรญาณ (พวง สุขินฺทฺริโย) หลวงปู่บุญเพ็ง เขมาภิรโต หลวงปู่บุญมา สุชีโว พระครูสุมนสารคุณ (ประสาร สุมโน) หลวงตาสรวง สิริปญฺโญ พระพรหมวชิราภรณ์ (สนธิ์ อนาลโย) พระราชวชิรญาณโสภณ (อุทัย สิริธโร) หลวงปู่อุ่นหล้า ฐิตธมฺโม พระครูมงคลญาณ (คำพอง ปญฺญาวุโธ) พระครูจิตตภาวนานุสิฐ (สมหมาย จิตตปาโล) ==== ด้านคันถธุระ ==== พระพรหมวชิรเวที (อมร ญาโณทโย) พระเทพปัญญามุนี (เฉย ยโส) พระเทพวราภรณ์ (ผุย คตญาโณ) พระเทพญาณวิสิฏฐ์ (ใจ โชติปญฺโญ) พระเทพวิสุทธิเวที (สุด ฐิตวีโร) พระเทพเมธาภรณ์ (ประสงค์ วราสโย) === นักการปกครอง === พระวิไชยราชสุริยวงษขัติยราช พระสุนทรราชวงศา ที่ 1 พระสุนทรราชวงศาฯ ที่ 3 พระสุนทรราชวงศา ที่ 5 พระปทุมเทวาภิบาล (บุญมา ณ หนองคาย) พระปทุมเทวาภิบาล (ราชบุตร) พระยาวุฒาธิคุณ (เคน ณ หนองคาย) พระไชยราชวงศา (เสน เสนจันทร์ฒิไชย) พระนิคมบริรักษ์ (เสน ประทุมทิพย์) พระสุนทรราชเดช (แข้ ปะทุมชาติ) พระยาอุดรธานีศรีโขมสาครเขตต์ (จิตร จิตตะยโศธร) เดชชาติ วงศ์โกมลเชษฐ์ ร้อยตรีไมตรี ไนยะกูล === นักการเมือง === ดร.พีรพันธุ์ พาลุสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (30 มิถุนายน พ.ศ. 2556 – 30 เมษายน พ.ศ. 2557) วิฑูรย์ วงษ์ไกร รณ ฤทธิชัย บุญแก้ว สมวงศ์ ปิยวัฒน พันธ์สายเชื้อ ณิรัฐกานต์ ศรีลาภ === นักวิชาการ === ศ.นพ.ยงยุทธ สัจจวาณิชย์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, อดีตรัฐมนตรี === ศิลปิน/นักร้อง === คำพูน บุญทวี ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2544 คำปุน ศรีใส ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ประเภทประยุกต์ศิลป์ พ.ศ. 2561 วิชชา ลุนาชัย ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ พ.ศ. 2564 เบญจมินทร์ ทองมี มาลัย บุญช่วง เด่นดวง ดาว บ้านดอน ระพินทร์ พุฒิชาติ สมจิตร บ่อทอง พงศธร ศรีจันทร์ มนต์แคน แก่นคูน อิสรีย์ ทวีกุลพาณิชย์ สมาชิกวง BNK48 เชน พชรเชฏฐ์ เตชะอารีย์กุล ( เชน The star 2022 ) เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว 2022 === นักแสดง === หม่ำ จ๊กมก ยาว ลูกหยี === นักกีฬา === คารีน่า เคร้าเซอ รัชนก อินทนนท์ จักรกริช พาละพล เจษฏา ไปใกล้ พลวัฒน์ วังฆะฮาด พนมกรณ์ สายสอน ปิยะรัฐ ตุ้นทัพไทย วีระศักดิ์เล็ก วงศ์ประเสริฐ เสกสิทธิ์ ศรีใส == อ้างอิง == == ดูเพิ่ม == รายชื่อโรงเรียนในจังหวัดยโสธร รายชื่อสาขาของธนาคารในจังหวัดยโสธร รายชื่อห้างสรรพสินค้าในจังหวัดยโสธร รายชื่อวัดในจังหวัดยโสธร รายชื่อโบราณสถานในจังหวัดยโสธร == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของจังหวัด จังหวัดยโสธร - อีสานร้อยแปด
thaiwikipedia
1,984
รัฐนิวยอร์ก
รัฐนิวยอร์ก (New York, ) เป็นรัฐที่อยู่ทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ เป็นรัฐที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองมาจากรัฐแคลิฟอร์เนีย และรัฐเท็กซัส รัฐนิวยอร์กอาณาเขตติดต่อกับ รัฐเวอร์มอนต์ รัฐคอนเนทิคัต รัฐแมสซาชูเซตส์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ รัฐโรดไอแลนด์ และ รัฐเพนซิลเวเนีย และในทิศเหนือติดต่อกับประเทศแคนาดา กับรัฐเกแบ็กและรัฐออนแทรีโอ เมืองขนาดใหญ่ในรัฐนิวยอร์กได้แก่ นครนิวยอร์ก (ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ) บัฟฟาโล รอเชสเตอร์ ยังเกอส์ และ ซีราคิวส์ ในขณะที่เมืองหลวงของรัฐคือ ออลบานี สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ น้ำตกไนแอการา และในเขตนครนิวยอร์ก == เศรษฐกิจ == รัฐนิวยอร์กเป็นรัฐที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมเป็นอันดับสอง รองจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ธุรกิจสำคัญคือ การเงิน การธนาคาร และการสื่อสาร เป็นที่ตั้งของ ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ตั้งอยู่บน วอลล์สตรีท == การศึกษา == มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในรัฐได้แก่ มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก มหาวิทยาลัยบัฟฟาโล และมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ == ทีมกีฬาที่มีชื่อเสียงในรัฐนิวยอร์ก == นิวยอร์ก แยงกี้ นิวยอร์ก เม็ต นิวยอร์ก เจ็ต นิวยอร์ก ไจแอนต์ นิวยอร์ก นิกส์ นิวยอร์ก เรนเจอร์ นิวยอร์ก ไอแลนด์ บัฟฟาโล บิลล์ == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรัฐนิวยอร์ก เว็บไซต์ชุมชนคนไทยในนิวยอร์ก อดีตอาณานิคมของอังกฤษ นิวยอร์ก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐ ชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐ แอปพาเลเชีย
thaiwikipedia
1,985
รัฐแคลิฟอร์เนีย
แคลิฟอร์เนีย (California, , แคลึฟอรฺนยะ) เป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันตก ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีผู้อยู่อาศัย 39.5 ล้านคน พื้นที่ประมาณ ทำให้เป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดและมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของสหรัฐ นอกจากนี้ ยังเป็นหน่วยการปกครองย่อยของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ และมีประชากรมากเป็นอันดับที่ 34 ของโลก เมืองหลวงของรัฐ คือ แซคราเมนโต นครที่มีประชากรมากที่สุดในรัฐ คือ ลอสแอนเจลิส ซึ่งมีประชากรมากเป็นอันดับสองของประเทศรองจากนครนิวยอร์ก เขตมหานครลอสแอนเจลิสและเขตพื้นที่รอบอ่าวซานฟรานซิสโกเป็นเขตเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 2 และ 5 ของประเทศ โดยมีผู้อยู่อาศัยจำนวน 18.7 ล้านคน และ 9.7 ล้านคน ตามลำดับ รัฐแคลิฟอร์เนียยังมีเทศมณฑลที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศ ซึ่งก็คือ เทศมณฑลลอสแอนเจลิส และเทศมณฑลที่มีพื้นที่มากที่สุดในประเทศ ซึ่งก็คือ เทศมณฑลแซนเบอร์นาร์ดีโน ในด้านความหนาแน่นของประชากร นครและเทศมณฑลซานฟรานซิสโกเป็นทั้งนครที่มีความหนาแน่นเป็นอันดับที่ 2 ของประเทศรองจากนครนิวยอร์ก และเป็นทั้งเทศมณฑลที่มีความหนาแน่นเป็นอันดับที่ 5 ของประเทศ เป็นรองเพียง 4 เทศมณฑลจากทั้งหมด 5 เทศมณฑลของนครนิวยอร์ก แคลิฟอร์เนียมีพรมแดนทางทิศเหนือติดกับรัฐออริกอน ทิศตะวันออกติดกับรัฐเนวาดากับรัฐแอริโซนา และทิศใต้ติดกับรัฐบาฮากาลิฟอร์เนียของประเทศเม็กซิโก แคลิฟอร์เนียมีสภาพภูมิศาสตร์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ชายฝั่งแปซิฟิกทางตะวันตก ไปจนถึงเทือกเขาเซียร์ราเนวาดาทางตะวันออก และจากป่าสนเรดวู้ดและป่าสนดักลาสทางตะวันตกเฉียงเหนือ ไปจนถึงทะเลทรายโมฮาวีทางตะวันออกเฉียงใต้ แคลิฟอร์เนียมีเซ็นทรัลแวลลี (Central Valley) เป็นพื้นที่เกษตรกรรมหลักซึ่งกินพื้นที่ทางตอนกลางของรัฐ แม้ว่าแคลิฟอร์เนียจะเป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่อบอุ่นและสภาพอากาศตามฤดูกาลของมรสุม แต่พื้นที่ขนาดใหญ่ของรัฐส่งผลให้สภาพอากาศมีความแตกต่าง ตั้งแต่ป่าไม่ผลัดใบเขตอบอุ่นทางตอนเหนือ ไปจนถึงทะเลทรายที่แห้งแล้งทางตอนในของรัฐ ตลอดจนภูมิอากาศแบบอัลไพน์ที่เต็มไปด้วยหิมะในเขตภูเขา เมื่อเวลาผ่านไป ภัยแล้งและไฟป่าเกิดบ่อยขึ้น ทำให้มีการเพิ่มความมั่นคงทางทรัพยากรน้ำของแคลิฟอร์เนียมากยิ่งขึ้น == ประวัติศาสตร์ == ทีแรกพื้นที่รัฐแคลิฟอร์เนียปัจจุบันมีชนเผ่าอเมริกันพื้นเมืองตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนมีการสำรวจของชาวยุโรปจำนวนหนึ่งระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16และ 17 ต่อมาจักรวรรดิสเปนอ้างสิทธิ์เป็นส่วนหนึ่งของอัลตาแคลิฟอร์เนียในอาณานิคมนิวสเปน พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นส่วนหนึ่งของเม็กซิโกใน ค.ศ. 1821 หลังสงครามประกาศเอกราชเม็กซิโกสัมฤทธิ์ผล ต่อมารัฐแคลิฟอร์เนียถูกยกให้สหรัฐอเมริกาโดยเม็กซิโก ในปี ค.ศ. 1848 หลังจากที่เม็กซิโกแพ้สงครามเม็กซิโก–อเมริกา ต่อมามีการจัดระเบียบส่วนตะวันตกของอัลตาแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐแคลิฟอร์เนีย และเข้าเป็นรัฐที่ 31 เมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1850 การตื่นทองที่แคลิฟอร์เนียซึ่งเริ่มใน ค.ศ. 1848 นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและประชากรศาสตร์อย่างสำคัญ โดยมีการเข้าเมืองขนานใหญ่จากทิศตะวันออกและต่างประเทศโดยมีการเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจร่วมด้วย == ภูมิศาสตร์ == == เศรษฐกิจ == แคลิฟอร์เนียรัฐเดียวผลิตผลิตภัณฑ์มวลรวมจำนวนถึง 14% ของประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งหมด และยังเป็นรัฐที่ผลิตได้มากเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าลองมองแคลิฟอร์เนียแยกเป็นประเทศอิสระ จะเป็นประเทศที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงเป็นอันดับ 6 ของโลก ถัดจากประเทศฝรั่งเศส ภาคเกษตรกรรมเป็นอาชีพที่สำคัญที่สุด ตามมาด้วยอวกาศยาน และธุรกิจบันเทิง และธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตในย่านซิลิคอนแวลลีย์ หากเป็นประเทศ รัฐแคลิฟอร์เนียจะมีเศรษฐกิจใหญ่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของโลก และมีประชากรมากที่สุดอันดับที่ 35 ของโลก ถือเป็นผู้นำกระแสโลกทั้งด้านวัฒนธรรมสมัยนิยมและการเมือง และเป็นถิ่นกำเนิดของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ วัฒนธรรมสวนกลับฮิปปี้ อินเทอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เป็นต้น ร้อยละ 58 ของเศรษฐกิจรัฐมีศูนย์กลางอยู่ที่บริการการเงิน ภาครัฐ บริการอสังหาริมทรัพย์ เทคโนโลยีและบริการธุรกิจอาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคนิค พื้นที่อ่าวซานฟรานซิสโกมีรายได้ครัวเรือนมัชมิมสูงสุดของประเทศโดยเรียงตามพื้นที่มหานคร และเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของบริษัทที่มีรายได้สูงสุดของโลก 20 บริษัทจำนวน 3 บริษัท ได้แก่ เชฟรอน แอปเปิลและแม็กเคสซัน แม้อุตสาหกรรมเกษตรสร้างรายได้คิดเป็นเพียงร้อยละ 1.5 ของรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ก็ให้ผลผลิตสูงยิ่งกว่ารัฐอื่นใดของสหรัฐอเมริกา == เมืองสำคัญ == ลอสแอนเจลิส แซคราแมนโต (เมืองหลวงของรัฐ) แซนดีเอโก แซนแฟรนซิสโก แซนโฮเซ ลองบีช เบอร์แบงก์ โอกแลนด์ แซนตาบาร์บารา เบิร์กลีย์ แซนตามอนิกา ปาล์มสปริง == สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง == สถานที่ที่นักท่องเที่ยวส่วนมากรู้จักได้แก่ ฮอลลีวูด (Hollywood) ดิสนีย์แลนด์ (Disneyland) ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (Universal Studio) อุทยานแห่งชาติโยเซมิตี (Yosemite National Park) ทะเลสาบ ทาโฮ(Lake Tahoe) สวนสัตว์แซนดีเอโก (San Diego Zoo) นอกจากนี้ ในส่วนของใจกลางเมืองลอสแอนเจลิส และ แซนแฟรนซิสโกยังเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมเช่นกัน == สถานศึกษาที่เป็นที่รู้จัก == ระบบมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (University of California, UC) * มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ * มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA) * มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แซนดีเอโก (UCSD) ระบบมหาวิทยาลัยแห่งรัฐ (California State University, CSU) * CSU Maritime Academy (California State University Maritime Academy) * มหาวิทยาลัยรัฐซานฟรานซิสโก (San Francisco State University, SFSU) * มหาวิทยาลัยรัฐแซนดีเอโก (San Diego State University, SDSU) มหาวิทยาลัยเอกชน หรือจัดตั้งโดยมูลนิธิ * มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด * สถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (CalTech) * มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (USC) * Academy of Motion Picture Arts and Sciences (AMPAS) * CalArts Institute (California Institute of the Arts) * University of San Francisco (USF) == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของรัฐแคลิฟอร์เนีย แคลิฟอร์เนีย อดีตอาณานิคมของสเปน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐ ชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐ
thaiwikipedia
1,986
รัฐของสหรัฐ
รัฐ (state, แต่สำหรับ รัฐเคนทักกี รัฐแมสซาชูเซตส์ รัฐเพนซิลเวเนีย และรัฐเวอร์จิเนีย ใช้คำว่า commonwealth) ในสหรัฐ เป็นหน่วยการปกครองส่วนท้องถิ่นของสหรัฐซึ่งมีอธิปไตยในการปกครองตนเองร่วมกับรัฐบาลกลาง ประกอบด้วยรัฐทั้งหมด 50 รัฐ ในแต่ละรัฐแบ่งเป็นหลายเทศมณฑล (county) แต่ละเทศมณฑลแบ่งเป็นหลายนคร (city) แต่ละรัฐมีผู้ว่าการรัฐหนึ่งคน และมีสภานิติบัญญัติประจำรัฐ == ขนาด == ขนาดของรัฐมีขนาดแตกต่างกันมาก รัฐที่ใหญ่สุด (อะแลสกา) มีขนาดใหญ่กว่ารัฐที่เล็กสุด (โรดไอแลนด์) ถึง 400 เท่า ถ้าเทียบขนาดรัฐขนาดใหญ่ เช่น รัฐอะแลสกา และ รัฐเท็กซัส มีขนาด 1,717,854 และ 695,621 ตร.กม. ตามลำดับ ซึ่งใหญ่กว่าพื้นที่ในประเทศไทย (514,000 ตร.กม.) ในขณะที่ รัฐโรดไอแลนด์ มีขนาด 4,002 ตร.กม. ซึ่งขนาดใกล้เคียงกับ จังหวัดชลบุรี == รายชื่อรัฐ == สหรัฐปัจจุบันประกอบด้วย 50 รัฐ เรียงลำดับตาม ชื่อย่อไปรษณีย์ ชื่อย่อดั้งเดิม ปีที่ก่อตั้ง ชื่อรัฐ และเมืองหลวง ดังรายชื่อต่อไปนี้ {|class="wikitable sortable" ! ชื่อย่อไปรษณีย์ (ชื่อย่อปัจจุบัน) || ชื่อย่อดั้งเดิม || ปีก่อตั้ง || รัฐ || เมืองหลวง || วันก่อตั้ง |----- | AL || Ala. || 1819 || แอละแบมา || มอนต์กอเมอรี || วันอังคารที่ 14 ธันวาคม |----- | AK || Alaska || 1959 || อะแลสกา || จูโน || วันเสาร์ที่ 3 มกราคม |----- | AZ || Ariz. || 1912 || แอริโซนา || ฟีนิกซ์ || วันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ |----- | AR || Ark. || 1836 || อาร์คันซอ || ลิตเทิลร็อก || วันพุธที่ 15 มิถุนายน |----- | CA || Calif. || 1850 || แคลิฟอร์เนีย || แซคราเมนโต || วันจันทร์ที่ 9 กันยายน |----- | CO || Colo. || 1876 || โคโลราโด || เดนเวอร์ || วันอังคารที่ 1 สิงหาคม |----- | CT || Conn. || 1788 || คอนเนทิคัต || ฮาร์ตเฟิร์ด || วันพุธที่ 9 มกราคม |----- | DE || Del. || 1787 || เดลาแวร์ || โดเวอร์ || วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม |----- | FL || Fla. || 1845 || ฟลอริดา || แทลลาแฮสซี || วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม |----- | GA || Ga. || 1788 || จอร์เจีย || แอตแลนตา || วันพุธที่ 2 มกราคม |----- | HI || Hawaii || 1959 || ฮาวาย || โฮโนลูลู || วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม |----- | ID || Idaho || 1890 || ไอดาโฮ || บอยซี || วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม |----- | IL || Ill. || 1818 || อิลลินอยส์ || สปริงฟีลด์ || วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม |----- | IN || Ind. || 1816 || อินดีแอนา || อินเดียแนโพลิส || วันพุธที่ 11 ธันวาคม |----- | IA || Iowa || 1846 || ไอโอวา || ดิมอยน์ || วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม |----- | KS || Kan. || 1861 || แคนซัส || โทพีกา || วันอังคารที่ 29 มกราคม |----- | KY || Ky. || 1792 || เคนทักกี || แฟรงก์เฟิร์ต || วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน |----- | LA || La. || 1812 || ลุยเซียนา || แบตันรูช || วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน |----- | ME || Maine || 1820 || เมน || ออกัสตา || วันพุธที่ 15 มีนาคม |----- | MD || Md. || 1788 || แมริแลนด์ || แอนแนโพลิส || วันจันทร์ที่ 28 เมษายน |----- | MA || Mass. || 1788 || แมสซาชูเซตส์ || บอสตัน || วันพุธที่ 6 กุมภาพันธ์ |----- | MI || Mich. || 1837 || มิชิแกน || แลนซิง || วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม |----- | MN || Minn. || 1858 || มินนิโซตา || เซนต์พอล || วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม |----- | MS || Miss. || 1817 || มิสซิสซิปปี || แจ็กสัน || วันพุธที่ 10 ธันวาคม |----- | MO || Mo. || 1821 || มิสซูรี || เจฟเฟอร์สันซิตี || วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม |----- | MT || Mont. || 1889 || มอนแทนา || เฮเลนา || วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน |----- | NE || Neb. || 1867 || เนแบรสกา || ลิงคอล์น || วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม |----- | NV || Nev. || 1864 || เนวาดา || คาร์สันซิตี || วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม |----- | NH || N.H. || 1788 || นิวแฮมป์เชอร์ || คองคอร์ด || วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน |----- | NJ || N.J. || 1787 || นิวเจอร์ซีย์ || เทรนตัน || วันอังคารที่ 18 ธันวาคม |----- | NM || N.M. || 1912 || นิวเม็กซิโก || แซนตาเฟ || วันเสาร์ที่ 6 มกราคม |----- | NY || N.Y. || 1788 || นิวยอร์ก || ออลบานี || วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม |----- | NC || N.C. || 1789 || นอร์ทแคโรไลนา || ราลี || วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน |----- | ND || N.D. || 1889 || นอร์ทดาโคตา || บิสมาร์ก || วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน |----- | OH || Ohio || 1803 || โอไฮโอ || โคลัมบัส || วันอังคารที่ 1 มีนาคม |----- | OK || Okla. || 1907 || โอคลาโฮมา || โอคลาโฮมาซิตี || วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน |----- | OR || Ore. || 1859 || ออริกอน || เซเลม || วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ |----- | PA || Pa. || 1787 || เพนซิลเวเนีย || แฮร์ริสเบิร์ก || วันพุธที่ 12 ธันวาคม |----- | RI || R.I. || 1790 || โรดไอแลนด์ || พรอวิเดนซ์ || วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม |----- | SC || S.C. || 1788 || เซาท์แคโรไลนา || โคลัมเบีย || วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม |----- | SD || S.D. || 1889 || เซาท์ดาโคตา || เพียร์ || วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน |----- | TN || Tenn. || 1796 || เทนเนสซี || แนชวิลล์ || วันพุธที่ 1 มิถุนายน |----- | TX || Texas || 1845 || เท็กซัส || ออสติน || วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม |----- | UT || Utah || 1896 || ยูทาห์ || ซอลต์เลกซิตี || วันเสาร์ที่ 4 มกราคม |----- | VT || Vt. || 1791 || เวอร์มอนต์ || มอนต์เพเลียร์ || วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม |----- | VA || Va. || 1788 || เวอร์จิเนีย || ริชมอนด์ || วันพุธที่ 25 มิถุนายน |----- | WA || Wash. || 1889 || วอชิงตัน || โอลิมเปีย || วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน |----- | WV || W.Va. || 1863 || เวสต์เวอร์จิเนีย || ชาร์ลสตัน || วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน |----- | WI || Wis. || 1848 || วิสคอนซิน || แมดิสัน || วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม |----- | WY || Wyo. || 1890 || ไวโอมิง || ไชแอนน์ || วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม |} == ดูเพิ่ม == รายชื่อรัฐของสหรัฐเรียงตามลำดับการก่อตั้ง == อ้างอิง == รายชื่อย่อของรหัสไปรษณีย์ของแต่ละรัฐ หน่วยการปกครอง Listn vo de Bundesstootn s delstater och territorier
thaiwikipedia
1,987
เฉลียง
เฉลียง อาจหมายถึง เฉลียงบ้าน สิ่งก่อสร้างที่เป็นส่วนประกอบของบ้านโดยอยู่บริเวณภายนอกบ้าน ระเบียง สิ่งก่อสร้างของบ้านมีลักษณะคล้ายคลึงกับเฉลียงบ้าน แต่อยู่บริเวณชั้น 2 ขึ้นไป เฉลียง (วงดนตรี) วงดนตรีไทย เฉลียง
thaiwikipedia
1,988
เฉลียง (วงดนตรี)
เฉลียง เป็นชื่อของวงดนตรีไทย ที่มีผลงานระหว่างปี พ.ศ. 2525 - 2534 มีอัลบั้มเป็นจำนวนทั้งหมด 6 ชุด เฉลียงเป็นวงดนตรีวงแรก ๆ ที่บุกเบิกเพลงแนวแปลกใหม่ ทั้งด้านเนื้อหาและท่วงทำนอง ให้กับวงการเพลงไทย มีผู้ก่อตั้งและผู้แต่งเพลงส่วนใหญ่ของวงเฉลียงคือ จิก - ประภาส ชลศรานนท์ ศิลปินแห่งชาติ == ที่มาของชื่อวงเฉลียง == จิก - ประภาส ชลศรานนท์ ต้องการชื่อวงดนตรีที่สื่อถึงมนุษย์ เป็นบ้าน เป็นจิตใจ และต้องการสื่อถึง ตรงกลาง ที่อยู่ระหว่างข้างนอกและข้างใน (จิตใจ) จึงนึกถึงชื่อเฉลียงที่เป็นส่วนที่เชื่อมต่อข้างนอกกับข้างในบ้าน ประกอบกับชื่อเฉลียงมีเสียงคล้ายกับ เฉียง ๆ ไม่ค่อยตรง เป็นการสะท้อนภาพ แต่ไม่ใช่สะท้อนภาพสังคม เป็นการสะท้อนภาพจิตใจ == สมาชิก == แบ่งออกเป็น 4 ยุค ดังนี้ ยุคแรก อัลบั้ม ปรากฏการณ์ฝน มีสมาชิกสามคน คือ * วัชระ ปานเอี่ยม (เจี๊ยบ) * สมชาย ศักดิกุล (เล็ก) * นิติพงษ์ ห่อนาค (ดี้) ยุคที่สอง อัลบั้ม อื่น ๆ อีกมากมาย เอกเขนก เฉลียงหลังบ้าน มีสมาชิกห้าคน คือ * เกียรติศักดิ์ เวทีวุฒาจารย์ (เกี๊ยง) * ภูษิต ไล้ทอง (แต๋ง) * นิติพงษ์ ห่อนาค (ดี้) * วัชระ ปานเอี่ยม (เจี๊ยบ) * ศุ บุญเลี้ยง (จุ้ย) ยุคที่สาม อัลบั้ม แบ-กบาล ตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า มีสมาชิกสี่คน คือ * เกียรติศักดิ์ เวทีวุฒาจารย์ (เกี๊ยง) * ฉัตรชัย ดุริยประณีต (นก) * ภูษิต ไล้ทอง (แต๋ง) * วัชระ ปานเอี่ยม (เจี๊ยบ) ยุคที่สี่ ตั้งแต่ คอนเสิร์ตแก้คิดถึง...ฉลองสิบกว่าปีเฉลียง จนถึงปัจจุบัน มีสมาชิกหกคน คือ * เกียรติศักดิ์ เวทีวุฒาจารย์ (เกี๊ยง) * ภูษิต ไล้ทอง (แต๋ง) * นิติพงษ์ ห่อนาค (ดี้) * วัชระ ปานเอี่ยม (เจี๊ยบ) * ศุ บุญเลี้ยง (จุ้ย) * ฉัตรชัย ดุริยประณีต (นก) == ประวัติ == === ยุคที่หนึ่ง === เฉลียงเกิดจากการรวมกันของกลุ่มนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย จิก - ประภาส ชลศรานนท์ ศิลปินแห่งชาติ และเจี๊ยบ - วัชระ ปานเอี่ยม ทำเพลงตัวอย่างให้ดี้ - นิติพงษ์ ห่อนาค นำไปขับร้อง ก่อนจะนำไปขอให้เต๋อ - เรวัต พุทธินันทน์ อำนวยการผลิตให้ หลังจากเต๋อได้ฟังแล้วพบว่าดี้ร้องเสียงเพี้ยนต่ำไม่เหมาะกับการเป็นนักร้องนำ จึงเสนอให้เล็ก - สมชาย ศักดิกุล ที่ขณะนั้นเป็นนักดนตรีอาชีพ มาเป็นนักร้องคู่กับเจี๊ยบในผลงานชุดแรก ในปี พ.ศ. 2525 ซึ่งแท้จริงแล้วไม่มีชื่อชุด แต่เนื่องจากหน้าปกที่ออกแบบโดยจิกมีรูปฝน จึงถูกเรียกว่าชุด ปรากฏการณ์ฝน ตามชื่อเพลงที่ถูกบรรจุอยู่ในอัลบั้มชุดนั้น แต่หลังจากผลงานชุดแรกออกมาไม่ประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้และเสียงตอบรับ มียอดขายไม่เกิน 4,000 - 5,000 ม้วน เฉลียงจึงไม่ได้ออกผลงานอีกเป็นระยะเวลา 4 ปี === ยุคที่สอง === ในปี พ.ศ. 2529 จิกมีผลงานเพลงอยู่ชุดหนึ่งที่เคยมีความคิดให้เกี๊ยง - เกียรติศักดิ์ เวทีวุฒาจารย์ รุ่นน้องร่วมคณะที่เคยร่วมร้องเพลงประกอบโฆษณาที่จิกแต่ง ออกผลงานเป็นศิลปินเดี่ยว แต่เนื่องจากอุปสรรคด้านผู้สนับสนุน จึงทำให้โครงการไม่เกิดขึ้น จนกระทั่ง จุ้ย - ศุ บุญเลี้ยง หนึ่งในผู้ที่ซื้ออัลบั้ม ปรากฏการณ์ฝน ประทับใจในเพลงเที่ยวละไมที่อยู่ในอัลบั้มนั้น จึงติดต่อกับจิกเพื่อนำผลงานเพลงของตัวเองไปให้พิจารณา และไปชนกับผลงานเพลงเดี่ยวที่ถูกพับไว้ของเกี๊ยง จึงเกิดความคิดที่จะรวมตัวเป็นศิลปินคู่ในชื่อ ไปยาลใหญ่ แต่จิกยังไม่พอใจในบางเพลง จึงเสนอให้เจี๊ยบและดี้กลับมารวมวงอีกครั้งเป็นวงเฉลียงในยุคที่สอง ซึ่งเป็นยุคคลาสสิกของวง แต่เนื่องจากในหลายบทเพลงมีเสียงของแซกโซโฟน จึงได้ชักชวนให้แต๋ง - ภูษิต ไล้ทอง นักดนตรีเครื่องเป่าที่เคยร่วมงานกันเมื่อครั้งยังเป็นนิสิตมาร่วมเป็นสมาชิกวงอีกคน ก่อนจะออกผลงานชุดแรกในยุคที่สองกับค่ายครีเอเทียคือ อื่น ๆ อีกมากมาย อำนวยการดนตรีโดย ทรงวุฒิ จรูญเรืองฤทธิ์ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักฟังเพลงมีการออกแสดงคอนเสิร์ตและมิวสิกวีดีโอ ต้นปี พ.ศ. 2530 เฉลียงออกผลงานเพลงชุดที่สามกับค่ายคีตาแผ่นเสียงและเทป (ต่อมาคือคีตา เรคคอร์ดสและคีตา เอนเตอร์เทนเมนท์) ในชุด เอกเขนก มีเพลง เร่ขายฝัน ที่ถูกทำเป็นมิวสิกวีดีโอยาว 9 นาที และได้รับรางวัลมิวสิกวิดีโอยอดเยี่ยมจากสมาคมผู้กำกับศิลป์กรุงเทพฯ (B.A.D. Awards) ประจำปี พ.ศ. 2530 นอกจากผลงานบทเพลงแล้ว ชื่อเสียงของเฉลียงทำให้ได้เล่นโฆษณาของน้ำอัดลมเป๊ปซี่ ซึ่งเพลงประกอบโฆษณาที่ดัดแปลงมาจากเพลง รู้สึกสบายดี ก็ได้รับรางวัลจากสมาคมผู้กำกับศิลป์กรุงเทพฯ เช่นเดียวกัน ปลายปี พ.ศ. 2530 เฉลียงออกผลงานเพลงชุดที่สี่คือ เฉลียงหลังบ้าน ที่ผลงานเพลงส่วนใหญ่เป็นบทเพลงประกอบละครเรื่องต่าง ๆ ที่จิกเป็นผู้แต่ง และได้จัดแสดงคอนเสิร์ต หัวบันไดไม่แห้ง ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 เป็นการปิดอัลบั้ม เฉลียงหลังบ้าน === ยุคที่สาม === หลังจากคอนเสิร์ต หัวบันไดไม่แห้ง ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตปิดอัลบั้ม เฉลียงหลังบ้าน แล้ว จุ้ยที่งานส่วนตัวเริ่มรัดตัวและดี้ที่ต้องกลับไปเป็นนักแต่งเพลงให้กับ แกรมมี่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ได้ตัดสินใจขอยุติบทบาทกับวง จิกจึงชักชวนให้นก - ฉัตรชัย ดุริยประณีต นักแต่งเพลงที่เคยส่งเพลงมาให้เขาพิจารณาเข้ามาเพิ่มเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่งในเฉลียงยุคที่สาม ที่มีสมาชิก 4 คน ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2532 และมีผลงานชุดแรกในยุคที่สามคือ แบ-กบาล มิวสิกวีดีโอที่มีชื่อเสียงของชุดนี้คือ ใจเย็นน้องชาย ที่ได้รับรางวัลชมเชยประเภทมิวสิกวีดีโอดีเด่นของคณะกรรมการโทรทัศน์ทองคำ เฉลียงมี คอนเสิร์ตปิดท้ายทอย ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2532 และผลงานชุดสุดท้ายของเฉลียงซึ่งออกในปี พ.ศ. 2533 คือ ตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า มีเนื้อหาหลักเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ และมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของแนวเพลงจากสวิงแจ๊สมาเป็นโฟล์กร็อก ทำให้เฉลียงได้รับรางวัลสีสันอะวอร์ดส์ถึง 2 รางวัล คือรางวัลเพลงยอดเยี่ยมในเพลง โลกาโคม่า และรางวัลศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม แต่เนื่องจากภาระและหน้าที่การงานส่วนตัวของสมาชิกแต่ละคนทำให้การทำการตลาดและการออกแสดงคอนเสิร์ตเป็นไปได้ยาก เฉลียงจึงประกาศยุบวงในที่สุด โดยมีเพลงสุดท้ายของเฉลียงที่อยู่ในอัลบั้มตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า คือ ฝากเอาไว้ ภายหลังจากออกผลงานชุดสุดท้ายในปี พ.ศ. 2533 เฉลียงยังคงมีการรวมตัวกันเล่นคอนเสิร์ตและออกผลงานเพลงเฉพาะกิจเป็นครั้งคราว === ยุคที่สี่ === หลังจากออกผลงานอัลบั้มสุดท้ายคือตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า วงเฉลียงได้ยุบวงไป 3 ปี ก่อนจะกลับมารวมตัวอีกครั้งหนึ่งใน คอนเสิร์ตแก้คิดถึง...ฉลองสิบกว่าปีเฉลียง นำรายได้เพื่อการกุศล แสดงในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2537 ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยสมาชิก 7 คน จากทั้ง 3 ยุคขึ้นแสดงโดยพร้อมหน้ากันเป็นครั้งแรก และดี้ยังได้แต่งเพลงใหม่คือ ไม่รักแต่คิดถึง เพื่อแสดงเป็นครั้งแรกในคอนเสิร์ตนี้ ต่อมาในวันที่ 2 - 3 ธันวาคม พ.ศ. 2543 วงเฉลียงได้มารวมตัวกันจัดคอนเสิร์ตสั่งลาอีกครั้งในชื่อ คอนเสิร์ตเรื่องราวบนแผ่นไม้ แสดงที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และได้ออกผลงานอีกชุดเป็นชุดพิเศษที่มีจำหน่ายหน้าคอนเสิร์ต คือ ชุด นอกชาน ซึ่งเป็นการรวบรวมเพลงใหม่ที่แต่งมาใหม่ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา และในคอนเสิร์ต ดี้ในฐานะหัวหน้าวง ได้ประกาศอำลาแฟนเพลง และบอกว่าจะไม่รวมตัวเล่นคอนเสิร์ตกันอีก การแสดงรอบสุดท้ายของคอนเสิร์ตนี้อาจเป็นประวัติศาสตร์ของวงการดนตรีว่าเป็นคอนเสิร์ตที่ใช้เวลาหลังจากจบการแสดงยาวนานที่สุด เนื่องจากภายหลังแสดงเพลงสุดท้ายไปเรียบร้อยแล้ว แฟนเพลงเฉลียงปรบมือต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน ทำให้ดี้ออกมาประกาศว่าจะไม่ลงจากเวทีจนกว่าแฟนเพลงคนสุดท้ายที่ต้องการลายเซ็นจะเดินทางกลับ นอกจากนั้นวงยังออกมาแสดงเพลง เรื่องราวบนแผ่นไม้ ซึ่งเป็นเพลงประจำคอนเสิร์ตอีกครั้งหนึ่ง โดยมีจิกซึ่งเป็นผู้แต่งร่วมร้องด้วยเป็นครั้งแรก พ.ศ. 2550 สมาชิกวงเฉลียงทั้ง 6 คนใน 2 ยุคสุดหลังกลับมารวมตัวกันจัดคอนเสิร์ตอีกครั้งเพื่อจัดหารายได้ให้กับสมาคมนิสิตเก่าคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสนับสนุนด้านการศึกษาของคณะ มีชื่อว่า เหตุเกิดที่...เฉลียง และมีนิยามว่า "ดนตรีบำบัด ถาปัดจัด เฉลียงโชว์" ที่จุ้ยเป็นผู้ตั้ง แสดงที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี จำนวน 2 รอบในวันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน เวลา 13.00 น. และ 19.00 น. โดยมีเพลงใหม่ที่แสดงในคอนเสิร์ตนี้ คือ เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ พ.ศ. 2559 วงเฉลียงก็ได้กลับมารวมตัวกันจัดคอนเสิร์ตอีกครั้งในชื่อ ปรากฏการณ์เฉลียง แสดงที่ รอยัลพารากอนฮอลล์ สยามพารากอน ในวันที่ 17 - 18 กันยายน พ.ศ. 2559 โดยมีเพลงใหม่ที่แสดงในคอนเสิร์ตนี้ คือ เข้าใจว่าไม่เข้าใจ, คนแปลกหน้า, ไม่นานนี้เอง == ผลงาน == === อัลบั้ม === ==== ปรากฏการณ์ฝน ==== ดูแลการผลิต : เรวัต พุทธินันทน์ ผสมเสียง : เรวัต พุทธินันทน์ บันทึกเสียง : ห้องอัดกมลสุโกศล บริษัทเทป : บริษัท เจเอสแอล ออกแบบปก : ประภาส ชลศรานนท์ ปีที่วางจำหน่าย : พ.ศ. 2525 เธอกับฉันกับคนอื่นๆ อยากมีหมอน เที่ยวละไม หวาน สะดุด รถไฟ หาฝัน ใยแมงมุม วณิพก ปรากฏการณ์ฝน ==== อื่น ๆ อีกมากมาย ==== ดูแลการผลิต : ประภาส ชลศรานนท์ ผสมเสียง : มิสเตอร์เมา ช่างเสียง : จักรี เปรมานนท์ บันทึกเสียง : ซาวด์ โปรดักชั่น บริษัทเทป : ครีเอเทีย อาร์ติสท์ ปีที่วางจำหน่าย : พ.ศ. 2529 อื่นๆอีกมากมาย รู้สึกสบายดี เข้าใจ ถ้าโลกนี้มีเราเพียงสองคน กล้วยไข่ เที่ยวละไม ถูกโฉลกเธอ ต้นชบากับคนตาบอด ดอกมะลิ คนดนตรี ==== เอกเขนก ==== ดูแลการผลิต : ประภาส ชลศรานนท์ ร่วมดูแลการผลิต : ทรงวุฒิ จรูญเรืองฤทธิ์ ผสมเสียง : โยธิน ชีรานนท์ และ จักรี เปรมานนท์ ช่างเสียง : ต่อพงศ์ สายศิลปี คอรัสรับเชิญ : กัลยารัตน์ วาระณวัฒน์ บันทึกเสียง : ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย บริษัทเทป : บริษัทคีตาแผ่นเสียง เทป จำกัด ออกแบบปก : พิเศษ ไทยานันท์, เติมพันธุ์ มัทวพันธุ์ และ เต๋า อิลลัสเตรชั่นเฮ้าส์ ปีที่วางจำหน่าย : พ.ศ. 2530 เร่ขายฝัน นายไข่เจียว ค่ำคืนฉันยืน น้ำ นิทานหิ่งห้อย ไม่เข้าใจ เพลงที่เหลือ แค่มี โลกยังสวย ผึ่งพุง พระจันทร์ เอกเขนก ==== เฉลียงหลังบ้าน ==== ดูแลการผลิต : ประภาส ชลศรานนท์ และ ภูษิต ไล้ทอง ผสมเสียง : โยธิน ชีรานนท์ และ แมง ณ ลำพู บันทึกเสียง : ห้องบันทึกเสียงศรีสยาม (ธันวาคม 2530) บริษัทเทป : บริษัทคีตาแผ่นเสียง เทป จำกัด ออกแบบปก : เกียรติศักดิ์ เวทีวุฒาจารย์ ปีที่วางจำหน่าย : พ.ศ. 2530 คุณยายกายสิทธิ์ เก็บใจ กล้วยไข่ภาค 3 เธอกับฉันกับคนอื่นๆ หวาน หาฝัน รู้สึกสบายดี (ฉบับเพิ่งตื่น) อยากมีหมอน ใยแมงมุม นายแพทย์สนุกสนาน เทวดาตกสวรรค์ (นำเรื่อง / สวรรค์ / วิกฤต / โลกมนุษย์ / อำลา) ต่างกัน ==== แบ-กบาล ==== ดูแลการผลิต : ประภาส ชลศรานนท์ ผสมเสียง : แกรี่ เอ็ดเวิร์ด ช่างเสียง : นายสุริยา และ นายนุ บันทึกเสียง : ห้องบันทึกเสียงศรีสยาม บริษัทเทป : บริษัทคีตาแผ่นเสียง เทป จำกัด ปีที่วางจำหน่าย : พ.ศ. 2532 แบกบาล ง่ายๆ ยังมี กุ๊กไก่ รักออมชอม ใจเย็นน้องชาย โลกกลมๆ ไม่คิดถาม อยู่ที่ใคร เรื่องตลก? ==== ตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า ==== ดูแลการผลิต : ฉัตรชัย ดุริยประณีต อำนวยการผลิต : ประภาส ชลศรานนท์ ประสานงานการผลิต : เนตรดาว ปาวรีย์ ร่วมดูแลการผลิต : วีระพงศ์ ศุภรประเสริฐ ผสมเสียง : แมง ณ ลำพู ช่างเสียง : มนตรี, นุกูล และ แอ๊ด (ศรีสยามสตูดิโอ) ศิลปินรับเชิญ : นพ โสตถิพันธุ์ (ไวโอลิน) สนธยา วงษ์ทอง (หีบเพลงปาก) ปีที่วางจำหน่าย : พ.ศ. 2533 ตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า กว่าจะถึงพรุ่งนี้ เขาบอก ฝันให้ไกลไปให้ถึง พ่อกล่อมลูก 1 ฝากเอาไว้ พ่อกล่อมลูก 2 พัดลม แม่ โลกาโคม่า พ่อกล่อมลูก 3 === อีพีและซิงเกิล === ไฟล์:Noimage.svg|นอกชาน(พ.ศ. 2543) ไฟล์:Noimage.svg|เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ(พ.ศ. 2550) ไฟล์:Noimage.svg|เข้าใจว่าไม่เข้าใจ(พ.ศ. 2559) ไฟล์:Noimage.svg|คนแปลกหน้า(พ.ศ. 2559) ไฟล์:Noimage.svg|ไม่นานนี้เอง(พ.ศ. 2559) ไฟล์:Noimage.svg|ยังคงเอกเขนก(พ.ศ. 2566) === บันทึกการแสดงสด === ไฟล์:Noimage.svg|แก้คิดถึง...ฉลองสิบกว่าปีเฉลียง(พ.ศ. 2537) ไฟล์:Noimage.svg|เรื่องราวบนแผ่นไม้(พ.ศ. 2543) ไฟล์:Noimage.svg|เหตุเกิดที่...เฉลียง(พ.ศ. 2550) ไฟล์:Noimage.svg|ปรากฏการณ์เฉลียง(พ.ศ. 2559) === โฆษณา === เป๊ปซี่ (2531) ลิโพวิตัน-ดี (2546) == คอนเสิร์ต == === เอกลักษณ์ของคอนเสิร์ตเฉลียง === คอนเสิร์ตเฉลียงมีรูปแบบพิเศษเฉพาะตัวคือมีการพูดคุยหลังจากจบเพลง เรื่องที่คุยมันจะเป็นเรื่องหยอกล้อกันระหว่างสมาชิกภายในวง หรือวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ในสังคมในมุมมองที่แตกต่างและขบขัน แฟนเพลงเฉลียงบางส่วนที่เข้าไปชมคอนเสิร์ตจึงให้ความสนใจส่วนพูดคุยมากพอ ๆ กับการฟังเพลง นอกไปจากนั้นระหว่างการแสดงบางบทเพลง เช่น นิทานหิ่งห้อย ที่ร้องโดยจุ้ย จะมีการเล่านิทานโดยเจี๊ยบสลับระหว่างท่อน ในยุคก่อนยุบวงรวมทั้งบางคอนเสิร์ตหลังยุบวง เฉลียงจะใช้บทเพลงอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นเพลงปิดคอนเสิร์ต โดยบางครั้ง มีการแก้เนื้อเพลงเพื่อสร้างความแปลกใจให้กับผู้ชม == เฉลียงเฉพาะกิจ == นอกจากผลงานเพลงเฉลียง 6 ชุดแล้ว เฉลียงยังคงมีผลงานอื่น ๆ ที่เฉลียงรวมตัวกันแม้จะไม่ครบวง เช่น งานเพลงประกอบภาพยนตร์ งานคอนเสิร์ต และ เพลงประกอบสารคดี === ผลงานเพลง === ขอแค่คิดถึง รวมเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง วอนทั้งโลกโขกหัวเธอ ที่เจี๊ยบเป็นผู้กำกับ มีผู้ร่วมงานคือ แต๋ง เกี๊ยง เจี๊ยบ และจุ้ย ประกอบด้วยเพลง * ขอแค่คิดถึง * ลุ้น * วอนทั้งโลกโขกหัวเธอ * ขอแค่คิดถึง (Acoustic Version) * วอนทั้งโลกโขกหัวเธอ (Acoustic Version) * ขอแค่คิดถึง (Saxophone Version) * ขอแค่คิดถึง (Orchestra Version) เพลงประกอบสารคดีดนตรีเล่าเรื่อง "น้ำคือชีวิต" ตอน น้ำเป็นแหล่งกำเนิดชีวิต เฉลียงประกอบด้วยสมาชิกทั้ง 6 คนในยุครุ่งเรือง ได้แก่ เจี๊ยบ ดี้ แต๋ง เกี๊ยง จุ้ย และนก เพลง ครองแผ่นดินโดยธรรม (เจี๊ยบ, เกี๊ยง, นก) (2554) === งานคอนเสิร์ต === รวมมิตรให้มัน ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2543 เฉลียงประกอบด้วย เจี๊ยบ ดี้ เกี๊ยง แต๋ง และแขกรับเชิญคือ แว่น - จักราวุธ แสวงผล ศิษย์เก่าสถาปัตย์ จุฬาฯ ที่ทำงานแต่งเพลงร่วมกับดี้ ครบเด็กสร้างบ้าน ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในวันที่ 13-14 สิงหาคม พ.ศ. 2548 เฉลียงประกอบด้วย เจี๊ยบ ดี้ และเกี๊ยง มีแขกรับเชิญคือ ต้นไม้ - ฌานดนู ไล้ทอง คีตา แบ็ค ทู เดอะ ฟิวเจอร์ คอนเสิร์ต ที่รอยัลพารากอนฮอลล์ สยามพารากอน ในวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2550 เฉลียงประกอบด้วยสมาชิกยุคที่ 3 คือ เจี๊ยบ แต๋ง เกี๊ยง และนก คอนเสิร์ต 25 ปี นิติพงษ์ ห่อนาค ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในวันที่ 25-26 สิงหาคม พ.ศ. 2550 เฉลียงประกอบด้วย ดี้ (ทั้ง 2 รอบ) แต๋ง และเกี๊ยง (เฉพาะวันที่ 25 สิงหาคม) เพลงแบบประภาส ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในวันที่ 4-6 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 เฉลียงประกอบด้วย เจี๊ยบ แต๋ง จุ้ย และเกี๊ยง ทำการแสดงเพลงที่แต่งขึ้นโดยจิก อารมณ์ดี้ ตอน ทุ่งหญ้า สายลม และ นมวัว ที่ฟาร์มโชคชัย 3 กิโลเมตรที่ 12 ถ.ธนะรัชต์-เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 เฉลียงประกอบด้วย ดี้ เจี๊ยบ และ แต๋ง เฉลียง 3 ฝ่าย มหรสพพูดและเพลง ตอน คนจะไทย ใครจะทน ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เฉลียงประกอบด้วย เจี๊ยบ ดี้ และแต๋ง โดยมีเกี๊ยงขึ้นเวทีในช่วงท้าย หนีตามเฉลียง ครั้งที่ 1 ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552 เฉลียงประกอบด้วย จุ้ย เกี๊ยง และเจี๊ยบ Dee Boyd Pop Fest ที่ไร่สุวรรณ ปากช่อง ในวันที่ 5-6 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เฉลียงประกอบด้วย ดี้ ร่วมกับ บอย โกสิยพงษ์ ร่วมด้วยสมาชิกสองคนคือ เจี๊ยบ แต๋ง เพลงรักยุคคีตา โดย นกเฉลียง ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553 เฉลียงประกอบด้วย นก เกี๊ยง จุ้ย และเจี๊ยบ ทำการแสดงเพลงที่แต่งขึ้นโดยนก วันซ์ อิน อะ ไลฟ์ ไทม์ คอนเสิร์ต โพรดิวซ์ บาย ภูษิต ไล้ทอง ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในวันที่ 20-21 มีนาคม พ.ศ. 2553 เฉลียงประกอบด้วย แต๋ง (ทั้ง 2 รอบ) ดี้ เกี๊ยง (เฉพาะวันที่ 20 มีนาคม) และเจี๊ยบ (เฉพาะวันที่ 21 มีนาคม) สวิงสวาย แบบ วัชระ ปานเอี่ยม ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เฉลียงประกอบด้วย เจี๊ยบ ดี้ แต๋ง เกี๊ยง และนก Do for Dad ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2555 เฉลียงประกอบด้วย เจี๊ยบ ดี้ และแต๋ง เพลงประภาส 2 ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน ในวันที่ 9-11 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เฉลียงประกอบด้วย เกี๊ยง จุ้ย และเจี๊ยบ ทำการแสดงเพลงที่แต่งขึ้นโดยจิก เมจิก โมเมนต์ เพลงรักของดี้ ดนตรีของแต๋ง ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เฉลียงประกอบด้วย ดี้ แต๋ง และเจี๊ยบ ทำให้หมา หาให้แมว ที่เมืองไทย จีเอ็มเอ็ม ไลฟ์ เฮ้าส์ เซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 8 ในวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เฉลียงประกอบด้วย เจี๊ยบ แต๋ง นก เพลงประภาส 3 ที่รอยัลพารากอนฮอลล์ สยามพารากอน ในวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2562 เฉลียงประกอบด้วย เจี๊ยบ แต๋ง จุ้ย และเกี๊ยง ทำการแสดงเพลงที่แต่งขึ้นโดยจิก === หนังสือ === ประคำลูกโอ๊ค แปลโดย มนันยา จัดพิมพ์โดย กองทุนเฉลียงเพื่อมอบรายได้ให้มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ == สิ่งสืบทอด == === ทริบิวท์เฉลียง === เป็นอัลบั้มรวมเพลงที่รวบรวมศิลปินมาร้องเพลงของเฉลียง มีชื่อว่า คนอื่น ๆ อีกมากมาย ต่างบ้าน ต่างคน บนเฉลียง อำนวยการผลิตโดย โรจน์ชนา วโรภาษ ตัวอย่างศิลปินที่ขับร้อง บุ๋มบิ๋ม สามโทน ในเพลงเที่ยวละไม มาม่า บลูส์ ในเพลง ถ้าโลกนี้มีเราเพียงสองคน ระวิวรรณ จินดา ในเพลง เข้าใจ วิยะดา โกมารกุล ณ นคร ในเพลง ฝากเอาไว้ เล็ก วงพราว ในเพลง กว่าจะถึงพรุ่งนี้ สี่เต่าเธอ ในเพลง เก็บใจ เชษฐา ยารสเอก ในเพลง ยังมี สครับ ในเพลง เธอหมุนรอบฉัน ฉันหมุนรอบเธอ === ละครเวทีร้องเพลงเฉลียง === บทเพลงของวงเฉลียงได้ถูกนำมาดัดแปลงใหม่เป็นละครเวทีถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2552 ใช้ชื่อว่า เดอะ เลเจนด์ ออฟ เร่ขายฝัน เฉลียง เดอะ มิวสิคัล แสดงโดยนักแสดงจาก ทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย และครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2559 - 2560 ใช้ชื่อว่า นิทานหิ่งห้อย เดอะ มิวสิคัล สร้างโดยทีมผู้สร้าง โหมโรง เดอะ มิวสิคัล == รางวัล == สีสันอะวอร์ดส์ ครั้งที่ 3 ประจำปี พ.ศ. 2533 ศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยม จากอัลบั้ม "ตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า" รางวัลพิเศษ SEED HALL OF FAME รางวัลสำหรับศิลปินคุณภาพระดับตำนานที่สร้างผลงานต่อเนื่อง และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ฟังได้มีความหวัง สร้างฝันให้กับผู้คน ประสบความสำเร็จสูงสุดและยาวนาน จัดโดย คลื่นซี้ด 97.5 เอฟเอ็ม พ.ศ. 2554 == อ้างอิง == เพลงเขียนคน ดนตรีเขียนโลก เรียบเรียงโดย สมชัยพหลกุลบุตร , ณ บ้านวรรณกรรม, ตุลาคม 2537 เฉลียงเรื่องราวบนแผ่นไม้, สำนักพิมพ์ แม่ขมองอิ่ม, ธันวาคม 2543 == แหล่งข้อมูลอื่น == เว็บวงเฉลียง รวมเพลง เฉลียง กลุ่มดนตรีสัญชาติไทย กลุ่มดนตรีไทยในยุค 1980 กลุ่มดนตรีที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2524 ศิลปินสังกัดคีตา เฉลียง
thaiwikipedia
1,989
ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐ (United States dollar สัญลักษณ์: $; รหัสสกุลเงิน: USD; หรือเรียกอีกอย่างว่า US$ เพื่อแยกความแตกต่างจากสกุลเงินอื่น ๆ ที่เป็นสกุลเงินดอลลาร์; เรียกว่าดอลลาร์, ดอลลาร์สหรัฐ, ดอลลาร์อเมริกัน หรือเรียกขานกันว่า บัค) เป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการของ สหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศ พระราชบัญญัติเหรียญกษาปณ์ปี 1792 กำหนดให้ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในระดับที่เท่าเทียมกับเงินดอลลาร์สเปน โดยแบ่งเป็น 100 เซ็นต์ และอนุญาตให้ผลิตเหรียญที่มีสกุลเงินดอลลาร์และเซนต์ได้ ธนบัตรของสหรัฐอเมริกาออกในรูปแบบ Federal Reserve Notes ซึ่งนิยมเรียกว่าธนบัตรเนื่องจากมีสีเขียวเป็นส่วนใหญ่ สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศหนึ่งที่ใช้หน่วยเงิน ดอลลาร์ เป็นสกุลเงินประจำชาติ และยังมีประเทศอื่นที่มีเงินดอลลาร์เช่นกัน แต่ใช้ชื่อเรียกอื่น เช่น ดอลลาร์สิงคโปร์ ดอลลาร์ฮ่องกง ดอลลาร์ไต้หวัน ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ดอลลาร์บรูไน เป็นต้น นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐ ยังเป็นสกุลเงินหลักในหลายประเทศ และในบางประเทศถึงแม้ว่าดอลลาร์สหรัฐไม่ใช่สกุลเงินหลัก แต่ยังมีการยอมรับในการใช้จ่ายสินค้าทั่วไป ดอลลาร์สหรัฐกลายเป็นสกุลเงินสำรองนานาชาติสำคัญหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และกลายเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลกแทนที่ปอนด์สเตอร์ลิงตามระบบเบรตตันวูดส์ช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินที่ใช้งานแพร่หลายที่สุดในธุรกรรมระหว่างประเทศ และเป็นสกุลเงินลอยตัวแบบเสรี โดยยังเป็นสกุลเงินทางการในบางประเทศและสกุลเงินโดยพฤตินัยในอีกหลายแห่ง ชื่อเล่นที่ชาวอเมริกันเรียก 1 เซนต์ ว่า "เพนนี" (penny), 5 เซนต์ ว่า "นิกเกิล" (nickel), 10 เซนต์ ว่า "ไดม์" (dime), 25 เซนต์ ว่า "ควอเตอร์" (quarter), 1 ดอลลาร์สหรัฐ ว่า "บั๊ก (ภาษาสแลง)" (buck) และเรียก หนึ่งพันดอลลาร์สหรัฐ ว่า แกรนด์ (grand) == เหรียญ == เหรียญกษาปณ์ที่มีการผลิตอยู่ในปัจจุบัน และถูกใช้หมุนเวียนทั่วไป มีอยู่ทั้งหมด 6 ชนิด ดังนี้ == ธนบัตร == ธนบัตรที่มีการผลิตอยู่และใช้หมุนเวียนทั่วไปอยู่ในปัจจุบัน มี 7 ชนิด ดังนี้ ==ประเทศที่ใช้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ== ===ทางการ=== สหรัฐอเมริกา * รวม 5 ดินแดน: อเมริกันซามัว, กวม, หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา, ปวยร์โตรีโก, หมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ * เกาะเล็กรอบนอกของสหรัฐ กัมพูชา ติมอร์-เลสเต เอกวาดอร์ เอลซัลวาดอร์ ไลบีเรีย หมู่เกาะมาร์แชลล์ ไมโครนีเชีย ปาเลา ปานามา ซิมบับเว ===ไม่ทางการ=== โบแนเรอ บริติชอินเดียนโอเชียนเทร์ริทอรี หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน แคนาดา ซาบา ซินต์เอิสตาซียึส หมู่เกาะเติกส์และเคคอส == หมายเหตุ == == อ้างอิง == == อ่านเพิ่ม == == แหล่งข้อมูลอื่น == U.S. Bureau of Engraving and Printing U.S. Currency and Coin Outstanding and in Circulation American Currency Exhibit at the San Francisco Federal Reserve Bank Relative values of the U.S. dollar, from 1774 to present Historical Currency Converter Summary of BEP Production Statistics ===ภาพสกุลเงินและเหรียญสหรัฐ=== U.S. Currency Education Program page with images of all current banknotes U.S. Mint: Image Library Historical and current banknotes of the United States สกุลเงิน
thaiwikipedia
1,990
ประเทศจิบูตี
จิบูตี (Djibouti; جيبوتي; Jabuuti; Yibuuti) มีชื่อทางการว่า สาธารณรัฐจิบูตี (République de Djibouti; جمهورية جيبوتي; Jamhuuriyadda Jabuuti; Gabuutih Ummuuno) เป็นประเทศในจะงอยแอฟริกาที่มีชายแดนทางใต้ติดกับประเทศโซมาเลีย ทางตะวันตกเฉียงใต้ติดกับประเทศเอธิโอเปีย ทางเหนือติดกับประเทศเอริเทรีย และทางตะวันออกติดกับทะเลแดงและอ่าวเอเดน ประเทศนี้มีพื้นที่ ในสมัยโบราณ ดินแดนนี้กับเอธิโอเปีย เอริเทรีย และโซมาลีแลนด์เคยเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนพุนต์ ส่วนบริเวณใกล้กับซัยลาอ์ (ปัจจุบันอยู่ในโซมาลีแลนด์) เคยเป็นศูนย์กลางของรัฐสุลต่านอาดัลและรัฐสุลต่านอีฟัต ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีการจัดตั้งอาณานิคมเฟรนช์โซมาลีแลนด์หลังสุลต่านเผ่าพงศ์ดีร์แห่งชาวโซมาลีลงนามสนธิสัญญากับฝรั่งเศส และรางรถไฟไปยังดีเรดาวา (และอาดดิสอาบาบาในเวลาต่อมา) ทำให้บริเวณนี้กลายเป็นเมืองท่าสำหรับเอธิโอเปียตอนใต้และโอกาเดนแทนที่ซัยลาอ์อย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็นดินแดนอาฟาร์และอีเซของฝรั่งเศสใน ค.ศ. 1967 ทศวรรษต่อมา ชาวจิบูตีลงคะแนนเสียงให้เป็นเอกราช นั่นเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของ สาธารณรัฐจิบูตี ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อเมืองหลวง รัฐใหม่นี้เข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติในปีแรกที่ได้รับเอกราช ในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 ความตึงเครียดในการเป็นตัวแทนของรัฐบาลนำไปสู่สงครามกลางเมืองที่สิ้นสุดด้วยข้อตกลงแบ่งอำนาจใน ค.ศ. 2000 ระหว่างพรรครัฐบาลกับฝ่ายค้าน ==ชื่อและศัพทมูลวิทยา== ชื่อประเทศตั้งชื่อตามนครจิบูตี เมืองหลวงของประเทศ ศัพทมูลวิทยาของชื่อ จิบูตี ยังเป็นที่ขัดแย้ง โดยมีทฤษฎีและตำนานเกี่ยวกับที่มาของชื่อแตกต่างไปตามกลุ่มชาติพันธุ์ ทฤษฎีหนึ่งระบุว่ามาจากคำในภาษาอาฟาร์ว่า gabouti หมายถึง "แผ่น" น่าจะสื่อถึงลักษณะทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ ส่วนอีกทฤษฎีเชื่อมโยงกับคำว่า gabood แปลว่า "ที่สูง/ที่ราบสูง" จิบูตี ยังอาจหมายถึง "ดินแดนของเจฮูตี" หรือ "ดินแดนของโทต" (อียิปต์: Djehuti/ Djehuty) เทพแห่งดวงจันทร์ของศาสนาอียิปต์โบราณ == ประวัติศาสตร์ == เดิมเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ในช่วง พ.ศ. 2405-2443 ทั้งโซมาเลียและเอธิโอเปียต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือจิบูตี การสู้รบของกลุ่มชนเชื้อสายเอธิโอเปียกับโซมาเลียมีมาอย่างต่อเนื่องจนจิบูตีได้รับเอกราชเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2520 ปัจจุบันยังมีกองทหารฝรั่งเศสอยู่ในจิบูตี == ประชากร == จิบูตีมีประชากรประมาณ 921,804 คน. โดยเป็นประเทศที่มีหลายชาติพันธุ์ ประชากรพื้นเมืองเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 จากประมาณ 69,589 คนใน ค.ศ. 1955 ไปเป็นประมาณ 869,099 คนใน ค.ศ. 2015 กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีประชากรมากที่สุด 2 กลุ่มในจิบูตีคือชาวโซมาลี (60%) และชาวอาฟาร์ (35%) ส่วนอีก 5% โดยหลักประกอบด้วยชาวอาหรับเยเมน ชาวเอธิโอเปีย และชาวยุโรป (ชาวฝรั่งเศสและอิตาลี) พลเมืองประมาณ 76% อาศัยอยู่ในเมือง ส่วนที่เหลือเป็นชนร่อนเร่ == หมายเหตุ == ==อ้างอิง== === ข้อมูล === == แหล่งข้อมูลอื่น == รัฐบาล ข้อมูล Djibouti. The World Factbook. Central Intelligence Agency. Djibouti profile จาก BBC News. อื่น ๆ The State of the World's Midwifery – Djibouti Country Profile จาก UNFPA Key Development Forecasts for Djibouti จาก International Futures. ประเทศจิบูตี จ ประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาทางการ รัฐและดินแดนที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2520 อดีตอาณานิคมของฝรั่งเศส อ่าวเอเดน
thaiwikipedia
1,991
ปรอท
ปรอท (mercury; hydrargyrum) เป็นธาตุเคมีสัญลักษณ์ Hg และเลขอะตอมเท่ากับ 80 รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ควิกซิลเวอร์ (quicksilver) และมีชื่อเดิมคือ ไฮดราเจอรัม (hydrargyrum ) ปรอทเป็นโลหะหนักสีเงินในบล็อก-d เป็นธาตุโลหะชนิดเดียวที่เป็นของเหลวในที่อุณหภูมิและความดันมาตรฐาน ธาตุอื่นอีกธาตุหนึ่งที่เป็นของเหลวภายใต้สภาวะเช่นนี้คือ โบรมีน แม้ว่าโลหะอย่างซีเซียม แกลเลียม และรูบิเดียมจะละลายที่อุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิห้อง ปรอทพบได้ทั่วโลก ส่วนใหญ่พบในรูปซินนาบาร์ (เมอร์คิวริกซัลไฟด์) เมอร์คิวริกซัลไฟด์บริสุทธิ์เป็นผงสีแดงชาด ได้จากปฏิกิริยาของปรอท (เกิดจากรีดักชันจากซินนาบาร์) กับกำมะถัน หากสัมผัส สูดดมไอ หรือทานอาหารทะเลที่ปนเปื้อนปรอทที่ละลายน้ำ (เช่น เมอร์คิวริกคลอไรด์ หรือเมธิลเมอร์คิวรี) อาจเกิดเป็นพิษได้ ปรอทมักใช้ประโยชน์ในเทอร์โมมิเตอร์ บารอมิเตอร์ มาโนมิเตอร์ สฟิกโมมาโนมิเตอร์ โฟลตวาล์ว สวิตช์ปรอท ปรอทรีเลย์ หลอดฟลูออเรสเซนต์ และอุปกรณ์อื่น ๆ แม้ว่ายังมีประเด็นเรื่องพิษที่อาจทำให้เทอร์โมมิเตอร์และสฟิกโมมาโนมิเตอร์ไม่ถูกนำมาใช้อีก แต่จะใช้แอลกอฮอล์ หรือแก้วที่เติมกาลินสแตน หรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นเทอร์มิสเตอร์ หรืออินฟราเรดแทน เช่นเดียวกัน สฟิกโมมาโนมิเตอร์ถูกแทนด้วยเกจความดันเชิงกลและเกจรับความตึงอิเล็กทรอนิกส์ ปรอทยังคงมีใช้ในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และสารอะมัลกัมสำหรับอุดฟันในบางท้องที่ ปรอทนำมาใช้ผลิตแสงสว่าง กล่าวคือ กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านไอปรอทในหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์จะสร้างแสงอัลตราไวโอเลตคลื่นสั้น ก่อให้เกิดฟอสเฟอร์ ทำให้หลอดเรืองแสง และเกิดเป็นแสงสว่างขึ้นมา ==อ้างอิง== == แหล่งข้อมูลอื่น == EnvironmentalChemistry.com - Mercury. Material Safety Data Sheet - Mercury. Hg 80 Mercury. Global Mercury Assessment report 2002 by the UNEP. A summary of the previous report by the industry lobbying group GreenFacts. [http://guru.sanook.com/796/]. โลหะหลังทรานซิชัน โลหะมีสกุล ปรอท ธาตุเคมี วัสดุศาสตร์ อาชีวอนามัยและความปลอดภัย
thaiwikipedia
1,992
บารุค สปิโนซา
เบเนดิคตัส เดอ สปิโนซา หรือ บารุค สปิโนซา หรือชื่อในภาษาลาตินของเขาคือ เบเนดิก (24 พ.ย. ค.ศ. 1632 (พ.ศ. 2175) - 21 ก.พ. ค.ศ. 1677 (พ.ศ. 2220) จากผู้อาวุโสชาวยิว และเป็นที่รู้จักในชื่อ เบนโต เดอ สปิโนซา หรือ เบนโต เอสปิโนซา ในชุมชนที่เขาได้เติบโตขึ้น   เรอเน เดส์การตส์ กอทท์ฟรีด ไลบ์นิซ และสปิโนซา) เป็นนักเหตุผลนิยมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของปรัชญาคริสต์ศตวรรษที่ 17   เขาได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้ริเริ่มการวิพากษ์เกี่ยวกับไบเบิล ผลงานชิ้นสำคัญของเขาคือหนังสือ จริยศาสตร์ == ประวัติ == สปิโนซา เกิดที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ในปี 1632 พ่อแม่เป็นชาวฮอลแลนด์ที่มีเชื้อสายยิว เข้าเรียนที่โรงเรียนของชาวยิวที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ที่ซึ่งท่านได้เรียนรู้ข้อคำสอนต่าง ๆ ของชาวยิว รวมไปถึงปรัชญาของชาวยิวอีกด้วย การที่ท่านได้เรียนปรัชญาของชาวยิวนี้เอง ทำให้ท่านปฏิเสธความคิดของกลุ่มชาวยิว ท่านได้เรียนและให้ความสนใจกับลัทธิเหตุผลนิยมและวิธีการทางคณิตศาสตร์มากเป็นพิเศษ ทำให้ความคิดของท่านแตกต่างไปจากนักเรียนชาวยิวคนอื่น ๆ และในที่สุดท่านก็ไม่ได้รับการยอมรับจากบรรดาชาวยิว และถูกขับไล่ในจากศาลาธรรมของชาวยิวในปี 1665 โดยข้อหาสอนคำสอนที่ผิดไปจากศาสนายิว หลังจากที่ถูกขับไล่ ท่านได้ย้ายไปอยู่ทางตอนใต้ของฮอลแลนด์ ที่นั่นเองที่ท่านได้ตั้งระบบความคิดของท่าน และในที่สุดท่านก็สิ้นชีวิตที่เมืองแห่งนี้เอง ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 1677 อย่างสงบและเรียบง่าย ==อ้างอิง== บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2175 สปิโนซา, บารุค นักปรัชญาชาวยิว บุคคลจากอัมสเตอร์ดัม นักปรัชญายุคเรืองปัญญา นักปรัชญาการเมือง ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยไลเดิน
thaiwikipedia
1,993
5 มิถุนายน
วันที่ 5 มิถุนายน เป็นวันที่ 156 ของปี (วันที่ 157 ในปีอธิกสุรทิน) ตามปฏิทินสุริยคติแบบเกรกอเรียน เมื่อถึงวันนี้จะยังเหลือวันอีก 209 วันในปีนั้น == เหตุการณ์ == พ.ศ. 2392 (ค.ศ. 1849) - เดนมาร์ก เริ่มปกครองในระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2436 (ค.ศ. 1893) - พระยอดเมืองขวาง เจ้าเมืองคำม่วนได้ต่อสู้รักษาเมืองฆ่าทหารญวนและฝรั่งเศสตาย 19 คนกลายเป็นจุดเริ่มต้นคดีพระยอดเมืองขวาง พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) - สงครามโบเออร์ครั้งที่ 2: ทหารอังกฤษ เข้ายึดเมืองพริทอเรีย เมืองหลวงของแอฟริกาใต้ พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) - สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง: สหรัฐฯ จัดให้มีการเกณฑ์ทหารเพื่อไปร่วมรบในสงคราม พ.ศ. 2487 (ค.ศ. 1944) - สงครามโลกครั้งที่สอง: เครื่องบินทิ้งระเบิดของสหราชอาณาจักรมากกว่า 1,000 ลำ หย่อนระเบิดกว่า 5,000 ตัน ถล่มกองร้อยทหารปืนใหญ่ที่ประจำการบนหาดนอร์ม็องดีในการเตรียมพร้อมก่อนวันดีเดย์ พ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) - พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช ทรงหว่านข้าวที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อำเภอบางเขน พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) - แผนมาร์แชล: จอร์จ มาร์แชล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปาถกฐา ณ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เรียกร้องให้ช่วยเหลือชาติในยุโรปหลังสงคราม พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959) - รัฐบาลชุดแรกของประเทศสิงคโปร์เข้าสาบานตนรับตำแหน่ง พ.ศ. 2510 (ค.ศ. 1967) - สงครามหกวันเริ่มต้นขึ้นเมื่ออิสราเอลโจมตีอียิปต์ จอร์แดน และซีเรียทางอากาศ พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972) - จัดการประชุมสหประชาชาติเรื่องสิ่งแวดล้อมมนุษย์ที่กรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน พ.ศ. 2518 (ค.ศ. 1975) - คลองสุเอซเปิดการจราจรเป็นครั้งแรก หลังจากสงครามหกวัน พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - แอปเปิล คอมพิวเตอร์ วางจำหน่ายแอปเปิลทู เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลชนิดแรก พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรครายงานว่าชายรักร่วมเพศ 5 คนในลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย มีอาการของโรคปอดอักเสบในแบบที่พบได้ยาก ซึ่งพบได้เฉพาะในผู้ป่วยที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ (นับเป็นผู้ป่วยโรคเอดส์กลุ่มแรก) พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) - รัฐบาลอินเดีย เตรียมแผนโอบล้อมและจู่โจม สุวรรณวิหาร ในอมฤตสาร์ เพื่อปราบปรามกองกำลังของผู้นับถือศาสนาสิกข์ นำโดยจาเนลสิงห์ ภินทรวาล พ.ศ. 2538 (ค.ศ. 1995) - นักฟิสิกส์สังเคราะห์ของเหลวผลควบแน่นโบส-ไอน์สไตน์ ซึ่งเป็นสถานะใหม่ของสสารได้เป็นครั้งแรก พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) - พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตรองนายกรัฐมนตรี นำจอร์จ บุช อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะนายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) - มูลนิธิมอซิลลาเปิดตัวโปรแกรมค้นดูเว็บ มอซิลลา 1.0 พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) - เซอร์เบีย ได้เเยกตัวและประกาศยุบ ประเทศเซอร์เบียและมอนเตเนโกร อย่างเป็นทางการ == วันเกิด == พ.ศ. 2266 (ค.ศ. 1723) - แอดัม สมิท นักเศรษฐศาสตร์ชาวสกอต (ถึงแก่กรรม 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2333) พ.ศ. 2362 (ค.ศ. 1819) - จอห์น คุช อดัมส์ นักคณิตศาสตร์และนักดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 21 มกราคม พ.ศ. 2434) พ.ศ. 2426 (ค.ศ. 1883) - จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ นักเศรษฐศาสตร์ชาวอังกฤษ (ถึงแก่กรรม 21 เมษายน พ.ศ. 2489) พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) - ผ่องศรี วรนุช นักร้องราชินีลูกทุ่งหญิงคนแรกของไทย พ.ศ. 2486 (ค.ศ. 1943) - โทนี มิลลิงตัน อดีตนักฟุตบอลชาวเวลส์ (ถึงแก่กรรม 5 สิงหาคม พ.ศ. 2558) พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1946) - สรวง สันติ นักร้อง นักแต่งเพลงชาวจังหวัดสุโขทัย (ถึงแก่กรรม 23 มกราคม พ.ศ. 2525) พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950) - สุเทพ ประยูรพิทักษ์ นักแสดงชายชาวไทย พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) - ร็อบ กามัน นักมวยไทยและคิกบ็อกเซอร์อดีตแชมป์โลก 9 สมัยชาวดัตช์ พ.ศ. 2512 (ค.ศ. 1969) - ไบรอัน แม็กไนต์ นักร้อง นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์เพลง ชาวอเมริกัน พ.ศ. 2514 (ค.ศ. 1971) - มาร์ก วาห์ลเบิร์ก นักแสดงชาวอเมริกัน พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) - พัน พลุแตก ผู้บรรยาย พิธีกร และนักแสดงตลก พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) * ฟ้าสั่ง พ.ธวัชชัย นักมวยสากลชาวไทย *นุ้ย เชิญยิ้ม นักแสดงตลก นักแสดง และพิธีกรชาวไทย พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - เจษฎาภรณ์ ผลดี นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) - สุธี สุขสมกิจ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - สินิทธา บุญยศักดิ์ นักแสดงหญิงชาวไทย พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) - กานต์ชนิต ซำมะกุล นักแสดง, นางแบบชาวไทย พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) - เชื้อชาตินที วงษ์สวัสดิ์ปภา นักแสดงชาวไทย พ.ศ. 2531 (ค.ศ. 1988) - โอสมาร์ (นักฟุตบอล) นักฟุตบอลชาวสเปน พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) * คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ นักแสดง นายแบบชาวไทย * ณัฎฐ์ ทิวไผ่งาม นักร้องชาวไทย พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) - มาร์ติน เบรทเวต นักฟุตบอลชาวเดนมาร์ก พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) - ปชาบดี ตัณฑปุตตะ นักแสดงและพิธีกรชาวไทย พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) * คีแรน เทียร์นีย์ นักฟุตบอลชาวสกอตแลนด์ * สุทัตตา อุดมศิลป์ นักแสดงหญิงชาวไทย พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) * ยูลียา ลิปนิตสกายา นักกีฬาสเกตน้ำแข็งชาวรัสเซีย * ชนิภรณ์ ทรัพย์มี นักแสดงหญิงชาวไทย == วันถึงแก่กรรม == พ.ศ. 1859 (ค.ศ. 1316) - พระเจ้าหลุยส์ที่ 10 แห่งฝรั่งเศส (พระราชสมภพ 4 ตุลาคม พ.ศ. 1832) พ.ศ. 2231 (ค.ศ. 1688) - เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) - โอ. เฮนรี่ นักเขียนชาวอเมริกัน (เกิด 11 กันยายน พ.ศ. 2405) พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) - สตีเฟน เครน นักเขียนชาวอเมริกัน (เกิด 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2414) พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) - โรนัลด์ เรแกน ประธานาธิบดีคนที่ 40 ของสหรัฐฯ (เกิด 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2453) พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) - หลัว จิง ผู้ประกาศข่าวชาวจีน (เกิด 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2504) พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) - ประสพ รัตนากร ผู้ริเริ่มการก่อตั้งโรงพยาบาลประสาทในประเทศไทย (เกิด 24 เมษายน พ.ศ. 2463) == วันสำคัญและวันหยุดเทศกาล == วันรัฐธรรมนูญในประเทศเดนมาร์ก วันชาติเซเชลส์ วันสิ่งแวดล้อมโลกของสหประชาชาติ วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == BBC: On This Day NY Times: On This Day มิถุนายน 05 มิถุนายน
thaiwikipedia
1,994
มวยไทย
มวยไทย เป็นศิลปะการต่อสู้ของประเทศไทย มีความโดดเด่นด้านเทคนิคการกอดคอต่อสู้ ซึ่งเป็นการใช้ทั้งกายและใจ สำหรับการต่อสู้ที่ใช้ร่างกายเป็นอาวุธ โดยเป็นที่รู้จักว่าเป็น "นวอาวุธ" ซึ่งประกอบด้วยการโจมตีจากร่างกายทั้ง หมัด, ศอก, เข่า และเท้า หากมีการเตรียมพร้อมด้านร่างกายดี จะก่อให้เกิดอาวุธที่มีอานุภาพ มวยไทยได้เป็นที่แพร่หลายในระดับนานาชาติในช่วงศตวรรษที่ยี่สิบ เมื่อเหล่านักมวยไทยสามารถเป็นฝ่ายชนะนักต่อสู้ที่มีชื่อเสียงในแขนงอื่น ซึ่งการแข่งขันมวยไทยในระดับอาชีพ ได้รับการดูแลโดยสภามวยไทยโลก ปัจจุบัน ทางสหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ (IFMA) มีแผนที่จะผลักดันกีฬามวยไทยเข้าสู่กีฬาโอลิมปิก และใน พ.ศ. 2557 ทางองค์การสหประชาชาติได้ให้การยอมรับมวยไทยเป็นกีฬาแห่งประชาคมโลก โดยได้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับสภามวยไทยโลก และสหพันธ์มวยไทยสมัครเล่นนานาชาติ == ประวัติศาสตร์มวยไทย == ประวัติศาสตร์อันยาวนานของมวยไทยเริ่มมีและใช้กันในการสงครามในสมัยก่อน ซึ่งแตกต่างจากมวยไทยในปัจจุบันที่ใช้เป็นการกีฬา โดยมีการใช้นวมขึ้นเพื่อป้องกันการอันตรายที่เกิดขึ้น มวยไทยยังคงได้ชื่อว่า ศาสตร์การโจมตีทั้งแปด ซึ่งรวม สองมือ สองเท้า สองศอก และสองเข่า (บางตำราอาจเป็น นวอาวุธ ซึ่งรวมการใช้ศีรษะโจมตี หรือ ทศอาวุธ ซึ่งรวมการใช้บั้นท้ายกระแทกโจมตี) มวยไทยสืบทอดมาจากมวยโบราณ ซึ่งแบ่งออกเป็นแต่ละสายตามท้องที่นั้น ๆ โดยมีสายสำคัญหลัก เช่น มวยท่าเสา (ภาคเหนือ) มวยโคราช (ภาคอีสาน) มวยไชยา (ภาคใต้) มวยลพบุรีและมวยพระนคร (ภาคกลาง) มีคำกล่าวไว้ว่า "หมัดหนักโคราช ฉลาดลพบุรี ท่าดีไชยา ไวกว่าท่าเสา" ในสมัยโบราณจะมี สำนักเรียน (สำนักเรียนมวย แตกต่างจาก ค่ายมวย คือ สำนักเรียนจะมีเจ้าสำนัก หรือ ครูมวย ซึ่งมีฝีมือและชื่อเสียงเป็นที่เคารพรู้จัก มีความประสงค์ที่จะถ่ายทอดวิชาไม่ให้สูญหาย โดยมุ่งเน้นถ่ายทอดให้เฉพาะศิษย์ที่มีความเหมาะสม ส่วน ค่ายมวย เป็นที่รวมของผู้ที่ชื่นชอบในการชกมวย มีจุดประสงค์ที่จะแลกเปลี่ยนวิชาความรู้เพื่อนำไปใช้ในการแข่งขัน-ประลอง) โดยแยกเป็น สำนักหลวง และ สำนักราษฎร์ บ้างก็ฝึกเรียนร่วมกับเพลงดาบ กระบี่ กระบอง พลอง ทวน ง้าวและมีดหรือการต่อสู้อื่น ๆ เพื่อใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัวและใช้ในการสงคราม มีทั้งพระมหากษัตริย์และขุนนางแม่ทัพนายกองและชาวบ้านทั่วไป (ส่วนใหญ่เป็นชาย) และจะมีการแข่งขันต่อสู้-ประลองกันในงานวัด และงานเทศกาลโดยมีค่ายมวยและสำนักมวยต่างๆ ส่งนักมวยและครูมวยเข้าแข่งขันชิงรางวัล-เดิมพัน โดยยึดความเสมอภาค บางครั้งจึงมีตำนานพระมหากษัตริย์หรือขุนนางที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ปลอมตนเข้าร่วมแข่งขันเพื่อทดสอบฝีมือที่เป็นที่ปรากฏได้แก่ พระเจ้าเสือ (ขุนหลวงสรศักดิ์) พระเจ้าตากสินมหาราช พระยาพิชัยดาบหัก ครูดอก แขวงเมืองวิเศษไชยชาญ จนเมื่อไทยเสียกรุงแก่พม่า ปรากฏชื่อนายขนมต้ม ครูมวยชาวอยุธยา ซึ่งถูกกวาดต้อนเป็นเชลยศึกได้ชกมวยกับชาวพม่า ชนะหลายครั้งเป็นที่ปรากฏถึงความเก่งกาจเหี้ยมหาญของวิชามวยไทย ในสมัยอยุธยา ตอนปลายได้มีการจัดตั้งกรมทนายเลือกและกรมตำรวจหลวงขึ้นมีหน้าที่ในการให้การคุ้มครองกษัตริย์และราชวงศ์ ได้มีการฝึกหัดวิชาการต่อสู้ทั้งมวยไทยและมวยปล้ำตามแบบอย่างแขกเปอร์เซีย (อิหร่าน) จึงมีครูมวยไทยและนักมวยที่มีฝีมือเข้ารับราชการจำนวนมากและได้แสดงฝีมือในการต่อสู้ในราชสำนักและหน้าพระที่นั่งในงานเทศกาลต่างๆสืบต่อกันมาเป็นประจำ และเป็นที่น่าสังเกตว่า กองทัพกู้ชาติของพระเจ้าตาก ล้วนประกอบด้วยนักมวยและครูมวยที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นจำนวนมาก ถึงกับได้มีการจัดตั้งเป็นหน่วยรบพิเศษ 3 กอง คือ กองทนายเลือก กองพระอาจารย์ และกองแก้วจินดา ซึ่งได้ปฏิบัติภารกิจที่สำคัญที่ทำให้คนไทยสิ้นความหวาดกลัวต่อทัพพม่า ในการรบที่บ้านนางแก้ว ราชบุรี จนอาจเรียกได้ว่า มวยไทยกู้ชาติ == มวยไทยสมัยรัตนโกสินทร์ == กีฬามวยไทยได้รับความนิยมมากในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ยุคที่นับว่าเฟื่องฟูที่สุดคือ รัชกาลที่ 5 พระองค์ได้ศึกษาฝึกฝนการชกมวยไทยและโปรดให้จัดการแข่งขันชกมวยหน้าพระที่นั่งโดยคัดเลือกนักมวยฝีมือดีจากภาคต่างๆ มาประลองแข่งขัน และพระราชทานแต่งตั้งให้มีบรรดาศักดิ์ ทั้งยังโปรดให้กรมศึกษาธิการ บรรจุการสอนมวยไทยเป็นวิชาบังคับ ในโรงเรียนฝึกหัดครูพลศึกษา มีการชกมวยถวายหน้าพระที่นั่งเป็นประจำจนถึงสมัย รัชกาลที่ 6 ที่วังสวนกุหลาบ ทั้งการต่อสู้ประลองระหว่างนักมวย กับครูมวยชาวไทยด้วยกัน และการต่อสู้ระหว่างนักมวย กับครูมวยต่างชาติ ในการแข่งขันชกมวยในสมัยรัชกาลที่ 6 ระหว่างมวยเลี่ยะผะ (กังฟู) ชาวจีนโพ้นทะเล ชื่อนายจี่ฉ่าง กับ นายยัง หาญทะเล ศิษย์เอกของ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ มีท่าจรดมวยแบบมวยโคราช ซึ่งเน้นการยืดตัวตั้งตระหง่านพร้อมที่จะรุกและรับโดยเน้นการใช้เท้าและหมัดเหวี่ยง และต่อมาได้เป็นแบบอย่างในการฝึกหัดมวยไทยในสถาบันพลศึกษาส่วนใหญ่ สมัย รัชกาลที่ 7 ในยุคแรกการแข่งขันมวยไทยใช้การพันมือด้วยเชือก จนกระทั่งนายแพ เลี้ยงประเสริฐ นักมวยจากท่าเสา จังหวัดอุตรดิตถ์ ต่อยนายเจียร์ นักมวยเขมร ด้วยหมัดเหวี่ยงควายถึงแก่ความตาย จึงเปลี่ยนมาสวมนวมแทน ต่อมาเริ่มมีการกำหนดกติกาในการชก และมีเวทีมาตรฐานขึ้นแห่งแรกคือเวทีมวยลุมพินีและเวทีมวยราชดำเนินจัดแข่งขันมวยไทยมาจนปัจจุบัน แต่คำว่า มวยไทย มีมาใช้ในยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายชาตินิยม ในยุคที่มี น.ต.หลวงศุภชลาศัย ร.น. เป็นอธิบดีกรมพลศึกษา มีการออกพระราชบัญญัติมวยไทย ซึ่งแต่เดิมมวยไทยจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปตามท้องถิ่น เช่น มวยโคราช, มวยไชยา และรวมถึงการก่อสร้างเวทีมวยมาตรฐานจวบจนปัจจุบัน คือ เวทีมวยลุมพินี และเวทีมวยราชดำเนิน ==== ครูมวยไทยที่มีชื่อเสียงในแต่ละยุค ==== ==== ยุคอดีต ==== กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ยัง หาญทะเล นิล ปักษี หลวงวิศาลดรุณกร (อั๋น สาริกบุตร) ครูสุนทร (กิมเส็ง) ทวีสิทธิ์ ค่ายทวีสิทธิ์ ปรมาจารย์ตันกี้ ยนตรกิจ (เตี่ย) ค่ายยนตรกิจ ครูเขตร ศรียาภัย ==== ยุคปัจจุบัน ==== ครูแสวง ศิริไปล่ (ว.พลศึกษา) - เสียชีวิตแล้ว ครูบัว วัดอิ่ม (วัดอิ่ม) - เสียชีวิตแล้ว ครูสนอง รักวานิช (ค่ายเมืองสุรินทร์) - เสียชีวิตแล้ว ครูไฉน ผ่องสุภา (ค่ายศศิประภายิม) - เสียชีวิตแล้ว ครูทองหล่อ ยาและ ครูชาติชาย (สำนักดาบอาทมาฎนเรศวร) ครูแปรง ประธานมูลนิธิมวยไทยไชยาแห่งประเทศไทย ครูตุ๊ย ยอดธง เสนานันท์ ครูผจญ เมืองสนธิ์ ครูจรวย แก่นวงษ์คำ ครูวิชิต ชี้เชิญ ครูสงวน มีระหงษ์ ครูปราโมทย์ หอยมุกข์ (ค่ายหนองกี่พาหุยุทธ์) บุรีรัมย์ ครูเลาะห์ มะลิพันธ์ (ค่ายศิษย์ขุน) สงขลา ครูครื้น อรัญดร (ค่ายชำณาญวารี) หาดใหญ่ ครูโพธิ์สวัสดิ์ แสงสว่าง ครูหมู ผุดผาดน้อย วรวุฒิ ครูชาญณรงค์ สุหงษา ครูอำนวย เกษบำรุง (โรงเรียนมวยไทยนานาชาติ) รังสิต ครูวิชิต ไพรอนันต์ (ฉลามขาว) ครู สุรัตน์ เสียงหล่อ (ค่ายเดชรัตน์) ครูยุทธนา วงษ์บ้านดู่ ครูเล็ก (บ้านช่างไทย) ครูเจริญทอง เกียรติบ้านช่อง ครูมัด (บ้านภูวศักดิ์) ครูอาจารย์ชัย ศิริสูตร ครูอำนาจ พุกศรีสุข ครูทวีพงษ์ ชัยกูล ลุงรักชาติราชบุรี (ศูนย์ศึกษาพาหุยุทธ์ชาวสยาม) ครูโด่ง รางพิกุลน้องโด่ง ดึงดาว === นักมวยไทยมีชื่อเสียง === == หลักการชกมวยไทย == การชกมวยไทยที่ดี มีหลักสำคัญ คือ มีการป้องกัน ด้วยการยืน มั่นคง เข้มแข็ง สูงเด่น การตั้งแขนป้องกัน (การการ์ดมวย) และการเก็บคาง เปรียบเสมือนป้อมปราการ เท้าหน้า จรดชี้ไปข้างหน้าวางน้ำหนักครึ่งฝ่าเท้า เท้าหลัง วางทแยงเฉียงกว้างกว่าหัวไหล่วางน้ำหนักเศษหนึ่งส่วนสี่ไว้ที่อุ้งนิ้วหัวแม่โป้ง ขยับก้าวด้วยการลากเท้าหลังตามพร้อมที่จะหลอกล่อ ขยับเข้า ออก ตั้งรับและโจมตีตอบโต้ แขนหน้ายกกำขึ้นอย่างน้อยเสมอไหล่ หรือจรดสันแก้ม แขนหลังยกกำขึ้นจรดแก้ม ศอกทั้งสองข้างไม่กางออกและไม่แนบชิด ก้มหน้าเก็บคาง ตาเขม็งมองไปตรงหว่างอกของคู่ต้อสู้ พร้อมที่จะเห็นการเคลื่อนไหวทุกส่วน เพื่อที่จะรุก รับ หรือตอบโต้ด้วยแม่ไม้ ลูกไม้และการแจกลูกต่างๆ มีการเคลื่อนไหวที่องอาจมีจังหวะ มีการล่อหลอกและขู่ขวัญที่มีการเปรียบเทียบว่า "ประดุจพญาราชสีห์ และพญาคชสีห์" อาวุธมวยที่ออกไป ต้องมีเป้าหมายและจุดประสงค์แน่นอน (แต่มักซ้อนกลลวงไว้) มีการต่อสู้ระยะไกล (วงนอก) และระยะประชิด (วงใน) และมีทีเด็ดทีขาดในการพิชิตคู่ต่อสู้ และแม่ไม้มวยไทย เป็นท่าต่อสู้ของวิชามวยไทยที่สำคัญที่สุด == มวยไทยกับเยาวชน == ในปี พ.ศ. 2552 นั้นประเทศไทยมีนักมวยเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี เป็นจำนวนมากกว่า 20,000 คน นักมวยไทยเยาวชนส่วนมากนั้นอยู่ในพื้นที่ชนบท แม้จะมีความรักและชื่นชอบในมวยไทยอยู่บ้างแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ส่วนใหญ่มีความจำเป็นในการเรียนรู้ศิลปะแม้ไม้มวยไทยเพื่อความอยู่รอด หรือใช้สร้างรายได้แบ่งเบาภาระให้กับครอบครัว การเรียนรู้ศิลปะมวยไทยนั้นได้ให้อะไรหลายๆอย่างที่เป็นผลดีแก่เด็ก อาทิ ปลูกฝังวินัยในการใช้ชีวิตจากการฝึกซ้อม ปลูกฝังความรู้ในการใช้มวยไทยเพื่อป้องกันตัวในยามคับขันโดยนำไปใช้ในสถานการณ์จริงได้ หรือมีความรู้สึกรักและหวงแหนศิลปะการต่อสู้อันเป็นสมบัติของชาติ แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้นการเรียนรู้ศิลปะแม้ไม้มวยไทยแบบเก่าก็ได้ให้ผลเสียทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่เด็กด้วยเช่นกัน อาทิ ผลกระทบทางสมองของเด็ก อาการบาดเจ็บจากการขึ้นชกบนเวที ต่อมาทางหน่วยงานรัฐบาลจึงมีกฎหมาย ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยจากอาการบาดเจ็บทางด้านร่างกาย และสมองต่อเด็กเยาวชนโดยที่ไม่เป็นการยกเลิกมวยไทยในเยาวชนเนื่องจากยังเล็งเห็นประโยชน์ของการอนุรักษ์ศิลปะมวยไทยในเด็กเยาวชนให้สืบสานต่อไปได้ จึงทำให้เกิดการร่างกติกาสำหรับมวยเยาวชนขึ้นมาใหม่ อาทิ มีเครื่องป้องกันที่มากขึ้น กติกาห้ามชกแบบรุนแรงบนใบหน้า เน้นการเรียนรู้ในเรื่องการใช้ท่าทางต่างๆเป็นหลักมากกว่าการขึ้นชกมวยบนเวทีแบบเอาเป็นเอาตายของเด็กเยาวชน ภาคส่วนต่างๆในสังคมไทย ทั้งหน่วยงานรัฐ และภาคเอกชนยังช่วยปลูกฝังความรักและหวงแหนในศิลปะมวยไทยไปสู่เด็กเยาวชนมาโดยตลอด อาทิ การบรรจุวิชามวยไทยลงในชุดการสอนของกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาเป็นหลักสูตรการศึกษาภาคบังคับสำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมในทุกโรงเรียนทั่วประเทศ มีการอบรมเชิงปฏิบัติการศิลปะมวยไทยเพื่อการป้องกันตัวให้แก่ครูผู้สอนพลศึกษา ตลอดจนถึงการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นแฟนตาซีผสมผสานกับมวยไทยของเอกชน เรื่อง 9 ศาสตรา == มวยไทยกับการออกกำลังกาย == การออกกำลังกายด้วยวิธีการใช้หมัด เข่า ศอก และเท้า ตามแบบฉบับของมวยไทย ทำให้อวัยวะหลายๆส่วนของร่างกายเกิดการเคลื่อนไหว มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน กระชับสัดส่วน อีกทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกาย กล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นมีส่วนช่วยทำให้อัตราการเผาผลาญพลังงานมากขึ้นตามไปด้วย ส่งผลให้มีพละกำลังมากขึ้น การชกมวยไทยเพียงหนึ่งชั่วโมงสามารถเผาผลาญแคลอรีได้ถึง 1,000 แคลอรี จากงานวิจัยพบว่าการออกกำลังกายด้วยมวยไทยในกลุ่มผู้สูงอายุมีส่วนช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจดีขึ้น รวมทั้งช่วยในการทรงตัวของร่างกาย การนำมวยไทยไปประยุกต์ใช้ในการออกกำลังกาย เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆในสังคมไทย ทั้งในดารา นักแสดง ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันอาทิ ยิปซี คีรติ เบเบ้ ธันย์ชนก เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ ศุกลวัฒน์ คณารศและ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ เป็นต้น ความนิยมนั้นยังมีตลอดไปจนถึงผู้ประกอบอาชีพอื่นๆ ทั้งเพศหญิงและเพศชาย สอดคล้องกับจำนวนยิมฝึกมวยไทยที่มีมากขึ้นในตอนต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 21 เหตุผลอันสำคัญหนึ่งที่ทำให้การออกกำลังกายด้วยมวยไทยเป็นที่นิยมนั่นคือความสนุกสนานและท้าทาย == ความนิยมของมวยไทยในชาวต่างชาติ == มวยไทยเริ่มมีชื่อเสียงในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 และมีชื่อเสียงอย่างมากในต่างประเทศในตอนต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 21 ผ่านการถ่ายทอดทางสื่อต่างๆทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อันช่วยส่งเสริมมวยไทยในวัฒนธรรมสมัยนิยม อาทิ ภาพยนตร์ และวีดีโอเกม เป็นต้น ความนิยมของมวยไทยในชาวต่างชาตินั้นสูงขึ้นกว่าในอดีต วัดได้จากการเก็บสถิติของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2559 โดยพบว่ามีชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อเรียนมวยไทยจำนวนมากกว่า 50,000 คน ซึ่ง 10 อันดับแรก มีดังต่อไปนี้ สหราชอาณาจักร จำนวน 11,219 คน ออสเตรเลีย 6,800 คน ฝรั่งเศส 5,852 คน เยอรมัน 4,688 คน สวีเดน 4,253 คน รัสเซีย 2,183 คน เดนมาร์ก 1,855 คน ญี่ปุ่น 1,841 คน นิวซีแลนด์ 1,781 คน และสเปน 1,633 คน ซึ่งความนิยมดังกล่าวยังส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยอีกด้วย โดยที่ในปี พ.ศ. 2561 มวยไทยได้สร้างรายได้เข้าประเทศกว่าหนึ่งแสนล้านบาท ส่งผลให้ในเวลาต่อมาทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้เล็งเห็นความสำคัญของมวยไทย ทำการส่งเสริมโดยจัดทำหนังสือคู่มือมวยไทยแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในภาษาอังกฤษ ภายใต้ชื่อ "AWESOME MUAY THAI" ทั้งแบบเป็นหนังสือกระดาษทั่วไปและหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ จากความนิยมของมวยไทยดังกล่าวในชาวต่างชาติ ทำให้ในปี พ.ศ. 2556 มีค่ายมวยไทยในต่างประเทศเป็นจำนวนถึง 3,869 แห่ง และมีค่ายมวยไทยในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2561 เป็นจำนวนถึง 5,100 แห่ง โดย 5 ประเทศที่มีค่ายสอนมวยไทยมากที่สุด มีดังต่อไปนี้ บราซิล 1,631 แห่ง อิหร่าน 650 แห่ง อินเดีย 256 แห่ง โมร็อกโก 220 แห่ง และสหรัฐ 190 แห่ง == การถ่ายทอดการแข่งขัน == การถ่ายทอดสดการแข่งขันที่จัดประจำสัปดาห์ ส่วนมากจะออกอากาศในวันเสาร์ หรือ วันอาทิตย์ มีการพนันอย่างกว้างขวางเพราะมีกฎหมายรองรับ ยกตัวอย่างประเทศที่มีการถ่ายทอดประจำทางโทรทัศน์ดังนี้ ประเทศไทย มี สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 สถานีโทรทัศน์ไทยรัฐทีวี สถานีโทรทัศน์ทรูโฟร์ยู สถานีโทรทัศน์จีเอ็มเอ็ม 25 (GMM25) สถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี สถานีโทรทัศน์อมรินทร์ทีวี สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สถานีโทรทัศน์ไอทีวี สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมทีสปอร์ตแชนแนล (T-Sports Channel) สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมไทยทีวีโกลบอลเน็ตเวิร์ก (TGN) สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องสปอร์ต พลัส (Sports Plus) สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องซุปเปอร์เช็ง (SuperCheng.TV) สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอสเอ็มเอ็มทีวี (SMMTV) สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องจ๊ะทิงจา (Ja Ting Ja TV) สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ สถานีโทรทัศน์ไบรท์ทีวี สถานีโทรทัศน์นาว 26 สถานีโทรทัศน์เวิร์คพอยท์ทีวี สถานีโทรทัศน์พีพีทีวี สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เอสดี (3 SD) สถานีโทรทัศน์ช่องวัน สถานีโทรทัศน์ทีนิวส์ สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องทีวี 24 (TV 24) เป็นต้น ลาว มี ลาวสตาร์ เป็นต้น กัมพูชา มี TV3 สถานีโทรทัศน์กองยุทธพลเขมรภูมินทร์ ซีทีเอ็น บายน ทีวี เป็นต้น == ดูเพิ่ม == มวยคาดเชือก == อ้างอิง == == อ่านเพิ่ม == Muay Thai The Essential Guide To The Art of Thai Boxing. Tony Moore. New Holland. . Wei, Lindsey (2020) Path of the Spiritual Warrior: Life and Teachings of Muay Thai Fighter Pedro Solana. Auckland: Purple Cloud Press, ศิลปะการต่อสู้แบบผสม กีฬาที่มีต้นกำเนิดในประเทศไทย
thaiwikipedia
1,995
เฮนรี่ ฟอร์ด
redirect เฮนรี ฟอร์ด
thaiwikipedia
1,996
ริชาร์ด ไฟยน์แมน
redirect ริชาร์ด ไฟน์แมน
thaiwikipedia
1,997
รูปีเนปาล
รูปีเนปาล (Nepali Rupee) (รหัสสากลตาม ISO 4217 NPR) เป็นสกุลเงินตราประจำชาติของประเทศเนปาล ตั้งแต่สมัยราชอาณาจักรเนปาล ธนบัตรที่ใช้แพร่หลายในปัจจุบันมี 10 แบบ คือ 1,000 รูปี 500 รูปี 100 รูปี (สีเขียว) 50 รูปี (สีน้ำเงิน) 25 รูปี 20 รูปี (สีส้ม) 10 รูปี (สีเขียวสลับเหลือง) 5 รูปี (สีชมพู) 2 รูปี และ 1 รูปี สกุลเงินเอเชีย
thaiwikipedia
1,998
สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ศาสตราภิชาน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (เกิด 15 กรกฎาคม 2496) ประธานพรรคสร้างอนาคตไทยอดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตประธานกรรมการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ อดีตรองประธานกรรมการคนที่ 1 ในคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ และอดีตรองประธานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ อดีตเคยดำรงตำแหน่งรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ดูแลด้านเศรษฐกิจ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีดร.ทักษิณ ชินวัตร และเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหลายสมัย และยังเป็นที่ปรึกษาและอดีตสมาชิกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 122/2557) == ประวัติ == สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ชื่อเล่นชื่อว่า กวง เกิดเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2496 ที่กรุงเทพมหานคร ฝั่งพระนครเป็นคนไทยเชื้อสายจีนฮกเกี้ยน จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จบการศึกษาปริญญาตรี เศรษฐศาสตร์การคลัง และ เศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท MBA สาขาบริหารการเงิน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า และปริญญาเอก สาขาบริหารธุรกิจ เน้นการจัดการด้านการตลาด ที่ Kellogg School of Management, มหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น สหรัฐอเมริกา เขาได้รับการแต่งตั้งเป็น ศาสตราภิชาน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ชีวิตส่วนตัว สมรสกับ นางอนุรัชนี จาตุศรีพิทักษ์ (สกุลเดิม "ภิงคารวัฒน์") ในปี 2550 มีบุตร 3 คน ได้แก่ ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ (สมรสกับ อาจารย์วณิศรา บุญยะลีพรรณ) ดร. ณพล จาตุศรีพิทักษ์ (สมรสกับ ภาวิณี ปราณีประชาชน) และ นาย ณฉัตร จาตุศรีพิทักษ์ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ นาย ณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อภิรดี ตันตราภรณ์ == การทำงาน == เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กระทรวงการคลัง ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กรรมการ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย กรรมการบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กรรมการบริษัท เดอะ แมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) ที่ปรึกษา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรรมการในอนุกรรมการพิจารณารับและเพิกถอนหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) นายกสภามหาวิทยาลัยกรุงเทพ รองประธานคณะกรรมการกลาง มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ กรรมการสภามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ประเภทผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ === งานการเมือง === เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (ทนง พิทยะ) ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร) ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ศ.สม จาตุศรีพิทักษ์) ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร 17 กุมภาพันธ์ 2544 – 9 ตุลาคม 2544 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 9 ตุลาคม 2544 – 3 ตุลาคม 2545 รองนายกรัฐมนตรี 3 ตุลาคม 2545 – 8 กุมภาพันธ์ 2546 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 8 กุมภาพันธ์ 2546 – 9 มีนาคม 2547 รองนายกรัฐมนตรี 10 มีนาคม 2547 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 11 มีนาคม 2548 รองนายกรัฐมนตรี 11 มีนาคม 2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 2 สิงหาคม 2548 รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 15 กุมภาพันธ์ 2550 – 21 กุมภาพันธ์ 2550 ประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ === ชีวิตภายหลังการรัฐประหาร 2549 === สมคิด ได้ชื่อว่าเป็นขุนพลเศรษฐกิจคนสำคัญของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยที่นโยบายประชานิยม หรือนโยบายเศรษฐกิจหลายอย่างก็มาจากแนวความคิดของสมคิดเอง ในระหว่างการทำงานการเมืองได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีภาพลักษณ์ดี เพราะเก่งกาจ มีความเชี่ยวชาญสามารถคนหนึ่ง หลังรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ได้ทำการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย หลังจากนั้นได้เป็นหนึ่งในตัวแทนกลุ่มมัชฌิมา หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ให้เป็นผู้ทำความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงกับต่างชาติโดยเฉพาะไทยกับญี่ปุ่น แต่เป็นได้เพียงไม่กี่วันก็ลาออกไป เนื่องจากแรงกดดันจากหลายฝ่าย ต่อมาในปี 2550 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกยุบในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 จากนั้นจึงร่วมในการก่อตั้งพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา โดยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาพรรค ในวันที่ 17 สิงหาคม 2552 เขาขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป้นโจทก์ฟ้องความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฉ้อโกง ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน ความผิดต่อพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ ความผิดต่อพระราชบัญญัติ ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษายกฟ้อง สมคิด ยังนับได้ว่าเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในฐานะแกนนำกลุ่ม ส.ส. ซึ่งสื่อมวลชนให้ชื่อกลุ่มแกนนำนี้ว่า "8ส.+ส.พิเศษ" อันประกอบด้วย สมศักดิ์ เทพสุทิน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล สุวิทย์ คุณกิตติ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ สนธยา คุณปลื้ม และสรอรรถ กลิ่นประทุม ส่วน ส.พิเศษ คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ === หลังการรัฐประหาร 2557 === สมคิด ได้เข้ารับหน้าที่ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งนำโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดูแลรับผิดชอบเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ท่ามกลางกระแสข่าวความขัดแย้งกับหม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ จนกระทั่งในเดือนสิงหาคม 2558 สมคิดจึงได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และปรับให้หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เขาเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ กรณีกระทรวงการคลังไล่ออกสาธิต รังคสิริ พ้นจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2559 == เครื่องราชอิสริยาภรณ์ == == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == ประวัติ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จากเว็บไซต์กระทรวงการคลัง นักธุรกิจชาวไทย นักเศรษฐศาสตร์ชาวไทย อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ ศาสตราภิชาน รองศาสตราจารย์ นักการเมืองไทย ชาวไทยเชื้อสายจีน บุคคลจากกรุงเทพมหานคร สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รองนายกรัฐมนตรีไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยแบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย พรรคชาติพัฒนา (พ.ศ. 2550) พรรคพลังประชารัฐ พรรคสร้างอนาคตไทย บุคคลจากโรงเรียนเผยอิง บุคคลจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา บุคคลจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บุคคลจากคณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ บุคคลจากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ป.ช. ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ว.ม. นักการศึกษาธุรกิจ
thaiwikipedia
1,999
เอเชียนเกมส์
เอเชียนเกมส์ (Asian Games; ชื่อย่อ: Asiad) เป็นการแข่งขันกีฬาหลากชนิดระหว่างประเทศในทวีปเอเชีย ซึ่งมีการจัดขึ้นในทุกสี่ปี เริ่มกำหนดการแข่งขันโดยสหพันธ์เอเชียนเกมส์ (The Asian Games Federation; AGF) ตั้งแต่การแข่งขันครั้งแรกถึงครั้งที่ 8 และตั้งแต่เอเชียนเกมส์ครั้งที่ 9 เป็นต้นมา บริหารจัดการแข่งขันโดยสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (Olympic Council of Asia; OCA) ภายใต้การรับรองโดยคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee; IOC) และยังถือได้ว่าเป็นการแข่งขันกีฬาหลากชนิด ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากกีฬาโอลิมปิกด้วย ในประวัติศาสตร์ของเอเชียนเกมส์ มีชาติเจ้าภาพจัดการแข่งขันแล้ว 9 ประเทศ โดยมี 46 ประเทศเข้าร่วม ยกเว้นอิสราเอลซึ่งถูกกีดกันออกจากเอเชียนเกมส์หลังจากที่เข้าร่วมเป็นคราวสุดท้ายใน เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 7 ที่ประเทศอิหร่าน สำหรับเอเชียนเกมส์ครั้งหลังสุดได้จัดขึ้นที่เมืองหางโจวของประเทศจีน ระหว่างวันที่ 23 กันยายน - 8 ตุลาคม พ.ศ. 2566 (ค.ศ. 2023) ซึ่งเลื่อนมาจากปี พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022) เนื่องจากการระบาดทั่วทวีปเอเชียของโควิด-19 และการแข่งขันครั้งต่อไป จะจัดขึ้นที่นครนาโงยะ และจังหวัดไอจิ ของประเทศญี่ปุ่น ในปี พ.ศ. 2569 (ค.ศ. 2026) == ประวัติ == === ยุคกีฬาตะวันออกไกล === เมื่อปี พ.ศ. 2456 (ค.ศ. 1913) อี.เอส.บราวน์ ประธานสมาคมกีฬาแห่งหมู่เกาะฟิลิปปินส์ของสหรัฐอเมริกา (The Philippines Athletic Association) ผู้จัดการแข่งขันกีฬาคาร์นิวัลแห่งกรุงมะนิลา (Manila Carnival Games) เชิญชวนให้สาธารณรัฐจีน และ จักรวรรดิญี่ปุ่น (ชื่อในขณะนั้น) เข้าร่วมการแข่งขัน กีฬาชิงชนะเลิศแห่งตะวันออกไกล (Far East Games) ทว่าในเวลาต่อมา เกิดปัญหาทางการเมืองระหว่างจีนกับญี่ปุ่น การแข่งขันจึงต้องสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2480 (ค.ศ. 1937) หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง มีการประกาศเอกราชเกิดขึ้นเป็นหลายประเทศใหม่ ซึ่งประเทศในเอเชียทั้งหมดต่างก็คาดหวังจะเห็น การแข่งขันกีฬาภายในทวีปรูปแบบใหม่ ที่ไม่มีการใช้อิทธิพลเข้าครอบงำ หากแต่ร่วมกันเสริมสร้างความเข้มแข็ง ภายใต้ความเข้าใจซึ่งกันและกัน === ยุคสหพันธ์เอเชียนเกมส์ === จากนั้นในปี พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) กลุ่มนักกีฬาของสาธารณรัฐประชาชนจีน และฟิลิปปินส์ ซึ่งเข้าร่วมแข่งขันในโอลิมปิกฤดูร้อน ครั้งที่ 14 ที่กรุงลอนดอนของสหราชอาณาจักร มีดำริที่จะฟื้นการแข่งขันกีฬาตะวันออกไกลขึ้นใหม่ อย่างไรก็ตาม กูรู ดัตท์ สนธิ (Guru Dutt Sondhi) ผู้แทนคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งอินเดีย ให้ความเห็นว่า ควรเปิดกว้างให้แก่ทุกประเทศในทวีปเอเชีย สามารถเข้าร่วมการแข่งขันอย่างเท่าเทียมกัน จึงเสนอให้ร่างระเบียบขึ้น เพื่อจัดตั้งขึ้นในรูปสหพันธ์กีฬาแห่งเอเชีย (The Asian Athletic Federation) ต่อมาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) ธรรมนูญองค์กรก็เสร็จสมบูรณ์ พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น สหพันธ์กีฬาเอเชีย (The Asian Games Federation) ถือกำเนิดขึ้นที่กรุงนิวเดลีของอินเดีย ซึ่งเมืองหลวงแห่งนี้เอง ที่เป็นเจ้าภาพการแข่งขันครั้งที่ 1 ของเอเชียนเกมส์ ในอีกสองปีถัดมา (พ.ศ. 2493; ค.ศ. 1950) ระยะต่อมาเกิดปัญหาขึ้น ตั้งแต่ก่อนการแข่งขันครั้งที่ 8 ซึ่งมีกรุงเทพมหานครของไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อปี พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) เนื่องจากสหพันธ์เอเชียนเกมส์ ออกมติไม่ยินยอมให้ จีนไทเปและอิสราเอล เข้าร่วมแข่งขัน อันมีสาเหตุมาจากปัญหาการเมืองภายในของทั้งสองชาติ ทำให้เกิดความกังวลต่อการรักษาความปลอดภัย เป็นเหตุให้องค์กรกีฬาระดับนานาชาติหลายแห่ง ออกมาทักท้วงต่อต้าน โดยเฉพาะสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (International Association of Athletics Federations; IAAF) ถึงกับประกาศขู่ว่า หากนักกรีฑาของชาติใด เข้าร่วมแข่งขันเอเชียนเกมส์คราวนี้ สหพันธ์ฯจะกีดกันไม่ให้เข้าแข่งขัน ในกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 22 ประจำปี พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) ซึ่งส่งผลกระทบให้นักกีฬาหลายชาติ ขอถอนตัวจากการแข่งขันครั้งนี้ === ยุคสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย === จากวิกฤตการณ์ดังกล่าว คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติในทวีปเอเชีย ตัดสินใจเปิดการประชุมร่วมกันในวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) โดยไม่มีการแจ้งให้ทางอิสราเอลเข้าร่วมด้วย เพื่อยกร่างแก้ไขธรรมนูญสหพันธ์เอเชียนเกมส์ มีสาระสำคัญคือ การจัดตั้งสมาคมบริหารจัดการเอเชียนเกมส์ขึ้นใหม่ เรียกว่า สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย และก่อตั้งอย่างเป็นทางการ ระหว่างการประชุมครั้งแรกของสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) ที่กรุงนิวเดลี ก่อนการแข่งขันครั้งที่ 9 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองหลวงของอินเดียตามกำหนดเดิม โดยไม่มีการยกเลิกกำหนดการต่าง ๆ ซึ่งสหพันธ์กีฬาเอเชียจัดทำไว้แล้ว และมีสมาชิกชุดก่อตั้ง เป็นคณะกรรมการโอลิมปิกของ 34 ชาติ จากนั้นสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย จึงเริ่มรับหน้าที่กำกับดูแลเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 10 ซึ่งโซลของเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพ เมื่อปี พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986) เป็นครั้งแรก มาจนถึงปัจจุบัน ส่วนจีนไทเปกลับเข้าร่วมในครั้งที่ 11 ที่กรุงปักกิ่งของจีน เมื่อปี พ.ศ. 2533 (ค.ศ. 1990) ในการแข่งขันครั้งที่ 12 ซึ่งจัดขึ้นที่นครฮิโรชิมาของญี่ปุ่น เมื่อปี พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) เป็นครั้งแรกที่มิได้จัดแข่งขันในเมืองหลวงของประเทศ โดยกลุ่มประเทศที่แยกตัวเป็นเอกราชจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ซึ่งประกอบด้วยคาซักสถาน, คีร์กีซสถาน, อุซเบกิสถาน, เติร์กเมนิสถาน และทาจิกิสถาน เข้าร่วมเป็นครั้งแรก ส่วนอิรักมิได้รับการยินยอมให้เข้าร่วม เนื่องจากเป็นชาติที่ก่อสงครามอ่าวเปอร์เซีย เมื่อปี พ.ศ. 2533 และเกาหลีเหนือคว่ำบาตรการแข่งขัน เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นปัญหา นอกจากนี้ยังเกิดการสูญเสียผู้แทนจากประเทศเนปาล ณเรศกุมาร์ อธิการี (Nareshkumar Adhikari) ซึ่งเสียชีวิตระหว่างพิธีเปิดการแข่งขัน จากนั้นในปี พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) เป็นประวัติศาสตร์ของเอเชียนเกมส์ เมื่อกรุงเทพฯของไทย เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 4 โดยพิธีเปิดในสามครั้งแรก มีขึ้นในวันที่ 9 ธันวาคม ส่วนครั้งนี้เปิดในวันที่ 6 แต่ทั้งหมดสิ้นสุดในวันเดียวกันคือ 20 ธันวาคม และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานในพิธีเปิดทั้งสี่ครั้ง === การเปลี่ยนแปลงในอนาคต === จำนวนกีฬาที่แข่งขันจะกำหนดให้ลดน้อยลง เหลือเพียง 35 ชนิดในการแข่งขันครั้งที่ 17 ซึ่งจะจัดขึ้นที่นครอินช็อนของเกาหลีใต้ และคราวนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่การแข่งขันจะจัดขึ้นตามระยะเวลาเดิม เมื่อโอซีเอผลักดันให้การแข่งขันครั้งถัดไป เกิดขึ้นก่อนกีฬาโอลิมปิกเพียงหนึ่งปี จึงหมายความว่าเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 18 ซึ่งตามปกติจะมีกำหนดจัดในปี พ.ศ. 2561 (ค.ศ. 2018) จะผลักดันไปเป็น พ.ศ. 2562 (ค.ศ. 2019) แต่สุดท้าย ก็ได้มีการยุติการเปลี่ยนระยะเวลาจัดการแข่งขันออกไป จากที่จะจัดการแข่งขันก่อนโอลิมปิกเกมส์เพียงหนึ่งปี เป็นจัดการแข่งขันตามระยะเวลาเดิม เนื่องจากประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นเจ้าภาพเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 18 ไม่สามารถที่จะจัดภายในปี ค.ศ. 2019 ได้ เพราะในปี ค.ศ. 2019 นั้นได้มีกำหนดจัดการเลือกตั้งในประเทศ จึงจัดภายในปี ค.ศ. 2018 ตามระยะเวลาเดิมแทน == สัญลักษณ์ == สภาโอลิมปิกแห่งเอเชียได้มีการใช้สัญลักษณ์เพื่อที่จะใช้ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ซึ่งยึดแนวทางตามการแข่งขันโอลิมปิก สัญลักษณ์ของการแข่งขันเอเชียนเกมส์ คือ ธงสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย คบเพลิงเอเชียนเกมส์ เพลงสดุดีสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย ==การจัดแข่งขัน== == ประเทศที่เข้าร่วม == ดูบทความหลักที่ ชาติสมาชิกของสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย มอบสิทธิเข้าร่วมการแข่งขันแก่คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติของ 45 ประเทศในเอเชีย ก่อนหน้านี้ในยุคสหพันธ์เอเชียนเกมส์ ยังมีอิสราเอลเข้าร่วมด้วย แต่ถูกระงับไปตั้งแต่ พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) ด้วยเหตุผลเรื่องความมั่นคง ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2525 อิสราเอลร้องขอเข้าร่วมเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 9 แต่สภาโอลิมปิกแห่งเอเชียปฏิเสธคำขอ เนื่องจากเหตุการณ์สังหารหมู่ ระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 20 ที่นครมิวนิกของเยอรมนีตะวันตก ปัจจุบันอิสราเอลเป็นสมาชิกของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งยุโรป ตั้งแต่ พ.ศ. 2537; ค.ศ. 1994 สำหรับไต้หวันมีโอกาสร่วมการแข่งขันในครั้งที่ 11 ภายใต้ชื่อและธงโอลิมปิกของจีนไทเป หลังจากเปลี่ยนชื่อเป็นคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งจีนไทเปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) ส่วนมาเก๊าได้รับอนุญาตจากสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย ให้เข้าเป็นสมาชิกและร่วมแข่งขันตั้งแต่ พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) แม้ว่าคณะกรรมการโอลิมปิกสากล จะไม่ยอมรับให้เข้าแข่งขันในโอลิมปิกก็ตาม เชค อะห์หมัด อัล-ฟาฮัด อัล-อะห์เหม็ด อัล-ซาบะห์ (Sheikh Ahmad Al-Fahad Al-Ahmed Al-Sabah) ประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย ปฏิเสธข้อเสนอเมื่อปี พ.ศ. 2550 (ค.ศ. 2007) ที่จะให้ออสเตรเลียเข้าร่วมแข่งขันด้วย โดยเขามีความเห็นว่า แม้ออสเตรเลียจะมีส่วนช่วยผลักดัน ให้มาตรฐานการกีฬาของเอเชียนเกมส์ดีขึ้น แต่ก็จะไม่เป็นธรรมต่อประเทศอื่นๆ ในกลุ่มโอเชียเนียเช่นกัน ประเทศที่เข้าร่วมแข่งขันกีฬาในเอเชียนเกมส์ครบทุกประเภท มีทั้งหมด 7 ชาติได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา สิงคโปร์ และไทย == กีฬาที่จัดแข่งขัน == ตลอดระยะเวลาที่มีการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ปรากฏว่ามีการแข่งขันกีฬาทั้งหมด 45 ชนิด ดังตารางต่อไปนี้ | |} == เหรียญรางวัลรวม == ตลอดระยะเวลาของการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ปรากฏว่าญี่ปุ่นและจีน เป็นเพียงสองชาติในประวัติศาสตร์ ที่ได้รับเหรียญรางวัลมากที่สุด โดยภูฏาน มัลดีฟส์ และติมอร์ตะวันออก เป็นเพียงสามชาติ ที่ไม่เคยได้รับแม้แต่เหรียญรางวัลเดียว ตั้งแต่เข้าแข่งขันเป็นต้นมา ซึ่งในตารางต่อไปนี้เป็น 10 อันดับของประเทศที่ได้รับเหรียญรางวัลรวม == ดูเพิ่ม == โอลิมปิกเกมส์ ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ฤดูหนาว สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย สหพันธ์เอเชียนเกมส์ กีฬาตะวันออกไกล == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่น == สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย ข้อมูลการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ! สภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย กีฬาในทวีปเอเชีย การแข่งขันกีฬาหลายประเภท
thaiwikipedia
2,000
ยูเอสบี
Universal Serial Bus (USB - ยูเอสบี) เป็นข้อกำหนดมาตรฐานของบัสการสื่อสารแบบอนุกรม เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้กับคอมพิวเตอร์ แต่สามารถใช้ได้กับอุปกรณ์อื่น เช่น เซตทอปบอกซ์ (set-top boxes), เครื่องเล่นเกม (game consoles) และพีดีเอ (PDAs). == เรื่องโดยสังเขป == ระบบยูเอสบีเป็นการออกแบบโดยประกอบด้วย โฮสท์คอนโทรลเลอร์ และอุปกรณ์หลาย ๆ อุปกรณ์ที่ต่อเชื่อมในรูปแบบต้นไม้โดยใช้อุปกรณ์พิเศษเรียกว่า "ฮับ (hub)" โดยมีข้อจำกัดของการต่อเชื่อมฮับได้ไม่เกิน 5 ระดับต่อ 1 คอนโทรลเลอร์ และสามารถต่อเชื่อมได้กับอุปกรณ์ 127 อุปกรณ์ต่อ 1 โฮสท์คอนโทรลเลอร์ โดยนับรวมฮับเป็นอุปกรณ์ด้วย ในคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆ จะมีโฮสท์คอนโทรลเลอร์อยู่หลายช่อง ซึ่งพอเพียงสำหรับการต่อเชื่อมอุปกรณ์จำนวนมาก ๆ การต่อเชื่อมแบบยูเอสบีไม่จำเป็นต้องมีจุดสิ้นสุด (terminator) เหมือนการต่อเชื่อมแบบ SCSI การออกแบบของยูเอสบีมีจุดมุ่งหมายที่จะขจัดความจำเป็นในการเพิ่มการ์ดขยาย (expansion card) ในช่องการเชื่อมต่อแบบบัส ISA หรือ PCI และเพิ่มความสามารถของรูปแบบ plug-and-play โดยยอมให้อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถถอด สับเปลี่ยน หรือเพิ่มจากระบบโดยไม่ต้องปิดคอมพิวเตอร์หรือบูตระบบใหม่ เมื่ออุปกรณ์ใหม่ถูกต่อเชื่อมเข้าสู่บัสเป็นครั้งแรก โฮสท์จะทำการระบุอุปกรณ์ และติดตั้งตัวขับอุปกรณ์ (device driver) ที่จำเป็นในการใช้งานอุปกรณ์นั้น ยูเอสบีสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วง (peripherals) เช่น เมาส์ แป้นพิมพ์ แพดเกม จอยสติ๊ก สแกนเนอร์ กล้องถ่ายรูปดิจิตอล เครื่องพิมพ์ ฮาร์ดดิสก์ และ อุปกรณ์เครือข่าย เป็นต้น ยูเอสบีได้กลายเป็นรูปแบบการเชื่อมต่อมาตรฐานสำหรับอุปกรณ์มัลติมีเดีย เช่น สแกนเนอร์ หรือกล้องถ่ายรูปดิจิตอล และนิยมนำไปทดแทนการเชื่อมต่อแบบเดิม เช่น การเชื่อมต่อแบบขนาน (parallel) สำหรับเครื่องพิมพ์ การเชื่อมต่อแบบอนุกรม (serial) สำหรับโมเด็ม ทั้งนี้เนื่องจากยูเอสบีช่วยลดข้อจำกัดหลาย ๆ ด้านของการเชื่อมต่อแบบเดิม เช่น การเชื่อมต่อเครื่องพิมพ์หลาย ๆ เครื่องเข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องเดียว ในปี 2547 มีอุปกรณ์ยูเอสบีประมาณ 1 พันล้านชิ้นถูกผลิตขึ้น และอุปกรณ์ต่อพ่วงใหม่ๆ ที่ถูกผลิตออกมาก็จะใช้รูปแบบการต่อเชื่อมแบบยูเอสบี มีเพียงอุปกรณ์ที่ต้องการความสามารถในการส่งผ่านข้อมูลมาก ๆ เท่านั้นที่ไม่สามารถใช้ยูเอสบี เช่น จอภาพแสดงผล หรือ มอนิเตอร์ และอุปกรณ์ดิจิตอลวีดีโอคุณภาพสูง เป็นต้น === เกณฑ์มาตรฐาน === การออกแบบของยูเอสบีถูกกำหนดมาตรฐานโดย USB Implementers Forum (USBIF), โดยเป็นการรวมตัวกันของผู้นำด้านอุตสาหกรรมด้านคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ เช่น แอปเปิล, เอชพี, เอ็นอีซี, ไมโครซอฟท์, อินเทล, และ Agere. ในเดือนมกราคม 2548* ได้มีการกำหนดรายละเอียดของยูเอสบีรุ่นที่ 2.0 โดยมาตรฐานของรุ่น 2.0 ได้มีการกำหนดโดย USBIF ในตอนปลายปี 2544 รุ่นก่อนหน้าของยูเอสบีคือ 0.9, 1.0 และ 1.1 ซึ่งแต่ละรุ่นที่ออกมาใหม่จะมีความเข้ากันได้ย้อนหลัง (backward compatibility) กับรุ่นที่ออกมาก่อนหน้านี้ ปลั๊กยูเอสบีและรีเซ็พเตอร์ (receptors) ที่เรียกว่า Mini-A และ Mini-B ยังคงสามารถใช้งานได้ตามที่กำหนดโดย On-The-Go Supplement to the USB 2.0 Specification ซึ่งข้อกำหนดนี้ปัจจุบันเป็นเวอร์ชัน 1.0a ซึ่งโดยภาพรวมเริ่มต้นเปลี่ยนรูเชื่อมต่อจากรุ่นแรกเป็นแบบใหม่นี้ตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2549ถึง2550 เป็นต้นมาหรือช่วงประมาณ 1 ปีกว่าๆ ให้หลังจากที่กำหนดมาตรฐานร่วมกัน* แต่ในการเปลี่ยนถ่ายพอร์ตเชื่อมต่อรูปแบบมาตรฐานใหม่นี้จะเป็นที่นิยมจริงๆต้องใช้เวลาเปลี่ยนผ่านมากกว่า2 ปี และในปี 2551 ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ จึงจะเลิกการใช้พอร์ตมาตรฐานเดิมไป == ภาพรวม == === ประเภทตัวเชื่อมต่ออ้างอิงตามความเร็ว === การเชื่อมต่อ USB แต่ละรายการทำโดยใช้ขั้วต่อสองตัว: ซ็อกเก็ต (หรือ เต้ารับ ) และปลั๊ก ในตารางต่อไปนี้ แผนผังสำหรับช่องเสียบเท่านั้นจะแสดงขึ้น แม้ว่าสำหรับแต่ละช่องเสียบจะมีปลั๊ก (หรือปลั๊ก) ที่สอดคล้องกันก็ตาม == รายละเอียดทางเทคนิค == === สัญญาณ USB === ==== สัญญาณ USB มาตรฐาน ==== สัญญาณ USB ถูกส่งผ่านโดยสายส่งข้อมูลคู่แบบบิดเกลียว (twisted pair) แทนโดยสัญลักษณ์ D+ และ D−. สายคู่บิดเกลียวช่วยป้องกันผลกระทบของสัญญาณรบกวนทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยใช้หลักการหักล้างสัญญาณแบบครึ่งอัตรา (half-duplex differential signaling) ซึ่งทำให้ส่งสัญญาณในสายที่ยาวได้ดีขึ้น. ฉะนั้นสัญญาณ D+ และ D− จึงเป็นสัญญาณที่ทำงานร่วมงาน ไม่ใช่สัญญาณแบบซิมเพล็กซ์แยกขาดจากกัน. ==== สัญญาณ MiniUSB ==== พินของมินิ USB เหมือนกับของ USB มาตรฐาน นอกจากพิน4 เรียกว่า ID ซึ่งจะถูกต่อกับพิน5. ในกรณีของ Mini–A เพื่อใช้ระบุว่าอุปกรณ์ใดควรปฏิบัติหน้าที่เป็นโฮสในตอนเริ่มต้น, สำหรับกรณีของ Mini–B พินนี้จะเป็นวงจรเปิด. นอกจากนี้หัวต่อของแบบ Mini–A ยังมีชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับป้องกันการเสียบลงไปในอุปกรณ์ที่เป็นแบบ slave–only. == อ้างอิง == == แหล่งข้อมูลอื่นๆ == ศูนย์รวมข้อมูล USB บัสคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์รอบข้างคอมพิวเตอร์ สิ่งประดิษฐ์ของสหรัฐ
thaiwikipedia
2,001
จอร์จ บาร์กลีย์
จอร์จ เบิร์กลีย์ หรือ บิชอปเบิร์กลีย์ (George Berkeley); 12 มี.ค., ค.ศ. 1685 (พ.ศ. 2228) - 14 ม.ค., ค.ศ. 1753 (พ.ศ. 2296)) เป็นนักปรัชญาชาวไอร์แลนด์ที่มีอิทธิพลสูงคนหนึ่ง โดยผลงานด้านปรัชญาของเขาที่สำคัญได้แก่แนวคิดจิตนิยมอัตวิสัย ซึ่งสามารถสรุปได้ด้วยประโยคของบาร์กลีย์ที่ว่า "Esse est percipi" ("การเป็นอยู่คือการถูกรับรู้") โดยพื้นฐานแล้ว ทฤษฎีดังกล่าวอธิบายว่าสสารนั้นไม่มีจริง ทุกอย่างนั้นล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นในจิตเท่านั้น. เขาเขียนผลงานออกมาหลายชิ้น ชิ้นที่มีผู้อ่านอย่างกว้างขวางคือ บทความว่าด้วยหลักการพื้นฐานของความรู้ของมนุษย์ และ บทสนทนาสามบทระหว่างเฮลาส และฟิโลนูอัส (ฟิโลนูอัส ผู้รักในจิต เป็นตัวแทนของบาร์กลีย์). ในปี ค.ศ. 1734 เขาได้ตีพิมพ์ บทวิเคราะห์ ซึ่งเป็นบทวิพากษ์รากฐานของวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีอิทธิพลต่อพัฒนาการของคณิตศาสตร์ในเวลาต่อมา == อ้างอิง == บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2228 บาร์กลีย์, จอร์จ บุคคลจากเทศมณฑลคิลเคนนี นักปรัชญายุคเรืองปัญญา
thaiwikipedia
2,002