NewsTitle
stringlengths
11
31.5k
Detail
stringlengths
9
78.4k
NewsDate
stringlengths
3
5.77k
Region
stringclasses
48 values
Province
stringclasses
99 values
Department
stringclasses
211 values
Link_News
stringlengths
3
903
v
stringclasses
812 values
ตำรวจยะลา ปล่อยแถว รปภ.เขตเมืองสร้างความเชื่อมั่น เทศกาล“ตรุษจีน”
วันนี้ 20 มกราคม 2566 พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดยะลา/ผบ.กกล.ตร.ยะลา ได้ปล่อยแถว กําลังร่วม ตํารวจ ทหาร สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน และ เครือข่ายภาคประชาชน สมาชิกไทยอาสาป้องกันชาติ และเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย 180 นาย ร่วมกับผู้แทนหน่วยเฉพาะกิจยะลา ผู้แทนอําเภอเมืองยะลา ผู้แทนเทศบาลนครยะลา หัวหน้าหน่วยของตํารวจภูธรจังหวัดยะลา เพื่อดูแล รักษาความปลอดภัยเขตเมืองเศรษฐกิจ อ.เมือง จ.ยะลา ให้กับพี่น้องประชาชน ห้วงเทศกาลตรุษจีน ระหว่างวันที่ 20-22 มกราคม 2566 ซึ่งชาวไทยเชื้อสายจีนจะถือประเพณีปฏิบัติ 3 วัน คือวันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยว โดยประชาชน จะออกไปจับจ่ายใช้สอย รวมไปถึงเยี่ยมญาติ และท่องเที่ยวตามสถานที่สําคัญในพื้นที่ กันจํานวนมากซึ่งจากสถานการณ์ด้านการข่าว และเหตุการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่คนร้าย ยังคงมีความพยายามในการก่อเหตุ อย่างต่อเนื่อง ทาง หน่วยเฉพาะกิจตํารวจยะลา 91 กองกํากับการปฏิบัติการพิเศษ กองกํากับการสืบสวน ตํารวจภูธรจังหวัดยะลา สถานีตํารวจภูธรเมืองยะลา ลําใหม่ กรงปินัง โกตาบารู ตาเซะ กองหนุนของหน่วยเฉพาะกิจยะลา และศูนย์ปฏิบัติการอําเภอเมืองยะลา จึงได้บูรณาการกําลัง เข้าปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยเมืองยะลา ตั้งแต่วันที่ 19 ถึงวันที่ 23 มกราคม 2566โดยได้กําหนดการปฏิบัติเป็นส่วนๆ ประกอบไปด้วย การใช้กําลังกองหนุนหน่วยเฉพาะกิจยะลา และศูนย์ปฏิบัติการอําเภอเมืองยะลา ร่วมกับสถานีตํารวจภูธรในพื้นที่ ทําการตั้งจุดตรวจหลัก และลาดตระเวน ตั้งจุดตรวจไม่ประจําที่ ในพื้นที่เขตเมือง และรอบเขตเมืองยะลา ตามแผนปิดเมืองยะลา ขั้นที่ 1และ 2 ใช้กําลังชุดปฏิบัติการสืบสวน ของกองกํากับการสืบสวน ตํารวจภูธรจังหวัดยะลา สถานีตํารวจภูธรเมืองยะลา และชุดปฏิบัติการการข่าว กองกํากับการปฏิบัติการพิเศษตํารวจภูธรจังหวัดยะลา เข้าตรวจสอบ ตรวจค้นเป้าหมาย หอพัก บ้านเช้า support site ในพื้นที่รอบเขตเมืองยะลา และใช้กําลัง ทสปช. อปพร. มูลนิธิกู้ชีพกู้ภัย และเครือข่ายภาคประชาชน เฝ้าระวังจุดเสี่ยง ระบบสาธารณูปโภค ในพื้นที่เขตเมืองและทุกพื้นที่ของอําเภอเมืองยะลาทั้งนี้ การปฎิบัติดังกล่าว เป็นการทําพื้นที่ให้ปลอดเหตุ ประชาชนปลอดภัย ตามนโยบายของ กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่ได้กําหนดแนวทางการรักษาความปลอดภัยใน ห้วงเทศกาลตรุษจีน 2566 โดยให้ทุกหน่วยบูรณาการกําลังร่วม รักษาความปลอดภัยพื้นที่ สร้างความสงบสุขให้กับพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง ตลอดห้วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
20/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230120181337150
null
รองผู้ว่าฯกระบี่ ร่วมประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 มอบนโยบายการปฏิบัติงาน ประจำปี 2566
วันที่ 20 มกราคม 2566 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องประชุม 1 กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ อําเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมาย นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วย พ.อ.สมบัติ สืบท้วม รอง ผอ.รมน.จังหวัดกระบี่(ท) เข้าร่วมประชุมโดยมีพลโท ศานติ สกุลตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 จัดขึ้นเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าส่วนราชการ และผู้บัญชาการหน่วยทหารในพื้นที่ ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ทั้งนี้ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ด้านการข่าว รับฟังแผนการขับเคลื่อนการดําเนินงานของ กอ.รมน.ภาค 4 ปี 2566 ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ระยะที่ 2 ปี 2566-2570 มีการหารือและข้อเสนอแนะ ชี้แจงการดําเนินงาน กลุ่มเห็นต่าง ชี้แจงแผนการก่อวินาศกรรมในเขตเมือง นอกพื้นที่ จชต. ชี้แจงการบริหารจัดการกับกลุ่มคนที่มีทัศนคติเชิงบวกต่อสถาบัน 18 กลุ่ม รับฟังข้อเสนอแนะการดําเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติด จาก ปปส.ภาค 9 ข้อเสนอแนะการดําเนินงานแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวและผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย จากหน่วยงาน ตม.6 และสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 ให้ข้อเสนอแนะ การดําเนินงานแก้ไขปัญหาการบุกรุกและทําลายทรัพยากรธรรมชาติ รับทราบสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่ พูดคุยเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาแก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และทั่วถึงทุกภาคส่วนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป โดยมี แม่ทัพน้อยที่ 4 อธิบดีอัยการภาค 8 ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 9 ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ผู้แทนหน่วยงาน ตลอดจนส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงคณะกรรมการอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ชุด มีหน้าที่ในการอํานวยการ บูรณาการ ประสานงาน และขับเคลื่อนในทุกงานที่ติดขัดโดยใช้ช่องทางกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อนํานโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติและแก้ไขปัญหาความมั่นคงด้านต่างๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ประชาชนมีความรู้สึกถึงความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามนโยบายผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ทั้งนี้ ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้มอบนโยบายการปฏิบัติงาน ประจําปี 2566 ในการประชุมคณะกรรมการกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ดังนี้ กลไกกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นการทํางานร่วมกันของ พลเรือน ตํารวจ ทหาร เป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ เสริมการปฏิบัติให้กับหน่วยงานตามหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาความมั่นคง ทุกหน่วยต้องประสานความร่วมมือร่วมกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อให้สอดรับกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่อยู่เสมอ ให้พัฒนาคุณภาพบุคลากรของรัฐ ทั้งความรู้ คุณธรรมและจริยธรรมควบคู่กัน เสริมสร้างพลังทางสังคม ให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง และรับฟังความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด ให้สร้างการรับรู้งานของรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน ให้ประชาชนเข้าถึง แหล่งข้อมูล โดยเฉพาะโครงการตําบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งเป็นโครงการเร่งด่วน (Quick Win) ของยุทธศาสตร์ชาติ เน้นย้ําให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสําคัญ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย และจังหวัด ให้การสนับสนุนเพื่อให้การดําเนินการมีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว นอกจากนี้ ให้ส่งเสริมให้ประชาชนเทิดทูนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สร้างการรับรู้และความเข้าใจ น้อมนําแนวทางพระราชดําริฯ พระบรมราโชบาย และแนวทางของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์มาประยุกต์ใช้ในการดําเนินงานตามความเหมาะสม เน้นย้ําการทํางานต้องบูรณาการทุกระดับ ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ให้ประชาชนมีส่วนร่วมเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง การดําเนินงานของภาครัฐต้องมีความประหยัด โปร่งใส ตรวจสอบได้ สามารถประเมินผลได้อย่างชัดเจน ให้นําผลการปฏิบัติในปีที่ผ่านมามาทบทวน เพื่อแก้ปัญหา และต่อยอดขยายผลต่อไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
20/1/2023
ภาคใต้
กระบี่
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกระบี่
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230120221529234
null
รัฐบาล ขับเคลื่อนโครงการ “ข้าวรักษ์โลก BCG Model นาปรัง" ใช้นวัตกรรมเพิ่มคุณค่าสินค้า ตอบโจทย์กระแสผู้บริโภคในโลกยุคปัจจุบัน
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบถึงความคืบหน้า การดําเนินการโครงการ “ข้าวรักษ์โลก BCG Model นาปรัง" ช่วยเพิ่มผลผลิตให้ชาวนา ลดต้นทุนการผลิต รักษาสิ่งแวดล้อม ตามยุทธศาสตร์ 3 น (น้ํา นา นวัตกรรม)ทั้งนี้ เนื่องจากการทํานาแบบดั้งเดิม ค่อนข้างส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ขั้นตอนการเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว การกําจัดตอซังข้าว ในขณะที่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ไม่มากเท่าที่ควร รัฐบาลจึงได้สนับสนุนโครงการ ข้าวรักษ์โลก BCG Model นาปรัง เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับชาวนาโดยเฉลี่ยต่อไร่ได้มากกว่า ช่วยลดต้นทุนการผลิต ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ตามยุทธศาสตร์ 3 น (น้ํา นา นวัตกรรม) ซึ่งผลจากการดําเนินการของโครงการในระยะที่ 1 เป็นที่น่าพึงพอใจโครงการข้าวรักษ์โลกนี้ เป็นต้นแบบการปฏิวัติการทํานาแบบยั่งยืน ตามแนวทางของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเกิดจากจากแนวคิดการผลิตข้าวแบบใหม่ ด้วยการนํานวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ ลดการใช้สารเคมี ลดต้นทุนการผลิต ได้ข้าวคุณภาพสูง เป็นข้าวที่ตรงตามความต้องการของตลาด ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสามารถขายได้ในราคาที่สูงขึ้น โดยในระยะที่ 1 รัฐบาลได้ส่งเสริมโครงการฯ ผ่านกองทุนหมู่บ้านฯ นําร่องที่ จังหวัดเชียงราย มหาสารคาม ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ รวม 20 กองทุน กองทุนละ 1,500,000 บาท บนพื้นที่ของโครงการ รวมกว่า 10,830 ไร่ขณะนี้โครงการ “ข้าวรักษ์โลก BCG Model นาปรัง” ดําเนินมาถึงระยะที่ 2 ที่จะสนับสนุนใน 10 จังหวัด จังหวัดละ 10 โครงการ รวม 100 โครงการ ในภาคเหนือ 4 จังหวัด, ภาคกลาง 3 จังหวัด และภาคใต้อีก 3 จังหวัด ซึ่งจะได้นําบทเรียนมาจากระยะที่ 1 ด้วยนายกรัฐมนตรี ชื่นชมผลการดําเนินงานโครงการฯ ขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชน ตลอดจน เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ ที่ช่วยกันขับเคลื่อนโครงการนี้ ซึ่งผลสําเร็จจากโครงการนี้จะช่วยส่งเสริมให้ข้าวไทยสร้างมูลค่าเพิ่ม นํารายได้เข้าประเทศให้ประสบผลสําเร็จอย่างดี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการข้าวรักษ์โลกนี้ จะเป็นต้นแบบในการส่งต่อความสําเร็จสู่สินค้าเกษตรอื่น ๆ เพื่อให้ภาคเกษตรของไทยมีความเข้มแข็งสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ตอบโจทย์กระแสผู้บริโภคในโลกยุคปัจจุบัน ผลักดันให้ไทยเป็นแหล่งอาหาร และสินค้าเกษตรคุณภาพสูงในเวทีโลก รวมทั้งมีส่วนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
21/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230121175401349
null
กอ.รมน.ภาค 4 สน. ชี้แจงเหตุวิสามัญคนร้ายเสียชีวิต 3 ราย ในพื้นที่ จ.นราธิวาส
สืบเนื่องมาจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดและซุ่มโจมตีชุดคุ้มครองตําบล รวมทั้งภาพข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามาหลบซ่อนพักพิงในพื้นที่ป่าภูเขา บริเวณเทือกเขาตะเว ม.4 บ.ดาฮง ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เพื่อเตรียมการก่อเหตุ ดังนั้นหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 จึงได้จัดกําลังเข้าตรวจสอบ โดยเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 เวลา 0915 ขณะเจ้าหน้าที่ ชุดปฏิบัติการพิทักษ์พื้นที่ ปฏิบัติภารกิจเดินเท้าลาดตระเวน ได้ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ใช้อาวุธปืนสงครามยิงเข้าใส่จนเกิดการยิงตอบโต้กันขึ้นหลายระลอก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ปลอดภัย ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบกลุ่มคนร้ายเสียชีวิตจํานวน 3 ราย ทราบชื่อ ดังนี้1. นาย บือรอเฮง อายุ 38 ปี ผู้ก่อเหตุรุนแรง มีหมายจับในคดีความมั่นคงจํานวน 1 หมาย 2. นาย ไพศาล อายุ 30 ปี ผู้ก่อเหตุรุนแรง มีหมายจับในคดีความมั่นคงจํานวน 3 หมาย ที่สําคัญคือกรณีเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ กทม. เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 623. นาย ตูรมีซี อายุ 35 ปี ผู้ก่อเหตุรุนแรง มีหมายจับในคดีความมั่นคงจํานวน 3 หมาย ที่สําคัญคือ กรณีขว้างระเบิดใส่ฐานปฏิบัติการ นปพ.21 อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 64ตรวจยึดอาวุธปืนสงครามจํานวน 3 กระบอก ประกอบด้วย ปืน M 16 2 กระบอก ปืนอาก้า 1 กระบอก ระเบิดขว้างแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ที่พักชั่วคราว และของใช้ส่วนตัว จํานวนหนึ่ง โดยภายหลังเกิดเหตุได้มีเพจข่าวบางสื่อพยายามไลฟ์สดเพื่อบิดเบือนและปลุกระดมชี้นําว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของศาสนาในการส่งศพผู้เสียชีวิตให้ญาตินําไปประกอบพิธีทางศาสนาภายในเวลาที่กําหนด ทั้งนี้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ขอเรียนให้ทราบว่าในขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ภายหลังเกิดเหตุ มีความจําเป็นต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ รวมทั้งจัดตั้งจุดสกัดในเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายที่เหลือจะหลบหนีเพื่อควบคุมตัวมาดําเนินคดีตามกฎหมาย อีกทั้งต้องดําเนินการเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนในพื้นที่ เพื่อทําพื้นที่ให้ปลอดภัยสําหรับเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บรวบรวมวัตถุพยานและสารพันธุกรรมเพื่อตรวจพิสูจน์ความเชื่อมโยงทางคดีและขยายผลกับกลุ่มคนร้ายที่เหลือ รวมทั้งในขั้นตอนการดําเนินการตรวจชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องดําเนินการโดยละเอียด ก่อนที่จะส่งศพให้ญาตินําไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ ซึ่งทั้งหมดต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวังเพื่อให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัยเพราะในพื้นที่อาจจะยังมีกลุ่มคนร้ายที่หลบซ่อนอยู่ในบริเวณใกล้เคียงลอบทําร้ายต่อเจ้าหน้าที่ที่กําลังปฏิบัติงานได้ สําหรับขณะนี้การปฏิบัติงานในพื้นที่ยังไม่จบภารกิจ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังต้องเข้าดําเนินการเก็บวัตถุพยานรวมทั้งสารพันธุกรรมต่างๆ เพื่อนํามาประกอบหลักฐานหาตัวผู้กระทําผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไปทั้งนี้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกนายล้วนต่างเข้าใจในการจัดการศพให้เป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม สามารถส่งศพผู้เสียชีวิตให้ญาตินําไปประกอบพิธีทางศาสนาเป็นที่เรียบร้อยใน เวลา 17.50 น. จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่ากลุ่มคนร้ายมุ่งหวังที่จะทําร้ายเจ้าหน้าที่โดยเปิดฉากยิงเข้าใส่ก่อน จนทําให้เจ้าหน้าที่จําเป็นต้องยิงตอบโต้จนนําไปสู่ความสูญเสียดังกล่าว ในนามของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิต มา ณ โอกาสนี้ อย่างไรก็ตาม กอ.รมน.ภาค 4 สน. ยังคงยึดมั่นในหลักการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีเพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มเห็นต่างจากรัฐเข้ารายงานตัวแสดงตนและพร้อมช่วยเหลืออํานวยความสะดวกเพื่อต่อสู้คดีตามกฎหมายด้วยความเสมอภาคและเป็นธรรม รวมทั้งยังคงเดินหน้าสร้างสภาวะแวดล้อมให้เกื้อกูลและหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยเพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนในพื้นที่ จชต. ต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
21/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230121130320303
null
รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผย รถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี – ปากน้ำโพ คาดแล้วเสร็จภายในปีนี้ พลิกโฉมการขนส่งทางรางของไทย ยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ กระตุ้นการค้าขาย
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเป็นหัวใจของการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าและทันสมัย โดยเฉพาะการพัฒนาระบบขนส่งทางราง ได้ผลักดันโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงลพบุรี – ปากน้ําโพ งบประมาณก่อสร้าง จํานวน 21,467 ล้านบาท ผ่านมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2559 เป็นโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558-2565 เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งระบบราง รองรับจํานวนผู้โดยสารและปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ลดระยะเวลาในการเดินทางและการขนส่งสินค้า เพื่อเร่งยกระดับให้บริการโลจิสติกส์สู่ภาคเหนือ โดยโครงการดังกล่าวเป็นงานก่อสร้างทางรถไฟใหม่ขนานไปกับทางรถไฟเส้นเดิมของช่วงลพบุรี – ปากน้ําโพ รวมระยะทางประมาณ 145 กิโลเมตร ส่วนใหญ่อยู่ในเขตทางรถไฟและเป็นทางวิ่งระดับพื้นระยะทางประมาณ 116 กิโลเมตร และทางช่วงเลี่ยงเมืองลพบุรีเป็นโครงสร้างทางรถไฟยกระดับ ระยะทางประมาณ 29 กิโลเมตร ประกอบด้วยงานก่อสร้างรถไฟทางคู่ จํานวน 2 สัญญา และงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ส่วนงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม เดือนธันวาคม มีความก้าวหน้าร้อนบะ 26.33 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2566รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการพัฒนารถไฟทางคู่ใหม่ รูปแบบการพัฒนาทางรถไฟใหม่เพิ่ม 1 ทางขนานไปกับทางรถไฟเดิม ในส่วนของการออกแบบก่อสร้างสถานี ยังคงเอกลักษณ์ท้องถิ่นเป็นหลัก มีการนําสถาปัตยกรรมท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ เพื่อให้เกิดความสวยงามและกลมกลืนกับสภาพภูมิประเทศ ผสมผสานกับความทันสมัยและความคิดสร้างสรรค์ ทั้งสถานีขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก เน้นความปลอดภัย ง่ายต่อการขนส่ง พร้อมสิ่งอํานวยความสะดวกที่ครบครันเพื่อสนับสนุนการเดินทางของประชาชน และการคมนาคมขนส่งของผู้ประกอบการในภาคธุรกิจ และมีการอนุรักษ์อาคารสถานีรถไฟเดิมทุกสถานี โดยคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการในปี 2566
21/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230121105729276
null
ผบก.ตร.ภจว.ยะลา บูรณาการกำลัง รปภ.เขตเมืองเศรษฐกิจ สร้างความมั่นใจ ปชช.ช่วงเทศกาลวันตรุษจีน
พลตํารวจตรี เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า กองกําลังตํารวจได้มีการบูรณาการรักษาความปลอดภัยเขตเมืองเศรษฐกิจอําเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา ห้วงเทศกาลตรุษจีน ประจําปี 2566 เพื่อสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชนในห้วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งชาวไทยเชื้อสายจีนจะถือประเพณีปฏิบัติ 3 วัน คือ วันจ่าย วันไหว้ และวันเที่ยว โดยประชาชนชาวไทย เชื้อสายจีน จะออกไปจับจ่ายใช้สอย รวมไปถึงเยี่ยมญาติ และท่องเที่ยวตามสถานที่สําคัญในพื้นที่ ทั้งนี้ จากสถานการณ์การก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังคงมีความพยายามในการก่อเหตุอย่างต่อเนื่องนั้น หน่วยเฉพาะกิจตํารวจยะลา 91 กองกํากับการปฏิบัติการพิเศษ กองกํากับการสืบสวน ตํารวจภูธรจังหวัดยะลา สถานีตํารวจภูธรเมืองยะลา ลําใหม่ กรงปินัง โกตาบารู ตาเซะ กองหนุนของหน่วยเฉพาะกิจยะลา และศูนย์ปฏิบัติการอําเภอเมืองยะลา จึงบูรณาการกําลัง เข้าปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยเมืองยะลา ตั้งแต่วันที่ 19 ถึง 23 มกราคม 2566 โดยกําหนดการปฏิบัติเป็นส่วนๆ คือ ใช้กําลังกองหนุนหน่วยเฉพาะกิจยะลา และศูนย์ปฏิบัติการอําเภอเมืองยะลา ร่วมกับสถานีตํารวจภูธรในพื้นที่ ทําการตั้งจุดตรวจหลัก และลาดตระเวน ตั้งจุดตรวจไม่ประจําที่ ในพื้นที่เขตเมือง และรอบเขตเมืองยะลา ตามแผนปิดเมืองยะลา ขั้นที่ 1 และ 2ใช้กําลังชุดปฏิบัติการสืบสวน ของกองกํากับการสืบสวน ตํารวจภูธรจังหวัดยะลา สถานีตํารวจภูธรเมืองยะลา และชุดปฏิบัติการการข่าว กองกํากับการปฏิบัติการพิเศษตํารวจภูธรจังหวัดยะลา เข้าตรวจสอบ ตรวจค้นเป้าหมาย หอพัก บ้านเช้า support site ในพื้นที่รอบเขตเมืองยะลา และใช้กําลัง ทสปช. อปพร. มูลนิธิกู้ชีพกู้ภัย และเครือข่ายภาคประชาชน เฝ้าระวังจุดเสี่ยง ระบบสาธารณูปโภค ในพื้นที่เขตเมืองและทุกพื้นที่ของอําเภอเมืองยะลา#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
21/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230121110702277
null
นายกฯ อวยพรตรุษจีนแก่คนไทยเชื้อสายจีน “ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ” ให้สุขสมหวัง ร่ำรวยตลอดปี
เนื่องในโอกาสวันตรุษจีนประจําปี 2566 ซึ่งตรงกับวันที่ 22 มกราคม 2565 พลเอก ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขออวยพรตรุษจีนพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนทั่วประเทศ ให้มีความสุข มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ทํามาค้าขายประกอบอาชีพด้วยความเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่ง ขอให้เฉลิมฉลองตรุษจีนด้วยความสุข รวมทั้งเดินทางท่องเที่ยวเทศกาลตรุษจีนอย่างปลอดภัย มีน้ําใจกับเพื่อนร่วมทาง เพื่อให้เทศกาลตรุษจีนนี้ เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ของชาวไทยเชื้อสายจีนที่มีความสุขอย่างแท้จริง.นายกฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุ "เนื่องในวันตรุษจีนปีนี้ ผมขออวยพรให้พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนทุกท่าน “ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ” ขอให้เปี่ยมล้นไปด้วยความสุข สุขภาพดี โชคดี มีชัย เป็นสิริมงคลรับปีกระต่าย ร่ํารวยตลอดปี มั่นคงยั่งยืนตลอดไปครับ".
21/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
หน่วยงานสำนักข่าว
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230121103141273
null
การไฟฟ้านครหลวง ห่วงอัคคีภัยช่วงตรุษจีน แนะใช้ไฟฟ้าให้ปลอดภัย รณรงค์งดจุดประทัดธูป เผากระดาษฯ
นายคมกริช สาคริก ผู้อํานวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA เปิดเผยว่าในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา มักเกิดเหตุอัคคีภัยขึ้นบ่อยครั้ง โดยหนึ่งในสาเหตุ มาจากการจุดธูปเทียนทิ้งไว้ หรือไฟฟ้าลัดวงจร จึงแนะนําให้ประชาชนหมั่นตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ใต้แผงเมนสวิตช์ ต้องปราศจากวัสดุที่สามารถเป็นเชื้อเพลิงได้ เช่น ผ้ากระดาษ น้ํามัน อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ ต้องทํางานอย่างเป็นปกติ ที่สําคัญเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทโคมประดับ ธูปเทียนไฟฟ้า ต้องตรวจสอบความปลอดภัยหากชํารุดเสี่ยงเกิดอัคคีภัยได้ รวมถึง หากต้องออกไปนอกบ้าน หรือเข้านอน ควรปิดสวิตช์ถอดปลั๊กให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจร และยังเป็นการประหยัดค่าไฟฟ้าได้อีกทางหนึ่งนอกจากนี้ ยังขอความร่วมมืองดจุดประทัด ธูป และเผากระดาษเงินกระดาษทอง เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดมลภาวะ และปัญหาฝุ่น PM 2.5 แล้ว ในควันธูปยังมีสารที่ก่อให้เกิดอันตรายอื่น ๆทั้งซัลเฟอร์ไดออกไซด์ หรือกํามะถัน และไนโตรเจนไดออกไซด์ ล้วนเป็นก๊าซระคายเคืองทั้งสิ้นและยังมีกลุ่มโลหะหนัก สารก่อมะเร็ง สารอินทรีย์ระเหย เช่นเดียวกับกระดาษเงินกระดาษทองที่เต็มไปด้วยโลหะ เพื่อร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อม รักษาสุขภาพของตนเองและบุคคลในครอบครัวให้มีแต่ความสุขในช่วงเทศกาลตรุษจีน
21/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.จันทบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230121112721282
null
กอ.รมน.ภาค 4 สน.แสดงความเสียใจกับ 3 ครอบครัวผู้สูญเสีย เหตุตรวจยึดแหล่งพักพิง เทือกเขาตะเว ยืนยันเป็นไปตามขั้นตอน
สืบเนื่องมาจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดและซุ่มโจมตีชุดคุ้มครองตําบล รวมทั้งภาพข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามาหลบซ่อนพักพิงในพื้นที่ป่าภูเขา บริเวณเทือกเขาตะเว ม.4 บ.ดาฮง ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส เพื่อเตรียมการก่อเหตุ ดังนั้นหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 จึงได้จัดกําลังเข้าตรวจสอบ โดยเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 เวลา 0915 ขณะเจ้าหน้าที่ ชุดปฏิบัติการพิทักษ์พื้นที่ ปฏิบัติภารกิจเดินเท้าลาดตระเวน ได้ถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ใช้อาวุธปืนสงครามยิงเข้าใส่จนเกิดการยิงตอบโต้กันขึ้นหลายระลอก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ปลอดภัย ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบกลุ่มคนร้ายเสียชีวิตจํานวน 3 ราย ทราบชื่อ คือ นาย บือรอเฮง อายุ 38 ปี ผู้ก่อเหตุรุนแรง มีหมายจับในคดีความมั่นคงจํานวน 1 หมาย นาย ไพศาล อายุ 30 ปี ผู้ก่อเหตุรุนแรง มีหมายจับในคดีความมั่นคงจํานวน 3 หมาย ที่สําคัญคือกรณีเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่ กทม. เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 62 และ นายตูรมีซี เอายุ 35 ปี ผู้ก่อเหตุรุนแรง มีหมายจับในคดีความมั่นคงจํานวน 3 หมาย ที่สําคัญคือ กรณีขว้างระเบิดใส่ฐานปฏิบัติการ นปพ.21 อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 64ตรวจยึดอาวุธปืนสงครามจํานวน 3 กระบอก ประกอบด้วย ปืน M 16 2 กระบอก ปืนอาก้า 1 กระบอก ระเบิดขว้างแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ที่พักชั่วคราว และของใช้ส่วนตัว จํานวนหนึ่ง โดยภายหลังเกิดเหตุได้มีเพจข่าวบางสื่อพยายามไลฟ์สดเพื่อบิดเบือนและปลุกระดมชี้นําว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของศาสนาในการส่งศพผู้เสียชีวิตให้ญาตินําไปประกอบพิธีทางศาสนาภายในเวลาที่กําหนด ทั้งนี้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ขอเรียนให้ทราบว่าในขั้นตอนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ภายหลังเกิดเหตุ มีความจําเป็นต้องเข้าควบคุมสถานการณ์ รวมทั้งจัดตั้งจุดสกัดในเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายที่เหลือจะหลบหนีเพื่อควบคุมตัวมาดําเนินคดีตามกฎหมาย อีกทั้งต้องดําเนินการเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ถูกซุกซ่อนในพื้นที่ เพื่อทําพื้นที่ให้ปลอดภัยสําหรับเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บรวบรวมวัตถุพยานและสารพันธุกรรมเพื่อตรวจพิสูจน์ความเชื่อมโยงทางคดีและขยายผลกับกลุ่มคนร้ายที่เหลือ รวมทั้งในขั้นตอนการดําเนินการตรวจชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องดําเนินการโดยละเอียด ก่อนที่จะส่งศพให้ญาตินําไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ ซึ่งทั้งหมดต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวังเพื่อให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัยเพราะในพื้นที่อาจจะยังมีกลุ่มคนร้ายที่หลบซ่อนอยู่ในบริเวณใกล้เคียงลอบทําร้ายต่อเจ้าหน้าที่ที่กําลังปฏิบัติงานได้ สําหรับขณะนี้การปฏิบัติงานในพื้นที่ยังไม่จบภารกิจ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังต้องเข้าดําเนินการเก็บวัตถุพยานรวมทั้งสารพันธุกรรมต่างๆ เพื่อนํามาประกอบหลักฐานหาตัวผู้กระทําผิดมาลงโทษตามกฎหมายต่อไปทั้งนี้ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกนายล้วนต่างเข้าใจในการจัดการศพให้เป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม สามารถส่งศพผู้เสียชีวิตให้ญาตินําไปประกอบพิธีทางศาสนาเป็นที่เรียบร้อยใน เวลา 17.50 น. จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่ากลุ่มคนร้ายมุ่งหวังที่จะทําร้ายเจ้าหน้าที่โดยเปิดฉากยิงเข้าใส่ก่อน จนทําให้เจ้าหน้าที่จําเป็นต้องยิงตอบโต้จนนําไปสู่ความสูญเสียดังกล่าว ในนามของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิต มา ณ โอกาสนี้อย่างไรก็ตาม กอ.รมน.ภาค 4 สน. ยังคงยึดมั่นในหลักการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีเพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มเห็นต่างจากรัฐเข้ารายงานตัวแสดงตนและพร้อมช่วยเหลืออํานวยความสะดวกเพื่อต่อสู้คดีตามกฎหมายด้วยความเสมอภาคและเป็นธรรม รวมทั้งยังคงเดินหน้าสร้างสภาวะแวดล้อมให้เกื้อกูลและหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยเพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนในพื้นที่ จชต. ต่อไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
21/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230121124058300
null
รมต.“ธนกร” ลงพื้นที่ติดตามแก้ไขน้ำท่วมภูเก็ต ย้ำให้จังหวัดเร่งรัดพิจารณามอบเงินเยียวยาให้แก่ประชาชนโดยเร็วที่สุด
เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2566 นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ชุมชนรัษฎา (ซอยพะเนียง) หมู่ 5 ตําบลรัษฎา อําเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ติดตามการแก้ไขปัญหาน้ําท่วมในจังหวัดภูเก็ต โดยเฉพาะชุมชนรัษฎา (ซอยพะเนียง) และย่านเมืองเก่าภูเก็ต ซึ่งหลังจากที่รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงอ๊ามยกเค่เก้ง ได้ทักทายพูดคุย และถ่ายรูปกับประชาชนที่มาตอนรับอย่างเป็นกันเอง รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ให้ความสําคัญกับการแก้ไขปัญหาน้ําท่วมในจังหวัดภูเก็ต เพราะในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไม่ต่ํากว่า 14 ล้านคน มีรายได้ถึง 6 แสนล้านบาท เนื่องจากภูเก็ตเป็นแหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่ทางเศรษฐกิจที่สําคัญของประเทศ ซึ่งปัญหาต่าง ๆ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดําเนินการแก้ไขมาโดยตลอด ทั้งโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม และที่สําคัญคือการตัดสินใจของรัฐบาลในการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ ในส่วนเรื่องการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ําท่วมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้กําชับให้เร่งรัดทางจังหวัดเร่งพิจารณามอบเงินเยียวยาให้แก่ประชาชนโดยเร็วที่สุด อีกทั้งให้ดําเนินการแก้ไขปัญหาน้ําท่วมอย่างยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการศึกษาและกําหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ําท่วมชุมชนของจังหวัดภูเก็ต รวมถึงดําเนินการจัดสรรงบประมาณเพื่อบรรเทาปัญหาในพื้นที่เมืองภูเก็ตแล้วสําหรับเหตุน้ําท่วมล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา เบื้องต้นทางจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ดําเนินการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบไปแล้ว 3,073 ครัวเรือน เป็นงบประมาณจากเงินทดรองราชการผู้ว่าราชการจังหวัด เงินทดรองราชการนายอําเภอ และเงินองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม 12,565,017 บาท และอยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารเพื่อเร่งช่วยเหลืออีกประมาณ 2,977 ครัวเรือนขณะเดียวกันในวันนี้ เทศบาลตําบลรัษฎา ได้ตั้งโต๊ะอํานวยความสะดวกให้ประชาชนได้ยื่นเอกสารหลักฐานในการขอรับเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยจะมีการทําประชาคมในวันที่ 23 มกราคมนี้ ทางจังหวัดจะรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ส่งที่ส่วนกลางเพื่อพิจารณาตามหลักเกณฑ์ช่วยเหลือตามระเบียบราชการ และนําเงินมาเยียวยาช่วยเหลือประชาชนต่อไป ขณะที่นางสาวธัญลักษณ์ เรืองทรัพย์ และนางสาวสุพิศ วิเศษกาญจนพงศ์ ประชาชนซอยพะเนียง กล่าวว่า ประชาชนที่มายื่นเอกสารต่างรู้สึกดีใจที่รัฐมนตรีได้ลงมาดูแลด้วยตนเอง รู้สึกว่าอุ่นใจเพราะรัฐบาลไม่ทิ้งประชาชน พร้อมทั้งเสนอให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดําเนินการแก้ไขปัญหาในระยะยาวทั้งนี้ การแก้ปัญหาน้ําท่วมระยะยาวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ได้มีการอนุมัติงบประมาณผ่านโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการระบบระบายน้ําหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ําท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองภูเก็ต ระยะที่ 2 จังหวัดภูเก็ต ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 – 2566 วงเงิน 296,850,000 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างการดําเนินการ และมีงานก่อสร้างท่อระบายน้ํา คสล. บริเวณถนนประชาอุทิศหลังโลตัส - คลองบางใหญ่ (DR 5) งานเพิ่มประสิทธิภาพสถานีสูบน้ําโกมารภัจจ์และสถานีสูบน้ําเทพกระษัตรี ทดแทนของเดิมที่ชํารุดและเสื่อมสภาพ รวมทั้งมีโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ําท่วมชุมชนริมคลองท่าแครง เป็นต้น ซึ่งเมื่อโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จจะช่วยลดปริมาณน้ําบรรเทาปัญหาน้ําท่วมในพื้นที่เขตชุมชนเมืองภูเก็ต และพื้นที่ตําบลรัษฎา ได้อย่างมีประสิทธิภาพ/////
21/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
หน่วยงานสำนักข่าว
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230121102312268
null
ผอ.รมน.ภาค 4 สั่งหน่วยงานความมั่นคงเร่งหาตัวผู้กระทำผิดในพื้นที่มาลงโทษทั้งคดีความมั่นคงและคดีอาญา
ตามที่ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงเข้าใส่กลุ่มวัยรุ่นที่กําลังนั่งพูดคุยและรับประทานอาหารกันที่ศาลาข้างถนนชลประทาน หมู่ที่ 2 ตําบลเกาะสะท้อน อําเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 เวลา 02.50 น. โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ประกอบด้วย นาย ดัลลาฬ ยามา อายุ 18 ปี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา นาย ฮาฟีดี มะแซ อายุ 21 ปี ถูกยิงที่หัวเข่าข้างซ้าย ต้นขาขวา และบริเวณลําตัว ได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายหลังเกิดเหตุญาติ ได้นําตัวส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตํารวจได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จํานวน 17 ปลอก สอบสวนผู้อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่าคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาวนเวียนเพื่อดูลาดเลาก่อนที่จะเข้ามาก่อเหตุในอีกประมาณครึ่งชั่วโมงถัดมา สําหรับแนวทางการสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นว่าเกิดมาจากสาเหตุใด โดยปัจจุบันกําลังเร่งดําเนินการตรวจสอบจากพยานหลักฐาน พยานบุคคล รวมทั้งสภาพแวดล้อมใกล้เคียงทั้งนี้ นโยบายของ พลโท ศานติ ศกุนตนาค ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้เน้นย้ําให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดคลี่คลายในทุกคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นคดีอาญาทั่วไป หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เพื่ออํานวยความยุติธรรมให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่ว่าจะเป็นประชาชนในพื้นที่หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐก็ตามหากพี่น้องประชาชนพบเห็นเบาะแสการกระทําผิด บุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย สามารถโทรเข้ามาแจ้งได้ที่หน่วยงานความมั่นคง หรือหมายเลขสายตรง กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หมายเลข 1341 หรือหมายเลขโทรศัพท์สายตรงผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 หมายเลข 0611732999 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
21/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230121185150363
null
ม่วนชื่นไทย-ลาว เปิดด่านประเพณี จุดผ่อนปรนบ้านเหมืองแพร่ เปิดการค้าระหว่าง 2 ประเทศ และรับนักท่องเที่ยว หลัง พิษโควิดระบาด
ที่จุดผ่อนปรนบ้านเหมืองเเพร่ (ด่านประเพณี) บ้านเหมืองแพร่ ต.นาแห้ว อ.นาแห้ว จ.เลย โดยอําเภอนาแห้ว และเมืองบ่อแตน ร่วมกับ ศูนย์อํานวยการประสานงานโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงเฉพาะพื้นที่อําเภอนาแห้ว, กองร้อยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 2101 หน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 21 พร้อมด้วยพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนชาวอําเภอนาแห้วและชาว สปป.ลาว เมืองบ่อแตน แขวงไชยะบุรี หลังจากร่วมไม้ร่วมมือกันสร้างสะพาน ข้ามแม่น้ําเหือง กันระหว่าง ไทย สปป.ลาว เพื่อเตรียมเปิดด่านจุดผ่อนปรน เปิดการค้าระหว่าง 2 ประเทศ และรับนักท่องเที่ยว สามารถข้ามไปมาได้นายจักรภัทร พรมคล้าย ปลัดอําเภอ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครองอําเภอนาแห้ว ที่ปรึกษาคณะกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยชุมชนอําเภอ เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางอําเภอนาแห้ว และ สปป.ลาว ได้ร่วมข้อตกลงจะมีการเปิดด่านจุดผ่อนปรนบ้านเหมืองเเพร่ หรือด่านประเพณี หลังจากชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ของทั้ง 2 ประเทศ รวมกันสร้างสะพานไม้ไผ่ข้ามแม่น้ําเหือง กั้นระหว่างพรมแดนไทย สปป.ลาว โดยทั้ง 2 ประเทศ ได้ร่วมไม้ร่วมมือกันขนไม้ไผ่ของแต่ละประเทศมารวมกัน และชาวบ้านของทั้ง 2 ประเทศช่วยกันออกแรงสร้างขึ้น สะพานไม้ไผ่แห่งนี้ เป็นสะพานร่วมกันสามัคคีของพี่น้องทั้ง 2 ประเทศ และคงจะกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดนระหว่าง 2 ประเทศได้สะดวกขึ้น แต่ทั้งนี้เราและทาง สปป.ลาว ในช่วงแรกได้ร่วมข้อตกลง จุดผ่อนปรนนี้จะเปิดให้ข้ามได้เฉพาะวันพระ และวันเสาร์ ซึ่งทางอําเภอนาแห้วได้จัดมีถนนคนเดินทุกวันเสาร์ จึงให้พี่น้องทางฝั่ง สปป.ลาว ได้เดินมาซื้อของ และเอาของจาก สปป.ลาว มาจําหน่ายได้ที่ถนนคนเดิน และเตรียมพร้อมที่จะรับนักท่องเที่ยว มามาเที่ยวอําเภอนาแห้ว มาดูทะเลหมอก รับแสงของวันใหม่ ตามภูต่างๆ ในอําเภอนาแห้ว แถมยังสามารถข้ามไปมา เที่ยวฝั่งสปป.ลาวได้ด้วยความสัมพันธ์ไมตรีของประชาชนสองฝั่งแม่น้ําเหือง เพียงเดินข้ามสะพานไม้ไผ่ก็ถึงสามารถข้ามไปต่างประเทศแล้ว เพื่อการท่องเที่ยว พบญาติ เพื่อน ชมวัด ประเพณี ของท้องถิ่นร่วมกิจกรรม งานบุญงานกุศล และเลือกซื้อของฝากจาก สปป.ลาว ได้สะดวก#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
22/1/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เลย
สวท.ด่านซ้าย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230122085906410
null
คืบหน้าเหตุระเบิดที่ยะลา กรรมตามทัน คนร้ายวางระเบิดบึ้มใส่ตัวเอง อาการสาหัส เป็นตายเท่ากัน
จากเหตุการณ์ที่ได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจํานวนลอบวางระเบิด บริเวณทางโค้งหน้าสันเขื่อน สวนศรีเมือง (ย่านตลาดเมืองใหม่) ภายในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา เบื้องต้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด นอนที่จุดเกิดเหตุ 1 ราย ทราบชื่อ คือ นายนุด ตานิโล อายุ 26 ปี ที่อยู่ 17/4 หมู่ที่ 5 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยทางหน่วยกู้ชีพ - กู้ภัยแม่กอเหนี่ยวยะลา นําผู้บาดเจ็บ ส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เหตุเกิดเวลาประมาณ 01.30 น. ที่ผ่านมาล่าสุดวันนี้ (22 มกราคม 2566) เวลา 08.00 น. พ.ต.อ.ตรัยฤกษ์ ปัญญาไตรรัตน์ ผกก.สภ.เมืองยะลา ได้นํากําลังเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทําลายวัตถุระเบิด (EOD.) ศรศึก - ศรชัย ภ.จว.ยะลา และ เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา ลงพื้นที่บริเวณสถานีสูบน้ํา (ทางโค้งสวนศรีเมือง) โดยเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ที่เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุต้องใช้ความระมัดระวัง เกรงว่ากลุ่มคนร้ายล่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบแล้วกดระเบิดซ้ําหวังเอาชีวิตโดยพบจุดเกิดเหตุ และบริเวณถนน มีเศษชิ้นส่วนของแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังสีเหล็ก น้ําหนักประมาณ 5 - 10 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยรีโมทคอนโทรลกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นที่ จึงได้เก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน เพื่อเร่งหาเครือข่ายของกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุไปดําเนินตามกฎหมายต่อไปจากการสอบสวนทราบว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เวลาประมาณ 01.30 น. มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่ม จํานวน 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ไม่ทราบสียี่ห้อและหมายเลขทะเบียน หนึ่งในสองคนร้าย ได้ลงจากรถ นําระเบิดเพลิงที่บรรจุในถังสีเหล็ก ไปวางไว้ภายในเครื่องสูบน้ํา บริเวณสวนศรีเมือง (ย่านตลาดเมืองใหม่) ภายในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ขณะที่คนร้ายที่ลงไปวางระเบิดอยู่นั้น วงจรระเบิดได้เกิดสปาร์คจนทําให้ระเบิดทํางานเกิดการระเบิดขึ้น แรงระเบิดทําให้คนร้าย โดนแรงระเบิดแขนซ้ายผิดรูปและใบหน้าถูกไฟไหม้ได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นคนร้ายที่ขับรถจักรยานยนต์ เห็นท่าไม่ดีได้ขับรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุทางหน่วยกู้ชีพ - กู้ภัยแม่กอเหนี่ยวยะลา นําผู้บาดเจ็บ ส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เพื่อช่วยชีวิตเป็นการด่วน ในตัวของคนร้าย พบกระเป๋าคาดเอว พบพาสปอร์ต และมีกระดาษเขียนด้วยภาษามาลายู แปลว่าวิธีการฝึกออกกําลังกายฝึกฝนระเบียบวินัย อีกด้วยส่วนสาเหตุเบื้องต้น เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ระเบิดที่คนร้ายลอบวางในครั้งนี้ เพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในบริเวณดังกล่าว และต้องการทําลายเครื่องสูบน้ําของเทศบาลนครยะลา ซึ่งเป็นสิ่งสาธารณูปโภค เพื่อก่อกวน แต่คนร้ายวางระเบิดผิดพลาด จนเกิดการระเบิดขึ้น ทําให้คนร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ ทางหน่วยความมั่นคงได้แจ้งเตือนให้หน่วยในพื้นที่เพิ่มความเข้มงวด และเฝ้าระวังการก่อเหตุเขตเมืองของกลุ่มคนร้าย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
22/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230122101823419
null
ผอ.รมน.ภาค 4 สั่งหน่วยงานความมั่นคงเร่งหาตัวผู้กระทำผิดในพื้นที่มาลงโทษทั้งคดีความมั่นคงและคดีอาญา
ตามที่ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงเข้าใส่กลุ่มวัยรุ่นที่กําลังนั่งพูดคุยและรับประทานอาหารกันที่ศาลาข้างถนนชลประทาน หมู่ที่ 2 ตําบลเกาะสะท้อน อําเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 เวลา 02.50 น. โดยเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ประกอบด้วย1. นาย ดัลลาฬ ยามา อายุ 18 ปี ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา2. นาย ฮาฟีดี มะแซ อายุ 21 ปี ถูกยิงที่หัวเข่าข้างซ้าย ต้นขาขวา และบริเวณลําตัว ได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายหลังเกิดเหตุญาติ ได้นําตัวส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตํารวจได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ จํานวน 17 ปลอก สอบสวนผู้อยู่ในเหตุการณ์ทราบว่าคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาวนเวียนเพื่อดูลาดเลาก่อนที่จะเข้ามาก่อเหตุในอีกประมาณครึ่งชั่วโมงถัดมา สําหรับแนวทางการสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นว่าเกิดมาจากสาเหตุใด โดยปัจจุบันกําลังเร่งดําเนินการตรวจสอบจากพยานหลักฐาน พยานบุคคล รวมทั้งสภาพแวดล้อมใกล้เคียง ทั้งนี้ นโยบายของ พลโท ศานติ ศกุนตนาค ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้เน้นย้ําให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดคลี่คลายในทุกคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นคดีอาญาทั่วไป หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เพื่ออํานวยความยุติธรรมให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่ว่าจะเป็นประชาชนในพื้นที่หรือแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐก็ตามหากพี่น้องประชาชนพบเห็นเบาะแสการกระทําผิด บุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย สามารถโทรเข้ามาแจ้งได้ที่หน่วยงานความมั่นคง หรือหมายเลขสายตรง กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หมายเลข 1341 หรือหมายเลขโทรศัพท์สายตรงผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 หมายเลข 0611732999 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
22/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230122115232435
null
ลาดตระเวนพิทักษ์พื้นที่เข้ม ควบคุมพื้นที่ชายป่าขอบเขาสร้างความปลอดภัยในพื้นที่
ลาดตระเวนพิทักษ์พื้นที่เข้ม ควบคุมพื้นที่ชายป่าขอบเขาสร้างความปลอดภัยในพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 จัดกําลังชุดปฏิบัติการพิทักษ์พื้นที่ ปฏิบัติภารกิจตามแผนยุทธการพิทักษ์ยะลา ในพื้นที่อําเภอรามัน จังหวัดยะลา โดยจัดชุดลาดตระเวน ควบคุมพื้นที่ชายป่าขอบเขา กดดัน พิสูจน์ทราบ และค้นหาแหล่งหลบซ่อน หรือพื้นที่พักพิง ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงซุ่มเฝ้าระวังในจุดที่เคยเกิดเหตุฯ เพื่อป้องกันเเละจํากัดเสรีในการปฏิบัติของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
22/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230122160038492
null
รปภ.เข้มยะลา หวั่นป่วนซ้ำ ตอบโต้ จนท.
รปภ.เข้มยะลา หลังคนร้ายเล็ดลอด ลอบวางระเบิดเขตเมือง หวั่นป่วนซ้ํา ตอบโต้ จนท. จากเหตุการณ์ ซึ่งคนร้ายได้พยายามลอบก่อเหตุวางระเบิดสร้างสถานการณ์ ในพื้นที่เมืองยะลา แต่เกิดพลาด ระเบิดคามือจนได้รับบาดเจ็บ เมื่อ วานนี้ 22 ม.ค 66 ที่บริเวณทางโค้งถนนสันเขื่อน สวนศรีเมือง เขตเทศบาลนครยะลา รวมไปถึง เหตุเจ้าหน้าที่ปะทะกับกลุ่มคนร้าย หลังเข้าไปพิสูจน์ทราบแหล่งพักพิงจนทําให้เกิดการสูญเสีย ที่ นราธิวาส ซึ่งอาจจะมีการก่อเหตุตอบโต้ฝ่ายทางเจ้าหน้าที่นั้นทางด้าน พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎิ์ ผบก.ภ.จว.ยะลาได้กําชับไปยังเจ้าหน้าที่ตํารวจ ที่ปฏิบัติงาน ในพื้นที่ 8 อําเภอของ จ.ยะลา โดยเฉพาะเขตเมืองยะลา ซึ่งเป็นเป้าหมายของกลุ่มคนร้าย ให้เพิ่มมาตรการดูแลพื้นที่ ตรวจสอบเส้นทางเขตรอยต่อเทศบาลนครยะลา อย่างเข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกัน สกัดกั้น ไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดี ฉวยโอกาส แฝงตัว ลักลอบเข้ามาก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนพร้อมย้ําให้หน่วยในพื้นที่ มีความพร้อมรองรับกับสถานการณ์การก่อเหตุทุกรูปแบบ ที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ประมาทกับสถานการณ์ กําชับ จุดตรวจ จุดสกัดหลัก 4 จุด 4 มุมเมือง ที่จะเข้าตัวเมืองยะลา 4 รวมไปถึงจุดตรวจ จุดสกัดถนนเส้นทางรอง ให้ตรวจสอบ ตรวจค้น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ บุคคลต้องสงสัย เป้าหมาย ซึ่งเดินทางใช้เส้นทางสัญจรเข้าสู่พื้นที่เขตเทศบาลนครยะลา อย่างละเอียดถี่ถ้วน รวมไปถึงสิ่งของต้องสงสัย อาวุธปืน วัตถุระเบิดขนาดเล็กที่คนร้ายอาจจะซุกซ่อนใส่ในกระเป๋าที่พกพา เข้ามาก่อเหตุ ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันสอดส่องพื้นที่ของตนเอง หาก พบเห็นสิ่งผิดปกติให้แจ้งเจ้าหน้าที่ หรือติดต่อทางหมายเลข 191#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123104015580
null
ททท. พร้อมส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์ Soft Power ไทย ผ่านนโยบายส่งเสริมวัฒนธรรม 5F
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการให้ทุกหน่วยงาน ส่งเสริมภาคการท่องเที่ยว สนับสนุนการใช้ Soft Power ผ่านการส่งเสริมวัฒนธรรม 5F เน้นการนําเอกลักษณ์ของไทยมาสร้างประสบการณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ทุกหน่วยงานขานรับการทํางานอย่างเป็นรูปธรรม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะยกระดับการใช้ Soft Power เป็นอีกปัจจัยดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยใช้แนวทางส่งเสริมวัฒนธรรม 5F ต่อยอดกระแสการเดินทางมาท่องเที่ยวไทย ได้แก่ 1. อาหาร (Food) 2. ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) 3. การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion) 4. ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting) และ 5. เทศกาล (Festival) ล่าสุด มีแนวทางจะใช้การจัดงานเทศกาลและอีเวนต์ เพื่อสร้างกระแสการเดินทาง เช่น ด้านอาหาร เตรียมประกาศให้ปี 2566 เป็น “ปีแห่งอาหารไทย” พร้อมโปรโมทตลาดถนนคนเดิน และจะจัดงานเทศกาลอาหารนานาชาติ ด้านภาพยนตร์และวีดิทัศน์ เตรียมเปิดตัวเส้นทางท่องเที่ยว Film City Tour Package ตามรอยภาพยนตร์และซีรีส์ชื่อดัง เพื่อผลักดันให้กระแสการเดินทางปี 2566 มีจํานวนผู้เยี่ยมเยือนตามเป้าหมาย 250 ล้านคน ด้านศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย เน้นนําเสนอการต่อสู้มวยไทย โดยวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ มีการจัดงานไหว้ครูมวยไทยครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ที่อุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บันทึกสถิติโลกโดยกินเนสบุ๊ค เรคคอร์ดส์ มีผู้มาร่วมงานกว่า 3,500 คน ด้านเทศกาล จะมีงาน “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย Limited Edition 2566” ในช่วงกลางปี และจะยกระดับงานประเพณีพื้นเมือง ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติมากขึ้น
23/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123113209611
null
นายกฯ ชื่นชมความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ผลักดันนวัตกรรมด้านพลังงานเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ภาคเอกชนไทยและภาคประชาสังคมร่วมมือกันคิดค้นแนวทางหามาตรการลดการใช้คาร์บอน พัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานจากเทคโนโลยีคาร์บอนต่ํา สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสําคัญพิจารณาหาแนวทาง เพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกัน ซึ่งผู้ประกอบการไทย ที่ให้ความร่วมมือ คือ บริษัท เจริญชัยหม้อแปลงไฟฟ้า จํากัด บริษัท อีโนวา อินทิเกรชั่น จํากัด และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ใช้นวัตกรรมเพื่อลดการใช้คาร์บอน คือ การพัฒนาหม้อแปลงไฟฟ้าจาก Submersible Transformer Low Carbon ที่ใช้เทคโนโลยีคาร์บอนต่ํา นําร่องในพื้นที่ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบริเวณสยามสแควร์ โดยนวัตกรรมหม้อแปลงไฟฟ้านี้ ได้รับรางวัลจากหน่วยงาน ได้แก่ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน รางวัลกระทรวงพลังงาน Energy Award รางวัลนวัตกรรมสินค้าสนับสนุนส่งเสริมสํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA, สินค้า มอก. 384 และใบประกาศเกียรติคุณโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.หรือ TGO )นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ชื่นชมความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด รวมถึงคิดค้นนวัตกรรมที่จะช่วยลดคาร์บอน ตามเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2065 ซึ่งปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายสําคัญ ที่ทุกคนในโลก ต้องร่วมมือกันแก้ไข
23/1/2023
null
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123112635608
null
จนท.ความมั่นคงยะลา ลาดตระเวนพิทักษ์พื้นที่เข้ม ควบคุมพื้นที่ชายป่าขอบเขาสร้างความปลอดภัยในพื้นที่
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 จัดกําลังชุดปฏิบัติการพิทักษ์พื้นที่ ปฏิบัติภารกิจตามแผนยุทธการพิทักษ์ยะลา โดยจัดชุดลาดตระเวน ควบคุมพื้นที่ชายป่าขอบเขาในพื้นที่ อําเภอรามัน จังหวัดยะลา เพื่อกดดัน พิสูจน์ทราบ และค้นหาแหล่งหลบซ่อน หรือพื้นที่พักพิง ตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงซุ่มเฝ้าระวังในจุดที่เคยเกิดเหตุฯ เพื่อป้องกัน เเละจํากัดเสรีในการปฏิบัติของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง อีกทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปตามนโยยายของ พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่4/ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ที่ต้องการดูแลพื้นที่ ขจัดความรุนแรง แก้ไขปัญหาครอบคลุมทุกมิติ ทุกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่เป้าหมาย สร้างสันติสุข นําความสุขสู่ประชาชน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123104900589
null
ดีเดย์บังคับใช้ พ.ร.บ.ป้องกันกระทำผิดซ้ำ ผู้ต้องโทษคดีเพศ-ความรุนแรงหลังพ้นโทษ ประเดิมใส่กำไล EM 29 ราย
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า วันนี้เป็นวันแรกที่บังคับใช้ พระราชบัญญัติมาตรการป้องกันการกระทําผิดซ้ําเกี่ยวกับความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง พ.ศ. 2565" ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2565 ที่มี กลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่กระทําความผิดรุนแรง 3 กลุ่ม ได้แก่ ความผิดเกี่ยวกับเพศ, ชีวิตและร่างกาย และการ เรียกค่าไถ่ อาทิ คดีฆาตกรรม การข่มขืนกระทําชําเรา การกระทําความผิดทางเพศกับเด็ก การทําร้ายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย การทําร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้รับอันตรายสาหัส รวมทั้งการนําตัวบุคคลไปเรียกค่าไถ่โดยการบังคับใช้ พ.ร.บ.ฉบับนี้ คณะกรรมการป้องกันการกระทําผิดซ้ํา ทําหน้าที่พิจารณากําหนดมาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดหลังพ้นโทษ ที่มี 4 มาตรการสําคัญ ได้แก่ มาตรการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทําความผิด รวมถึงมาตรการทางการแพทย์, มาตรการเฝ้าระวังนักโทษเด็ดขาดภายหลังพ้นโทษ, มาตรการคุมขังภายหลังพันโทษ และ การคุมขังฉุกเฉิน มีระยะเวลาบังคับใช้มาตรการได้ตั้งแต่ 7 วันถึง 10 ปี และทุกมาตรการรวมกันจะต้องไม่เกิน 10 ปี เพื่อป้องกันสังคมและผู้เสียหายจากการกระทําความผิดที่อาจเกิดขึ้นซ้ํา รวมถึงการเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญนายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สําหรับผู้พ้นโทษกลุ่มแรกที่จะบังคับใช้มาตรการนี้มีจํานวน 29 ราย ทยอยปล่อยไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม วันนี้จะขออนุมัติศาลให้สามารถสวมกําไล EM กับผู้พ้นโทษเพื่อติดตามความประพฤติได้ หากระหว่างนี้กระทําความผิดซ้ําก็อาจถูกคุมขังอีกโดยมีระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี ส่วนมาตรการทางการแพทย์นั้นจะใช้สําหรับผู้ที่ยังอยู่ในเรือนจํา โดยกรมราชทัณฑ์เป็นผู้ดําเนินการ
23/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123131115648
null
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชื่อประชาชนต้องการเมืองสร้างสรรค์ ส่วน พลเอก ประวิตร ลงพื้นที่ก่อนหน้า พลเอก ประยุทธ์ ทุกพื้นที่ ถือเป็นปกติ
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีทั้งผู้เชียร์และผู้ขับไล่ว่า ว่า เป็นเรื่องปกติในทางการเมือง ซึ่งต้องเข้าใจ อย่างกรณีที่ตนเองไปลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ที่ไปตรวจราชการตามปกติ ได้รับการตอบรับจากประชาชนจํานวนมาก โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น นักท่องเที่ยวเดินทางมาจํานวนมาก มีประชาชนฝากความรักถึงพล.อ.ประยุทธ์ ตลอดเส้นทาง และการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ลงไปเยาวราชแบบส่วนตัว เพราะตั้งใจไปไหว้พระในวันหยุด โดยยังไลน์คุยกับตนเองที่อยู่ระหว่างไปทําบุญที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย ในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ และได้บอกนายกรัฐมนตรี ว่า ไปขอพรให้นายกรัฐมนตรี ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ และพระพุทธเมตตา ซึ่งได้คุยกับ นายกรัฐมนตรี และบอกว่า ประชาชนมาสะท้อนว่า วันนี้ประเทศฟื้นตัวแล้ว เศรษฐกิจดีขึ้นมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามาก นายกรัฐมนตรี ก็ดีใจที่ได้เห็นประชาชนมีความสุข ทั้งนี้อาจจะมีมุมมองทางการเมืองของคนที่อาจจะพอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง ตรงนี้ท่านบอกว่าเป็นเรื่องปกติในทางการเมือง ซึ่งท่านก็รับฟังปัญหาของทุกคนอยู่แล้วส่วนการลงพื้นที่ในนามสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติมากขึ้นหรือไม่ในช่วงใกล้หมดวาระรัฐบาล นายธนกร กล่าวว่า เข้าใจว่าทางพรรคคงมีโปรแกรมอยู่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรี คงใช้เวลานอกราชการในการลงไปทํางานการเมืองถือเป็นเรื่องปกติ และไม่ได้เป็นการเอาเปรียบใคร เข้าใจว่าหลายฝ่ายจับตาอยู่ ว่าจะมีการหาเสียงหรือไม่ แต่ต้องเข้าใจว่า นายกรัฐมนตรี หรือทีมกฎหมายก็รู้กฎหมายดี เราไม่เอาเปรียบอยู่แล้ว และคิดว่าวันนี้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นเรื่องของการช่วงชิงในเรื่องของผลงาน หรือ นโยบายมากกว่าที่จะไปหาเสียง คิดว่าการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ควรจะลดน้อยลง เชื่อว่า ประชาชนต้องการการเมืองที่สร้างสรรค์ ไม่โจมตีใคร แข่งกันด้วยนโยบายและผลงานมากกว่า ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุววรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ก่อนหน้า พล.อ.ประยุทธ์ มาหลายครั้ง นายธนกร กล่าวว่า คิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สาระสําคัญ เข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ พลเอก ประวิตร คงมีกําหนดการ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ให้ความสําคัญกับตรงนี้ เพราะทุกคนมีสิทธิ์ไปตรงไหนก็ได้ และนายกรัฐมนตรี เองมีสิ่งกําหนดที่จะไปอยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ไม่มีปัญหา
23/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123134053670
null
วงจรปิด เผยภาพบางส่วน เหตุวางระเบิด ที่ยะลา หลังคนร้ายวางบึ้มใส่ตัวเองเจ็บสาหัส
จากเหตุการณ์เมื่อกลางดึกของวันที่ 22 ม.ค.66 ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจํานวนลอบวางระเบิด ที่บริเวณทางโค้งหน้าสันเขื่อน สวนศรีเมือง (ย่านตลาดเมืองใหม่) ภายในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา แต่เกิดความผิดพลาดระเบิดทํางานก่อน จนทําให้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 รายล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ตํารวจ สามารถนําภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิดบางส่วน ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณสถานที่เกิดเหตุระเบิดบริเวณทางโค้งถนนสันเขื่อน สวนศรีเมือง แต่คนร้ายที่นําระเบิดแสวงเครื่อง (ระเบิดเพลิง) บรรจุในถังสีเหล็ก น้ําหนัก 5 - 10 กิโลกรัม ไปวางไว้ เกิดพลาด ระเบิดคามือ ทําให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยภายในภาพเหตุการณ์ที่บันทึกได้นั้น ในเวลา 01.28.41 วินาที ได้ เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นไม่นาน กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพรถจักรยานยนต์จํานวน 2 คัน ที่ขับตามกันออกมาจากจุดที่เกิดเหตุ ภายหลังเกิดเหตุระเบิดเพียงไม่กี่นาทีสําหรับในส่วนของผู้บาดเจ็บ ที่เป็นผู้ต้องสงสัย เบื้องต้นอาการยังสาหัส รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ต้องรอให้ผู้บาดเจ็บรู้สึกตัวก่อน จึงจะทําการสอบปากคําเพิ่มเติม เพื่อขยายผลไปยังผู้ร่วมก่อเหตุและผู้สั่งการต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123140114686
null
พังงา-ยังไม่พบ สนธิกำลังออกค้นหาหนุ่มกระบี่หายตัวปริศนาหลังออกหากล้วยไม้บนภูเขาในเมืองพังงา
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 ที่ด่านพระยาพิพิธ ม.3 ต.นบปริง อ.เมืองพังงา นายธีระวัตร แก้วพิทักษ์ ปลัดอําเภอเมืองพังงา พร้อมด้วยนายไชยา บุญณบุรี นายกองค์การบริหารส่วนตําบลนบปริง พ.ต.ท.นิพนธ์ พลอยขาว ผบ.ร้อย ตชด.425 (ตะกั่วป่า)สนธิกําลังเจ้าหน้าที่ อส.อําเภอเมืองพังงา ตชด.425 ตํารวจสภ.ทุ่งคาโงก ปภ.พังงา ผู้นําท้องที่ในตําบลนบปริง ตําบลบางเตย อ.เมืองพังงา กู้ภัยร่วมใจพังงา และชาวบ้าน รวมกว่า 70 คน ออกติดตามร่องรอยค้นหาผู้สูญหาย ชื่อ นายษาหรือดํา เพ็ชรพวง ชาวตําบลแหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ที่ทางญาติได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตํารวจสภ.อ่าวลึกว่า ได้ออกจากบ้านไปหากล้วยไม้ในเขตบ้านบางเตย ต.บางเตย อ.เมืองพังงา พร้อมกับเพื่อนชื่อนายแหลม เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 ขณะนี้ยังไม่กลับมาบ้าน เกรงว่านายษาฯจะได้รับอันตราย และประสานมายังฝ่ายปกครองอําเภอเมืองพังงา เจ้าของพื้นที่ ออกทําการค้นหาแต่ยังไม่พบร่องรอยโดยล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนนายแหลมเพื่อนคนที่มาหากล้วยไม้ด้วยกันเพิ่มเติม ทางนายแหลมอ้างว่าได้เริ่มเดินขึ้นภูเขาหากล้วยไม้รองเท้านารีจากเชิงเขาพื้นที่ ม.1 ตําบลบางเตย อ.เมืองพังงา แล้วได้แยกทางกับผู้สูญหายเพื่อออกหากล้วยไม้ป่ารองเท้านารี ซึ่งเมื่อถึงเวลานัดเพื่อนก็ไม่กลับมา จึงเดินตัดข้ามภูเขากลับไปนอนรอที่ขนําบริเวณเชิงเขาทางที่เดินขึ้นมา และเมื่อเช้าวันพรุ่งขึ้นเพื่อนก็ไม่กลับมา จึงออกติดตามค้นหาด้วยตัวเองอยู่ 3 วัน เมื่อเสบียงที่นํามาหมดจึงกลับบ้านที่ตําบลแหลมสัก แจ้งให้ญาติได้รับรู้ ซึ่งทางญาติได้จัดชุดออกมาตามหามาอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังไม่เจอ คาดว่าผู้สูญหายยังคงหลงป่าอยู่บนภูเขา ขณะที่ญาติคนหนึ่งได้บอกว่าสามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้เมื่อวันที่ 20 มกราคม และนายดําบอกว่าเขาติดอยู่บนหน้าผายังหาทางลงมาไม่ได้ มองลงมาด้านล่างเห็นอาคารหลังคาสีแดง แต่ล่าสุดก็ไม่สามารถโทรติดต่อได้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้ทําการสอบสวนนายแหลมเพิ่มเติมและจัดชุดออกทําการค้นหา โดยเริ่มจากจุดที่แยกทางกัน ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านที่ผู้สูญหายอาศัยอยู่ได้ให้ข้อมูลว่ากลุ่มหากล้วยไม้บนภูเขานั้นจะออกไปหาครั้งละ3-4 วัน และเป็นกลุ่มคนที่ออกหากล้วยไม้ป่าตามภูเขาเป็นอาชีพ เพื่อนํามาขายให้พ่อค้ากล้วยไม้ในจังหวัดกระบี่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้จัดแบ่งทีมออกค้นหาเริ่มจากจุดที่นายแหลมอ้างว่าแยกทางกัน และจะมีการตรวจสอบการใช้งานของโทรศัพท์มือถือของผู้สูญหายเพื่อหาพิกัดที่ชัดเจนด้าน ปรเมศร์ เพ็ชรพวง และนางธิดา ชื่นชนะ พี่ชายและพี่สะใภ้ของผู้สูญหาย เปิดเผยว่า ตนเองอยู่คนละหมู่บ้านกับน้องชาย และได้รับทราบจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านอ่าวน้ําเมา ม.2 ต.แหลมสัก อ.อ่าวลึกว่า น้องชายได้สูญหายไปติดต่อไม่ได้เมื่อวันที่20 มกราคม จึงเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตํารวจ และทราบว่าทางทีมงานกลุ่มหากล้วยไม้ ได้ออกติดตามค้นหากันอยู่และยังมีทีมค้นหาอีก1คนที่ยังค้นหาผู้สูญหายอยู่บนภูเขาแบบค่ําไหนนอนนั่น ในส่วนของน้องชายที่สูญหายนั้นตนมั่นใจว่าไม่ใช่เป็นการหลงทางอย่างแน่นอน เพราะเขามาหากล้วยไม้ในพื้นที่นี้อยู่เป็นประจํา ส่วนสาเหตุที่สูญหายนั้นอาจจะเป็นเพราะเกิดอาการหลอนจากการเสพยา ซึ่งยอมรับว่าน้องชายติดยาเสพติด จนเมียพาลูกหนีไปอยู่ต่างจังหวัด และที่ผ่านมาน้องชายเคยนอนหลับลึกไม่ตื่นครั้งละ 3-4 วันมาแล้ว จึงเป็นไปได้ที่เขาจะนอนหลับอยู่บนภูเขา#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/1/2023
ภาคใต้
พังงา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพังงา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123145204703
null
รองนายก ฯ พลเอกประวิตร มอบนโยบายขับเคลื่อนราชการภูมิภาค มุ่งแก้ปัญหาสำคัญ ทันต่อสถานการณ์ ยึดประชาชนเป็นหลัก พร้อมขอให้ทุกหน่วยพัฒนาระบบข้อมูลดิจิทัล
วันนี้ (23 มกราคม 2566) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการปฏิบัติราชการในภูมิภาคเขต 1, 7, 13 และ 16 ครอบคลุม 17 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลางและภาคใต้ ร่วมกับส่วนราชการต่างๆ ณ สํานักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนศรีสมาน จังหวัดนนทบุรี พลเอก ประวิตร ฯ ได้มอบนโยบายการกํากับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ประจําปี 2566 กําชับให้ความสําคัญในการขับเคลื่อนปัญหาเร่งด่วนที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนในระดับพื้นที่ ให้ทันต่อสถานการณ์ โดยน้อมนําแนวทางตามพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เช่น การแก้ปัญหาความยากจน การบุกรุกที่สาธารณะ การรับมือกับภัยแล้งและอุทกภัย ปัญหาแรงงานและประมงผิดกฎหมาย ปัญหาหมอกควันและไฟป่า ปัญหา จชต. และปัญหาสําคัญ โดยให้ขับเคลื่อนพื้นที่ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13พร้อมเน้นย้ํานโยบายสําคัญ ที่ส่งเสริมการดําเนินงานตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มุ่งพัฒนาพื้นที่และยึดประชาชนเป็นหลัก รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาแหล่งน้ําชุมชน ที่ดินทํากิน การส่งเสริมการศึกษา ภูมิปัญญาท้องถิ่น การส่งเสริมการเกษตร และการประกอบอาชีพ นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ยังได้ย้ําให้ทุกหน่วยบูรณาการและพัฒนาระบบฐานข้อมูลดิจิทัล เพื่อเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ สําหรับการบริหารจัดการประเทศ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในภาพรวม
23/1/2023
null
กรุงเทพมหานคร
หน่วยงานสำนักข่าว
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123153058718
null
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เผยเหตุคนร้าย หวังลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์แต่ระเบิดทำงานพลาดคนร้ายสาหัส
พันเอก เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เผย จากกรณีได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณทางโค้งหน้าสันเขื่อน สวนศรีเมือง ย่านตลาดใหม่ ภายในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 22 ม.ค.66 เวลา 01.25 น. ทําให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ภายหลังรับแจ้งเหตุ หน่วยกู้ชีพกู้ภัยแม่กอเหนี่ยวยะลาได้นําตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ทราบชื่อคือ นาย นุด ตานิโล อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/4 หมู่ 5 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส มีบาดแผลรอยไหม้บริเวณลําตัวและใบหน้า แขนซ้ายหัก นําส่ง รพ.ศูนย์ยะลา ต่อมาเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบวัตถุพยานประกอบด้วยภาชนะบรรจุชิ้นส่วนท่อโลหะ ชิ้นส่วนนาฬิกาปลุก สายไฟสีเขียว/สีดํา ชิ้นส่วนพลาสติกถังสีสีขาว ระบุเป็นสีทาภายใน ใกล้เคียงกันพบหลุมระเบิดเป็นร่องรอยทรงกลม ขนาด 20 เซนติเมตร จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงพบว่าในเวลาดังกล่าวมีชายจํานวน 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ทราบสี ยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน เมื่อถึงที่เกิดเหตุคนซ้อนท้ายได้ลงจากรถนําระเบิดที่บรรจุในถังสีไปวางไว้ภายในรั้วตะแกรงที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ําบริเวณสวนศรีเมือง เพื่อมุ่งหวังทําร้ายเจ้าหน้าที่รวมทั้งประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา แต่ระเบิดเกิดทํางานผิดพลาดจนทําให้ระเบิดใส่ตนเองดังกล่าว ส่วนคนขับรถจักรยานยนต์ที่มาด้วยเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เพื่อนําตัวมาดําเนินการตามกฎหมาย รวมทั้งเหตุการณ์เมื่อวันที่ 20 ม.ค.66 เวลา 18.30 น. มีคนร้าย 1 คน ขว้างระเบิดไปป์บอมใส่วัดราษฎร์สโมสรซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ บ.ยะบะ ม.2 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดกว้างประมาณ 15 ซม. ลึก ประมาณ 10 ซม. พบวัตถุพยานเป็นสะเก็ดลูกบอลแบริ่งจํานวน 4 เม็ด แรงระเบิดทําให้ทรัพย์สินข้าวของภายในวัดเสียหายจํานวนหนึ่ง พระสงฆ์ที่อาศัยอยู่ภายในวัดรวมทั้งประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ในละแวกใกล้เคียงต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าวทั้ง 2 เหตุการณ์ จะเห็นได้ว่าสาเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จชต. ล้วนเกิดมาจากกลุ่มที่ต้องการสร้างความรุนแรงทั้งสิ้น โดยที่ผ่านมามีเพจบางเพจหรือบุคคลบางกลุ่มพยายามบิดเบือนชี้นําให้สาธารณชนหลงเชื่อคล้อยตามว่า เหตุระเบิดหรือความรุนแรงต่างๆ ในพื้นที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่สําหรับเหตุที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ล้วนเป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า เหตุการณ์ความไม่สงบรวมทั้งเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ในพื้นที่ ล้วนเกิดมาจากฝีมือของกลุ่มผู้เห็นต่างหรือกลุ่มที่ต้องการสร้างความรุนแรงเพื่อหวังผลในการสร้างความแตกแยกในสังคมเพื่อมุ่งไปสู่จุดหมายคือการแบ่งแยกดินแดนทั้งสิ้นทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบเห็นเบาะแสการกระทําผิด บุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย สามารถโทรเข้ามาแจ้งได้ที่หน่วยงานความมั่นคง หรือหมายเลขสายตรง กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หมายเลข 1341 หรือหมายเลขโทรศัพท์สายตรงผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 หมายเลข 061 1732999 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
23/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สวท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230123163829737
null
กรมโยธาธิการและผังเมือง สั่งเร่งรัดการก่อสร้างถนนเกาะลันตา ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนปีนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน
กรมโยธาธิการและผังเมือง สั่งเร่งรัดการก่อสร้างถนนเกาะลันตา ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนปีนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผยถึงกรณีการก่อสร้างถนนเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ที่ล่าช้าและยังไม่แล้วเสร็จ โดยระบุว่า โครงการนี้ เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่เฉพาะเกาะลันตาใหญ่ ระยะที่ 2 ซึ่งระหว่างก่อสร้าง มีบ้านจํานวน 5 หลัง รุกล้ําแนวก่อสร้างทางเท้า จึงหยุดงานช่วงนี้ไว้ก่อน ปัจจุบัน สามารถหาข้อยุติได้ 3 หลัง อยู่ระหว่างเจรจาหาข้อยุติ 2 หลัง ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงต้องหยุดการก่อสร้างไป ต่อมาได้รับการผ่อนผันให้ระยะเวลาก่อสร้าง โดยการคิดค่าปรับในอัตรา ร้อยละ 0 ตามมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในช่วงโควิด เป็นผลให้สิ้นสุดสัญญาวันที่ 9 มกราคม 2568 โดย กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้เร่งรัดให้ผู้รับจ้าง ดําเนินงานก่อสร้างในส่วนที่เหลือ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ปัจจุบันมีผลการดําเนินงาน ร้อยละ 75 แต่ในส่วนที่กระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นงานวางท่อ บ่อพัก และก่อสร้างถนนพร้อมทางเท้าส่วนที่เหลือ (พื้นที่ 625 ตารางเมตร) ผู้รับจ้างได้ดําเนินการปรับพื้นที่ไปแล้ว ร้อยละ 20 โดยงานทั้งโครงการ มีกําหนดการจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2566 เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ถนนสัญจรได้อย่างสะดวกและปลอดภัยต่อไป
24/1/2023
null
กรุงเทพมหานคร
สวท.จันทบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124153131020
null
ครม. เตรียมอนุมัติงบจัดเลือกตั้ง งบประมาณสนับสนุนท้องถิ่น พร้อมเสนอ พ.ร.ก.ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์
การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม มีวาระที่น่าสนใจ อาทิ สํานักงาน กกต. ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น เพื่อเป็นคําใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปขณะเดียวกันยังมีหลายหน่วยงานขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 อาทิ สํานักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา สถาบันพระปกเกล้า สํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา สํานักงานศาลปกครอง สํานักงานศาลยุติธรรม สํานักงานศาลรัฐธรรมนูญ สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และสํานักงานอัยการสูงสุดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เพื่อดําเนินโครงการพัฒนาระบบคลาวค์กลางด้านสาธารณสุขของประเทศไทย พ.ศ. 2566-2568 และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566งบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น เสนอร่างพระราชกําหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. .... กระทรวงสาธารณสุข เสนอโครงการพัฒนาเครือข่ายระบบด้านการดูแลสุขภาพจิตกระทรวงการคลัง ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 พื้นที่โซน C เสนอมาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ร่างกฎหมายการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ร่างกฎหมายการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุข และร่างกฎกระทรวงกําหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ พ.ศ....สํานักงาน ก.พ. เสนอระเบียบคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์การรายงานผลการดําเนินการตามมาตรฐานทางจริยธรรม ประมวลจริยธรรมข้อกําหนดจริยธรรมและกระบวนการรักษาจริยธรรม พ.ศ. 2565
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124085216850
null
หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ยังเปิดรับผู้สมัครรับเลือกตั้งเพิ่มเติม พร้อมนำเสนอนโยบายสำหรับประชาชนระดับรากหญ้า
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยว่า ขณะนี้พรรคชาติไทยพัฒนา ยังเปิดรับสมัครผู้สมัครในพื้นที่ต่างๆ อยู่ ส่วนเรื่องนโยบายตามที่เปิดตัวไปเมื่อวันศุกร์ที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา วันนี้ได้ดําเนินการและจะไปรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนเพิ่มเติม ว่าสิ่งที่เสนอไปเรื่องไหนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุดและจะต้องเพิ่มเติมในประเด็นใดบ้าง เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องดูแลพี่น้องประชาชนระดับรากหญ้า ทั้งมนุษย์เงินเดือนและผู้สูงอายุด้วยเช่นกัน ทั้งนี้คาดว่า พรรคชาติไทยพัฒนา จะไม่ส่งผู้สมัครครบทั้ง 400 เขต พื้นที่ใดที่ไม่ได้เป็นจุดแข็งของพรรคเราก็ไม่จําเป็นต้องส่ง อีกทั้งระบบการลงคะแนนแบบ 2 ใบ สามารถลงคะแนนให้กับพรรคชาติไทยพัฒนาได้ทั้ง 400 เขตของประเทศอยู่แล้ว โดยครั้งนี้พรรคจะส่งผู้สมัครทั่วประเทศ ประมาณ 100 คน ส่วน ส.ส. บัญชีรายชื่อก็น่าจะส่งครบ 100 คน ส่วนความคาดหวังการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคน่าจะได้ ส.ส. ไม่ต่ํากว่า 25 ที่นั่ง ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124185349102
null
กระทรวงการคลัง นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขับเคลื่อน SMEs ไทย สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี ภายใต้ BCG Model
ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี คณะผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผู้บริหารบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) พร้อมด้วยผู้บริหาร บริษัท โกลด์มิลค์ จํากัด และผู้ประกอบการสวนส้มปรีชาฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อประชาสัมพันธ์นิทรรศการ “กระทรวงการคลังขับเคลื่อน SMEs ไทย สู่เศรษฐกิจที่ยั่งยืน” ซึ่ง ธ.ก.ส. และ บสย. ได้สนับสนุนแหล่งเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ SMEs ในการพัฒนาธุรกิจภายใต้ BCG Model โดยมี นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมนายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการ ธ.ก.ส. ที่ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการสวนส้มปรีชาฝาง ซึ่งเป็นต้นแบบการดําเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนําผลงานวิจัยมาลดต้นทุนและเพิ่มมาตรฐานผลผลิต ทําให้ส้มสายน้ําผึ้งมีคุณภาพดี ปลอดจากสารเคมี โดย ธ.ก.ส. พร้อมเติมทุนอัตราดอกเบี้ยต่ําผ่านสินเชื่อในรูปแบบต่าง ๆ เช่น สินเชื่อเสริมแกร่ง SME เกษตร วงเงิน 30,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4จากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการ “บสย.ขับเคลื่อน SMEs ไทย สู่ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ” ซึ่ง บสย. ให้การค้ําประกันสินเชื่อต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบันรวมเป็นวงเงินรวมกว่า 100 ล้านบาท เช่น การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ยกระดับจากนมโรงเรียนสู่ฟาร์มโคนมมาตรฐานระดับโลกเป็นผลสําเร็จ เป็นหนึ่งเดียวในภูมิภาคเอเชียที่กําลังก้าวสู่ BCG Model และก้าวไปสู่ Zero waste
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124122700955
null
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ตรวจสอบรายการทรัพย์สินกระทรวงการคลัง โครงการบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก
วันนี้ (23 มกราคม 2566) เวลา 09.30 น. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางมาจังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรี ในโครงการบริหารและดําเนินกิจการระบบท่อส่งน้ําสายหลักในภาคตะวันออก ของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง โดยลงพื้นที่โครงการท่อส่งน้ําหนองปลาไหล - หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ํา หนองค้อ - แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) ที่เดิมกรมธนารักษ์ได้ให้บริษัท East Water เป็นผู้บริหารจัดการโครงการไปพลางก่อน และต่อมาบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จํากัด ได้สัญญาบริหารและดําเนินกิจการระบบท่อส่งน้ําสายหลักในภาคตะวันออก ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2565 จึงต้องมีการส่งมอบทรัพย์สินของกระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ ในฐานะคู่สัญญาฝ่ายรัฐ จึงลงพื้นที่ตรวจสอบนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในวันนี้ มาเพื่อตรวจสอบรายการทรัพย์สิน ของกระทรวงการคลัง รวมถึงรับทราบปัญหา อุปสรรค และมอบแนวทางแก้ไข อํานวยความสะดวก เพื่อให้การ เปลี่ยนผ่านการส่งมอบทรัพย์สินของกระทรวงการคลัง ในส่วนของโครงการท่อส่งน้ําหนองปลาไหล - หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ําหนองค้อ - แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สําหรับในส่วนของโครงการท่อส่งน้ําดอกกราย นั้น บริษัท East Water ยังคงดําเนินกิจการได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 อันเป็นวันสิ้นสุดสัญญาทั้งนี้ นายจําเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวเพิ่มเติมต่อว่า ปัจจุบันกรมธนารักษ์ได้เตรียมความพร้อมเพื่อการส่งมอบทรัพย์สินของรัฐในส่วนของโครงการท่อส่งน้ําหนองปลาไหล – หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ําหนองค้อ – แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) โดยกรมธนารักษ์ บริษัท East Water และบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จํากัด ได้ร่วมกันดําเนินการสํารวจทรัพย์สินโครงการท่อส่งน้ําหนองปลาไหล – หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ําหนองค้อ – แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) รวมทั้ง ได้มีการประชุมหารือร่วมกับกรมชลประทาน กรณีการขอสนับสนุนการใช้น้ําจากแหล่งน้ําของกรมชลประทานในการดําเนินโครงการบริหารและดําเนินกิจการระบบท่อส่งน้ําสายหลักในภาคตะวันออก เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 และเพื่อรับทราบความก้าวหน้าและปัญหาอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการส่งมอบทรัพย์สิน ผู้บริหารของกระทรวงการคลัง บริษัท East Water และบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จํากัด จึงได้ลงพื้นที่ร่วมกันในครั้งนี้#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/1/2023
ภาคตะวันออก
ชลบุรี
สวท.ชลบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124105550917
null
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันการลาออกของ ส.ส.นครราชสีมา ไม่มีความขัดแย้ง มองการย้ายพรรคในช่วงนี้เป็นเรื่องปกติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่ นายอภิชา เลิศพชรกมล ส.ส.นครราชสีมา พรรคภูมิใจไทย ยื่นหนังสือลาออกเพื่อย้ายไปอยู่เพื่อไทยนั้น ว่า ในเรื่องนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด เพียงแต่ได้รับแจ้งว่าสุขภาพไม่ค่อยดีจึงให้กําลังใจ ขอให้รักษาตัวให้แข็งแรงสําหรับนายอภิชา ย้ายไปอยู่พรรคเพื่อไทย จะส่งผลถึงพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ การที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เข้าหรือออก มองว่าเป็นเรื่องปกติ ทุกอย่างก็คือ ประชาธิปไตย การย้ายพรรคเข้าหรือการย้ายพรรคออกในช่วงใกล้การเลือกตั้งเป็นเรื่องปกติวิสัย ซึ่งทุกอย่างต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ไม่มีใครดูดใครมีแต่เพียงอยู่ได้หรืออยู่ไม่ได้ คนที่อยู่ไม่ได้อาจจะไม่เชื่อเรื่องของวิธีการบริหาร นโยบายการทํางาน ส่วนคนที่ย้ายเข้ามาก็คงมีความเชื่อว่าพรรคมีนโยบายและการบริหารที่ดี พรรคภูมิใจไทยมีความเป็นปึกแผ่นที่ชัดเจนยึดถือระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด ยึดถือกติกามารยาทไม่ทําให้ผู้ร่วมงานเดือดร้อนหรือมีความวิตกกังวล ยืนยันเรื่องการลาออกของนายอภิชา เลิศพชรกมล ไม่มีความขัดแย้ง ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี ต้องมีการหารือกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ก่อนในเบื้องต้นเพราะมีหลายปัจจัยที่ต้องตัดสินใจประกอบกัน ในช่วง 2 เดือนก่อนหมดวาระสภา ส่วนที่ ส.ส. พรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย ย้ายเข้า ย้ายออก ถือเป็นการจับมือกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ต้องดูหลังการเลือกตั้งว่าผลเป็นอย่างไร ถ้าพรรคภูมิใจไทยมาตามเป้าตัวเลขเป็นที่น่าเชื่อถือ คนก็จะวิ่งมาหาพรรคภูมิใจไทยเอง แต่ถ้ามาต่ํากว่าเป้าก็ต้องดูว่าท่าทีของพรรคการเมืองของพรรคภูมิใจไทยเป็นอย่างไร ซึ่งต้องดูผลของการเลือกตั้งให้ออกมาก่อน
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124102652894
null
ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผย ขอรอกระบวนการควบรวมพรรคเสร็จสิ้น ก่อนตัดสินใจความชัดเจนทางการเมือง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการตัดสินใจทางการเมืองของกลุ่มสามมิตร ว่าจากการดูข่าวสารเชิงลึก เห็นว่าจะมีการควบรวมพรรค ทําให้ จํานวนอดีต ส.ส. และผู้สมัครในพรรคที่จะมีการควบรวมนั้นเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ดังนั้น จะต้องให้เวลาการควบรวมพรรคการเมืองไปก่อน เพราะขณะนี้ยังมีเวลาอยู่ เรื่องของกลุ่มสามมิตรขอให้เป็นไปตามธรรมชาติ พร้อมปฏิเสธตอบถึงท่าทีของกลุ่มสามมิตร หลังวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ ว่าจะอยู่ที่เดิมหรือลาออก รวมถึงปฏิเสธตอบกรณีร้อยเอก ธรรมนัส กลับเข้าพรรคพลังประชารัฐ
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124185513103
null
นายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดสุพรรณบุรีบ่ายนี้ เพื่อแก้ปัญหาที่กินทำกินให้กับประชาชนอำเภอด่านช้าง
หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี เวลาประมาณ 14.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมเดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดสุพรรณบุรี โดยจะเดินทางไปยัง ตําบลวังยาว อําเภอด่านช้าง เพื่อไปดูปัญหาที่ทํากิน กรณีประชาชนไร้ที่ทํากิน 113 ราย ร้องเรียนการขอจัดที่ดินทํากินล่าช้า โดยเมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอํานวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ ตามคําสั่งของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประชุมร่วมกับตัวแทนประชาชนจํานวน 113 รายแล้ว
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124190144108
null
จ.สุราษฎร์ธานี ประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ศอ.ปส.จ.สฎ.) ครั้งที่ 1/ 2566
วันนี้ (24 ม.ค.66) ที่ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มอบหมายให้นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประชุมคณะกรรมการศูนย์อํานวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ศอ.ปส.จ.สฎ.) ครั้งที่ 1 / 2566 และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์และผลการปฏิบัติงานของคณะทํางาน รวมทั้งแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายรัฐบาลด้านต่างๆ โดยที่ประชุมได้ติดตามสถานการณ์ยาเสพติดในภาพรวมของจังหวัดสุราษฎร์ธานี และกรอบแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดที่รัฐบาลกําหนดไว้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เน้นย้ําการป้องกันยาเสพติดในกลุ่มประชากรให้รู้เท่าทัน และไม่ไปข้องเกี่ยวยาเสพติด โดยเสริมสร้างความรู้เท่ากันและป้องกันยาเสพติดในเด็กและเยาวชน สร้างภูมิคุ้มกันเด็กปฐมวัยพัฒนาทักษะทางสมอง อายุ 2 - 6 ปี พัฒนาทักษะชีวิตที่เหมาะสมในสถานศึกษา อายุ 7 - 12 ปี และให้ความรู้การป้องกันยาเสพติดที่เหมาะสม มีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน และสํารวจค้นหานักเรียนที่มีความเสี่ยง เพื่อการดูแลช่วยเหลือที่เหมาะสม อายุ 13 - 19 ปี เสริมสร้างทักษะในการจัดการชีวิต ทักษะอาชีพ และสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในเด็กและเยาวชนนอกสถานศึกษา และการสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในกลุ่มผู้ใช้แรงงาน สถานประกอบการ ที่ลูกจ้าง 10 คนขึ้นไป รณรงค์ประชาสัมพันธ์ฯ ในสถานประกอบกิจการ สถานประกอบกิจการได้รับ (มยส.) โรงงานสีขาว สถานประกอบการ ลูกจ้าง 10 คนลงมา สร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดในสถานประกอบการเผยแพร่ความรู้เพื่อป้องกันยาเสพติดในกลุ่มแรงงานนอกระบบโดยอาสาสมัครแรงงาน (อสร.) สําหรับสถานการณ์การค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี คาดว่า ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีแหล่งพักยาเสพติดกระจายอยู่ตามอําเภอต่าง ๆ ซึ่งมีความสะดวกต่อการซุกซ่อนและลําเลียง จากรายงานสถิติการจับกุมคดียาเสพติดให้โทษในพื้นที่ตํารวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานีห้วงไตรมาส 1 ปีงบประมาณ พ.ศ.2566 พบว่า มีการจับกุมคดียาเสพติดรวม 1,980 คดี ผู้ต้องหา 2,017 คน เมื่อเปรียบเทียบกับห้วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา พบว่ามีการจับกุมคดียาเสพติดเพิ่มขึ้นร้อยละ 66 โดยยาบ้ามีการจับกุมเพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 98 ไอซ์เพิ่มขึ้น ร้อยละ 14 และเฮโรอีนพบว่ามีการจับกุมเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว สําหรับการตรวจยึดของกลางพบว่ามีการตรวจยึดยาบ้าได้ 1,182,246 เม็ด ไอซ์ 1,575.26 กรัม เฮโรอีน 120.85 กรัม และเคตามีน 1.21 กรัม ทั้งนี้ ประธานในที่ประชุมได้เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดําเนินงานให้บรรลุผลตามกรอบแนวทางที่วางไว้ พร้อมกับเน้นย้ําให้ทุกภาคส่วนดําเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกพื้นที่อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง เพื่อความสงบสุขของสังคม ทั้งนี้หากผู้ใดพบเบาะแสยาเสพติดสามารถแจ้งได้ที่ ศูนย์อํานวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดสุราษฎร์ธานี โทร.077 - 204097 หรือตู้ ปณ.999 สุราษฎร์ธานี 84000#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/1/2023
ภาคใต้
สุราษฎร์ธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124112158932
null
ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน. ติดตามประเมินผลการปฏิบัติตามแผนแม่บทฯ ของหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดตราด
(24 ม.ค. 66) พลตรี ประพนธ์ กิติญาณทรัพย์ รองผู้อํานวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พร้อมคณะนายทหารเดินทางเข้าพบ นายชํานาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด / ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตราด เพื่อหารือข้อราชการในการติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานตามแผนแม่บทฯ ระดับพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 1 ที่ห้องประชุมธารมะยม ศาลากลางจังหวัดตราด จากนั้น พลตรี ประพนธ์ กิติญาณทรัพย์ รองผู้อํานวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เป็นประธานการประชุมติดตามประเมินผลการปฏิบัติงานตามแผนแม่บทฯ ระดับพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 1 ตราด เพื่อรับทราบปัญหา ข้อขัดข้อง รวมทั้งการดําเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหา โดยมี นาวาเอก จงกล หอมจันทร์ รองผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตราด (ฝ่ายทหาร) พร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตราด สํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด ให้การต้อนรับและบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงาน ที่ห้องประชุมตราดสีทอง ศาลากลางจังหวัดตราดรองผู้อํานวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กล่าวว่า การเดินทางมาตรวจเยี่ยมกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดตราดในครั้งนี้ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปเรื่องการแก้ไขปัญหา การบุกรุกทําลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งติดตามและประสานการปฏิบัติ ตามโครงการประเมินผลการปฏิบัติงานตามแผนแม่บท ทั้งนี้ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 มีหน้าที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงพิเศษ เช่น การบุกรุกทําลายป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ การแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ยากจนและไม่มีที่ดินทํากินเป็นของตนเอง การบริหารวิกฤตการณ์ภัยพิบัติระดับชาติ การแก้ไขปัญหาผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย รวมทั้งการดําเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหา การเสริมสร้างความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อม พลังงาน และอาหาร และการดําเนินการในด้านอื่น ๆ ที่รัฐบาลมอบหมาย เป็นต้น นางสาวจามีกร ปิ่นสุข พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตรัง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตรัง ลงพื้นที่บูรณาการร่วมกับกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด ตรัง (กอ.รมน.ตง.) สํานักงานแรงงานจังหวัดตรัง สํานักงานจัดหางานจังหวัดตรัง สํานักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดตรัง สํานักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง เพื่อตรวจที่พักแรงงานต่างด้าวด้านคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ด้านแรงงาน ด้านการค้ามนุษย์ และด้านอื่น ๆ ในสถานประกอบกิจการประเภทโรงงานไม้ยางพารา จํานวน 2 แห่ง และสถานประกอบกิจการภาคการเกษตร จํานวน 2 แห่ง ในพื้นที่อําเภอเมืองตรัง และอําเภอกันตังสําหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากเจ้าของสถานประกอบกิจการโดยแรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีถูกต้องตามสุขลักษณะ ไม่พบแรงงานผิดกฏหมาย และไม่พบผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/1/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124120327951
null
ที่ประชุมรัฐสภา มีมติเห็นชอบตามที่กรรมาธิการมีการแก้ไขในมาตรา 9 ของร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ….
การประชุมร่วมกันของรัฐสภาวันนี้ (24 ม.ค.66) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยเป็นการประชุมชุมต่อเนื่องจากวันพุธที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ก่อนที่จะมีการพิจารณาตามระเบียบวาระ นายชินวรณ์ บุญเกียรติ สมาชิกรัฐสภา ได้หารือต่อที่ประชุมถึงความร่วมมือขององค์ประชุม โดยขอให้ทําหน้าที่และมีรับผิดชอบต่อองค์ประชุมด้วยเพื่อขับเคลื่อนกระบวนพิจารณากฎหมายให้แล้วเสร็จในกระบวนการต่อไป หากมีสมาชิกคนใดไม่เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าว ขอให้แสดงจุดยืนโดยการออกเสียงไม่เห็นด้วย แต่ไม่ควรที่จะไม่เข้าร่วมเป็นองค์ประชุมจากนั้นที่ประชุมได้เริ่มพิจารณาในมาตรา 9 โดยสมาชิกรัฐสภา ต่างอภิปรายความในมาตรา 9 ว่า นอกจากการจัดการศึกษาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามมาตรา 8 แล้ว รัฐต้องส่งเสริมการจัดการศึกษาและจัดให้มีความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมสนับสนุนช่วยเหลือและกระตุ้นให้บุคคลทุกช่วงวัยและทุกอาชีพ ใฝ่ใจในการแสวงหาความรู้เพิ่มเติมตามอาชีพของตนหรืออาชีพอื่นหรือความรู้อื่นใดที่ตนสนใจเพื่อเป็นการพัฒนาตนเองหรือการเรียนรู้ตลอดชีวิต สร้างความรู้ที่ทันต่อพัฒนาการของโลกหรือเกิดความเชี่ยวชาญในความรู้อื่นใดที่สนใจหรือในตามความถนัดเพื่อนําไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในการดํารงชีวิตและประโยชน์ต่อสังคม ดังนั้นจึงเสนอให้มีการชะลอการพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวไปพิจารณาในสมัยประชุมรัฐบาลหน้าเพื่อให้กฎหมายมีประสิทธภาพ และมีความสมบูรณ์ก่อนที่จะมีการประกาศบังคับใช้ในกระบวนการต่อไปอย่างไรก็ตาม นายตวง อันทะไชย ประธานคณะกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า ความในมาตรา 9 กรรมาธิการฯ ได้ระบุ การมีส่วนร่วมระหว่างรัฐกับรัฐ ระหว่างรัฐกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและรัฐกับเอกชน หากไปดูรัฐธรรมนูญปี 2554 วรรค 3 ระบุว่ารัฐจะต้องมีช่องทางให้มีการจัดการศึกษาระหว่างรัฐได้ด้วย ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้เพิ่มกลไกระหว่างภายในประเทศขึ้นคือ ระหว่างรัฐกับเอกชน โดยยึดหลักเกณฑ์ของรัฐธรรมนูญเป็นหลักเพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้องต่อไป ที่สุดแล้ว ที่ประชุมได้ลงมติเห็นด้วยกับกรรมาธิการฯ ที่มีการแก้ไขในมาตรา 9 ด้วยคะแนน 76 ไม่เห็นด้วย 313 และงดออกเสียง 6 เสียง
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124190406110
null
พลเอก ประวิตร ปฏิเสธตอบคำถาม หลังมีกระแสข่าวลงพื้นที่จังหวัดชุมพรวันเดียวกับพลเอก ประยุทธ์ 28 มกราคมนี้
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ตอบคําถามสื่อมวลชน กรณีมีกระแสข่าวจะลงพื้นที่จังหวัดชุมพรในวันที่ 28 มกราคมนี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นปราศรัยเป็นครั้งแรก โดยกล่าวเพียงว่า ได้คุยกันทุกวันและไม่ชี้แจงเรื่องของการลงพื้นที่ ก่อนจะขึ้นรถออกไปจากทําเนียบรัฐบาล
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124190504111
null
ครม. อนุมัติงบ 5,945 ล้านบาท สำหรับ กกต. เพื่อจัดการการเลือกตั้งทั่วไป
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมอนุมัติหลักการให้สํานักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง จํานวน 5,945,161,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ แบ่งเป็นค่าใช้จ่าย ในการควบคุมและจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ดําเนินการโดยสํานักงาน กกต. จํานวน 5,104,546,750 บาท อาทิ ภารกิจในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร , ภารกิจเตรียมความพร้อมบุคลากร , วิทยากร และเจ้าพนักงานผู้ดําเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกระดับ รวมทั้งภารกิจจัดการเลือกตั้งกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้งสั่งให้มีการลงคะแนน/เลือกตั้งใหม่/ แทนตําแหน่งที่ว่าง /ค่าใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดําเนินการโดยหน่วยงานสนับสนุน ทั้งราชการและรัฐวิสาหกิจ รวม 10 หน่วยงาน วงเงิน 840,614,250 บาท อาทิ ภารกิจสนับสนุนการควบคุมและการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนอกราชอาณาจักร โดย กระทรวงการต่างประเทศ ภารกิจการรักษาความสงบเรียบร้อยโดยสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ภารกิจสนับสนุนการรณรงค์เผยแพร่ความรู้การเลือกตั้ง โดยกระทรวงศึกษาธิการ ภารกิจขนส่งบัตรเลือกตั้งและวัสดุอุปกรณ์การเลือกตั้ง หนังสือแจ้งเจ้าบ้านและอื่นๆ โดย บริษัท ไปรษณีย์ไทย จํากัดทั้งนี้ เนื่องจากอายุของสภาผู้แทนราษฎร จะสิ้นสุดลงในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 45 วันนับแต่วันที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นอายุ
24/1/2023
null
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124144134998
null
ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ พ.ศ. ....
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุม อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกําหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ พ.ศ. .... ปรับเพิ่มให้สมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) จ่ายเงินสะสมและเงินสมทบเข้ากองทุนสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และให้รัฐบาลจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสําหรับสมาชิกในอัตราที่กําหนดตามช่วงอายุไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป โดยการจ่ายเงินสะสมสูงสุดของสมาชิก ขั้นต่ํา 50 บาท แต่เมื่อรวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จากเดิมรวมกันแล้วจะต้องไม่เกิน 13,200 บาทต่อปี การจ่ายเงินสมทบของรัฐบาล สมาชิกอายุไม่เกิน 30 ปี บริบูรณ์ ในอัตราร้อยละ 50 ของเงินสะสมที่สมาชิกจ่ายเข้ากองทุน เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี จากไม่เกิน 600 บาทต่อปี สมาชิกอายุเกิน 30 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 50 ปีบริบูรณ์ ในอัตราร้อยละ 80 ของเงินสะสมที่สมาชิกจ่ายเข้ากองทุน เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี จากเดิมเมื่อไม่เกิน 960 บาทต่อปี สมาชิกอายุเกิน 50 ปีบริบูรณ์ ในอัตราร้อยละ 100 ของเงินสะสมที่สมาชิกจ่ายเข้ากองทุน เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 1,800 บาทต่อปี จากเดิมไม่เกิน 1,200 บาทต่อปีทั้งนี้การเพิ่มจํานวนเงินสะสมและเงินสมทบ เป็นมาตรการสร้างแรงจูงใจสําหรับกลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มแรงงานนอกระบบ ประมาณ 19 ล้านคนทั่วประเทศ ให้เข้าร่วมกองทุน ซึ่งเป็นการออมร่วมระหว่างรัฐกับประชาชน รวมทั้งกระตุ้นสมาชิก กอช. เพิ่มการออม สร้างความมั่นคงในอนาคตให้สมาชิกมีเงินเพียงพอในการดํารงชีพยามชราภาพ สอดคล้องกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับสังคมผู้สูงวัยในอัตราที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ยังประเมินว่า จํานวนเงินสะสมและเงินสมทบที่สูงขึ้น จะทําให้สมาชิก กอช. มีเงินบํานาญเพิ่มขึ้น โดยสมาชิก กอช. ที่เริ่มออมตั้งแต่อายุ 15 ปี และออมต่อเนื่องจนถึงอายุ 60 ปี จะมีโอกาสได้รับเงินบํานาญประมาณ 12,000 บาทต่อเดือน
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124190649113
null
ครม. อนุมัติร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ....
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพมีการหลอกลวงให้ประชาชนโอนเงินผ่านการติดต่อทางโทรศัพท์ หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งขยายตัวรวดเร็วและเกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง อีกทั้งยังไม่มีกฎหมายเฉพาะที่ให้อํานาจสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจ สามารถระงับการทําธุรกรรมใดๆ ที่ต้องสงสัยว่าเป็นธุรกรรมที่กระทําผิดทางอาญา โดยเฉพาะการหลอกลวงประชาชนให้โอนเงินไปยังบัญชีผู้อื่น หรือที่เรียกว่า บัญชีม้า ทําให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถระงับการทําธุรกรรมหรืออายัดเงินได้ทันท่วงที ดังนั้น คณะรัฐมนตรี จึงมีมติอนุมัติร่างพระราชกําหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. .... เพื่อใช้มาตรการทางกฎหมายควบคุมเป็นการเฉพาะเพื่อคุ้มครองประชาชนอย่างเร่งด่วน ร่างพระราชกําหนดนี้ มีสาระสําคัญเป็นการกําหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่หลอกลวงประชาชนให้โอนเงินผ่านการติดต่อทางโทรศัพท์หรือวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และลงโทษผู้ที่เปิดบัญชีบัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนําเงินหรือทรัพย์สินมาใช้ในการกระทําความผิดอาญาโดยมีรายละเอียด เช่น ให้มีกลไก “คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” เพื่อกําหนดแนวทางในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกําหนดหน่วยงานที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลที่มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นประธาน กําหนดบทลงโทษ แบ่งเป็น 2 กรณี โดยกรณีแรก ห้ามมิให้ผู้ใดเปิดบัญชี บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่ได้มีเจตนาใช้เพื่อตน และห้ามไม่ให้ผู้ใดยินยอมให้บุคคลอื่นใช้ หรือยืมใช้ซิมโทรศัพท์ของตนทั้งที่รู้หรือควรจะรู้ ซึ่งอาจจะนําไปใช้ในการทุจริตหรือทําผิดกฎหมาย ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ กรณีที่ 2 ห้ามไม่ให้ผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายบัญชี บัตรอิเล็กทรอนิกส์ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือซิมโทรศัพท์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการกระทําความผิดอาญา ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,0000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับที่ประชุมให้รับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบคอบทั้งหมดทุกประเด็นเพื่อให้การตรวจพิจารณาร่างพระราชกําหนดเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีผลบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถคุ้มครองและปกป้องประชาชนจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ ขั้นตอนต่อไป จะส่งร่างพระราชกําหนดให้สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124190913115
null
คณะรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการยกเว้นภาษีและค่าธรรมเนียม ส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19โดยมาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ดําเนินการยุบกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง 1) แล้วแปลงสภาพเป็นกองทรัสต์ ซึ่งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มีระยะเวลาดําเนินการโอนทรัพย์สินให้กองทรัสต์ นับตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลใช้บังคับ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ส่วนร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสําคัญเกี่ยวกับมาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียม ได้แก่ มาตรการทางภาษี ประกอบด้วย ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สําหรับเงินได้ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นใบทรัสต์ อันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์ ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะและอากรแสตมป์ ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ สําหรับมูลค่าของฐานภาษีรายรับ หรือการกระทําตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องมาจากการโอน หรือก่อทรัพย์สิทธิหรือสิทธิใดๆ ในทรัพย์สิน อันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์ (ปัจจุบัน ภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 ภาษีธุรกิจเฉพาะร้อยละ 3.3 และอากรแสตมป์ร้อยละ 0.5) ส่วนมาตรการค่าธรรมเนียมคือ กําหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์และอาคารชุด ประเภทมีทุนทรัพย์ อันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์ ตามกฎหมายว่าด้วยทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน เหลือร้อยละ 0.01 แต่สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท (ปัจจุบัน มีค่าธรรมเนียมในการโอนร้อยละ 2)ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมที่ดิน ดําเนินการยกร่างกฎกระทรวงรวม 2 ฉบับคือ ร่างกฎกระทรวงกําหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์สําหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์ พ.ศ. ....และ ร่างกฎกระทรวงกําหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารชุดสําหรับการแปลงสภาพกองทุนรวอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์ พ.ศ. .... เสนอ คณะรีฐมนตรีพิจารณาต่อไป เพื่อรองรับมาตรการด้านค่าธรรมเนียม ตามร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับดังกล่าวสําหรับมาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นี้ จะทําให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ทางภาษีประมาณ 3,500 ล้านบาท และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสูญเสียรายได้จากค่าธรรมเนียมประมาณ 3,092 ล้านบาท แต่จะเป็นประโยชน์อย่างในการช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ และภาครัฐยังสามารถจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ หลังจากแปลงสภาพเป็นกองทรัสต์ได้เพิ่มขึ้น โดยจะมีธุรกรรมที่มีการขยายการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม เช่น การโอนอสังหาริมทรัพย์ การจํานองอสังหาริมทรัพย์และการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124191128116
null
ครม. อนุมัติลงทุนจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC และจ.ลำพูน มูลค่าลงทุน 2 โครงการกว่า 6 พันล้านบาท มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมาย
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี เห็นชอบการลงทุนจัดซื้อที่ดินโครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และจังหวัดลําพูนรวม 2 โครงการ ได้แก่ โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 4,385 ล้านบาท โครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ตําบลสํานักทอง อําเภอเมืองระยอง มุ่งเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์สมัยใหม่ การบินและโลจิสติกส์ หุ่นยนต์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ รีไซเคิลกากอุตสาหกรรม และกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ ประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการนี้ ก่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคม คาดว่าจะเกิดการจ้างงานประมาณ 13,920 คน และเกิดผลผลิตรวมให้กับประเทศในสาขาต่าง ๆ มากถึง 1,542 ล้านบาท โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดลําพูน มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 2,160 ล้านบาท โครงการนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ตําบลมะเขือแจ้ และตําบลบ้านกลาง อําเภอเมืองลําพูน จังหวัดลําพูน เป็นที่ดินประเภทอุตสาหกรรมทั่วไปที่ไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมและคลังสินค้า มุ่งเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องประดับ เครื่องนุ่งห่ม แปรรูปอาหาร และ Bio Technology คาดว่าพื้นที่จะถูกขายหรือให้เช่าหมดภายใน 5 ปี หลังก่อสร้างเสร็จ ประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการนี้ ก่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคม คาดว่าจะเกิดการจ้างงานประมาณ 8,415 คน และเกิดผลผลิตรวมให้กับประเทสในสาขาต่าง ๆ มากถึง 277 ล้านบาทที่ประชุม ยังให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ควรมีแผนรองรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่ไม่สามารถซื้อที่ดินจากเอกชนได้ครบตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งอาจพิจารณาทบทวนรูปแบบการลงทุนใหม่ โดยเปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่างการลงทุนจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่กับการพัฒนาขยายพื้นที่ในนิคมอตุสาหกรรมเดิมที่มีอยู่แล้ว เพื่อให้สามารถใช้พื้นที่เดิมได้อย่างเต็มศักยภาพต่อไป
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124194105137
null
ครม. เห็นชอบแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา แก้ปัญหาการเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ช่วยนักเรียนขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส กว่า 2 ล้านคน
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบแผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในกรอบวงเงิน7,985,786,100 บาท ซึ่งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จะช่วยดูแลเด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาส ให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา เพื่อบรรเทาหรือว่าลดอุปสรรคทางการศึกษา ให้เยาวชนสามารถเข้าถึงการศึกษาที่จําเป็นตั้งแต่ระดับปฐมวัยจนสําเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐาน จํานวน 2,636,304 คน ประกอบไปด้วย 9 แผนงาน ดังนี้ นวัตกรรมและการวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กรอบวงเงิน 267.50 ล้านบาท , พัฒนาระบบหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษา(ปฐมวัย-ภาคบังคับ) กรอบวงเงิน 5,359.05 ล้านบาท , พัฒนาคุณภาพโรงเรียนทั้งระบบ กรอบวงเงิน280 ล้านบาท , จัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อลดความเหลื่อมล้ํา กรอบวงเงิน 70 ล้านบาท , พัฒนาระบบการผลิตและพัฒนาครูสําหรับโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล กรอบวงเงิน 394.11 ล้านบาท , ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับสูงกว่าภาคบังคับ กรอบวงเงิน 1,025.92 ล้านบาท , ส่งเสริมและพัฒนาเยาวชนและประชากรวัยแรงงานนอกระบบ กรอบวงเงิน 251 ล้านบาท , สื่อสารความรู้และระดมความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ กรอบวงเงิน 46.50 ล้านบาท , บริหารและพัฒนาระบบงานโดยพัฒนาระบบตามแผนดําเนินงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อช่วยลดภาระงานเชิงปริมาณ เกิดความแม่นยํา ลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดเชิงปฏิบัติงาน กรอบวงเงิน 291.71 ล้านบาท
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124192850131
null
ครม. เห็นชอบโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย เชื่อมโยงระบบการดูแลสุขภาพแบบดิจิทัลเพื่ออนาคต พร้อมคุ้มครองข้อมูลตามกฎหมาย
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยสํานักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดําเนินโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย เพื่อจัดเตรียม/พัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย สําหรับบริหารจัดการการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพทั่วประเทศ และเพื่อเช่าใช้ระบบคลาวด์พื้นฐานเป็นแพลตฟอร์มกลางภายใต้การดูแลของภาครัฐ รองรับการบูรณาการข้อมูล และการเก็บข้อมูลในรูปแบบ Private Cloud ในกรอบวงเงิน 1,514.6172 ล้านบาท ใน 3 ปี (พ.ศ. 2566-2568) ประกอบด้วย การพัฒนาระบบบริหารจัดการการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพทั่วประเทศ ครอบคลุมการจัดหาระบบซอฟต์แวร์ การจ้างพัฒนาระบบและการฝึกอบรมบุคลากร วงเงิน 1,129.3157 ล้านบาท และการจัดหาบริการระบบคลาวด์กลาง ครอบคลุมการเช่าคลาวด์กลางด้านสาธารณสุข การเช่าพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพิ่ม และการบริหารจัดการ Log วงเงิน 385.3014 ล้านบาท ซึ่งจะมีแหล่งเงินงบประมาณจากงบประมาณ ปี 2566 งบกลางฯ จํานวน 553.8203 ล้านบาท และจํานวน 960.7969 ล้านบาทเป็นงบผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2567-2568รัฐบาลมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพการบริการในหน่วยบริการสุขภาพทุกระดับทั้งในระดับปฐมภูมิทุติยภูมิ และตติยภูมิ ผ่านระบบดิจิทัลอย่างเป็นสากล เพื่อประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้บริการทุกคนในทุกพื้นที่ของประเทศ ซึ่งโครงการนี้จะทําให้โรงพยาบาลในสังกัดสํานักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขระดับทุติยภูมิและตติยภูมิ รวม 901 แห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล จํานวน 9,000 แห่งเข้าใช้คลาวด์กลางด้านสาธารณสุข และทําให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล อย่างน้อย 4,500 แห่งเข้าใช้ระบบสารสนเทศเพื่อให้บริการผู้ป่วยนอกได้ ในกรณีฉุกเฉินแพทย์ผู้รักษาสามารถดูข้อมูลคนไข้เพื่อให้การรักษาชีวิตของคนไข้ได้อย่างรวดเร็วและยังรองรับการให้บริการทางการแพทย์ทางไกล(Telemedicine) นอกจากนี้ ยังทําให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของตนเองได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นตามสิทธิของเจ้าของข้อมูลด้วย
24/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124190516112
null
รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่สระบุรีตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของตำรวจในพื้นที่พร้อมตรวจเยี่ยมการดำเนินการการแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติชุมชนยั่งยืน
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะได้เดินทางมาที่จังหวัดสระบุรีเพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของตํารวจในพื้นที่โดยได้เข้าร่วมประชุมกับ พล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดสระบุรี และส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ห้องประชุมตํารวจภูธรจังหวัดสระบุรีจากนั้น รอง ผบ.ตร. และคณะและเดินทางโดยรถตู้จากภูธรจังหวัดสระบุรีไปยังอาคารสิงห์สเตชั่น ตําบลกุ่มหัก อําเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมการดําเนินการการแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติชุมชนยั่งยืนของ สภ. หนองแค มี พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สภ.หนองแค นายทศพล สินยบุตร นายอําเภอหนองแค และคณะกรรมการดําเนินงานโครงการชุมชนฯ กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน กลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการ ร่วมให้การต้อนรับ นําเข้าห้องประชุมรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมผลการดําเนินการ จากคณะทํางานโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร โดยสํานักงานตํารวจแห่งชาติได้กําหนดแผน ด้านการป้องกันยาเสพติดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ยาเสพติดในทุกกลุ่มเป้าหมาย ที่มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้มีภูมิคุ้มกัน มีทักษะในการป้องกัน ยาเสพติดโดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก/เยาวชนสถานศึกษา รวมถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็งหมู่บ้าน/ชุมชนเพื่อลดปัญหายาเสพติด และลดปัญหาอาชญากรรมด้าน พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช รอง ผบก.ภ.จว.สระบุรี กล่าวด้วยว่า จากสภาพของปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ คดีอุกฉกรรจ์ต่างๆ มักเกิดขึ้นจากผู้ใช้ ยาเสพติดเป็นสําคัญ คดีต่างๆ ที่นําเสนอตามสื่อมวลชน สํานักงานตํารวจแห่งชาติได้มีโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อ แก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ กองบังคับการตํารวจภูธร จ.สระบุรี ได้ดําเนินการคัดเลือกจาก 15 สถานีตํารวจในสังกัดกองบังคับการตํารวจภูธร จ.สระบุรี เลือกมา 1 ชุมชน โดยสถานีตํารวจภูธร อ.หนองแค ก็ได้เลือกชุมชนหมู่บ้านคลองระบายใต้ ม.8 ต.กุ่มหัก อ.หนองแค เข้าโครงการ ซึ่งได้ดําเนินการตามขั้นตอนตั้งแต่ขั้นเตรียมการค้นหาผู้นําชุมชน เอกซเรย์ทุกพื้นที่ เพื่อค้นหาผู้เสพ ส่วนผู้ค้าผู้ขายได้ดําเนินคดีตามกฎหมาย และได้ดําเนินการสร้างกิจกรรมแรงจูงใจให้ผู้ใช้ยาเสพติดสมัครใจเข้าร่วมโครงการ#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/1/2023
null
สระบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230124173600081
null
ผบ.กกล.ทพ.จชต. ร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ จ.นราธิวาส พร้อมทั้งร่วมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษร่วม เพื่อทำให้พื้นที่ปลอดเหตุ ประชาชนปลอดภัย ชายแดนใต้สงบสุข
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตําบลกะลุวอเหนือ อําเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส พันเอก สฐิรพงษ์ อาจหาญ ผู้บังคับกองกําลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วย พันเอก สิทธิศักดิ์ เจนบรรจง รองผู้บังคับกองกําลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมให้การต้อนรับ พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมคณะฝ่ายอํานวยการกองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ลงพื้นที่ติดตามผลการปฏิบัติงาน และสถานการณ์สําคัญในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งร่วมประชุมรับฟังการบรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานจากสถานการณ์ในห้วงที่ผ่านมา จากหน่วยที่รับผิดชอบพื้นที่ ประกอบด้วย หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานในพื้นที่ และหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมป่าภูเขา โดยมี พลตรี เฉลิมพร ขําเขียว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พันเอกภาณุวัฒน์ สุคชเดช ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ฯ และกําลังพลที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมแม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 กล่าวว่า การลงพื้นที่ติดตามผลการปฏิบัติงาน และสถานการณ์สําคัญในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เป็นความตั้งใจในการมาให้กําลังใจกําลังพลเจ้าหน้าที่ ซึ่งที่ผ่านมาติดตามการปฏิบัติงานมาอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ในพื้นที่นั้นทุกหน่วยสามารถควบคุมได้ ทําให้เห็นถึงความพร้อม ของทุกส่วนที่บูรณาการความร่วมมือกันให้งานออกมาสําเร็จ ขอชื่นชมในการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ปฏิบัติการด้วยความอดทน จากเบาไปหาหนักตามขั้นตอนโดยได้รับความร่วมมือจากผู้นําชุมชน ผู้นําหมู่บ้าน และผู้นําศาสนา สุดท้ายแล้วกําลังพลไม่สูญเสีย และประชาชนมีความปลอดภัย และเพื่อเน้นย้ํานโยบายสําคัญในการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ยังคงเคลื่อนไหวในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจากเหตุการณ์ความรุนแรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและหน่วยงานด้านการข่าว พร้อมการลาดตระเวนพิสูจน์ทราบจากชุดปฏิบัติการต่าง ๆ นั้น ยืนยันว่ามีการตรวจพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามาอาศัยในพื้นที่ Support site และมีความพยายามก่อเหตุอย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายการก่อเหตุคือกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ และเป้าหมายอ่อนแอ เพื่อควบคุมพื้นที่ให้เกิดความปลอดภัย ทุกหน่วยต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน พร้อมสร้างความปลอดภัยและความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชน ก่อนเดินทางไปให้กําลังใจ มอบสิ่งของอุปโภคบริโภคแก่ชุดปฏิบัติการพิเศษร่วมป่าภูเขา ที่ปฏิบัติการในพื้นที่#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
24/1/2023
ภาคใต้
ปัตตานี
สวท.ปัตตานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125072745189
null
ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เตรียมพิจารณาร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วมรายสาขาของอาเซียน
การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในเวลา 09.00 น. วันนี้ (25 ม.ค.66) มีวาระพิจารณาเรื่องด่วน ร่างพิธีสารเพื่อแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วมรายสาขาของอาเซียน สําหรับการตรวจประเมินตามมาตรฐานวิธีการในการผลิตยา ที่คณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ โดยสาระสําคัญเป็นการแก้ไขข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วมรายสาขาของอาเซียนสําหรับการตรวจประเมินตามมาตรฐานวิธีการในการผลิตยา โดยขยายขอบเขตของผลิตภัณฑ์ยาที่นํามาบังคับใช้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาชีววัตถุในรูปแบบยาสําเร็จรูปแต่ไม่รวมผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเลือด หรือจากพลาสมา เภสัชภัณฑ์รังสี ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์ยาที่ใช้ในการวิจัย และเนื้อเยื่อเซลล์และผลิตภัณฑ์บําบัดด้วยยีน และสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมที่ใช้ในการผลิตยาและยาชีววัตถุ แก้ไขเพิ่มเติมหน้าที่ของคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือรายสาขา (Joint Sectoral Committee) : JSC on GMP) ให้มีหน้าที่ทบทวนและเสนอแก้ไขข้อตกลงนี้ ซึ่งร่างพิธีสารฉบับนี้จะลดอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้าระหว่างประเทศสมาชิกและเพิ่มโอกาสของการส่งสินค้าจากประเทศไทยไปจําหน่ายในประเทศสมาชิกอาเซียนโดยไม่ต้องตรวจประเมินซ้ํา ลดค่าใช้จ่ายในการส่งออกสําหรับผู้ผลิตในไทย และจะไม่ส่งผลกระทบในเชิงลบทางด้านธุรกิจ และพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ.... แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 159 และยกเลิกมาตรา 272 ที่นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.พรรคเพื่อไทย กับคณะเป็นผู้เสนอ โดยสาระสําคัญคือ การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ว่าด้วยเรื่องการให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และมาตรา 272 ยกเลิกไม่ให้สมาชิกวุฒิสภาร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี
25/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125092510204
null
นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่อำเภอด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี รับปัญหาชาวบ้านไร้ที่ทำกิน 113 ราย หลังร้องเรียนไม่คืบหน้า ย้ำ มาแก้ปัญหา ยึดตามกฎหมาย
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ อําเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อตรวจราชการ โดยเมื่อเดินทางถึง นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังพื้นที่ใช้ประโยชน์ ณ แปลงจัดสรร ตําบลวังยาว อําเภอด่านช้าง ตรวจติดตามพื้นที่ทํากิน กรณีชาวบ้านไร้ที่ทํากิน 113 ราย ร้องเรียนการขอจัดที่ดินทํากินล่าช้าจากนั้น นายกรัฐมนตรี พบปะกับประชาชนที่ได้รับจัดสรรพื้นที่ใช้ประโยชน์ ที่ อบต. วังยาว เมื่อนายกรัฐมนตรีมาถึงได้รับพวงมาลัย และดอกไม้จากชาวบ้าน โดยระบุว่า ขอบคุณทุกคน ตนเองมีกําลังใจมากขึ้น พร้อมกันนี้ มี นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมตัวแทนชาวบ้าน เข้าไปสํารวจพื้นที่ร่วมกับนายกรัฐมนตรี พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากเสร็จสิ้นการสํารวจพื้นที่ ได้มาสรุปข้อมูล ชี้แจงกับชาวบ้านกว่า 200 ที่มารอต้อนรับทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามปัญหากับชาวบ้าน โดยระบุว่า ทํา คทช. มาหลายปีแล้ว จัดตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาให้กับผู้มีรายได้น้อย วันนี้ถือโอกาสมาดูว่ามีปัญหาอะไรอีกบ้าง ยืนยันว่าต้องทําให้ถูกต้อง และสร้างความเป็นธรรมกับประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเองมีนโยบายเรื่องความเท่าเทียม และการเข้าถึงโอกาส ดูแลผู้มีรายได้น้อย แต่ทั้งหมดต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย กฎกติกาต้องยอมรับซึ่งกันและกัน พร้อมรับปากว่า หลักการทั้งหมดนั้นอนุมัติให้อยู่แล้ว แต่ต้องตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ว่าถูกต้องหรือไม่ โดยได้สั่งการให้ดูที่ดิน 2 แปลงใหญ่ ว่าเป็นการเช่าตามกฎหมายหรือไม่ โดยกติกาสําคัญคือต้องตรวจสอบว่า ชาวบ้าน 113 ราย มีที่ดินทํากินที่อื่นหรือไม่ ถ้ามีจะไม่ได้รับการจัดสรร นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนชาวบ้านอีก 6 คน ขอให้นายกรัฐมนตรี แก้ไขปัญหาที่ดินทํากินที่ทับซ้อนกับที่ดินของรัฐ มีชาวบ้าน 95 ครอบครัว ที่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์ ปัญหานี้ชาวบ้านเข้ามาทํากินในพื้นที่ ก่อนปี 2506 ที่ภาครัฐเข้ามาจัดระเบียบ ประกาศเป็นพื้นที่ป่าสงวน ทําให้ไม่มีเอกสารสิทธิ์ โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ชาวบ้านใจเย็น ตอนนี้กําลังอยู่ในกติกา ที่กําลังแก้อยู่ และจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณา ซึ่งปัญหานี้เป็นการประกาศพื้นที่ทับซ้อน หลังจากจัดทําพื้นที่อัตรา 1:4000 วันนี้มาแล้ว ก็จะรับเรื่องไว้ใหม่#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/1/2023
null
สุพรรณบุรี
สวท.สุพรรณบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125103128250
null
งบประมาณจัดการเลือกตั้งที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ เป็นงบประมาณปี 2567 ต้องทำล่วงหน้า เพื่อเตรียมพร้อมเลือกตั้ง
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่วานนี้ (24 ม.ค.66) คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณในหลายด้าน รวมถึงงบประมาณในการจัดการเลือกตั้ง แสดงว่ามีความพร้อมการเลือกตั้งแล้วใช่หรือไม่ ว่าทุกคนก็รู้ถึงวันเวลา กติกา และการครบวาระของรัฐบาล ต้องเตรียมความพร้อม ซึ่งการอนุมัติงบประมาณต่างๆ เป็นการอนุมัติงบประมาณปี 2567 ต้องทําล่วงหน้า เพื่อนําเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร จากนั้น ยังมีขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการอีกว่าจะตัดงบประมาณดังกล่าวอีกหรือไม่ เพื่อให้เป็นไปตามปฏิทินงบประมาณปี 2567ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาวิเคราะห์ว่ามีการดึงเกมการยุบสภาฯ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังไม่สามารถตั้งสาขาพรรคได้ทั่วทั้งประเทศ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าไปพูดถึง
25/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125142516346
null
ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 36 รับตรวจสภาพความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชน จากคณะทำงานด้านกิจการพลเรือนกองทัพบก
วันที่ 24 มกราคม 2566 พลตรี สามารถ มโนรถมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 36 มอบหมายให้ พันเอก พศิน แสงคํา รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 36 ให้การต้อนรับ พลตรี อานนท์ เพชรคํา หัวหน้าคณะทํางานด้านกิจการพลเรือนกองทัพบก เดินทางมาตรวจความพร้อมของศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหน่วยมณฑลทหารบกที่ 36 ประกอบไปด้วย หน่วยกองพันทหารม้าที่ 26 กองพลทหารม้าที่ 1, กองพันทหารม้าที่ 13 กรมทหารม้าที่ 3, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 30 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 21, หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 16 กองบัญชาการกองทัพไทย, องค์การบริหารส่วนตําบลสะเดียง, มูลนิธิร่มโพธิ์จังหวัดเพชรบูรณ์, โรงพยาบาลค่ายพ่อขุนผาเมือง ณ สนามฝึก หน่วยกองพันทหารม้าที่ 13 ค่ายพ่อขุนผาเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จุดประสงค์การตรวจเพื่อให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 36 มีความพร้อมด้านกําลังพลเครื่องมือพร้อม ออกบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆในการบรรเทาสาธารณภัยช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDแหล่งข้อมูล : มทบ.36
25/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
เพชรบูรณ์
สวท.เพชรบูรณ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125174100476
null
ผู้ช่วย ผบ.ตร.ตรวจเยี่ยมราชการ ภ.2-สภ.เมืองชลบุรี
ที่ ศปก.บก.สส.ภ.2 พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(สส 3) ได้ดินทางมาตรวตเยี่ยมราชการ โดยมี พล.ต.ต.ธีระชัย ชํานาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ พร้อมกันนี้ได้ประชุมติดตามการขับเคลื่อนงานสืบสวนสอบสวนและการสุ่มตรวจการจัดทําฐานข้อมูลงานสืบสวนของสถานีตํารวจ ของ ภ.2 โดยมี ผบก.ภ.จว., รอง ผบก.ภ.จว.(ที่รับผิดชอบ), ผกก. และ หน.สภ. ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงจากนั้นทางคณะตรวจเยี่ยมได้ตรวจเยี่ยมราชการตํารวจ สภ.เมืองชลบุรี โดยมี พ.ต.อ.นิทัศน์ แหวนประดับ ผกก.สภ.เมืองชลบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ในสังกัดร่วมให้การต้อนรับ ซึ่งทางคณะตรวจเยี่ยมได้กําชับในเรื่องการจัดทําฐานข้อมูลงานสืบสวนในสถานีตํารวจ 2 ฐาน 8 แฟ้ม และความคืบหน้าการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ที่ยังจับกุมไม่ได้ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563-2566 รวมทั้งผลการจับกุมบุคคลตามหมายจับของหน่วยงานในสังกัด นอกจากนี้ได้กําชับในเรื่องการดําเนินการติดตั้งกล้อง CCTV ในพื้นที่รับผิดชอบเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสอดส่องหาเบาะแสติดตามตัวผู้กระทําผิดมาดําเนินคดี พร้อมทั้งให้มีการติดตามข้อมูลบุคคลพ้นโทษคดีต่างๆ อย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/1/2023
ภาคตะวันออก
ชลบุรี
สวท.ชลบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125184838511
null
บรรยากาศชายแดนเจดีย์สามองค์วันนี้ยังคงสงบ ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงที่เมืองพญาตองซู ส่วนผู้หนีภัยจากความไม่สงบ ประมาณ 500 คน อำเภอสังขละบุรีให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว ส่วนประชาชนยังใช้ชีวิตตามปกติ
หลังจากที่กองกําลัง DKBA กลุ่มต่อต้านรัฐบาลเมียนมาได้ก่อเหตุความไม่สงบบุกเผาสถานที่สําคัญทางราชการของเมียนมา ในเขตกิ่งอําเภอพญาตองซู ใกล้ชายแดนไทยด่านพระเจดีย์สามองค์ เสียหายไปหลายแห่ง เมื่อวันที่ 21 ม.ค.66 ที่ผ่านมาและเมื่อวานนี้ (24 ม.ค.66) มีข่าวลือว่าจะมีการยิงตอบโต้กันขึ้นที่ฝั่งกิ่งอําเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมาอีกครั้งหนึ่งและให้ชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่ภายใน 2 ชั่วโมง เป็นเหตุทําให้ชาวบ้านที่มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่และผู้สูงวัย เก็บข้าวของออกจากบ้านแล้วมุ่งหน้าเข้ามาขอหลบภัยตามแนวชายแดนของไทย บริเวณบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.134 เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.สังขละบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สังขละบุรี และผู้นําท้องถิ่น สนธิกําลังลาดตระเวนและเฝ้าดูแลเพื่อความปลอดภัยให้กับผู้หนีภัยจากความไม่สงบตลอด 24 ชั่วโมง จนเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น มีผู้หนีภัยจากความไม่สงบชาวเมียนมา ขอข้ามชายแดนเข้ามาอาศัยที่ฝั่งบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก เป็นผู้หญิงและคนชรา โดยเจ้าหน้าที่ได้ร่วมทําการตรวจสอบผู้หนีภัยจากความไม่สงบชาวเมียนมา(ผภสม)ที่ได้เดินทางมาขอหลบภัยในเขตประเทศไทย บริเวณช่องทางซอยพาณิชย์ 3 และได้เคลื่อนย้ายผู้หนีภัยจากความไม่สงบชาวเมียนมา(ผภสม.) ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 500 คน เข้ามาพักในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว เช่น วัดเจดีย์สามองค์ วัดเตาถ่าน และบางส่วนขออาศัยกับญาติบริเวณพื้นที่ชายแดน โดยมีท้องถิ่นและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้านอาหาร น้ํา และอื่นๆตามหลักมนุษยธรรม โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่คอยดูแลอย่างเข้มงวด และหากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ก็จะให้ชาวบ้านจํานวนดังกล่าวเดินทางกลับทันทีล่าสุดวันนี้ 25 ม.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านสถานการณ์ในพื้นที่กิ่ง อ.พญาตองซู ไม่มีการยิงตอบโต้กันระหว่างทหารเมียนมากับกองกําลังต่อต้านตามที่มีข่าวลือแต่อย่างใด ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ได้พักอาศัยอยู่แต่ในบ้าน ทําให้บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ด้านผู้ประกอบการร้านค้าบริเวณด่านพระเจดีย์สามองค์ เช้านี้ยังคงเปิดร้านจําหน่ายสินค้าตามปกติ#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
25/1/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สวท.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125172212468
null
ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยมณฑลทหารบกที่ 36 รับตรวจสภาพความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชน จากคณะทำงานด้านกิจการพลเรือนกองทัพบก
วันที่ 24 มกราคม 2566 พลตรี สามารถ มโนรถมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 36 มอบหมายให้ พันเอก พศิน แสงคํา รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 36 ให้การต้อนรับ พลตรี อานนท์ เพชรคํา หัวหน้าคณะทํางานด้านกิจการพลเรือนกองทัพบก เดินทางมาตรวจความพร้อมของศูนย์บรรเทาสาธารณภัยหน่วยมณฑลทหารบกที่ 36 ซึ่งประกอบไปด้วย หน่วยกองพันทหารม้าที่ 26 กองพลทหารม้าที่ 1, กองพันทหารม้าที่13 กรมทหารม้าที่ 3, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 30 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 21 ,หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 16 กองบัญชาการกองทัพไทย,องค์การบริหารส่วนตําบลสะเดียง,มูลนิธิร่มโพธิ์จังหวัดเพชรบูรณ์,โรงพยาบาลค่ายพ่อขุนผาเมือง ณสนามฝึก หน่วยกองพันทหารม้าที่13 ค่ายพ่อขุนผาเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ ผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จุดประสงค์การตรวจเพื่อให้ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 36 มีความพร้อมด้านกําลังพลเครื่องมือพร้อม ออกบูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ ในการบรรเทาสาธารณภัยช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบของหน่วย#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILANDแหล่งข้อมูล : มทบ.36
25/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
เพชรบูรณ์
สวท.เพชรบูรณ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125174216478
null
ที่ประชุม 3 ฝ่าย เห็นชอบกำหนดวันอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ 15-16 กุมภาพันธ์นี้
นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยผลหารือของที่ประชุม 3 ฝ่ายคือ คณะรัฐมนตรี วิปฝ่ายค้านและวิปรัฐบาล ถึงการกําหนดวันอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่าสรุปกําหนดวันประชุมในวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์นี้ ฝ่ายค้านได้เวลา 24 ชั่วโมงและรัฐบาลได้เวลา 8 ชั่วโมง โดยในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 จะเริ่มประชุมตั้งแต่เวลา 09.30 น. จนถึงเวลา 02.30 น. ของอีกวันหนึ่ง ซึ่งฝ่ายค้านจะใช้เวลาในการอภิปรายไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมงในกรอบเวลาไม่เกิน 23.00 น. และเวลาจากนั้นจัดสรรให้คณะรัฐมนตรีตอบคําถามชี้แจง ส่วนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ จะเริ่มอภิปรายในเวลา 09.00 น. และให้แล้วเสร็จภายใน 24.00 น. หลังจากที่กําหนดวันอภิปรายได้แล้วพรรคร่วมฝ่ายค้านจะไปจัดสรรเวลาการอภิปรายอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงประเด็นและเนื้อหาการอภิปรายภายใต้ยุทธการ "ถอดหน้ากากคนดี"ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า ในวันนี้(25 ม.ค.66) บรรยากาศการหารือตัวแทนฝ่ายรัฐบาลมีท่าทีที่จริงจังในการที่จะมาชี้แจงตอบข้อซักถามต่อสภาผู้แทนราษฎร แม้จะมีกระแสข่าวว่าจะมีการยุบสภาในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ แต่ไม่ได้มีการหยิบยกมาพูดคุยในที่ประชุม 3 ฝ่าย แต่อย่างใด
25/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230125212812563
null
แม่ทัพภาคที่ 4 มอบนโยบายการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วย พลตรี ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รองผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า, พลตรี กรกฎ ภู่โชติ รองผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า และคณะ ต้อนรับ นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี, รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี, ปลัดจังหวัดปัตตานี, นายอําเภอจังหวัดปัตตานี, หัวหน้าส่วนราชการ และส่วนที่เกี่ยวข้อง ในโอกาสเข้าเยี่ยมร่วมพบปะหารือ ตลอดจนรับมอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ ห้องประชุม 1 กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตําบลเขาตูม อําเภอยะรัง จังหวัดปัตตานีแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า "สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มดีขึ้น เพราะว่าได้ทํางานเป็นรูปแบบ มีการบูรณาการความร่วมมือกันดูแลในพื้นที่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตํารวจ พลเรือน ซึ่งมองว่าการที่จะเข้าถึงประชาชนให้ได้อย่างทั่วถึง และใกล้ชิดประชาชนก็คืออําเภอ เพราะว่าอําเภอเป็นหน่วยที่ขับเคลื่อน และต้องมีการประสานกับหน่วยในพื้นที่โดยมีทหารหน่วยในพื้นที่ร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด การดูแลพื้นที่ให้เกิดความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งประชาชนได้มองการทํางานของหน่วยงานภาครัฐตลอดเวลา และเราต้องชนะใจประชาชน ทําให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อภาครัฐให้ได้ด้วยความจริงใจ โดยเฉพาะมีเจ้าหน้าที่ทหารอยู่ในชุดคุ้มครองตําบลทํางานร่วมกับฝ่ายปกครอง ซึ่งผู้ปฏิบัติงานในชุดคุ้มครองตําบลล้วนเป็นคนในพื้นที่ ที่เข้าใจพื้นที่เป็นอย่างดี ขอให้ลงมาปฏิบัติงานเพื่อรับทราบปัญหาและกํากับดูแลการปฏิบัติงาน เกิดความเข้มแข็ง สร้างพื้นที่ปลอดเหตุ ประชาชนปลอดภัย ในพื้นที่ชุมชนของตนเอง โดยเจ้าหน้าที่ต้องไม่เจ็บ ประชาชนเกิดความมั่นคงปลอดภัยสําหรับการประชุมพบปะหารือในครั้งนี้ได้พูดถึงประเด็นที่สําคัญ ในการแก้ไขปัญหาปัญหายาเสพติด ซึ่งจะต้องดําเนินการให้ครบทั้งระบบ ทั้งป้องกัน ปราบปราม บําบัดฟื้นฟู เสริมสร้างอาชีพในชุมชน กลุ่มผู้เสพที่ก้าวร้าว ต้องรีบดําเนินการโดยเร่งด่วน ให้เข้าสู่ขบวนการบําบัดรักษา และหาอาชีพให้เพื่อให้มีรายได้เพิ่มเติมแล้วนํากลับสู่ชุมชน การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุดคุ้มครองตําบล ตลอดจนกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการขับเคลื่อนมีความคืบหน้ามาตามลําดับ ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าความต้องการของทุกภาคส่วน รวมไปถึงพี่น้องประชาชนคือปฏิเสธความรุนแรงและต้องการให้พื้นที่เกิดความปลอดภัยสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างยั่งยืน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126105756690
null
สภาผู้แทนราษฎร เตรียมพิจารณาวาระกระทู้ถามและรายงานการพิจารณาศึกษาเรื่องปัญหาหนี้สินในครัวเรือน
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในเวลา 09.30 น. วันนี้ (26 ม.ค.66) หลังการปรึกษาหารือของสมาชิกตามข้อบังคับการประชุมแล้ว จากนั้นเป็นการพิจารณาวาระกระทู้ถามรัฐบาลหลายเรื่อง เช่น เรื่องการแก้ไขปัญหาการรับเงินตอบแทนหรือเบี้ยหวัดเสี่ยงภัยให้กับบุคลากรที่ทํางานในมหาวิทยาลัยสงฆ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ , เรื่องขอทราบผลการดําเนินการตามรายจ่ายงบกลาง ปี 2564 และ 2565 และเรื่องการแก้ไขปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าให้ถูกกฎหมายนอกจากนี้ ยังมีวาระพิจารณาเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว เช่น รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่องการวางแนวทางการพัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาการจราจรและขนส่ง ,เรื่องพิจารณาติดตาม ตรวจสอบ การใช้เงินตามพระราชกําหนด 3 ฉบับ เพื่อแก้ไขปัญหาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 , รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่องการตรวจสอบปัญหาการละเลยหรือล่าช้าในการดําเนินคดีกับผู้ถูกคุมขังโดยศาลในคดีอื่น และเรื่องปัญหาหนี้สินในครัวเรือน หนี้สินภาครัฐ รวมทั้งค่าครองชีพสูงจากราคาน้ํามัน แก๊ส ไฟฟ้า
26/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126085227615
null
นายกรัฐมนตรี พร้อมชี้แจงทุกประเด็นต่อสภาผู้แทนราษฎร 15–16 กุมภาพันธ์นี้
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการประชุมและได้กําหนดการพิจารณาญัตติตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 15–16 กุมภาพันธ์ 2566 นั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมรับฟังและชี้แจงทุกประเด็นต่อสภาผู้แทนราษฎร ตามญัตติของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้ยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติ ซึ่งถือเป็นโอกาสให้ประชาชนรับทราบผลการทํางานของรัฐบาลและเป็นการตรวจสอบรัฐบาลตามระบอบประชาธิปไตยนายกรัฐมนตรี ยืนยันความพร้อมที่จะชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะการทํางานของรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการทํางานเกี่ยวกับประเด็นนโยบายเร่งด่วน 12 ประการ ซึ่งถือว่าโอกาสนี้เป็นโอกาสสําคัญที่จะได้ชี้แจงความคืบหน้าและผลการดําเนินงานที่ผ่านมาของรัฐบาลให้ประชาชนได้รับทราบด้วย ซึ่งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ทํางานโดยยึดถือความโปร่งใส ซื่อตรง ตรวจสอบได้ ยึดถือตามหลักธรรมาภิบาล ยึดถือประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นที่ตั้ง เป็นแนวทางในการทํางานมาเสมอ จึงเชื่อมั่นและพร้อมที่จะชี้แจงต่อทุกประเด็นที่จะมีการหยิบยกขึ้นสอบถาม
26/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
Radio-สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126101803654
null
ปชส.สุราษฎร์ธานี ครม. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยว จำนวน 2 โครงการ
นายณรงค์ หลักกําจร ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวฟื้นเศรษฐกิจไทย ว่า ภาคการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกลไกสําคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เคยทํารายได้เข้าประเทศก่อนสถานการณ์โควิด-19 ราว 3 ล้านล้านบาท โดยเป็นการท่องเที่ยวจากต่างประเทศประมาณ 2 ล้านล้านบาท และเป็นการท่องเที่ยวภายในประมาณ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเกิดผลกระทบทั้งระบบ ล่าสุดที่ประชุม ครม. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยว จํานวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 และโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย เพื่อสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการทั้งในและนอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทั้งภาคแรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกว่า 11 ล้านคน โดยการดําเนินโครงการทั้ง 2 โครงการอยู่ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-กันยายน 2566 ซึ่งเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศกาลสงกรานต์ และวันหยุดต่อเนื่องจากนักขัตฤกษ์ในเดือนพฤษภาคม/มิถุนายน/และสิงหาคม ช่วยกระตุ้นรายได้ให้กับประเทศทําให้ระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อเนื่อง รวมทั้งยังเป็นการช่วงชิงโอกาสในการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่รุนแรงและมาตรการเดินทางระหว่างประเทศไม่มีข้อจํากัดด้วย#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคใต้
สุราษฎร์ธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126105155684
null
แม่ทัพภาค ที่ 4 สั่งเฝ้าระวังแนวชายแดน-เขตเมือง ระบุเหตุที่ยะลา ยังไม่ชี้ชัดกลุ่ม
มท.ภ.4 เผย เคสวางระเบิดพลาดคนร้ายเจ็บที่ยะลา ยังไม่ยืนยันกลุ่มลงมือ สั่งเฝ้าระวัง แนวชายแดน เขตเมือง ตรวจเข้มคนเข้า-ออกพลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เผย เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ภายในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 22 ม.ค 66 ทําให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย และตกเป็นผู้ต้องสงสัย นั้น ในขณะนี้ ยังไม่สามารถระบุชัดเจนว่าเป็นกลุ่มไหน แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัยมากที่สุด สิ่งสําคัญ คือความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ก็ได้แจ้งให้กับหน่วยให้ทราบแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่เขตเมืองต่างๆ ในกลุ่มไหนตอนนี้มีการออกหมายจับแล้วบางส่วน ซึ่งต้องขอไว้เป็นแนวทางการสืบสวนของทางตํารวจก่อน เพราะเค้ายังไม่เปิดตัวชัดเจน ไม่มีการรับผิดชอบต่างๆส่วนการสกัดกั้นการนําระเบิดจาประเทศเพื่อนบ้านลําเลียงเข้ามานั้น ทางเราก็มีความเข้มข้น ตามแนวชายแดนตลอดเวลา ในพื้นที่ อ.ตากใบ สุไหงโกลก มีความงวดเพิ่ม เสริมกําลังลงในพื้นที่ โดยเฉพาะเส้นทางธรรมชาติที่ไม่ถูกต้องซีน 100% บุคคลข้ามไปมาพยายามที่จะไม่ให้นําสิ่งผิดกฎหมายเข้ามา ในพื้นที่ ส่วนใหญ่คนที่ข้ามไปมา จะข้ามไปมาทางธรรมชาติ ช่องทางผิดกฎหมาย ประชาชนทั่วไปก็ต้องไปข้ามในเส้นทางที่ถูกต้องเพราะเราไม่รู้ ประชาชนนั้นเป็นผู้ก่อเหตุ หรือ ประชาชนทั่วไป ก็มีการสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนซึ่งจะต้องเช็คให้ถูกต้องเท่านั้นอย่างเคสยะลา คนก่อเหตุล่าสุดประวัติไม่มี เค้าก็สามารถข้ามไปมาได้ปกติ มี Border Pass, Passport เมื่อเข้ามาก่อเหตุแล้วก็ดําเนินคดีต่อไป ซึ่งคนนี้ยังไม่มีหมาย การเดินทางเข้า ออกก็เป็นประชาชนปกติ ต้องมาสอบสวนขยายผลต่อไปว่าทีมที่มา มาแบบไหนกับใคร รอผู้บาดเจ็บฟื้นก่อน #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126115914718
null
สวยเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว กับหน้าที่และภารกิจรับใช้ชาติ..."ดอกไม้เหล็ก ชายแดนใต้" แม่ทัพภาคที่ 4 ลงให้กำลังใจการฝึก
วันนี้ 26 มกราคม 2566 เวลา 10.00 น. ที่ ศูนย์ฝึกทางยุทธวิธี ค่ายมหาจักรีสิรินธร อําเภอนาทวี จังหวัดสงขลา พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ตรวจเยี่ยมการฝึกทบทวนอาสาสมัครทหารพรานหญิง รุ่นที่ 1 ประจําปี 2566 เพื่อเพิ่มศักยภาพความสามารถในการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของหน่วยทหารพรานทุกหน่วยของกองกําลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีภาพลักษณ์ของการลดความรุนแรง (Down size) และคงสภาพความเข้มแข็ง สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงอนุรักษ์กําลังรบให้ดํารงต่อเนื่อง และเกิดประโยชน์สูงสุด "แม้เป็นสตรีก็ไม่ได้แตกต่างจากผู้ชายสามารถปฏิบัติงานได้และประสบความสําเร็จเช่นเดียวกัน" แม่ทัพภาคที่ 4 ให้กําลังใจและกล่าวชื่นชม สําหรับหลักสูตรการฝึกทบทวนหมู่ทหารพรานหญิง จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น มีผู้เข้ารับการฝึกทั้งสิ้น จํานวน 72 นาย ระยะเวลาในการฝึกจํานวน 21 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม-5 กุมภาพันธ์ 2566 โดยแบ่งการฝึกออกเป็น 7 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 การฝึกทบทวนบุคคลท่าเบื้องต้น และการทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ขั้นที่ 2 ทักษะการใช้อาวุธ/การยิงปืนฉับพลัน ขั้นที่ 3 วิชาทหารทั่วไป และยุทธวิธี ขั้นที่ 4 การฝึกเฉพาะหน้าที่ตามตําแหน่ง ขั้นที่ 5 การอบรม ขั้นที่ 6 การฝึกภาคสนามทางยุทธวิธี 24 ชม. โดยไม่มีการส่งกําลังบํารุง ยกเว้นน้ํา ขั้นที่ 7 การตรวจสอบ/ประเมินผล และรายงาน ทั้งนี้ เพื่อให้กําลังพลได้มีโอกาสทบทวน นโยบายและแนวทางในการปฏิบัติ ทักษะการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งกลางวันและกลางคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนําไปประยุกต์ใช้ได้อย่างสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง นําไปสู่การแก้ปัญหาในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคใต้
สงขลา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126122249725
null
สภาผู้แทนราษฎร เกิดปัญหาองค์ประชุมไม่ครบ ระหว่างการพิจารณารายงานรับทราบรายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจำปี 2564
การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (26 ม.ค.66) ในระหว่างการพิจารณารายงานรับทราบรายงานการพัฒนาระบบราชการ ประจําปี 2564 นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ทักท้วงว่า รัฐบาลไม่มาตอบกระทู้สําคัญต่อบ้านเมือง มาตอบเพียง 2 กระทู้ถาม ซึ่งแสดงว่ารัฐบาลไม่เห็นความสําคัญต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะเหตุการณ์วานนี้(25 ม.ค.66) ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับที่....) พ.ศ.... จึงขอตรวจสอบองค์ประชุมเพื่อให้เกิดความสง่างามไม่ใช่เพียงมาอภิปรายแต่ไม่มีผู้รับฟัง ทําให้ประธานในที่ประชุมกดสัญญาณเรียกสมาชิกเพื่อเข้าตรวจสอบองค์ประชุม ผลปรากฏว่าองค์ประชุมไม่ครบ ประธานจึงสั่งปิดประชุมทันที
26/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126160641816
null
ครม.อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5
ครม.อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5ครม.อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 คาดเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 12,500 ล้านบาท นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติวงเงินกว่า 3,946 ล้านบาท เพื่อดําเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วงเงินรวม 2,016 ล้านบาท โดยธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) วางแนวทางป้องกันการทุจริต จัดให้มีระบบแสดงจํานวนห้องพักของแต่ละโรงแรม/ที่พัก หากมีการจองเกินจํานวนห้องที่แจ้งไว้ ระบบจะจํากัดการจองโดยมอบให้ ททท. สํานักงานสาขาในประเทศ เป็นผู้ดําเนินการและเพื่อป้องกันการขึ้นราคาห้องพักเกินจริง หากโรงแรมที่พักเจตนาขึ้นราคาห้องพักเกินจริง สามารถเอาผิดเรียกเงินคืนและระงับการจ่ายได้ รวมทั้งต้องได้รับโทษถึงการตัดสิทธิในการเข้าร่วมทุกโครงการของรัฐบาล รวมทั้งจะมีระบบสแกนใบหน้าของผู้ใช้สิทธิในการเช็คอินเข้าพักและการใช้ e-voucher เพื่อป้องกันการใช้บัตรประชาชนผู้อื่นสวมสิทธิ นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังได้อนุมัติ ดําเนินโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย วงเงินกว่า 1,930 ล้านบาท กระตุ้นให้นักท่องเที่ยว โดยเน้นการนําเสนอ Soft Power ผ่าน Digital Market และกิจกรรมทางการตลาด สําหรับพื้นที่ดําเนินการคือ จังหวัดทั่วประเทศไทย ระยะเวลาดําเนินการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์- กันยายน 2566 ซึ่งเป้าหมายของโครงการฯ เพื่อช่วยผลักดันและสนับสนุนการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามเป้าหมาย 2.38 ล้านล้านบาท สําหรับ 2 โครงการ ดังกล่าวจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการทั้งในและนอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทั้งภาคแรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกว่า 11 ล้านคน ซึ่งโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 คาดว่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 12,539 ล้านบาท ภัสร์ภรณ์ เหลืองทอง-ข่าว สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230127175044243
null
ชายแดนพระเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี ยังไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบฝั่งอ.พญาตองซู ประชาชนยังใช้ชีวิตตามปกติ ขณะที่ผู้หนีภัยส่วนใหญ่เด็กและผู้หญิง ยังคงขอเข้าพักในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราว เนื่องจากยังไม่มั่นใจในสถานการณ์
วันนี้ (26 ม.ค.66) เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ ด่านพระเจดีย์สามองค์ หลังจากที่เมื่อคืนมีเหตุความไม่สงบในฝั่ง อ.พญาตองซู โดยมีเสียงปืน และระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ ช่วงเวลาประมาณ 21.30 น. โดยมีรายงานว่ากองกําลังไม่ทราบฝ่ายทําการเผาบ้านพักนายอูซอโม นายอําเภอพญาตองซู และเกิดเหตุเพลิงไหม้ สํานักงานป่าไม้พญาตองซู ประเทศเมียนมา ซึ่งอยู่ตรงข้ามตลาดสดบ้านพระเจดีย์สามองค์ห่างประมาณ 700 เมตร ซึ่งช่วงเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ตชด.134 ตํารวจ สภ.สังขละบุรี อ.ส. และฝ่ายปกครอง ได้เข้าควบคุมสถานการณ์และลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยในพื้นที่สําหรับพื้นที่ปลอดภัย ที่อําเภอสังขละบุรีจัดให้เป็นที่พักชั่วคราว ณ วัดเตาถ่าน ปัจจุบันมียอดผู้หนีภัยจากความไม่สงบชาวเมียนมา จํานวน 248 คน แบ่งเป็นเด็กหญิง 72 คน เด็กชาย 53 คน ผู้หญิง 94 และผู้ชาย 29 คน โดยมีเจ้าหน้าที่กิ่งกาชาดอําเภอสังขละบุรี โรงพยาบาลสังขละบุรี ช่วยเหลือ ดูแลคัดครองสุขภาพ โดยมีการตั้งโรงครัวภายในวัดเพื่อประกอบอาหาร และได้รับการบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง น้ําดื่มจากทั้งภาครัฐและเอกชน ในส่วนของพื้นที่ปลอดภัย วัดเจดีย์สามองค์ มียอดผู้หนีภัยจากความไม่สงบชาวเมียนมาประมาณ 70 คน และขณะนี้ยังคงมีผู้หนีภัยจากความไม่สงบชาวกะเหรี่ยง กําลังเข้ามายังพื้นที่ปลอดภัย ณ วัดถ้ําแก้วสวรรค์บันดาล บริเวณ 6000 ไร่ ซึ่งยังไม่ทราบจํานวน เนื่องจากผู้หนีภัยจากความไม่สงบชาวกะเหรี่ยง ได้รับข้อมูลมาว่าจะมีการโจมตีของกองกําลังไม่ทราบฝ่ายเกิดขึ้นอีกในคืนนี้ตามแผนรองรับสถานการณ์ของอําเภอสังขละบุรี ที่มีการแบ่งผู้หนีภัยจากความไม่สงบชาวเมียนมา ชาวกระเหรี่ยง และชาวมอญ ไปยังวัดถ้ําแก้วสวรรค์บันดาล วัดเตาถ่าน และวัดเจดีย์สามองค์ ตามลําดับ ภายใต้การดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจากทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ตํารวจ และฝ่ายปกครองอําเภอสังขละบุรีส่วนบรรยากาศการค้าขาย ร้านค้าขายของที่ระลึกบริเวณด่านพระเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ยังเปิดค้าขายตามปกติ และยังคงมีนักท่องเที่ยวมาเลือกซื้อสินค้า จากการสอบถามน้องฟ้าแม่ค้าร้านกาแฟโพย่า บริเวณเจดีย์สามองค์ บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่มีเหตุการณ์นักท่องเที่ยวน้อยลง และตนก็ค่อนข้างกลัว แต่ยังมั่นใจในความปลอดภัยของฝั่งไทย จึงมาทํางานขายกาแฟตามปกติ#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สวท.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230127224142324
null
มทภ.4 ต้อนรับกองพันราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน (อรบ.) พื้นที่ จชต. รับมอบนโยบายปฏิบัติงาน
วันนี้ (26 มกราคม 2566) ที่ห้องประชุม 1 กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตําบลเขาตูม อําเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พลโท ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ต้อนรับหัวหน้ากองพันราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน (อรบ.) ในพื้นที่จังหวัดยะลา, จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดสงขลา จํานวน 43 นาย ที่เดินทาง เข้าร่วมหารือ แลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะ พร้อมรับฟังนโยบาย เพื่อสร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เกิดความปลอดภัยอย่างดีที่สุดโอกาสนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 / ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้กล่าวต้อนรับ พร้อมทั้งอวยพรแก่หัวหน้ากองพันสมาชิกราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน (อรบ.) ว่ารู้สึกยินดีที่ทุกคนได้สละเวลาอันมีค่ามาเยี่ยมเยียน ให้กําลังใจ พร้อมย้ําว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทุกท่านทําหน้าที่ปกป้อง คุ้มครอง ดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งเป็นกําลังภาคประชาชนที่เสียสละเพื่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังได้กําชับให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนบูรณาการร่วมกัน พร้อมชื่นชมในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเหนียวแน่น มีความเข้มแข็ง ซึ่งเป็นจุดแข็งในการดูแลพื้นที่ ก็ขอให้ดํารงรักษาไว้ พร้อมกําชับ ช่วยเป็นหู เป็นตาการก่อภัยแทรกซ้อนต่างๆ ส่งผลให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นต่อภาครัฐ ยืนยัน กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงให้การสนับสนุนการดําเนินงานอย่างเต็มขีดความสามารถ และพร้อมให้ความร่วมมือในทุกด้าน เพื่อคลายข้อสงสัย ข้อกังวลใจ ให้การปฏิบัติงานสําเร็จลุล่วงตามเป้าหมายต่อไปขณะที่ทางนายอุดมชัย สันติสุขกุล หัวหน้ากองพันพิเศษปิยะมิตร / จุฬาภรณ์พัฒนา ได้กล่าวว่าแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสรับตําแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมแนะนําภารกิจของกองพันสมาชิกราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน (อรบ.) เรื่องเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของสมาชิก มีโครงการต่างๆ ที่ยังคงพัฒนาต่อยอด เรื่อยมาทําให้ประชาชนในพื้นที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ปัจจุบันบางโครงการยังคงไม่เข้มแข็ง เช่น กลุ่มสหกรณ์ ต่างๆ , ฟาร์มตัวอย่าง ต่างๆ เป็นต้น จึงอยากขอให้ กองอํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ให้การสนับสนุนจนเข้มแข็ง สร้างประโยชน์สุขให้แก่ประชาชน ชุมชน พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนทั้งนี้ กองพันสมาชิกราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน (อรบ.) ถือเป็นพลังกําลังภาคประชาชนในพื้นที่ มีหน้าที่ป้องกันตนเอง / หมู่บ้าน สนับสนุนการสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง และให้ความร่วมมือกับส่วนราชการ หน่วยงาน และองค์กรเอกชนในพื้นที่ ด้วยการเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณประโยชน์ เพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถ#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคใต้
ยะลา
สทท.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126183005857
null
ชี้แจง เพจ Fanpage NBT Songkhla ถูก Hack ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565
สํานักประชาสัมพันธ์เขต 6 กรมประชาสัมพันธ์ ชี้แจงกรณีอาชญากรทางคอมพิวเตอร์เจาะระบบ ข้อมูล เพจ Fanpage NBT Songkhla ปัจจุบันไม่ได้เป็นของหน่วยงาน NBT สงขลา อีกต่อไป นายธีรพงศ์ เพชรรัตน์ ผู้อํานวยการสํานักประชาสัมพันธ์เขต 6 กรมประชาสัมพันธ์ ขอประชาสัมพันธ์ชี้แจงกรณี อาชญากรรมทางออนไลน์ได้เข้ามาเจาะระบบข้อมูลของ เพจ Fanpage NBT Songkhla ซึ่งเป็นเพจในการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร ของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดสงขลา ( NBT สงขลา) ว่า NBT สงขลา ได้เปิดเพจ Fanpage NBT Songkhla เป็นช่องทางการสื่อข่าวสารไปถึงพี่น้องประชาชนที่ใช้เฟซบุ๊คในยุคดิจิทัลให้แพร่หลายมากขึ้น ทั้งการโพสต์ข่าวสารและไลฟ์สดรายการโทรทัศน์ของ NBT สงขลา รวมถึงเป็นช่องทางประสานความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา Fanpage NBT Songkhla ได้รับความเชื่อถือด้านข่าวสาร จนมียอดผู้ติดตามกว่า 56,000 คนจนเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 พบว่า Fanpage NBT Songkhla ถูกอาชญากรรมทางออนไลน์ (Hacker) ได้เข้ามาเจาะระบบข้อมูลของเพจ และเจ้าหน้าที่แอดมินหลักของ NBT สงขลา ถูกลบออกจากบัญชีทั้งหมด ทําให้ไม่สามารถดําเนินการอย่างใดกับบัญชีเพจดังกล่าวได้ปัจจุบัน ชื่อเพจ Fanpage NBT Songkhla ถูก Hacker ยึดครองบัญชีโดยบุคคลที่ไม่ทราบสถานะ ใช้เป็นช่องทางเผยแพร่ข่าวบันเทิง ที่มีลักษณะของเนื้อหาไม่เหมาะสม หมิ่นเหม่ต่อการบูลลี่ (Bully) และเหยียดหยามให้บุคคลอื่นเสียหาย ซึ่งอาจจะสร้างความสับสนให้กับผู้ที่ติดตามข่าวสาร เข้าใจผิดได้ว่า NBT สงขลา ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการ เป็นผู้เผยแพร่เนื้อหาดังกล่าวสํานักประชาสัมพันธ์เขต 6 กรมประชาสัมพันธ์ จึงขอใช้โอกาสนี้ชี้แจงว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา เนื้อหาที่เผยแพร่บนชื่อเพจ Fanpage NBT Songkhla ไม่ได้เกี่ยวข้องและไม่ได้เป็นการกระทําจากบุคลากรของ NBT สงขลา แต่อย่างใดจากปัญหาดังกล่าว NBT สงขลา สํานักประชาสัมพันธ์เขต 6 กรมประชาสัมพันธ์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้แจ้งไปยัง Facebook ให้ทราบว่า มีอาชญากรรมทางออนไลน์เข้ามาเจาะระบบข้อมูลของ เพจ Fanpage NBT Songkhla และขอกู้คืนระบบ โดยติดต่อผ่าน Meta Pro Team ผ่านอีเมล์และการโทรศัพท์ให้รายละเอียดถึงปัญหาดังกล่าว แต่การแก้ไขของ Facebook ยังล่าช้า ยังปรากฏ ชื่อเพจ Fanpage NBT Songkhla นําเนื้อหาไม่เหมาะสม มาโพสต์เผยแพร่ ให้ผู้ติดตามข่าวสารเข้าใจผิดมาอย่างต่อเนื่องทั้งนี้ เจ้าหน้าที่แอดมิน NBT สงขลา ได้แจ้งความลงบันทึกประจําวันไว้กับตํารวจภูธรหาดใหญ่ เพื่อเป็นหลักฐานไว้แล้ว และแจ้งความตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อให้สอบสวนหาหลักฐานผู้กระทําความผิดมาดําเนินคดีต่อไป เพื่อสร้างความตระหนักในการต่อต้านภัยอาชญากรรมทางออนไลน์ สํานักประชาสัมพันธ์เขต 6 ขอความร่วมมือผู้ใช้สื่อออนไลน์ ที่พบเห็นเนื้อหาไม่เหมาะสมบนเพจ Fanpage NBT Songkhla ได้ช่วยกันแจ้งรายงานไปยัง Facebook และระดมความคิดเห็น(comment) ว่า “เพจนี้ ถูก Hack โดยอาชญากรรมทางออนไลน์ ขอความร่วมมือทุกคนอย่าแชร์ อย่ากดไลน์ และให้ช่วยกันรายงานว่าเป็น “เพจปลอม” เพื่อให้ Facebook ได้ลบบัญชีเพจ ดังกล่าว ออกจาก Facebook ต่อไป หวังเป็นอย่างยิ่งว่าได้รับความร่วมมือด้วยดีจากผู้ติดตามข่าวสารออนไลน์บน Facebookทั้งนี้ NBT สงขลา เปิดเพจใหม่ชื่อว่า“News NBT Songkhla” และ “ทีวีสงขลา” เพื่อเป็นช่องทางเผยแพร่ข่าวสารไปยังผู้ใช้ Facebook ได้ติดตามข่าวสารที่ถูกต้องจากกรมประชาสัมพันธ์ต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
26/1/2023
ภาคใต้
สงขลา
สทท.สงขลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230126184852871
null
กรมบัญชีกลาง พัฒนา “ระบบการรับชำระเงินกลางของบริการภาครัฐ” พร้อมใช้งานแล้วครอบคลุม 23 หน่วยงาน มากกว่า 730 รายการ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วการทำธุรกรรม
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมบัญชีกลาง เดินหน้าพัฒนาระบบการรับชําระเงินกลางของบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมหน่วยงานที่มีสํานักงานในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อเพิ่มช่องทางการให้บริการรับชําระเงินจากประชาชนหรือภาคธุรกิจแก่ส่วนราชการด้วยอิเล็กทรอนิกส์ การดําเนินการเพื่อพัฒนาระบบการชําระเงินกลางนี้ เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการรับชําระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อผลักดันระบบการชําระเงินของประเทศไทยให้เข้าสู่ระบบการชําระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ปัจจุบันมีการพัฒนาระบบฯ ให้ครอบคลุมหน่วยงานที่มีสํานักงานในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จํานวน 23 หน่วยงาน ให้บริการในระบบฯ มากกว่า 730 รายการ อาทิ ค่าธรรมเนียมมัดจํารังวัด ค่าธรรมเนียมโรงงาน และค่าจดทะเบียนการค้านอกจากนี้ กรมบัญชีกลางมีแผนขยายผลการใช้งานระบบฯ ให้แก่ส่วนราชการเพิ่มเติมในระบบการให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จทางอิเล็กทรอนิกส์ ประชาชนที่สนใจ สามารถใช้บริการระบบการรับชําระเงินกลางของบริการภาครัฐ ได้ที่เว็บไซต์ https://epayment.cgd.go.th/ หรือหากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่กรมบัญชีกลาง 0-2127-7551
27/1/2023
null
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230127105725034
null
กกต.ขอนแก่น ประชุมเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองชุมแพ (แทนตำแหน่งที่ว่าง) อ.ชุมแพ จังหวัดขอนแก่น
นายวัชระ สีสาร ผู้อํานวยการสํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดขอนแก่น สํานักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจําจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย นายมนตรี สิมมาคํา หัวหน้ากลุ่มงานจัดการเลือกตั้งฯ และพนักงาน ได้ร่วมประชุมเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งสมาชิกเทศบาลเมืองชุมแพ (แทนตําแหน่งที่ว่าง) อ.ชุมแพ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 3 ซึ่งมีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง จํานวน 3 ราย ในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ในวันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2566 ทั้งนี้ ได้ชี้แจง/ข้อปฏิบัติและการเตรียมความพร้อม รับฟังความคิดเห็น ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ และแนะแนวทางแก้ไขปัญหาพร้อมให้กําลังใจผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ในการจัดการเลือกตั้งฯ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยต่อไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
27/1/2023
null
ขอนแก่น
สวท.ขอนแก่น
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230127103820022
null
ส.ปชส.ตราด ประชาสัมพันธ์ ครม. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว 2 โครงการ
(27 ม.ค. 66) สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด รายงานว่า คณะรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยว จํานวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 และโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย เพื่อสร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการทั้งในและนอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทั้งภาคแรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกว่า 11 ล้านคน 1.โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วงเงินรวม 2,016 ล้านบาท ให้สิทธิ์ 560,000 สิทธิ์ กลุ่มเป้าหมาย 112,000 คน โดย 1 คนจะได้รับสิทธิ์สูงสุดไม่เกิน 5 สิทธิ์ (จากเดิม 10 สิทธิ์) รัฐบาล จะสนับสนุนให้ 40% แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้อง มีคูปอง (E-Voucher) ให้ไม่เกิน 600 บาทต่อวัน ไม่มีการสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินอย่างที่ผ่านมาระยะเวลาดําเนินการ : เดือนกุมภาพันธ์- กันยายน 2566 ผู้รับประโยชน์จากโครงการ : ประชาชนไทยที่เข้าร่วมโครงการและใช้สิทธิ และผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยวที่เข้าร่วมสําหรับผู้เข้าร่วมโครงการครั้งแรกและเคยได้รับสิทธิแล้วจะได้รับสิทธิใหม่จํานวน 5 สิทธิ โดยจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลในส่วนที่รัฐสนับสนุน เช่นเดียวกับโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์โครงการที่มุ่งให้เกิดการใช้จ่ายและการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นการบรรเทาภาระของประชาชน2. โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย จากความสําเร็จของการท่องเที่ยวในปี 2565 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ จํานวนทั้งสิ้น 11.8 ล้านคน ขณะที่การเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยในประเทศอยู่ที่ 189 ล้านคน/ครั้ง สะท้อนสัญญาณบวกของการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยได้เป็นอย่างดี ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงกระตุ้นความต้องการเดินทางของนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ ในปีท่องเที่ยวไทย 2566 หรือ Visit Thailand Year 2023 : Amazing New Chapters เพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางที่มีความหมายและทรงคุณค่าให้กับนักท่องเที่ยว ผ่านการนําเสนอ Soft Power of Thailand คือ 5F ได้แก่ Food Film Fashion Festival Fight โดยวางแผนกระตุ้นตลาดในประเทศ ด้วยแคมเปญสื่อสาร “เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม” พร้อมต่อยอดทิศทางส่งเสริมตลาด 5 ภูมิภาคของประเทศไทย ชูเอกลักษณ์ของแต่ละภูมิภาค โดยเน้นแนวคิด “การท่องเที่ยวไทยเที่ยวได้ทุกวัน” นําเสนอผ่านแคมเปญ “365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย... เที่ยวได้ทุกวัน” เพื่อเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายและเพิ่มวันพักค้างโดยแนวทางการดําเนินกิจกรรมประกอบด้วยการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยจากต่างประเทศ โดยเน้นการนําเสนอ Soft Power ผ่าน Digital Market และกิจกรรมทางการตลาดกระตุ้นท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ (ไทยเที่ยวไทย) ให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวบ่อยครั้งขึ้นการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ เผยแพร่และสร้างกระแสการเดินทางภายในประเทศ ภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand, Amazing New Chaptersการยกระดับคุณภาพสินค้าเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวสําหรับพื้นที่ดําเนินการ คือ จังหวัดทั่วประเทศไทย ระยะเวลาดําเนินการในช่วงเดือน ก.พ. - ก.ย. 2566 ซึ่งเป้าหมายของโครงการเพื่อช่วยผลักดันและสนับสนุนการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามเป้าหมาย 2.38 ล้านล้านบาทอย่างไรก็ตาม การดําเนินโครงการทั้ง 2 โครงการอยู่ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-กันยายน 2566 ซึ่งเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศกาลสงกรานต์ และวันหยุดต่อเนื่องจากนักขัตฤกษ์ในเดือนพฤษภาคม มิถุนายน และสิงหาคม ช่วยกระตุ้นรายได้ให้กับประเทศทําให้ระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อเนื่อง รวมทั้งยังเป็นการช่วงชิงโอกาสในการแข่งขันกับประเทศต่าง ๆ ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่รุนแรงและมาตรการเดินทางระหว่างประเทศไม่มีข้อจํากัดด้วย#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
27/1/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230127121057061
null
นายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดพิจิตร 30 มกราคมนี้
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดพิจิตร ในวันจันทร์ที่ 30 มกราคมนี้ เพื่อติดตามผลการดําเนินงานตามข้อสั่งการ และติดตามความคืบหน้าการดําเนินงานตามนโยบายรัฐบาล โดยช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ําเพื่อความยั่งยืนและเพื่อการเกษตรสมัยใหม่ ณ สันฝายเก่าบึงบอระเพ็ด ตําบลหนองปลิง อําเภอเมืองนครสวรรค์ โดยจะรับฟังบรรยายสรุปแนวทางการบริหารจัดการน้ํา “สี่แควโมเดล” และการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ แนวทางการบริหารจัดการน้ําภายใต้โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการหน่วงน้ําช่วงฤดูน้ําหลากในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง เพื่อการบริหารจัดการน้ําอย่างยั่งยืน ก่อนเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์จากบึงบอระเพ็ดและปลารสเด็ดปากน้ําโพ และพบปะประชาชนได้รับประโยชน์จากการบริหารจัดการน้ําในพื้นที่บึงบอระเพ็ด จากนั้น นายกรัฐมนตรี จะไปติดตามการขับเคลื่อนระบบการบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้าในระดับพื้นที่ ณ วัดดงแม่ศรีเมือง ตําบลตาสัง อําเภอบรรพตพิสัย สักการะหลวงพ่อโต และนมัสการพระครูนิวาสบุญญากร เจ้าอาวาสวัดดงแม่ศรีเมือง ณ วิหารหลวงพ่อโต และรับฟังรายงานสรุปการบริหารจัดการน้ําเพื่อการเกษตร และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ํา “บึงบอน” อําเภอบรรพตพิสัย ก่อนพบปะประชาชนในพื้นที่ และไปตรวจติดตามการพัฒนาความมั่นคงด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ณ โรงพยาบาลบรรพตพิสัยขณะที่ ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี จะไปตรวจเยี่ยมต้นแบบการเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง ณ โรงพยาบาลบึงนาราง จังหวัดพิจิตร โดยจะรับฟังรายงานข้อมูลและปัญหาการรักษาพยาบาลทั่วไป รวมถึงกรณีอุบัติเหตุฉุกเฉินของโรงพยาบาลบึงนาราง พร้อมรับฟังสรุปปัญหาการบริหารจัดการน้ําการเกษตร ในพื้นที่ตําบลแหลมรัง จะกล่าวมอบนโยบายและเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์บึงนาราง จากนั้น จะตรวจเยี่ยมต้นแบบชุมชนคุณธรรม ณ โรงพยาบาลบางมูลนาก ตําบลหอไกร อําเภอบางมูลนาก ตรวจเยี่ยมโครงการพัฒนาบางมูลนากเมืองน่าอยู่ ณ ตลาดฟื้นอดีตบางมูลนาก ซึ่งมีการปรับปรุงจากตลาดร้างสู่แลนด์มาร์คสุดชิคกลางเมืองบางมูลนาก และสักการะองค์เจ้าพ่อแก้ว ณ ศาลเจ้าพ่อแก้ว ซึ่งเป็นศูนย์รวมยึดเหนี่ยวจิตใจชาวบางมูลนาก ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
27/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230127154932178
null
การอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ให้พื้นที่ฝ่ายรัฐบาลชี้แจง
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการวางกรอบการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 15-16 กุมภาพันธ์นี้ ว่า การอภิปรายมาตรา 152 ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากมีการพูดพาดพิงถึงญาตินายกฯ อีกฝ่ายหนึ่งสามารถโต้ตอบได้ ซึ่งมีข้อบังคับคอยควบคุมไว้ จึงต้องระวัง แต่ในมุมหนึ่งฝ่ายรัฐบาลจะได้มีโอกาสชี้แจงบางเรื่อง ให้ประชาชนทั่วประเทศเข้าใจได้ ซึ่งทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านตกลงกันว่าจะอภิปราย 2 วัน รวมเวลา 32 ชั่วโมง ฝ่ายค้าน 24 ชั่วโมง ฝ่ายรัฐบาล 8 ชั่วโมง แต่รัฐมนตรีบางคน อาจจะไม่ชอบใจ เพราะอยากจะพูดมากกว่านั้นต้องไปบริหารจัดการเอง
27/1/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230127151425168
null
เหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรี ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสระบุรี นำเงินและสิ่งของมอบช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย
วันนึ้ ( 1 มีนาคม 2566) นายผล ดําธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี นางวันทนา ดําธรรม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรี และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสระบุรีนําเงินและสิ่งของ มอบให้กับผู้ประสบเหตุอัคคีภัย ที่บ้านเลขที่ 200 ถ.ถวิลวัฒนา (หน้าธนภัทรคอนโด) ต.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ที่เกิดเหตุอัคคีภัย บ้านเรือนราษฎร 2 หลังคาเรือน ลักษณะบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น (ชั้นบนเป็นไม้ ชั้นล่างเป็นปูน) เป็นของ นายสมสมาน สิงห์ประเสริฐ และบ้านปูน 1 ชั้น ของนายเจริญ สิงห์ประเสริฐ มีผู้อาศัยทั้งหมด จํานวน 8 คน โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 23.00 น. มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชาย ชื่อนายเจริญ สิงห์ประเสริฐ อายุ 63 ปี (เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นผู้พิการ สุขภาพไม่แข็งแรง ทําให้มีความเคลื่อนไหวในการเดินช้ากว่าบุคคลปกติ จนทําให้นายเจริญฯ สําลักควันไฟเสียชีวิต) ส่วนสาเหตุ อยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยวันนี้ เหล่ากาชาดจังหวัดสระบุรี และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสระบุรี ได้นําเงินช่วยเหลือ สิ่งของเครื่องใช้อุปโภคและบริโภคนําไปมอบให้กับผู้ประสบภัยเพื่อเป็นขวัญกําลังใจและบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้นสนง.เหล่ากาชาดฯ มอบเงินช่วยเหลือหลังละ 5,000 บาท พร้อมถุงยังชีพ 2 ชุด แม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสระบุรี มอบถุงยังชีพฯ 2 ชุด สนง.ปภ.สระบุรี มอบถุงยังชีพฯ 2 ชุด พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดสระบุรี มอบถุงยังชีพฯ 2 ชุด และเทศบาลเมืองแก่งคอย มอบถุงยังชีพฯ 2 ชุดเครื่องนอน น้ําดื่ม โดยทางเทศบาลเมืองแก่งคอย ผู้นําหมู่บ้านร่วมกับ อปพร. จิตอาสา ได้จัดตั้งตั้งศูนย์พักพิงเป็นการชั่วคราวให้แล้วและจังหวัดสระบุรีจะได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัย ตามระเบียบและหลักเกณฑ์ต่อไป โดยเฉพาะด้านที่อยู่อาศัยและการเยียวยาผู้เสียชีวิตเป็นการเร่งด่วนต่อไป#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
1/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
สระบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230301142737181
null
ไฟฟ้าลัดวงจร ทำไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลัง แถมมีรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายด้วย
เมื่อเวลาประมาณ 13.30 น. วันที่ 1 มี.ค.66 เจ้าหน้าที่ตํารวจ สภ.เมืองระยอง ได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้ ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 7 ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลตําบลเนินพระ นํารถดับเพลิงเดินทางไประงับเหตุ เมื่อไปถึงพบกลุ่มควันสีดําขนาดใหญ่ และเพลิงกําลังลุกไหม้บ้านชั้นเดียว เลขที่ 208/39 หมู่ 7 ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องเร่งระดมกําลังฉีดน้ําดับไฟ โดยใช้เวลาอยู่นานเกือบชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงได้ แต่ก็ทําให้ตัวบ้าน ทรัพย์สินภายในบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีรถยนต์เก๋ง 1 คัน รถกระบะ 1 คัน และรถจักรยานยนต์อีก 1 คัน ถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายไปด้วยสอบถามจากเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง บอกว่า เห็นเปลวไฟลุกไหม้ขึ้นที่บริเวณปั๊มน้ําที่อยู่หลังบ้าน จากนั้นไฟก็ลุกลามเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว และขณะเกิดเหตุเป็นจังหวะไม่มีใครอยู่ในบ้าน ประกอบกับมีลมพัดแรง ทําให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่ากระแสไฟฟ้าลัดวงจร อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตํารวจพิสูจน์หลักฐาน จะได้ตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
1/3/2023
ภาคตะวันออก
ระยอง
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230301155648247
null
จังหวัดสุราษฎร์ธานีประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดสุราษฎร์ธานี ช.ภ.จ.สฎ. ครั้งที่ 3/2566
วันนี้(1มี.ค.66) ที่ห้องประชุมนางยวน ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี มอบหมายให้นายนันธวัช เจริญวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประชุม คณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัดสุราษฎร์ธานี ช.ภ.จ.สฎ. ครั้งที่ 3/2566 พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม เพื่อพิจารณาประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยช้างป่า เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ในพื้นที่หมู่ที่ 3,4,8 ตําบลป่าร่อน อําเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวม 1 ตําบล 3 หมู่บ้าน ส่งผลให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 122 คน 57 ครัวเรือน บาดเจ็บ 1 ราย พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย เป็นพืชไร่ 30 ไร่ สวนปาล์มน้ํามัน ยางพารา ทุเรียน 180 ไร่ และพิจารณาขอรับการสนับสนุนเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ด้านบรรเทาสาธารณภัย ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นค่าซ่อมแซมถนนที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ระหว่างวันที่ 18 ตุลาคม 2565 - 21 ธันวาคม 2565 ตามรายละเอียด ดังนี้ อําเภอท่าฉาง จํานวน 12 โครงการ งบประมาณ 2,449,000 บาท อําเภอวิภาวดี จํานวน 32 โครงการ งบประมาณ 17,547,000 บาท อําเภอไขยา จํานวน 51 โครงการ งบประมาณ 20,202,500 บาท อําเภอท่าชนะ จํานวน 71 โครงการ งบประมาณ 32,288,000 บาท และพิจารณาขอขยายระยะเวลาการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ด้านบรรเทาสาธารณภัย ในพื้นอําเภอท่าชนะ อําเภอไขยา อําเภอท่าฉาง และอําเภอวิภาวดี จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ครั้งที่ ๒) ออกไปอีก 60 วัน ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2566 - 17 พฤษภาคม 2566อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ประชุมมติพิจารณาให้ความเห็นชอบ ดังนี้ ให้สํานักงานเกษตรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ดําเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านพืชกรณีวาตภัย เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 ในพื้นที่ อําเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่เสียหาย 1.75 ไร่ เกษตรกร 5 ราย วงเงินช่วยเหลือ 7,084 บาท โดยใช้จ่ายจากเงินทดรองราชการในอํานาจผู้ว่าราชการจังหวัด ให้สํานักงานประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ดําเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ด้านประมง กรณีอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 - 21 ธันวาคม 2565 ในพื้นที่ อําเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่เสียหาย 4.35 ไร่ เกษตรกร 9 ราย วงเงินช่วยเหลือ 20,366.70 บาท และรับรองความเสียหายของอาคารในความรับผิดชอบของโครงการชลประทานสุราษฎร์ธานี ที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ปี 2565 ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2565- 5 ธันวาคม 2565 ในพื้นที่หมู่ที่ 3 ตําบลป่าเว หมู่ที่ 7 ตําบลปากหมาก อําเภอ ไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี และหมู่ที่ 2 ตําบลสมอทอง อําเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี รวม 4 แห่ง รวมงบประมาณทั้งสิ้น 8,150,000 บาท โดยขอสนับสนุนงบประมาณจากกรมชลประทาน. #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
1/3/2023
ภาคใต้
สุราษฎร์ธานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230301162317270
null
มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทานให้แก่ราษฎรผู้ประสบอัคคีภัย ในพื้นที่อำเภอศรีประจันต์
วันนี้ (1 มี.ค. 66) เวลา 13.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทานให้แก่ราษฎรผู้ประสบอัคคีภัย เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างขวัญและกําลังใจในการต่อสู้ฝ่าฟันให้พ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้ด้วยดี โดย นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ประธานกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ประจําจังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับมอบหมายจากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ให้เป็นประธานในพิธีเชิญสิ่งของพระราชทาน มอบให้แก่ นางสํารวย บุญนาค ราษฎรผู้ประสบอัคคีภัย ณ บ้านเลขที่ 65 หมู่ที่ 6 ตําบลวังยาง อําเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี เกิดเหตุอัคคีภัยเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 02.00 น. โดยลักษณะเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงชั้นเดียว ได้รับความเสียหายทั้งหลัง สาเหตุคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากสายไฟฟ้าภายในบ้านมีอายุการใช้งานเกินกว่า 10 ปีทั้งนี้ ครอบครัวของผู้ประสบอัคคีภัย ต่างรู้สึกปลื้มปีติในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงห่วงใยราษฎรผู้ประสบอัคคีภัย และขอพระราชทานพระราชวโรกาส ถวายสัตย์ปฏิญาณที่จะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ประโยชน์แก่ประเทศชาติ ภายใต้พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม ให้สมกับพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงมีแก่ปวงพสกนิกรตลอดมา#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
1/3/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุพรรณบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230301163930284
null
นายอำเภอโนนสูงลงพื้นที่ตรวจสอบแหล่งน้ำเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง
วันนี้ (1 มีนาคม 2566) เวลา 14.00 น. นายสรวิศ เหล่านิล นายอําเภอโนนสูง พร้อมด้วยปลัดอําเภอฝ่ายความมั่นคง นายกองค์การบริหารส่วนตําบลขามเฒ่า กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน ลงพื้นที่ตรวจสอบแหล่งน้ําเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ณ บ้านหนองพลอง ต.ขามเฒ่า อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
1/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครราชสีมา
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230302221013791
null
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองแก้วเผยไฟป่าบนเทือกเขาบรรทัด ยังไม่กระทบกับสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างป่าที่อาศัยและหากินในพื้นที่
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ําตกคลองแก้วเผยไฟป่าบนเทือกเขาบรรทัด ยังไม่กระทบกับสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างป่าที่อาศัยและหากินในพื้นที่จากเหตุการณ์ไฟป่าเทือกเขาบรรทัด ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2566 บนสันเขาเขตแดนไทย-กัมพูชา และลุกลามเข้าฝั่งไทย ถึงแม้จะมีการสกัดเพลิงแล้วก็ตาม แต่ไฟยังคงลามค่อนข้างเร็ว เจ้าหน้าที่ต้องใช้การเดินเท้าเข้าไปทําแนวกันไฟ เพื่อไม่ให้ไฟขยายพื้นที่ลุกลามมากขึ้นด้าน นายพสวัตน์ โชติพัตวงษ์ชัย น้ําหัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ําตกคลองแก้ว เปิดเผยว่า ไฟป่าบนเทือกเขาบรรทัดยังไม่ส่งผลกระทบกับสัตว์ป่า โดยเฉพาะช้างป่าที่อาศัยและหากินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ําตกคลองแก้วนอกจากนี้ กับระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา ก็มีส่วนสําคัญที่ทําให้การเข้าไปดับไฟป่าบนเขาบรรทัด บ้านทับทิมสยาม 01 (ช่องเจ้าพระยา) ม.7 ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ จ.ตราด ยังทําไม่ได้ เพราะจะเกิดอันตรายกับเจ้าหน้าที่#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
2/3/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สวท.ตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230302154013597
null
กองทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่พรุควนเคร็ง ประสานการปฏิบัติเตรียมพร้อมรับมือไฟป่าและหมอกควันในช่วงฤดูร้อนที่ใกล้มาถึงนี้
ที่ศูนย์บัญชาการกองอํานวยการควบคุมไฟป่าพรุควนเคร็ง สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตําบลการะเกด อําเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช กองทัพภาคที่ 4 โดย กองกิจการพลเรือนกองทัพภาคที่ 4, ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 และ ชุดประเมินสถานการณ์กองพันทหารสารวัตรมณฑลทหารบกที่ 41 ลงพื้นที่ประสานการปฏิบัติเพื่อเตรียมการรณรงค์ป้องกันการควบคุมไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 4 ในห้วงฤดูร้อน และเตรียมการจัดทําแผนการปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพ สามารถรับมือสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงทีโดยการลาดตระเวนในพื้นที่พรุควนเคร็ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เกิดไฟป่าซ้ําซาก พร้อมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นและการช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุ กับสถานีควบคุมไฟป่าพรุควนเคร็ง เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการปฏิบัติต่อภารกิจป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง ได้บูรณาการกับเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.อส.) เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่พรุควนเคร็งด้วยรวยริน ทองชู สวท.นครศรีธรรมราช รายงาน#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
3/3/2023
ภาคใต้
นครศรีธรรมราช
สวท.นครศรีธรรมราช
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230303135052925
null
รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ติดตามสถานการณ์ไฟป่า บนแนวเทือกเขาบรรทัด ด้านอำเภอบ่อไร่ ย้ำเร่งสร้างแนวกันไฟในจุดที่บล็อกการลุกลามของไฟทุกจุด
วันนี้ (3 มี.ค. 66) นายชํานาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด มอบหมายให้นายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในการติดตามสถานการณ์ไฟป่า บนแนวเทือกเขาบรรทัด ด้านอําเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด ที่อาคารศูนย์เรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดิน (ศาลาแดง) หมู่ที่ 7 บ้านทับทิมสยาม 01 ตําบลด่านชุมพล อําเภอบ่อไร่ โดยมีคณะกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดตราด เข้าร่วม ทั้งนี้ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามความคืบหน้าในการขออากาศยานเข้าดับไฟป่า รวมทั้งการรับการสนับสนุนฝนเทียม นอกจากนี้ ยังประสานขอรับกรสนับสนุนชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) กองกับกับการสืบสวนตํารวจภูธรจังหวัดตราด ในการเก็บกู้และรับุจุดที่มีทุ่นระเบิดที่ทับซ้อนกับพื้นที่แรวกันไฟ ที่หน่วยควบคุมไฟป่าอุทยานแห่งชาติน้ําตกคลองแก้วทําไว้ นอกจากนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ยังได้เน้นย้ําให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ระมัดระวังเรื่องความปลอดภัย และความพร้อมของยุทโธปกรณ์ในการเข้าปฏิบัติงานเป็นสําคัญ และขอให้ผู้นําชุมชนเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ดูแลสุขภาวะที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่า และฝุ่นละออง PM2.5 ทั้งนี้ ขอให้หน่วยงานในศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดตราดทั้งหมด เร่งสร้างแนวกันไฟในจุดที่บล็อกการลุกลามของไฟทุกจุดอย่างเต็มความสามารถ ขณะที่สถานการณ์ไฟป่าด้านตําบลนนทรี อําเภอบ่อไร่ กําลังพลกองร้อยทหารพรานนากวิกโยธินที่ 513 (ฐานบ้านมะม่วง) เร่งดําเนินการนํารถแทร็คเตอร์ขยายพื้นที่แนวกันไฟบริเวณโดยรอบฐานบ้านมะม่วง โดยในค่ําวันนี้บริเวณหลังฐานบ้านมะม่วงไฟป่ากําลังลุกลาม ในขณะที่รักาษการนายอําภเอบ่อไร่ได้ขอให้ถฉีดน้ําแรงดันสูงของถฉีดน้ําแรงดันสูงจากที่ตั้ง อบต.ด่านชุมพล จากที่ตั้ง อบต.ด่านชุมพล จํานวน 2 คัน ไปสมทบกับรถดับเพลิงของเทศบาลตําบลบ่อพลอยและ อบต.บ่อพลอย ในการรักษาพื้นที่ฐานบ้านมะม่วง ในส่วนของชุดเฝ้าระวังพื้นที่สถานการณ์ไฟป่า ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 1 (ชค.ทพ.นย.1) ฯ (ช่องทางเจ้าพระยา) ตําบลด่านชุมพล อําเภอบ่อไร่ สถานการในวันนี้ ได้นํากําลังพลจํานวน 2 ชุดปฏิบัติการและรถบรรทุกน้ําและรถฉีดน้ําแรงดันสูงจากศูนย์ป้องกันสาธารณภัย(ปภ.) รวมถึง ได้จัดเจ้าหน้าที่ใช้อากาศยานไร้คนขับ(โดรน) เข้าดับไฟป่าบริเวณพิกัดTU 518821 ที่ยังคงลุกไหม้อย่างต่อเนื่องและ ตัดกิ่งไม้บริเวณแนวกันไฟสูงเพื่อให้รถน้ําเข้าได้ถึง บริเวณไฟป่าที่คุกรุ่น ยังไม่ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
3/3/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230303195406110
null
ไฟป่าในพื้นที่อำเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด พบพื้นที่ป่าเสียหายไปแล้วประมาณ 1,800 ไร่
วันนี้ (4 มี.ค.66) คณะกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดตราด ประชุมบัญชาการเหตุการณ์จังหวัดตราด (ไฟป่า) ที่อาคารศูนย์เรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดิน (ศาลาแดง) หมู่ที่ 7 บ้านทับทิมสยาม 01 ตําบลด่านชุมพล อําเภอบ่อไร่ เพื่อสรุปสถานการณ์ไฟป่าในรอบวันและวางแผนปฏิบัติงาน โดยข้อสรุป บริเวณจุดบ้านมะม่วง/เนิน 400 อยู่ในระยะเฝ้าระวัง โดยวันนี้ได้มีการสนธิกําลังของชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 1 อุทยานแห่งชาติน้ําตกคลองแก้ว สถานีควบคุมไฟน้ําตกคคลองแก้ว และชุดจิตอาสา รวม 46 นาย ออกลาดตะเวนทางเรือ และทางเท้าพื้นที่สํารวจแนวไฟป่า พิกัด TU 4484 เป็นแนวป่ากล้วยและป่าไผ่จํานวนมากซึ่งเป็นเชื้อไฟได้เป็นอย่างดี ชุดดับไฟได้ช่วยกันดับไฟ และทําแนวกันไฟไว้ เพื่อไม่ให้ไฟลุกลามได้รวดเร็ว และช่วยกันดับไฟ ด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือที่มีอยู่ แต่ยังไม่สามารถควบคุมไฟพื้นที่ดังกล่าวได้ นอกจากนี้กําลังพล กองร้อยทหารพรานนาวิกโยธินที่ 514 (ฐานทับทิมสยาม)โดยฐานปฏิบัติการแยกที่ 2 (กระดูกช้าง) ทําการลาดตะเวน ตรวจสอบพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้บริเวณพิกัด TU 530799 พบว่าเปลวไฟได้สงบลงแล้วเหลือแต่ไหม้ตอเป็นจุดๆ ไม่มีผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชน ทั้งนี้ได้มีการจัดชุดลาดตระเวนจักรยานยนต์ บริเวณแนวกันไฟอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไฟป่าลามข้ามเขตแนวกันไฟ ในขณะที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) กองกับกับการสืบสวนตํารวจภูธรจังหวัดตราด ได้เข้าปฏิบัติการพื้นที่ภาคสนาม เพื่อสร้างพื้นที่จุดกลับรถสําหรับรถดับเพลิงขนาดใหญ่ให้เข้าไปประจําการยังจุดสําคัญของแนวกันไฟบริเวณเนินกระดูกช้างสําหรับความเสียหายของพื้นที่ป่าไม้ ที่เกิดจากไฟป่า ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2566 พบความเสียหายประมาณ 1,800 ไร่ และมีอัตราเฉลี่ยความเสียหายของป่าไม้ที่เกิดจากไฟป่าครั้งนี้ประมาณวันละ 200 ไร่#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
4/3/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230304173630312
null
ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กำชับทุกอำเภอติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง กำหนดสีพื้นที่เสี่ยงเพื่อวางแผนช่วยเหลือประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
นายเสถียร เจริญเหรียญ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้ในพื้นที่ จ.ประจวบฯ จะยังไม่มีวิกฤตปัญหาภัยแล้งรุนแรงแต่ทางจังหวัดได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์อย่างเต็มที่ โดยกําชับให้นายอําเภอทุกอําเภอติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด สํารวจพื้นที่ตําบลหมู่บ้านที่มีความเสี่ยงต่อปัญหาการขาดแคลนน้ําแล้วกําหนดเป็นพื้นที่สีแดง สีเหลือง สีเขียว เพื่อให้การวางแผนช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยปัจจุบันพบว่าบางพื้นที่เริ่มประสบปัญหาการขาดแคลนน้ําบ้างแล้ว เช่น ที่ ต.เขาล้าน อ.ทับสะแก ซึ่งได้มีการนําน้ําสะอาดไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในภาชนะกักเก็บน้ําของครัวเรือนและจะให้ความช่วยเหลือไปจนกว่าจะสิ้นสุดช่วงหน้าแล้ง โดยประชาชนที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ําสามารถแจ้งได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
4/3/2023
ภาคตะวันตก
ประจวบคีรีขันธ์
สวท.ประจวบคีรีขันธ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230304093405204
null
ตราดพบแนวไฟป่าเทือกเขาบรรทัดกำลังลุกลาม ไฟล้อมกองร้อยทหารพราน รองผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ย้ำเร่งสร้างแนวกันไฟในจุดที่บล็อกการลุกลามของไฟทุกจุด
วันนี้ (4 มี.ค.66) เวลา 06.00 น. ทหารกองร้อยทหารพรานนาวิกโยธิน 513 (ฐานบ้านมะม่วง) ใช้ Drone บินตรวจสอบไฟป่าทางด้านทิศตะวันออกห่างจากกองร้อยประมาณ 1.5 กม. พบกลุ่มควันไฟกําลังลุกไหม้ 2 จุด ส่วนกลุ่มควันไฟทางด้านทิศใต้มองเห็นมีลักษณะเบาบาง ห่างจากกองร้อยประมาณ 3 กม.ส่วนเมื่อคืนพบแนวไฟป่ากําลังลุกลาม ทางด้านทิศตะวันออกของกองร้อย ซึ่งกลุ่มไฟได้ขยายเป็นวงกว้างทิศทางมีแนวโน้มจะเข้ามาทางกองร้อย เจ้าหน้าที่จึงนํารถน้ําดับเพลิงฉีดน้ําบริเวณรอบๆกองร้อยให้มีความชื้นเป็นแนวป้องกันไฟลุกลามเข้าฐาน กระทั่งเวลา 23.00 น. กลุ่มไฟที่ลุกไหม้ได้ค่อยๆ เปลี่ยนทิศทางไปทางทิศใต้ และเบาบางลง ซึ่งสภาพอากาศช่วงนั้นมีความชื้น ส่วนเส้นทางเจ้าพระยา กลุ่มไฟยังไม่กระจายอยู่บริเวณใกล้กันจํานวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถน้ําเปิดพื้นที่เพื่อทําเป็นแนวกันไฟ ไม่ให้ลุกลามมากขึ้น และได้จัด จนท.ยามเฝ้าระวังไฟตลอดเวลา #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
4/3/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สวท.ตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230304101918211
null
งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ได้เกิดเหตุอัคคีภัยพื้นที่ อำนาจเจริญ
วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 10.10 น. ได้รับรายงานจากงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองอํานาจเจริญ ได้เกิดเหตุอัคคีภัยทําให้บ้านเรือนภายในชุมชนพุทธอุทยาน เทศบาลเมืองอํานาจเจริญได้นํารถน้ําดับเพลิง จํานวน 2 คัน เข้าระงับเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้เข้าระงับเหตุโดยใช้หัวฉีดจํานวน 2 หัวควบคุมเพลิงสงบเมื่อเวลา 10.40 น. ผู้ประสบภัย จํานวน 1 ราย คือ นางสุพัฒน์ แสงบุญ บ้านเลขที่ 291 หมู่ 8 ตําบลบุ่ง อําเภอเมืองอํานาจเจริญ จังหวัดอํานาจเจริญ บ้านเรือนเสียหายบางส่วน ในที่เกิดเหตุไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ทุกนายปลอดภัยสําหรับสาเหตุการเกิดเหตุอยู่ระหว่างการตรวจสอบในเบื้องต้นสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอํานาจเจริญ ประสานเทศบาลเมืองอํานาจเจริญ เร่งดําเนินการสํารวจความเสียหายและดําเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบฯ ต่อไป#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
4/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สวท.อำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230304214510339
null
จังหวัดอำนาจเจริญเร่งสำรวจพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชน พื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค
นางขนิษฐา แห่งธรรม หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอํานาจเจริญ เปิดเผยว่า ขณะนี้จังหวัดอํานาจเจริญได้เร่งสํารวจพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ําเพื่อการอุปโภค บริโภค เพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 2566 พร้อมประสานโครงการชลประทานอํานาจเจริญ ในการให้ความช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ซึ่งได้ทําการแก้ใขปัญหาไปแล้วจํานวน 3 ชุมชน ได้แก่ 1. ชุมชนนาหมอม้า อําเภอเมืองอํานาจเจริญ สูบจากลําเซบายมายังสระน้ําป่าดงเย็น ระยะทางประมาณ 1,800 เมตร 2. ชุมชนนาเมือง ตําบลกุดปลาดุก อําเภอเมืองอํานาจเจริญ สูบจากลําเซบายมายังสระน้ําหนองอีทอง ระยะทางประมาณ 2,500 เมตร 3. ชุมชนโคกกอก ตําบลนาผือ อําเภอเมืองอํานาจเจริญ สูบจากลําห้วยละโองมายังสระน้ําปู่ตา ระยะทางประมาณ 3,000 เมตรทั้งนี้ เพื่อเป็นแหล่งน้ําดิบผลิตประปาบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน โดยจะเน้นให้ความสําคัญกับน้ําเพื่อการอุปโภคบริโภคก่อนเป็นลําดับแรก และจะยังคงให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ที่ประสบปัญหาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะสิ้นสุดหน้าแล้ง#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
5/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำนาจเจริญ
สวท.อำนาจเจริญ
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230305100532371
null
ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร ย้ำให้ทุกหน่วยงานวางแผนรับมือภัยแล้ง พร้อมให้การช่วยเหลือประชาชน
นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวในโอกาสการประชุมคณะกรรมการกองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมุกตาหาร ว่า จากสถานการณ์ที่น้ําในอ่างเก็บน้ําต่าง ๆ 21 แห่ง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ โครงการชลประทานมุกดาหาร ปีนี้มีปริมาณน้ําโดยเฉลี่ย ร้อยละ 57 ของความจุอ่างทั้งหมด 103 ล้านลูกบาศก์เมตร มากกว่าปีที่ผ่านมาในช่วงเดียวกัน ประมาณ 1.8 ล้านลูกบาศก์เมตร ลักษณะเช่นนี้มีแนวโน้มว่าจะเกิดสถานการณ์ภัยขึ้นได้ จึงได้สั่งการ ให้อําเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะโครงการชลประทานจังหวัดมุกดาหาร ต้องบริหารจัดการน้ําให้เพียงพอ โดยเฉพาะน้ําอุปโภค บริโภค ส่วนนอกเขตพื้นที่โครงการชลประทาน ได้สั่งการให้อําเภอ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน สํารวจแหล่งน้ําและลําห้วย เพื่อผันน้ํา จากลําห้วยไปกักเก็บไว้ที่อ่างเก็บน้ํา หรือแหล่งน้ําในพื้นที่ และสร้างฝายชะลอน้ํา อย่างน้อย หมู่บ้านละ 1 แห่ง เพื่อกักเก็บน้ําไว้ใช้ในฤดูแล้ง ก่อนน้ําในลําห้วยจะหมดไป โดยเริ่มตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากหมู่บ้านใดไม่มีลําห้วย ไม่มีแหล่งน้ํา ให้จัดหาถังน้ํากลางหมู่บ้านและเติมน้ําให้ประชาชนใช้ร่วมกัน และขอเตือนภัยจากเหตุไฟไหม้ เพราะช่วงนี้อากาศแห้งและมีลมแรง ถ้าเกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นมาไฟจะลุกลามเร็วมาก จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปดําเนินการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที รวมไปถึงการควบคุมฝุ่นละลองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ ที่เกิดจากการเผาวัชพืชทางการเกษตร หรือเผาป่าเพื่อล่าสัตว์ ขอให้หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมในการรณรงค์ประชาชนงดการเผาทุกประเภท เพื่อลดปริมาณฝุ่นละลองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ให้ได้สนิท ทองจํารัส สวท.มุกดาหาร รายงาน#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
5/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มุกดาหาร
สวท.มุกดาหาร
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230305154529435
null
กองทัพเรือสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ Sea Hawk เข้าปฏิบัติการดับไฟป่าบนเขาบรรทัด ชายแดนจังหวัดตราด
(5 มี.ค. 66) นายชํานาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวต้อนรับ พล.ร.ต.เทอดเกียรติ จิตต์แก้ว รองผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด พร้อมคณะนักบิน Sea Hawk (ฮ.ปด.1) สังกัดฝูงบิน 2 หน่วยบิน เรือหลวงจักรีนฤเบศ กองทัพเรือ ในการหารือร่วมแจ้งพิกัดก่อนเข้าปฏิบัติการดับไฟป่า บนแนวเขาบรรทัด ด้านอําเภอบ่อไร่จังหวัดตราด โดยมีคณะกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดตราด (ไฟป่า) เข้าร่วม โดยการปฏิบัติการดับไฟป่าบนแนวเขาบรรทัด ชายแดน ไทย – กัมพูชา ด้านจังหวัดตราด ในครั้งนี้ทางจังหวัดตราดได้ประสาน ผ่านศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ในการขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ ในการปฏิบัติการดับไฟป่า ด้านอําเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด หลังจากพบปัญหามาตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีอุปสรรคในการดับไฟป่า เนื่องจากตลอดแนวเขาบรรทัดยังมีทุ่นระเบิดที่ยังไม่ได้รับการเก็บกู้อยู่จํานวนมากจึงไม่สามารถใช้วิธิเดินเท้าเข้าไปดับไฟป่า ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า สถานการณ์ไฟป่าในวันนี้มีกลุ่มไฟป่าจํานวน 3 จุด คือ กลุ่มไฟป่าด้านบ้านมะม่วง ตําบลนนทรี มีทิศทางของไฟมุ่งหน้ามาทางตําบลด่านชุมพล กลุ่มที่สองบริเวณช่องเจ้าพระยา ในตําบลด่านชุมพล และกลุ่มที่ 3 บริเวณเนินกระดูกช้าง ในตําบลด่านชุมพล ซึ่งชุดปฏิบัติการได้เร่งดําเนินการทําแนวกันไฟเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟลามไปยังพื้นที่ตําบลตะกาง และตําบลท่ากุ่ม เขตอําเภอเมือง ดังนั้นปฏิบัติการเฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่าในวันแรกจึงมีเป้าหมายดับไฟป่าบริเวณช่องเจ้าพระยา และบริเวณเนินกระดูกช้างโดยใช้ถุงบรรจุน้ําขนาดความจุ 1,500 ลิตร ที่ติดตั้งใต้ตัวเครื่องเฮลิคอปเตอร์ ตักน้ําจากอ่างเก็บน้ําคลองหลอดสอง เข้าปฏิบัติการดับไฟป่า เพื่อมิให้ไฟป่าเข้ามาในเขตอําเภอเมืองตราด พล.ร.ต.เทอดเกียรติ จิตต์แก้ว รองผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กล่าวว่า กองทัพเรือได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาไฟป่า โดยได้มีการสนับสนุนกําลังพลสนับสนุนการดับไฟป่าในภาคพื้นตั้งแต่เริ่มเกิดสถานการณ์ แต่เนื่องจากยังมีพื้นที่ที่มีความเสี่ยงจากปัญหาทุ่นระเบิด จึงได้ขอรับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ สนับสนุนปฏิบัติการดับไฟป่าในครั้งนี้ #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
5/3/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230305195512482
null
จ.ประจวบฯ จัดชุดปฏิบัติการลาดตระเวนดับไฟป่า พร้อมสร้างการมีส่วนร่วมภาคประชาชนในการเฝ้าระวังปัญหามลพิษฝุ่นละออง PM 2.5
นายเดชา เรืองอ่อน หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เฝ้าระวังสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างใกล้ชิด โดยมีคณะทํางานติดตามการวัดระดับค่าฝุ่น PM2.5 ประจําวัน ยังไม่พบปัญหาเกินค่ามาตรฐานจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดชุดปฏิบัติการลาดตระเวนดับไฟป่า สร้างเครือข่ายอาสาสมัครประจําหมู่บ้าน ตําบล และอําเภอ เฝ้าระวังการเกิดไฟป่า การเผาในที่โล่งแจ้งและพื้นที่การเกษตร รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาของการเกิดมลพิษฝุ่นละอองจากการเผาในที่โล่งแจ้ง ส่งเสริมให้เกษตรกรไถกลบตอซัง แปรรูปเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร การตรวจจับรถปล่อยควันดํา การตรวจควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมไม่ให้ปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการฉีดล้างทําความสะอาดถนนและพื้นที่สาธารณะเพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองในอากาศ ซึ่งจะดําเนินการอย่างต่อเนื่องในช่วงที่สภาพอากาศแห้งเข้าสู่หน้าแล้ง#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/3/2023
ภาคตะวันตก
ประจวบคีรีขันธ์
สวท.ประจวบคีรีขันธ์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230306174104635
null
ผวจ.ปราจีนบุรี บัญชาการเร่งรัดการแก้ไขปัญหาไฟป่าพร้อมตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ปฏิบัตืงานดับไฟป่าบริเวณเขาอีโต้ ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี
ตามที่เมื่อวันที่ 3 มีค 66 เวลา 18.28 น. สนง.ปภ.จ.ปราจีนบุรี ได้รับรายงานจาก อบต.เนินหอม ว่าเกิดไฟป่าลุกไหม้บริเวณสันเขาอีโต้ ด้านหลังสวนสยามดาษดา ตําบลเนินหอม อําเภอ เมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี นั้น วันที่? 6? มีค? 66? เวลา? 13.30? น.? นายรณรงค์? นครจินดา? ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี? ตรวจเยี่ยมให้กําลังใจผู้ปฏิบัติงานดับไฟป่า? ณ? เขาอีโต้? ต.เนินหอม? อ.เมือง?ปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี? โดยมีนายเทียนชัย? ตรีชิต? ผอ.สํานักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่? 9? สาขาปราจีนบุรี? นางมาละนี จินดาืรัตน์? หน.สนง.ปภ.จ.ปราจีนบุรี นายวิธรัช? รามัญ นายอําเภอเมืองปราจีนบุรี? ผู้แทน? มทบ? 12? ผู้แทน? กองพลทหารราบที่? 2? รักษาพระองค์? ผู้แทน? กอ.รมน.จว.ปจ? รอง นายก อบต เนินหอม ให้การต้อนรับ? บรรยายสรุปผลการปฏิบัติงานในการดับไฟป่า? โดยมีหน่วยงาน เข้าดับไฟป่า จํานวน 150 คน จากหน่วยงานต่างๆ ดังนี้ 1. ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าปราจีนบุรี จัดชุดปฎิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟ 2. หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ปจ 1 เขาอีโต้ เจ้าหน้าที่ 3. เทศบาลนาบ้านปรือ รถดับเพลิง 2 คัน ฉีดน้ําดับไฟบริเวณสวนสยามดาษดา 4. อบต.เนินหอม ประสานงาน สนับสนุนการปฏิบัติในการดับไฟป่า 5. กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร2พัน3รอ) 6. มณฑลทหารบกที่ 12 จัดทหารจากกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย 7. เครือข่ายไฟป่าและเครือข่ายราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า 8. สํานักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่? 9? สาขาปราจีนบุรี 9.อําเภอเมืองปราจีนบุรี 10.สนง.ปภ.จ.ปราจีนบุรี 11.? อบต.บ้านพระ? รถดับเพลิง? 1? คัน? 12. อบต.ดงขี้เหล็ก? รถดับเพลิง? 1 คัน 13.? อบต.ไม้เค็ด? รถดับเพลิง? 1? คัน 14. ร2 พัน1? รอ? รถบรรทุกน้ํา? 1? คัน 15. เครือข่ายความร่วมมือควบคุมไฟป่าบ้านหัวเขา? บ้านหนองจอก? 16.? หน่วยป้องกันรักษาป่า? ที่? ปจ? 5? ทุ่งโพธิ์ 17.? หน่วยป้องกันรักษาป่าที่? ปจ? 4? เขาฉกรรจ์ 18. หน่วยป้องกันรักษาป่าที่? ศก? 1? บ้านแก้ง 19.หน่วยป้องกันรักษาป่า? ฉช? นายาว 20. หน่วยป้องกันรักษาป่าที่? ศก? ท่าเต๊นท์ 21.? หน่วยป้องกันรักษาป่าที่? ปจ1? เขาอีโต้? และชุดปฏิบัติการพิเศษ 22.? หน่วยป้องกันรักษาป่า? ฉช? หนองคอก เจ้าหน้าที่ได้เร่งดับไฟป่าและจัดทําแนวกันไฟ จํานวน? 3? จุด? ดังนี้ 1.? บริเวณทิศเหนือเขาอีโต้? 2.? บริเวณทิศใต้ระหว่างเนินพิศวงลงมาถึงพระใหญ่ 3.? บริเวณทางไปน้ําตกเขาอีโต้? (บ้าน? 3? หลัง)? ผลการปฏิบัติ?งาน 1.? เวลา? 11.00? น.? สามารถดับไฟป่าจุดที่? 3?(บ้าน7หลัง)? ได้ 2.? เวลา? 15.30? น.? สามารถดับไฟป่าจุดที่? 1? และจุดที่? 2? ได้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงทําการดับไฟป่าและจัดทําแนวกันไฟ? เพิ่มเติม และยังคงมีกลุ่มควันหลงเหลืออยู่ จึงจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตุการณ์?ตลอด? 24? ชั่วโมง จากการตรวจสอบพื้นที่? โดยใช้โดรนบินสํารวจ? ปรากฏว่ามีพื้นที่ป่าได้รับความเสียหายประมาณ? 1200? ไร่? ผลความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป #กอ.ปภ.จ.ปราจีนบุรี/6 มีค 66/ เวลา 16.30 น. #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
กรุงเทพมหานคร
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปราจีนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230306183736639
null
กรมอุทยานฯ เปิดปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี
อธิบดีกรมอุทยานฯ นําเฮลิคอปเตอร์ 2 ลํา เปิดปฏิบัติการ ฮ.ดับไฟป่า เร่งดับไฟในผืนป่าตะวันตกทันทีหลังพบค่าฝุ่นสูงขึ้น พร้อมวอนให้งดเผาป่า หากพบแจ้งเบาะแสนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ ถึงสนามกองบังคับการตํารวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อติดตามสถานการณ์ไฟป่า ร่วมวางแผนส่งอากาศยาน (เฮลิคอปเตอร์) และกําลังพลเจ้าหน้าที่ป่าไม้เร่งดับไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี โดยมี นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อํานวยการสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 พร้อมด้วยผู้บริหาร ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ รายงานสถานการณ์ไฟป่าและร่วมหารือเพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่ป่าตะวันตกจังหวัดกาญจนบุรีจากนั้น รักษาการอธิบดีกรมอุทยานฯ ลงพื้นที่พร้อมเจ้าหน้าที่ภาคสนามร่วมปฏิบัติการดับไฟป่าในผืนป่าตะวันตกด้วยตนเอง โดยกําหนดแผนการบินให้นําเฮลิคอปเตอร์ ของกระทรวงทรัพยากรฯ ขนน้ําและลําเลียงน้ําไปดับไฟป่าในพื้นที่ โดยเริ่มปฏิบัติการจุดแรกทันทีในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ในจุดความร้อนสะสม(หรือ ฮอทพอท -Hotspot) ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์และอุทยานแห่งชาติไทรโยค ซึ่งเฮลิคอปเตอร์สามารถทิ้งน้ํา เพื่อลดความรุนแรงและอัตราการลุกไหม้ของไฟ ก่อนที่กําลังพลภาคพื้นดินจะเข้าดับไฟทางตรง เพื่อให้การดับไฟป่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามนโยบายของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ต่อไปรักษาการอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่า และฝุ่นละออง PM 2.5 เพิ่มขึ้นในอากาศ ลดผลกระทบต่อสุขภาพ จึงขอความร่วมมือให้เลิกจุดไฟเผาป่า เผาหญ้า เพราะทําให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน และอาจได้รับอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน และช่วยแจ้งเบาะแสเมื่อพบเห็นคนจุดไฟเผาป่า แจ้งทางสายด่วน 1362 กรมอุทยานฯ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยกรมอุทยานจะตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่า (หรือวอร์รูม) ที่มีการรับข้อมูลจากชุดปฏิบัติการทั้งภาคพื้นที่ดิน และภาคสนามแบบเรียลไทม์ 24 ชม. เพื่อเร่งแก้ปัญหาไฟป่าอย่างต่อเนื่อง CG: อรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/3/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สทท.กาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230306190230640
null
กรมอุทยานฯ ระดมทีมวางแผนส่งอากาศยานและกำลังพลเข้าพื้นที่ดับไฟป่าในจุด Hotspot พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์และอุทยานแห่งชาติไทรโยค กาญจนบุรี
ที่กองบังคับการตํารวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมด้วย นายอนันต์ โพธิ์พันธุ์ ผู้อํานวยการสํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3, นายชัชวาล ศิริสมบัติ ผู้อํานวยการส่วนควบคุมและปฏิบัติการไฟป่า นายสันติ ศิริเลิศ ผอ.ส่วนป้องกันฯ, นายชัยวุฒิ อารีย์ชน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ นายสุพล คําเสนาะ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค, นายประวัตร พวงทอง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ และคณะเจ้าหน้าที่ สบอ.3 (บ้านโป่ง) วางแผนส่งอากาศยาน(เฮลิคอปเตอร์) และกําลังพลเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เพื่อเข้าดับไฟป่าในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี โดยให้นํา เฮลิคอปเตอร์ ของกระทรวงทรัพยากรฯ เพื่อขนน้ํา นําไปดับไฟป่าในพื้นที่ โดยวางแผนให้ดับไฟป่าในจุด Hotspot ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์และอุทยานแห่งชาติไทรโยค ซึ่งเฮลิคอปเตอร์สามารถทิ้งน้ํา เพื่อลดความรุนแรงและอัตราการลุกไหม้ของไฟ ก่อนที่กําลังพลภาคพื้นดินจะเข้าดับไฟทางตรง เพื่อให้การดับไฟป่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามนโยบายของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ต่อไป โดยนายอรรถพลฯ ได้กล่าวว่า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่า และฝุ่นละออง PM 2.5 เพิ่มขึ้นในอากาศ ลดผลกระทบต่อสุขภาพของทุกคน จึงขอความร่วมมือทุกคนให้ช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสคนจุดไฟเผา และขอให้มือเผา เลิกพฤติกรรมจุดไฟเผาป่าเผาหญ้า เพราะทําให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน และอาจได้รับอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยพบเห็นไฟป่าโปรดแจ้งสายด่วน 1362 กรมอุทยานฯ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากนั้น นายอรรถพลฯ ได้เดินทางขึ้นเฮลิคอปเตอร์เพื่อบินตรวจสอบสภาพพื้นที่ไฟป่า ของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์และอุทยานแห่งชาติไทรโยค ตามแผนปฏิบัติการดับไฟป่าต่อไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/3/2023
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี
สวท.กาญจนบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230306191709646
null
รองผู้ว่าฯ นครพนม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การควบคุมไฟที่ไหม้บ่อขยะของเทศบาลตำบลเรณูนคร
วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม 2566 เวลา 18.30 น. ที่บ่อขยะของเทศบาลตําบลเรณูนคร บ้านหนองแซง หมู่ที่ 8 ตําบลโคกหินแฮ่ อําเภอเรณูนคร นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ลงพื้นที่เยี่ยมให้กําลังใจ รับฟังสถานการณ์และแผนการปฏิบัติในการควบคุมไฟที่ไหม้บ่อขยะของเทศบาลตําบลเรณูนคร เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ มีพื้นที่กองขยะที่ยังลุกไหม้อยู่ด้านล่าง ประมาณ 10% โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 7 สกลนคร ได้สนับสนุนรถไฟฟ้าส่องสว่าง จํานวน 1 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ควบคุม รถขุดตักไฮดรอลิค จํานวน 4 คัน จากพื้นที่ข้างเคียง และ รถดับเพลิง จํานวน 8 คัน รถบรรทุกน้ํา 19 คัน กําลังพล 30 นายจากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้บ่อขยะของเทศบาลตําบลเรณูนคร เมื่อช่วงค่ําของวันที่ 3 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 19.00 น. ในพื้นที่ หมู่ 8 บ้านหนองแซง ตําบลโคกหินแฮ่ อําเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ซึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ฯ ลุกลามเป็นวงกว้างเนื้อที่ประมาณ 14 ไร่ นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ได้เข้าตรวจสอบ สํารวจความเสียหายและสนับสนุนเครื่องจักรกลเพื่อเข้าเผชิญเหตุ ซึ่งประกอบด้วย ที่ทําการปกครองอําเภอเรณูนคร สํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม โดยหน่วยงานที่สนับสนุนเครื่องจักรกลเพื่อเข้าเผชิญเหตุ ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครนม สนับสนุนชุดแขนยาว จํานวน 1 คัน การสนับสนุนรถดับเพลิงจาก อปท. ในพื้นที่ และ อปท. พื้นที่ใกล้เคียง จํานวน 8 คัน ประกอบด้วย เทศบาลตําบลเรณูนคร องค์การบริหารส่วนตําบลโคกหินแฮ่ องค์การบริหารส่วนตําบลโพนทอง องค์การบริหารส่วนตําบลเรญ องค์การบริหารส่วนตําบลนางาม องค์การบริหารส่วนตําบลนาขาม องค์การบริหารส่วนตําบลท่าลาด และองค์การบริหารส่วนตําบลเรณูใต้ ในขณะนี้สามารถควบคุมเหตุเพลิงไหม้ไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ป่าข้างเคียงได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว โดยจังหวัดนครพนม ได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องดําเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากพบผู้กระทําผิดหรือฝ่าฝืนจักได้ดําเนินการตามกฎหมายต่อไป #สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
6/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นครพนม
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230306204207656
null
ผู้ว่าฯ พิษณุโลก ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ติดตามสถานการณ์ไฟป่า พร้อมสั่งการโปรยน้ำดับไฟในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
วันที่ 7 มีนาคม 2566 นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของศูนย์อํานวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภาค 3 ขึ้นบินตรวจสอบติดตามสถานการณ์ไฟไหม้ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงด้านทิศตะวันออกบ้านป่ามะกรูด หมู่ 11 ตําบลวังนกแอ่น และอําเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลกนายภูสิต สมจิตต์ เปิดเผยว่า ในพื้นที่ดังกล่าวเกิดไฟไหม้ป่ามาตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2566 ขณะนี้ไฟกําลังลุกไหม้รุนแรงขยายไปทางด้านทิศตะวันออกและทิศเหนือตามสันเขาซึ่งเป็นพื้นที่สูงชัน ซึ่งกําลังภาคพื้นดินได้ผนึกกําลังร่วมกับหน่วยทหารฯ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เข้าควบคุมสถานการณ์ แต่ยังไม่สามารถเดินทางเข้าไปดับไฟป่าได้ ทําให้ต้องขอสนับสนุนอากาศยานเข้าดับไฟป่า เพื่อควบคุมพื้นที่โดยเร็วที่สุดจังหวัดพิษณุโลกได้ขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์แบบ KA-32 ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับกองทัพบก ภายใต้ศูนย์ บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ศูนย์อํานวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภาค 3 จํานวน 2 ลํา ขึ้นบินไปดูดน้ําจากอ่างน้ําแก่งหว้า-แก่งไฮ อําเภอนครไทย ซึ่งเป็นพื้นที่ใกล้กัน ก่อนจะนําไปโปรยในพื้นที่ที่เกิดไฟป่า และยังคงปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง จนกว่าไฟไหม้ป่าจะสงบลง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND#สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลก
7/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
พิษณุโลก
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพิษณุโลก
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230307132006814
null
ปภ.ชัยนาท เผยมาตรการป้องกันและเผชิญเหตุอัคคีภัยในชุมชน
นายคํารณ อิ่มเนย รักษาราชการแทนหัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท เปิดเผยว่า การเกิดอัคคีภัยในระดับพื้น พบว่าสถิติการเกิดอัคคีภัยมักจะเกิดในช่วงฤดูหนาวต่อเนื่อง ไปถึงฤดูร้อน (ตั้งแต่เดือนธันวาคม – เดือนเมษายน) ซึ่งเป็นช่วงที่มักจะมีสภาพอากาศแห้งแล้งและร้อนจัด ประกอบกับเป็นช่วงในการจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลองในเทศกาลต่างๆ ของประชาชน โดยมักจะเกิดเหตุอัคคีภัยและอุบัติภัยอยู่บ่อยครั้งสร้างผลกระทบด้านการดํารงชีพต่อประชาชนในพื้นที่ จังหวัดชัยนาทจึงขอให้ส่วนราชการ อําเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดําเนินการดังนี้1.สํารวจตรวจสอบอาคาร สํานักงาน หรือสถานที่ปฏิบัติงานให้มีความปลอดภัยจากอัคคีภัยอยู่เสมอ 2.ประชาสัมพันธ์รณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและป้องกันและระงับอัคคีภัยเบื้องต้นภายในบ้าน/ชุมชน อาทิ ตรวจสอบเครื่องไฟฟ้าทุกครั้งหลังการใช้งาน การระมัดระวังเมื่อประกอบกิจกรรมที่เกี่ยวกับไฟ เป็นต้น รวมทั้งสร้างการรับรู้ให้ประชาชนทราบถึงช่องทางการแจ้งเหตุ และการขอรับความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ ระเบียบ กฎหมาย มาตรการในการป้องกันและระงับอัคคีภัยตลอดจนแนวทางการปฏิบัติตนให้เกิดความปลอดภัยเมื่อเกิดอัคคีภัย3.สํารวจพื้นที่และกําหนดมาตรการลดความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัยที่อยู่ในความรับผิดชอบ เช่น สถานที่เก็บวัตถุไวไฟ สารเคมี อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความร้อนสูง พื้นที่ป่าชุมชน พื้นที่ป่าสาธารณะ หรือพื้นที่ที่มีวัชพืชแห้งตาย รวมทั้งพื้นที่ที่มีการเก็บสํารองวัสดุประเภทฟางอัดก้อนเป็นจํานวนมาก จะต้องมีความปลอดภัย โดยห่างจากชุมชน หากพื้นที่ดังกล่าวเป็นของส่วนบุคคลต้องมีการควบคุมและจัดการอย่างเข้มงวดตามกฎหมาย4.มอบหมายหรือแต่งตั้งผู้รับผิดชอบในการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนกรณีเกิดอัคคีภัยในพื้นที่5.สํารวจแหล่งน้ํา และติดตั้งอุปกรณ์ประปาสําหรับเติมน้ํารถบรรทุกน้ําดับเพลิง พร้อมทั้งติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงเส้นทางการปฏิบัติงานของรถดับเพลิงเพื่อให้เกิดความปลอดภัยรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์6.ติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงเบื้องต้น เช่น ถังดับเพลิง หัวจ่ายน้ําดับเพลิง หรืออุปกรณ์ป้องกันตนเอง พร้อมทั้งให้ความรู้ในการระงับเหตุเบื้องต้นให้แก่ประชาชนในชุมชน/หมู่บ้าน7.จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ ยานพาหนะ และเครื่องมืออุปกรณ์ให้มีความพร้อมตลอดเวลา พร้อมทั้งติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์กรณีฉุกเฉินในการแจ้งเหตุระงับเหตุให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งนี้หากเกิดอัคคีภัย ในพื้นที่ให้รายงานกองอํานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทราบโดยทันที โทร. 056-476531#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
7/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ชัยนาท
สวท.ชัยนาท
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230307155241891
null
ความคืบหน้าเหตุไฟไหม้กองขยะเทศบาลตำบลท่าวุ้ง อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี ยังคงมีไฟระอุขึ้นมาอย่างต่อเนื่องทางเทศบาลใช้รถแม็คโคคุ้ยและใช้รถดับเพลิงเร่งฉีดน้ำและติดตั้งเครื่องสูบน้ำใส่บ่อภายในกองขยะเพื่อที่จะทำการดับไฟให้ได้คาดว่าจะใช้เวลา 5-6 วันจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
จากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้บ่อขยะเทศบาลตําบลท่าวุ้งพื้นที่กว่า 15 ไร่ ไฟได้ลุกลามไปเต็มพื้นที่รถดับเพลิงไม่สามารถเข้าไปดับไฟได้ทําให้มีกลุ่มควันสีดําพุ่งขึ้นเต็มท้องฟ้าส่งผลกระทบบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ตําบลหัวสําโรง ตําบลท่าวุ้ง ตําบลบ้านเบิก กว่า 200 หลังคาเรือน ในช่วงเช้าที่ผ่านมา (7 มี.ค.66 ) ทางเจ้าหน้าที่ยังคงเข้าดําเนินการดับไฟที่ไหม้กองขยะอย่างต่อเนื่องถึงแม้ไฟจะไหม้เต็มพื้นที่และควบคุมได้บางส่วนแต่ก็ยังมีไฟระอุลุกขึ้นมาเป็นจุดและยังคงมีกลุ่มควันจํานวนมากพัดเข้าหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง ทําให้มีประชาชนได้รับผลกระทบจากกลิ่นและกลุ่มควันเพิ่มมากขึ้น ด้าน พันจ่าอากาศเอกบุญ เลิศ พฤฒากรณ์ ปลัดเทศบาลตําบลท่าวุ้ง กล่าวว่า พื้นที่กองขยะของเทศบาลตําบลท่าวุ้ง มีพื้นที่จํานวน 15 ไร่ 2 งาน 80 ตรางวา ใช้วิธีบริหารจัดการ มีขยะเข้ามาจาก 8 หน่วยงานท้องถิ่นมาทิ้ง โดยมีค่าทิ้งตัน 350 บาท จะมีขยะเข้ามาทิ้งวันละ 20 ตัน ปัจจุบันมีเอกชนเข้ามารับซื้อไปใช้ประโยชน์ในราคา 30 บาทต่อตัน โดยมีสัญญา 16,000 ตันเศษต่อปี แต่ในปีนี้ยังไม่ทันได้มาขนออกไปก็มาเกิดเหตุไฟไหม้เสียก่อน ค่าเสียหายในเบื้องต้นประมาณ 4-5 แสนบาท ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าจะมีคนมาจุดไฟแล้วมีเปลวไฟปลิวเข้ามาลุกไหม้ซึ่งในการเข้ามาควบคุมเพลิงเส้นทางก็เข้าลําบากและมีปัญหาเรื่องกระแสลมแรงที่พัดหมุนเอากลุ่มควันจํานวนมาก เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าดําเนินการได้ทําให้ไฟไหม้ลุกลามไหม้เต็มพื้นที่ สําหรับ แนวทางในการแก้ไขปัญหาก็จะต้องนําบทเรียนนี้ไปศึกษาและวางมาตรการควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ซ้ํารอย เพื่อไม่ให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนหลังจากที่เกิดเหตุไฟไหม้ก็ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ประกาศเสียงตามสายและแจ้งไปยังผู้นําชุมชนให้ประชาชนทราบและป้องกันเรื่องผลกระทบกลิ่นและกลุ่มควัน ด้านนายพลวัฒน์ วงศ์ทองดี ปลัดฝ่ายความมั่นคงอําเภอท่าวุ้งกล่าวว่า ขณะนี้ทางอําเภอได้ลงมาตรวจสอบถึงสาเหตุการเกิดเหตุไฟไหม้กองขยะแล้ว โดยเบื้องต้นได้สั่งการให้ทางผู้นําชุมชนดําเนินการสํารวจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดเหตุไฟไหม้ของขยะของเทศบาลตําบลท่าวุ้งในครั้งนี้เพื่อที่จะรายงานขึ้นมาให้ทางอําเภอได้รับทราบและหากมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจนเป็นอันตรายต่อสุขภาพก็ให้รายงานขึ้นมาเพื่อที่จะหาทางให้ความช่วยเหลือในเรื่องของการดูแลรักษาและที่สําคัญ เน้นย้ําในเรื่องของการจุดไฟเผาขยะโดยให้เทศบาล อบต. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะสุ่มเสี่ยงให้ดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ํารอยอีก ข่าว : สํานักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
7/3/2023
ภาคกลางและปริมณฑล
ลพบุรี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230307170634927
null
ไฟป่าเทือกเขาบรรทัด จ.ตราด ยังไม่ดับ เจ้าหน้าที่ยังใช้วิธีการทางราบและทางอากาศ ควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด !
เฮลิคอปเตอร์ Seahawk ของกองทัพเรือ ทําการตักน้ําในอ่างเก็บน้ําบ้านทับทิมสยาม ม.7. ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ จ.ตราด เพื่อนําไปโปรยในพื้นที่ที่เกิดไฟป่าในเขตอุทยานแห่งชาติน้ําตกคลองแก้ว ซึ่งเกิดไฟป่าไปแล้ว 2,600 ไร่ และพื้นที่ดังกล่าวอยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีแนวทุ่นระเบิดฝังอยู่เป็นจํานวนมากความยากของการดับไฟป่าเทือกเขาบรรทัด จ.ตราด คือ เป็นเทือกเขาสลับ ความสูงชัน ไม่เท่ากัน และมีต้นไม้เยอะ การดับไฟโดย เฮลิคอปเตอร์ Seahawk ของทหารเรือ นักบินต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะจุดหัวไฟเป็นสันเขา มีควันไฟปกคลุมจนแทบมองไม่เห็นเมื่อ Seahawk บินเข้าใกล้ต้องทิ้งน้ําที่หัวไฟ และต้องชะลอไม่ให้เข้าในกลุ่มควัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดอันตรายกับผู้ปฏิบัติงาน เฮลิคอปเตอร์ Seahawk ทําการบินนําน้ําไปดับไฟป่าบนแนวเทือกเขาบรรทัด จนถึงปัจจุบัน รวมแล้ว 20 เที่ยว ช่วยให้หัวไฟที่จะลุกลามดับลงไปได้ขณะที่โดยรอบและชุมชนบ้านทับทิมสยาม มีควันไฟป่าปกคลุมทั่ว ซึ่งคุณภาพทางศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ จ.ตราด รายงานว่า ยังมีผลกระทบกับสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ แนะนําให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาพลเรือตรี เทอดเกียรติ จิตต์แก้ว รองผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เปิดเผยว่า ภาพรวมการแก้ปัญหาไฟป่าเทือกเขาบรรทัด ถือว่าเป็นไปตามแผน เพราะมีการใช้กําลังภาคพื้นร่วมดับไฟป่า ด้วยการทําแนวกันไฟและเผากลับเพื่อไม่ให้หัวไฟลามเข้าชุมชน และยังกําชับให้เจ้าหน้าที่ และนักบินใช้ความระมัดระวังในการดับไฟป่า เนื่องจากจุดเกิดไฟป่าเป็นสันเขาสูงชัน กลุ่มควันปกคลุมทั่วบริเวณ ทัศนวิสัยน์ มองเห็นไม่ชัด#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
7/3/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สวท.ตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230307171912934
null
รอง ผบ.กปช.จต. ติดตามปฏิบัติการดับไฟป่าชายแดนตราด
เฮลิคอปเตอร์ Seahawk ของกองทัพเรือ ทําการตักน้ําในอ่างเก็บน้ําบ้านทับทิมสยาม ม.7 ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ จ.ตราด เพื่อนําไปโปรยในพื้นที่ที่เกิดไฟป่าในเขตอุทยานแห่งชาติน้ําตกคลองแก้ว ซึ่งเกิดไฟป่าไปแล้ว 2,600 ไร่ และพื้นที่ดังกล่าวอยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีแนวทุ่นระเบิดฝังอยู่เป็นจํานวนมากความยากของการดับไฟป่าเทือกเขาบรรทัด จังหวัดตราด คือ เป็นเทือกเขาสลับ ความสูงชันไม่เท่ากัน และมีต้นไม้เยอะ การดับไฟโดย เฮลิคอปเตอร์ Seahawk ของ ทร. นักบินต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะจุดหัวไฟเป็นสันเขามีควันไฟปกคลุมจนแทบมองไม่เห็น เมื่อ Seahawk บินเข้าใกล้ต้องทิ้งน้ําที่หัวไฟ และต้องชะลอไม่ให้เข้าในกลุ่มควัน ไม่เช่นนั้นจะเกิดอันตรายกับผู้ปฏิบัติงานเฮลิคอปเตอร์ Seahawk ทําการบินนําน้ําไปดับไฟป่าบนแนวเทือกเขาบรรทัด จนถึงปัจจุบัน รวมแล้ว 20 เที่ยว ช่วยให้หัวไฟที่จะลุกลามดับลงไปได้ ขณะที่โดยรอบและชุมชนบ้านทับทิมสยามมีควันไฟป่าปกคลุมทั่ว ซึ่งคุณภาพทางศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ฯ จังหวัดตราด รายงานว่า ยังมีผลกระทบกับสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ แนะนําให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาพลเรือตรี เทอดเกียรติ จิตต์แก้ว รองผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เปิดเผยว่า ภาพรวมการแก้ปัญหาไฟป่าเทือกเขาบรรทัด ถือว่าเป็นไปตามแผน เพราะมีการใช้กําลังภาคพื้นร่วมดับไฟป่า ด้วยการทําแนวกันไฟและเผากลับเพื่อไม่ให้หัวไฟลามเข้าชุมชน และยังกําชับให้เจ้าหน้าที่ และนักบิน ใช้ความระมัดระวังในการดับไฟป่า เนื่องจากจุดเกิดไฟป่าเป็นสันเขาสูงชัน กลุ่มควันปกคลุมทั่วบริเวณ ทัศนวิสัยมองเห็นไม่ชัด#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
7/3/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230307180757948
null
รองผู้ว่าฯ ปัตตานี ประชุมชี้แจงซักซ้อมความเข้าใจในแนวทางการปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565
วันนี้ (7 มีนาคม 2566) ที่ ห้องประชุมพญาตานี ชั้น 4 ศาลากลางจังหวัดปัตตานี นายสนั่น สนธิเมือง รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานประชุมชี้แจงซักซ้อมความเข้าใจในแนวทางการปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 มีหัวหน้าส่วนราชการ อําเภอ เจ้าหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมฯกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2566 เห็นชอบและอนุมัติให้จ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 เพิ่มเติม สําหรับกรณีพื้นที่ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.2565 - 31 ม.ค.2566 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัด 15 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร ตรัง นครปฐม นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ปัตตานี พัทลุง ยะลา ระนอง สงขลา สตูล สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี และจังหวัดอ่างทอง ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือเช่นเดียวกันกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2565 ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2565 โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสํารวจหรือผู้ประสบภัย ยื่นคําร้องขอรับความช่วยเหลือภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ ครม.มีมติอนุมัติ (29 มี.ค.2566) และให้กระทรวงมหาดไทย ร่วมกับธนาคารออมสินเร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ (28 เม.ย.2566)รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า การประชุมฯ ครั้งนี้ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจและแนวทางการปฏิบัติงานเพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2565 ตามมติ ครม. ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.2565 - 31 ม.ค.2566 สรุปภาพรวม 12 อําเภอของ จ.ปัตตานี กรณีน้ําท่วมขังตั้งแต่ 1 วัน แต่ไม่เกิน 7 วัน หรือ เกินกว่า 7 วัน แต่ไม่เกิน 30 วัน 68,076 ครัวเรือน และน้ําท่วมขังเกิน 30 วัน ถึง 60 วัน 482 ครัวเรือน รวมทั้งสิ้น 68,558 ครัวเรือน และขอให้อําเภอ แต่งตั้งคณะทํางานฯ รับผิดชอบ จังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ติดตามการขับเคลื่อนงานดังกล่าว เพื่ออํานวยความสะดวกให้บริการประชาชน และเพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามระยะเวลาที่กําหนด #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
7/3/2023
ภาคใต้
ปัตตานี
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดปัตตานี
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230307230517990
null
ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย รุดเยี่ยมให้กำลังใจ ผู้ประสบเพลิงไหม้บ้านวอดไป 5 หลัง อ.วังสะพุง จ.เลย
จากเหตุเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจร เพลิงไหม้บ้านวอดไป 5 หลัง จุดเกิดเหตุภายในหมู่บ้านโพนทอง ต.ทรายขาว ในเขตท้องที่ สภ .วังสะพุง ในช่วงเวลา 03.00 น. สถานการณ์เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงได้รอรายงานทรัพย์สินเสียหาย นายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย พร้อมด้วย นางวราภรณ์ เสริมภักดีกุล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเลย/ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเลย นางสาวกานต์สิรี เรณุมาศ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเลย นางเตือนใจ บุตรคุณ รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดเลย ผู้ช่วยนายกเหล่ากาชาด ที่ปรึกษาเหล่ากาชาด กรรมการเหล่ากาชาด ร่วมกับ นายปรเมศวร์ ยศปัญญา หัวหน้าสํานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเลย นางบุญรดา ทัพมงคล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเลย นายประชา แสนกลาง นายอําเภอวังสะพุง สภ.วังสะพุง แม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเลย และผู้นําท้องถิ่น ลงพื้นที่ให้กําลังใจผู้ประสบอัคคีภัย เกิดเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนลุกลามหลายหลัง ในพื้นที่บ้านโพนทอง หมู่ 9 ต.ทรายขาว อ.วังสะพุง จ.เลย ในวันที่ 7 มีนาคม 2566 เวลา 11.00 น. จํานวน 5 ราย ดังต่อไปนี้1. นางสวย ผุยขันธ์ อยู่บ้านเลขที่ 362. นายพวย กิ่งก้าน อยู่บ้านเลขที่ 373. นางถาวร โสภามี อยู่บ้านเลขที่ 384. นานจีระศักดิ์ จันทะสิงห์ อยู่บ้านเลขที่ 395. นายวันชัย จันทะสิงห์ อยู่บ้านเลขที่ 40ผู้ว่าราชการจังหวัดเลยและเหล่ากาชาดจังหวัดเลย มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้น และสิ่งของที่จําเป็น ให้กับผู้ประสบอัคคีภัยทั้ง 5 รายดังกล่าวรวมจํานวนสิ้น 45,000 บาท พร้อมถุงอุปโภคบริโภค ที่นอน หมอน มุ้ง ผ้าขนหนู และ พมจ.เลย มอบเงินสงเคราะห์ รายละ 3,000 บาท อีกทั้งให้กําลังใจและประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือ และเน้นย้ําประชาสัมพันธ์การดูแลความปลอดภัยเตือนภัยเรื่องการเหตุไฟไหม้#สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
8/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เลย
สวท.เลย
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230308104134064
null
สถานการณ์ไฟป่า บนแนวเทือกเขาบรรทัด จังหวัดตราด ยังคงพบกลุ่มไฟป่าใน 3 จุด
(8 มี.ค. 66) นายชํานาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด มอบหมายให้ นายพีระ เอี่ยมสุนทร ปลัดจังหวัดตราด เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในการติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไฟป่า บนแนวเทือกเขาบรรทัด ด้านตําบลด่านชุมพล และตําบลนนทรีย์ อําเภอบ่อไร่ จังหวัดตราด โดยมีคณะกรรมการศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดตราด หน.ชค.ทพ.นย.1 , ชุด EOD, ปภ.จ.ตราด, สถานีอุตุนิยมวิทยาตราด , กรมป่าไม้ตราด, อุทยานแห่งชาติน้ําตกคลองแก้ว ปลัดอําเภอบ่อไร่, นายกองค์การบริหารส่วนตําบลนนทรีย์ เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตําบลด่านชุมพล รพ.สต.บ้านทับทิมสยาม 01 และผู้ใหญ่บ้าน เข้าร่วมที่อาคารศูนย์เรียนรู้กองทุนแม่ของแผ่นดิน (ศาลาแดง) หมู่ที่ 7 บ้านทับทิมสยาม 01 ตําบลด่านชุมพล อําเภอบ่อไร่สําหรับการดําเนินการแก้ไขปัญหาไฟป่า หลังจากที่จังหวัดตราดได้รับการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ Sea Hawk (ฮ.ปด.1) สังกัดฝูงบิน 2 หน่วยบิน เรือหลวงจักรีนฤเบศ กองทัพเรือ ในการปฏิบัติการดับไฟป่า โดยตักน้ําในอ่างเก็บน้ําบ้านทับทิมสยาม ม.7 ต.ด่านชุมพล อ.บ่อไร่ จ.ตราด เพื่อนําไปโปรยในพื้นที่ที่เกิดไฟป่า ยังคงพบอุปสรรค เนื่องจากจุดเกิดไฟป่าเป็นสันเขาสูงชัน กลุ่มควันปกคลุมทั่วบริเวณ ทัศนวิสัย มองเห็นไม่ชัด แต่ยังคงปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเช้าของวันนี้มีการดําเนินการรวม 5 เที่ยว อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังมีพบกลุ่มไฟป่า 3 จุด คือ กลุ่มไฟป่าชายขอบบ้านมะม่วง ตําบลนนทรีย์ กลุ่มที่สองบริเวณเขตป่าบ้านคลองแสง ตําบลด่านชุมพล และกลุ่มที่ 3 บริเวณเนินกระดูกช้าง ในตําบลด่านชุมพล ทั้งนี้ยังได้มีการสนธิกําลังเร่งสร้างแนวกันไฟตลอดแนวช่วงบ้านคลองแสง เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟป่าลุกลามเข้าสู่พื้นที่เกษตรกรรมของประชาชน อย่างไรก็ตามในภาพรวมสถานการณ์ไฟป่าเริ่มลดระดับความรุนแรงลงเมื่อเทียบกับช่วงที่เริ่มเกิดสถานการณ์ #สํานักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
8/3/2023
ภาคตะวันออก
ตราด
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดตราด
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230308164625252
null
เทศบาลเมืองเบตง จัดการประชุมคณะกรรมการจัดทำผังภูมิสังคมเพื่อการบริหารจัดการน้ำหมู่บ้านชุมชน แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน (Geo – social Map) เพื่อให้เกิดการพัฒนาและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งให้กับพื้นที่ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตทุกมิติ
วันที่ 9 มีนาคม 2566 ที่ศาลาภิรมย์ทัศน์เทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง จ.ยะลา นายสมศักดิ์ พรหมจันทร์ ผู้อํานวยการกองช่างเทศบาลเมืองเบตง เป็นประธานเปิดการประชุมคณะกรรมการจัดทําผังภูมิสังคมเพื่อการบริหารจัดการน้ําหมู่บ้าน/ชุมชน แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน (Geo – social Map) ระดับอําเภอ คณะทํางานฯ ระดับตําบล และคณะทํางานฯ ระดับหมู่บ้าน เพื่อชี้แจงและให้ความรู้การจัดทําผังภูมิสังคม เพื่อการบริหารจัดการน้ําหมู่บ้าน/ชุมชน แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน (Geo – social Map) ในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองเบตง โดยดําเนินการแก้ไขปัญหาน้ําท่วมและน้ําแล้ง และจัดทําแผนปฏิบัติงาน (Action Plan) ดําเนินการให้แล้วเสร็จก่อนฤดูฝนปีหน้าช่วงเดือนพฤษภาคม โดยจัดทําผังภูมิสังคม (Geo-social Map) และเน้นย้ําให้มีการนําแผนไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้เกิดการพัฒนาและแก้ไขปัญหาน้ําท่วม น้ําแล้งให้กับพื้นที่ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตทุกมิติ โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ประธานชุมชนทั้ง 28 ชุมชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมนายสมศักดิ์ พรหมจันทร์ ผู้อํานวยการกองช่างเทศบาลเมืองเบตง กล่าวว่า การจัดทํา ผังภูมิสังคมเพื่อการบริหารจัดการน้ําหมู่บ้าน/ชุมชน แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน (Geo-social Map) และนําข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์และวางแผนปฏิบัติงานตามกรอบภารกิจของแต่ละหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อนําข้อมูลจากผังภูมิสังคมเพื่อการบริหารจัดการน้ําหมู่บ้าน/ชุมชน แบบบูรณาการอย่างยั่งยืน (Geo-social Map) ไปใช้ในการวางแผนขับเคลื่อนงานด้านการบําบัดทุกข์ บํารุงสุขให้กับประชาชนในพื้นที่ ให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดี และพัฒนาเครือข่ายการทํางานแบบบูรณาการของผู้แทนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับผู้นําชุมชน ประชาชน และ 7 ภาคีเครือข่าย รวมทั้งภาคีความร่วมมือต่างๆ ในพื้นที่หมู่บ้าน/ชุมชน/ตําบลผู้อํานวยการกองช่างเทศบาลเมืองเบตง กล่าวอีกว่า ซึ่งการดําเนินงานดังกล่าว จะส่งผลให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามมิติการพัฒนา ทั้ง 5 มิติ ทั้งมิติด้านสุขภาพ ได้แก่ การมีอาหารถูกสุขลักษณะ และการเกษตรปลอดสารพิษ มิติด้านความเป็นอยู่ ได้แก่ ความมั่นคงในที่อยู่อาศัยลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติที่สอดคล้องกับสภาพภูมิสังคม มีน้ําใช้ น้ําสะอาดสําหรับดื่มและบริโภค มิติด้านการศึกษา ได้แก่ การพัฒนาคนทุกช่วงวัย ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มิติด้านรายได้ ได้แก่ การมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการมีน้ํา และที่ดินสําหรับประกอบอาชีพ และมิติการเข้าถึงบริการภาครัฐ ได้แก่ กลุ่มเปราะบางได้รับการดูแลจากรัฐ ชุมชน และท้องถิ่น ซึ่งจะทําให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเป็นรูปธรรม มีรากฐานการดํารงชีวิต และพัฒนาสู่อนาคต ได้อย่างมั่นคง และสมดุลตามวิสัยทัศน์ประเทศไทยในยุทธศาสตร์ซาติ "ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้วด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
9/3/2023
ภาคใต้
ยะลา
สวท.เบตง จ.ยะลา
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230309154512586
null
จ.สุรินทร์ จัดกิจกรรมจิตอาสาต้านภัยแล้ง และพัฒนาทำความสะอาดปรับภูมิทัศน์ บริเวณห้วยสิงห์ อำเภอสังขะ
วันที่ 10 มีนาคม 2566 เวลา 09:30 น. ณ บริเวณห้วยสิงห์ ตําบลตาตุม อําเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ นายสันติ โอฆะพนม นายอําเภอสังขะ มอบหมายให้นายพัฒนา พึ่งผล ปลัดอาวุโสอําเภอสังขะ เป็นประธานเปิดงานกิจกรรมจิตอาสาต้านภัยแล้งและพัฒนาทําความสะอาดปรับปรุงภูมิทัศน์พื้นที่ห้วยสิงห์ เนื่องในโอกาสวันที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ผู้บริหารสถานศึกษาในตําบลตาตุม นายกองค์การบริหารส่วนตําบลตาตุม และประชาชนจิตอาสาพระราชทานในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมโดยได้นําจิตอาสาพระราชทาน ส่วน ราชการ เอกชน และประชาชน กล่าวสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมกล่าวคําปฏิญาณตน เราทําความดีด้วยหัวใจ จากนั้นได้ร่วมกันทํากิจกรรมเพื่อบําเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม ที่บริเวณห้วยสิงห์ ด้วยการกําจัดวัชพืชผักกระเฉด บริเวณห้วยให้สะอาดเป็นแหล่งอาศัยของพันธุ์ปลาและเปิดช่องทางน้ําคืนความสดใสให้กับแม่น้ําลําคลอง#สํานักข่าว #กรมประชาสัมพันธ์ #NNT #ILOVETHAILAND
10/3/2023
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
สุรินทร์
สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสุรินทร์
https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230310120309890
null